title
stringlengths 8
870
| text
stringlengths 0
298k
| __index_level_0__
int64 0
54.3k
|
---|---|---|
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 12 เรื่อง ตัวอย่างคำสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการ | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008.1/ว 12
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
29 มีนาคม 2553
เรื่อง ตัวอย่างคําสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. ตัวอย่างคําสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการ (คส.7.3 - คส.7.5)
2. ตัวอย่างคําสั่งให้ข้าราชการได้รับเงินเดือน (คส.8.2)
3. ตัวอย่างหนังสือแจ้งผลการเลื่อนเงินเดือน
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 ซึ่งกําหนดเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การออกคําสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการ คําสั่งให้ข้าราชการได้รับเงินเดือน รวมถึงการแจ้งผลการเลื่อนเงินเดือน เป็นไปอย่างถูกต้อง สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นมาตรฐานเดียวกัน สํานักงาน ก.พ. จึงได้จัดทําตัวอย่างคําสั่งดังกล่าวและหนังสือแจ้งผลการเลื่อนเงินเดือนมาเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8100, 0 2547 1980, 0 2547 1990
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,451 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 23 เรื่อง การใช้แบบ ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่ | ที่ นร 1006/ว 23
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
31 สิงหาคม พ.ศ.2554
เรื่อง การใช้แบบ ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่
เรียน (กระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ สร 1007/ว 28 ลงวันที่ 15 กันยายน 2518
2. หนังสือสํากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/8417 ลงวันที่ 8 เมษายน 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. ตัวอย่างแบบ ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่
2. คู่มือการจัดทํา ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกการจัดทําสมุดทะเบียนประวัติข้าราชการสําหรับข้าราชการที่เข้ารับราชการใหม่ และให้ส่วนราชการจัดทํา ก.พ.7 ตามแบบวิธีการที่คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงสมุดทะเบียนประวัติข้าราชการกําหนดขึ้นใหม่ โดยสํานักงาน ก.พ. ได้ส่งตัวอย่าง ก.พ.7 แบบใหม่ และแฟ้มประวัติข้าราชการ ตลอดจนคู่มือการใช้แฟ้มประวัติข้าราชการ มาเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 อนุมัติให้ใช้แบบ ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่ สําหรับข้าราชการพลเรือนที่บรรจุเข้ารับราชการใหม่ได้เป็นกรณีเฉพาะความแจ้งแล้ว นั้น
สํานักงาน ก.พ. จึงขอส่งตัวอย่างแบบ ก.พ.๗ ที่ปรับปรุงใหม่ และคู่มือการจัดทํา ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่มาให้ส่วนราชการนี้อย่างละ 1 ชุด พร้อมกับหนังสือนี้ และขอเรียนชี้แจงแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม ดังนี้
1. ก.พ.7 ที่ปรับปรุงใหม่นี้ ให้ใช้แทน ก.พ.7 แบบใหม่ เฉพาะข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญอยู่แล้ว ยังคงใช้ ก.พ.7 ฉบับเดิม
2. การจัดทําแฟ้มทะเบียนประวัติข้าราชการให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้ารับราชการใหม่ คนละ 1 แฟ้ม ให้ถือปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึง 1
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน
โทร. 0 2281 0977 โทรสาร 0 2281 7316 | 6,452 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 62/2561 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561 | ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 62/2561
เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน
ในเดือนกันยายน 2561
----------------------------------------
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้
| | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) |
| พ. 37/14/61 | 35,000 | 14 กันยายน 2561 | 18/9/61 – 2/10/61 | 14 |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2561
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน 2561
(นางสาววชิรา อารมณ์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,453 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 13 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดำรงตำแหน่งตามเดิมหรือตำแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง | ที่ นร 1008.1/ว 13
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 มีนาคม 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง
เรียน
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์และวิธีการรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง
2. คําอธิบายหลักเกณฑ์และวิธีการรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 66 วรรคสอง บัญญัติให้การรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด
ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกัน เพราะเหตุที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
ในการนี้ สํานักงาน ก.พ. ได้จัดทําคําอธิบายเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการข้างต้นตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1983, 0 2547 1985, 0 2547 1980, 0 2547 1000 ต่อ 8100
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,454 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 24 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารและประเภทอำนวยการ | ที่ นร 1003/ว 24
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
6 กันยายน 2554
เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการ
เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 0708.1/ว 22 ลงวันที่ 30 กันยายน 2540
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 22 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2553
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 15 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2554
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 8 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 3 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางปฏิบัติในการคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการ รวมทั้งการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ไม่เคยดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมและอยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี และตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ทั้งนี้ เฉพาะตําแหน่งที่ได้รับเงินประจําตําแหน่งในอัตราตามข้อ 3 (3) แห่งกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง พ.ศ. 2551 และตามหนังสือที่อ้างถึง 4 ก.พ. มีมติขอให้ส่วนราชการเร่งพิจารณาและดําเนินการเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการเพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุให้แล้วเสร็จ โดยการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการได้ภายในกําหนดเวลา ความแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ทดแทนผู้เกษียณอายุได้ภายในเดือนตุลาคม และไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งตั้งข้าราชการในลําดับถัดไป มีความต่อเนื่องในการปฏิบัติบริหารราชการแผ่นดินของส่วนราชการและระบบราชการโดยรวม ก.พ. จึงมีมติกําหนดแนวทางปฏิบัติในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการ ดังต่อไปนี้
1. ให้ชะลอการดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 และให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2
2. ให้ชะลอการเร่งรัดการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการ ตามกรอบเวลาที่ ก.พ. กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 4 โดยให้ส่วนราชการเร่งรัดการดําเนินการเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้รายงานผลการดําเนินการให้ ก.พ. ทราบต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์นักบริหารระดับสูง
โทร. 0 2547 1734
โทรสาร 0 2547 1736 | 6,455 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 14 เรื่อง การจัดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำของส่วนราชการ | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008/ว 14
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
31 มีนาคม 2553
เรื่อง การจัดระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อตําแหน่งลูกจ้างประจําจําแนกตามกลุ่มงาน
2. หน้าที่โดยย่อของตําแหน่งลูกจ้างประจํา
3. ตารางเทียบตําแหน่งลูกจ้างประจําตามระบบใหม่กับระบบเดิม
อื่นๆ - ด้วยมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอํานาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 พ.ศ. 2545 บัญญัติให้โอนกิจการและอํานาจหน้าที่ของสํานักนายกรัฐมนตรีในส่วนของสํานักงบประมาณเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการกําหนดตําแหน่งลูกจ้างประจําและลูกจ้างชั่วคราว มาเป็นของสํานักงาน ก.พ.
บัดนี้ สํานักงาน ก.พ. ได้จัดระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการในสังกัดฝ่ายบริหารที่เบิกจ่ายเงินจากงบประมาณงบบุคลากรไว้ ดังนี้
1. จัดตําแหน่งลูกจ้างประจําตามลักษณะงาน เป็น 4 กลุ่มงาน มีสายงานทั้งหมด รวม 356 สายงาน ได้แก่
1.1 กลุ่มงานบริการพื้นฐาน หมายถึง กลุ่มตําแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานให้บริการเป็นหลัก หรือเป็นงานพื้นฐานของส่วนราชการ มีจํานวน 55 สายงาน
1.2 กลุ่มงานสนับสนุน หมายถึง กลุ่มตําแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานในการช่วยปฏิบัติ หรือสนับสนุนผู้ปฏิบัติภารกิจหลัก มีจํานวน 150 สายงาน
1.3 กลุ่มงานช่าง หมายถึง กลุ่มตําแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานในการปฏิบัติงานช่าง ได้แก่ สร้าง ใช้ ซ่อมแซม ปรับแก้ ติดตั้ง ประกอบเครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ มีจํานวน 141 สายงาน
1.4 กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ หมายถึง กลุ่มตําแหน่งในสายงานที่มีลักษณะงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว ทักษะพิเศษ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเฉพาะในการปฏิบัติงาน มีจํานวน 10 สายงาน
รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
2. กําหนดระดับชั้นงานของตําแหน่งในแต่ละกลุ่มงาน ดังนี้
2.1 กลุ่มงานบริการพื้นฐาน มีระดับชั้นงานไม่เกิน 2 ระดับ ได้แก่
- ระดับ บ 1 เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานชั้นต้น
- ระดับ บ 2 หรือ บ 2/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงาน หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
2.2 กลุ่มงานสนับสนุน มีระดับชั้นงานไม่เกิน 4 ระดับ ได้แก่
- ระดับ ส 1 เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานชั้นต้น
- ระดับ ส 2 หรือ ส 2/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงาน หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
- ระดับ ส 3 หรือ ส 3/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงานสูง หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
- ระดับ ส 4 หรือ ส 4/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงานสูงมาก หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
2.3 กลุ่มงานช่าง มีระดับชั้นงานไม่เกิน 4 ระดับ ได้แก่
- ระดับ ช 1 เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานชั้นต้น
- ระดับ ช 2 หรือ ช 2/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงาน หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
- ระดับ ช 3 หรือ ช 3/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงานสูง หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
- ระดับ ช 4 หรือ ช 4/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์และความชํานาญงานสูงมาก หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
2.4 กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ มีระดับชั้นงานไม่เกิน 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับ ท 1 เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะพิเศษเฉพาะ
- ระดับ ท 2 หรือ ท 2/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะพิเศษและความสามารถเฉพาะอย่างสูง หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
- ระดับ ท 3 หรือ ท 3/หัวหน้า เป็นตําแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะพิเศษและความสามารถเฉพาะอย่างสูงมาก หรือเป็นตําแหน่งหัวหน้างาน
โดยมีรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบของตําแหน่งในแต่ละระดับชั้นงานตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
3. การใช้ชื่อตําแหน่งลูกจ้างประจําซึ่งไม่ได้ทําหน้าที่หัวหน้างาน ให้ใช้ตามชื่อสายงานและระดับชั้นงาน เช่น “พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส 1” ส่วนตําแหน่งซึ่งทําหน้าที่หัวหน้างาน ให้ใช้ชื่อสายงานและระดับชั้นงาน เช่น “พนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส 2/หัวหน้า” หรืออาจใช้ชื่อตําแหน่งทางการบังคับบัญชาโดยระบุคําว่า “หัวหน้า” และชื่อสายงาน (ไม่ต้องระบุระดับชั้นงาน) เช่น “หัวหน้าพนักงานขับรถยนต์”
4. การจัดตําแหน่งลูกจ้างประจําจากระบบเดิมเข้าสู่กลุ่มงานและระดับชั้นงานตามระบบตําแหน่งใหม่นี้ ให้จัดตามชื่อตําแหน่งและระดับชั้นงาน ตามรายละเอียดที่กําหนดไว้ในตารางเทียบตําแหน่งลูกจ้างประจําตามระบบใหม่กับระบบเดิม ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3
5. กําหนดให้ระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําตามหนังสือฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป
6. การบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจําตามระบบนี้ เช่น การปรับระดับชั้นงาน การเปลี่ยนชื่อตําแหน่ง สายงาน หรือกลุ่มงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงาน ก.พ. จะกําหนดต่อไป
7. การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง การกําหนดอัตราค่าจ้างของตําแหน่งและการบริหารงานบุคคลของลูกจ้างประจําในตําแหน่งที่กําหนดตามหนังสือฉบับนี้ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกําหนด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
ศูนย์บริหารกําลังคนภาครัฐ
โทร. 0 2547 1395
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,456 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 63/2561 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 | ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 63/2561
เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน พ.ศ. 2561
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน พ.ศ. 2561
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ตามธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน ปี 2561 (รุ่นที่ 2/3ปี/2561) โดยจะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) ในวันที่ 18 กันยายน 2561 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 2/3ปี/2561 ที่จะประมูลในวันที่ 20 กันยายน 2561 เท่ากับร้อยละ 2.09 ต่อปี
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน 2561
(นายวชิรา อารมย์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,457 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 25 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ระดับกรม | ที่ นร 1008/ว 25
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
8 กันยายน 2554
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ระดับกรม
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่น ๆ ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ระดับกรม สอดคล้องและครอบคลุมลักษณะงานที่ปฏิบัติของตําแหน่งในสายงานวิชาการช่างศิลป์ สายงานมัณฑนศิลป์ สายงานจิตรกรรม และสายงานประติมากรรม จึงมีมติให้ปรับปรุงข้อความในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ระดับกรม ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง ข้อ 4.2.1 เป็น ดังนี้
"4.2.1 ส่วนราชการมีภารกิจหลักเกี่ยวกับการศึกษาวิจัย การพัฒนางานวิชาการที่ยากและซับซ้อนมากเป็นพิเศษ และมีผลกระทบในวงกว้างระดับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับประเทศ หรือมีภารกิจเกี่ยวกับการสร้างสรรค์หรือพัฒนางานศิลปะในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานที่มีลักษณะงานเฉพาะ และเป็นงานที่มีคุณค่าโดดเด่น ต้องอาศัยประสบการณ์ ทักษะ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ต้องมีการสั่งสมมาเป็นระยะเวลานาน จนสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในความสามารถและเป็นที่ยอมรับในระดับชาติ"
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 1971 8129
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,458 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 15 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่ง พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1012/ว 15
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
12 เมษายน 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตําแหน่ง พ.ศ. 2553
เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตําแหน่ง พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตําแหน่ง พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 23 ก วันที่ 2 เมษายน 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร 0 2547 1830
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,459 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 16 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1012/ว 16
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
11 พฤษภาคม 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. 2553
เรียน หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงและเทียบเท่า
สิ่งทีส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 28 ก วันที่ 30 เมษายน 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร. 0 2547 1852, 0 2547 1847
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,460 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 26 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 26
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
14 กันยายน 2554
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่ง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 40 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. แบบรายงานการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่ง (แบบ บอ. 1)
2. แบบรายงานอัตรากําลังในภาพรวมของส่วนราชการ (แบบ บอ. 2)
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งและหลักเกณฑ์การปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป โดยในการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่ง หากมีผลกระทบทําให้ค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มสูงขึ้น ให้ส่วนราชการนําตําแหน่งว่างที่มีเงินมายุบเลิก โดยค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งที่นํามายุบเลิกจะต้องครอบคลุมค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งที่เพิ่มขึ้นจากการกําหนดตําแหน่ง และการกําหนดตําแหน่งในลักษณะกรอบระดับตําแหน่ง รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่นๆ ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการมีความยืดหยุ่น คล่องตัว และผ่อนคลายสภาพการขาดแคลนกําลังคนในระดับผู้ปฏิบัติงาน ประกอบกับเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 เรื่องมาตรการบริหารกําลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2556) ตามยุทธศาสตร์ 1 : การบริหารกําลังคนให้สอดคล้องกับความจําเป็นตามพันธกิจ ให้ส่วนราชการสามารถปรับเพิ่มลดจํานวนและระดับตําแหน่งได้ภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่งตามโครงสร้างของส่วนราชการ ซึ่งไม่ถือเป็นอัตราตั้งใหม่ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติให้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่งตามโครงสร้างของส่วนราชการ ซึ่งอาจมีผลให้มีจํานวนตําแหน่งเพิ่มขึ้นได้ด้วย โดยดําเนินการดังต่อไปนี้
1. ให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจเพื่อดําเนินการเฉพาะภารกิจที่สําคัญจําเป็น และมีความคุ้มค่า และทบทวนการจัดอัตรากําลังตามโครงสร้างของส่วนราชการในภาพรวม และการจัดประเภทของกําลังคน ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจํา และลูกจ้างชั่วคราว ให้เหมาะสมกับลักษณะงานและพันธกิจของส่วนราชการ ทั้งนี้ ให้พิจารณาการจัดอัตรากําลังข้าราชการตามโครงสร้างปัจจุบันว่ามีความจําเป็นต้องปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งข้าราชการในส่วนใด ประเภทตําแหน่ง สายงาน และระดับตําแหน่งใดบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับการดําเนินงานตามบทบาทภารกิจของส่วนราชการในปัจจุบันและอนาคต
2. เมื่อได้ดําเนินการตามข้อ 1 แล้ว ให้ส่วนราชการพิจารณาปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่งซึ่งกําหนดจากผลรวมของค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งที่นํามาปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งในแต่ละครั้ง เพื่อควบคุมมิให้การปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งดังกล่าวมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านบุคคลในภาพรวม
3. ในกรณีที่มีค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งที่เหลือจากการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งของส่วนราชการในกระทรวง อ.ก.พ.กระทรวงสามารถนําค่าตอบแทนเฉลี่ยที่เหลืออยู่ดังกล่าว ไปใช้ในการกําหนดตําแหน่งของส่วนราชการในกระทรวงในครั้งต่อ ๆ ไปก็ได้
4. เมื่อ อ.ก.พ.กระทรวงมีมติปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งของส่วนราชการในกระทรวงแล้ว
ให้ส่วนราชการที่ดําเนินการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งดังกล่าว จัดส่งแบบรายงานการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่ง (แบบ บอ. 1) ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 และแบบรายงานอัตรากําลังในภาพรวมของส่วนราชการ (แบบ บอ. 2) ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ๒ ให้สํานักงาน ก.พ. ดําเนินการตรวจสอบการบริหารกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่งและการปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งของแต่ละส่วนราชการ พร้อมทั้งส่งสําเนาแบบ บอ. 1 ให้สํานักงบประมาณและกรมบัญชีกลางทราบด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1957
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,461 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1001/ว 17 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1001/ว 17
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
24 พฤษภาคม 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2553
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 30 ก วันที่ 7 พฤษภาคม 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักกฎหมาย
โทร. 0 2547 1560
โทรสาร 0 2547 1571 | 6,462 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 64/2561 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561 | ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 64/2561
เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน
ในเดือนกันยายน 2561
----------------------------------------
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้
| | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) |
| พ. 38/14/61 | 35,000 | 21 กันยายน 2561 | 25/9/61 – 9/10/61 | 14 |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2561
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2561
(นางสาววชิรา อารมณ์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,463 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 27 เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กำหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1004/ว 27
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
27 กันยายน 2554
เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 20 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2553
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556
2. แบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
3. คําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนด
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งมติ ก.พ. ให้ส่วนราชการดําเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิต่าง ๆ ที่ ก.พ. กําหนดเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 2 สําหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติกําหนดให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 ได้ สําหรับวิธีการคัดเลือกนั้นให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ต่อไป โดยบรรจุและแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2556 และมีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
1. วุฒิที่จะคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งต้องเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งของตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง
2. ในกรณีที่ส่วนราชการพิจารณาเห็นว่าอาจมีผู้สมัครจํานวนมาก ให้กําหนดหลักสูตรและวิธีการคัดเลือกที่ครอบคลุมการทดสอบความรู้ ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะที่จําเป็นของตําแหน่งมากกว่าหนึ่งวิธี
3. ห้ามส่วนราชการโอนผู้ได้รับคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตําแหน่งต่าง ๆ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
4. เมื่อได้ดําเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละครั้ง ให้รายงานผลการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการไปยังสํานักงาน ก.พ. ทุกครั้งตามแบบรายงาน ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
5. ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการคัดเลือกและขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกโดยถูกต้องไว้ก่อนวันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และมิได้ประกาศกําหนดการหมดอายุบัญชีภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ดําเนินการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกที่เหลืออยู่ในบัญชีดังกล่าวต่อไปได้ตามที่เห็นสมควร
ทั้งนี้ ส่วนราชการที่จะดําเนินการคัดเลือกควรศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 เพื่อจะได้ดําเนินการได้อย่างถูกต้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941 - 1948
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,464 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 28 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 28
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
17 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกําหนดจํานวนตําแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม (ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง) ข้อ 1.7 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวง คํานึงถึงองค์ประกอบในการพิจารณา ดังนี้
1. ส่วนราชการมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทภารกิจอันเกิดจากกฎหมาย นโยบายของรัฐบาลและการปรับปรุงระบบงาน หรือไม่ โดยต้องพิจารณาบทบาทหน้าที่ของรองหัวหน้าส่วนราชการที่จะกําหนดขึ้นเพื่อทําหน้าที่แบ่งเบาภาระของหัวหน้าส่วนราชการ รับผิดชอบกลั่นกรองงานเกี่ยวกับนโยบาย ควบคุม กํากับ ดูแลงานให้เป็นไปตามนโยบายของหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งการกําหนดตําแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการเพิ่มขึ้น ส่วนราชการจะต้องชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและการปฏิบัติงานตามภารกิจของส่วนราชการนั้น
2. การแบ่งภารกิจหลัก (Key Task) ของส่วนราชการ โดยพิจารณาว่าส่วนราชการนั้นสามารถแบ่งงานในความรับผิดชอบออกได้เป็นกี่ภารกิจหลัก และแต่ละภารกิจหลักมีความจําเป็นต้องกําหนดให้มีตําแหน่งระดับสูงประเภทใดรับผิดชอบบ้าง เช่น ตําแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการ ตําแหน่งที่ปรึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ งานตามภารกิจหลัก หมายถึง งานที่กฎหมายกําหนดให้เป็นอํานาจหน้าที่ของส่วนราชการนั้น และเป็นงานที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ มิใช่การแบ่งงานตามกลุ่มภารกิจ (Cluster)
3. ส่วนราชการมีตําแหน่งระดับสูงประเภทใดบ้าง จํานวนเท่าใด และแต่ละตําแหน่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบและมีการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างใด โดยพิจารณาถึงบทบาทหน้าที่และการปฏิบัติงานของตําแหน่งระดับสูงประเภทต่าง ๆ ในส่วนราชการนั้น เช่น งานที่ต้องวินิจฉัยสั่งการ งานตามที่กฎหมายกําหนดไว้ งานเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนในการประชุมต่าง ๆ เป็นต้น
4. ส่วนราชการมีระบบการมอบอํานาจการบริหารงานให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับรองลงไป ซึ่งได้แก่ ตําแหน่งผู้อํานวยการสํานัก/กอง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่ อย่างไร
5. ปริมาณงานตามภาระหน้าที่ของตําแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องปฏิบัติจริงหลังจากมีการมอบอํานาจให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับผู้อํานวยการสํานัก/กอง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่าแล้ว โดยคํานวณตามเกณฑ์มาตรฐานต่อปีต่อตําแหน่ง (ปีละ 230 วัน วันละ 6 ชั่วโมง)
6. พิจารณาเปรียบเทียบกับส่วนราชการที่มีขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ ขนาด และ/หรือ ลักษณะงานคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1434
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,465 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 66/2561 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561 | ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 66/2561
เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน
ในเดือนกันยายน 2561
----------------------------------------
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2561
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้
| | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) |
| พ. 39/14/61 | 35,000 | 28 กันยายน 2561 | 2/10/61 – 16/10/61 | 14 |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2561
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน 2561
(นางสาววชิรา อารมณ์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,466 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1001/ว 19 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1001/ว 19
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
2 มิถุนายน 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 23 ก วันที่ 2 เมษายน 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1892
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,467 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 20 เรื่อง วุฒิที ก.พ.กำหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ.2553 – พ.ศ. 2554 | ที่ นร 1004/ว 20
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
2 มิถุนายน 2553
เรื่อง วุฒิที ก.พ.กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ.2553 – พ.ศ. 2554
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที นร 1004.1/ว 7 ลงวันที่ 25 กันยายน 2551
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 28 กันยายน 2549
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อวุฒิที ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 – พ.ศ. 2554
2. แบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
3. คําอธิบายรายละเอียดวุฒิที ก.พ. กําหนด
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ก.พ. ได้กําหนดให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กําหนด เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือนไขทีกําหนดในหนังสือที่อ้างถึง 2 ต่อไปจนกว่า ก.พ. จะกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อถือปฏิบัติแทน ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณากําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามนัยมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แล้ว จึงให้ยกเลิกมติ ก.พ. ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 และให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 – พ.ศ. 2554 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที ก.พ. กําหนด ดังนี้
1. ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลผู้ซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
2. การคัดเลือกให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 โดยบรรจุและแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที 30 กันยายน 2554
3. วุฒิที่จะคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งต้องเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งของตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง
