title
stringlengths
8
870
text
stringlengths
0
298k
__index_level_0__
int64
0
54.3k
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.352/2566 เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร
คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.352/2566 เรื่อง มอบอํานาจให้ผู้อํานวยการกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อให้การปฏิบัติราชการตามประมวลรัษฎากรบางกรณีสําหรับกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอํานาจ พ.ศ. 2550 และมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (26) และ (27) ของข้อ 2 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 117/2545 เรื่อง มอบอํานาจให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ลงวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2545 “(26) การอนุมัติสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบกิจการศูนย์ข้อมูล ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 759) พ.ศ. 2565 และลงนามในหนังสือแจ้งผลการอนุมัติดังกล่าว (27) การพิจารณาให้ผู้ประกอบกิจการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 759) พ.ศ. 2565 สิ้นสุดการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และลงนามในหนังสือแจ้งผลการพิจารณานั้น” ข้อ ๒ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในคําสั่งนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม สั่ง ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,356
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.353/2566 เรื่อง มอบอำนาจให้สรรพากรพื้นที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร
คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.353/2566 เรื่อง มอบอํานาจให้สรรพากรพื้นที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อให้การปฏิบัติราชการตามประมวลรัษฎากรบางกรณีเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอํานาจ พ.ศ. 2550 และมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรจึงมอบอํานาจให้สรรพากรพื้นที่สั่งและปฏิบัติราชการแทน ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การอนุมัติสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบกิจการศูนย์ข้อมูล ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 759) พ.ศ. 2565 และลงนามในหนังสือแจ้งผลการอนุมัติ ข้อ ๒ การพิจารณาให้ผู้ประกอบกิจการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 759) พ.ศ. 2565 สิ้นสุดการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และลงนามในหนังสือแจ้งผลการพิจารณานั้น ข้อ ๓ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในคําสั่งนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม สั่ง ณ วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,357
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 794) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 794) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2508 และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1012) ของข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 “(1012) มูลนิธิ คิดดี พูดดี ทําดี” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (1) สําหรับเงินได้พึงประเมินประจําปี พ.ศ. 2565 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป (2) สําหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2566 สันติ พร้อมพัฒน์ (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,358
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 795) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 795) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2508 และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1013) ของข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 “(1013) มูลนิธิพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (1) สําหรับเงินได้พึงประเมินประจําปี พ.ศ. 2566 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป (2) สําหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 สันติ พร้อมพัฒน์ (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,359
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2562
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2562 ------------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ ดังนี้ จึงกําหนด ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้กับการสั่งการตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่อยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๓ การสั่งการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1) เมื่อพบการกระทําที่ฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น กรณีที่ต้องแจ้ง การดําเนินการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อนดําเนินการ ให้สั่งการให้ระงับการกระทําที่ฝ่าฝืน ตั้งแต่วันที่ ได้รับคําสั่งเป็นต้นไป จนกว่าจะดําเนินการให้ถูกต้อง และหากพบว่าการฝ่าฝืนข้อห้ามทําให้เกิด ความเสียหายให้สั่งการให้แก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง (2) เมื่อพบการกระทําที่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เช่น กรณีที่ไม่ปฏิบัติ ตามข้อกําหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาต ให้สั่งการให้แก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายในระยะเวลาที่กําหนด (3) เมื่อมีเหตุอันสมควร เช่น พบว่าวัตถุอันตรายซึ่งการเก็บรักษาหรือจําหน่าย อาจมีอันตรายต่อบุคคล สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม หรือกรณีมีเหตุสุดวิสัยทําให้การนําผ่านไม่สามารถ ดําเนินการได้ หรือกรณีต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญา สนธิสัญญาหรือข้อผูกพันระหว่างประเทศ ให้สั่งการให้ส่งออกไปเพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิต หรือผู้จัดส่งวัตถุอันตรายนั้น หรือเพื่อการอื่นตามความเหมาะสม การสั่งการตามวรรคหนึ่งต้องยึดหลักพอสมควรแก่เหตุ หลักความได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์ ที่ส่วนรวมจะได้รับกับสิทธิและเสรีภาพและประโยชน์ที่บุคคลต้องเสียไป รวมทั้งยึดหลักความเสมอภาค และต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ข้อ ๔ การดําเนินการเพื่อสั่งการและการกําหนดเงื่อนไขประกอบคําสั่งตามข้อ 3 ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ต้องดําเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,360
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแจ้ง การออกใบรับแจ้ง การขอต่ออายุ และการต่ออายุใบรับแจ้งการดำเนินการวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแจ้ง การออกใบรับแจ้ง การขอต่ออายุ และการต่ออายุใบรับแจ้ง การดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560 --------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 22 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยาในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแจ้ง การออกใบรับแจ้ง การขอต่ออายุและการต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556 ข้อ ๒ วัตถุอันตรายในประกาศนี้หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๓ ผู้ใดประสงค์จะดําเนินการผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ให้แจ้งการดําเนินการต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบ วอ./สธ 3 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว ทั้งนี้ การแจ้งการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง เพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต การนําเข้า การส่งออก และการมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ข้อ ๔ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งและเอกสารหลักฐานประกอบการแจ้งถูกต้องครบถ้วนแล้วให้ออกใบรับแจ้งการดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ในแบบ วอ./สธ 3 ใบรับแจ้งการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้มีอายุใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินแห่งปีที่สามนับแต่ปีที่ออกใบรับแจ้งการดําเนินการนั้น ข้อ ๕ หากผู้รับใบรับแจ้งการดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ประสงค์จะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบรับแจ้งการดําเนินการ ให้ยื่นคําขอตามแบบ วอ./สธ 11 ท้ายประกาศนี้พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว ทั้งนี้ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อทางการค้า ชื่อและปริมาณวัตถุอันตราย (สารสําคัญ) และลักษณะของวัตถุอันตราย ไม่อาจกระทําได้ เมื่อเอกสารหลักฐานประกอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับแจ้งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในแบบ วอ./สธ 11 ข้อ ๖ หากผู้รับใบรับแจ้งการดําเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ประสงค์จะขอต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการให้ยื่นคําขอตามแบบ วอ./สธ 12 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าวภายในเก้าสิบวัน ก่อนวันที่ใบรับแจ้งการดําเนินการสิ้นอายุ เมื่อเอกสารหลักฐานประกอบการต่ออายุถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการในแบบ วอ./สธ 12 การต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้มีอายุใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินแห่งปีที่สามนับแต่ปีที่ถัดจากปีที่ต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการนั้น ข้อ ๗ การแจ้งการดําเนินการตามข้อ 3 การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบรับแจ้งการดําเนินการตามข้อ 5 และการขอต่ออายุใบรับแจ้งการดําเนินการตามข้อ 6 ให้ยื่นที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือยื่นที่สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาในจังหวัดนั้น ๆ หรือยื่นผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็ได้ ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560 วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,361
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อรับจ้าง พ.ศ. 2550
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง พ.ศ. 2550 ------------------------ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 20 (2) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2548 ข้อ ๒ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและขารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๓ ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างตามประกาศนี้ หมายถึง บุคลากรผู้รับผิดชอบสําหรับควบคุมการดําเนินการเพื่อให้บริการใช้รับจ้าง การจัดการแมลงและสัตว์อื่นของสถานประกอบการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ข้อ ๔ การจัดการแมลงและสัตว์อื่น (Pest Management)หมายถึง กระบวนการการใช้เทคนิคต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อการป้องกัน กําจัดแมลงและสัตว์อื่น ข้อ ๕ ให้ผู้มีวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ไว้ในครอบกรองเพื่อใช้รับจ้างต้องจัดให้มีผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) มีอายุไม่ต่ํากว่า 20 ปีบริบูรณ์ (2) มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานการจัดการแมลงและสัตว์อื่น ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือจบการศึกษาไม่ต่ํากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (3) มีหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมและการทดสอบความรู้ตามหลักสูตรและหน่วยงาน ตามที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและขาประกาศกําหนด และต้องอบรมหลักสูตรต่อเนื่องความรู้ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง การจัดการแมลงและสัตว์อื่น ทุก 3 ปี ตามหลักสูตรและหน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและขาประกาศกําหนด การจัดให้มีผู้ควบคุมตามรรคหนึ่ง ให้ผู้แจ้งดําเนินการมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือ ผู้อื่นขออนุญาตมีไว้ในครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เพื่อใช้รับจ้าง แจ้งชื่อผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง เป็นบุคลากรผู้รับผิดชอบสําหรับควบคุมการดําเนินการเพื่อให้บริการใช้รับจ้าง การจัดการแมลงและสัตว์อื่น ประกอบการแจ้งดําเนินการหรือยื่นขออนุญาต ต่อหน่วยงานผู้รับแจ้งหรือผู้อนุญาตนั้น ทั้งนี้ ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างต้องเป็นพนักงานประจําของสถานประกอบการมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้าง และไม่มีชื่อเป็นผู้ควบคุมอยู่ในสถานที่ประกอบการแห่งอื่นในช่วงเวลาเดียวกัน ข้อ ๖ ให้ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดําเนินการดังต่อไปนี้ (1) ควบกุมการปฏิบัติงานของบุคลากร เกี่ยวกับการจัดการแมลงและสัตว์อื่น ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม (2) ควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการในการมีไว้ในครอบกรองเพื่อใช้รับจ้าง ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกัน กําจัดแมลงและสัตว์อื่นการใช้ การเก็บรักษา และการขนส่งวัตถุอันตราย รวมทั้งมาตรการเพื่อความปลอดภัยสําหรับผู้ปฏิบัติงาน ผู้รับบริการ หรือสิ่งแวดล้อม ข้อ ๗ ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ที่ไม่ประสงค์จะทําหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างของสถานประกอบการแห่งนั้นต่อไป ต้องแจ้งให้หน่วยงานผู้รับแจ้งหรือผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่น้อยกว่า 7 วัน นับแต่วันที่จะไม่ทําหน้าที่ดังกล่าว ข้อ ๘ กรณีผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง แจ้งความประสงค์จะไม่ทําหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายต่อไปตามข้อ 7 หรือตาย หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ให้ผู้แจ้งดําเนินการหรือผู้รับอนุญาตมีไว้ในครอบกรองซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างของสถานที่นั้น จัดหาผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างแทนคนเดิม และแจ้งขอเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายต่อผู้รับแจ้ง หรือผู้อนุญาตภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างคนเดิมไม่ทําหน้าที่ต่อไป ข้อ ๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามประกาศนี้จนถึงวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ ผู้มีอํานาจลงนาม - ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550 มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการ ฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,362
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อรับจ้าง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ------------------------------ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (2) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความใน (3) ของวรรคหนึ่ง ในข้อ 5 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน "(3) มีหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการฝึกอบรมและการทดสอบความรู้ตามหลักสูตรและหน่วยงานตามที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกําหนด และต้องอบรมหลักสูตรต่อเนื่องความรู้ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง การจัดการแมลงและสัตว์อื่นทุก 5 ปี ตามหลักสูตรและหน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกําหนด" ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,363
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560 ------------------------ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบ พ.ศ. 2554 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554 ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๔ ให้ข้าราชการในราชการบริหารส่วนกลางสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งดํารงตําแหน่ง ต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม (1) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (2) รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (3) ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (4) สาธารณสุขนิเทศ (5) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (6) รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (7) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (8) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ ด้านสาธารณสุข สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (9) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (10) ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบการคุ้มครองผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (11) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาหารและยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (12) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเครื่องมือแพทย์ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (13) ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (14) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของวัตถุเสพติด สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (15) ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานอาหาร สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (16) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอาหารและการบริโภคอาหาร สํานักงานคณะ กรรมการอาหารและยา (17) ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบนําเข้า ส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา (18) ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบกํากับดูแลผลิตภัณฑ์หลังออกสู่ตลาด สํานักงานคณะ กรรมการอาหารและยา (19) ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (20) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของยาและการใช้ยา สํานักงานคณะ กรรมการอาหารและยา (21) ผู้อํานวยการสํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (22) ผู้อํานวยการสํานักด่านอาหารและยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (23) ผู้อํานวยการกองส่งเสริมงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (24) เภสัชกร สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (25) นักวิชาการอาหารและยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๕ ให้ข้าราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาคซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงาน เจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (1) ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (2) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (3) หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (4) เภสัชกร กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้ข้าราชการในราชการส่วนภูมิภาค ตามวรรคหนึ่ง มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการ ดังต่อไปนี้ (ก) การรับแจ้งข้อเท็จจริง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบแจ้งข้อเท็จจริง และการออก ใบแทนใบแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 สําหรับสถานประกอบการที่มีสถานที่ผลิตหรือ สถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายในเขตจังหวัดที่มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (ข) การรับแจ้ง การออกใบรับแจ้ง การต่ออายุใบรับแจ้ง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการใน ใบรับแจ้ง และการออกใบแทนใบรับแจ้งการดําเนินการวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 สําหรับ สถานประกอบการที่มีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายในเขตจังหวัดที่มีอํานาจหน้าที่ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (ค) การอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ ในใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต และการสั่งพักใช้หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 สําหรับสถานประกอบการที่มีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายในเขตจังหวัดที่มี อํานาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (ง) การรับขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย การออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย การต่ออายุใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบสําคัญ การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย และการออกใบแทนใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายสําหรับผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายสําเร็จรูปที่แบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุเพื่อการส่งออกในพื้นที่ที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษกําหนดให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งคณะรัฐมนตรีกําหนดให้เป็น เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นํามาแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุต้องเคยได้รับการขึ้นทะเบียน การขออนุญาตหรือแจ้งดําเนินการผลิตหรือนําเข้า มาก่อนแล้วเท่านั้น ข้อ ๖ ให้ข้าราชการซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ เปรียบเทียบความผิด (1) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ในความผิดที่เกิด อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (2) นิติกร กลุ่มกฎหมายอาหารและยา สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เฉพาะ ในความผิดที่เกิด อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร (3) ผู้ว่าราชการจังหวัดยกเว้นกรุงเทพมหานคร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเฉพาะ ในความผิดที่เกิด อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตท้องที่จังหวัดที่รับผิดชอบ ข้อ ๗ ให้ข้าราชการพนักงานราชการ และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขในราชการบริหาร ส่วนภูมิภาคซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในเขตจังหวัด ที่ตนมีอํานาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (1) ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (2) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (3) นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (4) นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญด้านส่งเสริมพัฒนา สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (5) หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (6) เภสัชกร กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (7) เภสัชกร โรงพยาบาลของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (8) นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและ เภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (9) เจ้าพนักงานเภสัชกรรม เจ้าพนักงานสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานในกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค และเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (10) สาธารณสุขอําเภอ (11) นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในสาธารณสุขอําเภอ สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (12) เจ้าพนักงานเภสัชกรรม เจ้าพนักงานสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานในสาธารณสุขอําเภอ สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล ข้อ ๘ ให้ข้าราชการและพนักงานราชการสังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามมาตรา 54 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การเก็บตัวอย่างหรือนําตัวอย่างไปวิเคราะห์ (1) อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (2) รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (3) ผู้อํานวยการสํานักเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย (4) ผู้อํานวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (5) ผู้อํานวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ (6) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ สํานักเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย (7) เภสัชกร สํานักเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย (8) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (9) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ (10) เภสัชกร ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,364
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 --------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้ง พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 5 ให้ข้าราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาคซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (1) ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (2) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ (3) เภสัชกรเชี่ยวชาญด้านเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (4) หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (5) เภสัชกร กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 5 และข้อ 7 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง แต่งตั้ง พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 ให้ข้าราชการซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การเปรียบเทียบความผิด (1) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ในความผิดที่เกิด อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (2) ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เฉพาะใน ความผิดที่เกิด อ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตท้องที่จังหวัดที่รับผิดชอบ ข้อ 7 ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานกระทรวงสาธารณสุขในราชการบริหาร ส่วนภูมิภาคซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามมาตรา 52 วรรคหนึ่งและมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะในเขตจังหวัด ที่ตนมีอํานาจหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ (1) ผู้ว่าราชการจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (2) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (3) นายแพทย์ เภสัชกร นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานเภสัชกรรม เจ้าพนักงานสาธารณสุข และนิติกรของสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (4) เภสัชกร โรงพยาบาลของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (5) สาธารณสุขอําเภอ (6) นักวิชาการสาธารณสุข พยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานเภสัชกรรม และเจ้าพนักงาน สาธารณสุข ของสาธารณสุขอําเภอ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,365
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2562
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2562 -------------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2549 ลงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2549 ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๓ ผู้ใดประสงค์จะผลิตหรือนําเข้าซึ่งวัตถุอันตราย ให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุอันตรายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามแบบ วอ./สธ 5 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว การแจ้งข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าแจ้งข้อเท็จจริงก่อนการผลิตหรือนําเข้าวัตถุอันตรายครั้งแรก ข้อ ๔ กรณีข้อเท็จจริงตามข้อ 3 เปลี่ยนแปลงไป ให้ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าแจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ การแจ้งข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงให้แจ้งตามแบบ วอ./สธ 16 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว หากข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงตามวรรคหนึ่งเป็นเรื่องของชื่อทางการค้าที่ใช้ภายในประเทศชื่อและอัตราส่วนวัตถุอันตราย (สารสําคัญ) และลักษณะของวัตถุอันตราย ให้ดําเนินการแจ้งข้อเท็จจริงตามข้อ 3 ข้อ ๕ การแจ้งข้อเท็จจริงตามข้อ 3 และการแจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามข้อ 4 ให้ยื่น ณ สถานที่ ดังต่อไปนี้ 5.1 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาอยู่ในกรุงเทพมหานคร 5.2 สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาในจังหวัดนั้น ๆ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแทนก็ได้ ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,366
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2557
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิต นําเข้า หรือส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2557 ---------------------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในข้อ 1 วรรคสาม แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าด้วยเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิต นําเข้า และส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้เฉพาะผู้ประสงค์จะขออนุญาตผลิต นําเข้า หรือส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยมีคุณสมบัติตามหมวด 2 ข้อ ๓ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการที่จะต้องปฏิบัติตามประกาศนี้ เพื่อให้การอนุญาตเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการและทางราชการ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นหากเกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น ผู้ประกอบการจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนใดๆ มิได้ ข้อ ๔ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะไม่รับผิดชอบใดๆ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาที่ให้บริการ หมวด ๑ ข้อความทั่วไป --------------------------- ข้อ ๕ ในประกาศนี้ "วัตถุอันตราย" หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 "ผู้ประกอบการ" หมายความว่า ผู้ได้รับอนุญาตผลิต นําเข้า หรือส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา "ระบบ" หมายความว่า ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา "ใบอนุญาต" หมายความว่า ใบอนุญาตผลิต นําเข้า หรือส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 หมวด ๒ คุณสมบัติของผู้ขอใช้บริการ --------------------------- ข้อ ๖ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะใช้บริการ จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าใช้งานในระบบ ข้อ ๗ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะใช้บริการ จะต้องมีใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายของผลิตภัณฑ์ที่จะขออนุญาต และเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) กรณีขออนุญาตผลิต ผู้ประกอบการต้องมีใบอนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์และสายการผลิตเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ที่จะขออนุญาต (2) กรณีขออนุญาตนําเข้า หรือส่งออก จะต้องมีใบอนุญาตนําเข้าหรือใบอนุญาตส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกันกับผลิตภัณฑ์ที่จะขออนุญาต หมวด ๓ เงื่อนไขการให้บริการ -------------------------- ข้อ ๘ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการที่ปรากฎในหมวด 3 แห่งประกาศนี้ โดยเคร่งครัด ข้อ ๙ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ต้องตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในคําขออนุญาตและต้องรับผิดทางอาญากรณีตรวจพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ รวมทั้งต้องรับผิดทางแพ่งหากข้อมูลที่เป็นเท็จนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย ข้อ ๑๐ การแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดในใบอนุญาต ที่ออกให้เมื่อยื่นผ่านระบบ จะต้องยื่นขอแก้ไขที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น ข้อ ๑๑ การให้บริการนี้ให้ถือว่ามีผลสมบูรณ์โดยไม่ต้องส่งเอกสารประกอบในการขออนุญาตต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยกเว้นสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีเหตุสงสัยและขอเรียกดู ข้อ ๑๒ กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ประสงค์จะเลิกใช้บริการหรือประสงค์จะให้ระงับสิทธิ์การใช้บริการของผู้รับมอบอํานาจที่มาดําเนินการแทนผู้ประกอบการ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน หมวด ๔ การระงับการให้บริการ ------------------------ ข้อ ๑๓ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาขอสงวนสิทธิ์ระงับการให้บริการทันที หากผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบกระทําผิดเงื่อนไขการให้บริการหรือใช้บริการนี้ไปในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือประเทศชาติหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนใดๆ จากการระงับการให้บริการของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หมวด ๕ ขั้นตอนการขออนุญาต ---------------------- ข้อ ๑๔ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการดังนี้ 14.1 เข้าระบบโดยการพิมพ์ชื่อผู้ใช้ระบบ (Login) และรหัสผ่าน (Password) 14.2 บันทึกข้อมูลคําขออนุญาตผ่านระบบ 14.3 ตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ยื่นตามข้อ 14.2 14.4 เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งผลการอนุมัติ และออกใบสั่งชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ประกอบการพิมพ์ใบสั่งชําระค่าธรรมgนียมใบอนุญาต และนําไปชําระเงินที่ธนาคารพาณิชย์หรือที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภายในกําหนดเวลาที่ระบุในใบสั่งชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 14.5 เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งผลการอนุมัติแล้ว กรณีมารับด้วยตนเองให้ผู้ประกอบการพิมพ์ใบนัดเพื่อนํามารับใบอนุญาตที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือรอรับใบอนุญาตทางไปรษณีย์ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้ในระบบ 14.6 กรณีคําขออนุญาตถูกเจ้าหน้าที่แจ้งยกเลิก ให้ตรวจสอบข้อความที่เจ้าหน้าที่แจ้งในระบบ และแก้ไขให้ถูกต้องก่อนยื่นคําขออีกครั้ง ข้อ ๑๕ กรณีระบบขัดข้องไม่สามารถยื่นคําขออนุญาตผ่านระบบได้ ให้ผู้ประกอบการยื่นคําขออนุญาต ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 (นายบุญชัย สมบูรณ์สุข) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,367
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2556
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2556 -------------------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในข้อ 23 วรรคสาม แห่งกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย จึงกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังนี้ ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ประกาศนี้ใช้เฉพาะกับผู้ประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๓ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการที่จะต้องปฏิบัติตามประกาศนี้ เพื่อให้การต่ออายุใบอนุญาตเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการและทางราชการ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นหากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น ผู้ประกอบการจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนใด ๆ มิได้ ข้อ ๔ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ หมวด ๑ ข้อความทั่วไป -------------------------- ข้อ ๕ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วย เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 “ผู้ประกอบการ” หมายความว่า ผู้ได้รับอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หมวด ๒ คุณสมบัติของผู้ขอใช้บริการ ----------------------------------- ข้อ ๖ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะใช้บริการ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าใช้งานในระบบสารสนเทศโลจิสติกส์ด้านวัตถุอันตราย ข้อ ๗ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะใช้บริการ ต้องมีใบอนุญาตที่มีชื่อผู้รับอนุญาต ที่ตั้งของสถานที่ติดต่อ และข้อมูลต่าง ๆ ในใบอนุญาตตรงตามข้อมูลที่ได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรณีที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลในใบอนุญาตต้องดําเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้แล้วเสร็จก่อนที่จะยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หมวด ๓ เงื่อนไขการให้บริการ ----------------------------- ข้อ ๘ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการที่ปรากฏในหมวด 3 แห่งประกาศนี้ โดยเคร่งครัด ข้อ ๙ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ต้องตรวจสอบและรับรองความถูกต้องในใบอนุญาตและรายการต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และต้องรับผิดทางอาญากรณีตรวจพบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ รวมทั้งต้องรับผิดทางแพ่งหากข้อมูลที่เป็นเท็จนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย ข้อ ๑๐ การแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดหลังพิมพ์รายการต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะต้องยื่นขอแก้ไขที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น ข้อ ๑๑ การให้บริการนี้ให้ถือว่ามีผลสมบูรณ์โดยไม่ต้องส่งเอกสารประกอบในการต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไวในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยกเว้นสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีเหตุสงสัยและขอเรียกดู ข้อ ๑๒ กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ประสงค์จะเลิกใช้บริการหรือประสงค์จะให้ระงับสิทธิ์การใช้บริการของผู้รับมอบอํานาจที่มาดําเนินการแทนผู้ประกอบการ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน หมวด ๔ การระงับการให้บริการ -------------------------------- ข้อ ๑๓ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาขอสงวนสิทธิ์ระงับการให้บริการทันที หากผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบกระทําผิดเงื่อนไขการให้บริการหรือใช้บริการนี้ไปในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือประเทศชาติหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนใด ๆ จากการระงับการให้บริการของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หมวด ๕ ขั้นตอนการขอต่ออายุใบอนุญาต ---------------------------------- ข้อ ๑๔ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบ ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการดังนี้ 14.1 เข้าระบบโดยการพิมพ์ชื่อผู้ใช้ระบบ (Login) และรหัสผ่าน (Password) 14.2 ยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตผลิต นําเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามแบบ วอ. 9 ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา 14.3 ตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ยื่นตามข้อ 14.2 14.4 เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งผลการรับคําขอต่ออายุและออกใบสั่งชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ประกอบการพิมพ์ใบสั่งชําระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตและนําไปชําระเงินที่ธนาคารพาณิชย์ ภายในกําหนดเวลาที่ระบุในใบสั่งชําระค่าธรรมเนียม 14.5 เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งผลการอนุมัติให้ต่ออายุใบอนุญาตแล้ว กรณีมารับด้วยตนเองให้พิมพ์ใบนัดเพื่อนํามารับรายการต่ออายุใบอนุญาตหรือใบอนุญาต ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือรอรับรายการต่ออายุใบอนุญาตหรือใบอนุญาตทางไปรษณีย์ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้ในระบบ 14.6 กรณีคําขอต่ออายุใบอนุญาตถูกเจ้าหน้าที่แจ้งยกเลิก ให้ตรวจสอบข้อความที่เจ้าหน้าที่แจ้งในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาต ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ ณ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสําหรับสถานประกอบการที่มีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ข้อ ๑๕ กรณีระบบเครือข่ายขัดข้องไม่สามารถต่ออายุใบอนุญาตผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ใช้ระบบดําเนินการต่ออายุใบอนุญาต ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ ณ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสําหรับสถานประกอบการที่มีสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น ๆ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,368
ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสำหรับภาคธุรกิจและประชาชน
ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจและประชาชน --------------------------------------------- ด้วยคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ได้มีมติรับทราบรายงานการถอดบทเรียนการดําเนินการของส่วนราชการและจังหวัดในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และเห็นชอบข้อเสนอแนะการบริหารงานและการให้บริการประชาชนกรณีเกิดสภาวะวิกฤตในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสาธารณชน โดยในประเด็นการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลเพื่อเป็นกลไกสําคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของภาครัฐทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต กําหนดให้คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางหรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลกลางภาครัฐ และผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐจัดทําข้อมูลหลักของหน่วยงาน (Master Data) โดยจัดทําแผนการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวและดําเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับการทํางานและการให้บริการภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มบริการแบบเบ็ดเสร็จและตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยเร่งพัฒนา Biz Portal และ Citizen Portal และกําหนดให้เป็นแพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจและประชาชน ตามมาตรา 10 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 7 (3) (9) และ (10) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 และมติคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 จึงให้ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจและประชาชน” ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอัยการ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและหน่วยงานอิสระของรัฐ “แพลตฟอร์มกลาง” หมายความว่า เครื่องมืออํานวยความสะดวกแก่หน่วยงานของรัฐในการเชื่อมโยงและการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนและการติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน ข้อ ๓ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางหรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลกลางภาครัฐ ให้แพลตฟอร์มต่อไปนี้ เป็นแพลตฟอร์มกลางของงานบริการภาครัฐสําหรับภาคธุรกิจและประชาชน ตามมาตรา 10 ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 (1) ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ (Government Data Exchange Center : GDX) (2) ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Data.go.th) (3) ศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) (4) ระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) ข้อ ๔ ให้หน่วยงานของรัฐดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ดําเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ (Government Data Exchange Center : GDX) และศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Data.go.th) โดยสามารถศึกษาบริการการเชื่อมโยงข้อมูลได้ทาง https://gdx.dga.or.th/ และการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลได้ทาง https://data.go.th/page (2) ดําเนินการเชื่อมโยงบริการของหน่วยงานสําหรับภาคธุรกิจ (ถ้ามี) กับศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) โดยสามารถศึกษาการเชื่อมโยงข้อมูลได้ทาง https://bizportal.go.th (3) ดําเนินการเชื่อมโยงบริการของหน่วยงานสําหรับภาคประชาชน (ถ้ามี) กับระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) โดยสามารถศึกษาการเชื่อมโยงข้อมูลได้ทาง https://www.dga.or.th/ourservices/one-stop-service/citizenportal/ หรือแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับหน่วยงานของรัฐตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
10,369
คำสั่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ 82/2549 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประจำด่านอาหารและยา เป็นผู้พิจารณาการนำเข้าวัตถุอันตราย
คําสั่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ 82/2549 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประจําด่านอาหารและยา เป็นผู้พิจารณาการนําเข้าวัตถุอันตราย -------------------------------------- ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการนําเข้าไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 เกี่ยวกับการแจ้งดําเนินการ การขออนุญาต และการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ.2548 วันที่ 27 ตุลาคม 2548 กําหนดให้การนําเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เพื่อวัตถุประสงค์ 5 กรณี ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแจ้งดําเนินการ หรือขออนุญาต หรือขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ฉะนั้น อาศัยอํานาจตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2545 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่กระทรวงสาธารณสุขมีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ วันที่ 26 มิถุนายน 2545 ข้อ 2 (13) (14) ที่กําหนดให้ นักวิชาการอาหารและยา เภสัชกรสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ประกอบความในมาตรา 32 มาตรา 36 และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา จึงมีคําสั่งดังนี้ ข้อ ๑ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประจําด่านอาหารและยา ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไปเป็นผู้พิจารณาในกรณีดังต่อไปนี้ (1) วัตถุอันตรายที่นําเข้ามาเพื่อใช้สอยส่วนบุคคล หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเป็นครั้งคราว (2) วัตถุอันตรายที่นําเข้ามาเพื่อการแสดงนิทรรศการ (3) วัตถุอันตรายที่นําเข้ามาเพื่อการศึกษาของสถาบันการศึกษา หรือเพื่อใช้ในงานศึกษาวิจัย (4) วัตถุอันตรายที่นําเข้ามาใช้โดยหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากลของการใช้วัตถุอันตรายนั้น (5) วัตถุอันตรายที่นําเข้าเพื่อส่งต่อให้กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐ สภากาชาดไทย คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดําเนินการของสหประชาชาติและทบวงการชํานัญพิเศษในประเทศไทย ทั้งนี้ การนําเข้าวัตถุอันตรายตาม (1) - (4) ข้างต้น ต้องมิใช่นําเข้ามาเพื่อการขาย ข้อ ๒ การพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการนําเข้าไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 เกี่ยวกับการแจ้งดําเนินการ การขออนุญาต และการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ.2548 วันที่ 27 ตุลาคม 2548 ข้อ ๓ เมื่อได้มีการพิจารณาดําเนินการแล้ว ให้ผู้พิจารณารายงานให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับทราบตามหลักเกณฑ์การรายงานผลการปฏิบัติงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กําหนดต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - สั่ง ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 (นายภักดี โพธิศิริ) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,370
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกำหนดหลักสูตรอบรม และหน่วยงานจัดอบรม ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง พ.ศ. 2559
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดหลักสูตรอบรม และหน่วยงานจัดอบรม ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง พ.ศ. 2559 ----------------------------- โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดหลักสูตรอบรมและหน่วยงานอบรมผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในข้อ 5 (3) ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาออกประกาศไว้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดหลักสูตรอบรมและหน่วยงานอบรมผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 ข้อ ๒ หลักสูตรอบรมผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ให้เป็นไปตามหลักสูตรผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง และหลักสูตรต่อเนื่องผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง แนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๓ หน่วยงานจัดอบรมต้องมีคุณสมบัติและสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) เป็นหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่สามารถจัดหาวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถให้การอบรมและทดสอบความรู้ตามหลักสูตรอบรมผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ตามข้อ 2 ได้ (2) เป็นหน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกําหนดให้เป็นหน่วยงานจัดอบรม ข้อ ๔ ให้หน่วยงานที่ประสงค์จะขอเป็นหน่วยงานจัดอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง หรือหลักสูตรต่อเนื่องผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ตามข้อ 3 ยื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดังต่อไปนี้ ก่อนจัดการอบรม ไม่น้อยกว่า 30 วัน (1) รายชื่อวิทยากร คุณวุฒิ และประวัติ (2) แผนการจัดอบรมรายปี และกําหนดช่วงเวลา (3) ตารางการอบรม เนื้อหาการอบรมตามหลักสูตร (4) คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม (5) ค่าลงทะเบียนการอบรม ข้อ ๕ หน่วยงานที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกําหนดให้เป็น หน่วยงานจัดอบรม แล้วต่อมามีความจําเป็นต้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตามข้อ 4 ให้ยื่นหนังสือเพื่อขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ก่อนการจัดอบรม เมื่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาแล้วเห็นควรให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่ง ให้ออกหนังสืออนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ข้อ ๖ ให้หน่วยงานจัดอบรมยื่นรายงานผลการอบรมต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาภายใน 30 วัน นับแต่วันเสร็จสิ้นการอบรม ข้อ ๗ หนังสือรับรองการอบรมหลักสูตรผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ให้เป็นไปตาม แบบ วอ./ผค.1 แนบท้ายประกาศนี้ และให้มีอายุใช้ใต้ 5 ปี นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง ข้อ ๘ ผู้ประสงค์จะเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่อเนื่องผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง จะต้องสมัครเข้ารับการอบรมภายใน 1 ปี ก่อนวันที่หนังสือรับรองหมดอายุ ข้อ ๙ หนังสือรับรองการอบรมหลักสูตรต่อเนื่องผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้างให้เป็นไปตาม แบบวอ./ผค.2 แนบท้ายประกาศนี้ และให้มีอายุใช้ได้ 5 ปี นับแต่วันที่หนังสือรับรองเดิมหมดอายุ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ( นายบุญชัย สมบูรณ์สุข ) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,371
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัว ที่ประกอบด้วยสารในกลุ่ม ALKALIS หรือ ALKALIS ผสม SURFACTANTS
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ทําความสะอาดภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัว ที่ประกอบด้วยสารในกลุ่ม ALKALIS หรือ ALKALIS ผสม SURFACTANTS ------------------------------ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความ เป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายที่ผลิต ขาย หรือมีไว้ในครอบครองในประเทศ ซึ่ง ประกอบด้วยสารในกลุ่ม ALKALIS หรือ ALKALIS ผสม SURFACTANTS ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการ ทําความสะอาดภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัว ต้องปฏิบัติตามข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 7 ของประกาศกระทรวง สาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามี อํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 และแสดงสาระสําคัญดังต่อไปนี้ (1) ประโยชน์ ใช้ทําความสะอาดภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัว (2) วิธีใช้ ผสมวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์กับน้ําในอัตราส่วน........ล้างภาชนะ หรือเครื่องใช้ในครัวแล้วล้างออกด้วยน้ําจนสะอาด (หรือแจ้งตามวิธีใช้จริง) (3) วิธีเก็บรักษา เก็บในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหารสัตว์เลี้ยง (4) คําเตือน 1. ห้ามรับประทาน 2. ระวังอย่าให้เข้าตา หรือถูกผิวหนัง หรือสูดดม 3. ขณะใช้ควรสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง และภายหลังการใช้หรือ หยิบจับ ควรล้างถุงมือยาง รองเท้ายาง และมือด้วยน้ํา และสบู่ ทุกครั้ง (แล้วแต่กรณี) 4. ห้ามทิ้งวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือภาชนะบรรจุลงในแม่น้ํา คลอง แหล่งน่าสาธารณะ (5) วิธีแก้พิษเบื้องต้น 1. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ําจํานวนมาก ๆ หากเปื้อน เสื้อผ้า ให้รีบถอดออก แล้วล้างร่างกายด้วยน้ําและสบู่ทุกครั้ง 2. หากเข้าตา ให้รีบล้างด้วยน้ําสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์ 3. หากได้รับพิษจากการสูดดม ให้รีบนําผู้ป่วยออกไปยังบริเวณที่มี อากาศถ่ายเทได้สะดวก 4. หากกลืนกินวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ ห้ามทําให้อาเจียน ให้ ดื่มน้ําหรือนมปริมาณมาก ๆ แล้วรีบนําผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมภาชนะบรรจุ ฉลาก หรือใบแทรกของวัตถุอันตราย/ ชื่อผลิตภัณฑ์ ข้อ ๒ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายตามข้อ 1 ที่นําเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกไป นอกราชอาณาจักร ให้ปฏิบัติตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องฉลากและระดับความเป็นพิษ ของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2545 วิชัย โชควิวัฒน (นายวิชัย โชควิวัฒน) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,372
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติของการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย เพื่อใช้รับจ้าง ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเว้นการปฏิบัติของการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย เพื่อใช้รับจ้าง ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ ------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม มาตรา 20 (1) มาตรา 20 (5) และมาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 39 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วัตถุอันตรายตามประกาศนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบตามประกาศกระทรวง อุตสาหกรรม ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๒ ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายที่เป็นผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาได้รับขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เพื่อใช้รับจ้างทําความสะอาด พาหนะ ทําความสะอาดหรือซักแห้งเครื่องนุ่งห่ม และกําจัดตัวเบียนภายนอกของ สัตว์เลี้ยง ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแจ้งการดําเนินการและการขออนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2547 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,373
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ในการละลายสารเคที่ใมีช้ลบคำผิด ประเภทผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่ประกอบด้วยสารในกลุ่ม HYDROCARBON SOLVENT
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ลบคําผิด ประเภทผลิตภัณฑ์สําเร็จรูป ที่ประกอบด้วย HYDROCARBON SOLVENT ------------------------ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 8 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและระดับความ เป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายที่ผลิต ขาย หรือมีไว้ในครอบครองในประเทศ ซึ่ง ประกอบด้วย HYDROCARBON SOLVENT ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการลบคําผิด ประเภท ผลิตภัณฑ์สําเร็จรูป ต้องปฏิบัติตามข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 7 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ฉลากและ ระดับความเป็นพิษของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 และแสดงสาระสําคัญดังต่อไปนี้ (1) ประโยชน์ ใช้ลบเพื่อแก้ไขคําผิด (2) วิธีใช้ 1.2.1 สําหรับชนิดป้าย เขย่าภาชนะบรรจุเปิดฝาจุกขวดแล้วป้ายวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ ตรงตําแหน่งที่ต้องการแก้ไข 1.2.1 สําหรับชนิดปากกา เขย่าภาชนะบรรจุ เปิดฝาจุกขวดแล้วป้ายวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ ตรงตําแหน่งที่ต้องการแก้ไข (หรือแจ้งตามวิธีใช้จริง) (3) วิธีเก็บรักษา ปิดฝาให้สนิท เก็บให้ห่างจากเด็ก เปลวไฟ หรือความร้อน (4) ค่าเดือน 1. ห้ามรับประทานหรือสูดดม 2. ระวังอย่าให้เข้าตา หรือถูกผิวหนัง (5) วิธีแก้พิษเบื้องต้น 1. หากเข้าตา รีบล้างด้วยน้ําสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์ 2. หากได้รับพิษจากการสูดดม ให้รีบนําผู้ป่วยออกไปยังบริเวณที่มี อากาศถ่ายเทได้สะดวก 3. หากกลืนกินวัตถุอันตราย/ชื่อผลิตภัณฑ์ ห้ามทําให้อาเจียน รีบนําส่งแพทย์ทันที พร้อมภาชนะบรรจุ ฉลาก หรือใบแทรกของ วัตถุอันตราย ชื่อผลิตภัณฑ์ ข้อ ๒ การแสดงฉลากของวัตถุอันตรายตามข้อ 1 ที่นําเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกไป นอกราชอาณาจักร ให้ปฏิบัติตามข้อ 2 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องฉลากและระดับความเป็นพิษ ของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2540 ภักดี โพธิศิริ (นายภักดี โพธิศิริ) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
10,374
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนจากปริมาณที่กำหนดไว้ของสารสำคัญในวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2555
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนจากปริมาณที่กําหนดไว้ของสาระสําคัญในวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2555 ----------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 20 (3) แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 7 (2) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบท บัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ออกประกาศกําหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนจากปริมาณ ที่กําหนดไว้ของสารสําคัญในวัตถุอันตรายที่ใช้ทางการสาธารณสุข เพื่อใช้เป็นเกณฑ์การวิเคราะห์ ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนจาก ปริมาณที่กําหนดไว้ของสารสําคัญในวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีอํานาจหน้าที่ รับผิดชอบ พ.ศ. 2538 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ข้อ ๒ เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนที่อนุญาตให้มีได้สําหรับวัตถุอันตรายประเภทเทคนิคอลเกรดที่ใช้ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุขที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลง สัตว์แทะ และสัตว์อื่น หรือเพื่อประโยชน์ในการดับกลิ่น ที่ระบุปริมาณ สารสําคัญเป็นค่าต่ําสุด จะต้องมีปริมาณสาระสําคัญไม่ต่ํากว่าที่ระบุไว้ ข้อ ๓ เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนของวัตถุอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่นํามาใช้เพื่อประโยชน์ในการ ฆ่าเชื้อโรคหรือกําจัดกลิ่นในสระว่ายน้ําที่มีสารสําคัญที่ให้คลอรีนซึ่งระบุปริมาณสารสําคัญเป็นค่าต่ําสุด จะต้องมีปริมาณสารสําคัญไม่ต่ํากว่าที่ระบุไว้ ข้อ ๔ เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนของวัตถุอันตรายในผลิตภัณฑ์ที่มีสารสําคัญที่ได้มาจากหรือเป็น ผลผลิตของเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ และป้องกันอันตรายแก่บุคคล โดยมุ่งหมาย ในการกําจัดตัวอ่อนของยุงหรือแมลง (microbial larvicides) ที่ระบุปริมาณของสารสําคัญเป็นค่าความแรง (biopotency) ในหน่วย International Toxic Units (ITU/mg product) จะต้องมีค่าความแรงไม่ต่ํากว่า ร้อยละ 90 ของค่าความแรงที่ระบุไว้ ข้อ ๕ เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนของวัตถุอันตรายอื่น ๆ ใช้เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนตามตาราง ดังต่อไปนี้ | | | | --- | --- | | ปริมาณของสารสําคัญในวัตถุอันตรายที่ระบุไว้เป็น ร้อยละของน้ําหนักต่อปริมาตร (%w/v) ที่ 20 - 2 องศาเซลเซียสหรือร้อยละของน้ําหนักต่อน้ําหนัก(% w/w) | เกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนที่อนุญาตให้มีได้จากปริมาณของสารสําคัญที่ระบุ | | มากกว่า 50% | ไม่เกิน + 2.5 กรัม/100 กรัมหรือ กรัม/100 มิลลิลิตร | | มากกว่า 25% ถึง 50% | ไม่เกิน + 5% | | มากกว่า 10% ถึง 25% | ไม่เกิน ± 6% | | มากกว่า 2.5% ถึง 10% | ไม่เกิน + 10% | | น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2.5% | ไม่เกิน + 15% สําหรับวัตถุอันตรายที่มี ลักษณะเป็นของเหลว และครีมไม่เกิน + 25% สําหรับวัตถุอันตรายที่มี ลักษณะเป็นของแข็ง ผง เกล็ด และเม็ด | ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 วิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,375
ประกาศสำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย เรื่อง หนังสือรับรองการจำหน่าย (Certificate of free sales: CFS) เพื่อประกอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายประเภท ป้องกัน ควบคุม ไล่ กำจัดแมลง สัตว์แทะและสัตว์อื่น
ประกาศสํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย เรื่อง หนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) เพื่อประกอบการนําเข้า ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายประเภทป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลง สัตว์แทะและสัตว์อื่น ---------------------------- โดยที่ข้อกําหนดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) ข้อ 4.4 ท้าย คําสั่งสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ 398/2544 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) เพื่อประกอบการนําเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ กําหนดให้กองผลิตภัณฑ์สามารถ กําหนดข้อความอื่นๆ ในรายละเอียดได้ ดังนั้น เพื่อให้การนําเข้าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายประเภทป้องกัน ควบคุม ไล่ กําจัดแมลง สัตว์แทะและ สัตว์อื่น ที่ต้องยื่นหนังสือรับรองการจําหน่ายประกอบการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย มีความเหมาะสม กับสถานการณ์ปัจจุบัน สํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย จึงออกประกาศกําหนดข้อความอื่น ที่ จะต้องระบุในหนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) ดังต่อไปนี้ ในหนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) นอกจากจะต้องมีรายละเอียดตาม ข้อกําหนดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการจําหน่าย (Certificate of Free Sale : CFS) ท้ายคําสั่งสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ที่ 398/2544 สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 และคําสั่งสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ที่ 122/2548 สั่ง ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 แล้ว จะต้องระบุชื่อและ ปริมาณสาระสําคัญของวัตถุอันตรายนั้นด้วย ผู้มีอํานาจลงนาม - ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554 (นายวัฒนา อัครเอกฒาลิน) ผู้อํานวยการสํานักควบคุมเครื่องสําอางและวัตถุอันตราย
10,376
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดแบบบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2561 ---------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 56 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย พ.ศ. 2538 ข้อ ๒ บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้ โดยให้มีขนาด 5.4 x 8.4 เซนติเมตร และใช้ได้ตามระยะเวลา ที่กําหนดไว้ในบัตรแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันออกบัตร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ขอมีบัตรประจําตัวยื่นคําขอตามแบบ บวอ.อย.1 ท้ายประกาศนี้ ต่อผู้ออกบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๓ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้ออกบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ (1) หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการ สําหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ในสังกัด (2) ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด สําหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของส่วนราชการซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนภูมิภาคนั้น ข้อ ๔ รูปถ่ายติดบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใช้รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน ก่อนวันยื่นคําขอมีบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ขนาด 2.5 X 3.0 เซนติเมตร ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาสีเข้ม แต่งเครื่องแบบปฏิบัติราชการ เครื่องแบบพิธีการ หรือเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งตนสังกัด ข้อ ๕ เมื่อบุคคลใดพ้นจากการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่หรือไม่มีสิทธิใช้บัตรประจําตัวพนักงาน เจ้าหน้าที่ ให้ส่งคืนบัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อหน่วยงานผู้ออกบัตร ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ พ้นจากการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่หรือไม่มีสิทธิใช้บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ ๖ บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ออกตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง บัตรประจําตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย พ.ศ. 2538 ให้ใช้ได้ต่อไป จนกว่าจะหมดอายุ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้บังคับใช้ ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,377
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และการมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2565
