title
stringlengths 8
870
| text
stringlengths 0
298k
| __index_level_0__
int64 0
54.3k
|
---|---|---|
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2558
------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกรายชื่อวัตถุอันตรายในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 บัญชี 1 ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ บัญชี 1.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 69 คลอโรฟีนอล (chlorophenol)
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกรายการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556ดังต่อไปนี้ โดยให้ใช้รายการตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
2.1 บัญชี 1 ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ บัญชี 1.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 195 ไดโครโตฟอส (dicrotophos) และลําดับที่ 639 อีพีเอ็น (EPN) หรือ ออร์โท-เอทิล ออร์โท-4-ไนโตรฟินิลฟีนิลฟอสโฟโนไทโอเอต (O-ethyl O-4-nitrophenyl phenylphosphonathioate)
2.2 บัญชี 1 ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ บัญชี 1.2 รายชื่อกลุ่มสารควบคุม ลําดับที่ 1 คลอโรฟีนอล (chlorophenol)
2.3 บัญชี 4. ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 164 เมโทมิล (methomy) และลําดับที่ 194. อีพีเอ็น (LPN) หรือ เอทิล พารา-ไนโตรฟีนิล ฟีนิลฟอสโฟโรไทโอเอต (ethyl p-nitrophenyl phenylphosphorothicate)
2.4. บัญชี 5. ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 78 คลอโรโซมาน : โอ-พินาโดลิด เมทิลฟอสโฟโนคลอริเดต (chlorosoman : O-Pinacolyt methylphosphonochloridate) ลําดับที่ 81 คลอโรพิคริน : ไตรคลอโรไนโตรมีเทน (Chloropicrin : Trichloronitromethane) ลําดับที่ 148 โซเดียมเตตระบอเรตเพนตะไอเดรต (Sodium tetraborate pentahydrate) ลําดับที่ 159 ไชยาโนเจนคลอไรด์ (Cyanogen chloride) ลําดับที่ 242 บีแซด : 3 ควินิวคลินิลเบนซิเลต (BZ 3-quinuclidinyl benzilate) ลําดับที่ 256 ฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) หรือเมทานัล (methanal) ลําดับที่ 298 ฟอสจีน (phosgene) หรือคาร์บอนิลคลอไรด์ (carbonyl chloride) ลําดับที่ 306 ฟีนอล (phenol) และลําดับที่ 484 ไอโดรเจนไซยาไนด์ (hydrogen cyanide)
2.5 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบลําดับที่ 7 ไวต์ออยล์ (white oil) หรือรีไฟน์ปิโตรเลียมออยล์ (refined petroleum oil)
2.6 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.5 กลุ่มอาวุธเคมี ลําดับที่ 5 อะมิทอน : โอ โอ-ไดเอทิล เอส-2-(ไดเอทิลอะมิโน) เอทิล ฟอสโฟโรไทโอเลตและเกลือ ของสารที่ถูกอัลคิลเลตและโปรโตเนต famiton : 0, 0-Diethyl S-[2-4(diethylamino) ethyl phophorothiolate and corresponding alkylated or protonated salts}
ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมรายชื่อวัตถุอันตรายตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายบัญชี 5 ที่กรมโรงงาน อุตสาหกรรมรับผิดชอบแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 สําหรับวัตถุอันตราย ดังนี้
3.1 บัญชี 51 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 487 ไดฟีนิลมีเทน-4,4 ไดไอโซไซยาเนต (ซึ่งมีไอโซเมอร์อื่นผสมอยู่ด้วย) (diphenylmethane-4,4-disocyanate (with mixed isomers)) และลําดับที่ 488 โพลีเมอริคไดฟีนิลมีเทนใดไอโซไซยาเนต (polymeric diphenylmethane diisocyanate)
3.2 บัญชี 5.4 กลุ่มสารอื่น ๆ ลําดับที่ 9 กลุ่มสารไอโซไซยาเนต หรือสารผสม(isocyanate mixed isomers or mixture) และลําดับที่ 10 เรซิน (resin)
3.3 บัญชี 5.5 กลุ่มอาวุธเคมี ลําดับที่ 13 ซัลเฟอร์มัสตาร์ด (Sulfur mustards) ลําดับที่ 14 ลิวิไซด์ (levisites) และลําดับที่ 15 ไนโตรเจนมัสตาร์ด (nitrogen mustards)
ข้อ ๔ ให้เพิ่มเติมบัญชี 5.6 กลุ่มสารควบคุมตามคุณสมบัติ แนบท้ายประกาศฉบับนี้ ในบัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ ของบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ข้อ ๕ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ตามประกาศฉบับนี้ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ แจ้งการดําเนินการสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือยื่นคําขออนุญาตสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ภายใน กําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และถ้าวัตถุอันตรายใดจะต้องขึ้นทะเบียน ก็ให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนภายในกําหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามประกาศ ฉบับนี้ ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558
จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,649 |
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2559
---------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกรายการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556ดังต่อไปนี้ โดยให้ใช้รายการตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
1.1 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 3 1,1,2 ไตรคลอโรอีเทน (1,1,2-trichloroethane) และลําดับที่ 157 เมทานอล (methanol) หรือ เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol)
1.2 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.3 รายชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ควบคุม ลําดับที่ 5 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ ในการลบหรือแก้คําผิดหรือเพื่อละลายสารเคมีที่ใช้ลบหรือแก้คําผิด หรือซักแห้งผ้า หรือสิ่งทออื่น ๆ
1.3 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.4 กลุ่มสารอื่น ๆ ลําดับที่ 6 สารกลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (hydrofluorocarbons)
ข้อ ๒ ให้เพิ่มเติมรายชื่อวัตถุอันตรายตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558 สําหรับ วัตถุอันตราย ดังต่อไปนี้
2.1 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 225 ฟอร์มัลดีไฮด์ (formaldehyde) หรือ เมทานัล (methanal)
2.2 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 489 ครีชอล (cresol) หรือ เมทิลฟีนอล (methyl phenol) ลําดับที่ 490 เอชเอฟซี 245อีบี (HFC-24eb) ลําดับที่ 49ผ1 เอชเอฟซี-338เอ็มซีซี (HFC-338mcc) ลําดับที่ 492 เอชเอฟซี-388เอ็มอี (HC-338mee) ลําดับที่ 493 เอเอฟซี -356อฟเอฟเอ (HFC-356ffa) ลําดับที่ 494 เอ เอฟโอ-1234 วายเอฟ (HFO-1234yf) ลําดับที่ 495 เอชเอฟโอ-1234แดดอี (HFO-1234ze) และลําดับที่ 496 เอเอฟโอ-1336เอ็มแชตแซด-แซด (HFO-1336mzz-Z)
ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ตามประกาศฉบับนี้ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ แจ้งการดําเนินการ สําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือยื่นคําขออนุญาตสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ภายในกําหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และถ้าวัตถุอันตรายใดจะต้องขึ้นทะเบียน ก็ให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียน ภายในกําหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามประกาศฉบับนี้ ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกําหนด หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559
อรรชกา สีบุญเรือง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,650 |
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2560 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4)
พ.ศ. 2560
---------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการ วัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกรายชื่อวัตถุอันตราย ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 159 เมทานอล (methanol) หรือเมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol)
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกรายการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ดังต่อไปนี้ โดยให้ใช้รายการตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
2.1 บัญชี 1 ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ บัญชี 1.2 รายชื่อกลุ่มสารควบคุม ลําดับที่ 7 สารประกอบปรอท (mercury compounds) และลําดับที่ 9 สารสําคัญ จุลชีพ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสําคัญ หรือจุลชีพ ที่ทําขึ้นเพื่อใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งรวมถึงการกระตุ้น การยับยั้ง การชะลอการเจริญเติบโตของพืช เช่น การควบคุมการออกดอกติดผล เปลี่ยนสี ออกราก เป็นต้น
2.2 บัญชี 4. ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.3 รายชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ควบคุม ลําดับที่ 2 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อ ประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่น และลําดับที่ 3 ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขเพื่อประโยชน์แก่การฆ่าเชื้อโรค ทําความสะอาดพื้น ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์ และวัสดุอื่น ๆ หรือการแก้ไขการอุดตันของท่อหรือทางระบายสิ่งปฏิกูล
ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมรายชื่อวัตถุอันตรายตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย บัญชี 5 ที่กรมโรงงาน อุตสาหกรรมรับผิดชอบแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมครั้งสุดท้ายโดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2559 สําหรับวัตถุอันตราย ดังต่อไปนี้
3.1 บัญชี 5.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 497 1,4-ไดเมทิลแนฟทาลีน (1,4-dimethylnaphthalene) ลําดับที่ 498 1-ฟีนิล-2-ไนโตรโพรพีน (1-phenyl-2-nitropropene)ลําดับที่ 499 2,2’,3,3’,4,4’,5’,6-เฮปตะโปรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีอี-175) 2,2’,3,3’,4,5’,6 heptabromodiphenyl ether (BDE-175) ลําดับที่ 500 2,2,3,4,4,5,6-เฮปตะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีอี-183) 2,2,3,4,4,5,6-heptabromodiphenyl ether (BDE-175) ลําดับที่ 500 2,2’,4,4’,5’,6 เฮปตะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีดีอี-183) 2,2’,4, 4’,5’,6-heptabromadiphenyl ether (BDE-175) ลําดับที่ 500 2,2’,4, 4’,5’,6-เฮปตะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บี อี-183) 2,2’,4, 4’,5’,6-heptabromadiphenyl ether (BDE-183)ลําดับที่ 501 2,2’,4, 4’,5’,6-เฮปตะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีอีดี-47) 2,2’,4, 4’-tetrabromodiphenyl ether (BDE-47)ลําดับที่ 502 2,2’,4, 4’,5-เพนตะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บี อี-99) 2,2’,4, 4’,5-pentabromadiphenyl ether (BDE-99) ลําดับที่ 503 2,2’,4, 4’,5,5’-เฮกซะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีดีอี-153) 2,2’,4, 4’,5,5’-hexabromodipheny ether (BDE-153) ลําดับที่ 504 2,2’,4, 4’,5’,6-เฮกซะโบรโมไดฟีนิลอีเทอร์ (บีดีอี-154) 2,2,4,4,5,6-hexabromodiphenyl ether (BDE-154) ลําดับที่ 505 กรดเปอร์ฟลูออโรออกเทน ซัลโฟนิก (perfluorooctane sulfonic acid) ลําดับที่ 506 ไซเลน (silane) ลําดับที่ 507 ไดดีซิลไดเมทิลแอมโมเนียมเปอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟเนต (didecyldimethyl ammonium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 508 ไดเอทานอลแอมโมเนียมเปอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟเนต (diethanolammonium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 509 เตตระเอทิลแอมโมเนียม เปอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟเนต (tetraethylammonium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 510 เปอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟนิลฟลูออไรด์ (perfluorooctane sulfonyl fluoride) ลําดับที่ 511 โพแทสเซียมเปอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟเนต (potassium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 512 เมอร์คิวรี (I) คลอไรด์ [mercury (I) chloride] ลําดับที่ 513 เมอร์คิวรี (II) ซัลเฟต [mercury (I) sulfate] ลําดับที่ 514 เมอร์คิวรี (II) ไนเตรต [mercury (II) nitratel] ลําดับที่ 515 ลิเทียมเปอร์ ฟลูออโรออกเทนซัลโฟเนต (lithium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 516 ออกตะโบร โมไดฟีนิลอีเทอร์ (octabromodiphenyl ether) ลําดับที่ 517 แอมโมเนียมเปอร์ฟลูออโรออกเทน ซัลโฟเนต (ammonium perfluorooctane sulfonate) ลําดับที่ 518 ไอโซโพรพิล เอ็น-3-คลอโรฟีนิล) คาร์บาเมต [isopropyl N-3-chlorophenyl) carbamate] หรือ คลอร์ไพรแฟม (chlorpropham)
3.2 บัญชี 5.4. กลุ่มสารอื่น ๆ ลําดับที่ 11 สารประกอบปรอท (mercurycompounds)
ข้อ ๔ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามประกาศฉบับนี้ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ยื่นคําขออนุญาตสําหรับ วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และวัตถุอันตรายใด จะต้องขึ้นทะเบียน ก็ให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนภายในกําหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,651 |
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2562 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 5)
พ.ศ. 2562
----------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการ วัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกรายการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ดังต่อไปนี้ โดยให้ใช้รายการตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
1.1 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 24 คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos) และลําดับที่ 25 คลอร์ไพริฟอส-เมทิล (chlorpyrifos-methyl)
1.2 บัญชี 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.2 รายชื่อกลุ่มสารควบคุม ลําดับที่ 15 สารลดแรงตึงผิวชนิดที่มีทั้งประจุบวกและประจุลบ (amphoteri surfactants)
1.3 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.1 รายชื่อ สารควบคุม ลําดับที่ 60 กรดเมทอกอะซีติก (methoxyacetic acid) หรือ กรด-2-เมทอกอะซีติก (2-methoxyacetic acid) หรือ เมทิลอีเทอร์ (methyl ether) และลําดับที่ 477 เฮกจะคลอโรเบนซีน (hexachlorobenzene)
ข้อ ๒ ให้เพิ่มเติมรายชื่อวัตถุอันตรายตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมครั้งสุดท้ายโดยประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 สําหรับวัตถุอันตราย ดังต่อไปนี้
2.1 บัญชี 4. ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 226 กรดซิตริก (โมโนไฮเดรต) [citric acid (anhydrous)] (monohydrate) ลําดับที่ 227 กรดซิตริก (แอนไฮดรัส) [citric acid (anhydrous)] ลําดับที่ 228 กรด ดี(-) แลกติก (D-) lactic acid) ลําดับที่ 229 กรด ดีแอล-แลกติก (DL-lactic acid) หรือ กรดราซีมิกแลกติก (racemic lactic acid) และ ลําดับที 230 กรด แอล(+) แลกติก (L(+) lactic acid)
2.2 บัญชี 4. ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ บัญชี 4.2 รายชื่อกลุ่มสารควบคุม ลําดับที่ 29 สารกลุ่มเอมินออกไซด์ (amine oxides)
2.3 บัญชี 5 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ บัญชี 5.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 519 เดคะโบรโมไดฟีนิล อีเทอร์ (Decabromodiphenyl ether) ลําดับที่ 520 คลอโรอัลเคน,C6-C18 (chloroalkanes, C6-C18) ลําดับที่ 521 คลอโรอัลเคน,C10-C12 (chloroalkanes,C10-C12) ลําดับ ที่522 คลอโรอัลเคน,C12-C13 (chloroalkanes,C10-13) ลําดับ 523 คลอโรอัลเคน, C10-C14) ลําดับที่ 524 คลอโรอัลเคน,C12-C13 (chloroalkanes,C12-C13) และลําดับที่ 525 คลอโรอัลเคน C12-14 (chloroalkanes,C12-C14)
ข้อ ๓ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือ ชนิดที่ 3 ตามประกาศฉบับนี้ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ แจ้งการ ดําเนินการสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือยื่นคําขออนุญาตสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ภายใน กําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และวัตถุอันตรายใดจะต้องขึ้นทะเบียน ก็ให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนภายในกําหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามประกาศฉบับนี้ ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกําหนด หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,652 |
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6)
พ.ศ. 2563
----------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสอง และมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกรายการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ในบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ดังต่อไปนี้ โดยให้ใช้รายการตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