4. เมื่อได้ดําเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละครั้ง ให้รายงานผลการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการไปยังสํานักงาน ก.พ. ทุกครั้งตามแบบรายงาน ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
5. การใดที่ได้ดําเนินการไปแล้วหรืออยู่ระหว่างดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ใช้บังคับอยู่เดิมก่อนวันทีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขนี้ใช้บังคับ ก็ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเดิมนั้นต่อไปจนกว่าจะเสร็จ ส่วนกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการคัดเลือกและขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกไว้แล้ว ก็ให้สามารถนําบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกดังกล่าวมาใช้เพื่อดําเนินการบรรจุและแต่งตั้งได้จนกว่าจะครบกําหนดอายุบัญชีที่ได้ประกาศไว้แต่จะต้องดําเนินการให้เสร็จสิ้นภายในอายุบัญชีดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ส่วนราชการที่จะดําเนินการคัดเลือกควรศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดวุฒิที ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 เพื่อจะได้ดําเนินการได้อย่างถูกต้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941 - 1948
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,468 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 29 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการ | ที่ นร 1008/ว 29
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
22 พฤศจิกายน 2554
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 25 ลงวันที่ 21 กันยายน 2552
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 40 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ระดับกระทรวง
2. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ระดับกรม
3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านการตรวจสอบภายใน ระดับกรม
4. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายใน
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 4 แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ และประเภททั่วไป รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่น ๆ และตารางแสดงค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ดังนี้
1. ยกเลิกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ในส่วนราชการระดับกระทรวง ที่กําหนดในข้อ 3.1.3 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 และให้ใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 แทน
2. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และด้านตรวจสอบภายใน ระดับกรม เพิ่มเติม ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 และ 3 ตามลําดับ
3. การกําหนดตําแหน่ง ประเภทวิชาการ สําหรับตําแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายใน ให้ใช้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 4
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งที่มิได้มีการปรับปรุงแก้ไข ยังคงให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 4 แล้วแต่กรณี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1972 0 2547 1977
0 2547 1000 ต่อ 8136
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,469 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 21 เรื่อง การบริหารอัตรากำลังลูกจ้างประจำ | ที่ นร 1008/ว 21
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
16 มิถุนายน 2553
เรื่อง การบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจํา
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008/ว 14 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2553
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.4/60 ลงวันที่ 1 เมษายน 2553
3. หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0428/ว 38 ลงวันที่ 1 เมษายน 2553
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008/ง 4 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบบรรยายลักษณะงาน (Job Description) ของตําแหน่งลูกจ้างประจํา (แบบ ลปจ. 1)
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 สํานักงาน ก.พ. ได้ดําเนินการจัดระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการในสังกัดฝ่ายบริหาร โดยจําแนกตําแหน่งลูกจ้างประจําเป็น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ 1) กลุ่มงานบริการพื้นฐาน 2) กลุ่มงานสนับสนุน 3) กลุ่มงานช่าง และ 4) กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ รวม 356 สายงาน รวมทั้งกําหนดระดับชั้นงานและหน้าที่โดยย่อของตําแหน่งลูกจ้างประจํา และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ได้จัดตําแหน่งลูกจ้างประจําของทุกส่วนราชการเข้ากลุ่มงานและระดับชั้นงานตามระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําดังกล่าว โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป นั้น
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจําได้อย่างคล่องตัว สอดคล้องกับการปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจและความจําเป็นของส่วนราชการ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สํานักงาน ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์การดําเนินการให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ ดังนี้
1. การบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจํา
1.1 การปรับระดับชั้นงาน
ส่วนราชการสามารถปรับระดับชั้นงานของตําแหน่งลูกจ้างประจําจากระดับ 1 เป็นระดับ 2 หรือจากระดับ 2 เป็นระดับ 3 หรือจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ได้ เมื่อผู้ดํารงตําแหน่งมีคุณสมบัติเฉพาะตําแหน่งตามที่กระทรวงการคลังกําหนดไว้สําหรับตําแหน่งที่สูงกว่าตามหนังสือที่อ้างถึง 3 ทั้งนี้ ไม่เกินระดับสูงสุดในแต่ละสายงาน (ชื่อตําแหน่ง) ที่สํานักงาน ก.พ. กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 1
1.2 การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตําแหน่ง) และกลุ่มงาน
ส่วนราชการสามารถเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตําแหน่ง) ลูกจ้างประจํา ทั้งตําแหน่งภายในกลุ่มงานเดียวกันและต่างกลุ่มงานได้ เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะงาน รวมถึงความจําเป็น ภารกิจของส่วนราชการ และประโยชน์ของทางราชการ ดังนี้
1.2.1 สายงาน (ชื่อตําแหน่ง) ที่เปลี่ยนใหม่ ต้องเป็นตําแหน่งที่สํานักงาน ก.พ. ได้กําหนดชื่อตําแหน่งและหน้าที่ความรับผิดชอบโดยย่อของตําแหน่งไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และกระทรวงการคลังได้กําหนดคุณสมบัติเฉพาะตําแหน่งและอัตราค่าจ้างไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 3
1.2.2 การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตําแหน่ง)/กลุ่มงานที่ลูกจ้างประจําครองตําแหน่งอยู่เดิมเป็นสายงาน (ชื่อตําแหน่ง) ใด กลุ่มงานใดนั้น ผู้ครองตําแหน่งจะต้องมีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติเฉพาะตําแหน่งตามที่กระทรวงการคลังกําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 และส่วนราชการจะต้องมอบหมายให้ผู้ครองตําแหน่งนั้นปฏิบัติงานโดยสอดคล้องตรงตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตําแหน่งตามที่สํานักงาน ก.พ. กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ด้วย
1.3 การตัดโอนอัตรากําลัง
ในกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ส่วนราชการสามารถตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําภายในส่วนราชการได้ เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาระหน้าที่ของส่วนราชการ
2. ให้ส่วนราชการจัดทํารายละเอียดคําบรรยายลักษณะงานของตําแหน่งลูกจ้างประจําทุกตําแหน่งของส่วนราชการ ตามแบบ ลปจ. 1 ในสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยจะต้องสอดคล้องกับหน้าที่โดยย่อของตําแหน่งที่สํานักงาน ก.พ. กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจําของส่วนราชการ ทั้งนี้ เมื่อส่วนราชการมีการบริหารอัตรากําลังตามข้อ 1 ในตําแหน่งใด ให้ปรับปรุงคําบรรยายลักษณะงานของตําแหน่งนั้นให้สอดคล้องกับสายงาน (ชื่อตําแหน่ง) และระดับชั้นงานของตําแหน่งนั้น ด้วย
3. ส่วนราชการจะสามารถดําเนินการบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจําตามข้อ 1 ได้เมื่อส่วนราชการได้มีคําสั่งแต่งตั้งลูกจ้างประจําเข้ากลุ่มงานและระดับชั้นงานของตําแหน่งใหม่แล้วซึ่งถือว่าการจัดตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการตามระบบตําแหน่งใหม่ ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 เสร็จสมบูรณ์ และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 เป็นต้นไป
4. การแต่งตั้งลูกจ้างประจําให้ดํารงตําแหน่งจากผลของการปรับระดับชั้นงานของตําแหน่ง การเปลี่ยนสายงาน (ชื่อตําแหน่ง)/กลุ่มงาน หรือตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําดังกล่าวให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกําหนด
5. เมื่อส่วนราชการได้ดําเนินการปรับระดับชั้นงานของตําแหน่ง เปลี่ยนสายงาน (ชื่อตําแหน่ง)/กลุ่มงาน หรือตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําตามข้อ 1 แล้ว ให้แจ้งผลการดําเนินการ พร้อมแบบ ลปจ. 1 ของตําแหน่งเดิมและตําแหน่งที่ปรับใหม่ ให้สํานักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง ทราบภายใน 30 วัน
6. ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2553 ถึงวันก่อนวันที่หนังสือฉบับนี้มีผลใช้บังคับซึ่งส่วนราชการได้หยุดการดําเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปรับระดับชั้นงานของตําแหน่ง การเปลี่ยนตําแหน่ง และการตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําตามหนังสือที่อ้างถึง 4 หากมีกรณีที่สํานักงาน ก.พ. หรือส่วนราชการได้อนุมัติการปรับระดับชั้นงานของตําแหน่ง การเปลี่ยนตําแหน่ง และการตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําตามระบบเดิมไว้แล้ว แต่ส่วนราชการได้ชะลอการดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไว้ก่อน ให้ส่วนราชการสามารถดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จ และให้มีผลย้อนหลังไปไม่ก่อนวันที่สํานักงาน ก.พ. หรือส่วนราชการอนุมัติการปรับระดับชั้นงานของตําแหน่ง การเปลี่ยนตําแหน่ง หรือการตัดโอนอัตรากําลังลูกจ้างประจําดังกล่าวได้ โดยการดําเนินการต้องสอดคล้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกําหนดด้วย ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการแจ้งผลการดําเนินการดังกล่าวให้สํานักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลางทราบเพื่อดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
ศูนย์บริหารกําลังคนภาครัฐ
โทร. 0 2547 1957
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,470 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 22 เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารและประเภทอำนวยการระดับสูง | ที่ นร 1003/ว 22
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
18 มิถุนายน 2553
เรื่อง แนวทางในการปฏิบัติการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการระดับสูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 7 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2552
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 16 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2552
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 0708.1/ว 22 ลงวันที่ 30 กันยายน 2540
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 9 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2548
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 ก.พ. กําหนดแนวทางดําเนินการเพื่อใช้ปฏิบัติสําหรับกรณีการเลื่อนระดับตําแหน่งและการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่างประเภทในตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการระดับสูงที่ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือที่อ้างถึง 3 ความแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การดําเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารและประเภทอํานวยการระดับสูงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการคัดเลือกที่กําหนดไว้ในสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ของหนังสือที่อ้างถึง 3 เป็นไปในแนวทางเดียวกันและมีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงวางแนวทางในการปฏิบัติการเฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้
1. การเสนอรายชื่อข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีคุณสมบัติที่่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ว่าง จํานวน 1 - 2 ชื่อ (ตามที่กระทรวงเห็นสมควรกําหนดและแจ้งให้กรมในสังกัดทราบและถือเป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน) ในข้อ 3.2 ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น ให้ดําเนินการดังนี้
(1) ให้กระทรวงกําหนดจํานวนรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งจํานวน 1 หรือ 2 ชื่อต่อหนึ่งตําแหน่งและกําหนดระยะเวลาในการให้กรมในสังกัดเสนอนายชื่อแล้วแจ้งทุกกรมในสังกัด
(2) ให้กรมเสนอรายชื่อไปยังกระทรวงไม่เกินจํานวนที่กระทรวงกําหนด หากกรมใดไม่ประสงค์จะส่งรายชื่อหรือส่งไม่ครบตามจํานวนที่กระทรวงกําหนดก็ให้แจ้งกระทรวงทราบพร้อมระบุเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรไปด้วย ทั้งนี้ ในการพิจารณาเสนอรายชื่อ กรมอาจกําหนดวิธีการคัดเลือกที่เหมาะสม เช่น สอบคัดเลือก สัมภาษณ์ หรืออาจใช้วิธีการอื่นใดก็ได้
2. การกําหนดเกณฑ์การประเมินบุคคลให้เหมาะสมกับตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง โดยถือเกณฑ์ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ในข้อ 4.1 ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น ให้คณะกรรมการคัดเลือกซึ่งแต่งตั้งโดย อ.ก.พ. กระทรวง ดําเนินการดังนี้
(1) กําหนดเกณฑ์การประเมินบุคคล โดยคํานึงถึงความรู้ ความสามารถ ความประพฤติ และประวัติการรับราชการซึ่งจะต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้วเป็นหลักและให้พิจารณาถึงคุณลักษณะอื่น ๆ เช่น ทักษะ สมรรถนะที่จําเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานในตําแหน่งและส่วนราชการนั้น ประกอบกับหลักการตามมาตรา 42 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โดยในการพิจารณาคัดเลือกควรกําหนดน้ําหนักของคะแนนแต่ละองค์ประกอบ พร้อมองค์ประกอบย่อยที่ชัดเจนซึ่งอาจเป็นคะแนนหรือเป็นระดับ หรืออื่น ๆ ก็ได้
(2) จัดให้มีการประกาศเกณฑ์การประเมินบุคคลใน (1) ให้กรมและข้าราชการในสังกัดทราบล่วงหน้าก่อนการเสนอชื่อตามข้อ 1
3. การประเมินและคัดเลือกผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อทุกคน โดยพิจารณาเทียบข้อมูลบุคคล เช่น คุณสมบัติ ผลงาน ประวัติการรับราชการของแต่ละคน กับหน้าที่ความรับผิดชอบ และความต้องการของตําแหน่ง แล้วคัดเลือกให้เหลือผู้ซึ่งเหมาะสมไว้ตําแหน่งละไม่เกิน 3 คน ในข้อ 4.2 วรรคหนึ่ง ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น ให้คณะกรรมการดําเนินการดังนี้
(1) ในการประเมินอาจใช้วิธีอื่นใดที่เหมาะสมเพิ่มเติม เช่น การสัมภาษณ์ รวมทั้งควรให้โอกาสข้าราชการที่อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการเสนอชื่อเขียนข้อเสนอเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ความคาดหวัง เป้าหมาย แนวทางการดําเนินงานและการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของงานในตําแหน่งที่ได้รับการเสนอชื่อ เพื่อประกอบการพิจารณา
(2) คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมไว้ตําแหน่งละไม่เกิน 3 คน ซึ่งเป็นตําแหน่งละ 1 คน หรือ 2 คน หรือ 3 คนก็ได้
4. ในกรณีที่เป็นการพิจารณาคราวละหลายตําแหน่งในระดับและสายงานเดียวกัน และมีผู้เข้ารับการพิจารณาเป็นจํานวนมาก คณะกรรมการอาจคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมสําหรับตําแหน่งต่าง ๆ ได้ตามจํานวนที่เห็นสมควร แต่จํานวนผู้ที่สมควรได้รับคัดเลือกต้องมากกว่าจํานวนตําแหน่งที่จะแต่งตั้งในข้อ 4.2 วรรคสอง ตามหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น เช่น ตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการประจําจังหวัด ตําแหน่งนายอําเภอ ฯลฯ เป็นต้น ให้คณะกรรมการดําเนินการได้สองแนวทาง ดังนี้
(1) คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมไว้ตําแหน่งละไม่เกิน 3 คน ซึ่งเป็นตําแหน่งละ 1 คน หรือ 2 คน หรือ 3 คนก็ได้ ทั้งนี้ บางชื่ออาจได้รับการเสนอชื่อในหลายตําแหน่งแต่ต่างลําดับที่ แต่รวมกันแล้วจํานวนผู้ที่เหมาะสมจะต้องมากกว่าจํานวนตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง หรือ
(2) คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมซึ่งจะต้องมากกว่าจํานวนตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง เช่น มีตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง จํานวน 10 ตําแหน่ง หรือ 50 ตําแหน่ง อาจคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมตั้งแต่ 11 คน หรือ 51 คนขึ้นไป โดยไม่จําเป็นต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมไว้ถึง 3 เท่าของจํานวนที่จะแต่งตั้งก็ได้
ทั้งนี้ การพิจารณาของคณะกรรมการควรมีการบันทึกหลักฐานและเหตุผลของการตัดสินในเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้
5. การพิจารณารายชื่อที่คณะกรรมการเสนอ ในข้อ 5.1 ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ของหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น ให้ดําเนินการดังนี้
(1) กรณีตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ในสายงานบริหารงานปกครอง และสายงานบริหารการทูต และประเภทอํานวยการระดับสูง เมื่อปลัดกระทรวงได้ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่า บุคคลใดในรายชื่อผู้ที่คณะกรรมการเสนอเหมาะสมให้ระบุความสมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งพร้อมทั้งเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าว
(2) กรณีตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เมื่อปลัดกระทรวงได้ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่า บุคคลใดในรายชื่อผู้ที่คณะกรรมการเสนอเหมาะสมให้ระบุความสมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งพร้อมทั้งเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าวแล้วให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
6. สําหรับส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี กรณีการเสนอรายชื่อข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ว่าง จํานวน 1 - 2 ชื่อ ให้หัวหน้าส่วนราชการนั้นเสนอรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้ง จํานวน 1 หรือ 2 ชื่อต่อหนึ่งตําแหน่ง และให้ใช้แนวทางการปฏิบัติการตามข้อ 2 - 5 โดยอนุโลม
7. ในการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี (ตําแหน่งระดับ 11 เดิม) ในข้อ ข ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ของหนังสือที่อ้างถึง 3 นั้น ให้ดําเนินการ ดังนี้
(1) ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (ตําแหน่งระดับ 11 เดิม) เป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติและมีความเหมาะสมตามจํานวนที่เห็นสมควรพร้อมข้อมูลบุคคลพื้นฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา การฝึกอบรม ดูงาน ประสบการณ์ ความสามารถ ผลงานสําคัญพิเศษ ประวัติทางวินัยในอดีตของข้าราชการผู้นั้น รวมทั้งเสนอผลการปฏิบัติงานประจําปีของผู้ที่ได้รับเสนอชื่อและความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมและความพร้อมที่จะได้รับการแต่งตั้ง
(2) เมื่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่าบุคคลใดในรายชื่อที่ปลัดกระทรวงเสนอเหมาะสมแล้วให้ระบุความสมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งพร้อมทั้งเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าวแล้ว จึงดําเนินการตามขั้นตอนการแต่งตั้งตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ต่อไป
สําหรับกรณีที่ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม (ตําแหน่งระดับ 11 เดิม) ไม่เสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือไม่มีผู้เสนอชื่อ หรือผู้มีหน้าที่เสนอชื่อเสนอชื่อตนเอง รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมีสิทธิ์เสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้วดําเนินการตามขั้นตอนการแต่งตั้งตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ต่อไป ตามหนังสือที่อ้างถึง 4 นั้น ในการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมของรัฐมนตรีให้ระบุความสมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งพร้อมทั้งเหตุผลของการตัดสินใจดังกล่าวด้วย
8. การใดที่อยู่ระหว่างการดําเนินการตามหนังสือที่อ้างถึงก่อนวันที่หนังสือฉบับนี้ใช้บังคับให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์นักบริหารระดับสูง
โทร. 0 2547 1734
โทรสาร 0 2547 1736 | 6,471 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 30 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008.1/ว 30
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
26 ธันวาคม 2554
เรื่อง การกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญใหม่ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น และนําอัตราเงินเดือนแบบช่วงมาใช้ ตลอดจนกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการปรับปรุงระบบเงินเดือนแรกบรรจุ ก.พ. จึงมีมติกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญเพิ่มเติม ดังนี้
1. เพิ่มสายงาน "จิตวิทยาคลินิก" ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง (เอกสารแนบท้าย 2 (ก)) เป็นสายงานที่ ก.พ. กําหนดให้ส่วนราชการอาจใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาให้ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในสายงานนั้นได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิตามช่วงเงินเดือน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป
2. ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดํารงตําแหน่งในสายงานวิชาการสถิติที่มีคุณวุฒิเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยคุณวุฒิที่เพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นนั้นเป็นคุณวุฒิที่ตรงตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งเดิมของสายงานสถิติเศรษฐสังคม สายงานวิชาการสถิติ และสายงานนักสถิติ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และไม่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ เนื่องจากคุณวุฒิที่เพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นไม่ตรงตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งที่ออกตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 (มาตรฐานกําหนดตําแหน่งที่ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554) ให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่เพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ตามข้อ 3 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1363 0 2 547 1379
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,472 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 23 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตำแหน่งนิติกร | ที่ นร 1008/ว 23
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
29 มิถุนายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.)
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 14 ลงวันที่ 24 เมษายน 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง อ.ก.พ. วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานนักกฎหมายภาครัฐได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) ตามระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 และประกาศ ก.พ. เรื่อง กําหนดตําแหน่งและเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ อ.ก.พ. วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานนักกฎหมายภาครัฐพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ส่วนราชการสามารถดําเนินการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล จึงมีมติให้ปรับปรุงเฉพาะหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับต้น ให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) โดยให้ยกเลิกในส่วนของหลักเกณฑ์การประเมินคุณลักษณะและพฤติกรรมของบุคคล ข้อ 2.4) หน้า 16 และให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการต่อไปนี้แทน
"2.4) ให้ อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง รับผิดชอบการประเมินคุณลักษณะและพฤติกรรมของผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) จํานวน 3 คน ประกอบด้วย
(1) หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม
(2) รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลงานด้านกฎหมายของส่วนราชการ
กรณีที่ส่วนราชการไม่มีการมอบหมายให้รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบภารกิจด้านกฎหมายของส่วนราชการ หรือมีการมอบหมายให้ดูแลงานด้านกฎหมายเพียงบางภารกิจหรือบางส่วน ให้ อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม แต่งตั้งรองหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมคนใดคนหนึ่ง เป็นกรรมการ
(3) ที่ปรึกษากฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่กํากับดูแลการปฏิบัติงานของผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับต้น ซึ่งเป็นผู้ขอรับการคัดเลือก (ถ้ามี)
ในกรณีที่ส่วนราชการยังไม่มีการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงหรือกรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรมซึ่งกํากับดูแลการปฏิบัติงานดังกล่าว ให้ อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมแต่งตั้งข้าราชการผู้รักษาการในตําแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงหรือกรม หรือรักษาการในตําแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรมเป็นกรรมการ
สําหรับกรณีที่ส่วนราชการไม่ได้มอบหมายให้ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงหรือกรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรม กํากับดูแลการปฏิบัติงานของผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับต้น ซึ่งเป็นผู้ขอรับการคัดเลือก ให้ อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม แต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงหรือกรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรมคนใดคนหนึ่งเป็นกรรมการ
ส่วนกรณีที่ส่วนราชการที่ไม่มีตําแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงหรือกรม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรม ให้ อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม พิจารณาแต่งตั้งอนุกรรมการใน อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมหนึ่งคนเป็นกรรมการ
(4) หัวหน้าส่วนราชการระดับสํานักหรือกองที่รับผิดชอบงานบริหารงานทรัพยากรบุคคล เป็นเลขานุการ"
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 1983 1985 1990 8100 810
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,473 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 69/2561 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2561 | ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 69/2561
เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน
ในเดือนตุลาคม 2561
----------------------------------------
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2561
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้
| | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) |
| พ. 40/15/61 | 35,000 | 5 ตุลาคม 2561 | 9/10/61 – 24/10/61 | 15 |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2561
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2561
(นางสาววชิรา อารมณ์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,474 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 24 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญงานสูง เข้ารับราชการ | ที่ นร 1004/ว 24
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
22 กรกฎาคม 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการบรรจุบุคคลทีมีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญงานสูง เข้ารับราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์การเทียบประสบการณ์เพื่อบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและความชํานาญงานสูง เข้ารับราชการ
2. ขั้นตอนและวิธีการบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญงานสูงเข้ารับราชการ
3. แบบขอรับการบรรจุเข้ารับราชการตามมาตรา 56
4. แบบรายงานการบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและความชํานาญงานสูงเข้ารับราชการ
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 56 บัญญัติว่ากระทรวงหรือกรมใดมีเหตุผลและความจําเป็นอย่างยิง จะบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและความชํานาญงานสูง เข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ ชํานาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ หรือทรงคุณวุฒิ หรือตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับทักษะพิเศษก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที ก.พ.กําหนด
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 56 ดังกล่าว ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญงานสูง เข้ารับราชการไว้ดังต่อไปนี้
1. ส่วนราชการมีเหตุผลและความจําเป็นอย่างยิงที่จะต้องได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และความชํานาญงานสูง มาปฏิบัติงานในตําแหน่งที่ไม่สามารถสรรหาบุคคลในระบบราชการได้
2.บุคคลที่จะรับการบรรจุต้องไม่เคยรับราชการมาก่อน และต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม หรือได้รับการยกเว้นกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 36
3. บุคคลทีจะรับการบรรจุต้องมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งนั้นตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการหรือตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงานแล้วแต่กรณี
4. บุคคลที่จะรับการบรรจุให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด ระดับใด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเทียบประสบการณ์ ตามสิงที่ส่งมาด้วย 1
5. การบรรจุบุคคลที่่มีความรู้ ความสามารถ และความชํานาญงานสูงเข้ารับราชการ นั้น ให้ส่วนราชการดําเนินการตามขั้นตอนและวิธีการตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 โดยให้ผู้นั้นยืนแบบขอรับการบรรจุตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3
6. การให้ได้รับเงินเดือน ให้ได้รับเงินเดือนตามอัตราค่าจ้างหรือเงินเดือนที่ได้รับครั้งสุดท้ายก่อนที่จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ํากว่าค่ากึ่งกลางของเงินเดือนขั้นต่ําขั้นสูงของระดับที่ได้รับแต่งตั้งและไม่เกินเงินเดือนขั้นสูงของประเภทตําแหน่งสายงานและระดับตามที ก.พ.กําหนดด้วย
7. การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการตามมาตรา 56 จะต้องมีเงื่อนไขกําหนดให้บุคคลนั้นปฏิบัติราชการในส่วนราชการนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยห้ามโอนไปส่วนราชการอื่น
8. เมื่อได้ดําเนินการบรรจุบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและความชํานาญงานสูงเข้ารับราชการเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละครั้ง ให้รายงานผลการดําเนินการไปยังสํานักงานก.พ. ทุกครั้งตามแบบรายงานตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 4
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941 - 46
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,475 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว 25 เรื่อง การดำเนินการพัฒนาและการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ | ที่ นร 1013/ว 25
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
2 สิงหาคม 2553
เรื่อง การดําเนินการพัฒนาและการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ
เรียน (หัวหน้าส่วนราชการ)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. แนวทางการดําเนินการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ
2. แนวทางการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ
อื่นๆ - โดยที่ กฎ ก.พ. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553 ข้อ 8 กําหนดให้มีการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อให้รู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการและเป็นข้าราชการที่ดีด้วยกระบวนการ การปฐมนิเทศ การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการอบรมสัมมนาร่วมกัน สําหรับการดําเนินการพัฒนาและการประเมินผลการพัฒนาให้เป็นไปตามที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามข้อ 8 ของกฎ ก.พ. ข้างต้น สํานักงาน ก.พ. จึงกําหนดการดําเนินการพัฒนาและการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ดังต่อไปนี้
1. การดําเนินการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยกระบวนการ การปฐมนิเทศ การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการอบรมสัมมนาร่วมกัน
1.1 การปฐมนิเทศ และการเรียนรู้ด้วยตนเอง ให้ส่วนราชการต้นสังกัดเป็นผู้ดําเนินการ
1.2 การอบรมสัมมนาร่วมกัน ให้กระทรวงเป็นผู้ดําเนินการ ทั้งนี้ กระทรวงอาจมอบหมายกรมใดกรมหนึ่งดําเนินการแทนทั้งกระทรวงก็ได้ โดยส่วนราชการต้นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการพัฒนาดังกล่าว
