title
stringlengths
8
870
text
stringlengths
0
298k
__index_level_0__
int64
0
54.3k
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง รับรองหลักสูตรพนักงานคดีปกครอง ระดับกลาง เป็นหลักสูตรตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔
ประกาศ ก.ศป. ============ เรื่อง รับรองหลักสูตรพนักงานคดีปกครอง ระดับกลาง เป็นหลักสูตรตามประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔[1](#fn1) อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๑ (๒) และข้อ ๒ (๒) ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ ก.ศป. จึงประกาศรับรองหลักสูตรพนักงานคดีปกครอง ระดับกลาง ที่จัดการศึกษาอบรมโดยสํานักงานศาลปกครองสําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นหลักสูตรพนักงานคดีปกครองตามข้อ ๑ (๒) และ ข้อ ๒ (๒) ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,456
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น พนักงานคดีปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๐๓ - ๓/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒ ได้มีมติกําหนดหลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงาน คดีปกครอง ฉบับลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๔ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ข้อ ๓ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ต้องเป็น ผู้ได้รับปริญญาตรีหรือเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้ทางกฎหมาย รัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ ข้อ ๔ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ หรือดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบเท่า และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๑ ปี และมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งในระดับปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (ก) กรณีเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ต้องดํารงตําแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี (ข) กรณีเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ต้องดํารงตําแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี (ค) กรณีเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ต้องดํารงตําแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) ได้รับประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองระดับต้นที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด หรือได้รับปริญญาโทหรือเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้ทางกฎหมายมหาชนหรือหลักสูตรกฎหมายมหาชน ที่สํานักงานศาลปกครองรับรอง และได้รับประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรพนักงานคดีปกครองระดับกลางที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๕ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการหรือดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า ๓ ปี และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๔ (๓) ข้อ ๖ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ หรือเป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ปี หรือเป็นผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับสูง และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๔ (๓) และได้รับประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรพนักงาน คดีปกครองระดับสูงที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๗ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งพนักงานคดีปกครอง ประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญหรือประเภทอํานวยการระดับสูงหรือเป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี หรือดํารงตําแหน่งประเภทบริหาร และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ (๓) ข้อ ๗/๑ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (พนักงานคดีปกครอง) ระดับสูง ประเภทอํานวยการ ระดับสูง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ หรือเป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้ และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่น ที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ (๓) ข้อ ๘ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๙ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,457
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของสํานักงานศาลปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และ ก.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๓๖-๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ ได้มีมติกําหนดหลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครองเพิ่มเติม ก.ศป. จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒[1](#fn1) ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๗/๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์การกําหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานคดีปกครอง ลงวันที่๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ “ข้อ ๗/๑ บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการเฉพาะด้าน (พนักงานคดีปกครอง) ระดับสูง ประเภทอํานวยการ ระดับสูง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) มีคุณวุฒิตามที่กําหนดในข้อ ๓ (๒) ได้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ หรือเป็นผู้ดํารงตําแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้ และต้องปฏิบัติราชการเกี่ยวกับงานคดีปกครองหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี (๓) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ (๓)” ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,458
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 435) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการนำส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ ผู้ให้บริการจัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการนำส่งเงินภาษี
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 435) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สําหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการนําส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ ผู้ให้บริการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการนําส่งเงินภาษี อาศัยอํานาจตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สําหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการนําส่งภาษี และค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ให้บริการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการนําส่งเงินภาษี ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสําหรับเงินได้เป็นจํานวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายเท่าที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในระบบการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการนําส่งภาษี สําหรับการนําส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้ หรือภาษีมูลค่าเพิ่มการจัดซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เก็บใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นใดที่ใช้ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ต้องเป็นรายจ่ายที่ได้จ่ายเพื่อการลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งเป็นทรัพย์สินตามมาตรา ๖๕ ตรี (๕) แห่งประมวลรัษฎากร และได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 โดยให้ใช้สิทธิยกเว้นเงินได้ตามที่ได้จ่ายไปจริงในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มต้นหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร (๒) ต้องจัดทํารายงานข้อมูลการติดตั้งและการยกเลิกการติดตั้งทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ ข้อ ๒ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสําหรับเงินได้เป็นจํานวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ให้บริการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการนําส่งเงินภาษี