บัญชี 1 ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ บัญชี 1.1 รายชื่อสารควบคุม ลําดับที่ 53 คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos) ลําดับที่ 54 คลอร์ไพริฟอส-เมทิล (chlorpyrifos-methyl) ลําดับที่ 352 พาราควอต (paraquat) ลําดับที่ 353 พาราควอตไดคลอไรด์ (paraquat dichloride) และ ลําดับที่ 354 พาราควอตไดคลอไรด์ [บิส (เมทิลซัลเฟต)] {paraquat dichloride [bis (methyl sulfate)]}
ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามประกาศฉบับนี้ ที่ได้ดําเนินการอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฏิบัติตามคําสั่งของ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กําหนด
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,653 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสำคัญ และการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียน
วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
พ.ศ. 2552
----------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (1) และ (4) มาตรา 36 วรรคสาม และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัด สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการ วัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่ใช้ ทางการสาธารณสุขที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2538
ข้อ ๒ วัตถุอันตรายในประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วย เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง ซึ่งอยู่นอกรายชื่อของประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรมที่ออกตามความในมาตรา 36 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๓ ผู้ใดประสงค์จะผลิตหรือนําเข้าซึ่งวัตถุอันตรายให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ตามแบบ วอ.สธ 1 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานที่ระบุในแบบดังกล่าว ทั้งนี้ รายการ ข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้เป็นไปตามที่สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยากําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๔ การยื่นคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา หรือหน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากําหนด
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณารายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานตามข้อ 3 แล้ว ถ้าเห็นควร ให้ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตาม แบบ วอ/สธ 2 ท้ายประกาศนี้ ให้แก่ผู้ขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย โดยให้มีอายุใช้ได้จนถึงวันสิ้นปี ปฏิทินแห่งปีที่หกนับแต่ปีที่ออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ข้อ ๕ ในกรณีที่จําเป็นต้องผลิตหรือนําเข้าซึ่งตัวอย่างวัตถุอันตรายที่จะขอขึ้นทะเบียนวัตถุ อันตราย หรือต้องนําเข้ามาซึ่งวัตถุอันตรายอย่างอื่นเพื่อใช้ในการผลิตวัตถุอันตรายที่จะขอขึ้นทะเบียน วัตถุอันตราย ให้ผู้ขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายยื่นคําขออนุญาตผลิตหรือนําเข้าซึ่งตัวอย่างวัตถุอันตราย ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบ วอ./สธ 8 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานที่ระบุในแบบ ดังกล่าว
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณารายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้าเห็นควรอนุญาต ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตผลิตตัวอย่างวัตถุอันตรายตามแบบ วอ.สธ 4 หรือ ใบอนุญาตนําเข้าตัวอย่างวัตถุอันตรายตามแบบ วอ./สธ 10 ท้ายประกาศนี้ ให้แก่ผู้ขอขึ้นทะเบียน วัตถุอันตราย
ให้ผู้ได้รับอนุญาตตามวรรคสอง ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งตัวอย่าง วัตถุอันตรายนั้น
ข้อ ๖ ตัวอย่างวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือนําเข้าตามข้อ 5 ต้องแสดงฉลาก ไว้ที่หีบห่อบรรจุหรือภาชนะบรรจุ ซึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
(1) ชื่อทางการค้าของผลิตภัณฑ์ (ถ้ามี)
(2) ชื่อสามัญตามระบบ ISO (ถ้ามี) หรือชื่อสามัญในระบบอื่น ๆ
(3) ชื่อวิทยาศาสตร์ของวัตถุอันตรายและ CAS No. (ถ้ามี) ในกรณีที่เป็นสารเคมีให้ระบุชื่อ ทางเคมีตามระบบ IUPAC หรืออื่น ๆ
(4) อัตราส่วนผสมของวัตถุอันตราย
(5) ผู้ผลิตและแหล่งผลิต
(6) ข้อความ “ตัวอย่างวัตถุอันตรายเพื่อการขอขึ้นทะเบียน
(7) คําเตือน
(8) ขนาดบรรจุ
ทั้งนี้ กรณีนําเข้าต้องแสดงฉลากไว้ที่หีบห่อบรรจุหรือภาชนะบรรจุ ก่อนนําออกจาก ด่านศุลกากร
ข้อ ๗ ผู้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายผู้ใดประสงค์จะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง รายการในใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย หรือรายการอื่นในการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้ยื่นคําขอตามแบบ วอ./สธ 5 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานที่ระบุในแบบดังกล่าว ต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือหน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากําหนด
ในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการที่เกี่ยวข้องกับคุณประโยชน์ ประสิทธิภาพหรืออัตรา การใช้ใด ๆ ให้ผู้ยื่นคําขอดําเนินการทดสอบหรือยื่นข้อมูลสนับสนุนการกล่าวอ้างนั้นด้วย
การอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้บันทึก รายการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไว้ในใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ทั้งนี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อทางการค้า ชื่อและปริมาณวัตถุอันตราย (สารสําคัญ) และลักษณะของวัตถุอันตรายจะกระทํามิได้
การอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการอื่นในการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ได้แก่ ส่วนประกอบที่ไม่ใช่สารสําคัญ ขนาดบรรจุ ชนิด ลักษณะหีบห่อบรรจุหรือภาชนะบรรจุ หรือฉลาก ให้ออกเป็นหนังสืออนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง
ข้อ ๘ การขอต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้ผู้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียน วัตถุอันตรายยื่นคําขอต่ออายุตามแบบ วอ. สธ ) ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานที่ระบุใน แบบดังกล่าว ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือหน่วยงาน ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากําหนดภายในเก้าสิบวันก่อนที่ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุ อันตรายสิ้นอายุ ทั้งนี้ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาอาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กําหนดการทบทวนการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายเพื่อให้ส่งรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐาน ประกอบการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายเพิ่มเติมได้
การพิจารณาต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ให้นําหลักเกณฑ์การพิจารณา ออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายมาใช้บังคับโดยอนุโลม
การอนุญาตให้ต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายจะกระทําโดยแสดงไว้ในบันทึก รายการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วิทยา แก้วภราดัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,654 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสำคัญ และการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2558
----------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 20 (1) และ (4) และมาตรา 36 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 4 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552
“ข้อ 9 การขอต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ตามข้อ 8 ผู้รับใบสําคัญ การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายสามารถขอต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็ได้
ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ปิยะสกล สกลลัตยาทร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,655 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสำคัญ และการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง
การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ที่สํานักงาคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2561
----------------------
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 ลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (4) และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 5/1 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้น ทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 ลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
“ข้อ 5/1 กรณีการผลิตหรือการนําเข้าตัวอย่างวัตถุอันตรายตามข้อ 5 ที่มีปริมาณ ไม่เกิน 5 กิโลกรัม หรือ 5 ลิตร ซึ่งมิใช่วัตถุดิบเทคนิคอลเกรดและวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูปที่ใช้ ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลง และสัตว์อื่นหรือสัตว์แทะ ให้ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าซึ่งตัวอย่างวัตถุอันตรายมีหนังสือรับรองตนเอง ตามแบบ วอ. สธ. 15 ท้ายประกาศนี้แทน โดยสามารถมีหนังสือรับรองตนเองนี้ในการผลิตหรือ นําเข้าตัวอย่างวัตถุอันตรายที่จะขอขึ้นทะเบียนนั้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หนังสือรับรองตามวรรคหนึ่ง สําหรับการผลิตตัวอย่างวัตถุอันตรายให้ยื่นที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาก่อนวันผลิต สําหรับการนําเข้าตัวอย่างวัตถุอันตรายให้ยื่นที่ด่านอาหารและยา ที่นําเข้า ก่อนน่าออกจากด่านศุลกากร
หนังสือรับรองตามวรรคหนึ่ง อาจแจ้งผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาก่อนการผลิตหรือนําเข้า
ให้นําความในข้อ 6 มาบังคับใช้กับตัวอย่างวัตถุอันตรายตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม
ข้อ ๒ ประกาศให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561
ปิยะสกล สกลสัตยาทร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,656 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538
---------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 7 (2) มาตรา 20 (4) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุ อันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๒ วัตถุอันตรายตามข้อ 1 รายใดที่มีกฎหมายใดควบคุมในเรื่องใด หรือส่วนใดอยู่แล้ว ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องนั้น หรือส่วนนั้น แล้วแต่กรณี
ข้อ ๓ ผู้มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายเพื่อการใช้สอยส่วนบุคคล หรือผู้ มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายที่เป็นผลิตภัณฑ์สําเร็จรูป นอกจากเพื่อใช้รับจ้างไม่ ต้องแจ้งการดําเนินการ และการขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
ข้อ ๔ วัตถุอันตรายของหน่วยงานดังต่อไปนี้ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้อง ปฏิบัติตามมาตรา 22 วรรคหนึ่ง วรรคสอง มาตรา 23 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 36 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
(1) กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การ ของรัฐ สภากาชาดไทย
(2) คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ
(3) องค์การระหว่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดําเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชํานัญพิเศษในประเทศไทย
ข้อ ๕ ให้ผู้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียน หรือใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วย วัตถุมีพิษได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่นใบแจ้งการดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย คําขอ ใบอนุญาต และใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุ อันตรายแล้วแต่กรณี
การจะได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง บุคคลดังกล่าวจะต้องได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ทุกประการที่กําหนดไว้ในใบสําคัญการขึ้นทะเบียนที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุ มีพิษจนกว่าจะถึงวันที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกําหนด ประกาศของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาดังกล่าวจะกําหนดให้ใช้บังคับใน แต่ละเรื่องให้แตกต่างกันก็ได้ แต่ต้องไม่เกินกําหนดอายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนที่มี อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษ แต่ถ้ากําหนดอายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนเดิมมี อายุน้อยกว่า 1 ปี ให้ยึดกําหนดเวลายกเว้นออกไปได้ถึง 1 ปีนับแต่วันถัดจากวัน ออกประกาศนี้
ในกรณีตามวรรคหนึ่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการต่อไปนี้
(1) กรณีวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ออกใบรับแจ้งให้ตามพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
(2) กรณีวัตถุอันตรายชนิดที่ ด ให้ออกใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยสอดคล้องกับใบอนุญาตเดิม ทั้งนี้ ตามอายุ ใบอนุญาตที่เหลืออยู่
ข้อ ๖ ให้ผู้ยื่นขออนุญาตผลิตวัตถุมีพิษที่ได้รับแจ้งแบบแปลนหรือให้แก้ไข แบบแปลนโดยไม่ทักท้วงในส่วนใดก่อนวันที่กฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในส่วนที่เกี่ยวกับ แบบแปลนที่ได้อนุมัติหรือในส่วนที่มิได้ทักท้วงให้แก้ไขแล้วแต่กรณี ในการพิจารณา ออกใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย เว้นแต่เป็นการแจ้งโดยผิดหลักเกณฑ์ที่ออก โดยกฎหมายวัตถุมีพิษ
ข้อ ๗ ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2538
อาทิตย์ อุไรรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,657 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
พ.ศ. 2535 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2542
---------------------------
อาศัยอ่านาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 7 (2) มาตรา 20 (4) และมาตรา 36 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๒ ให้ยกเว้นการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข ที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่น ที่ประกอบด้วยวัตถุอันตราย 1 รายการ
ข้อ ๓ ผลิตภัณฑ์ตามข้อ 2 ต้องนําเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์ในกระบวนการ ผลิตของตนเอง และเป็นวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเคยรับ ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2542
กร ทัพพะรังสี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,658 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
พ.ศ. 2535 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542
-------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 7 (2) และ มาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๒ วัตถุอันตรายที่ผลิตเพื่อการส่งออก ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องส่ง ตัวอย่างฉลาก ประกอบคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย สําหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2542
กร ทัพพะรังสี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,659 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2545 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ
(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2545
-----------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (1) และมาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 วัตถุอันตราย SURFACTANTS ตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ 2 ให้สถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ทําความสะอาดพื้น ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ ที่ประกอบด้วยสารกลุ่ม ANIONIC SURFACTANTS และ/หรือ NONIONIC SURFACTANTS ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และเป็นสถานที่ผลิตที่ไม่เข้าข่ายโรงงานตามพระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. 2535 ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ 6 ของกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
การผลิตตามข้อนี้ ไม่รวมถึงการนํา CHLORHEXIDINE SALTS CHLORINE AND CHLORINE RELEASING SUBSTANCES, PHENOLS AND PHENOLIC COMPOUNDS กรดแก่ ด่างแก่ และตัวทําละลายอินทรีย์ มาใช้ใน กระบวนการผลิต
ข้อ 3 ให้สถานที่ผลิตตามข้อ 2 ได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับใน ข้อ 5 (2) ของกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยให้ตั้งในเขตบ้านจัดสรรหรือที่ดินจัดสรรเพื่อการ พักอาศัย ตึกแถว หรือบ้านแถวได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นตึกแถว หรือบ้านแถวเพื่อการ พักอาศัย
