title
stringlengths 8
870
| text
stringlengths 0
298k
| __index_level_0__
int64 0
54.3k
|
---|---|---|
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 2)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (6) (7) (8) และ (9) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(6) กองทุนสวัสดิการกรมราชทัณฑ์
7. (7) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพย์สินทางปัญญา
(8) กองทุนสวัสดิการภายในกรมสุขภาพจิต
(9) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยทักษิณ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,556 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 3) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 3)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) (18) (19) (20) (21) (22) (23) (24) (25) (26) (27) (28) (29) (30) (31) (32) และ (33) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(10) กองทุนสวัสดิการสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(11) กองทุนสวัสดิการของสํานักงาน กปร.
(12) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
(13) กองทุนสวัสดิการกรมโรงงานอุตสาหกรรม
(14) กองทุน 36 ปี สํานักงบประมาณ
(15) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(16) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
(17) กองทุนสวัสดิการสํานักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ
(18) สวัสดิการกรมพัฒนาที่ดิน
(19) กองทุนสวัสดิการสํานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
(20) กองทุนสวัสดิการกรมอุตุนิยมวิทยา
(21) กองทุนสวัสดิการกรมธุรกิจพลังงาน
(22) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรน้ํา
(23) กองทุนสวัสดิการข้าราชการและลูกจ้างกระทรวงการต่างประเทศ
(24) กองทุนสวัสดิการกรมการขนส่งทางบก
(25) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
(26) กองทุนสวัสดิการกรมธนารักษ์
(27) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมสหกรณ์
(28) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
(29) กองทุนสวัสดิการกรมวิทยาศาสตร์บริการ
(30) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
(31) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
(32) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(33) กองทุนสวัสดิการกรมประมง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,557 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (34) (35) (36) (37) (38) (39) (40) (41) (42) (43) (44) (45) (46) (47) และ (48) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(34) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการเกษตร
(35) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(36) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(37) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(38) กองทุนสวัสดิการสํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
(39) กองทุนสวัสดิการสํานักงานอัยการสูงสุด
(40) กองทุนสวัสดิการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง
(41) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
(42) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
(43) กองทุนสวัสดิการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(44) กองทุนสวัสดิการกรมสรรพากร
(45) กองทุนสวัสดิการกรมปศุสัตว์
(46) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(47) กองทุนสวัสดิการกรมราชองครักษ์
(48) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,558 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (49) (50) (51) และ (52) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดี
กรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(49) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยมหิดล
(50) กองทุนสวัสดิการกรมที่ดิน
(51) กองทุนสวัสดิการกรมประชาสัมพันธ์
(52) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,559 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 6) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 6)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (53) (54) (55) (56) (57) และ (58) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(53) กองทุนสวัสดิการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
(54) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ก.พ.ร.
(55) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ําตาลทราย
(56) กองทุนสวัสดิการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
(57) สวัสดิการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
(58) กองทุนสวัสดิการสํานักงานประกันสังคม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548
พิชาติ เกษเรือง
(นายพิชาติ เกษเรือง)
รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,560 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 7) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 7)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (35) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 4) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2548
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิช
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,561 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 8) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 8)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
หมวด ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (59) (60) (61) (62) และ (63) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
"(59) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ
(60)กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(61) กองทุนสวัสดิการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
(62) เงินสวัสดิการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
(63) กองทุนสวัสดิการกรมการค้าต่างประเทศ"
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2548
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,562 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 9) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 9)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (64) (65) (66) และ (67) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(64) กองทุนสวัสดิการเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
(65) กองทุนสวัสดิการกรมการจัดหางาน
(66) สวัสดิการกรมทรัพยากรธรณี
(67)กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ”
67.
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2549
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,563 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 10) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 10)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (68) (69) และ (70) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(68) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(69) กองทุนสวัสดิการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ
(70) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์
(นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,564 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 11) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 11)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (71) (72) และ (73) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(71) กองทุนสวัสดิการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
(72) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
(73) กองทุนสวัสดิการสํานักงานอาหารและยา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2549
พิชาติ เกษเรือง
(นายพิชาติ เกษเรือง)
รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,565 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 12) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 12)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (74) (75) (76) และ (77) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“ (74) สวัสดิการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
(75) สวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
(76) กองทุนสวัสดิการกรมคุมประพฤติ
(77) กองทุนสวัสดิการกรมทางหลวงชนบท”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,566 |
ระกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 13) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 13)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (78) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“ (78) กองทุนสวัสดิการ สศช.”
ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,567 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 14) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 14)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (79) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“ (79) กองทุนสวัสดิการสํานักงานกิจการยุติธรรม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,568 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (80) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(80) กองทุนสวัสดิการ สํานักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,569 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 16) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 16)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (81) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(81) กองทุนสวัสดิการกรมการแพทย์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,570 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 17) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 17)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 82 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“( 82 ) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรน้ําบาดาล”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,571 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 18) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 18)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 83 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“( 83 ) กองทุนสวัสดิการกรมวิชาการเกษตร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ศานิต ร่างน้อย
(นายศานิต ร่างน้อย)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,572 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 19) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 19)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (84) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(84) กองทุนสวัสดิการ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,573 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 20) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 20)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 85 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่4 มกราคม พ.ศ. 2548
“( 85 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,574 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 21) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 21)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 86 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่4 มกราคม พ.ศ. 2548
“( 86 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,575 |
ระกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 22) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 22)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 87 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“( 87 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,576 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 23) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 23)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๘๘ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๘๘ ) กองทุนสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,577 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 24) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 24)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๘๙ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“ (๘๙ ) กองทุนสวัสดิการ สมอ.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,578 |
ระกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 25) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 25)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๙๐ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๙๐ ) กองทุนสวัสดิการกรมการปกครอง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,579 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 26) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 26)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๙๑ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๙๑ ) กองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓
วินัย วิทวัสการเวช
(นายวินัย วิทวัสการเวช)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,580 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 27) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 27)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๙๒ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๙๒ ) กองทุนสวัสดิการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ๐ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,581 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 28) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 28)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 93 ) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 93 ) กองทุนสวัสดิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,582 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 29) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 29)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๙๔ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๙๔ ) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการส่งออก”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,583 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 30) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 30)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 95 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 95 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,584 |
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 13/2551 เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง | ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ กค. 13/2551
เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 (1) และมาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 8 (1) และมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับ การจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งตามมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
(1) “ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
(2) “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
(3) “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ ๒ คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองแต่ละคณะ ให้ประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอีกสองคน
ข้อ ๓ บุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) เป็นบุคคลซึ่งมีประสบการณ์ทํางานในสถาบันการเงิน โดยอยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินหรือตลาดทุน หรือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบัญชี การเงิน การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ หรือกฎหมาย
(2) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(3) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(4) ไม่เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตามเว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(5) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงาน ก.ล.ต.