1.3 สําหรับส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือมีหัวหน้าส่วนราชการรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการดังกล่าวเป็นผู้ดําเนินการทั้งกระบวนการ การปฐมนิเทศ การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการอบรมสัมมนาร่วมกัน
1.4 กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ย้าย หรือโอนไปสังกัดส่วนราชการใหม่ และเคยได้รับการพัฒนาครบทุกกระบวนการหรือบางกระบวนการแล้ว ให้ส่วนราชการใหม่ดําเนินการพัฒนาเฉพาะกระบวนการ การปฐมนิเทศและกระบวนการอื่นที่ยังขาดอยู่
ทั้งนี้ การดําเนินการพัฒนาในแต่ละกระบวนการให้เป็นไปตามแนวทางที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
2. ข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการจะต้องผ่านกระบวนการพัฒนาทั้ง 3 กระบวนการตามที่กําหนดข้างต้นภายในระยะเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ส่วนราชการกําหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหกเดือนแต่ไม่เกินหนึ่งปี
3. ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดําเนินการประเมินผลการพัฒนาทุกกระบวนการตามแนวทางที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
4. เพื่อให้การดําเนินการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ให้ส่วนราชการจัดสรรงบประมาณสําหรับการพัฒนาอย่างเพียงพอ
อนึ่ง แนวทางการดําเนินการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการดังกล่าวนี้ ให้ใช้สําหรับการดําเนินการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่บรรจุใหม่ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2553 เป็นต้นไป สําหรับการใดที่อยู่ระหว่างการดําเนินการก่อนวันที่หนังสือฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดําเนินการอยู่ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน
โทร. 0 2547 1784, 0 2547 1754
โทรสาร 0 2547 1752, 0 2547 1783 | 6,476 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 26 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง | ที่ นร 1008/ว 26
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
17 สิงหาคม 2553
เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 10 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
สิ่งที่ส่งมาด้วย มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 2 วันที่ 1 กันยายน 2553
อื่นๆ - ตามที่ ก.พ. ได้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จํานวน 245 สายงาน และได้แจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึงแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง โดยยกเลิกคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่กําหนดว่า "ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง และประเภทอํานวยการ ระดับต้น รวมกันไม่น้อยกว่า 3 ปี" ทั้งนี้ ตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวงที่ส่งมาด้วย โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นไป
อนึ่ง สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญที่ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง และประเภทอํานวยการ ระดับต้น รวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี อยู่ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2553 ยังคงมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ จนกว่าสํานักงาน ก.พ. จะศึกษาแนวทางการกําหนดตําแหน่งเพื่อรองรับทางก้าวหน้าสําหรับผู้ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในสํานักงานปลัดกระทรวงที่ไม่มีตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น หรือประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ รองรับแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8120, 8133, 8111
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,477 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว 27 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1013/ว 27
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
27 สิงหาคม 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์และวิธีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ
2. กรอบสาระของหลักสูตรกลาง
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 72 บัญญัติให้ส่วนราชการมีหน้าที่ดําเนินการให้มีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนสามัญมีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิต มีขวัญและกําลังใจในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงต่อภารกิจของรัฐ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 และกรอบสาระของหลักสูตรกลางตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน
โทร 0 2547 1000 ต่อ 1743 1788 และ 1797
โทรสาร 0 2547 1783 | 6,478 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013.7/ว 28 เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน | ที่ นร 1013.7/ว 28
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 สิงหาคม 2553
เรื่อง การจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1013.7/ว 32 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย สําเนาหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/8699 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้จัดส่งประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน พร้อมกับแจ้งแนวทางการจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมของส่วนราชการขึ้นภายในหน่วยงานการเจ้าหน้าที่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 เห็นชอบเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมของส่วนราชการและจังหวัดใหม่ ดังนี้
1. ให้เปลี่ยนศูนย์ประสานราชการใสสะอาดของส่วนราชการและจังหวัดหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล เป็นกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมของส่วนราชการและจังหวัด
2. ให้กลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมของส่วนราชการและจังหวัด ปฏิบัติงานภายใต้การกํากับดูแลของเลขานุการคณะกรรมการจริยธรรมประจําส่วนราชการและจังหวัด
ทั้งนี้ รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน
ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม
โทรศัพท์ 0 2547 1724, 1706, 1710
โทรสาร 0 2547 1727 | 6,479 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 29 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น | ที่ นร 1012/ว 29
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
7 กันยายน 2553
เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น
เรียน (เวียนกรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 20 ลงวันที่ 7 กันยายน 2553
2. หนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 159 ลงวันที่ 3 กันยายน 2544
3. หนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว 73 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2545
อื่นๆ - ด้วยส่วนราชการขอหารือเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการ หรือปฏิบัติราชการในส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่น ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ว่า หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่นที่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ด้วย จะสามารถประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้นั้นได้หรือไม่
ก.พ. ได้พิจารณาแล้ว จึงเห็นควรซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. กรณีที่ส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปช่วยราชการ หมายถึง การสั่งในลักษณะยืมตัวไปปฏิบัติงานในส่วนราชการอื่น หรือต่างกรม และกรณีที่ส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น หมายถึง การมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัด หรือหน่วยงานอื่นภายในกรมเดียวกัน
2. กรณีที่ส่วนราชการมีคความจําเป็นและมอบหมายให้ข้าราชการผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการและประเภททั่วไป ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัด หรือหน่วยงานอื่นภายในกรมเดียวกัน หัวหน้าส่วนราชการควรพิจารณามอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานที่ข้าราชการผู้นั้นปฏิบัติราชการอยู่ด้วย เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติราชการ ตามข้อ 2 (11) ของหนังสือที่อ้างถึง 1
อนึ่ง เพื่อให้การใช้อัตรากําลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตําแหน่งและสอดคล้องกับภารกิจของส่วนราชการ อ.ก.พ. กระทรวง สามารถพิจารณาเกลี่ยอัตรากําลัง หรือปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งในส่วนราชการนั้น ๆ ให้เหมาะสม แทนการพิจารณาสั่งให้ไปช่วยราชการ หรือมอบหมายให้ไปปฏิบัติงานที่อื่น หากจะสั่งไปช่วยราชการ ควรคํานึงถึงมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 และ 3 ด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร. 0 2547 1831
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,480 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 30 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตำแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 | ที่ นร 1008/ว 30
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
15 กันยายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตําแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดํารงตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตําแหน่ง
อื่นๆ - ตามที่ ก.พ. ได้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามความในมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และแจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ นั้น
โดยที่มาตรฐานกําหนดตําแหน่งดังกล่าวได้กําหนดคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งเกี่ยวกับการดํารงตําแหน่งใดตําแหน่งหนึ่งมาแล้ว หรือตําแหน่งอย่างอื่นที่เทียบเท่าตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนด ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตําแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดํารงตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8115, 8116
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,481 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 31 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008.1/ว 31
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
17 กันยายน 2553
เรื่อง การกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 14 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/179 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2553
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/199 - 200 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการรับรองคุณวุฒิและการกําหนดอัตราเงินเดือน รวมทั้งบัญชีอัตราเงินเดือน ระดับตําแหน่ง และประเภทตําแหน่ง ของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรผู้ทําการในเรือ หรือคุณวุฒิอย่างอื่นจากสถานศึกษาในประเทศและต่างประเทศ และแจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือน ระดับตําแหน่ง และประเภทตําแหน่ง ของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรผู้ทําการในเรือ หรือคุณวุฒิอย่างอื่นจากสถานศึกษาในประเทศและต่างประเทศ ตามหนังสือที่อ้างถึง และกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญใหม่ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น และนําอัตราเงินเดือนแบบช่วงมาใช้ รวมทั้งกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรม และจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร 0 2547 1982 , 0 2547 1988
0 2547 1363 , 0 2547 1379
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,482 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 32 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1012/ว 32
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
20 กันยายน 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2553
เรียน (เวียนกรมและจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 24 ลงวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2553
2. หลักเกณฑ์ในการตรวจสุขภาพทางร่างกายและจิตวิทยาสําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ที่ได้รับราชการต่อไป
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้ส่งกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2553 ไปให้กระทรวง กรม และจังหวัด เพื่อทราบและถือปฏิบัติ นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ฉบับดังกล่าว โดยให้เพิ่มความเป็นข้อ 9/1 ดังปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วยพร้อมนี้
อนึ่ง กฎ ก.พ. ฉบับนี้ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 127 ตอนที่ 55 ก วันที่ 9 กันยายน 2553 แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร. 0 2547 1831
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,483 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 33 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1011/ว 33
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
27 กันยายน 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บําเหน็จความชอบ การกันเป็นพยานการลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553
เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บําเหน็จความชอบการกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บําเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษ และการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 57 ก วันที่ 17 กันยายน 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร 0 2547 1631
โทรสาร 0 2547 1630 | 6,484 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 34 เรื่อง การกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการกำหนดความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1008/ว 34
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กรุงเทพฯ 10300
28 กันยายน 2553
เรื่อง การกําหนดระยะเวลาในการดําเนินการกําหนดความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะที่จําเป็นสําหรับตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ.ที่ นร 1008/ว 27 ลงวันที่ 29 กันยายน 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดให้ส่วนราชการดําเนินการกําหนดรายละเอียดของความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะเฉพาะตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และเสนอ อ.ก.พ. กรมเพื่อพิจารณาเห็นชอบ แล้วรายงานให้ อ.ก.พ. กระทรวง และ ก.พ. ทราบด้วย นั้น
ด้วยปรากฏว่า มีส่วนราชการหลายแห่งยังไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จตามกําหนดเวลาดังกล่าวได้ ก.พ. จึงมีมติกําหนดให้ส่วนราชการดําเนินการกําหนดรายละเอียดความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะที่จําเป็นสําหรับตําแหน่งให้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งเสนอ อ.ก.พ. กรมเพื่อพิจารณาเห็นชอบ แล้วรายงานให้ อ.ก.พ. กระทรวง และ ก.พ. ทราบ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2554
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1979, 0 2547 1394
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,485 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 35 เรื่อง หลักเกณฑ์การมอบหมายอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย | ที่ นร 1011/ว 35
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
28 กันยายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์การมอบหมายอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัย
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อื่นๆ - โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 90 วรรคสาม บัญญัติว่า อํานาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ตามหมวดนี้ (หมวด 7 การดําเนินการทางวินัย) ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 จะมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับต่ําลงไปปฏิบัติแทนตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ. กําหนดก็ได้
ก.พ. จึงมีมติกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 จะมอบหมายอํานาจหน้าที่ตามหมวด 7 การดําเนินการทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาระดับต่ําลงไปปฏิบัติแทน ตามมาตรา 90 วรรคสาม ดังต่อไปนี้
1. ผู้มอบหมายอํานาจหน้าที่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้รับมอบหมาย เว้นแต่การดําเนินการทางวินัยกับผู้ดํารงตําแหน่งในต่างประเทศ
2. ผู้รับมอบหมายซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาระดับต่ําลงไป ต้องเป็นผู้ดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ หรือรองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือระดับกรม หัวหน้าส่วนราชการที่ไม่มีฐานะเป็นกรมแต่มีผู้บังคับบัญชาส่วนราชการเป็นอธิบดี หรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นอธิบดี หัวหน้าส่วนราชการระดับต่ํากว่ากรมซึ่งเป็นผู้ตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนี้ ตามตารางตําแหน่งผู้มอบหมาย และผู้รับมอบหมายท้ายหลักเกณฑ์นี้
ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 จะมอบหมายอํานาจหน้าที่ให้ผู้ดํารงตําแหน่งต่ําลงไปที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติโดยแน่ชัดให้เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในส่วนราชการ จะต้องมอบอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินให้ผู้ดํารงตําแหน่งต่ําลงไปนั้นมีอํานาจดําเนินการในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการในส่วนราชการนั้นควบคู่กันด้วย
3. การดําเนินการทางวินัยกับผู้ดํารงตําแหน่งในต่างประเทศที่มิได้สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 จะมอบหมายอํานาจหน้าที่ให้หัวหน้าส่วนราชการในต่างประเทศ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกดําเนินการทางวินัย และเป็นผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงปฏิบัติแทนก็ได้ ทั้งนี้ ให้ทําความตกลงกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อตกลงยินยอมให้มอบหมายได้แล้ว ให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศบันทึกข้อตกลงและลงลายมือชื่อมอบให้ไว้เป็นหลักฐานด้วย
4. อํานาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ตามหมวด 7 การดําเนินการทางวินัยที่จะมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับต่ําลงไปปฏิบัติแทนในเรื่องดังต่อไปนี้
4.1 การสืบสวนหรือพิจารณาเบื้องต้นตามมาตรา 91 ประกอบกับกฎ ก.พ. ที่เกี่ยวข้อง
4.2 การสืบสวนทางวินัย การสั่งยุติเรื่อง การสั่งลงโทษหรืองดโทษ และการรายงาน อ.ก.พ. กระทรวง หรือ ก.พ. ตามมาตรา 92 มาตรา 96 และมาตรา 103 ประกอบกับกฎ ก.พ. และระเบียบ ก.พ. ที่เกี่ยวข้อง
4.3 การสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง การสั่งยุติเรื่อง การสั่งลงโทษหรืองดโทษ การดําเนินการในกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง การส่งเรื่องให้ อ.ก.พ. สามัญพิจารณา การสั่งหรือปฏิบัติตามมติ อ.ก.พ. สามัญ และการรายงาน อ.ก.พ. กระทรวง หรือ ก.พ. ตามมาตรา 93 มาตรา 95 มาตรา 96 มาตรา 97 และมาตรา 103 ประกอบกับกฎ ก.พ. และระเบียบ ก.พ. ที่เกี่ยวข้อง
4.4 การสั่งพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน การสั่งให้กลับเข้าปฏิบัติราชการ หรือกลับเข้ารับราชการ และการดําเนินการเพื่อให้เป็นไปตามผลการสอบสวนหรือพิจารณาตามมาตรา 101 ประกอบกับกฎ ก.พ. ที่เกี่ยวข้อง
4.5 การมีคําสั่งใหม่เมื่อมีกรณีเพิ่มโทษ ลดโทษ งดโทษ ยกโทษ หรือลงโทษ ตามมาตรา 105 ประกอบกับกฎ ก.พ. ที่เกี่ยวข้อง
5. การมอบหมายอํานาจหน้าที่ตาม 4 จะมอบหมายให้ทั้งหมด หรือมอบหมายให้เฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็ได้ และจะมอบหมายให้ดําเนินการเป็นการทั่วไปในทุกส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือจะมอบหมายให้ดําเนินการเฉพาะในส่วนราชการใด หรือเฉพาะรายหนึ่งรายใดก็ได้
6. การมอบหมายให้ทําเป็นหนังสือตามแบบคําสั่งของทางราชการ โดยมีสาระสําคัญดังต่อไปนี้
6.1 ชื่อและตําแหน่งของผู้มอบหมาย ตลอดจนผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 อนุมาตราใด และชื่อหรือตําแหน่งของผู้รับมอบหมาย ถ้ามีผู้ดํารงตําแหน่งนั้นหลายคนให้ระบุให้เพียงพอทราบได้ว่ามอบหมายให้ผู้ใด
6.2 ระบุอํานาจหน้าที่มอบหมายตาม 4 ให้ชัดเจนและในกรณีที่มอบหมายให้เฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใด ให้มอบหมายอํานาจหน้าที่ทั้งหมดในเรื่องนั้น
6.3 ในกรณีที่มอบหมายอํานาจหน้าที่ให้ปฏิบัติแทนเฉพาะรายหนึ่งรายใด ให้ระบุชื่อและตําแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้มีกรณีเป็นที่สงสัยตลอดจนส่วนราชการที่สังกัดอยู่ให้ชัดเจนด้วย
7. การมอบหมายอํานาจหน้าที่่ย่อมมีผลตราบเท่าที่ยังไม่มีการยกเลิกหรือเพิกถอน เว้นแต่การมอบหมายโดยระบุชื่อและตําแหน่งของผู้รับอมบหมาย เมื่อผู้มีชื่อนั้นพ้นจากตําแหน่ง การมอบหมายย่อมสิ้นสุดลง
8. เมื่อผู้รับมอบหมายได้ใช้อํานาจหน้าที่เสร็จสิ้นโดยสั่งลงโทษ สั่งยุติเรื่อง หรือสั่งงดโทษ และรายงานการดําเนินการทางวินัยให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ ก.พ. แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 103 แล้ว ให้แจ้งผลการดําเนินการโดยส่งสําเนาคําสั่งให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ผู้มอบหมายทราบ และถ้าผู้บังคับบัญชาดังกล่าวมีความเห็นเป็นอย่างอื่น จะแจ้งไปให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ ก.พ. แล้วแต่กรณี ประกอบการพิจารณาด้วย ก็ได้
9. ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ได้มอบอํานาจและผู้รับมอบอํานาจได้ดําเนินการทางวินัยตามที่ได้รับมอบอํานาจโดยถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ก่อนวันที่หลักเกณฑ์นี้ใช้บังคับ และยังดําเนินการไม่เสร็จ ก็ให้ดําเนินการตามที่ได้รับมอบอํานาจนั้นต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
10. หลักเกณฑ์นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1631
โทรสาร 0 2547 1630 | 6,486 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 36 เรื่อง การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1006/ว 36
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
29 กันยายน 2553
เรื่อง การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. บัญชีรายชื่อพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
2. ตัวอย่างหนังสือขอโอน
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การโอนพนักงานส่วนท้องถิ่น การโอนข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัตินี้และไม่ใช่ข้าราชการการเมือง และการโอนเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ ก.พ.กําหนด มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตลอดจนจะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด ระดับใด และให้ได้รับเงินเดือนเท่าใด ให้กระทําได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 64 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการโอนสําหรับพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตลอดจนจะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และให้ได้รับเงินเดือนไว้ ดังต่อไปนี้
1. การโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับ
1.1 ให้ส่วนราชการพิจารณาถึงความจําเป็นและประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอโอนเทียบกับข้าราชการพลเรือนสามัญในส่วนราชการนั้น
1.2 การโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใด ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนด และต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามหรือได้รับยกเว้นกรณีที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 36
1.3 การโอนต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการหรือหน่วยงานเจ้าสังกัดเดิมของผู้นั้นก่อน
1.4 ตําแหน่งที่จะรับโอนต้องเป็นตําแหน่งว่างที่มีอัตราเงินเดือนและมิใช่เป็นตําแหน่งที่สงวนไว้ เช่น เพื่อบรรจุนักเรียนทุนรัฐบาล ผู้ไปรับราชการทหารหรือผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ เป็นต้น
1.5 ให้ผู้ขอโอนยื่นหนังสือขอโอนตามตัวอย่างในสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
1.6 ให้รับโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในประเภทและระดับที่เทียบได้ระดับที่สูงกว่า ระดับที่ต่ํากว่า หรือต่างประเภทตําแหน่งที่เทียบได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตําแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดํารงตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 30 ลงวันที่ 15 กันยายน 2553 ก็ได้ ทั้งนี้ ให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดสําหรับการโอนข้าราชการพลเรือนสามัญมาใช้บังคับโดยอนุโลม
1.7 การโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ หากผู้ขอโอนเป็นผู้เคยดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิต่ํากว่าระดับปริญญาตรีเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งมาก่อนและปัจจุบันดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญา ผู้นั้นจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาดังกล่าว โดยผลของการสอบแข่งขันหรือการคัดเลือกกรณีที่มีเหตุพิเศษ ทั้งนี้ การสอบแข่งขันหรือการคัดเลือกดังกล่าวต้องเทียบเคียงหรือได้มาตรฐานเดียวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดสําหรับการสอบแข่งขันตามมาตรา 53 หรือการคัดเลือกกรณีที่มีเหตุพิเศษตามมาตรา 55 จึงจะรับโอนได้
1.8 กรณีผู้ขอโอนเป็นผู้สอบแข่งขันได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ที่ ก.พ. กําหนดและได้รับความยินยอมให้โอนจากส่วนราชการหรือหน่วยงานเจ้าสังกัดเดิมหลังจากวันที่ผู้ดําเนินการสอบแข่งขันกําหนดให้สั่งบรรจุซึ่งจะทําให้ผู้นั้นถูกยกเลิกการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หากส่วนราชการที่จะรับโอนพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุผลอันสมควรและบัญชีผู้สอบแข่งขันได้นั้นยังไม่ยกเลิก ก็ให้รับโอนได้ตั้งแต่วันที่ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการหรือหน่วยงานเจ้าสังกัดเดิมยินยอมให้โอน
2. การให้ได้รับเงินเดือน
2.1 การโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใดและระดับใด ให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่ได้รับอยู่เดิม และต้องไม่สูงกว่าเงินเดือนขั้นสูงของตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับที่รับโอนตามที่ ก.พ. กําหนด
หากผู้ขอโอนได้รับเงินเดือนต่ํากว่าขั้นต่ําของระดับตําแหน่งที่จะรับโอน ก็ให้ได้รับเงินเดือนในขั้นต่ําของระดับที่ได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ ในกรณีที่อัตราเงินเดือนขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่ ก็ให้ได้รับเงินเดือนเท่าเดิมและไม่ต่ํากว่าขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้น
2.2 การโอนผู้สอบแข่งขันได้ตามมาตรา 53 หรือผู้ได้รับคัดเลือกตามมาตรา 55 ให้ได้รับเงินเดือนตามที่กําหนดในประกาศรับสมัครสอบแข่งขันหรือประกาศรับสมัครคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ แล้วแต่กรณี
3. กรณีอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในหนังสือสํานักงาน ก.พ. ฉบับนี้ ให้เสนอ ก.พ. พิจารณาเป็นราย ๆ ไป
4. การโอนที่อยู่ระหว่างดําเนินการก่อนวันที่หลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดไว้เดิมต่อไปจนแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน
โทร. 0 2547 0977
โทรสาร 0 2282 7316 | 6,487 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 37 เรื่อง การบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1006/ว 37
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
29 กันยายน 2553
เรื่อง การบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. บัญชีรายชื่อพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
2. ตัวอย่างหนังสือขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 มาตรา 65 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่าพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งไม่ใช่ออกจากงานในระหว่างทดลองปฏิบัติงานหรือข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัตินี้และไม่ใช่ข้าราชการการเมืองข้าราชการวิสามัญหรือข้าราชการซึ่งออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการผู้ใดออกจากงานหรือออกจากราชการไปแล้วถ้าสมัครเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและทางราชการต้องการจะรับผู้นั้นเข้ารับราชการให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาโดยคํานึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับทั้งนี้ จะบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด ระดับใด และให้ได้รับเงินเดือนเท่าใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 65 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งไม่ใช่ออกจากงานในระหว่างทดลองปฏิบัติงานหรือข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัตินี้ และไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ข้าราชการวิสามัญ หรือข้าราชการซึ่งออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตลอดจนจะแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และให้ได้รับเงินเดือนไว้ ดังต่อไปนี้
1. การบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับ
1.1 ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาโดยคํานึงถึงความจําเป็นและประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับจากความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ขอบรรจุกลับเทียบกับข้าราชการพลเรือนสามัญผู้รับราชการในส่วนราชการนั้น
1.2 การบรรจุกลับเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใดผู้ขอบรรจุกลับต้องมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนด และต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามหรือได้รับยกเว้นกรณีที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 36
1.3 ตําแหน่งที่จะบรรจุกลับต้องเป็นตําแหน่งว่างที่มีอัตราเงินเดือนและมิใช่เป็นตําแหน่งที่สงวนไว้ เช่น เพื่อบรรจุนักเรียนทุนรัฐบาล ผู้ไปรับราชการทหารหรือผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ เป็นต้น
1.4 ให้ผู้ขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ ยื่นคําขอพร้อมประวัติการรับราชการและประวัติการทํางานทุกแห่ง ตามตัวอย่างในสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
1.5 ให้ส่วนราชการตรวจสอบเอกสาร ประวัติการรับราชการ และประวัติการทํางานโดยสอบถามไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงมากที่สุดมาประกอบการพิจารณา
1.6 ให้บรรจุกลับและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท และระดับที่เทียบได้ หรือระดับที่ต่ํากว่าที่เทียบได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบตําแหน่งอย่างอื่นเท่ากับการดํารงตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 30 ลงวันที่ 15 กันยายน 2553 ก็ได้ หากจะบรรจุกลับข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เข้ารับราชการในตําแหน่งประเภทและระดับใด ผู้นั้นจะต้องเคยดํารงตําแหน่งที่ ก.พ. เทียบเป็นตําแหน่งประเภทและระดับนั้นตามหนังสือสํานักงาน ก.พ.ที่ นร 1006/ว 12 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ทั้งนี้ ให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดสําหรับการย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ มาใช้บังคับกับการบรรจุกลับนี้โดยอนุโลม
1.7 การบรรจุกลับเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ หากผู้ขอบรรจุกลับเป็นผู้เคยดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิต่ํากว่าระดับปริญญาตรีเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งมาก่อน และก่อนออกจากราชการได้ดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญา ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้เคยได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาดังกล่าว โดยผลของการสอบแข่งขันหรือการคัดเลือกกรณีที่มีเหตุพิเศษ ทั้งนี้ การสอบแข่งขันหรือการคัดเลือกดังกล่าวต้องเทียบเคียงหรือได้มาตรฐานเดียวกับหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดสําหรับการสอบแข่งขันตามมาตรา 53 หรือการคัดเลือกกรณีที่มีเหตุพิเศษตามมาตรา 55 จึงจะบรรจุกลับได้
1.8 การบรรจุกลับเข้ารับราชการในตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ หรือตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ส่วนราชการนั้นจะต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ตามมาตรา 53หรือบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ตามมาตรา 55 ในตําแหน่งที่จะบรรจุกลับรอการบรรจุอยู่ เว้นแต่ ผู้ที่ขอบรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นผู้ที่ออกจากราชการเพื่อไปดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือลาออกจากราชการเพื่อติดตามคู่สมรสที่ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไปปฏิบัติงานในต่างประเทศตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ หรือเป็นผู้ที่ออกจากราชการไปเนื่องจากทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตําแหน่ง ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 พิจารณาเห็นว่ามีเหตุผลและความจําเป็นเป็นพิเศษสมควรที่จะบรรจุผู้ขอบรรจุกลับเข้ารับราชการในตําแหน่งที่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้หรือบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก ให้เสนอ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาเป็นราย ๆ ไป