ข้อ 4 ผู้ผลิตวัตถุอันตรายที่ได้รับการยกเว้นตามข้อ 3 ต้องปฏิบัติโดย จัดให้มี
(1) บริเวณผลิต บรรจุ เก็บรักษาวัตถุอันตราย เป็นสัดส่วนเพียงพอ แยกออกจากบริเวณที่พักอาศัยและการประกอบอาหาร
(2) ระบบป้องกันกําจัดกลิ่น ของเสียจากการผลิตวัตถุอันตราย ที่ดีและเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดเสียงดังหรือเหตุรําคาญ
ข้อ 5 การยกเว้นตามประกาศฉบับนี้ ไม่รวม SURFACTANTS ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะประกาศต่อไป
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,660 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากของวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ฉลากของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
พ.ศ. 2558
------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2558
(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 10 มกราคม 2549
ข้อ ๒ วัตถุอันตรายในประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความ ในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๓ วัตถุอันตรายที่นําเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะต้องแสดงฉลากภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษไว้ที่หีบห่อบรรจุหรือภาชนะบรรจุ และฉลากดังกล่าวจะต้องมีเครื่องหมายและข้อความ ดังต่อไปนี้
(1) ชื่อสารสําคัญที่เป็นวัตถุอันตรายให้ระบุเป็นชื่อสามัญ หรือชื่อทางเคมีตามระบบไอแพ็ค (IUPAC; The International Union of Pure and Applied Chemistry) หรือชื่อทางเคมี ในระบบอื่น ๆ ที่เป็นที่ยอมรับ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์
(2) อัตราส่วนของสาระสําคัญที่เป็นวัตถุอันตราย
(3) ชื่อทางการค้า (ถ้ามี)
(4) รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย (hazard pictograms) คําสัญญาณ (Signal words) และข้อความแสดงความเป็นอันตราย (hazard statements) ตามระบบสากลการจําแนกประเภท ความเป็นอันตรายและการติดฉลากสารเคมีที่เป็นระบบเดียวกันทั่วโลก (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals ; GHS) หรือตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่องระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
(5) หมายเลขสหประชาชาติ (UN number United Nations number) ชื่อที่ถูกต้อง ในการขนส่งของสหประชาชาติ (UN proper shipping name : United Nations proper shipping name) และสัญลักษณ์ตาม UN hazard class (United Nations hazard class) (ถ้ามี)
ข้อ ๔ วัตถุอันตรายที่ผลิต ขาย หรือมีไว้ในครอบครองในประเทศจะต้องแสดงฉลากไว้ ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุวัตถุอันตรายทุกชิ้น และฉลากดังกล่าวจะต้องมีเครื่องหมายและข้อความ ดังต่อไปนี้
(1) ชื่อสารสําคัญที่เป็นวัตถุอันตรายให้ระบุเป็นชื่อสามัญ หรือชื่อทางเคมีตามระบบไอแพ็ค(IUPAC; The International Union of Pure and Applied Chemistry) ในระบบอื่น ๆ ที่เป็นที่ยอมรับ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์
(2) อัตราส่วนของสาระสําคัญที่เป็นวัตถุอันตราย
(3) ชื่อทางการค้า (ถ้ามี)
(4) ประโยชน์
(5) วิธีใช้
(6) คําเตือน หรือข้อควรระวัง (ใช้อักษรทึบหรือขีดเส้นใต้)
(7) วิธีเก็บรักษา
(8) อาการเกิดพิษ (ถ้ามี)
(9) วิธีแก้พิษเบื้องต้น (ถ้ามี)
(10) คําแนะนําสําหรับแพทย์ (ถ้ามี)
(11) วันหมดอายุการใช้ (ถ้ามี)
(12) การทําลายภาชนะบรรจุ (ถ้ามี)
(13) เลขทะเบียนวัตถุอันตราย (กรณีที่เป็นวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียน) หรือเลขที่รับแจ้ง (กรณีที่เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1)
(14) ขนาดบรรจุ ให้แสดงหน่วยน้ําหนักหรือปริมาตรในระบบเมตริก กรณีของแข็งให้ใช้หน่วยน้ําหนัก กรณีของเหลวให้ใช้หน่วยปริมาตรหรือหน่วยน้ําหนัก
(15) ชื่อ ที่ตั้ง และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ผลิตในประเทศ (กรณีผลิต) หรือชื่อ ที่ตั้ง และ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้นําเข้า พร้อมชื่อผู้ผลิตในต่างประเทศและประเทศผู้ผลิต (กรณีนําเข้า)
(16) ชื่อ ที่ตั้ง และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ค้าส่งหรือผู้จัดจําหน่าย (ถ้ามี)
(17) วัน เดือน ปี ที่ผลิต
(18) เลขหรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต
(19) รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย (hazard pictograms) คําสัญญาณ (Signal words) และข้อความแสดงความเป็นอันตราย (hazard statements) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเรื่องระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยารับผิดชอบ
ข้อ ๕ ข้อความบนฉลากในข้อ 4 ต้องมีลักษณะดังนี้
(1) ข้อความใน (1) เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
(2) ข้อความใน (2) เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ
(3) ข้อความใน (3) (19) ต้องเป็นภาษาไทย
(4) การแสดงเลขทะเบียนวัตถุอันตราย ใน (13) ให้มีรายละเอียดของข้อความและเครื่องหมายตามรายละเอียดท้ายประกาศนี้
(5) รูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย คําสัญญาณ และข้อความแสดงความเป็นอันตราย ใน (19) ต้องมีขนาดเหมาะสม เห็นได้ชัดเจน
(6) ชื่อทางการค้าภาษาไทยจะต้องมีขนาดเหมาะสม เห็นได้ชัดเจนและหากมีชื่อทางการค้า ภาษาต่างประเทศ จะต้องตรงกันหรือมีความหมายอย่างเดียวกันกับชื่อทางการค้าภาษาไทย
(7) ข้อความที่เป็นสาระสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้บริโภค ได้แก่ คําเตือน ข้อควรระวังและวิธีใช้ ถ้าจะมีภาษาอื่นด้วย จะต้องมีความหมายตรงกันกับความในภาษาไทย
(8) ข้อความใน (4) (5) และ (7) (10) อาจอยู่ในฉลากหีบห่อบรรจุหรือใบแทรกได้ (4) ในกรณีที่ภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายมีขนาดเล็กมากจนไม่อาจแสดงข้อความได้ทั้งหมด ฉลากที่จะปิดบนภาชนะดังกล่าวอย่างน้อยจะต้องแสดงข้อความใน (1) (3) และรูปสัญลักษณ์ แสดงความเป็นอันตราย (hazard pictograms) ส่วนข้อความอื่น ๆ ให้แสดงในฉลากหีบห่อบรรจุ หรือใบแทรกได้
(10) ขนาดของตัวอักษรต้องไม่น้อยกว่า 1 มิลลิเมตร และอ่านได้ชัดเจน
(11) การแสดงข้อความบนฉลากของวัตถุอันตราย ต้องไม่เป็นเท็จหรือเกินความจริง หรือในทํานอง โอ้อวดสรรพคุณ หรือทําให้เข้าใจผิดในสาระสําคัญ
ข้อ ๖ ในระหว่างที่ให้ระยะเวลาดําเนินการจําแนกประเภทความเป็นอันตราย ติดฉลาก และจัดทําเอกสารข้อมูลความปลอดภัยให้แล้วเสร็จสําหรับผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าซึ่งวัตถุอันตรายที่เป็นสารเดี่ยว และสารผสมตามข้อ 2 วรรคสอง แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบบการจําแนกและ การสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ให้ความในข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 7 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลาก และระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาให้ดําเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ปิยะสกล สกลสัตยาทร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,661 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากของวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ฉลากของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565
-----------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) และมาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (9) ของข้อ 5 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข ของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(9) ในกรณีที่ภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายมีขนาดเล็กมากจนไม่อาจแสดงข้อความได้ทั้งหมด ฉลากที่จะปิดบนภาชนะดังกล่าวอย่างน้อยจะต้องแสดงข้อความในข้อ 4 (1) (3) รูปสัญลักษณ์แสดง ความเป็นอันตราย (hazard pictograms) และคําสัญญาณ (Signal words) ส่วนข้อความอื่น ๆ ให้แสดงในฉลากหีบห่อบรรจุหรือใบแทรกได้”
ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิตและผู้นําเข้าวัตถุอันตรายที่ได้แจ้งข้อเท็จจริงวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 หรือ ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับ ใช้ฉลากเดิมได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
สาธิต ปิตุเตชะ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,662 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 2) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 2)
-----------------------------------
เพื่อเป็นการบรรเทาภาระแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาวะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสองแห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงานตามประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
1. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงาน ตามมาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562 แล้วแต่กรณี สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีและยื่นรายงานภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 และเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีวันครบกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีตามมาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร ตรงกับวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ให้ยังคงได้รับสิทธิขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ออกไปอีก 8 วัน ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562
2. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562 แล้วแต่กรณี สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 และเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีวันครบกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ตรงกับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563 ให้ยังคงได้รับสิทธิขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ออกไปอีก 8 วัน ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562
3. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประกาศนี้ ไม่รวมถึงบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนหรือในวันสุดท้ายแห่งกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร
4. แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลามีดังนี้
4.1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 และ ภ.ง.ด.55
4.2 แบบรายงานประจําปีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
ประกาศ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563
อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,663 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 3) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 3)
------------------------------
เพื่อเป็นการบรรเทาภาระแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสองแห่งประมวลรัษฎากร ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงานตามประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงาน ตามมาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษี และยื่นรายงานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 และเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข้อ 2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประกาศนี้ ไม่รวมถึงบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนหรือในวันสุดท้ายแห่งกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ 3 แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลามีดังนี้
(1) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 และ ภ.ง.ด.55 และบัญชีงบดุล บัญชีทําการและบัญชีกําไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตตแห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี
(2) แบบรายงานประจําปีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,664 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 4) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 4)
-----------------------------------
เพื่อเป็นการบรรเทาภาระแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงานตามประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงาน ตามมาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษี และยื่นรายงานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 และภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ข้อ 2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประกาศนี้ หมายถึงบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ก่อนหรือในวันสุดท้ายแห่งกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต้องเลื่อนการประชุมสามัญประจําปีเพื่ออนุมัติงบดุลและบัญชีกําไรขาดทุนที่ได้กําหนดการจัดประชุมไว้ในระหว่างวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 ออกไปอีกไม่เกิน 1 เดือนนับจากที่กํา หนดไว้เดิม เนื่องจากการประกาศมาตรการควบคุมการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ข้อ 3 ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามข้อ 2 แจ้งกําหนดการประชุมสามัญประจําปีที่ได้กําหนดไว้เดิม และกําหนดการจัดประชุมครั้งใหม่ต่ออธิบดีกรมสรรพากร ทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 4 แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลามีดังนี้
(1) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 และบัญชีงบดุล บัญชีทําการ และบัญชีกําไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี
(2) แบบรายงานประจําปีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,665 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 5) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ 5)
----------------------------------------
โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อขออนุญาตกับหน่วยงานของรัฐจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้หน่วยงานของรัฐที่มีอํานาจหน้าที่ในการรับชําระภาษีหรือเงินอื่นใดที่บุคคลต้องชําระ พิจารณาขยายระยะเวลาการชําระภาษีหรือเงินอื่นใดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีและการยื่นรายงานตามประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี และการยื่นรายงาน ตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่ง แห่งประมวลรัษฎากรสําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษี และยื่นรายงาน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ภายในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2564
ข้อ 2 แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลามีดังนี้
(1) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 ภ.ง.ด.52 ภ.ง.ด.55 และบัญชีงบดุลบัญชีทําการ และบัญชีกําไรขาดทุน บัญชีรายรับ รายจ่าย หรือบัญชีรายรับก่อนหักรายจ่ายที่มีบุคคลตามมาตรา 3 สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ตรวจสอบและรับรองในรอบระยะเวลาบัญชี แล้วแต่กรณี
(2) แบบรายงานประจําปีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
ประกาศ ณ วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,666 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ กําหนดให้กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการดังต่อไปนี้ เป็นกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ผู้บริจาคมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
“(1) กองทุนสวัสดิการสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(2) กองทุนสวัสดิการกรมชลประทาน
(3) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงการคลัง
(4) กองทุนสวัสดิการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
(5) กองทุนสวัสดิการกรมการพัฒนาชุมชน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,667 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 2)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (6) (7) (8) และ (9) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(6) กองทุนสวัสดิการกรมราชทัณฑ์
(7) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพย์สินทางปัญญา
(8) กองทุนสวัสดิการภายในกรมสุขภาพจิต
(9) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยทักษิณ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,668 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 3) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 3)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) (18) (19) (20) (21) (22) (23) (24) (25) (26) (27) (28) (29) (30) (31) (32) และ (33) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(10) กองทุนสวัสดิการสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(11) กองทุนสวัสดิการของสํานักงาน กปร.