ข้อ ๔ ประธานกรรมการและกรรมการแต่ละคนมีวาระอยู่ในตําแหน่งคราวละสองปี
ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะแต่งตั้งให้อยู่ในตําแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้
ข้อ ๕ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามข้อ 4 ประธานกรรมการและกรรมการพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3
(4) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้พ้นจากตําแหน่ง
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจแต่งตั้งผู้อื่นเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการแทน และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งแทนมีวาระ อยู่ในตําแหน่งคราวละสองปี
ข้อ ๖ ให้เลขาธิการเสนอชื่อบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3 ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ รวมทั้งข้อเท็จจริงอื่นที่แสดงถึงการเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ด้วย
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการครบวาระตามข้อ 4 ให้เลขาธิการเสนอชื่อต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก่อนครบวาระอย่างน้อยหกสิบวัน และหากครบวาระแล้วแต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่
เมื่อประธานกรรมการหรือกรรมการพ้นจากตําแหน่งตามข้อ 5 ให้เลขาธิการเสนอชื่อประธานกรรมการหรือกรรมการต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีตําแหน่งว่าง
ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551
(นายวิจิตร สุพินิจ)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
หมายเหตุ - : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรม ในตลาดทุน พ.ศ. 2550 บัญญัติให้คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกําหนด และเป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ ในเรื่องดังกล่าวขึ้นใช้บังคับ จึงจําเป็นต้องออกประกาศฉบับนี้ | 10,585 |
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 3/2554 เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง (ฉบับที่ 2) | ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ กค. 3 /2554
เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
(ฉบับที่ 2 )
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9(1) และมาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 8(1) และมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 4 ข้อ 5 และข้อ 6 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 13/2551 เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 4 ในการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจกําหนดวาระการดํารงตําแหน่งดังกล่าวด้วยก็ได้
ข้อ 5 ให้ประธานกรรมการและกรรมการพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3
(4) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้พ้นจากตําแหน่ง
(5) ครบกําหนดวาระในกรณีที่มีการแต่งตั้งโดยกําหนดวาระ
ข้อ 6 ให้เลขาธิการเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการโดยระบุข้อเท็จจริงที่แสดงถึงการเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ด้วย
เมื่อประธานกรรมการหรือกรรมการพ้นจากตําแหน่งตามข้อ 5(1) (2) (3) หรือ (4)
ให้เลขาธิการเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีตําแหน่งว่าง
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการครบวาระตามข้อ 5(5) ให้เลขาธิการเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการก่อนครบวาระอย่างน้อยหกสิบวัน และหากครบวาระแล้วแต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการที่ครบวาระ อยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ. ศ. 2554
(นายวิจิตร สุพินิจ)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
หมายเหตุ - เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองเนื่องจากบุคคลนั้นดํารงตําแหน่งในหน่วยงานต่าง ๆ สามารถทําหน้าที่เป็นกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองได้จนกว่าจะพ้นจากการดํารงตําแหน่งในหน่วยงานนั้น ๆ จึงจําเป็นต้องออกประกาศนี้ | 10,586 |
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 13/2551 เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง (ฉบับประมวล) | (ฉบับประมวล)
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ กค. 13/2551
เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 (1) และมาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 มาตรา 8 (1) และมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับ การจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งตามมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
(1) “ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
(2) “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง
(3) “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์
ข้อ ๒ คณะกรรมการพิจารณาโทษทางปกครองแต่ละคณะ ให้ประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคน และกรรมการอีกสองคน
ข้อ ๓ บุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) เป็นบุคคลซึ่งมีประสบการณ์ทํางานในสถาบันการเงิน โดยอยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินหรือตลาดทุน หรือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบัญชี การเงิน การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ หรือกฎหมาย
(2) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(3) ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
(4) ไม่เคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษหรือไม่ก็ตามเว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(5) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงาน ก.ล.ต.
ข้อ ๔ ในการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจกําหนดวาระการดํารงตําแหน่งดังกล่าวด้วยก็ได้
ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการและกรรมการพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3
(4) คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้พ้นจากตําแหน่ง
(5) ครบกําหนดวาระในกรณีที่มีการแต่งตั้งโดยกําหนดวาระ
ข้อ ๖ ให้เลขาธิการเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการโดยระบุข้อเท็จจริงที่แสดงถึงการเป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ด้วย
เมื่อประธานกรรมการหรือกรรมการพ้นจากตําแหน่งตามข้อ 5(1) (2) (3) หรือ (4) ให้เลขาธิการเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีตําแหน่งว่าง
ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการครบวาระตามข้อ 5(5) ให้เลขาธิการเสนอ ต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการก่อนครบวาระอย่างน้อยหกสิบวัน และหากครบวาระแล้วแต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการที่ครบวาระ อยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่
ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551
(นายวิจิตร สุพินิจ)
ประธานกรรมการ
คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
หมายเหตุ - : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 72 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรม ในตลาดทุน พ.ศ. 2550 บัญญัติให้คุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาโทษทางปกครอง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกําหนด และเป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ ในเรื่องดังกล่าวขึ้นใช้บังคับ จึงจําเป็นต้องออกประกาศฉบับนี้ | 10,587 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 9/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประกาศรายการ และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ สธ. 9/2566
เรื่อง หลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประกาศรายการ
และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์
\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 สํานักงานออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 4/2544 เรื่อง หลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประกาศรายการและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2544
ข้อ ๒ ให้บริษัทหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลโดยวิธีการที่กําหนดดังต่อไปนี้ ในลักษณะที่พร้อมให้สํานักงานหรือประชาชนเรียกดูหรือตรวจสอบได้โดยพลัน ณ สํานักงานทุกแห่งของบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้ติดต่อกับประชาชน ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต้องถูกต้องครบถ้วน ชัดเจน เป็นปัจจุบัน และตรงต่อความเป็นจริง
(1) ใบอนุญาต สําเนาใบอนุญาต หรือเอกสารหลักฐานที่แสดงถึงสถานะการได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของสํานักงาน โดยปิดประกาศหรือแสดงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางอื่นใดที่สามารถเชื่อมโยงหรือเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ เป็นต้น
(2) งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี พร้อมหมายเหตุประกอบงบการเงินของงวดการบัญชีหลังสุด โดยปิดประกาศหรือแสดงข้อมูลบนหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งติดตั้งไว้ที่บริษัทหลักทรัพย์
ข้อ ๓ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ต้องเปิดเผยตามข้อ 2 ให้บริษัทหลักทรัพย์ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลนั้นให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นปัจจุบัน และตรงต่อความเป็นจริงโดยพลัน
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม
ประกาศ ณ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566
(นายธวัชชัย พิทยโสภณ)
รองเลขาธิการ
รักษาการแทนเลขาธิการ
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | 10,588 |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 436) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 436)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 773) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“เงินอุดหนุน” หมายความว่า เงินอุดหนุนจากภาครัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ข้อ ๒ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับเงินอุดหนุนและได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 773) พ.ศ. 2566 และต่อมาไม่ดําเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกําหนด เป็นเหตุให้กรมสรรพสามิตต้องเรียกคืนเงินอุดหนุนดังกล่าวจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับเงินอุดหนุนนั้น ให้สิทธิที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวสิ้นสุดลง และต้องนําเงินได้ที่เป็นเงินอุดหนุนตามจํานวนที่กรมสรรพสามิตเรียกคืน ไปรวมเป็นรายได้ในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น
ข้อ ๓ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถูกกรมสรรพสามิตเรียกคืนเงินอุดหนุน และได้นําเงินได้ที่เป็นเงินอุดหนุนที่ถูกเรียกคืนดังกล่าวไปรวมเป็นรายได้ในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้นตามข้อ 2 แล้ว ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวสามารถนําเงินอุดหนุนตามจํานวนที่ได้คืนไปนั้นมาเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถูกเรียกคืนเงินอุดหนุนนั้นได้
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. ๒๕66
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,589 |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 437) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 437)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้
สําหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 774) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“ผู้พ้นโทษ” หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมีสัญชาติไทย และได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจําเนื่องจากครบกําหนดโทษตามหมายศาล ลดวันต้องโทษจําคุก หรือพักการลงโทษ
ข้อ ๒ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 774) พ.ศ. 2566 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(1) รับผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจําเป็นระยะเวลาไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัว เข้าทํางาน หรือเป็นการจ้างงานต่อเนื่องจากช่วงเวลาที่ได้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 704) พ.ศ. 2563 หรือพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 726) พ.ศ. 2564