ค่าบริการใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ หรือค่าบริการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ต้องเป็นการจ่ายเพื่อประโยชน์ในการจัดทํา ส่งมอบ รับ หรือเก็บรักษาใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ หรือการนําส่งเงินภาษี (2) ต้องเป็นรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568 (3) ต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการจัดทําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ให้บริการนําส่งเงินภาษี ค่าบริการใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ หรือค่าบริการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ ข้อ ๓ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566 มีหน้าที่ต้องแจ้งรายละเอียดการลงทุนและการจ่ายเงินตามที่แนบท้ายประกาศ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ก่อนยื่นแบบแสดงรายการภาษีสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ใช้สิทธิ แต่ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2569 ข้อ ๔ ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 766) พ.ศ. 2566 และต่อมาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 หรือมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะต้องนําเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้วไปรวมเป็นรายได้ในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,459
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 797) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 797) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2508 และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1015) ของข้อ 3 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 3) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2535 “(1015) มูลนิธิโรงพยาบาลเชียงคํา” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (1) สําหรับเงินได้พึงประเมินประจําปี พ.ศ. 2566 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป (2) สําหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 สันติ พร้อมพัฒน์ (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน ฃรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,460
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 798) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 798) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (1016) ของข้อ ๓ ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ “(1016) มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับ (๑) สําหรับเงินได้พึงประเมินประจําปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป (๒) สําหรับมูลค่าของฐานภาษีของผู้ประกอบการในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สันติ พร้อมพัฒน์ (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,461
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 799) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕
ประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 799) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๐๘ และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (521) ของข้อ ๓ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กําหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา ๓ (๔) (ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๙) พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๕๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(521) มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสํานึกรักบ้านเกิด” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 สันติ พร้อมพัฒน์ ปฏิบัติราการแทน (นายสันติ พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,462
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผล การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้ การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เป็นไปโดยถูกต้องและเรียบร้อย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ” หมายความว่า การเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) “การเลือกตามวาระ” หมายความว่า การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ดํารงตําแหน่งตามวาระ “การเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง” หมายความว่า การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ดํารงตําแหน่งแทนตําแหน่งที่ว่างลงก่อนครบวาระ “คณะกรรมการดําเนินการเลือก” หมายความว่า คณะกรรมการดําเนินการเลือกกรรมการ บริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) “บัตรเลือก” หมายความว่า บัตรเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “รองเลขาธิการ” หมายความว่า รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๓ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิต้องดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการไม่ต่ํากว่าระดับทรงคุณวุฒิ หรือประเภทบริหาร ไม่ต่ํากว่าระดับสูง ข้อ ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดดําเนินการจัดให้มีการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ และให้เลขาธิการรับผิดชอบดูแลให้การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิมีความโปร่งใส และป้องกันไม่ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองกระทําการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการหาเสียงเพื่อจูงใจให้ผู้ใดลงคะแนนหรืองดเว้นลงคะแนนเลือกตนเองหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อ ๕ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกและแต่งตั้งตุลาการศาลปกครองจํานวนสี่คน และเลขาธิการเป็นกรรมการในคณะกรรมการดําเนินการเลือก ก่อนวันเริ่มดําเนินการเลือกกรรมการ บริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ให้ตุลาการศาลปกครองที่ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกและแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดเป็นประธานกรรมการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนหนึ่งคนเป็นเลขานุการ และจํานวน ไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนดและดําเนินการให้มีการแจ้งวัน เวลา และสถานที่ ที่จะทําการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และดําเนินการเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ตรวจนับคะแนน และประกาศผลการเลือก ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ ในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้แล้วเสร็จภายในสามวันนับแต่วันที่ตําแหน่งว่าง ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดําเนินการเกี่ยวกับ การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ (๑) คณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือก ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประเภทอํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จํานวนสองคน เป็นอนุกรรมการ (๒) คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนน ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประเภท อํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสี่คน เป็นอนุกรรมการ (๓) คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือก ประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประเภท อํานวยการ ระดับสูง คนหนึ่ง เป็นประธานอนุกรรมการ และข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคน เป็นอนุกรรมการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งบุคคลเพื่อช่วยคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่งดําเนินการใด ๆ ได้ตาม ความเหมาะสม ข้อ ๗ ให้เลขาธิการจัดทําบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และสอบถามข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้แสดงความประสงค์ว่าต้องการได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ หากไม่ประสงค์ที่จะได้รับเลือกให้แจ้งเลขาธิการ ทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เลขาธิการสอบถามในกรณีเลือกตามวาระ หรือภายในสามวันนับแต่วันที่เลขาธิการสอบถามในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ หากไม่มีการแจ้งความประสงค์ภายใน ระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกผู้นั้นประสงค์ที่จะได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีที่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกประสงค์ที่จะเผยแพร่ประวัติการรับ ราชการและผลงานแก่ผู้มีสิทธิเลือก ให้จัดทําข้อมูลตามแบบที่สํานักงานกําหนด และส่งให้เลขาธิการ ภายในกําหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง เมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการจัดทําบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้มีสิทธิเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่ประสงค์ให้เผยแพร่แก่ผู้มีสิทธิเลือก แล้วเสนอคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบก่อนดําเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกผู้ใดไม่ประสงค์จะได้รับเลือก หรือเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในเวลาเดียวกับที่เลขาธิการ จัดทําบัญชีรายชื่อ ให้เลขาธิการระบุหมายเหตุแสดงความประสงค์ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และการเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวไว้ในบัญชีรายชื่อด้วย ในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้เลขาธิการดําเนินการตามวรรคสามให้แล้วเสร็จภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที่ตําแหน่งว่าง ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อและหมายเลข ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่ประสงค์ให้เผยแพร่ แก่ผู้มีสิทธิเลือกตามข้อ ๗ แล้ว ให้เลขาธิการจัดส่งบัตรเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลข ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกไปยังข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก โดยต้องแจ้งกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการเลือกและกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับ ให้ถึงสํานักงาน รวมตลอดถึงกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการตรวจนับคะแนนด้วย ในการนี้เลขาธิการต้องจัดส่งบัตรเลือกพร้อมทั้งเอกสารดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันในกรณีเลือกตามวาระ หรือไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีเลือกแทน ตําแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ให้สํานักงานเผยแพร่ประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่มี ความประสงค์ให้เผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้มีสิทธิเลือก ตามวิธีการที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนด ในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้แจ้งจํานวนตําแหน่งกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ว่างไปด้วย ก่อนกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึงสํานักงานเจ็ดวันในกรณีเลือกตามวาระ หรือ สามวันในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ถ้าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกผู้ใดยังไม่ได้รับ บัตรเลือก หรือบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก ให้ผู้นั้นแจ้งเลขาธิการเพื่อดําเนินการให้ตนมีโอกาสใช้สิทธิเลือกภายในกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกให้ถึง สํานักงาน ข้อ ๙ บัตรเลือกให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้และบัตรทุกบัตรต้องมีลายมือชื่อของ เลขาธิการและรองเลขาธิการคนหนึ่งกํากับไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้จํานวนหมายเลขผู้มีสิทธิได้รับเลือกในแบบบัตรเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเท่ากับจํานวนตําแหน่งกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิที่ว่าง ข้อ ๑๐ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งมีสิทธิเลือกและประสงค์จะลงคะแนน เขียนหมายเลข ผู้ซึ่งตนเลือกลงในบัตรเลือกด้วยตนเอง แล้วใส่ซองที่เลขาธิการจัดส่งไปให้ ปิดผนึก และนําไปหย่อน ลงในกล่องรับบัตรเลือกที่ตั้งอยู่ที่สํานักงานในส่วนกลางด้วยตนเอง สําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาค อาจนําซองบัตรเลือกไปหย่อนลงในกล่องรับ บัตรเลือกด้วยตนเองตามสถานที่ที่กําหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือจะนําซองบัตรเลือกใส่ซองที่เลขาธิการ จัดส่งไปให้สําหรับส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด้วยตนเอง หรือจะมอบซองบัตรเลือกให้ผู้อํานวยการ สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคเป็นผู้รวบรวมส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ ทั้งนี้ จะต้องส่งบัตรเลือก ให้ถึงเลขาธิการภายในกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับให้ถึงสํานักงาน ข้อ ๑๑ ให้คณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือกมีอํานาจหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ในการหย่อนบัตรเลือกลงในกล่องรับบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง รับซองบัตรเลือกที่ส่งมา ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แล้วนําซองบัตรเลือกที่ได้รับไปใส่รวมกันไว้ในกล่องรับบัตรเลือกโดยพลัน โดยไม่ต้องเปิดซองไปรษณีย์ลงทะเบียน และดูแลรักษากล่องรับบัตรเลือกเพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนในวันตรวจนับคะแนน ในการนี้ ให้แต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนไม่น้อยกว่าสองคน ทําหน้าที่ช่วยเหลือ การปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการรับและเก็บรักษาบัตรเลือกให้เป็นไปโดยเรียบร้อย ข้อ ๑๒ คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) รักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่ตรวจนับคะแนน (๒) ตรวจสอบและวินิจฉัยบัตรเลือกเพื่อตรวจนับคะแนน และดําเนินการอื่นใดอันเกี่ยวกับ การตรวจสอบและวินิจฉัยบัตรเลือกเพื่อตรวจนับคะแนน เพื่อให้การเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรม (๓) ดําเนินการเกี่ยวกับการตรวจนับคะแนนและประกาศผลการตรวจนับคะแนนตามที่ กําหนดในประกาศนี้ ข้อ ๑๓ ก่อนเริ่มการตรวจนับคะแนน ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเปิดซองไปรษณีย์ลงทะเบียนที่บรรจุซองบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาค และนําซองบัตรเลือก ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในภูมิภาคมารวมกับซองบัตรเลือกของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ในส่วนกลาง ในการตรวจนับคะแนน ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเปิดซองบัตรเลือกและวินิจฉัยว่า บัตรเลือกนั้นเป็นบัตรดี บัตรเสียบางส่วน หรือบัตรเสีย แล้วดําเนินการนับคะแนนสําหรับบัตรดี และบัตรเสียบางส่วนเฉพาะส่วนที่ไม่เสีย บัตรเสียบางส่วนหรือบัตรเสีย ให้อนุกรรมการตรวจนับคะแนนคนหนึ่งสลักหลังว่า “เสียบางส่วน”หรือ “เสีย” แล้วแต่กรณี แล้วให้อนุกรรมการตรวจนับคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอนุกรรมการ ที่มาปฏิบัติหน้าที่ลงลายมือชื่อกํากับไว้ เมื่อการตรวจนับคะแนนสิ้นสุดลงแล้ว ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเก็บบัตรเลือก ที่ใช้นับคะแนน โดยแยกบัตรเสียบางส่วนและบัตรเสียบรรจุซองหรือห่อไว้ต่างหากเพื่อมิให้ปะปนกับ บัตรเลือกอื่น และเก็บบัตรเลือกที่ใช้นับคะแนนทั้งหมดไว้ด้วยกันในหีบโดยปิดหีบใส่กุญแจอย่างน้อย สามดอกประจําครั่งทับรูกุญแจไว้ หากเป็นหีบบัตรเลือกที่มีช่อง ให้เอากระดาษปิดทับช่องไว้ โดยลงลายมือชื่อคณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนไว้บนกระดาษนั้นด้วย และให้เก็บรักษาไว้ที่สํานักงาน เพื่อส่งมอบให้คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือกดําเนินการต่อไปตามข้อ ๑๘ การดําเนินการตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ต้องกระทําโดยเปิดเผยให้ผู้มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมสังเกตการณ์ได้และให้ดําเนินการอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นในคราวเดียวตามกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่กําหนดไว้ในข้อ ๘ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่การตรวจนับคะแนนไม่สามารถกระทําได้ หรือไม่สามารถตรวจนับคะแนนได้จนเสร็จสิ้น อันเนื่องจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอย่างใด ๆ ให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนประกาศ งดการตรวจนับคะแนนแล้วรายงานต่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกโดยพลัน เพื่อให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกวินิจฉัยสั่งการตามที่เห็นสมควร และกําหนดวัน เวลา และสถานที่นับคะแนนใหม่โดยเร็ว ข้อ ๑๔ บัตรเลือกต่อไปนี้ ให้ถือเป็นบัตรเสียและไม่ให้นับคะแนน (๑) ในกรณีการเลือกตามวาระ (ก) บัตรที่มิใช่บัตรฉบับที่เลขาธิการส่งไปให้หรือบัตรที่ไม่มีลายมือชื่อของเลขาธิการ และรองเลขาธิการกํากับเป็นหลักฐาน (ข) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเกินจํานวนที่กฎหมายกําหนด (ค) บัตรที่มิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเลย (ง) บัตรที่เขียนหมายเลขอื่นที่ไม่มีในบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิ ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด (จ) บัตรที่ผู้เลือกมิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดด้วยตนเอง (ฉ) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการ บริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดเลอะเลือนหรือไม่ชัดเจนจนไม่สามารถทราบเจตนาอันแท้จริง ของผู้เลือกได้ว่าลงคะแนนให้แก่หมายเลขใด (ช) บัตรที่ไปถึงสํานักงานพ้นกําหนดวันสุดท้ายของการส่งบัตรเลือกตามข้อ ๘ (๒) ในกรณีการเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง (ก) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิเกินจํานวนตําแหน่งที่ว่าง (ข) บัตรที่มีลักษณะตาม (๑) (ก) (ค) (ง) (จ) (ฉ) หรือ (ช) ข้อ ๑๕ บัตรเลือกต่อไปนี้ ให้ถือเป็นบัตรเสียบางส่วน และไม่ให้นับคะแนนส่วนที่เสีย แต่ให้นับคะแนนส่วนที่ไม่เสียเท่านั้น (๑) บัตรที่เขียนหมายเลขอื่นที่ไม่มีในบัญชีรายชื่อข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิ ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิปนกับหมายเลขที่มีในบัญชีรายชื่อ (๒) บัตรที่ผู้เลือกมิได้เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหมายเลขใดด้วยตนเอง (๓) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิซ้ํากับหมายเลขที่เขียนไว้ก่อนแล้ว (๔) บัตรที่เขียนหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการ บริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิบางหมายเลขเลอะเลือนหรือไม่ชัดเจนจนไม่สามารถทราบเจตนา อันแท้จริงของผู้เลือกได้ว่าลงคะแนนให้แก่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกหมายเลขใด ข้อ ๑๖ ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้คะแนนมากตามลําดับลงมาตามจํานวนที่กําหนดไว้ในมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) เป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนเท่ากันในลําดับใดจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเรียงลําดับผู้ได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามจํานวนที่จะมีได้ ให้ทําการจับสลากผู้ได้คะแนนเท่ากัน ในลําดับนั้นเพื่อให้ได้ผู้ได้รับเลือกครบตามที่จะพึงมีได้ การจับสลาก ให้ประธานอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเป็นผู้จับโดยเปิดเผยและต่อหน้า อนุกรรมการตรวจนับคะแนนไม่น้อยกว่าสามคน เมื่อทราบผลการตรวจนับคะแนนการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ให้ประธานอนุกรรมการตรวจนับคะแนนประกาศผลการตรวจนับคะแนนต่อหน้าผู้ซึ่งอยู่ ณ สถานที่ ที่ทําการตรวจนับคะแนนแล้วปิดประกาศผลการตรวจนับคะแนนดังกล่าวไว้ ณ สถานที่นั้นด้วย และให้คณะอนุกรรมการตรวจนับคะแนนรีบรายงานผลการตรวจนับคะแนน พร้อมทั้งส่งประกาศผลการตรวจนับคะแนนไปยังคณะกรรมการดําเนินการเลือกภายในวันนั้นหรือวันถัดจากวันทราบผลนั้นเป็นอย่างช้า ในกรณีที่เป็นการเลือกแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้นําความในวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๗ ในกรณีที่ผลการตรวจนับคะแนนการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ปรากฏว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่มีผลการตรวจนับคะแนนอยู่ในลําดับที่จะได้รับเลือก เป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิผู้ใดมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๑/๓ ให้คณะกรรมการ ดําเนินการเลือกมีหนังสือสอบถามข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้นั้นเพื่อแสดงความประสงค์ว่าต้องการ ดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ โดยให้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกภายในสามวันทําการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการ ดําเนินการเลือก ทั้งนี้ หากไม่แจ้งความประสงค์ภายในกําหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้นั้นไม่ประสงค์จะดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และให้เลื่อนข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่มีผลการตรวจนับคะแนนในลําดับถัดจากผู้นั้นเป็นผู้ได้รับเลือก ให้ดํารงตําแหน่งกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะกรรมการดําเนินการเลือกรายงานผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครอง ผู้ทรงคุณวุฒิต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อดําเนินการประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการ บริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) และให้เลขาธิการดําเนินการ ประกาศรายชื่อดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ข้อ ๑๘ ให้คณะอนุกรรมการทําลายบัตรเลือก มีหน้าที่ดําเนินการทําลายบัตรเลือกด้วย เครื่องทําลายเอกสารเมื่อพ้นกําหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศรายชื่อ ผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อ ๑๙ ให้ ก.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ข้อ ๒๐ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,463
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือก กรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒)[[1]](#footnote-1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๒ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.ศป. โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามคําว่า “ที่ปรึกษาสํานักงาน” ต่อจากบทนิยามคําว่า “รองเลขาธิการ” ในข้อ ๒ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ““ที่ปรึกษาสํานักงาน” หมายความว่า ที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๘ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๘ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ และบัญชีรายชื่อและหมายเลข ของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่ประสงค์ให้เผยแพร่แก่ผู้มีสิทธิเลือกตามข้อ ๗ แล้ว ให้เลขาธิการจัดส่งบัตรเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้มีสิทธิได้รับเลือกไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของผู้มีสิทธิเลือก โดยต้องแจ้งกําหนดวัน เวลา และสถานที่ ที่จะทําการเลือกและกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือกกลับให้ถึงสํานักงาน รวมตลอดถึงกําหนดวัน เวลา และสถานที่ที่จะทําการตรวจนับคะแนนด้วย ในการนี้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดจัดส่งบัตรเลือกพร้อมทั้งเอกสารดังกล่าวให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือกก่อนกําหนดวันสุดท้ายที่จะต้องส่งบัตรเลือก ให้ถึงสํานักงานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันในกรณีเลือกตามวาระหรือไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีเลือกแทนตําแหน่ง ที่ว่าง ทั้งนี้ ให้สํานักงานเผยแพร่ประวัติการรับราชการและผลงานของผู้มีสิทธิได้รับเลือกที่มีความประสงค์ ให้เผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้มีสิทธิเลือก ตามวิธีการที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกกําหนด” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๘/๑ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ “ข้อ ๘/๑ การที่จะถือว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิเลือกกรรมการบริหาร ศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิให้ถือ ตามความเป็นจริงในวันที่คณะกรรมการดําเนินการเลือกพิจารณาตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิเลือก และบัญชีรายชื่อและหมายเลขของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้มีสิทธิ ได้รับเลือกแล้วเสร็จ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๙ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๙ บัตรเลือกให้เป็นไปตามแบบท้ายประกาศนี้และบัตรทุกบัตรต้องมีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานที่เลขาธิการมอบหมายและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือก กํากับไว้เป็นหลักฐาน” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน (ก) ของ (๑) ในข้อ ๑๔ ของประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(ก) บัตรที่มิใช่บัตรฉบับที่เลขาธิการส่งไปให้หรือบัตรที่ไม่มีลายมือชื่อของเลขาธิการ รองเลขาธิการหรือที่ปรึกษาสํานักงานและเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการเลือกกํากับเป็นหลักฐาน” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกแบบบัตรเลือกท้ายประกาศ ก.ศป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือก การนับคะแนน และการประกาศผลการเลือกกรรมการบริหารศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้แบบบัตรเลือกท้ายประกาศนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง ![C:\Users\Administrator\Desktop\จ28\140A049N0000000002900_Page_3.jpg](data:image/jpeg;base64,/9j/4AAQSkZJRgABAgEAlgCWAAD/4gxYSUNDX1BST0ZJTEUAAQEAAAxITGlubwIQAABtbnRyUkdCIFhZWiAHzgACAAkABgAxAABhY3NwTVNGVAAAAABJRUMgc1JHQgAAAAAAAAAAAAAAAAAA9tYAAQAAAADTLUhQICAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAABFjcHJ0AAABUAAAADNkZXNjAAABhAAAAGx3dHB0AAAB8AAAABRia3B0AAACBAAAABRyWFlaAAACGAAAABRnWFlaAAACLAAAABRiWFlaAAACQAAAABRkbW5kAAACVAAAAHBkbWRkAAACxAAAAIh2dWVkAAADTAAAAIZ2aWV3AAAD1AAAACRsdW1pAAAD+AAAABRtZWFzAAAEDAAAACR0ZWNoAAAEMAAAAAxyVFJDAAAEPAAACAxnVFJDAAAEPAAACAxiVFJDAAAEPAAACAx0ZXh0AAAAAENvcHlyaWdodCAoYykgMTk5OCBIZXdsZXR0LVBhY2thcmQgQ29tcGFueQAAZGVzYwAAAAAAAAASc1JHQiBJRUM2MTk2Ni0yLjEAAAAAAAAAAAAAABJzUkdCIElFQzYxOTY2LTIuMQAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAWFlaIAAAAAAAAPNRAAEAAAABFsxYWVogAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAFhZWiAAAAAAAABvogAAOPUAAAOQWFlaIAAAAAAAAGKZAAC3hQAAGNpYWVogAAAAAAAAJKAAAA+EAAC2z2Rlc2MAAAAAAAAAFklFQyBodHRwOi8vd3d3LmllYy5jaAAAAAAAAAAAAAAAFklFQyBodHRwOi8vd3d3LmllYy5jaAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAABkZXNjAAAAAAAAAC5JRUMgNjE5NjYtMi4xIERlZmF1bHQgUkdCIGNvbG91ciBzcGFjZSAtIHNSR0IAAAAAAAAAAAAAAC5JRUMgNjE5NjYtMi4xIERlZmF1bHQgUkdCIGNvbG91ciBzcGFjZSAtIHNSR0IAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAZGVzYwAAAAAAAAAsUmVmZXJlbmNlIFZpZXdpbmcgQ29uZGl0aW9uIGluIElFQzYxOTY2LTIuMQAAAAAAAAAAAAAALFJlZmVyZW5jZSBWaWV3aW5nIENvbmRpdGlvbiBpbiBJRUM2MTk2Ni0yLjEAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAHZpZXcAAAAAABOk/gAUXy4AEM8UAAPtzAAEEwsAA1yeAAAAAVhZWiAAAAAAAEwJVgBQAAAAVx/nbWVhcwAAAAAAAAABAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAo8AAAACc2lnIAAAAABDUlQgY3VydgAAAAAAAAQAAAAABQAKAA8AFAAZAB4AIwAoAC0AMgA3ADsAQABFAEoATwBUAFkAXgBjAGgAbQByAHcAfACBAIYAiwCQAJUAmgCfAKQAqQCuALIAtwC8AMEAxgDLANAA1QDbAOAA5QDrAPAA9gD7AQEBBwENARMBGQEfASUBKwEyATgBPgFFAUwBUgFZAWABZwFuAXUBfAGDAYsBkgGaAaEBqQGxAbkBwQHJAdEB2QHhAekB8gH6AgMCDAIUAh0CJgIvAjgCQQJLAlQCXQJnAnECegKEAo4CmAKiAqwCtgLBAssC1QLgAusC9QMAAwsDFgMhAy0DOANDA08DWgNmA3IDfgOKA5YDogOuA7oDxwPTA+AD7AP5BAYEEwQgBC0EOwRIBFUEYwRxBH4EjASaBKgEtgTEBNME4QTwBP4FDQUcBSsFOgVJBVgFZwV3BYYFlgWmBbUFxQXVBeUF9gYGBhYGJwY3BkgGWQZqBnsGjAadBq8GwAbRBuMG9QcHBxkHKwc9B08HYQd0B4YHmQesB78H0gflB/gICwgfCDIIRghaCG4IggiWCKoIvgjSCOcI+wkQCSUJOglPCWQJeQmPCaQJugnPCeUJ+woRCicKPQpUCmoKgQqYCq4KxQrcCvMLCwsiCzkLUQtpC4ALmAuwC8gL4Qv5DBIMKgxDDFwMdQyODKcMwAzZDPMNDQ0mDUANWg10DY4NqQ3DDd4N+A4TDi4OSQ5kDn8Omw62DtIO7g8JDyUPQQ9eD3oPlg+zD88P7BAJECYQQxBhEH4QmxC5ENcQ9RETETERTxFtEYwRqhHJEegSBxImEkUSZBKEEqMSwxLjEwMTIxNDE2MTgxOkE8UT5RQGFCcUSRRqFIsUrRTOFPAVEhU0FVYVeBWbFb0V4BYDFiYWSRZsFo8WshbWFvoXHRdBF2UXiReuF9IX9xgbGEAYZRiKGK8Y1Rj6GSAZRRlrGZEZtxndGgQaKhpRGncanhrFGuwbFBs7G2MbihuyG9ocAhwqHFIcexyjHMwc9R0eHUcdcB2ZHcMd7B4WHkAeah6UHr4e6R8THz4faR+UH78f6iAVIEEgbCCYIMQg8CEcIUghdSGhIc4h+yInIlUigiKvIt0jCiM4I2YjlCPCI/AkHyRNJHwkqyTaJQklOCVoJZclxyX3JicmVyaHJrcm6CcYJ0kneierJ9woDSg/KHEooijUKQYpOClrKZ0p0CoCKjUqaCqbKs8rAis2K2krnSvRLAUsOSxuLKIs1y0MLUEtdi2rLeEuFi5MLoIuty7uLyQvWi+RL8cv/jA1MGwwpDDbMRIxSjGCMbox8jIqMmMymzLUMw0zRjN/M7gz8TQrNGU0njTYNRM1TTWHNcI1/TY3NnI2rjbpNyQ3YDecN9c4FDhQOIw4yDkFOUI5fzm8Ofk6Njp0OrI67zstO2s7qjvoPCc8ZTykPOM9Ij1hPaE94D4gPmA+oD7gPyE/YT+iP+JAI0BkQKZA50EpQWpBrEHuQjBCckK1QvdDOkN9Q8BEA0RHRIpEzkUSRVVFmkXeRiJGZ0arRvBHNUd7R8BIBUhLSJFI10kdSWNJqUnwSjdKfUrESwxLU0uaS+JMKkxyTLpNAk1KTZNN3E4lTm5Ot08AT0lPk0/dUCdQcVC7UQZRUFGbUeZSMVJ8UsdTE1NfU6pT9lRCVI9U21UoVXVVwlYPVlxWqVb3V0RXklfgWC9YfVjLWRpZaVm4WgdaVlqmWvVbRVuVW+VcNVyGXNZdJ114XcleGl5sXr1fD19hX7NgBWBXYKpg/GFPYaJh9WJJYpxi8GNDY5dj62RAZJRk6WU9ZZJl52Y9ZpJm6Gc9Z5Nn6Wg/aJZo7GlDaZpp8WpIap9q92tPa6dr/2xXbK9tCG1gbbluEm5rbsRvHm94b9FwK3CGcOBxOnGVcfByS3KmcwFzXXO4dBR0cHTMdSh1hXXhdj52m3b4d1Z3s3gReG54zHkqeYl553pGeqV7BHtje8J8IXyBfOF9QX2hfgF+Yn7CfyN/hH/lgEeAqIEKgWuBzYIwgpKC9INXg7qEHYSAhOOFR4Wrhg6GcobXhzuHn4gEiGmIzokziZmJ/opkisqLMIuWi/yMY4zKjTGNmI3/jmaOzo82j56QBpBukNaRP5GokhGSepLjk02TtpQglIqU9JVflcmWNJaflwqXdZfgmEyYuJkkmZCZ/JpomtWbQpuvnByciZz3nWSd0p5Anq6fHZ+Ln/qgaaDYoUehtqImopajBqN2o+akVqTHpTilqaYapoum/adup+CoUqjEqTepqaocqo+rAqt1q+msXKzQrUStuK4trqGvFq+LsACwdbDqsWCx1rJLssKzOLOutCW0nLUTtYq2AbZ5tvC3aLfguFm40blKucK6O7q1uy67p7whvJu9Fb2Pvgq+hL7/v3q/9cBwwOzBZ8Hjwl/C28NYw9TEUcTOxUvFyMZGxsPHQce/yD3IvMk6ybnKOMq3yzbLtsw1zLXNNc21zjbOts83z7jQOdC60TzRvtI/0sHTRNPG1EnUy9VO1dHWVdbY11zX4Nhk2OjZbNnx2nba+9uA3AXcit0Q3ZbeHN6i3ynfr+A24L3hROHM4lPi2+Nj4+vkc+T85YTmDeaW5x/nqegy6LzpRunQ6lvq5etw6/vshu0R7ZzuKO6070DvzPBY8OXxcvH/8ozzGfOn9DT0wvVQ9d72bfb794r4Gfio+Tj5x/pX+uf7d/wH/Jj9Kf26/kv+3P9t////7gAOQWRvYmUAZAAAAAAB/9sAQwAMCAgPCA8bERQbIxwcFxogJCYmHCAkICU0LyAkKCcrKzkrJygpMDI1MjApNzs7Ozs3Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7/9sAQwENCwsQDhAbFBskMighKDI7NDIyMjs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7QEBAQEA7QEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBA/9sAQwINCwsQDhAbFBskMighKDI7NDIyMjs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7Ozs7QEBAQEA7QEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBAQEBA/8AAEQgG2wTZAwAiAAERAQIRAv/EAB8AAAEFAQEBAQEBAAAAAAAAAAABAgMEBQYHCAkKC//EALUQAAIBAwMCBAMFBQQEAAABfQECAwAEEQUSITFBBhNRYQcicRQygZGhCCNCscEVUtHwJDNicoIJChYXGBkaJSYnKCkqNDU2Nzg5OkNERUZHSElKU1RVVldYWVpjZGVmZ2hpanN0dXZ3eHl6g4SFhoeIiYqSk5SVlpeYmZqio6Slpqeoqaqys7S1tre4ubrCw8TFxsfIycrS09TV1tfY2drh4uPk5ebn6Onq8fLz9PX29/j5+v/EAB8BAAMBAQEBAQEBAQEAAAAAAAABAgMEBQYHCAkKC//EALURAAIBAgQEAwQHBQQEAAECdwABAgMRBAUhMQYSQVEHYXETIjKBCBRCkaGxwQkjM1LwFWJy0QoWJDThJfEXGBkaJicoKSo1Njc4OTpDREVGR0hJSlNUVVZXWFlaY2RlZmdoaWpzdHV2d3h5eoKDhIWGh4iJipKTlJWWl5iZmqKjpKWmp6ipqrKztLW2t7i5usLDxMXGx8jJytLT1NXW19jZ2uLj5OXm5+jp6vLz9PX29/j5+v/aAAwDAAABEQIRAD8A9VooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiqeqakmlxbyCxYhVVRlmY9AP84A5NRaBqza3ai4MZj3FgAWDfdJGcjjnFAGjRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRWZ4g1aTRbfzkiM3zqCqsFIDHGcnjrirGl6nFq8Imjz1IIYYZSOCpHYg0AW6KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKjuJ1to2kbgIpJ+gGaAORuWfVbm9m3HNvG8EIHQMYtzt9eg9sYrb8I7f7JtdvTyI//AEEVyvgSfdGZJshzeOTn/p5jDLke+QK6DwdOIo5rIn5rSd0x/ssdyf8Ajpx+FAHQ0UUUAFFVrzUrbTxmaREz/fYL/M060voL9d8Lq49UYMP0oAnooooAKKKKACis3xDq/wDYlo0wXe/Coo6s7cKv5/pS6Bqw1u0SfG1iMOvdWXhlP0NAGjRRRQAUUUUAFFV7u/gsBulkVB/tsF/nSWmpW1//AKmRH/3GDfyNAFmiiigDB8dHbo11/wBcj/8AWqisr6bqVvIh+W6AimH/AE0WLejfUrwfbFXvFRF15Fl1+0TruH+xH+8b+QH41heJtRe2u7YxDcTdySkD+5BFsb17Zx78UAd3RUdvOl1GsiHKuoII9CMipKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKxfGSu2k3G3/nmc/Qct/47mtqsPxtdC10qf1kXy1HqZDtH86AMt/Jt9S+TiK+RUz2WWJcp/wB9KePUimXs40a+j1X7qTEQXKn+Fs4R/wADxn0INV7DT/PgewuGw8GyJnA5BXm3mH4cfUYNQ6sx1p4Le5yjCYR3KDhWCozo/wDusV4I91PSgDtr24k+yvLbgSP5ZKDIwTjjnpya5E+MLvTrJPtDKzTnas6rhFP8QZOzpg4H8RGOOaPCnioaRZta32Ea13oG/hYRjIGezbcEDuMEd8a/hjSEn06JrhAzSSG4wecNIxcfiM0Act/wjUU225vUeRp2/dQEgyvjnLuenqVGFUccmtvSvBcsM63RMdqRj5LVcAj0Ytw3v8o9q09HUX+oXN2TkRsIE9ggBf8ANjz9BW7QAUUUUAFFFZ2v61F4es3upOiDgdyT0X8TQBh3oOseIooQ3yWUXmsvYs+VXj1A5zSaVGdH8Q3EBfKXcQmVewYHa34nGa870/VbmG7upPODSXcSEtD87/Pz5aLx8w6E/wAIGfSnTa3OmoW9wJl3WduxzNlHIUnMTjn5znb78GgD3CiqekapFrVslzEcrIuR6j1B9weKuUAFFFFAHFXvgN3meZjHd785W6U7vosin5fb5ayG8K2lpE19a74/JJ8xAcTRkckqw6467WyGXoRXplYd4F07VIpP4btTEw7FkBZD9cbh+VAHOL42vdV05prfYjQZDyOMq7DhUjUdS/H0zjk12wvFhgWafEeVUtuOACccZPucVgeKbCHRdL8y3RUW0lSYKBx8r5b8wTWZ4117+2I0061G/wA+RQ7/AMIAw7L7kAZb0HXk4oAuWNwdVun1UcrgwWy54PzfM/4kf98jNMhihTUHuHGY7OLyFwOrv80p/Adfxqto179hjkhtgHkE0kdsmCAq8Es3oAW5J56LUGtxtY6d9jt23yGKbBJ64yZ5Tj15Vfc0AdZ4TXbpduP+mK4+hGR+la1UtFljmsoXjGEaJCo9towKu0AFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAVzvjmJ2sllVdwgnilYDrtjYM2PwroqZKglUqehBH50AcxrCGd1vIQHdUOUU8Swtzgf7S9R7/WqGtxQ6xZpdJIBJCN8Ex6HZz5bj14wQe/TnIqDw9KdI0qBpSxg+b94OWiYOwB9dh/ToeDxc1HTGw7wsg+0qd6tzby5H3gRkI/v3Pr1oA5TWL6S6ij8sLG86JG8coBBVxmMgH7wXOFcHIBw3Sum0Hx0y6ZEXgd5BHt/d4YFk+XDc5U8c5H0zVIIdbsDpzqourdFUJIQGV0A2sjdGUgA49/SucvNO0tJJFvAYBdL5scoBLI4+WWIgdQGzx+XWgDuvhzNOsNxb3AxPHcMzjIP+tAcHI6g54rr68W8Jara+Fne7huvOClVljdTGShOAybiSSp7elex2l3FfRLNEwZHAII6EGgCaiiigDh/Fnie68NamHLZhNtnYeMkMQcHs3IwDwenXFcdc65dS2tpGsgmeKRZdr7mlDruyhQDJXOCCenTpW54vttWm1KRoJQXhYPFHgeZsdAGKE8NyDkYODgiua0sXmpRGRYgsO9g2G3PkddyllZ2Of4jjrxQBR8MajNFdMwfyplDKrCLcqhyS5IUFiRnC8Hr1wKdrWpztfrIp82d2TfmLCt5RUoQGAbnHzDA5yORXSX2gafJDHJavLLNnBt2VkJx1ykewxgdm5H1ot9D0yC0Z5pZBOSR5GwsVPXaIpNzEd92R65FAFGPxVcwWMsbP5biVpdkZZZGZ5A2NpAIRQCT1z34ruPB/iKfxHfTSFgYhFGVReVUsWOCe7YHzdgeB0rz69+22EaSNFujLhU/eHzNzcqUBLOhHcZKnoRXT+C49UtNTRbiVS0ys8sSKuVCoFQsVGASei/U0AelUUUUAFcf4+urhZrKK1XzJvPMgXOMiNTnJ7A5xmupvLyLT4WmlYKiAkk9MCvFfFOrQeILlbyW6MXmAqiRqXKR5I+cqwwzckrz70Adf4x8XHU9KlhihdHfah84BeXIGF5O4/TjuaxdF1KaOCV2USyxK0caIAqhIuWJwflUkZYnlyABxmq1npunSsr6eplFqufMcHc80nyxIAegB+Y/Sujkt302wGlwBPtE0exljbPJH7ySR8ehOB6njNAF7R7eDQbFpmbLS/PNKOWZn52JjqcnAx+HNLGrafb3N1OoErW7Fhn5Y0Cny4gfXufUnPpT7HS9rCeSRW+zphSRi3iCjHyg43sB1Yn8ulZPiBX1+wY/Mls0sax54eVnkUGRv9nGdo79egFAHX+EkMelWoPBFvH/AOgitemRRLAgRRgKAB9BxT6ACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAOAg1T/hGJW0uZHx50kkbqNw8tgzkkfxBTkMOuORVmGwks/nsGQJLz5Eh3W7g85jb+En06e1aPiib7JfafKR8vnuhPYeZGVH5ms270ufS52+w7SkjMWtZsBGPdo25AJ9P0FAGbPqFnbXbRXUfkm4ZGC3ALBXQbcBxn5WHR1OVIwRiq+ueHheI9nhsTsZYHdg6iX+KMSZ5EgGRnBzWnfanHq0DWm/yJ+qR3gKsrDlSknQ4PTr6UkOlWutQ4KSQNlTKlvJgrIp+8YuRjcMqy9RzQBq+GtH0bV7BHW1iHBV1ZAWVl4ZSTzkGnR6Y/grdJaqz2pJZ4hlmTPVkzyR6r+I9KxLHV3sLqSeP53jA+0xoCN6gfLcIp/iA++v/ANau9s7yLUIlmiYMjjII6EUAJZX0OpRLNC4dGGQVORU9cV4x0s+HLebU7GRoHAyyrgxuSQMlTwG56isXQfidNbIr3ssMkbEKdmVmGe5TGCB3x+GaAOh+IWnW5gW9kjaQwkABJDGw3MPmU/3sgfhmvMdSmF0kt1NEga/BkVlBdo1VyvI7B/73XPPevUPGdxB4g0OVoGEqfIx8shjtV1LfiADXm+krHqdp5qNzFGqOMbivlyb45Co5KHo+PunnFAFnwh4uGgywSzMXQIYpWxyNx3IvPJ2YOfQHA7VB4t8TNr1xPcQsUjkCwo2D8yocsCQMjO4HHcDHtVOTTbW5me5Yhi7FgrOCm4nLAFCXfJ+6AAfXGKfb6Za21wtwp2mM5Kh9qbh0yXIdAP4gQW9M5oAlgl+wPDfJCmLJE3nBjaQS5VZAMdB2brnk+lekfDzSltYHulQxrcFdqFt7YTI3s3dmJJOOOlee6ysemWimQkGWMRRgghyjSeZJKVPKgniMHnHNei+G5LfwZosQupBHhWbDnB+YlgoHUkA4x60AdXVbUdRg0qIzTNtUfiSewAHJJ7AV5rq/xTupYfOtWgjU5wrkvNxxyoGBn8eK7Lwpp7zWsV5dOZp5EDbmxhdwzhQAAOOp6mgDPGlXfjSdZr1DFaRnKQN95z2Z8dB6LUXi7wzothaFhaoZXISJUBUs7cKPlx9T7V1uo6jBpUDTzMFRBkk/55J7CuHuLm61a7Wba3nshMMYwTDE3DTMCQPMboozx+BoAraXo0VvstFyIbH5pJA4iRpmHzZfrhBxgeuCRiiPULe5uUWzi85bZXBS3UqrvJjO5jgbVA5LElj2wKsz6Za6EiRiJ5ZiD5Mc8nmMGJzu2D5AAclmP51cTV4raMWsObhx1jteck9S8vAGTyeR+NADBBPdAz6i6kR/8sUOLePHTef42H93nnoKSPUz4pu47FFkUWtx5krOMcIAyAdhuY/d6gCrmn6dJcTo93tLRkbIIT+6j9GY/wAT+n6DvVjwenmzXtyPuS3bBffy1CE/mD+VAHS0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAV7+wh1OFoZVDI4wQf5+xHY9q4rSNOuNNhlt4mUtbyOGinPyuhOUkDH7rEH7wyCRyM13tYPi3T2e3N3CB59sCy5/iUfejPqGGePXBoAyDrNnK32W6/cnGPKvUDJ/wGTOCPxNZt74ag065ju0t2SJuJJLaVmK/3ZFx82B0YYxjtxVubUW8hTcWx8iRVYNGv2qAgjP3cB049BVOx0vTLkh7KYxk/wDPrc7SD7xS/wAqALl3pNzftHPDdzOY2zG4iikB/wCBIQSCOoPX0qtpOqy6bM7wRkEHNxa7Sp68zRA4yD1K/wBahXw9H4cyZ0mmhlLM8iB45EPXJEbfMp9hxUNzZ6Ldj7TbTxwTLgpL5s27I9Ff73p3zQBe8aeJ7PXI4beJhJEf382D0ji52kdQWPGOtUfCfhKC61NXmRS0UQmkGON9wSVTHTCKPzrH1S0tvEUjqHWG6YAeYqtHBNnnByBtc8exNdX8PbidJrxLgBLt3U+W2R8qKFUj1HbIzQA7x3odvKYktYR54JkYRHyyY1B3AlcfeOAO+eneubXw9ZaVOl9bmQW8wGx42IdCeq/7ykfdb7wJHUDPoms+FLLxHsluYz5ipj5XZT64ypGea890WS78P2sTQ27GOaUxzRzkCNmdyE2bskEDgnGPqaAOh0jwZDqjNMbtZUcYJgiSGQ/7zLyPcYHvTdZ8KQ6MVlF55eAADLFHNL9FYjcT6cHFcpqiafb3kv2fMU+3iKclVRgQW+YHBBX7uTj9KNKTT5b9DJuln8sDyYNxVnJP8bHAULjdg4znHFAE48M219K+oXDS+Un8RfMrv0VQeQWJ644XhR3I6zwT4ct41kW8iD3SNlvNPmnY/KYLZGMccdwa5u9+0eJoknuLdvLE6JCkJzEoWTbIGC4OSAcMeMdMV6Bp3hiz8OeZNaRfvHXoXPOOQuWJwM0AcH4q8PQaXqsjRRgExLcxgAAExHEsePRl5xW14R8YWumW81rPIAtqR5RzlmjflAB1JAIGB7VX+IXnXt3aR2wD3aB9yoTgK64OTxgdeuK5vR7K08PSgLKHuACDOUaSGL2UAHc/ucAUAdXe3N1qlyhkjDTn5obc8rED/wAtZe27HQevA5yadbaHc6WryT3s0QYlpHKQoCT/ALWWb2AHTtWW1j4ft8zSzJK7D5pDJOxJ9TtOAT26e1Wf+EXTVZI2ghlt4Y8OsjHdKxHIwJGOwd8kZPHFADdP8IQzzveyxPs+6puZiuV7u/8AEdx6LgDGM9a1X12BMwW2ZyBjy7NNkY/3pOgH0NUpdN0u1JlvJA5X/n8uRJz14jTIP+eKmk8V20cDvFG80cIydieRbgduWwT+ufSgCHUdJudQ8mC5YK1xIuyK3OFjRMM0hYcs2BgMeATxzXdWdnFp8SwxLtRBgAVheDbSa4i/tG5A865AIAGAkf8ACg9u59Sea6SgAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKQjNLRQByMxuPCymErK1sGLRvAAzIDklGQ5JUE8EA8cdqypbvTNZiF1LEjo2cPLaupIBxnfHu7/SvQ64fXtMu/CKG5spMW5bMkTAsqhjy6lSGAB5IB45IoAxd+iLnaUXthXu1GPpioU8RxeG8ra7ZYD0RPMMiN3ZDKhGD3H4iuhuH1eADZ5LBwGDLPPyD0IyG60yO41fGCIyT1LTzH8tsa0ARG7fxdZkvFLNE3BAmhQZznBGFIYH1rKjtL8KAYzNEhbZ5Um64hGO02Arf7uT6VNqGjXxlN0jRwyMOXjM5PAx8xk+Qj3OPrWc2tR48m/Ml0Y1zmGTzYsd90aFQCPqRQB3HgDXk1ix8veXe3YoxbIYgE7WIPPI6+4Naet6Xa+IoWs5G5BVvkYB1IOVb26V5ZPNJDcRXVgVjMy7FW1eNpMjLDdEAFxgYI5PuTW7YePV00tPcRI0zBQxQNDKQvTKyAA49m/CgDqZ/CVvbxxtbKPNgJKlznduGGV2OSdw79jg+1JD4OgnikM4/ezSeYXjO1kIGFCN1AUce/ORzWI3xLS+hZ1U28YGGlfD4J6Kqrnc/fBPA5NSP8TIrPaBG06MBtlTChiByCG24Ydx+NAHT6Jp1toEKWUb5IDN87Auctkt+Z9KxPiNrw0qzWBJCkty6qpT7wAILEYI+g9zXOzfEGTUbsSQ2yo4XYHKtPKATyAsfHX1as9boPeXF5dbGCjymW6lj8zjlsRhSADnGARj1JzQBdj0m/uVMRAt4mYFknkZZpzjq8qg9eyg8dMVoS6s3hGNQYJ4E5CossMqHPPyg5Y4/TvWVDrEkrJFZStZxY+Zbhk5yM/IkucD/gWPatK20m6tZftIIkl2/6ycTKxz6NGzx49hQBFc67Z+IChu5Io4BhvIZ2VycfecqoGR2UcA96SYeG35Lq57A3E7foBkitJ7+9Q4YxbgOQ11t/ISQk4/Gno9/NGZibeKKPkv50r8DqcqEB/PFAGZHf6TosRmjgAVRnMNoxODxnzJsetbMdvdeNwnnxNBaIVbZJgSSFeRkDhVzzjqfpUmj6LfaxHHLfy7owwdIlXb0OULkliT0OM49c11lACAY4FLRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABSMocEEZB4INLUN3dR2MTTSMFRFJJPYCgDl9U8GSW2ZbCeSEDJMSyFYz7DOdn5Y9qxTrdhdoCt3eMejIPMYgjqMxoF49jVHXtb1DxEJrhkC2ttGsgidmQuHzsZtvJzjO0kD+dUkhl0eW3gdJ7Qz73laJ9wZQMsBEgITnAHoKAJ21XRCUdllfJIBkheXJBHTzZCMg+g+tb97q8WlKS1jcuqjI3qFjGPZMgf8AfJrmFKav4eieMk/ZJ5Im7EJKflY/Q7Tn616XpGvw3GmLdysFCJiTPZl4YfXP50AcBrxi1uwWeF4Y5mZDFFaqvmE5zy5AbIXJ4AH1rqLez1yaFJbe7hmR1BUzxYOCPVDz+Vcd4x0i5keO4RBDIGLQAEK5XO4RkdnHLKOmCV6gCtLwf4ybny1ycky244cH+J4s9QTy0fUHOKANa+0fUL8CO8tY3iJy/wBlfa2ccMFYD5ge4OcZHIo0/SNWskMVvbQIisdnnuXIHrhQfmPJY556dqxfEHxJbU777JbSvBCo+aRIi8hI5wFOCB29ad4b+JB067azu5HmiIzHK0ZWTpnBUZJz0Hv7dADe1C11u1tZJrm8iiREYn7PF83A4AZzwSeBxXN6KYtAsxcGSF3CnzoblQZAwPzYYKW5PYgj3qXxh4umLIHT94WBhtvvMD/DJKB3zysfryag8JWE2lbrllE5Embo5DsB12qOdxQnc/0wMkUAbdlrX9qQYW0ukTGcNEk0f4CTBx9MfSsiDWdFuVLoki4ITMaTQgs3OP3blQT9K7vXtfjstPNxEQ5lAWIKc7mfhcY/M+wNeZzCLTtEaJmCrfXaKpxk7ItoaT8SpP40AdBLrFvZLiSa6hf5VRH3tu9gZo8DPrnjrW5pPhKaY+dfyvLlgyws+6NcdM8AMR9Me3euAj0w6lDdRJbS3EkOGSWaQqwTrGfLfrkLyAORXQaH4h1LRTG0kSvbSwebiJy5UDG4rnnAzkpk47elAHpNFR29wl1GskZDK4BBHIIPQ1JQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAVxfxGu0la1sHDmO4lLSCNWZikYyQAuTySK7SuM+Ilrc2/kajbuYzbuVdgobCSYDNg8HGKAPP7uHTZ7OWaQ3G9rsJucSECNWACkkbdwXPB5FbNsY0a9mtL5iILbYvnrubbgkhS20gZ4Bx169qkutKvp0vbGO5WQLsul3RjL7/nJDA4HK+hz7Ut39r1W9gubi1t7gXtvsjw5CgqN5JJU84J/LA6UAVbWf/hErqNLqKNLS/t1RxG+9c4xvOQCDg89uSQSa0LmwOkubKfdJDKVZSjYZwmCsiEceagxuH8YAYc1lQ2kuhxrKLRD9l3QXBeXIYygAHvtUZHzcdadaawfD27R9VAmt124eIljGWGVw3Xjt3HbI4oA6LUNL0N5LQKFeOTzHLHLu+1cBdx+YsWbOOuRWFqHg+4u7iRWQ74kWRZEYeeFYttDdA5G3qCG9zWnHZahpH+mWkguI2582IByf+ukQxuPq6Yb1Bpkni6O4aa4nDKGtwj+Tl1JQsQMjDRg7sHcoPvQBzunzvfpNFJcJLIzxOd0oi82MKQF38EMDgkHn1qO+uW057eBLhY5UaZiyv5vlI+MIH5LHgnA7niuUicy20iBUG1g5J4b+7tHqPmzj8aWSXZbxKyoRuZsj72CQNp/754+tAHoNr4NkttQ8pVY/uhK7l8zsrEqQvGFPrySRwGra0/SNDAulOI0hkV1kjYo6iRR8uR82QwI2nJ9qqjxatlMLq3UyBrdY4/Nyh+9ux3eTB4G1fqe9PjsL7Us3+pS/Zol5ywCuM/3V5CE9Nx3Oe2KAK1rYLqjeQgMNtaqwLO2TGrcuST/y1cdv+Wannk4rLaSTxbNcXcESG3soDHEruYyuBkOoAPzcZGcdhmkv9Tk8Yuml6eot7PftDNkB2ALfMeeTjIHU9T7Q3K2U1vcPLaOrDbBD5G4xbkyudwxuJb1ByPegDTdktZ7O5vr92W6gIfyz5bDA3LkpyRkkc85/GstZtKtbVjELhzHd7Udd+0xs3KbgQBuUnI6k4rW0+xlS7gFpZJC9jBuma5wgYumOSN3oSPx6VHYzarJbxYlgjW9na427T8ojO8secBPlHvyOetAHU/De6AW5tE3eXbz/ALsSAqwVxuCkHng9M12dcv4Bhnmt5L+fHmXkm/ABA2gbU4PPQZ/GuooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKbJGsqlWAIIwQeRg06igDzTUfh9b6FeG68pp7VlIZUZhJHnuoUgsvt1A7GuYtLCO8tZVtIZZjZyZWeKRlJXOcbGIK/LxlRnjpXuVc5rPgHTtZl84q0Uh6vC2wn644P1xmgDzC7k0x2nZhdIlzbK8e8ucuoOc8/Mo45PAwfap2sZpQwS3WJVhjlaJmzDtEbASuwOdxJ+Vfbmr/ijQ7/wEiXMUvnwKjwqJRyglHPTrnH/1q5/R9QfXVh0mFXCSOpnfOXYL7nhUQDgUAVtL/tnwvbLqEDmON8HG5TkZxkoT0yMZxWldeNJPFFs6T20W8L806/IQO/1J6AZ59K3tV8PQeK9QENmHxFCqkSHbEEGNh4+b5iCQOCeuQKx/GuiWeiCOxM+ZmO84GyJAFOBsUE5Y9ySQOTQBrX/goaRodteGNZZLb95IjjIZZOSp/wB3P86bN4OEvhye7aIRySuLgIo+6i9FHf7pJp2kfFiWK3WOZI5cALnf5bHtypBH4g4NHiH4oPe2zwReXEHUrkN5rc8YGAFX6kn2FAGRa+Om8KwLFDaReYUGJiS24Y4bpn6jPB4xWTrP9s+Jbb+0bht8a9gyjaN23OwdBnjOK3PBmg2OvRy2Sz/voySNw3xOCOoVgCCDwSCD0NaugeHoPDd7Ja3odfPhZOGDRFD1PI3cE9/u+45oAybbTZ4pI4Jo/PLIZRFG/lQlVjAWZWUj5uMEYyetJa3cDWltbNcSy26RtNKlunzI2cqu4DI5J5PpnvWXrGpSaXHJpVwr5tnfyJM7XUNkYPYow9D9PSup8MeHbvxUou42FlA8KxMIfvSbAQxx0GTxk80AYc9vHDZJcXELhbqZSZWuN8pjLcDywRn5RjJrptL8FJ4kuluWthaWqDCxjKySD/b54Xjp/wDrrqtD8B6XoBDxx7nXo8h3sPpngfgBXQ0AIqhAABgD0paKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAIrm5js42lkIVUUkk9AByTXGR+L9T1i7WO2jSGKSNnR7gE7wuAThWG0c8ZzWx460ufWNLkghJySpIHUqGBYflXmqvpF3OrsjrawyeVt/eszDDfNu6DnBKLyRQB6OviK/sMC7tGI/v2x85Prt4cfkamTxvpT8ecAfQq4b6YK5rmBaW0TL9htL1cnAMcjQqQOed78D6gVPfedb/vLxjBHtH+vuySR3GyILk/ifSgDC+JGt3viR47C3gkEbOCN6lWc44IU8hR6n8cVhaBpGo6G8kwVpLVGAmMJGGCcsoJwSAeGxwea7zVNfi12zeFVnjaSMjz/ALOwUDOSO7bSB27Vb8P3MevWzaXcxIqrChUwMfKeM8AqRgjkYIoA5nVNS0/xITc/YLwNKigSQgjgDAIwdpx9K43+zB5f2h1ZNkxQPOMoxAztcZJVgPw+lelXNzH8PLlYbUvNE4LSQDLtGo/5aKew9QeDVfTtG0PxGty0E/my3PmsqSHBQuOoQ9/9r06UAeX/ANmeX5ZljcISdzx4kB9NvQcfWlt9Ka6L+VGxUMCHkIRQuf4s8c/X869T1DwQkEMd5Onzho/OS3LKuzbtbAXBJB+YnqenSorXwHJLZPcxIomlMmxJ8uFjcYUfNna4HzA+vB4oA4iHSIbZo7gq8ySTFWa2+UZwT5cY4J9zjGOnrXUWWqaZ4ekN3/Z94NqlS0oZlAbg/eOOa2NXsdG8MtbvLP5TWuxzFHg72RdoYqOc+/cdfWi0lh+I8zR3ZeOOPDJbklCykZEjHqwPYDgfjQBwer+HdU1iSOV1ZIHyIDMRgKxJRCwzjOcLnjtW78PPEt/4e3WVzC7QxsckKS0Z75A5285/UZrpvFWoxaZbnR7eNMC3yzTsViRCdoyTkkk9AKr6X4ptbLTY4mlU3BiCl5lliRsdvNKDseD+NAG7J8QdGQcThj6Krs35BaVfEV5qORa2jj0e5/cr+XLn8hWHardNGXEVwyNklra7jl49idr/AIVSmi0iGQy30d8uBndcGVl6YzlCcUAal54j1zR7sQPFFcZiMjCElCqg4P3icn09a6XQdct/EVqtzCTtbIIPBBHUH3FeOakmmrJc3dvIxSNowiDzWR1IBYO55GeRgkYr03wDpMWm2jyQ8RXMnmxrnOFZVwP50AdPRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABXmfijQH0me3gUA2rNMAXLKiPKcqSVycg/dJr0ymyRrKpVgCCMEEZFAHN2+havcBVuL3CBQCIECscDu7ZPPsBVuy8KabpJM5QM/UyTMZG4/2nzj8MVsogjAUDAAwAPauc8VtHNc2tvcHFvKz78/dZgB5aN7E5OO5GKAJZ/GtkCRCHnK/88VJX8XOEH58VzNiZbfzZLZPIEjEsVZZGAJJ2iRtsMYyScDce9O1cSLMLWLDMJFjQMqnL7Qx2ocpHGi99pJ7Z61Tl0mIFWvJHuGJIUy7nBK8ERQLjIB/ibA74oAbDPCiu0KibcfnJc+SW7GWd8GUjsijb7VR1iza2ZNQaQi53B0crhpGHyrHHCMER+rNyfTmraapcXjH7PGsKRHYJ7giVgT/DGiDbu9kBx3NT3OnQaGv2q8d90gx853XUpPAUYz5an0HODgsOlAHV+G/GtrrabJCIriM7ZI3IBDDg4z1Gf/r1W8WfESx8OIURhLOeAinIB/2iOg/WuP0/TotQOomeCFHitVKogB8vCtxn++MDcfWl1bRobeew8iGEs1qWaNwF8wkKCuf7xBO0+vTmgBNJt/Mke9uGLzsQZGEZMsDjOMx87oiDg4HSrcyQAq0m2EAnY6Fmt8+qSr88J9VPyj0p9pAupKJ4ZJGMI2iSPAuogOsciH/WKPXr9aguNRudPcSSIjpMcfaLV/KDn+66MDHuPcMB9aAJ7mOWSaG5uB52xl+ZWXa4XJCsRmJiM8E7D7V1lv4u0zUgIpQUzgYmTCE+gblD7c/SuKh02OSRpYi1rIpG8IGhwD08yIH7p/vxnHcir2n2xllMcnDtL5MgKrvVmBZGyoCyxtjncufegDqLjwTp9w4mh3QP1DW7lBx0+UZU/lWfq2meIooHhhminV0K/vF8uQZGM5Hyk/UVY8LwDT76e1hP7pEjLKuSiSnO5VznAIwSvb8a6mgDynSNOu49SbTRCtsJrJlkCMJF6ECQgfxduetenWFmmnQJAn3Y0VR9FGKWCxhtpHkRQGlILHucDAyfap6ACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAqG7s4r+MxSqHRhyGGRU1FAHNan4ZNkIZ9PVVktnZth4DhxhlJPOSAME9KxtXNxceZdTRPaxy+RC7MVLhN537dpO1TkAn3zXfVHcW8d1G0cihlYEEEZBB7UAcTrc3/CPMwt1TzUiZ97D5IYQdqhV7knjA6nknFZkGkNpQN1dSM9yyK0kh5dA/CRRj/no/TP8PbtXT3fgW2eJ1jZw5j2oXdnVAGDAAE9MqODniq2ptf6hGsH2Urc7438xSphzG2QxYnOP9nGefxoAxY9Ln0aVnnVU+3Wc6BEHCeWu5V3dSSudxOSTRd6Tc6rOZrdVkFnawxGNuj7l3sobPysBgqeoNdX4yspLqx8xF3vAwkCjqQOHUfVCwp/hOwaysQzLtkmJkYHsX6D/gIwPwoA4y70N/ECrc2rstyqlo5R8jSBTho5MdJEPGe/U98aGgI2rOEmALSxht5GBLHnbIkijjzEJxnr0PTNXdMudQ0qD7M1o8lxvkbflBDl2J3bs5A56Yz2q7b+CYDbxpM7l0D7mjdkB81t7jgj5SfxxQBz2lR3FtKskCNcJaTzwhlILNGQNsZ3EAqGP3snGOldDpPh17lp7i/VS91tBjX5lVUGFGeMnnkj8K3bKyh06JYYlCIgwAOgqegCCysYdOjEUKBFHZRgc1PRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRWZ4j1GTSbJ7iPGUKZLI0gCl1DsVQhiFUluCOlc1pvxCbXoooLQI928gWQBZDGiKxDTfMEypABClg2WA5IwQDuKKKKACiisnxL4hh8NW3nyDJZgiLkKCzZwCzfKo4JLHgAHqcAgGtRXCXHjy5huYY1a0kW4uoYwIJvOZVbIcscock