(12) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
(13) กองทุนสวัสดิการกรมโรงงานอุตสาหกรรม
(14) กองทุน 36 ปี สํานักงบประมาณ
(15) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(16) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
(17) กองทุนสวัสดิการสํานักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ
(18) สวัสดิการกรมพัฒนาที่ดิน
(19) กองทุนสวัสดิการสํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
(20) กองทุนสวัสดิการกรมอุตุนิยมวิทยา
(21) กองทุนสวัสดิการกรมธุรกิจพลังงาน
(22) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรน้ํา
(23) กองทุนสวัสดิการข้าราชการและลูกจ้างกระทรวงการต่างประเทศ
(24) กองทุนสวัสดิการกรมการขนส่งทางบก
(25) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
(26) กองทุนสวัสดิการกรมธนารักษ์
(27) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมสหกรณ์
(28) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
(29) กองทุนสวัสดิการกรมวิทยาศาสตร์บริการ
(30) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
(31) EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq
(32) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(33) กองทุนสวัสดิการกรมประมง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,669 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
--------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (34) (35) (36) (37) (38) (39) (40) (41) (42) (43) (44) (45) (46) (47) และ (48) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(34) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการเกษตร
(35) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(36) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(37) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(38) กองทุนสวัสดิการสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
(39) กองทุนสวัสดิการสํานักงานอัยการสูงสุด
(40) กองทุนสวัสดิการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง
(41) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
(42) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
(43) กองทุนสวัสดิการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(44) กองทุนสวัสดิการกรมสรรพากร
(45) กองทุนสวัสดิการกรมปศุสัตว์
(46) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(47) กองทุนสวัสดิการกรมราชองครักษ์
(48) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,670 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น
รัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (49) (50) (51) และ (52) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(49) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยมหิดล
(50) กองทุนสวัสดิการกรมที่ดิน
(51) กองทุนสวัสดิการกรมประชาสัมพันธ์
(52) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,671 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 6) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 6)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (53) (54) (55) (56) (57) และ (58) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(53) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
(54) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ก.พ.ร.
(55) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ําตาลทราย
(56) กองทุนสวัสดิการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
หน้า 41
เล่ม 122 ตอนที่ 93 ง ราชกิจจานุเบกษา 3 พฤศจิกายน 2548
(57) สวัสดิการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแน่
(58) กองทุนสวัสดิการสํานักงานประกันสังคม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548
พิชาติ เกษเรือง
รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,672 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 7) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 7)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134)เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (35) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2548
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,673 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 8) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 8)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่
กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (59) (60) (61) (62) และ (63) ของข้อ 1 ของประกาศ
กรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(59) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปรมาณุเพื่อสันติ
(60) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(61) กองทุนสวัสดิการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
(62) เงินสวัสดิการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
(63) กองทุนสวัสดิการกรมการค้าต่างประเทศ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,674 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 9) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 9)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (64) (65) (66) และ (67) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(64) กองทุนสวัสดิการเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
(65) กองทุนสวัสดิการกรมการจัดหางาน
(66) สวัสดิการกรมทรัพยากรธรณี
(67) กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2549
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,675 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 10) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 10)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (68) (69) และ (70) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(68) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(69) กองทุนสวัสดิการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ
(70) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,676 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 11) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 11)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น
รัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่
กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (71) (72) และ (73) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(71) กองทุนสวัสดิการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
(72) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(73) กองทุนสวัสดิการสํานักงานอาหารและยา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2549
พิชาติ เกษเรือง
รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,677 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 12) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 12)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (74) (75) (76) และ (77) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“ (74) สวัสดิการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
(75) สวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
(76) กองทุนสวัสดิการกรมคุมประพฤติ
(77) กองทุนสวัสดิการกรมทางหลวงชนบท”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,678 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 13) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 13)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข
การยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (78) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(78) กองทุนสวัสดิการ สศช.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,679 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 14) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 14)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (79) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(79) กองทุนสวัสดิการสํานักงานกิจการยุติธรรม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,680 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น
ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (80) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้น ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(80) กองทุนสวัสดิการ สํานักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,681 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 16) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 16)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษี
เงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (81) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(81) กองทุนสวัสดิการกรมการแพทย์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสํา หรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,682 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 17) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 17)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่
กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากร จึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (82) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(82) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรน้ําบาดาล”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,683 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 18) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 18)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากร จึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (83) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(83) กองทุนสวัสดิการกรมวิชาการเกษตร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,684 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 19) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 19)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134)เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (84) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(84) กองทุนสวัสดิการ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,685 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 20) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 20)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (85) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(85) กองทุนสวัสดิการสํานักงานป้องหันและปรายกรามการฟอกเงิน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,686 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 25) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 25)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (90) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(90) กองทุนสวัสดิการกรมการปกครอง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - | 5,687 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 21) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 21)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (86) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(86) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,688 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 26) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 26)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีดรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (91) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(91) กองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,689 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 22) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 22)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตาม
ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการลงวั
นที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (87) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(87) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,690 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 23) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 23)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียน
สํานักนายรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกจามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
ปละเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
--------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (88) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(88) กองทุนสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,691 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 24) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 24)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (89) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(89) กองทุนสวัสดิการ สมอ.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,692 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 27) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 27)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
--------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (92) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(92) กองทุนสวัสดิการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,693 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 28) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 28)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (93) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(93) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,694 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 29)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (94) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(94) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการส่งออก”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,695 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 30) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 30)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (95) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(95) กองทุนสวัสดิการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,696 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 31) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 31)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (96) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(96) กองทุนสวัสดิการสํานักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,697 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 32) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 32)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (97) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(97) กองทุนสวัสดิการภายในกรมหม่อนไหม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,698 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 33) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 33)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (98) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(98) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
สาธิต รังคสิริ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,699 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 34) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 34)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (99) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(99) กองทุนสวัสดิการกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,700 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 38) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 38)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (103) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(103) กองทุนสวัสดิการกรมพลศึกษา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,701 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 35) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 35)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (100) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(100) กองทุนสวัสดิการ พก.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,702 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 36) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 36)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (101) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(101) กองทุนสวัสดิการ ป.ป.ส.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,703 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 37) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 37)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (102) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(102) กองทุนสวัสดิการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,704 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 39) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 39)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (104) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(104) กองทุนสวัสดิการกรมการข้าว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,705 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 40) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 40)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (105) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(105) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,706 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 42) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 42)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (94) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(94) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,707 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 41) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 41)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (106) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(106) กองทุนสวัสดิการกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,708 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 43) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 43)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (107) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(107) กองทุนสวัสดิการกรมโยธาธิการและผังเมือง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,709 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (108) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(108) กองทุนสวัสดิการกองทัพบก”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,710 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (109) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(109) กองทุนสวัสดิการสํานักงานบริหารหนี้สาธารณะ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,711 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (110) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(110) กองทุนสวัสดิการกรมป่าไม้”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,712 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 47) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 47)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (111) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(111) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,713 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 48) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 48)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (112) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(112) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง"