(2) จัดทํารายงานเกี่ยวกับการรับผู้พ้นโทษเข้าทํางานที่จะนํามาใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ เป็นรายปี ซึ่งมีรายการและข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ และเก็บรักษารายงานดังกล่าว รวมทั้งเอกสารประกอบการลงรายการในรายงานไว้ ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
(3) ต้องมีหลักฐานประกอบการปล่อยตัวของผู้พ้นโทษดังต่อไปนี้ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
(ก) หนังสือสําคัญการปล่อยตัว (ร.ท.25)
(ข) หนังสือสําคัญปล่อยตัวลดวันต้องโทษจําคุก (ล.ว.ท.3)
(ค) หนังสือสําคัญพักการลงโทษ (พ.7)
(ง) หนังสือสําคัญพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ (พ.8)
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2566
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,590 |
ระกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 51) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
(ฉบับที่ 51)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ
และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 6 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“หน่วยรับบริจาค” หมายความว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมาคมกีฬาที่ใช้คําว่า “แห่งประเทศไทย” หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย และกรมพลศึกษา
ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาค ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น
ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับการบริจาค ให้แก่หน่วยรับบริจาค ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าก็ได้
ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังนี้
(1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐาน การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจํานวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค
(2) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สิน ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคํานวณ หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค
(3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร
(4) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจํานวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ ๔ การบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาค ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาค อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา 4 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 772) พ.ศ. 2566 โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน
ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,591 |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 288) | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 288)
\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ยกเลิกความใน (355) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(355) สํานักงานเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จํากัด (มหาชน)”
ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (744) ของข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
“(744) Environment Energy Department บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จํากัด สาขาที่ 00001”
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณีดังต่อไปนี้
(355) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
(744) ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖6
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,592 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สธ. 15/2566 เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ สธ. 15/2566
เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของศูนย์ซื้อขาย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_
โดยที่มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กําหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.ล.ต. ประกอบกับมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กําหนดให้นําความในมาตรา 22 มาใช้บังคับกับศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอนุโลม สํานักงาน ก.ล.ต. ออกประกาศเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่นของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“ศูนย์ซื้อขายสัญญา” หมายความว่า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ข้อ ๒ ให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาประกอบธุรกิจอื่นใดที่มิใช่การประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาดังต่อไปนี้ได้ โดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.ล.ต. แล้ว
(1) การประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทั้งนี้ เมื่อได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการดังกล่าว
(2) ธุรกิจให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงข้อมูลที่เป็นการสนับสนุนการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าอ้างอิง
(3) ธุรกิจให้บริการระบบงานเกี่ยวกับศูนย์ซื้อขายสัญญา
(4) ธุรกิจให้คําปรึกษาเกี่ยวกับศูนย์ซื้อขายสัญญา
ข้อ ๓ ในกรณีที่ศูนย์ซื้อขายสัญญาประสงค์จะประกอบธุรกิจอื่นใดที่มิใช่การประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญา นอกจากธุรกิจอื่นตามที่กําหนดในข้อ 2 ให้ยื่นคําขอความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่น พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอต่อสํานักงาน ก.ล.ต. ตามที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน
ข้อ ๔ ธุรกิจอื่นใดที่ศูนย์ซื้อขายสัญญาขอรับความเห็นชอบตามข้อ 3 ต้องมีลักษณะครบถ้วนดังต่อไปนี้
(1) เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและช่วยสนับสนุนการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาให้มีความสมบูรณ์และครบวงจรยิ่งขึ้น หรือเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล สถานที่ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ของศูนย์ซื้อขายสัญญาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
(2) เป็นธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญา หรือเป็นธุรกิจที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ดังกล่าว แต่ศูนย์ซื้อขายสัญญาสามารถจัดให้มีระบบในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงต่อธุรกิจหลัก ฐานะของศูนย์ซื้อขายสัญญา หรือระบบการชําระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือเป็นธุรกิจที่อาจมีความเสี่ยงดังกล่าว แต่ศูนย์ซื้อขายสัญญาสามารถจัดให้มีระบบในการควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเพียงพอ
(4) เป็นธุรกิจที่ส่งเสริม สนับสนุน หรือพัฒนาธุรกิจในตลาดการเงินหรือตลาดทุนไทยให้มีประสิทธิภาพหรือมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ข้อ ๕ ศูนย์ซื้อขายสัญญาต้องควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจอื่นที่ได้รับความเห็นชอบตามข้อ 3 ให้มีลักษณะเป็นไปตามข้อ 4(1) (2) และ (3) ไว้ตลอดเวลา ในกรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. พบว่าศูนย์ซื้อขายสัญญาใดไม่สามารถควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจอื่นให้เป็นไปตามข้อกําหนดดังกล่าว ให้ศูนย์ซื้อขายสัญญาดําเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่สํานักงาน ก.ล.ต. กําหนด หากศูนย์ซื้อขายสัญญาไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้ ให้ถือว่าการให้ความเห็นชอบของสํานักงาน ก.ล.ต. เป็นอันสิ้นสุดลง
ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2566
อื่นๆ ๑ (นายธวัชชัย พิทยโสภณ)
รองเลขาธิการ
รักษาการแทนเลขาธิการ
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | 10,593 |
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร | คําสั่งกรมสรรพากร
ที่ ป.161/2566
เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจและแนะนําผู้อยู่ในประเทศไทยซึ่งมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งาน หรือกิจการที่ทําในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ บุคคลซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ที่มีเงินได้พึงประเมินเนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทําในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีดังกล่าว และได้นําเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีใดก็ตาม ให้บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้องนําเงินได้พึงประเมินนั้นมารวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 48 แห่งประมวลรัษฎากร ในปีภาษีที่ได้นําเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทย
ข้อ ๒ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คําสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือทางปฏิบัติใดที่ขัดหรือแย้งกับคําสั่งนี้ให้เป็นอันยกเลิก
ข้อ ๓ คําสั่งนี้ให้เริ่มใช้บังคับสําหรับเงินได้พึงประเมินที่นําเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม สั่ง ณ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2566
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,594 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 76) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 76)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. ๒๕13 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จํากัด เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามโครงการทดลองส่งจดหมายแจ้งเตือน (Notification Letter) ให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) สําหรับปีภาษี 2566 โดยใช้บริการจากบุคคลภายนอกจัดพิมพ์และส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการแทนกรมสรรพากร ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2566
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,595 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 31) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 31)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 96 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 96 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,596 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 32) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 32)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 97 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 97 ) กองทุนสวัสดิการภายในกรมหม่อนไหม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,597 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 33) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 33)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 98 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 98 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
สาธิต รังคสิริ
(นายสาธิต รังคสิริ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,598 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 34) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 34)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( ๙๙ ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( ๙๙ ) กองทุนสวัสดิการกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕6 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,599 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 35) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 35)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 100 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 100 ) กองทุนสวัสดิการ พก.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑5 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕6 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,600 |
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 16/2566 เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของสำนักหักบัญชี สัญญาซื้อขายล่วงหน้า | ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ที่ สธ. 16/2566
เรื่อง การประกอบธุรกิจอื่นของสํานักหักบัญชี