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต การนําเข้า การส่งออก การนําผ่าน และการมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2565 -------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 20 (1) และมาตรา 44 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในการประชุมครั้งที่ 5-1/2565 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิต การนําเข้า การส่งออก และการมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้าง ซึ่งวัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2555 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความใน มาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หมวด ๑ การผลิต -------------------- ข้อ ๔ ให้ผู้ผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 4.1 ปฏิบัติเกี่ยวกับสถานที่ อาคาร เครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ และภาชนะบรรจุในการผลิต ดังนี้ (1) สถานที่ผลิตวัตถุอันตรายต้องตั้งอยู่ในทําเลที่เหมาะสม อาคารมั่นคง แข็งแรง มีบริเวณเพียงพอ และมีการระบายอากาศที่เหมาะสมที่จะประกอบกิจการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายนั้น ๆ โดยคํานึงถึงความปลอดภัยในการประกอบการเป็นหลัก (2) ภายในอาคารผลิตวัตถุอันตรายควรแบ่งแยกบริเวณพื้นที่ในการผลิต แต่ละประเภทเป็นสัดส่วนโดยใช้เส้นหรือเครื่องหมายแสดงพื้นที่ให้เห็นได้อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการปะปน ของวัตถุอันตราย และพื้นของส่วนการผลิตวัตถุอันตรายต้องเรียบไม่กักขังหรือดูดซับสารเคมีใด ๆ (3) จัดให้มีแสงสว่างเพียงพอแก่สภาพการทํางานในบริเวณนั้น ๆ (4) จัดทําแผ่นป้ายที่สามารถเห็นได้ง่าย ดังนี้ “ห้ามสูบบุหรี่ ดื่มน้ํา รับประทานอาหารหรือเก็บอาหาร” ซึ่งมีข้อความภาษาไทย อย่างน้อย ในบริเวณที่ปฏิบัติงาน (5) จัดให้มีสถานที่สําหรับให้ผู้ปฏิบัติงานล้างมือ ล้างหน้า ก่อนรับประทานอาหาร หรือสถานที่สําหรับให้ผู้ปฏิบัติงานเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดปฏิบัติงานตามความเหมาะสม (6) จัดให้มีที่อาบน้ําฉุกเฉิน ที่ล้างตาฉุกเฉินตามความจําเป็นและเหมาะสม กับคุณสมบัติของวัตถุอันตรายและขนาดของการประกอบกิจการ เพื่อทําความสะอาดร่างกายขั้นต้น ดื่มน้ํา หรือสูบบุหรี่ เมื่อสัมผัสกับวัตถุอันตราย (7) สถานที่รับประทานอาหาร ดื่มน้ํา หรือสูบบุหรี่ที่จัดให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ต้องแยกเป็นสัดส่วนต่างหากจากสถานที่ปฏิบัติงาน (8) จัดให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ และภาชนะบรรจุ ที่เหมาะสมกับ ปริมาณและการผลิตแต่ละประเภท โดยเฉพาะภาชนะบรรจุหรือถังที่ใช้ในการผลิตจะต้องไม่เกิดปฏิกิริยา ทางเคมีกับวัตถุอันตรายที่ผลิต (9) จัดให้มีป้ายแสดงชื่อวัตถุอันตรายและสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายต่าง ๆ ตามคุณสมบัติของวัตถุอันตรายนั้น ไว้ที่อุปกรณ์การผลิตในขณะปฏิบัติงาน (10) ทําความสะอาดเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ หลังจากการปฏิบัติงาน เกี่ยวกับวัตถุอันตรายแต่ละชนิดเสร็จสิ้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนหรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ที่ไม่เหมาะสมเมื่อจะผลิตวัตถุอันตรายอื่นต่อไป (11) มีวิธีการป้องกันมิให้วัตถุอันตรายรั่วไหลจากอุปกรณ์ในการผลิต ในลักษณะที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน (12) ภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายต้องมั่นคงแข็งแรง ไม่รั่วไหล สะดวกต่อการขนย้าย ไม่ชํารุดเสียหาย แตกหัก หรือบุบสลายได้ง่าย และไม่มีปฏิกิริยาทางเคมีกับวัตถุอันตรายที่บรรจุอยู่ภายใน (13) จัดให้มีระบบที่ดีและเหมาะสมเพื่อป้องกันกําจัด กลิ่น ละออง ไอระเหย ฝุ่นผงของวัตถุอันตราย โดยระบบดังกล่าวจะต้องสามารถป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่บริเวณ ใกล้เคียง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคล และทรัพย์สิน (14) ในกรณีที่มีการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือสิ่งใด ๆ จากสถานที่ผลิต วัตถุอันตรายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต้องดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (ก) จัดให้มีถังหรือบ่อพักสําหรับกักเก็บน้ําทิ้งจากการประกอบกิจการ เพื่อรอการบําบัดหรือจัดสร้างระบบบําบัดน้ําทิ้งที่มีประสิทธิภาพโดยสามารถบําบัดน้ําทิ้งให้มีคุณลักษณะ เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานเกี่ยวกับการระบายน้ําทิ้ง ทั้งนี้ ต้องไม่ใช้วิธีทําให้เจือจาง (ข) จัดให้มีระบบกําจัดอากาศเสียจากการประกอบกิจการที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถทําให้อากาศที่ระบายออกมานั้นมีปริมาณของสารเจือปนไม่เกินกว่าค่าที่กําหนดตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานเกี่ยวกับปริมาณของสารเจือปนในอากาศ ที่ระบายออกมา ทั้งนี้ ต้องไม่ใช้วิธีทําให้เจือจาง (ค) การทําลายภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายรวมทั้งเศษเหลือของ วัตถุอันตรายต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมกับวัตถุอันตรายและห้ามมิให้มีการทําลายสิ่งเหล่านั้นในบริเวณ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม 4.2 จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยสําหรับผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ผลิต ดังนี้ (1) จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามคุณสมบัติ ของวัตถุอันตรายเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้ (ก) เสื้อผ้าชุดปฏิบัติงาน (ข) หมวก ถุงมือ รองเท้า (ค) หน้ากาก และ แว่นตา ป้องกันสารเคมี (ง) สิ่งกันเปื้อนที่ป้องกันการสัมผัสวัตถุอันตราย (2) จัดให้มีเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ของ วัตถุอันตรายและสารเคมีอื่นที่เป็นองค์ประกอบในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่อยู่ในสถานที่เก็บ หรือ สถานที่ปฏิบัติงานนั้น (3) จัดให้มีการอบรมชี้แจงแนะนําผู้ปฏิบัติงาน ให้เข้าใจถึงอันตราย อันอาจ เกิดขึ้นได้ในขณะปฏิบัติงาน วิธีระมัดระวังป้องกันอันตราย การแก้ไข และการฝึกอบรม เพื่อป้องกัน เหตุฉุกเฉินให้พนักงานทุกคนอย่างน้อยปีละครั้ง (4) จัดให้มีการตรวจสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อป้องกัน อันตรายจากการมีวัตถุอันตรายสะสมอยู่ในร่างกาย และถ้าเป็นการปฏิบัติงานเกี่ยวกับวัตถุอันตราย ที่มีสารประกอบออร์กาโนฟอสเฟตหรือสารคาร์บาเมต ต้องตรวจวิเคราะห์หาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสด้วย พร้อมทั้งจัดทําทะเบียนประวัติสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานแต่ละราย และหากตรวจพบความผิดปกติ อันเนื่องจากการปฏิบัติงานกับวัตถุอันตราย ต้องจัดให้ผู้นั้นได้รับการรักษาหรือไปปฏิบัติงานอื่น ตามความเหมาะสม (5) ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัติงาน หรือเมื่อมีวัตถุอันตรายรั่วไหล หรือ ฟุ้งกระจาย ผู้ผลิตหรือผู้ซึ่งควบคุมการปฏิบัติงานต้องให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทํางานในบริเวณนั้นหรือ บริเวณใกล้เคียงหยุดทํางานและออกไปให้พ้นรัศมีที่อาจได้รับอันตรายและดําเนินการให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและแก้ไขโดยมิชักช้า (6) จัดให้มีเครื่องปฐมพยาบาลพร้อมทั้งคําแนะนําวิธีปฐมพยาบาล ที่เหมาะสมกับประเภทของวัตถุอันตรายและขนาดของการประกอบกิจการ 4.3 จัดให้มีบันทึกการผลิตวัตถุอันตรายแต่ละครั้งของการผลิต โดยแบบบันทึก การผลิตอย่างน้อยต้องแสดง วัน เดือน ปีที่ผลิต ชื่อผลิตภัณฑ์ เลขที่ครั้งที่ผลิต ปริมาณการผลิตปริมาณวัตถุดิบที่ใช้พร้อมรุ่นที่ผลิต (ถ้ามี) และลายมือชื่อของผู้ควบคุมในการผลิต และให้เก็บบันทึก การผลิตไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ 4.4 ให้แจ้งปริมาณการผลิตวัตถุอันตรายในรอบหนึ่งปีปฏิทินให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ทราบภายในวันที่ 31 มกราคมของปีถัดไป ตามแบบ วอ./สธ 13 ท้ายประกาศนี้ โดยวิธีการแจ้ง อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) แจ้ง ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือแจ้งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับก็ได้และให้ถือวันที่ไปรษณีย์ประทับตราลงทะเบียนเป็นวันแจ้ง (2) แจ้งผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา 4.5 จัดให้มีฉลากขนาดใหญ่พอสมควรปิดไว้ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุ วัตถุอันตรายโดยให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยฉลากของวัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ และประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยระบบการจําแนก และ การสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ข้อ ๕ ให้ผู้ผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ต้องจัดให้มีการควบคุม และ การตรวจสอบพร้อมทั้งการบันทึกไว้ ดังต่อไปนี้ 5.1 การควบคุมและการตรวจสอบกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ 5.2 การตรวจสอบภาชนะบรรจุทั้งก่อนและหลังจากที่บรรจุวัตถุอันตรายแล้วให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยตามที่กําหนดไว้ในข้อ 4.1 (12) 5.3 การตรวจสอบฉลากที่จะปิดบนภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายให้ถูกต้องตรง ตามประเภทของวัตถุอันตรายที่ผลิต และติดแน่นบนภาชนะบรรจุแต่ละชนิดโดยไม่หลุดง่าย เพื่อมิให้ ปิดฉลากผิด ให้จัดเก็บบันทึกการควบคุมและการตรวจสอบตามข้อ 5 ไว้รวมกับบันทึกการผลิตตามข้อ 4.3 เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี เพื่อเป็นหลักฐานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ หมวด ๒ การนําเข้า ------------------------ ข้อ ๖ ให้ผู้นําเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 6.1 แจ้งการนําเข้าวัตถุอันตราย และให้ผ่านการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ด่านอาหารและยาของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาในแต่ละครั้งที่นําเข้า 6.2 แจ้งปริมาณวัตถุอันตรายที่นําเข้าในรอบหนึ่งปีปฏิทินให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ทราบภายในวันที่ 31 มกราคมของปีถัดไป ตามแบบ วอ./สธ 23 ท้ายประกาศนี้ โดยวิธีการแจ้ง อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) แจ้ง ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือแจ้งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับก็ได้และให้ถือวันที่ไปรษณีย์ประทับตราลงทะเบียนเป็นวันแจ้ง (2) แจ้งผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๗ ขณะนําเข้าให้ผู้นําเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 จัดให้มีใบรับรองผล วิเคราะห์ (Certificate of Analysis) ของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่นําเข้าแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ด่านอาหารและยา และให้จัดเก็บใบรับรองผลวิเคราะห์นี้ไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี เพื่อเป็น หลักฐานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ หมวด ๓ การส่งออก ----------------------- ข้อ ๘ ให้ผู้ส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 แจ้งปริมาณวัตถุอันตรายที่ส่งออก ในรอบหนึ่งปีปฏิทินให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายในวันที่ 31 มกราคมของปีถัดไป ตามแบบ วอ./สธ 14 ท้ายประกาศนี้ โดยวิธีการแจ้งอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 8.1 แจ้ง ณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือแจ้งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับก็ได้และให้ถือวันที่ไปรษณีย์ประทับตราลงทะเบียนเป็นวันแจ้ง 8.2 แจ้งผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หมวด ๔ การนําผ่าน -------------------------- ข้อ ๙ ให้ผู้นําผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 9.1 ควบคุมกํากับดูแลไม่ให้วัตถุอันตรายสูญหายหรือไม่ให้มีการนําวัตถุอันตรายไปใช้โดยมิชอบ 9.2 ควบคุมกํากับดูแลไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงการนําผ่านวัตถุอันตราย ไปยัง จุดหมายอื่นที่ไม่ได้ระบุในใบนําผ่านที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกให้ ข้อ ๑๐ ในระหว่างการนําผ่านวัตถุอันตราย ให้ผู้นําผ่านวัตถุอันตรายควบคุมกํากับดูแล ไม่ให้มีการแปรรูปหรือเปลี่ยนสภาพวัตถุอันตรายให้เป็นอย่างอื่นหรือเปลี่ยนภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุ วัตถุอันตราย เว้นแต่การดําเนินการในกรณีที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อแตกหรือชํารุดให้คืนกลับอยู่ใน สภาพเดิมหรือเทียบเท่าเดิม หมวด ๕ การมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้าง ----------------------- ข้อ ๑๑ ให้ผู้มีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 11.1 ปฏิบัติเกี่ยวกับบุคลากรและการให้บริการ ดังนี้ (1) จัดให้มีผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง โดยให้เป็นไป ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยผู้ควบคุมการใช้วัตถุอันตรายเพื่อใช้รับจ้าง ซึ่งออกตามความใน มาตรา 20 (2) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 (2) จัดให้มีการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ที่ถูกต้องกับลักษณะงาน ที่ปฏิบัติและเข้าใจถึงพิษภัยของวัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และจัดให้มีหลักฐาน การเข้ารับการอบรมของผู้ปฏิบัติงานไว้ด้วย (3) ใช้วัตถุอันตรายที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีฉลากที่ครบถ้วนและตรง ตามวัตถุประสงค์ของวัตถุอันตรายชนิดนั้น ๆ (4) จัดให้มีการปฏิบัติตามข้อความของฉลากด้วยความระมัดระวัง มิให้เกิด อันตรายแก่ บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อม (5) ต้องสื่อสารข้อมูลความเป็นอันตราย หรือให้แจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายที่ใช้ปฏิบัติงานให้บริการหรือครอบครองแก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้รับบริการ เช่น การส่งมอบฉลาก เอกสารข้อมูลความปลอดภัย หรือรายละเอียดของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายตามที่ผู้ผลิตหรือผู้นําเข้าจัดทําขึ้น (6) จัดให้มีภาชนะหรือเครื่องมือที่เหมาะสมและปลอดภัยสําหรับแบ่ง วัตถุอันตรายที่จะนําไปใช้ พร้อมทั้งระบุชื่อวัตถุอันตรายให้เห็นชัดเจนไว้บนภาชนะที่ใช้ประจํากับ วัตถุอันตรายชนิดนั้นและมีภาชนะรองรับป้องกันการหกรดขณะแบ่งถ่ายวัตถุอันตราย (7) ดูแลรักษา ทําความสะอาดเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย มิให้มีการรั่วไหลของวัตถุอันตรายออกจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ขณะใช้งาน (8) ต้องจัดการกับวัตถุอันตรายที่เหลือใช้แล้ว ภาชนะบรรจุ สิ่งที่สัมผัส กับวัตถุอันตรายให้ถูกต้องและปลอดภัยตามประเภทของวัตถุอันตรายนั้น ๆ โดยคํานึงถึงวิธีการที่ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ระบุไว้ (9) จัดให้มีการป้องกันกําจัดกลิ่น ละออง ไอระเหยของวัตถุอันตราย มิให้เกิดเหตุเดือดร้อนรําคาญหรืออันตรายต่อผู้อยู่ข้างเคียง บุคคลหรือทรัพย์สิน และจัดให้มีแผ่นป้าย คําว่า “อันตรายห้ามเข้า” หรือ “สถานที่มีการใช้วัตถุอันตราย” ขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจนสําหรับ ปิดแสดงไว้บริเวณทางเข้าสถานที่ พื้นที่อาคาร ที่มีการใช้วัตถุอันตรายในการใช้รับจ้าง (10) จัดให้มีวัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและปริมาณเพียงพอในการดูดซับ วัตถุอันตรายที่อาจรั่วไหล เช่น ขี้เลื่อย ทราย เป็นต้น และนําไปกําจัดทําลายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ (11) จัดให้มีสบู่และน้ําไว้ให้ผู้สัมผัสวัตถุอันตรายใช้ชําระล้าง (12) ให้ผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงออกจากบริเวณที่จะได้รับอันตรายจากการใช้วัตถุอันตรายดังกล่าวขณะปฏิบัติงาน 11.2 จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยสําหรับผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้ (1) จัดให้มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้ (ก) เสื้อผ้าชุดปฏิบัติงาน (ข) หมวก ถุงมือ รองเท้า (ค) หน้ากาก และแว่นตาป้องกันสารเคมี (ง) สิ่งกันเปื้อนที่ป้องกันการสัมผัสวัตถุอันตราย (2) จัดให้มีชุดปฐมพยาบาล พร้อมทั้งคําแนะนําวิธีการปฐมพยาบาล ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้ใช้ทันที (3) จัดให้มีการตรวจสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายจากการมีวัตถุอันตรายสะสมอยู่ในร่างกาย และถ้าเป็นการปฏิบัติงานเกี่ยวกับ วัตถุอันตรายที่มีสารประกอบออร์กาโนฟอสเฟตหรือสารคาร์บาเมต ต้องตรวจวิเคราะห์หาระดับเอนไซม์ โคลีนเอสเตอเรสด้วยพร้อมทั้งจัดทําทะเบียนประวัติสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานแต่ละราย และหากตรวจพบ ความผิดปกติอันเนื่องจากการปฏิบัติงานกับวัตถุอันตราย ต้องจัดให้ผู้นั้นได้รับการรักษาหรือ ไปปฏิบัติงานอื่นตามความเหมาะสม 11.3 จัดให้มีเอกสารเกี่ยวกับความปลอดภัยและเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับ การปฏิบัติงาน ดังนี้ (1) จัดทําสัญญาในการให้บริการเป็นลายลักษณ์อักษร โดยอย่างน้อย ต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเลขที่ใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย รายชื่อ วัตถุอันตรายที่ใช้พร้อมเลขทะเบียนวัตถุอันตราย รวมทั้งอาการเกิดพิษ วิธีแก้พิษและคําเตือน (2) จัดให้มีเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) และ ข้อแนะนําความปลอดภัย เช่น คําเตือน วิธีป้องกัน อาการเกิดพิษ วิธีแก้พิษ ประจํายานพาหนะ ขณะขนส่งวัตถุอันตรายทุกชนิด (3) จัดให้มีเอกสารแสดงวิธีการใช้ การป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อม (4) จัดให้มีบันทึกเกี่ยวกับสถานที่ที่ไปให้บริการโดยอย่างน้อยประกอบด้วย วันที่ให้บริการ ชื่อผู้ว่าจ้าง ชื่อผลิตภัณฑ์และเลขทะเบียนวัตถุอันตราย ปริมาณที่ใช้ อัตราส่วนการผสมที่ตั้งสถานที่ไปให้บริการ และชื่อผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ให้เก็บบันทึกไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ หมวด ๖ การเก็บรักษา ---------------------- ข้อ ๑๒ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 หรือผู้ส่งออก ผู้มีไว้ในครอบครองเพื่อใช้รับจ้างวัตถุอันตราย ชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ต้องดําเนินการ ดังต่อไปนี้ 12.1 ต้องมีสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายที่สามารถป้องกันมิให้เกิดเหตุรําคาญ และเกิดอันตรายหรือความเสียหายต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อม 12.2 ต้องมีที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายเฉพาะตามคุณสมบัติของวัตถุอันตรายมีขนาด และลักษณะเหมาะสมกับคุณสมบัติและปริมาณที่ขออนุญาต สะดวกแก่การขนย้ายวัตถุอันตรายเข้าและออก 12.3 ในบริเวณทางเข้าอาคารหรือส่วนของอาคารที่เป็นสถานที่เก็บรักษา วัตถุอันตราย ให้มีแผ่นป้ายคําว่า “วัตถุอันตราย” ด้วยอักษรสีแดงบนพื้นสีขาว โดยแผ่นป้ายและตัวอักษร ต้องมีขนาดที่เหมาะสมและเห็นได้ชัดเจน 12.4 ในบริเวณที่เก็บรักษาวัตถุอันตราย ต้องจัดให้มีแผ่นป้ายที่สามารถเห็นได้ง่าย ซึ่งมีข้อความภาษาไทย อย่างน้อย ดังนี้ “ห้ามสูบบุหรี่ ดื่มน้ํา รับประทานอาหารหรือเก็บอาหาร 12.5 ในบริเวณที่เก็บรักษาวัตถุอันตราย ต้องจัดให้มีแผ่นป้ายคําเตือนถึงอันตราย โดยมีข้อความของแผ่นป้ายคําเตือนตามท้ายประกาศนี้ และจัดให้มีสัญลักษณ์แสดงอันตรายของ วัตถุอันตรายอันเป็นที่ทราบโดยทั่วไป เช่น สัญลักษณ์สารกัดกร่อน สารไวไฟ สารพิษ เป็นต้น 12.6 จัดให้มีเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet) ของวัตถุอันตรายที่อยู่ในสถานที่เก็บหรือสถานที่ปฏิบัติงานนั้น 12.7 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัติงาน หรือเมื่อมีวัตถุอันตรายรั่วไหล หรือ ฟุ้งกระจาย ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก ผู้มีไว้ในครอบครอง หรือผู้ซึ่งควบคุมการปฏิบัติงาน ต้องให้ผู้ปฏิบัติงาน ทุกคนที่ทํางานในบริเวณนั้น หรือบริเวณใกล้เคียงหยุดทํางานและออกไปให้พ้นรัศมีที่อาจได้รับอันตราย และดําเนินการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขโดยมิชักช้า 12.8 จัดให้มีการอบรมชี้แจงแนะนําผู้ปฏิบัติงานให้เข้าใจถึงอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้ ในขณะปฏิบัติงาน วิธีระมัดระวังป้องกันอันตราย การแก้ไข และการฝึกอบรมเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ให้พนักงานทุกคนอย่างน้อยปีละครั้ง 12.9 จัดให้มีที่อาบน้ําฉุกเฉิน ที่ล้างตาฉุกเฉินตามความจําเป็นและเหมาะสม กับคุณสมบัติ และปริมาณของวัตถุอันตรายและขนาดของการประกอบกิจการ เพื่อทําความสะอาดร่างกาย ขั้นต้นเมื่อสัมผัสกับวัตถุอันตราย 12.10 จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลตามความจําเป็นและเหมาะสม กับการปฏิบัติงานและต้องมีมาตรการสําหรับการดูแลรักษาเครื่องป้องกันอันตรายดังกล่าวให้อยู่ในสภาพ เรียบร้อยพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา 12.11 จัดให้มีเครื่องปฐมพยาบาลพร้อมทั้งคําแนะนําวิธีปฐมพยาบาลที่เหมาะสม กับประเภทของวัตถุอันตรายและขนาดของการประกอบกิจการ 12.12 จัดให้มีเครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ สําหรับป้องกัน ควบคุม ระงับ หรือบรรเทาอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นตามความจําเป็นและเหมาะสมกับประเภทของวัตถุอันตรายและขนาด ของการประกอบกิจการ และต้องมีมาตรการสําหรับการดูแลรักษาเครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ดังกล่าว ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
10,378
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 283)
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 283) อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 598) พ.ศ. 2559 ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559 อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (413) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(413) ฝ่ายวิจัยและพัฒนา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ํา (องค์การมหาชน)” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (721) (722) (723) และ (724) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 “(721) แผนกวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ของ บริษัท ไบโอม จํากัด (722) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท โกลว์ พาวเวอร์ เทคโนโลยี จํากัด (723) แผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ฟอร์แคร์ อินโน จํากัด (724) ฝ่ายวิจัย บริษัท ควอนตัมเทคโนโลยีฟาวเดชั่น (ประเทศไทย) จํากัด” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณีดังต่อไปนี้ (413) ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป (721) ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (722) ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (723) ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (724) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,379
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 433) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 433) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้ ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 760) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” หมายความว่า โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) “คาร์บอนเครดิต” หมายความว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้จากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคํานวณในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ข้อ ๒ การคํานวณกําไรสุทธิและขาดทุนสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้คํานวณตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากรโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องคํานวณกําไรสุทธิของรายได้จากการดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในแต่ละโครงการแยกต่างหากออกจากรายได้จากการประกอบกิจการอื่นเป็นเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน หากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีผลขาดทุนสุทธิให้คงผลขาดทุนสุทธิไว้ในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่านั้น กรณีรายจ่ายใดไม่สามารถแยกกันได้โดยชัดแจ้งว่าเป็นรายจ่ายของรายได้จากการดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือเป็นรายจ่ายของรายได้จากการประกอบกิจการอื่น ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวเฉลี่ยรายจ่ายตามส่วนของรายได้ระหว่างรายได้จากการดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละโครงการ และรายได้จากการประกอบกิจการอื่นในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น ข้อ ๓ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งดําเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและประสงค์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 760) พ.ศ. 2566 แยกยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ พร้อมทั้งบัญชีทําการและบัญชีกําไรขาดทุนของแต่ละโครงการ สําหรับบัญชีงบดุลของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ให้ยื่นพร้อมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสําหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือยื่นพร้อมแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในกิจการอื่นก็ได้ ทั้งนี้ ให้ใช้เลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรเดียวกันในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นั้น ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,380
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 66) เรื่อง กำหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
ประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 66) เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. ๒๕47 และข้อ 4 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสรรพากรจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (128) ของข้อ 1 ของประกาศกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กําหนดกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2547 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 134) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2548 “(128) กองทุนสวัสดิการสํานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับการบริจาคให้แก่กองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการที่ได้รับการประกาศตามประกาศนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,381
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย
คําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.354/2566 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร และกฎกระทรวงฉบับที่ 144 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 389 (พ.ศ. 2566) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ อธิบดีกรมสรรพากรสั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตรา ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 3/1 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากที่ระบุใน (2) หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตาม มาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 3/2 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากที่ระบุใน (2) หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินเฉพาะที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือ สิทธิอย่างอื่น ที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (1/1) ของข้อ 6 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นอกจากที่ระบุใน (4) หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (2/1) ของข้อ 6 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(2/1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย นอกจากที่ระบุใน (3) และ (4) หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 7 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากที่ระบุใน (2) เฉพาะที่เป็นผู้มีภูมิลําเนาในประเทศไทย หรืออยู่ในประเทศไทย หรือประกอบกิจการในประเทศไทยแล้วแต่กรณี หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 8 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะค่าจ้างทําของที่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากร หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความใน (2/2) ของข้อ 8 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(2/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความใน (3/2) ของข้อ 8 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(3/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีสํานักงานสาขาตั้งอยู่เป็นการถาวรในประเทศไทย หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความใน (1/1) ของข้อ 9 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษี เงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม เฉพาะที่เป็นรางวัลในการประกวด การแข่งขัน การชิงโชค หรือการอื่นใดอันมีลักษณะทํานองเดียวกัน หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความใน (ค) ใน (2) ของข้อ 9 ของคําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(ค) กรณีมีภูมิลําเนาอยู่ในประเทศไทย หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น 10/1 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 “ข้อ 10/1 ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าโฆษณาให้แก่ผู้รับซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคลแต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๒ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 12/1 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความใน (2/2) ของข้อ 12/1 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(2/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึง มูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๔ ให้ยกเลิกความใน (1/2) ของข้อ 12/2 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1/2) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๕ ให้ยกเลิกความใน (2/2) ของข้อ 12/2 ของคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. 336/2564 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2564 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(2/2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคม หักภาษี ณ ที่จ่าย สําหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 และได้ดําเนินการนําส่งภาษีด้วยวิธีการที่กําหนดตามมาตรา 3 ปัณรส แห่งประมวลรัษฎากร โดยคํานวณหักไว้ในอัตราร้อยละ 1.0” ข้อ ๑๖ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม สั่ง ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,382
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ และมาตรา ๑๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นพ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ ก.ศป. ออกประกาศรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น โดยกําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับตําแหน่งที่คัดเลือก คุณสมบัติของผู้สมัครการสมัคร ขั้นตอนการคัดเลือก การรับฟังความคิดเห็น การประเมินผลการคัดเลือก และการประกาศผลการคัดเลือก ข้อ ๔ การคัดเลือกบุคคลทั่วไปเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นให้ดําเนินการโดยวิธีตรวจสอบคุณสมบัติ ตรวจสุขภาพ ทดสอบความรู้ความสามารถและความเหมาะสมโดยการทดสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์ พิจารณาหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ และรับฟังความคิดเห็นของบุคคลในแวดวงกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดําเนินการตามวรรคหนึ่ง และเมื่อ ก.ศป. ได้คัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ให้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกดังกล่าวโดยเปิดเผย ข้อ ๕ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการศาลปกครองชั้นต้นซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสามปี และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๖ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๗ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๘ ภายในระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ หากมีความจําเป็นหรือมีเหตุอันสมควรหรือเป็นกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๕ ข้อ ๖ หรือข้อ ๗ ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๙ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ หรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ อื่นๆ ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,383
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ วรรคสาม และมาตรา ๑๙/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๔ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด และผลของการอบรมเป็นไปตามมาตรฐานของ ก.ศป. ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบและความประพฤติเหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง เพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการ ศาลปกครองชั้นต้น แล้วเสนอรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง การพิจารณาเสนอรายชื่อเพื่อนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นตามวรรคหนึ่ง ให้ ก.ศป. พิจารณาจากลําดับรายชื่อผู้ได้รับ การคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด ข้อ ๕ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นหรือตําแหน่ง ที่เทียบเท่า ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่ง ไม่น้อยกว่าสามปี เป็นผู้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๖ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นหรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี เป็นผู้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๗ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือตําแหน่งที่เทียบเท่า ซึ่งมีระยะเวลา การดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี เป็นผู้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด และเป็นผู้มี ความรู้ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๘ หากมีความจําเป็นหรือมีเหตุอันสมควรหรือเป็นกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนด ในข้อ ๕ ข้อ ๖ หรือข้อ ๗ ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นผู้มีความรู้ ความสามารถและมีความเหมาะสมเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า แล้วแต่กรณี ข้อ ๙ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมตุลาการศาลปกครอง
10,384
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๔" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดให้คัดเลือกจากบุคคลทั่วไปและจากตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๔ ให้ ก.ศป. ออกประกาศรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยกําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับตําแหน่งที่คัดเลือกคุณสมบัติของผู้สมัคร การสมัคร ขั้นตอนการคัดเลือก การประเมินผลการคัดเลือก และการประกาศผลการคัดเลือก ข้อ ๕ การคัดเลือกบุคคลทั่วไปเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้ดําเนินการโดยวิธีตรวจสอบคุณสมบัติ ตรวจสุขภาพ พิจารณาหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ ทดสอบความรู้ความสามารถและความเหมาะสมโดยการสอบสัมภาษณ์ และรับฟังความคิดเห็นของบุคคลในแวดวงกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดิน การคัดเลือกผู้สมัครจากตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากผู้ดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น โดยให้พิจารณาผลงานทางคดีปกครองหรือผลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับคดีปกครอง ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดําเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง แล้วเสนอความเห็นต่อ ก.ศป. และเมื่อ ก.ศป. ได้คัดเลือกผู้จะดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดเรียบร้อยแล้วให้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกดังกล่าวโดยเปิดเผย ข้อ ๖ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ให้ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสามปีและเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๗ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป.พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๘ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป.พิจารณาคัดเลือกจากรองประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๙ กรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๖ ข้อ ๗ หรือข้อ ๘ ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๑ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,385
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุดตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ กรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๖ ข้อ ๗ หรือข้อ ๘ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดผู้มีความรู้ความสามารถและมีความเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี” ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,386
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธาน ศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ และมาตรา ๑๕/๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุดตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๔ การคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดให้คัดเลือกจากตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นและจากบุคคลซึ่งมิได้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองในขณะนั้น ข้อ ๕ การคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาจากผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่เทียบเท่า โดยพิจารณาตามลําดับอาวุโสและระยะเวลาการดํารงตําแหน่ง ประกอบกับความรู้ความสามารถ ความรับผิดชอบ ความเหมาะสม ประวัติและผลงานการปฏิบัติราชการ และประโยชน์ของทางราชการเป็นสําคัญ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกนั้น เว้นแต่มีอายุราชการคงเหลือไม่เกินหนึ่งปีนับจากวันสิ้นปีงบประมาณที่ดําเนินการคัดเลือก หรือมีเหตุจําเป็นอื่นตามที่ ก.ศป. เห็นสมควร ผู้ดํารงตําแหน่งที่จะได้รับการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งนับถึงวันสิ้นปีงบประมาณที่ดําเนินการคัดเลือก ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี (๒) เป็นรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (๓) เป็นตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดปี ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองโอนไปดํารงตําแหน่งเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง และต่อมาโอนกลับเข้ามาดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง ให้นําระยะเวลาที่โอนไปดํารงตําแหน่งเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองและลําดับอาวุโสมานับและเทียบรวมเป็นระยะเวลาการดํารงตําแหน่งนั้น ๆ ด้วย กรณีมีความจําเป็นหรือมีเหตุอันควรที่จะต้องดําเนินการเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ราชการศาลปกครอง ก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ยกเว้นความในวรรคหนึ่งและวรรคสองได้ การเสนอรายชื่อผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ให้เสนอรายชื่อตามลําดับอาวุโสในขณะดํารงตําแหน่งตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๖ การคัดเลือกบุคคลซึ่งมิได้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองในขณะนั้นเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดให้ดําเนินการโดยวิธีตรวจสอบคุณสมบัติ ตรวจสุขภาพพิจารณาหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ ทดสอบความรู้ความสามารถ และความเหมาะสมโดยการสอบสัมภาษณ์ และรับฟังความคิดเห็นของบุคคลในแวดวงกฎหมาย และการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ ก.ศป. ออกประกาศรับสมัครบุคคลซึ่งมิได้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองในขณะนั้นเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยกําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับตําแหน่งที่คัดเลือก คุณสมบัติของผู้สมัคร การสมัคร ขั้นตอนการคัดเลือก การประเมินผลการคัดเลือก และการประกาศผลการคัดเลือก การเสนอรายชื่อผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้เสนอรายชื่อเรียงตามลําดับคะแนนของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกตามประกาศผลการคัดเลือก ข้อ ๗ ให้มีคณะอนุกรรมการดําเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด คณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ทุกคน เป็นอนุกรรมการ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นเลขานุการ และให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งอาจเสนอความเห็นให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดอื่นเพิ่มเติม เพื่อช่วยดําเนินการตามข้อ ๕ และข้อ ๖ เมื่อดําเนินการเสร็จแล้วให้คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง เสนอผลการคัดเลือกต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และประกาศรายชื่อผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดโดยเปิดเผย ข้อ ๘ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๙ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับ ความรู้ความสามารถและความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๑๐ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๑๑ การคัดเลือกผู้ดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกจากรองประธาน ศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมที่จะดํารงตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๑๒ กรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ หรือข้อ ๑๑ ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือประธานศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๒/๑ ให้มีคณะอนุกรรมการตุลาการศาลปกครองคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็น ประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ทุกคน เป็นอนุกรรมการ มีอํานาจหน้าที่พิจารณาเสนอรายชื่อตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่เหมาะสมจะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด ตามข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ แล้วแต่กรณี ต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นเลขานุการ และให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๑๓ การจัดลําดับอาวุโสของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาตามลําดับ ดังนี้ (๑) ตําแหน่งปัจจุบันผู้ใดดํารงตําแหน่งก่อน (๒) ถ้าดํารงตําแหน่งปัจจุบันพร้อมกันให้พิจารณาเทียบการดํารงตําแหน่งในศาลปกครองสูงสุด ย้อนหลังลงไปตามลําดับว่าผู้ใดดํารงตําแหน่งนั้น ๆ ก่อน (๓) ถ้าดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดพร้อมกัน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดตามประกาศ ก.ศป. ตั้งแต่ประกาศ ก.ศป. เรื่อง รายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ให้พิจารณาจากลําดับที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด (๔) ถ้าพิจารณาตาม (๑) (๒) และ (๓) แล้ว ยังจัดลําดับอาวุโสไม่ได้ ให้ ก.ศป. พิจารณาเป็นรายบุคคล ข้อ ๑๔ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,387
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้เหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ และมาตรา ๑๕/๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ ให้มีคณะอนุกรรมการดําเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุดที่มีอาวุโสสูงสุด เป็นรองประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครอง สูงสุด ที่เหลือ ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด และตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ทุกคน เป็นอนุกรรมการ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นเลขานุการ และให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งอาจเสนอความเห็นให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดอื่นเพิ่มเติม เพื่อช่วยดําเนินการตามข้อ ๕ และข้อ ๖ เมื่อดําเนินการเสร็จแล้วให้คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง เสนอผลการคัดเลือกต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และประกาศรายชื่อผู้ได้รับความเห็นชอบ ให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดโดยเปิดเผย” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ กรณีที่ไม่อาจปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ หรือข้อ ๑๑ ก.ศป. อาจพิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุด โดยพิจารณาตามหลักอาวุโส ประกอบกับความรู้ ความสามารถและความเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือประธานศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๒/๑ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือก ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ “ข้อ ๑๒/๑ ให้มีคณะอนุกรรมการตุลาการศาลปกครองคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธาน ศาลปกครองสูงสุด เป็น ประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานแผนก ในศาลปกครองสูงสุด ทุกคน เป็นอนุกรรมการ มีอํานาจหน้าที่พิจารณาเสนอรายชื่อตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดที่เหมาะสมจะดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนก ในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด ตามข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ แล้วแต่กรณี ต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นเลขานุการ และให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ” ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางขนิษฐา ปายะฤทธิ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๑๐๗ ก/หน้า ๖/๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ [↑](#footnote-ref-1)
10,388
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ และมาตรา ๑๕/๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕ การคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาจากผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดี ศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่เทียบเท่า โดยพิจารณาตามลําดับอาวุโสและระยะเวลาการดํารงตําแหน่ง ประกอบกับความรู้ความสามารถ ความรับผิดชอบ ความเหมาะสม ประวัติและผลงานการปฏิบัติราชการ และประโยชน์ของทางราชการ เป็นสําคัญ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกนั้น เว้นแต่มีอายุราชการ คงเหลือไม่เกินหนึ่งปีนับจากวันสิ้นปีงบประมาณที่ดําเนินการคัดเลือก หรือมีเหตุจําเป็นอื่นตามที่ ก.ศป. เห็นสมควร ผู้ดํารงตําแหน่งที่จะได้รับการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งนับถึงวันสิ้นปีงบประมาณที่ดําเนินการคัดเลือก ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี (๒) เป็นรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (๓) เป็นตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดปี ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองโอนไปดํารงตําแหน่งเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง และ ต่อมาโอนกลับเข้ามาดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง ให้นําระยะเวลาที่โอนไปดํารงตําแหน่งเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองและลําดับอาวุโสมานับและเทียบรวมเป็นระยะเวลาการดํารงตําแหน่งนั้น ๆ ด้วย กรณีมีความจําเป็นหรือมีเหตุอันควรที่จะต้องดําเนินการเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ราชการศาลปกครอง ก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ยกเว้นความในวรรคหนึ่งและวรรคสองได้ การเสนอรายชื่อผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ให้เสนอรายชื่อตามลําดับอาวุโสในขณะดํารงตําแหน่งตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๗ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือก ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ ให้มีคณะอนุกรรมการดําเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ทุกคน เป็นอนุกรรมการ” ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง นางสาวอรสิริ ศรีคําภา/พิมพ์ --------------------------------------------------- นางขนิษฐา ปายะฤทธิ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๙/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๑๐/๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ [↑](#footnote-ref-1)
10,389
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนการประเมินผลงาน พ.ศ. ๒๕๕๗
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนการประเมินผลงาน พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยที่เป็นการสมควรออกระเบียบเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในการประเมินผลงาน ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของสํานักงานศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนการประเมินผลงาน พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง “การประเมินผลงาน” หมายความว่า การประเมินความเหมาะสมของบุคคลและประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อเลื่อนระดับตําแหน่งหรือให้ได้รับเงินประจําตําแหน่ง “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการที่เลขาธิการแต่งตั้งให้ทําการประเมินผลงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สํานักงานกําหนด ข้อ ๔ ให้เลขาธิการพิจารณาอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนการประเมินผลงานจากเงินงบประมาณตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กําหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๕ ในการประเมินผลงานตามระเบียบนี้ ให้กรรมการที่ทําการประเมินผลงานได้รับค่าตอบแทนในการประเมินผลงานตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กําหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ต่อผู้ขอรับการประเมินหนึ่งราย และให้ได้รับค่าตอบแทนการประเมินผลงานตามระเบียบนี้แต่เพียงอย่างเดียว ข้อ ๖ กรรมการผู้ใดดํารงตําแหน่งที่มาตรฐานกําหนดตําแหน่งให้มีหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงในการประเมินผลงาน กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนการประเมินผลงานตามระเบียบนี้ ข้อ ๗ หลักฐานและเอกสารการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนตามระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามที่สํานักงานกําหนด ข้อ ๘ ให้เลขาธิการรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติการตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัย คําวินิจฉัยนั้นให้เป็นที่สุด ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,390
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ [ปัจจุบันมีผลใช้บังคับเฉพาะในเรื่องการใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ โดยให้นำพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาใช้บังคับโดยอนุโลม]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และเงินค่าตอบแทนอื่น ๆ เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน ทั้งนี้ โดยให้นําพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ ระเบียบการเบิกจ่าย ระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบอื่นของทางราชการในเรื่องดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๔ เงินค่าตอบแทนตามข้อ ๓ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณที่ตั้งทางสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ อักขราทร จุฬารัตน กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ทําหน้าที่ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,391
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยเงินค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และเงินค่าตอบแทนอื่น ๆ เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือน ทั้งนี้ โดยให้นําพระราชกฤษฎีกาออกตามความในพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ ระเบียบการเบิกจ่าย ระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบอื่นของทางราชการในเรื่องดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม” ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,392
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการย้ายและการเลื่อนตำแหน่งของตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้เหมาะสม และชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ วรรคสี่ มาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๕๘ และระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ บรรดาระเบียบ หรือข้อบังคับอื่นใดในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “ศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ” หมายความว่า ศาลปกครองชั้นต้นในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด “ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครอง ชั้นต้น และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุด “การปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองชั้นต้น” หมายความว่า การปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองกลาง การปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในภูมิภาค และการปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุดโดยให้นับการปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุดและการปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองกลางเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองชั้นต้นเดียวกัน ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่ง เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ....” ประกอบด้วย รองประธาน ศาลปกครองสูงสุดที่มีอาวุโสสูงสุด เป็นประธานกรรมการ รองประธานศาลปกครองสูงสุดและประธานแผนก ในศาลปกครองสูงสุดตามลําดับอาวุโส จํานวนสี่คน และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นจํานวนสี่คนที่ได้รับเลือกจากอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นและรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเป็นกรรมการ มีหน้าที่จัดทําบัญชีรายชื่อ การพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อนําเสนอรายชื่อการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ให้ ก.ศป. พิจารณา ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในระเบียบนี้ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นและรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตามวรรคหนึ่งไม่หมายความรวมถึงอธิบดี ศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุดและรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุด เมื่อคณะกรรมการจัดทําบัญชีรายชื่อการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเบื้องต้นเสร็จแล้ว ให้เลขานุการของคณะกรรมการแจ้งให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นทราบและให้สามารถเสนอขอสับเปลี่ยนตําแหน่งกันได้ภายในสองสัปดาห์นับแต่วันที่ได้รับแจ้งบัญชีรายชื่อการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้ทราบ และให้คณะกรรมการพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนเสนอต่อประธาน ศาลปกครองสูงสุด เพื่อนําเสนอบัญชีรายชื่อการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้ ก.ศป. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ข้อ ๘ กรณีมีเหตุความจําเป็นที่ต้องให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นไปช่วยทํางานชั่วคราวในศาลปกครอง ชั้นต้นอื่นหรือในศาลปกครองสูงสุด ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นนั้น ไปช่วยทํางานชั่วคราวในครั้งแรก มีระยะเวลาไม่เกินหกเดือน และรายงาน ก.ศป. เพื่อทราบพร้อมเหตุผลความจําเป็นด้วย หากจําเป็นต้องให้ช่วยทํางานชั่วคราวในครั้งต่อไปให้เสนอ ก.ศป. ให้ความเห็นชอบก่อน ข้อ ๙ การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นประจําปีให้กระทําปีละหนึ่งครั้ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคมของแต่ละปี เว้นแต่กรณีมีความจําเป็นอย่างยิ่งเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการย้ายและการเลื่อนตําแหน่งตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ การจัดลําดับอาวุโสของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้พิจารณาตามลําดับ ดังนี้ (๑) ตําแหน่งปัจจุบันผู้ใดดํารงตําแหน่งก่อน (๒) ถ้าดํารงตําแหน่งปัจจุบันพร้อมกันให้พิจารณาเทียบการดํารงตําแหน่งในศาลปกครองชั้นต้นย้อนหลังลงไปตามลําดับว่าผู้ใดดํารงตําแหน่งนั้น ๆ ก่อน (๓) ถ้าดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นพร้อมกันผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองชั้นต้นตามประกาศ ก.ศป. ตั้งแต่ประกาศ ก.ศป. ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ให้พิจารณาจากลําดับที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นครั้งแรก (๔) ถ้าพิจารณาตาม (๑) (๒) และ (๓) แล้ว ยังจัดลําดับอาวุโสไม่ได้ ให้ ก.ศป. พิจารณาเป็นรายบุคคล ข้อ ๑๑ ในกรณีที่มีความเหมาะสมและเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ราชการศาลปกครอง ก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ยกเว้น หลักเกณฑ์การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นตามระเบียบนี้ได้ หมวด ๒ การย้ายและการเลื่อนตําแหน่ง ข้อ ๑๒ ให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นยื่นแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่ง ของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ตามแบบและระยะเวลาที่ ก.ศป. กําหนดต่ออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น สําหรับกรณีอธิบดี ศาลปกครองชั้นต้น และตุลาการที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุดให้ยื่นแบบแสดงข้อมูลประกอบ การพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๑๓ การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นในแต่ละระดับให้พิจารณาย้ายตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้นในแต่ละระดับนั้นให้แล้วเสร็จก่อนจึงพิจารณาเลื่อนตําแหน่งการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นตามวรรคหนึ่ง ให้เสนอขอความเห็นชอบต่อ ก.ศป. ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ส่วน ที่ ๑ การย้าย ข้อ ๑๔ การย้ายตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้ไปดํารงตําแหน่งที่ต่ํากว่าเดิมจะกระทํามิได้ ข้อ ๑๕ ภายใต้บังคับของหมวด ๓ การย้ายตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้พิจารณาตามหลักอาวุโส ภายใต้บังคับของข้อ ๒๐ ประกอบกับหลักเกณฑ์ระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งความเหมาะสมในด้านตัวบุคคลและการปฏิบัติหน้าที่ และประโยชน์ของทางราชการเป็นสําคัญโดยให้นําความเห็นของประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี และรายงานการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจําปีของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นมาใช้ประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักเกณฑ์อื่น ๆ ด้วย ข้อ ๑๖ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นครั้งแรกจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองกลางตามระยะเวลาที่ ก.ศป. กําหนด ข้อ ๑๗ ภายใต้บังคับของหมวด ๓ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ในศาลปกครองชั้นต้นใด จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองชั้นต้นนั้นอย่างน้อยสองปี จึงอาจได้รับ การพิจารณาให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองชั้นต้นอื่น เว้นแต่กรณีมีเหตุจําเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการศาลปกครอง ก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการตุลาการ ศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ย้ายก่อนระยะเวลาดังกล่าว ข้อ ๑๘ ภายใต้บังคับของหมวด ๓ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นจะปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองชั้นต้นนั้น ติดต่อกันเกินกว่าสี่ปีมิได้ เว้นแต่กรณีมีเหตุจําเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการศาลปกครอง หรือมีเหตุจําเป็นเกี่ยวกับสุขภาพซึ่งได้รับการรับรองจากแพทย์ ที่ ก.ศป. กําหนดก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสามของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เห็นชอบให้ดํารงตําแหน่งในศาลปกครองชั้นต้นนั้นต่อไปได้ ครั้งละไม่เกินหนึ่งปีไม่เกินสองครั้ง ข้อ ๑๙ ให้นําระยะเวลาการช่วยทํางานชั่วคราวในศาลปกครองชั้นต้นอื่นมานับรวมเป็นระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาย้ายตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ข้อ ๒๐ ภายใต้บังคับของหมวด ๓ ในการพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละตําแหน่งให้ความสําคัญ กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลนั้นติดต่อกันตั้งแต่สี่ปีขึ้นไปเป็นลําดับแรก ประกอบกับลําดับอาวุโสและข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นรวมถึงความเป็น ไปได้ในการย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนและลําดับศาลปกครองชั้นต้น โดยให้กําหนดลําดับการพิจารณาตามเงื่อนไขระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ (๑) ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลนั้นตั้งแต่สี่ปีขึ้นไป กรณีที่มีตําแหน่งว่างเพียงพอต่อการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ให้การพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนตุลาการดังกล่าวเป็นไปตามลําดับอาวุโสและข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่ง ของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น กรณีที่มีตําแหน่งว่างไม่เพียงพอต่อการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ให้การพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนตุลาการดังกล่าวเป็นไปตามระยะเวลาการดํารงตําแหน่งจากมากไปหาน้อย หากมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งเท่ากัน ให้ย้ายตามลําดับอาวุโสจากน้อยไปหามากเท่าที่จะมีตําแหน่งให้ย้ายได้โดยให้การพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนตุลาการดังกล่าวเป็นไปตามลําดับอาวุโสและข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้าย และเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น กรณีตามวรรคหนึ่งและวรรคสองของ (๑) หากตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นไม่ได้ระบุข้อมูลศาล หรือระบุข้อมูลศาลไม่ตรงกับตําแหน่งว่างที่มี ให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการในการพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียน (๒) ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลนั้นไม่น้อยกว่าสองปีแต่ไม่ถึงสี่ปีให้พิจารณาตามลําดับอาวุโสและข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ส่วน ที่ ๒ การเลื่อนตําแหน่ง ข้อ ๒๑ การพิจารณาเลื่อนตําแหน่งตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้พิจารณาตามหลักอาวุโสประกอบกับ ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการและการดํารงตนตามรายงานการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจําปีของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น และบัญชีลําดับศาลที่ ก.ศป. กําหนด โดยต้องมีระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งและคุณสมบัติ ดังนี้ (๑) ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นหรือเทียบเท่า จะต้องมีระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้นไม่น้อยกว่าสามปีและเป็นผู้ผ่านการอบรม ตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด (๒) ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือเทียบเท่าจะต้องมีระยะเวลา ในการดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นหรือเทียบเท่าไม่น้อยกว่าสองปีและเป็นผู้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด (๓) ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือเทียบเท่าจะต้องมีระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือเทียบเท่าไม่น้อยกว่าสองปีและเป็นผู้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงประโยชน์ทางราชการเป็นสําคัญ และไม่ต้องได้รับความยินยอมจากตุลาการในศาลปกครอง ชั้นต้น ข้อ ๒๒ กรณีที่มีการพิจารณาเสนอให้เลื่อนตําแหน่งตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นข้ามลําดับอาวุโส ก.ศป. จะต้องมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยให้ระบุเหตุผลในการพิจารณาเช่นว่านั้นไว้ด้วย ข้อ ๒๓ ผลการประเมินการปฏิบัติราชการประจําปีของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นตามข้อ ๑๕ และข้อ ๒๑ ให้เป็นไปตามรายงานการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจําปีของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งได้จัดทําขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ศป. กําหนด หมวด ๓ การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ข้อ ๒๔ การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ให้นําหลักเกณฑ์การย้ายและการเลื่อนตําแหน่งตามหมวด ๒ ของระเบียบนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ในหมวดนี้ ข้อ ๒๕ การพิจารณาให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ (๑) กรณีผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นขึ้นไป ให้พิจารณาย้ายผู้ที่แสดงข้อมูลการไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเป็นลําดับแรก จากนั้นให้พิจารณาเลื่อนตําแหน่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในหมวด ๒ และหากไม่สามารถพิจารณาเลื่อนตําแหน่งได้และหรือยังมีตําแหน่งว่างอยู่ ให้พิจารณาย้ายผู้ที่มีอาวุโสน้อยที่สุดและไม่เคยไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษในระดับตําแหน่งนั้น ๆ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ (๒) กรณีผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ให้พิจารณาย้ายผู้ที่แสดงข้อมูลการไปปฏิบัติหน้าที่ ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้นเป็นลําดับแรก และหรือหากยังมีตําแหน่งว่างอยู่ให้พิจารณาย้ายผู้ที่มีอาวุโสน้อยที่สุด และไม่เคยไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษ ข้อ ๒๖ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษติดต่อกันครบหนึ่งปีขึ้นไป ที่แสดงข้อมูลการไปดํารงตําแหน่งในศาลอื่นในแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่ง ของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ให้ได้รับการพิจารณาย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลอื่นได้ เว้นแต่กรณีที่มีความเหมาะสมและเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ราชการศาลปกครอง ก.ศป. อาจมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสอง ในสามของจํานวนกรรมการตุลาการศาลปกครองทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ย้ายก่อนระยะเวลาดังกล่าว ข้อ ๒๗ การพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละตําแหน่ง ให้พิจารณาผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครอง ในพื้นที่พิเศษ ครบระยะเวลาการดํารงตําแหน่งเป็นลําดับแรกตามลําดับอาวุโส ก่อนการย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามข้อ ๒๐ ประกอบกับข้อมูลตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้น ทั้งนี้ ในการพิจารณาย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษดังกล่าว ให้คํานึงถึงผลการประเมินการปฏิบัติราชการประจําปีของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นผู้นั้นประกอบด้วย ข้อ ๒๘ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษมาแล้วติดต่อกันตั้งแต่สี่ปีขึ้นไป ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษต่อไปได้ หากไม่มีตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ดํารงตําแหน่งในระดับเดียวกันแสดงข้อมูลที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองในพื้นที่พิเศษนั้นตามแบบแสดงข้อมูลประกอบการพิจารณาย้ายและเลื่อนตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น บทเฉพาะกาล บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๘ ให้นับระยะเวลาการดํารงตําแหน่งของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งดํารงตําแหน่งใดก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาที่ดํารงตําแหน่งตามระเบียบนี้ด้วย ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,393
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2548 [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานในสํานักงานระดับสํานัก และกองหรือเทียบเท่า และสํานักงานศาล “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง และสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคต่าง ๆ “ประธาน” หมายความว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง "เป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์” หมายความว่า ผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการให้บรรลุในแต่ละปีงบประมาณตามที่กําหนดในแผนยุทธศาสตร์ศาลปกครอง “แผนปฏิบัติงานประจําปี” หมายความว่า แผนการดําเนินงานของหน่วยงานในสังกัดในรอบปีงบประมาณที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนงาน งาน โครงการ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ที่กําหนดไว้ในรอบปีงบประมาณ และวงเงินงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายซึ่งจําแนกตามงบรายจ่าย “การจัดสรรเงิน” หมายความว่า การแบ่งสรรเงินรายรับให้หน่วยงานในสังกัดใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี “เงินรายรับ” หมายความว่า เงินที่สํานักงานได้รับจาก (๑) เงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ได้รับตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม (๒) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ (๓) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค “แผนการใช้จ่ายเงินประจําปี” หมายความว่า แผนแสดงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินเพื่อดําเนินงานตามแผนปฏิบัติงานประจําปี “งบรายจ่าย” หมายความว่า รายจ่ายที่กําหนดให้ใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติงานประจําปี ได้แก่ งบบุคลากร งบดําเนินงาน งบลงทุน และงบรายจ่ายสํารอง “งบรายจ่ายสํารอง” หมายความว่า งบรายจ่ายนอกเหนือจากงบบุคลากร งบดําเนินงาน และ งบลงทุน ซึ่งสํารองไว้เพื่อสนับสนุนงาน โครงการ ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อ ๕ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการงบประมาณที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยอนุโลม ข้อ ๖ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การจัดทําและการเสนอของบประมาณ ข้อ ๘ ให้สํานักงานจัดทําคําของบประมาณรายจ่ายประจําปีเสนอขอความเห็นชอบต่อประธานก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณถัดไป เพื่อนําเสนอคณะรัฐมนตรีตามเวลาที่กําหนดในปฏิทินงบประมาณของสํานักงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในการจัดทําคําของบประมาณตามวรรคหนึ่งให้หน่วยงานในสังกัดที่มีหน้าที่จัดทําคําของบประมาณรายจ่ายประจําปีของสํานักงานรวบรวมคําของบประมาณของหน่วยงานในสังกัดมาพิจารณากลั่นกรอง ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ และจัดทําคําของบประมาณรายจ่ายประจําปีของสํานักงานเสนอต่อเลขาธิการ โดยแสดงเหตุผลความจําเป็นในการขอพร้อมแนบเอกสารรายละเอียดคําชี้แจงประกอบคําขอด้วย หมวด ๒ การจัดทําแผนการใช้จ่ายเงิน และการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจําปี ข้อ ๙ ให้เลขาธิการจัดสรรเงินรายรับของสํานักงานให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติงานประจําปี และจัดทําแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีของสํานักงานเสนอต่อประธานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณหรืออย่างช้าภายในเดือนแรกของปีงบประมาณนั้น เลขาธิการอาจจัดสรรเงินจํานวนหนึ่งเป็นงบรายจ่ายสํารองไว้ในแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีได้ตามความเหมาะสม โดยต้องคํานึงถึงความเพียงพอในการใช้จ่ายเงินตามแผนปฏิบัติงานประจําปีเป็นลําดับแรก ข้อ ๑๐ การจ่ายเงินของสํานักงานให้กระทําได้แต่เฉพาะที่ได้กําหนดไว้ในแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี ข้อ ๑๑ ให้เลขาธิการรับผิดชอบติดตาม กํากับดูแลการจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันของสํานักงานให้เป็นไปตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี ข้อ ๑๒ กรณีที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปียังไม่มีผลใช้บังคับ และไม่สามารถจัดสรรเงินตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีได้ทันในวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ ให้ดําเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีที่ล่วงมาแล้วไปพลางก่อนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๓ ให้เลขาธิการมีอํานาจในการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่กําหนดไว้ในแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีของสํานักงานและรายงานให้ประธานทราบ ข้อ ๑๓/๑ ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ โดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้เป็นอํานาจของเลขาธิการพิจารณาอนุมัติ และรายงานให้ประธานและสํานักงบประมาณเพื่อทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ หมวด ๓ การควบคุมงบประมาณ และการติดตามประเมินผล ข้อ ๑๔ ให้เลขาธิการจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน และผลการใช้จ่ายเงิน และให้รายงานผลการดําเนินงานให้ประธานทราบเป็นรายไตรมาส ข้อ ๑๕ เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ ให้สํานักงานจัดทํารายงานการเงินประจําปีส่งให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและจัดทํารายงานผลการดําเนินงานในรอบปีเสนอคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยมิชักช้า ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,394
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2562 เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเหมาะสม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๓/๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ “ข้อ ๑๓/๑ ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ โดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้เป็นอํานาจของเลขาธิการพิจารณาอนุมัติ และรายงานให้ประธานและสํานักงบประมาณเพื่อทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ” ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,395
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 434) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคเงินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กรมป่าไม้ เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 434) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคเงินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กรมป่าไม้ เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 761) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สําหรับการบริจาคเงินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กรมป่าไม้เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน” หมายความว่า โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคให้แก่กรมป่าไม้ เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 761) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับการบริจาคให้แก่กรมป่าไม้เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 761) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น โดยต้องบริจาคสนับสนุนเป็นจํานวนเงินไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนบาท ต่อหนึ่งป่าชุมชน และสามารถบริจาคสนับสนุนได้มากกว่าหนึ่งป่าชุมชน โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้บริจาคเงินสนับสนุนต้องมีบันทึกความร่วมมือโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนพร้อมที่จะให้ เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ ข้อ ๔ การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 761) พ.ศ. 2566 ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐาน โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,396
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง วรรคสองและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ (ยกเลิก) ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกระเบียบ หรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ อํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจดังต่อไปนี (๑) ดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีใดๆ แทนตุลาการศาลปกครองคนใดในองค์คณะ ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทําให้ตุลาการศาลปกครองในองค์คณะนั้นไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ (๒) เข้าร่วมกับองค์คณะในการดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีที่มีความสําคัญเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะร่วมกับองค์คณะทําคําพิพากษาหรือมีคําสั่งจะต้องปรากฏว่าประธานศาลปกครองสูงสุดได้ร่วมในการนั่งพิจารณาคดีนั้น หรือเป็นกรณีตาม (๑) (๓) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองไปช่วยทํางานชั่วคราวในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการศาลปกครองในตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองที่ไม่ต่ํากว่าตําแหน่งที่ผู้นั้นดํารงอยู่ได้ โดยมีกําหนดระยะเวลาไม่เกินหกเดือน (๔) ออกคําสั่งในเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้อํานาจไว้หรือสั่งคําขอ หรือคําร้องต่างๆ ที่ยื่นต่อตนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๕) วางระเบียบราชการของศาลเพื่อให้กิจการของศาลดําเนินไปโดยเรียบร้อยและเป็นระเบียบเดียวกัน รวมทั้งสอดส่องดูแล และระมัดระวังการปฏิบัติงานของศาลในการใช้ระเบียบและวิธีการต่าง ๆ ที่กําหนดขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่นให้เป็นไป โดยถูกต้อง (๖) ให้คําแนะนําแก่ตุลาการศาลปกครองในการปฏิบัติหน้าที่ (๗) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองหรือพนักงานคดีปกครองที่ทําหน้าที่ช่วยตุลาการศาลปกครองรายงานเกี่ยวกับคดีหรือการดําเนินการ อื่นของศาล ข้อ ๗ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีอํานาจดังต่อไปนี้ (๑) ดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีใดๆ แทนตุลาการศาลปกครองคนใดในองค์คณะในศาลของตน ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทําให้ตุลาการศาลปกครองในองค์คณะนั้นไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ (๒) เข้าร่วมกับองค์คณะในศาลของตนในการดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษา หรือมีคําสั่งคดีที่มีความสําคัญพิเศษ แต่ถ้าจะร่วมกับองค์คณะทําคําพิพากษาหรือมีคําสั่ง จะต้องปรากฏว่าอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นได้ร่วมในการนั่งพิจารณาคดีนั้น หรือเป็นกรณีตาม (๑) (๓) ออกคําสั่งในเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้อํานาจไว้ หรือสั่งคําขอ หรือคําร้องต่างๆ ที่ยื่นต่อตนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๔) สอดส่องดูแลและระมัดระวังการปฏิบัติงานของศาลของตนในการใช้ระเบียบ และวิธีการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่นให้เป็นไปโดยถูกต้อง (๕) ให้คําแนะนําแก่ตุลาการศาลปกครองในศาลของตนในการปฏิบัติหน้าที่ (๖) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองหรือพนักงานคดีปกครองที่ทําหน้าที่ช่วยตุลาการศาลปกครองรายงานเกี่ยวกับคดี หรือการดําเนินการอื่นของศาลของตน ข้อ ๘ อํานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดําเนินการอื่นที่ประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดี ศาลปกครองชั้นต้นจะพึงปฏิบัติ หรือดําเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคําสั่งใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคําสั่งนั้นมิได้กําหนดเรื่องการมอบอํานาจไว้เป็นอย่างอื่นหรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอํานาจไว้ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นอาจมอบอํานาจเป็นหนังสือให้รองประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า แล้วแต่กรณี ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ ข้อ ๙ เมื่อมีการมอบอํานาจตามข้อ ๘ โดยชอบแล้ว ผู้รับมอบอํานาจต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบอํานาจตามวัตถุประสงค์ของการมอบอํานาจดังกล่าว และจะมอบอํานาจนั้นให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นว่างลง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดหรือรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่ไม่มีรองประธานศาลปกครองสูงสุดหรือรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานแผนก ในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า แล้วแต่กรณี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนมีตําแหน่งชั้นเดียวกันหลายคน ให้ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดตามลําดับ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ข้อ ๑๑ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามข้อ ๑๐ มีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งใดหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนตามข้อ ๑๐ มอบหมายหรือมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นปฏิบัติหน้าที่แทน ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมาย หรือมอบอํานาจ ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตั้งให้ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นกรรมการ หรือให้มีอํานาจหน้าที่อย่างใดให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนมีอํานาจหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดํารงตําแหน่งนั้นในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่แทน หมวด ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างศาลปกครองกับสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๑๒ ให้สํานักงานศาลปกครองจัดให้มีสํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง และสํานักงานศาลปกครองชั้นต้นในภูมิภาคที่มีการจัดตั้งศาลปกครองชั้นต้น เพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการศาลและเกี่ยวกับคดีปกครองของศาลนั้น ๆ ให้หัวหน้าสํานักงานศาลและเจ้าหน้าที่ในสํานักงานศาลปฏิบัติตามคําสั่ง ให้ความร่วมมือและประสานงานกับศาลในการดําเนินการ ตามอํานาจหน้าที่ของศาลเพื่อให้การอํานวยความยุติธรรมดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีอํานาจกํากับดูแลการปฏิบัติงานของหัวหน้าสํานักงานศาลและเจ้าหน้าที่ในสํานักงานศาล ให้มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อการอํานวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ในกรณีที่มีข้อขัดข้องในการปฏิบัติราชการระหว่างศาลกับสํานักงานศาล ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นนั้นรายงานไปยัง ประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบและพิจารณาแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าว หมวด ๓ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๓ ให้ถือว่าบรรดากิจการหรือการกระทําใดที่กระทําไปตามประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง อํานาจหน้าที่ของประธาน ศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการแต่งตั้งให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปฏิบัติหน้าที่ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นกิจการหรือการกระทําที่ได้กระทําไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๔ ให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นซึ่งที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดกําหนดให้ทําหน้าที่ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง ชั้นต้นตามประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่องอํานาจหน้าที่ของประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการแต่งตั้งให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปฏิบัติหน้าที่ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ยังคงทําหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นตามที่บัญญัติในมาตรา ๑๙ วรรคสอง ขององค์คณะนั้นแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,397
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบ ของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ อํานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดําเนินการอื่น ที่ประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นจะพึงปฏิบัติ หรือดําเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคําสั่งใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคําสั่งนั้น มิได้กําหนดเรื่องการมอบอํานาจไว้เป็นอย่างอื่นหรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอํานาจไว้ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นอาจมอบอํานาจเป็นหนังสือให้รองประธานศาลปกครองสูงสุด ประธาน แผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า แล้วแต่กรณี ปฏิบัติหน้าที่ แทนได้” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๐ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยอํานาจหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการบริหารงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ตําแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นว่างลง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดหรือรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่ไม่มีรองประธานศาลปกครองสูงสุดหรือรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือมีแต่ไม่อาจ ปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า แล้วแต่กรณี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนมีตําแหน่งชั้นเดียวกันหลายคน ให้ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดตามลําดับ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน” ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง นางสาววิยะดา ศรีฉ่ําพันธ์/พิมพ์ ------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๘/ตอนที่ ๗๒ ก/หน้า ๑๓/๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ [↑](#footnote-ref-1)
10,398
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรอง สําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษา หรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวกและรวดเร็ว จึงมีการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถขอตรวจดู คัดสําเนา และให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๙ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดูการคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๒ (๓) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค และสํานักประชาสัมพันธ์ “คําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง” หมายความรวมถึง คําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด รวมทั้งคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองของศาลดังกล่าว คําสั่งเกี่ยวกับการละเมิดอํานาจศาล หรือคําสั่งอื่นใดที่ทําให้คดีเสร็จเด็ดขาด “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียง หรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้น ให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนํามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความ ในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น “ระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบสารสนเทศหรือแอปพลิเคชันของศาลปกครองที่ให้บริการบนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่สําหรับรองรับการตรวจดู การคัดสําเนา หรือการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ข้อ ๕ ผู้ที่ประสงค์จะขอตรวจดู ขอคัดสําเนา หรือขอให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีขอตรวจดู ขอคัดสําเนา หรือขอให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองในรูปแบบเอกสาร ให้ยื่นคําขอเป็นหนังสือหรือตามแบบคําขอท้ายระเบียบนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของ สํานักงานศาล หรือยื่นคําขอในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ (๒) กรณีขอตรวจดู ขอคัดสําเนา หรือขอให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ยื่นคําขอในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งนี้ คําขอตามวรรคหนึ่งต้องระบุวัตถุประสงค์ในการขอไว้ด้วย ข้อ ๖ ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลหรือผู้ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาลมอบหมายเป็นผู้พิจารณาอนุญาตตามคําขอตรวจดู ขอคัดสําเนา หรือขอให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ข้อ ๗ การรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองในรูปแบบเอกสารให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองตั้งแต่ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการขึ้นไป ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาล มอบหมายเป็นผู้มีอํานาจลงลายมือชื่อของตนรับรองเอกสารดังกล่าว ในกรณีการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้บุคคลตามวรรคหนึ่งเป็นผู้มีอํานาจลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของสํานักงานศาลปกครองรับรองสําเนา คําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองดังกล่าว ข้อ ๘ ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการคัดสําเนาหรือการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาด คดีปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมการคัดสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง หน้าละ ๑ บาท (๒) ค่าธรรมเนียมการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ฉบับละ ๒๐ บาท ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้คัดสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการคัดสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง คู่กรณีที่ได้รับอนุญาตให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในคดีของตน ให้ได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาด คดีปกครอง ข้อ ๙ ให้ถือว่าบรรดากิจการหรือการกระทําใดที่กระทําไปตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไข เพิ่มเติม และยังดําเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่าเป็นกิจการหรือการกระทําที่ได้กระทําไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ กับให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,399
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ การดำรงตำแหน่ง หรือการประกอบการ ที่ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ การดํารงตําแหน่ง หรือการประกอบการ ที่ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๔ (๗) และมาตรา ๑๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ การดํารงตําแหน่ง หรือการประกอบการที่ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ การดํารงตําแหน่ง หรือการประกอบการดังต่อไปนี้เป็นการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ การดํารงตําแหน่ง หรือการประกอบการที่ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครอง (๑) เป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ หรือศาลชํานัญพิเศษอื่น (๒) เป็นที่ปรึกษาของพรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในทางการเมืองหรือในพรรคการเมือง (๓) เป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจาก ก.ศป. (๔) รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่มีลักษณะเป็นสัญญา สัมปทาน สัญญาที่ให้จัดทําบริการสาธารณะหรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ ข้อ ๔ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,400
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งหรือกระทำผิดวินัย พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่งหรือกระทําผิดวินัย พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๓/๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๒๔ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่งหรือกระทําผิดวินัย พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๔ เมื่อมีการกล่าวหาข้าราชการตุลาการศาลปกครองว่ามีกรณีดังต่อไปนี้ ให้ดําเนินการพิจารณา ตามวิธีการที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ (๑) ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมควรตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (๒) หย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ โดยสม่ําเสมอแต่ไม่ถึงเหตุทุพพลภาพ ตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง (๒) (๓) ขาดคุณสมบัติของการจะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ตามมาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี (๔) มีลักษณะต้องห้ามในขณะดํารงตําแหน่งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ตามมาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๘ วรรคสอง แล้วแต่กรณี (๕) เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคหรือมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครองตามประกาศ ก.ศป. ที่ออกตามความในมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๖) หรือ (๗) (๖) ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ (๗) กระทําผิดวินัยตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ข้อ ๕ ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตุลาการศาลปกครองขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดคนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสองคน และตุลาการในศาลปกครอง ชั้นต้นจํานวนสองคน เป็นอนุกรรมการมีอํานาจหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่มีการกล่าวหาข้าราชการ ตุลาการศาลปกครอง ให้คณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งอยู่ในตําแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ข้อ ๖ มื่อข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้ใดถูกกล่าวหา ให้ผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้น อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ประธานศาลปกครองสูงสุด หรือประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ซึ่งได้รับเรื่องที่กล่าวหา ส่งเรื่องที่กล่าวหานั้น ให้คณะอนุกรรมการตุลาการ ศาลปกครองตามข้อ ๕ พิจารณาและเสนอความเห็นต่อ ก.ศป. ว่าเรื่องที่กล่าวหานั้นเป็นการกล่าวหา ว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองมีกรณีตามข้อ ๔ หรือไม่ ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่าเรื่องที่กล่าวหาเป็นการกล่าวหาว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองมีกรณีตามข้อ ๔ ให้ ก.ศป. ส่งเรื่องที่กล่าวหาให้ข้าราชการตุลาการศาลปกครองดังต่อไปนี้ดําเนินการสอบข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นโดยมิชักช้า (๑) ผู้อํานวยการหลักสูตรฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้น (๒) อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นของแต่ละศาล ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้น (๓) ประธานศาลปกครองสูงสุด ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการศาลปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุด ในการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นจะให้ผู้กล่าวหาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงเรื่องราวเป็นหนังสือ หรือโดยบันทึกเรื่องราวและความเห็น หรือโดยตั้งคณะบุคคลขึ้นสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก็ได้ ให้ข้าราชการตุลาการศาลปกครองตามวรรคสองรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพร้อมความเห็นต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา ให้นําความในวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับกับกรณีที่ผู้อํานวยการหลักสูต รฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นของแต่ละศาลมีเหตุอันควรสงสัย โดยมีหลักฐานตามสมควรว่า ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น หรือตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้น แล้วแต่กรณี มีกรณีตามข้อ ๔ หรือกรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุดมีเหตุอันควรสงสัยโดยมีหลักฐาน ตามสมควรว่าอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือตุลาการในศาลปกครองสูงสุด หรือตุลาการศาลปกครองที่ ปฏิบัติหน้าที่ในศาลปกครองสูงสุดมีกรณีตามข้อ ๔ หรือกรณีที่ ก.ศป. มีเหตุอันควรสงสัยโดยมีหลักฐาน ตามสมควรว่าประธานศาลปกครองสูงสุดมีกรณีตามข้อ ๔ ด้วย โดยอนุโลม ก.ศป. อาจมีมติให้สอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเพิ่มเติมได้ตามความจําเป็น หากเห็นว่าการสอบข้อเท็จจริงนั้น ยังไม่สมบูรณ์ เพื่อให้ได้ความจริงและเป็นธรรมโดยมิชักช้า และให้เสนอ ก.ศป. พิจารณาต่อไป ข้อ ๗ ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นประธานศาลปกครองสูงสุด และ ก.ศป. เห็นว่าเป็นการกล่าวหาว่าประธานศาลปกครองสูงสุดมีกรณีตามข้อ ๔ ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสามคน เพื่อดําเนินการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นโดยมิชักช้า และเมื่อได้สอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ให้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพร้อมความเห็นให้ ก.ศป. พิจารณาต่อไป ให้นําความในวรรคสามและวรรคหกของข้อ ๖ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ข้อ ๘ ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่ามีมูลควรกล่าวหาว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครอง มีกรณีตามข้อ ๔ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสามคน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือรองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน มอบหมายจํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ (๒) ในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสามคน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือรองเลขาธิการคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมอบหมายจํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ (๓) ในกรณีที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วย ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครอง ชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสามคน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือรองเลขาธิการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมอบหมายจํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ (๔) ในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสามคน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือรองเลขาธิการคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมอบหมายจํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ (๕) ในกรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือประธาน แผนกคดีในศาลปกครองสูงสุดถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วยตุลาการใน ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสามคน และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือ รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมอบหมาย จํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการครบตามจํานวน หรือ มีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ ก.ศป. แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการแทน ตามจํานวนที่ขาด ทั้งนี้ ให้แต่งตั้งกรรมการซึ่งเป็นตุลาการศาลปกครองตาม (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) แล้วแต่กรณี ทําหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการสอบสวน และแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการด้วย คําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ สส. ๑ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๙ ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่ามีมูลควรกล่าวหาว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองกระทํา ผิดวินัยไม่ถึงขั้นจะต้องให้ออกหรือไล่ออก ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสองคน เป็นกรรมการ (๒) ในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสองคน เป็นกรรมการ (๓) ในกรณีที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วย ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสองคน เป็นกรรมการ (๔) ในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวน ประกอบด้วยตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสองคน เป็นกรรมการ (๕) ในกรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือประธาน แผนกคดีในศาลปกครองสูงสุดถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วยตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งคนหนึ่งเป็นประธาน กรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองสูงสุดที่ ก.ศป. แต่งตั้งจํานวนสี่คน เป็นกรรมการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งที่จะแต่งตั้ง เป็นกรรมการครบตามจํานวน หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ ก.ศป. แต่งตั้งผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด เป็นกรรมการแทนตามจํานวนที่ขาด ทั้งนี้ ให้แต่งตั้งกรรมการตาม (๑) (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) แล้วแต่กรณี ทําหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการสอบสวน และแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการด้วย คําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ สส. ๒ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่กรรมการสอบสวนในคณะกรรมการสอบสวนตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ พ้นจากตําแหน่ง หรือไม่อาจ ปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ ก.ศป. มีคําสั่งแต่งตั้งบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ แล้วแต่กรณี เป็นกรรมการแทน และให้แจ้งคําสั่งตามวิธีการที่กําหนดในข้อ ๑๑ ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงการสอบสวนที่ได้กระทําไปแล้ว ข้อ ๑๑ ให้คณะกรรมการสอบสวนมีหนังสือแจ้งคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยเร็ว โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อและวันที่รับทราบไว้เป็นหลักฐานในการนี้ ให้มอบสําเนาคําสั่ง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับด้วย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมรับทราบคําสั่งหรือไม่อาจแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบได้ ให้คณะกรรมการสอบสวนบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ข้อ ๑๒ การประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน ในที่ประชุม การลงมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนนและห้ามมิให้งด ออกเสียง ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ข้อ ๑๓ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิคัดค้านกรรมการสอบสวน ถ้าผู้นั้นมีเหตุอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะผู้ถูกกล่าวหากระทําการตามเรื่องที่ถูกกล่าวหา (๒) มีประโยชน์ได้เสียในเรื่องที่สอบสวน (๓) มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหา (๔) เป็นผู้กล่าวหา หรือเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ของผู้ถูกกล่าวหา (๕) เป็นคู่หมั้น คู่สมรส หรือบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็นพี่น้องหรือลูกพี่ลูกน้องนับได้ เพียงภายในสามชั้น หรือเป็นญาติเกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้นของผู้กล่าวหา (๖) มีเหตุอื่นซึ่งอาจทําให้การสอบสวนไม่เป็นกลางหรือเสียความเป็นธรรม การคัดค้านกรรมการสอบสวนต้องทําเป็นหนังสือยื่นต่อ ก.ศป. ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบ คําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือนับแต่วันที่ทราบว่ามีเหตุคัดค้านตามวรรคหนึ่งโดยหนังสือคัดค้านต้องแสดงข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่เป็นเหตุแห่งการคัดค้านตามที่กําหนดในวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่าการคัดค้านไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในวรรคสอง ให้ ก.ศป. สั่งไม่รับคําคัดค้านและแจ้งคําสั่งให้ผู้คัดค้านทราบ แต่ถ้าเห็นว่าการคัดค้านเป็นไปตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในวรรคสอง ให้ส่งสําเนาหนังสือคัดค้านไปให้ผู้ถูกคัดค้านและประธานกรรมการสอบสวนเพื่อทราบและเก็บรวบรวมไว้ในสํานวนการสอบสวน โดยต้องให้โอกาสผู้ถูกคัดค้านได้ชี้แจงเป็นหนังสือต่อ ก.ศป. ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับสําเนาหนังสือคัดค้าน ในการนี้ ผู้ถูกคัดค้านต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่กรรมการสอบสวนตั้งแต่วันที่ได้รับสําเนาหนังสือคัดค้าน ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่าคําคัดค้านไม่มีเหตุผลพอรับฟังได้ ให้สั่งยกคําคัดค้าน แต่ถ้าเห็นว่าคําคัดค้านมีเหตุผล รับฟังได้ ให้สั่งให้ผู้ถูกคัดค้านพ้นจากการเป็นกรรมการสอบสวนและสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนคนใหม่ เข้าทําหน้าที่แทนให้ครบจํานวนตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๘ หรือข้อ ๙ แล้วแต่กรณี และให้แจ้งคําสั่งตามวิธีการ ที่กําหนดในข้อ ๑๑ การพ้นจากการเป็นกรรมการสอบสวน ไม่กระทบกระเทือนถึงการสอบสวนที่ได้กระทําไปแล้ว ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสอบสวนผู้ใดเห็นว่าตนมีเหตุอันอาจถูกคัดค้านตามข้อ ๑๓ วรรคหนึ่ง ให้ผู้นั้นรายงานต่อ ก.ศป. และให้นําข้อ ๑๓ วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๕ ให้คณะกรรมการสอบสวนดําเนินการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ ประธานกรรมการสอบสวนได้รับแจ้งคําสั่งแต่งตั้ง ถ้ามีความจําเป็นไม่อาจสอบสวนได้ทันภายในกําหนดเวลานั้น ให้ขยายเวลาออกไปได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสามสิบวัน โดยการขยายเวลาแต่ละครั้งให้แจ้ง ก.ศป. ทราบ แต่ถ้าขยายเวลาแล้วยังสอบสวนไม่เสร็จ จะขยายเวลาต่อไปอีกได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจาก ก.ศป. ข้อ ๑๖ เมื่อได้รับแจ้งคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการ สอบสวนเพื่อกําหนดแนวทางการสอบสวนต่อไป ข้อ ๑๗ ในกรณีที่ ก.ศป. เห็นว่ามีมูลควรกล่าวหาว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองมีกรณี ตามข้อ ๔ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง และ ก.ศป. เห็นว่า หากให้ผู้ถูก กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ก.ศป. มีอํานาจสั่งพักราชการผู้ถูกกล่าวหา ความในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า การให้ผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ และเสนอความเห็นดังกล่าวต่อ ก.ศป. ด้วย การให้พักราชการนั้นให้พักตลอดเวลาที่สอบสวนหรือพิจารณาผลการสอบสวน เมื่อสอบสวน หรือพิจารณาผลการสอบสวนเสร็จแล้ว ถ้าปรากฏว่าผู้ถูกให้พักราชการมิได้กระทําการตามที่ถูกสอบสวน หรือพิจารณา ก็ให้ ก.ศป. มีคําสั่งให้ผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ข้อ ๑๘ เมื่อเริ่มการสอบสวน ให้คณะกรรมการสอบสวนเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและอธิบายข้อกล่าวหาให้ทราบ โดยไม่ต้องระบุชื่อพยานการ แจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้ทําเป็นหนังสือตามแบบ สส. ๓ ท้ายระเบียบนี้และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหาในหนังสือดังกล่าวด้วย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบในหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ให้คณะกรรมการ สอบสวนจดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อนั้นไว้ในหนังสือดังกล่าวแทนการลงลายมือชื่อ ข้อ ๑๙ ให้คณะกรรมการสอบสวนสอบถามผู้ถูกกล่าวหาว่ามีกรณีตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่และจะชี้แจงหรือให้ถ้อยคําอย่างไร ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคํารับว่ามีกรณีตามที่ถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนบันทึกถ้อยคํารับ รวมทั้งเหตุผลและข้อเท็จจริงอื่นที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย ถ้ามี ในการนี้ คณะกรรมการสอบสวนจะดําเนินการสอบสวนต่อไปหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๒๐ ในการสอบปากคําพยาน ผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหา คณะกรรมการสอบสวนต้องดําเนินการ ดังนี้ (๑) ต้องมีกรรมการสอบสวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการสอบสวนทั้งหมดจึงจะสอบสวนได้ (๒) ห้ามมิให้กรรมการสอบสวนผู้ใดกระทําการล่อลวง ขู่เข็ญ ให้คํามั่นสัญญา จูงใจ หรือกระทํา โดยมิชอบประการใด ๆ เพื่อให้บุคคลนั้นให้ถ้อยคํา (๓) ให้คณะกรรมการสอบสวนเรียกผู้ซึ่งจะถูกสอบปากคําเข้ามาในที่สอบสวนคราวละหนึ่งคน ห้ามมิให้บุคคลอื่นอยู่ในที่สอบสวน เว้นแต่เป็นทนายความหรือที่ปรึกษาของผู้ถูกกล่าวหาหรือเป็นบุคคล ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนอนุญาตให้อยู่ในที่สอบสวนเพื่อประโยชน์แห่งการสอบสวน การสอบปากคําพยาน ผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหา ให้บันทึกถ้อยคําไว้ตามแบบ สส. ๔ ท้ายระเบียบนี้ เมื่อได้บันทึกถ้อยคําเสร็จแล้ว ให้อ่านให้ผู้ให้ถ้อยคําฟัง หรือจะให้ผู้ให้ถ้อยคําอ่านเองก็ได้ เมื่อผู้ให้ถ้อยคํา รับว่าถูกต้องแล้ว ให้ผู้ให้ถ้อยคําและผู้บันทึกถ้อยคําลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานและให้กรรมการสอบสวนทุกคนซึ่งร่วมสอบสวนลงลายมือชื่อรับรองไว้ในบันทึกถ้อยคํานั้นด้วย ถ้าบันทึกถ้อยคํามีหลายหน้า ให้กรรมการสอบสวนอย่างน้อยหนึ่งคนกับผู้ให้ถ้อยคําลงลายมือชื่อกํากับไว้ทุกหน้า ในการบันทึกถ้อยคํา ห้ามมิให้ขูดลบหรือบันทึกข้อความทับ ถ้าจะต้องแก้ไขข้อความ ที่ได้บันทึกไว้แล้ว ให้ใช้วิธีขีดฆ่าหรือตกเติม และให้กรรมการสอบสวนผู้ร่วมสอบสวนอย่างน้อยหนึ่งคน กับผู้ให้ถ้อยคําลงลายมือชื่อกํากับไว้ทุกแห่งที่ขีดฆ่าหรือตกเติม ในกรณีที่ผู้ให้ถ้อยคําไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อนั้นไว้ในบันทึกถ้อยคําด้วย ในกรณีที่ผู้ให้ถ้อยคําไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้นํามาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๒๑ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีกรณีตามข้อ ๔ แต่เป็นเรื่องอื่น นอกจากที่ระบุไว้ในคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานให้ ก.ศป. ทราบโดยเร็ว หาก ก.ศป. เห็นว่ากรณีดังกล่าวมีมูล ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสําหรับเรื่องนั้น โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน คณะเดิมเป็นผู้ทําการสอบสวนหรือจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนใหม่ก็ได้ ข้อ ๒๒ ในกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้อื่น เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่น หรือบุคคลอื่น และคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้นั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น หรือบุคคลนั้น มีส่วนร่วมกระทําการในเรื่องที่สอบสวนนั้นด้วย ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานไปยัง ก.ศป. เพื่อพิจารณาดําเนินการตามที่เห็นสมควร ข้อ ๒๓ ให้คณะกรรมการสอบสวนมีอํานาจเรียกให้หน่วยงานทางปกครองหรือบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง ให้ถ้อยคํา หรือให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับเรื่องที่สอบสวนได้ ข้อ ๒๔ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเรียกบุคคลใดมาเป็นพยาน ให้บุคคลนั้นมาชี้แจงหรือให้ถ้อยคําตามวัน เวลา และสถานที่ที่คณะกรรมการสอบสวนกําหนด ในกรณีที่พยานไม่มา หรือมาแต่ไม่ให้ถ้อยคํา หรือคณะกรรมการสอบสวนเรียกพยานไม่ได้ภายในเวลาอันสมควร คณะกรรมการสอบสวนจะไม่สอบสวนพยานนั้นก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ในสํานวนการสอบสวนด้วย ข้อ ๒๕ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนพยานหลักฐานใดจะทําให้การสอบสวนล่าช้าไป โดยไม่จําเป็นหรือมิใช่พยานหลักฐานในประเด็นสําคัญ คณะกรรมการสอบสวนจะงดการสอบสวนพยานหลักฐานนั้นเสียก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ในสํานวนการสอบสวน ข้อ ๒๖ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ทําการสอบสวนเสร็จแล้ว และเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีกรณีตามข้อ ๔ ให้คณะกรรมการสอบสวนเรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อแจ้งให้ทราบว่า จากการสอบสวน มีพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาอย่างไร รวมทั้งให้ระบุวัน เวลา สถานที่ และการกระทํา ที่มีลักษณะเป็นการสนับสนุนข้อกล่าวหาด้วย การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้ทําเป็นหนังสือตามแบบ สส. ๕ ท้ายระเบียบนี้ และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อ รับทราบในหนังสือดังกล่าวด้วย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบในหนังสือแจ้งสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน ข้อกล่าวหาตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการสอบสวนจดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อนั้นไว้ในหนังสือดังกล่าว แทนการลงลายมือชื่อ ข้อ ๒๗ ให้คณะกรรมการสอบสวนเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงหรือนําพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการสอบสวนกําหนด ในการนําพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ข้อกล่าวหาตามวรรคหนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาจะนําพยานหลักฐานมาเอง หรือจะขอให้คณะกรรมการสอบสวนเรียกพยานหลักฐานนั้นมาก็ได้ ข้อ ๒๘ ในกรณีการสอบสวนตามข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ทําการสอบสวนเสร็จหรือได้ดําเนินการตามข้อ ๒๖ และข้อ ๒๗ แล้ว ให้ทํารายงานการสอบสวนเสนอต่อ ก.ศป. กรรมการสอบสวนผู้ใดมีความเห็นแย้งให้ทําความเห็นแย้งแนบไว้กับรายงานการสอบสวน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของรายงานการสอบสวนด้วย รายงานการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ สส. ๖ ท้ายระเบียบนี้ โดยอย่างน้อยต้องมีสาระสําคัญ ดังนี้ (๑) สรุปข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และระยะเวลาที่ใช้ในการสอบสวน ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคํารับว่ามีกรณีตามที่ถูกกล่าวหา ให้มีบันทึกถ้อยคํารับ รวมทั้งเหตุผลและข้อเท็จจริงอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ถ้ามี (๒) วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหากับพยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวหา (๓) ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมีสาระสําคัญ ดังนี้ (ก) ผู้ถูกกล่าวหามีกรณีตามข้อ ๔ ในเรื่องที่สอบสวนหรือไม่ (ข) ถ้าผู้ถูกกล่าวหามีกรณีตามข้อ ๔ ในเรื่องที่ถูกสอบสวน ให้ระบุด้วยว่าเป็นกรณี ตามข้อ ๔ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือกรณีกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง และมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษหรือไม่ (ค) ควรให้ออกจากราชการ ให้ออกหรือไล่ออก (ง) หากเห็นว่าการมีกรณีตามข้อ ๔ นั้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งให้เสนอความเห็นว่าควรให้งดเลื่อนตําแหน่งหรืองดเลื่อนเงินเดือนเป็นเวลาเท่าใด มีเหตุสมควรปรานีที่จะลงโทษเพียงภาคทัณฑ์ โดยจะให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนด้วย หรือไม่ ข้อ ๒๙ ในกรณีการสอบสวนตามข้อ ๙ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ทําการสอบสวนเสร็จแล้วหรือได้ดําเนินการ ตามข้อ ๒๖ และข้อ ๒๗ แล้ว ให้ทํารายงานการสอบสวนเสนอต่อ ก.ศป. กรรมการสอบสวนผู้ใดมีความเห็นแย้งให้ทําความเห็นแย้งแนบไว้กับรายงานการสอบสวน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของรายงานการสอบสวนด้วย รายงานการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบ สส. ๗ ท้ายระเบียบนี้ โดยอย่างน้อยต้องมีสาระสําคัญ ดังนี้ (๑) สรุปข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และระยะเวลาที่ใช้ในการสอบสวนในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคํา รับสารภาพ ให้มีบันทึกถ้อยคํารับสารภาพ รวมทั้งเหตุผลและข้อเท็จจริงอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ถ้ามี (๒) วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหากับพยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวหา (๓) ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมีสาระสําคัญ ดังนี้ (ก) ผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ซึ่งไม่ใช่การกระทําความผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องที่สอบสวนหรือไม่ (ข) ถ้ามีกรณีตาม (ก) ควรลงโทษโดยให้งดเลื่อนตําแหน่งหรืองดเลื่อนเงินเดือนเป็นเวลาเท่าใด มีเหตุสมควรปรานีที่จะลงโทษเพียงภาคทัณฑ์ โดยจะให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนด้วย หรือไม่ (ค) หากเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมควรหรือทุจริต ต่อหน้าที่ราชการ หรือกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป.ว่าด้วยวินัยแห่ง การเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ให้เสนอความเห็นต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาดําเนินการต่อไป ข้อ ๓๐ ในกรณีการสอบสวนตามข้อ ๘ เมื่อ ก.ศป. ได้พิจารณารายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน แล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีกรณีตามข้อ ๔ ให้ ก.ศป. ยุติเรื่อง แต่หาก ก.ศป. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีกรณี ตามข้อ ๔ ให้ดําเนินการ ดังนี้ (๑) หากเห็นว่าการมีกรณีตามข้อ ๔ ถึงขั้นที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่ง ก.ศป. อาจมีมติ ดังนี้ (ก) ไล่ออก ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ราชการตามมาตรา ๒๓ (๑) หรือกระทําผิดวินัย อย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (ข) ให้ออก ในกรณีผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กําหนดในประกาศก.ศป. ว่าด้วยวินัย แห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะถูกไล่ออก (ค) ให้ออกจากราชการ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการได้โดยสม่ําเสมอแต่ไม่ถึงเหตุทุพพลภาพ หรือได้รับโทษจําคุก โดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกในความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง (๒) หรือ (๓) หรือมีกรณีตามมาตรา ๒๑ (๔) หรือ (๗) หรือเป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ (๒) หากเห็นว่าการมีกรณีตามข้อ ๔ นั้น ยังไม่ถึงขั้นที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งก.ศป. อาจลงโทษ งดเลื่อนตําแหน่งหรืองดเลื่อนเงินเดือนเป็นเวลาไม่เกินสามปี แต่หากมีเหตุสมควรปรานีจะลงโทษเพียงภาคทัณฑ์ โดยจะให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่า ข้อ ๓๑ ในกรณีการสอบสวนตามข้อ ๙ เมื่อ ก.ศป. ได้พิจารณารายงานการสอบสวน ของคณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีกรณีตามข้อ ๔ ให้ ก.ศป. ยุติเรื่อง แต่หาก ก.ศป. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีกรณีตามข้อ ๔ ให้มีมติลงโทษงดเลื่อนตําแหน่งหรืองดเลื่อนเงินเดือนเป็นเวลา ไม่เกินสามปี แต่หากมีเหตุสมควรปรานีจะลงโทษเพียงภาคทัณฑ์ โดยจะให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือ หรือว่ากล่าวตักเตือนด้วยก็ได้ ข้อ ๓๒ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งมาจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการฝ่ายอื่น หรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นของรัฐผู้ใดมีกรณีกระทําผิดวินัยอยู่ก่อนวันที่ได้รับ แต่งตั้งเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ให้ ก.ศป. เป็นผู้พิจารณาดําเนินการตามมาตรา ๒๔/๑ ข้อ ๓๓ ให้นําความในระเบียบนี้มาใช้บังคับกับการดําเนินการทางวินัยกรณีข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้วมีมติวินิจฉัยว่ากระทําผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําผิดต่อ ตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ข้อ ๓๔ การสอบสวนในขั้นตอนใดหากกระทําไม่ถูกต้องตามวิธีการที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ก็ไม่ทําให้การสอบสวนทั้งหมดเสียไป ทั้งนี้ หากการสอบสวนในขั้นตอนใดมิใช่สาระสําคัญอันจะทําให้เสียความเป็นธรรม ก.ศป. จะสั่งให้แก้ไขหรือดําเนินการในส่วนของขั้นตอนนั้นให้ถูกต้องหรือไม่ก็ได้ แต่หากการสอบสวนในขั้นตอนใด เป็นสาระสําคัญอันจะทําให้เสียความเป็นธรรม ให้ ก.ศป. สั่งให้คณะกรรมการสอบสวนแก้ไขหรือ ดําเนินการสอบสวนขั้นตอนนั้นให้ถูกต้องโดยเร็ว ข้อ ๓๕ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อ ๔ (๑) (๖) หรือตามที่กําหนดในประกาศ ก.ศป. ว่าด้วยวินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการ ศาลปกครองและเป็นการกล่าวหาเป็นหนังสือต่อหรือโดยผู้มีอํานาจดําเนินการทางวินัยของข้าราชการ ตุลาการศาลปกครองผู้นั้น แม้ภายหลังข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้นั้นจะพ้นจากตําแหน่งไปแล้ว ให้ผู้มีอํานาจดําเนินการทางวินัยสอบสวนหรือพิจารณาลงโทษหรือเปลี่ยนแปลงคําสั่งได้เสมือนผู้นั้น ยังมิได้พ้นจากตําแหน่ง เว้นแต่ข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้นั้นจะพ้นจากตําแหน่งเพราะตาย ข้อ ๓๖ ในกรณีที่ได้มีการสั่งให้สอบสวนข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้ใดตามกฎหมาย กฎ ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ ที่ใช้อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการต่อไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในขณะ ที่กระทําความผิดนั้นจนแล้วเสร็จ ข้อ ๓๗ ในกรณีที่ได้มีการสั่งพักราชการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และการสอบสวนหรือการพิจารณานั้นยังไม่เสร็จ ให้การสั่งพักราชการนั้นมีผลต่อไปตามระเบียบนี้ จนกว่าจะมีการสั่งการเป็นอย่างอื่นตามระเบียบนี้ ข้อ ๓๘ ให้ ก.ศป. มีอํานาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๓๙ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,401
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพ ในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “การประเมินสมรรถภาพ” หมายความว่า การประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการ ศาลปกครองซึ่งจะมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์เพื่อให้ดํารงตําแหน่งต่อไป โดยวิธีการประเมินสุขภาพ ทั้งทางกายและทางจิตใจ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๔ ภายในเดือนกรกฎาคมของแต่ละปี ให้สํานักงานตรวจสอบและจัดทําบัญชีรายชื่อตุลาการศาลปกครอง ซึ่งจะมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไปและแจ้งให้ตุลาการศาลปกครองดังกล่าวทราบ เพื่อแสดงความประสงค์ว่าจะเข้ารับการประเมินสมรรถภาพหรือไม่ ให้ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์เข้ารับการประเมินสมรรถภาพแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือต่อสํานักงานภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๕ เมื่อครบกําหนดเวลาตามข้อ ๔ วรรคสอง ให้สํานักงานแจ้งผลการสอบถามความประสงค์ต่อ ก.ศป. ว่ามีตุลาการศาลปกครองผู้ใดประสงค์เข้ารับการประเมินสมรรถภาพพร้อมทั้งเสนอเรื่องต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์ขึ้นทําการประเมินตามข้อ ๖ คณะกรรมการแพทย์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ ก.ศป. กําหนด โดยให้ประกอบด้วยแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐจํานวนไม่น้อยกว่าสามคน ข้อ ๖ ให้สํานักงานจัดให้มีและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประเมินสุขภาพของตุลาการศาลปกครอง ซึ่งเข้ารับการประเมินสมรรถภาพภายในเดือนกันยายนของปีนั้น ในการประเมินสุขภาพตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการแพทย์มีหน้าที่ประเมินสุขภาพของตุลาการศาลปกครอง ผู้เข้ารับการประเมินสมรรถภาพ ณ โรงพยาบาลของรัฐที่ ก.ศป. กําหนด แล้วส่งรายงานผลการประเมินสุขภาพ ไปยังสํานักงานเพื่อเสนอต่อ ก.ศป. โดยเร็ว ข้อ ๗ เมื่อ ก.ศป. พิจารณารายงานผลการประเมินสุขภาพของคณะกรรมการแพทย์แล้วเห็นว่าตุลาการศาลปกครอง ผู้เข้ารับการประเมินสมรรถภาพมีสมรรถภาพที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลปกครองต่อไป ให้ ก.ศป. มีมติว่าตุลาการศาลปกครองผู้นั้นผ่านการประเมินสมรรถภาพ แต่ในกรณี ก.ศป. เห็นว่าตุลาการ ศาลปกครองผู้นั้นไม่มีสมรรถภาพที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลปกครองต่อไป ให้ ก.ศป. มีมติว่าตุลาการศาลปกครองผู้นั้นไม่ผ่านการประเมินสมรรถภาพ ให้สํานักงานแจ้งผลการประเมินสมรรถภาพตามวรรคหนึ่งให้ตุลาการศาลปกครองผู้เข้ารับการประเมินสมรรถภาพทราบโดยเร็ว ข้อ ๘ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ กับให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,402
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพ ในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๖ ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองพ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้สํานักงานจัดให้มีและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประเมินสุขภาพของตุลาการศาลปกครองซึ่งเข้ารับการประเมินสมรรถภาพภายในเดือนกันยายนของปีนั้น” ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,403
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลางหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคต่าง ๆ “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานในสํานักงานระดับสํานักหรือเทียบเท่า และสํานักงานศาล “ประธาน” หมายความว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “หัวหน้าการเงิน” หมายความว่า ผู้อํานวยการกลุ่มที่ปฏิบัติงานการเงินของสํานักงานหรือข้าราชการซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า ข้าราชการซึ่งได้รับมอบหมาย หรือแต่งตั้งตามระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชีของสํานักงานศาล “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และลูกจ้างของสํานักงาน “หลักฐานการจ่ายเงิน” หมายความว่า หลักฐานซึ่งแสดงว่าได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับหรือเจ้าหนี้ตามข้อผูกพันถูกต้องแล้ว “ใบสําคัญคู่จ่าย” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นใบเสร็จรับเงิน หลักฐานของธนาคารแสดงการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ หรือหลักฐานการนําเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้รับที่ธนาคาร และให้รวมถึง ใบนําส่งเงินต่อคลังด้วย “ใบสําคัญ” หมายความว่า หลักฐานแสดงการจ่ายเงินของผู้ปฏิบัติงาน “เงินสดย่อย” หมายความว่า เงินสดที่มีไว้ประจําสํานักงานและสํานักงานศาล เพื่อใช้จ่ายเป็นเงินยืมหรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นของสํานักงานและสํานักงานศาล ข้อ ๔ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินและการเก็บรักษาเงินที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงินของทางราชการโดยอนุโลม ข้อ ๕ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอํานาจออกระเบียบ คําสั่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดจากการใช้ระเบียบนี้ หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๗ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมใช้บังคับแล้ว ให้สํานักงานจัดทําแผนการเบิกจ่ายเงินประจําปีเพื่อเบิกเงินกับกรมบัญชีกลางและให้ฝากเงินดังกล่าวไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ดอกเบี้ยซึ่งเกิดจากเงินฝากธนาคารตามวรรคหนึ่ง ให้นําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินอย่างช้าไม่เกินสามวันทําการ นับจากวันที่ธนาคารแจ้งหรือบันทึกแสดงยอดดอกเบี้ยในสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารให้แล้ว ข้อ ๘ การรับเงินที่เป็นเงินสดหรือเช็คที่ธนาคารสั่งจ่าย ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบออกใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง แล้วนําเข้าบัญชีเงินฝากของสํานักงานอย่างช้าภายในวันทําการถัดไป การรับเงินที่เป็นธนาณัติหรือตราสารอื่น ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบออกใบเสร็จรับเงินโดยหมายเหตุว่าใบเสร็จรับเงินนั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้เรียกเก็บเงินตามธนาณัติหรือตราสารนั้นแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบนําธนาณัติหรือตราสารอื่นนั้นไปขึ้นเงินอย่างช้าภายในวันทําการถัดไปและนําเงินที่ได้รับเข้าบัญชีเงินฝากของสํานักงานภายในวันเดียวกัน ข้อ ๙ การรับเงินทุกรายการจะต้องบันทึกเงินที่ได้รับในบัญชีเงินสด หรือบัญชีเงินฝากธนาคารภายในวันที่ได้รับเงินนั้น โดยให้แสดงให้ทราบว่าได้รับเงินตามแบบคําขอเบิกเงินงบประมาณใบเสร็จรับเงินหรือเอกสารอื่น ในกรณีที่มีการรับเงินภายหลังกําหนดเวลาปิดบัญชีสําหรับวันนั้นแล้ว ให้บันทึกการรับเงินดังกล่าวในวันทําการถัดไป กําหนดเวลาปิดบัญชีให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๐ แบบใบเสร็จรับเงินให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกําหนด ใบเสร็จรับเงินจะต้องไม่มีการขูด ลบ แก้ไขเพิ่มเติมหมายเลขกํากับใบเสร็จรับเงิน จํานวนเงินหรือชื่อผู้ชําระเงิน หากใบเสร็จรับเงินลงรายการรับเงินผิดพลาดให้ทําการยกเลิกใบเสร็จรับเงิน นั้น เว้นแต่ปรากฏในภายหลังว่ามีการลงรายการรับเงินผิดพลาดซึ่งมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงจํานวนเงิน หรือตัวผู้ชําระเงิน ให้แก้ไขโดยขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกํากับ การยกเลิกใบเสร็จรับเงิน ให้ประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยตรายางสีแดงไว้ในใบเสร็จรับเงินนั้นและให้คงใบเสร็จรับเงินฉบับที่ยกเลิกติดไว้กับสําเนาเพื่อการตรวจสอบ \* แก้ไขคําว่า “ผู้อํานวยการกองคลัง” เป็น “ผู้อํานวยการกองการเงินและบัญชี” แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบฯ (ฉ.๓/๒๕๔๗) และแก้ไขคําว่า “ผู้อํานวยการกองการเงินและบัญชี” เป็น “ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุน” แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบฯ (ฉ.๔/๒๕๕๐) \*\* แก้ไขคําว่า “หัวหน้าสํานักงานศาล” เป็น “ผู้อํานวยการสํานักงานศาล” แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบฯ (ฉ.๔/๒๕๕๐)
10,404
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้การบริหารการเงินของสํานักงานศาลปกครอง มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔๑ การจ่ายเงินยืมของสํานักงานและสํานักงานศาลจะจ่ายได้แต่เฉพาะที่ผู้ยืม ได้ทําสัญญาการยืมตามแบบที่กองคลังกําหนด และเลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายหรือหัวหน้าสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ได้อนุมัติให้จ่ายเงินยืมตามสัญญาการยืมเงินนั้นแล้ว” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔๕ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔๕ เมื่อผู้ยืมส่งใช้เงินยืม ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับเงินบันทึกการรับคืนเงินยืมพร้อมทั้ง ออกใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี) และใบรับใบสําคัญซึ่งส่งใช้เงินยืม ให้ผู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔๘ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔๘ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลมีเงินสดย่อยไว้สํารองจ่ายในแต่ละวันตามจํานวน ที่เลขาธิการกําหนด” ข้อ ๖ ให้เพิ่มความดังต่อไปนี้เป็น (๕) ของข้อ ๕๐ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ “(๕) เป็นการทดรองจ่ายเงินสวัสดิการต่างๆ ให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างของสํานักงาน ทั้งนี้ เฉพาะเงินสวัสดิการที่จะต้องขอเบิกจากกรมบัญชีกลาง” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕๑ เงินสดย่อยคงเหลือในแต่ละวันเฉพาะที่เป็นเงินสด ให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัย เว้นแต่ในกรณีที่ไม่มีตู้นิรภัย ให้เก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ณ ที่ทําการ โดยปฏิบัติตามข้อกําหนด เรื่อง การเก็บรักษาเงินของสํานักงาน” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๕๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) จํานวนเงินสดและเงินฝากธนาคารคงเหลือ” ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๕๙ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕๙ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการของสํานักงานซึ่งดํารงตําแหน่งระดับหก หรือเทียบเท่าขึ้นไปอย่างน้อยสามคน เป็นกรรมการเก็บรักษาเงิน” ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖๕ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖๕ ให้หัวหน้าการเงินหรือเจ้าหน้าที่การเงินหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย เสนอรายงานเงินคงเหลือประจําวันในวันทําการถัดไปต่อเลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายหรือหัวหน้าสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี” ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗๑ เมื่อเริ่มปีงบประมาณให้กองคลังนําเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารของสํานักงาน ศาลทุกแห่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ แต่ต้องไม่น้อยกว่า เงินค่าใช้จ่ายของสํานักงานศาลในระยะเวลาสองเดือน กรณีที่สํานักงานศาลใดมีความจําเป็นต้องใช้จ่ายเงินมากกว่าจํานวนที่โอนให้ จะต้องทําคําขอโดยระบุเหตุผลและความจําเป็นเสนอต่อเลขาธิการเพื่อพิจารณาอนุมัติ” ข้อ ๑๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗๓ การขอเบิกเงินสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานในสํานักงานศาลที่จะต้องขอเบิก จากกรมบัญชีกลาง ให้สํานักงานศาลทดรองจ่ายเงินสวัสดิการโดยเบิกจ่ายจากเงินสดย่อย พร้อมกับรวบรวม ใบเบิกและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่สํานักงานศาลตรวจสอบแล้วส่งไปยังกองคลังเพื่อขอเบิกเงินจากกรมบัญชีกลางชดเชยเงินสดย่อยที่ได้ทดรองจ่ายไปก่อน” ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๗๔ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและประสานงานกับสํานักงานศาลต่างๆ ในด้านการบัญชี และการเงิน เลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย มีอํานาจสั่งให้สํานักงานศาลทําบัญชีหรือทํารายงานเกี่ยวกับการเงินนอกจากที่กําหนดในวรรคหนึ่งก็ได้” ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๓๓ ก หน้า วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๔ [↑](#footnote-ref-1)
10,405
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกนิยามคําว่า “หัวหน้าการเงิน” ในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “หัวหน้าการเงิน” หมายความว่า หัวหน้ากลุ่มงานการเงิน สังกัดกองการเงินและบัญชีของสํานักงานหรือข้าราชการซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน ข้อ ๔ ให้แก้ไขคําว่า “กองคลัง” และคําว่า “ผู้อํานวยการกองคลัง” ในระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็น “กองการเงินและบัญชี” และ “ผู้อํานวยการกองการเงินและบัญชี” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๖ ข้อ ๒๗ ข้อ ๒๘ และข้อ ๒๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๖ การจ่ายเงินให้จ่ายเป็นเช็ค หรือจ่ายโดยการสั่งให้ธนาคารโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลเข้าบัญชีเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน ยกเว้นในกรณีจ่ายจากเงินสดย่อย ข้อ ๒๗ การเขียนเช็คสั่งจ่ายและการสั่งจ่ายเช็ค ให้ปฏิบัติดังนี้ (๑) การเขียนเช็คสั่งจ่าย (ก) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ ในกรณีซื้อ เช่าทรัพย์สิน หรือจ้างทําของ ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้ ขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมด้วย (ข) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้นอกจากกรณีตาม (ก) ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้ขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมหรือไม่ก็ได้ (ค) ในกรณีสั่งจ่ายเงินด้วยเช็คเพื่อเบิกเงินสดมาจ่าย ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายและขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก ห้ามออกเช็คโดยไม่ระบุชื่อผู้รับเงิน ห้ามออกเช็คสั่งจ่ายเงินสด (ง) การออกเช็คเพื่อสั่งให้ธนาคารโอนเงินให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินตามข้อ ๒๘ ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของธนาคาร และให้ระบุคําว่า “เพื่อโอนให้เจ้าหนี้ ........ ราย” ไว้ในเช็คด้วย (จ) การเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินในเช็คที่เป็นตัวอักษร ให้เขียนหรือพิมพ์ให้ชิดคําว่า “บาท” และขีดเส้นหน้าจํานวนเงิน อย่าให้มีช่องว่างที่จะเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินเพิ่มเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน จนชิดคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” แล้วแต่กรณี โดยมิให้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลอื่นเพิ่มเติมได้อีก (๒) การสั่งจ่ายเช็คของสํานักงานและสํานักงานศาลทุกครั้ง จะต้องลงลายมือชื่อผู้มีอํานาจลงนามในเช็ค หากมีการระบุรายการในเช็คผิดพลาด ให้ยกเลิกเช็คโดยประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยตรายางสีแดงไว้ที่ด้านหน้าเช็คนั้น และให้คงเช็คที่ยกเลิกนั้นไว้กับต้นขั้วเพื่อการตรวจสอบ ข้อ ๒๘ การจ่ายเงินโดยการสั่งให้ธนาคารโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลเข้าบัญชีเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน ให้ปฏิบัติดังนี้ (๑) ให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแสดงเจตนาขอรับเงินผ่านธนาคาร ตามแบบคําขอรับเงินผ่านธนาคารที่สํานักงานกําหนด (๒) เมื่อหนี้ถึงกําหนดชําระ ให้สํานักงานหรือสํานักงานศาลจัดทําเช็คสั่งจ่ายเงินให้ธนาคารเป็นจํานวนเงินเท่ากับยอดรวมที่จะให้ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน และให้จัดทําเอกสารประกอบการสั่งโอนเงิน จํานวน ๒ ฉบับ เป็นต้นฉบับ ๑ ชุด และสําเนาคู่ฉบับ ๑ ชุด ดังนี้ (ก) หนังสือสั่งโอนเงิน โดยระบุชื่อ เลขที่บัญชีเงินฝาก และจํานวนเงินที่จะโอนเข้าบัญชีเงินฝากของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแต่ละรายที่ได้แสดงเจตนาไว้ตาม (๑) (ข) ใบนําฝากเงินเข้าบัญชีให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแต่ละราย ตามแบบของธนาคาร (๓) ให้ใช้แบบคําขอรับเงินผ่านธนาคาร หนังสือสั่งโอนเงิน สําเนาใบนําฝากเงินเข้าบัญชีของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน และใบเสร็จรับเงินซึ่งลงวันที่ที่โอนเงินเข้าบัญชี เป็นหลักฐานการจ่ายเงิน ข้อ ๒๙ การลงนามในเช็คให้ผู้อํานวยการกองการเงินและบัญชีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่วมกับข้าราชการอื่น ตามที่กําหนดไว้ ดังนี้ (๑) ผู้อํานวยการสํานักหรือกอง กรณีจ่ายเงินไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (๒) รองเลขาธิการ กรณีจ่ายเงินไม่เกิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๓) เลขาธิการ ไม่จํากัดวงเงิน สําหรับสํานักงานศาล ให้หัวหน้าสํานักงานศาลลงนามร่วมกับหัวหน้าส่วนบริหารงานทั่วไปหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย กรณีจ่ายเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท” ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑ ตอนพิเศษ ๗๔ ก หน้า ๙ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ [↑](#footnote-ref-1)
10,406
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครองว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System) ของกระทรวงการคลัง และการปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทภารกิจของหน่วยงาน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกนิยามคําว่า “หน่วยงานในสังกัด” “หัวหน้าการเงิน” “ผู้ปฏิบัติงาน” และ “ใบสําคัญคู่จ่าย” ในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงิน และการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานในสํานักงานระดับสํานักหรือเทียบเท่า และสํานักงานศาล “หัวหน้าการเงิน” หมายความว่า ผู้อํานวยการกลุ่มที่ปฏิบัติงานการเงินของสํานักงาน หรือข้าราชการซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และลูกจ้างของสํานักงาน “ใบสําคัญคู่จ่าย” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นใบเสร็จรับเงิน หลักฐาน ของธนาคารแสดงการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้หรือหลักฐานการนําเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้รับที่ธนาคาร และให้รวมถึงใบนําส่งเงินต่อคลังด้วย ข้อ ๔ ให้แก้ไขคําว่า “กองการเงินและบัญชี” “ผู้อํานวยการกองการเงินและบัญชี” “หัวหน้าสํานักงานศาล” และ “หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป” ในระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็น “สํานักบริหารการเงินและต้นทุน” “ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุน” “ผู้อํานวยการสํานักงานศาล” และ “ผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไป” ตามลําดับ ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมใช้บังคับแล้ว ให้สํานักงานจัดทําแผนการเบิกจ่ายเงินประจําปีเพื่อเบิกเงินกับกรมบัญชีกลาง และให้ฝากเงินดังกล่าวไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ดอกเบี้ยซึ่งเกิดจากเงินฝากธนาคารตามวรรคหนึ่ง ให้นําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินอย่างช้าไม่เกินสามวันทําการ นับจากวันที่ธนาคารแจ้งหรือบันทึกแสดงยอดดอกเบี้ยในสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารให้แล้ว” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ การรับเงินทุกรายการจะต้องบันทึกเงินที่ได้รับในบัญชีเงินสด หรือบัญชีเงินฝากธนาคารภายในวันที่ได้รับเงินนั้น โดยให้แสดงให้ทราบว่าได้รับเงินตามแบบคําขอเบิกเงินงบประมาณใบเสร็จรับเงินหรือเอกสารอื่น” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๖ ก่อนเริ่มต้นใช้เงินงบประมาณประจําปี ให้หน่วยงานในสังกัดจัดทําทะเบียนคุมเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีเพื่อควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณในวงเงินที่หน่วยงานได้รับอนุมัติจัดสรรตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๘ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๘ หน่วยงานในสังกัดใดประสงค์จะดําเนินการจัดซื้อจัดจ้าง หรือดําเนินการใด ๆ ซึ่งต้องเบิกเงินของสํานักงาน ให้ตรวจสอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินงบประมาณคงเหลือในทะเบียนคุมเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีของหน่วยงานว่ามีเพียงพอที่จะเบิกจ่ายได้ ก่อนเสนอผู้มีอํานาจอนุมัติให้ดําเนินการและขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน” ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ ให้ผู้ดํารงตําแหน่งดังต่อไปนี้ มีอํานาจอนุมัติให้ดําเนินการและอนุมัติจ่ายเงินภายในวงเงิน ดังนี้ (๑) ผู้อํานวยการสํานัก ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (๒) ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุน และผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพย์สิน ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (๓) ผู้อํานวยการสํานักงานศาล ไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท (๔) รองเลขาธิการ ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๕) เลขาธิการ ไม่จํากัดวงเงิน” ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๙ การลงนามในเช็คให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนลงนามร่วมกับเลขาธิการหรือรองเลขาธิการตามวงเงินที่กําหนดในข้อ ๒๑ สําหรับสํานักงานศาล ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลลงนามร่วมกับผู้อํานวยการกลุ่ม ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินตามวงเงินที่กําหนดในข้อ ๒๑ (๓)” ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๓๙ ในวันก่อนกําหนดการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างอย่างน้อยสามวันทําการ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนนําเงินเดือนและค่าจ้างคงเหลือสุทธิ เข้าฝากธนาคารในบัญชีของผู้ปฏิบัติงานแต่ละราย เพื่อที่ผู้ปฏิบัติงานจะสามารถเบิกเงินจากธนาคารได้ตามกําหนดเวลาและให้ขอหลักฐานการนําเงินเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าวเก็บไว้เป็นหลักฐานทางบัญชีต่อไป” ข้อ ๑๒ ให้ยกเลิกความใน (๕) ของข้อ ๕๐ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๕) เป็นการทดรองจ่ายเงินสวัสดิการต่าง ๆ ให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างของสํานักงาน ทั้งนี้ เฉพาะเงินสวัสดิการที่จะต้องขอเบิกจากกรมบัญชีกลางหรือสํานักงานคลังจังหวัด” ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของวรรคหนึ่ง ข้อ ๕๘ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) สําหรับสํานักงานให้ฝากเก็บที่กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง (๒) สําหรับสํานักงานศาลให้ฝากเก็บที่สํานักงานคลังจังหวัด” ข้อ ๑๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๑ และข้อ ๗๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗๑ เมื่อเริ่มปีงบประมาณให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนโอนเงินงบประมาณ ให้สํานักงานศาลทุกแห่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี กรณีสํานักงานศาลใดมีความจําเป็นต้องปรับแผนการใช้จ่ายเงิน โดยไม่กระทบต่อวงเงินงบประมาณที่สํานักงานศาลนั้นได้รับ ให้รายงานเหตุผลความจําเป็นต่อเลขาธิการและแจ้งให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนทราบเพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๗๒ สํานักงานศาลใดมีความจําเป็นต้องใช้เงินเกินกว่าวงเงินงบประมาณที่สํานักงาน ศาลนั้นได้รับ ให้เสนอเหตุผลความจําเป็นต่อเลขาธิการผ่านสํานักนโยบายและแผน และให้สํานักนโยบาย และแผนพิจารณาและเสนอความเห็นต่อเลขาธิการ” ข้อ ๑๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๑๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗๖ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทํางบทดลองของสํานักงานเสนอต่อเลขาธิการเป็นประจําทุกเดือน อย่างช้าภายในวันที่ ๑๐ ของเดือนถัดไป ให้เจ้าหน้าที่การเงินจัดทํางบทดลองของสํานักงานศาลเสนอต่อผู้อํานวยการสํานักงาน ศาลและส่งให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดไป เพื่อจัดทํารายงานการเงินในภาพรวมเสนอต่อเลขาธิการตามวรรคหนึ่ง” ข้อ ๑๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗๘ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘๐ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘๐ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทํางบการเงินประจําปีเสนอประธาน ผ่านเลขาธิการเพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณของทุกปี” ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๕๗ ก หน้า ๙ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ [↑](#footnote-ref-1)
10,407
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๖ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๑๐ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ใบเสร็จรับเงินจะต้องไม่มีการขูด ลบ แก้ไขเพิ่มเติมหมายเลขกํากับใบเสร็จรับเงิน จํานวนเงินหรือชื่อผู้ชําระเงิน หากใบเสร็จรับเงินลงรายการรับเงินผิดพลาดให้ทําการยกเลิกใบเสร็จรับเงิน นั้น เว้นแต่ปรากฏในภายหลังว่ามีการลงรายการรับเงินผิดพลาดซึ่งมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงจํานวนเงิน หรือตัวผู้ชําระเงิน ให้แก้ไขโดยขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกํากับ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๒๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครองว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ผู้อํานวยการสํานักหรือผู้อํานวยการหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมีฐานะเทียบเท่าสํานัก ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๖ การจ่ายเงินให้จ่ายเป็นเช็ค หรือจ่ายโดยการสั่งให้ธนาคารโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลเข้าบัญชีของเจ้าหนี้หรือu3612 ผู้มีสิทธิรับเงิน หรือจ่ายโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ยกเว้นในกรณีจ่ายจากเงินสดย่อยการจ่ายเงินโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ให้กระทําได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการแล้ว” ข้อ ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๘/๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครองว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ “ข้อ ๒๘/๑ การจ่ายเงินโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแสดงเจตนาขอรับเงินผ่านธนาคารโดยวิธีหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาล (๒) ให้สํานักงานหรือสํานักงานศาลยื่นคําขอแสดงความประสงค์ให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาลเพื่อชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน แล้วสําเนาคู่ฉบับไว้เป็นหลักฐานจํานวน ๑ ชุด (๓) เมื่อธนาคารดําเนินการหักเงินชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแล้วให้สํานักงานหรือสํานักงานศาลจัดพิมพ์รายงานสรุปการนําส่งเงินจากระบบงานทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศประเภทอื่นของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน (๔) ให้ใช้คําขอตาม (๒) ข้อมูลการนําส่งเงิน และรายงานสรุปการนําส่งเงินเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๕๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๕๙ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการของสํานักงานซึ่งดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญงาน หรือประเภทวิชาการไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญการ อย่างน้อยสามคนเป็นกรรมการเก็บรักษาเงิน” ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๖๙ ก หน้า ๑๑ วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ [↑](#footnote-ref-1)