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,714 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 49) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 49)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (49) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ สํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ประสงค์ พูนธเนศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,715 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 50) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 50)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (113) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(113) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,716 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 51) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 51)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (114) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(114) กองทุนสวัสดิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ"
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,717 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (115) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(115) กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,718 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (116) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(116) กองทุนสวัสดิการกรมสอบสวนคดีพิเศษ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,719 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (117) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(117) กองทุนสวัสดิการกรมการท่องเที่ยว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,720 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 55) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 55)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (118) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(118) กองทุนสวัสดิการกรมบัญชีกลาง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,721 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 56) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 56)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (119) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(119) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม"
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,722 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
--------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (121) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(121) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,723 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 57) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 57)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
-------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (120) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(120) กองทุนสวัสดิการกรมการขนส่งทางราง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,724 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 59) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 59)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (122) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(122) กองทุนสวัสดิการสมาชิกราชบัณฑิตยสภา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,725 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 60) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 60)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (80) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15) เรื่องกําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,726 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 61) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 61)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
------------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (123) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(123) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ก.พ.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,727 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 62) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 62)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
---------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (124) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(124) กองทุนสวัสดิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,728 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 63) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 63)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547
และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
----------------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกาย พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (125) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(125) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565
ลวรณ แสงสนิท
อธิบดีกรมสรรพากร | 5,729 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย
(ฉบับที่ 1)
------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในพื้นที่อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือนําส่งภาษีในท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติและไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ และชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มและค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรอนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือนําส่งภาษีในท้องที่สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาถลาง ซึ่งอยู่ในท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงาน สรรพากรพื้นที่ภูเก็ต สํานักงานสรรพากรภาค 11 ดังนี้
1.1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนภาษีสิงหาคม 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบและชําระภาษีภายในวันที่ 15 กันยายน 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2560
1.2 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องยื่นแบบและชําระภาษีภายในวันที่ 15 กันยายน 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2560 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ ๒ แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษี ได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีตามประกาศกระทรวงการคลังนี้ มีดังนี้
2.1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. 30
2.2 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ. 40
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,730 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย (ฉบับที่ 2) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย
(ฉบับที่ 2)
-------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี หรือนําส่งภาษีในหลายท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติและไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ และชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มและค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ และชําระภาษีอากร ดังนี้
1.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่สกลนคร จํานวน 16 สาขาได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองสกลนคร สว่างแดนดิน พังโคน วานรนิวาส อากาศอํานวย พรรณนานิคม วาริชภูมิ บ้านม่วง คําตากล้า ภูพาน โคกศรีสุพรรณ กุสุมาลย์ เต่างอย เจริญศิลป์ (โมบาย) ส่องดาว (โมบาย) และโพนนาแก้ว (โมบาย)
1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ร้อยเอ็ด จํานวน 1 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเสลภูมิ
ข้อ ๒ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร สําหรับท้องที่ของสํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่สกลนคร จํานวน 16 สาขา ตาม 1.1 และสํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเสลภูมิในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ร้อยเอ็ด ตาม 1.2 ดังนี้
2.1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนําส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 และมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งจะต้อง ยื่นรายการและนําส่งภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 กันยายน 2560
2.2 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนภาษีกรกฎาคม 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบและชําระภาษีภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 กันยายน 2560
2.3 ให้ขยายกําหนดเวลายื่นแบบรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 67 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องยื่นแบบและชําระภาษีภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2560
ข้อ ๓ แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษี ได้รับการขยายกําหนดเวลา การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี มีดังนี้
3.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. 1 ภ.ง.ด. 2 ภ.ง.ด. 3 และ ภ.ง.ด. 53
3.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด. 51
3.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. 30
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,731 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย (ฉบับที่ 3) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย
(ฉบับที่ 3)
------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในเขตพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศไทย เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติและไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มและค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรอนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 12 ดังนี้
1.1 สํา นักงานสรรพากรพื้นที่สาขาสทิงพระ (รวมท้องที่ อําเภอกระแสสินธุ์) สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขานาทวี และสํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาระโนด ซึ่งอยู่ในท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่สงขลา 1
1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่ตรัง
1.3 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่พัทลุง
1.4 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่นราธิวาส
ข้อ ๒ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและนําส่งภาษีอากรตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและนําส่งภาษีอากรภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นวันที่ 15 มกราคม 2561 สําหรับท้องที่ตาม 1.1 1.2 1.3 และ 1.4
ข้อ ๓ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 และเดือนธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 มกราคม 2561 แล้วแต่กรณี เฉพาะท้องที่ดังต่อไปนี้
3.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2560
3.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
3.3 ท้องที่ตาม 1.3 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
3.4 ท้องที่ตาม 1.4 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
ข้อ ๔ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไร ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากรสําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 มกราคม 2561 เฉพาะท้องที่ตาม 1.2 1.3 และ 1.4
ข้อ ๕ ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งจะต้องชําระภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 และเดือนธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 มกราคม 2561 แล้วแต่กรณี เฉพาะท้องที่ดังต่อไปนี้
5.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องชําระตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2560
5.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องชําระตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
5.3 ท้องที่ตาม 1.3 สําหรับกรณีที่จะต้องชําระตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
5.4 ท้องที่ตาม 1.4 สําหรับกรณีที่จะต้องชําระตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2560
ข้อ ๖ แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษี ได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีตามประกาศกระทรวงการคลังนี้ มีดังนี้
6.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. 1 ภ.ง.ด. 2 ภ.ง.ด. 3 ภ.ง.ด. 53 และ ภ.ง.ด. 54
6.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 และ ภ.ง.ด.55
6.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. 30 และ ภ.พ. 36
6.4 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ. 40
6.5 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส. 4 อ.ส. 4 ก และ อ.ส. 4 ข
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,732 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย (ฉบับที่ 4) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติอุทกภัย
(ฉบับที่ 4)
---------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในบางจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยเป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่ เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในหลายท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติและไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มและค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอุทกภัย ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 11 ดังนี้
1.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี 1 จํานวน 15 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองสุราษฎร์ธานี กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก ไชยา ท่าชนะ พนม ท่าฉาง บ้านนาสาร บ้านนาเดิม เคียนซา เวียงสระ พระแสง พุนพิน ชัยบุรี และคีรีรัฐนิคม
1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครศรีธรรมราช
ข้อ ๒ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
2.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรสําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 และเดือนภาษี ธันวาคม 2560 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรภายในวันที่ 7 มกราคม 2561 ออกไปเป็น ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
2.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากร สําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม 2561
ข้อ ๓ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรสําหรับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
3.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2561 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
3.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม 2561
ข้อ ๔ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากําไร ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
4.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2560 และสําหรับเดือนภาษีธันวาคม 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในวันที่ 15 มกราคม 2561 ออกไปเป็น ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
4.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม 2561
ข้อ ๕ ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
5.1 ท้องที่ตาม 1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2561 ออกไปเป็นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561
5.2 ท้องที่ตาม 1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม 2561
ข้อ ๖ แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษี ได้รับการขยายกําหนดเวลา การยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษี มีดังนี้
6.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. 1 ภ.ง.ด. 2 ภ.ง.ด. 3 ภ.ง.ด. 53 และ ภ.ง.ด. 54
6.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด. 50 ภ.ง.ด. 51 ภ.ง.ด. 52 และ ภ.ง.ด. 55
6.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. 30 และ ภ.พ. 36
6.4 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ. 40
6.5 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส. 4 อ.ส. 4ก และ อ.ส. 4ข
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,733 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนาส่งภาษีให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนาส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 1)
----------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติจากพายุโซนร้อนปาบึกในบางจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนาส่งภาษีในหลายท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติ และไม่สามารถยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนาส่งภาษีภายในเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าวไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนาส่งภาษีตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอันเนื่องมาจากพายุโซนร้อนปาบึกในท้องที่ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนาส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนาส่งภาษีในท้องที่ดังต่อไปนี้
1.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์และสํานักงานสรรพากรพื้นที่เพชรบุรี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 6