2. การให้ได้รับเงินเดือน
การบรรจุกลับและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด และระดับใด ให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่ได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการและต้องไม่สูงกว่าเงินเดือนขั้นสูงของตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับที่จะบรรจุกลับ ตามที่ ก.พ. กําหนด หากในระหว่างที่ผู้นั้นออกจากราชการไป ถ้ามีการปรับบัญชีเงินเดือนขั้นต่ําขั้นสูง และคณะรัฐมนตรีได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปรับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับอยู่เดิมเข้าสู่อัตราในบัญชีที่ได้รับการปรับใหม่ในช่วงเวลาใดก็ให้ปรับให้ผู้นั้นได้รับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวด้วย
หากผู้ขอบรรจุกลับได้รับเงินเดือนต่ํากว่าขั้นต่ําของระดับตําแหน่งที่จะบรรจุกลับก็ให้ได้รับเงินเดือนในขั้นต่ําของระดับที่ได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ ในกรณีที่อัตราเงินเดือนขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่ ก็ให้ได้รับเงินเดือนเท่าเดิมและไม่ต่ํากว่าขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้น
3. กรณีอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในหนังสือสํานักงาน ก.พ. ฉบับนี้ ให้เสนอ ก.พ. พิจารณาเป็นราย ๆ ไป
4. การบรรจุกลับที่อยู่ระหว่างดําเนินการก่อนวันที่หลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ.ฉบับนี้ใช้บังคับให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดไว้เดิมต่อไปจนแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน
โทร. 0 2281 0977
โทรสาร 0 2282 7316 | 6,488 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 38 เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1012/ง 38
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
29 กันยายน 2553
เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียน กรมและจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554 - 2556
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 34 บัญญัติว่าการจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนต้องเป็นไปเพื่อผลสัมฤทธิ์สูงต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า โดยให้ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพ คุณธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมาตรา 03 (8) บัญญัติให้สํานักงาน ก.พ. มีอํานาจหน้าที่ส่งเสริม ประสานงาน เผยแพร่ ให้คําปรึกษาแนะนํา และดําเนินการเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการและการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสําหรับทรัพยากรบุคคลภาครัฐ
เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามมาตรา 34 และมาตรา 13 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 สํานักงาน ก.พ. โดยความเห็นชอบ ก.พ. จึงกําหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญพ.ศ. 2554 - 2556 ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร. 0 2547 1822, 0 2547 1827
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,489 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 39 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553 | ที่ นร 1011/ว 39
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทําอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทําอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทําอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. 2553 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 59 ก วันที่ 28 กันยายน 2553 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1631
โทรสาร 0 2547 1630 | 6,490 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 40 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 40
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์การปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการสําหรับผู้ที่อยู่ในระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
2.หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ
3. หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภททั่วไป
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหารประเภทอํานวยการประเภทวิชาการและประเภททั่วไปรวมทั้งหลักเกณฑ์อื่นๆตามมาตรา 47แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติแล้วนั้น
บัดนี้ ก.พ.ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการเกิดความคล่องตัว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ดังนี้
1. กําหนดหลักเกณฑ์การปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการสําหรับผู้ที่อยู่ในระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
2. ยกเลิกหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง ข้อ ๑ ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการหรือชํานาญการ ข้อ 2 ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ เฉพาะข้อ 2.2.1 และข้อ 2.2.2 โดยให้ใช้หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 แทน
3. ยกเลิกหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภททั่วไป ที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง ข้อ 1 ตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงานหรือชํานาญงาน โดยให้ใช้หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภททั่วไป ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 แทน
4. ยกเลิกหลักเกณฑ์การปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งสําหรับผู้ปฏิบัติงานประเภทวิชาการและประเภททั่วไป โดยไม่เปลี่ยนประเภทตําแหน่งและสายงาน ที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง เฉพาะข้อ 1 ตําแหน่งประเภทวิชาการ และตําแหน่งประเภททั่วไป ซึ่งกําหนดไว้หลายระดับในลักษณะกรอบระดับตําแหน่ง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8121
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,491 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่่ นร 1004.3/ว 41 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพ | ที่ นร 1004.3/ว 41
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 14 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 3 ลงวันที่ 10 เมษายน 2546
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 6 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2550
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง จํานวน 1 เล่ม
อื่นๆ - ตามที่ ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการรับรองคุณวุฒิและกําหนดอัตราเงินเดือนของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่นจากสถานศึกษาในประเทศและต่างประเทศ ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และสํานักงาน ก.พ. ได้ดําเนินการรับรองคุณวุฒิปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพและอัตราเงินเดือนของสถาบันการศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 และ 3 เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ซึ่งได้แจ้งส่วนราชการเพื่อถือปฏิบัติ นั้น
โดยที่มาตรฐานกําหนดตําแหน่งได้กําหนดคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งในส่วนที่เกี่ยวกับคุณวุฒิการศึกษาเป็นสาขาวิชา และทาง ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งดังกล่าว จึงให้ยกเลิกการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 และ 3 และให้ใช้ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้ง รวมทั้งกําหนดเงินเดือนที่ควรได้รับตามสิ่งที่ส่งมาด้วยแทน
อย่างไรก็ดี โดยที่ ก.พ. ได้กําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเป็นอัตราใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ตามหนังสือที่อ้างถึง 4 ดังนั้น อัตราเงินเดือนตามที่กําหนดในหนังสือที่อ้างถึง 1 2 และ 3 จึงใช้บังคับถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 และ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ให้ใช้อัตราเงินเดือนตามที่กําหนดในหนังสือที่อ้างถึง 4 แทน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสร
โทร. 0 2547 1921 - 7
โทรสาร 0 2547 1928 | 6,492 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 42 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง | ที่ นร 1003/ว 42
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 7 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 15 ลงวันที่ 29 เมษายน 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 ที่ได้แจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ สมควรได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงมีมติให้ยกเลิกหนังสือที่อ้างถึงทั้งสองฉบับดังกล่าว และกําหนดให้นําระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงที่ได้ปรับปรุงใหม่มาใช้สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังรายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์นักบริหารระดับสูง
โทร. 0 2547 1709
โทรสาร 0 2547 1736 | 6,493 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 43 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำผิดวินัย | ที่ นร 1011/ว 43
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์และวิธีการเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัยและป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย
2. หนังสือ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จํานวน 1 ชุด
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 87 บัญญัติให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด
เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามมาตรา 87 ดังกล่าว ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
ในการนี้ สํานักงาน ก.พ. ได้จัดทําหนังสือ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แนวทางการเสริมสร้างวินัยและป้องกันการกระทําผิดวินัย ซึ่งประกอบด้วย องค์ความรู้ที่เกิดจากการศึกษาวิจัย การสัมมนาผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวอย่าง และกรณีศึกษา โดยประมวลไว้อย่างเป็นระบบเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการข้างต้น ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1631
โทรสาร 0 2547 1630 | 6,494 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 44 เรื่อง การกำหนดให้ผู้เคยดำรงตำแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เป็นการดำรงตำแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 | ที่ นร 1008/ว 44
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง การกําหนดให้ผู้เคยดํารงตําแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เป็นการดํารงตําแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย บัญชีรายชื่อสายงาน
อื่นๆ - โดยที่มาตรฐานกําหนดตําแหน่งซึ่ง ก.พ. ได้จัดทําตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีการปรับปรุงจํานวนสายงานตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งเดิมที่ ก.พ. ได้จัดทําไว้ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 จากจํานวน 465 สายงาน เป็นจํานวน 245 สายงาน ซึ่งเป็นการปรับปรุงสายงานเดิมเป็นสายงานใหม่ รวมสายงานเดิมบางสายงานเป็นสายงานใหม่ ยกเลิกสายงานเดิมบางสายงาน และกําหนดสายงานใหม่เพิ่ม
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลรวมทั้งการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดํารงตําแหน่งในกรณีต่าง ๆ ก.พ. จึงกําหนดให้ผู้ที่เคยดํารงตําแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เป็นการดํารงตําแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
กรณีที่นอกเหนือจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือฉบับนี้ การจะพิจารณาให้ผู้ที่เคยดํารงตําแหน่งในสายงานตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เป็นการดํารงตําแหน่งในสายงานใดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้ อ.ก.พ. กรม เป็นผู้พิจารณากําหนดจากหน้าที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติ ประกอบกับหลักเกณฑ์การเทียบตําแหน่งตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 12 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8115, 8116
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,495 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 45 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 45
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ง 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งในต่างประเทศ
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณากําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งในต่างประเทศแล้ว จึงมีมติให้ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณากําหนดตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 1988
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,496 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 46 เรื่อง การดำเนินการกรณี ก.พ.ค. มีคำวินิจฉัยหรือ ก.พ. มีมติให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1008/ว 46
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน พ.ศ 2553
เรื่อง การดําเนินการกรณีก.พ.ค.มีคําวินิจฉัยหรือก.พ.มีมติให้ยกเลิกคําสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวทางการดําเนินการกรณี ก.พ.ค. มีคําวินิจฉัย หรือ ก.พ. มีมติให้ยกเลิกคําสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
อื่นๆ - เพื่อให้ส่วนราชการมีแนวทางดําเนินการกรณี ก.พ.ค. มีคําวินิจฉัย หรือ ก.พ. มีมติให้ยกเลิกคําสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ในเรื่องต่างๆ อาทิ การกําหนดตําแหน่ง การรับเงินเดือน สิทธิและประโยชน์ เป็นต้น
ดังนั้น อาศัยอํานาจตามมาตรา 8 (3) และมาตรา 137 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติกําหนดแนวทางการดําเนินการกรณี ก.พ.ค. มีคําวินิจฉัย หรือ ก.พ. มีมติให้ยกเลิกคําสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไปทั้งนี้ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8128,8132
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,497 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013.7/ว 47 เรื่อง เครื่องมีอวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ | ที่ นร 1013.7/ว 47
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 กันยายน 2553
เรื่อง เครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย เครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการ
อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 78 (3) บัญญัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาจรรยาข้าราชการพลเรือนและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งในและสามารถตรวจสอบได้ ประกอบกับประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน หมวด 2 ข้อ 4 บัญญัติให้ข้าราชการต้องมีจิตสํานึกที่ดี และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 กําหนดนโยบายการบริหารจัดการที่ดี : ประสิทธิภาพการบริหารราชการ ข้อ 8.1.6 ให้เสริมสร้างมาตรฐานด้านคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ พร้อมทั้งพัฒนาความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของประชาชน ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมถึงการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ดังนั้น เพื่อให้ส่วนราชการบริหารราชการและปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ลดความเสี่ยงและสร้างภูมิคุ้มกันต่อปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง ก.พ. จึงได้พัฒนาเครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งประกอบด้วยมาตรฐานความโปร่งใส 4 มิติหลัก 13 ตัวชี้วัด และเกณฑ์ในการให้คะแนนประเมินตัวชี้วัดมาตรฐานความโปร่งใส รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย เพื่อจะได้ใช้เป็นเครื่องมือของส่วนราชการตามที่เห็นสมควร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน
ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 1714 1724 และ 1707
โทรสาร 0 2547 1727 | 6,498 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.4/35 เรื่อง การจัดตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ระบบใหม่ | ด่วนมาก
ที่ นร 1008.4/35
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
8 มีนาคม 2553
เรื่อง การจัดตําแหน่งลูกจ้างประจําเข้าสู่ระบบใหม่
เรียน (หัวหน้าส่วนราชการ)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนมาก ที่ นร 1008.4/31 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้เชิญผู้แทนส่วนราชการเข้าร่วมการประชุมเรื่องการพัฒนาระบบตําแหน่งลูกจ้างประจํา เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ณ หอประชุมสุขุมนัยประดิษฐ สํานักงาน ก.พ. จังหวัดนนทบุรี นั้น
ในการประชุมดังกล่าว สํานักงาน ก.พ. ได้ชี้แจงรายละเอียดการพัฒนาระบบตําแหน่งลูกจ้างประจํา และการจัดตําแหน่งเข้าสู่ระบบใหม่ โดยมีสาระสําคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การจัดระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําใหม่ ประกอบด้วย 4 กลุ่มงาน ได้แก่
1.1 กลุ่มงานบริการพื้นฐาน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน 2 ระดับ)
1.2 กลุ่มงานสนับสนุน (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน 2 ระดับ)
1.3 กลุ่มงานช่าง (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน 4 ระดับ)
1.4 กลุ่มงานเทคนิคพิเศษ (มีระดับชั้นงาน ไม่เกิน 3 ระดับ)
ทั้งนี้ โดยมีรายละเอียดตามเอกสารประกอบการประชุมดังกล่าว ได้แก่ 1) รายชื่อตําแหน่งลูกจ้างประจําและระดับชั้นงานตามระบบใหม่ 2) รายละเอียดชื่อตําแหน่งและหน้าที่โดยย่อของตําแหน่งลูกจ้างประจําตามระบบใหม่ 3) ตารางเปรียบเทียบชื่อตําแหน่งและระดับตามระบบใหม่กับชื่อตําแหน่งและชั้นตามระบบเดิม 4) แบบบัญชีจัดตําแหน่งลูกจ้างประจําเข้ากลุ่มงานตามระบบตําแหน่งใหม่ และ 5) หนังสือสํานักงาน ก.พ. เรื่องการบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจํา (ว 4/2553)
2. ให้ส่วนราชการตรวจสอบรายชื่อตําแหน่งที่จัดใหม่ว่า มีส่วนใดที่ไม่ครอบคลุมตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการ เช่น ชื่อตําแหน่งเดิมที่มีผู้ครองตําแหน่งอยู่ไม่ปรากฏในรายการเปรียบเทียบชื่อตําแหน่งในระดับเดิมกับระบบใหม่ หรือหน้าที่โดยย่อของตําแหน่งไม่ครอบคลุมหน้าที่งานในตําแหน่งใดของส่วนราชการ ทั้งนี้ ให้แจ้งสํานักงาน ก.พ. ภายในวันที่ 18 มีนาคม 2553 เพื่อสํานักงาน ก.พ. จะได้ปรับปรุงก่อนออกเป็นหนังสือเวียนส่วนราชการเรื่องการจัดระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําใหม่ ซึ่งกําหนดจะให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 1 เมษายน 2553 ต่อไป
3. ให้ส่วนราชการจัดทําข้อมูลการปรับตําแหน่งลูกจ้างประจําจากระบบเดิมเข้าสู่ระบบใหม่ตามแบบบัญชีจัดตําแหน่งลูกจ้างประจําเข้ากลุ่มงานตามระบบตําแหน่งใหม่ที่กําหนด รวมทั้งประสานกับสํานักงาน ก.พ. เพื่อตรวจสอบข้อมูลตามบัญชีจัดตําแหน่งดังกล่าว และแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มีนาคม 2553
4. ให้ส่วนราชการจัดส่งบัญชีการจัดตําแหน่งตามระบบใหม่ที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแล้วให้สํานักงาน ก.พ. ภายในวันที่ 30 มีนาคม 2553 จํานวน 2 ชุด
จึงเรียนซักซ้อมความเข้าใจในการดําเนินการพัฒนาระบบตําแหน่งลูกจ้างประจําและจัดตําแหน่งเข้าสู่ระบบใหม่มาเพื่อโปรดดําเนินการตามแนวทางและระยะเวลาที่กําหนดดังกล่าวด้วย จะขอบคุณยิ่ง
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
รองเลขาธิการ ก.พ. ปฏิบัติราชการแทน
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
ศูนย์บริหารกําลังคนภาครัฐ
โทร. 0 2547 1395
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,499 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/145 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008.1/145
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
31 มีนาคม 2553
เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552
อื่นๆ - ด้วยมีส่วนราชการหลายแห่งขอหารือเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 และการบริหารวงเงินตามหนังสือที่อ้างถึง
สํานักงาน ก.พ. จึงเห็นควรซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ส่วนราชการได้รับทราบแนวทางดําเนินการที่ชัดเจนดังนี้
1. วงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือน
1.1 การคํานวณวงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนร้อยละ 3 ของอัตราเงินเดือนข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม หรือ 1 กันยายน จะคํานวณโดยรวมเงินเดือนข้าราชการทุกตําแหน่งในสังกัดที่มีผู้ครองตําแหน่งอยู่ ไม่ว่าจะมีการเบิกจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการที่ครองตําแหน่งนั้น หรือไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ปฏิบัติราชการ หรือไม่ (ไม่รวมข้าราชการในสังกัดอื่นที่ได้รับมอบหมายให้มาช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ราชการ) ตัวอย่างเช่น กรณีข้าราชการที่อยู่ระหว่างการลาติดตามคู่สมรส หรือลากิจเพื่อเลี้ยงดูบุตรต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตร ซึ่งไม่ได้รับเงินเดือนระหว่างการลา หรือกรณีผู้ที่ไปช่วยราชการที่ส่วนราชการอื่น ก็จะรวมฐานเงินเดือนของผู้นั้นอยู่ในการคํานวณวงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนด้วย
1.2 การบริหารวงเงินสําหรับการเลื่อนเงินเดือนให้แยกวงเงินออกอย่างน้อย 3 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มตําแหน่งประเภทบริหาร (2) กลุ่มตําแหน่งประเภทอํานวยการ และ (3) กลุ่มตําแหน่งประเภทวิชาการและประเภททั่วไป
ทั้งนี้ ผู้มีอํานาจบริหารวงเงินจะแยกวงเงินในแต่ละกลุ่มดังกล่าวออกเป็นกลุ่มย่อยอีกก็สามารถดําเนินการ ตัวอย่างเช่น วงเงินของตําแหน่งประเภทอํานวยการ แยกออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ประเภทอํานวยการ ระดับต้น และประเภทอํานวยการ ระดับสูง หรือ แยกวงเงินของกลุ่มตําแหน่งประเภทวิชาการและประเภททั่วไป ออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป
1.3 กรณีมีข้าราชการโอนหรือย้ายไปดํารงตําแหน่งต่างส่วนราชการหรือจังหวัด
1.3.1 หากคําสั่งมีผลหลังวันที่ 1 มีนาคม หรือ 1 กันยายน เงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวจะถูกใช้เป็นฐานในการคํานวณวงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการในส่วนราชการหรือจังหวัดที่ดํารงตําแหน่งอยู่เดิม ในรอบการประเมินนั้น ๆ
แต่หากคําสั่งมีผลก่อนหรือในวันที่ 1 มีนาคม หรือ 1 กันยายน เงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวจะถูกใช้เป็นฐานในการคํานวณวงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการในส่วนราชการหรือจังหวัดที่ไปดํารงตําแหน่งใหม่ ในรอบการประเมินนั้น ๆ
1.3.2 การบริหารวงเงินงบประมาณเพื่อเลื่อนเงินเดือนให้ข้าราชการดังกล่าวในวันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม ให้ใช้วงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนของส่วนราชการหรือจังหวัดที่ข้าราชการผู้นั้นสังกัดอยู่ในวันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม แล้วแต่กรณี
2. ผู้บริหารวงเงิน
2.1 กรณีที่หลักเกณฑ์ตามหนังสือที่อ้างถึงกําหนดผู้บริหารวงเงินไว้หลายตําแหน่ง ตัวอย่างเช่น หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง และอธิบดีบริหารวงเงินสําหรับตําแหน่งรองอธิบดี นั้น หมายความว่า ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง รองหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง และอธิบดี ร่วมกันเป็นผู้บริหารวงเงินสําหรับตําแหน่งรองอธิบดี
2.2 การบริหารวงเงินสําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญที่สังกัดสํานักงานรัฐมนตรี ให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้บริหารวงเงิน โดยอาจจัดสรรวงเงินให้หัวหน้าสํานักงานรัฐมนตรีบริหารวงเงินของข้าราชการในสังกัดได้
3. กรณีข้าราชการที่ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ราชการต่างส่วนราชการหรือจังหวัด
3.1 การประเมินผลการปฏิบัติราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ หัวหน้าหน่วยงานที่ผู้รับการประเมินไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นผู้ให้ข้อมูลและความเห็นเพื่อประกอบการประเมินของผู้มีอํานาจหน้าที่ประเมิน (ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 20 ลงวันที่ 3 กันยายน 2552)
3.2 การคํานวณวงเงินงบประมาณสําหรับการเลื่อนเงินเดือนของส่วนราชการและจังหวัด ณ วันที่ 1 มีนาคม และ 1 กันยายน แล้วแต่กรณี จะรวมถึงเงินเดือนของข้าราชการที่อยู่ในสังกัดที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ราชการต่างส่วนราชการหรือจังหวัดด้วย
3.3 การบริหารวเงินเพื่อเลื่อนเงินเดือนข้าราชการ ณ วันที่ 1 เมษายน และ 1 ตุลาคม แล้วแต่กรณี จะรวมถึงข้าราชการที่อยู่ในสังกัดที่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ราชการต่างส่วนราชการหรือจังหวัดด้วย
4. กรณีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้ไปดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ
4.1 กรณีที่ข้าราชการรายใดอยู่ระหว่างดําเนินการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ แต่ส่วนราชการหรือจังหวัดยังไม่มีคําสั่งแต่งตั้งภายในวันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม แล้วแต่กรณี ให้พิจารณาเลื่อนเงินเดือนสําหรับข้าราชการดังกล่าวตามประเภท สายงาน และระดับที่ผู้นั้นดํารงอยุ่โดยส่วนราชการไม่ต้องกันเงินไว้
4.2 เมื่อข้าราชการรายใดได้รับการเลื่อนเงินเดือน ณ วันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม ไปแล้ว หากต่อมาภายหลังได้รับคําสั่งแต่งตั้งให้ไปดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ โดยมีผลย้อนหลังไปก่อนหรือในวันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม แล้วแต่กรณี ซึ่งทําให้ "ฐานในการคํานวณ" ที่ใช้ในการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นเปลี่ยนไป กรณีนี้ให้ผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนแก้ไขคําสั่งเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นโดยให้นําอัตราร้อยละที่ได้รับการเลื่อนตามคําสั่งเดิมมาคํานวณเงินที่จะได้เลื่อนโดยใช้ "ฐานในการคํานวณ" ของตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับ ตามที่ข้าราชการผู้นั้นได้รับแต่งตั้ง
ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้เพิ่มขึ้นจากกรณีดังกล่าวให้เบิกจ่ายจากงบบุคลากรของส่วนราชการ
ตัวอย่าง นาย ก. ดํารงตําแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับชํานาญการ รับเงินเดือน 28,000 บาท และได้รับการเลื่อนเงินเดือนในวันที่ 1 เมษายน 2553 ในอัตราร้อยละ 2.9 ของฐานในการคํานวณระดับบนสําหรับตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ อัตรา 30,600 บาท คิดเป็นเงินที่ได้เลื่อน 890 บาท ต่อมา นาย ก. ได้รับคําสั่งแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน ระดับชํานาญการพิเศษ อัตราเงินเดือน 28,000 บาท โดยให้มีผลย้อนหลังไปในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 กรณีนี้ ผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนจะต้องแก้ไขคําสั่งเลื่อนเงินเดือนของนาย ก. โดยให้คํานวณเงินที่ได้เลื่อน ในอัตราร้อยละ 2.9 ของฐานในกาคํานวณระดับล่างสําหรับตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ อัตรา 31,220 บาท คิดเป็นเงินที่ได้เลื่อน 910 บาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางเบญจวรรณ สร่างนิทร)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8100, 8104 0 2547 1980, 0 2547 1985, 0 2547 1990
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,500 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/415 เรื่อง แบบคำสั่งการให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ | ที่ นร 1008.1/415
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
27 ตุลาคม 2553
เรื่อง แบบคําสั่งการให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบคําสั่งการให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิและบัญชีรายละเอียดการให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ
ผู้มีอํานาจลงนาม - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งประกอบด้วยสาระสําคัญ 3 ส่วน คือ (1) การกําหนดอัตราเงินเดือนตามคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 (2) การกําหนดอัตราเงินเดือนแบบช่วงตามคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 และ (3) การกําหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการ เพื่อให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ นั้น
เพื่อให้การออกคําสั่งตามข้อ (3) ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการ เป็นไปตามแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน สํานักงาน ก.พ. จึงได้จัดทําแบบคําสั่งการให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิตามสิ่งที่ส่งมาด้วยเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1982, 0 2547 1988, 0 2547 1000 ต่อ 8100, 8104
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,501 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1001/ว 1 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1001/ว 1
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
30 มกราคม 2556
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 5 ก วันที่ 17 มกราคม 2556 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักกฎหมาย
โทร. 0 2547 1558
โทรสาร 0 2547 1751 | 6,502 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 1 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง | ที่ นร 1003/ว 1
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
26 มกราคม 2555
เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่่ นร 1003/ว 42 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวปฏิบัติกรณีข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงโอนไปสังกัดส่วนราชการอื่น
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดให้นําระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงที่ได้ปรับปรุงใหม่มาใช้สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อให้ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ อันจะส่งผลให้สามารถเติบโตเป็นข้าราชการระดับสูงได้อย่างมีคุณภาพในเวลาที่เหมาะสม ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับทิศทางการเตรียมกําลังคนคุณภาพในภาคราชการในระยะต่อไป ก.พ. จึงมีมติให้ทุกส่วนราชการจัดให้มีการบริหารกําลังคนคุณภาพภายใต้ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง โดยให้ยกเลิกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกจากระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงกรณีโอนไปส่วนราชการอื่นในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง ข้อ 5.4 และกําหนดแนวปฏิบัติกรณีข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงโอนไปสังกัดส่วนราชการอื่น ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยแนบท้ายนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์นักบริหารระดับสูง
โทร. 0 2547 1709, 0 2547 1704, 0 2547 1731
โทรสาร 0 2547 1736 | 6,503 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 2 เรื่อง การปรับปรุงวุฒิที่ ก.พ. กำหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1004/ว 2
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
12 กุมภาพันธ์ 2556
เรื่อง การปรับปรุงวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณพ.ศ. 2555 – พ.ศ. 2556
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 27 ลงวันที่ 27 กันยายน 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 – พ.ศ. 2556
2. คําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนด
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 – พ.ศ. 2556 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. มีมติกําหนดให้ปรับปรุงรายชื่อวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือที่อ้างถึง จากวุฒิที่ระบุสาขาวิชาต่าง ๆ ให้กําหนดเป็นสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่ง โดยกําหนดทางเหมือนเดิม ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ทั้งนี้ หากส่วนราชการใดได้ดําเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยใช้วุฒิที่ ก.พ. กําหนด ตามหนังสือที่อ้างถึง ก่อนวันที่ ก.พ. มีมติให้ปรับปรุงรายชื่อคุณวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือก ตามหนังสือฉบับนี้ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือที่อ้างถึงต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
อนึ่ง ส่วนราชการที่จะดําเนินการคัดเลือกควรศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนด ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 เพื่อจะได้ดําเนินการได้อย่างถูกต้องต่อไปจึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941, 0 2547 1943 - 4, 0 2547 1946
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,504 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 2 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตำแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) (ปี2555) | ที่ นร 1008/ว 2
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
2 มีนาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.)