10,408
พระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๕
พระราชกฤษฎีกา ค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าตอบแทนพยานบุคคลและ พยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕๕ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคล และพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๕” มาตรา ๒[[1]](#footnote-1) พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญ ของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๔ ในพระราชกฤษฎีกานี้ “ศาล” หมายความว่า ศาลปกครองหรือตุลาการศาลปกครอง “ค่าป่วยการ” หมายความว่า เงินที่จ่ายเป็นค่าตอบแทนในการให้ถ้อยคําหรือให้ความเห็น ต่อศาลด้วยวาจา ไม่ว่าโดยการมาศาล โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยระบบการประชุม ทางจอภาพ หรือในการทํารายงานความเห็นเป็นหนังสือเสนอต่อศาล “ค่าใช้จ่ายอื่น” หมายความว่า ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์บุคคล เอกสาร วัตถุ สถานที่ การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือการตรวจใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความเห็น หรือรายงาน ความเห็น อันจําเป็นแก่การพิจารณาและพิพากษาคดีของศาล แต่ไม่รวมถึงค่าพาหนะเดินทางและ ค่าที่พัก มาตรา ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๖ ให้พยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลเรียกมาให้ถ้อยคําหรือทําความเห็น ซึ่งมิใช่พยานที่คู่กรณีอ้าง มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ตามที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๗ การจ่ายเงินให้แก่พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา ๖ ให้เบิกจ่าย จากงบประมาณ และให้จ่ายเมื่อพยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญได้ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นหรือเมื่อได้มา ตามคําสั่งของศาลในแต่ละครั้ง แล้วแต่กรณี เว้นแต่กรณีมีเหตุจําเป็น ศาลอาจมีคําสั่งให้จ่ายเงินล่วงหน้า บางส่วนแก่พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญก่อนได้ ในกรณีที่พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลเรียกมาแต่มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง โดยไม่ได้เป็นความผิดของผู้นั้น ให้ศาลมีอํานาจกําหนดค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น แก่พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญที่มาศาลได้ตามที่เห็นสมควร โดยค่าป่วยการ ให้สั่งจ่ายไม่เกินอัตราในบัญชี ๑ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ สําหรับค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นให้สั่งจ่ายไม่เกินอัตราที่กําหนดในมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๑๔ แล้วแต่กรณี วิธีการเบิกจ่าย หลักฐานและเอกสารการเบิกจ่ายเงิน ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน มาตรา ๘ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจกําหนดแนวปฏิบัติของศาลเกี่ยวกับการกําหนด ค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ของพยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญ ตามพระราชกฤษฎีกานี้ได้ หมวด ๒ ค่าป่วยการ มาตรา ๙ พยานบุคคลที่ศาลเรียกมาให้ถ้อยคํา ไม่ว่าจะให้นําพยานหลักฐานหรือ ทําบันทึกชี้แจงเสนอต่อศาลด้วยหรือไม่ ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าป่วยการได้ตามที่เห็นสมควร ตามบัญชี ๑ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา ๑๐ พยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลเรียกมาให้ความเห็นหรือทํารายงานความเห็น ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าป่วยการได้ตามที่เห็นสมควร ดังนี้ (๑) ในกรณีให้ความเห็นต่อศาลด้วยวาจา ให้สั่งจ่ายตามบัญชี ๒ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ (๒) ในกรณีทํารายงานความเห็น โดยต้องทําเป็นรายงานการศึกษา การวิจัย การตรวจสอบ การทดสอบ หรือการตรวจสภาพ ซึ่งต้องใช้เวลาและความรู้ความสามารถสูง และเป็นข้อเท็จจริง ที่ศาลเห็นว่ามีความจําเป็นต่อการพิจารณาและพิพากษาคดี ให้ศาลกําหนดค่าป่วยการได้ตามที่ เห็นสมควรตามลักษณะความยากง่ายและปริมาณของรายงานความเห็นที่จะต้องจัดทํา ให้สั่งจ่าย ตามบัญชี ๓ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ถ้าองค์คณะเห็นว่าคดีนั้นมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ที่แสดงให้เห็นถึง ความยุ่งยากซับซ้อน หรือพยานผู้เชี่ยวชาญต้องใช้เวลาในการให้ความเห็นต่อศาลหรือจัดทํารายงาน ความเห็นเป็นเวลานาน องค์คณะอาจใช้ดุลพินิจกําหนดค่าป่วยการสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่กําหนดไว้ในบัญชี ๒ หรือบัญชี ๓ ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ได้ โดยให้องค์คณะบันทึกเหตุผลประกอบการใช้ดุลพินิจไว้ด้วย มาตรา ๑๑ พยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลตั้งโดยที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายร้องขอ มีสิทธิได้รับค่าป่วยการตามมาตรา ๑๐ หมวด ๓ ค่าพาหนะเดินทางและค่าที่พัก มาตรา ๑๒ ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าพาหนะเดินทางและค่าที่พักแก่พยานบุคคล ที่ศาลเรียกมาให้ถ้อยคําต่อศาล ดังนี้ (๑) ผู้ที่เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ให้หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมิใช่ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ให้หน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นคู่กรณี ให้สั่งจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น (๒) บุคคลนอกจาก (๑) ให้สั่งจ่ายได้โดยเทียบเท่ากับตําแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษ มาตรา ๑๓ ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าพาหนะเดินทางและค่าที่พักแก่พยานผู้เชี่ยวชาญ ที่ศาลเรียกมาให้ความเห็นหรือทํารายงานความเห็นต่อศาล ดังนี้ (๑) ผู้ที่เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ให้หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้สั่งจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น (๒) บุคคลนอกจาก (๑) ให้สั่งจ่ายได้โดยเทียบเท่ากับตําแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ หมวด ๔ ค่าใช้จ่ายอื่น มาตรา ๑๔ ในกรณีที่ศาลมีคําสั่งให้หน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของรัฐ นิติบุคคล หรือบุคคลใด ๆ ตรวจพิสูจน์บุคคล เอกสาร วัตถุ สถานที่ การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือ การตรวจใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความเห็น หรือรายงานความเห็น ให้ศาลมีอํานาจ สั่งจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นได้ ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้สั่งจ่ายเท่าจํานวนที่จ่ายจริง (๒) กรณีนิติบุคคล หรือบุคคลใด ๆ ให้สั่งจ่ายเท่าจํานวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่หน่วยงาน ทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม (๑) ที่ตรวจพิสูจน์ในประเภทเดียวกัน ในกรณีที่ไม่มีอัตรา ของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเทียบเคียง หรือจําเป็นที่จะต้องจ่ายเกินกว่านั้น ให้อยู่ในดุลพินิจขององค์คณะ โดยให้องค์คณะบันทึกเหตุผลประกอบการใช้ดุลพินิจไว้ด้วย ในกรณีพยานผู้เชี่ยวชาญมีความจําเป็นต้องตรวจพิสูจน์บุคคล เอกสาร วัตถุ สถานที่ การตรวจ วินิจฉัยทางการแพทย์ หรือการตรวจใด ๆ ให้ศาลมีอํานาจสั่งจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นตามวรรคหนึ่งได้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บัญชี ๑ ค่าป่วยการพยานบุคคล | | | --- | | อัตรา | | ไม่เกินวันละ ๑,๐๐๐ บาท | บัญชี ๒ ค่าป่วยการพยานผู้เชี่ยวชาญในการให้ความเห็นด้วยวาจาต่อศาล | | | --- | | อัตราระหว่างขั้นต่ําและขั้นสูง | | ขั้นต่ําครั้งละ | ขั้นสูงครั้งละ | | ๒,๐๐๐ บาท | ๒๐,๐๐๐ บาท | บัญชี ๓ ค่าป่วยการพยานผู้เชี่ยวชาญในการทํารายงานความเห็น | | | --- | | อัตราระหว่างขั้นต่ําและขั้นสูง | | ขั้นต่ําคดีละ | ขั้นสูงคดีละ | | ๓,๐๐๐ บาท | ๓๐,๐๐๐ บาท | หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทน พยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ บังคับใช้มาเป็นเวลานาน ทําให้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงอัตราค่าตอบแทน พยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลปกครองให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับอัตรา ค่าตอบแทนพยานบุคคลและพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลอื่นหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ จึงจําเป็นต้องตรา พระราชกฤษฎีกานี้ --------------------------------------------------- นางสาววันทะนา จันทะวงษ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๙/ตอนที่ ๓๒ ก/หน้า ๒๓/๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ [↑](#footnote-ref-1)
10,409
พระราชกฤษฎีกาเงินค่าตอบแทนตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔
พระราชกฤษฎีกา เงินค่าตอบแทนตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าตอบแทนตุลาการศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเงินค่าตอบแทนตุลาการศาลปกครองพ.ศ. ๒๕๔๔” มาตรา ๒[1](#fn1) พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ เป็นต้นไป มาตรา ๓ นอกจากค่าตอบแทนที่มีกฎหมายหรือระเบียบกําหนดไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ตุลาการศาลปกครองมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเกี่ยวกับเบี้ยประชุมกรรมการและเงินค่าตอบแทนอื่น ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ และให้นําระเบียบการเบิกจ่ายระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบอื่นของทางราชการในเรื่องดังกล่าวมาใช้โดยอนุโลมเพื่อประโยชน์ในการคํานวณเงินค่าตอบแทนตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนระดับ ๑๐ และให้ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนระดับ ๑๑ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตํารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี *หมายเหตุ* :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยมีตุลาการศาลปกครองทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีปกครอง และตุลาการศาลปกครองมีฐานะเป็นข้าราชการประเภทหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้ตุลาการปกครองมีสิทธฺได้รับเงินค่าตอบแทนต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับข้าราชการประเภทอื่น จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ --- 1.
10,410
พระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการตุลาการศาลปกครองและเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ตุลาการ ศาลปกครองถึงแก่ความตาย พ.ศ. ๒๕๔๔
พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการตุลาการศาลปกครอง และเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองถึงแก่ความตาย พ.ศ. ๒๕๔๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชการปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินสวัสดิการตุลาการศาลปกครองและเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองถึงแก่ความตาย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการตุลาการศาลปกครองและเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองถึงแก่ความตาย พ.ศ. ๒๕๔๔” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ตุลาการศาลปกครองมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การศึกษาของบุตร เงินสวัสดิการอื่นๆ และเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ถึงแก่ความตาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ และให้นําระเบียบการเบิกจ่าย ระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบอื่นของทางราชการในเรื่องดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม เพื่อประโยชน์ในการคํานวณเงินสวัสดิการตุลาการศาลปกครองและเงินช่วยพิเศษในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองถึงแก่ความตายตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนระดับ ๑๐ และให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการพลเรือนระดับ ๑๑ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตํารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
10,411
พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔
**Update ถึง พ.ร.ฎ.ฯ (ฉ.๒/๒๕๖๑)** พระราชกฤษฎีกา ค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔” มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ เป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ตุลาการศาลปกครองมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการ ออกตามความในพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ สิทธิตามวรรคหนึ่งให้ได้รับตามจํานวนเท่าที่ต้องจ่ายจริงตามที่สมควรแก่สภาพแห่งบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินเดือนละหกพันบาท ให้นําระเบียบการเบิกจ่าย ระเบียบกระทรวงการคลัง และระเบียบอื่นของทางราชการที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับแก่การเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครองโดยอนุโลม มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตํารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
10,412
พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑
พระราชกฤษฎีกา ค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) และ (๒)แห่งพระราชบัญญัติการกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑” มาตรา ๒[[1]](#footnote-1) พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการ ศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “สิทธิตามวรรคหนึ่งให้ได้รับตามจํานวนเท่าที่ต้องจ่ายจริงตามที่สมควรแก่สภาพแห่งบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินเดือนละหกพันบาท” ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงอัตรา ค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครองให้เกิดความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน จึงจําเป็นต้องตรา พระราชกฤษฎีกานี้ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๘ ก/หน้า ๒๘/๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ [↑](#footnote-ref-1)
10,413
พระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๑
**Update ถึง พ.ร.บ.ฯ (ฉ.๑๑/๒๕๖๑)** พระราชกฤษฎีกา การปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๑ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๐ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นไป มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา ๓ ให้ปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองตามบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง บัญชี ๒ ท้ายพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เป็นไปตามอัตราที่กําหนดไว้ในบัญชีอัตราเงินเดือนและ เงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี อื่นๆ บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | ชั้นศาล | ชั้นเงินเดือน | ตําแหน่ง | เงินเดือน(บาท/เดือน) | เงินประจําตําแหน่ง(บาท/เดือน) | | | ศาลปกครองสูงสุด | ๔ | ประธานศาลปกครองสูงสุด | ๘๓,๐๙๐ | ๕๕,๐๐๐ | | | ๓ | รองประธานศาลปกครองสูงสุดตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดตุลาการศาลปกครองสูงสุดอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นตุลาการศาลปกครองชั้นต้น | ๘๑,๙๒๐ ๘๐,๕๔๐ | ๕๐,๐๐๐ ๔๒,๕๐๐ | | | ศาลปกครองชั้นต้น | | | ๒ | รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นตุลาการศาลปกครองชั้นต้น | ๗๖,๘๐๐ | ๔๑,๕๐๐ | | | ๑ | ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น | ๗๔,๓๖๐ | ๓๐,๐๐๐ | | หมายเหตุ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๓๐ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ กําหนดให้ในกรณีที่สมควรปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าการปรับอัตราเงินเดือนดังกล่าวเป็นการปรับเพิ่มเป็นร้อยละเท่ากันทุกอัตราและไม่เกินร้อยละสิบของอัตรา ที่ใช้บังคับอยู่ การปรับให้กระทําโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ประกอบกับอัตราเงินเดือนตุลาการ ศาลปกครองในปัจจุบันไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น สมควรปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละสี่เท่ากันทุกอัตรา จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ อื่นๆ **พระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔** ฯลฯ ฯลฯ มาตรา ๓ ให้ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองท้ายพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ.๒๕๕๑ และให้ใช้บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองท้ายพระราชกฤษฎีกานี้แทน ฯลฯ ฯลฯ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากบัญชีอัตราเงินเดือนตุลาการศาลปกครองในปัจจุบันไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น สมควรปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตรา และโดยที่มาตรา ๓๐ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติให้ในกรณีที่สมควรปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครองให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าการปรับอัตราเงินเดือนดังกล่าวเป็นการปรับเพิ่มเป็นร้อยละเท่ากันทุกอัตราและไม่เกินร้อยละสิบของอัตราที่ใช้บังคับอยู่การปรับให้กระทําโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้ อื่นๆ **พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๖๑** ฯลฯ ฯลฯ มาตรา ๔ ให้ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองท้าย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ใช้บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป มาตรา ๕ เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วย การจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งตุลาการศาลปกครองได้รับไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมาจนถึงวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งที่ได้รับการปรับเพิ่มตามบัญชีอัตราเงินเดือนและ เงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองในมาตรา ๔ และให้การได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ในกรณีนั้นสิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ฯลฯ ฯลฯ หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครองเพื่อให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกําหนดให้ถือว่าเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจตามระเบียบก.ศป. ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งตุลาการศาลปกครองได้รับไปแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมาจนถึงวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งที่ได้รับการปรับเพิ่มตามบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง และให้การได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวในกรณีนั้นสิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
10,414
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาของตุลาการศาลปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาของตุลาการศาลปกครอง โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครองให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการปฏิบัติราชการอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาของตุลาการศาลปกครอง” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “เข้ารับการเตรียมพล” หมายความว่า เข้ารับการระดมพล เข้ารับการตรวจสอบพลเข้ารับการฝึกวิชาทหาร หรือเข้ารับการทดลองความพรั่งพร้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร “ลาติดตามคู่สมรส” หมายความว่า ลาติดตามสามีหรือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไปปฏิบัติงานในต่างประเทศหรือทางราชการสั่งให้ไปปฏิบัติงานในต่างประเทศตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ตามความต้องการของทางราชการตามพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกําหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทําการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการแต่ไม่รวมถึงกรณีที่คู่สมรสลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ ข้อ ๕ บรรดาระเบียบ กฎ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือมติที่ใช้บังคับตามแบบแผนของทางราชการที่ขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ในกรณีที่มิได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการไว้ในประกาศนี้ให้นําระเบียบของทางราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ ก.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น ข้อ ๖ การลาทุกประเภทตามประกาศนี้ ถ้ามีกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีกําหนดเกี่ยวกับการลาประเภทใดไว้เป็นพิเศษ ผู้ลาและ ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลาประเภทนั้นด้วย ข้อ ๗ ให้ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครองรักษาการตามประกาศและให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๘ การลาแบ่งออกเป็น ๑๑ ประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) การลาป่วย (๒) การลาคลอดบุตร (๓) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร (๔) การลากิจส่วนตัว (๕) การลาพักผ่อน (๖) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ (๗) การลาเข้ารับการเตรียมพล (๘) การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย (๙) การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ (๑๐) การลาติดตามคู่สมรส (๑๑) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๙ การลาทุกประเภท การหยุดราชการเพราะพฤติการณ์พิเศษ และการไปต่างประเทศของประธานศาลปกครองสูงสุด ให้แจ้งให้ ก.ศป. ทราบ ข้อ ๑๐ การลาทุกประเภทนอกจากการลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ การหยุดราชการเพราะพฤติการณ์พิเศษ การไปต่างประเทศ การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย และการลาติดตามคู่สมรสของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุด ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้พิจารณาอนุญาตสําหรับตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้พิจารณาอนุญาต ข้อ ๑๑ ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาจะมอบหมายหรือมอบอํานาจโดยทําเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแทนก็ได้ การลาของตุลาการศาลปกครองในช่วงก่อนและหลังวันหยุดราชการประจําสัปดาห์หรือวันหยุดราชการประจําปีเพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่องกัน ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตใช้ดุลพินิจตามความเหมาะสมและจําเป็นที่จะอนุญาตให้ลาได้ โดยมิให้เสียหายแก่การปฏิบัติราชการ ข้อ ๑๒ ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นผู้ใดได้รับคําสั่งให้ไปช่วยราชการ ณ ศาลปกครองอื่นที่ตนมิได้สังกัด หากประสงค์จะลาป่วย ลาคลอดบุตร ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ลาพักผ่อน ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ลาเข้ารับการเตรียมพลในช่วงเวลาที่ไปช่วยราชการ การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพให้เสนอขออนุญาตลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นที่ไปช่วยราชการ แล้วแต่กรณี แล้วให้สํานักงานศาลปกครองรายงานจํานวนวันลาให้ศาลปกครองต้นสังกัดของผู้นั้นทราบอย่างน้อย ปีละครั้ง การลาประเภทอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ให้เสนอขออนุญาตการลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตต้นสังกัดตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดสําหรับการลาประเภทนั้น ข้อ ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการลาหยุดราชการ ให้สํานักงานศาลปกครองแต่ละแห่จัดให้มีการบันทึกการลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครองแยกตามประเภท หรือพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุแห่งการลา ข้อ ๑๔ การนับวันลาตามประกาศนี้ให้นับตามปีงบประมาณ การนับวันลาเพื่อประโยชน์ในการเสนอหรือจัดส่งใบลา การอนุญาตให้ลาและคํานวณวันลาให้นับต่อเนื่องกันโดยนับวันหยุดราชการที่อยู่ในระหว่างวันลาประเภทเดียวกันรวมเป็นวันลาด้วย เว้นแต่การนับเพื่อประโยชน์ในการคํานวณวันลาสําหรับวันลาป่วยที่มิใช่วันลาป่วยตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ วันลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร วันลากิจส่วนตัว และวันลาพักผ่อน ให้นับเฉพาะวันทําการ การลาป่วยหรือลากิจส่วนตัวซึ่งมีระยะเวลาต่อเนื่องกัน จะเป็นปีเดียวกันหรือไม่ก็ตามให้นับเป็นการลาครั้งหนึ่ง ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลากิจส่วนตัวซึ่งมิใช่ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรตามข้อ ๒๕ หรือลาพักผ่อน ซึ่งได้หยุดราชการไปยังไม่ครบกําหนดถ้ามีราชกาจําเป็นเกิดขึ้นผู้มีอํานาจอนุญาตการลาจะเรียกตัวมาปฏิบัติราชการระหว่างการลาก็ได้ การลาครึ่งวันในตอนเช้าหรือตอนบ่าย ให้นับเป็นการลาครึ่งวันตามประเภทของการลานั้น ๆ ตุลาการศาลปกครองซึ่งได้รับอนุญาตให้ลา หากประสงค์จะยกเลิกวันลาที่ยังไม่ได้หยุดราชการให้เสนอขอยกเลิกวันลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตการลา และให้ถือว่าการลาเป็นอันสิ้นสุดก่อนวันมาปฏิบัติราชการ การลาของตุลาการศาลปกครองที่ถูกเรียกกลับมาปฏิบัติราชการระหว่างการลา ให้ถือว่าสิ้นสุก่อนวันมาปฏิบัติราชการ เว้นแต่ผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นว่าการเดินทางต้องใช้เวลา ให้ถือว่าสิ้นสุดก่อนวันเดินทางกลับ ข้อ ๑๕ การลาให้ใช้ใบลาตามแบบที่ประธานศาลปกครองสูงสุดกําหนด เว้นแต่ในกรณีจําเป็นหรือรีบด่วนจะใช้ใบลาที่มีข้อความไม่ครบถ้วนตามแบบหรือจะลาโดยวิธีการอย่างอื่นก็ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องส่งใบลาตามแบบในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจประกาศให้นําระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการเสนอใบลาอนุญาตให้ลาหรือยกเลิกวันลา กับการลา ประเภทหนึ่งประเภทใดตามข้อ ๘ ได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจะต้องเป็นระบบที่มีความปลอดภัย รัดกุม สามารถตรวจสอบตัวบุคคลและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการลาเป็นหลักฐานในราชการได้ ข้อ ๑๖ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะไปต่างประเทศในระหว่างการลาตามประกาศนี้ หรือในระหว่างวันหยุดราชการให้เสนอขออนุญาตต่ออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือประธานศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณี ข้อ ๑๗ ตุลาการศาลปกครองผู้ใดไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ อันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไปในท้องที่นั้น หรือพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับตุลาการศาลปกครองผู้นั้นและมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือความผิดของตุลาการศาลปกครองผู้นั้นเอง โดยพฤติการณ์พิเศษดังกล่าวร้ายแรงจนเป็นเหตุขัดขวางทําให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการ ณ สถานที่ตั้งตามปกติ ให้ตุลาการ ศาลปกครองผู้นั้นรีบรายงานพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งอุปสรรคขัดขวางที่ทําให้มาปฏิบัติราชการไม่ได้ต่อผู้มีอํานาจอนุญาตการลาทันทีในวันแรกที่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ ในกรณีที่ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาเห็นว่าการที่ตุลาการศาลปกครองผู้นั้นไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้เป็นเพราะพฤติการณ์พิเศษตามวรรคหนึ่ง ให้สั่งให้การหยุดราชการของตุลาการศาลปกครองผู้นั้นไม่นับเป็นวันลาตามจํานวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้ อันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษดังกล่าว ถ้าเห็นว่าไม่เป็นพฤติการณ์พิเศษ ให้ถือว่าวันที่ตุลาการศาลปกครองผู้นั้นไม่มาปฏิบัติราชการเป็นวันลากิจส่วนตัว ข้อ ๑๘ การให้ได้รับเงินเดือนระหว่างการลา ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือน เงินปี บําเหน็จ บํานาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน หมวด ๒ สิทธิการลาแต่ละประเภท ส่วน ๑ การลาป่วย ข้อ ๑๙ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพื่อรักษาตัว ให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ในกรณีจําเป็นจะเสนอหรือจัดส่งใบลาในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่น ลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอใบลาโดยเร็ว การลาป่วยตั้งแต่สามสิบวันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลาด้วย และถ้าผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นสมควรจะสั่งให้ใช้ใบรับรองแพทย์ของทางราชการแทนก็ได้ การลาป่วยไม่ถึงสามสิบวัน ไม่ว่าจะเป็นการลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน ถ้าผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นสมควร จะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลาหรือสั่งให้ผู้ลาไปรับการตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตก็ได้ ส่วน ๒ การลาคลอดบุตร ข้อ ๒๐ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาคลอดบุตร ให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา และมีสิทธิลาคลอดบุตร โดยได้รับเงินเดือนครั้งหนึ่งได้เก้าสิบวัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ การลาคลอดบุตรจะลาในวันที่คลอด ก่อนหรือหลังวันที่คลอดก็ได้ แต่เมื่อรวมวันลาแล้วต้องไม่เกินเก้าสิบวัน การลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวกับการลาประเภทใดซึ่งยังไม่ครบกําหนดวันลาของการลาประเภทนั้นให้ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง และให้นับเป็นการลาคลอดบุตรตั้งแต่วันเริ่มลาคลอดบุตร ข้อ ๒๑ ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาคลอดบุตร และได้หยุดราชการไปแล้วแต่ไม่ได้คลอดบุตรตามกําหนด หากประสงค์จะขอยกเลิกวันลาคลอดบุตรที่หยุดไป ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาคลอดบุตรได้ โดยให้ถือว่าวันที่ได้หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๓ การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ข้อ ๒๒ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตรให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่คลอดบุตรและให้มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกินสิบห้าวันทําการ ส่วนสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น ผู้มีอํานาจอนุญาตตามวรรคหนึ่ง อาจให้แสดงหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาตด้วยก็ได้ ส่วน ๔ การลากิจส่วนตัว ข้อ ๒๓ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตและเมื่อได้รับอนุญาตจึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทัน จะเสนอใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจําเป็นไว้แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้มีอํานาจอนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอใบลาก่อนตามวรรคหนึ่งได้ ให้เสนอใบลาพร้อมทั้งระบุเหตุผลความจําเป็นต่อผู้มีอํานาจอนุญาตทันทีในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ข้อ ๒๔ ตุลาการศาลปกครองมีสิทธิลากิจส่วนตัวโดยได้รับเงินเดือนปีละไม่เกินสี่สิบห้าวันทําการ ข้อ ๒๕ ตุลาการศาลปกครองที่ลาคลอดบุตรตามข้อ ๒๐ แล้ว หากประสงค์จะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตร ให้มีสิทธิลาได้ไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบวันทําการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา ให้ตุลาการศาลปกครองที่ลาตามวรรคหนึ่งมีสิทธินําจํานวนวันลากิจส่วนตัวซึ่งมีสิทธิลาโดยได้รับเงินเดือนที่เหลือในปีนั้นตามข้อ ๒๔ มาใช้ เพื่อให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกินจํานวนวันลากิจส่วนตัวที่เหลือนั้นได้ ทั้งนี้ จะต้องแจ้งการขอใช้สิทธิพร้อมกับการลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ส่วน ๕ การลาพักผ่อน ข้อ ๒๖ ตุลาการศาลปกครองมีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีหนึ่งได้สิบวันทําการ เว้นแต่ตุลาการศาลปกครองดังต่อไปนี้ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองยังไม่ถึงหกเดือน (๑) ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นครั้งแรก (๒) ผู้ซึ่งเกษียณอายุราชการก่อนเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครอง (๓) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุอื่นใดที่มิใช่การลาออกเพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครอง (๔) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพื่อดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแล้วต่อมา ได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครองหลังหกเดือน นับแต่วันออกจากราชการ ข้อ ๒๗ ถ้าในปีใดตุลาการศาลปกครองผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจําปี หรือลาพักผ่อนประจําปีแล้วแต่ไม่ครบสิบวันทําการให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกินยี่สิบวันทําการ สําหรับตุลาการศาลปกครองที่รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปีให้มีสิทธินําวันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันได้ไม่เกินสามสิบวันทําการ เพื่อประโยชน์ในการคํานวณสิทธิการลาพักผ่อนให้นับเวลาราชการของข้าราชการที่ลาออกเพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครอง รวมเป็นเวลาราชการของตุลาการศาลปกครองนั้นและให้ถือว่าเป็นการรับราชการติดต่อกัน ข้อ ๒๘ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาพักผ่อนให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตและเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้ ข้อ ๒๙ การอนุญาตให้ลาพักผ่อน ผู้มีอํานาจอนุญาตจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ ส่วน ๖ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้อ ๓๐ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนาหรือตุลาการศาลปกครองที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ในกรณีมีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอใบลาล่วงหน้าได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ชี้แจงเหตุผลความจําเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจอนุญาตที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๓๑ ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจย์ตามข้อ ๓๐ แล้ว จะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ภายในสิบวันนับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายในห้าวันนับแต่วันที่ลาสิกขาหรือวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทั้งนี้ ให้นับระยะเวลาที่จะต้องกลับมารายงานตัวดังกล่าวรวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลาด้วย ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจย์และได้หยุดราชการไปแล้ว หากปรากฏว่ามีปัญหาอุปสรรคทําให้ไม่สามารถอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจย์ตามที่ขอลาไว้เมื่อได้รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติและขอยกเลิกวันลาให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาพิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจย์ได้โดยให้ถือว่าวันที่หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๗ การลาเข้ารับการเตรียมพล ข้อ ๓๒ ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพลให้รายงานลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตภายในสี่สิบแปดชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรียกนั้น โดยไม่ต้องรอรับคําสั่งอนุญาต ข้อ ๓๓ เมื่อตุลาการศาลปกครองที่ลานั้นพ้นจากการเข้ารับการเตรียมพลแล้ว ให้มารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติต่อผู้มีอํานาจอนุญาตภายในเจ็ดวัน เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจําเป็นอาจขยายเวลาให้ได้แต่รวมแล้วไม่เกินสิบห้าวัน ส่วน ๘ การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ข้อ ๓๔ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต ในกรณีที่ผู้ขอลาเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้เสนอใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาด้วย การลาไปศึกษาเพิ่มเติมในประเทศหรือต่างประเทศให้เป็นอํานาจของประธานศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. ข้อ ๓๕ ให้สํานักงานศาลปกครองจัดทําสัญญาผูกมัดตุลาการศาลปกครองที่ไปศึกษา ฝึกอบรมหรือปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศ หรือศึกษาเพิ่มเติมในประเทศให้กลับมาปฏิบัติราชการในศาลปกครองตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่ประธานศาลปกครองสูงสุดกําหนด ส่วน ๙ การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ข้อ ๓๖ การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศของตุลาการศาลปกครอง ให้เป็นอํานาจของประธานศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. โดยถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการกําหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทําการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการเท่าที่ไม่ขัดกับระเบียบนี้ ข้อ ๓๗ ตุลาการศาลปกครองที่ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศเมื่อปฏิบัติงานแล้วเสร็จให้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันครบกําหนดเวลาและให้รายงานผลเกี่ยวกับการลาไปปฏิบัติงานให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ การรายงานผลการไปปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้แบบรายงานการไปปฏิบัติงานในองค์การ ระหว่างประเทศตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดกําหนด ส่วน ๑๐ การลาติดตามคู่สมรส ข้อ ๓๘ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาติดตามคู่สมรส ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต ในกรณีที่ผู้ขอลาเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้เสนอใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้ลาได้ไม่เกินสองปี และในกรณีจําเป็นอาจอนุญาตให้ลาต่อได้อีกสองปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสี่ปี ถ้าเกินสี่ปีให้ลาออกจากราชการ ข้อ ๓๙ การพิจารณาอนุญาตให้ตุลาการศาลปกครองลาติดตามคู่สมรส ผู้มีอํานาจอนุญาตจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ แต่เมื่อรวมแล้วจะต้องไม่เกินระยะเวลาตามที่กําหนดในข้อ ๓๘ และจะต้องเป็นกรณีที่คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานในต่างประเทศเป็นระยะเวลาติดต่อกัน ไม่ว่าจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานในประเทศเดียวกันหรือไม่ ข้อ ๔๐ ตุลาการศาลปกครองที่ได้ลาติดตามคู่สมรสครบกําหนดระยะเวลาตามข้อ ๓๘ ในช่วงเวลาที่คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานในต่างประเทศติดต่อกันคราวหนึ่งแล้ว ไม่มีสิทธิขอลาติดตามคู่สมรสอีก เว้นแต่คู่สมรสจะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานประจําในประเทศไทยแล้วต่อมาได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไปปฏิบัติงานในต่างประเทศอีกจึงจะมีสิทธิขอลาติดตาม คู่สมรสตามข้อ ๓๘ ได้ใหม่ ส่วน ๑๑ การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๔๑ ตุลาการศาลปกครองผู้ใดได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการหากตุลาการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือที่จําเป็นต่อการประกอบอาชีพ แล้วแต่กรณี มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลาแต่ไม่เกินสิบสองเดือน ตุลาการศาลปกครองที่ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บจนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการเพราะเหตุอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่ง และ ก.ศป. พิจารณาแล้วเห็นว่ายังสามารถรับราชการต่อไปได้หากตุลาการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตพิจารณาให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพดังกล่าวครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลาแต่ไม่เกินสิบสองเดือน หลักสูตรตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องเป็นหลักสูตรที่ส่วนราชการ หน่วยอื่นของรัฐ องค์กรการกุศลอันเป็นสาธารณะหรือสถาบันที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของทางราชการเป็นผู้จัดหรือร่วมจัด ข้อ ๔๒ ตุลาการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพตามข้อ ๔๑ ให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตพร้อมแสดงหลักฐานเกี่ยวกับหลักสูตรที่ประสงค์จะลาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการเพื่อไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,415
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และ ที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือน ระดับ ๘
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือน ระดับ ๘ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๔) (จ) และมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (จ) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้กําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี ดังนี้ (๑) ตําแหน่งผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าขึ้นไป ที่มียศไม่ต่ํากว่าพลตํารวจโท ในกรมตํารวจหรือสํานักงานตํารวจแห่งชาติ (๒) ตําแหน่งเจ้ากรมหรือเทียบเท่าขึ้นไป ที่มียศไม่ต่ํากว่าพลโท พลเรือโท พลอากาศโท ในกระทรวงกลาโหม ข้อ ๒ ให้กําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้ (๑) ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งเป็นข้าราชการ (ก) ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการพลเรือน ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ข้าราชการศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายอัยการประเภทข้าราชการธุรการ ข้าราชการสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ข้าราชการสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ และข้าราชการอื่นที่มีระบบการกําหนดตําแหน่งเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ (ข) ตําแหน่งระดับ ๘ ในสายงานบริหารหรือสายงานวิชาการ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการสํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาล พนักงานส่วนตําบล พนักงานเมืองพัทยาและข้าราชการอื่นที่มีระบบการกําหนดตําแหน่งเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค) ตําแหน่งรองผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งรองผู้อํานวยการชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งครูชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ชํานาญการพิเศษ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ (ง) ตําแหน่งรองผู้อํานวยการชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งครูชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ชํานาญการพิเศษ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาองค์การบริหารส่วนตําบล ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเมืองพัทยาและข้าราชการอื่นที่มีระบบการกําหนดมาตรฐานตําแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะเช่นเดียวกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ (จ) ตําแหน่งผู้อํานวยการกอง ตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉ) ตําแหน่งที่ผู้ดํารงตําแหน่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ในกรณีที่เป็นข้าราชการทหาร (ช) ตําแหน่งที่ผู้ดํารงตําแหน่งมียศพันตํารวจเอก ในกรณีที่เป็นข้าราชการตํารวจ (๒) ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งไม่เป็นข้าราชการ (ก) ตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ได้รับเงินประจําตําแหน่ง ๕,๖๐๐ บาท ตําแหน่งผู้อํานวยการกอง ตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการหรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและอยู่ในกํากับของรัฐ (ข) ตําแหน่งตามตารางท้ายประกาศนี้ ในกรณีที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา องค์การมหาชนที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หน่วยงานที่เป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ข้อ ๓ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,416
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ (ฉบับที่ ๒)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ (ฉบับที่ ๒)[1](#fn1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ ลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขตําแหน่งข้าราชการของส่วนราชการต่าง ๆ รวมทั้งให้ครอบคลุมตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (จ) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ ลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้ “ข้อ ๒ ให้กําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้ (๑) ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งเป็นข้าราชการ (ก) ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษหรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการพลเรือน ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ข้าราชการศาลยุติธรรมข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายอัยการประเภทข้าราชการธุรการ ข้าราชการสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ข้าราชการสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ และข้าราชการอื่นที่มีระบบการกําหนดตําแหน่งเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ (ข) ตําแหน่งระดับ ๘ ในสายงานบริหารหรือสายงานวิชาการ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการสํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพนักงานเทศบาล พนักงานส่วนตําบล พนักงานเมืองพัทยาและข้าราชการอื่นที่มีระบบการกําหนดตําแหน่งเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค) ตําแหน่งรองผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งรองผู้อํานวยการชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งครูชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ชํานาญการพิเศษหรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ (ง) ตําแหน่งรองผู้อํานวยการชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งครูชํานาญการพิเศษ ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ชํานาญการพิเศษ หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเทศบาล พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาองค์การบริหารส่วนตําบลข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร พนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษาเมืองพัทยาและข้าราชการ อื่นที่มีระบบการกําหนดมาตรฐานตําแหน่ง มาตรฐานวิทยฐานะเช่นเดียวกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔ (จ) ตําแหน่งผู้อํานวยการกอง ตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉ) ตําแหน่งที่ผู้ดํารงตําแหน่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ในกรณีที่เป็นข้าราชการทหาร (ช) ตําแหน่งที่ผู้ดํารงตําแหน่งมียศพันตํารวจเอก ในกรณีที่เป็นข้าราชการตํารวจ (๒) ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งไม่เป็นข้าราชการ (ก) ตําแหน่งผู้อํานวยการกอง ตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง หรือตําแหน่งอื่นที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการหรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและอยู่ในกํากับของรัฐ (ข) ตําแหน่งตามตารางท้ายประกาศนี้ ในกรณีที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา องค์การมหาชนที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาหน่วยงานที่เป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย” ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,417
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ (ฉบับที่ ๓)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๓) [[1]](#footnote-1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ มาใช้บังคับกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในการดําเนินการคัดเลือก บุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในครั้งแรก ตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๑๖ ก/หน้า ๓๘/๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [↑](#footnote-ref-1)
10,418
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ (ฉบับที่ ๔)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดี และที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ (ฉบับที่ ๔) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงาน ของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดีและที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนระดับ๘ ให้ครอบคลุมตําแหน่งอื่น ในหน่วยงานของรัฐยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (จ) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (ก) ของ (๒) ในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. ลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดีและที่เทียบเท่า ข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ ก.ศป. ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง การกําหนดตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าอธิบดีและที่เทียบเท่าข้าราชการพลเรือน ระดับ ๘ (ฉบับที่ ๒) และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(ก) ตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ได้รับเงินประจําตําแหน่ง ๕,๖๐๐ บาท ตําแหน่ง ผู้อํานวยการกอง ตําแหน่งหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากอง หรือตําแหน่งอื่น ที่เทียบเท่า ในกรณีที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการ หรือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและอยู่ในกํากับของรัฐ” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๓๙ ก/หน้า ๓๙/๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ [↑](#footnote-ref-1)
10,419
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ (๒) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ (๓) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ (๔) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๔) ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ข้อ ๒ ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการใน ศาลปกครองชั้นต้นต้อง (๑) เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์ หรือเป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาสังคมศาสตร์อื่น โดยได้รับปริญญาสังคมศาสตร์ อักษรศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์ ที่เน้นการศึกษาวิชาเกี่ยวกับนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง หรือสังคมวิทยาจากสถานศึกษา ในประเทศหรือต่างประเทศ ที่ ก.พ. รับรอง และ (๒) ผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชน ที่ ก.ศป. รับรอง เว้นแต่เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกในสาขากฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชนในประเทศหรือต่างประเทศ ที่ ก.พ. รับรอง ในกรณีผู้ที่ดํารงตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ข้าราชการ นอกจากเป็นไปตาม (๑) และ (๒) แล้ว ต้องมีประสบการณ์ในการทางานโดยปฏิบัติหรือเคยปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการ หรือปฏิบัติหรือเคยปฏิบัติงานในหน่วยงานอื่นของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการ มาแล้วรวมกันไม่น้อยกว่าสิบห้าปีด้วย ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับกับผู้ที่มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ฉ) และ (ช) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๓ ผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นต้อง (๑) เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปจากสถานศึกษาในประเทศหรือต่างประเทศ ที่ ก.พ. รับรอง และ (๒) ผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตร กฎหมายมหาชน ที่ ก.ศป. รับรอง ในกรณีที่เป็นข้าราชการ นอกจากเป็นไปตาม (๑) และ (๒) แล้วต้องดารงตาแหน่งหรือเคย ดารงตาแหน่งบริหารที่ได้รับเงินประจําตําแหน่งประเภทบริหารตามกฎหมายว่าด้วยเงินประจาตาแหน่ง มาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี ในกรณีผู้ที่ดํารงตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ข้าราชการหรือผู้ที่ดํารงตําแหน่งประเภท ผู้บริหารของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีวาระการดํารงตําแหน่ง นอกจากเป็นไปตาม (๑) และ (๒) แล้ว ต้องดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่งประเภทผู้บริหารที่เทียบได้ไม่ต่ํากว่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ หรือข้าราชการพลเรือนสามัญตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น มาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี และมี ประสบการณ์ในการทํางานโดยปฏิบัติหรือเคยปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการ หรือปฏิบัติหรือเคยปฏิบัติงาน ในหน่วยงานอื่นของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการ มาแล้วรวมกันไม่น้อยกว่าสิบห้าปี ข้อ ๔ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) มาใช้บังคับ ข้อ ๕ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,420
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ข้อ ๒ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ มาใช้บังคับกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,421
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๓)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๓) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ มาใช้บังคับกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในการดําเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในครั้งแรก ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,422
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๔)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๔) โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นเพิ่มเติมให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศ ก.ศป.ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น มาใช้บังคับกับผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกในการดําเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในครั้งที่สอง ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,423
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๕)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น (ฉบับที่ ๕) โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ มิให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศ ก.ศป.เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ มาใช้บังคับกับผู้สมัครเข้ารับการสอบคัดเลือกในการดําเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นปีสุดท้าย ข้อ ๒ ให้นําความในข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (๒) และข้อ ๓ วรรคหนึ่ง (๒) ของประกาศ ก.ศป.เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ มาใช้บังคับกับผู้สมัครเข้ารับการสอบคัดเลือกในการดําเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,424
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 284)
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 284) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (725) (726) (727) (728) (729) และ (730) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 “(725) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท สิงห์ เบเวอเรช จํากัด (726) ดร.คม กมลพัฒนะ (727) ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท กมลพัฒน์ จํากัด (728) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท ฟินีม่า จํากัด (729) นางสาวสุรสา มรรคศศิธร (730) นางสาวธนัญญา ศรีศักดิ์วัฒนะ” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณีดังต่อไปนี้ (725) ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (726) ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (727) ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (728) ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป (729) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป (730) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,425
ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การจัดทำ ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกำกับภาษี โดยการประทับรับรองเวลา (Time Stamp)
ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษี โดยการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ด้วยกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ออกตามความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565 จึงมีผลให้ระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการจัดทํา ส่งมอบ และเก็บรักษาใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice by Email พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 เป็นอันสิ้นสภาพ ทําให้การดําเนินการเกี่ยวกับการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่กําหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนและบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถดําเนินการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษีได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว กรมสรรพากรจึงออกประกาศเกี่ยวกับการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษี โดยการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “การประทับรับรองเวลา (Time Stamp)” หมายความว่า กระบวนการหรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ใดที่สํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือหน่วยงานอื่นที่อธิบดีประกาศรายชื่อได้กระทําต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรับรองความมีอยู่ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ณ ขณะที่มีการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) และสามารถตรวจพบได้หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง “ใบกํากับภาษี” หมายความว่า ใบกํากับภาษีที่ได้จัดทําข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง และได้มีการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) จากสํานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือหน่วยงานอื่นที่อธิบดีประกาศรายชื่อ ข้อ ๒ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประสงค์จะจัดทําใบกํากับภาษียื่นคําขอต่ออธิบดีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร เพื่อขอให้ประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิจัดทําใบกํากับภาษี โดยต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนตามข้อตกลงที่กรมสรรพากรกําหนด เมื่ออธิบดีได้ประกาศรายชื่อของผู้ประกอบการจดทะเบียนแล้ว บุคคลดังกล่าวจะสามารถจัดทําใบกํากับภาษีได้ก็ต่อเมื่อได้แจ้งที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) ที่ประสงค์จะจัดทําใบกํากับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรแล้ว กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับการประกาศรายชื่อมีความประสงค์จะขอรหัสผ่าน (Password) ใหม่ เปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน (Password) หรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) ที่ได้ระบุในคําขอตามวรรคหนึ่ง หรือขอยกเลิกรายชื่อที่ได้รับการประกาศตาม วรรคสอง ให้ยื่นคําขอต่ออธิบดีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ข้อ ๓ ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องใช้วิธีการแบบปลอดภัยที่เชื่อถือได้ทั้งในส่วนของระบบฮาร์ดแวร์และระบบซอฟต์แวร์ในการจัดทําใบกํากับภาษี และอย่างน้อยต้องมีหรือใช้โปรแกรมที่เมื่อบันทึกข้อมูลแล้วจะแก้ไขรายการนั้น ๆ โดยปราศจากร่องรอยไม่ได้ นอกจากนี้ การแก้ไขรายการไม่ให้ใช้วิธีลบทิ้ง หรือล้างรายการออก ถ้าจะแก้ไขต้องบันทึกรายการปรับปรุงเพิ่มเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นรายการก่อนปรับปรุงและหลังปรับปรุง และต้องมีรายงานการแก้ไขรายการเพื่อให้ตรวจสอบได้ ข้อ ๔ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับการประกาศรายชื่อตามข้อ 2 วรรคสอง อาจเลือกจัดทําใบกํากับภาษีตามประกาศนี้ก็ได้ ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิจัดทําใบกํากับภาษีดําเนินการ ดังนี้ (1) จัดทําข้อความโดยมีรายการที่มีสาระสําคัญตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามรูปแบบ ขนาด และประเภทของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกาศบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (2) ส่งข้อมูลใบกํากับภาษีตาม (1) โดยใช้ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) ที่ได้แจ้งไว้ต่อกรมสรรพากรตามข้อ 2 ไปยังที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) ของระบบประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ในคราวเดียวกัน เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าจัดทําใบกํากับภาษีและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว และให้ใบกํากับภาษีที่ได้รับทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ซึ่งได้รับการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) เป็นใบกํากับภาษีตามประกาศนี้ ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้จัดทําและส่งมอบใบกํากับภาษีให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามข้อ 5 วรรคสอง แล้ว แต่ใบกํากับภาษีดังกล่าวมีรายการในส่วนที่เป็นสาระสําคัญไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นเห็นเองหรือเมื่อได้รับการร้องขอให้ยกเลิกใบกํากับภาษีฉบับเดิมซึ่งได้จัดทําและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นจัดทําใบกํากับภาษีฉบับใหม่ที่ถูกต้องโดยไม่จําต้องเรียกคืนใบกํากับภาษีฉบับเดิม โดยนําความในข้อ 5 มาใช้โดยอนุโลมและดําเนินการดังต่อไปนี้เพิ่มเติมด้วย (1) กําหนดเลขที่ใบกํากับภาษีฉบับใหม่เป็นเลขที่ใหม่ และระบุ วัน เดือน ปี ที่ได้จัดทําใบกํากับภาษีฉบับใหม่ (2) จัดทําข้อความที่แสดงว่า เป็นการยกเลิกและออกใบกํากับภาษีฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเลขที่ ... ลงวันที่ .. หรือข้อความอื่นใดในลักษณะทํานองเดียวกัน และหมายเหตุการยกเลิกใบกํากับภาษีไว้ในรายงานภาษีขายของเดือนภาษีที่จัดทําใบกํากับภาษีฉบับใหม่ ข้อ ๗ ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งได้จัดทําและส่งใบกํากับภาษีให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว ต่อมาได้รับการร้องขอจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการซึ่งทําไฟล์ข้อมูลใบกํากับภาษีนั้นสูญหาย เสียหาย ถูกทําลาย หรือไม่สามารถใช้การได้โดยประการใด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นส่งข้อมูลใบกํากับภาษีฉบับเดียวกันที่ได้รับจากการประทับรับรองเวลา ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการโดยไม่ต้องออกใบแทนใบกํากับภาษี ข้อ ๘ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทําใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้ โดยมีรายการที่มีสาระสําคัญ ตามมาตรา 86/9 แห่งประมวลรัษฎากร หรือตามมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากร ขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามรูปแบบ ขนาด และประเภทของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกาศบนเว็บไซต์กรมสรรพากร แล้วแต่กรณี และให้นําความในข้อ 5 วรรคหนึ่ง (2) และวรรคสอง ข้อ 6 หรือข้อ 7 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๙ ในการจัดทําและส่งใบกํากับภาษี ตามข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 8 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน ระบุข้อความดังต่อไปนี้ไว้ในชื่อเรื่องของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ที่จะส่งให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ แล้วแต่กรณี 1) ใบกํากับภาษี ให้ระบุ “[วันเดือนปีที่ออกใบกํากับภาษี][INV][เลขที่ใบกํากับภาษี]” (2) ใบเพิ่มหนี้ ให้ระบุ “[วันเดือนปีที่ออกใบเพิ่มหนี้][DBN][เลขที่ใบเพิ่มหนี้][เลขที่ใบกํากับภาษีเดิม]” (3) ใบลดหนี้ ให้ระบุ “[วันเดือนปีที่ออกใบลดหนี้][CRN][เลขที่ใบลดหนี้][เลขที่ใบกํากับภาษีเดิม]” (4)การยกเลิกใบกํากับภาษีฉบับเดิมและออกใบกํากับภาษีฉบับใหม่ ให้ระบุ “[วันเดือนปีที่ออกใบกํากับภาษีใหม่][INV][เลขที่ใบกํากับภาษีใหม่][เลขที่ใบกํากับภาษีเดิม]” ข้อ ๑๐ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้จัดทําใบกํากับภาษี หรือผู้ซื้อสินค้า หรือผู้รับบริการที่ได้รับใบกํากับภาษีมีหน้าที่เก็บรักษาใบกํากับภาษีนั้น ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1) ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์และสามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได้ (2) เก็บรักษาข้อมูลใบกํากับภาษี โดยสามารถเข้าถึงและนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง (3) เก็บรักษาข้อมูลใบกํากับภาษีให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นอยู่ในขณะที่ได้สร้าง ส่ง หรือได้รับข้อมูลใบกํากับภาษีนั้น หรืออยู่ในรูปแบบที่สามารถแสดงข้อความที่สร้าง ส่ง หรือได้รับให้ปรากฏอย่างถูกต้องได้ และ (4) เก็บรักษาข้อความส่วนที่ระบุถึงแหล่งกําเนิด ต้นทาง และปลายทางของใบกํากับภาษีตลอดจนวันและเวลาที่ส่งหรือได้รับข้อความดังกล่าว ถ้ามี ข้อ ๑๑ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,426