1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครศรีธรรมราชสํานักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร สํานักงานสรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี 1 และสํานักงานสรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี 2 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 11
1.3 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ตรัง สํานักงานสรรพากรพื้นที่พัทลุง และสํานักงานสรรพากรพื้นที่ปัตตานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 12
ข้อ ๒ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนาส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีสําหรับเดือนภาษี ธันวาคม 2561 ซึ่งจะต้องยื่นรายงานและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562
ข้อ ๓ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในเดือนมกราคม 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562
ข้อ ๔ ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางการค้าหรือหากําไร ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนภาษีธันวาคม 2561 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีอากรภายในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562
ข้อ ๕ ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรภายในเดือนมกราคม 2562 ออกไปเป็นภายใน วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562
ข้อ ๖ แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนาส่งภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนาส่งภาษี มีดังนี้
6.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด. 1 ภ.ง.ด. 2 ภ.ง.ด. 3 ภ.ง.ด. 53 และ ภ.ง.ด. 54
6.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด. 50 ภ.ง.ด. 51 ภ.ง.ด. 52 และ ภ.ง.ด. 55
6.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ. 30 และ ภ.พ. 36
6.4 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ. 40
6.5 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส. 4 อ.ส. 4 ก และ อ.ส. 4 ข
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,734 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 2) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษี
ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 2)
-----------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติจากพายุโซนร้อนโพดุลและพายุโซนร้อนคาจิกิในบางจังหวัดของประเทศไทยเป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในหลายท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติ และไม่สามารถยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีภายในเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าวไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติอันเนื่องมาจากพายุโซนร้อนโพดุลและพายุโซนร้อนคาจิกิในท้องที่ ดังต่อไปนี้
1. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ ดังต่อไปนี้
1.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่สระแก้วซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 5
1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่อุตรดิตถ์สํานักงานสรรพากรพื้นที่เพชรบูรณ์ สํานักงานสรรพากรพื้นที่พิษณุโลก สํานักงานสรรพากรพื้นที่พิจิตรและสํานักงานสรรพากรพื้นที่สุโขทัย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 7
1.3 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่แม่ฮ่องสอนสํานักงานสรรพากรพื้นที่ลําปาง สํานักงานสรรพากรพื้นที่น่าน สํานักงานสรรพากรพื้นที่เชียงใหม่ 1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่เชียงใหม่ 2 และสํานักงานสรรพากรพื้นที่แพร่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 8
1.4 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่อุบลราชธานีสํานักงานสรรพากรพื้นที่อํานาจเจริญ สํานักงานสรรพากรพื้นที่ยโสธร สํานักงานสรรพากรพื้นที่ชัยภูมิสํานักงานสรรพากรพื้นที่ศรีสะเกษ และสํานักงานสรรพากรพื้นที่สุรินทร์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 9
1.5 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ขอนแก่นสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครพนม สํานักงานสรรพากรพื้นที่ร้อยเอ็ด สํานักงานสรรพากรพื้นที่กาฬสินธุ์สํานักงานสรรพากรพื้นที่มุกดาหาร สํานักงานสรรพากรพื้นที่สกลนคร สํานักงานสรรพากรพื้นที่มหาสารคาม และสํานักงานสรรพากรพื้นที่อุดรธานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 10
1.6 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ระนองซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 11
2. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนําส่งภาษี ตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีสําหรับเดือนภาษีสิงหาคม 2562 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
3. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษี ตามมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรสําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในเดือนกันยายน 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
4. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
5. ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ไม่รวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไร ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากรสําหรับเดือนภาษีสิงหาคม 2562 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีภายในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
6. ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3)แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 ออกไปเป็นภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
7. แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษี มีดังนี้
7.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 และภ.ง.ด.54
7.2 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแบบ ภ.ง.ด.94
7.3 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 ภ.ง.ด.52 และ ภ.ง.ด.55
7.4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ.30 และ ภ.พ.36
7.5 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ.40
7.6 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส.4 อ.ส.4ก และ อ.ส.4ข
ประกาศ ณ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562
อุตตม สาวนายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,735 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 3) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษี
ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ
(ฉบับที่ 3)
------------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในเขตพื้นที่บางจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติ และไม่สามารถยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีตามประมวลรัษฎากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครศรีธรรมราช และสํานักงานสรรพากรพื้นที่สุราษฎร์ธานี 1 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 11
ข้อ 2 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีอากรภายในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ข้อ 3 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีและการยื่นรายงาน สําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 71 ตรี วรรคหนึ่งแห่งประมวลรัษฎากร ที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีภายในเดือนธันวาคม 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ข้อ 4 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากรทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนภาษีพฤศจิกายน 2563 ที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ข้อ 5 ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรภายในเดือนธันวาคม 2563 ออกไปเป็นภายใน วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ข้อ 6 แบบแสดงรายการภาษีหรือแบบรายงานที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีมี ดังนี้
6.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54
6.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 ภ.ง.ด.52 ภ.ง.ด.55 และแบบรายงานประจําปีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ตามมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (Disclosure Form)
6.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ.30 และ ภ.พ.36
6.4 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ.40
6.5 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส.4 อ.ส.4 ก และ อ.ส.4 ข
ประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,736 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 4) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ
(ฉบับที่ 4)
---------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในท้องที่บางจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเห ตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติ และไม่สามารถยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีตามประมวลรัษฎากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ปัตตานี และสํานักงานสรรพากรพื้นที่ยะลา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 12
ข้อ 2 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนํา
ส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 และมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับเดือนภาษีธันวาคม 2563 ที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564
ข้อ 3 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ไม่รวมถึงการยื่นรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากรสําหรับเดือนภาษีธันวาคม 2563 กรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะภายในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564
ข้อ 4 ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564
ข้อ 5 แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษี มีดังนี้
5.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53
5.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ.30
5.3 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ.40
5.4 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส.4 อ.ส.4ก และ อ.ส.4ข
ประกาศ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,737 |
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการและชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 5) | ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดภัยพิบัติ (ฉบับที่ 5)
---------------------------------------------
โดยที่ได้เกิดภัยพิบัติอุทกภัยในท้องที่บางจังหวัดทางภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติและไม่สามารถยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีภายในกําหนดเวลาที่ประมวลรัษฎากรกําหนด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับอาญา จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร อนุมัติให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีตามประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีในท้องที่ ดังต่อไปนี้
1.1 ท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 4
1.1.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรพื้นที่ลพบุรี
1.1.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่อ่างทอง จํานวน 5 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาป่าโมก สามโก้ เมืองอ่างทอง ไชโยและแสวงหา
1.2 ท้องที่ความรับผิดชอบของสํานักงานสรรพากรภาค 9
1.2.1 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครราชสีมา 1 จํานวน 3 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาพิมาย โนนไทย และโนนสูง
1.2.2 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่นครราชสีมา 2 จํานวน 1 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาด่านขุนทด
1.2.3 สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในสังกัดสํานักงานสรรพากรพื้นที่ชัยภูมิจํานวน 4 สาขา ได้แก่ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองชัยภูมิ เกษตรสมบูรณ์ บําเหน็จณรงค์และจัตุรัส
ข้อ 2 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและนําส่งภาษีตามมาตรา 3 เตรส มาตรา 52 มาตรา 59 มาตรา 69 ทวิ มาตรา 70 มาตรา 70 ทวิ มาตรา 83/5 มาตรา 83/6 และมาตรา 83/7 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
2.1 ท้องที่ตาม 1.1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีสําหรับเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
2.2 ท้องที่ตาม 1.1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีสําหรับเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2564 และเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564
2.3 ท้องที่ตาม 1.2.1 ถึง 1.2.3 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีสําหรับเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ที่จะต้องยื่นรายการและนําส่งภาษีภายในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 3 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีตามมาตรา 56 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
3.1 ท้องที่ตาม 1.1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
3.2 ท้องที่ตาม 1.1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 4 ให้ขยายกําหนดเวลายื่นรายการและชําระภาษีสําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 67 มาตรา 67 ทวิ มาตรา 68 และมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
4.1 ท้องที่ตาม 1.1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษี ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
4.2 ท้องที่ตาม 1.1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษี ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 5 ให้ขยายกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/10 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการยื่นรายการและชําระภาษีธุรกิจเฉพาะ สําหรับการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากําไรไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
5.1 ท้องที่ตาม 1.1.1 สําหรับเดือนภาษีกันยายน 2564 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีภายในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
5.2 ท้องที่ตาม 1.1.2 สําหรับเดือนภาษีกันยายน 2564 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีภายในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 และสําหรับเดือนภาษีตุลาคม 2564 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564
5.3 ท้องที่ตาม 1.2.1 ถึง 1.2.3 สําหรับเดือนภาษีกันยายน 2564 ที่จะต้องยื่นรายการและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะภายในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 6 ให้ขยายกําหนดเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
6.1 ท้องที่ตาม 1.1.1 สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
6.2 ท้องที่ตาม 1.1.2 สําหรับกรณีที่จะต้องเสียอากรตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564
ข้อ 7 แบบแสดงรายการภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือนําส่งภาษีได้รับการขยายกําหนดเวลาการยื่นรายการและชําระภาษีอากรหรือนําส่งภาษี แล้วแต่กรณี มีดังนี้
7.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54
7.2 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแบบ ภ.ง.ด.94
7.3 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 และ ภ.ง.ด.52
7.4 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามแบบ ภ.พ.30 และ ภ.พ.36
7.5 ภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ.40
7.6 อากรแสตมป์ ตามแบบ อ.ส.4 อ.ส.4ก และ อ.ส.4ข
ประกาศ ณ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 5,738 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาบางฉบับที่หมดความจำเป็น พ.ศ. 2562 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับวัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของ
สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาบางฉบับที่หมดความจําเป็น
พ.ศ. 2562
--------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 และมาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การยกเว้นการขึ้นทะเบียนและการแจ้ง การดําเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ในการลบ หรือแก้คําผิด พ.ศ. 2541
(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2543
(3) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2545
(4) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2547
(5) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535. ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2555
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562
อนุทิน ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,739 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย naphthalene และวัตถุอันตราย p-dichlorobenzene | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเว้นการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย naphthalene
และวัตถุอันตราย p-dichlorobenzene
-------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (1) (5) และมาตรา 36 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการ จํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 35 มาตรา 39มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัย อํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของ คณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับ naphthalene ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2541
(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับ p-dichlorobenzene ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2541
ข้อ ๒ ให้วัตถุอันตราย ดังต่อไปนี้ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขึ้นทะเบียน
(1) naphthalene ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อ ประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลง และสัตว์อื่น หรือเพื่อประโยชน์ในการดับกลิ่น
(2) p-dichlorobenzene ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุขที่ นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่น หรือเพื่อประโยชน์ ในการดับกลิ่น
ข้อ ๓ วัตถุอันตรายตามข้อ 2 ต้องไม่แต่งสี หรือกลิ่นที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549
ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ผู้ใช้อํานาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,740 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกำหนดรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย พ.ศ. 2560 | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เรื่อง การกําหนดรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
พ.ศ. 2560
--------------------------