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 3 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) โดยกําหนดคุณสมบัติของบุคคลผู้ดํารงตําแหนงนิติกรที่ขอรับการคัดเลือกให้ได้รับ พ.ต.ก. ไว้ประการหนึ่งว่า "ต้องได้รับประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐหรือหลักสูตรอื่นที่เทียบเท่าซึ่ง ก.พ. กําหนดหรือรับรอง" ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. มีมติรับรองหลักสูตรการพัฒนาและเพิ่มทักษะนิติกร (ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล) ซึ่งจัดโดยสํานักงาน ก.พ. เป็นหลักสูตรเทียบเท่าหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐ ระดับต้น หรือระดับปฏิบัติการ ซึ่งจัดโดยสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อใช้เป็นคุณสมบัติของบุคคลในการขอรับการคัดเลือกเพื่อรับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งนิติกร (พ.ต.ก.) ดังกล่าวได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1416
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,505 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1010.3/ว 3 เรื่อง กฎ ก.พ.ค. ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 | ที่ นร 1010.3/ว 3
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
19 กุมภาพันธ์ 2556
เรื่อง กฎ ก.พ.ค. ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ.ค. ได้ออกกฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทั้งนี้ กฎ ก.พ.ค. ดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่่ 9 วันที่ 31 มกราคม 2556 แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพิทักษ์ระบบคุณธรรม
โทร. 0 2547 4971
โทรสาร 0 2547 4972 | 6,506 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ว 4 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1012/ว 4
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
22 กุมภาพันธ์ 2556
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ําเสมอ พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ําเสมอ พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ําเสมอ พ.ศ. 2556 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 17 ก วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2556 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล
โทร. 0 2547 1840 0 2547 1873
โทรสาร 0 2547 1868 | 6,507 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 3 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง | ด่วนที่สุด
ที่ นร 1008.1/ว 3
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
21 มีนาคม 2555
เรื่อง การกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 1 ลงวันที่ 11 มกราคม 2554
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 9 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554
4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 30 ลงวันที่่ 26 ธันวาคม 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
อื่นๆ -
ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 4 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญโดยกําหนดอัตราเงินเดือนแบบช่วงตามคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง รวมทั้งกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2553 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสําหรับการปรับเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาและการปรับเงินเดือนชดเชยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ส่วนราชการใช้จากเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการก่อน หากไม่พอให้ใช้จ่ายจากงบกลาง งบประมาณรายจ่ายประจําปี พ.ศ. 2555 ก.พ. จึงมีมติให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญใหม่ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น รวมทั้งกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1363, 0 2547 1379
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,508 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 5 เรื่อง การบริหารทรัพยากรบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ที่ นร 1004/ว 5
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
5 มีนาคม 2556
เรื่อง การบริหารทรัพยากรบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 1 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2551
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ง 7 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลสําหรับ
ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งได้รับคําสั่งจากทางราชการให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการบริหารทรัพยากรบุคคล
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของส่วนราชการ และเพื่อสร้างขวัญ กําลังใจ และแรงจูงใจให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว ซึ่งต้องปฏิบัติงานในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ สมควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ก.พ. จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 8 (3) และมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ดังต่อไปนี้
1. ในกรณีที่ส่วนราชการมีเหตุผลความจําเป็นต้องดําเนินการสรรหาเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน หรือประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาส โดยวิธีการคัดเลือก ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มอบอํานาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว ดําเนินการคัดเลือกรวมทั้งสั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกให้ดํารงตําแหน่งที่มอบให้ดําเนินการคัดเลือกนั้น
2. ในกรณีที่เป็นการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานตาม 1 นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกําหนดแล้ว ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ด้วย
(1) เป็นผู้เคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาส เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเป็นผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดดังกล่าวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร
(2) เป็นผู้ซึ่งเกิดในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาส
(3) เป็นผู้เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาส เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเป็นผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดดังกล่าวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร
(4) เป็นผู้เคยทํางานหรืออยู่ในระหว่างการทํางานในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลาหรือจังหวัดนราธิวาส เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร โดยมีหนังสือรับรองการทํางานจากหน่วยงานของรัฐหรือจากนิติบุคคลที่ผู้นั้นเคยทํางานหรือทํางานอยู่ด้วย หรือ
(5) เป็นผู้เคยศึกษาหรืออยู่ในระหว่างศึกษาในสถานศึกษาตาม (3) และเคยทํางานหรืออยู่ในระหว่างการทํางานในจังหวัดตาม (4) รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร
3. ให้จังหวัดที่ได้รับมอบอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นคณะหนึ่งประกอบ ด้วย
(1) ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน
ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมอบหมาย
(2) ผู้แทนส่วนราชการที่มอบอํานาจให้มีการคัดเลือก เป็นกรรมการ
(3) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินบุคคล เป็นกรรมการ
ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นแต่งตั้ง
(4) หัวหน้าสํานักงานจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ
4. ให้คณะกรรมการคัดเลือกกําหนดหลักสูตรและวิธีการที่จะใช้ในการคัดเลือก โดยหลักสูตรที่จะกําหนดนั้นจะต้องสอดคล้องกับลักษณะงานที่จะต้องปฏิบัติ สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะที่ต้องการ รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรม การทํางานร่วมกับผู้อื่น ความตั้งใจในการทําประโยชน์เพื่อส่วนรวม และความสามารถในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อม ส่วนวิธีการที่จะใช้ในการคัดเลือกนั้นต้องกําหนดให้ใช้วิธีการสอบสัมภาษณ์ และอาจกําหนดให้ใช้วิธีการสอบข้อเขียน วิธีการสอบปฏิบัติ หรือวิธีการอื่นใดที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ต้องสามารถวัดและประเมินบุคคลที่เหมาะสมกับตําแหน่งที่จะคัดเลือกได้
5. ให้จังหวัดที่ได้รับมอบอํานาจประกาศรับสมัครคัดเลือกโดยให้มีรายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
(1) ตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง และเงินเดือนที่จะได้รับ
(2) จํานวนตําแหน่งว่างที่เปิดรับสมัคร
(3) ลักษณะงานที่ปฏิบัติของตําแหน่ง
(4) คุณสมบัติทั่วไป ลักษณะต้องห้าม และคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือก ในกรณีที่เป็นการรับสมัครตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ให้ระบุคุณสมบัติตาม 2 ด้วย
(5) กําหนดการและวิธีการรับสมัคร
(6) เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการสมัคร
(7) การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกและกําหนดวัน เวลา สถานที่คัดเลือก
(8) หลักสูตรและวิธีการคัดเลือกตามที่คณะกรรมการคัดเลือกกําหนด
(9) เกณฑ์การตัดสิน
(10) ระยะเวลาที่ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกมีผลใช้บังคับ
(11) เงื่อนไขที่ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งต้องอยู่ปฏิบัติงานในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาสอย่างน้อย 2 ปี และ
(12) เงื่อนไขอื่น (ถ้ามี)
6. เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกดําเนินการคัดเลือกเสร็จแล้ว ให้จังหวัดที่ได้รับมอบอํานาจประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเรียงตามลําดับที่ที่ผ่านการคัดเลือก และให้ถือว่ารายชื่อดังกล่าว เป็นรายชื่อที่อยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดนั้น
ในกรณีที่มีตําแหน่งที่จะบรรจุได้น้อยกว่าจํานวนผู้ผ่านการคัดเลือก ให้รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกที่ยังไม่ได้รับการบรรจุนั้นยังมีผลใช้ได้ต่อไปอีกไม่เกิน ๒ ปีนับแต่วันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขทํานองเดียวกับการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ แต่ถ้ามีการคัดเลือกในตําแหน่งประเภทเดียวกัน สายงานเดียวกัน ระดับเดียวกัน โดยใช้คุณสมบัติอย่างเดียวกันอีก และได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกใหม่แล้ว รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกครั้งก่อนนั้นเป็นอันยกเลิก
7. ในกรณีที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา หรือจังหวัดนราธิวาสซึ่งได้รับมอบอํานาจจาก
ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีตําแหน่งว่าง แต่ไม่ได้ดําเนินการคัดเลือก หรือไม่มีรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในจังหวัดนั้นที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ จังหวัดที่มีตําแหน่งว่างนั้นจะขอใช้รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในตําแหน่งประเภทเดียวกัน สายงานเดียวกัน และระดับเดียวกันของจังหวัดอื่นตาม 6 วรรคสอง เพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในจังหวัดนั้นก็ได้ โดยอาจเรียกบรรจุตามลําดับที่ หรือโดยประเมินความรู้ ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะเพิ่มเติมก็ได้
การประเมินความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะตามวรรคหนึ่งให้กระทําโดย
การเรียกผู้มีรายชื่อตาม 6 วรรคสอง เรียงตามลําดับที่ให้ได้จํานวน 3 เท่าของตําแหน่งว่าง แต่ถ้ามีรายชื่อที่เหลืออยู่น้อยกว่าจํานวนดังกล่าวก็ให้เรียกตามจํานวนที่เหลืออยู่ทั้งหมดตามรายชื่อนั้น และต้องกําหนดหลักสูตรและวิธีการประเมิน เกณฑ์การตัดสินตามแนวทางใน 4 และ 5 และกําหนดวันประเมินให้ผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินทราบล่วงหน้าก่อนกําหนดวันประเมินไม่น้อยกว่า 3 วันทําการ
ในกรณีที่มีตําแหน่งที่จะบรรจุได้น้อยกว่าจํานวนผู้ผ่านการคัดเลือกในครั้งหลังนี้ให้รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกที่ยังไม่ได้รับการบรรจุนั้นยังมีผลใช้ได้ต่อไปเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรายชื่อที่ประกาศตาม 6 วรรคสอง
8. ให้จังหวัดที่ได้รับมอบอํานาจแจ้งข้อมูลและผลการดําเนินการให้ผู้มอบอํานาจและก.พ. ทราบภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันที่ดําเนินการแล้วเสร็จ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไปทั้งนี้ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941, 0 2547 1943 - 4, 0 2547 1946
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,509 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 4 เรื่อง แนวทางการพิจารณากำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่าระดับกรม ในภารกิจด้านสนับสนุนเป็นตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง | ที่ นร 1008/ว 4
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
30 มีนาคม 2555
เรื่อง แนวทางการพิจารณากําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่าระดับกรม ในภารกิจด้านสนับสนุนเป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย การกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่าระดับกรม ในภารกิจงานด้านสนับสนุนเป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณากําหนดตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนดมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่าระดับกรม ในภารกิจงานด้านสนับสนุนมีความเหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ก.พ. จึงกําหนดแนวทางการพิจารณาในเบื้องต้นของคณะกรรมการการกําหนดตําแหน่งระดับสูงของกระทรวงเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้
การพิจารณารายละเอียดการกําหนดตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักบริหารกลาง ตําแหน่งผู้อํานวยการกองกลาง ตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานเลขาธิการ ตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักอํานวยการ ตําแหน่งเลขานุการกรม หรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่รับผิดชอบภารกิจในลักษณะเดียวกัน จากตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับต้น เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ก่อนการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์การประเมินค่างาน ที่ ก.พ. กําหนด ส่วนราชการที่ขอกําหนดตําแหน่งดังกล่าวต้องมีการดําเนินภารกิจอย่างน้อย 6 ด้าน จากภารกิจ 11 ด้าน ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
ในกรณีส่วนราชการที่ได้กําหนดตําแหน่งนี้เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ไปแล้ว ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือหน้าที่ความรับผิดชอบไปจากเดิม สํานักงาน ก.พ. จะได้วางระบบการตรวจสอบ แจ้งให้ อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณาปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งให้เหมาะสมต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1956
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,510 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 5 เรื่อง การเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งประเภททั่วไป | ที่ นร 1008/ว 5
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
17 พฤษภาคม 2555
เรื่อง การเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไป
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 10 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 19 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. บัญชีรายชื่อสายงาน ชื่อตําแหน่ง และระดับตําแหน่งประเภททั่วไป
2. คุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไปที่กําหนดเพิ่ม
อื่นๆ - ตามที่ ก.พ.ได้จัดทํามาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และต่อมา ก.พ. มีมติให้เพิ่มคุณวุฒิอนุปริญญาเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ความแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปในระดับเดียวกันตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ได้ ก.พ. จึงมีมติให้เพิ่มคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งประเภททั่วไป ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 8111, 0 2547 1962
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,511 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1018/ว 7 เรื่อง รายงานการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ | ที่ นร 1018/ว 7
สํานักงาน ก.พ.
ถนนพิษณุโลก กทม. 10300
21 มิถุนายน 2555
เรื่อง รายงานการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549
สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบรายงานสรุปการดําเนินการเกี่ยวกับการใช้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ จํานวน 1 แผ่น
อื่นๆ - ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ พ.ศ. 2549 ข้อ 12 กําหนดให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดรายงานให้ ก.พ. หรือผู้ที่ ก.พ. มอบหมายทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้มีอํานาจอนุมัติสั่งอนุมัติให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ ด้วยทุนประเภท 1 (ก) หรือทุนประเภท 1 (ค) และการให้อยู่ศึกษาหรือฝึกอบรมต่อด้วยทุนเดิม พร้อมทั้งแจ้งวันกําหนดเดินทางและส่งเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ให้ทราบด้วย ความแจ้งแล้ว นั้น
สํานักงาน ก.พ. พิจารณาเห็นว่า แนวทางปฏิบัติตามระเบียบข้างต้น เมื่อสํานักงาน ก.พ. ได้รับรายงานดังกล่าวก็จะดําเนินการจัดส่งไปยังสํานักงานผู้ดูแลนักเรียนใน 5 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ส่วนประเทศที่ไม่มีสํานักงานผู้ดูแลนักเรียน สํานักงาน ก.พ. จะส่งต่อไปยงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจัดส่งให้หน่วยงานภายใต้กํากับของกระทรวงการต่างประเทศดําเนินการต่อไป ทําให้เกิดการทํางานที่ซ้ําซ้อนและใช้เวลาในการส่งเอกสารนานขึ้นโดยไม่จําเป็น ดังนั้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสํานักงาน ก.พ. ได้ปรับบทบาทและลดภารกิจลงโดยเน้นการดูแลจัดการศึกษานักเรียนทุนรัฐบาลเป็นหลัก สํานักงาน ก.พ. จึงขอซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการรายงานการให้ข้าราชการลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ดังนี้
1. เมื่อส่วนราชการต้นสังกัดได้อนุมัติให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศแล้ว ให้แจ้งสํานักงาน ก.พ. หรือสํานักงานผู้ดูแลนักเรียนใน 5 ประเทศข้างต้นเพื่อทราบ
2. สําหรับประเทศอื่น ๆ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดมีหนังสือแจ้งโดยตรงไปยังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ กระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องแจ้งให้สํานักงาน ก.พ. ทราบอีก
3. ให้ส่วนราชการต้นสังกัดแจ้งสถิติข้อมูลการลาศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ตามระเบียบขั้นต้นไปยังสํานักงาน ก.พ. 6 เดือนต่อครั้ง (สิ้นเดือนมีนาคมและเดือนกันยายน) เพื่อเป็นข้อมูลสถิติภาพรวมของการพัฒนากําลังคนภาครัฐ โดยสํานักงาน ก.พ. จะได้นําตารางสถิตินี้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.พ. (ดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.ocsc.go.th > การศึกษาต่อต่างประเทศ > แแบบฟอร์ม > 2. แบบฟอร์มต่าง ๆ สําหรับข้าราชการเพื่อประกอบการดําเนินการต่าง ๆ ดังนี้ > แบบรายงานสรุปการดําเนินการเกี่ยวกับการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรมฯ ณ ต่างประเทศ) ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ได้แจ้งเวียนให้กระทรวง กรม จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์จัดการศึกษาในต่างประเทศและบริหารความรู้
โทร. 0 2281 9453, 0 2280 3333 ต่อ 2130
โทรสาร 0 2628 6202, 0 2280 3334 | 6,512 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1001/ว 6 เรื่อง ข้าราชการซึ่งอยู่ระหว่างรับราชการชดใช้ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ | ที่ นร 1001/ว 6
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
2 เมษายน 2556
เรื่อง ข้าราชการซึ่งอยู่ระหว่างรับราชการชดใช้ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อื่นๆ - ด้วยส่วนราชการบางแห่งได้หารือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับข้าราชการซึ่งอยู่ระหว่างรับราชการชดใช้ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศหรือปฏิบัติงานใด ๆ โดยให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ ว่า หากข้าราชการดังกล่าวไม่ได้ยื่นเรื่องขอบรรจุกลับเข้ารับราชการภายในระยะเวลาที่กําหนดและลาออกจากราชการ ต่อมาภายหลังได้บรรจุกลับเข้ารับราชการ จะขอผ่อนผันให้นับเวลาที่บรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นเวลารับราชการชดใช้ทุนได้หรือไม่ อย่างไร
ก.พ. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. ก.พ. จะพิจารณาผ่อนผันให้นับเวลาที่บรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นเวลาชดใช้ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
1.1 ผู้ขอกลับเข้ารับราชการต้องเป็นกรณีที่ได้ลาออกจากราชการในขณะที่ยังรับราชการชดใช้ทุนไม่ครบกําหนดตามสัญญา แต่ได้กลับมารับราชการชดใช้ทุนแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ไปศึกษาวิชาในต่างประเทศด้วยทุนรัฐบาล (ก.พ.)
1.2 กรณีผู้รับทุนมิได้ลาออกจากราชการ โดยเป็นการลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ มีกําหนดเวลาไม่เกินหนึ่งปี ให้นับเวลาดังกล่าวเป็นเวลาชดใช้ทุนรัฐบาล (ก.พ.) ได้
2. ให้ส่วนราชการกํากับดูแลการปฏิบัติราชการชดใช้ทุนของนักเรียนทุนรัฐบาล (ก.พ.) ให้เกิดประโยชน์ต่องานของภาครัฐโดยรวม และให้แจ้งผู้รับทุนรัฐบาล (ก.พ.) ทราบล่วงหน้าถึงภาระข้อผูกพันกับทางราชการเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการชดใช้ทุนตามสัญญาที่ทําไว้กับทางราชการก่อนการลาออกจากราชการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของข้าราชการและผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาอนุญาตให้ข้าราชการลาออกราชการ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักกฎหมาย
โทร. 0 2547 1621
โทรสาร 0 2547 1571 | 6,513 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 8 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง | ที่ นร 1008/ว 8
สํานักงาน ก.พ.
47/111 หมู่ 4 ถนนติวานนท์
จังหวัดนนทบุรี 11000
4 กรกฎาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 14 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2554
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง
2. มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานบริหาร ระดับต้น ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น ตําแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 16 และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามมาตรา 23 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้ตําแหน่งปลัดกระทรวงในฐานะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงที่มีการจัดกลุ่มภารกิจหรือกระทรวงที่ไม่มีการจัดกลุ่มภารกิจ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถบริหารราชการประจําในกระทรวงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีจึงกําหนดให้มีตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงเป็นตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น เพื่อทําหน้าที่ช่วยปฏิบัติราชการขึ้นตรงกับปลัดกระทรวง ตามมาตรา 45 (1) และมาตรา 46 และอาศัยอํานาจตามมาตรา 47 และมาตรา 48 กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง ตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น เพิ่มเติม ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวง ดําเนินการกําหนดให้มีตําแหน่งดังกล่าวได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ทั้งนี้ ก.พ. ได้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานบริหาร ระดับต้น ให้ครอบคลุมตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นางสุชาดา รังสินันท์)
รองเลขาธิการ ก.พ. รักษาราชการแทน
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1811
โทรสาร 0 2547 1439 | 6,514 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 9 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 9
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
17 กรกฎาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งของ อ.ก.พ. กระทรวงมีความเหมาะสมและคล่องตัวยิ่งขึ้น ก.พ. จึงมีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง โดยให้ยกเลิกความเดิมของข้อ 8 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน
"8. การกําหนดตําแหน่งให้มีผลไม่ก่อนวันที่่ อ.ก.พ. กระทรวงมีมติ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดําเนินการในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 กับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หรือเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินตามมติคณะรัฐมนตรี อ.ก.พ. กระทรวงจะกําหนดตําแหน่งให้มีผลย้อนหลังในวันก่อนวันที่ อ.ก.พ. กระทรวงมีมติได้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจาก ก.พ. เป็นรายกรณี แต่ทั้งนี้ให้ย้อนหลังได้ไม่ก่อนวันที่ 11 ธันวาคม 2551
การกําหนดตําแหน่งตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการมีผลใช้บังคับ"
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6653
โทรสาร 0 2547 1394 | 6,515 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 7 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1008.1/ว 7
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
5 เมษายน 2556
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 31 ก เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป
เนื่องจากข้อ 11 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 กําหนดว่า "ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดได้รับอนุญาตให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ หรือถูกสั่งให้ไปทําการใดซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ หรือได้รับอนุญาตให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพเนื่องจากได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ เมื่อข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นกลับมาปฏิบัติราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาสั่งให้มีการคํานวณเพื่อหาอัตราเงินเดือนที่ข้าราชการผู้นั้นจะได้รับเมื่อกลับมาปฏิบัติราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนด" ก.พ. จึงกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสั่งให้มีการคํานวณหาอัตราเงินเดือนของข้าราชการผู้ซึ่งกลับมาปฏิบัติราชการ ตามข้อ 11 ของกฎ ก.พ. ดังกล่าวไว้ดังต่อไปนี้
1) ข้าราชการผู้ได้รับอนุญาตให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ หรือถูกสั่งให้ไปทําการใดซึ่งนับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ เมื่อข้าราชการผู้นั้นกลับมาปฏิบัติราชการให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาสั่งให้มีการคํานวณหาอัตราเงินเดือนที่จะได้รับในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ของฐานเงินเดือนข้าราชการผู้นั้นในแต่ละรอบการประเมินสําหรับช่วงเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปปฏิบัติงานหรือช่วงเวลาที่ถูกสั่งให้ไปทําการนั้น
2) ข้าราชการผู้ได้รับอนุญาตให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพเนื่องจากได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ เมื่อข้าราชการผู้นั้นกลับมาปฏิบัติราชการ หากการลานั้นครอบคลุมทั้งรอบการประเมิน ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาสั่งให้มีการคํานวณหาอัตราเงินเดือนที่จะได้รับในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ของฐานเงินเดือนข้าราชการผู้นั้นในแต่ละรอบการประเมินสําหรับช่วงเวลาที่จะได้รับในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ของฐานเงินเดือนข้าราชการผู้นั้นในแต่ละรอบการประเมินสําหรับช่วงเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ โดยให้ใช้ผลการเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพประกอบการพิจารณาด้วย
อนึ่ง หลักเกณฑ์การเลื่อนเงินเดือนตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มีผลใช้บังคับตั้งแต่รอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556) เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1402 0 2547 1384
0 2547 1428
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,516 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 10 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 | ที่ นร 1008/ว 10
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
20 กรกฎาคม 2555
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 129 ตอนที่ 64 ก วันที่ 17 กรกฎาคม 2555 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1986
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,517 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 11 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง | ที่ นร 1008/ว 11
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
10 สิงหาคม 2555
เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 26 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2553
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 14 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2554
3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 8 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2555
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งมติ ก.พ. ให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานตรวจราชการกระทรวง โดยยกเลิกคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่กําหนดว่า "ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง และประเภทอํานวยการ ระดับต้น รวมกันไม่น้อยกว่า 3 ปี" ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 เป็นต้นไป โดยให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการดังกล่าว อยู่ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2553 ยังคงมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ จนกว่าสํานักงาน ก.พ. จะศึกษาแนวทางการกําหนดตําแหน่งเพื่อรองรับทางก้าวหน้าสําหรับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าวแล้วเสร็จ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการและตําแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง เป็นตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น รองรับทางก้าวหน้าสําหรับผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการซึ่งได้รับผลกระทบดังกล่าวแจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึง 2 และ 3 แล้ว ก.พ. จึงมีมติให้ยกเลิกการคงสิทธิของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ที่จะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2555 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6619, 6620
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,518 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 8 เรื่อง แนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่ากรมในภารกิจงานด้านบริหารงานคลัง เป็นตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง | ที่ นร 1008/ว 8
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
17 เมษายน 2556
เรื่อง แนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรมในภารกิจงานด้านบริหารงานคลัง เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง โดยให้มีคณะกรรมการกําหนดตําแหน่งระดับสูงของกระทรวง ทําหน้าที่พิจารณาเสนอแนะการกําหนดตําแหน่ง และการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนด ความแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรม ในภารกิจงานด้านบริหารงานคลังมีความเหมาะสามและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ก.พ. จึงกําหนดแนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรม ในภารกิจงานด้านบริหารงานคลัง จากตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับต้น เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ก่อนการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์การประเมินค่างานที่ ก.พ. กําหนด รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1966, 0 2547 1000 ต่อ 6663
โทรสาร 0 2547 1074 | 6,519 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 12 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือน | ที่ นร 1008.1/ว 12
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
30 สิงหาคม 2555
เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือน
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่่ 22 ตุลาคม 2552
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 20 ลงวันที่ 30 กันยายน 2552
อื่นๆ - ด้วยคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 มีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. จึงขอชี้แจงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนตั้งแต่รอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 เป็นต้นไป ในกรณีดังต่อไปนี้
1. กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดได้รับมอบหมายให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นเกินกว่ากึ่งหนึ่งของรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ข้าราชการผู้นั้นไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการมีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการดังกล่าว และนําอัตราเงินเดือนของผู้นั้นไปคํานวณรวมเป็นวงเงินการเลื่อนเงินเดือนและบริการวงเงินการเลื่อนเงินเดือนในส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ผู้นั้นไปช่วยราชการหรือปฏิบัติราชการ แล้วส่งผลการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาผู้นั้นมีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนเป็นผู้ออกคําสั่งเลื่อนเงินเดือน
2. กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดโอนหรือย้ายหลังวันที่ 1 มีนาคม หรือวันที่ 1 กันยายน ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติราชการเดิมก่อนการโอนหรือย้าย เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการผู้นั้น และนําอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวไปคํานวณรวมเป็นวงเงินการเลื่อนเงินเดือนและบริหารวงเงินการเลื่อนเงินเดือนในส่วนราชการเดิม แล้วส่งผลการพิจารณาการเลื่อนเงินเดือนดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนเป็นผู้ออกคําสั่งเลื่อนเงินเดือน
3. กรณีที่มีการกันวงเงินไว้เพื่อการบริหาร ให้ผู้บริหารวงเงินกําหนดวงเงินการเลื่อนเงินเดือน และกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารวงเงินที่กันไว้แล้วประกาศให้ข้าราชการทราบเป็นการทั่วไปก่อนการมีคําสั่งเลื่อนเงินเดือน
4. ให้ผู้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้เป็นผู้บริหารวงเงินการเลื่อนเงินเดือนเพิ่มเติม
4.1 หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี บริหารวงเงินสําหรับตําแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจํา (ตําแหน่งประเภทบริหาร)
4.2 หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเลขานุการรัฐมนตรี บริหารวงเงินสําหรับตําแหน่งประเภทอํานวยการ ตําแหน่งประเภทวิชาการ และตําแหน่งประเภททั่วไป ในสํานักงานรัฐมนตรี
5. กรณีข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 ถึงแก่ความตายก่อนวันที่ 1 มีนาคม หรือวันที่ 1 กันยายน ให้นําอัตราเงินเดือนของผู้นั้นมาคํานวณรวมเป็นวงเงินงบประมาณในวันที่ 1 มีนาคม หรือวันที่ 1 กันยายน แล้วแต่กรณี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1363 0 2547 1397 0 2547 1526
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,520 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 9 เรื่อง ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1008.1/ว 9
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
31 พฤษภาคม 2556
เรื่อง ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 130 ตอนพิเศษ 62 ง วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1402 0 2547 1384
0 2547 1428
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,521 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004.3/ว 14 เรื่อง ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง | ที่ นร 1004.3/ว 14
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
10 กันยายน 2555
เรื่อง ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 41 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553
สิ่งที่ส่งมาด้วย ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง จํานวน 1 เล่ม
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่ ก.พ. รับรอง มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพเพิ่มเติมจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง ดังปรากฏรายละเอียดตามสิ่งที่สงมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1920 - 7
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,522 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 10 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาล พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1011/ว 10
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
28 มิถุนายน 2556
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจําคุกในความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจําคุกโดยคําสั่งของศาล พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรง กรม จังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจําคุกในความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจําคุกโดยคําสั่งของศาลพ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่ หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจําคุกในความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจําคุกโดยคําสั่งของศาล พ.ศ. 2556 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 49 ก วันที่ 7 มิถุนายน 2556 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1628
โทรสาร 0 2547 1625 | 6,523 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 15 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง | ที่ นร 1008/ว 15
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
3 ตุลาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 26 ลงวันที่ 14 กันยายน 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์การยุบเลิกตําแหน่ง
2. คําถาม คําตอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่น ๆ และหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งภายในกรอบมูลค่ารวมของตําแหน่ง ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ ก.พ. จึงมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ดังต่อไปนี้
1. ให้เพิ่มความต่อไปนี้ในหน้า 2 ของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ในสิ่งที่ส่งมาด้วย ของหนังสือที่อ้างถึง 1
"10. กรณีส่วนราชการได้รับอนุมัติอัตราเพิ่มใหม่จากคณะรัฐมนตรีหรือได้รับจัดสรรอัตราที่ว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของส่วนราชการอื่นจากคณะกรรมการกําหนดเป้าหมายและนโยบายกําลังคนภาครัฐ ให้ดําเนินการ ดังนี้
1) ให้ อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณากําหนดตําแหน่งตามเหตุผลความจําเป็น เงื่อนไข และจํานวนที่ได้รับอนุมัติอัตราเพิ่มใหม่ เป็นตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับตําแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ. กําหนดในการจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่ง รวมทั้งมาตรฐานกําหนดตําแหน่ง
2) ให้ส่วนราชการจัดทําแบบบรรยายลักษณะงานของตําแหน่งเสนอ อ.ก.พ กระทรวง เพื่อพิจารณาพร้อมกับการกําหนดตําแหน่งตาม 1)
3) ในกรณีที่ส่วนราชการมีเหตุผลความจําเป็นพิเศษไม่อาจดําเนินการได้ตาม 1) ให้ อ.ก.พ. กระทรวงเสนอรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อ ก.พ. เพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี"
2. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การยุบเลิกตําแหน่งในสิ่งที่ส่งมาด้วย ของหนังสือที่อ้างถึง 1 และให้ใช้หลักเกณฑ์การยุบเลิกตําแหน่งตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ของหนังสือนี้แทน
อนึ่ง สํานักงาน ก.พ. ได้จัดทําคําถาม คําตอบตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 เพื่อประกอบการดําเนินการในเรื่องดังกล่าว มาพร้อมกับหนังสือฉบับนี้แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1062
โทรสาร 0 2547 1982 | 6,524 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 16 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ระดับกระทรวง ด้านตรวจสอบภายใน | ที่ นร 1008/ว 16
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
9 ตุลาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ระดับกระทรวงด้านตรวจสอบภายใน
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. ให้ อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณากําหนดตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ก.พ. จึงมีมติให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ระดับกระทรวง ในข้อ 3.1.2 ด้านตรวจสอบภายใน และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"3.1.2 ด้านตรวจสอบภายใน
(1) เป็นตําแหน่งหัวหน้ากลุ่มตรวจสอบภายในที่ระบุไว้ในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการหรือเป็นตําแหน่งสําหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีความเชี่ยวชาญในงานด้านตรวจสอบภายใน โดยใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในทางวิชาการ ต้องตัดสินใจหรือแก้ปัญหาในทางวิชาการที่ยากและซับซ้อนมาก และมีผลกระทบในวงกว้าง
มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะ และให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านการบริหารงาน การเงิน และการบัญชี รวมทั้งติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดําเนินงานของสํานักงานปลัดกระทรวง และกระทรวงในภาพรวม โดยรับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวง
(2) ในกรณีของสํานักงานปลัดกระทรวงขนาดใหญ่ ที่มีภาระ ปริมาณ และความรับผิดชอบงานด้านตรวจสอบภายในทั้งระดับกระทรวงและสํานักงานปลัดกระทรวงจํานวนมาก มีความยุ่งยากซับซ้อน ให้สามารถกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านตรวจสอบภายใน เพิ่มอีก 1 ตําแหน่งได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบภายในของกระทรวง และต้องแยกผู้รับผิดชอบงานการตรวจสอบภายในระดับกระทรวงและสํานักงานปลัดกระทรวงออกจากกันให้ชัดเจน ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
(2.1) เป็นตําแหน่งที่กําหนดในกลุ่มตรวจสอบภายในที่ปรากฏตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สําหรับสํานักงานปลัดกระทรวงขนาดใหญ่ ที่มีแผน/โครงการและงบประมาณ และหน่วยรับตรวจในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงจํานวนมาก ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง และราชการบริหารส่วนกลางที่ไปตั้งในภูมิภาค หรือราชการบริหารส่วนภูมิภาค
(2.2) เป็นตําแหน่งที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในทางวิชาการ ในการตัดสินใจ การใช้ความคิด และการแก้ไขปัญหาในทางวิชาการที่ยากและซับซ้อน
(2.3) มีผู้ปฏิบัติงานในกลุ่มตรวจสอบภายในที่เป็นตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ หรือระดับชํานาญการพิเศษ สายงานวิชาการตรวจสอบภายใน หรือสายงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สายงานวิชาการบัญชี และสายงานวิชาการการเงินและบัญชี ที่ปฏิบัติงานด้านตรวจสอบภายในระดับกระทรวง ไม่น้อยกว่า 4 ตําแหน่ง และระดับสํานักงานปลัดกระทรวง ไม่น้อยกว่า 4 ตําแหน่ง
(3) ในกรณีที่มีการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านตรวจสอบภายใน เพิ่มอีก 1 ตําแหน่งตาม (2) ให้กําหนดบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านตรวจสอบภายใน ของแต่ละตําแหน่ง ดังนี้
(3.1) ให้ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านตรวจสอบภายใน ที่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มตรวจสอบภายใน รับผิดชอบงานตรวจสอบภายในระดับกระทรวงในภาพรวม มีบทบาทหน้าที่ในฐานะหัวหน้ากลุ่มที่ต้องกํากับ แนะนํา และตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะ และให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบด้านการบริหาร การเงิน และการบัญชี ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดําเนินงานของกระทรวงในภาพรวมต่อปลัดกระทรวง
(3.2) ให้ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านตรวจสอบภายใน ที่กําหนดเพิ่มอีก 1 ตําแหน่งตาม (2) รับผิดชอบงานตรวจสอบภายในระดับสํานักงานปลัดกระทรวง ขึ้นตรงต่อหัวหน้ากลุ่มตรวจสอบภายในตาม (3.1) มีบทบาทหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะ และให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบภายใน ทั้งการตรวจสอบทางการเงิน การดําเนินงาน การบริหาร การปฏิบัติตามข้อกําหนด ระบบงานสารสนเทศ และการตรวจสอบพิเศษอื่น ๆ รวมทั้งติดตาม ประเมินผล และจัดทํารายงานผลการดําเนินงานของหน่วยงานในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวง
(4) ผ่านการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์การประเมินค่างานและให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์การยุบเลิกตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนด ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552"
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6653 6657
โทรสาร 0 2547 1982 | 6,525 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่่ นร 1004.3/ว 11 เรื่อง ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง | ที่่ นร 1004.3/ว 11
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
13 สิงหาคม 2556
เรื่อง ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 14 ลงวันที่ 10 กันยายน 2555
สิ่งที่ส่งมาด้วย ปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง จํานวน 1 เล่ม
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่ ก.พ. รับรอง มาเพื่อส่วนราชการทราบและใช้ประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพเพิ่มเติมจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1920 - 7
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,526 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 17 เรื่อง แนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ำกว่ากรม ในภารกิจงานด้านการเจ้าหน้าที่ เป็นตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง | ที่ นร 1008/ว 17
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
18 ตุลาคม 2555
เรื่อง แนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรม ในภารกิจงานด้านการเจ้าหน้าที่ เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552
สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรมในภารกิจงานด้านการเจ้าหน้าที่ เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง โดยให้มีคณะกรรมการกําหนดตําแหน่งระดับสูงของกระทรวง ทําหน้าที่พิจารณาเสนอแนะการกําหนดตําแหน่ง และการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนด ความแจ้งแล้ว นั้น
เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรม ในภารกิจงานด้านการเจ้าหน้าที่มีความเหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ก.พ. จึงกําหนดแนวทางการพิจารณาเบื้องต้นในการกําหนดตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่ต่ํากว่ากรม ในภารกิจงานด้านการเจ้าหน้าที่จากตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น เป็นตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง ก่อนการประเมินคุณภาพงานของตําแหน่งตามหลักเกณฑ์การประเมินค่างานที่ ก.พ. กําหนด รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1972
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,527 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 18 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านพัฒนาระบบบริหาร ระดับกรม | ที่ นร 1008/ว 18
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
18 ตุลาคม 2555
เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านพัฒนาระบบบริหาร ระดับกรม
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2552 และที่ นร 1008/ว 17 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2554
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านพัฒนาระบบบริหาร ระดับกรม
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทบิหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการ และประเภททั่วไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 รวมทั้งการปรับปรุงตารางค่าตอบแทนเฉลี่ยของตําแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการแบ่งส่วนราชการภายในกรมและการปฏิบัติภารกิจของกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ในระดับกรม ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน และคุณภาพของงานสูงขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงมีมติให้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ด้านพัฒนาระบบบริหาร ระดับกรม เพิ่มเติม รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งในส่วนใดที่มิได้มีการปรับปรุงแก้ไข ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1972
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,528 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 12 เรื่อง การกำชับให้ผู้บังคับบัญชารักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา | ที่ นร 1011/ว 12
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
21 สิงหาคม 2556
เรื่อง การกําชับให้ผู้บังคับบัญชารักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อื่นๆ - ตามที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551มาตรา 87 บัญญัติว่า ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนด และ ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในเรื่องดังกล่าวแล้ว ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1011/ส 43 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 และมาตรา 90 บัญญัติว่า เมื่อมีการกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ทราบโดยเร็ว และให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้โดยเร็วด้วยความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ ผู้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริตให้ถือว่าผู้นั้นกระทําผิดวินัย
ก.พ. พิจารณาเห็นว่า ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายในการรักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา โดยต้องเสริมสร้าง พัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย และดําเนินการทางวินัยแก่ผู้กระทําผิดวินัย การที่ผู้บังคับบัญชาละเลยการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว มิได้ทําให้การรักษาวินัยของข้าราชการดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล จึงมีมติให้นําเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติกําชับให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และให้ถือว่าการที่การรักษาวินัยของข้าราชการมิได้ดีขึ้น ผู้บังคับบัญชามีส่วนรับผิดชอบ เพราะมิได้เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และมิได้ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทําผิดวินัย ซึ่งผู้บังคับบัญชาอาจต้องรับผิดทางวินัยด้วย
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2556 เห็นชอบตามมติ ก.พ. ดังกล่าว และให้แจ้งกระทรวง กรม และจังหวัดทราบ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเคร่งครัดต่อไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1628
โทรสาร 0 2547 1625 | 6,529 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 19 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง | ที่ นร 1008.1/ว 19
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
26 ธันวาคม 2555
เรื่อง การกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยปรับปรุงอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น รวมทั้งกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างความเป็นธรรมให้แก่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการกําหนดอัตราเงินเดือนดังกล่าว จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพิ่มเติม ไว้ดังต่อไปนี้
1. ในกรณีที่ ก.พ. อนุมัติให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีคุณสมบัติต่างไปจากคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งประเภทวิชาการ หรือตําแหน่งประเภททั่วไป ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญที่ใช้อยู่ในขณะนั้นมาใช้บังคับ โดยให้ดําเนินการตามสิ่งที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 ข้อ 3.1 และข้อ 3.2 และตามที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555 ข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ดังนี้
1.1 ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งดํารงตําแหน่งนักวิชาการที่ดิน เจ้าพนักงานปกครอง นายตรวจศุลกากร เจ้าหน้าที่ตรวจสรรพสามิต สมุห์บัญชีอําเภอ และพยาบาลเวชปฏิบัติ อยู่ก่อนวันที่ 11 ธันวาคม 2551 และ ก.พ. ได้จัดตําแหน่งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยเป็นผู้ไม่มีคุณวุฒิระดับปริญญาที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งประเภทวิชาการ ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิปริญญาตรี (หลักสูตรกําหนดเวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 4 ปี)
1.2 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดเป็นผู้มีคุณวุฒิระดับปริญญาและ ก.พ. ได้จัดตําแหน่งให้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยไม่มีคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไป ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิประกาศนีบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
1.3 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด ก.พ. ได้จัดตําแหน่งให้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยเป็นผู้ไม่มีคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่นตามทีกําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไป และไม่มีคุณวุฒิระดับปริญญา ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
1.4 ผู้ใดโอนมาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และ ก.พ. ได้อนุมัติให้แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป โดยเป็นผู้ไม่มีคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่นตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งประเภททั่วไป และไม่มีคุณวุฒิระดับปริญญา ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
2. ในกรณีที่ ก.พ. ปรับปรุงคุณวุฒิที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งหรือพิจารณารับรองคุณวุฒิใดใหม่ ให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญที่ใช้อยู่ในขณะนั้นมาใช้บังคับ โดยให้ดําเนินการตามที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 ข้อ 3.1 และข้อ 3.2 และตามที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือสํานักงา ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ส 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555 ข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ดังนี้
2.1 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดเป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ต่อมา ก.พ. ได้ปรับปรุงคุณวุฒิที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่ง โดยการยุบรวมสายงานหรือการปรับปรุงคุณวุฒิของบางสายงาน เช่น การปรับปรุงในสายงานวิชาการสถิติ สายงานแพทย์ และสายงานทันตแพทย์ เป็นต้น ทําให้ผู้นั้นเป็นผู้มีคุณวุฒิไม่ตรงตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่ ก.พ. กําหนดไว้เดิมตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
2.2 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดเป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และ ก.พ. ได้รับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือรับรองคุณวุฒิใดใหม่ เช่น ก.พ. พิจารณารับรองปริญญาการจัดการมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยมหิดล จากคุณวุฒิปริญญาทางบริหารธุรกิจและการจัดการ เป็นคุณวุฒิปริญญาสาขาวิชาการจัดการ ทางการจัดการ เป็นต้น ทําให้ผู้นั้นเป็นผู้มีคุณวุฒิไม่ตรงตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้ได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่ ก.พ. เคยรับรอง และตรงตามที่กําหนดในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งในขณะนั้น
3. กรณีที่ส่วนราชการใดได้บรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2555 และผู้นั้นเป็นผู้มีคุณสมบัติตามปัจจัย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุแบบช่วงที่ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวง กําหนด ให้ผู้นั้นได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิที่กําหนดใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 โดยดําเนินการ ดังนี้
3.1 นําอัตราเงินเดือนขั้นต่ําและช่วงเงินเดือนตามที่กําหนดไว้ในหนังสือที่อ้างถึง ในช่องอัตราเงินเดือนใหม่ (2) ของเอกสารแนบท้าย 1 (ก) - (ค) ที่ตรงตามคุณวุฒิที่ใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการผู้นั้น เป็นอัตราเงินเดือนและช่วงเงินเดือนเริ่มต้น
3.2 นําร้อยละของปัจจัยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุแบบช่วงที่เคยใช้คิดคํานวณเงินเดือนสําหรับผู้นั้น มาคํานวณเป็นอัตราเงินเดือนใหม่ โดยใช้อัตราเงินเดือนและช่วงเงินเดือนเริ่มต้นตามข้อ 3.1
3.3 นําจํานวนเงินที่ข้าราชการดังกล่าวได้รับเงินเดือนในวันที่ 1 ตุลาคม 2554 และวันที่ 1 เมษายน 2555 มาคํานวณรวมกับเงินเดือนที่ได้ตามข้อ 3.2
3.4 ให้ข้าราชการดังกล่าวได้รับเงินเดือนใหม่ที่คํานวณได้ตามข้อ 3.3 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1526, 0 2547 1528, 0 2547 1428
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,530 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004.1/ว 13 เรื่อง การคัดเลือกบุคคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ | ที่ นร 1004.1/ว 13
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
2 กันยายน 2556
เรื่อง การคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม หน่วยงานของรัฐ)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. หลักเกณฑ์ และวิธีดําเนินการคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ
2. ตัวอย่างประกาศรับสมัคร
อื่นๆ - ด้วยมาตรา 8 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 บัญญัติให้ ก.พ. มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายและออกระเบียบเกี่ยวกับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนของรัฐบาลให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตลอดจนจัดสรรผู้รับทุนที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการในกระทรวงและกรมหรือหน่วยงานของรัฐ
ก.พ. จึงอาศัยอํานาจตามความในมาตราดังกล่าว กําหนดแนวทางการดําเนินการคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ สําหรับทุนพัฒนาข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ ก.พ. จัดสรรให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ดังต่อไปนี้
1. การคัดเลือกบุคลากรภาครับเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ สําหรับทุนพัฒนาข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ ก.พ. จัดสรรให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีดําเนินการคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 โดยมีตัวอย่างประกาศรับสมัคร ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
2. กรณีใดที่ไม่อาจดําเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีดําเนินการคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนรัฐบาลไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศตาม 1 ให้เสนอ ก.พ. พิจารณาเป็นรายกรณี
3. ให้หลักเกณฑ์ และวิธีดําเนินการคัดเลือกบุคลากรภาครัฐเพื่อรับทุนไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและหน่วยงานของรัฐทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1911, 0 2547 1915
โทรสาร 0 2547 1346 | 6,531 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/ว 20 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง | ที่ นร 1008.1/ว 20
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
27 ธันวาคม 2555
เรื่อง การกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 19 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2555
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. อัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (เอกสารแนบท้าย 1 (ก) - (ค))
2. ช่วงเงินเดือนและจํานวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือคุณวุฒิอย่างอื่น จากสถานศึกษาที่ ก.พ. รับรอง (เอกสารแนบท้าย 3 (ก) - (ค))
3. อัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองเพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (เอกสารแนบท้าย 1 (ง) - (ฉ))
4. ช่วงเงินเดือนและจํานวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือคุณวุฒิอย่างอื่นจากสถานศึกษาที่ ก.พ. รับรอง (เอกสารแนบท้าย 3 (ง) - (ฉ))
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 2 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยปรับอัตราเงินเดือนให้สูงขึ้น และกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 และแจ้งให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
เนื่องจากคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 มีมติอนุมัติให้จ่ายงบประมาณสําหรับการปรับเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาและการปรับเงินเดือนชดเชยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 และวันที่ 1 มกราคม 2557 ก.พ. จึงปรับปรุงอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง และอัตราเงินเดือนที่ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิของหนังสือที่อ้างถึง 1 โดยให้ใช้อัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง และอัตราเงินเดือนที่ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิตามสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือฉบับนี้แทน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 จนถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 ให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิตามช่วงเงินเดือนในช่องอัตราเงินเดือนใหม่ (2) ในสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ของหนังสือนี้ (เอกสารแนบท้าย 1 (ก) - (ค)) เช่น ลําดับที่ 13 คุณวุฒิปริญญาโททั่วไป กําหนดช่วงเงินเดือนตั้งแต่ 16,400 - 18,040 บาท
2. การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป ให้ได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิตามช่วงเงินเดือนในช่องอัตราเงินเดือนใหม่ (2) ในสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 ของหนังสือนี้ (เอกสารแนบท้าย 1 (ง) - (ฉ)) เช่น ลําดับที่ 13 คุณวุฒิปริญญาโททั่วไป กําหนดช่วงเงินเดือนตั้งแต่ 17,500 - 19,250 บาท
3. การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ให้นําข้อ 2 ของหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 และข้อ 1 และข้อ 2 ของหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยใช้ช่วงเงินเดือนและจํานวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ของหนังสือนี้ (เอกสารแนบท้าย 3 (ก) - (ค))
4. การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 ให้นําข้อ 2 ของหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 และข้อ 1 และข้อ 2 ของหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 มาใช้โดยอนุโลม โดยใช้ช่วงเงินเดือนและจํานวนเงินที่ได้ปรับตามคุณวุฒิ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 4 ของหนังสือนี้ (เอกสารแนบท้าย 3 (ง) - (ฉ))
อนึ่ง งบประมาณสําหรับการเบิกจ่ายเพื่อการให้ได้รับเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง และการให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ให้ส่วนราชการใช้จากเงินเหลือจ่ายของส่วนราชการก่อน หากไม่พอให้ใช้จ่ายจากงบกลาง งบประมาณรายจ่ายประจําปี พ.ศ. 2556 ส่วนงบประมาณสําหรับการเบิกจ่ายเพื่อการให้ได้รับเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรองและการให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 ให้แต่ละส่วนราชการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจําปี พ.ศ. 2557 เพื่อดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. . 2547 1528, 0 2547 1526
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,532 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/522 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ กรณีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ | ที่ นร 1008.1/522
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
9 ตุลาคม 2555
เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ กรณีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้ไปดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/145 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. 2552 และการบริหารวงเงินการเลื่อนเงินเดือน นั้น
ด้วยปรากฏกว่า เนื้อความของข้อ 4.2 ของหนังสือดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน เป็นผลให้การสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการเลื่อนเงินเดือนและได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ ในวันเดียวกันไม่ถูกต้อง สํานักงาน ก.พ. จึงขอแจ้งแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ดังนี้
กรณีข้าราชการผู้ใดได้รับการเลื่อนเงินเดือน ณ วันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม และได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่างประเภท หรือต่างสายงาน หรือต่างระดับ โดยมีผลย้อนหลังไปก่อนวันที่ 1 เมษายน หรือ 1 ตุลาคม แล้วแต่กรณี ซึ่งทําให้ "ฐานในการคํานวณ" ที่ใช้ในการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นเปลี่ยนไป กรณีนี้ให้ถือปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึง กล่าวคือ ให้ผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้นโดยให้นําอัตราร้อยละที่ได้รับการเลื่อนตามคําสั่งการเลื่อนเงินเดือนเดิมมาคํานวณเงินที่จะได้เลื่อนโดยใช้ "ฐานในการคํานวณ" ของตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับ ตามที่ข้าราชการผู้นั้นได้รับแต่งตั้ง
ในกรณีที่ส่วนราชการออกคําสั่งเลื่อนเงินเดือนที่แตกต่างจากแนวปฏิบัติข้างต้นนี้ไปแล้ว ขอให้ดําเนินการแก้ไขคําสั่งให้ถูกต้องตามแนวปฏิบัติของหนังสือฉบับนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์)
รองเลขาธิการ ก.พ.
ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1363 0 2547 1397 0 2547 1526
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,533 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 14 เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กำหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558 | ที่ นร 1004/ว 14
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
12 กันยายน 2556
เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558
เรียน (กระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 2 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณพ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558
2. แบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
3. คําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนด
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งมติ ก.พ. ให้ส่วนราชการดําเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิต่าง ๆ ที่ ก.พ. กําหนดเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 2 สําหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2556 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติกําหนดให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2558 ได้ สําหรับวิธีการคัดเลือกนั้น ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ต่อไป โดยบรรจุและแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2558 และมีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
1. วุฒิที่จะคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งต้องเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งของตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง
2. ห้ามส่วนราชการโอนผู้ได้รับคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งตามข้อ 1 เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
3. เมื่อได้ดําเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละครั้ง ให้รายงานผลการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการไปยังสํานักงาน ก.พ. ทุกครั้งตามแบบรายงานตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2
4. ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดําเนินการคัดเลือกและขึ้นบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกโดยถูกต้องไว้ก่อนวันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ซึ่งผู้มีรายชื่อดังกล่าวมีวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 - 2558 ให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57 ดําเนินการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกที่เหลืออยู่ดังกล่าวต่อไปได้ตามที่เห็นสมควร
ทั้งนี้ ส่วนราชการที่จะดําเนินการคัดเลือกควรศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 เพื่อจะได้ดําเนินการได้อย่างถูกต้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941 - 1946
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,534 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 15 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 | ที่ นร 1008/ว 15
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
19 กันยายน 2556
เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานกายอุปกรณ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 3
2. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556
อื่นๆ - ด้วย ก.พ. มีมติปรับปรุงมาตรฐานกําหนดสายงานกายอุปกรณ์ โดยเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งให้ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขากายอุปกรณ์ และกําหนดให้เป็นสายงานที่มีสิทธิได้รับเงินประจําตําแหน่งของตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ และระดับชํานาญการพิเศษ จึงได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 78 ก วันที่ 6 กันยายน 2556 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน
โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6656
โทรสาร 0 2547 1437 | 6,535 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1011/ว 16 เรื่อง การบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ | ที่ นร 1011/ว 16
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
23 กันยายน 2556
เรื่อง การบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทําผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อื่นๆ - ด้วยรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนที่จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ปัจจุบันกลับปรากฏว่าได้มีผู้กระทําผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงขอกลับเข้ารับราชการ เพราะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 แล้ว นั้น
ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้นโยบายดังกล่าวของรัฐบาลมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ จึงมีมติให้ส่วนราชการใช้ความระมัดระวังในการพิจารณารับบรรจุบุคคลผู้ซึ่งเคยออกจากราชการเพราะกระทําผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการแล้วกลับเข้ารับราชการอีก เนื่องจากการได้รับล้างมลทินตามพระราชบัญญัติข้างต้นนั้น ล้างแต่เฉพาะโทษเท่านั้น หาได้ล้างพฤติกรรมการกระทําผิดวินัยด้วยไม่ ดังนั้น แม้ว่าผู้นั้นจะได้รับการล้างมลทินแล้วก็ตาม แต่พฤติกรรมการกระทําผิดวินัยนั้นก็อาจเป็นการบกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม อันเป็นกรณีที่มีลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 36 ข.(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก็ได้ ทั้งนี้ ก.พ. ได้เคยมีมติทํานองนี้แล้วตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ น.ว. 2/2504 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2504
จึงเรียนมาเพื่อถือเป็นหลักปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย
โทร. 0 2547 1628
โทรสาร 0 2 547 1625 | 6,536 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 17 เรื่อง การสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ | ที่ นร 1004/ว 17
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
11 ธันวาคม 2556
เรื่อง การสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
เรียน (เวียน กระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 15 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การสรรหาโดยวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เป็นไปตามระบบคุณธรรมและคํานึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรม ตลอดจนประโยชน์ของทางราชการตามมาตรา 52 เพื่อให้กระบวนการสรรหาเป็นไปในเชิงรุก โดยคํานึงถึงการให้โอกาสแก่ผู้ที่กําลังจะสําเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และการรณรงค์ให้คนเก่งและคนดีซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ได้มีโอกาสสมัครสอบแข่งขัน รวมทั้งเพื่อให้การสอบแข่งขันมีความยืดหยุ่น คล่องตัว ลดเวลาดําเนินการ เพื่อให้ส่วนราชการได้บรรจุบุคคลตรงตามความต้องการได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตลอดจนเพื่อให้ผู้สนใจได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับส่วนราชการ ลักษณะงาน หน้าที่ความรับผิดชอบของตําแหน่ง และโอกาสได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ ก.พ. จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 53 กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ดังนี้
1. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือที่อ้างถึง และกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการขึ้นใหม่รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
2. ให้ส่วนราชการเป็นหน่วยงานหลักในการสรรหาเชิงรุก โดยกําหนดกลุ่มเป้าหมายหาจุดที่กลุ่มเป้าหมายสนใจหรือให้ความสําคัญ เพื่อจูงใจให้สมัครสอบแข่งขัน และจัดทําแผนการรณรงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจ กําหนดแผนการดําเนินงานและดําเนินการตามแผน ตลอดจนประเมินผลการดําเนินการตามแผนดังกล่าว
3. ให้สํานักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักในการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมเพื่อให้บุคคลทั่วไปหันมาสนใจสมัครเข้ารับราชการ ตลอดจนทําหน้าที่ประเมินผลการสรรหาในภาพรวม
4. ให้ผู้สอบผ่านภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ตามหนังสือรับรองผลการสอบผ่านภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของ ก.พ. ที่ออกให้ก่อนวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือนี้ใช้บังคับ เป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือนี้
5. ให้สามารถนําหนังสือรับรองผลการสอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไปในระดับวุฒิการศึกษาที่สูงกว่าไปใช้ในการสอบแข่งขันในระดับวุฒิการศึกษาที่ต่ํากว่าได้
6. การใดที่อยู่ระหว่างดําเนินการตามหนังสือที่อ้างถึง ก่อนวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือที่อ้างถึงต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
7. บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่หนังสือนี้มีผลใช้บังคับ และบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ตาม 6. ให้คงมีผลใช้ได้ตามเงื่อนไขที่มีอยู่เดิมต่อไปจนกว่าบัญชีนั้นจะสิ้นผลหรือจนกว่าจะมีการขึ้นบัญชีใหม่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือนี้
8. กรณีใดที่ไม่อาจดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขันนี้ การดําเนินการในกรณีนั้นให้เป็นไปตามที่ ก.พ. กําหนด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941 - 48
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,537 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 18 เรื่อง การอนุมัติคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ | ที่ นร 1004/ว 18
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
11 ธันวาคม 2556
เรื่อง การอนุมัติคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. กําหนดกรณีเหตุพิเศษซึ่งส่วนราชการอาจคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขันในกรณีต่าง ๆ โดยกําหนดข้อ 1 (6) กรณีอื่นที่ ก.พ. อนุมัติ มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติอนุมัติให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการโดยไม่ต้องสอบแข่งขันได้ กรณีที่ส่วนราชการมีตําแหน่งว่างในตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงานและตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ซึ่งต้องการบุคคลที่มีวุฒิการศึกษาอย่างเดียวกัน และมีความรู้ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะที่เหมือนหรือใกล้เคียงกันกับตําแหน่งที่ได้มีการสอบแข่งขันและขึ้นบัญชีไว้ ให้ส่วนราชการสามารถคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตําแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตําแหน่งอื่นได้ โดยเรียกผู้สอบแข่งขันได้มารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งเป็นจํานวนสามเท่าของตําแหน่งว่าง แต่ไม่น้อยกว่าสิบคน โดยเรียกตั้งแต่ลําดับแรกของผู้ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุไปตามลําดับต่อกันเรื่อย ๆ โดยไม่ซ้ํากัน และเมื่อเรียกจนถึงคนสุดท้ายในบัญชีแล้ว แต่บัญชียังไม่ยกเลิกให้ย้อนกลับมาเริ่มเรียกตั้งแต่ลําดับแรกของผู้ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุอีก ในกรณีที่มีผู้สอบแข่งขันได้เหลือในบัญชีน้อยกว่าสิบคน ให้เรียกตามจํานวนที่เหลือในบัญชีได้ ทั้งนี้ คําว่า “ตําแหน่งอื่น” ให้หมายถึง ชื่อตําแหน่งเดียวกันแต่ต่างส่วนราชการด้วย และให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1. ให้ส่วนราชการตั้งคณะกรรมการดําเนินการคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตําแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตําแหน่งอื่นขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือนผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการหรือผู้ได้รับมอบหมาย จํานวนไม่น้อยกว่า 3 คน โดยตั้งกรรมการคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการและตั้งผู้แทน ก.พ. เป็นกรรมการด้วย
2. ให้คณะกรรมการตาม 1. ดําเนินการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งของผู้ที่จะนํารายชื่อไปขึ้นบัญชีโดยกําหนดวิธีการประเมิน ซึ่งอาจดําเนินการโดยวิธีสัมภาษณ์ วิธีสอบข้อเขียน วิธีสอบปฏิบัติหรือวิธีอื่นใด วิธีหนึ่งหรือหลายวิธีก็ได้ตามความเหมาะสม ในการนี้ คณะกรรมการอาจตั้งกรรมการสัมภาษณ์ กรรมการออกข้อสอบ กรรมการทดสอบการปฏิบัติงาน หรือกรรมการอื่นหรือเจ้าหน้าที่ให้ดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้ตามความจําเป็น
การตัดสินว่าผู้ใดเป็นผู้ผ่านการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่ง ให้ถือเกณฑ์ว่าต้องเป็นผู้ได้คะแนนประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งรวมทั้งสิ้นไม่ต่ํากว่าร้อยละ 60
3. ให้ส่วนราชการตาม 1. ดําเนินการเกี่ยวกับการเรียกผู้สอบแข่งขันได้ในตําแหน่งหนึ่งมาเพื่อเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งอื่นตาม 2. ดังนี้
(1) ประสานกับส่วนราชการเจ้าของบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อให้ได้ชื่อและที่อยู่ของผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชี ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุเรียงตามลําดับ ตามจํานวนที่ ก.พ. กําหนด
(2) แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันได้ตามรายชื่อและจํานวนตาม 3 (1) สมัครเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่ง โดยแจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ก่อนวันเริ่มรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วัน และกําหนดระยะเวลารับสมัครไม่น้อยกว่า 3 วันทําการ ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าวให้แจ้งด้วยว่า
ก. ผู้ที่ไม่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่ง หรือสมัครเข้ารับการประเมินแล้ว แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก ยังคงมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตําแหน่งเดิมและมีสิทธิอยู่ตามเดิม
ข. ผู้ได้รับแจ้งให้สมัคร หรือผู้สมัครเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งหรือผู้ที่ได้รับการคัดเลือกในตําแหน่งที่ประเมินนี้ ผู้ใดถูกยกเลิกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตําแหน่งที่ใช้เพื่อการคัดเลือกบรรจุหรือได้รับการเรียกตัวและได้แจ้งความจํานงเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่าจะรับการบรรจุ หรือได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตําแหน่งที่ใช้เพื่อการคัดเลือกบรรจุ หรือในตําแหน่งอื่น ๆ ของการสอบครั้งเดียวกันกับตําแหน่งดังกล่าว ผู้นั้นหมดสิทธิเข้ารับการประเมิน หรือหมดสิทธิที่จะเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก หรือหมดสิทธิที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตําแหน่งที่ประเมินนี้ แล้วแต่กรณี
ค. การประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจะใช้วิธีการตาม 2. วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีก็ได้
4. ให้ส่วนราชการตาม 1. กําหนดเลขประจําตัวผู้สมัครเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่ง ตามลําดับก่อนหลังที่สมัคร และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินโดยมีสาระสําคัญดังนี้ เลขประจําตัวผู้เข้ารับการประเมิน เลขประจําตัวผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีเดิม ชื่อตําแหน่งในบัญชีเดิม และชื่อ – ชื่อสกุล
5. การขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ให้เรียงลําดับที่จากผู้ได้คะแนนมากไปน้อย ถ้าได้คะแนนเท่ากันให้ผู้ได้รับเลขประจําตัวเข้ารับการประเมินก่อนเป็นผู้อยู่ในลําดับที่ดีกว่าและให้ส่วนราชการตาม 1. ประกาศการขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตําแหน่งอื่นนั้นเรียงตามลําดับที่ โดยมีสาระสําคัญตาม 4. ด้วย และส่งประกาศการขึ้นบัญชีนั้นไปยังส่วนราชการเจ้าของบัญชีตาม 3 (1) จํานวน 1 ชุด ภายใน 5 วันทําการ นับแต่วันประกาศการขึ้นบัญชี
6. เมื่อจะเรียกผู้ได้ขึ้นบัญชีเป็นผู้ตามลําดับที่ในบัญชีให้ตรวจสอบกับส่วนราชการเจ้าของบัญชีตาม 5. มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุตามลําดับที่ในบัญชีให้ตรวจสอบกับส่วนราชการเจ้าของบัญชีตาม 3 (1) เสียก่อนว่า ผู้ที่จะเรียกมารายงานตัวนั้นยังคงมีสิทธิที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตาม 3 (2) ข. แล้วจึงมีหนังสือเรียกผู้นั้นมารายงานตัว โดยส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ทั้งนี้ วันที่กําหนดให้มารายงานตัวต้องเป็นวันที่หลังจากที่มีหนังสือให้มารายงานตัวไม่น้อยกว่า 5 วัน และในวันที่ผู้สอบแข่งขันได้มารายงานตัวให้ตรวจสอบผู้ที่มารายงานตัวเพื่อจะรับการบรรจุด้วยว่า ผู้นั้นยังคงเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตาม 3 (2) ข. อยู่หรือไม่ หากผู้นั้นยังคงมีสิทธิที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งอยู่ ก็ให้ผู้นั้นแสดงความจํานงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะรับการบรรจุและแต่งตั้งในตําแหน่งที่มารายงานตัวครั้งนี้ และขอสละสิทธิการบรรจุและแต่งตั้งในตําแหน่งอื่น ๆ ในการสอบครั้งเดียวกันกับตําแหน่งที่จะรับการบรรจุครั้งนี้ แล้วส่งหลักฐานการสละสิทธินั้นไปขอให้ส่วนราชการเจ้าของบัญชีตาม 3 (1) คัดชื่อผู้นั้นออกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เดิม และส่งหลักฐานการสมัครสอบของผู้นั้นที่มีอยู่ทางส่วนราชการเจ้าของบัญชีเดิมมาให้โดยเร็ว แล้วสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามลําดับที่ในบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือก
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร
โทร. 0 2547 1941, 0 2547 1943 - 4, 0 2547 1946
โทรสาร 0 2547 1954 | 6,538 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 20 เรื่อง การบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการ | ที่ นร 1006/ส 20
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
24 ธันวาคม 2556
เรื่อง การบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 11 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง แจ้งมติ ก.พ. กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้ออกจากราชการไป เนื่องจากถูกสั่งให้ออกจากราชการเพื่อไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร หรือได้รับอนุมัติให้ไปปฏิบัติงานใด ๆ ซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้น สําหรับการคํานวณบําเหน็จบํานาญเหมือนเต็มเวลาราชการ หรือออกจากราชการไปที่มิใช่เป็นการออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ กลับเข้ารับราชการในตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และการให้ได้รับเงินเดือน ตามมาตรา 63 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการให้ได้รับเงินเดือนเฉพาะกรณีบรรจุผู้ออกจากราชการไปที่มิใช่เป็นการออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการกลับเข้ารับราชการ ครอบคลุมถึงกรณีที่ ก.พ. ได้มีการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิใหม่ และปรับเงินเดือนชดเชยสําหรับผู้ที่รับราชการอยู่ก่อนการปรับเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ ในระหว่างที่ผู้นั้นออกจากราชการด้วย จึงมีมติให้เพิ่มความในข้อ 3.2 ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่อ้างถึง เป็นวรรคสอง และวรรคสาม ดังต่อไปนี้
"หากในระหว่างที่ผู้นั้นออกจากราชการไป มีการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิใหม่ และมีการปรับเงินเดือนชดเชยสําหรับผู้ที่รับราชการอยู่ก่อนการปรับเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ในช่วงเวลาใด ก็ให้ผู้นั้นได้รับการปรับเงินเดือนชดเชยเช่นเดียวกันด้วย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับกับผู้ได้รับการบรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่ ก.พ. ปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิครั้งแรกเมื่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีผลใช้บังคับ"
ตัวอย่าง
นาย ข. เดิมเคยรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในตําแหน่งนักบัญชีปฏิบัติการ รับเงินเดือนในอัตรา 9,230 บาท และลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 ต่อมากรมประสงค์จะบรรจุผู้นี้กลับเข้ารับราชการและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งนักบัญชีปฏิบัติการ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โดยผู้นี้มีวุฒิปริญญาบัญชีบัณฑิต การให้ได้รับเงินเดือนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
(1) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 20 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 เป็นอัตรา 9,930 บาท
(2) ปรับเงินเดือนเข้าสู่อัตราเงินเดือนในบัญชีใหม่ ณ วันที่ 1 เมษายน 2554 ในอัตราร้อยละ 5 ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 8 ลงวันที่ 28 เมษายน 2554 เป็นอัตรา 10,430 บาท
(3) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 21 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555 เป็นอัตรา 12,970 บาท
(4) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 22 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุดดที่ นร 1008.1/ว 20 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2555 เป็นอัตรา 14,590 บาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน
โทร. 0 2547 1646
โทรสาร 0 2547 1603 | 6,540 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 21 เรื่อง การบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1006/ว 21
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
24 ธันวาคม 2556
เรื่อง การบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด)
อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 37 ลงวันที่ 29 กันยายน 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. แจ้งมติกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งไม่ใช่ออกจากงานในระหว่างทดลองปฏิบัติงานหรือข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และไม่ใช่ข้าราชการการเมือง ข้าราชการวิสามัญ หรือข้าราชการซึ่งออกจากราชการในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ การแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และการให้ได้รับเงินเดือน ตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น
บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการให้ได้รับเงินเดือนเฉพาะกรณีบรรจุผู้เคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ที่ออกจากราชการกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ครอบคลุมถึงกรณีที่ ก.พ. ได้มีการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิใหม่ และปรับเงินเดือนชดเชยสําหรับผู้ที่รับราชการอยู่ก่อนการปรับเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ ในระหว่างที่ผู้นั้นออกจากราชการด้วย จึงมีมติให้เพิ่มความในข้อ 2 ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่อ้างถึง เป็นวรรคสาม และวรรคสี่ ดังต่อไปนี้
"หากในระหว่างที่ผู้นั้นออกจากราชการไป มีการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิใหม่ และมีการปรับเงินเดือดเชยสําหรับผู้ที่รับราชการอยู่ก่อนการปรับเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ในช่วงเวลาใด ก็ให้ผู้นั้นได้รับการปรับเงินเดือนชดเชยเช่นเดียวกันด้วย
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับกับผู้ได้รับการบรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่ ก.พ. ปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิครั้งแรกเมื่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีผลใช้บังคับ"
ตัวอย่าง
นาย ก. เดิมเคยรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในตําแหน่งบุคลากร 5 รับเงินเดือนในอัตรา 11,750 บาท และลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2549 ต่อมากรมประสงค์จะบรรจุผู้นี้กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 โดยผู้นี้มีวุฒิปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต การให้ได้รับเงินเดือนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
(1) ปรับเงินเดือนของนาย ก. ที่ได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการ อัตรา 11,750 บาท เข้าสู่อัตราเงินเดือนในบัญชีใหม่ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ตามตารางการปรับอัตราเงินเดือนที่ใช้ในช่วงเวลานั้น คือ หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 9 ลงวันที่่ 17 กันยายน 2550 เป็นอัตรา 12,220 บาท
(2) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 13 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 31 ลงวันที่ 17 กันยายน 2553 เป็นอัตรา 14,020 บาท
(3) ปรับเงินเดือนเข้าสู่อัตราเงินเดือนในบัญชีใหม่ ณ วันที่ 1 เมษายน 2554 ในอัตราร้อยละ 5 ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 8 ลงวันที่ 28 เมษายน 2554 เป็นอัตรา 14,730 บาท
(4) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 13 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/8ว 3 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2555 เป็นอัตรา 17,130 บาท
(5) ปรับเงินชดเชยเพื่อให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิลําดับที่ 13 ของเอกสารแนบท้าย 3 (ก) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.1/ว 20 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2555 เป็นอัตรา 18,080 บาท
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน
โทร 0 2547 1646
โทรสาร 0 2547 1603 | 6,541 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 1/2562 เรื่อง การส่งรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สรข. 1/2562
เรื่อง การส่งรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 11/2559 เรื่อง การส่งรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2559 กําหนดให้สถาบันการเงินรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) โดยผ่านวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการและหลักเกณฑ์ที่กําหนดในระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยบริการด้านการรับส่งข้อมูลด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบบริหารข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2546 นั้น
ธนาคารแห่งประเทศ ได้ดําเนินการปรับปรุงชุดข้อมูล (XML Data Set) ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของประกาศธนาคารแห่งประเทศและได้เปลี่ยนรูปแบบรายงานอัตราส่วนแหล่งเงินที่มีความมั่นคงและความต้องการแหล่งเงินที่มีความมั่นคง (Net Stable Funding Ratio : NSFR) จากปัจจุบันที่กําหนดให้รายงานในรูปแบบ Excel File เป็นชุดข้อมูล (XML Data Set) เพื่อให้การบริหารจัดการข้อมูลที่ได้รับจากสถาบันการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสาระสําคัญดังนี้
1. ปรับปรุงความถี่และรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของประกาศธนาคารแห่งประเทศ เรื่องแนวทางการระบุและกํากับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestic Systemically Important Banks : D-SIBs) จํานวน 24 ชุดข้อมูล ตามรายละเอียดดังนี้
1. Financial Position Statement\_Solo Conso (DS\_FPSS)
2. Financial Position Statement\_Full Conso (DS\_FPSF)
3. Comprehensive Income Statement\_Solo Conso (DS\_CISS)
4. Comprehensive Income Statement\_Full Conso (DS\_CISF)
5. Provision Summary\_Solo Conso (DS\_PVSS)
6. Provision Summary\_Full Conso (DS\_PVSF)
7. Total Trading Book Position\_Solo Conso (DS\_TBPS)
8. Total Trading Book Position\_Full Conso (DS\_TBPF)
9. Interest Rate Risk\_Solo Conso (DS\_IRRS)
10. Interest Rate Risk\_Full Conso (DS\_IRRF)
11. Capital Fund\_Solo Conso (DS\_CAPS)
12. Capital Fund\_Full Conso (DS\_CAPF)
13. Credit Risk Standardized Approach\_Solo Conso (DS\_CRSS)
14. Credit Risk Standardized Approach\_Full Conso (DS\_CRSF)
15. Credit Risk Internal Ratings-Based Approach\_Solo Conso (DS\_CRIS)
16. Credit Risk Internal Ratings-Based Approach\_Full Conso (DS\_CRIF)
17. Equity Positon\_Solo Conso (DS\_EQPS)
18. Equity Positon\_Full Conso (DS\_EQPF)
19. Provision and Expected Loss\_Solo Conso (DS\_PELS)
20. Provision and Expected Loss\_Full Conso (DS\_PELF)
21. Contingent Summary\_Solo Conso (DS\_COSS)
22. Contingent Summary\_Full Conso (DS\_COSF)
23. Operational Risk\_Solo Conso (DS\_OPRS)
24. Operational Risk\_Full Conso (DS\_OPRF)
2. ให้ปรับเปลี่ยนการรายงานชุดข้อมูล (XML Data Set) ของกลุ่มข้อมูล Other FI Summary จํานวน 2 ชุดข้อมูล ได้แก่
1. Card Usage Summary (DS\_CUS)
2. Electronic Banking Services Summary (DS\_EBS)
โดยไม่ต้องรายงานตามประกาศฉบับนี้ เนื่องจากชุดข้อมูลดังกล่าวกําหนดให้รายงานตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูลด้านชําระเงินต่อธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชําระเงินแล้ว
3. เปลี่ยนรูปแบบรายงานอัตราส่วนแหล่งเงินที่มีความมั่นคงและความต้องการแหล่งเงินที่มีความมั่นคง (Net Stable Funding Ratio : NSFR) จากปัจจุบันที่กําหนดให้รายงานในรูปแบบ Excel File ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การดํารงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (Net stable funding ratio : NSFR) เป็นชุดข้อมูล (XML Data Set) จํานวน 1 ชุดข้อมูล คือ Net Stable Funding Ratio (DS\_NFR) ตามประกาศฉบับนี้
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยกําหนดให้สถาบันการเงินจัดทําและส่งรายงานข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. ประกาศที่ยกเลิก
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 11/2559 เรื่อง การส่งรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2559
อื่นๆ - 4. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินทุกแห่ง
อื่นๆ - 5. เนื้อหา
5.1 ให้สถาบันการเงินจัดทําและส่งรายงานข้อมูลในรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) ตามรายชื่อชุดข้อมูล (XML Data Set) ที่กําหนดให้สถาบันการเงินรายงาน (เอกสารแนบ 1) และคู่มือการจัดทําชุดข้อมูล (XML Data Set Manual) โดยให้จัดส่งข้อมูลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการและหลักเกณฑ์ตามที่กําหนดใน “ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยบริการด้านการรับส่งข้อมูลด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบบริหารข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2546” ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2546 (เอกสารแนบ 2) รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม
5.2 การจัดส่งรายงานชุดข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่ให้ถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
5.2.1 ชุดข้อมูลที่ปรับปรุงความถี่และรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวทางการระบุและการกํากับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
- ชุดข้อมูลที่มีความถี่เป็นรายเดือน (เอกสารแนบ 1) ให้สถาบันการเงินเริ่มรายงานตั้งแต่ข้อมูลงวดสิ้นเดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไป
- ชุดข้อมูลที่มีความถี่เป็นรายไตรมาส (เอกสารแนบ 1) ให้สถาบันการเงินเริ่มรายงานตั้งแต่ข้อมูลงวดสิ้นเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นไป
- ชุดข้อมูลที่มีความถี่เป็นราย 6 เดือน (เอกสารแนบ 1) ให้สถาบันการเงินเริ่มรายงานตั้งแต่ข้อมูลงวดสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 เป็นต้นไป
5.2.2 ชุดข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบ Excel File เป็นชุดข้อมูล (XML Data Set) กลุ่มข้อมูล-FI Liquidity Status ได้แก่ Net Stable Funding Ratio (DS\_NFR) ให้ธนาคารพาณิชย์เริ่มรายงานตั้งแต่ข้อมูลงวดสิ้นเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเวลาเพียงพอในการพัฒนาชุดข้อมูล (XML Data Set) ตามรูปแบบที่กําหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันการรายงานข้อมูลงวดแรกจากเดิมที่กําหนดให้จัดส่งภายใน 21 วัน นับจากวันสิ้นงวดของข้อมูลเป็นภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2562
5.3 ให้ถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับรายงานข้อมูลตามชุดข้อมูล (XML Data Set) ในวันที่สถาบันการเงินส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลที่ส่งมานั้น มีความถูกต้อง โดยผ่านหลักเกณฑ์การตรวจสอบเบื้องต้น (Basic Validation) ของระบบบริหารข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว
อื่นๆ - 6. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,542 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/28 เรื่อง การให้ได้รับเงินเดือนกรณีการรับโอนและการบรรจุกลับพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ | ที่ นร 1008.1/28
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
20 กุมภาพันธ์ 2556
เรื่อง การให้ได้รับเงินเดือนกรณีการรับโอนและการบรรจุกลับพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 36 ลงวันที่ 29 กันยายน 2553
2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 37 ลงวันที่ 29 กันยายน 2553
อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และการบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยกําหนดกรณีการให้ได้รับเงินเดือนไว้ว่า การโอนและการบรรจุกลับเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทใด สายงานใด และระดับใด ให้ผู้ขอโอนหรือผู้ขอบรรจุกลับได้รับเงินเดือนในอัตราที่ได้รับอยู่เดิมหรือในอัตราที่ได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการ แล้วแต่กรณี โดยต้องไม่สูงกว่าเงินเดือนขั้นสูงของตําแหน่งประเภท สายงาน และระดับที่รับโอนหรือบรรจุกลับ และหากอัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่เดิมนั้นต่ํากว่าขั้นต่ําของระดับตําแหน่งที่จะรับโอนหรือบรรจุกลับ และหากอัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่เดิมนั้นต่ํากว่าขั้นต่ําของระดับตําแหน่งที่จะรับโอนหรือบรรจุกลับ ก็ให้ได้รับเงินเดือนในขั้นต่ําของระดับที่ได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่อัตราเงินเดือนขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้นยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ ก็ให้ได้รับเงินเดือนเท่าเดิมและไม่ต่ํากว่าขั้นต่ําชั่วคราวของระดับนั้น ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
โดยที่ได้มีส่วนราชการหารือว่า ในกรณีผู้ขอโอนหรือผู้ขอบรรจุกลับมีอัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่เดิมก่อนโอนหรืออัตราเงินเดือนที่ได้รับอยู่เดิมก่อนออกจากราชการต่ํากว่าอัตราเงินเดือนสําหรับคุณวุฒิที่ ก.พ. รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ จะยังคงให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่ได้รับอยู่เดิมหรือไม่ ซึ่ง ก.พ. ได้พิจารณาแล้วมีมติให้คงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ได้รับเงินเดือนตามที่กําหนดไว้เดิมในหนังสือที่อ้างถึงดังกล่าวข้างต้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์)
รองเลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ ก.พ.
โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1528 0 2547 1526
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,543 |
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008.1/307 เรื่อง การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน | ที่ นร 1008.1/307
สํานักงาน ก.พ.
ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000
19 สิงหาคม 2556
เรื่อง การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน
เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด)
อื่นๆ - ตามที่กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน พ.ศ. 2551 ได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน กรณีได้รับปริญญาเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นไว้ในข้อ 2 (3) ว่า ผู้ได้รับปริญญาเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นซึ่ง ก.พ. รับรองว่าปริญญาที่ได้รับเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นนั้น เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งและกําหนดเงินเดือนที่ควรได้รับในตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และอัตรานั้นไว้แล้ว ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งอาจปรับให้ได้รับเงินเดือนในตําแหน่งประเภท สายงาน ระดับ และอัตราที่ ก.พ. กําหนด โดยผู้ที่ได้รับปริญญาโทเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นจากปริญญาตรี จะต้องดํารงตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งโดยใช้วุฒิปริญญาตรีมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ผู้ที่ได้รับปริญญาเอกเพิ่มขึ้นหรือสูงขึ้นจากปริญญาโทจะต้องดํารงตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งโดยใช้วุฒิปริญญาโทมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี หรือผู้ได้รับคุณวุฒิเพิ่มขึ้น และเป็นคุณวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้เป็นคุณวุฒิที่ใช้คัดเลือกเพื่อบรรจุเข้ารับราชการให้ปรับให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นไม่ก่อนวันที่ได้รับคุณวุฒิเพิ่มขึ้น แล้วแต่กรณี นั้น
โดยที่ ก.พ. ได้พิจารณาคําขอให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิปริญญาโทเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย กรณีส่วนราชการบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับทุนรัฐบาลเข้ารับราชการก่อนวันที่ได้รับอนุมัติปริญญาโทตามหลักสูตรที่ได้ไปศึกษา และมีมติอนุมัติให้ส่วนราชการดังกล่าวปรับเงินเดือนผู้ได้รับทุนรัฐบาลซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการโดยใช้คุณวุฒิปริญญาตรี ให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิปริญญาโทได้ ไม่ก่อนวันที่ได้รับอนุมัติปริญญาโทตามหลักสูตรดังกล่าว โดยไม่ต้องรอให้มีระยะเวลาดํารงตําแหน่งครบตามที่กําหนดในกฎ ก.พ. ข้างต้น ดังนั้น หากส่วนราชการมีกรณีการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการผู้ได้รับทุนรัฐบาลและให้ได้รับเงินเดือนในทํานองเดียวกันกับกรณีข้างต้น และเห็นควรให้ผู้ได้รับทุนรัฐบาลได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิเป็นกรณีพิเศษ ให้จัดทําคําขอไปยังสํานักงาน ก.พ. เพื่อดําเนินการต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว
ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ
(นายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์)
รองเลขาธิการ ก.พ.
อื่นๆ - ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ ก.พ.
โครงการปรับระบบค่าตอบแทนฯ
โทร. 0 2547 1526
โทรสาร 0 2547 1362 | 6,544 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 4/2562 เรื่อง การรายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สรข. 4/2562
เรื่อง การรายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์การกํากับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นหัวใจของการวางรากฐานวัฒนธรรมด้านสินเชื่อที่ดี ไม่กระตุ้นการก่อหนี้เกินตัวของภาคครัวเรือน ไม่ก่อให้เกิดการเก็งกําไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกินพอดี ตลอดจนให้สถาบันการเงินตระหนักถึงความเป็นไปได้และผลกระทบจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่อาจปรับลดได้ หากความต้องการซื้อไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อันจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทุกภาคส่วนและเอื้อต่อการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยทางการเงิน นั้น
เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีข้อมูลเพียงพอในการติดตามคุณภาพของสินเชื่อที่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินนโยบายของ ธปท. และการกํากับดูแลสถาบันการเงิน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การกํากับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ประกาศกําหนดซึ่งมีผลบังคับใช้กับสัญญาที่ทําตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงกําหนดให้สถาบันการเงินจัดส่งแบบรายงานข้อมูลสินเชื่อที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประกาศฉบับนี้
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยกําหนดให้สถาบันการเงินจัดทําและส่งรายงานข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกําหนด
อื่นๆ - 3. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินทุกแห่ง
อื่นๆ - 4. หนังสือเวียนที่ยกเลิก
1. หนังสือเวียนที่ ธปท.ฝศน.(1ข) ว. 2041/2550 เรื่อง รายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2550
2. หนังสือเวียนที่ ธปท.ฝนส.(21) ว. 1203/2552 เรื่อง การนําส่งแบบรายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตามข้อกําหนดในข้อ 4.2.3 ของแนวนโยบายการให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจบางประเภท ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2552
อื่นๆ - 5. เนื้อหา
ให้สถาบันการเงินจัดทําแบบรายงานสินเชื่อที่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้
5.1 แบบรายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจําแนกตามอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน โดยให้สถาบันการเงินจัดทําและจัดส่งข้อมูล แบบรายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจําแนกตาม LTV Ratio ในรูปแบบของ excel file ตามคู่มือการจัดทําชุดข้อมูล (Data Set Manual) และโครงสร้างข้อมูล (Data Set Document) ซึ่งเผยแพร่บน BOT Website www.bot.or.th โดยจัดส่งผ่านช่องทางการรับส่งข้อมูล DMS Data Acquistion (DMA DA)
ทั้งนี้ ให้สถาบันการเงินจัดส่งแบบรายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจําแนกตาม LTV Ratio เป็นรายไตรมาส ภายใน 1 เดือน นับจากวันสิ้นไตรมาส โดยเริ่มรายงานตั้งแต่งวดสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2562 เป็นต้นไป โดยให้จัดส่งภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 และเพื่อให้ปริมาณธุรกรรมที่รายงานตามรูปแบบ (Template) ใหม่ มีความสอดคล้องกับปริมาณธุรกรรมที่รายงานมาก่อนหน้านี้ ขอให้สถาบันการเงินรายงานรวมปริมาณธุรกรรมที่มีการจดจํานองอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 แต่ยังคงมียอดคงค้างเหลืออยู่ ณ วันที่รายงานข้อมูลให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย
5.2 แบบรายงานสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน โดยให้สถาบันการเงินจัดทําและจัดส่งข้อมูล แบบรายงานสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ในรูปแบบของ excel file ตามคู่มือการจัดทําชุดข้อมูล (Data Set Manual) และโครงสร้างข้อมูล (Data Set Document) ซึ่งเผยแพร่บน BOT Website www.bot.or.th โดยจัดส่งผ่านช่องทางรับส่งข้อมูล DMS Data Acquistion (DMS DA)
ทั้งนี้ ให้สถาบันการเงินจัดส่งแบบรายงานสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันเป็นรายเดือน ภายใน 21 วันนับจากวันสิ้นเดือน โดยเริ่มรายงานตั้งแต่ข้อมูลงวดเดือนเมษายน 2562 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี เพื่อให้สถาบันการเงินมีเวลาเพียงพอในการจัดทําข้อมูลตามรูปแบบที่กําหนด สําหรับการรายงานข้อมูลงวดเดือนเมษายน 2562 และเดือนพฤษภาคม 2562 ให้จัดส่งภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2562 และเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีข้อมูลสําหรับติดตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่สถาบันการเงินอยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลเพื่อรายงานตามรูปแบบ (Template) ใหม่ตามประกาศนี้ ขอให้สถาบันการเงินที่เคยส่งข้อมูลตามหนังสือเวียนที่ ธปท.ฝศน.(1ข) ว. 2041/2550 เรื่อง รายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ส่งข้อมูลงวดเดือนเมษายน 2562 และเดือนพฤษภาคม 2562 ตามรูปแบบ (Template) เดิมก่อน
อื่นๆ - 6. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,545 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 5/2562 เรื่อง การใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารหนี้เป็นหลักประกัน (Scripless Pledging)
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สรข. 5/2562
เรื่อง การใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารหนี้เป็นหลักประกัน (Scripless Pledging)
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะนายทะเบียนตราสารหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการให้บริการธุรกรรมตราสารหนี้ดังกล่าว จึงกําหนดหลักเกณฑ์การใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารเป็นหลักประกัน เพื่อให้ผู้ขอรับบริการถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน
อื่นๆ - 2. หลักเกณฑ์ที่อ้างอิง
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 3 (5) แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมตราสารหนี้
อื่นๆ - 3. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ (ผู้ให้หลักประกัน) และ ผู้รับหลักประกันในการใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารเป็นหลักประกัน ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมตราสารหนี้
อื่นๆ - 4. เนื้อหา
ข้อ 1 คํานิยาม ในประกาศนี้
“ผู้รับฝากตราสารหนี้” หมายความว่า ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ 2 การใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารเป็นหลักประกัน หรือการถอนหลักประกันตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสาร ให้ผู้ให้หลักประกันและผู้รับหลักประกันแจ้งต่อผู้รับฝากตราสารหนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และรูปแบบที่ผู้รับฝากตราสารหนี้กําหนด เพื่อให้ผู้รับฝากตราสารหนี้แจ้งต่อ ธปท. ในฐานะนายทะเบียนต่อไป
ข้อ 3 ผู้รับหลักประกันสามารถติดต่อผู้รับฝากตราสารหนี้เพื่อขอหลักฐานยืนยันการใช้ตราสารหนี้ประเภทไร้ใบตราสารเป็นหลักประกัน
ข้อ 4 กรณีมีการบังคับหลักประกันดําเนินการแจ้งผลการบังคับหลักประกันต่อผู้รับฝากตราสารหนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และรูปแบบที่ผู้รับฝากตราสารหนี้กําหนด เพื่อให้ผู้รับฝากตราสารหนี้แจ้งต่อ ธปท. ในฐานะนายทะเบียนต่อไป
ข้อ 5 ธปท. จะจ่ายดอกเบี้ยของตราสารหนี้แต่ละงวด ในวันกําหนดจ่ายดอกเบี้ยตามประกาศของผู้ออกตราสารหนี้ หรือตามแต่ที่ผู้ให้หลักประกันจะตกลงกับผู้รับหลักประกันโดยถือตามรายชื่อทางทะเบียนที่ผู้รับฝากตราสารหนี้แจ้งแก่ ธปท.
ข้อ 6 เมื่อครบกําหนดไถ่ถอน ธปท. จะโอนเงินต้นเข้าบัญชีของผู้ให้หลักประกันหรือผู้รับหลักประกัน หรือผู้รับผลประโยชน์ตามรายชื่อทางทะเบียนที่ผู้รับฝากตราสารหนี้แจ้งแก่ ธปท.
อื่นๆ - 5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,546 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 5/2563 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
| 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ดังนี้
| | | | | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ |
| 6/91/62 | - | 45,000 | 5 ก.พ. 62 | 7 ก.พ. 62 | 9 พ.ค. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 6/182/62 | - | 40,000 | 5 ก.พ. 62 | 7 ก.พ. 62 | 8 ส.ค.62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 7/91/62 | - | 40,000 | 12 ก.พ. 62 | 14 ก.พ. 62 | 16 พ.ค. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 7/182/62 | - | 40,000 | 12 ก.พ. 62 | 14 ก.พ. 62 | 15 ส.ค. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 1/2ปี/2562 | จะกําหนดและประกาศในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 | 35,000 | 14 ก.พ. 62 | 18 ก.พ. 62 | 18 ก.พ. 64 | 2 ปี | 2 ปี |
| 8/91/62 | - | 45,000 | 18 ก.พ. 62 | 21 ก.พ. 62 | 23 พ.ค. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 8/182/62 | - | 45,000 | 18 ก.พ. 62 | 21 ก.พ. 62 | 22 ส.ค. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 1/FRB3ปี/2562 | 3M BIBOR-0.1 | 15,000 | 22 ก.พ. 62 | 26 ก.พ. 62 | 26 ก.พ. 62 | 3 ปี | 3 ปี |
| 9/91/62 | - | 45,000 | 26 ก.พ. 62 | 28 ก.พ. 62 | 30 พ.ค. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 9/182/62 | - | 45,000 | 26 ก.พ. 62 | 28 ก.พ. 62 | 29 ส.ค. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 4/365/61 | - | 40,000 | 26 ก.พ. 62 | 28 ก.พ. 62 | 6 ธ.ค. 62 | 365 วัน | 281 วัน |
โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 1/2ปี/2562 มีรายละเอียด ดังนี้
| | |
| --- | --- |
| อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) | ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกําหนดและประกาศในวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 |
| การจ่ายดอกเบี้ย | แบ่งเป็นปีละ 2 งวด งวดละเท่า ๆ กัน |
| วันจ่ายดอกเบี้ย | วันที่ 18 กุมภาพันธ์ และ 18 สิงหาคม ของทุกปี |
| วันจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก | วันที่ 18 สิงหาคม 2562 |
| วันครบกําหนดไถ่ถอน | วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจํานวนที่ออกและไม่มีการไถ่ถอนก่อนกําหนด |
พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 1/FRB3ปี/2562 มีรายละเอียด ดังนี้
| | |
| --- | --- |
| อัตราดอกเบี้ยงวดเริ่มต้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 | ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกําหนดและประกาศในวันพุธที่ 20กุมภาพันธ์ 2562 |
| การจ่ายดอกเบี้ย | แบ่งเป็นปีละ 2 งวด งวดละเท่า ๆ กัน |
| วันจ่ายดอกเบี้ย | วันที่ 26 กุมภาพันธ์, 26 พฤษภาคม, 26 สิงหาคม และ 26 พฤศจิกายน ของทุกปี |
| วันจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก | วันที่ 26 พฤษภาคม 2562 |
| วันกําหนดอัตราดอกเบี้ยงวดต่อ ๆ ไป | 2 วันทําการก่อนเริ่มงวดการจ่ายดอกเบี้ย |
| วันครบกําหนดไถ่ถอน | วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจํานวนที่ออกและไม่มีการไถ่ถอนก่อนกําหนด |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม 2562
(นางสาววชิรา อารมย์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,547 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 6/2562 เรื่อง การรายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สรข. 6/2562
เรื่อง การรายงานข้อมูลสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
ตามที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้มีการรายงานข้อมูลต่อสํานักงานเศรษฐกิจการคลังกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยในรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) และรูปแบบ Excel File นั้น
ดังนั้น เพื่อให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีข้อมูลเพียงพอในการกํากับดูแลและติดตามผลการดําเนินการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จึงได้กําหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจจัดทําชุดข้อมูลฐานะการดําเนินงาน (FI Data Set) จํานวน 25 ชุดข้อมูล รูปแบบ Excel File จํานวน 4 รายงาน และชุดข้อมูลธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ (FM Data Set) จํานวน 20 ชุดข้อมูล โดยให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และหลักเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง
ในการออกประกาศฉบับนี้เพื่ออ้างอิงอํานาจตามกฎหมายในสอดคล้องกับพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีการปรับปรุงสาระสําคัญของหลักเกณฑ์ ได้แก่ การปรับปรุงรายชื่อรายงานที่กําหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจรายงาน เพื่อมิให้ซ้ําซ้อนกับรายงานที่ต้องส่งตามพระราชบัญญัติระบบการชําระเงิน พ.ศ. 2560 การเพิ่มชุดข้อมูลในรูปแบบ Excel File 2 รายงาน ได้แก่ รายงานข้อมูลสาขาทั่วไปและจุดให้บริการ และรายงานสรุปจํานวนสาขาอิเล็กทรอนิกส์และจํานวนเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ จํานวนตามภาค เพื่อให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยมีข้อมูลติดตามการเปลี่ยนแปลงสาขา และปรับปรุงช่องทางการรายงานชุดข้อมูลโดยกําหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจรายงานชุดข้อมูลดังกล่าวมายังธนาคารแห่งประเทศไทยโดยตรง
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 120/1 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ธนาคารแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดส่งรายงานข้อมูลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจปฏิบัติตามที่กําหนดในประกาศนี้
อื่นๆ - 3. ประกาศที่ยกเลิก
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 2/2560 เรื่อง การส่งรายงานข้อมูลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560
อื่นๆ - 4. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย
อื่นๆ - 5. เนื้อหา
5.1 ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจจัดทําและส่งรายงานข้อมูลในรูปแบบชุดข้อมูล (XML Data Set) และในรูปแบบ Excel File ตามรายชื่อรายงานที่กําหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจรายงาน (เอกสารแนบ 1) และคู่มือการจัดทําชุดข้อมูล (XML Data Set Manual) โดยให้จัดส่งข้อมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยบริการด้านการรับส่งข้อมูลด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบบริหารข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2546 ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2546 รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม (เอกสารแนบ 2)
5.2 ให้ถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับรายงานข้อมูล (XML Data Set) และ Excel File ในวันที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจส่งข้อมูลผ่านระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลที่ส่งมานั้นมีความถูกต้อง โดยผ่านหลักเกณฑ์การตรวจสอบเบื้องต้น (Basic Validation) ของระบบบริหารข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว
อื่นๆ - 6. บทเฉพาะกาล
เนื่องจากมีการปรับปรุงช่องทางการรายงานชุดข้อมูลโดยกําหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจรายงานชุดข้อมูลตามประกาศฉบับนี้มายังธนาคารแห่งประเทศไทยโดยตรง ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงกําหนดให้มีช่วงทดสอบระบบในการรับส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจและธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้มีระยะเวลาในการทดสอบและปรับปรุงระบบรับส่งข้อมูลให้เป็นไปตามที่ประกาศกําหนด
อื่นๆ - 7. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่การรายงานข้อมูลงวดเดือนตุลาคมของปี 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,548 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สรข. 8/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และการนำตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้เป็นนายทะเบียนมาเป็นหลักประกันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สรข. 8/2562
เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงิน
ที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และการนําตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ไม่ได้เป็นนายทะเบียนมาเป็นหลักประกันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กําหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมในการรับตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และการนําตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียน มาใช้ในการทําธุรกรรมการรับซื้อตราสารหนี้เพื่อเป็นเงินสภาพคล่องระหว่างวันและเป็นหลักประกันตามมาตรการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลสุทธิพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนต เพื่อรองรับความต้องการที่จะนําตราสารหนี้ประเภทดังกล่าวมาเป็นหลักประกันในระบบบาทเนต
อื่นๆ - 2. หลักเกณฑ์ที่อ้างอิง
อาศัยอํานาจตามมาตรา 44 และมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2485 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และเพื่ออนุวัตตามข้อ 71 ของระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการบริการบาทเนต พ.ศ. 2549 ข้อ 1 (4) ของระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตราสารหนี้โดยมีสัญญาว่าผู้ขายจะซื้อคืนเพื่อเป็นเงินสภาพคล่องระหว่างวัน และข้อ 7 ของระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยมาตรการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลลสุทธิพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนต
อื่นๆ - 3. ขอบเขตการบังคับใช้
สถาบันการเงินตามประกาศฉบับนี้
อื่นๆ - 4. เนื้อหา
ในประกาศนี้
“หลักประกันที่ ธปท.” หมายความว่า ตราสารหนี้ที่ดํารงเพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวัน หรือตราสารหนี้ที่ใช้เป็นหลักประกันเพื่อมาตรการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลสุทธิพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนต
“ตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียน” หมายความว่า ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียน
“ตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกัน” หมายความว่า ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันเงินต้นและดอกเบี้ย
“สถาบันการเงิน” หมายความว่า
(1) สถาบันการเงินตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตราสารหนี้ โดยมีสัญญาว่าผู้ขายจะซื้อคืนเพื่อเป็นเงินสภาพคล่องระหว่างวัน
(2) สถาบันผู้ส่งคําสั่ง สถาบันผู้โอน/รับโอนเงิน และสถาบันผู้ให้หลักประกันตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยมาตราการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนต
ข้อ 1 สถาบันการเงินไม่สามารถนําตราสารหนี้ที่ตนเองเป็นผู้ออก (Issuer) มาใช้เป็นหลักประกันที่ ธปท. เว้นแต่ ธปท. กําหนดไว้เป็นอย่างอื่น
ข้อ 2 การรับตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกัน และที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียน มาเป็นหลักประกันที่ ธปท. เพื่อการทําธุรกรรมเงินสภาพคล่องระหว่างวัน หรือใช้เป็นหลักประกันตามมาตรการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลสุทธิพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนต
2.1 สถาบันการเงินต้องแจ้งบัญชีตราสารหนี้ของตนเองที่ศูนย์รับฝากตามแบบฟอร์ม SOE-1 แนบท้ายประกาศนี้
2.2 หากในระบบงานของ ธปท. ยังไม่ปรากฏข้อมูลของตราสารหนี้ที่จะนํามาเป็นหลักประกันที่ ธปท. สถาบันการเงินต้องแจ้งความประสงค์ของนําตราสารหนี้มาใช้เป็นหลักประกันและรายละเอียดของตราสารหนี้ให้ ธปท. เพื่อให้ ธปท. ดําเนินการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการทําธุรกรรมอย่างน้อย 2 วันทําการ ตามแบบฟอร์ม SOE-2 แนบท้ายประกาศนี้ และ ธปท. จะแจ้งผลการตรวจสอบคุณสมบัติของตราสารหนี้ดังกล่าวให้สถาบันการเงินทราบ
2.3 สถาบันการเงินสามารถฝากหรือโอนตราสารหนี้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามข้อ 2.2 ที่ตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และปราศจากภาระผูกพันเข้าบัญชีตราสารหนี้ของ ธปท. เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือเป็นหลักประกันตามมาตรการจัดการความเสี่ยงจากการชําระดุลสุทธิพร้อมกันหลายฝ่ายในระบบบาทเนตได้
ข้อ 3 การนําตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันมาดํารงเป็นหลักประกันที่ ธปท. ของสถาบันการเงินในบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันที่ ธปท. ดังนี้
3.1 ธปท. กําหนดเพดานการดํารงตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันเป็นหลักประกันที่ ธปท. ดังนี้
(1) สถาบันการเงินต้องมีมูลค่าตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันสูงสุดในบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงินไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าตราสารหนี้ตามเกณฑ์การดํารงเงินสภาพคล่องระหว่างวัน
(2) สถาบันการเงินต้องมีมูลค่าตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันสูงสุดในบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธิของสถาบันการเงินไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าตราสารหนี้ตามฐานะขาดดุลสูงสุดที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ธปท. จะแจ้งข้อมูลค่าเพดานการดํารงตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันในรายงานเกณฑ์การดํารงตราสารหนี้ที่ ธปท. ประกาศกําหนด
3.2 สถาบันการเงินมีหน้าที่ติดตามดูแลไม่ให้มูลค่าตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันในบัญชีย่อยตราสารหนี้ดังกล่าว สูงกว่าที่กําหนดเพดานไว้ตามข้อ 3.1 และต้องดําเนินการโอนตราสารหนี้ส่วนที่กําหนดเพดานดังกล่าว ออกจากบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธิของตนเอง ก่อนเวลา 17.00 น. หากสถาบันการเงินไม่ดําเนินการดังกล่าวภายในเวลาที่กําหนด ให้ถือว่า สถาบันการเงินยินยอมให้ ธปท. ดําเนินการโอนตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันส่วนที่เกินกว่าที่กําหนดเพดานไว้นั้นออกจากบัญชีย่อยตราสารหนี้ เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักระกันในการชําระดุลสุทธินั้น และ ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมในการดําเนินการเป็นรายการ
ข้อ 4 การดําเนินการกับตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียน ในบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธิ
4.1 ก่อนวันปิดพักทะเบียนจ่ายเงินต้นและหรือดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนหนึ่งวันทําการ สถาบันการเงินมีหน้าที่โอนตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนออกจากบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธิของตนเอง ก่อนเวลา 17.00 น. หากสถาบันการเงินไม่ดําเนินการดังกล่าวภายในเวลาที่กําหนด ให้ถือว่าสถาบันการเงินยินยอมให้ ธปท. ดําเนินการโอนตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนที่คงค้างอยู่ในบัญชีออกจากบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน หรือบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธินั้น และ ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมในการดําเนินการโอนตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนออกจากบัญชีย่อยตราสารหนี้ดังกล่าว และหาก ธปท. ต้องจัดการผลประโยชน์จากตราสารหนี้ดังกล่าวของสถาบันการเงินด้วย ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมในการดําเนินการโอนผลประโยชน์จากตราสารหนี้เพิ่มเติมด้วย
4.2 สถาบันการเงินสามารถฝากหรือโอนตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนดังกล่าวเพื่อใช้เป็นหลักประกันได้อีก ภายหลังจากวันปิดพักสมุดทะเบียนจ่ายดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนนั้น ๆ
ข้อ 5 ธปท. สงวนสิทธิ์ ดังนี้
5.1 งดรับฝากตราสารหนี้ที่ตนเองเป็นผู้ออก (Issuer) เป็นหลักประกันที่ ธปท. กรณีที่เข้าข่ายตามข้อ 1 และตราสารหนี้ส่วนที่เกินกําหนดเพดานการดํารงตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันเป็นหลักประกันที่ ธปท. ตามข้อ 3.1
5.2 งดนําตราสารหนี้ที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนมาจํานําเป็นหลักประกันในการใช้ยอดได้ดุลการหักบัญชีเช็ค
5.3 งดรับฝากตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกัน และหรือที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนตามประกาศนี้ เป็นหลักประกันที่ ธปท. จากสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวหรือถาวร ในกรณีที่สถาบันการเงินไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศอื่นใดของ ธปท. หรือดําเนินการใด ๆ ที่ไม่สอดคล้อง หรือส่งผลในทางลบต่อแนวทางในการดําเนินนโยบายการเงิน นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนหรือการสร้างเสถียรภาพในระบบการเงิน
5.4 งดรับซื้อตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกัน และหรือที่ ธปท. ไม่ได้เป็นนายทะเบียนตามประกาศนี้ ในวันทําการหนึ่งวันก่อนวันปิดพักทะเบียนจ่ายเงินต้นและหรือดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันดังกล่าว
5.5 ธปท. สงวนสิทธิ์ที่จะปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงระเบียบประกาศ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องตามประเพณีได้ โดย ธปท. จะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้า
ข้อ 6 เรื่องอื่นๆ
6.1 ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมการฝาก ถอน โอน รับโอน และการรักษาตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกันเป็นหลักประกันที่ ธปท. ตามมูลค่าตราสารหนี้ในบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเงินสภาพคล่องระหว่างวันของสถาบันการเงิน และบัญชีย่อยตราสารหนี้เพื่อเป็นหลักประกันในการชําระดุลสุทธิ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดนอกจากค่าธรรมเนียมการฝาก ถอน โอน รับโอน และการรักษาตราสารหนี้จากการดําเนินการเกี่ยวกับตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ําประกัน ตามที่จ่ายจริงตามอัตราและวิธีการที่กําหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยค่าธรรมเนียมและค่าปรับที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินสภาพคล่องระหว่างวัน
6.2 นอกจากค่าธรรมเนียมตามข้อ 6.1 แล้ว หากสถาบันการเงินไม่ปฏิบัติตามข้อ 3.2 และข้อ 4.1 ตามประกาศนี้ ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมในการโอนตราสารหนี้ออกรายการละ 200 บาท และหาก ธปท. ต้องจัดการผลประโยชน์จากตราสารหนี้ดังกล่าว ธปท. จะคิดค่าธรรมเนียมอีกรายการละ 500 บาท
6.3 การตีความตามระเบียบ ประกาศ หรือข้อกําหนดอื่นใดที่ออกประกาศนี้ให้ ธปท. เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
อื่นๆ - 5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,549 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกส. 8/2562 เรื่อง การกำหนดแบบรายงานการตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกส. 8/2562
เรื่อง การกําหนดแบบรายงานการตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 120/3 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงกําหนดแบบรายงานการตรวจสอบทั้งแบบการตรวจสอบเป็นการทั่วไปและเป็นการเฉพาะ สําหรับรายงานต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 120/3 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ธนาคารแห่งประเทศไทยออกหลักเกณฑ์กําหนดแบบรายงานการตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามความในประกาศนี้
อื่นๆ - 3. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามความในประกาศนี้
อื่นๆ - 4. เนื้อหา
ข้อ 1 คําจํากัดความ
ในประกาศนี้
“การตรวจสอบเป็นการทั่วไป” หมายความว่า การตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น
“การตรวจสอบเป็นการเฉพาะ” หมายความว่า การตรวจสอบที่มีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายเพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้น ด้านใดด้านหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจง
“ผู้ตรวจการ” หมายความถึง ผู้ตรวจการสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมาตรา 120/3 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 2 ให้ผู้ตรวจการรายงานการตรวจสอบเป็นการทั่วไป หรือการตรวจสอบเป็นการเฉพาะ โดยมีหัวข้อครอบคลุมเนื้อหา ดังต่อไปนี้
(1) ประเด็นสําคัญที่ต้องการให้แก้ไข
(2) ประเด็นอื่นที่ควรแก้ไข
(3) การปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย / การปฏิบัติที่อาจเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(4) ผลการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง
(5) ผลการตรวจสอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
(6) เรื่องอื่น ๆ
(7) ภาคผนวก
ข้อ 3 ให้ผู้ตรวจการรายงานการตรวจสอบต่อธนาคารแห่งประเทศไทยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้
อื่นๆ - 5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัดถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562
(นายวิรไท สันติประภพ)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,550 |
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 15/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
| ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สกง. 15/2562
เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ประจําเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย
เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
อื่นๆ - 3. เนื้อหา
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ดังนี้
| | | | | | | | |
| --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- |
| รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ |
| 10/91/62 | - | 50,000 | 5 มี.ค. 62 | 7 มี.ค. 62 | 6 มิ.ย. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 10/182/62 | - | 50,000 | 5 มี.ค. 62 | 7 มี.ค. 62 | 5 ก.ย. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 11/91/62 | - | 50,000 | 12 มี.ค. 62 | 14 มี.ค. 62 | 13 มิ.ย. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 11/182/62 | - | 50,000 | 12 มี.ค. 62 | 14 มี.ค. 62 | 12 ก.ย. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 1/364/62 | -- | 50,000 | 12 มี.ค. 62 | 14 มี.ค. 62 | 12 มี.ค. 63 | 364 วัน | 364 วัน |
| 1/2ปี/2562 | 1.75 | 35,000 | 14 มี.ค. 62 | 18 มี.ค. 62 | 18 ก.พ. 64 | 2 ปี | 1.93 ปี |
| 12/91/62 | - | 50,000 | 19 มี.ค. 62 | 21 มี.ค. 62 | 20 มิ.ย. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 12/182/62 | - | 50,000 | 19 มี.ค. 62 | 21 มี.ค. 62 | 19 ก.ย. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
| 1/3ปี/2562 | จะกําหนดและประกาศในวันที่ 19 มีนาคม 2562 | 35,000 | 21 มี.ค. 62 | 25 มี.ค. 62 | 25 มี.ค. 65 | 3 ปี | 3 ปี |
| 13/91/62 | - | 50,000 | 26 มี.ค. 62 | 28 มี.ค. 62 | 27 มิ.ย. 62 | 91 วัน | 91 วัน |
| 13/182/62 | - | 50,000 | 26 มี.ค. 62 | 28 มี.ค. 62 | 26 ก.ย. 62 | 182 วัน | 182 วัน |
โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 1/3ปี/2562 มีรายละเอียด ดังนี้
| | |
| --- | --- |
| อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) | ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกําหนดและประกาศในวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2562 |
| การจ่ายดอกเบี้ย | แบ่งเป็นปีละ 2 งวด งวดละเท่า ๆ กัน |
| วันจ่ายดอกเบี้ย | วันที่ 25 มีนาคม และ 25 กันยายน ของทุกปี |
| วันจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก | วันที่ 25 กันยายน 2562 |
| วันครบกําหนดไถ่ถอน | วันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจํานวนที่ออกและไม่มีการไถ่ถอนก่อนกําหนด |
อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562
(นางสาววชิรา อารมย์ดี)
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน
ผู้ว่าการแทน
ธนาคารแห่งประเทศไทย | 6,551 |
Subsets and Splits
No saved queries yet
Save your SQL queries to embed, download, and access them later. Queries will appear here once saved.