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “การฝึกอบรม” หมายความว่า การอบรม การประชุม การเสวนา หรือสัมมนาทางวิชาการหรือเชิงปฏิบัติการ การบรรยายพิเศษ การฝึกศึกษา การปฏิบัติการวิจัย หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรและช่วงเวลาจัดที่แน่นอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลหรือประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยไม่มีการรับปริญญา และให้หมายความรวมถึงการดูงานและการฝึกงานด้วย “การฝึกศึกษา” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ ความชํานาญ หรือประสบการณ์ด้วยการศึกษาและฝึกปฏิบัติ “การปฏิบัติการวิจัย” หมายความว่า การทํางานวิจัยที่กําหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการฝึกอบรม “การดูงาน” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้หรือประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ซึ่งกําหนดไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรม และหมายความรวมถึงโครงการดูงานภายในประเทศหรือต่างประเทศที่สํานักงานหรือบุคคลอื่นจัดขึ้น ด้วย “การฝึกงาน” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้หรือประสบการณ์ด้วยการปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติงานภาคสนาม ซึ่งกําหนดไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรม และหมายความรวมถึงโครงการฝึกงานภายในประเทศหรือต่างประเทศที่สํานักงานหรือบุคคลอื่นจัดขึ้น ด้วย “หน่วยงานผู้จัด” หมายความว่า สํานักงาน ส่วนราชการอื่น องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอื่นหรือเอกชน ซึ่งเป็นผู้จัดการฝึกอบรมหรือจัดร่วมกัน “ผู้เข้ารับการฝึกอบรม” หมายความว่า (๑) ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างของสํานักงาน และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกเพื่อเสนอแต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลปกครอง แต่ยังอยู่ในระหว่างดําเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และบุคคลที่ผ่านการสอบแข่งขันหรือการคัดเลือก แต่ยังอยู่ในระหว่างรอการบรรจุแต่งตั้งหรือจ้างเป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างของสํานักงาน แล้วแต่กรณี หรือ (๒) เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐที่สํานักงานเห็นสมควรให้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานเป็นผู้จัด หรือ (๓) บุคคลที่มิใช่บุคลากรของรัฐที่สํานักงานเห็นสมควรให้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานเป็นผู้จัด การจัดฝึกอบรมตาม (๒) และ (๓) ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักกฎหมายมหาชนการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาบุคลากรด้านกฎหมายมหาชน หรือการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลปกครอง “การฝึกอบรมประเภท ก” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวุฒิ ประเภทอํานวยการระดับสูง ประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า “การฝึกอบรมประเภท ข” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส ประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ และระดับชํานาญการพิเศษ ประเภทอํานวยการระดับต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า และให้หมายความรวมถึงการฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นพนักงานราชการศาลปกครองหรือลูกจ้างของสํานักงานด้วย “การฝึกอบรมบุคคลภายนอก” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ “ค่าอาหาร” หมายความว่า ค่าอาหารเช้า อาหารกลางวันและอาหารเย็น “วิทยากร” หมายความว่า ผู้บรรยาย ผู้อภิปราย ผู้เสนอหรือผู้วิจารณ์บทความหรือรายงานหรือที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่ทําหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตร แต่ไม่รวมถึงผู้จัดการฝึกอบรม “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๔ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การอนุมัติให้จัดการฝึกอบรม ข้อ ๖ หลักสูตร เรื่อง หรือหัวข้อในการฝึกอบรม หรือการจัดการฝึกอบรมที่สํานักงานเป็นผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานผู้จัดอื่น ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ ข้อ ๗ การเดินทางไปจัดการฝึกอบรม การเข้ารับการฝึกอบรม และการเดินทางไปต่างประเทศตามที่กําหนดในหลักสูตรการฝึกอบรม ทุกหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรที่สํานักงานเป็นผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานผู้จัดอื่นหรือไม่ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอํานาจอนุมัติตามข้อ ๘ โดยให้พิจารณาอนุมัติเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องหรือจะได้รับประโยชน์จากการฝึกอบรมนั้น ตามจํานวนที่เห็นสมควรและประหยัด ในกรณีที่หลักสูตรการฝึกอบรมใดกําหนดให้ผู้ไปจัดการฝึกอบรมหรือผู้เข้ารับการฝึกอบรต้องเดินทางในประเทศครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง ให้ถือว่าการอนุมัติให้เดินทางไปจัดการฝึกอบรมหรือการอนุมัติให้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นการอนุมัติให้เดินทางในประเทศตามหลักสูตรด้วย ข้อ ๘ ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีอํานาจอนุมัติการเดินทางไปจัดการฝึกอบรม การเข้ารับการฝึกอบรม และการเดินทางไปต่างประเทศ ตามที่กําหนดในหลักสูตรการฝึกอบรมทุกหลักสูตร (๑) เลขาธิการ สําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง และลูกจ้างของสํานักงาน ทุกตําแหน่ง (๒) อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น สําหรับตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้น (๓) ประธานศาลปกครองสูงสุด สําหรับตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ประจําศาลปกครองสูงสุด และเลขาธิการ ข้อ ๙ ในการขออนุมัติตามข้อ ๖ และข้อ ๗ หากมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องเบิกจากเงินงบประมาณหรือเงินอื่นใดของสํานักงาน ให้ผู้จัดทําโครงการฝึกอบรม ผู้ขออนุมัติเข้ารับการฝึกอบรมที่สํานักงานไม่ใช่ผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานผู้จัดอื่น หรือผู้ขออนุมัติการเดินทางไปต่างประเทศตามที่กําหนดในหลักสูตรการฝึกอบรม ตรวจสอบกับฝ่ายงบประมาณก่อนว่าค่าใช้จ่ายที่จะเบิกนั้นมีวงเงินกําหนด ในทะเบียนคุมเงินงบประมาณรายจ่ายหรือไม่ พร้อมทั้งเสนอหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปพร้อมหนังสือขออนุมัติด้วย ในกรณีที่ปรากฏว่ามีการกําหนดวงเงินไว้เพื่อการนั้น หรือไม่มีการกําหนดวงเงิน แต่มีคํารับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าสามารถจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายอื่นมาใช้เพื่อการนั้นได้ให้ผู้มีอํานาจตามข้อ ๘ พิจารณาอนุมัติได้ ข้อ ๑๐ การฝึกอบรมในประเทศหรือต่างประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายในประเทศหรือต่างประเทศทั้งหมด ไม่ว่าเป็นเงิน บริการ หรือสิ่งของ ให้งดเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ กรณีได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายในประเทศหรือต่างประเทศบางส่วน หากจําเป็นต้องเบิกค่าใช้จ่ายสมทบให้เบิกค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของระเบียบนี้ ข้อ ๑๑ บุคคลที่จะเบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมตามระเบียบนี้ ได้แก่ (๑) ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตาม (๒) ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง และลูกจ้างของสํานักงาน ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม (๓) วิทยากร (๔) ผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ (๕) ผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๖) ผู้สังเกตการณ์ ข้อ ๑๒ (ยกเลิก) ข้อ ๑๓ การเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ (๑) ข้าราชการแต่ละประเภทให้เป็นไปตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ โดยอนุโลม สําหรับตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ให้เบิกจ่ายในอัตราเทียบเท่าข้าราชการระดับ ๑๐ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้เบิกจ่ายในอัตราเทียบเท่าข้าราชการระดับปลัดกระทรวง ประธานศาลปกครองสูงสุดและรองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้เบิกจ่ายในอัตราเทียบเท่าประธานศาลฎีกาและรองประธานศาลฎีกา (๒) ลูกจ้างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเทียบตําแหน่งลูกจ้างในการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่กระทรวงการคลังกําหนด ข้อ ๑๔ การเทียบตําแหน่งของบุคคลตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) (๓) (๔) (๖) ที่มิได้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของทางราชการเพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ให้เทียบตําแหน่งดังนี้ (๑) บุคคลที่สํานักงานหรือทางราชการกําหนดเทียบระดับตําแหน่งไว้แล้ว (๒) บุคคลที่เคยรับราชการมาแล้ว ให้เทียบตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศครั้งสุดท้ายก่อนออกจากราชการ (๓) วิทยากรในการฝึกอบรมประเภท ก ให้เทียบเท่าข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงสําหรับการฝึกอบรมประเภท ข และการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้เทียบเท่าข้าราชการตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น (๔) นอกจาก (๑) (๒) หรือ (๓) ให้เลขาธิการพิจารณาเทียบตําแหน่งตามความจําเป็นและเหมาะสม โดยถือหลักการเทียบตําแหน่งของสํานักงานหรือทางราชการตาม (๑) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ข้อ ๑๔/๑ การเทียบตําแหน่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ให้เทียบตําแหน่งดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมประเภท ก ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (๒) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมประเภท ข ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น หมวด ๒ ค่าใช้จ่ายของสํานักงานในการจัดการฝึกอบรมในประเทศ ข้อ ๑๕ การพิจารณาหาสถานที่เพื่อจัดการฝึกอบรม ให้อยู่ในดุลพินิจของเลขาธิการ ข้อ ๑๖ ค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรม ได้แก่ (๑) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้และการตกแต่งสถานที่ในการฝึกอบรม (๒) ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม (๓) ค่าวัสดุ เครื่องเขียน และอุปกรณ์ (๔) ค่าพิมพ์และเขียนใบประกาศนียบัตร (๕) ค่าพิมพ์เอกสารและสิ่งตีพิมพ์ (๖) ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร (๗) ค่าเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการฝึกอบรม (๘) ค่าใช้จ่ายอื่นที่จําเป็นในการจัดการฝึกอบรม (๙) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม (๑๐) ค่าสมนาคุณวิทยากร (๑๑) ค่าอาหาร (๑๒) ค่าเช่าที่พัก (๑๓) ค่ายานพาหนะ (๑๔) ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ (๑๕) ค่าหนังสือสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑๖) ค่ากระเป๋าหรือสิ่งที่ใช้บรรจุเอกสารสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑๗) ค่าของสมนาคุณในการดูงานตามระเบียบนี้ ค่าใช้จ่ายตาม (๑) ถึง (๙) และ (๑๕) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด ค่าใช้จ่ายตาม (๑๒) และ (๑๔) ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ค่าใช้จ่ายตาม (๑๐) (๑๑) (๑๓) (๑๖) และ (๑๗) ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนด ข้อ ๑๗ (ยกเลิก) ข้อ ๑๘ ค่าอาหารตามข้อ ๑๖ (๑๑) ในกรณีที่สํานักงานออกค่าใช้จ่ายในการจัดอาหารสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อ ๑๙ ค่าเช่าที่พักตามข้อ ๑๖ (๑๒) ในกรณีที่สํานักงานกําหนดให้พักแรมร่วมกันและออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พักสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) การจัดที่พักให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม สําหรับการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ข และการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้พักรวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยให้พักห้องพักคู่ เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมหรือมีเหตุจําเป็นไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ อาจจัดให้พักห้องพักคนเดียวได้ (๒) การจัดที่พักให้แก่ผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าที่ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ และตําแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน ระดับอาวุโส ให้พักรวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยให้พักห้องพักคู่ เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมหรือมีเหตุจําเป็นไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ อาจจัดให้พักห้องพักคนเดียวได้ ส่วนผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าที่ตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่าตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ และตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ จะจัดให้พักห้องพักคนเดียวก็ได้ (๓) การจัดที่พักให้แก่ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตามหรือวิทยากร ให้พักห้องพักคนเดียวหรือพักห้องพักคู่ก็ได้ และเบิกจ่ายค่าเช่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริง (๔) อัตราค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราค่าเช่าที่พักที่สํานักงานกําหนดตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด ข้อ ๒๐ ค่ายานพาหนะ ตามข้อ ๑๖ (๑๓) กรณีสํานักงานจัดยานพาหนะระหว่างการฝึกอบรมและออกค่าใช้จ่ายดังกล่าวสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) กรณีใช้ยานพาหนะของสํานักงาน หรือกรณียืมยานพาหนะจากส่วนราชการหรือบุคคลอื่นให้เบิกค่าน้ํามันเชื้อเพลิงได้เท่าที่จ่ายจริง (๒) กรณีนอกจาก (๑) ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ดังนี้ (๒.๑) การฝึกอบรมประเภท ก ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เว้นแต่ในกรณีเดินทางโดยเครื่องบินให้ใช้ชั้นธุรกิจ ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางโดยชั้นธุรกิจได้ให้เดินทางโดยชั้นหนึ่ง (๒.๒) การฝึกอบรมประเภท ข ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการประเภททั่วไประดับชํานาญงาน (๒.๓) การฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายค่าพาหนะได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด ข้อ ๒๑ ในกรณีที่สํานักงานเป็นผู้ติดต่อประสานงานเรื่องจัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะแทนบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้สํานักงานดําเนินการดังนี้ (๑) คํานวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนแต่ละประเภทการฝึกอบรม และแจ้งให้หน่วยงานผู้ส่งทราบ เพื่อเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ต่อไป ตามอัตราดังนี้ (๑.๑) ค่าอาหาร ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ (๑.๒) ค่าเช่าที่พักไม่เกินอัตราที่สํานักงานกําหนด ตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด (๑.๓) ค่ายานพาหนะ ไม่เกินหลักเกณฑ์และอัตราตามข้อ ๒๐ (๒) (๒) ค่าใช้จ่ายสําหรับประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม ข้าราชการ พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติและผู้ติดตาม วิทยากรหรือผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราเช่นเดียวกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมแต่ละประเภทการฝึกอบรม โดยให้งดเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากต้นสังกัด (๓) สําหรับการจัดที่พักและยานพาหนะ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ข้อ ๒๒ ในกรณีที่สํานักงานไม่จัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะ หรือมิได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานในเรื่องดังกล่าว ให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาฝึกอบรมสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ แต่ถ้าบุคคลตามข้อ ๑๑ (๕) หรือ (๖) เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เบิกจ่ายจากต้นสังกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ การคํานวณเวลาเพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้นับตั้งแต่เวลาที่เดินทางออกจากสถานที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติราชการตามปกติจนกลับถึงสถานที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติราชการตามปกติ แล้วแต่กรณี โดยให้นับยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นหนึ่งวัน ถ้าไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงและส่วนที่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นเกินกว่าสิบสองชั่วโมง ให้ถือเป็นหนึ่งวัน แล้วนําจํานวนวันทั้งหมดมาคูณกับอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ในกรณีที่ผู้จัดการฝึกอบรมจัดอาหารบางมื้อในระหว่างการฝึกอบรม ให้หักเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่คํานวณได้ในอัตรามื้อละ ๑ ใน ๓ ของอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางต่อวัน การฝึกอบรมที่มีการจัดอาหารทุกมื้อ ให้งดจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การเดินทางไปกลับระหว่างสถานที่อยู่หรือที่พักกับสถานที่จัดฝึกอบรมในช่วงระหว่างการฝึกอบรมห้ามเบิกจ่ายค่าพาหนะรับจ้าง (แท็กซี่) เว้นแต่เป็นกรณีที่มีเหตุจําเป็น เลขาธิการอาจอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ตามความเหมาะสมเป็นกรณี ๆ ไป ข้อ ๒๒/๑ การจัดการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ถ้าสํานักงานไม่จัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะให้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือจัดให้บางส่วน ให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในข้อ ๒๒ และให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนที่ขาดให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นบุคลากรของรัฐ ข้อ ๒๒/๒ การเบิกค่าเครื่องแต่งตัวในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ให้เบิกจ่ายได้เฉพาะผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง ลูกจ้างของสํานักงาน ตามที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ตุลาการศาลปกครอง เบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ในอัตราข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง และให้พนักงานราชการศาลปกครองและลูกจ้างของสํานักงานเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ในอัตราข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ข้อ ๒๓ การจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษตามข้อ ๑๖ (๑๔) ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนเฉพาะวันที่ปฏิบัติงาน ดังนี้ (๑) พนักงานแปลหรือล่ามที่มิได้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนคนละชั่วโมงละไม่เกิน ๘๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินคนละ ๖,๐๐๐ บาท ต่อวัน (๒) พนักงานแปลหรือล่ามที่เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการ องค์การมหาชนรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนกึ่งหนึ่งของอัตราตาม (๑) เว้นแต่พนักงานแปลหรือล่ามที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างของสํานักงาน ซึ่งตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งกําหนดให้ปฏิบัติหน้าที่ลักษณะดังกล่าว ให้งดเบิกจ่ายค่าตอบแทน ในกรณีที่มีความจําเป็นจะต้องเบิกจ่ายค่าตอบแทนในอัตราเกินกว่าที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ให้เสนอต่อเลขาธิการเพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายได้ตามความจําเป็น เหมาะสม และเพื่อประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก หมวด ๓ ค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ ข้อ ๒๔ ค่าใช้จ่ายเป็นค่าลงทะเบียน ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายทํานองเดียวกันที่เรียกชื่ออย่างอื่นสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงในอัตราที่หน่วยงานผู้จัดเรียกเก็บสําหรับการฝึกอบรม กรณีที่ค่าลงทะเบียนตามวรรคหนึ่งได้รวมค่าอาหาร ค่าที่พัก และหรือค่ายานพาหนะแล้ว ให้งดเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๕ กรณีหน่วยงานผู้จัดออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่ายานพาหนะทั้งหมดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์งดเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าว ข้อ ๒๖ กรณีหน่วยงานผู้จัดออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหาร ค่าที่พัก และหรือค่ายานพาหนะให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ เฉพาะส่วนที่หน่วยงานผู้จัดมิได้ออกให้ ภายใต้หลักเกณฑ์ตามข้อ ๒๒ ข้อ ๒๗ กรณีหน่วยงานผู้จัดเป็นผู้ติดต่อประสานงานเรื่องอาหาร ที่พัก และหรือยานพาหนะโดยสํานักงานซึ่งเป็นส่วนราชการผู้ส่งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้เบิกค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ตามจํานวนเงินต่อคนในอัตราไม่เกินที่กําหนดไว้ในข้อ ๒๑ สําหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่หน่วยงานผู้จัดมิได้ดําเนินการติดต่อประสานงาน ให้เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการภายใต้หลักเกณฑ์ตามข้อ ๒๒ ข้อ ๒๘ กรณีหน่วยงานผู้จัดไม่จัดหรือไม่ติดต่อประสานงานเกี่ยวกับค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่ายานพาหนะ ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ หมวด ๔ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการฝึกอบรมที่จัดในต่างประเทศ ข้อ ๒๙ ค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศที่หน่วยงานผู้จัดเป็นหน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในหมวด ๓ เว้นแต่กรณีที่หน่วยงานผู้จัดเป็นผู้ติดต่อประสานงานเรื่องจัดอาหาร ที่พัก และยานพาหนะหรือเรื่องหนึ่งเรื่องใด โดยสํานักงานเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจํานวนที่ หน่วยงานผู้จัดแจ้ง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑)[[2]](#_ftn2) ค่าอาหาร ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางเหมาจ่ายตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (๒)[[3]](#_ftn3) ค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ (๓) ค่ายานพาหนะระหว่างการฝึกอบรม ไม่เกินหลักเกณฑ์และอัตราตามข้อ ๒๐ (๒) ข้อ ๒๙/๑ โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากหน่วยงานภายในประเทศ หน่วยงานของต่างประเทศ หรือหน่วยงานหรือองค์กรระหว่างประเทศให้งดเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นกรณีที่สํานักงานได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเพียงบางส่วนให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสมทบได้เฉพาะในส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตรา ที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อ ๒๙/๒ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองหรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองได้รับอนุมัติให้เดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศโดยได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมทั้งหมด ให้งดเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นกรณีที่ได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมเพียงบางส่วนให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสมทบเฉพาะในส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือได้ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่ได้รับความช่วยเหลือ และภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบินไป - กลับ แล้ว แม้จะต่ํากว่าสิทธิที่ได้รับก็ให้งดเบิกค่าโดยสารเครื่องบิน แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบินเพียงเที่ยวเดียว ให้เบิกค่าโดยสารเครื่องบินอีกหนึ่งเที่ยวในชั้นเดียวกับที่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ต้องไม่สูงกว่าสิทธิที่พึงได้รับ (๒) กรณีมีการจัดที่พักให้ ให้งดเบิกค่าเช่าที่พัก แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือค่าเช่าที่พักต่ํากว่าสิทธิที่พึงได้รับ ให้เบิกค่าเช่าที่พักสมทบเฉพาะส่วนที่ขาดตามที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับค่าเช่าที่พักที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว จะต้องไม่เกินสิทธิที่พึงได้รับ (๓) กรณีได้รับความช่วยเหลือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางต่ํากว่าสิทธิที่พึงได้รับ ให้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางสมทบเฉพาะส่วนที่ขาด แต่ถ้ามีการจัดอาหารในระหว่างการฝึกอบรม การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในข้อ ๑๘ การเบิกค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้จัดทํารายละเอียดค่าใช้จ่ายตามแบบรายละเอียดค่าใช้จ่ายกรณีได้รับความช่วยเหลือที่สํานักงานกําหนด พร้อมแนบสําเนาหนังสือของส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย แต่ถ้าหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือไม่ได้ระบุวงเงินให้ความช่วยเหลือไว้ ให้คํานวณเงินค่าใช้จ่ายที่ได้รับความช่วยเหลือตามอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ข้อ ๒๙/๓ ในกรณีที่สํานักงานประสงค์จะจ้างจัดฝึกอบรมในโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมไ่ม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ดําเนินการได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ และถ้าใช้เครื่องบินโดยสารเป็นยานพาหนะในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและหนังสือกระทรวงการคลังที่กําหนดในเรื่องดังกล่าวด้วย การจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินของผู้รับจ้างเป็นหลักฐานการจ่าย หมวด ๕ การเบิกจ่ายเงินและการรายงาน ข้อ ๓๐ การเบิกจ่ายเงินและการรายงาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๓๑ การเบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมนอกเหนือจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ อักขราทร จุฬารัตน กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ทําหน้าที่ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,427
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ของสำนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อขยายขอบเขตการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครองให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “การฝึกอบรม” และ “การฝึกศึกษา” ในข้อ ๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงาน ศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “การฝึกอบรม” หมายความว่า การอบรม การประชุม การเสวนา หรือสัมมนาทางวิชาการหรือเชิงปฏิบัติการ การบรรยายพิเศษ การฝึกศึกษา การปฏิบัติการวิจัย หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรและช่วงเวลาจัดที่แน่นอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลหรือประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยไม่มีการรับปริญญา และให้หมายความรวมถึงการดูงานและการฝึกงานด้วย” “การฝึกศึกษา” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ ความชํานาญ หรือประสบการณ์ด้วยการศึกษาและฝึกปฏิบัติ” ข้อ ๔ ให้เพิ่มบทนิยามดังต่อไปนี้ระหว่างบทนิยามคําว่า “การฝึกศึกษา” และ “การดูงาน” ของข้อ ๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ “การปฏิบัติการวิจัย” หมายความว่า การทํางานวิจัยที่กําหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการฝึกอบรม” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “ผู้เข้ารับการฝึกอบรม” ในข้อ ๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ผู้เข้ารับการฝึกอบรม” หมายความว่า (๑) ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานหรือลูกจ้างของสํานักงานหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกเพื่อเสนอแต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลปกครอง แต่ยังอยู่ในระหว่างดําเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง และบุคคลอื่นซึ่งเข้ารับการฝึกอบรมกับบุคคลดังกล่าว หรือ (๒) บุคคลที่สํานักงานเห็นสมควรให้เข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักกฎหมายมหาชน การบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาบุคลากรด้านกฎหมายมหาชน หรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลปกครอง” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ หลักสูตร เรื่อง หรือหัวข้อในการฝึกอบรม หรือการจัดการฝึกอบรมที่สํานักงาน เป็นผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานผู้จัดอื่น ต้องได้รับอนุมัติจากเลขาธิการ” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๙ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ ในการขออนุมัติตามข้อ ๖ และข้อ ๗ หากมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องเบิกจากเงินงบประมาณหรือเงินอื่นใดของสํานักงาน ให้ผู้จัดทําโครงการฝึกอบรม ผู้ขออนุมัติเข้ารับการฝึกอบรม ที่สํานักงานไม่ใช่ผู้จัดหรือจัดร่วมกับหน่วยงานผู้จัดอื่น หรือผู้ขออนุมัติการเดินทางไปต่างประเทศตามที่กําหนดในหลักสูตรการฝึกอบรม ตรวจสอบกับฝ่ายงบประมาณก่อนว่าค่าใช้จ่ายที่จะเบิกนั้นมีวงเงินกําหนดในทะเบียนคุมเงินงบประมาณรายจ่ายหรือไม่ พร้อมทั้งเสนอหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปพร้อมหนังสือขออนุมัติด้วย ในกรณี ที่ปรากฏว่ามีการกําหนดวงเงินไว้เพื่อการนั้น หรือไม่มีการกําหนดวงเงิน แต่มีคํารับรองจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องว่าสามารถจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายอื่นมาใช้เพื่อการนั้นได้ให้ผู้มีอํานาจตามข้อ ๘ พิจารณาอนุมัติได้” ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๔ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๔ การเทียบตําแหน่งของบุคคลตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ ที่มิได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของทางราชการเพื่อเบิกค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ให้เทียบตําแหน่งดังนี้ (๑) บุคคลที่สํานักงานกําหนดเทียบระดับตําแหน่งไว้แล้ว (๒) บุคคลที่เคยรับราชการมาแล้ว ให้เทียบตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศครั้งสุดท้ายก่อนออกจากราชการ (๓) วิทยากร ให้เทียบระดับตําแหน่งตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศสูงสุดของแต่ละระดับ การฝึกอบรม ยกเว้นการฝึกอบรมระดับสูง ให้เทียบเท่าข้าราชการระดับ ๑๐ (๔) กรณีที่จําเป็นต้องเทียบระดับตําแหน่งนอกเหนือจากที่กําหนดไว้ใน (๑) (๒) หรือ (๓) ให้เลขาธิการเทียบระดับตําแหน่งได้ตามที่เห็นสมควร” ข้อ ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของข้อ ๑๖ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ค่าใช้จ่ายตาม (๙) สําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินอัตราที่กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ” ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๗ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๗ การจ่ายค่าสมนาคุณวิทยากรตามข้อ ๑๖ (๑๐) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ” ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๘ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๘ ค่าอาหาร ตามข้อ ๑๖ (๑๑) กรณีที่สํานักงานออกค่าใช้จ่ายในการจัดอาหารสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กําหนดไว้ ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ” ข้อ ๑๒ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๑๙ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) อัตราค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายตามระดับการฝึกอบรม ดังนี้ (๒.๑) กรณีพักแรมร่วมกันในสถานที่ของเอกชน ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินอัตราค่าเช่าที่พักที่สํานักงานกําหนด กรณีพักแรมร่วมกันในสถานที่ของเอกชนโดยการเหมารวมห้องพัก ซึ่งมีทั้งห้องพักเดี่ยวและห้องพักตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป ให้เบิกจ่ายในลักษณะเหมาจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง โดยเฉลี่ยไม่เกินอัตรา ค่าเช่าที่พักที่สํานักงานกําหนด หากหลักสูตรการฝึกอบรมมีระยะเวลาตั้งแต่ ๓ เดือนขึ้นไป ให้เบิกจ่ายค่าเช่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓ ใน ๔ ของอัตราค่าเช่าที่พักที่สํานักงานกําหนด (๒.๒) กรณีพักแรมร่วมกันในสถานที่ของส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เบิกจ่ายตามอัตราที่หน่วยงานดังกล่าวเรียกเก็บ” ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๒๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) คํานวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนแต่ละระดับการฝึกอบรม และแจ้งให้หน่วยงานผู้ส่งทราบเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ต่อไป ตามอัตราดังนี้ (๑.๑) ค่าอาหาร ไม่เกินอัตราที่กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ (๑.๒) ค่าเช่าที่พักไม่เกินอัตราที่สํานักงานกําหนด (๑.๓) ค่ายานพาหนะ ไม่เกินหลักเกณฑ์และอัตราตามข้อ ๒๐ (๒)” ข้อ ๑๔ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๒๒ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๒) การเดินทางไปกลับระหว่างสถานที่อยู่หรือที่พักกับสถานที่จัดฝึกอบรมในช่วงระหว่างการฝึกอบรม ห้ามเบิกจ่ายค่าพาหนะรับจ้าง (แท็กซี่) เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจําเป็น เลขาธิการอาจอนุมัติ ให้เบิกจ่ายได้ตามความเหมาะสมเป็นกรณี ๆ ไป” ข้อ ๑๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๙ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๙ ค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ในการเดินทางไปฝึกอบรม ในต่างประเทศที่หน่วยงานผู้จัดเป็นหน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในหมวด ๓ เว้นแต่กรณีที่หน่วยงานผู้จัดเป็นผู้ติดต่อประสานงานเรื่องจัดอาหาร ที่พัก และยานพาหนะ หรือเรื่องหนึ่ง เรื่องใด โดยสํานักงานเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจํานวนที่หน่วยงานผู้จัดแจ้ง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) ค่าอาหาร ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง คนละวันละไม่เกิน ๒,๕๐๐ บาท (๒) ค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กําหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ (๓) ค่ายานพาหนะระหว่างการฝึกอบรม ไม่เกินหลักเกณฑ์และอัตราตามข้อ ๒๐ (๒)” ข้อ ๑๖ ให้ยกเลิกบัญชีหมายเลข ๑ บัญชีหมายเลข ๒ บัญชีหมายเลข ๓ บัญชีหมายเลข ๔ และบัญชีหมายเลข ๕ ท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๑๗ ในกรณีที่มีการฝึกอบรมใดกําลังดําเนินการอยู่ในวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับให้ดําเนินการให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๑๑๖ ก หน้า ๖๑ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ [↑](#footnote-ref-1)
10,428
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ของสำนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “ผู้เข้ารับการฝึกอบรม” ในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““ผู้เข้ารับการฝึกอบรม” หมายความว่า (๑) ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครองหรือลูกจ้างของสํานักงาน และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกเพื่อเสนอแต่งตั้งให้เป็นตุลาการ ศาลปกครอง แต่ยังอยู่ในระหว่างดําเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง และบุคคลที่ผ่าน การสอบแข่งขันหรือการคัดเลือก แต่ยังอยู่ในระหว่างรอการบรรจุแต่งตั้งหรือจ้างเป็นข้าราชการฝ่าย ศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างของสํานักงาน แล้วแต่กรณี หรือ (๒) เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐที่สํานักงานเห็นสมควรให้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานเป็นผู้จัด หรือ (๓) บุคคลที่มิใช่บุคลากรของรัฐที่สํานักงานเห็นสมควรให้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานเป็นผู้จัดการจัดฝึกอบรมตาม (๒) และ (๓) ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักกฎหมายมหาชนการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาบุคลากรด้านกฎหมายมหาชนหรือ การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลปกครอง” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “การฝึกอบรมระดับต้น” “การฝึกอบรมระดับกลาง”และ “การฝึกอบรมระดับสูง” ในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““การฝึกอบรมประเภท ก” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวุฒิ ประเภทอํานวยการระดับสูง ประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า “การฝึกอบรมประเภท ข” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส ประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ และระดับชํานาญการพิเศษ ประเภทอํานวยการระดับต้น หรือตําแหน่งที่เทียบเท่า และให้หมายความรวมถึงการฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งเป็นพนักงานราชการศาลปกครองหรือลูกจ้างของสํานักงานด้วย “การฝึกอบรมบุคคลภายนอก” หมายความว่า การฝึกอบรมที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกินกึ่งหนึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๘ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน“ข้อ ๘ ให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้มีอํานาจอนุมัติการเดินทางไปจัดการฝึกอบรม การเข้ารับการฝึกอบรม และการเดินทางไปต่างประเทศ ตามที่กําหนดในหลักสูตรการฝึกอบรมทุกหลักสูตร (๑) เลขาธิการ สําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครองและลูกจ้างของสํานักงาน ทุกตําแหน่ง (๒) อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น สําหรับตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้น (๓) ประธานศาลปกครองสูงสุด สําหรับตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ประจําศาลปกครองสูงสุดและเลขาธิการ” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของข้อ ๑๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(๑) ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตาม (๒) ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครองและลูกจ้างของสํานักงาน ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๘ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๔ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๔ การเทียบตําแหน่งของบุคคลตามข้อ ๑๑ (๑) (๒) (๓) (๔) (๖) ที่มิได้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของทางราชการเพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ให้เทียบตําแหน่ง ดังนี้ (๑) บุคคลที่สํานักงานหรือทางราชการกําหนดเทียบระดับตําแหน่งไว้แล้ว (๒) บุคคลที่เคยรับราชการมาแล้ว ให้เทียบตามระดับตําแหน่งหรือชั้นยศครั้งสุดท้ายก่อนออกจากราชการ (๓) วิทยากรในการฝึกอบรมประเภท ก ให้เทียบเท่าข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงสําหรับการฝึกอบรมประเภท ข และการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้เทียบเท่าข้าราชการตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น (๔) นอกจาก (๑) (๒) หรือ (๓) ให้เลขาธิการพิจารณาเทียบตําแหน่งตามความจําเป็นและเหมาะสม โดยถือหลักการเทียบตําแหน่งของสํานักงานหรือทางราชการตาม (๑) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา” ข้อ ๙ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๔/๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ “ข้อ ๑๔/๑ การเทียบตําแหน่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ให้เทียบตําแหน่งดังนี้ (๑) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมประเภท ก ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (๒) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในการฝึกอบรมประเภท ข ให้เทียบได้ไม่เกินสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น” ข้อ ๑๐ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๖ ค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรม ได้แก่ (๑) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้และการตกแต่งสถานที่ในการฝึกอบรม (๒) ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม (๓) ค่าวัสดุ เครื่องเขียน และอุปกรณ์ (๔) ค่าพิมพ์และเขียนใบประกาศนียบัตร (๕) ค่าพิมพ์เอกสารและสิ่งตีพิมพ์ (๖) ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร (๗) ค่าเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการฝึกอบรม (๘) ค่าใช้จ่ายอื่นที่จําเป็นในการจัดการฝึกอบรม (๙) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม (๑๐) ค่าสมนาคุณวิทยากร (๑๑) ค่าอาหาร (๑๒) ค่าเช่าที่พัก (๑๓) ค่ายานพาหนะ (๑๔) ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ (๑๕) ค่าหนังสือสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑๖) ค่ากระเป๋าหรือสิ่งที่ใช้บรรจุเอกสารสําหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑๗) ค่าของสมนาคุณในการดูงานตามระเบียบนี้ ค่าใช้จ่ายตาม (๑) ถึง (๙) และ (๑๕) ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจําเป็นเหมาะสม และประหยัดค่าใช้จ่ายตาม (๑๒) และ (๑๔) ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ค่าใช้จ่าย ตาม (๑๐) (๑๑) (๑๓) (๑๖) และ (๑๗) ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนด” ข้อ ๑๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๗ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๑๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๘ และข้อ ๑๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงาน ศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๘ ค่าอาหารตามข้อ ๑๖ (๑๑) ในกรณีที่สํานักงานออกค่าใช้จ่ายในการจัดอาหารสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้เบิกจ่ายค่าอาหารได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อ ๑๙ ค่าเช่าที่พักตามข้อ ๑๖ (๑๒) ในกรณีที่สํานักงานกําหนดให้พักแรมร่วมกันและออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พักสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) การจัดที่พักให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม สําหรับการฝึกอบรมข้าราชการประเภท ขและการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้พักรวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยให้พักห้องพักคู่ เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมหรือมีเหตุจําเป็นไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ อาจจัดให้พักห้องพักคนเดียวได้ (๒) การจัดที่พักให้แก่ผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าที่ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ และตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน ระดับอาวุโส ให้พักรวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยให้พักห้องพักคู่เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมหรือมีเหตุจําเป็นไม่อาจพักรวมกับผู้อื่นได้ อาจจัดให้พักห้องพักคนเดียวได้ส่วนผู้สังเกตการณ์หรือเจ้าหน้าที่ตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ระดับสูง หรือตําแหน่งที่เทียบเท่าตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญระดับทรงคุณวุฒิ และตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ จะจัดให้พักห้องพักคนเดียวก็ได้ (๓) การจัดที่พักให้แก่ประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติ และผู้ติดตามหรือวิทยากร ให้พักห้องพักคนเดียวหรือพักห้องพักคู่ก็ได้ และเบิกจ่ายค่าเช่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริง (๔) อัตราค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราค่าเช่าที่พักที่สํานักงานกําหนดตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด” ข้อ ๑๓ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของข้อ ๒๐ วรรคหนึ่ง ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน “(๒) กรณีนอกจาก (๑) ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ดังนี้ (๒.๑) การฝึกอบรมประเภท ก ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เว้นแต่ในกรณีเดินทางโดยเครื่องบินให้ใช้ชั้นธุรกิจ ในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางโดยชั้นธุรกิจได้ให้เดินทางโดยชั้นหนึ่ง (๒.๒) การฝึกอบรมประเภท ข ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการประเภททั่วไประดับชํานาญงาน (๒.๓) การฝึกอบรมบุคคลภายนอก ให้เบิกจ่ายได้ในอัตราตามสิทธิของข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงานทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายค่าพาหนะได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจําเป็น เหมาะสม และประหยัด” ข้อ ๑๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๑ และข้อ ๒๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่าย ศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงาน ศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ ในกรณีที่สํานักงานเป็นผู้ติดต่อประสานงานเรื่องจัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะแทนบุคคลตามข้อ ๑๑ ให้สํานักงานดําเนินการดังนี้ (๑) คํานวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนแต่ละประเภทการฝึกอบรม และแจ้งให้หน่วยงานผู้ส่งทราบเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการฝึกอบรมและผู้สังเกตการณ์ต่อไป ตามอัตราดังนี้ (๑.๑) ค่าอาหาร ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ (๑.๒) ค่าเช่าที่พักไม่เกินอัตราที่สํานักงานกําหนด ตามความจําเป็น เหมาะสมและประหยัด (๑.๓) ค่ายานพาหนะ ไม่เกินหลักเกณฑ์และอัตราตามข้อ ๒๐ (๒) (๒) ค่าใช้จ่ายสําหรับประธานในพิธีเปิดหรือพิธีปิดการฝึกอบรม ข้าราชการ พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการฝึกอบรม แขกผู้มีเกียรติและผู้ติดตาม วิทยากรหรือผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษ ให้เบิกจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราเช่นเดียวกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมแต่ละประเภทการฝึกอบรม โดยให้งดเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากต้นสังกัด (๓) สําหรับการจัดที่พักและยานพาหนะ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ข้อ ๒๒ ในกรณีที่สํานักงานไม่จัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะ หรือมิได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานในเรื่องดังกล่าว ให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาฝึกอบรมสําหรับบุคคลตามข้อ ๑๑ แต่ถ้าบุคคลตามข้อ ๑๑ (๕) หรือ (๖) เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้เบิกจ่ายจากต้นสังกัด ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ การคํานวณเวลาเพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้นับตั้งแต่เวลาที่เดินทางออกจากสถานที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติราชการตามปกติจนกลับถึงสถานที่อยู่หรือสถานที่ปฏิบัติราชการตามปกติ แล้วแต่กรณีโดยให้นับยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นหนึ่งวัน ถ้าไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงและส่วนที่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นเกินกว่าสิบสองชั่วโมง ให้ถือเป็นหนึ่งวัน แล้วนําจํานวนวันทั้งหมดมาคูณกับอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ในกรณีที่ผู้จัดการฝึกอบรมจัดอาหารบางมื้อในระหว่างการฝึกอบรม ให้หักเบี้ยเลี้ยงเดินทางที่คํานวณได้ในอัตรามื้อละ ๑ ใน ๓ ของอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางต่อวัน การฝึกอบรมที่มีการจัดอาหารทุกมื้อ ให้งดจ่ายเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การเดินทางไปกลับระหว่างสถานที่อยู่หรือที่พักกับสถานที่จัดฝึกอบรมในช่วงระหว่าง การฝึกอบรมห้ามเบิกจ่ายค่าพาหนะรับจ้าง (แท็กซี่) เว้นแต่เป็นกรณีที่มีเหตุจําเป็น เลขาธิการอาจอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ตามความเหมาะสมเป็นกรณี ๆ ไป” ข้อ ๑๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๒/๑ และข้อ ๒๒/๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ “ข้อ ๒๒/๑ การจัดการฝึกอบรมบุคคลภายนอก ถ้าสํานักงานไม่จัดอาหาร ที่พัก หรือยานพาหนะให้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือจัดให้บางส่วน ให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในข้อ ๒๒ และให้สํานักงานเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนที่ขาดให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกําหนด ให้ใช้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มิได้เป็นบุคลากรของรัฐ ข้อ ๒๒/๒ การเบิกค่าเครื่องแต่งตัวในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ให้เบิกจ่ายได้เฉพาะผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ ศาลปกครอง ลูกจ้างของสํานักงาน ตามที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ตุลาการศาลปกครองเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ในอัตราข้าราชการตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง และให้พนักงานราชการศาลปกครองและลูกจ้างของสํานักงานเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ในอัตราข้าราชการตําแหน่งประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน” ข้อ ๑๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๓ การจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานลักษณะพิเศษตามข้อ ๑๖ (๑๔) ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนเฉพาะวันที่ปฏิบัติงาน ดังนี้ (๑) พนักงานแปลหรือล่ามที่มิได้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการองค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนคนละชั่วโมงละไม่เกิน ๘๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินคนละ ๖,๐๐๐ บาท ต่อวัน (๒) พนักงานแปลหรือล่ามที่เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของส่วนราชการ องค์การมหาชนรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนกึ่งหนึ่งของอัตราตาม (๑) เว้นแต่พนักงานแปลหรือล่ามที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง หรือลูกจ้างของสํานักงาน ซึ่งตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งกําหนดให้ปฏิบัติหน้าที่ลักษณะดังกล่าว ให้งดเบิกจ่ายค่าตอบแทนในกรณีที่มีความจําเป็นจะต้องเบิกจ่ายค่าตอบแทนในอัตราเกินกว่าที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่งให้เสนอต่อเลขาธิการ เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายได้ตามความจําเป็น เหมาะสมและเพื่อประโยชน์ของ ทางราชการเป็นหลัก” ข้อ ๑๗ ให้ยกเลิกความใน (๑) และ (๒) ของข้อ ๒๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงาน ศาลu3611 ปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ค่าอาหาร ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางเหมาจ่ายตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (๒) ค่าเช่าที่พัก ให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ข้อ ๑๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๒๙/๑ ข้อ ๒๙/๒ และข้อ ๒๙/๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ “ข้อ ๒๙/๑ โครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมที่สํานักงานได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากหน่วยงานภายในประเทศ หน่วยงานของต่างประเทศ หรือหน่วยงานหรือองค์กรระหว่างประเทศให้งดเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นกรณีที่สํานักงานได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเพียงบางส่วนให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสมทบได้เฉพาะในส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกําหนดให้ใช้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อ ๒๙/๒ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองหรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองได้รับอนุมัติให้เดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศโดยได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมทั้งหมดให้งดเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็นกรณีที่ได้รับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฝึกอบรมเพียงบางส่วนให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสมทบเฉพาะในส่วนที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือได้ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่ได้รับความช่วยเหลือ และภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ (๑) กรณีได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบินไป - กลับ แล้ว แม้จะต่ํากว่าสิทธิที่ได้รับก็ให้งดเบิกค่าโดยสารเครื่องบิน แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารเครื่องบินเพียงเที่ยวเดียวให้เบิกค่าโดยสารเครื่องบินอีกหนึ่งเที่ยวในชั้นเดียวกับที่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ต้องไม่สูงกว่าสิทธิที่พึงได้รับ (๒) กรณีมีการจัดที่พักให้ ให้งดเบิกค่าเช่าที่พัก แต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือค่าเช่าที่พักต่ํากว่าสิทธิที่พึงได้รับ ให้เบิกค่าเช่าที่พักสมทบเฉพาะส่วนที่ขาดตามที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับค่าเช่าที่พักที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว จะต้องไม่เกินสิทธิที่พึงได้รับ (๓) กรณีได้รับความช่วยเหลือค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางต่ํากว่าสิทธิที่พึงได้รับ ให้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางสมทบเฉพาะส่วนที่ขาด แต่ถ้ามีการจัดอาหารในระหว่างการฝึกอบรม การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในข้อ ๑๘ การเบิกค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้จัดทํารายละเอียดค่าใช้จ่ายตามแบบรายละเอียดค่าใช้จ่ายกรณีได้รับความช่วยเหลือที่สํานักงานกําหนด พร้อมแนบสําเนาหนังสือของส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย แต่ถ้าหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือไม่ได้ระบุวงเงินให้ความช่วยเหลือไว้ ให้คํานวณเงินค่าใช้จ่ายที่ได้รับความช่วยเหลือตามอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้ ข้อ ๒๙/๓ ในกรณีที่สํานักงานประสงค์จะจ้างจัดฝึกอบรมในโครงการหรือหลักสูตรการฝึกอบรมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ดําเนินการได้ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบนี้และถ้าใช้เครื่องบินโดยสารเป็นยานพาหนะในการเดินทางไปฝึกอบรมในต่างประเทศ ให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและหนังสือกระทรวงการคลังที่กําหนดในเรื่องดังกล่าวด้วย การจ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินของผู้รับจ้างเป็นหลักฐานการจ่าย” ข้อ ๑๙ การจัดการฝึกอบรมใดที่อยู่ในระหว่างดําเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ใช้อยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์นั้นต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,429
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๕๘ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ศาล” หมายความว่า ศาลปกครองหรือตุลาการศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งตามระเบียบนี้ให้ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชี “เงินค่าธรรมเนียม” หมายความว่า เงินค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดีหรือการอุทธรณ์หรือเงินค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล “เงินค่าปรับ” หมายความว่า เงินค่าปรับที่ศาลสั่งลงโทษหรือสั่งปรับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ “เงินกลาง” หมายความว่า เงินที่คู่กรณีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องนํามาวางศาลเพื่อชําระให้แก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง หรือนํามาวางศาลตามบทบัญญัติของกฎหมาย และให้หมายความรวมถึงเงินที่ได้จากการบังคับคดีเพื่อชําระให้แก่คู่กรณีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล ข้อ ๕ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงินและการคืนเงินที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงินและการเก็บรักษาเงินโดยอนุโลม ข้อ ๖ ให้เลขาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่งหรือหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัย คําวินิจฉัยนั้นให้เป็นที่สุด หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๗ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนเป็นหน่วยงานรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับหรือเงินกลาง ในคดีของศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลาง และให้สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคเป็นหน่วยงานรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลาง ในคดีของศาลปกครองในภูมิภาค เมื่อได้รับเงินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบรับเงินไว้เป็นหลักฐานสี่ฉบับประกอบด้วยต้นฉบับและสําเนาสามฉบับ โดยต้นฉบับมอบให้ผู้นําเงินมาชําระ สําเนาฉบับที่หนึ่งเก็บไว้ในสํานวนคดี สําเนาฉบับที่สองมอบให้เจ้าหน้าที่การเงินใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี และสําเนาฉบับที่สามติดไว้ในเล่มเพื่อการตรวจสอบ ใบรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๘ การรับเงินค่าธรรมเนียม ให้รับชําระด้วยวิธีการตามที่กําหนดในข้อ ๓๔ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง ให้นําวิธีการชําระเงินตามวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับเงินค่าปรับและเงินกลางโดยอนุโลม ในกรณีที่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการเรียกเก็บเงินตามวิธีการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ผู้มีหน้าที่ต้องชําระเงินดังกล่าวเป็นผู้รับภาระ ข้อ ๙ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณีดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับของสํานักงานศาล(ระบุชื่อ) ” กับธนาคารซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ จํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภทกระแสรายวัน (๒) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินกลางของ (ระบุชื่อ) ” กับธนาคารซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภทกระแสรายวัน การดําเนินการตาม (๑) และ (๒) ให้ตกลงเงื่อนไขกับธนาคารว่า สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี จะฝากเงินเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ แต่จะถอนเงินผ่านบัญชีประเภทกระแสรายวัน ข้อ ๑๐ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณีนําเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และเงินกลางฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๒) ในวันที่ได้รับเงินนั้นหรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป ในกรณีที่มีการจ่ายเงินตามข้อ ๑๖ ให้นําเงินคงเหลือฝากเข้าบัญชีตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในวรรคหนึ่ง หมวด ๒ การจ่ายคืนเงิน ข้อ ๑๑ ในกรณีที่ต้องดําเนินการจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินค่าปรับ ให้ศาลบันทึกไว้ในสํานวนคดีว่าจ่ายคืนให้แก่ผู้ใด เป็นจํานวนเท่าใด แล้วออกใบสั่งคืนเงินดังกล่าว โดยให้ตุลาการศาลปกครองหนึ่งคนลงลายมือชื่อไว้ในใบสั่งคืนจํานวนสามฉบับ แล้วให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อรับเงินทั้งสามฉบับเพื่อรวมไว้ในสํานวนคดีหนึ่งฉบับ เก็บไว้เป็นหลักฐานในการลงบัญชีหนึ่งฉบับ และเก็บไว้เป็นหลักฐานการจ่ายคืนเงินอีกหนึ่งฉบับ ใบสั่งคืนเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับ ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ต้องดําเนินการจ่ายคืนเงินกลาง ให้เจ้าหน้าที่การเงินจัดทําหลักฐานการจ่ายคืนเงินกลางจํานวนสามฉบับ แล้วให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อรับเงินทั้งสามฉบับ เพื่อรวมไว้ในสํานวนคดีหนึ่งฉบับ เก็บไว้เป็นหลักฐานในการลงบัญชีหนึ่งฉบับ และเก็บไว้เป็นหลักฐานการจ่ายคืนเงินอีกหนึ่งฉบับ หลักฐานการจ่ายเงินกลาง ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๓ การจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินค่าปรับตามข้อ ๑๑ ให้สั่งจ่ายจากบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๑) โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้ลงนามในเช็คร่วมกัน (๑) การลงนามในเช็คในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองสูงสุด ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี ลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การลงนามในเช็คในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํา นวยการกลุ่มที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินหรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค ในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับเงินประสงค์ให้นําเช็คตามวรรคหนึ่งเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงินและยินยอมให้หักเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ธนาคารเรียกเก็บจากเงินที่ได้รับสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี จะดําเนินการให้ตามความประสงค์ก็ได้ ข้อ ๑๔ การจ่ายคืนเงินกลางตามข้อ ๑๒ ให้สั่งจ่ายจากบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง (๒) โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้ลงนามในเช็คร่วมกัน (๑) การลงนามในเช็คในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักบังคับคดีปกครองหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การลงนามในเช็คในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํา นวยการกลุ่มที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินหรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค ให้นําความในข้อ ๑๓ วรรคสอง มาใช้บังคับกับการจ่ายเงินกลางโดยอนุโลม ข้อ ๑๕ การเขียนเช็คสั่งจ่ายตามข้อ ๑๓ และข้อ ๑๔ ให้ปฏิบัติดังนี้ (๑) ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของผู้มีสิทธิรับเงินหรือตามที่ศาลมีคําสั่ง โดยขีดฆ่าคําว่า“หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมด้วย (๒) การเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินในเช็คที่เป็นตัวอักษร ให้เขียนหรือพิมพ์ให้ชิดคําว่า “บาท” และขีดเส้นหน้าจํานวน อย่าให้มีช่องว่างที่จะเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินเพิ่มเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน จนชิดคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” แล้วแต่กรณีโดยมิให้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลอื่นเพิ่มเติมได้อีก ในกรณีที่มีการระบุรายการในเช็คผิดพลาด ให้ยกเลิกเช็คโดยประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยตรายางสีแดงไว้ที่ด้านหน้าเช็คนั้น และให้คงเช็คที่ยกเลิกนั้นไว้กับต้นขั้วเพื่อการตรวจสอบ ข้อ ๑๖ การจ่ายเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลาง.ที่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท จะจ่ายด้วยเงินสดก็ได้ การจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง ให้จ่ายจากเงินสดที่ได้รับในวันนั้น หมวด ๓ การส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดิน ข้อ ๑๗ ให้สํา นักบริหารการเงินและต้นทุนและสํา นักงานศาลปกครองในภูมิภาคกันเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อการถอนคืนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และเมื่อสิ้นปีงบประมาณให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณีถอนเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับเฉพาะคดีที่ถึงที่สุดแล้วและศาลมิได้สั่งคืน พร้อมทั้งดอกเบี้ยจากบัญชีธนาคารเพื่อนําส่งเป็นรายได้แผ่นดินภายในเดือนตุลาคมของทุกปี ข้อ ๑๘ ดอกเบี้ยที่เกิดจากการนําเงินกลางฝากธนาคารตามข้อ ๑๐ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนและสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคถอนจากบัญชีธนาคารเมื่อสิ้นปีงบประมาณแล้วนําส่งเป็นรายได้แผ่นดินภายในเดือนตุลาคมของทุกปี ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,430
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๑ [ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นฉบับที่ต้องใช้บังคับในปัจจุบัน]
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[1](#fn1) ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ (๓) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง และหมายความรวมถึงคณะอนุกรรมการสามัญประจําสํานักงานศาลปกครองด้วย “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ “อนุกรรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ “เลขานุการ” หมายความว่า เลขานุการของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ “ผู้ช่วยเลขานุการ” หมายความว่า ผู้ช่วยเลขานุการของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ ข้อ ๕ ภายใต้บังคับข้อ ๑๒ ให้กรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับเบี้ยประชุมตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ ๖ กรรมการในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองและกรรมการในคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ให้ได้รับเบี้ยประชุมเหมาจ่ายเป็นรายเดือนตามบัญชีหมายเลข ๑ ท้ายระเบียบนี้ และให้งดจ่ายในเดือนที่ไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่เข้าประชุม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตามมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๗ กรรมการอื่นนอกจากกรรมการตามข้อ ๖ และอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุมตามอัตราในบัญชีหมายเลข ๒ ท้ายระเบียบนี้ กรรมการตามวรรคหนึ่งในคณะหนึ่ง หรืออนุกรรมการในคณะอนุกรรมการคณะหนึ่งให้ได้รับเบี้ยประชุมสําหรับการประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการคณะนั้นเพียงครั้งเดียวในวันหนึ่ง ข้อ ๘ ในกรณีที่กรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งเป็นการแต่งตั้งโดยตําแหน่งไม่สามารถเข้าประชุมได้ แต่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทน โดยทําเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานการมอบหมายให้ถือว่าผู้ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรืออนุกรรมการแทนผู้ดํารงตําแหน่งนั้น ๆ และให้นับเป็นองค์ประชุม ตลอดจนมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับกรรมการหรืออนุกรรมการ ข้อ ๙ ประธานกรรมการและประธานอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสี่ของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการหรืออนุกรรมการที่ผู้นั้นมีสิทธิได้รับ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทําหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการตามที่กําหนดในวรรคหนึ่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ เลขานุการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเช่นเดียวกับกรรมการหรืออนุกรรมการ แล้วแต่กรณี ผู้ช่วยเลขานุการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมสามในสี่ของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการในคณะกรรมการหรืออนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่บุคคลนั้นเป็นผู้ช่วยเลขานุการกรรมการหรืออนุกรรมการผู้ใดเป็นเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการด้วยให้เบิกเบี้ยประชุมในตําแหน่งที่ได้รับเบี้ยประชุมมากที่สุดเพียงตําแหน่งเดียว เลขานุการ ให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน และผู้ช่วยเลขานุการให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน ข้อ ๑๑ การประชุมของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ ต้องมีกรรมการหรืออนุกรรมการเข้าประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการหรืออนุกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม และมีสิทธิเบิกเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ การประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการประชุมที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือคําสั่งที่จัดให้มีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการกําหนดให้สามารถใช้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทําให้กรรมการหรืออนุกรรมการไม่จําเป็นต้องปรากฏตัวในที่ประชุมด้วย โดยให้ถือว่ากรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งใช้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการนั้น และมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม ข้อ ๑๒ บุคคลดังต่อไปนี้ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ (๑) ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ หรือผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะกรรมการหรือในคณะอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือเป็นลูกจ้างของสํานักงานศาลปกครอง (๒) ประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการ อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เลขานุการ หรือผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะอนุกรรมการสามัญประจําสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๑๓ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๔ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,431
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 796) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535
**ประกาศกระทรวงการคลัง** **ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 796)** **เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา** **ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา** **ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239)** **พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร** **ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535** อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2508 และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1014) ของข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วย ภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 “(1014) สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมถ์” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (1) สําหรับเงินได้พึงประเมินประจําปี พ.ศ. 2566 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป (2) สําหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป อื่นๆ ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. ๒๕66 ผู้มีอํานาจลงนาม สันติ พร้อมพัฒน์ (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,432
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
**Update ถึง ประกาศฯ (ฉ.๘/๒๕๖๔)** ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์ ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุดต้อง (๑) เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์ หรือเป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาสังคมศาสตร์อื่น โดยได้รับปริญญาสังคมศาสตร์ อักษรศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์ ที่เน้นการศึกษาวิชาเกี่ยวกับนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง หรือสังคมวิทยาจากสถานศึกษาในประเทศหรือต่างประเทศที่ ก.พ. รับรอง และ (๒) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น หรือเป็นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรอง ข้อ ๒ ผู้ทรงคุณวุฒิในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุดต้อง (๑) เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปและดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่งบริหารที่ได้รับเงินประจําตําแหน่งประเภทบริหารตามกฎหมายว่าด้วยเงินประจําตําแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี และ (๒) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น หรือเป็นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรอง ข้อ ๓ (ยกเลิก) ข้อ ๔ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒)**[**[1]**](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๒[[2]](#_ftn2) (ยกเลิก) ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔/ตอนที่ ๘ ก/หน้า ๔/๓๑ มกราคม ๒๕๕๐ [[2]](#_ftnref2) ข้อ ๒ ยกเลิกโดยประกาศฯ (ฉ.๓/๒๕๕๒) อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓)**[**[1]**](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๒[[2]](#_ftn2) (ยกเลิก) ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๖/ตอนที่ ๙๔ ก/หน้า ๔๗/๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ [[2]](#_ftnref2) ข้อ ๒ ยกเลิกโดยประกาศฯ (ฉ.๔/๒๕๕๗) อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๔)**[[1]](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๒[[2]](#_ftn2) (ยกเลิก) ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๑๒ ก/หน้า ๑/๒๔ มกราคม ๒๕๕๗ [[2]](#_ftnref2) ข้อ ๒ ยกเลิกโดยประกาศฯ (ฉ.๖/๒๕๖๐) อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๕)**[[1]](#_ftn1) [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒/ตอนที่ ๑ ก/หน้า ๓๔/๙ มกราคม ๒๕๕๘ อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๖)**[[1]](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๒[[2]](#_ftn2) (ยกเลิก) ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๑๑๕ ก/หน้า ๑๐/๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [[2]](#_ftnref2) ข้อ ๒ ยกเลิกโดยประกาศฯ (ฉ.๗/๒๕๖๑) อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๗)**[**[1]**](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๒ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด มาใช้บังคับ ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕/ตอนที่ ๙๐ ก/หน้า ๓๒/๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๘)**[**[1]**](#_ftn1) ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๑ มิให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับกับผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๒ ให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับกับการดําเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ฯลฯ ฯลฯ [[1]](#_ftnref1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๘/ตอนที่ ๘๓ ก/หน้า ๓๘/๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
10,433
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ 2)
**ประกาศ ก.ศป.** ================ เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๓)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๒ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคมพ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับ ข้อ ๓[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,434
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ 3)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๒ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับ ข้อ ๓[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,435
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ 4)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๔) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อ ๒ ภายในระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ มิให้นําความใน (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับ ข้อ ๓[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,436
ประกาศกรมสรรพากร เรื่อง การจัดทำ ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกำกับภาษี หรือใบรับ โดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ในการลงลายมือชื่อ