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 3 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน และการต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร การออกใบสําคัญ และยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงออกประกาศกําหนดรายการ ข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย อันเป็นหลักเกณฑ์การให้ส่งข้อมูลเอกสาร และหลักฐานรายละเอียดต่าง ๆ ประกอบการพิจารณาคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดรายการ ข้อมูลเอกสารหลักฐานเพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย พ.ศ. 2552 ลงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ข้อ ๒ ให้ผู้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ส่งรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการ ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามแบบ วอ/สธ 1 ให้เป็นไปตามท้ายประกาศนี้ ดังนี้
(1) วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาไม่เคยรับขึ้นทะเบียน
(1.1) วัตถุดิบเทคนิคอลเกรดที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือ สัตว์แทะ ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 4.1 และข้อ 5
(1.2) ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายสําเร็จรูปทุกประเภท หรือวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูปที่ใช้ใน การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือสัตว์แทะ ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียน วัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 1 ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5
(2) วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเคยรับขึ้นทะเบียนแล้ว
(2.1) วัตถุดิบเทคนิคอลเกรดที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทาง สาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือสัตว์และ ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 2 ข้อ 4.1 และข้อ 5
(2.2) ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายสําเร็จรูปทุกประเภท หรือวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูปที่ใช้ใน การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือสัตว์แทะ ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียน วัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5
(2.3) ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายสําเร็จรูปที่แบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุจากผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายสําเร็จรูปที่ได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนแล้ว ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 3.5 ข้อ 3.4 ข้อ 5 และข้อ 6
(2.4) ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายสําเร็จรูปทุกประเภท หรือวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูป หรือวัตถุดิบ เทคนิคอลเกรดที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่ การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือสัตว์แทะ ที่อ้างอิงข้อมูลเอกสารและ หลักฐานการขึ้นทะเบียนจากทะเบียนวัตถุอันตรายที่รับขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการ พิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 3.5 ข้อ 3.4 ข้อ 5 และข้อ 7
(2.5) ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายสําเร็จรูปทุกประเภท หรือวัตถุดิบกึ่งสําเร็จรูป หรือวัตถุดิบ เทคนิคอลเกรดที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่ การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลงและสัตว์อื่นหรือสัตว์แทะ ที่ถ่ายโอนข้อมูลเอกสารและหลักฐานการขึ้นทะเบียนจากทะเบียนวัตถุอันตรายที่รับขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ให้จัดส่งข้อมูลเพื่อประกอบการ พิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายตามรายการท้ายประกาศข้อ 3.5 ข้อ 3.9 ข้อ 5 และข้อ 8
ทั้งนี้ หากข้อมูลเพื่อการขึ้นทะเบียนรายการใดไม่อาจระบุได้โดยสภาพหรือลักษณะของ วัตถุอันตรายนั้น ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็ให้ยกเว้นได้ หรือสภาพการใช้ไม่มีความจําเป็นที่ต้องให้ข้อมูลดังกล่าว หรือไม่สามารถระบุได้ด้วย ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็ให้ยกเว้นได้
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560
วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา | 5,741 |
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย พ.ศ. 2555 | ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง ระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย
พ.ศ. 2555
---------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ ยกเว้นของ เสียเคมีวัตถุ (CHEMICAL WASTES) และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
“สารเดี่ยว (Substance)” หมายความว่า ธาตุหรือสารประกอบที่อยู่ในสถานะธรรมชาติ หรือเกิดจากกระบวนการผลิตต่าง ๆ ทั้งนี้รวมถึงสารเติมแต่งที่จําเป็นในการรักษาความเสถียรของสารเดี่ยว หรือสารเจือปนที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต แต่ไม่รวมถึงสารตัวทําละลายที่สามารถแยกออกมาจากสารเดี่ยว ได้โดยไม่มีผลต่อความเสถียรของสารเดียวหรือไม่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของสารเดียว
“สารผสม (Mixture)” หมายความว่า สารผสมหรือสารละลายที่ประกอบด้วยสารเดี่ยวสองชนิด หรือมากกว่าที่ไม่ทําปฏิกิริยาต่อกัน
ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต หรือผู้นําเข้าซึ่งวัตถุอันตรายที่เป็นสารเดี่ยวและสารผสมต้องดําเนินการ ตามข้อกําหนดว่าด้วยระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย แนบท้ายประกาศนี้ ดังต่อไปนี้
2.1 จําแนกความเป็นอันตรายทางกายภาพ 16 ประเภท และความเป็นอันตราย ประมาท และความเป็นอันตรายต่อสุขภาพ 10 ประเภท และความเป็นต่อสิ่งแวดอ้อม 2 ประเภท
2.2 ติดฉลาก
2.3 จัดทําเอกสารข้อมูลความปลอดภัย
ทั้งนี้ สารเดี่ยวให้ดําเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี และสารผสมให้ดําเนินการ แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๓ การส่งออกซึ่งวัตถุอันตราย ต้องมีการจําแนกความเป็นอันตราย ติดฉลาก วัตถุอันตราย และจัดทําเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ให้เป็นไปตามข้อกําหนดว่าด้วยระบบการจําแนก และการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย ยกเว้นกรณีประเทศคู่ค้ามีข้อกําหนดเกี่ยวกับการ เป็นการเฉพาะ
ข้อ ๔ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก และผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย มีหน้าที่ ต้องสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในรูปแบบของฉลากและเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ที่ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าจัดทํา ตามข้อ 2 แล้วแต่กรณี เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถดําเนินการเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายนั้นๆ ได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม | 5,742 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2558 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย
ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
พ.ศ. 2558
---------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศ
“วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
“สารเดี่ยว (Substance)” หมายความว่า ธาตุหรือสารประกอบที่อยู่ในสถานะธรรมชาติหรือเกิดจาก กระบวนการผลิตต่าง ๆ ทั้งนี้รวมถึงสารเติมแต่งที่จําเป็นในการรักษาความเสถียรของสารเดี่ยวหรือสารเจือปน ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต แต่ไม่รวมถึงสารตัวทําละลายที่สามารถแยกออกมาจากสารเดี่ยวได้โดย ไม่มีผลต่อความเสถียรของสารเดี่ยวหรือไม่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของสารเดี่ยว
“สารผสม (Mixture)” หมายความว่า สารผสมหรือสารละลายที่ประกอบด้วยสารเดี่ยวสองชนิด หรือมากกว่าที่ไม่ทําปฏิกิริยาต่อกัน
ข้อ ๒ ให้ผู้ผลิต หรือผู้นําเข้าซึ่งวัตถุอันตรายที่เป็นสารเดี่ยวหรือสารผสม ต้องดําเนินการ จําแนกประเภทความเป็นอันตราย ติดฉลากวัตถุอันตราย และจัดทําเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ตามข้อกําหนดว่าด้วยระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย
ทั้งนี้ สารเดี่ยวให้ดําเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี และสารผสมให้ดําเนินการแล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๓ การส่งออกซึ่งวัตถุอันตราย ต้องมีการจําแนกความเป็นอันตราย ติดฉลากวัตถุอันตราย และจัดทําเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ให้เป็นไปตามข้อกําหนดว่าด้วยระบบการจําแนกและการสื่อสาร เป็นการเฉพาะ ความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องระบบการจําแนก และการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย ยกเว้นกรณีประเทศคู่ค้ามีข้อกําหนดเกี่ยวกับการนี้เป็นการเฉพาะ
ข้อ ๔ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก และผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง มีหน้าที่ต้องสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายในรูปแบบของฉลาก และเอกสารข้อมูลความปลอดภัย ที่ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าจัดทําตามข้อ 2 แล้วแต่กรณี เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถดําเนินการเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายนั้น ๆ อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ศาสตราจารย์รัชตะ รัชตะนาวิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,743 |
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภทชอล์กกำจัดแมลงคลาน พ.ศ. 2542 | ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภทชอล์กกําจัดแมลงคลาน
พ.ศ. 2542
----------------------------
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 7 (2) มาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ข้อ ๒ ผลิตภัณฑ์ประเภทชอล์กกําจัดแมลงคลาน ต้องไม่มีลักษณะเป็น แท่งกลมทรงกระบอกเหมือนชอล์กเขียนหนังสือทั่วไป
ข้อ ๓ ผลิตภัณฑ์ตามข้อ 2 ต้องมีถุงพลาสติกหรือกระดาษมันห่อหุ้ม วัตถุอันตรายแต่ละแห่ง โดยให้แสดงข้อความดังนี้
(1) ชื่อการค้า
(2) คําว่า วัตถุอันตราย
(3) ข้อความว่า ทุกครั้งที่ใช้ให้จับที่ถุงพลาสติกหรือกระดาษมัน ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2542
กร ทัพพะรังสี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | 5,744 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หน่วยงานเอกชนที่ทำการตรวจวิเคราะห์วัตถุอันตรายเพื่อการขึ้นทะเบียน พ.ศ. 2553 | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เรื่อง หน่วยงานเอกชนที่ทําการตรวจวิเคราะห์วัตถุอันตรายเพื่อการขึ้นทะเบียน พ.ศ. 2553
-------------------------
ด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขึ้นทะเบียน การออกใบสําคัญ และการต่ออายุ ใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2552 และ ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการ ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย พ.ศ. 2552 ได้กําหนดให้ผู้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายที่ต้องจัดส่งผลการ วิเคราะห์ปริมาณสารสําคัญจากหน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของเอกชนที่สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยาเห็นชอบนั้น
สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงเห็นชอบให้มีหน่วยงานเอกชนที่ทําการตรวจวิเคราะห์วัตถุอันตรายเพื่อการขึ้นทะเบียน และวิธีการจัดส่งผลการวิเคราะห์ปริมาณสารสําคัญเพื่อการขึ้นทะเบียน ไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ หน่วยงานเอกชนที่ทําการตรวจวิเคราะห์ ในประกาศนี้ หมายถึง ผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์ หรือผู้ประกอบการที่มีห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทําการตรวจวิเคราะห์ และส่งผลการวิเคราะห์ให้ผู้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนใช้ผลการวิเคราะห์เพื่อการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายกับ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ข้อ ๒ หน่วยงานเอกชนที่ทําการตรวจวิเคราะห์ ต้องมีห้องปฏิบัติการที่มีคุณสมบัติตามข้อใด ข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC:17025 ขอบข่าย ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายรายการใดก็ได้ ตามบัญชีรายชื่อท้ายประกาศ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดรายการข้อมูลเอกสารและหลักฐานเพื่อการขึ้น ทะเบียนวัตถุอันตราย พ.ศ. 2552
(2) ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC:17025 ขอบข่าย ใดก็ได้และได้เข้าร่วมการทดสอบความชํานาญในรายการที่ขอขึ้นทะเบียนกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
(3) ได้รับการประเมินระบบคุณภาพการจัดการห้องปฏิบัติการและวิธีการตรวจวิเคราะห์ใน รายการที่ขอขึ้นทะเบียนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ข้อ ๓ ให้ผู้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายจัดส่งผลการวิเคราะห์ปริมาณสารสําคัญ พร้อม หนังสือรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการหรือหนังสือรับรองการทดสอบความชํานาญตามข้อ 2 แล้วแต่ กรณีต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2553
(นายพิพัฒน์ ยิ่งเสรี)
เสนาธิการคณะกรรมการอาหารและยา | 5,745 |
ประกาศกองควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย เรื่อง กำหนดเงื่อนไขการอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลาก สูตรผลิตภัณฑ์ ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย และรายการเอกสารอื่นๆ ประกอบการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้พิจารณาการอนุญาตและลงนามเอกสารอนุญาต | ประกาศกองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย
เรื่อง กําหนดเงื่อนไขการอนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลาก สูตรผลิตภัณฑ์ ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย
และรายการเอกสารอื่นๆ ประกอบการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้พิจารณาการอนุญาตและลงนามเอกสารอนุญาต
--------------------------------
ด้วยคําสั่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ 128/2564 สั่ง ณ วันที่ 5 เมษายน 2564 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้พิจารณาและลงนามเอกสารเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ข้อ 4.3.4 กําหนดให้เภสัชกร กลุ่มกํากับดูแล วัตถุอันตรายก่อนออกสู่ตลาด กองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย เป็นผู้พิจารณาการอนุญาตและลงนาม เอกสารอนุญาตการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลาก สูตรผลิตภัณฑ์ ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย และรายการเอกสารอื่นๆ ประกอบการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตรายประกาศกําหนด
ดังนั้น เพื่อเป็นการกําหนดเงื่อนไขสําหรับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลาก สูตรผลิตภัณฑ์ ภาชนะบรรจุ วัตถุอันตราย และรายการเอกสารอื่นๆ ประกอบการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่ให้เภสัชกร กลุ่มกํากับดูแล วัตถุอันตรายก่อนออกสู่ตลาด กองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย เป็นผู้พิจารณาการอนุญาตและลงนาม เอกสาร กองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย จึงประกาศกําหนดเงื่อนไขในการพิจารณาอนุญาตดังกล่าว ดังนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย เรื่อง กําหนดเงื่อนไขการ อนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลาก สี กลิ่นของผลิตภัณฑ์ ชนิดและขนาดของภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย ที่ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นผู้พิจารณาการอนุญาตและลงนามเอกสารอนุญาต ลงวันที่ 19 กันยายน 2559
ข้อ ๒ การขอเพิ่ม แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกขนาดบรรจุ ชนิดวัสดุ หรือลักษณะภาชนะ บรรจุวัตถุอันตราย ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
2.1 การแสดงฉลากสําหรับภาชนะบรรจุตามที่ขอเพิ่ม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) รูปแบบ ข้อความ และรูปภาพ ต้องมีลักษณะคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุก ประการ
(2) การเปลี่ยนแปลงตําแหน่งการจัดวางของข้อความและรูปภาพบนฉลากอาจ ทําได้หากมีความจําเป็นอันเนื่องมาจากข้อจํากัดของขนาดฉลาก แต่ต้อง เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตไว้เดิม เช่น เงื่อนไขการระบุข้อความ โลโก้ หรือเครื่องหมายรับรองที่กําหนดให้ต้องแสดงใกล้ตําแหน่งของชื่อผู้ผลิตหรือ ผู้นําเข้า เป็นต้น
(3) ตัวอักษรบนฉลากสําหรับภาชนะบรรจุตามที่ขอเพิ่ม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 1 มิลลิเมตร และเห็นได้ชัดเจน
(4) การแสดงเครื่องหมายและข้อความต่างๆ บนฉลากสําหรับภาชนะบรรจุ ตามที่ขอเพิ่ม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นไปตามข้อกําหนดในประกาศ กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องการแสดงฉลากของวัตถุอันตรายที่ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
2.2 ในกรณีที่ภาชนะบรรจุตามที่ได้รับอนุญาตไว้เดิมเป็นแบบ pressure relief valve ลักษณะภาชนะบรรจุตามที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นแบบ pressure relief valve
2.3 กรณีทะเบียนผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออก เท่านั้น ไม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 2.1 (1) - (4) เนื่องจากทะเบียนผลิต เพื่อการส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออกเท่านั้น ได้รับยกเว้น ไม่ต้องส่งตัวอย่างฉลากประกอบคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ข้อ ๓ การขอเพิ่ม ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบสีหรือปริมาณสี หรือขอเพิ่มสูตร หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงลักษณะสีของผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
3.1 อัตราส่วนสารสําคัญและสารอื่นในสูตรส่วนประกอบ คงเดิมตามที่ได้ขึ้น ทะเบียนไว้ทุกประการ
3.2 ฉลากต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
3.3 กรณีทะเบียนผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออก เท่านั้น ไม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 3.2 เนื่องจากทะเบียนผลิตเพื่อการ ส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออกเท่านั้น ได้รับยกเว้นไม่ต้อง ส่งตัวอย่างฉลากประกอบคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ข้อ ๔ การขอเพิ่ม ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบน้ําหอมหรือปริมาณน้ําหอม หรือ เพิ่มกลิ่นน้ําหอมในสูตรผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
4.1 อัตราส่วนสารสําคัญและสารอื่นในสูตรส่วนประกอบ คงเดิมตามที่ได้ขึ้น ทะเบียนไว้ทุกประการ
4.2 กรณีการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบน้ําหอมหรือปริมาณน้ําหอม ต้องเป็นไป ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
4.2 3 ลักษณะของกลิ่นน้ําหอมต้องคงเดิมตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้
4.2.2 ฉลากต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และการแสดงข้อกลิ่นบนฉลาก (ถ้ามี) ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง
4.3 กรณีการขอเพิ่มกลิ่นน้ําหอมในสูตรผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