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_
โดยที่มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กําหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.ล.ต. ประกอบกับมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 กําหนดให้นําความในมาตรา 22 มาใช้บังคับกับสํานักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอนุโลม สํานักงาน ก.ล.ต. ออกประกาศเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่นของสํานักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“สํานักหักบัญชีสัญญา” หมายความว่า สํานักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ข้อ ๒ ให้สํานักหักบัญชีสัญญาประกอบธุรกิจอื่นใดที่มิใช่การประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสัญญาดังต่อไปนี้ได้ โดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน ก.ล.ต. แล้ว
(1) การประกอบการเป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทั้งนี้ เมื่อได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการดังกล่าว
(2) ธุรกิจให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
(3) ธุรกิจให้บริการระบบงานเกี่ยวกับสํานักหักบัญชีสัญญา
(4) ธุรกิจให้คําปรึกษาเกี่ยวกับสํานักหักบัญชีสัญญา
ข้อ ๓ ในกรณีที่สํานักหักบัญชีสัญญาประสงค์จะประกอบธุรกิจอื่นใดที่มิใช่การประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสัญญา นอกจากธุรกิจอื่นตามที่กําหนดในข้อ 2 ให้ยื่นคําขอความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่น พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอต่อสํานักงาน ก.ล.ต. ตามที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน
ข้อ ๔ ธุรกิจอื่นใดที่สํานักหักบัญชีสัญญาขอรับความเห็นชอบตามข้อ 3 ต้องมีลักษณะครบถ้วนดังต่อไปนี้
(1) เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและช่วยสนับสนุนการให้บริการเป็นสํานักหักบัญชีสัญญาให้มีความสมบูรณ์และครบวงจรยิ่งขึ้น หรือเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล สถานที่ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ของสํานักหักบัญชีสัญญาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
(2) เป็นธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับการประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสัญญา หรือเป็นธุรกิจที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ดังกล่าว แต่สํานักหักบัญชีสัญญาสามารถจัดให้มีระบบในการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงต่อธุรกิจหลัก ฐานะของสํานักหักบัญชีสัญญา หรือระบบการชําระหนี้ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือเป็นธุรกิจที่อาจมีความเสี่ยงดังกล่าว แต่สํานักหักบัญชีสัญญาสามารถจัดให้มีระบบในการควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเพียงพอ
(4) เป็นธุรกิจที่ส่งเสริม สนับสนุน หรือพัฒนาธุรกิจในตลาดการเงินหรือตลาดทุนไทยให้มีประสิทธิภาพหรือมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ข้อ ๕ สํานักหักบัญชีสัญญาต้องควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจอื่นที่ได้รับความเห็นชอบตามข้อ 3 ให้มีลักษณะเป็นไปตามข้อ 4(1) (2) และ (3) ไว้ตลอดเวลา ในกรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. พบว่าสํานักหักบัญชีสัญญาใดไม่สามารถควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจอื่นให้เป็นไปตามข้อกําหนดดังกล่าว ให้สํานักหักบัญชีสัญญาดําเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่สํานักงาน ก.ล.ต. กําหนด หากสํานักหักบัญชีสัญญาไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้ ให้ถือว่าการให้ความเห็นชอบของสํานักงาน ก.ล.ต. เป็นอันสิ้นสุดลง
ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2566
ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ (นายธวัชชัย พิทยโสภณ)
รองเลขาธิการ
รักษาการแทนเลขาธิการ
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | 10,601 |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 438) เรื่อง กำหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 438)
เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 58 และมาตรา 59 แห่งประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรจึงกําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อใช้ยื่นรายการต่อเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากรดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสองและวรรคสามของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“แบบแสดงรายการตาม (6) และ (7) ให้ใช้แบบแสดงรายการที่กรมสรรพากรจัดพิมพ์ขึ้นเท่านั้น เว้นแต่อธิบดีจะกําหนดเป็นอย่างอื่น
แบบแสดงรายการตาม (6) และ (๗) ใช้ยื่นโดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วยสื่อบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์หรือด้วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่น ตามรูปแบบข้อมูล (Format) ที่มี รายการอย่างน้อยตามที่แนบท้ายประกาศนี้ก็ได้”
ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 1/2 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538
“ข้อ 1/2 แบบแสดงรายการตามข้อ 1 (1) (2) และ (3) ให้ยื่นโดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วยสื่อบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์หรือด้วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่น ตามรูปแบบข้อมูล (Format) ที่มีรายการอย่างน้อยตามที่แนบท้ายประกาศนี้ เว้นแต่อธิบดีจะกําหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ สําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (1) สําหรับการยื่นรายการของเดือนภาษีตุลาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป และสําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (2) และ (3) สําหรับการยื่นรายการของปีภาษี พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่หักภาษีซึ่งมีหน้าที่ยื่นรายการไม่อาจยื่นรายการด้วยวิธีการตามวรรคหนึ่งได้ให้แจ้งต่ออธิบดีเป็นหนังสือถึงเหตุจําเป็นที่ไม่อาจดําเนินการได้พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการดังกล่าวณ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการของผู้มีหน้าที่หักภาษีตั้งอยู่”
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อ 3 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ข้อ ๔ มีหน้าที่หักภาษีซึ่งได้ยื่นแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (6) และ (๗) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 โดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ด้วยสื่อบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์ตามรูปแบบ (Format) ของข้อมูลตามวรรคสามของข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะถูกยกเลิกโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 อยู่ก่อนแล้ว จะยื่นโดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วยสื่อบันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ตามรูปแบบ (Format) ของข้อมูลนั้นต่อไปก็ได้
ข้อ ๕ ผู้มีหน้าที่หักภาษีซึ่งได้ยื่นแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (1) (2) และ (3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 โดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วยสื่อบันทึกในระบบคอมพิวเตอร์ตามรูปแบบ (Format) ของข้อมูลตามวรรคสามของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะถูกยกเลิกโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 อยู่ก่อนแล้ว จะยื่นโดยแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วยสื่อบันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ตามรูปแบบ (Format) ของข้อมูลนั้นต่อไปก็ได้ ทั้งนี้ สําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (1) สําหรับการยื่นรายการของเดือนภาษีตุลาคม พ.ศ. 2566 ถึงเดือนภาษีธันวาคม พ.ศ. 2566 และสําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (2) และ (3) สําหรับการยื่นรายการของปีภาษี พ.ศ. 2566
ข้อ ๖ ให้นําความในวรรคสองของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 255) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 มาใช้บังคับต่อไป สําหรับการยื่นแบบแสดงรายการตามข้อ ๑ (1) (2) และ (3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๕๘) เรื่อง กําหนดแบบแสดงรายการเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 สําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (1) สําหรับการยื่นรายการของเดือนภาษีตุลาคม พ.ศ. 2566 ถึงเดือนภาษีธันวาคม พ.ศ. 2566
และสําหรับแบบแสดงรายการตามข้อ 1 (2) และ (3) สําหรับการยื่นรายการของปีภาษี พ.ศ. 2566
ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. ๒๕66
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,602 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 36) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 36)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 101 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 101 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ป.ป.ส.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 255 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,603 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 37) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 37)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 102 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 102 ) กองทุนสวัสดิการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. ๒๕๕6 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕7
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,604 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 38) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 38)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 103 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 103 ) กองทุนสวัสดิการกรมพลศึกษา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕5 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕7
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,605 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 39) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 39)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 104 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 104 ) กองทุนสวัสดิการกรมการข้าว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕5 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,606 |
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๒) เรื่อง การกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๕ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๒)
เรื่อง การกําหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นําไปหักในการคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๕ (๖)
แห่งประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๒/๕ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กําหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นําไปหักในการคํานวณภาษีไว้ ดังต่อไปนี้
อื่นๆ ให้เพิ่มความต่อไปเป็น (ฒ) ของวรรคสองของ (๔) ของข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๔๒) เรื่อง การกําหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นําไปหักในการคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๕ (๖) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้
“(ฒ) การโอนทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการร่วมทุนในโครงการ LNG Receiving Terminal (แห่งที่ ๒) ณ บ้านหนองแฟบ ตําบลมาบตาพุด อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ที่ได้กระทําตั้งแต่วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป”
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖
สมศักดิ์ อนันทวัฒน์
(นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์)
รองอธิบดี รักษาการในตําแหน่ง
ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษีฯ รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,607 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคล
ในศาลปกครองสูงสุด | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด
โดยที่ปัจจุบันคดีปกครองที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีปกครองที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลเป็นไปโดยรวดเร็วทันต่อการเยียวยาแก้ไขความเดือดร้อนหรือความเสียหายแก่คู่กรณี อันจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖)
พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ออกประกาศให้จัดตั้งแผนกใน
ศาลปกครองสูงสุด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีปกครองเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภายในเขตอํานาจของศาลปกครองสูงสุด
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจมอบหมายให้ตุลาการในแผนกคดีบริหารงานบุคคลพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
ข้อ ๔ ให้มีประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก
ข้อ ๕ ให้แผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีปกครองเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด
ข้อ ๖ แผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด | 10,609 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคล ในศาลปกครองชั้นต้น | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้น
โดยที่ปัจจุบันคดีปกครองที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีปกครองที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลเป็นไปโดยรวดเร็วทันต่อการเยียวยาแก้ไขความเดือดร้อนหรือความเสียหายแก่คู่กรณี อันจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลปกครองชั้นต้นดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้น”
ข้อ ๒[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีปกครองเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภายในเขตอํานาจของศาลปกครองชั้นต้น
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นอาจมอบหมายให้ตุลาการในแผนกคดีบริหารงานบุคคลพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
ข้อ ๔ ให้มีตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้นเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก
ข้อ ๕ ให้แผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้น ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีปกครองเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีตามที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประกาศกําหนด
ข้อ ๖ แผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองชั้นต้นจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๗ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้นรักษาการตามประกาศนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด\_\_
---
1. | 10,610 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 40) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 40)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น(105)ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 105 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕6 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,611 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด
โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับวินัยการคลังและการงบประมาณก่อให้เกิดความเสียหายต่อเสถียรภาพของฐานะการคลังภาครัฐ ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีวินัยการคลังและการงบประมาณเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
อันจะเป็นประโยชน์แก่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดย
ความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลปกครองสูงสุด ดังต่อไปนี้
ตอน ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีวินัยการคลังและการงบประมาณภายในเขตอํานาจของศาลปกครองสูงสุด
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจมอบหมาย
ให้ตุลาการในแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
ข้อ ๔ ให้ประธานแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก
ข้อ ๕ ให้แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการ
ผู้แถลงคดีตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด
ข้อ ๖ แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใด
ให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ปิยะ ปะตังทา
รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน
ประธานศาลปกครองสูงสุด | 10,612 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 41) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 41)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 106 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 106 ) กองทุนสวัสดิการกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕5 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,613 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้น | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้น
โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับวินัยการคลังและการงบประมาณก่อให้เกิดความเสียหายต่อเสถียรภาพของฐานะการคลังภาครัฐ ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีวินัยการคลังและการงบประมาณเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอันจะเป็นประโยชน์แก่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้น”
ข้อ ๒[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีวินัยการคลังและการงบประมาณภายในเขตอํานาจของศาลปกครองชั้นต้น
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นอาจมอบหมายให้ตุลาการในแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้
ข้อ ๔ ให้มีตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้นเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก
ข้อ ๕ ให้แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้น ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีตามที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประกาศกําหนด
ข้อ ๖ แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้นจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ ๗ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้นรักษาการตามประกาศนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ปิยะ ปะตังทา
รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน
ประธานศาลปกครองสูงสุด
---
1. | 10,614 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 42) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 42)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน ( 94 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“( 94 ) กองทุนสวัสดิการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. ๒๕๕5 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,615 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 43) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 43)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 107 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 107 ) กองทุนสวัสดิการกรมโยธาธิการและผังเมือง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557
สุทธิชัย สังขมณี
(นายสุทธิชัย สังขมณี)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,616 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 108 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 108 ) กองทุนสวัสดิการกองทัพบก”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕7 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2557
ประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,617 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 45)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 109 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 109 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานบริหารหนี้สาธารณะ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕7 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2558
ประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,618 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 46)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 110 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับ
การบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 110 ) กองทุนสวัสดิการกรมป่าไม้”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. ๒๕๕8 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2558
นายประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,619 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 47) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 47)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น ( 111 ) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย การจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“( 111 ) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕9 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559
ประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,620 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 48) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 48)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (112) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(112) กองทุนสวัสดิการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,621 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 49) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 49)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (49) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 5) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ประสงค์ พูนธเนศ
(นายประสงค์ พูนธเนศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,622 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง กำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีสิ่งแวดล้อม
ในศาลปกครองสูงสุด | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง กําหนดวันเปิดทําการแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด[[1]](#footnote-1)
ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อม
ในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔
เป็นต้นไป โดยกําหนดให้แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใด ให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด นั้น
เพื่อให้การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุดเป็นไปตามประกาศประธาน
ศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศให้เปิดทําการแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด ตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด
1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ /ตอนที่ ๕๙ ก/ หน้า ๑/๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [↑](#footnote-ref-1) | 10,623 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 50) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 50)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (113) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(113) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,624 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง กำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง กําหนดวันเปิดทําการแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด[1](#fn1)
ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๗ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๗เป็นต้นไป โดยกําหนดให้แผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด นั้น
เพื่อให้การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุดเป็นไปตามประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๗ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศให้เปิดทําการแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด
---
1. | 10,625 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง กำหนดวันเปิดทำการแผนกคดีวินัย
การคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง กําหนดวันเปิดทําการแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด[1](#fn1)
ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยกําหนดให้แผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด นั้น
เพื่อให้การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดเป็นไปตามประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศให้เปิดทําการแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
ปิยะ ปะตังทา
รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน
ประธานศาลปกครองสูงสุด
---
1. | 10,626 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง กำหนดระยะเวลาการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีเป็นกรณีพิเศษ | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง กําหนดระยะเวลาการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีเป็นกรณีพิเศษ[[1]](#footnote-1)
ตามที่ได้มีการประกาศปิดทําการศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลางตั้งแต่วันอังคารที่ ๑
ถึงวันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๗ ถึงวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เนื่องจากพื้นที่โดยรอบอาคารที่ทําการศาลปกครอง มีน้ําท่วมจนทําให้คู่กรณีและประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่สามารถเดินทางมาติดต่อราชการที่ศาลปกครองได้โดยสะดวก ซึ่งเป็นผลทําให้คู่กรณีเกิดข้อขัดข้องในการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อศาลและการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดทําการศาล อันอาจส่งผลทํา ให้การยื่นอุทธรณ์คํา สั่งหรือคํา พิพากษาของศาล การขอให้พิจารณาคดีใหม่และการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีใด ๆ ได้ทันตามระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด ซึ่งเป็นเหตุจําเป็นที่มิอาจก้าวล่วงได้ ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่ง
ความยุติธรรม สมควรกําหนดระยะเวลาการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีไว้เป็นกรณีพิเศษ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับข้อ ๖ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธาน
ศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ ประธาน
ศาลปกครองสูงสุดจึงกําหนดให้การคัดค้านคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองกลาง การขอให้พิจารณา
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหม่ และการดําเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีที่ต้องยื่นหรือดําเนินการ
ต่อศาลปกครองกลางภายในวันอังคารที่ ๑ ถึงวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อาจยื่นหรือดําเนินการ
ต่อศาลปกครองกลางได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในเวลาทําการ
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด
1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘/ ตอนที่ ๘๒ ก/หน้า ๓๐/๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [↑](#footnote-ref-1) | 10,627 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 51) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 51)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (114) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(114) กองทุนสวัสดิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,628 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง รายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการ
ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง รายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ[1](#fn1)
ตามที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิได้ดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๒) (ก) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ แทนตําแหน่งที่ว่าง จํานวน ๒ ตําแหน่งโดยทําการตรวจนับคะแนน เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๘ เรียบร้อยแล้ว นั้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๒ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๒) (ก) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ แทนตําแหน่งที่ว่าง จํานวน ๒ ตําแหน่งเรียงตามลําดับคะแนนที่ได้รับเลือก ดังต่อไปนี้
๑. นายมนูญ ปุญญกริยากร
๒. นายวิษณุ วรัญญู
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด
---
1. | 10,629 |
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง รายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการ
ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๓) (ข) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ | ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด
เรื่อง รายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๓) (ข)
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒[1](#fn1)
ด้วยกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๓) (ข) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้พ้นจากตําแหน่งและคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเลือก นายกู้เกียรติ สุนทรบุระ เป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ และมาตรา ๑๒ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงประกาศให้ นายกู้เกียรติสุนทรบุระ เป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๓) (ข)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๗
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘
หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล
ประธานศาลปกครองสูงสุด
---
1. | 10,630 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 52)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (115) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(115) กองทุนสวัสดิการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,631 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 53)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (116) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(116) กองทุนสวัสดิการกรมสอบสวนคดีพิเศษ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,632 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 54)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (117) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(117) กองทุนสวัสดิการกรมการท่องเที่ยว”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,633 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 56) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 56)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (119) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(119) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,634 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 57) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 57)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๒๐) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔)
เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(๑๒๐) กองทุนสวัสดิการกรมการขนส่งทางราง”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ
ที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,635 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 58)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๒๑) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(๑๒๑) กองทุนสวัสดิการสํานักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,636 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 59) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 59)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๒๒) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(๑๒๒) กองทุนสวัสดิการสมาชิกราชบัณฑิตยสภา”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖2 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,637 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 60) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 60)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (80) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 15) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,638 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 61) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 61)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (123) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(123) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ก.พ.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,639 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 62) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 62)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (124) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(124) กองทุนสวัสดิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แกกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ไดรับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,640 |
ระกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 63) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 63)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (125) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548
“(125) กองทุนสวัสดิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕65
ประดิษฐ์ ภัทรประ
ลวรณ แสงสนิทฏิบัติราการแทน
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,641 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 64) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 64)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๒๖) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(๑๒๖) กองทุนสวัสดิการกรมควบคุมโรค”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,642 |
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 65) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 | ประกาศกรมสรรพากร
เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 65)
เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้
(ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาค
ให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๒๗) ของข้อ ๑ ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๓๔) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
“(๑๒๗) กองทุนสวัสดิการสํานักงาน ป.ย.ป.”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖5 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2565
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,643 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 75) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 75)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลซึ่งเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของนายนราวุฒิ พรพระแก้ว เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างบุคลากรถ่ายภาพแบบและบันทึกข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สัญญาเลขที่ 5/2565 ซึ่งทําขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ พนักงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,644 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 74) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 74)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคลากรของบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จํากัด (มหาชน) เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างผู้เชี่ยวชาญรายบุคคลหรือจ้างบริษัทที่ปรึกษา สัญญาเลขที่ 85/2565 ซึ่งทําขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ทั้งนี้ บุคลากรดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,645 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 73) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 73)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ ๖๗) เรื่อง การแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓
ข้อ ๒ ให้เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของกิจการค้าร่วมเมอร์ลินส์ และทริส เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามโครงการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทําสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture : EA) ของกรมสรรพากร ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร
ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,646 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 72) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 72)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ที่ปรึกษาคณะทํางานตามคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.475/2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะทํางานกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับกระบวนงานกรรมวิธี กระบวนงานคืน ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,647 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 71) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 71)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสรรพากรและศุลกากรสหราชอาณาจักร (HMRC) เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการ Tax Inspectors Without Borders (TIWB) ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสรรพากรกับสรรพากรและศุลกากรสหราชอาณาจักร (HMRC) (Memorandum of Understanding Between Her Majesty’s Revenue and Customs of the United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland and The Revenue Department of Thailand) ซึ่งจัดทําขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564 และข้อตกลงปฏิบัติงานระหว่างกรมสรรพากรกับสรรพากรและศุลกากรสหราชอาณาจักร (HMRC) และ Mr. Chris Brolly และ Mr. Anthony Clark (Deployment Arrangement Between Revenue Department of Thailand and Her Majesty’s Revenue and Customs of the United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland and Mr. Chris Brolly and Mr. Anthony Clark) ซึ่งจัดทําขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,648 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 70) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 70)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลซึ่งเป็นผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) โดยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากร เป็นเจ้าพนักงานประเมิน ตามมาตรา 16แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการศึกษาการปฏิรูปภาษีอากรของกรมสรรพากร และกรณีอื่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,649 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 69) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 69)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมสรรพากร เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร และมีหน้าที่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/13 วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,650 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 68) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 68)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 1 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 65) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 1 ให้นายทะเบียนผู้รับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจํากัด บริษัทมหาชนจํากัด สมาคมการค้า และหอการค้า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจํากัด กฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้า และกฎหมายว่าด้วยหอการค้า เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการรับคําขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และรับแบบคําขอใช้บริการยื่นแบบแสดงรายการและชําระภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า”
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการรับคําขอตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศเป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,651 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 67) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 67)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของกิจการค้าร่วมเมอร์ลินส์ และทริส ดังต่อไปนี้
เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะการดําเนินงานในส่วน
ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามโครงการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทําสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture : EA) ของกรมสรรพากร
(1) นางสาวณิชาภา รัตนมงคลดารัช ผู้จัดการโครงการ
(2) นายธเรศ ศุภดล ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ
(3) นายจิรพันธ์ แดงเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(4) นายกิติกร ดาวพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
(5) นายสุทธิศักดิ์ อินทวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(6) นายสันติพัฒน์ อรุณธารี ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
(7) นายอรรณพ ดํารงพาณิชกิจ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(8) นายศิลป์ชัย กิจธนไพบูลย์ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(9) นางสาวจิตตรา ชัยรักษ์วงศา นักวิเคราะห์ Business Architecture
(10) นางสาวบงกช นุตพงษ์ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(11) นางสาวอมรพรรณ ศรีพาระกุล นักวิเคราะห์ Business Architecture
(12) นายวรพัฒน์ เมฆสวรรค์ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(13) นายประชาธิปไตย บุญอึ่ง นักวิเคราะห์ Business Architecture
(14) นางสาวสุริพร มานะกิจ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(15) นายศักย์ศรณ์ อภิชาติธํารง นักวิเคราะห์ Business Architecture
(16) นางสาวเบญจพร โชติกสถิตย์ นักวิเคราะห์ Business Architecture
(17) นางสาวพรรณภา พูลมาก นักวิเคราะห์ Business Architecture
(18) นางสาวปราณดา พัทธณัฐมน นักวิเคราะห์ Business Architecture
(19) นายจํารัส หมีดํา ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(20) นางสาวจิตติมา วงศ์จิตติยานนท์ ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(21) นายวีรุทย์ สัตบุษ ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(22) นางสาวปิยาณี เกียรติชัยวณิชย์ ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(23) นายณัฐพงษ์ เพ็ชร์ตรา ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(24) นางสาวขนิษฐา ลาภชิตาภรณ์ ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(25) นายสราวุธ ขวัญเมือง ที่ปรึกษาด้าน Information Technology Architecture
(26) นางสาวยุวธิดา ไชยลังการ ผู้ประสานงานโครงการ
(27) นางสาวศศิพร ศิริโสภณ ผู้ประสานงานโครงการ
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,652 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 66) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 66)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับกรณีการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลด้านภาษี
(1) นางวรพิชญา ระเบียบโลก
(2) นายพีระวิชช์ โตวิริยะเวช
(3) นายกิตติศักดิ์ สะอาดเอี่ยม
(4) นายปพจน์ ธรรมเจริญพร
(5) นายอิสระพงศ์ เอกสินชล
(6) นายนนทวิทย์ ชีวเรืองโรจน์
(7) นายยุรนันท์ จามจุรี
(8) นายอนันต์วัฒน์ ทิพย์ภาวัต
ในการดํารงตําแหน่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร ของบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นเจ้าพนักงานประเมินตลอดระยะเวลาที่บุคคลดังกล่าวยังคงดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,653 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 65) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 65)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้นายทะเบียนผู้รับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจํากัด บริษัทมหาชนจํากัด สมาคมการค้า และหอการค้า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจํากัด กฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้า และกฎหมายว่าด้วยหอการค้า เป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีการรับคําขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการรับคําขอตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563
อุตตม สาวนายน
(นายอุตตม สาวนายน)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,654 |
ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นสำนักงานบัญชีตัวแทน | ประกาศกรมสรรพากร
เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
โดยเหตุที่การจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรอยู่ในอํานาจหน้าที่และการควบคุมของกรมสรรพากร ทั้งนี้ ตามมาตรา 5 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมและกํากับดูแลการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมสรรพากรจึงให้สํานักงานบัญชีตัวแทนซึ่งมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกําหนดสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ได้ซึ่งสํานักงานบัญชีตัวแทนดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2546
(2) ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th ลงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2547
(3) ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552
(4) ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562
ข้อ ๒ ในประกาศนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
"สํานักงานบัญชีตัวแทน” หมายความว่า บุคคลซึ่งทําหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
บุคคลตามวรรคหนึ่ง หมายความว่า บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกําหนดให้เป็นนิติบุคคล
“ผู้มีหน้าที่เสียภาษี” หมายความว่า ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีทุกประเภทภาษีผู้มีหน้าที่นําส่งภาษี และผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งได้ว่าจ้างให้สํานักงานบัญชีตัวแทนเป็นผู้ทําบัญชีและแต่งตั้งให้สํานักงานบัญชีตัวแทนดังกล่าวเป็นตัวแทนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษี
“แบบแสดงรายการภาษี” หมายความรวมถึง แบบนําส่งภาษีและแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
“ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต” หมายความว่า ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์(Web Site) ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th
ข้อ ๓ สํานักงานบัญชีที่ประสงค์จะเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) กรณีสํานักงานบัญชีเป็นบุคคลธรรมดา
(ก) เป็นผู้ทําบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และได้ผ่านการอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรตามหลักสูตรที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด ทั้งนี้ การยื่นคําขอเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ผ่านการอบรมถึงวันที่ยื่นคําขอ
(ข) มีประสบการณ์ในด้านการทําบัญชีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีจํานวนผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ใช้บริการไม่น้อยกว่า ๓๐ ราย ณ วันที่ขออนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(ค) ทําบัญชีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษี โดยมิได้ดําเนินการตรวจสอบและรับรองบัญชีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีในขณะที่ดําเนินการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(ง) ไม่เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนที่อยู่ระหว่างถูกสั่งพักหรือถูกเพิกถอน
(จ) มีประวัติการเสียภาษีที่ดี มีการเสียภาษีสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของกิจการมีตัวตน มีความมั่นคงในการประกอบกิจการ และมีความเหมาะสมที่จะเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรณีที่สํานักงานบัญชีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญโดยบุคคลผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญบุคคลใดบุคคลหนึ่งต้องมีคุณสมบัติตาม (ก)
(2) กรณีสํานักงานบัญชีเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