ประกาศกรมสรรพากร เรื่องการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษี หรือใบรับ โดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ในการลงลายมือชื่อ โดยที่กฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้อาศัยอํานาจตามมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565 จึงส่งผลให้ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 15) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทํา ส่งมอบ และเก็บรักษา ใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 25๖2 ที่ออกตามความในมาตรา 3 โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 ใช้บังคับเป็นอันสิ้นสภาพ ทําให้การดําเนินการเกี่ยวกับการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษี หรือใบรับ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ที่กําหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้มีหน้าที่ออกใบรับ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง สามารถดําเนินการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษีหรือใบรับได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว กรมสรรพากรจึงออกประกาศเกี่ยวกับการจัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษี หรือใบรับ โดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ในการลงลายมือชื่อ ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ "กุญแจส่วนตัว (Private Key)” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) และสามารถนําไปใช้ในการเข้ารหัสลับ (Encryption) ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อมิให้สามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเข้ารหัสลับนั้นได้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ “กุญแจสาธารณะ (Public Key)” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการตรวจสอบลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) และสามารถนําไปใช้ในการถอดรหัสลับ (Decryption) ข้อ ๒ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ ที่ประสงค์จะจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ ยื่นคําขอต่ออธิบดีกรมสรรพากร ตามแบบคําขอให้ประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (แบบ บ.อ.01) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร เพื่อขอให้ประกาศรายชื่อโดยต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนตามที่กรมสรรพากรกําหนด เมื่ออธิบดีได้ประกาศรายชื่อของผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้บุคคลดังกล่าวสามารถจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับที่ได้รับการประกาศรายชื่อตามวรรคสองมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน (Password) ใหม่แทนรหัสผ่านเดิม ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) หรือขอยกเลิกการจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ ให้ยื่นคําขอต่ออธิบดีกรมสรรพากร ตามแบบคําขอแจ้งการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการประกาศรายชื่อของผู้มีสิทธิจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (แบบ บ.อ.09) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ข้อ ๓ ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ ต้องใช้วิธีการแบบปลอดภัยที่เชื่อถือได้ทั้งในส่วนของระบบฮาร์ดแวร์และระบบซอฟต์แวร์ ดังต่อไปนี้ ในการจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ (1) มีระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ โดยจะต้อง (ก) สามารถแสดงภาพการทํางานรวมของระบบงานทั้งหมด (System Flowchart) ได้ (ข) เป็นโปรแกรมที่เมื่อบันทึกข้อมูลแล้วจะแก้ไขรายการนั้น ๆ โดยไร้ร่องรอยไม่ได้ และในกรณีการแก้ไขรายการ ไม่ให้ใช้วิธีลบทิ้ง หรือล้างรายการออก แต่ต้องแก้ไขโดยบันทึกรายการปรับปรุงเพิ่มเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นรายการก่อนปรับปรุงและหลังปรับปรุง และต้องมีรายงานการแก้ไขรายการเพื่อให้ตรวจสอบได้ (ค) สามารถแสดงระดับการปฏิบัติงานของผู้ใช้งานระบบ โดยระบุจํานวนและระดับของผู้ใช้งานระบบที่สามารถบันทึก อ่าน หรือเข้าไปใช้ระบบงานในแต่ละระดับได้ (ง) มีการควบคุมโดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้งานระบบซึ่งมีสิทธิเข้าไปใช้ระบบงานทุกระดับและมีระบบงานที่บันทึกการเปลี่ยนรหัสผ่านทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง (จ) มีรายงานบันทึกการเข้าใช้งานหรือแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้งานระบบที่เข้าใช้งานหรือเข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบงานที่ทําหรือแก้ไข วัน เดือน ปี และเวลาที่เข้าใช้ระบบงาน (Access) ตลอดจนจํานวนและรายละเอียดของรายการที่แก้ไขปรับปรุง (ฉ) มีระบบการตรวจสอบผู้ใช้งานระบบที่ได้เข้าใช้งานหรือเข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบงาน และมีกระบวนการในการตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกไว้ในระบบที่สามารถแสดงได้ว่าข้อมูลดังกล่าวได้บันทึกไว้ครบถ้วนทุกรายการแล้ว และไม่มีการแก้ไขรายการของเอกสารที่มีข้อความอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (2) มีการควบคุมแฟ้มข้อมูลซึ่งมีการเข้ารหัสลับ (Encryption) เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลถ้ามีการถอดรหัสลับ (Decryption) ต้องบันทึกหลักฐานไว้ทุกครั้งเพื่อการตรวจสอบ และสามารถจัดพิมพ์เป็นรายงานเพื่อให้ตรวจสอบได้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ อาจใช้ซอฟต์แวร์ที่บุคคลอื่นพัฒนาขึ้นมาใช้ในการจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับได้ หากซอฟต์แวร์นั้นมีวิธีการแบบปลอดภัยที่เชื่อถือได้ทํานองเดียวกับ (1) และ (2) ข้อ ๔ การจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับจัดทําข้อมูลโดยมีรายการที่เป็นสาระสําคัญ ตามมาตรา ๘๖/๔ มาตรา 86/6 มาตรา 86/9 มาตรา 86/10 และมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามรูปแบบ ขนาด ประเภทของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกาศบนเว็บไซต์กรมสรรพากร และสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) แนบหรือรวมไปกับข้อมูลดังกล่าว เพื่อส่งให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ทั้งนี้ ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่ใช้ในการสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ต้องยังไม่หมดอายุในขณะสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้จัดทําใบกํากับภาษีอย่างย่อตามวรรคหนึ่งแล้ว หากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเรียกร้องให้ออกใบกํากับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้ประกอบการจดทะเบียน ไม่จําต้องเรียกคืนใบกํากับภาษีอย่างย่อตามวรรคหนึ่ง แต่ให้จัดทําใบกํากับภาษีตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรแทน และส่งให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ข้อ ๕ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และให้ถือเป็นการส่งมอบใบกํากับภาษีตามมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร หรือเป็นการออกใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว เว้นแต่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการไม่ประสงค์จะรับใบกํากับภาษีหรือใบรับด้วยวิธีการส่งดังกล่าว ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับจัดทําสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับดังกล่าวโดยให้ปรากฏข้อความว่า “เอกสารนี้ได้จัดทําและส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์” และส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และให้ถือว่าสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับดังกล่าวใช้แทนต้นฉบับซึ่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับได้จัดทําและส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว แต่ใบกํากับภาษีหรือใบรับดังกล่าวมีรายการในส่วนที่เป็นสาระสําคัญไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือกระบวนการที่ทําให้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ที่แนบหรือรวมอยู่ในใบกํากับภาษีนั้นไม่น่าเชื่อถือ หรือด้วยเหตุอื่นใด เมื่อได้รับการร้องขอให้ยกเลิกใบกํากับภาษีหรือใบรับฉบับเดิมซึ่งได้จัดทําและส่งให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับฉบับใหม่โดยไม่จําต้องเรียกคืนใบกํากับภาษีหรือใบรับฉบับเดิม โดยให้นําความตามข้อ ๔ มาใช้แก่การจัดทําใบกํากับภาษีฉบับใหม่ด้วยโดยอนุโลมและให้กําหนดรายการดังต่อไปนี้เพิ่มเติมด้วย (1) เลขที่ใบกํากับภาษีหรือใบรับฉบับใหม่เป็นเลขที่ใหม่ และระบุ วัน เดือน ปี ให้ตรงกับวัน เดือน ปี ที่ได้จัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับฉบับใหม่ (2) ข้อความที่แสดงว่า เป็นการยกเลิกและออกใบกํากับภาษี (หรือใบรับ) ฉบับใหม่แทนฉบับเดิมเลขที่ ... ลงวันที่ .. หรือข้อความอื่นใดในลักษณะทํานองเดียวกัน และหมายเหตุการยกเลิกใบกํากับภาษีไว้ในรายงานภาษีของเดือนภาษีที่จัดทําใบกํากับภาษีฉบับใหม่ ข้อ ๗ ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับซึ่งได้จัดทําและส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแล้ว ต่อมาได้รับการร้องขอจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการซึ่งใบกํากับภาษีหรือใบรับนั้นสูญหาย เสียหาย ถูกทําลาย หรือไม่สามารถใช้การได้โดยประการใด ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับนั้นส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับเดียวกันให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการโดยไม่ต้องออกใบแทนใบกํากับภาษีหรือใบรับเช่นเดียวกับใบกํากับภาษีหรือใบรับที่จัดทําในรูปของกระดาษ ในกรณีที่ได้จัดทําสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับและส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามข้อ 5 แล้ว หากสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับดังกล่าวสูญหาย เสียหาย ถูกทําลาย หรือไม่สามารถใช้การได้โดยประการใด ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการอาจร้องขอให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับเดียวกันนั้นตามข้อ 5 ข้อ ๘ กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมอบหมายให้ตัวแทนตามหมวด 4 แห่งประมวลรัษฎากร จัดทํา ส่ง หรือเก็บรักษา ใบกํากับภาษีหรือใบรับ ในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของตัวแทนตามหมวด 4 แห่งประมวลรัษฎากร ไว้ในใบกํากับภาษีหรือใบรับ และลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ของผู้ได้รับมอบหมาย ข้อ ๙ กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับมอบหมายให้ผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จัดทําและส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ มีหน้าที่แจ้งให้กรมสรรพากรทราบถึงการมอบหมายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร และในการจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับ ให้นําความในข้อ 8 มาใช้โดยอนุโลม ข้อ ๑๐ ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับ มีสิทธิเลือกที่จะดําเนินการจัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือในรูปแบบกระดาษ เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตามมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร หรือเมื่อรับเงินหรือรับชําระราคาตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ก็ได้ ข้อ ๑๑ ผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้มีหน้าที่ออกใบรับ หรือตัวแทนตามหมวด 4 แห่งประมวลรัษฎากรหรือผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับมอบหมาย มีหน้าที่ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบกํากับภาษีหรือใบรับให้แก่กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบกํากับภาษีหรือใบรับตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ประกาศไว้บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร และลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ของผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้มีหน้าที่ออกใบรับ ตัวแทนตามหมวด 4 แห่งประมวลรัษฎากร หรือผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งยังไม่หมดอายุในขณะสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) และในขณะส่งข้อมูลดังกล่าว การส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบกํากับภาษีหรือใบรับให้แก่กรมสรรพากร อาจกระทําได้โดยวิธีการอัปโหลด (Upload) หรือการส่งข้อมูลแบบ Host to Host ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับที่ได้จัดทําและส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับด้วยตนเองมอบหมายให้ผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวแทนนําส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับใบกํากับภาษีหรือใบรับต่อกรมสรรพากร ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับนั้นลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature) ในข้อมูลที่นําส่ง และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับนั้นแจ้งให้กรมสรรพากรทราบถึงการมอบหมายตัวแทนดังกล่าวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ข้อ ๑๓ กรณีที่ผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์รายใดมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ว่าด้วยการดําเนินการเกี่ยวกับ เอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ดําเนินการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลาที่กรมสรรพากรมีหนังสือแจ้งหรือที่ได้รับแจ้งผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากรอาจยกเลิกการอนุญาตให้เชื่อมต่อระบบ และลบรายชื่อออกจากบัญชีผู้ให้บริการจัดทําหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ได้ประกาศไว้ ข้อ ๑๔ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียน ผู้มีหน้าที่ออกใบรับ หรือตัวแทนตามหมวด ๔ แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้จัดทําใบกํากับภาษีหรือใบรับมีหน้าที่เก็บรักษาใบกํากับภาษีหรือใบรับนั้น ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1) ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์และสามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได้ (2) เก็บรักษาข้อมูลใบกํากับภาษีหรือใบรับ โดยสามารถเข้าถึงและนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง (3) เก็บรักษาข้อมูลใบกํากับภาษีหรือใบรับให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นอยู่ในขณะที่ได้สร้าง ส่ง หรือได้รับข้อมูลใบกํากับภาษีหรือใบรับนั้น หรืออยู่ในรูปแบบที่สามารถแสดงข้อความที่สร้าง ส่ง หรือได้รับให้ปรากฏอย่างถูกต้องได้ และ (4) เก็บรักษาข้อความส่วนที่ระบุถึงแหล่งกําเนิด ต้นทาง และปลายทางของใบกํากับภาษีหรือใบรับ ตลอดจนวันและเวลาที่ส่งหรือได้รับข้อความดังกล่าว ถ้ามี ความในวรรคหนึ่งให้นํามาใช้บังคับแก่การเก็บรักษาใบกํากับภาษีหรือใบรับของผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับซึ่งได้รับมาในฐานะของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย กรณีใบกํากับภาษีหรือใบรับที่ได้รับมาในรูปแบบของสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับตามข้อ 5 ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับเก็บรักษาไฟล์ข้อมูลใบกํากับภาษีหรือใบรับตามวรรคหนึ่ง และให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้มีหน้าที่ออกใบรับซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเก็บรักษาสิ่งพิมพ์ออกของใบกํากับภาษีหรือใบรับซึ่งได้รับมาเช่นเดียวกับการเก็บรักษาใบกํากับภาษีหรือใบรับที่ออกในรูปของกระดาษ ข้อ ๑๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,437
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ประกาศ ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น “ผู้สมัคร” หมายความว่า ผู้สมัครสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๕ เมื่อเห็นเป็นการสมควรให้มีการดําเนินการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้น ก.ศป. จะได้มีการประกาศรับสมัคร และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานกรรมการ และกรรมการ ตามจํานวนเท่าที่จําเป็น เพื่อทําหน้าที่สอบคัดเลือกบุคคล เพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เกี่ยวกับการสอบของผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นสําคัญ ประกาศรับสมัครตามวรรคหนึ่งให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตําแหน่งที่สอบคัดเลือกคุณสมบัติ ของผู้สมัคร การสมัคร ค่าธรรมเนียมการสมัคร ขั้นตอนการสอบคัดเลือก การรับฟังความคิดเห็น การประเมินผลการสอบคัดเลือก การตรวจสุขภาพ และการประกาศผลการสอบคัดเลือก ก.ศป. อาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดําเนินการของคณะกรรมการ ตามที่ ก.ศป. เห็นสมควร ข้อ ๖ ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครด้วยตนเองต่อเจ้าหน้าที่รับสมัคร หรือโดยวิธีการอื่นตามที่กําหนดไว้ในประกาศรับสมัคร ข้อ ๗ ให้มีค่าธรรมเนียมการสมัครสอบคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ในอัตรารายละ ๑,๐๐๐ บาท หรือตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด ค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่ง จะไม่คืนให้ผู้สมัครไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ ก.ศป. ได้ประกาศยกเลิกการสอบคัดเลือกในครั้งนั้น ข้อ ๘ ผู้สมัครต้องมีสุขภาพกายและจิตใจที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครอง ข้อ ๙ การสอบคัดเลือกให้ดําเนินการโดยประกอบด้วยภาคการสอบข้อเขียน การประเมิน ประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ และการสอบสัมภาษณ์ ข้อ ๑๐ วิชาที่ใช้ในการสอบข้อเขียน ประกอบด้วย (๑) กลุ่มกฎหมายวิธีสบัญญัติ เช่น หลักการพื้นฐานของกฎหมายวิธีพิจารณาความกฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง กฎหมายว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ ระหว่างศาล และกฎหมายอื่นตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด (๒) กลุ่มกฎหมายสารบัญญัติ เช่น หลักการพื้นฐานของกฎหมายมหาชนและกฎหมายปกครอง รัฐธรรมนูญ กฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการต่าง ๆ กฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ กฎหมายว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น และกฎหมายอื่นตามที่ ก.ศป. ประกาศกําหนด การสอบข้อเขียนมี ๒ วัน โดยมีคะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน ผู้ที่ผ่านการสอบข้อเขียน จะต้องได้คะแนนไม่ต่ํากว่าร้อยละ ๕๐ ของคะแนนการสอบข้อเขียนทั้งหมด ข้อ ๑๑ ผู้สมัครที่ผ่านการสอบข้อเขียนต้องส่งหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางาน หรือผลงานทางวิชาการที่บ่งชี้ถึงความรู้ความสามารถที่เหมาะสมสําหรับตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น จํานวน ๕ เรื่อง/ชิ้น ได้แก่ (๑) เรื่องที่เป็นหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางาน เช่น (ก) ผลการทํางานสําคัญ ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทํางานที่เหมาะสมกับตําแหน่งตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และ สอดคล้องกับคุณสมบัติที่สมัคร (ข) รายงาน บันทึกความเห็น รายงานการประชุมหรือเอกสารอื่นใด ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผลงานหรือความเห็นที่แสดงความรู้ความสามารถของผู้สมัคร (ค) คู่มือที่จัดทําขึ้น ในการปฏิบัติราชการ หรือปฏิบัติงานในองค์การหรือหน่วยงานนั้น โดยผู้สมัครได้รับมอบหมายให้จัดทําขึ้น และได้มีการนําไปใช้ประโยชน์หรือใช้เป็นคู่มือสําหรับการปฏิบัติงานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ หรือ (๒) ชิ้นของผลงานทางวิชาการ เช่น (ก) ตําราทางวิชาการ (ข) บทความทางวิชาการที่ลงพิมพ์ ในหนังสือวารสารหรือหนังสือพิมพ์ (ค) วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ หรือรายงานที่เป็นส่วนหนึ่งของ หลักสูตรการศึกษาในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี หรือหลักสูตรการอบรมสําหรับผู้ที่มีความรู้ตั้งแต่ ระดับปริญญาตรีขึ้นไป (ง) ผลงานศึกษาหรือวิจัยที่เสนอต่อองค์การหรือหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน (จ) บทความที่เสนอต่อที่ประชุมสัมมนาทางวิชาการ การประเมินประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการมีคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน โดยหลักฐานที่แสดงประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการมีค่าคะแนนเรื่อง/ชิ้นละ ๒๐ คะแนน ผู้ที่ผ่านการประเมินประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการต้องได้คะแนนไม่ต่ํากว่า ๕ ข้อ ๑๒ การสอบสัมภาษณ์ ให้ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์เลือกและตอบคําถามหลักหนึ่งคําถามจาก คําถามหลักสองคําถาม ได้แก่ คําถามเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ คําถามเกี่ยวกับกฎหมายที่ศาลปกครองใช้ในการพิจารณาคดี ทั้งนี้ นอกจากคําถามหลัก ผู้สัมภาษณ์ อาจมีคําถามอื่นเพิ่มเติมที่เป็นการสอบถามความคิดเห็นเพื่อพิจารณาความรู้ทั่วไป ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณ ไหวพริบ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรมและคุณธรรม จรรยาบรรณของข้าราชการ การปรับตัวกับผู้ร่วมงาน รวมทั้งสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และบุคลิกภาพ อย่างอื่นก็ได้ การสอบสัมภาษณ์มีคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ผู้ที่ผ่านการสอบสัมภาษณ์จะต้องได้คะแนน ไม่ต่ํากว่า ๕๐ คะแนน ข้อ ๑๓ ผู้สมัครที่มีผลรวมของคะแนนการสอบข้อเขียน คะแนนการประเมินประสบการณ์ ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ และคะแนนการสอบสัมภาษณ์ ในแต่ละภาคไม่ต่ํากว่าร้อยละ ๕๐ และผลรวมของคะแนนทั้งสามภาคไม่ต่ํากว่าร้อยละ ๖๐ ของคะแนนเต็มทั้งหมด ให้เข้ารับการตรวจสุขภาพ โดยค่าใช้จ่ายของผู้สมัครเอง การตรวจสุขภาพ ให้ดําเนินการโดยคณะแพทย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะอนุกรรมการ ตามที่ ก.ศป. กําหนด ทั้งนี้ ผู้ที่ ก.ศป. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสุขภาพแล้วเห็นว่า เป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นจึงให้ถือว่าเป็นผู้ผ่านการสอบคัดเลือก ข้อ ๑๔ การประกาศผลการสอบคัดเลือกให้เรียงตามลําดับผลรวมของคะแนนการสอบข้อเขียน คะแนนการประเมินประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ และคะแนนการสอบสัมภาษณ์ หากผลรวมของคะแนนเท่ากันให้เรียงลําดับตามผลคะแนนการสอบข้อเขียน หากคะแนนการสอบ ข้อเขียนเท่ากันให้พิจารณาจากผลคะแนนการประเมินประสบการณ์ในการทํางานหรือผลงานทางวิชาการ และผลคะแนนการสอบสัมภาษณ์ตามลําดับ หากคะแนนเท่ากันอีกให้ใช้วิธีการจับสลากเพื่อจัดลําดับ ในระดับคะแนนเท่ากัน ข้อ ๑๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. มีคําสั่งแต่งตั้งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกเป็นตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น โดยเรียงตามลําดับคะแนนเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ข้อ ๑๖ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๗ ข้อ ๑๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,438
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการฝึกอบรมตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่มาตรา ๑๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ กําหนดให้การฝึกอบรมและการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการประจําศาลปกครอง ชั้นต้น ต้องเป็นไปตามระเบียบที่ ก.ศป. กําหนด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ผู้อํานวยการหลักสูตร” หมายความว่า ผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น “ตุลาการผู้ให้คําปรึกษา” หมายความว่า ตุลาการผู้ให้คําปรึกษาแนะนําในการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์อื่นใด หรือมติคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ หลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๗ ในการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นแต่ละรุ่น ให้ ก.ศป. แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะอนุกรรมการจัดทําหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้น” เรียกโดยย่อว่า “อ.จส.” ประกอบด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือเทียบเท่า เป็นประธานอนุกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสี่คน ตุลาการใน ศาลปกครองชั้นต้นจํานวนสี่คนและผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจํานวนสองคน เป็นอนุกรรมการ โดยให้ ผู้อํานวยการวิทยาลัยตุลาการและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เป็นเลขานุการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ที่ผู้อํานวยการวิทยาลัยตุลาการและข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมอบหมายจํานวนไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๘ อ.จส. มีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ ๑) จัดทําหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น เสนอต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา หลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ให้มีสามภาค คือ ภาคปฐมนิเทศ ภาควิชาการ และภาคปฏิบัติ โดยในแต่ละภาคจะต้องสอดแทรกการอบรมเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ของตุลาการศาลปกครองด้วย (๒) เสนอรายชื่อวิทยากรภาคปฐมนิเทศและภาควิชาการต่อ อ.บส. เพื่อพิจารณากําหนด (๓) จัดทําหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการฝึกอบรมเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น เสนอต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา (๔) จัดทําแบบรายงานการฝึกอบรมภาคปฐมนิเทศและภาควิชาการ และแบบประเมินผล การฝึกอบรมภาคปฏิบัติเสนอต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณา (๕) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ศป. มอบหมาย ข้อ ๙ ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นต้องเข้ารับการฝึกอบรมให้ครบตามหลักสูตร ทั้งสามภาค หมวด ๒ การบริหารหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ส่วน ๑ คณะอนุกรรมการบริหารหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๑๐ ในการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นแต่ละรุ่น ให้ ก.ศป. แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะอนุกรรมการบริหารหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้น” เรียกโดยย่อว่า “อ.บส.” ประกอบด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือเทียบเท่า เป็นประธานอนุกรรมการ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสี่คน และตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้น ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นจํานวนสี่คน เป็นอนุกรรมการ โดยให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง เป็นเลขานุการ รองเลขาธิการสํานักงาน ศาลปกครองหรือที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายคนหนึ่ง และผู้อํานวยการวิทยาลัยตุลาการและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๑๑ อ.บส. มีอํานาจหน้าที่ในการดําเนินการเกี่ยวกับการฝึกอบรมตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้น ดังต่อไปนี้ (๑) คัดเลือกอนุกรรมการใน อ.บส. คนหนึ่ง เสนอต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็น ผู้อํานวยการหลักสูตร (๒) เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงชื่อหัวข้อวิชาและระยะเวลาการฝึกอบรมในหัวข้อวิชา ภาคปฐมนิเทศและภาควิชาการได้ตามความจําเป็น แต่ต้องไม่เป็นการเปลี่ยนเนื้อหาอันเป็นสาระสําคัญ ของหัวข้อวิชา และแจ้งให้ ก.ศป. ทราบ (๓) กําหนดวิทยากรในการฝึกอบรมภาคปฐมนิเทศและภาควิชาการ (๔) คัดเลือกตุลาการศาลปกครองที่มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ และ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งมีความประพฤติและการดํารงตน ที่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ดี แล้วเสนอต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นตุลาการผู้ให้คําปรึกษา (๕) วางระเบียบการปฏิบัติตนของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในระหว่างการฝึกอบรม (๖) กํากับดูแลผู้อํานวยการหลักสูตร ในการดูแล ให้คําแนะนํา หรือว่ากล่าวตักเตือนตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้นเกี่ยวกับความประพฤติตลอดระยะเวลาการฝึกอบรม และพิจารณาตัดคะแนน การฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ตามที่ผู้อํานวยการหลักสูตรเสนอ หรือตามที่ อ.บส. เห็นสมควร (๗) ให้ความเห็นชอบในรายงานผลการฝึกอบรมภาคปฐมนิเทศ และภาควิชาการตามที่ ผู้อํานวยการหลักสูตรเสนอ และให้ความเห็นชอบรายงานผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติตามที่ตุลาการ ผู้ให้คําปรึกษาเสนอ ตามแบบรายงานผลการฝึกอบรมที่ ก.ศป. กําหนด และประมวลผลการฝึกอบรม ของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น เสนอต่อ อ.ปต. (๘) กํากับดูแลและให้คําปรึกษาแนะนําเพื่อให้การบริหารหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย (๙) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อมอบหมายให้ดําเนินการใด ๆ ที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ (๑๐) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ศป. มอบหมาย ข้อ ๑๒ ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นอาจถูกตัดคะแนนในระหว่างการฝึกอบรมได้ ในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) ไม่เคารพอาวุโส (๒) ไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบแบบแผนของทางราชการ (๓) ทําให้แตกความสามัคคีในหมู่คณะ (๔) ประพฤติตนไม่เหมาะสมหรือไม่รักษาเกียรติแห่งตนหรือชื่อเสียงขององค์กร (๕) ถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม (๖) ไม่ให้ความร่วมมือในการทํากิจกรรม หรือไม่สามารถทํางานหรือเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่นได้ หรือไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (๗) ไม่ตรงต่อเวลา มาสายหรือไม่เข้ารับการฝึกอบรมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (๘) แต่งกายหรือใช้กริยาวาจาไม่เหมาะสม (๙) ไม่สนใจใฝ่หาความรู้และขาดความรับผิดชอบในการฝึกอบรม (๑๐) เหตุอื่นตามที่ อ.บส. กําหนด การตัดคะแนนและจํานวนคะแนนที่ตัดให้พิจารณาตามความร้ายแรงแห่งการกระทํา และเมื่อตัดคะแนนแล้วให้ อ.บส. แจ้งให้ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นที่ถูกตัดคะแนนทราบ ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นที่ถูกตัดคะแนนมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.ศป. ภายในระยะเวลาสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตัดคะแนน ส่วน ๒ ผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๑๓ ผู้อํานวยการหลักสูตรมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ดูแลการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ให้เป็นไปตามหลักสูตรการฝึกอบรม ที่ ก.ศป. กําหนด (๒) เปลี่ยนแปลงวิทยากรได้ตามความจําเป็นและเสนอ อ.บส. ทราบ (๓) อนุญาตการลาราชการ และการลาฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น (๔) ดูแลและให้คําแนะนําหรือตักเตือนตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในเรื่องของ ความประพฤติและการดํารงตนตลอดระยะเวลาการฝึกอบรม และเสนอความเห็นต่อ อ.บส. เพื่อตัดคะแนน การฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น (๕) จัดทํารายงานผลการฝึกอบรมในภาคปฐมนิเทศ และภาควิชาการ ของตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้น เสนอต่อ อ.บส. (๖) ดําเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการฝึกอบรมที่ไม่ได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับ ความเห็นชอบจาก อ.บส. (๗) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ อ.บส. มอบหมาย ในกรณีที่ผู้อํานวยการหลักสูตรไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ประธาน อ.บส. อาจมอบหมายให้อนุกรรมการใน อ.บส. คนหนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทนเฉพาะในช่วงเวลานั้นก็ได้ ส่วน ๓ ตุลาการผู้ให้คําปรึกษาแนะนําในการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ข้อ ๑๔ ตุลาการผู้ให้คําปรึกษามีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้ความรู้แก่ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นเกี่ยวกับการตีความและการใช้บังคับ กฎหมายมหาชนทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง กฎหมายการคลัง และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทักษะอื่นที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครอง และความรู้ ในการดํารงตนตามจริยธรรมตุลาการศาลปกครอง (๒) แนะนําและฝึกปฏิบัติตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการ ศาลปกครอง (๓) ดูแลและให้คําแนะนําหรือตักเตือนตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นในเรื่องของ ความประพฤติและการดํารงตน ตลอดระยะเวลาการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ และอาจเสนอให้ผู้อํานวยการ หลักสูตรเสนอความเห็นต่อ อ.บส. เพื่อพิจารณาตัดคะแนนการฝึกอบรม (๔) ประเมินผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นเป็นรายบุคคล ตามแบบที่ ก.ศป. กําหนด ส่งให้ผู้อํานวยการหลักสูตร เพื่อเสนอให้ อ.บส. พิจารณา (๕) ให้ความเห็นเกี่ยวกับการลาราชการและการลาฝึกอบรมภาคปฏิบัติของตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้นต่อผู้อํานวยการหลักสูตร ข้อ ๑๕ ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นอาจออกไปตรวจสอบสถานที่ บุคคล หรือสิ่งอื่นใด ไต่สวน และนั่งพิจารณาคดีร่วมกับตุลาการผู้ให้คําปรึกษา หรือองค์คณะได้ แต่จะลงลายมือชื่อ ในคําพิพากษาหรือคําสั่งหรือรายงานกระบวนพิจารณาใด ๆ มิได้ ในการนั่งพิจารณาคดีร่วมกับองค์คณะ ให้ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นสวมครุยตุลาการ ศาลปกครองได้ หมวด ๓ การประเมินผลการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๑๖ ในการประเมินผลการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นแต่ละรุ่น ให้ ก.ศป. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะอนุกรรมการประเมินผลการฝึกอบรมตุลาการประจํา ศาลปกครองชั้นต้น” เรียกโดยย่อว่า “อ.ปต.” ประกอบด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุด หรือเทียบเท่าที่ไม่ได้เป็นประธาน อ.บส. เป็นประธานอนุกรรมการ ตุลาการศาลปกครองที่เป็น อนุกรรมการใน อ.บส. ซึ่งคัดเลือกกันเองจํานวนสองคน ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งไม่ได้เป็น อนุกรรมการใน อ.บส. จํานวนสามคน ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งไม่ได้เป็นอนุกรรมการใน อ.บส. จํานวนสองคน และผู้อํานวยการหลักสูตร เป็นอนุกรรมการ โดยมีเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง เป็นเลขานุการ และรองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครองหรือที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง ที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองมอบหมายคนหนึ่ง และผู้อํานวยการวิทยาลัยตุลาการและข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๑๗ อ.ปต. มีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ดําเนินการทดสอบคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นที่เข้ารับการฝึกอบรม ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ศป. กําหนด (๒) ประเมินผลการฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นแต่ละคนในภาพรวม ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ อุปนิสัย ความประพฤติ จรรยามารยาท บุคลิกลักษณะ การดํารงตน ตลอดจนการถูกตัดคะแนนการเข้ารับการฝึกอบรมภาคปฐมนิเทศ ภาควิชาการ และภาคปฏิบัติประกอบกัน (๓) เรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคําหรือส่งเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร (๔) เสนอความเห็นต่อ ก.ศป. เพื่อพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมินผลการฝึกอบรม ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น (๕) เสนอรายงานการประเมินผลการฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นแต่ละคน ต่อ ก.ศป. พร้อมทั้งความเห็นประกอบ ถ้ามี (๖) แต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อมอบหมายให้ดําเนินการใด ๆ ที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ (๗) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ศป. มอบหมาย ข้อ ๑๘ ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นที่จะได้รับการพิจารณาว่า ผ่านการประเมินผล การฝึกอบรม จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด และผลการฝึกอบรม เป็นไปตามมาตรฐานของ ก.ศป. ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ความรู้ความสามารถ ความรับผิดชอบ และความประพฤติเหมาะสม ทั้งนี้ โดยจะต้องผ่านการประเมินผลการฝึกอบรมตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องเข้ารับการฝึกอบรมภาคปฐมนิเทศ ภาควิชาการ และภาคปฏิบัติ เป็นเวลา ไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบของระยะเวลาการฝึกอบรมแต่ละภาค การเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นให้เหลือน้อยกว่า เกณฑ์การฝึกอบรมที่กําหนดไว้ข้างต้น ให้อยู่ในดุลพินิจของ อ.ปต. โดยคํานึงถึงเหตุจําเป็นอันมิอาจ ก้าวล่วงได้ของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นผู้นั้นเป็นสําคัญ และหากจะเปลี่ยนแปลงระยะเวลา การฝึกอบรมของตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นผู้ใดให้เหลือน้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของระยะเวลา การฝึกอบรมแต่ละภาคต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ศป. ก่อน (๒) ต้องผ่านการประเมินผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติโดยได้รับคะแนนประเมินความรู้ความสามารถ ด้านปริมาณ ด้านคุณภาพ และด้านความรับผิดชอบ ความประพฤติและการดํารงตน แต่ละด้าน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ ในกรณีที่ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นได้รับการฝึกอบรมภาคปฏิบัติจากตุลาการ ผู้ให้คําปรึกษาหลายคน ให้ตุลาการผู้ให้คําปรึกษาแต่ละคนประเมินผลการฝึกอบรมภาคปฏิบัติของตุลาการ ประจําศาลปกครองชั้นต้นผู้นั้นแล้วนําคะแนนของตุลาการผู้ให้คําปรึกษาทุกคน มาหาค่าเฉลี่ย ตามสัดส่วนระยะเวลา แล้วจึงคิดเป็นคะแนนร้อยละแต่ละคนตามแบบประเมินผลที่ ก.ศป. กําหนด (๓) ต้องไม่ถูกตัดคะแนนระหว่างการฝึกอบรมเกินกว่ายี่สิบคะแนนจากคะแนนหนึ่งร้อยคะแนน ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดข้อ ๑๒ (๔) ต้องผ่านการทดสอบคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ศป. กําหนด โดยต้องได้รับคะแนนการทดสอบไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,439
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบกับมติ ก.บ.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑ - ๑/๒๕๖๑ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า (๑) คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (๒) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการ ศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) (๓) คณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง และคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และ (๔) คณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุดโดยอาศัยอํานาจ ตามกฎหมายหรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ “คณะกรรมการสอบสวน” หมายความว่า คณะกรรมการสืบสวนหรือสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการสอบสวนเพื่อดําเนินการทางวินัย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด “คณะกรรมการตรวจสอบ” หมายความว่า คณะกรรมการตรวจสอบที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการบริหารศาลปกครองซึ่งมีอํานาจหน้าที่ตามหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐาน และหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐ “คณะอนุกรรมการ" หมายความว่า (๑) คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (๒) คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจ ตามกฎหมายหรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวน หรือ ในคณะกรรมการตรวจสอบ “อนุกรรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ “เลขานุการ” หมายความว่า เลขานุการของคณะกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบ หรือ คณะอนุกรรมการ “ผู้ช่วยเลขานุการ” หมายความว่า ผู้ช่วยเลขานุการของคณะกรรมการ คณะกรรมการ ตรวจสอบ หรือคณะอนุกรรมการ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการบริหารศาลปกครองเป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้ประธานกรรมการในคณะกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวน และในคณะกรรมการ ตรวจสอบ กรรมการ ประธานอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ และ ผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับเบี้ยประชุมตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ ๗ ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง หรือในคณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๑ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๘ ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๒ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๘/๑ ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบ ให้ได้รับเบี้ยประชุม เป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๒/๑ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๙ ประธานกรรมการในคณะกรรมการและกรรมการซึ่งได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนให้ได้รับเบี้ยประชุม เฉพาะเดือนที่เข้าประชุม ทั้งนี้ เดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่เข้าประชุม ให้งดจ่าย ข้อ ๑๐ ประธานกรรมการและกรรมการอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๘/๑ และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ตามอัตราการจ่าย ดังต่อไปนี้ (๑) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการ ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็น ตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๒) ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และประธาน กรรมการและกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจตามกฎหมายหรือ ระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๓) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการสอบสวน ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตรา การจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ เว้นแต่ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือเป็นลูกจ้างของ สํานักงานศาลปกครองไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ (๔) ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจตามกฎหมาย หรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๔ ท้ายระเบียบนี้ ประธานกรรมการและกรรมการ และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ ตามวรรคหนึ่ง ให้ได้รับเบี้ยประชุมรวมกันในแต่ละเดือนไม่เกินกว่าอัตราการจ่ายในบัญชี ๑ ประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่งในคณะหนึ่ง และประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งในคณะหนึ่ง ให้ได้รับเบี้ยประชุมสําหรับการประชุมคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการคณะนั้นเพียงครั้งเดียวในวันหนึ่ง ข้อ ๑๑ ในกรณีการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๕) ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งเข้าประชุมเพื่อทําการเลือกดังกล่าว ได้รับเบี้ยประชุม เป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๑ ท้ายระเบียบนี้ ในการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๕) ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งเข้าประชุมเพื่อทําการเลือกดังกล่าว ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน ตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๒ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๒ ในกรณีที่กรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งเป็นการแต่งตั้งโดยตําแหน่งไม่สามารถ เข้าประชุมได้ แต่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนโดยทําเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานการมอบหมาย ให้ผู้ได้รับมอบหมายมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับกรรมการหรืออนุกรรมการผู้ดํารงตําแหน่งนั้น ๆ ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือประธานอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนหรือผู้ได้รับมอบหมาย ไม่สามารถเข้าประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทําหน้าที่ประธาน ในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราการจ่ายเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการ ในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการคณะนั้น ข้อ ๑๔ กรรมการและอนุกรรมการ ซึ่งมิได้เป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงาน หรือลูกจ้างของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือมิได้เป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการ หรืออนุกรรมการที่ผู้นั้นมีสิทธิได้รับตามที่กําหนดไว้ในบัญชีท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๕ เลขานุการให้ได้รับเบี้ยประชุมเช่นเดียวกับกรรมการในคณะกรรมการหรืออนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการที่บุคคลนั้นเป็นเลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการให้ได้รับเบี้ยประชุมสามในสี่ของอัตราเบี้ยประชุมกรรมการในคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่บุคคลนั้นเป็นผู้ช่วยเลขานุการ กรรมการหรืออนุกรรมการผู้ใดเป็นเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการด้วย ให้เบิกเบี้ยประชุม ในตําแหน่งที่ได้รับเบี้ยประชุมมากที่สุดเพียงตําแหน่งเดียว เลขานุการให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน และผู้ช่วยเลขานุการให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม ไม่เกินสองคน ข้อ ๑๖ การประชุมของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ ต้องมีกรรมการหรืออนุกรรมการ มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการหรืออนุกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม และมีสิทธิเบิกเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ การประชุมตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงการประชุมที่สามารถใช้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยี ที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างต่อเนื่องหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทําให้กรรมการหรือ อนุกรรมการซึ่งได้แสดงตนเข้าร่วมประชุมผ่านวิธีการดังกล่าวไม่จําเป็นต้องปรากฏตัวในที่ประชุมด้วย โดยให้ถือว่ากรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งใช้วิธีการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยีหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าวร่วมประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการนั้น และมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม ข้อ ๑๗ การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๕) ในวาระเริ่มแรกเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งเข้าประชุม เพื่อทําการเลือกดังกล่าว ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๑ ท้ายระเบียบนี้ การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๕) ในวาระเริ่มแรกเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งเข้าประชุม เพื่อทําการเลือกดังกล่าว ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๒ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีการประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดย ประธานศาลปกครองสูงสุดหรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ระหว่างวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการดังกล่าวได้ ตามอัตราที่ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๑ กําหนด ข้อ ๑๙ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง อื่นๆ **อัตราการจ่ายเบี้ยประชุม** **บัญชี ๑** | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายเดือน****(บาท : คน)** | **ประธานกรรมการ** | **กรรมการ** | | ๑๕,๐๐๐ | ๑๒,๐๐๐ | **บัญชี ๒** | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายเดือน****(บาท : คน)** | **ประธานกรรมการ** | **กรรมการ** | | ๑๒,๐๐๐ | ๙,๖๐๐ | **บัญชี ๒/๑**[**[1]**](#_ftn1) | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายเดือน****(บาท : คน)** | **ประธานกรรมการ** | **กรรมการ** | | ๕,๐๐๐ | ๔,๐๐๐ | **บัญชี ๓** | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายครั้ง****(บาท : คน)** | **ประธานกรรมการ** | **กรรมการ** | | ๒,๐๐๐ | ๑,๖๐๐ | **บัญชี ๔** | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายครั้ง****(บาท : คน)** | **ประธานอนุกรรมการ** | **อนุกรรมการ** | | ๑,๕๐๐ | ๑,๒๐๐ | หมายเหตุ **ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒** ฯลฯ ฯลฯ ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ ตามคําสั่งประธาน ศาลปกครองสูงสุด ที่ ๕๐/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) ตามคําสั่งประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๕๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการ ศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ ตามคําสั่งประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๔๘/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ตามคําสั่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๔๙/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ได้รับเบี้ยประชุม ตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบนี้ นับตั้งแต่วันที่มีคําสั่งแต่งตั้งเป็นต้นไป ฯลฯ ฯลฯ หมายเหตุ **ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓** หมายเหตุ **ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓**
10,440
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “คณะกรรมการ” ในข้อ ๓ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง คณะกรรมการดําเนินการเลือก กรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือก กรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) และคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง และคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๑๐ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการ ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ ตามคําสั่งประธาน ศาลปกครองสูงสุด ที่ ๕๐/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) ตามคําสั่งประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๕๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการ ศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ ตามคําสั่งประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๔๘/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ตามคําสั่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ ๔๙/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ได้รับเบี้ยประชุม ตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยระเบียบนี้ นับตั้งแต่วันที่มีคําสั่งแต่งตั้งเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๒ ก/หน้า ๔/๑๐ มกราคม ๒๕๖๓ [↑](#footnote-ref-1)
10,441
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มบทนิยามคําว่า “คณะกรรมการตรวจสอบ” ระหว่างบทนิยามคําว่า “คณะกรรมการสอบสวน” และคําว่า “คณะอนุกรรมการ” ของข้อ ๓ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ““คณะกรรมการตรวจสอบ” หมายความว่า คณะกรรมการตรวจสอบที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการบริหารศาลปกครองซึ่งมีอํานาจหน้าที่ตามหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐาน และหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “กรรมการ” “เลขานุการ” และ “ผู้ช่วยเลขานุการ” ในข้อ ๓ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวน หรือ ในคณะกรรมการตรวจสอบ “เลขานุการ” หมายความว่า เลขานุการของคณะกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบ หรือ คณะอนุกรรมการ “ผู้ช่วยเลขานุการ” หมายความว่า ผู้ช่วยเลขานุการของคณะกรรมการ คณะกรรมการ ตรวจสอบ หรือคณะอนุกรรมการ” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและ อนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้ประธานกรรมการในคณะกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวน และในคณะกรรมการ ตรวจสอบ กรรมการ ประธานอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ และ ผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับเบี้ยประชุมตามหลักเกณฑ์และอัตราตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้” ข้อ ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘/๑ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ “ข้อ ๘/๑ ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการตรวจสอบ ให้ได้รับเบี้ยประชุม เป็นรายเดือนตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๒/๑ ท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๑๐ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ประธานกรรมการและกรรมการอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ และ ข้อ ๘/๑ และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้ง ที่มาประชุมตามอัตราการจ่าย ดังต่อไปนี้ (๑) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการ ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๒) ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ให้ได้รับเบี้ยประชุม ตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๓) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการสอบสวน ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตรา การจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ เว้นแต่ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือเป็นลูกจ้างของ สํานักงานศาลปกครองไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ (๔) ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการ ศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๔ ท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๘ ให้เพิ่มบัญชี ๒/๑ ท้ายระเบียบนี้เป็นอัตราการจ่ายเบี้ยประชุมท้ายระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง **อัตราการจ่ายเบี้ยประชุม** **บัญชี ๒/๑** | | | | | --- | --- | --- | | **เบี้ยประชุมรายเดือน****(บาท : คน)** | **ประธานกรรมการ** | **กรรมการ** | | **๕,๐๐๐** | **๔,๐๐๐** | --------------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๓๒ ก/หน้า ๑๐/๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ [↑](#footnote-ref-1)
10,442
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการให้มี ความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “คณะกรรมการ” ในข้อ ๓ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““คณะกรรมการ” หมายความว่า (๑) คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง คณะกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (๒) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการ ศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) (๓) คณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง และคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และ (๔) คณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุดโดยอาศัยอํานาจ ตามกฎหมายหรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “คณะอนุกรรมการ” ในข้อ ๓ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ““คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า (๑) คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการ บริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (๒) คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจ ตามกฎหมายหรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๑๐ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุม กรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๐ ประธานกรรมการและกรรมการอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๘/๑ และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ตามอัตราการจ่าย ดังต่อไปนี้ (๑) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการตุลาการ ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๓๖ วรรคสอง คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๕ คณะกรรมการดําเนินการ เลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็น ตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๑) ประกอบมาตรา ๔๑/๕ และคณะกรรมการ ดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑/๓ (๒) ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๒) ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และประธาน กรรมการและกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจตามกฎหมาย หรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ (๓) ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการสอบสวน ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตรา การจ่ายในบัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ เว้นแต่ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือเป็นลูกจ้างของ สํานักงานศาลปกครองไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบนี้ (๔) ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง หรือคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลปกครองสูงสุด โดยอาศัยอํานาจตามกฎหมาย หรือระเบียบที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราการจ่ายในบัญชี ๔ ท้ายระเบียบนี้” ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง นางสาววิยะดา ศรีฉ่ําพันธ์/พิมพ์ --------------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๗/ตอนที่ ๖๑ ก/หน้า ๒๗/๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ [↑](#footnote-ref-1)
10,443
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประสบการณ์ในคดีปกครองของผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประสบการณ์ในคดีปกครอง ของผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับประสบการณ์ในคดีปกครองของผู้ที่เป็น หรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความที่ประสงค์จะขอรับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง ให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ (๔) (ช) และมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ซ) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศก.ศป. ลงวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔เรื่อง การกําหนด หลักเกณฑ์เกี่ยวกับประสบการณ์ในคดีปกครองของผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ข้อ ๒ ผู้ที่เป็นหรือเคยประกอบวิชาชีพทนายความที่ประสงค์จะขอรับการคัดเลือก เป็นตุลาการศาลปกครอง จะต้องมีประสบการณ์ในคดีปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) เคยดําเนินคดีปกครองในศาลปกครองไม่ว่าในฐานะคู่กรณีหรือในฐานะผู้รับมอบอํานาจ จากคู่กรณีโดยเป็นผู้ทําคําฟ้อง คําให้การ คําคัดค้านคําให้การ คําให้การเพิ่มเติม คําอุทธรณ์ หรือคําแก้อุทธรณ์ในคดีดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒๕ คดี สําหรับผู้ขอรับการคัดเลือก เป็นตุลาการศาลปกครองชั้นต้นและไม่น้อยกว่า ๓๐ คดี สําหรับผู้ขอรับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครอง สูงสุด โดยจะต้องส่งหนังสือรับรองการดําเนินคดีปกครอง หนังสือรับรองการเป็นทนายความ และสําเนารายงานกระบวนพิจารณาที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ไปพร้อมกับการขอรับการคัดเลือก หรือ (๒) เคยว่าความในศาลยุติธรรม โดยทําหน้าที่หรือมีส่วนร่วมทําหน้าที่ทนายความในการที่ศาล ออกนั่งพิจารณาในคดีแพ่งที่มีลักษณะเป็นคดีปกครองตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก่อนวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ หรือคดีปกครอง ที่กฎหมายกําหนดให้อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมไม่น้อยกว่า ๓๐ คดี สําหรับผู้ขอรับ การคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และไม่น้อยกว่า ๓๕ คดี สําหรับผู้ขอรับการคัดเลือก เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยจะต้องส่งหนังสือรับรองการว่าความในคดีแพ่งหรือคดีปกครอง หนังสือรับรองการเป็นทนายความ สําเนาคําฟ้อง สําเนาคําพิพากษา และสําเนารายงานกระบวนพิจารณา ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ไปพร้อมกับการขอรับการคัดเลือก หรือ (๓) มีประสบการณ์ในการดําเนินคดีปกครองตาม (๑) และว่าความในคดีแพ่งหรือคดีปกครอง ตาม (๒) รวมกันไม่น้อยกว่า ๓๐ คดี สําหรับผู้ขอรับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และไม่น้อยกว่า ๓๕ คดี สําหรับผู้ขอรับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยจะต้องส่ง เอกสารหลักฐานตามที่กําหนดใน (๑) และ (๒) ไปพร้อมกับการขอรับการคัดเลือก ข้อ ๓ คดีตามข้อ ๒ จะต้องเป็นคดีที่ศาลได้มีคําพิพากษาหรือคําสั่งในเนื้อหาแห่งคดี อันมิใช่ การสั่งไม่รับคําฟ้องไว้พิจารณา การสั่งยุติการพิจารณา หรือการสั่งจําหน่ายคดีออกจากสารบบความ คดีปกครองใดที่มีการดําเนินคดีตั้งแต่ในชั้นศาลปกครองชั้นต้นจนถึงศาลปกครองสูงสุด โดยทนายความคนเดียวกัน ให้นับคดีปกครองนั้นเป็นประสบการณ์ในคดีปกครองตามข้อ ๒ ของทนายความผู้นั้นเพียงหนึ่งคดี ข้อ ๔ หนังสือรับรองการดําเนินคดีปกครอง หนังสือรับรองการว่าความในคดีแพ่งหรือ คดีปกครอง และหนังสือรับรองการเป็นทนายความตามข้อ ๒ ให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๕ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,444
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การเป็นโรคหรือการมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การเป็นโรคหรือการมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสม ที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้ที่เป็นโรคดังต่อไปนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง (๑) โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (๒) วัณโรคในระยะอันตราย (๓) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม (๔) โรคติดยาเสพติดให้โทษ หรือ (๕) โรคพิษสุราเรื้อรัง ข้อ ๒ ผู้ที่มีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง คือ ผู้ที่ ก.ศป. ได้พิจารณาจากผลการตรวจร่างกายหรือจิตใจของผู้นั้นตามรายงานของคณะอนุกรรมการแพทย์แล้ว เห็นว่าผู้นั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครอง คณะอนุกรรมการแพทย์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่ ก.ศป. กําหนด โดยให้ประกอบด้วยแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐจํานวนไม่น้อยกว่าสามคน ข้อ ๓ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,445
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน เพื่อประโยชน์ ในการควบคุมการใช้งานและการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน” หมายความว่า รถส่วนกลางพร้อมอุปกรณ์ในการป้องกัน ร่างกายหรือชีวิตบุคคล จากการประทุษร้ายโดยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่สํานักงานจัดไว้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของศาลปกครองและสํานักงาน หรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ทั้งนี้ ตามประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กําหนดยุทธภัณฑ์ ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง ลูกจ้างประจํา และลูกจ้างชั่วคราว “ผู้อนุญาต” หมายความว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน “นายทะเบียน” หมายความว่า ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพย์สิน หรือผู้อํานวยการสํานักงาน ศาลปกครองในภูมิภาค หรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญการพิเศษ ซึ่งเลขาธิการ แต่งตั้งให้ทําหน้าที่เป็นนายทะเบียนรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน “ผู้ควบคุม” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญการ ซึ่งประธาน ศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ แต่งตั้งให้ทําหน้าที่ควบคุมการใช้รถยนต์ หุ้มเกราะป้องกันกระสุน “พนักงานขับรถยนต์” หมายความว่า ผู้ที่มีหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ขับรถยนต์หุ้มเกราะ ป้องกันกระสุน ข้อ ๕ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหา กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๖ ให้สํานักงานจัดให้มีรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเพื่อใช้ในภารกิจการรักษาความปลอดภัย ของข้าราชการและทรัพย์สินของทางราชการ ข้อ ๗ รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี ให้ถือเป็นเกณฑ์ ที่จะพิจารณาจัดหารถคันใหม่ทดแทนคันเก่า สําหรับรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าซ่อมสูง หรือประโยชน์ ที่จะได้รับไม่คุ้มค่ากับค่าซ่อม หรือเมื่อซ่อมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัยไม่อยู่ในบังคับ ของระยะเวลาดังกล่าว ข้อ ๘ พนักงานขับรถยนต์จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ขับรถได้ตามกฎหมาย และจะต้องเป็นผู้มีความสามารถและประสบการณ์ในการขับรถ โดยจะต้องผ่านการอบรมตามที่ สํานักงานกําหนด ข้อ ๙ กรณีที่ไม่มีพนักงานขับรถยนต์ หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ อาจให้ข้าราชการของสํานักงานศาลปกครองนั้น ๆ เป็นผู้ขับรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนได้ สําหรับสํานักงานศาลปกครองยะลา กรณีที่ไม่มีพนักงานขับรถยนต์หรือมีแต่ไม่สามารถ ปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเพื่อความปลอดภัยในร่างกาย ชีวิตของข้าราชการ และทรัพย์สินของทางราชการ อธิบดีศาลปกครองยะลาอาจให้ข้าราชการหรือบุคคลอื่นที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นผู้ขับรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนได้ ข้อ ๑๐ กรณีมีเหตุสมควรหรือตามรายงานความเห็นของนายทะเบียนตามข้อ ๒๑ (๕) เลขาธิการอาจสั่งให้มีการจําหน่ายหรือทําลายรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนได้ตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง หมวด ๒ การอนุญาต ข้อ ๑๑ ให้บุคคลต่อไปนี้มีอํานาจอนุญาตให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ดังนี้ ๑) ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี ให้มีอํานาจอนุญาต ให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่อยู่ในความครอบครอง (๒) เลขาธิการหรือรองเลขาธิการที่ได้รับมอบหมาย ให้มีอํานาจอนุญาตได้ทุกกรณี ข้อ ๑๒ การให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนต้องเป็นไปเพื่อภารกิจการรักษาความปลอดภัย ของข้าราชการและทรัพย์สินของทางราชการตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของศาลปกครองและสํานักงาน หรือ (๒) เพื่อกิจการที่เป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับราชการ การกุศลสาธารณะ งานสาธารณประโยชน์ หรืองานสวัสดิการในกิจการเฉพาะคราวของข้าราชการในศาลปกครองและสํานักงาน ข้อ ๑๓ เมื่อผู้อนุญาตเห็นสมควรให้ใช้ ให้อนุญาตโดยอาจกําหนดระยะเวลาให้ใช้ พร้อมทั้ง ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้กํากับไว้ หนังสืออนุญาตให้ใช้ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๔ เมื่อผู้อนุญาตเห็นสมควรหรือตามรายงานความเห็นของนายทะเบียนหรือผู้ควบคุม ผู้อนุญาตอาจยกเลิกการอนุญาตได้ หมวด ๓ การรับอนุญาต ข้อ ๑๕ ผู้มีสิทธิขอใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ได้แก่ (๑) ข้าราชการ (๒) หน่วยงานในสังกัดสํานักงาน ข้อ ๑๖ การขอใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ผู้มีสิทธิขอใช้จะต้องยื่นคําขอ โดยระบุเหตุผล ความจําเป็นในการขอใช้ต่อผู้อนุญาต กรณีผู้อนุญาตเป็นผู้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเอง ให้ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้กํากับไว้ คําขอตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๗ เมื่อมีการอนุญาตให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนแล้ว ให้ผู้รับอนุญาตขอรับมอบ รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนจากนายทะเบียนหรือผู้ควบคุม แล้วแต่กรณี และให้นายทะเบียนหรือ ผู้ควบคุมทําหลักฐานการรับมอบไว้ หลักฐานการรับมอบตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ ผู้รับอนุญาตหรือพนักงานขับรถยนต์มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้ (๑) ดูแลรักษารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ (๒) รายงานเป็นหนังสือต่อผู้อนุญาตหรือนายทะเบียนหรือผู้ควบคุมในทันทีที่รถยนต์ หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเกิดการชํารุด สูญหาย บุบสลาย หรือถูกทําลาย เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่อาจรายงาน เป็นหนังสือในทันทีได้ ก็ให้รายงานโดยวิธีอื่นไปพลางก่อน กรณีรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนสูญหายให้แจ้งความที่สถานีตํารวจในท้องที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นหลักฐานโดยเร็วด้วย (๓) นํารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนส่งคืนนายทะเบียนหรือผู้ควบคุมทันทีที่เสร็จภารกิจ หรือเมื่อถูกยกเลิกการอนุญาต (๔) ชดใช้ความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเกิดจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (๕) เก็บรักษาหนังสืออนุญาตให้ใช้เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ตลอดระยะเวลาการใช้รถยนต์ หุ้มเกราะป้องกันกระสุน (๖) ปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้อนุญาตเห็นสมควร การรายงานตามวรรคหนึ่ง (๒) และการส่งคืนตามวรรคหนึ่ง (๓) ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๙ ห้ามผู้รับอนุญาตหรือผู้ใดทําการทดสอบหรือแก้ไขดัดแปลงรถยนต์หุ้มเกราะป้องกัน กระสุนทุกกรณี เว้นแต่เป็นการดําเนินการเพื่อประโยชน์ในการบํารุงรักษา หมวด ๔ การควบคุม ข้อ ๒๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และเลขาธิการมีหน้าที่ กํากับดูแลการใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ข้อ ๒๑ ให้นายทะเบียนมีหน้าที่ ดังนี้ (๑) รายงานการตรวจสอบสภาพ ตรวจนับจํานวน การเก็บรักษา การใช้และการส่งคืนเสนอต่อ เลขาธิการ ทุกเดือนหรือตามคําสั่งของเลขาธิการ (๒) รายงานต่อเลขาธิการโดยเร็วเมื่อทราบว่ารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเกิดการชํารุด สูญหาย บุบสลาย หรือถูกทําลาย (๓) รายงานต่อเลขาธิการกรณีการติดตามการชดใช้ค่าเสียหายตามข้อ ๑๘ (๔) (๔) รายงานผลการดําเนินการในการติดตามรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่อยู่ในความครอบครอง กลับคืนต่อเลขาธิการ กรณีที่ผู้รับอนุญาต หรือทายาทของผู้รับอนุญาต หรือผู้ครอบครอง ไม่ส่งคืนรถยนต์ หุ้มเกราะป้องกันกระสุนตามกําหนด (๕) เสนอให้มีการจําหน่ายหรือทําลายรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่เสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ ต่อเลขาธิการ โดยการจําหน่ายหรือทําลายนั้น ให้ดําเนินการตามประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ประเภทที่ใช้สําหรับการป้องกันวัตถุระเบิด โดยอนุโลม (๖) จัดทําบัญชีรับจ่ายรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเพื่อแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ข้อ ๒๒ ให้ผู้ควบคุมมีหน้าที่ ดังนี้ (๑) จัดระบบการควบคุมและเก็บรักษา (๒) ควบคุมตรวจสอบการใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (๓) ตรวจสอบสภาพ ตรวจนับจํานวน รายงานการใช้ และการส่งคืนเสนอต่อผู้อนุญาตทุกเดือน หรือตามคําสั่งของผู้อนุญาต (๔) เสนอข้อมูลพร้อมความเห็นต่อผู้อนุญาตเพื่อพิจารณาอนุญาตให้ใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน (๕) รายงานต่อผู้อนุญาตโดยเร็วเมื่อทราบว่ารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนเกิดการชํารุด สูญหาย บุบสลาย หรือถูกทําลาย (๖) รายงานต่อผู้อนุญาตในทันทีที่ทราบว่าผู้รับอนุญาตเสียชีวิต (๗) ดําเนินการใด ๆ เพื่อติดตามรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่อยู่ในความครอบครอง กลับคืนเมื่อเกิดการสูญหาย หรือผู้รับอนุญาตเสียชีวิต หรือผู้รับอนุญาตหรือทายาทของผู้รับอนุญาต หรือผู้ครอบครองไม่ส่งคืนรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนตามกําหนด และรายงานผลการดําเนินการ ดังกล่าวต่อผู้อนุญาต (๘) รายงานความเห็นเสนอต่อผู้อนุญาตเพื่อยกเลิกการอนุญาต เมื่อปรากฏว่าผู้รับอนุญาต ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๑๘ และข้อ ๑๙ หรือมีเหตุตามข้อ ๒๓ (๙) รวบรวมรายงานตามข้อ ๑๘ (๒) และรายงานความเห็นเสนอต่อผู้อนุญาต (๑๐) ปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามที่เลขาธิการมอบหมาย กรณีตามวรรคหนึ่ง (๓) (๕) และ (๗) ให้ผู้ควบคุมรายงานประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดี ศาลปกครองชั้นต้น เพื่อแจ้งให้เลขาธิการทราบ หมวด ๕ การยกเลิกการอนุญาต ข้อ ๒๓ ผู้รับอนุญาตอาจถูกยกเลิกการอนุญาตได้ในกรณี ดังนี้ (๑) พ้นจากการเป็นข้าราชการตามข้อ ๑๕ (๑) (๒) ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งหรือเงื่อนไขของผู้อนุญาต (๓) ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยเกี่ยวกับการใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน (๔) เมื่อผู้อนุญาตเห็นควรมีคําสั่งตามข้อ ๑๔ (๕) เมื่อผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้หรือคําสั่งหรือหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการกําหนด หมวด ๖ การเก็บรักษาและการซ่อมบํารุง ข้อ ๒๔ ให้สํานักงานและหน่วยงานในสังกัดสํานักงานที่มีรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ไว้ในครอบครอง จัดสถานที่เก็บรักษารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน หรือเก็บรักษาไว้ในบริเวณ ของหน่วยราชการนั้น โดยจะต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย หากสถานที่เก็บรักษาหรือบริเวณของหน่วยราชการไม่มีความปลอดภัยเพียงพอหรือมีราชการจําเป็น และเร่งด่วน ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการพิจารณา สถานที่อื่น ซึ่งมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยเป็นสถานที่เก็บรักษารถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน เป็นการชั่วคราวหรือเป็นครั้งคราว การจะใช้สถานที่ใดเป็นสถานที่เก็บรักษา หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่เก็บรักษาเป็นการชั่วคราว นอกจากบริเวณของหน่วยราชการ ให้นายทะเบียนหรือผู้ควบคุมรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน เสนอรายงานเพื่อขออนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลความจําเป็น และรายละเอียดของสถานที่ที่จะนํา รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนไปเก็บรักษา ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ ประกอบการพิจารณาต่อประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ ข้อ ๒๕ ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นแก่รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน และอยู่ในระหว่าง ที่ดําเนินการหาผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น หากส่วนราชการมีความจําเป็นต้องใช้รถคันนั้น ให้นายทะเบียนหรือผู้ควบคุมรายงานขออนุมัติซ่อมรถคันนั้นต่อประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดี ศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณี โดยเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปก่อนได้ ข้อ ๒๖ การซ่อมบํารุง การเบิกจ่ายน้ํามันเชื้อเพลิง การจัดหาอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และการจัดทําประกันภัย ให้นําระเบียบว่าด้วยรถราชการของสํานักงานมาใช้บังคับโดยอนุโลม หมวด ๗ การส่งคืนและการชดใช้ค่าเสียหาย ข้อ ๒๗ การส่งคืนรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ (๑) กรณีผู้รับอนุญาตพ้นจากการเป็นข้าราชการตามข้อ ๑๕ (๑) ให้ส่งคืนทันที (๒) กรณีส่งคืนตามข้อ ๑๘ (๓) ให้ผู้รับอนุญาตส่งคืนทันทีเมื่อเสร็จภารกิจหรือมีคําสั่งยกเลิก การอนุญาต ข้อ ๒๘ ความรับผิดและการชดใช้ค่าเสียหายตามระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ว่าด้วย ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หมวด ๘ บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๙ ให้นําระเบียบนี้ไปใช้บังคับกับรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนที่ได้รับมอบ จากหน่วยงานอื่นของรัฐหรือบุคคลอื่นมาใช้ในราชการด้วย โดยอนุโลม