4.3.1 กรณีการขอเพิ่มกลิ่นน้ําหอม ต้องไม่เข้าข่ายเป็นกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นอาหาร ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่ไม่สามารถนําออกมาจากภาชนะบรรจุได้ ยกเว้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ฉีดพ่นอัดก๊าซ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเครื่องพ่นอัตโนมัติ สามารถแต่งกลิ่นผลไม้ได้ แต่ห้ามแสดงชื่อกลิ่นและภาพผลไม้บนฉลากของ ผลิตภัณฑ์
4.3.2 ฉลากต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
4.4 กรณีทะเบียนผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออก เท่านั้นสามารถเพิ่มสูตรกลิ่นหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะของกลิ่นน้ําหอมได้ และ ไม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 4.2 และข้อ 4.3 เนื่องจากทะเบียนผลิตเพื่อการ ส่งออกเท่านั้น หรือทะเบียนนําเข้าเพื่อการส่งออกเท่านั้น ได้รับยกเว้นไม่ต้อง ส่งตัวอย่างฉลากประกอบคําขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ข้อ ๕ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสูตรส่วนประกอบที่ไม่ใช่สารสําคัญของผลิตภัณฑ์ทําความ สะอาดพื้น ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์และวัสดุอื่นๆ หรือการแก้ไขการอุดตันของท่อหรือทางระบายสิ่งปฏิกูล ได้แก่ การเพิ่มปริมาณ ลดปริมาณ ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงชนิดหรือหน้าที่ของสารอื่นๆ ในสูตรที่ไม่ใช่สารสําคัญ เช่น สารกันเสีย เป็นต้น ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
5.1 ชื่อและอัตราส่วนสารสําคัญคงเดิมตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้
5.2 สาร หรือปริมาณ หรือหน้าที่ ที่ขอเปลี่ยนแปลงในสูตร ต้องไม่อยู่ในข่ายที่อาจ มีผลให้หน้าที่ของสารนั้นเปลี่ยนเป็นสารสําคัญในสูตร
5.3 ฉลากต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
5.4 การเปลี่ยนแปลงสูตรต้องไม่มีผลให้ลักษณะรูปแบบ (dosage form) ของวัตถุ อันตรายเปลี่ยนแปลงไป
ข้อ ๖ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสีของตัวอักษรบนฉลาก ลักษณะตัวอักษรบนฉลาก สีพื้นบน รูปภาพบนฉลาก ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
6.1 รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ ขนาดของตัวอักษร ตําแหน่งการจัดวางของข้อความ และรูปภาพบนฉลาก ต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
6.2 ข้อความบนฉลากมีลักษณะที่เห็นได้ชัดเจน และอ่านได้ง่าย
6.3. สําหรับผลิตภัณฑ์กําจัดสัตว์แทะและผลิตภัณฑ์ทําจัดแมลงและสัตว์อื่น ต้องไม่ แสดงแถบสัญลักษณ์ข้อควรระวังในการใช้ในลักษณะเป็นแถบสี
6.5 สําหรับฉลากผลิตภัณฑ์ที่มีการแสดงรูปภาพหรือเครื่องหมาย ต้องไม่มี การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสีของเครื่องหมายดังกล่าวให้เหมือนหรือคล้ายกับ เครื่องหมายกาชาด
ข้อ ๗ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงสีตัวอักษร ลักษณะตัวอักษร ของคําสัญญาณ (Signal words) หรือ ข้อความแสดงความเป็นอันตราย (hazard statements) ตามระบบ GHS (Globally Harmonized System of Classification and Labeling of Chemicals) หรือเพิ่มข้อความภาษาอังกฤษ ของคําสัญญาณหรือข้อความแสดงความเป็นอันตรายเพื่อกํากับข้อความภาษาไทย ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
7.1 การจําแนกความเป็นอันตราย (hazard classification) ต้องไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีผลเปลี่ยนแปลงรูปสัญลักษณ์ความเป็นอันตราย คําสัญญาณ และ ข้อความแสดงความเป็นอันตราย
7.2 ข้อความภาษาอังกฤษของคําสัญญาณหรือข้อความแสดงความเป็นอันตรายต้อง เป็นไปตามข้อกําหนดของระบบ GHS และต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 6 มิลลิเมตร
7.3 สีของรูปสัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย (pictogram) ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ และต้องเป็นไปตามข้อกําหนดของระบบ GHS และประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องระบบการจําแนกและการสื่อสารความเป็น อันตรายของวัตถุอันตราย
7.4 รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ ขนาดของตัวอักษร ตําแหน่งการจัดวางของข้อความ และรูปภาพบนฉลาก ต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
7.5 สีตัวอักษร หรือลักษณะตัวอักษรที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องมีลักษณะที่เห็นได้ ชัดเจนและอ่านได้ง่าย
ข้อ ๘ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อและตําแหน่งการจัดวางข้อความของหัวข้อบนฉลาก โดยชื่อหัวข้อยังคงความหมายเดิม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงข้อความภายใต้หัวข้อดังกล่าวที่แสดงบนฉลาก ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
8.1 ชื่อหัวข้อที่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ได้แก่ วันเดือนปีที่ผลิต ครั้งที่ผลิต วันหมดอายุ ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้จัดจําหน่าย และขนาดบรรจุ โดยขนาดตัวอักษรต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาต
8.2 รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ ขนาดตัวอักษร และตําแหน่งการจัดวางของ ข้อความส่วนอื่นและรูปภาพบนฉลาด คงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๙ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงโลโก้ (Logo) ของผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้จัดจําหน่าย หรือ เจ้าของผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้แสดงบนฉลากแล้ว หรือการขอเพิ่มการแสดงโลโก้ของผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้จัดจําหน่าย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์เฉพาะกรณีที่โลโก้นั้นได้รับอนุญาตให้แสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายที่ขึ้นทะเบียนกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว หรือการขอยกเลิกการแสดงโลโก้บน ฉลาก หรือการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งของโลโก้บนฉลาก ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
9.1 โลโก้ที่ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือขอเพิ่ม ต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อการค้าของ ผลิตภัณฑ์
9.2 โลโก้ที่ขอเพิ่มต้องเป็นโลโก้ที่เคยได้รับอนุญาตให้แสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์วัตถุ อันตรายที่ขึ้นทะเบียนกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว
9.3 การจัดวางตําแหน่งของโลโก้บนฉลาก ต้องไม่ทําให้เข้าใจผิดในสาระสําคัญของ ผลิตภัณฑ์ และต้องแสดงใกล้ตําแหน่งของผู้ผลิต หรือผู้นําเข้า หรือผู้จัด จําหน่าย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ตามแต่กรณี
9.4 รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ และตําแหน่งการจัดวางของข้อความและรูปภาพบน ฉลาก คงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๑๐ การขอเพิ่ม แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์ โทรสารของผู้จัดจําหน่าย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์บนฉลาก โดยรูปแบบ ข้อความ รูปภาพ ตําแหน่งการจัดวาง ของข้อความอื่นและรูปภาพบนฉลาก ต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๑๑ การขอระบุอักษรย่อของสูตร เช่น EC, EW เป็นต้น ต่อท้ายชื่อและอัตราส่วน สารสําคัญภายใต้หัวข้อชื่อและอัตราส่วนสารสําคัญบนฉลากผลิตภัณฑ์กําจัดแมลงที่ใบสําคัญการขึ้นทะเบียน วัตถุอันตรายระบุประเภทการใช้โดยผู้เชี่ยวชาญ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
11.1 ลักษณะสูตรของผลิตภัณฑ์ที่ขอระบุเพิ่มต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงของสูตร ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
11.2 ฉลากคงเติมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๑๒ การขอยกเลิกการแสดงรูปภาพที่เคยได้รับอนุญาตให้แสดงบนฉลาก โดยไม่มีการขอ เพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปภาพใหม่ ทั้งนี้ รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ และตําแหน่งการจัดวางของข้อความ และรูปภาพอื่นบนฉลาก ต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๑๓ กรณีดังต่อไปนี้ ไม่ต้องยื่นขออนุญาตแก้ไขเปลี่ยนแปลงฉลากต่อสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา
13.1 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงขนาดความจุของภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย หรือ เปลี่ยนแปลงความสูงหรือความกว้างของภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย โดยที่ ปริมาณสุทธิหรือน้ําหนักสุทธิของผลิตภัณฑ์ยังคงเดิม
13.2 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งของเครื่องหมาย อย. วอส. โดยฉลาก คงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
13.3 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์โทรสารของผู้ผลิต ผู้นําเข้า หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งบนฉลากของชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์โทรสารของผู้ผลิต ผู้นําเข้า โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
13.3.1 กรณีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์ โทรสารของผู้ผลิต ผู้นําเข้า ต้องมีรายละเอียดตรงกันทุกประการกับ ที่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงและบันทึกรายการการแก้ไข เปลี่ยนแปลงไว้ในใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและใบอนุญาต หรือใบรับแจ้งดําเนินการที่เกี่ยวข้องแล้ว
13.3.2 กรณีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งบนฉลากของชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์โทรสารของผู้ผลิต ผู้นําเข้า ต้องเป็นไปตาม เงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตไว้เดิม เช่น เงื่อนไขการระบุข้อความ โลโก้ หรือเครื่องหมายรับรองที่กําหนดให้ต้องแสดงใกล้ตําแหน่งชื่อผู้ผลิต หรือผู้นําเข้า เป็นต้น
13.4 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งบนฉลากของชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือเบอร์โทรสารของผู้จัดจําหน่าย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ โดยการ เปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งบนฉลากต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับ อนุญาตไว้ เช่น เงื่อนไขการระบุข้อความ โลโก้ หรือเครื่องหมายรับรองที่ กําหนดให้ต้องแสดงใกล้ตําแหน่งชื่อผู้จัดจําหน่าย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
13.5 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการระบุหน่วยปริมาตรหรือหน่วยน้ําหนัก ภายใต้หัวข้อขนาดบรรจุหรือวิธีใช้ ให้เป็นระบบเมตริก เช่น แก้ไขจาก ซีซี เป็น มิลลิลิตร หรือ มล. หรือการแก้ไขจากอักษรย่อเป็นคําเต็ม เช่น มล. เป็น มิลลิลิตร โดย ขนาดบรรจุ อัตราการใช้ และวิธีใช้คงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
13.6 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่งหรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูป สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับภาชนะบรรจุหรือรูปสัญลักษณ์การรีไซเคิลภาชนะบรรจุที่ แสดงบนฉลาก โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องไม่ทําให้เข้าใจผิดใน สาระสําคัญของผลิตภัณฑ์
13.7 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงการจัดวางตําแหน่ง หรือการเพิ่ม หรือการแก้ไขคิวอาร์ โค้ด (QR Code) บาร์โค้ด (Bar Code) รหัสสินค้า หรือของทางการติดต่อ อื่นๆ เช่น สายด่วน การติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ เว็บไซต์ อีเมล เป็นต้น
13.8 การเพิ่ม หรือการแก้ไข หรือการยกเลิกการแสดงราคาสินค้าบนฉลาก หรือกรณี ที่ฉลากที่ได้รับอนุญาตไปแล้วมีการแสดงข้อความเกี่ยวกับราคาสินค้าบนฉลาก และต่อมาผู้ได้รับอนุญาตมีความประสงค์ขอแก้ไขข้อความหรือเปลี่ยนแปลง การจัดวางตําแหน่งของข้อความการแสดงราคาสินค้าบนฉลาก
13.9 การแก้ไขข้อความบนฉลากสําหรับข้อความที่ได้รับอนุญาตแล้วให้เป็นไปตาม ข้อกําหนดของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอแก้ไขขนาดตัวอักษรและ ขนาดตัวเลขแสดงปริมาณสุทธิบนฉลากให้สอดคล้องตามประกาศกระทรวง พาณิชย์ว่าด้วยการกําหนดชนิดของสินค้าหีบห่อ หลักเกณฑ์และวิธีการแสดง ปริมาณของสินค้าและอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด เป็นต้น
ทั้งนี้ รูปแบบ ข้อความ รูปภาพ ขนาดและตําแหน่งการจัดวางของข้อความและรูปภาพบนฉลาก นอกเหนือจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามข้อ 13.1 ถึงข้อ 13.9 ต้องคงเดิมตามที่ได้รับอนุญาตทุกประการ
ข้อ ๑๔ หากรายละเอียดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในข้อ 2 ถึงข้อ 13 ให้ผู้พิจารณาการอนุญาต และลงนามเอกสารเป็นไปตามที่กําหนดไว้ในข้อ 4.1.3 ของคําสั่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ 128/2564 สั่ง ณ วันที่ 5 เมษายน 2564 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยาเป็นผู้พิจารณาและลงนามเอกสารเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม 2565
(นางสุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล)
ผู้อํานวยการกองควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย | 5,746 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงข้อความบนฉลากผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เรื่อง การแสดงข้อความบนฉลากผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค
--------------------------
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับ ความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ซึ่งออกโดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับ การจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัย อํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายที่ผลิต ขาย หรือมีไว้ในครอบครองในประเทศ ที่นํามาใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข เพื่อประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรค เมื่อทดสอบประสิทธิภาพ ต่อเชื้อจุลินทรีย์แล้ว
1.1 กรณีทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิด คือ Staphylococcus aureus และ Salmonella enterica (choleraesuis) อนุญาตให้แสดงข้อความ “ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย”
1.2 กรณีทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย 3 ชนิด คือ Staphylococcus aureus, Salmonella enterica (choleraesuis) และ Pseudomonas aeruginosa aeruginosa อนุญาตให้แสดง ข้อความ “ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในสถานพยาบาล”
1.3 กรณีทดสอบกับเชื้อรา Trichophyton mentagrophytes อนุญาตให้แสดง ข้อความ “ฆ่าเชื้อรา
1.4 กรณีทดสอบกับเชื้อไวรัส อนุญาตให้แสดงข้อความ “ฆ่าเชื้อไวรัส (ตามผลการทดสอบ)”
1.5 กรณีทดสอบกับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส อนุญาตให้แสดงข้อความ "ฆ่าเชื้อโรค
1.6 อนุญาตให้แสดงค่าความสามารถหรือตัวเลขที่แสดงความสามารถในการฆ่าเชื้อ เมื่อมีข้อมูลผลการทดสอบประสิทธิภาพเชิงปริมาณ ทั้งนี้ต้องระบุชื่อเชื้อที่ใช้ทดสอบ และแสดงข้อความ ว่าเป็นข้อมูลที่ได้จากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
1.7 ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคไม่อนุญาตให้แสดงสรรพคุณทําความสะอาด ยกเว้นกรณีมีผลการทดสอบประสิทธิภาพทําความสะอาดและฆ่าเชื้อในขั้นตอนเดียวกัน
ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนด 1 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
พิพัฒน์ ยิ่งเสรี
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา | 5,747 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดพื้นฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์ และวัสดุอื่นๆ ที่ประกอบด้วยสารกลุ่ม ALCOHOLS หรือ ALCOHOLS ผสมกับ PHENOL หรืออนุพันธ์ของ PHENOL หรือ SURFACTANTS | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค ทําความสะอาดพื้น
ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์ และวัสดุอื่นๆ ที่ประกอบด้วยสารกลุ่ม
ALCOHOLS หรือ ALCOHOLS ผสมกับ PHENOL
หรืออนุพันธ์ของ PHENOL หรือ SURFACTANTS
------------------------------
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายที่ผลิต ขาย หรือมีไว้ในครอบครอง ในประเทศซึ่งประกอบด้วยสารในกลุ่ม ALCOHOLS หรือ ALCOHOLS ผสมกับ PHENOL หรืออนุพันธ์ของ PHENOL หรือ SURFACTANTS ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อประโยชน์ในการฆ่าเชื้อโรค ทําความสะอาดพื้น ฝาผนัง เครื่องสุขภัณฑ์ และวัสดุอื่นๆ ต้องปฏิบัติตาม ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 2 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 และแสดงสาระสําคัญดังต่อไปนี้
1.1 ประโยชน์ ใช้ฆ่าเชื้อโรคและทําความสะอาดพื้น ฝาผนังเครื่องสุขภัณฑ์ และวัสดุอื่นๆ หรือใช้ฆ่าเชื้อและดับกลิ่นในที่อับชื้น (แจ้งตามวัตถุ ประสงค์ของผลิตภัณฑ์)
1.2 วิธีใช้
1.2.1 รูปแบบฉีดพ่นสําหรับการฆ่าเชื้อโรค และทําความ สะอาดบนพื้นผิวต่างๆ ฉีดบนพื้นผิวที่ต้องการจนขึ้น โดยฉีดให้ห่างจากพื้นผิวนั้น ประมาณ ...... และควรทิ้งไว้นาน......... จึงจะสามารถใช้งานบริเวณพื้นผิวนั้นได้
1.2.2 รูปแบบฉีดพ่นสําหรับการฆ่าเชื้อโรคทําความสะอาดและดับกลิ่น
(1) ก่อนใช้ให้คนและสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนั้นก่อนให้ผู้ฉีดสวมถุงมือและหน้ากาก หรือใช้ผ้าปิดปากและจมูก แล้วฉีดวัตถุอันตราย/ชื่อ ผลิตภัณฑ์ไปยังกลางห้องนานประมาณ.........
(2) หลังจากฉีดพ่นแล้ว ควรทิ้งไว้นาน...........จึงให้คนและสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบริเวณดังกล่าว
1.2.3 รูปแบบอื่น
แจ้งตามวิธีใช้จริงของผลิตภัณฑ์
1.3 วิธีเก็บรักษา เก็บในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร สัตว์เลี้ยง เปลวไฟและความร้อน
1.4 คําเตือน
(1) ห้ามรับประทาน
(2) ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
(3) ขณะใช้ควรสวมถุงมือยาง และภายหลังการใช้หรือหยิบจับ ควรล้างถุงมือยาง มือและบริเวณร่างกายที่สัมผัสด้วยน้ําและสบู่ทุกครั้ง
(4) ห้ามฉีดพ่นวัตถุอันตราย ชื่อผลิตภัณฑ์ในขณะที่ประกอบ อาหารหรือมีอาหารวางอยู่ (รูปแบบฉีดพ่น)
(5) ห้ามฉีดพ่นใช้วัตถุอันตราย ชื่อผลิตภัณฑ์บริเวณที่มี เปลวไฟ เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้ติดไฟง่าย
(6) ห้ามใช้วัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์บนพื้นผิวที่เป็นไม้เคลือบเงาหรืออะคริลิกพลาสติก
(7) ห้ามทิ้งภาชนะบรรจุหรือวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ ลงในแม่น้ํา คู คลอง และแหล่งน้ําสาธารณะ ควรทิ้งในที่เหมาะสม และห้ามเผาไฟ จะเกิดอันตราย (รูปแบบฉีดพ่น)
1.5 วิธีแก้พิษเบื้องต้น
(1) หากถูกผิวหนังให้ล้างออกด้วยน้ําจํานวนมากๆ ถ้า แล้วล้างร่างกายด้วยน้ําและสบู่ทุกครั้ง เปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออก
(2) หากได้รับพิษจากการสูดดมให้รีบนําผู้ป่วยออกไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
(3) หากเข้าตาให้รีบล้างด้วยน้ําสะอาดจนอาการระคายเคือง ทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์
(4) หากกลืนกินวัตถุอันตราย ชื่อผลิตภัณฑ์ ห้ามทําให้ อาเจียน ให้ดื่มนมปริมาณมากๆ แล้วรีบนําผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมภาชนะบรรจุ ฉลาก หรือใบแทรกของวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์
ข้อ ๒ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายตามข้อ 1 ที่นําเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ปฏิบัติตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ภักดี โพธิศิริ
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา | 5,748 |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.