(ก) มีกรรมการ หรือหุ้นส่วนของสํานักงานบัญชี เป็นผู้ทําบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และได้ผ่านการอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรตามหลักสูตรที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด ทั้งนี้ การยื่นคําขอเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ผ่านการอบรมถึงวันที่ยื่นคําขอ
(ข) มีประสบการณ์ในด้านการทําบัญชีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี และมีจํานวนผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ใช้บริการไม่น้อยกว่า ๓๐ ราย ณ วันที่ขออนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(ค) ทําบัญชีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษี โดยมิได้ดําเนินการตรวจสอบและรับรองบัญชีให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีในขณะที่ดําเนินการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(ง) มีทรัพย์สินสุทธิมากกว่าหนี้สินสุทธิสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีปีสุดท้ายก่อนยื่นคําขอเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(จ) ไม่เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนที่อยู่ระหว่างถูกสั่งพักหรือถูกเพิกถอน
(ฉ) มีประวัติการเสียภาษีที่ดี มีการเสียภาษีสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของกิจการมีตัวตน มีความมั่นคงในการประกอบกิจการ และมีความเหมาะสมที่จะเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรณีที่สํานักงานบัญชีเป็นสหกรณ์ หรือองค์กรอื่นที่กฎหมายกําหนดให้เป็นนิติบุคคล โดยบุคคลผู้เป็นกรรมการ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีลักษณะทํานองเดียวกันกับกรรมการหรือหุ้นส่วนขององค์กรอื่น ต้องมีคุณสมบัติตาม (ก)
ข้อ ๔ การยื่นคําขออนุญาตและการออกใบอนุญาต
(1) ให้ผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 3 ซึ่งมีความประสงค์จะเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน จัดให้มีสัญญาการตั้งตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและมอบอํานาจให้กระทําการแทนเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างสํานักงานบัญชีตัวแทนและผู้มีหน้าที่เสียภาษีโดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องทําข้อตกลงกับกรมสรรพากรในการขอแต่งตั้งสํานักงานบัญชีตัวแทนเป็นตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามสัญญาการตั้งตัวแทนและข้อตกลงในการแต่งตั้งสํานักงานบัญชีเป็นตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ (Web Site) ของกรมสรรพากร (ต.ท.03) ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องยืนยันการแต่งตั้งสํานักงานบัญชีตัวแทนภายใน 5 วัน นับแต่วันที่สํานักงานบัญชีตัวแทนที่เป็นคู่สัญญาบันทึกข้อมูลของผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่เป็นลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีแต่ละรายมีสิทธิทําสัญญาแต่งตั้งและมอบอํานาจให้สํานักงานบัญชีตัวแทนรายหนึ่งรายใดเท่านั้นเป็นตัวแทนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยสัญญาการตั้งตัวแทนและมอบอํานาจให้กระทําการแทนนั้น จะต้องระบุให้ชัดเจนว่าสํานักงานบัญชีตัวแทนมีสิทธิยื่นแบบแสดงรายการภาษีประเภทใดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(2) ให้ผู้มีความประสงค์จะเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนตามข้อ 4 (1) ยื่นคําขอเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนตามแบบคําขอเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.01) ต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเมื่ออธิบดีกรมสรรพากรอนุญาตให้เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนผู้ยื่นคําขอจะได้รับใบอนุญาตการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนจากกรมสรรพากร โดยให้มีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
ข้อ ๕ สํานักงานบัญชีที่ได้รับอนุญาตให้เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษี หรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด ในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องดําเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) จัดทําแบบแสดงรายการภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือจัดทําแบบแสดงรายการภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีพร้อมชําระภาษี ในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้หมายเลขผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) ของสํานักงานบัญชีตัวแทน
เพื่อทําการยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีหน้าที่เสียภาษี ตามประเภทภาษีที่ได้ตกลงกับผู้มีหน้าที่เสียภาษี
กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสํานักงานบัญชีตัวแทนมีจํานวนลดลงจากจํานวนที่สํานักงานบัญชีตัวแทนแจ้งไว้เมื่อขออนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน สํานักงานบัญชีตัวแทนยังคงสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ถ้าหากจํานวนผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสํานักงานบัญชีตัวแทนมีไม่น้อยกว่า 30 ราย
แบบแสดงรายการภาษีตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา(ภ.ง.ด.91)
(2) ชําระภาษีหรือนําส่งภาษีเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกรมสรรพากร
(ก) กรณีสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีโดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเป็นผู้ชําระภาษีด้วยตนเอง ให้กระทําได้โดย
1) โอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร หรือ
2) โอนเงินด้วยชุดชําระเงิน (Pay in Slip)
(ข) กรณีสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษี ให้กระทําได้โดย
1) โอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบัญชีเงินฝากของสํานักงานบัญชีตัวแทนพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือ
2)โอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบัญชีเงินฝากของสํานักงานบัญชีตัวแทน หรือโอนเงินด้วยชุดชําระเงิน (Pay in Slip) ภายหลังการยื่นแบบแสดงรายการภาษี
(3) แจ้งรายชื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสํานักงานบัญชีตัวแทนในการยื่นแบบแสดงรายภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามแบบแจ้งรายชื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ใช้บริการของสํานักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.๐๒) ต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายใน 15 วันนับแต่วันที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีขอใช้บริการของสํานักงานบัญชีตัวแทนหรือเลิกใช้บริการของสํานักงานบัญชีตัวแทน ทั้งนี้ ต้องแจ้งรายชื่อก่อนถึงกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีในเดือนภาษีหรือปีภาษีถัดไป ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องยืนยันการแต่งตั้งหรือยกเลิกการใช้บริการของสํานักงานบัญชีตัวแทนภายใน 5 วันนับแต่วันที่สํานักงานบัญชีตัวแทนที่เป็นคู่สัญญาบันทึกข้อมูลการเพิ่มรายหรือลดรายของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามแบบคําขอเพิ่ม/ลดจํานวนผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสํานักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.04)
(4) สํานักงานบัญชีตัวแทนซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนตามที่ได้แจ้งไว้ต่อกรมสรรพากร ให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายใน 15 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงตามวรรคหนึ่ง เช่น การย้ายที่ตั้งสํานักงานบัญชีตัวแทน การเปิดสํานักงานบัญชีตัวแทนเพิ่มเติม การปิดสํานักงานบัญชีตัวแทนบางแห่ง การเลิกสํานักงานบัญชีตัวแทนการเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนของบริษัทจํากัด การเปลี่ยนแปลงเงินทุนที่ชําระแล้ว การเพิ่มทุนหรือการลดทุนและการเปลี่ยนแปลงอื่นใดในลักษณะทํานองเดียวกัน
(5) จัดส่งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตามข้อ 3 (1) (ก) หรือข้อ 3 (2) (ก) เข้ารับการอบรมทางด้านกฎหมายภาษีอากรตามหลักสูตรที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด
ข้อ ๖ การต่ออายุใบอนุญาตและการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(1) กรณีใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนตามข้อ 4 (๒) สิ้นสุดลง สํานักงานบัญชีตัวแทนมีสิทธิยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตต่ออธิบดีกรมสรรพากรได้ ทั้งนี้ สํานักงานบัญชีตัวแทนต้องมีผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสํานักงานบัญชีตัวแทนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่น้อยกว่า ๓๐ ราย ณ วันที่ยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
สํานักงานบัญชีตัวแทนต้องยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนตามแบบคําขอต่ออายุ/ขอขยายเวลาต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.05) ต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ภายในระยะเวลา 4 เดือนแต่ไม่น้อยกว่า 2 เดือนก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นสุด
กรณีสํานักงานบัญชีตัวแทนไม่สามารถยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนภายในกําหนดเวลาตามวรรคสอง สํานักงานบัญชีตัวแทนจะต้องยื่นคําขอขยายเวลาตามแบบคําขอต่ออายุ/ขอขยายเวลาต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน(ต.ท.05)ต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พร้อมชี้แจงเหตุผลภายในเวลา 2 เดือนนับแต่วันที่ใบอนุญาตสิ้นสุด
ใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนที่ได้รับการต่ออายุแล้ว ให้มีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนเดิมสิ้นสุด
กรณีสํานักงานบัญชีตัวแทนไม่ได้ยื่นคําขอต่ออายุหรือขอขยายเวลาต่ออายุใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนภายในกําหนดเวลาตามวรรคสองและวรรคสาม ให้สํานักงานบัญชีตัวแทนสิ้นสภาพการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน
(2) กรณีสํานักงานบัญชีตัวแทนทําใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนสูญหาย ถูกทําลายหรือชํารุดในสาระสําคัญเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ ให้สํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นคําขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนต่ออธิบดีกรมสรรพากรตามแบบคําขอใบแทนใบอนุญาต
เป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.06) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนให้มีรายการเช่นเดียวกับใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน โดยให้มีข้อความระบุในที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทน และให้มีอายุเช่นเดียวกับใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนฉบับจริงที่สูญหายถูกทําลาย หรือชํารุดในสาระสําคัญเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้นั้น
ข้อ ๗ สํานักงานบัญชีตัวแทนที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข หรือขาดคุณสมบัติข้อหนึ่งข้อใดตามประกาศนี้ อธิบดีกรมสรรพากรอาจพิจารณาสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนเสียก็ได้
ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป ทั้งนี้ สํานักงานบัญชีตัวแทนที่ได้รับอนุญาตตามประกาศกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นสํานักงานบัญชีตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีหรือดําเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์(WebSite)ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2546 ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าใบอนุญาตสิ้นสุดลง
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2566
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร | 10,655 |
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 64) เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร | ประกาศกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 64)
เรื่อง แต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประกาศแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 16 แห่งประมวลรัษฎากร สําหรับการศึกษาและประเมินผลการให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมือง
(1) นายอธิภัทร มุทิตาเจริญ
(2) นายนันทวัฒน์ อวยสินประเสริฐ
(3) นายฐากูร ฉันทะสันติธรรม
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563
อุตตม สาวนายน
(นายอุตตม สาวนายน)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | 10,656 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.