10,446
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สธ. 62/2563 เรื่อง วันหยุดทำการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจำปี พ.ศ. 2564
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 62/2563 เรื่อง วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2564 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 88/2552 เรื่อง การเปิดทําการและหยุดทําการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สํานักงานออกประกาศกําหนดวันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2564 ไว้ดังต่อไปนี้ อื่นๆ - 1. วันศุกร์ 1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่ 2. วันศุกร์ 26 กุมภาพันธ์ วันมาฆบูชา 3. วันอังคาร 6 เมษายน วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ 4. วันอังคาร 13 เมษายน วันสงกรานต์ 5. วันพุธ 14 เมษายน วันสงกรานต์ 6. วันพฤหัสบดี 15 เมษายน วันสงกรานต์ 7. วันจันทร์ 3 พฤษภาคม วันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติ (วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564) 8. วันอังคาร 4 พฤษภาคม วันฉัตรมงคล 9. วันพุธ 26 พฤษภาคม วันวิสาขบูชา 10. วันพฤหัสบดี 3 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 11. วันจันทร์ 26 กรกฎาคม วันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชา (วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564) 12. วันพุธ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 13. วันพฤหัสบดี 12 สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 14. วันพุธ 13 ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 15. วันจันทร์ 25 ตุลาคม วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช(วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564) 16. วันจันทร์ 6 ธันวาคม วันหยุดชดเชยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ(วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564) 17. วันศุกร์ 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ 18. วันศุกร์ 31 ธันวาคม วันสิ้นปี สําหรับบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทุกแห่งในจังหวัดนราธิวาสจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา ให้หยุดในวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี (วันรายอปอซอ) วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา (วันรายอฮัจยี) ตามประกาศสํานักจุฬาราชมนตรี และวันตรุษจีน เป็นการเพิ่มเติม หากวันตรุษดังกล่าวไม่ตรงกับวันหยุดตามที่กล่าวข้างต้น หรือวันหยุดประจําสัปดาห์ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563 (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,447
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ที่ สธ. 3/2564 เรื่อง วันหยุดทำการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจำปี พ.ศ. 2564 (ฉบับที่ 2)
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 3/2564 เรื่อง วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2564 (ฉบับที่ 2) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เนื่องด้วยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563 กําหนดให้วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และวันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ และให้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช จากวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการบริโภคภายในประเทศ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 88/2552 เรื่อง การเปิดทําการและหยุดทําการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สํานักงานออกประกาศกําหนดเพิ่มเติมและเลื่อนวันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2564 ไว้ดังต่อไปนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี อื่นๆ - 1. กําหนดวันหยุดทําการเพิ่มเติมในวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และวันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 2. เลื่อนวันหยุดทําการจากวันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564 วันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช (วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564) นอกจากวันหยุดทําการที่ประกาศกําหนดเพิ่มเติมและเลื่อนตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 62/2563 เรื่อง วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,448
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือก กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นไปโดยถูกต้องและเรียบร้อย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) และมาตรา ๘๑/๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ” หมายความว่า การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) “การเลือกตามวาระ” หมายความว่า การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ดํารงตําแหน่งตามวาระ “การเลือกซ่อม” หมายความว่า การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ดํารงตําแหน่งที่ว่างลงก่อนครบวาระ “คณะกรรมการดําเนินการเลือก” หมายความว่า คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) “บัตรเลือก” หมายความว่า บัตรเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “รองเลขาธิการ” หมายความว่า รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ที่ปรึกษาสํานักงาน”หมายความว่า ที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๓ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิต้องดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญการพิเศษ หรือประเภทอํานวยการหรือประเภทบริหาร ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดดําเนินการจัดให้มีการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ และให้เลขาธิการรับผิดชอบดูแลให้การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิมีความโปร่งใส และป้องกันไม่ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองกระทําการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการหาเสียงเพื่อจูงใจให้ผู้ใดลงคะแนนหรืองดเว้นลงคะแนนเลือกตนเองหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อ ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกและแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองจํานวนสี่คนและเลขาธิการ เป็นกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือก ก่อนวันเริ่มดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ให้ตุลาการศาลปกครองที่ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกและแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งซึ่งมีอาวุโสสูงสุดเป็นประธานกรรมการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนหนึ่งคนเป็นเลขานุการ และจํานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนดและดําเนินการให้มีการแจ้งวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และดําเนินการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจนับคะแนน และประกาศผลการเลือก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดําเนินการเกี่ยวกับการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ (๑) คณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือก ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประเภทอํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จํานวนสองคน เป็นอนุกรรมการ (๒) คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนน ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประเภทอํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสี่คนเป็นอนุกรรมการ (๓) คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือก ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประเภทอํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคนเป็นอนุกรรมการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งบุคคลเพื่อช่วยคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งดําเนินการใด ๆ ได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๗ ให้เลขาธิการจัดทําบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และสอบถามข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้แสดงความประสงค์ว่าต้องการได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ หากไม่ประสงค์ที่จะได้รับเลือกให้แจ้งเลขาธิการทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เลขาธิการสอบถาม ทั้งนี้ หากไม่มีการแจ้งความประสงค์ภายในระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกผู้นั้นประสงค์ที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีที่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกประสงค์ที่จะเผยแพร่ประวัติการรับราชการและผลงานแก่ผู้มีสิทธิเลือก ให้จัดทําข้อมูลตามแบบที่สํานักงานกําหนด และส่งให้เลขาธิการภายในกําหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง เมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการจัดทําบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครอผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่ประสงค์ให้เผยแพร่แก่ผู้มีสิทธิเลือก แล้วเสนอคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบก่อนดําเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกผู้ใดไม่ประสงค์ที่จะได้รับเลือก หรือเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในเวลาเดียวกับที่เลขาธิการจัดทําบัญชีรายชื่อ ให้เลขาธิการระบุหมายเหตุแสดงความประสงค์ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และการเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวไว้ในบัญชีรายชื่อด้วย ในกรณีเลือกซ่อม ให้เลขาธิการดําเนินการตามวรรคสามให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ตําแหน่งว่าง ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่ประสงค์ให้เผยแพร่แก่ผู้มีสิทธิเลือกตามข้อ ๗ แล้ว ให้เลขาธิการจัดส่งบัตรเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก โดยต้องแจ้งกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการเลือกและกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับให้ถึงสํานักงาน รวมตลอดถึง กําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการตรวจนับคะแนนด้วย ในการนี้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดจัดส่งบัตรเลือกพร้อมทั้งเอกสารดังกล่าวให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกก่อนกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงานไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ทั้งนี้ ให้สํานักงานเผยแพร่ประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความประสงค์ให้เผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้มีสิทธิเลือก ตามวิธีการที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนด ในกรณีเลือกซ่อม ให้แจ้งจํานวนตําแหน่งกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่างไปด้วย ก่อนกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงานเจ็ดวัน ถ้าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกผู้ใดยังไม่ได้รับบัตรเลือก หรือบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก ให้ผู้นั้นแจ้งเลขาธิการเพื่อดําเนินการให้ตนมีโอกาสใช้สิทธิเลือกภายในกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงาน ข้อ ๘/๑ การที่จะถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ถือตามความเป็นจริงในวันที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิแล้วเสร็จ ข้อ ๙ บัตรเลือกให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้และบัตรทุกบัตรต้องมีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานที่เลขาธิการมอบหมายและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือกกํากับไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีเลือกซ่อม ให้จํานวนหมายเลขผู้มีสิทธิได้รับเลือกในแบบบัตรเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเท่ากับจํานวนตําแหน่งกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่าง ข้อ ๑๐ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งมีสิทธิเลือกและประสงค์จะลงคะแนนเขียนหมายเลขผู้ซึ่งตนเลือกลงในบัตรเลือกด้วยตนเอง แล้วใส่ซองที่เลขาธิการจัดส่งไปให้ ปิดผนึกและนําไปหย่อนลงในกล่องรับบัตรเลือกที่ตั้งอยู่ที่สํานักงานในส่วนกลางด้วยตนเอง สําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาค อาจนําซองบัตรเลือกไปหย่อนลงในกล่องรับบัตรเลือกด้วยตนเองตามสถานที่ที่กําหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือจะนําซองบัตรเลือกใส่ซองที่เลขาธิการจัดส่งไปให้สําหรับส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด้วยตนเอง หรือจะมอบซองบัตรเลือกให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคเป็นผู้รวบรวมส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ ทั้งนี้ จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงเลขาธิการภายในกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับให้ถึงสํานักงาน ข้อ ๑๑ ให้คณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือกมีอํานาจหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการหย่อนบัตรเลือกลงในกล่องรับบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง รับซองบัตรเลือกที่ส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แล้วนําซองบัตรเลือกที่ได้รับไปใส่รวมกันไว้ในกล่องรับบัตรเลือกโดยพลัน โดยไม่ต้องเปิดซองไปรษณีย์ลงทะเบียน และดูแลรักษากล่องรับบัตรเลือกเพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนในวันตรวจนับคะแนน ในการนี้ ให้แต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนไม่น้อยกว่าสองคน ทําหน้าที่ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือกให้เป็นไปโดยเรียบร้อย ข้อ ๑๒ คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) รักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่ตรวจนับคะแนน (๒) ตรวจสอบและวินิจฉัยบัตรเลือกเพื่อตรวจนับคะแนน และดําเนินการอื่นใดอันเกี่ยวกับการตรวจสอบและวินิจฉัยบัตรเลือกเพื่อตรวจนับคะแนน เพื่อให้การเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรม (๓) ดําเนินการเกี่ยวกับการตรวจนับคะแนนและประกาศผลการตรวจนับคะแนนตามที่กําหนดในประกาศนี้ ข้อ ๑๓ ก่อนเริ่มการตรวจนับคะแนน ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเปิดซองไปรษณีย์ลงทะเบียนที่บรรจุซองบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาค และนําซองบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาคมารวมกับซองบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในส่วนกลาง ในการตรวจนับคะแนน ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเปิดซองบัตรเลือกและวินิจฉัยว่าบัตรเลือกนั้นเป็นบัตรดี บัตรเสียบางส่วน หรือบัตรเสีย แล้วดําเนินการนับคะแนนสําหรับบัตรดีและบัตรเสียบางส่วนเฉพาะส่วนที่ไม่เสีย บัตรเสียบางส่วนหรือบัตรเสีย ให้อนุกรรมการตรวจนับคะแนนคนหนึ่งสลักหลังว่า “เสียบางส่วน” หรือ “เสีย” แล้วแต่กรณี แล้วให้อนุกรรมการตรวจนับคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอนุกรรมการที่มาปฏิบัติหน้าที่ลงลายมือชื่อกํากับไว้ เมื่อการตรวจนับคะแนนสิ้นสุดลงแล้ว ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเก็บบัตรเลือกที่ใช้นับคะแนน โดยแยกบัตรเสียบางส่วนและบัตรเสียบรรจุซองหรือห่อไว้ต่างหากเพื่อมิให้ปะปนกับบัตรเลือกอื่น และเก็บบัตรเลือกที่ใช้นับคะแนนทั้งหมดไว้ด้วยกันในหีบโดยปิดหีบใส่กุญแจอย่างน้อยสามดอกประจําครั่งทับรูกุญแจไว้ หากเป็นหีบบัตรเลือกที่มีช่อง ให้เอากระดาษปิดทับช่องไว้ โดยลงลายมือชื่อคณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนไว้บนกระดาษนั้นด้วย และให้เก็บรักษาไว้ที่สํานักงานเพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือกดําเนินการต่อไปตามข้อ ๑๘ การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ต้องกระทําโดยเปิดเผยให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมสังเกตการณ์ได้และให้ดําเนินการอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นในคราวเดียวตามกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่กําหนดไว้ในข้อ ๘ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่การตรวจนับคะแนนไม่สามารถกระทําได้ หรือไม่สามารถตรวจนับคะแนนได้จนเสร็จสิ้นอันเนื่องจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอย่างใด ๆ ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนประกาศงดการตรวจนับคะแนนแล้วรายงานต่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกโดยพลัน เพื่อให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกวินิจฉัยสั่งการตามที่เห็นสมควร และกําหนดวัน เวลา และสถานที่นับคะแนนใหม่โดยเร็ว ข้อ ๑๔ บัตรเลือกต่อไปนี้ ให้ถือเป็นบัตรเสียและไม่ให้นับคะแนน (๑) ในกรณีการเลือกตามวาระ (ก) บัตรที่มิใช่บัตรฉบับที่เลขาธิการส่งไปให้หรือบัตรที่ไม่มีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือกกํากับเป็นหลักฐาน (ข) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเกินจํานวนที่กฎหมายกําหนด (ค) บัตรที่มิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเลย (ง) บัตรที่เขียนหมายเลขอื่นที่ไม่มีในบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด (จ) บัตรที่ผู้เลือกมิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดด้วยตนเอง (ฉ) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดเลอะเลือนหรือไม่ชัดเจนจนไม่สามารถทราบเจตนาอันแท้จริงของผู้เลือกได้ว่าลงคะแนนให้แก่หมายเลขใด (ช) บัตรที่ไปถึงสํานักงานพ้นกําหนดวันสุดท้ายของการส่งบัตรเลือกตามข้อ ๘ (๒) ในกรณีการเลือกซ่อม (ก) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเกินจํานวนตําแหน่งที่ว่าง (ข) บัตรที่มีลักษณะตาม (๑) (ก) (ค) (ง) (จ) (ฉ) หรือ (ช) ข้อ ๑๕ บัตรเลือกต่อไปนี้ ให้ถือเป็นบัตรเสียบางส่วน และไม่ให้นับคะแนนส่วนที่เสียแต่ให้นับคะแนนส่วนที่ไม่เสียเท่านั้น (๑) บัตรที่เขียนหมายเลขอื่นที่ไม่มีในบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิปนกับหมายเลขที่มีในบัญชีรายชื่อ (๒) บัตรที่ผู้เลือกมิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหมายเลขใดด้วยตนเอง (๓) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิซ้ํากับหมายเลขที่เขียนไว้ก่อนแล้ว (๔) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิบางหมายเลขเลอะเลือนหรือไม่ชัดเจนจนไม่สามารถทราบเจตนาอันแท้จริงของผู้เลือกได้ว่าลงคะแนนให้แก่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกหมายเลขใด ข้อ ๑๖ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้คะแนนมากตามลําดับลงมาตามจํานวนที่กําหนดไว้ในมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) เป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนเท่ากันในลําดับใดจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเรียงลําดับผู้ได้รับเลือกตามจํานวนที่จะมีได้ ให้ทําการจับสลากผู้ได้คะแนนเท่ากันในลําดับนั้นเพื่อให้ได้ผู้ได้รับเลือกครบตามที่จะพึงมีได้ การจับสลาก ให้ประธานอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเป็นผู้จับโดยเปิดเผยและต่อหน้าอนุกรรมการตรวจนับคะแนนไม่น้อยกว่าสามคน เมื่อทราบผลการตรวจนับคะแนนการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ให้ประธานอนุกรรมการตรวจนับคะแนนประกาศผลการตรวจนับคะแนนต่อหน้าผู้ซึ่งอยู่ ณ สถานที่ที่ทําการตรวจนับคะแนนแล้วปิดประกาศผลการตรวจนับคะแนนดังกล่าวไว้ ณ สถานที่นั้นด้วย และให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนรีบรายงานผลการตรวจนับคะแนน พร้อมทั้งส่งประกาศผล การตรวจนับคะแนนไปยังคณะกรรมการดําเนินการเลือกภายในวันนั้นหรือวันถัดจากวันทราบผลนั้นเป็นอย่างช้า ในกรณีที่เป็นการเลือกซ่อม ให้นําความในวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๗ ในกรณีที่ผลการตรวจนับคะแนนการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิปรากฏว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่มีผลการตรวจนับคะแนนอยู่ในลําดับที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิผู้ใดมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๑/๓ และมาตรา ๘๑/๑ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกมีหนังสือสอบถามข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้นั้น เพื่อแสดงความประสงค์ว่าต้องการดํารงตําแหน่งกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่โดยให้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกภายในสามวันทําการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการดําเนินการเลือก ทั้งนี้ หากไม่แจ้งความประสงค์ภายในกําหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้นั้นไม่ประสงค์จะดํารงตําแหน่งกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และให้เลื่อนข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่มีผลการตรวจนับคะแนนในลําดับถัดจากผู้นั้นเป็นผู้ได้รับเลือกให้ดํารงตําแหน่งกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกรายงานผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อดําเนินการประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) และให้เลขาธิการดําเนินการประกาศรายชื่อดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ข้อ ๑๘ ให้คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือก มีหน้าที่ดําเนินการทําลายบัตรเลือกด้วยเครื่องทําลายเอกสารเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อ ๑๙ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๒๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง อื่นๆ **ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒)**
10,449
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศ ผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือก กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒)[[1]](#footnote-1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง (๔) และมาตรา ๘๑/๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบ ของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามคําว่า “ที่ปรึกษาสํานักงาน” ต่อจากบทนิยามคําว่า “รองเลขาธิการ” ในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ““ที่ปรึกษาสํานักงาน” หมายความว่า ที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๘ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิ ได้รับเลือก รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่ประสงค์ให้เผยแพร่แก่ผู้มีสิทธิเลือกตามข้อ ๗ แล้ว ให้เลขาธิการ จัดส่งบัตรเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก ไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก โดยต้องแจ้งกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการเลือกและกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับให้ถึงสํานักงาน รวมตลอดถึง กําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการตรวจนับคะแนนด้วย ในการนี้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดจัดส่ง บัตรเลือกพร้อมทั้งเอกสารดังกล่าวให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกก่อนกําหนดวันสุดท้าย ที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงานไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ทั้งนี้ ให้สํานักงานเผยแพร่ประวัติการรับราชการ และผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความประสงค์ ให้เผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้มีสิทธิเลือก ตามวิธีการที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนด” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘/๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ “ข้อ ๘/๑ การที่จะถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ถือตามความเป็นจริงในวันที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อ และหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิแล้วเสร็จ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๙ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ บัตรเลือกให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้และบัตรทุกบัตรต้องมีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานที่เลขาธิการมอบหมายและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือก กํากับไว้เป็นหลักฐาน” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (ก) ของ (๑) ในข้อ ๑๔ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน “(ก) บัตรที่มิใช่บัตรฉบับที่เลขาธิการส่งไปให้หรือบัตรที่ไม่มีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือกกํากับเป็นหลักฐาน” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกแบบบัตรเลือกท้ายประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้แบบบัตรเลือกท้ายประกาศนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง ![C:\Users\Administrator\Desktop\จ28\140A046N0000000000800_Page_3.jpg](data:image/jpeg;base64,/9j/4AAQSkZJRgABAgEAlgCWAAD/4gxYSUNDX1BST0ZJTEUAAQEAAAxITGlubwIQAABtbnRyUkdCIFhZWiAHzgACAAkABgAxAABhY3NwTVNGVAAAAABJRUMgc1JHQgAAAAAAAAAAAAAAAAAA9tYAAQAAAADTLUhQICAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAABFjcHJ0AAABUAAAADNkZXNjAAABhAAAAGx3dHB0AAAB8AAAABRia3B0AAACBAAAABRyWFlaAAACGAAAABRnWFlaAAACLAAAABRiWFlaAAACQAAAABRkbW5kAAACVAAAAHBkbWRkAAACxAAAAIh2dWVkAAADTAAAAIZ2aWV3AAAD1AAAACRsdW1pAAAD+AAAABRtZWFzAAAEDAAAACR0ZWNoAAAEMAAAAAxyVFJDAAAEPAAACAxnVFJDAAAEPAAACAxiVFJDAAAEPAAACAx0ZXh0AAAAAENvcHlyaWdodCAoYykgMTk5OCBIZXdsZXR0LVBhY2thcmQgQ29tcGFueQAAZGVzYwAAAAAAAAASc1JHQiBJRUM2MTk2Ni0yLjEAAAAAAAAAAAAAABJzUkdCIElFQzYxOTY2LTIuMQAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAWFlaIAAAAAAAAPNRAAEAAAABFsxYWVogAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAFhZWiAAAAAAAABvogAAOPUAAAOQWFlaIAAAAAAAAGKZAAC3hQAAGNpYWVogAAAAAAAAJKAAAA+EAAC2z2Rlc2MAAAAAAAAAFklFQyBodHRwOi8vd3d3LmllYy5jaAAAAAAAAAAAAAAAFklFQyBodHRwOi8vd3d3LmllYy5jaAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAABkZXNjAAAAAAAAAC5JRUMgNjE5NjYtMi4xIERlZmF1bHQgUkdCIGNvbG91ciBzcGFjZSAtIHNSR0IAAAAAAAAAAAAAAC5JRUMgNjE5NjYtMi4xIERlZmF1bHQgUkdCIGNvbG91ciBzcGFjZSAtIHNSR0IAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAZGVzYwAAAAAAAAAsUmVmZXJlbmNlIFZpZXdpbmcgQ29uZGl0aW9uIGluIElFQzYxOTY2LTIuMQAAAAAAAAAAAAAALFJlZmVyZW5jZSBWaWV3aW5nIENvbmRpdGlvbiBpbiBJRUM2MTk2Ni0yLjEAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAHZpZXcAAAAAABOk/gAUXy4AEM8UAAPtzAAEEwsAA1yeAAAAAVhZWiAAAAAAAEwJVgBQAAAAVx/nbWVhcwAAAAAAAAABAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAo8AAAACc2lnIAAAAABDUlQgY3VydgAAAAAAAAQAAAAABQAKAA8AFAAZAB4AIwAoAC0AMgA3ADsAQABFAEoATwBUAFkAXgBjAGgAbQByAHcAfACBAIYAiwCQAJUAmgCfAKQAqQCuALIAtwC8AMEAxgDLANAA1QDbAOAA5QDrAPAA9gD7AQEBBwENARMBGQEfASUBKwEyATgBPgFFAUwBUgFZAWABZwFuAXUBfAGDAYsBkgGaAaEBqQGxAbkBwQHJAdEB2QHhAekB8gH6AgMCDAIUAh0CJgIvAjgCQQJLAlQCXQJnAnECegKEAo4CmAKiAqwCtgLBAssC1QLgAusC9QMAAwsDFgMhAy0DOANDA08DWgNmA3IDfgOKA5YDogOuA7oDxwPTA+AD7AP5BAYEEwQgBC0EOwRIBFUEYwRxBH4EjASaBKgEtgTEBNME4QTwBP4FDQUcBSsFOgVJBVgFZwV3BYYFlgWmBbUFxQXVBeUF9gYGBhYGJwY3BkgGWQZqBnsGjAadBq8GwAbRBuMG9QcHBxkHKwc9B08HYQd0B4YHmQesB78H0gflB/gICwgfCDIIRghaCG4IggiWCKoIvgjSCOcI+wkQCSUJOglPCWQJeQmPCaQJugnPCeUJ+woRCicKPQpUCmoKgQqYCq4KxQrcCvMLCwsiCzkLUQtpC4ALmAuwC8gL4Qv5DBIMKgxDDFwMdQyODKcMwAzZDPMNDQ0mDUANWg10DY4NqQ3DDd4N+A4TDi4OSQ5kDn8Omw62DtIO7g8JDyUPQQ9eD3oPlg+zD88P7BAJECYQQxBhEH4QmxC5ENcQ9RETETERTxFtEYwRqhHJEegSBxImEkUSZBKEEqMSwxLjEwMTIxNDE2MTgxOkE8UT5RQGFCcUSRRqFIsUrRTOFPAVEhU0FVYVeBWbFb0V4BYDFiYWSRZsFo8WshbWFvoXHRdBF2UXiReuF9IX9xgbGEAYZRiKGK8Y1Rj6GSAZRRlrGZEZtxndGgQaKhpRGncanhrFGuwbFBs7G2MbihuyG9ocAhwqHFIcexyjHMwc9R0eHUcdcB2ZHcMd7B4WHkAeah6UHr4e6R8THz4faR+UH78f6iAVIEEgbCCYIMQg8CEcIUghdSGhIc4h+yInIlUigiKvIt0jCiM4I2YjlCPCI/AkHyRNJHwkqyTaJQklOCVoJZclxyX3JicmVyaHJrcm6CcYJ0kneierJ9woDSg/KHEooijUKQYpOClrKZ0p0CoCKjUqaCqbKs8rAis2K2krnSvRLAUsOSxuLKIs1y0MLUEtdi2rLeEuFi5MLoIuty7uLyQvWi+RL8cv/jA1MGwwpDDbMRIxSjGCMbox8jIqMmMymzLUMw0zRjN/M7gz8TQrNGU0njTYNRM1TTWHNcI1/TY3NnI2rjbpNyQ3YDecN9c4FDhQOIw4yDkFOUI5fzm8Ofk6Njp0OrI67zstO2s7qjvoPCc8ZTykPOM9Ij1hPaE94D4gPmA+oD7gPyE/YT+iP+JAI0BkQKZA50EpQWpBrEHuQjBCckK1QvdDOkN9Q8BEA0RHRIpEzkUSRVVFmkXeRiJGZ0arRvBHNUd7R8BIBUhLSJFI10kdSWNJqUnwSjdKfUrESwxLU0uaS+JMKkxyTLpNAk1KTZNN3E4lTm5Ot08AT0lPk0/dUCdQcVC7UQZRUFGbUeZSMVJ8UsdTE1NfU6pT9lRCVI9U21UoVXVVwlYPVlxWqVb3V0RXklfgWC9YfVjLWRpZaVm4WgdaVlqmWvVbRVuVW+VcNVyGXNZdJ114XcleGl5sXr1fD19hX7NgBWBXYKpg/GFPYaJh9WJJYpxi8GNDY5dj62RAZJRk6WU9ZZJl52Y9ZpJm6Gc9Z5Nn6Wg/aJZo7GlDaZpp8WpIap9q92tPa6dr/2xXbK9tCG1gbbluEm5rbsRvHm94b9FwK3CGcOBxOnGVcfByS3KmcwFzXXO4dBR0cHTMdSh1hXXhdj52m3b4d1Z3s3gReG54zHkqeYl553pGeqV7BHtje8J8IXyBfOF9QX2hfgF+Yn7CfyN/hH/lgEeAqIEKgWuBzYIwgpKC9INXg7qEHYSAhOOFR4Wrhg6GcobXhzuHn4gEiGmIzokziZmJ/opkisqLMIuWi/yMY4zKjTGNmI3/jmaOzo82j56QBpBukNaRP5GokhGSepLjk02TtpQglIqU9JVflcmWNJaflwqXdZfgmEyYuJkkmZCZ/JpomtWbQpuvnByciZz3nWSd0p5Anq6fHZ+Ln/qgaaDYoUehtqImopajBqN2o+akVqTHpTilqaYapoum/adup+CoUqjEqTepqaocqo+rAqt1q+msXKzQrUStuK4trqGvFq+LsACwdbDqsWCx1rJLssKzOLOutCW0nLUTtYq2AbZ5tvC3aLfguFm40blKucK6O7q1uy67p7whvJu9Fb2Pvgq+hL7/v3q/9cBwwOzBZ8Hjwl/C28NYw9TEUcTOxUvFyMZGxsPHQce/yD3IvMk6ybnKOMq3yzbLtsw1zLXNNc21zjbOts83z7jQOdC60TzRvtI/0sHTRNPG1EnUy9VO1dHWVdbY11zX4Nhk2OjZbNnx2nba+9uA3AXcit0Q3ZbeHN6i3ynfr+A24L3hROHM4lPi2+Nj4+vkc+T85YTmDeaW5x/nqegy6LzpRunQ6lvq5etw6/vshu0R7ZzuKO6070DvzPBY8OXxcvH/8ozzGfOn9DT0wvVQ9d72bfb794r4Gfio+Tj5x/pX+uf7d/wH/Jj9Kf26/kv+3P9t////7gAOQWRvYmUAZAAAAAAB/9sAQwAMCAgPCA8bERQbIxwcFxogJCYmHCAkICU0LyAkKCcrKzkrJygpMDI1MjApNzs7Ozs3Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7/9sAQwENCwsQDhAbFBskMighKDI7NDIyMjs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7QEBAQEA7QEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBA/9sAQwINCwsQDhAbFBskMighKDI7NDIyMjs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7QEBAQEA7QEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBA/8AAEQgG2wTZAwAiAAERAQIRAv/EAB8AAAEFAQEBAQEBAAAAAAAAAAABAgMEBQYHCAkKC//EALUQAAIBAwMCBAMFBQQEAAABfQECAwAEEQUSITFBBhNRYQcicRQygZGhCCNCscEVUtHwJDNicoIJChYXGBkaJSYnKCkqNDU2Nzg5OkNERUZHSElKU1RVVldYWVpjZGVmZ2hpanN0dXZ3eHl6g4SFhoeIiYqSk5SVlpeYmZqio6Slpqeoqaqys7S1tre4ubrCw8TFxsfIycrS09TV1tfY2drh4uPk5ebn6Onq8fLz9PX29/j5+v/EAB8BAAMBAQEBAQEBAQEAAAAAAAABAgMEBQYHCAkKC//EALURAAIBAgQEAwQHBQQEAAECdwABAgMRBAUhMQYSQVEHYXETIjKBCBRCkaGxwQkjM1LwFWJy0QoWJDThJfEXGBkaJicoKSo1Njc4OTpDREVGR0hJSlNUVVZXWFlaY2RlZmdoaWpzdHV2d3h5eoKDhIWGh4iJipKTlJWWl5iZmqKjpKWmp6ipqrKztLW2t7i5usLDxMXGx8jJytLT1NXW19jZ2uLj5OXm5+jp6vLz9PX29/j5+v/aAAwDAAABEQIRAD8A9VooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKjnnS2QyOQqqCSTwAB3rlbLWLzVdUhCybIXjeXywoyY/uozMeQWJzgdAPWgDrqKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKK5C51a90bU5t8nmwKqSGPaAyI2QWUjrtI5B7HI6UAdfRTIpVmUOpBDAEEcgg9DT6ACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAOb8bOs8dvZt0urmNSPVVO9h+QqGykD61HcAYW5siF/7ZvnH/AHy2azfGM7PqkM4+5p7wlvrO+39FH6irXiCd9Lt47sqc2F182O8cmQTx/ssPyoA7KimxyLKoZTkMAQR6GlzQAtFUNW1y10VQZmwW+6oG52+ijk/y9a562+JEN27bLa4ZEOGdY9wH12k/pQB2FFVtP1GDVIhLC4dT3H8iOoPseas0AFFFFABRSMwUZPAFcN/wks/23+09/wDoJk+z47df9b6Y38Z/u0Ad1RSKwcAjkH0paACiiigAoqpqWq2+kR+bMwUZwOpJPoAMkn2Fcxd/E23spAkltcKG6F4wmc+m4igDsqKzdG8QWmvKTC3KcMrAq659VPI/lWjmgBa5SeTy9ann27litIoyD0zJITj8q6l3ESlmOABkn6VymiSi/tzcsM/bbkuMj/lnH93PttT8yPWgC54Jj+yW0tsDlbe5ljX2UHIH4ZxXQ1wPgfUJLaQSSE7NSlndc9mRuP8Avpf5V31ABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAHG3xhN9fWcnK3EULt6hWBjLD/dIU+3WptJumuLdkuRuaAGC5U9wB8smO4I5+hPpWde2Mk15daoq7jbzCMr/eiWMCVcevzbh7itAoysl5a/vHjjUMB/y2hPKkf7S9vfIPWgBngjWkSSTScl/szN5cmQVaMEYGe5Xdg4p/iHTN2qwTGRw0qmOIqcbHUM+dvRlYDDA+g9a5O1RUtLe6tH2tZyz5KrwUaQ7sr1+UFSR125x0rqtLvpdf1dGmTYLW3LKAQys0p271I6rtHB9+aAMy00641YzXOqDy44WcSEZXzBGflUdxEBzjqzH2rcstCbWY1e4zFDj5LeImNQO28rgsSOo4A6c9an8WyJKLe0bkXNyikeqrlyPx24/Gt+gCtY6db6YmyFFQHrtGM+59TVmiigAopskiwqXYgBRkknAAHeoJNRt4ZI42dQ02dgz97AycevFAGT451pdC0qaXIDMhRM92YYH5dfwrJlstMGhf2ZkbvsZlCZ+bhd2//vrn/wCtXKfEDU28QzyAozQxGSKEqwA82PDOxB7bciq0lnONPOp7FKGL72//AEnpsEmem0njZ028deaAPTfBWrLrOlQTDrsCtjsU+U/yrcryn4c30uiSxxBGWGYpG5dgR5zKXBUAngrgH8K9Mj1O2maRVkUmA4fkfLxnn04oAtUU1HEgDA5BGQR706gCpqOlWurJsnjWQDpuGcfQ9R+FYl/o66FCXjzLbqP3kMh8wbe7LuyQV646EdMGumpGUMMHoaAPPdV0+90i9t301dyS8I5yyqrA5RjnJTGGTJ4IIHpWt4Z0ww6ncSo7sEURyGQ5LycNuA6KFBwMevtWh4Qm/wBGe3/59p5Ih9Fb5fyBArHu9Wk0TWrmONQfOt45fmO1FKkoXZuy7QM9zgAUAS+KNc+23a6MoZPNK+ZIPuiMqWIz2LBSOe2TUuruRbCKH5DcAW8CjspHzPj2UEj2A9a5F1aC3e5uyXa8urcnghtquCgVR/eUMdvULjPWusnLJIb+7PlsI22rkERRfxMf9tun6DoaAIoo45tRtLOMDyrZZHTHpGoiBP1Yt+VdlXCaL51pq8M8gKfbreQBD/AsZUxr7Haefcmu7oAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooA5SKdtK1SW0ZgDckzw54BO0K8Z/IEf/WqqHXQW3ZKWxckHGTA7dUYf882P4D6YNXfENrFdataJJ0kiuFBHByAjDB7EYyDVb+1PsEnl3jAZJRbgAGJwDjZIOit9eO4PagDOubSc6pIbdAjPCruhYBJGLFdyNzhivQ456MK5XSppPC975qebGfMkhZSgcjdh4wUBwQf9k9siuo1PTf8AhHXS5iBAJWMwuxaFllcf6t+q4bBHp2FQa5bRX0xQvJFJdBUCzDDLJFlomDdGGcrkE9RzQBian4xW9uorya4BktJUKxJE6KRuw5yxJ3Y/lXscUqzoHU5DAEEeh5FeJzazL4juhu0xZriLCyn5+SvByFwAfrmuu8LeJH0K5+wXMMsEEjfuDOPuk/8ALMtyMZ+6c+xoA9BooooAz9fgS7sZoWYL5kbICTgZYYH6mvJLWe4/cb0LxiJ0RFcGRW43OuRlAjKD8+NpyASK9S8XaWNY06SI4OMPgnAPlkNgnsDjGa8fvNOtdv2i2llW1eVBOhH71N+SvX76nnH6+tAFDV9NlmUyhtwLsxy+4ZY5JL4WPJ/2c1fN7bmLzdkXm4xkvJ5W3+5s2bNv/Avvc5rd0TUrbR7koyi4bZuIuImScgDPyB2Zen8Py5HStYaDJap/abRxm2A837Pvcqo+9vGTsLY5xjb6etAHn+j2U9iFlEmwhwyjfsBI4BViGjzz3IIrYle7cXKiMpEY0Qxl1VgVG1GfoWDFi3y5DHGTWjq+oRaxdnYPs+Iw2LaNpJQp7yBWCdD0wSM8msWz0+0ZFuLqSSS3R3FvHj944U8kn+BAevPBzigD27TlVLeNVIYKgXIOR8ox1H0qzWR4T0t9G06K3fGVUkhTkDcS2Ae+M4z3rXoAKiurlLOJpXOFRSxPsBk1LXnXi/xKdcl+yW8MtxbRk+cYQcMy8iPd/dz97HPpQBgaR4w/sxnuYblTJeSu7QvE7gZbC8rg7sdRzniql+kniS/Nx+8kMkyRgbME+WN0mEJACg4GGPfJ5qHQtdn0u5McNgiXM+VjYhwVLccByen4e/Fdbottb21xiN5JWtw0O2AZLMxDSyMx4UFjgHI4FAFq3glj1ZJLgqWS3kdEyDHF8wUszd2x1OOvAwBVzK68VlALW6uCu7gzyD7pwf8AlmvUdj16DmnpenJrpe7kAkLfL5e7FuixMQoY/wAZBySOmew61ekuW1Z/Js3GD8klyPuqP+ecQ6FvpwOpJNAEMVyNU8RxRB95s4JDIR90NIQNo+n+ec121cx4XtIbXULxIgAsIgiHc/KhY5PqS3PvXT0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAYvijRpdUiSSAhZ7eQSRk9CRwVPswOK5rT9clltopL0KFuwfnZQYidxHlyDsRj5X6Hv0rv64DTL6LSrb+xrzbvV5BiVCY2jZiVbd0UHOAT0PBoAnm0J4I2t7ZyiOBi3mbK5ByDFJyVIIyOo9QKo/bpL61kgvkMDq+122+bGGxlZCF5jJ4YMPlNXItKutHxFbMGjPP2e7OR/2zlGfwHNUL3U/+EfuDePHcw71CSof3gwDlWST5l+U9iRkE0ALo+srp901+HV1JWK78s5UMPuXAx/C3f05r0G6tINThMcih0ccg8gg1xE93HqC+fZ+U8qZDI2IGZG+9G8bDByOh9eR3qbw/r6aKqoWLWkjbUdjlom6eS/oAfut+HoaANFr+bwedlxuktOAsv3mj/wBl+5X0br2PrXQWt9BeqGidXDDIKsDx68VKQJBg8gj6jmvEPFENvp+tTNFE4hWRE/0dvLYPtyQuAR1zkYoA9wIzXj3iu48/VZrKaRzb24eXYuFPyxgqA2OeW4z90V0PgzxjqFxCTJbTS24YhJRtd8Dsw43Y9QPwrkPFviC3XVvtcGJo5Cd6lWVuUEbxtkDsuR6H6UAZV3NcW84vpgrupVS5J5Z4wwJXuVXrjgnH42T41uH0z+yskQb9vm7Tu2Zztx0/XpxWjPbpeQ74V8+NgobABkwo+XfFuVt6jgOhwwpjMwYxd9n+p8xc9Onk/cxj+Hdv75zQBmaT5ssj3FvhHcSBXDHPyR5YBcZBZckE8Dp71ueHCg1GPTBM4s5wsiIwBZg6bihbGQCR8wHBpEhi0+EG4/cRBSAOBIVb7ypGGdtz4w0jnheBio/B2uWU2pvf3RWMIf3Uahmf7uxVAAPCr+ZoA9pAAGBUV1ew2K75XVB6sQP51554u8X6kyq629xBa5+dxhJTnhcZ3bRn2z9KxvAVvFqGtLNMr7QJAnnv5jeYmCc5A5AORx2z1oA73UIL7xT+6Rjb2p+83SVx6AfwKfU8n0rZ0/T7bQrYQxAJHGP/AK5JP8zVskKMntXD69rqa6CuSLMNtyDtad+0aZx8mfvN0P0yaAKGp679rnN+HWNpQ0Np5p2gL/y0uDnsei+vA71PFeS21tHBp8byknajkCBM4+aQKeWx13NkZP4U8Xdro4+1Xk8QkkUfu40WV0Cj5Y0wSAF9dvJyc1Bo2uS+IHN1Gks2RsSNTsCrkkl5TgZY4OFzgACgCdPDDui208m6KIf8e8BKxjuTJKcE9cnpnsKTVNbmtLJrqz2FLdkVW24j5cKUjHpzhn/BatPpk1+dl04KLz9mtflT/tpIcZHrnAPoai1DUIfEUa6VAQxaaPcI1IjWJDuJBwAR8u3PQk8UAdJ4b0l9Ktz5pBlmdpJCOhZznH0AwB7CtaiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigArE8S6Y9z5VzGu97dySvGXRlKunPHI5APBIrbooA4dUMUW+wkBgf/lldKTFnOCobloyDwVbjPSmy+I47JfLu457MEbckedAc8dQGGPTpVi90iW31Z0imeEXaF1xho/MThwUYEHcuD2PBqINqemggwidOctZSYOR1/dPlc+uKAMqDU9PhjitZmhu13FYpRGJnxjhHQEOCB0IyMdqraldWWkq0lp5TZGJoFimCup7EEEBvQ4GKv3FzpNxn7VCyMM/NJZujj33RcZHrUVv4zuIZo7MuLgHhZldoCeeAwdCu707H60AP0vxY2i2Lz2wa4tVU4U/66FuyOD1T0bsPWuasr1JraWbeHkSLdkf897xtpP1RRj2rqr/AEm+mna6trfyJ8DMk1ypyB2ZAGUqR64rm5NMtr69Bh2Q3SSI7QCQeTKVO4GN+gJ/unp2oA9Yt4E0GwCIpKwRcKvU7R0Huf515dba7p7u0M8hKX5LufLZfKlzkMCyjKjgH6Z6E16LpGv22qzYDskuz5oH4ZSCMkg88eo4PWoPEuhXep3VtLbsiiLzQ3mLuGJF2529z7HigDkL2G10XbHqlsJYhxHKnYdQAwIJX0BOR0G4YNbp8ReG0sR8gMIXAHkORj6lf1z1rmbc3OmC40qNvtRWUoLaVeqFQd6sMbME59PTmqJt7poP7T8l8ugh2eYvl5P7rbt+9n/ZIwDzmgDUsrW08QBhp9skEJ+/I/PA5O45O0d9gOT/ABbR1rNrenRyK8DMEsHUx4iYmVycszMF4yCQvuc9KcRcau1tpcri2BlZGt4l+6qIWDMWzv3Ef7p+td74a0e70yS4e4ZG86RSvlggYVAucHoeOgoAuapapr2nSRkHE8JwGGCNy5HHYg147eayLe3iuVbZK6I/HBE1sfLb/vtDz6mvVdY8Q2+lXBHmNJNsAS3TBYluQcYzz6ngDmvN4NItrC5PmbLi6aRmERf/AEeItlvnfoTx07kUAdFq3iwazaLcXIeG1ZciMH99Me6jHSMdz3+lU7a90vVts126lyMJG1vK0SIOiqMLn3Pc+1aulaffQN9oktxPK6486K6A49ApChVHYCqp8YzPNJbFxahflMpaS55HVUwoXI7nsfWgCKa/0udHt4zDaRqwEsjRiKRu5RY/vAEcEntwK1rfVUvU2WkM1wuMAn/R7cD2+7kfgazLLUdLtVVLZXmfPLJaM8jHuWaTua1mudT1HiKzbHY3koUcH/nkmf1xQBE+ntdxs+oTKtvECWitgVh4x8rP95z7CtnwnYtHG9y6CNrhgVTGCsagLGnTjAGSOxJrnLayvNf1dba4lEkNlteRY02ReZ1RAMktjqc/kK9BoAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigCjq+kx6xFsYlWVgyOvDKw6MP8OhHBrj9Ul1DS7uKG5FsVmLATlXjyQOFbaw2k9jkg131QXllDqETQzKHRhghhkUAcfdXGoWrBQikcYIvnAOR6MvSql/Le3kbwSxoVcYIOof0K/0pjaND4WkkgnlmhgY5hkSZ1QZ/5Zt94Ag9CRyPcUsdnZk7xqJOB3vIz/OOgDNUarpj77l1aJcAFRFcTKM4BOUBYDoe+Oa0tQittcjVZbsSw53YzDbjI6EkfOMegGc02aXT4/ka+lkyOiXbufyjjrKk0iMP9pt451kA4lc+WvPqZyCw9fl59aAEbU7jSJobmFmvEtid0gicEIeGTzDxIOeM8gjPSvR18R21xZm8gJnUKDti+Z+e2319jXCKmsX/ABdRPJGUwWs1VW5GCP3oHGP7gAPrWV4e0a4mldrZ1EsLMhQyGCcAH5cldyPx1468UAevxRRk+aFAZwMnADewPfiqX9h232rzuc7t+zPy7sY8zb644z+PXmuRnl8WwH5cBDxlhE7D3O3GQO+Bn2rMj166+3PZKn74rj7SzHdxz5hGNvlE9F6Y460AemXEUUZNwUDOinBCgvjrgHrz6VUm8QW9nYi9nzCpXdiQbXH+zj19q4x08X3seN23nB2rEh+oJJP6CsPWLG6sEWK7lRpZ3CkK/nzlT97DSEKgx0wBk8ZoAlga51e4lubhzZi7IKuUPzR9AnmjIj4HPcnnpxW9HZW3h+3IgujbJ/dJjukYn0XG8k+2PwqkY9Ws28qBWhiZMbrwxknoAoKLtBx035plloMGkDLW8iH5iZSnmjnr+8t3BX/vnAoAS1fU7sFgUWBgRhTFazEZ7/KdgPpnPvWvZ6ld6fGIYbbaq9FF3C2PzBNUo7ixb7t3IpCfda5YfX/XRn8MmptsQUMbuVEYfea5tlH5oCTQBbS81LU32+Uq9Rh7sgceoiQZ/Oqunw6vq11JBFJDDFFhXkgUs2WGSis5OSM8njB7VLbaDZeJJgiNLNBEdzSvK7B2xgIpzjHdiBjtmu0s7OHT4xFEoRF6BRgUAQaTpEGiQiGEYGSSScsSerE9yfWrtFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFADJo0lQq4BUjkMMjHvmvM9S13TvDs/wDoMSSws5R9y4iVzz8sm0n1yoBHcYo+IXixb55rCOYRRwAb8Z3SMSB5Yx2A5Y/hWTZ3tjDdzPa3xijtYAIfMUOTkEsFDgY5AHAyfpQBsxa7e3V3FbWwtS0qMw8uaRsBR3K7evYdak8IX2oeIFkEQtoHj2HiJnJDAkHJf2xWBHNdeFpbCWaJPlLTyNHy22chSX4AHB47VvWLf8IjrbkkeTKC2R08uVtwbPojkg+gYHpQBY1FNYsp835a4g2MSLZhGDt52lcAnjPG7nH4VjeHV0bXbqS4khRYZ3WNRjaY2UYTJUjHmDPPTcMda6PxBrkOrXb2Jd0EBUjykZ5WfGVIAB+Rc8k8MeOlefJFPY3Dz20ZIfestvIpAcKfmKjuM84HzRn25oA9QT4fWtucwzXER/2J2/kc1XfREcrYm/AKvuAAjExOd209iAecba5J/G1y+lyR2MobgDbK2J4wSBgH/loOcBvvDuKwDaNj+zvLtxcg/wCsEj+bvBzjdnZu7Yz+tAHqj/D60uDumluJT/tzt/IYrjdbfSNCu1uI4Ua2j3QsMbjIzj5yCxOfLwOc9TgGmjxtcS6ZGL+UKMEFIm/fy4OMEj/Vr6nqe1Y1q0l5cx3NwmXDIsMEabljBPykr6Dqqk5c8njqAdpYWGsSS7bDNvbhR8ty/nD5hnaFwSMdxuwOlV/FF3qPhZoSFt3kmyCY43jIxtGflfkEsK0fDPiG30y7GniRpFlLMPNVllRsbnDggfKeSG6DkelZd5c/8JbqYkJxBHhsnjEUTbi5/wCujgAf7K5oAbqHia6sLmW2uZIYnhC8F5WDBhkYOHOeelJo2o2Pim6dbyFYERkGwJtR2PKl3Kqf91TjPv0rDW5ufEDXd5EsccnmCeN5TiQrGCFVARzwDk9O1W72exuL2OSbUWkW4gZGaMKpBGCoYKuCpyRjGc0AevRxrCoVQAAMAAYA/CnV514I8WCyaGwmmMokXapcEOjrwY2yOh6rnnse1ei0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFRXUvkRM/8AdUn8hmpaQgEYNAHj+mC9+z2Dg27+beGQbmJfe+4jdgcAe3fGalvI72ZNRWS0hk2Tq8jBsEAKpIXIB5AyDkYyai8TaFZeFI7mGaIZkcS28uD2IJiJHQgdPUHNJJJok94yJJPBDd24LKnmLh1PQgglgR9R+BoAfdnTZ7mRVW5tI57NQqpG3zYznK4bKgEdMD3q14ckk1Syg0+7PlTbN9pK2CGXoUIzzkcFT1HuBWZa63HBaw3T38guInMTKVB2xs20lVK9doB5P8qpXkFpLHPbpNPP9mKm3Zc+WocglmOBjB6np6UAdvoniJ9Bke2uIyPLGCD8zoB056yRejDJQcMO9R3Okvf6H5kmEECSSqYnVmMh3MX3rnAyeADk9/SsCDxVFLttNYBby2Iiu4Sc/KcEhh1Ge4/EVqjQryOJpbGUXEUgIJhK5IYYO+IkIx9SpVqAMHx3YW2jTxYJkmZQysAA4YEEB8YVs+uAw75zTf8AhILM3G1Y7gyCYuLYlPK84k87s7sBucYqh4rur7WbuCzCBXiT5VUOjFjySQ/O449T7GsZbOQyLdBZvLZgPMxz5mOcN0zv98496AOm8EW9vqEF1j5J44XffgFy3zHC5yFAxzj5jnqAK7FNHfS9GVoQGWVIpizuqssg2vuLtjK59Tkds9BwPhaW80y4udOaPc8gwwId2BXIyAnOeSOoHqcV18nhq9vVWbUJ/s9vEBgSFdwCjjag+RPQZ3N+NAF/XNck8SSC1tEyHGD/AAsynrk9Ui9ScF+ijHNc34pvPs0Mml2eZWA33cqAYwmPlGOAqjgDt065o1Hxahjex0ZSkfHm3DZ3YJC7ix5xzyx59AKz9P06BI0sraVhcT3DRyMSfIdFJYN05Bx2OTz60AX7VtIk1CGILcXkUdsQEeNmIORjC4Xj9B6060vdQOmWyxWqKiXiiOSRh18wgKVxnvgn2pdR8RXdvfXNw9zAk9vH5CLHGW3Zwfl54Oe5zj04qCOxsLiS3tVluriOMNJOEWQruIyMKACCWzz+tAFvxBbattvZJRAAlxbuTGWyGGApX3IIBzzXrKElRnrivJfCWi23iK5QxCTakxmm3u5UYJ8qI5OGYdSfTivXKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigCnq2k2+twNbzoHRux/mD2Irz/AMV6Rq2jQQ+VmVbZ8pOvMyIRhlZejjHf25FemUUAeLT6kL6WeCG7hkS9iZnM0XlYeMDseAzdj+OM065u73VCrzkRNdWkYjjiGfOw+ArdMZzzjov5V6lqvhfTtaQrPCjZ74Ab67hg14RqV3P4b1GWKCUt5LNGjnDELkjAJztPbjFAG5qXhy3ur5oHmby7OF3nZANiknPlxr0AycAE9c+lc9AlxZ3LNYSOEXBEmfLwCB945wDzg813miwz+HdEmEYjmfiSYgCQfNjbHnncecsf4QfU1HBq3hzRLXf/AMfNzGmQjRuqBsdlKhVA9euO+aAH/DmNNb1Z7iWXz5LePO9u7N8uRnnaoGB9c1txeBJk1ovuP2IP54j3fL5npt9jz+leVprksEq3oVkkdn3SIxTJzn5cDAwDgjkYxxWunxKv1UqZ5j/36z+ew0AbfxAB0LWzNDL5D3ESsrqejDKkN14YAc+vNcfdyXOoXSHUpZChBO8HfkAE/Lzt5PHFH9uu0pvhGWkR0w7sXAPJO7OdxbBGOAB0Fdpe6t4c1m3Eyt9mnKgsgiZkz6MoXaQfUYPvQBj6f4StYdQWESEi4hWW2Zwuxz18tx3yRg4P86nt70xmPfG10LaO4L2xX5YTuwMdSQOnOSByK0/EBk8Q6Lbs4SGUZkiJAQELncgPAVuMj+8AO9cn4f1O58QamkU0xT7SvlSOoAZlPYnHJOAM9aANWG7XTWs7Z54UjRTKHtU86Tec4DZB55x6cV0Wh6HrWsmcGR4YLhwWklULcuoAAXAOFGPpXb6L4W0/QEC28SqR/ERlj/wI81q0AUtH0e20K3W3gXaq/mT3JPcmrtFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABXn3i/xc9xeSabBMYBFGWeRELsWxkIMfd9z+Feg15z4s0u50+98q1wF1GUvISSnESfMpcZIU8k4560AUtI1WwjgQpc3UEyoN5CySx7v4gVcODz9K3rbxbdQoW860ulHdZfIb8VbcKo+D9U1C9ia1tjBFHExKlg7HY7EjaDtyo6Bj1781Je3H2QFbrUAZGP3LSBC2c8AfK7fnQBel1fU/EttIlp5UJVeWDmVuR0XChcke5/DrXA2Pw3e7lNqxP2hiGbusSE5yxHV27KDx1Jru7FdXuG3W0PlKB9++dnc59EU4X9Ky/ENveaJILuRhFcSDAlty3lu6AlY3iOfvAYBHegDMS4vvBF2NIt7mNYz82+aIgBn/hJGfz6dqXxlpOqQGC4vpoADMqeZFGQyhs5J4AK46g13Wu61aW9sIriMSyzIP3CjczEjkY5wB6ngVxdvql7oltm5jjurWFlYBmyUbJAjVmyJCnTjOOmaAOUk0hzK0qI8Xljf5ip8hRyVV/LPzKGx2zj0rOa1byRCDFgPnzNjh85xjO3P4V7RopsPGTrqahgyAxtGxwMq24bl7kHkdqcPC8pvACw+zLObgL/F5hHQ9tobLfU+1AHmFnowE6u6PK0qiQyPHiNUyAZPLBy4Ge+B3wa6bwnZa1JDN9ing8tLiRd0iZZiCPmJAIxgjHtXUajDp3grztTbP7xQoQHIyWJKqD03E5I6d64+81e+voTHBbpZ2vmHchO0swIJjcrjy946ZwD60ARb77x7eNpNxco0cfzb4YiVLJxtBOPU89D2rMvvhu9vMLWNj9oT5sdBImfvoTjDL/EpPuDXpVp4itlsJPssflywRM3kMu1gVBIG0dR7jINct4fgvtXu01GEfaJY1IMs0uyEMw5SNVUnC5xnpQBq2+r6r4SgSC6MVwSBtZpRC/ptO8YJHrn60268aXnPmS2lqAAeZftD49lTApmo3GoiQyXKXEAHLNAUuIOBwdjKWA9RipdNuZ9UGLS9t5COoltwr59MKV4/CgDOvNa0i7gaW4vLiYhWxtWSJMjuAiqOvqT71neH/Gk+jtbZuGuopiqyBkP7tm4AD9/oaveNNb1W3t20+eCNhJHu3W7NgKrAklSMheMH9DTNH017jVxbtHGltdQpMBA26M+SykMMgYJPB4FAHqFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFVNU0yLVoTFIOoOD3BIIyPfmrdFAHC+H/AqKn2e/V5GhXariRvLZN2QAARgjup+orr9P0m10pAkEaxgf3VAq3TXG4EdMigDndS8XFHaO2j8zY20yO2yIN/dB5LN7KDWFqesXknzXVwsKqeAoEKnHo0m6U/VUHsamt0msrWPTjFIlxG2wSxpvBR2+eRW+6rEZzkgg+tUdM0e3ktP7VKooy5BIEnlohwMA53ytjq2cHtQBViu4pARboWSQ8tIDBExPqx3TzfTOD6VJcKtkyXN3JtZRiPegBHoIbYdCezPz7UuozagWMcLC3cKGkdv3siK3TfIejH+GOMZqSLS7Pw9H9sunaLcP8AWSnddSeyg58sfT5sdSKAMi31G98O3D39vEyqoHmxMS7FeSZJW6LISeBjOO2OvZyfENQm1bS4M2zf5ZTHH97OSMe/6VxfiCSa+sXHltBAkZeOBThiCf8AXSk+vYHlj07muuaVUvzPzt/srd096AONhvb7xjdC7uohIgRjFBkqGUEq5jOeXXGeeT+VblvM9/F50MjSbQE8xF3yhRkbLiA/fA6ZHPpWRolqbawTETSxlBI8W75x28+Fhzn+8o5B61pKLLxEPPikMjKM+bAPLuk/30GPMHqRz7UAMlkhWMSSRkJGc+ZaEyxKfXblZYT7A49jU+la9cWSE2csUwdixUKGJz3+URyZ9cqx9aqWqX6yoskizOykxt9xpQvUJMoDBx3RwfQ5q3eWCCwbU0VWjUB2DKqh1Jw6MgGFlTsy4yevNAHSWXjePgXSGLLBS65aME9ATgMhPowFamp+G7DWR+/iVj/exhv++hg/rXMtbssEtosLyyyK6RFwxXypPul5DwQnOMncOAOa7KxtzaQRxE7iiKufXaAM0AcTq/gMaVHJc29zc58soEBEpIPRBkZxk1t+CvDh0KyiEwBnWPaTnOAWLbQfQZ7V0VFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFczceDnUyJbTmGGckyR7FcZb7xUn7ufxHcCumooA4mW4h8NSXCTqN28zwvIcK52YCljxuU8AHtgisrSdHXVrmS/cNcSwwxsPMzzJKNwGz+FUBGBj1PWvSXQSDBGfrWXqGhtLP9rt5DFNt2k43IwHQMvGcdiCCKAOfsPDia1cSpMS0UEhDBusku0EyP/sqCAi9BWQJJDbfZTnzTD9j79fOK5/745+ldxo2jSWEkk80nmSz7dxVdifKMDC8/mSSapx+GGj1c3u8eURv2f8ATXbs3f8AfH60AZN54ZTQ7qJIDtinfCAH5opQpIdM/wALAYdehqjqnhiO2uorhf3Et1uUlONkqKWEi99rbSGHQgjvXXa3ob6lJFcRSeXLblihK71+cYIK8fmCCKZp2hzLOLq7l86VQQoVdka56kLknJ7knPYcUAc0L6HxJHbRWw3TvPFPKVztjKY3sTjALYxt6nPIrWg8EFsRTzmSBZC/lhQoZi27LkE7uewwPauoVQvQYzS0AJ0paKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKqatbzXdpNFC2yR4nVGyVwzKQpyORg9xzXG2ieJLiCSx8l4FmkO2eS5SZ4kbBZeBvc/eCkkMNwG4bd1AHe0UyGIQoEGcKABuJY8cckkkn3Jye9PoAKKKo61Pd21pI9rGJZgPkVmCgkkDJJI4HXGRnGMjNAF6ivOtfstcazd4jemfylUlmtkTCsHYqkEoYMcYBw5KkpzkEei0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFeT+FNJ1N7SexgimtfNkiHmsHhCqhJaXDSsxkkACsqYUYGWAoA9YooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACisTVbm9i1SyjiDeRJ5/nYTK/KgKZbB2/N05GenNS+Ftd/4SXT473Z5fm7vl3bsbXZeuB6Z6UAa1FFFABRRRQAUUUUAFFFFABRWTp2u/b9QurLZt+yeT827O7zULdMDGMY6nPtWtQAUUUUAFFFFABRRRQAUVx/xQtHu9OTZA1wyzqRGqO4PyOPm8tlYAZzkHrgEYJqx4XtdQmnW5naVIktI4VSZvndhhmmZAzBGP3cEluuSOhAOoooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiua1SbV5L1lRJUt0UbWtzaszs2CSfPb5QvQALknJJxgVP4b1O/u5Z4LqF0EJTY7qqlwy552MyFlI5KHBz91elAG9RRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBwng+81O11Q2F7u8zyJZWczGRXzMAjKvSMAFhtG3IxlRgY1vtc3/AAk/kb28v+zt2zcdu7z8btvTOOM9cVDrdjqNjqw1O1gW4BtRAU80RMD5hfdllK44A65yemBRoljqN9qx1O6gW3AtTAE80SsT5gfdlVC45I65yOmDQBztp4he405L65ubiP7SXaYw7Nix+YYFCB8lQpKkmMM4zl+WjI0LX+19e0+W1t5gHtNQeHfKzqzxQ8gM8Y3biSASu0kDrknLvDngm4XVZ7y8C+Wl1PJAhwx3Ssp83IPHyqAAckHnCkAnb8IaXcaX9s85dvnX88qcg5V9u08E4zjoefagDE8MM0+ppBfW8kVzbwGWMtctOuHPlSMCWZhu4AUswAGRtOS2faa1cp4YtriW6aJS0vmybt87DfIBGm4HLN2bcNgGeQDjW8JeHdQtNSa8u/ML+Q0btJMkiszShh5aqoKR4UnDYI3BQvBJ5e48Aa1BEkMBlMVuYnKNPGpMis+5oWGdi/MSC2085KkgAAGgl1d+H7y0dJL7FxNFGyX+JEKzE8hkYhHXb904fkcYDA7XjE3L3aRmS6Ebxuyx2AQP+6ClnZ22kD59oQZBIUg7iFptxo+qX1nZJIjM1vqMbkySI0nkxs+1nIwpYKRkKWJ65ySBL480C41W4s7iO3W6W2aTdE0gjzvC7TluCAV5HfgYIJwAReHruax1E2cE8lzFNYC5Q3TktuZ9oG/blVYYyCpIPIHUHHiS/wBXsLnVPtdxHNbmVgY3X7I/ksxxGnVk2qBluCTk7vmFdFoljqN9qx1O6gW3AtTAE80SsT5gfdlVC45I65yOmDUWh6BeWfhdrB0xOYLhdu5TzIZNoyDt53Dv9aAGeIdevG0W2uUIT7SIPM8okTfvduVhUg5c5OMnIAyMnkRWUN34Z1a0gFxNLFfRy7kunEjo0Sb8hlOAecEDI68n5Sti+0C8m07S4VTL2s9o0g3L8oiQhznODg+mc9s1oazpdxd6xYXKLmO3+07zkDHmRhV4Jycn0B96AOPv49W8OQu+po1zC2PMlgupFG2VyrqYnIQ5DbQFRQoPDBvmXV1bQ9YsLrdbJ59qqxxxwpdS27qqR4zkMin5upbexGAMdpvH3h3UPELiKPzGiaIABJkjQSb+WkVlJdcYI25IKkADdura8W2l5e2ypbGQfvV8wQSLFKU5ztZhgEHB5IyAVyM0AYWnb7/RY7vT4nY3ExlmjM/lSOx3I5Ei4Cneob5dgKgjAztrPl1u8m8E/azK/nYA8wMVf5bgIPmGDnaME9T3zk1q2egX+maLbWsauDHNukjimVZDG0jvsEuFG4bl3YKbgGCsMisK68Ga/BohsYmjeOTB8l8eZGPN8wKso2q55+csAOMJQBu+JpLvUNWh0/zJY4njZx9ikCzAgqN8hYDbGMsAATuI7nCirp8erTG+0eK5LGCSELPKT5qpOC7cgHewAwv3TySGXCgbv9l3H/CQ/bdv7r7B5W7I+9527GM56c5xj3o0bS7i01i/uXXEdx9m2HIOfLjKtwDkYPqB7UAZkFvP4V1a0tVuJp470ThxcyeZjyUDKVOBg8kHqCO2QCM/WoNd0ae4vJFNxDmWRTFdSQtGqYK5Q/umAUfd8t9xzuJ6Ho9Z0u4u9YsLlFzHb/ad5yBjzIwq8E5OT6A+9V/HOlXurRpHCJWiIkEiQSpC5JX5Ms4IKdQwz/EDhtuKAOa1S5bS0tzaLcJYJbRT+XEkhyJHcyAzI4ZGVG3gFymRzjjNjw/qt/O2i+fJJmZbzeGJG4Iv7ssON3y4IJzn72cnNdV/Yk39h/2flfM+x+TnJ27vK2ZzjOM+2cdq53QtK1a5u9PNxbCCPToZELGZJN+6JYxhV6HjPPGM85xkAl1Tw/qFvb3OpTXsyzRiWVI4Zf3ChASiFWQbxwN3yjd3HUmXWI9Z8Q6fZ3VoyAmHzZI/Mki3s8alVDRlWwCTgFwM43E446PxDayX2nXEMYy8kEqqMgZLIQBk4HU1X06yu7XRo7dCI50tFQFsEK4jAGcBgQG9iPrQBymn29xrb3MUSPaXsQihZ5bgzlIZf3h2sM7mOCRuORu4kAAVdCC3n8K6taWq3E08d6Jw4uZPMx5KBlKnAweSD1BHbIBE3gbQLnSpbieZZVM4hH+kTJPITGrbiWQAbfmCrzkhckDIFXdZ0u4u9YsLlFzHb/ad5yBjzIwq8E5OT6A+9AHBeLf7Vs5ricvN5jzGKHBlj27pEMaxGNikgkjU7gQCGT5jv2h+osry5Oo6pIwi8+2WJY3kbbEsTBpFBITcMfefnDHAG0AGtLxvpl3qMED2yCR7a7im2Fgm4JnIDHgHnv2z1OAcqz0bUr2PVbiaAQyX0KokfmK5ykLJ94YXBJGOR3zxgkAxJJb+y0ddeS5uhKpjdo7llML7yFbbGpG1CW+XocDgDKsOru/Ct5rN3LPPdzQpkLFHaylAFUdWO0ZZjk4xx03MMYr65oF5eeF1sETM4gt127lHMZj3DJO3jae/0rsKAOHs7jV/GHh+2mgkRJnkzISXjDLG7qRmP5gWKrnaV7gEDisyG8mgaUXUEkN5Z2EtxCzXBuFBKlHYbmcjcQMKxcADjByW6vwFpdxoujw21wuyRPMyMhvvSMw5UkdCO9c1Z+E9UdrqacSNLJYTwkyTI6u8jZXywFXZHxnDYxuAA4JIBq/D5rt4RLc7l86CEoslw07PsBLzAMTsDeYnyjoRyBxnM8I6Zeav4dsoIJjAhkkMroxWTassh2r8p5Y4ycjAHRgSKt6T4Juo7FJpCi30Yh8tsuVQQqFWIkP91xu8zbwS5OGwtbHgLS7jRdHhtrhdkieZkZDfekZhypI6Ed6AKWh+fomstpnnSzxNaCfNw3mOG8zZgNgfKR2OeeRjJzieDfEMt1qaw3EwWcm5WWIyXEuW3lgFUjyoxGFIBV2yvHU5HUf2Xcf8JD9t2/uvsHlbsj73nbsYznpznGPesLQLbWvBcBsYrFLlEkYrKk0cO4NyCytk7h0+gAGQMkAz9L8S3B0exgkmdPtYu2lnJLyKluXdtucncV4DclR0BOMZMMyXF3aSrPNOi3tr8lxceeuJwxR/kKbJE2MGQg4OOWX73R6j4BuH0Sy0vPmeVdI0rIQuFYyFyN3XbvwOMnrt7V0Hi/S7jVPsfkru8m/glfkDCpu3HkjOM9Bz7UAY+qeH9Qt7e51Ka9mWaMSypHDL+4UICUQqyDeOBu+Ubu46k0tU1i41VrRZp5U+1QQskGnkCUsylnkZnA2RjOACxBxuyNrY7XxDayX2nXEMYy8kEqqMgZLIQBk4HU1wmo+FdYgktLi3WQPFpyQnyZY0ZZIxuAYP8rxlsAgHnBPYBgCx4fu9QhvrnTYpZjutHkj+3DMiSK3lD5/mV0J+bK7lxjHO7On4FvLsXFzY3G4NaLArbpmm3MwctIGbkBwFIXovoCTV2HTLttfF66AR/wBniMlWDAP5u4qM4YjHfaB9DxVK4tdV0LVLq8t7ZbpLzyeBMsTL5Kbed64O4k4wT0560ARWU81tq2sSReWHVbQgzMVjGITksQCcAcn1xjI6jBklv7LR115Lm6EqmN2juWUwvvIVtsakbUJb5ehwOAMqw3rfQ9Ru4tTuZoljk1CAKkQkDsCkTx4LYVfmyCMHvzjFS65oF5eeF1sETM4gt127lHMZj3DJO3jae/0oAr+N9cMN4bV55beCK0M8jQY8xsyrGiKSMod3fOCDg4HNY+jatqEVylpbXLSfaPtcf76VLlVkiiV0kSZVBKkMnylePmBUnp1Hifw7LreqafKFPlW0kruwZRggIycHkgsuDgdPTrVjWdLuLvWLC5Rcx2/2necgY8yMKvBOTk+gPvQByRtLzTzFZatC8sVxNHCZY7uV0csAVBjkcsDvXJZdnTA+XKtoeJpJTfSLcT3iRxxrJiy2qkaMxTc7/fcnZvI2koN2NwBNWNd8O6hqurxynzGijnt5IyJkWFVj5fdHt3mTIO0jIIcZYBSCeJ9EvBrUOpRWi3axwbAplWMq6uWD/NweG464PPBAJAHaPrg8Oy31tdTu8FibcrJNmST9+uSCVGWG48cZAOM4AxVh1HUIfEFsjE+Tcm5IdZvMjkTZ5keI+iFBtGQAWOTk5JOr4b0e7kuby8vYkjF8Ih5W8S4EaMhDEKFIYc8Z4ODWfb+D7vSdWs/Jw1nbG4ZckB4/OQ5Q5OXXdyp5YZIY4AJAIvhvqOoaiiXNySEmEg3STb/NfeSNkZ4jEaq4IXAIwcEDiGJ9W1O0uxbM8jRavICnnGNjEhXMauT8g6dCMDOOuDF4c8FOlkltqLpFOY3S2UPl0IdpTKuHwX3FSdvRFUE8sK3fh7bXFtDd+eYzI9/MzeU4dckJnoSRzn5WwwGMigDF0vXrvxUljaRSNGJfOmmwzeYIYpisaeZlWO7GwsDvONx4JyywGu+ItDsri3lDsgmMivJJG0m1mSMb4yjEgA9XUE4LE9a0Phh4TufD8Ekl2hWYnYoZkfbGPmwpUnAZ2YkZ5IBx3Oh4S0e/0nw+tocRXKxzBdxVgGZ3KEkbgRyD3+nagDM0LWLOwmurq9ikt5rNY43MkzXOI5iGVQwyWy/PIYjON235VbDqOoQ+ILZGJ8m5NyQ6zeZHImzzI8R9EKDaMgAscnJySbvgvw3NYtdSXKSYuViUi5lS4diisHyVG0r820A5JAJIAIFV7fwfd6Tq1n5OGs7Y3DLkgPH5yHKHJy67uVPLDJDHABIBzVx4j/tOFbye7uEeUSSiKGdLdUhWZkCglMSycEgcFgCCQQu7qtJ1vUJtJvjJKjTWc1xEJWXYMRgHzCqq/K5JwFOcAHuat+DfDsuj3F/cSqVa6u3ZRuUgoCSjcZwTvOcnPA4Hel4e05tR07U4o3jb7VdXexlkV1xKgCklC2OvI6gdqAMS5N7p2kLrsd1c+cnlO8c7boW83bkBFwu07wVwTtHy/K4O3q9eu5odb02JXYJJ9q3KGIVtsQIyOhwemelc5N4U1VtHvbJBK0bmAW8dxJE0gCFC+WVtgXj5Ru4A6AnnTt9C1j+1ILq4fzXVmyyrH5CRuhLIqErIJN/yhxnKYLE8pQBLb+DL+/3TXt9OsrsTttJTHEo6BQCpPQdePfJyxz18T3upaFYyF9kl7dJbu8Y2sFZ3UsvUKxCdcYBJIA4x0vi6Cae0+SSSNFbdKYXSOTYqsfldyFXDbSxJHyhhnseXt/D1zP4RjtrfZJOhDxmKRDhvP3ErJkAMoJBIPXIBPcAq2OvzQSWk8VxcSeZNbxFbgwmMxTtKFOImb94vl4LMQ24HcMHaOo0G7mm1vUomdikf2XapYlV3REnA6DJ6461g3vg3UYxFEhLctcNJG0f/AB+EjEjiQD90OwRc4BypOM7HhHRtR07UL2a82t53kBZEwA4iRl3bckqcY3DpnO3igDq6KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigDmvFehTXUsV5bLukSWASKNm54o5RJtBfGCGAPDKD/FnCgO8EaZd6dBO9ygje5u5ZtgYPtD4wCw4J47dsdDkDo6KACiiigAooooAhu7WO+heGQZSRWVhkjIYYIyMHoaxfB2mXWlpcJcDrdN5Z/djMapHHGcRgKPlQDGB06CugooAKKKKAKmqaZDrFu1vKMq+PQ8qQwOCCDggHBBB6EEZFZ/g21vLPTY0vBictKz8qeZJXfPy/LzuzxW3RQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRWJ4t8Tx+FLZZ3XdvlWMZJVQWySSQrEAAE8Kx7YoA0NQ1S30vy/Obb50qxJwTlnztHAOM46nj3q3Xk934tm8Ri2R5Ld3F2hiNv5n+tUp5Ykjl2P5ZDPudc84xyMN6xQAUUVDdXcNjGZZXVEXGWdgqjJwMk4HU0ATUUyGZLhA6EMrAEFTkEHkEEdQafQAUVXttRt7x3SKRHaI4cIwYqeRggHg8Hr6GrFABRRRQAUVk6/rv9h/Z/k3/AGi6jh+9tx5mfm6HOMdOM+ta1ABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFcOPiRDpmoS2186IqmQDbHMHXbIQgYYYMJIyHDLgdQRyDXS+Hbu8v7RZ7qMRPIWYRgEFVJ+UMSTlsck4XrjaCDQBp0UUUAFFZniPUZNJsnuI8ZQpksjSAKXUOxVCGIVSW4I6VzWm/EJteiigtAj3byBZAFkMaIrENN8wTKkAEKWDZYDkjBAO4orj7f4iQXu6SMwCJWIHm3SRSsF6sI2XAyc7Q7rngnaDXRaLrEGvWkd3DnZIMjcMEYJBBHqCCPT0JHNAF6iuHHxIh0zUJba+dEVTIBtjmDrtkIQMMMGEkZDhlwOoI5BrpfDt3eX9os91GInkLMIwCCqk/KGJJy2OScL1xtBBoA06wfE/iZ/DnlEQmVZDg7Ww2d8ahVXad7neSFyuQrc8VvV5/8RdQtI7uGG/VWtx5bYb7QpJZnWRlaM7CYhtO1lJIYgEE8gHW6RrQ1iW4VANlvN5W7JyWVQX+UqMBScA5OcE8DGdOuc8K6oNUeQ2saR2MYCxFYym9jkuQDt2qp4xt5bJ3cEV0dABRRRQAUUUUAFFFVLjVLe0uIrZ2xJcb9gwTnyxubkDAwPUj2oAt0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAGZ4k1xPDdhLeMpcRAfKDjJZgoGT0GSMnnA7HpWFf+JNVsFdMWjyWsQmmCzMGKhSzqsWGZSOMMxKnIOOSq6vja1jvNGukcZAgdupHMal1PHoyg/z4ritP0y41nSbjVrwMpFrOYUOFUGS3CyzYUD/AFrAttwAMlgCWDUAdLPr2raxJH/ZsUYjaBJWkuxIq5lAKouzqQvJILDnBII5fbeLpJNNnuHQLLaTGGXaGdAUZVeQAfMUVW344OARn+KtLwn/AMgm0/69Yf8A0WtcxoupyaNYapcxqGZNSuPvBioyyAsQgLbUB3NgZwD060AaGjeMpNV0i7vlCM1qZwrBWVH8tN6tsJ3KCCMjcT7joM/W/iJNo9pbzsqBpbaCXaUkIkMhHmIrg4QoOfm3Z3DjjnHh1S507TtSUwtcQXMt0RcW4ym6RME7G+YRrg5cFlBGAW6l3iO/muNDt9OUogk0+2ddyyM8jhowIo9oxuGAT1J3LwBlgAdrrevyaVqNpbAAx3AuC/ysz/uYw42hepPpgk9BzWLL4o13TLb+0ryCFLYEFowZPtAV3Cr1+TcMgkHGeh2npXl1i41PX9NS4tpLeSL7VkMQ6HdFkbZF4bAA3cDBOK1fil/yALn/ALZf+jUoAt6v4hmt79bKERgpA1xI85KoI1JXaCOhLdWPCrzhjxVTSvFlzPeQRTpF5d8rmE28vmlTCoLq7YCnuAU6EY561j/EgT2+oWrWsZea6hnhwp5+Xa0bAnIUxufM3DBGOWAGRM2hpoOs6YgYu8kl9JI5GNzvEu5to4UccAcAepySAV4fiFcysYbp1sZJOFWe3kBAdmVXEhcqdnU7o1ViNuQMsux9s8RXErQ2yw7IAiGW6WWMyOF+d1VMYXPsVPVWI6ZnxS1C5nibTk8tVliVsuJC8jCUYjjCKQWBC5B5w4PABNegUAZnhvXE8SWEV4qlBKD8pOcFWKkZHUZBweMjsOlXbq7hsYzLK6oi4yzsFUZOBknA6mua+Fv/ACALb/tr/wCjXql8R3gtZ7K4u1L2kckxkXqC/l5iG3I3ElSBn5eoYgE5ANCb4l6KjmNJjJICVCRRyOWboFUhdpJPA5wfXFWrfxF/Zelx3mqMkLOAWCq4wXOVXactuC/eHOCD2Ga53WPiZNat5Ih+zSiKSX/S1OGVVLRqoRh8z4AOSAhBT5mwKr65dG9vrTU5gEieyRojIwKLKzB3ALYjEnlZ2FwFLhc/d4AOw0PxdpviN2S1mDsgBI2spweM4YDI9cdMjPUVsV5VYapNrDWd+dzTtqhjiZ0RZDbbfnyEUKwXJ3MAQpJwRXqtAHH2+qeJdY3TW8MEERYhFuxKJcDjcQnAyc8fzGGNfUPH9w2n219bW7+XMJWkbyzN5Yi4PCvGMFujFl+UE4zwOg8UapcaVbq8HlBnkCl7hisSDDNuYjscBRyPmYc9jj+A3m0zwxFJ5bM6RTOqYIZvndlA4J+YYxwc5BGaAK8Xiu6vLae+s5ku/JjCCGKF1y7uMSlWzIAASNoJVgpIYHIU0XxdJ4iuI7ZbpIpVk3PG1s0UmIiQ0RDvIuWHOVYMgX7pydp8PZ5tRvb28keKTzxbHdbiTy8qjDaDIAdwXaWHOCcHB4Ff+0LnWfEtvv8ALC2kt0ojUSGUKY8eY+VChW+UqQcHeANxBwAW9Y8Y3xadrQQJDaymJpLjzWLMqhnCpGu793g7jyCBuBwCRn3HxOntpVt5kjhKMBLOA9xBhot8bKEKsfM6gE8L6nO12meHkv8AxJeKciG2IkUJI8biW6SMuwZCGwQjAjdgZ4HWmi1jsZNdhjGEjs4FUZJwFtXAGTk9BQBpa748/s2GxlOyFb2MuzyK8wQCNWC7UKFiS4GcjHXHpS0/4jzzXMMM6LEZVtdqMjlpDcYDOrhiqqucgHcTgglWyFzNG0eW/wBIn1W5UqU01oIFYLwiQYMmcZy53Y6EKTyykVb8R3qaboGkXDglYprJyF64SIk4yRzx60AdV4s1V9LFqFRHE97BEwkG7AYk7hyPmBUEHnB5xU3ijW/7Bt1mJCKZArSMjyKgIYhiqEEgkBeowWBzxg8ZrXiW41q7gjmt/IW2ureVY5JQtxL5jFY9ikbeM5kUnj7u5SCa6PWNHn0i/wD7XtN77gBcQqc+YqrgMoP8adQONwGAQSdwBoeEdcfxHpsN46hWkDZCnIyrFSRnscZxzjpk9ayvEaHXtXttMLERRxm5mU42uFcLGvQ5G8fMpwCOc5Aw74W/8gC2/wC2v/o16brMo0XxDa3b5KXULWucHCtvDpyAclydoHGMFs4BwAa+t+KtO8O4F1MqFsYXlmwc87VBbHB5xjPGc1kah45TUrNjpay3Erny0KQuEVmH3md0CALkHB9s4BJGZr14PD2p3c9yzRrcxW4hl2yFQEJ8yDeilozJgn5QcD5/vACqngbxTDoNssM0FzFHcTs0RaJ3iUScpGrZLPnGRheSScdTQBsapBL4c1KyvTIW+0lLW42qq+Y5U+XJtAwCGzk5yFwq8ZB7OuS8VyjVNUsNOXO5JhdOwBO1YQ23PGMO2Vzng44ORXW0AcV/wmt3/wAIx/a+2Pzf7uG2f6/y+m7PT36/lUvjDxu/hi7WJgqxmBpAzo7eYytjyVKkBDjqx3AZGV9eKgmvf7Dm0dxGUigilLx+YxjLXIZ0lAUkMo3EgDKhTw3bd8Qa5ca94Vu5Z1QMkwjDREmNwk0Y3oT1U8jOTkgnjoAC7488YLo12tswiHlwG4QzRNNmQMVRVCldh4PzknGe3foPEWvNotolww8oOyhmkRpRGCpOWWJufmAThsZYHJHB4fxBo8o0K+1W6UrcXpiO1guY0WZAiZABztA3ZwTgZAYHPV6xo8+kX/8Aa9pvfcALiFTnzFVcBlB/jTqBxuAwCCTuAOfPxTmjgt55USJZbaSQkrI4d45CnlKQRsJ253NuC7hkHq2xqPjz7PeXdtGqkW9rKyOx+VpYV3vGMH5sKy5AIZcNnjBHNf8AMgf5/wCfuneKdCnsfDkV6cC5UvJKzJsY/bQVlUrjG751XJAIC8belAHQax4xvrDT7O6SEsJ4fMldImlVAI1b7odOCW6lxgA9aii8XTXNtPf29zFOsEYQxrDIihmcHzmBDShVUnKjcCFLBgchdrQ7l7PQIJUQyNHZRsEXqxWIEKMA8np0P0rlfDmr3iHUdSAS5eUWmPsiSumcFSArBWZkUqzLkehZTnABoaX4+k1nyILbZLM1yRJtRgvkK7AygbzsOAvyud2T90gqTFf/ABBuNNvJY7kC2jWRxH5tvKyyCMgcSq3BbOciJgox948F2i/EN/EE0NpbBXlM7+a3lusfkoT+8HzEqXBUKGzhshsZXN74i6tNZWotkMUa3McyvJP5mwAJ90bFb52BJXPXaQASQKAGLfa8zJbWjRXGyIO9zcI0cbmRiUVBHwcJjJUsPUg8F7eM510m4ufLTz7WYwMC22IyB1TcGYjCfOD82O4JH3q2vDEL2+mWqOCrLbRAhhgghFBBB6EVi+BoUuE1FHAZW1K6BDDIIO0EEHqDQBj2HxBv7R5luY/NMNrJKypEY3DrP5RQNvdWjTn5xn5Rk5YMKl0/x3Pa3MNpO6uZFtdrNG4aY3ONzqwVFRY93AKZbaQSGzjM1u+sPD19q0UwETXFpEkH7tuR5BQqpVcBdwA7DI/2eNbW4ZLTRtKd0cC1ms3lwjEosUZLswAJAXvxxQB0XifW5tF+y+WFP2i8hhbcCflk3ZIwRzxx1HtWbrHi26k1T+ybAQ+csYdmuWcL0yUCqMltpDZBIxnjjjM1zxRY+LZrKGxdpniv4JXCxScIpIZiSoAALDJ96PFV1DpevreSRxzeXawKsZI80tJcNhokKncy46ZU89aAOg8La/c6nJcWl3GqXFoyh/LOY2EgLIy5JIyByD7dCSowh8R5ItJtLl1iE97I6LuLJEu12TeT83yr8u4ZBOSQeKtafqNvo+vaibmRIRKLUoZWCbgsbAkbiMgHg478VzsFnnw3paS+WgF5vIuT5cZUGeQBiVbAdeBwQcjqDQB1Wn6/qtjqMVjqMcX+lK5ie2LbcxgsysHOemOQPQc5O2xF4oeO71FJVHlafHE42D5yGiaRs5bBPHHT3rCm1aG5udG1Bk+zQbbkHzMIiZiwozwoDbfk6blwQO1XfD8UGt6nqrDEkE4t03Ico37kh1DKeozzg5GaAHweJNVvY4kjFoJbqLzoxJMwKqSCqmMDfIdmTuXauQ3A2jc+y8RmTR4bjT7ZEEgc7XIihiClg7swAXarc4GGYZIHBxznw60y48SxxXFyGWC18rYBgLJJCXVZOAD+7Qqn+3tG5jtK1q+DNIXXfCkVsW2795B2q4BSdmXKsCGGVGQeoyKALcPiHVtMkt3vhbSQXUqRI1oZC26UEo3z/KV45wc85GcYL9f8YTWt41pb+UohMIkklEj/ADTE7Y0ijAZ3K/MMHGAQcda5FJpoLiLSp5GluY9bSbG08xkbzIAuVUHcWKg/LkkjrWh4sspp/EBs7ePJvIIXZ+cxtFIyi4ByCCiAgAMoJIByTggGxonj15hIt0iMY7RrkSWzbo3RSQcK+GVgflw3O4Nnbxl8HiTVb2OJIxaCW6i86MSTMCqkgqpjA3yHZk7l2rkNwNo3VLXQra010aeFzENGMZHQkGbDEldvLZJJGOSTWV8OtMuPEscVxchlgtfK2AYCySQl1WTgA/u0Kp/t7RuY7StAHa6X4l/tfSP7SiiYkxOwjzli0e4FQQDnLLgHGTxxnisXRviNDPDeTTMskVn5REkUbpuEowF8tyxBDjGS2DkHgDNZnhjw2+ueHbOWCQw3NsZmhcHgEyvlWHOVbAB4P0Iyprhv7bGutcQtG3kQExueQ0ULkcqeRuQFT0YYOMHFAFvXPFniCyWRf9ERxE7iMGRpVCqGYbjiJpI1YMVzyPmClSM6seta1qSwpYpGy/ZYpHmu0eNWaRQQFCcZxydpZRnbkEc5ln4eRfDsl9Plp5ba4uGIkfYWnik+by8hA2x9pwv09a63wn/yCbT/AK9Yf/Ra0AYqeM7ue0PlwqbiOeWCQkstuhhXLyl8cRjg4Yqx5AyRk1LLxrf29zCty1pPFPKsW6ykLMjyfc3Bm6HB6ehOeAG5rW9/9mXmPuf27J5md+zbgff8v5tu7bnHOcY+bFbGp3EGq22m3IiiWSPUoIC0S/JiJ3GEYqMxnGVAyB0zkGgDbsfGM0urGwmURlppERDHIHKRozCbzD8rKzIQFCg853HHLvEX/If0r/t8/wDRQqLxlcrpeqaffShhBB9p8xwjMq+YiqudoOMscCqh1618V63YS2RaVLb7R5jCOQKvmRYTJZQBuKnFAE0vinVtXuJo9PSBfIyPKuvMS4bAB3hPl2q24Bd2PUkZwLv/AAnKS6TDqEcRZ7mRY44i23Ls5QrvwQB8rEEgAgc4JxTPAn72TUJW5c6jMpY8ttjChVz1woPA6DtXKxfufBENyvEltKJYz6MLkqDjoeGPBBHtQBqzeOtS0R5Ddi2mSHb5i2zSrIoZ9hceaNrhWBUhTw+AxXBp9/8AEG4028ljuQLaNZHEfm28rLIIyBxKrcFs5yImCjH3jwanivwpB4e8MvgHzY4YkJ8yRky00TSbVZtoDMueFFbfxF1aaytRbIYo1uY5leSfzNgAT7o2K3zsCSueu0gAkgUAF/rd/o1pCiywzNICTdXDLBB8xLJwvDllBACHIwGbg07SvEOowXkFtfCBxeq5he0Llf3ahzu39Qyngg/hg5GP4m8/TtA018mIwSWu9mi8zy/3TIWKMDypPcZ3Yxg4pul3en6nqmnJppaSK0+1eYwjdVUzISCfkVRuYNgAADoABgUAavjfxu/hRwAF+6jKro58zLlXVXUhUKKASSGzuHAxz2FeWeNNHn8JaVc2se+SznMZj53eSwlVmU552P8AwnPDcEZbcfU6ACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigApksKTDDAMAQcEZ5Ugg89wQCPQ80+igCve6db6mgSeNJFByBIocZ5GcEHnk1YoooAh+yQ+d5+xfM27d+0btuc7d3XGecdM1NRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABVTVNLt9at2trhd8b4yMlfukMOVIPUDvVuigBkMQhQIM4UADcSx445JJJPuTk96fRRQBRstGttPnluI1IkuCpdi7tnbnH3icAZwAMADjoBV6iigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKY8KSFSwBKHKkjODgjI9DgkfQkU+igDzzXdT1Sw1HM1pLcokzyIIoxJFsWMiDGVYpIJCSzDaw9HXYF6vw3pk9tpcVteMZpDGfM8w787ySVJJbcBnb1IIHpxWxRQBxnj+41S3H7iJ5YmhZQIVDt5rEDMilWDR+XuGNpBJ5wdjLe8Grc3DXF1IkkEUrIsMEgxsSFduQucJvP8OBjHVgQa6WigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKZNMluhdyFVQSSxwABySSegFZlp4osb3YVdlEu3Y0kUkSsW+6FaRVViewBJI5AwKANais++16106ZYHLGRlLBI45JW2ggbisasQMnGTgE9Ohqvofiq08Qzzwwb82xUMXQpy27gBsNkFSDkDn1oA2KKz77XrXTplgcsZGUsEjjklbaCBuKxqxAycZOAT06GrFlqEGooXiYMAcHHUEYJVgeVYZ5UgEdxQBYooooAKKKKACiiigAooooAKKKo6lrNtpJRZWO6UkIqI8jnaMnCoGYgDqcYHfqKAL1FYmn+LrPVL9rCISeYkXmNvjaMAZAwQ4Vs/MD93GD1rboAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAM/+24f7R/s/DeZ5HnZwNu3fsxnOc59sY71DZ+Jba8huZvmRLOWWOQsO8IyxAUsSMdO/tXNa9rUfh3xGLuZJDELBI2dELKhknbBb0Hyn1J7A1m2OuQaampWk8JYy3N9PF50W6B/J5257kFCT2GOoOBQB0EvxJtIR5jW90sJI/fGAiLaxAD5JztOQRxk+meK0tR8XWmnOinc6ssbtIm3y1WVxGjs7MowxJxjJwCcYGa4rTw2s6Hczyz3YuEgklfzCyIyyxPgLGd0ZiOCAQA2RkbRgC6f7Fa0083cZaWK0tW8xJPKMauURXLeZGxUP3G7ZyTt3DIB0Gr6tpeqJeWV4CIrQRGUuSqnf86YKtuJyBxwScAZzXL3N7pOvW4ini1CCCbZ++meYxAEgqSXlkTDHABKkcg5HUdRoNrpLpcaZbwDybeQB9yh42dvmI3MW3MmAG3cqcDsKx/ixrUcWmy2QSRndY2LKhKIPNG0s3QbipC9eR24oA0NcTStPvckSG5u9uVhuWhZgvyKcGaJT6KM5JzgHDEV4LqDwrJc3z280URhjMjyy+a5kRiqIAWcsWVx8wcoOFO0hsTeLbW01DUrOzngikW7EwZmUiQCFQ6hXUggZJz6jPqao+GtAs477VNL2Zth9mxGzMygvGSxGSSCSAc5yMDB4GAC3qU2j2azajcCWBzLHHKFnkjfdtXaCIpdrYRg3yljtzxuBFS6MdO0W+1FkaUNCsDTGVjIuBGzAqSWkOFznOewXiuN8N+HU1y7vNMClILWa7KndvUPKBDFlG5YoqOynOc9x31fhdcvq9zetcId6izVhJ8zb4EZdx3DO7cm7nkHvkZoA3f+Fh2/3/st35XXzvs58vb18zOc7cc5xnHbtVvVvGttpkyQpHLcvJF5oFqnm/ITgNnIGCehGffGRnkl1DVLUX2nXgP/ACDZ5SzSCXc2WUupAXYjZwI8DaFHAJbPZeD7SGHTbaVUUPJa2+5goDNtiUDJ6nA6Z6UADeL7JNOfUSWCRZDqV/eKwIXyyvZtxAweOc5280y38SzagI2t7Z3WSQAsZISgTOHcNG8ikocfKSGbnbna2M3wXaQ30eoxSoro2qXGVdQynBQjIOR1FY9na2Vl4ktzYQSwoZLmOV9rrC7BGOxcnbhWRuAAMrxkAEAHQaj8QbSxeQJDcTLAWWR4YSUVkzuUsxXlcZPbBBzWhf8AiqzsdNOpgmSEBSDHgk7mC9CV5BPIOCOQeRiuX8FajDp+p3FmySRGe6ufKCxhLdlhKrhcAAMoRskAA/xlm245yDWba58JppiMWmYFmCo7iNBcljI5UHaoA56tyDjBzQB6Lrni+DRLhbXypp5WjL7bePzCFzt3HkcE8cZ98ZGZk8WWBsGv2cpHGdrhlbejbgpRlAJDAkAj8enNaFrDbsTcRBMzBSXQD5gB8pLD7wweOenSvMrr/RtPvL3r9i11ptvTdtdF257ffznB6dKAOth+INorgXMNxaqxCh7mExoWPRdwJwep5wMAkmmeIpdNj1FA0U8t20SqBatKjCMueSyvGgXf1JPBxnjkcr4i0C7tdBmv7mXdJPBF5i+W0blnnjcb/nKkx5KLhFIU7egADvGQSy1ee3JLPei0mjTGUZ4nMSwupIDI/wB4ksoGBwSACAdBoV9o32iS8UzRT29s4ljumlaRY8h8lZC5wNuRsJ4bkZIroNE16PW03KjxkxxyBZNuSkudjfIzDB2ngncMcgcZ5LQNE/svWYrGY+bt0ba+87wcz/MvIGVGcKCPu4FXfB2nwaXrWqQwqEQG1IVeg3RsxwOwyTx0HQcUATaHMlvrurO5CqotCSxwABCxJJPQCnL8R7ISIJIp4opWCrPLFshOQSp3E5wwGQSOnJwMkZsjJHfa67Ikgjht32yLuQlIGYZB6jIFVNZsxZeCMBnbfDbOTIxbG54jgZ6KOgAwAB65JAOt1vxZb6LMLfy5ZpSofy7eIyNtJI3noMZGOuckcUzTvGlhfpKWLwvbxl5I5kZJFUc7ivORjB+XPBGeSBXMaxaXJ8RyWULYF+sE0jFN6hIFkQxsuRlZGCgncvB28g82NG0UaZry2UhEqrpTryDt2tckhMOznaqnaAWPAoA2Lbxk+q23n2drJKTgKDJCFJOCVLJJJsIUk/OB028MVBLvx3bwzPFDb3Nx5TMjtbwF1DKcMhJK8j2yMEc1zPiDT9P0/V7c2NtJHLHeW4lliR1hCvhTHkEICwdcgDBDcnJIrQs4rm51+e3gaSOO1a3PE2IlTyl/dCDbtO/5ucjbgMMEYcA63R9Yg1uDzos9SrKw2urL95GXsw7j8RkEGqsfii3kvEtNrgymVY3IGxmgOJFGGLAqc/eUA4OCeM8/4agu7m01NLWQRTHUrjYzKGAIKHBBB4PTODjOcHFY+nNbz6/YzGFYLxmuhcopPDLF8rYJxhwSwIyGyfmYgmgD0LWtYg0G0ku5s7Ixk7RknJAAA9SSB6epA5qleeLrTTbZri43ReXKsbq20uGbaQPlZg3yMHO0sdueMgitPUNPg1WBredQ8cgwyn/PBHUEcg8jmvKvDfh1Ncu7zTApSC1muyp3b1DygQxZRuWKKjspznPcdwD02y1uG+vLizUMHtfL3EgbT5qlhjknoOcgfjTNc1+DQUUuHkeQkJHCu+RsctheOFHJPQD3IB4r4X6o9zPfz3OY2jjtVkMrcgwxujMxbGCdhJz07nvUvjMzjVbaSzkO7Ubb7OrxjdsUSpI0oIzuGxj0xgfMG9ADY0/x6upajFYC2liaRXYm5CwsAoOCqkkvkgjjGME8gHHV15+NEbQta06IspDy3rhY0ZEUNCmVVWeTA3AtgHGWOABXdW93Dd7vLdX2MVbawbDL1U46Edx1oAzbzxAbLVILBojtuY3KSBh96MFmUr1AC4OfUgY6kbFcJ8Q/O+32fk7vM8jUNmzO7d9n+XGOc56Y5zXO2fgaFdOu5ZY3UQWzY+WaJHkSEMsu2Rg+5GLqcqEYEFVHzCgD12uS0r4gx3ck4uIjbx28e8uzq+AWKhXC58uQ9ozls5HUDOJL5mvGytLkPJG2lCZU81o/Pmwp2M+fmIwG9VJ3HiqngXTdFgu7u3mFvIPORYvOTY5JB3RiKZmcBWIUcZY5yWxwAeh6Bqcms2UV08flGVd23cHwD905AHVcHpxnB5qv4l8RJ4fiTCiSaaRUii3bC7MwHXBwBnJJ46AkZFcPq+nxeIjfTXu7dBdPGMmVlgiEfyzCFWDHzMDJ+6fv42qwOx8NINMewtyqW/2pI2ZvLKPKAWI3E5ZgSrDPPGduAPlAB0vhvXE8SWEV4qlBKD8pOcFWKkZHUZBweMjsOladeH6Zocus2lpujkliWAqqokrfNJeSB2VlKxoyoM5kO3hQVI5Ha+HtHXw74hNsjMfM04SSksx3yCbaZCGZuTz34ycdTQB3dFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBn6loFnq7AzpuxtyNzBWCtuUMoIDgHkBgQMnA5OYR4V04XDXHkqXk35zkrmQBXOwkoC4ADEDLDqTk1rUUAYlj4M0vTo3jjiwssRiOXdjsYklQWYlQSxJCkZPPWjUPBelapDHDNArLCqqhywYKgIVd4IYgZ6E4zz1rbooAo6PotpoMHkW0YjQEnAyck9SSSST9T0wOgFN1LQLPV2BnTdjbkbmCsFbcoZQQHAPIDAgZOByc6FFAGZrnhuw8SIqXUQkCEleWUjPB5Ug4PcZwcD0FGh+G7Dw2jJaxCMOQW5ZiccDliTgdhnAyfU1p0UAUdO0W00l5XhjCtPIXc8kljz1JPHJwOgycDk03TdAs9ImmmgTa9y26Q7mOTljnBJA5Y9MVoUUAZOu+FtP8AEuz7XH5nlbtvzOuN2M/dYeg61pwwpboEQBVUAAKMAAcAADoBT6KAKmn6Xb6X5nkrt86VpX5Jyz43HknGcdBx7VXg8N2Ftdm8SICUljnLYBcAMwXO0MwUbmABPc8mtOigDPj0CzjuRdBP3g34JZiqmT75VSdqlv4ioBOTknJzUj8GaXDbC1SLbGN/CO6sQ/3gWVgzBsDIJIOF4+UY26KACsmXwtp81vNbNHmO5lMsg3PyxIYnO7I5UcAge1a1FAFTVNLt9at2trhd8b4yMlfukMOVIPUDvTH0W0kvFvmjBmSPYrnJwuSeBnAPJ5xnBIzir1FAFT+y7f7X9t2/vfK8rdk/d3bsYzjrznGfes/WfBela/J5txArP/eBZGPAHJQqWwAMZzjtW3RQBk2PhXTtNtntYYVSOVSrgZ3MGzwWzuP3jjJ4zxiprnQLO8shYOmYAqLt3MOI8bRkHdxtHf61oUUAVP7Lt/tf23b+98ryt2T93duxjOOvOcZ96P7Lt/tf23b+98ryt2T93duxjOOvOcZ96t0UAZk/huwubsXjxAygqc5bBKAhWK52llDHaxBI7HgVU1jwNpOvT/aLiANIQAWDOmcdM7WGT2yecYHQCt6igCppmlW2jQiG3jWNB2UYycAZJ6k4AyTknuaZPotpc3cd48YM0IYK/IIDAgjg8jk4znGTjGavUUAFUdO0W00l5XhjCtPIXc8kljz1JPHJwOgycDk1eooAx18I6aouB5IIvDmUFmO45JzyTtILEjbjB5HQVYTQLNGt3Cc2alYvmb5QyhCOvPygDnP51oUUAVLjS7e7uIrl1zJb79hyRjzBtbgHByPUH2pmlaLaaGjpbRiNZJC5C5xubAOATwOBwMAdhV6igDM1zw3YeJEVLqISBCSvLKRng8qQcHuM4OB6Csf/AIVboH/Pt/5Fl/8Ai66uigDM1Pw1p+sQLBPCjIgAUY27QMcKVwVHyjoRwMdKpf8ACAaJ9n+z/ZY9vrg7+uf9Znf1/wBrpx04roKKAMHU/A2j6uVM1umUAAKZj4AAAOwrkAKAM9BwMVMPB+kpPHOttErwklSiBOT3IXAJHbIODyMGtiigDl5vhloMzlzbDLEk7XkUc88AOAB7AYHatDQ/COm+HHZ7WEIzgAnczHA5xlicD1x1wM9BWxRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABVTVNQ/su3afy5JduPkhXe5yQOFyM4zk+2at0UAcp/wAJ9/1D7/8A8Bv/ALKj/hPv+off/wDgN/8AZV1dFAHKf8J9/wBQ+/8A/Ab/AOyo/wCE+/6h9/8A+A3/ANlXV0UAcp/wn3/UPv8A/wABv/sqP+E+/wCoff8A/gN/9lXV0UAcp/wn3/UPv/8AwG/+yo/4T7/qH3//AIDf/ZV1dFAHKf8ACff9Q+//APAb/wCyo/4T7/qH3/8A4Df/AGVdXRQByn/Cff8AUPv/APwG/wDsqP8AhPv+off/APgN/wDZV1dFAHKf8J9/1D7/AP8AAb/7Kj/hPv8AqH3/AP4Df/ZV1dFAHKf8J9/1D7//AMBv/sqP+E+/6h9//wCA3/2VdXRQByn/AAn3/UPv/wDwG/8AsqP+E+/6h9//AOA3/wBlXV0UAcp/wn3/AFD7/wD8Bv8A7Kj/AIT7/qH3/wD4Df8A2VdXRQByn/Cff9Q+/wD/AAG/+yo/4T7/AKh9/wD+A3/2VdXRQByn/Cff9Q+//wDAb/7Kj/hPv+off/8AgN/9lXV0UAcp/wAJ9/1D7/8A8Bv/ALKj/hPv+off/wDgN/8AZV1dFAHKf8J9/wBQ+/8A/Ab/AOyo/wCE+/6h9/8A+A3/ANlXV0UAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRVfUb1NNt5LhwSsUbOQvXCAk4yRzx60AWKKz7LW4byONyGjMsskQVwN26IybgdpZf+WbHOccdcmtCgAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAo61c3FpaSSW6B5FHyhs45IBJCgsQoydqjc2MLyRWRpXiWfVo7RV8tZZtzyDDkeShZfMUMUYCRtuzdk4bOG2mna3rcU9wdOEUU3CFxOzCMFyfLUlYpVDErkB9uSV27ieK+meIbS0mFva2uyN7D7YBEqqx3EDZ5ajBYjHO7rge9AHV0ViNr1xaXEKXMKxR3DFEYTBiGwWVHUqoBYAgbWcbhjJyDVWDxtCz3Cuq/6Oty+I5BI+22fY25SF2FuCgyQRnJGOQDpaKydP137c8MZTa0sUzMN2drQPHG6dBuwzkbhwduRkHNPttXe7sYblIyXuI0ZUB4Bdd3zPjhR3bHsAWIUgGVH4sms765jvFSKCCMuG/eZChgq7iV2MZeSgQkjBQgsDjd0prl7aNrkKJSoLhBhQTztHzP06Zyc4zxnFYtvCtjqETTWMEb3DSATQsrsH2M53Foom+ZQ3IzyMHrV+91K9DSLbW3meV1MsnlBiVDAJ8r7uuCW2gHgE84ANaszUNZNuWigie4lQfdTCqDjIDSOQgPI4yXwQwUjmmW3iGG+itZohuS8bAORlf3UkhzjIyCm0jPBzzxiqWrabHfXZ2afDMcfPLcBUGQF2qD5cjOdp642jGN2QQAC34Z8RDxJC8gQxmOQIytnIYRozqQVUgqzFenO3Petiuf0a6t9OWeFLeSOSNkZ41y4JkUIhjYnb5Z2bV+4EC/MqAHBca/f6ZCtxdWqrFwZDFMZXjBHLFfKUEKfvbWOBkjIFAHQUVmalraWk6Wkex7iUFlR5Nnyr1YnDHHHGFJJ7bQzLSm8TzWC3C3EGySCB5lCuXjkVFBOJNi4IYgMCuRkEZBoA6CiszQdbTW43ZdhMcmxjFJ5sZO1X+V8LkYYA8DDZHbJYNfUW3neWzMZ5IlRCpdikrR8bio6KWPPyqCScAmgDWornIfFbpcCKZIipkEbNbz+fsdjtRZF8tCgY5UHkBhg4zmrep6+bN3SNUIiCl5JpRDCu/ohfDnf0O3bjDAkjKggGxRWJpniX7bHJuiYSRbTtjPmq6yE+W6PhVZXx1O0Lg79oGaZLr15psH2m8tgkYALeTKZnTOMll8tPlXncVLEdQCMkAG9RWTea60EjLFBJMI2VH8rbuDOFIGGZcgKwLNkBcjqN5Qs9akkglaaFklgXc0SESMQU3jb93dnlc4ALqygnGSAa1FYja9cWlxClzCsUdwxRGEwYhsFlR1KqAWAIG1nG4Yycg0zR/FKapeSWpCBkM2Akm9gIJfLJddq7C2QVHzZGeRjkA3qK5/VPFX9nFl2xjbdCHdNN5Sc24n3FtjY67QMHJxzzijUfF0dpbWs6BQLzBUzuYUUGMyfM4WRQeAAO5PGQDQB0FFc5P4xS3uooWQIJo7dsSPsmzcOyBREVOShA3/ADDaD0OMHYkvvLu47bb/AKyKV856eW0a4xjv5nrxj34ALdFc/P4luLSOO6mt/Lt3ZAWklCyoJCFDPGRtA3EZxISAckAggMvvF32fUhYxxhzmMElnU5dl3hR5ZVzGjq7fMMKc9jgA6Oiufl8V+VLqEflf8g6JHzv+/uiaTH3flxjHf19q0tTvZ7UKsERlkcjA3bEAyAzM5BwBnoAWPZSASAC9RWP/AG89lKsV5GIfMDlXR/Mh+RdxBcqhVtoZuVC4BwxOQKmj+Lv7VePMYVJzhPmfzPmR5FLI8aAKVRvmVnUsMKWGSADo6ydE8Rwa8zCINtVUcMdhVldnUEbWYjmM5DBWHQgHiqWkeLjrFhBcpCTJdGQLGHBxsZlLsxAwgwNzBSQWAAJIBz7CzsLm7EkkKL9vLEPa3EssEjRgllcKsceSNxwQwbD7ufvAHUaVqC6tbR3KqyLKoYB9u7DcgnaWHI569+cHirdc/wCI/F0fh2ZI3C4MUkjF3MfEZUbUypV5Dk4TcOnJAINWrzXWgkZYoJJhGyo/lbdwZwpAwzLkBWBZsgLkdRvKAFuO+8y7kttv+riifOevmNIuMY7eX6859ubdZOmal56ySTw+TPGq+Yq/vG27S64KrucDcwGBjeHVc4ya82sapDEZzZjapJKLOGn2hsZCCMoW2/NtEnPQHNAEUXiS4e7htzGPnubiORsEbQglaIYPVnRAx54XBwA6GujrBu5YLqWxuIcbZ7nfuAxu3Wk2GOQDnaAOecADtRqXilNM1BbRgmGEPJkxITNI0YCxlfmClQWO4YU5wcYIBtvMkZUMQC5woJxk4JwPU4BP0BNZ+oaowLQwxyyMBhjD5XyFhkcysq7sHOPmwMFhhlyzWf8Aj5sv+vpv/SaesjQLjTPGZaWW2t2l8uJ2I2T8SAhVZiikOuwhlxwMYJzgADvBFpZbXNuZGFozW6GT5CBtjdx5YSMA7/vEqXJGSxGAOg1TUF0uHzSrP8yKFTbuJkdUUDcVHVh1IrKguLfQbe+eGLAtWZiu8kMVt43GM52AKQoUcKAMDHFReM9ZttPVILmON4pFeRhJJsyIGjbaq7SHYk5CEgNjBODQBLba09/dxMXWCLyi3lvLC0khkZFjbCGQeXkkKQ4LOQMYxnoK5fWPDdhpsaywxBCbu0OFLBATPCu4R52K20Y3BQcZGeTm1qXilNM1BbRgmGEPJkxITNI0YCxlfmClQWO4YU5wcYIBvUVUvb77JLBHtz58pTOcYxFJJnpz9zHbrntisxfEM+pI8thHFcRxllyZ9hZl6hQI3GOwLMuev3CrMAb1Fc5eeMUjggmjQATlwTcv9mRDHkMrMysd+4bQoBzhjnCk1bsNauZ4JJ5bcqsce9TFIk/mffPybcEgqFK5CklsY4yQDYormtL8U3WqMnlwRSA7N5t7uOUx7mX742r0XcRtLZK46HNT6P4pTVLyS1IQMhmwEk3sBBL5ZLrtXYWyCo+bIzyMcgG9RWPd+J7fTlnechBBMsQywG5mjjkAG7aAfnxycAAsSBnDH1u7sJo1uoFWOVggkhkaUKzEBAwMUZAYnAYZAOAcZzQBt0Vk3upXoaRba28zyuplk8oMSoYBPlfd1wS20A8AnnFK78ZRrb29xCEKXQJ3zSrDGuBnaz4f588BQCchugU0AdHXLx+LJrO+uY7xUiggjLhv3mQoYKu4ldjGXkoEJIwUILA4lbxXLa2zTzwBATGsRSVZVlaR2C7NgLFdu1s7N2CcIdvOVc65Z6RBPqX2OHz4RHJmLGT58jRHLtEjq4ZXDqVyOhOSQADrdKa5e2ja5CiUqC4QYUE87R8z9OmcnOM8ZxVusm91K9DSLbW3meV1MsnlBiVDAJ8r7uuCW2gHgE84pXfjKNbe3uIQhS6BO+aVYY1wM7WfD/PngKATkN0CmgDo6KxLTXbqSFppLVsDZs8iSOYSb3K7lOV+ULtbc23gnjC5JH4gktLkW96kcO+J5EdZg6ER/fB3JGQVBDdCNuTn5TQBt0VyWj+NrjUPLaa2ESyngCUySbWgeZXCLF8ysEIGDncCMZBFX4/E6JaQSuU8y8P7lC2zcHOUBJzghCu8jPzcKGJVSAb1FY8GtXEV2ltdQiPzgfLeNzKhZQWZCTGhVto3DIwwzg5GKh1HxBd2UUlytqTDAW375AkhWNiHdE2kFcAldzqWA4HIJAN6iuavvF7R3DQwJE3yoU825WEymQZAjG19wOQAxIBbIHQmjVfGDaR9nSWJYpLlpcCeZY0VYsnLSKJACw24ABGTjPHIBpaX4gt9WMgXKmK5kgw+Bl4xk7cE5GMn1wCccVp1z8yQ+ZYyxxeV5100jKUCNue1nJLAfxevfPenaj4gu7KKS5W1JhgLb98gSQrGxDuibSCuASu51LAcDkEgG9RXNa/4zXSpI44UWYyRFx87KpyCY1VljkVml2tsGRnbgckZuzeIkt9TNi6hVW0NwZGbAAD7CCCOAOuc/hQBsUVyWpeNrizKKlsGkmjLpC8pW4KqMnKLE6qcAkAvk4wBvyov2Gr311BFsjSV3hSUyZaCDEmcKpIkcsABwVHHJKkhaAN6isS28Rte2RnjhZpgzxmFWUkSJkMrPnaoGM7jjIIwCWVS9tauLB0F3CEWWRUDwuZlDNwu/McZUMcAEBhk/MV4yAbFMEyM5QEblAJGeQGyAcehwcfQ+lYmj+KU1S8ktSEDIZsBJN7AQS+WS67V2FsgqPmyM8jHMyTJb6ncu5CqtpbEljgAB7kkknoBQBsUVz//AAkdzc2/2y2gWe3PIKS/vWUHDER+WVzwSFLhj0IV8qLFz4iQojW6iTzIfO3O3lRqnBDOxBZQwzt+QklTnADEAGxRWJoniP8AtSYwuiqxUujRSedE6ghWKyBV5VjhlIBHBGQeM+28Y3V/nybaORvn/dC6jFwoGQC8ZUBOdoYbyV3dCQRQB1dFZl3f3nn+VbwBwoO55ZDEmflIUYR2Y4OSQu0dNxbIBpGrvfvJBNGYpoCNy53KVbOx1fC7lbaewIIIIGOQDTorn9C8XR63ctAAqkeaQA5LgQyCM+YjKjRlsgqDnIznBHPQUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAGJ4qtY47K4u1GJYrWba4JDAiNsEY7jJ2nqu5sEbmznwWnk+J/kTEcelqvyrhRmc7V44HCnA9AcdK6uqljpNppe77PDHFuxny0VM4zjO0DOMmgDn/H3/MP/wCwpbf+zUeKf3+q2Nt2uFnVvTajQTMpHcOsZQjphjnI4PS3FpDd7fMRX2MGXcobDL0YZ6Edj1p5hRnDkDcoIBxyA2CRn0OBn6D0oA5ew/0bXmtugWK5lQdflna2YnPvKJeCcj0C7ab4cl/tzSY7Eq8TJaWrZcIysrD5eFc7kbyyGU7SVJHGeOn+yQ+d5+xfM27d+0btuc7d3XGecdM0W9pDabvLRU3sWbaoXLN1Y46k9z1oA5XTvOgkt7WXbuttRlQFMhSrWs0qAKfuhVkChckKFwCRXYVU/sm0+0favJj83/npsXf02/exnpx16cVboA868IzNb6LpTqjSEXU3yoVDH5LrpvZV468kfnWlLc2OtaglxcQGWKS0tSnmBXRDcySAZQsfmchFyqtjHJC811H9k2n2f7L5Mflf889i7Ou77uMdeenXmnvp1vJOtw0aGVBhXKguBzwGxkDk9+5oA5R9HGivqUdnvUtZI6KhPys32niMDlRuGQB0YnGOAC50uPQ9Ev5fNiMdzC7qIUWGEboQi7Rubl8D+IgkjABJz2AhRXLgDcwAJxyQuSBn0GTj6n1qpFodjDP9oWCJZSSd4jUPls5O4DOTk555oAq6hELnU7eN8lRDO+3J2lkeDaxXOCV3ErkHB5HIBp1z/wAhaD/r1uf/AEZbVpmFGcOQNyggHHIDYJGfQ4GfoPSgwozhyBuUEA45AbBIz6HAz9B6UAZWizI15fICNy3KEjPIDW0IBx6HBx9D6Vz92JbrRxPZyhZV1CUxONrJma7khycqwKlZT0HoRXRa9o8F9DJL9minnWJhH5saNkgEquWxxuPqOp6U3w5IdRsE86NFKSOmxUCqPIlZVwu5wCNgPDEAjg9KAMqXwzH4dtVCSyyfvrFB5pVsLHdKVUFVXgbz1zgYAwABTLzQJtR1uQLPJFEixXOIygbzmDQggmNsr5cRDKTgk9CCQOtlhSYYYBgCDgjPKkEHnuCAR6HmgQorlwBuYAE45IXJAz6DJx9T60Acle2/9iw3sULMPs+kwqjZw37sXQU5GOeOoxzVTWPDulXGj3Jht/s0tpFIPlCrKCsW7azoWDh0YbvmbIbn5unayWkM27cinzF2tlQcqM/KfUfMeDxyfWmxadbwwfZ1jRYiCNgUBMNnI2gYwcnPHNAHH61p51HUpLEFGZ5ILtBJGHQAKbeXeGJDLtQbQNrb3HIALLu6Xb/ZNRli3M+yztF3OdzHa9wMk9ye59a2BCiuXAG5gATjkhckDPoMnH1PrQIUVy4A3MACcckLkgZ9Bk4+p9aAOX8ff8w//sKW3/s1EniBZdUjk8mXZHFeR7gqvkpNCjEJGzOQGXH3c8g427iOluLSG72+YivsYMu5Q2GXowz0I7HrTU063jna4WNBK4wzhQHI44LYyRwO/YUAZnhy7hvpbyWJ1dGulwyMGU4toAcEZHUVytpbLq2hG+blbfS5IYgQpGfJAlkyRuB3L5ePRSRkPXoSQpGWKgAucsQMZOAMn1OAB9ABTPskPk+RsXy9u3ZtG3bjG3b0xjjHTFAGB4s1cx4tkikkZJbOQlTGFAa6UKPmdTljGQOMDjJA5EsOqW+patCI2yyWtzuVgUdcyW+NyMAy5xkZAyORxWxc6db3jo8saO0RyhdQxU8HIJHB4HT0FSmFGcOQNyggHHIDYJGfQ4GfoPSgDl/il/yALn/tl/6NSn3WmpqGvkmeWJora3cJFJsDgSzZ3Lg7lHAPpux3rorq0hvozFKiujYyrqGU4ORkHI6ior7SbTVNv2iGOXbnHmIr4zjONwOM4FAHG3ERkbXrhcGNoVQMCD80Vs29eD1XcAffjqDjQ1vUF1oQxPbysFvQkkLGPLbbd5lBxLsZclWwWwcYIPQ9Pa2kNjGIokVEXOFRQqjJycAYHU1XfQ7GSBbdoIjEhyqGNSgPPIXGAeT27mgDAOj6fFeWF9ZqI1mkIxGPLRla2ndWKYHzDnBwDhiD2xfTT4LDUreKNQqeTcvgdNwaBA3PdUYov91DsXC8VtvCkhUsAShypIzg4IyPQ4JH0JFRXunW+poEnjSRQcgSKHGeRnBB55NAHnWhQpZaLprTh8TG4t2jAxvS68xlXnBBZkj2tuUYOScHI6WLS5dNltTNIZJZr13cnb1+ySoFG1UBCqgGdo3EFsDOB0S2kKKihFAixsAUYXClePT5SRx2OOlPeFJCpYAlDlSRnBwRkehwSPoSKAOV8WagNFsbm3nYlbmG58p2yfmZWbymPQHk+X0yo2YyoL1Na086jqUliCjM8kF2gkjDoAFNvLvDEhl2oNoG1t7jkAFl7K6tIb6MxSoro2Mq6hlODkZByOop4hRXLgDcwAJxyQuSBn0GTj6n1oAx9Lt/smoyxbmfZZ2i7nO5jte4GSe5Pc+tZvgzSzp0H9oTSoPMtoxKAgjw0e4u8jMzFpASwdiV5B3DOMdUIUVy4A3MACcckLkgZ9Bk4+p9aqS6HYzT/aGgiaUEHeY1L5XGDuIzkYGOeKAOdtpmt9O0h1RpCPK+VCoY/wChy9N7KvHXkj860NQ1KPWNMhuYwwWWezYB1Ktg3MXUH+YyD1BIINbV1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRR9kh8nyNi+Xt27No27cY27emMcY6YoAz9Z/4+bL/r6b/wBJp6zdU8RWnh3Up3nY5NpAVVFLO2xrpmwB2AHJOFHcitqy0Ox0xy8EEUbEYJjjVDjg4yAOOBVsQorlwBuYAE45IXJAz6DJx9T60AcV/aL32n6sZInhd43kCSDDbHtVRGPbLeW2QCSpBU8itXWdU/tPSL8GN42ihmRlk2Zz5AccozjGHHetuy0630xCkEaRqTkiNQgzwM4AHPAp1raQ2MYiiRURc4VFCqMnJwBgdTQBn+Jf+PZP+vq0/wDSmKm+K5kt7MO5CqtzakljgAC5iJJJ6AVYtfD2nWMglit4kdc4ZIkVhkYOCAD0NXZYUmGGAYAg4IzypBB57ggEeh5oA4+bxbFq99amGKUwRXK7pmRlTdNA6xAAjcQxlGWIAGV6hga2/DUQMcsxyXe5uAWYljiOeVUXJJwqjoowBkkDJOdB9Ot5J1uGjQyoMK5UFwOeA2Mgcnv3NSxQpCMKAoJJwBjliSTx3JJJ9TzQBj6LdR2NhLNIcJHPesxwTgLcSknAyegpnhc7pLw+UYd13ko2zIJghJJ2My5YnPBPXnnNbcUKQjCgKCScAY5Ykk8dySSfU81FZadb6YhSCNI1JyRGoQZ4GcADngUAYmqXcd1qloixkmG5dTJhcAtayuY+TuyVKscDb05yMCvJ4gWXVI5PJl2RxXke4Kr5KTQoxCRszkBlx93PIONu4jo3063knW4aNDKgwrlQXA54DYyBye/c0Jp1vHO1wsaCVxhnCgORxwWxkjgd+woA5d7yO+hu3gkykmo2q74ZCMhhaIwDoQehIOD61seIIUt7ONEAVVubMAKMAAXMQAAHQCtJrSFs5RTuZWPyjll27WPqRtGD1GB6CnywpMMMAwBBwRnlSCDz3BAI9DzQA+uP+HF1HY+GoZpDhI1mZjgnAWSQk4GT0FdhUNraQ2MYiiRURc4VFCqMnJwBgdTQBhaDbR3/ANtR4TGHuwSh2hgfIgbdmNiA275gwbIPOQ1YXjC036VqUUSZIntokVF52hbYqigdgzthRxljgZJruLLTrfTEKQRpGpOSI1CDPAzgAc8CmXGk2l3Ms8kMbyJja7IrMNpyMMRkYPI96ALdcf8ADi6jsfDUM0hwkazMxwTgLJIScDJ6CuwqG1tIbGMRRIqIucKihVGTk4AwOpoAx/C53SXh8ow7rvJRtmQTBCSTsZlyxOeCevPOapeIv+Q/pX/b5/6KFdHZadb6YhSCNI1JyRGoQZ4GcADngU6S0hmkSVkUvHnaxUFl3DBweoyOuOtAGOmnwWGpW8UahU8m5fA6bg0CBue6oxRf7qHYuF4rnfCVqzaLpkEoYLLPLuUllDKUuZACONythTg5Vh1BBruL3TrfU0CTxpIoOQJFDjPIzgg88mnLaQoqKEUCLGwBRhcKV49PlJHHY46UAZ+s/wDHzZf9fTf+k09Hiz/kE3f/AF6zf+i2rTeFJCpYAlDlSRnBwRkehwSPoSKJoUuEKOAysCCGGQQeCCD1BoA5/SbuO30SzR4zL51tCgjAU7sw7ivzlVxtVidxAIGOSQDy91ff2adClC7mFrIFXONzPbxqi5wcbmIGTwM5PFehy6dbzQfZ2jRogANhUFMLjA2kYwMDHHFA063UxkRpmEERnaPlBGCF4+UYGOO3FAHNJqlxLeWlpe+Utylyz4hYlWRra4AcBuQAcqQeQRngMta/iz/kE3f/AF6zf+i2rQktIZpElZFLx52sVBZdwwcHqMjrjrT5oUuEKOAysCCGGQQeCCD1BoA4WHTU1aPSoWnlgJ09ypgk8tyQtsducHIxkke2e1XbvTV1rxBcJnMf9l+TIVZdymaRiBjnBKgkcemeoz0txpNpdwrBJDG8aY2oyKyjaMDCkYGBwPan2WnW+mIUgjSNSckRqEGeBnAA54FAHNeENFnureDULqd3lkInKgRiPc8RjU8Rq2REQCM43c81r+E/+QTaf9esP/ota04YUt0CIAqqAAFGAAOAAB0AohhS3QIgCqoAAUYAA4AAHQCgDz2yXfp+pJhmD6yyMqNtZleeFWQHcuNykjqBzyQK0tR0TTZYYL22iEDR3cCkRqsecXUaPG4T5WCsvuNygqcdeobSbR43iMMZSVizqUXazEg7iMYJyByeeKlFpCI1i2LsTbtXaNo2EFcDoNpAx6YGKAM+5/5C0H/Xrc/+jLai2/5C0/8A1623/oy5q9e6db6mgSeNJFByBIocZ5GcEHnk0WWnW+mIUgjSNSckRqEGeBnAA54FAGf4RiC6ZbyclpYY3dmJZmZkXLFmJJPbk8AADAAFcpDokurJp0STPFHPp8Rl2FQ2LXy2iKsUYhhJLk8jgeo59AhhS3QIgCqoAAUYAA4AAHQCmR2kMO3aijy12rhQMKcfKPQfKOBxwPSgDFtNPXS9Qt4gzP8AuL1iz7dxMk8DsTtCjqx6AUzxXdxyGK38suyXNm5bC4TdcKqtliDlsMo2gnruwDz0BhRnDkDcoIBxyA2CRn0OBn6D0qK5063vHR5Y0dojlC6hip4OQSODwOnoKAOc1vRpNb1TYZFjEcVvIhaMO4Mczs5jLNtU8IHO1sgoGGMZtun2/UrqOKTa6QWfKnOGWWdwrAEHBGNy5BKnGRnNbF7p1vqaBJ40kUHIEihxnkZwQeeTTrW0hsYxFEioi5wqKFUZOTgDA6mgDAstZj1TVo0+7LBBdJIhzlT5ltgjIBKsOUbA3DsDkDpah+yQ+d5+xfM27d+0btuc7d3XGecdM1NQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFcFo0mpul1a7riQzFVSSRXj278iScGSOHYq7lKxKzMGUhflO+u6hiEKBBnCgAbiWPHHJJJJ9ycnvQA+iiigAooooAKKKKACiiigAoornNR127juZIVUxLGQAxtbm537kVsjygiqASR95iSDwuOQDo6KyfDuuNrsLs8TRPFK0bK27qAGBG5UbDKwIyqnnp3ORN4ru0Q3AQgAEiKW1uYjj/AGrgjy0PckrsHQvj95QB0unXqalbx3CAhZY1cBuuHAIzgnnn1qxWZ4YlM2mWrnGWtoidoCjlFPAAAA9gMDtWV4g8SXGmXhhVgkaQo7N9mluMbjNlmMcibVHljsSSc9ASADqKK5zwpe2aosMIcmc3ErO/lHcwdN5LxHYxzIACuQANpIKkV0dABRRXFW17qNjqtyVE9wrK2xGV0jLbvkVS8SpGEUEM3mESZVhlvlAB2tFVNKsW022jgZ2kZFALuWZmPdjuLHk84ycdBwKt0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRWDp2u3Gyd7uMoEvfJjwhXcjOkcb/MeQS/JHGBwK3qACmRQpCMKAoJJwBjliSTx3JJJ9TzT6KACiiigAooooAKKKrvepHcJbkHdJHI4PbEZQHv1/eDHHr+IBYooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigArl/FusXdne2dpBvAuTMW8kRGQ+UgIAM3yAZOTnnA4PY9RXH+MrS9n1TT3tUYlftKlwuVj8xFUOc/L8uSwU/extHJoA2ri6ubc2SOVDyy7Zdg+UkW8rkDdyBvUEd8DnvWVFrd5pNzN9rEhjWK7mGRCRtgkXYI9hDcxuN3mc5xgjmmxWV3pd9a2ZM1xEszyrNJh9o8iVGjdgAc7mBUkchto+5zY8RaZcajqtjsDeUnmtKy4xhGhkQEkHrJGvA5IBxxkgAdpc+pF5o5HBm+yQSBJAuxJJPOBXMYBKAoByWOB941Vs5NSjngjmuJozIQCJ4Ldlcrh2CtAxEZKow+cng/LkrkbVvC66nM5B2tbW4BxwSr3BIz6jIz9R61n6hNdXGq28ZQiOKYsMRu2QbeUbzKDsUbm2bCN2QGzggUAReKtUv7MG5tctDDDOzGJomzJGRhXEmDsG1g2xt+cjAIGX6xrMomdBI0aJLHCoiWLzXldPM2hpiYwuxhjIDFgQD0Dw+MILnT7ScW0TSx3MUyukfLK8ikLIq45DMf3gB6/OBneWmm8LWmoa1LdTQq4+yxKN8ashYvJuJypyyqijOchTg8EUAO8Naxc3KOsmZgIYp4mwiSMk+8qjKNqB1KEZBCkYJxzVLTtaurvTH1UzMWhWRniCRiEmIHcqsAzEHBw4kYbucYBjrasrT7NqMu1NsYtbZVwuF+R7j5R24BHA6AiudsRqD6Nc2MqEmHT1RdsMiHf5ciNGCxYSEbV+ZPlOeO1AHUandSW89qinAlnZW4HIEEz49vmUHj09KqW9hqVzumkuGiZmJSJUiKKv8KvlWZjxl9sgGSQpAAase5uNXu9VgaSILFFMGSMK7ErJEyM7TBWjVo9x+TcM8gFvkZ+g166urONGgx/rMOTE82F2tyI42VmO7aOM4BJIwCQAZUniCe4tbVywhE1o1xNIgyVWNI2YIrLICS0g6g4UHGWIIfpWsXPnQec/mC53o4WPy1jlRBIqhX2ygMgYkvuJ+VgEVsVmazpl5a6ZpqRQJJPEYomEiGRFEkDRSbtmfk5G45xwM5p9zZX2mXFvbwDzWg8mUvJHKfNkYSQyl59zBNsfIB3H7qqCAFIBq3d1fXCXaQFi8V1Cq7BHuCFLd5APM+QnDORu7n6VXs9Yu9SS3txvSSWS5DuBFvVLZ2jyc7k3sxQHarLyxUAYIteFZ57v7TNNC8DSXI+ST/ZghQ4I4ZdynDDgjn2qDwdplxay3k84YeZdSrGGwB5ayyOpAAzy8jnJ6jGOMZAJbHVLia102Rmy1zs8w4HObWSQ9uPmUHjHp04pj3t/a6qqOH8mabYmfK8vaLcycYPm7/MRvvfLtz3xVU211baXpzICjW4iL7onlK/6M8ZzEhVydzAYHIzk8A1fvGuPKsrmdCGikDzLGpfaWt5UOFXezAO4HG7jnoCaALFz/AMhaD/r1uf8A0ZbVS8KXt/I7294H8yOGByZPKzuk8wNjyTt2Zj+XI3dc8YxYt7kapqMc0ayBIoJlYyRSRcyPCVAEiqTkI3TOMc4yM1dVm1G0v5ntLfzWe1hAZ2CRgobk4JPLEkqNo9fmZRg0AGqazeW8V2Y+THdRRgnaqxo8UDO5JBwF3sdxV9vUqUBxj6z4h1HTdKupVkffFHbsGkWMsrSylXTiNFxs2sAyBwHBYAkKux4LN6TcPc/MZZVk3+XJCMmNVZAkiq2E2ABudwI53BgMzxbYTXtve2Ko/mXlzA0ZEcjJtxboWZ1VlUAxtnJBwM4wRkA6K9sNQvWk23HkKP8AVeUiMeVGS/mK2cNnAXbx1JJ+XItdav8AxHp9peW+9VkDeaIVi8zcuVwvntsCbgxJOWxtAHLEdbXKeA4LnS/D0SmJvNRZiI3/AHbE+Y5VTuHy7uOT65oAsaTJqFxFNsuA8iSIgFxBsKENvfdsYCRvLcAFNqHAIOCTTZdQudB1GG2klkuVuopdiskQcPCA/DKIlwykjkcMByATifwq00v2mWXOZLkEEwyQZAghXISQlgMqR15IJFQa9aTTa3psqoxSP7VuYKSq7ogBk9Bk9M9aAMnw9qGsOYTLO0zuxyjJHEmBbszKcRlwY5tqOwyoJC/f3Itu08TM2lWs6Mx+1sd8mVJRnZi6okhDOQ2VjUBzgZw+Ar7GqSfYr6G5ZXMawzoTHG8hDO0LL8qBmwQjc4wMYJyRnE8L6PcaZp2lxSKd0czu4APyiSG4I3ZAwRvCnP8AFxQBqg3ukXsKPMZ4bklP3gRXR1R5AwMaIGVghBBGQcEHqKi1walZ2k959oCNAJHWNI1MZSMlgr7gXLMowxVlAJ4HGW0NWheS4tCoJCXLFiBnA+zzjJ9BkgfUgUeJ4XuNMukQFma2lACjJJKMAAB1JoAzbu8v9T8m5tvNFvLArgQC38zc+G+czttAC4wFBJJbJAC5zNS12/sdPgdJzM1zexw7lgWFwBlHUJKdoctGeXGMseAAMbWmtcabolvtQ+YltACrKSV+VQxKDDMUGTsGGbG0YJFc1q1tfPplo8cLyypqrS7QjRZHnTsCQ+TGrZHLfdBGTQB0eo/aP7Oi8/7/ANqtfTOPtce3dt+Xdtxu2/Luzt+XFM1walZ2k959oCNAJHWNI1MZSMlgr7gXLMowxVlAJ4HGWz7zTb/SPLhZ5rxbi5t2ZyFPlvHPG7HA5WNlBwOVjK4/jyOg8TwvcaZdIgLM1tKAFGSSUYAADqTQBzXiPxPdObZreQW8VzbF1eR4U+ZwCu4Sqw2x5XeFbcQ+UDbDWhqPiKXTdZkjdiYItNacoqrnckhBIJwc7RjGcVSWwjjg01ru2aWOOzMbAwmYo7JCQTHhmH+rYZCnBODjNXbKyGt6vLfGNxCLRbfE0RTfucu52vhtoGF5XDEnHTkAz9Su9ZkmS2inKzOSjuixC3SUQ+cIwrxvKwKDlt2BnIzzGNjSYrm9sLXyZWjjkgDuzt50+XCsuHcFe7biVPGAqr1WLwV4WtNIsLZ/JUTiIMzvGolDSDLAttDDG4rjqBwa0vDEL2+mWqOCrLbRAhhgghFBBB6EUAZum6zcI17ZvIrSWTIfNlUIvlyqHBbYQCUG7OAgYAcrkkZNx4pbSbRbpbuSYlQcXNs0EUgC7yEcQptZlU7Ms4PTBJBD7nTrhrjXCI3xNbRCM7T8xFu4IXj5jk4478Vp6j5+t6LdpLHvYxShP3ToXITKsIn3OpD8AHJJUMOCKAHPe39rqqo4fyZptiZ8ry9otzJxg+bv8xG+98u3PfFW75zHqcLBSxFpdEKuMnD23AyQMn3IHqadroaN7afazLDOWfYrOwBhlQEKoLH5nA4Bx1PAJEVvcjVNRjmjWQJFBMrGSKSLmR4SoAkVSchG6ZxjnGRkApWUt/r9obu3uDHITxGVikgypHyb1VmdSOC6ydcnCkGNZbnxE9xa28qsIBPbNcSMV8zZGiKX2+rgyLtypGASVPCnQ8MQvb6Zao4KsttECGGCCEUEEHoRXPyeHE1aw0mKeInyjCXBTkBLdiVbcDhWdVVgevA64oAm0XWrp7qP948kMsnlET+TvV/JNwrq1uNjo6cc8g4IPUVC8mrwhRPcSwu8mzf5EEtvukJVFUIxlUAsNrSEA4G8ZbbWxc6TDYy2i20Koi3TMwiQKozbTLuO0AdSBk+w9Kr+J5rqSWGBEPlma2bIjeTdtuEZhuU4jCBQxLghgcLgqTQA/WLuRLtY2uWgQ7VCwRCRiZGVUZ3aORYwWyqggZOTvPKrLpV7cWc81rdSK/l+UySHCMVnd1VWAAXcGTaCvDZXgHNVdc0q2kvTPdRySRPFCoEYlkXdFJI+HjjzuB3AjcrKMEHGRuntbcazdTyvG4hkhgRTIDGxMbzMSFOJEKlhgkKcjcvY0AQaJfakt99nu1YeYtw4yYmQCOVAgjKBXI2SDd5igk4xjkV0tc1p73r6ssdxG2IIJwJgMo6ySQlCSAAJMId64AyNy/KQB0tABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFQ3cck0LpG+x2VgrYDbSRw2DwcHnHepqKAOS05r20uo7ORpX8u7J3COYRmI2rHmR2kyPNbo0jHdjGAAB1tFFABRRRQAUUUUAYOiWF1YahdCWR5I5AjoW37RvknJQbnYZUbQdu0Y25XPJ3qKKACqOs2Emp2zQxyGJmKHcN38LhiPkdGwwGDhgcHrV6igDP8Ped/Z1v527zPIi3787t2wbs55znrnnNaFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAGD4i12eydba18ozNG0had9saRx43O+DuwScDHfJJwprN0XxPqUsaXFwsEsMssUe62MqOhlIClkmUEglk7g7WDAMCK1dX0ea4meWMLIs8HkyRSOY1KgsQwdUdgRvYY6ENnIK85V34QuNRs5obh2eS8lhDtvB2RwsGwDsjXsxG2IfM4DAgF6AOwoqpb/a/tEvmeX5XyeVt3b+nz7s8dfu47dat0AFFFFAHJW9mPC+ovLI6CKSG8ncpEVbiaN8uQzeYUDkKdoIGQBzWf4d0Ke7S5gnxHJcWjOxCYf/AE15j+94Te8ezAwqBdzKBjmul1XQ31O+tpywEcAk3rjliWidBnsFeMMTnsFwQTTrvSZrma5dX8vz7WOJWXO5WUzfN26eYCMHOQelAFfwrbvZfaYG2YiuQFESeXGAYIXwqbm2jLEnnliT3qLQtHg1TTLEzZdUtIx5ZOY23InLJ0Yrt+XOQCScZwQ3SPDt7YGWVZfKeWUMFMkl1GQI0QbjKEcnKsQVZeqhiyqFGvodk+m2MFu5BaKGNCV6ZRQDjIHHHpQBxs3+jxaxp8X7uC3VJFVOoWWLfLGu7cqhtrYwuFLEgHgVn6pCsPhO7PlSRM0sRYSQLbZIaBdyxqWABCjPPLbiMDAHVnwtNNc6k7OoTUIo0UjLMu2JoySOB1ORg8+1Go6XqXiG3S0u0gWNmjMxjklYsEIYqqlE27mUDJc7QT1OKAL9t/yFp/8Ar1tv/RlzWBFpn2rz54rGOdllkHmzz7bh2i+QspEbeX8yEJhkC4yAgxWvqWgTXWoLdRuVGIQxEkiYEMjORsX5ZBIGKndjYORuzijQdGutNuJWdgI3kmbAkd93myl1O1gBGUBIITIcnLcqMgGBZ6be+JLW2diXjQzptukRmBSYqrSqwIYrGhU7Qsm4kbwHZlZB82oaM4+7J9udB6RyJvjXHQbUZVwOBjA4ArstIsn0+FkYgkzTvx6SzPIOoHOGGfesXT/DNwlzZtNsCadC6IUclnLIkYZlMYCjapOAzYJHJA5AOooqG787yX8nb5m1tm/O3dj5c45xnrjnFVU/tHdb58rbtPn4353bRjy/bdnO7nGO9AGhRWTL/a32ebZ5Hm+afJz5mzy8jG/HO7Gc44zj3qa7/tHzn8nyvL8htm/fu83Py5xx5eOuPmzQBoUVnp/aO63z5W3afPxvzu2jHl+27Od3OMd6hl/tb7PNs8jzfNPk58zZ5eRjfjndjOccZx70Aa1FZ7/2juuMeVt2jyM787tpz5ntuxjbzjPehP7R3W+fK27T5+N+d20Y8v23Zzu5xjvQBoUVk/8AE2/6Yf8AH1/00/1H/wAd/wDHamf+0d1xjytu0eRnfndtOfM9t2MbecZ70AaFFZ6f2jut8+Vt2nz8b87tox5ftuzndzjHeoYv7W+zw7/I83zR52PM2eXk52Z53YxjPGc+1AGtRVS3+1/aJfM8vyvk8rbu39Pn3Z46/dx261boAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKqLqcLXbWecSLEsmDjlWZlyOcnBXnjAyOeat0AFFFFABRRRQAUVXttRt7x3SKRHaI4cIwYqeRggHg8Hr6GmJq1pL5m2aM+RnzMOp2Yzndz8uMHrjofSgC3RUNrdw30YlidXRs4ZGDKcHBwRkdRTZdRt4YPtDSIsRAO8sAmGxg7icYORjnmgCxRVeLUbeaD7QsiNEATvDAphc5O4HGBg554qFNcsZIGuFniMSHDOJFKA8cFs4B5HfuKAL1FMEyM5QEblAJGeQGyAcehwcfQ+lVJdcsYZ/s7TxLKSBsMih8tjA2k5ycjHHNAF6iq97qNvpqB55EjUnAMjBBnk4ySOeDQNRt2MYEiZmBMY3D5gBklefmGDnjtzQBYooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooA4TXtQk0vxEZY13udOjRRx1lu1jHBKg4LZxuXPTcvUXv7Tv7e0e/3u8VuTlHWISkRysk4fb8hKKpMZRkz0YN33dV0r+0MOpUOqun7xPMQrJjejJlcg7QeCDkDnbuVqg0Ga7jW3umieBdv7uKAxqdhBVTulkG0EA7QBnABO3KkA26KqW9vcR3Esjy7432bE2Bdm0Yb5hy24889Ogq3QAUUUUAcpNCnhvUBMXkdDBeOEIQkNJPAxVMKpJd3woYkk4Aqr4f8PyOJbO7ZizWeSARlDeyTGZQxLluUX5nZzkZzgkV0V/oaajeQXLMcW4k+THDFyhBOeylAwGPvBWyNvJeaGl+9wXY7bm2WEhRggL5uSCc8nzfTjHfNAFfw5C1vLeIztIRdL8zhQx/0aDrsVV46cAfnTPDGnwT6fYXDKDJFaRhGPbfGm7HucAZ64yOhOYtL8HJp3mOriKSSTcGtU8hQNirt8stIjD5SfmDYLMVAJzWxpNj/ZdpDbbt3kxImcYzsULnGTjOPWgDirzl9ct+kcaxTbV+QFmh3uCVw2JNgD8gkE4IJJqv4ht7m38LXX2mJ4pDJFnzJkndsNCoYsgUZwoXpk7cnJJJ6r/hFUee+keQldQjRCFGCoSMxnBJOSc56ce9Nn8P3upxxwXdxHJErIzhbfa0nlkMAxaR1wWALAKM4wMA0AWrb/kLT/8AXrbf+jLmsqxtL25t5xbLbRxtLOgSWKSUuYyYmaR/MXJdkOSVY4xksc1oan4Xh1O9S7bblPKzlAzjyZDIux8/Jljh+DuXAG080aN4c/sm5ln3qfMaU4SPYT5shk+c7m3lPuocLtBYYOeADC0HQLi/t7aYO8JgNzF5fmFvLAuDgBh/rCojCBXLRkYbadpV68Hz6ho0v/Pf7dNj0+0J5u33278Z4zjOB0rtdMsf7OiMe7dmWZ84x/rZXkx1PTdj3xnjpWVYeFmtri3kkkV0sonjhARlYBgq5ZvMIYhFx91QSScDjAB0FFQ3cck0LpG+x2VgrYDbSRw2DwcHnHeqqWV4GtybjIiUiUeWv7wlQA2c/Jhstgdc46UAaFFZMunag9vNGt1iSSUtG/kodikghNucNgAjceec9qmu7K8mmd47jYjQMir5attkJ4lyTk4HG3oaANCis9LK8DW5NxkRKRKPLX94SoAbOfkw2WwOucdKhl07UHt5o1usSSSlo38lDsUkEJtzhsAEbjzzntQBrUVnvZXha4IuMCVQIh5a/uyFILZz8+Ww2D0xjpQlleBrcm4yIlIlHlr+8JUANnPyYbLYHXOOlAGhRWT/AGdqH/P1/wAvXmf6lP8AVf8APHr/AOP/AHqmeyvC1wRcYEqgRDy1/dkKQWzn58thsHpjHSgDQorPSyvA1uTcZESkSjy1/eEqAGzn5MNlsDrnHSoYtO1BLeGNrrMkcoaR/JQb1BJKbc4XIIG4c8Z70Aa1FVLe3uI7iWR5d8b7NibAuzaMN8w5bceeenQVboAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKo2es21/I0UbHchYHcjrnY2xtpYAMFbglcgEjPUZiHiOyIlO8gQCQsWR14iJEhXKjeFIwducHA7jIBp0VXsr+LUELxk8HBDKyMDwcFWAYHBB5AyCCOCDVd9fs44Y5t+ROoaMKrM7AgHKxgFzgEE4XgcnAoA0KKz4Nfs7m2kulf8Adw795KsGUx53AqQGBGOhGfbkVDJ4osYbaS6d2SOBgrl4pFYFtuAVZQ3O9e3egDWoqFbqN5mhB+dFViMHo5YKc9OSh/L6Vnt4osVkePex8pirssUjRqQASGkVSi7Qfmyw2/xYwaANaiqNzrNtaojli4lGV8pHlJHB3ARhiV5HzYxyOeRlq6/ZtJDEH+a53+WNrZJiGXB4+Ur0IbBByMZBFAGhRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBzWu39s9+tvc3P2eOKJZMCbyDIZC6gbgVbCbCcA8lhn7vODpkt4tnf3f2mV5NPmljj8xiUKWw3YZFKB2cEqzNlujDBFdbqvhyDVphKxZT5TxPs2DfG5BZGJUtjjjaVIycEE02Dwvb29vdW4Z9t7JM7kkZBmGG2/LwB2yD75oA2KKqW+n/Z7iWfzJG87Z8jNlF2DHyrj5d3VvU1boAKKKKAOU1CKHw5qCzxKxaSC5IQyOVaSWe32qNxZU3yPgkADnJ4HFfQtAg0nz7W5IZRZRmQlsIPPeczbcbRGh2jhQowoJ5Ga6W60eC8u4bt8l7YSBOcAeaAGOO5wMDtyeM4ILjR4Lp5mkywuIVidc4G1fM9MEE+YcnPpjFAGV4QntJJLxLeUSqLlSD5pmODBCM7izEjKsBk9iB0wLfhSFG0yzcgbltIgDjkBkQkZ9DgZ+g9KIvC9uNxlZ5ZHkL+YxCSAlEQ7WiWMqCqAHbjIyDkGtDTrJNNt47dCSsUaoC3XCAAZwBzx6UAcPf/v59dR/mWOK3lVW5UMkBcHaeDyi5BGGAAII4qLxJpdzo/hS5hnWJWDRY8gyMNoeIDJlJYkYwOcBQoHAxXXr4atvOupW3N9uVFkUn5cIhTAwARkHnn6YqJPDJPlLLczypCyMFkaMAmP7pYpGrtg4PLHJAJzQAz+0bez1mVJZERpba2CB2Clj5lwMAE8nkdPUVS0pZ9XWdYbzyWhlljWKGOArGsbNHGGVkZudm77ygg4UACtu70SG9nEzFhjy9ygja3lOXjzkEjY5JG0rno24cUzT9Bj0+Zpg7uSZSofbhfOk8yQDaqkhmA+8WIwACOcgHO6B4Tj1G2hkm2q8Et0hWIHyx/pLk+WD/qyGUAOoDBMgENtZKlv899osvedbyZvTdPGJWA9gznHU4xkk813FjZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOPas+x8Mw2U8cu93FvGyRI4jKorbR8pCBshVC5ZicZyTk0AbFFQ3dv9rheLcyb1ZdyHaw3DGQexHY+tVU0jY1u3nSn7MpXBfh8qFzJx8xGMg8c5NAGhRWTLoHm280H2icefKX3iTDpkg7UbHyqMYA54J9amu9I+1zPL50qb4Gi2o+1RuOfMAxxIOzenagDQorPTSNjW7edKfsylcF+HyoXMnHzEYyDxzk1DLoHm280H2icefKX3iTDpkg7UbHyqMYA54J9aANais99I3tcN50o+0qFwH4TClcx8fKTnJPPODQmkbGt286U/ZlK4L8PlQuZOPmIxkHjnJoA0KKyf7A/wCnif8A4+vP/wBZ/wCQun+q/wBn9amfSN7XDedKPtKhcB+EwpXMfHyk5yTzzg0AaFFZ6aRsa3bzpT9mUrgvw+VC5k4+YjGQeOcmoYtA8q3hg+0TnyJQ+8yZd8Ena7Y+ZTnBHHAHpQBrUVUt9P8As9xLP5kjeds+Rmyi7Bj5Vx8u7q3qat0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFQ3V3DYxmWV1RFxlnYKoycDJOB1NZVz4vsAu23ljnlfIjjicOzNtJA+XdtHHLH5V6k0AbdFQ2nneSnnbfM2rv2Z27sfNjPOM9M84qagAooooAKKwdH8Upql5JakIGQzYCSb2Agl8sl12rsLZBUfNkZ5GOatv43FxFcyiMEW8c7gBzu/cMVxIpRTEz4yoO4kBs424IB1FFZmg62mtxuy7CY5NjGKTzYydqv8r4XIwwB4GGyO2TFBrk97b28kMBZrmEScttjXhDhn2k5O7C4QkkHgAEgA2KK58+K/Jtrl5Yts9o2xokfzCzPjytpVd2JNygEqCDkEfKaqTeOGg0ibU/KVliZAoSRijh/L+YM0anguQRt4ZSp5zgA6uiqkd95l3Jbbf9XFE+c9fMaRcYx28v15z7c0k1TUJyzpajygfl8yXZKy4ByI9hAJ5AV3Q/3tnYA2KK5q48bw7YvJXLyq7lZt8flrG2x/M2xyFMPkZYBPlYlxgZlTxXuubS38rm6a5Rjv4VrXIbHy/MCwOD8pxgkA8AA6CiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigDmtRbdrOMqJVs2+yiVf3ZkZm807guSQFjyAchC2ByTTPDuvMsssN5MUYzBYkuhFFORtUE/IQrqz5ClRzg/M3QdBe6db6mgSeNJFByBIocZ5GcEHnk1Cmh2McDW6wRCJzlkEahCeOSuME8Dt2FAFiO7hmkeJXUvHjcoYFl3DIyOoyOmetTVDHaQwyPKqKHkxuYKAzbRgZPU4HTPSpqACiiigDmvEd1JBqNtHEcSzwXMcZwDgs9uS+DwdiBnwcbtu3OSKZZQ2/hSS4Cg+Va6fbnAA3EI1ySeNoLNgk9Mk5rpTCjOHIG5QQDjkBsEjPocDP0HpQIUVy4A3MACcckLkgZ9Bk4+p9aAOa0nXo7W4u2uUe3DXKndLt2D/AEeAYZ0Z0U9MbmAO4BSWyBpeE/8AkE2n/XrD/wCi1q9Zadb6YhSCNI1JyRGoQZ4GcADngVLDClugRAFVQAAowABwAAOgFAHBXX/Hz4g/69Yv/SZ6l8VaQtt4ektoriS5a6lhETTyq7MXkj2qrHAxgZH4npXax2kMMjyqih5MbmCgM20YGT1OB0z0qra+HtOsZBLFbxI65wyRIrDIwcEAHoaAMy51T+zNXkLRuyyQ2aFk2YUvPOi5DMpwSw+6D3zWfpOlabrEk8d1bB5Zpro+ZKFcsscxi+VtzMgjXYoHyY6rnk11slpDNIkrIpePO1ioLLuGDg9Rkdcdabbadb2bu8UaI0py5RQpY8nJIHJ5PX1NAGJ4X0eA2aLJmQwXN0FaQ7mO25k5J43ElQxzxuCtjKgjFsoXmutDcAn/AEaeRyBnl4ULOx9WduSerHnk13UUKQjCgKCScAY5Ykk8dySSfU81Xt9JtLSZp44Y0kfO51RVY7jk5YDJyeT70AWJpkt0LuQqqCSWOAAOSST0AqIajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmpZoUuEKOAysCCGGQQeCCD1BqIadbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbigBjataJG8pmjCRMVdi67VYEDaTnAOSODzzT5tRt7dyjyIrLGZCGYAhBwXIJ4UevSmNpNo8bxGGMpKxZ1KLtZiQdxGME5A5PPFPm063uHLvGjM0ZjJZQSUPJQkjlT6dKAAajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmmNq1okbymaMJExV2LrtVgQNpOcA5I4PPNPGnW6mMiNMwgiM7R8oIwQvHyjAxx24pjaTaPG8RhjKSsWdSi7WYkHcRjBOQOTzxQA86jbqZAZEzCAZBuHygjILc/KMDPPbmgajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmg6dbsZCY0zMAJDtHzADADcfMMHHPbigadbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbigBn9rWn/PaP/W+V99f9Z/c6/e/2evtTzqNupkBkTMIBkG4fKCMgtz8owM89uaZ/ZNp/wA8Y/8AW+b9xf8AWf3+n3v9rr7086dbsZCY0zMAJDtHzADADcfMMHHPbigAGo27GMCRMzAmMbh8wAySvPzDBzx25pi6taPGkomjKSsFRg67WYkjaDnBOQeBzxTxp1upjIjTMIIjO0fKCMELx8owMcduKYuk2iRpEIYwkTBkUIu1WBJ3AYwDknkc80ASx3cM0jxK6l48blDAsu4ZGR1GR0z1qaoY7SGGR5VRQ8mNzBQGbaMDJ6nA6Z6VNQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRWPaa5Bql4q286SRiOYME+bLKYCCGAIIUSYOG6t0JB27FABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFVNT1W20aEzXEixoO7HGTgnAHUnAOAMk9hTNIne4hZmcORNOuQMcLM6heQvKgBTxyRnJ6kAvUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBmavPK7x2sLlJJiWLKFJVI8F2AcFSSSqeo37sEKaJ9b2yvFDDLM0RAfywihSVDAbpXjBJDA/KWx/FjIyy7+TVbdjwDBcKCem4tAwX6lUY464UnoDWRLdpqGry20wuABIkSNFK8UP+oM/OyRSXPzZOCAAg4zkgG/HrNtJaNeBiIkEhYsjqR5RIfKkBsgqeMZ4rC8S6pY3ll/pTSQbJwhQiJiXMZZUbcJISCrBgWO1TtJZSOLGhRT2tnugy4jubsFGOSw+0yfxsc7xjgs2G5DYyHWro2j6fqwu0iUJH9pKgRDy/le3gEsZAAwG5DqQCGGeHUEAFfS4rRNZiu4riSaW4ilR1khVW2xtjc21ISm149mXVixwo6ZG1deKUtYzP5MrQLgmZAjJtzguF3+YVHXIQgqNy5XBOV4Vtlheyk6vcWdzNI2FBZ5ntnYnaAOpwOOAAO1WPDUshkubmSYCKOa6Vt0zSfcmYqSH+WERoMYU4ZWDNjAoA1db1A6SI7lmCxLIqybsAYkIRWycYKuVzkgbC5wTtxp1ylyslt4XWEo3mPZxQhcBW3zIsSg7iMYZhnPTmuroAKKhuruGxjMsrqiLjLOwVRk4GScDqabNqNvbuUeRFZYzIQzAEIOC5BPCj16UAWKKrjUbdjGBImZgTGNw+YAZJXn5hg547c0z+1rT/AJ7R/wCt8r76/wCs/udfvf7PX2oAt0VXOo26mQGRMwgGQbh8oIyC3PyjAzz25oGo27GMCRMzAmMbh8wAySvPzDBzx25oAsUVUXVrR40lE0ZSVgqMHXazEkbQc4JyDwOeKedRt1MgMiZhAMg3D5QRkFuflGBnntzQBYoqvDqNvcOESRGZoxIArAkoeA4APKn16UxdWtHjSUTRlJWCowddrMSRtBzgnIPA54oAt0VUm1a0t/M3zRr5O3fudRt3/d3ZPy7u2evapftcPneRvXzNu7ZuG7bnG7b1xnjPTNAE1FVIdWtLjy9k0bedu2bXU7tn3tuD823vjp3obVrRI3lM0YSJirsXXarAgbSc4ByRweeaALdFV5tRt7dyjyIrLGZCGYAhBwXIJ4UevSgajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmgCxRVRtWtEjeUzRhImKuxddqsCBtJzgHJHB55p51G3UyAyJmEAyDcPlBGQW5+UYGee3NAFiiq41G3YxgSJmYExjcPmAGSV5+YYOeO3NMXVrR40lE0ZSVgqMHXazEkbQc4JyDwOeKALdFVzqNupkBkTMIBkG4fKCMgtz8owM89uaIdRt7hwiSIzNGJAFYElDwHAB5U+vSgCxRVRdWtHjSUTRlJWCowddrMSRtBzgnIPA54om1a0t/M3zRr5O3fudRt3/d3ZPy7u2evagC3RUP2uHzvI3r5m3ds3Ddtzjdt64zxnpmoodWtLjy9k0bedu2bXU7tn3tuD823vjp3oAt0VUbVrRI3lM0YSJirsXXarAgbSc4ByRweeafNqNvbuUeRFZYzIQzAEIOC5BPCj16UAWKKrjUbdjGBImZgTGNw+YAZJXn5hg547c0xtWtEjeUzRhImKuxddqsCBtJzgHJHB55oAt0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABWIurbHmvJHYW8bCFVVN+5g4RnwqmTPmHywvT5S3IYEbdcldXr6bo9wVD7hdzIwi/1oE92R8oyCHKSBk+qnkHkA2oNb3SpFNDLC0pITzAjBiFLEbonkAICk/MVz/DnBw+71uGynELBjny9zADavmuUjzkgne4IG0Njq20c1hW8EEk1lcRiZSbuZCs88kuDHDco3DSyLncvBB6d+TTtfCxiGO6VXkS6tvJlKrlgbiLcM4+WTaPmAwGA3KMBlQAr6nJp0uqSxG5lWVwkbqIoZAolCKqZkhdtjkgnBMYY/MVZgGseEbi20bTjDC7TRRzyRwkJhpMkvhTuw+CWBcbV+VicKpan+IPD9vPc24Ods9yQycFCAjzsNpBAEjwoX9cEjBdy1e8na20WRw2z/AE+QE+Y0Iw2oENmReVBBIJHQZoA3bLW/tVwbaSGWGTy94EgQhlBCnDRu65UkZBIPIOMUaNqBuDLbSMGltpNrYxkhgHjYgY5KEZ4A3hgowBVJ7eaB7CKRt7rPI5wSxC+TMByfmYJvRN5ALEgthmxVjT3Nxql04UhY47eLJxyyiSU4wScBZl5IHOcdKANiiiq82o29u5R5EVljMhDMAQg4LkE8KPXpQBYoquNRt2MYEiZmBMY3D5gBklefmGDnjtzTP7WtP+e0f+t8r76/6z+51+9/s9fagC3RVc6jbqZAZEzCAZBuHygjILc/KMDPPbmgajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmgCxRVRdWtHjSUTRlJWCowddrMSRtBzgnIPA54p51G3UyAyJmEAyDcPlBGQW5+UYGee3NAFiiq8Oo29w4RJEZmjEgCsCSh4DgA8qfXpTF1a0eNJRNGUlYKjB12sxJG0HOCcg8DnigC3RVSbVrS38zfNGvk7d+51G3f8Ad3ZPy7u2evapftcPneRvXzNu7ZuG7bnG7b1xnjPTNAE1FVIdWtLjy9k0bedu2bXU7tn3tuD823vjp3obVrRI3lM0YSJirsXXarAgbSc4ByRweeaALdFV5tRt7dyjyIrLGZCGYAhBwXIJ4UevSgajbsYwJEzMCYxuHzADJK8/MMHPHbmgCxRVRtWtEjeUzRhImKuxddqsCBtJzgHJHB55p51G3UyAyJmEAyDcPlBGQW5+UYGee3NAFiiq41G3YxgSJmYExjcPmAGSV5+YYOeO3NMXVrR40lE0ZSVgqMHXazEkbQc4JyDwOeKALdFVzqNupkBkTMIBkG4fKCMgtz8owM89uaIdRt7hwiSIzNGJAFYElDwHAB5U+vSgCxRVRdWtHjSUTRlJWCowddrMSRtBzgnIPA54om1a0t/M3zRr5O3fudRt3/d3ZPy7u2evagC3RUP2uHzvI3r5m3ds3Ddtzjdt64zxnpmoodWtLjy9k0bedu2bXU7tn3tuD823vjp3oAt0VUbVrRI3lM0YSJirsXXarAgbSc4ByRweeafNqNvbuUeRFZYzIQzAEIOC5BPCj16UAWKKrjUbdjGBImZgTGNw+YAZJXn5hg547c0xtWtEjeUzRhImKuxddqsCBtJzgHJHB55oAt0VDHdwzSPErqXjxuUMCy7hkZHUZHTPWpqACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigCpqWnrqUYTcyMrKyum3epU9RuDDkZU8cqSDwTT3063knW4aNDKgwrlQXA54DYyBye/c1YooAZFCkIwoCgknAGOWJJPHckkn1PNMt7SG03eWipvYs21QuWbqxx1J7nrU1FAFS30m0tJmnjhjSR87nVFVjuOTlgMnJ5PvTJdDsZp/tDQRNKCDvMal8rjB3EZyMDHPFXqKAK89klzLHKxP7ksyjtuZSu7pnIUsBzj5iSCQCLFFFAEN1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRTZtOt7hy7xozNGYyWUElDyUJI5U+nSrFFAFcadbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbimf2Taf88Y/9b5v3F/1n9/p97/a6+9W6KAK5063YyExpmYASHaPmAGAG4+YYOOe3FA063UxkRpmEERnaPlBGCF4+UYGOO3FWKKAKi6TaJGkQhjCRMGRQi7VYEncBjAOSeRzzTzp1uxkJjTMwAkO0fMAMANx8wwcc9uKsUUAV4dOt7dw6RorLGIwVUAhByEBA4UenSmLpNokaRCGMJEwZFCLtVgSdwGMA5J5HPNW6KAKk2k2lx5m+GNvO279yKd2z7u7I+bb2z07VL9kh87z9i+Zt279o3bc527uuM846ZqaigCpDpNpb+XshjXyd2zaijbv+9twPl3d8de9DaTaPG8RhjKSsWdSi7WYkHcRjBOQOTzxVuigCvNp1vcOXeNGZozGSygkoeShJHKn06UDTrdTGRGmYQRGdo+UEYIXj5RgY47cVYooAqNpNo8bxGGMpKxZ1KLtZiQdxGME5A5PPFPOnW7GQmNMzACQ7R8wAwA3HzDBxz24qxRQBXGnW6mMiNMwgiM7R8oIwQvHyjAxx24pi6TaJGkQhjCRMGRQi7VYEncBjAOSeRzzVuigCudOt2MhMaZmAEh2j5gBgBuPmGDjntxRDp1vbuHSNFZYxGCqgEIOQgIHCj06VYooAqLpNokaRCGMJEwZFCLtVgSdwGMA5J5HPNE2k2lx5m+GNvO279yKd2z7u7I+bb2z07VbooAh+yQ+d5+xfM27d+0btuc7d3XGecdM1FDpNpb+XshjXyd2zaijbv8AvbcD5d3fHXvVuigCo2k2jxvEYYykrFnUou1mJB3EYwTkDk88U+bTre4cu8aMzRmMllBJQ8lCSOVPp0qxRQBXGnW6mMiNMwgiM7R8oIwQvHyjAxx24pjaTaPG8RhjKSsWdSi7WYkHcRjBOQOTzxVuigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACqJ0mNp5JSSVmjCvGQpjbHG4grksV+U84KgAg4GL1FAFeDTre1REjjRVjJKBVACk5BIAHBO49PU+tOuLSG72+YivsYMu5Q2GXowz0I7HrU1FAEN1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRTYtOt4YPs6xosRBGwKAmGzkbQMYOTnjmrFFAFSx0m00vd9nhji3Yz5aKmcZxnaBnGTT7CyTT4hEpJ5ZiW6lnYszHAAyWJPAAGcAAYFWKKACq82nW9w5d40ZmjMZLKCSh5KEkcqfTpViigCuNOt1MZEaZhBEZ2j5QRghePlGBjjtxTP7JtP+eMf+t837i/6z+/0+9/tdferdFAFc6dbsZCY0zMAJDtHzADADcfMMHHPbigadbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbirFFAFRdJtEjSIQxhImDIoRdqsCTuAxgHJPI55p5063YyExpmYASHaPmAGAG4+YYOOe3FWKKAK8OnW9u4dI0VljEYKqAQg5CAgcKPTpTF0m0SNIhDGEiYMihF2qwJO4DGAck8jnmrdFAFSbSbS48zfDG3nbd+5FO7Z93dkfNt7Z6dql+yQ+d5+xfM27d+0btuc7d3XGecdM1NRQBUh0m0t/L2Qxr5O7ZtRRt3/AHtuB8u7vjr3obSbR43iMMZSVizqUXazEg7iMYJyByeeKt0UAV5tOt7hy7xozNGYyWUElDyUJI5U+nSgadbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbirFFAFRtJtHjeIwxlJWLOpRdrMSDuIxgnIHJ54p5063YyExpmYASHaPmAGAG4+YYOOe3FWKKAK4063UxkRpmEERnaPlBGCF4+UYGOO3FMXSbRI0iEMYSJgyKEXarAk7gMYByTyOeat0UAVzp1uxkJjTMwAkO0fMAMANx8wwcc9uKIdOt7dw6RorLGIwVUAhByEBA4UenSrFFAFRdJtEjSIQxhImDIoRdqsCTuAxgHJPI55om0m0uPM3wxt523fuRTu2fd3ZHzbe2enardFAEP2SHzvP2L5m3bv2jdtznbu64zzjpmoodJtLfy9kMa+Tu2bUUbd/3tuB8u7vjr3q3RQBUbSbR43iMMZSVizqUXazEg7iMYJyByeeKfNp1vcOXeNGZozGSygkoeShJHKn06VYooArjTrdTGRGmYQRGdo+UEYIXj5RgY47cUxtJtHjeIwxlJWLOpRdrMSDuIxgnIHJ54q3RQBDHaQwyPKqKHkxuYKAzbRgZPU4HTPSpqKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAo6xevYwZjAMrkJGDyC7cDIBB2r958chAx7VbhDqgDkFsDJUbQT3IBJwPbJ+prM1n/AI+bL/r6b/0mnrWoAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigBkwdkIQgNg4LDcAexIBGR7ZH1FV9Lvv7St1lK7WOQy5ztZCVdc4GdrAjI4OMjirdYnhsRmW8eNcI142PlKglYokkIyBn94rAnuQeTQBt0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABWf9smnvfJj2+XEuZSQSdz/AHEUhgAQBufIJwUwPmyNCsnRv+Pm9/6+l/8ASaCgDWooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACqOo3r2DxMQPLeQI57gycI3XkF8KRj+INkBTm9WJ41EbaRcq67t8RVRtLku/yxgAAnO8rj0ODQBt0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAFTVLH+0rdog21jgq2M7WQhkbGRnawBweDjB4qunh+2bz2kUM93GqTFS6htqFOBuO0YJ6HPqSea06KAM9NAs0a3cJzZqVi+ZvlDKEI68/KAOc/nUP8Awi2n/wDPP/l6+0/ef/W/3/vfp932rWooAz30CzdrhynN4oWX5m+YKpQDrx8pI4x+dCaBZo1u4TmzUrF8zfKGUIR15+UAc5/OtCigDJi8LafDbw2yx4jtpRLGNz8MCWBzuyeWPBJHtReeFtPv/P8AMj3fa/L835nG7yvudGGMY7Yz3zWtRQBU/su3+1/bdv73yvK3ZP3d27GM4685xn3qpF4W0+G3htljxHbSiWMbn4YEsDndk8seCSPataigDJl8LafNbzWzR5juZTLINz8sSGJzuyOVHAIHtVv+y7f7X9t2/vfK8rdk/d3bsYzjrznGferdFAGTZ+FtPsPI8uPb9k8zyvmc7fN+/wBWOc575x2xRL4W0+a3mtmjzHcymWQbn5YkMTndkcqOAQPataigDPu9As76Z5pEy8kDQMdzDMbHJXAIHU9evvQmgWaNbuE5s1KxfM3yhlCEdeflAHOfzrQooAyf+EW0/wD55/8AL19p+8/+t/v/AHv0+77VM+gWbtcOU5vFCy/M3zBVKAdePlJHGPzrQooAz00CzRrdwnNmpWL5m+UMoQjrz8oA5z+dQxeFtPht4bZY8R20oljG5+GBLA53ZPLHgkj2rWooAybzwtp9/wCf5ke77X5fm/M43eV9zowxjHbGe+at/wBl2/2v7bt/e+V5W7J+7u3YxnHXnOM+9W6KAMmLwtp8NvDbLHiO2lEsY3PwwJYHO7J5Y8Eke1EvhbT5rea2aPMdzKZZBufliQxOd2Ryo4BA9q1qKAKn9l2/2v7bt/e+V5W7J+7u3YxnHXnOM+9VLPwtp9h5Hlx7fsnmeV8znb5v3+rHOc9847YrWooAyZfC2nzW81s0eY7mUyyDc/LEhic7sjlRwCB7VNd6BZ30zzSJl5IGgY7mGY2OSuAQOp69fetCigDPTQLNGt3Cc2alYvmb5QyhCOvPygDnP51D/wAItp//ADz/AOXr7T95/wDW/wB/736fd9q1qKAKKaTFbSz3EICzXAXczbmBKKVQldw4HoCM+veptPsk06BYVJIQYy3LE9SxIAyzHJY9ySasUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAVmX2ii9nLkjy5YWimQgnevO3DBhsK7m5AOQxzyFI06KAM9NAs0a3cJzZqVi+ZvlDKEI68/KAOc/nUP/CLaf/zz/wCXr7T95/8AW/3/AL36fd9q1qKAM99As3a4cpzeKFl+ZvmCqUA68fKSOMfnQmgWaNbuE5s1KxfM3yhlCEdeflAHOfzrQooAyYvC2nw28NsseI7aUSxjc/DAlgc7snljwSR7VM+gWbtcOU5vFCy/M3zBVKAdePlJHGPzrQooAz7TQLOxmSaNMPHAsCncxxGpyFwSR1HXr71DF4W0+G3htljxHbSiWMbn4YEsDndk8seCSPataigDJvPC2n3/AJ/mR7vtfl+b8zjd5X3OjDGMdsZ75q3/AGXb/a/tu3975Xlbsn7u7djGcdec4z71booAyYvC2nw28NsseI7aUSxjc/DAlgc7snljwSR7US+FtPmt5rZo8x3MplkG5+WJDE53ZHKjgED2rWooAz7vQLO+meaRMvJA0DHcwzGxyVwCB1PXr70JoFmjW7hObNSsXzN8oZQhHXn5QBzn860KKAMn/hFtP/55/wDL19p+8/8Arf7/AN79Pu+1TPoFm7XDlObxQsvzN8wVSgHXj5SRxj860KKAM9NAs0a3cJzZqVi+ZvlDKEI68/KAOc/nUMXhbT4beG2WPEdtKJYxufhgSwOd2Tyx4JI9q1qKAM99As3a4cpzeKFl+ZvmCqUA68fKSOMfnRaaBZ2MyTRph44FgU7mOI1OQuCSOo69fetCigDJi8LafDbw2yx4jtpRLGNz8MCWBzuyeWPBJHtReeFtPv8Az/Mj3fa/L835nG7yvudGGMY7Yz3zWtRQBU/su3+1/bdv73yvK3ZP3d27GM4685xn3qpZ+FtPsPI8uPb9k8zyvmc7fN+/1Y5znvnHbFa1FAGTL4W0+a3mtmjzHcymWQbn5YkMTndkcqOAQPaprvQLO+meaRMvJA0DHcwzGxyVwCB1PXr71oUUAZ6aBZo1u4TmzUrF8zfKGUIR15+UAc5/OoZfC2nzW81s0eY7mUyyDc/LEhic7sjlRwCB7VrUUAZ76BZu1w5Tm8ULL8zfMFUoB14+UkcY/Og6NGFgiX5YrbGE5OSi7Y8kk5C/e5BO4K2Rt50KKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAYkySFgpBKHDAHODgHB9Dgg/Qg1Xt9WtLuZoI5o3kTO5FdWYbTg5UHIweD71hPfWcZ1SKchgCzvGrDeYxaQhiBkHB5GeOe9UpvOvrO3fzrSWOG6tBttoiQrCaJcK/nMBgNj7oJU4wM0Ada+o28c627SIJXGVQsA5HPIXOSOD27GibUbe3iMzyIsakgszAKCG2kEk4BDcfXjrXKan4baO8VfMfy7y5G795JnKkXHTcACot/LRl2kK47x5fV0TT4L+3BlUN5V7dOuezC4mAbHqMnHoeRyAaALGp6hJcWRnspIiDyZGkAQKud7Bgsi5GCBkFQeTkDac3w7rN1JKscjpPHIWAljnhkAdV3bMqsJYlQTgRkr1LMGPl5kkq/bNa80M8cK20wQSNH80cO/IZTlSTGvI54HXFbttbvY6miOwmMltKfMkjQTDy3i+TfGqAofMzt25zzk5wADQl1yxhn+ztPEspIGwyKHy2MDaTnJyMcc0++1a00vb9omji3Zx5jqmcYzjcRnGRXP6H4fS90+5tZW3xTSzJ8yJ5mY3aIuzhQHYlA4YpuB6s2Aa0/DsKXtvBqEgDTy2kIZ8ckEbyOOACzEnAGeM9BgA0rq7hsYzLK6oi4yzsFUZOBknA6mm2mo2+oDMMiSDAOUYNwSwB4J4ypH1BHY1yngKzGseH7Qys+6IuUdWIZSryIpHYgKcbWBXHBBHFTR30N3Y3eHFwq3MaKyGMGZisBVHZF2EOzCJjtA2cN0JoAPF9tqT3CvAzhTGixlZ1hRJWlUbpFYfvFYEAL82cMoXLhh0X9rWn2j7L50fm/8APPeu/pu+7nPTnp05rj4fDq2mqWN8ggVJGdVW1RUUB4JXzuAJlyAMNlAAMhPnOLfxAtY9H0G5a3HlsZUlJUkNvadGLZ65z0PbAAwAKAOiuLyO6MlpDOiziM8Aq7pkcMUJ6DIPPB49axdNF/LmzZXiKTJJkzrLtjVwdobeZXEpRuXVMKzLzsCtYTT1staR1ZiJYLliG2kA77YEg43HPH3mOAAq7VAFFqV1m9vgjMqCKK3MkbKCHXzWfaQSQUEq8kDDZHagDSi1yxmn+zrPE0oJGwSKXyucjaDnIwc8cVYuLuG02+Y6pvYKu5guWbooz1J7DrXIfYS3hnziVBji+1QlIo0KFR5yDAXYSDkMwRdwJ+UEkm14uVby0uQ5aGaG1udu0qQ8bLk43KQQSq78AOhwAdrKzgHQX2rWml7ftE0cW7OPMdUzjGcbiM4yKfc6jb2boksiI0pwgdgpY8DABPJ5HT1FA0+AXButo80xhN3faCW2+wycnHXjPQY8/wDDlobrQbG6aR9yTQpgkMCovkAX5gSoGB90rnChshVAAPRXmSMqGIBc4UE4ycE4HqcAn6Amn1iarcrNqVnbLy6NJM2CvyosTxZIznl5ABgHOD6VytloP/CUyx/arVXVW2TSE7XMiRHzWLgoxCykRoELRgK/GBHtAO6uNWtLSFZ5Jo0jfG12dVU7hkYYnByOR7VL9rh8nz96+Xt3b9w27cZ3bumMc56YrN0OFNVtbO+nAeYWykOR0MqIXIA4BOOw4GQOCa5KxvY44ZzM0YKa3OImuSTFGQC5YjcvRd+0Z/1hB4PzAA72y1G31JC8EiSKDgmNg4zwcZBPPIqWKZJhlSGAJGQc8qSCOO4IIPoeK5qC2kudTiklkikE1lOA9ujRErvgI+cSuSPmypBGMkjrVrwtZ/2e13CGLBLlQCQi8C2gwMIqKABwMAcCgC3ZawjWr3FwyRqk0yFmO1QI5njXJY9Tgd+p49Kt2Wo2+pIXgkSRQcExsHGeDjIJ55Fck9k12ltsfa/9o3gXciyR5E08u4owySBEVUqyMu4kN1B2vsy2mtB04+02rmQALgmB4wjZxnIErDr0x6CgC7LrljDP9naeJZSQNhkUPlsYG0nOTkY45p99q1ppe37RNHFuzjzHVM4xnG4jOMiuK8OaFeXyCCZV+yt8synaxeRUInZ2O6QyfaMBWVgMRkjHyFtjT7eNtNt7+W4eCRrS3Dy+YvI25AbzQ6Z3OfmxuycA4JBAOgm1G3t4jM8iLGpILMwCghtpBJOAQ3H1460WWo2+pIXgkSRQcExsHGeDjIJ55Fc1PqTJYadcoqI0oQALDJKqb7dnO2KNgcjbtB5KqW7E5ux+ZDfpKsSxy3VnI0iFhgvCYQgLgH7vmMu4A5HY4UAA2vtcPneRvXzNu7ZuG7bnG7b1xnjPTNNu71LMxqQSZZAigdzgsepAwFVmPPQYGTgHn5Ujmvra4jZ1L3bCSJtvEgtJRk8Fg21VHDbCuGUHcGOlp/8AxMbuS6/hi3Qx/gw85ux5dQmCOPL3KcPQBrUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAMimSYZUhgCRkHPKkgjjuCCD6Hiq9jq1pqm77PNHLtxny3V8ZzjO0nGcGuXkvrNtJuY5DE5ju5gyyMCqs94/lGQAghN2C2eqg8HpVh/OvLuwuWmgnTz5ArQxFTzbzZw/nSDGV5AHUDnigDo01G3kna3WRDKgyyBgXA45K5yByO3cVDc65Y2aI8s8SLKMoXkVQw4OQSeRyOnqK5qy8Ntp2oQ27SOyAvOuZJGJMW5STluGkNyC+35W8vJXEhVNXwlp8AsbW62jzTZQJu77Qobb7DJycdeM9BgA1rnUbezdElkRGlOEDsFLHgYAJ5PI6eoqV5kjKhiAXOFBOMnBOB6nAJ+gJrzrw5aG60Gxumkfck0KYJDAqL5AF+YEqBgfdK5wobIVQOt1W5WbUrO2Xl0aSZsFflRYniyRnPLyADAOcH0oAuy65Ywz/Z2niWUkDYZFD5bGBtJzk5GOOaffataaXt+0TRxbs48x1TOMZxuIzjIrn9D8Ppe6fc2srb4ppZk+ZE8zMbtEXZwoDsSgcMU3A9WbANafh2FL23g1CQBp5bSEM+OSCN5HHABZiTgDPGegwAaF7qNvpqB55EjUnAMjBBnk4ySOeDQmo28kbSrIhRBlmDAqBtD5JzgDaQ30IPSuP8D2qXug2t1LK8bwRzASh8bU8w5B37kK7UA+ZSFABGCAQai51TSYnRUmQXcwxwI5CHmSEsEKqwkm8stjCliWIC5wAdbY6taapu+zzRy7cZ8t1fGc4ztJxnBo/ta0+0fZfOj83/AJ57139N33c56c9OnNc1Z6feWtzaT3jbp2neLeNqkx/ZnZlPlhQVMqF0BBIBXOG3ARQyomiX0SzeY1t9pwGKGRDEXCsxQKdzPGZAxAbJzkkbiAdkZkVwhI3MCQM8kLgE49BkZ+o9afXOarc29zqQhMwQpZXQkKOFeMM1uQxP8BxyCfTNUtL0uOKFGkmje2F0kiG3JVGdnVI0CR/KkaSY+Xc+5/nZlwwIB0V7rljprhJ54o2IyBJIqHHIzgkccGpr3UbfTUDzyJGpOAZGCDPJxkkc8GsTRtNze324h43k2OsiIzEsiyffAUlAsuwI4bAAwwHy1Fo+mR/YEd5njNkbmJJQyqVjjlZPmBXyyNkS5LKem4YPNAG62rWiwmczRiNduX3rtG4KVy2cDIYEeoI9RTBrli0RmE8XlqAS3mLtAZioOc4wWBA9wR1FZukW8OvWKPu/1c85jkhIU5SSWMS/L8jFgSW4KMWOVwcVUtJ7XULa4Z7lfLgukIuA0IyRHEwZjt8piC20ZXjauPnUNQB0ou4TGsu9dj7drbhtO8gLg9DuJGPXIxVe91yx01wk88UbEZAkkVDjkZwSOODWBaTJN4esipDAHTxkHPKzwgjjuCCD6HirWjabm9vtxDxvJsdZERmJZFk++ApKBZdgRw2ABhgPloA273UbfTUDzyJGpOAZGCDPJxkkc8GiXUbeGD7Q0iLEQDvLAJhsYO4nGDkY55rH8MaZCbaFnG97NrmGNmxuCpK0Q6ADOyNQTjPX1OczwpZjVkvFkZwYNVuTGysQUPqO2Pnb5SCpydwOTQB1dpqNvqAzDIkgwDlGDcEsAeCeMqR9QR2Ncfrt7Prl4F064EuIRs+z3UahHEq7pJE5LptIGMMOGXaCwYSzXEepabeASCaJLmMSSoVBeILA8xZotoYiMsvygEqoXBPWKFZSWuCQVtb2KGD92qBA1x5MiphFynlOqHOfnViPuq1AHW/2tafaPsvnR+b/AM8967+m77uc9OenTmrAmRnKAjcoBIzyA2QDj0ODj6H0rkviBax6PoNy1uPLYypKSpIbe06MWz1znoe2ABgAVpGaA6vNbu4VprSAKu/Y5w9zu24IbIHORyOvFAFJrzVNVkee0lieJGIUQTI4IUA4YNAcsc8qJoxggbl5c7FprsMkURnKQSTEqI3ljJ3q21lBViGIbjjnoCAeBS8OQppH2xGf5Ip1+ZwiAKtrB12KiAKOOAAAKx0svtVhBf5dDJdxuFOw5S4v1lTPDbThlJ2MCSAHztAAB2rzJGVDEAucKCcZOCcD1OAT9ATVSXXLGGf7O08SykgbDIofLYwNpOcnIxxzVLVblZtSs7ZeXRpJmwV+VFieLJGc8vIAMA5wfSs/Q/D6Xun3NrK2+KaWZPmRPMzG7RF2cKA7EoHDFNwPVmwDQB0F9q1ppe37RNHFuzjzHVM4xnG4jOMii+1a00vb9omji3Zx5jqmcYzjcRnGRVLw7Cl7bwahIA08tpCGfHJBG8jjgAsxJwBnjPQY5rwRbxnQoL2S4eBhGY2l8xcbEmkCKRKHTALYU43D7oODggHbrdwtjDqdzMo+Ycsu7co9SNpyOowfQ1yvi4TSM8VxLEkEqlUVrw2pPygMTiFixBY8bihBXcmeTK2pwpaaXdSmOFCyMekca7rSbAGTgDJwBn0FPF0DqtxDbS28MrGMOJUMkzssQbIAmQ7FQrjjrvOB1IBa8KxXOk6cVvsLJHJMzuSgQ7pGkMgIPCnd3Ckc5AFadjq1pqm77PNHLtxny3V8ZzjO0nGcGuXh/wCJXooICEw3rgARuYwTetHkRI2SF3ZRMnDBccgGtAM7z2V06BJpZJIWO3aWj8uWQcNkqGMauFPzJkqT97IBqy65Ywz/AGdp4llJA2GRQ+WxgbSc5ORjjmr1cpofh9L3T7m1lbfFNLMnzInmZjdoi7OFAdiUDhim4HqzYBrb8PXUl9p1vNIcvJBEzHAGSyAk4GB1NAGhRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAGPJ4Xt5rmad2dhcRujISAmJEiRsYUNkrEv8XHOMZotPDMNrAYd7sGmilyRGvMPl7FARFUKBEowB0zzWxRQBU1DT11BV+ZkaNtyOm3cp2lSQGDKcqxHIPXI5wQ+wsk0+IRKSeWYlupZ2LMxwAMliTwABnAAGBViigDJXw1beddStub7cqLIpPy4RCmBgAjIPPP0xU1npBtpvOklkmcKVUyCMbQxUsAI0QHJVeucY4xk50KKAK9jZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOPajTrJNNt47dCSsUaoC3XCAAZwBzx6VYooAzNG0CDQ7BbGMuY1DjJbD/ADsWPzJtwfm4IwR9earxeE7ZbSW0dmdZmVjuEYwUVFTCqiphRGuFKkHGCCCRW3RQBmWugx2qRLvdjDNJKGbbktL5m7O1QMfvW4AHb8X6/okPiKzezlLBJNuShAb5WDDGQR1HpWhRQBmapoEGrzxTSF/3IcbVbCOJNuVcD7y/KPlzg9GBHFM0Tw5BoLMYi21lRAp2BVVGdgBtVSeZDksWY9SSea1qKAM/+xIf7O/s/LeX5Hk5yN23ZsznGM49sZ7Ua7okPiC2a2lLKG/iQgOOxwSDjKkqeOVJHQ1oUUAFYMPg+3t9KGlpJKsakEOrASAiXzQQwXAIb26e/Nb1FAGJb+EbSzuluYtyENvKjaQzeW0e9mZTITtc/wAeCSWILFidOxsk09CikkGSR+fWV2kPQDjLHHtViigCvp1kmm28duhJWKNUBbrhAAM4A549KyV8HWsaOqs4L3bXIY7GKyNxlQyFcAZxuVsZyDkAjeooAz7LRIbDyNpY/ZoDCuSOVPl8ngc/ux0wOvHoy50VpZ2minlhLhQwjERUlcgMRJG/zYwCe4Cg9BWnRQBmWmgQWccEalz9mkZwWbczM6yKzMT1LeYxOMc+3FW3skkuEuCTujjkQDtiQoT26/uxjn1/CxRQBXsbJNPQopJBkkfn1ldpD0A4yxx7VUOgx/Y4rRXdRAIwjDaW/dABSQylCeM8qQDhgAwUjTooAyZfDsL2kFqryJ9l8vy3RgHBjXaD0KnKkhgVIIJ4qxZaX9lcyPI80mNoeTZkKcEqAiooBIyeMnAySFXF6igDH1rw+dSlS5ilMM0QYK20OvzKygspxuKB22c4UsTggkHStLWOxhSGMYSNVVRknAUYAycnoKmooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAMH/hDrVluFdncXJBIfYQuJXmGBswQHkJw+4HgHI4q3a6DHapEu92MM0koZtuS0vmbs7VAx+9bgAdvx06KAKOoaX9tdZFkeKRAyh49hO19pZcOrrglVPTPHBAJzYtLWOxhSGMYSNVVRknAUYAycnoKmooAwYfB9vb6UNLSSVY1IIdWAkBEvmghguAQ3t09+azbPTrS313yYkaMopmPzL87Kix7zuQyMCs5AbzMF1fK7tzN2FQtaxvMsxHzorKDk9HKlhjpyUH5fWgBtjZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOPajTrJNNt47dCSsUaoC3XCAAZwBzx6VYooAx7Dwvb6dpo01GcxgMMsQW+Zi3Py7SMnoVKkcMCCQZYdBjjtRbF3YCYSlm27iwm8/nChcFuwA44HrWnRQBXubJLp4nYnMMhdcepR4+eOmHP44rMj8KQIt0heQi8V1bJT5Q7SuQuEH8UzH5t3bsK26KAMFvBWnu5YqSpD5Un+KVPLd93+s3OnDfPgn5iN/zUaZ4Sj02VJWnmmMZZl851PzOuwuSqKzsF+UFy2F4GOMb1FAFe2sktXldSczSB2z6hEj446YQfjmq7aJC1q9rltsjSMTkZzLI0h7YIy33SCCPlYMCQdCigCjY6UljbG33uwYyEsTtcmV2djlAmDljjaBjtVKHwrFDbPbiWT55Y5NwESsDD5ewALGEAAiUY21t0UAYMPgrT7ZEWNShSRHJjOzcyOJBvC4VhuHAK4UEhAvGNa2sktXldSczSB2z6hEj446YQfjmrFFAFexsk09CikkGSR+fWV2kPQDjLHHtVTTdAg0tJ0QuRdTSStlsEGXAIUrtIHHHOR61p0UAY9t4Zht7Oe0Luy3IIYkRqQDEsQChEVQAqjHy1dudMhuIVgxsSNomUJgAeS6uoAxgDKgY9OmKt0UAZ+v6JD4is3s5SwSTbkoQG+VgwxkEdR6UyfQY7i/S+LuGjCjaNuw7VlUE5UtkCZujAdMjitOigDBvfBtnqMs0spd/PKNtZgyKyKqh1QgruwoyWDZGVPyllM03hmOawNiZZcNIXMilVk3GXztwIUKDu9F4HStiigDEt/CNpZ3S3MW5CG3lRtIZvLaPezMpkJ2uf48EksQWLE6djZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOParFFAFfTrJNNt47dCSsUaoC3XCAAZwBzx6VmWXhSDT9PjsI3kCwtuVsoWzvL5IKFDgnjKnBww+YBht0UAYl94UgvrGKxLyKkChQVKbiPKaEg7kI5RznAHPIxUreHIDfC9BZW3Byo2bWYRtECSVL8IxAAYL3xkknWooAzJtAgntHtCXCvI77lba4Z5TKGBGMFXOV+gznnL7XSDDIJJZZJ2TO3zRGApIwSBGiDJHGSCQMgEBmzoUUAV7GyTT0KKSQZJH59ZXaQ9AOMsce1GnWSabbx26ElYo1QFuuEAAzgDnj0qxRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRXL+JdESDztROyTZGXKyx7mAiTO2KVSjxE4Jz82GO5QDnMvip7fToYEdIjEZPLEc0ghgGI2ZS3yPkLswq425IOMhSADo6K5ex8jRLhXt4Xjju7YzPEq4KmMwrkRg4DbZTvCgltg2gtwz9PtfsurLIkivHdQTyZUfM37yEqWcMQ4UORHwNifKCetAHS0Vy6sF0mXJfP2u4CiNzEzMbxwibxyodsKT2BPI61FFp8mmX1qVt4bZZJnVvs0rfN+4lYBkEMSsAVyCclT06mgDraK4fTtDu7LVIxJITIxMjS4i3usYYSLlYwdjGWHCNnZsYKQEjZtPRdCttY02we4XzFitYyEbmMlokG4qeGKjIXPTJ74IANLXLu9tkUWsJkZict8hCgd9rSxbiegAYY5JPAVotD1a4u3aC5idJEAO7yyqEHtkNIm4dwJG4IOc7lTmtP/wCJjZXMUzHy7fVWhjXYjptLqkcbI2A0atJnGQQANhBVcbGl6c1rNcWqLHFKkClJIg2wCYyD5YGLLHho8sFYiQgM3PAAOlorgotHSLRf7TSOKOeIG6jlTeXYcy4cs5fLqSrqZHHOQTwBseJ9Cto7a8vyu6fyHZHf5jGYozt8vP3MNlsjncSc9MAHS0VykOit4ltLa8kaN5HtYsi4hWaPLLuZgmUKsSeSGwQACpwpEzTxyaVayIsiLN5beVC581zKpbaJC8bZDN5jvuBIVi3BagCG/v8AVU1URoJPL82EKohVomjZT5rtLnKspzgZHRQFfeSOrrjNI028s9bX7Rny2tpGjTz5bhQyNGpbdKd2/EjA4RQFIALEthutaZD4T+wtajbJJfxRySHDSSLLv3h3Iy248nPAOCAMDAB0XiCW5ht98O/5Tl/JCNLtAJ+QOCpbdjII5Xdt+bbUWk311qLxuwKqsJEuY3jBlOwjaJVV9qgNyQAdw+8QdtLw5pX9kaldJlW3xQOWVNjEvLckluSGYnqQFHQKqgAVn6or6hbXpibCy36x4dXCvmOG2Kkq0bBfN4ZlJ4UjDAlSAdrRXNLpUeh31rNBHHD9o3QyxxAhCRG8qsMbAShQgMUyVY9OKh1pftrxX0bbWjntomSRcuhM6BgpDDYWV8ORuEibcHbgkA6uiuK8a6ZD4d0241GAYuRKsgmbDSAtKg2hiOFC/IF6beCDk50INK+w6952VY3EFwxOzD/K1sAC2cMFGAoCrgddzEsQDpaK5y4vJI7u/mt1LvBaQqBtYgyKJ5AnGNxw6ZAP8QHWuavH/tETXMbXBighuJAzTO8MxgIB3jJiKSMGAjTZhVJxtdQoB6RRXNeJ9Cto7a8vyu6fyHZHf5jGYozt8vP3MNlsjncSc9MUbcPryWzPEl1I9lBJItxJshUtna4QROpdzvGQPlCY4DYYA7OqmrX39l2k1zt3eTE74zjOxS2M4OM49K5/TNNnvILq1JWLZdKAm554gvkQt5eD5TeWdxOwbVH3cFMqz5pnuPCpdyWZtNJJY5JJgySSepNAHUUVzWv6c2panbRusc0e13MUwbaAhCO4IJVm/erhXQjAOGQnJo3Vs+jLd2cDmKEm2kBj+UxJcSlJ8ElgqgRs4IACbmPbNAHZ0V51o+nzWqR3f2ZbJo5bZFEaFGKzzBHikLE+b+7KNuwCHJHDKwG74l0RIPO1E7JNkZcrLHuYCJM7YpVKPETgnPzYY7lAOcgHUUVyniea006aCGWGOWMxPsikZQo8ooNscWwh5WDgIpI4GFK7mzYsng8M3E9uilbcCKXjlY/OMobjPyx5jBwBhSzMcJkqAdHUMl1HFIkRPzSZwACThRknjoBwMnjJAzkgHC8O6e+k31xblgyiG3YELtJLNOC7/Md8jbRvfA3YHAxV3Sf+JhM98eVb5Iv+uanlh1/1jZOQcMgiPUUAa1FFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABUP2qPzvJz8+3cQATgZwCT0GTnGeuDjO04fNMluhdyFVQSSxwABySSegFZ+hwu6NdSArJcENhhhlQcRoQeQQvLLkgSM5HBoA06KKKACiiigAooqvqF6mnQNMwJCDOF5YnoFAJGWY4CjuSBQA6O6jmkeNTlo8bsA4BYZAz0zjnGcgEEjDDM1UdHsnsYMSEGVyXkI5BduTgkA7V+6meQgUdqvUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAYnirw5/wk0Ah3quN334/MXLIU3ABkO5Qx2nJAySVJClbesaZJqKxtFJ5UkMokViodc7WQgrkZBVmHBBHUHitCigDPs9OmWb7RcOskiqUXYhjUKxUtwXcksVGSWxgDAHzFoYdC8jUftavhPKdfL28bpXRncHPG7YMqBjOW+8zZ1qKAOUPgOOVLtJHUreMrYWMrys0kw3EPl+XCkgodqgAg8jQ07w59ght496/6PPLL8kexT5omG0LuO0L5vHJ4GO/GrDdR3DOinJiYK3B4JVXx7/KwPHr61NQBn6jp008yXELqkkaunzoZF2yFCeA6HOUXB3Yxng5BFjTrJNNt47dCSsUaoC3XCAAZwBzx6VYooA5+z8KfZIbiPzcm4vDcqdnCtvR1Ujd8wDIM8qSMgbTzWhp2nTQTPcTOrySKifIhjXbGXI4Luc5dsndjGOBgk6FFAGT/AGF/xKf7N3/8uvk79v8A0z2btufxxn8at6tY/wBqWk1tu2+dE6ZxnG9SucZGcZ9at0UAYk3hzzdMisN6sIViB8yPcjeUBjcm4HGQDgMOQASVyrMuPC4m0+3tN4JtRHgspKNsjMZ3IHUlWVjld2D0O5cg71FAGZZ6Q9u9u7yF2t7ZoiWHLFvKJckk8/u/fOevHLNf0L+3Ps/z7Ps91HN93dny8/L1GM56849K1qKAMTUfDsmoXbzfaJIkkgWNliwjZRnZX8zlht3ngYycbiVypi07ws1lZ/ZfMXaJ4ZFCIyoohaJtgVpHPzGMkndyzFiCc56CigCpe2P2uWCTdjyJS+MZzmKSPHXj7+e/THfNVNZ0L+1HikR/LZJYmchd29YnEgQ8j+IAhuSvIHDMDrUUAZPinQv+El0+Sy3+X5u35tu7G11bpkemOtGq6LJqNzDMszRLGsqOEA3Msmw4D9U5Qcr83oVPNa1FAGJ4c8ON4faQeZvWTGBhg2Qzlndi7b5H3Dc2FztAAAAAl/sL/iU/2bv/AOXXyd+3/pns3bc/jjP41rUUAVNWsf7UtJrbdt86J0zjON6lc4yM4z61z7+A42e1k3qXtYreMs0ZYkW7q4K/OAhYghiQ3BwMc7urooAqWVj9klnk3Z8+UPjGMYijjx15+5nt1x2zWPN4bvJLQ2AuEW3IKALAfMEROPLDmUrkJ8m4oTjk/NzXR0UAVJLHzLuO53f6uKVMY6+Y0bZznt5fpzn25qaloX9ofafn2/arVYfu524835uoz/renHTrzxrUUAVNTsf7RiEe7biWF84z/qpUkx1HXbj2znnpWf4q8Of8JNAId6rjd9+PzFyyFNwAZDuUMdpyQMklSQpXbooAzNU0ue6niuIJRHJEHX508xGWTaSCAyHOUUghh0wcg1Lp+nvbu00rB5ZAqsyrsXam7aoXc2ANxPJJJJ5xtVb1FAHOP4buLR5vs8gCXAhjAyUMUaby+xhuy37xigO0JwB8qha6CGFLdAiAKqgABRgADgAAdAKfRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAQ3cck0LpG+x2VgrYDbSRw2DwcHnHeqtpZXkMyPJcb0WBUZfLVd0gPMuQcjI429BWhRQBkxadqCW8MbXWZI5Q0j+Sg3qCSU25wuQQNw54z3ovNO1Cbz/LuvL83y/K/co3l7fv9T8+/wB/u9q1qKAKn2e4+1+b5v7rytvlbB97dnfv69ONvTvVSLTtQS3hja6zJHKGkfyUG9QSSm3OFyCBuHPGe9a1FAGJPpV7cfuZZVliknZ3yNjCMYKwgAEOCRhyxGULDBzkaGqW9xd27R28vkyHGH2CTGCCflbg5GR+Oat0UAZ93ZXk0zvHcbEaBkVfLVtshPEuScnA429DQlleBrcm4yIlIlHlr+8JUANnPyYbLYHXOOlaFFAGTLp2oPbzRrdYkklLRv5KHYpIITbnDYAI3HnnPapnsrwtcEXGBKoEQ8tf3ZCkFs5+fLYbB6Yx0rQooAz0srwNbk3GREpEo8tf3hKgBs5+TDZbA65x0qpb6Ves0EdzKsyQ7nZ8bGeTcdgMYBQKgOeud6qwxt526KAKmoW9xceX5MvlbZVZ/kD7lGdyc/d3f3hyKieyvC1wRcYEqgRDy1/dkKQWzn58thsHpjHStCigDPtLK8hmR5LjeiwKjL5arukB5lyDkZHG3oKhi07UEt4Y2usyRyhpH8lBvUEkptzhcggbhzxnvWtRQBky6dqD280a3WJJJS0b+Sh2KSCE25w2ACNx55z2q39nuPtfm+b+68rb5Wwfe3Z37+vTjb071booAqaXb3FpbrHcS+dIM5fYI85JI+VeBgYH4Zq3RRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFYmt67Pp8wijiZvlDFzHO69T8o8qOTk7cEkjaGDAPytbdcle3N1oepSTuTIr207oglfDFGt1jQRkFUbJ2ggsXZicDIQAFrwfrL6w12ZEEUi3IBTGGC+VGFY7kjchsEqWUHHHRcDb1G9TTbeS4cErFGzkL1wgJOMkc8etcvYWGp2zTWhuGlcxW8r+ZIVG6VpVlVJFTdGp2DGFJAyF2sdy27u6kvvDDzSHLyaczMcAZLQZJwMDqaAGaj4lvVeRYYivlllUSW90+4jK7t0cRVVBG4YL71wMxnpoeEb6XUtNhuJXEjSBmyCp4LEqpKqg3KMK2FHzA8UzW9KuryYSRtuQKB5fnTW2Dkkv5kOS2RgbWU4xkMOQ2bqVzPc2dmYDK8dyVZgJfKuH3AS4DY2gbQ5ZQ0Y4Coyj5SAdbRXLzWN1Z3EtlDK5S6tmdDJM7MjRlEkAdgzKGWRSrZbYwLbCPlNTSvFQ0dYba5IUPNcqZJpyQNss+AHkGZAvlhSSVI3R9d2AAdnRXL6HbyeI9Ps5JJZkRIV3AM0bSMY0G4urCTaDu9N5w3KhS1TTdbuJrScPKY0ttQkg3qpkl2AgRgArJvcuyrkqSVyT83zUAWL/wAV3NrqoswI9vmwoIyJPNdZVJaVSBt2x9+CPlbLKSoPV1x+j3GpNrIhuGlEXkO6LN5W4srIpYmBVQjEhATcxBAZgMpRqaT+FfsbiaSaSe8jilaV3KsJdxbEe7YmDjbtAwABkjOQDpdUuJrW3Z4l3MMdi2ASAW2jltoy20ctjaOSKytH8Tf20sPktHISzeaYzkBAr7Xxk7C7BCEYlgCwwSjEMtobq21s+Y5KTQzMAJHK/I1uqjyiNqFQTyCSxLE7QQobqupzRT3vkyqPs9rbsdzHanzzNIcBZMN5YBHyN/DlWHFAHS0VyUVpcaPFa3YMyt5kcU0U9yZsiZhFuzl13K5VgV2ZXIIGcCxrFzPI8N7bvmIywJjc6FS84jkym3Dlg20q+DEVJX5icAHS0VzniLT5LaG7v/Pl3Rws8Sq7IieVGSPlUhXJbJO8EEYXGBzStZ728udPvXbCXKplUkkVQTbTSFfK5VstzvLZACqF4LMAdhRXP67rP9l3e4Hd5NhdTNGGxnY0O0kc4zhgDj1x3rn9Q1m6kmmVLuQrbxTySJ5caBxAVEioQqyRrklFfc5yHwcoC4B6BRWZe6L/AGjcCWSaURrHtEccjxDcSSXLRsrMcYABOBycEnjmtI1q517TbOaYyu0wlDx2uyNn8tsCQuXQoq7fm2soLOo6HaQDuKK5fTZL15Lm2j82LZDC0a3LJIwLtKGIdWlODs4Ll9p52lQFOl4Ynmnsx5v3llnT7xfAjmdANxALYCgbiMt1PJNAF7Tr1NSt47hAQssauA3XDgEZwTzz61Yrit9z/ZOmxxbikkUAZYpfJlYrGr7VfGANiuWG6MnAAcZwbV5PP4WkuBGzSRtZyzxiaR5Sr24AZctlirb0P3+CGxjNAHV0V5ul7dRid45JvMshPIZZZXZJDAcOrW/+rWOQl1jKnI8s45U10ev2lzaNLes7NFGu/CTSQtGsa5OEG6KYkgsA6qM/KxZcbQDpaKxNdP2VIIR5rq7eWEhfbIxVGcZleRCAAhJ+bcxxzjcGq2F7DpMwdZpHtrqDzlMrO+wIYlJ3Pl9rCVWO44TaxOATtAOlorn7QXdnq3lyNuSaKdwd7HOySIIPLI2x7FkK/Kfn+8/zV0FABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFYmsaJNqV/azAr5UPmeYpJDHJjePGB2kjUnkdMcgkVt0UAUYrJ476W4JG2SGFAO+Y2mJ7dP3gxz6/jizaRqbaedMRYRH5ZhEjSOzCP7gJjEYBfy/9sDdzwOK6iigDP1y0nvrfy4Tg7lJHmPESFOSokQFkzjkgHIyvBO5alnok1vb2ERK5s9m/BODtt5IuOOfmYdcce/FbdFAFGWyeS+iuARtjhmQjvmRoSO3T92c8+n4UmtdR0xXjtFidWaR1aaR0KtKzOQVWNtwDMSMFTjC9RuO3RQBU0mx/su0htt27yYkTOMZ2KFzjJxnHrXNQ+ELuBJSHXc2oy3KhXZMrKhj2l9jFDhjkqCf7pBO5ewooAybTT7kTW00zKzxWskchHd3MJJAwBjMbenUcekXifRJta+y+WVH2e8hmbcSPlj3ZAwDzzx0HvW3RQBj6tpt5c3kE0DoirHMkhYFnAkMZBQfd3Zj6tkDrtbpWZa+Gr9LS9t5JFc3UTAOzli0jq6tIw2DYCuwBF3BQuASck9XRQBR1eyfUIVRSARNA/PpFMkh6A84U496pa3ok126PblV3TwNMGJAZYnV9wAB/eDYFB4BXhs7U27dFAFHXLJ9SsZ7dCA0sMiAt0y6kDOAeOfSsp9DvobKxigaIS2hi3GQMyYELxMQBtJPzZAJXPciujooA5/R9FvdPv5JpZfNSRSCzN85wV8obFjVECAvnafnZixA4Cui8PvDoX9mrsVzaGLI4Te0ZBbgZwWJJOMnrjNb1FABXBQ+BNQtdNtoI5Qs1vHcpmOaSJf37blbcqFiEIB24AY9TgYbvaKAKMVk8d9LcEjbJDCgHfMbTE9un7wY59fxzxbanpolitkhZWkkdGlldSDKS53KsTAgOzYww+XA65J3qKAMeHQ3tYrGJWDCzK7iRjIW3kiyBzySwOM9M8+tqWyeS+iuARtjhmQjvmRoSO3T92c8+n4XqKAMT+xJv7D/s/K+Z9j8nOTt3eVsznGcZ9s47Uzxfo11rlr5EDAbg4IMjxZ3IyglkDblGclCMMcZYAENvUUAY/ibR31iOLasUhhmD7JxmNhtZCpwGwcOSDtbDAcVLaWlxPcC6uAiNHG6KsbmQYkKMzFmROfkUABRjBJLbgF06KAMS10Saz1FZEK/Z44JFRcncrSPGSo4x5YEY2jOVJKj5QoXboooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooqvqF6mnQNMwJCDOF5YnoFAJGWY4CjuSBQBYoqjo9k9jBiQgyuS8hHILtycEgHav3UzyECjtV6gAooooAKKKKACiqOsXr2MGYwDK5CRg8gu3AyAQdq/efHIQMe1TafZJp0CwqSQgxluWJ6liQBlmOSx7kk0AWKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACqlxcXEdxFGkW+N9+994XZtGV+U8tuPHHTqat0UAZMuo6glvNItrmSOUrGnnIN6ggB92MLkEnaeeMd6me9vA1wBb5ESgxHzF/eEqSVxj5MNhcnrnPStCigDPS9vC1uDb4EqkynzF/dkKCFxj58tlcjpjPSof7R1D/n1/5evL/1yf6r/nt0/wDHPvVrUUAZ73t4GuALfIiUGI+Yv7wlSSuMfJhsLk9c56VUR5tYuIkljaNYFSWRWBKmRh8iBsbZBHyzEdHEZByCBt0UAVPtFx9r8ryv3XlbvN3j727GzZ16c7unaqkWo6g9vDI1riSSULInnIdikkF92MNgAHaOecdq1qKAMm81HUIfP8u18zyvL8r98i+Zu+/1HybPf73arf2i4+1+V5X7ryt3m7x97djZs69Od3TtVuigDJi1HUHt4ZGtcSSShZE85DsUkgvuxhsAA7RzzjtRLqOoJbzSLa5kjlKxp5yDeoIAfdjC5BJ2nnjHetaigDJtw2pXrSsrBLbKIHVly7ffkAYcgLhUYY6yDlSDU13e3kMzpHb70WBnVvMVd0gPEWCMjI53dBWhRQBnpe3ha3Bt8CVSZT5i/uyFBC4x8+WyuR0xnpUMuo6glvNItrmSOUrGnnIN6ggB92MLkEnaeeMd61qKAM9728DXAFvkRKDEfMX94SpJXGPkw2Fyeuc9KEvbwtbg2+BKpMp8xf3ZCghcY+fLZXI6Yz0rQooAyYtR1B7eGRrXEkkoWRPOQ7FJIL7sYbAAO0c847VrUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAf//Z) 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐/ตอนที่ ๔๖ ก/หน้า ๘/๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ [↑](#footnote-ref-1)
10,450
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครองลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกประกาศ ก.ศป. เรื่อง วินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๔ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องประพฤติตนตามวินัยที่กําหนดไว้ในประกาศนี้อย่างเคร่งครัด การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวินัยที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ให้ถือว่าเป็นการกระทําผิดวินัยและเป็นการประพฤติตนไม่สมควร ข้อ ๕ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผน ของทางราชการอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ถือปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๖ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมและต้องไม่ใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๗ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวังมิให้เสียหายแก่ราชการ และไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ การประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงเป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๘ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องไม่รายงานเท็จต่อข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเหนือตนขึ้นไป การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้งถือว่าเป็นการรายงานเท็จ การรายงานเท็จอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๙ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการมิได้ การละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือการละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๐ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องรักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตําแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทําการใด ๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วการกระทําอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๑ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องไม่ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงบุคคลใด ๆ การดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๒ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องรักษาความลับของทางราชการและต้องไม่เปิดเผย ความลับแก่บุคคลใดซึ่งไม่มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะล่วงรู้ความลับนั้น การเปิดเผยความลับของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงเป็นการกระทํา ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๓ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการศาลปกครองอื่น หรือกระทําการใด ๆ อันเป็นการก้าวก่ายการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการศาลปกครองอื่นเป็นเหตุให้การพิจารณาพิพากษาคดีนั้นขาดความเป็นอิสระหรือเสียความยุติธรรม และต้องดูแลให้บุคคลในครอบครัวปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๔ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตน จากคู่กรณีหรือบุคคลอื่น และต้องดูแลให้บุคคลในครอบครัวปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ข้อ ๑๕ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องยึดถือจริยธรรมและประเพณีอันดีงามทั้งต้องวางตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของบุคคลทั่วไป ข้อ ๑๖ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองต้องไม่กระทําการอันเป็นเหตุให้แตกความสามัคคีในหมู่ข้าราชการศาลปกครอง ข้อ ๑๗ ข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้ใดซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยรู้ว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองในศาลของตนกระทําผิดวินัยตามประกาศนี้แต่ไม่ดําเนินการให้มีการดําเนินการทางวินัยตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่งหรือกระทําผิดวินัย ให้ถือว่าข้าราชการตุลาการศาลปกครองผู้นั้นกระทําผิดวินัย ข้อ ๑๘ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๑๙ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,451
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดระดับตำแหน่งพนักงานคดีปกครอง ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ข)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง กําหนดระดับตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ข) อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ข) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้กําหนดระดับตําแหน่งพนักงานคดีปกครองตั้งแต่ระดับ ๗ ขึ้นไป เป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๔) (ข) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,452
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ที่ สธ. 36/2559 เรื่อง วันหยุดทำการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจำปี พ.ศ. 2560
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 36/2559 เรื่อง วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2560 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และข้อ 2 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 88/2552 เรื่อง การเปิดทําการและหยุดทําการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สํานักงานออกประกาศกําหนดวันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2560 ไว้ดังต่อไปนี้ อื่นๆ - 1. วันจันทร์ 2 มกราคม วันหยุดชดเชยวันสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่ (วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 และวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560) 2. วันจันทร์ 13 กุมภาพันธ์ วันหยุดชดเชยวันมาฆบูชา (วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560) 3. วันพฤหัสบดี 6 เมษายน วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึก มหาจักรีบรมราชวงศ์ 4. วันพฤหัสบดี 13 เมษายน วันสงกรานต์ 5. วันศุกร์ 14 เมษายน วันสงกรานต์ 6. วันจันทร์ 1 พฤษภาคม วันแรงงานแห่งชาติ 7. วันศุกร์ 5 พฤษภาคม วันฉัตรมงคล 8. วันพุธ 10 พฤษภาคม วันวิสาขบูชา 9. วันจันทร์ 10 กรกฎาคม วันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชา (วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560) 10. วันจันทร์ 14 สิงหาคม วันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560) 11. วันจันทร์ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช 12. วันอังคาร 5 ธันวาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 13. วันจันทร์ 11 ธันวาคม วันหยุดชดเชยวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ (วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560) สําหรับบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา ให้หยุดในวันตรุษจีน วันตรุษอีดิ้ลฟิตรี (วันรายอปอซอ) และวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา (วันรายอฮัจยี) ตามประกาศสํานักจุฬาราชมนตรี หากวันตรุษดังกล่าวไม่ตรงกับวันหยุดตามที่กล่าวข้างต้น หรือวันหยุดประจําสัปดาห์ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 (นายรพี สุจริตกุล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,453
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 285)
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 285) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (231) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (385) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(385) Product Reliability บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จํากัด สาขาที่ 00002” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (731) (732) (733) (734) (735) (736) (737) และ (738) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 “(731) สํานักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยฟาฏอนี (732) Technology & Business Development office บริษัท พรีไซซ สมาร์ท ไลฟ์ จํากัด (733) Power Plant Services บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จํากัด สาขาที่ 00001 (734) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท อินโนเวชั่นเทค จํากัด (735) นางสาวพิชญ์สินี ทองคุณ (736) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท ดิจิทัลสโตร์เมช จํากัด (737) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท วัน จีโอ เซอร์เวย์ จํากัด (738) Asset Performance Development บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จํากัด สาขาที่ 00001” ตอน ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณีดังต่อไปนี้ ------------------------------------------ (231) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป ------------------------------------------------------- (385) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (731) ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (732) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (733) ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (734) ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป -------------------------------------------------- (735) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป -------------------------------------------------- (736) ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (737) ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป --------------------------------------------------- (738) ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป -------------------------------------------------- ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖6 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,454
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง มาตรฐานหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป.รับรอง ตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔
ประกาศ ก.ศป. ============ เรื่อง มาตรฐานหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรอง ตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะ ได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ โดยที่ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ ได้กําหนดให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานินิศาสตร์รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือในการบริหารราชการแผ่นดินที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นต้องผ่านการอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรองด้วย จึงสมควรกําหนดมาตรฐานหลักสูตรกฎหมายปกครอง หรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนดังกล่าวไว้ เพื่อเป็นหลักในการพิจารณารับรองหลักสูตรดังกล่าว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ หลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรองตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ จะต้องมีการศึกษาอบรมวิชาต่าง ๆ ไม่ต่ํากว่ามาตรฐานที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ข้อ ๒ หลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในกฎหมายปกครองและกฎหมายมหาชน ทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ โดยอย่างน้อยต้องจัดให้มีการศึกษากฎหมายมหาชนและกฎหมายปกครองในหัวข้อวิชาและจํานวนชั่วโมงบรรยาย ดังต่อไปนี้ (๑) หลักการพื้นฐานของกฎหมายมหาชน ต้องมีเนื้อหาวิชาและจํานวนชั่วโมงบรรยาย ดังนี้ (ก) การแบ่งแยกกฎหมายเอกชนและกฎหมายมหาชน จํานวนไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง (ข) รัฐ จํานวนไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง (ค) รัฐธรรมนูญ จํานวนไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง (ง) ลักกฎหมายว่าด้วยบุคคลและนิติบุคคลในกฎหมายมหาชน จํานวนไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง (จ) หลักกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมและสัญญาของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง (ฉ) หลักกฎหมายว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ และความรับผิดของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๓ ชั่วโมง (ช) กฎหมายวิธีพิจารณาความ จํานวนไม่น้อยกว่า ๑๕ ชั่วโมง (๒) กฎหมายปกครองภาคทั่วไป ต้องมีเนื้อหาวิชาและจํานวนชั่วโมงบรรยาย ดังนี้ (ก) โครงสร้างของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง (ข) หลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทําทางปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง (ค) การกระทําของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมง (ง) ความรับผิดของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง (จ) การควบคุมและตรวจสอบการกระทําของฝ่ายปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมง (ฉ) บุคลากรภาครัฐ จํานวนไม่น้อยกว่า ๙ ชั่วโมง (ช) บริการสาธารณะ จํานวนไม่น้อยกว่า ๙ ชั่วโมง (ซ) ทรัพย์สินของแผ่นดิน จํานวนไม่น้อยกว่า ๙ ชั่วโมง (๓) กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ จํานวนไม่น้อยกว่า ๑๕ ชั่วโมง (๔) กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ต้องมีเนื้อหาวิชาและจํานวนชั่วโมงบรรยาย ดังนี้ (ก) ความคิดทั่วไปว่าด้วยคดีปกครองและระบบศาลปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง (ข) วิธีพิจารณาคดีปกครอง จํานวนไม่น้อยกว่า ๕๗ ชั่วโมง โดยมีขอบเขตการบรรยาย ดังนี้ ๑. หลักทั่วไปว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง ๒. เขตอํานาจศาลปกครอง ๓. เงื่อนไขในการฟ้องคดีปกครอง ๔. กระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคําฟ้อง ๕. วิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ๖. กระบวนพิจารณาในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง ๗. กระบวนพิจารณาในชั้นการนั่งพิจารณาคดีและการทําคําพิพากษา ๘. กระบวนพิจารณาในชั้นการขอให้พิจารณาใหม่ การอุทธรณ์ และการบังคับคดี ๙. วิธีพิจารณาในศาลปกครองสูงสุด (ค) การวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหน้าที่ระหว่างศาล จํานวนไม่น้อยกว่า๓ ชั่วโมง (๕) กฎหมายปกครองเฉพาะด้าน จํานวนไม่น้อยกว่า ๒๗ ชั่วโมง โดยจะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายดังต่อไปนี้ ไม่น้อยกว่า ๓ หัวข้อ (ก) กฎหมายเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองและการพัสดุ (ข) กฎหมายเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่น (ค) กฎหมายเกี่ยวกับบุคลากรภาครัฐ (ง) กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาคาร และผังเมือง (จ) กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (ฉ) กฎหมายเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (ช) กฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน และการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ข้อ ๓ ผู้บรรยายต้องเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่บรรยายวิชากฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชน หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในหัวข้อที่บรรยาย หรือมีผลงานทางวิชาการทางด้านกฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชนที่เป็นที่ยอมรับ ข้อ ๔ ในการศึกษาอบรมต้องกําหนดหลักเกณฑ์การสอบวัดผล เกณฑ์การสําเร็จการศึกษาอบรมตามหลักสูตร โดยจะต้องศึกษาอบรมตามจํานวนเวลาที่กําหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของระยะเวลาการศึกษาอบรมตามหลักสูตรและต้องได้ระดับคะแนนไม่ต่ํากว่าร้อยละห้าสิบ หรือในกรณีใช้ระบบการวัดผลแตกต่างจากนี้ ต้องกําหนดให้มีค่าเทียบเคียงกันได้ ข้อ ๕ ผู้จัดการศึกษาอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่ประสงค์จะขอให้ ก.ศป. รับรองหลักสูตรดังกล่าว ให้ยื่นคําขอพร้อมกับรายละเอียดของหลักสูตรต่อ ก.ศป. ข้อ ๖ ผู้สําเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชนหลักสูตรใดอาจขอให้ ก.ศป. พิจารณารับรองว่า เป็นผู้ผ่านการศึกษาอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชนที่ ก.ศป. รับรองตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔เป็นการเฉพาะรายได้ หาก ก.ศป.พิจารณาว่าผู้นั้นได้ผ่านการศึกษาอบรมวิชาต่าง ๆ มาเทียบเท่าได้ไม่ต่ํากว่ามาตรฐานตามประกาศนี้ ข้อ ๗ ให้ ก.ศป. มีอํานาจกําหนดยกเว้นสําหรับผู้สําเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชนที่มีการจัดการศึกษาอบรมจนจบหลักสูตรไปแล้วก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ หรือเริ่มทําการศึกษาอบรมไม่เกินหกสิบวันหลังประกาศนี้ใช้บังคับ และมีมาตรฐานการศึกษาอบรมที่ ก.ศป. เห็นควรรับรอง ไม่ต้องปฏิบัติตาม (๒) ของข้อ ๑ และ (๒) ของข้อ ๒ ของประกาศก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ เป็นการเฉพาะรายได้ ทั้งนี้ การยกเว้นให้มีผลบังคับไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ข้อ ๘[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๙ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๑๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,455