42kJtHIbnbnu6ACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiobu6jsYXmkOEjVmY4JwFGScDJ6CgCaiuMi+JEJg+1MIRHgtsF1Gbjbzj90QF3EYJXzMjpy3ynrbS6jvoUmjOUkVWU4IyGGQcHB6GgCaiiigAooooAKKKKACiiigAooqpqGqW+l+X5zbfOlWJOCcs+do4BxnHU8e9AFuiiigAooooAKKKKACiiigAorzLQ/Heoy2ksYkS5ujJEkSssYJck+aMQyEGNFGRIdqnnJwMV6bQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFUda1iDQbSS7mzsjGTtGSckAAD1JIHp6kDmgC9RXHj4iQWsay3JgCnbkQXSTyKWIHKBUyFz82wufQEZI7CgAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAOP8H+N38RXJt5AqyBZWaMI6tF5cgQKzMcOWDZyAu0ggjni7qPih9N1OS3dQYYtPa5JUfPlHIIGWAxgdMde9Zut6pD4d8Qi9utyQNYCISbHZd5mLbcqp52gnHpUOn3Nr4w1ySeENLbNpzQO+yRF3GUFk3ELztbPHOKALcHiTVb2OJIxaCW6i86MSTMCqkgqpjA3yHZk7l2rkNwNo3V9Q8f3DafbX1tbv5cwlaRvLM3liLg8K8YwW6MWX5QTjPAx/h1plx4ljiuLkMsFr5WwDAWSSEuqycAH92hVP9vaNzHaVrd+H1y9n4XjlRDI0cc7BF6sVkkIUYB5PTofpQBe8La23iKZ50u45Y412FI4mj+YncJCHy68ZXGWU43A5yq0bDxlfXuj292sKNNcGUEnckEaxlwZHY7sKu0ZBYFudvpUXw9nm1G9vbyR4pPPFsd1uJPLyqMNoMgB3BdpYc4JwcHgcFd319aaXFpcixtDE0UkjIZSqB3kzFPsGQd5GVGCNvGWxgA7i28X3guIY7v7HcwzTJHmzcuUkY5iLB2PGVJGBxjOcgA6GseI9SF59mtvssPICm8lZXkydvyRrhgAwIych+CuRWJqdxBqttptyIolkj1KCAtEvyYidxhGKjMZxlQMgdM5Bp/jWe2ttcUXr+VazWYVyYfM3lJWPlhtjMv3gxK4IwOQdpAB0ugeIJ7lrm2u1UT2WwuYA7IwkUuu0EF84GCMHJ6ZzgYTeM9Xuopr23jtzDbli8Ls4ulVGIbcM7UYhWYA5wOBuI5u+DbldU1TUL6IMYJ/s3luUZVby0ZWxuAzhhg1n+HPn8GzSnl5YLxnY/eZiZBuJ6k4A5PPFAGrrnjNreC3a3VUa8VXWS63JAgZC4DuONxAICg9eScY3TaBr9+9/Jpt/HGJViEqPASY2QkKeGO4EN+fPAwC2JB+9l0CJuUMDsVPK7o7ZCrY6ZUng9R2rV/5mz/uF/8AtxQBiw/EK5lYw3TrYyScKs9vICA7MquJC5U7Op3RqrEbcgZZbWreMr3w/dfZrk+XEixr9pe1kkR3Me5j8kkYXJ4CqH5zkgDiL4pahczxNpyeWqyxK2XEheRhKMRxhFILAhcg84cHgAmul8W6zPolsskPlhnlVN8+/wApA2fmbYCQCQFzwAWBJxQBz+o+MZ9GsFu/PjkW582SNzE7xggLstvk2HJO753wflO5M9NbUfFM0NpYXMaKPt09sjBsthZ1LHBG3kdjjHtXKW95LpPhu3sy0caXEV4DNKsuzGZCgUBQcyBtyFsfKDhWYhaZcandm30qyubWWBoruzwzYZCqjaMkY2ueTsIyAOaAOr8ReJrq2vEsLQRJI4zvu96RNyoEaEY3v8wPHA6cnOKkHjDUvIubdrYPfW0kaBYtzRN52Sj55KqFGW3EDgZZS2FsSfvvFaK3Ij04soPIVmm2lh6ErwSOSOOlHh3/AJD+q/8Abn/6KNAD7DXNTsb+Gz1FYSboSeW1sX4MS7mDCTsQeCO45HORlX/xBuNNvJY7kC2jWRxH5tvKyyCMgcSq3BbOciJgox948HS8Rf8AIf0r/t8/9FCm/EXVprK1FshijW5jmV5J/M2ABPujYrfOwJK567SACSBQBn23jS40y+SwuJkmyYAj+UVMwuG++rIfLVYwwHRt+04IJ46LxPrc2i/ZfLCn7ReQwtuBPyybskYI5446j2rndbhktNG0p3RwLWazeXCMSixRkuzAAkBe/HFM1zxRY+LZrKGxdpniv4JXCxScIpIZiSoAALDJ96ADVPHktpczW94iwRbpFQT20rpKqYUjzFb+PJ/5ZMqqRnd0JqHi6bwasFu8kckYtWkWXySFlIb5IUER2R/Jj5vmABUlfXT+IurTWVqLZDFGtzHMryT+ZsACfdGxW+dgSVz12kAEkCs/xXC9v4MCOCrLbWoIYYIIaIEEHoRQBY8aeO38N3f2ZTGn+itKDIjybm3FVjARl252n5iSPYd7U2qeINSuJBZwxRRR7VzeCQMzEZbATjCk7cjKkjKsw6cv4g0eUaFfardKVuL0xHawXMaLMgRMgA52gbs4JwMgMDn1OgDkrnxncXWjwahZ27u08gUqEMpQAsHbahXcBtIHK5yCSOlV9D8Yrrbef9sj8u2iaWVFgZGKlehDM5HlkZLIzBidpAwC1r4W/wDIAtv+2v8A6NesXw7NL4s1iWa5EZWSwkheOPzQ0YMo/dyFlXEh+ccYztJAAwSAWLvxfrMpjkgFqi3IBhjnMhlIYEoGZD5atJtJQFhnlckqado3iTWdV0+0FqqzSzLI8stwjRxqEdlC/u+CSeBg5wNzKN2RX+GXh5NQ09b65yzySIV2yOo2221IgyKVVirRkjIPYk5zWx8Lf+QBbf8AbX/0a9AD7DxTdJHdxXEQe5sQpK24dkfzV3RhRguD2bIIH3s4zjHu/GOs2m+Qmwby9zNAkzG4Cpy65zt3IoO4gY4JAPSpR532/XfJ3eZ5EGzZndu+zvtxjnOemOc1heG7i2vvD1zZtFC3k2jzq0au2GKSKS5dfllUr1zypGwbVoA6M+P3N7EhTy4p/s3kiSN90vn7SxEgOxfKDjIw2SCMjPFrx9/zD/8AsKW3/s1ZWrBk0PSZtrFIJbOWQqrNtSOIlmIUE4A6mjXPFFj4tmsobF2meK/glcLFJwikhmJKgAAsMn3oA09S8Tahdag1jYiGNowM/bfMQyZ3f6tRgsq7Dluh7cDJdZeOP+JRPfXMflyWjPFIgOVMiYGARu4ZmAzzjPUgZJoP77xDqTNyY1tVUnkqrRlio9AW5IHBPPWsW2tY7zRtaRxkC8vG6kcxqrqePRlB/nxQBYvPGOs6VKxmS1O2N5DCryCXaqhivmFTEXRWDMByV5AwQasa746nsmgljjZLaaCORpngeZVMrAKrBJEC4HJwzE5AC+tGz8PIvh2S+ny08ttcXDESPsLTxSfN5eQgbY+04X6etbdvqcmjeGoLmNQzJaQfeDFRlUBYhAW2oDubAzgHp1oApR+KrlrZ72CaK4WVgi7v3EMOz5Gd3cBvmZkbyyd2DhCwG4utfE+p2TwS3ZtZYLqZYVazZ2Id8gHLfKVBUg4OR15xg8/5dx/wjeoy/JKz3pl3RKXibDws5UOvzIpVgSQV+U8kc086jp+q/ZLexka5mGow3E7LC6Zx8rykBFVRyufzJJJYgHV+NvFD+GIVdSq7lkIZ43kUsgG2L5Cu0vkkMTgBTwe2TqfxFe1mt0VVXz7NJwpV5WdpD8sC7MbScEbyGGcfL6t8U6PP4ajvbm33yW95DN5sQOdkjqf3wB6qejgEYB3cqoC5NlPdx6hZR2oPmzaLboG2hwgMgLSEEqMKoOPVtowc0AddPLD4d1S0s7WCKNL3zvMKRhW/cpuXG3A6k9QfbFZnh/4ifb/O89QGhhnleJEdXjELgbCXOHZgc8bdpBBHPFRhd2niHT7ScvIITdeXK4Hzo0AwCQTl0IKscAkbWI+aqvjiyfWPEkNgCAt3aIjk8EIkzTNtOD837vAyCPX1ABsaP41v7p2WWBSXsGu40jJ3Y3sqRk5fcXXacgLgnG3PSjY+NbrWCLKS4SzupCq7ZLV0dSQHyN8kiMG+6A2wnO4cgK2x/wAzZ/3C/wD24rK8Wahc6jq9vZfu1S3vLVwpEhmfuXXC7PLUFgxzwUOSMgEA6jxRrf8AYNusxIRTIFaRkeRUBDEMVQgkEgL1GCwOeMHEtPHNxqGn2bwxIbq+MiqrMVQeVuDyE4PyjAO3O4g4BJFW9Y0efSL/APte03vuAFxCpz5iquAyg/xp1A43AYBBJ3cIbJ7nw1pphIWaS5lgVm6BblpkcEYPB45wSO1AHUab46vYrhI7oQSpLPHDutWkBRpBlCVlALK45VlO3AJBbgVeu/EWq3+oS2VikKGAAk3fmqXDcbkUKp2qwKluQeCDzVHxToNrov2DyAwzqNmvzSSSfLH5m1RvZsAbjgDA5qvcXNxo3iR3CRSLd3Numxs+eAsG3zkGPuLucM3PRl45NAG3p3iye90i5umjEc9mJkdT8yeZCm44weVPHf1GT94lz4h1Kaxs2tYBJPeRoxYhhAmVVmLEHIHPyjOTz1IAbkodTuVh1KyijVUnv7pXuJ22QoJBgAkAkkhSOwVimc7gK7/wpIsulWxVGRfIjwHKs2AoAyV4ORz0HuAeAAZthrmp2N/DZ6isJN0JPLa2L8GJdzBhJ2IPBHccjnIzLXxvf6uA1v8AZI1uc+QLiYrIAsnl/MgyWLkHbs4GCCScZikvrvVfE9qHWMJbtdgKhZpVUJs3yAgBQ52lOMEMOTwThaOJNL+0uI3a30mSRCFLEzbJzJCD0UGF8uzjkKcFSpOQDqr3xWmsabZTiFGjvruKF0mXeACzBscgEhk+Uke5GeB2deRW8s9jbadp7IGjh1KEpcQv5kL5dmYA4XBHmAdwSrjOVIr12gAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKo61aT31pJFDIY3YYDKcHqMgNhtpIyN2CVzuAJGKvUUAedaF4kn1i/0+ENIGT7YZ4tzsUUFkiWQ4GSuAMt82cE8sCfRaKKACiiigAooooA5LUpLiz8Q2qmRylyZNoEhVFWGBtyGMDaxZmDbySeAoAAyetoooAKKKKAOS06S4tvEUltJI7hraSYZkOza0saoojwFUoFYZGS2SxIztHW0UUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUVX1DUINKga4nYJHGMsx/zyT0AHJPA5rh/G3iKPXNOmshFLA0jKqPdRmCJihMnDuQBkR4AbBJZeANxUA9AoqG0uPtcKS7WTeqttcbWG4ZwR2I7j1qagAooooAKKKKACiiigAooqpqmqW+i27XNw2yNMZOC33iFHCgnqR2oAt0UUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRWSviKE3xsikgO4oHKgxlhGspTIJIOxs/MADg4JIoA1qKz9L1uHV5JkiDYt5TEzEAKWUfMBzu+XOCSAD2JFaFABRRVfUb1NNt5LhwSsUbOQvXCAk4yRzx60AWKKxJfFttbWU15KskYtmKSI6/OG4wOCVO7cpUhipDA5Azh6eK7JiykuDGdsn7t2RGwCytIitGCufm+fC85NAGxRTIZkuEDoQysAQVOQQeQQR1BrMXxFCb42RSQHcUDlQYywjWUpkEkHY2fmABwcEkUAa1FZ+l63Dq8kyRBsW8piZiAFLKPmA53fLnBJAB7EitCgCjq2s22hxiWdiqkkcI79FZzwgY4CqST0AHNPg1S3uZvJRtzGJZcqCV2uSFO8Dbzg4GckAkDFc78RZUmtBasXTzAztIkXmlEQqjtjzEYDEgDFQx2FwVwTUuhWtr4dv/sYLy3NxCkkjhURAkKiNPlXaqrnIVVDMP4jjBoA6iiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigArnz42syrOiSuu5kjaOJpFlZFJYIVznGCMnapwdpIViOgryTQXu5nTRLOVlks5Z1aQOyKqxzq3m7BhX37mTy2LjgHKgsSAd3ceN7KCyW8xI2+URCNUzL5h6xlMjDDByCfpnIzY0PxPBrbtFslhlQBvLuE8typ43gZOVzxkdD1xkZx/AtpDNJeysil49UutrFQWXcEBweoyOuOtS/8AM2f9wv8A9uKANPS/FFvqtx9nVXVmhWZC4GHjY4DjaxwOnDBW5HHXDIPFcF0snlpIzR3T24QBAzPGpZsEuFxtBOWK9MdcA8VpOoaVoGui7SNrW2u7VgjSKyo7GYfMvJ2KVAIztAXBwARmxpB0/UbO8SeI3KT6vMI1i+YsxCsCrBlAG0EltwG3OTg4IB1UvjKzj0n+1gHaHAOAo38uEIwSBkNwecccE8Zi1PxvBp129okFxO8QUv8AZ4t4XeMqCcjkjn098ggefnWrRPB8mnNIFuYSA0b5R8m53YAYDJA5OM474r123tIbTd5aKm9izbVC5ZurHHUnuetAGfceJ7KCyW+D745MBPLG5nZuAir1LE8Y6g5zjBxVm8bWdtIEkSVAG2SO0TCONiFwHf7ozuGCpZeQc7SCeKtf9G8IWd71+xXSzbem7bcOu3Pb7+c4PTpUOsvd6nol7fGVjbPtRAzs5kKXQxNhv9VlflKKACcnaoCigDvbnxfbw37afGjyzIFJVGiX7ylsASyRliFGTtBAB5NQXfjT+zFXz7aXfNK6wxxL5kjoihvM2/KU4PKn5h3HXDPGWlaO0Ymu7UzO8igCBCZmYKeMoVYgKpJycYHqBTPhxaY0mCWVP36LJEWdf3gVJnAQk/MAuPu9BjpQBsaHr8GvIxQPG8ZAeOZdki55XK88MOQehHuCBp1ynh3/AJD+q/8Abn/6KNXfHN7cado9xLbg+YseAVzkBiAzDaQQVUls9sZPAoA3qx7LxEmo6lLZQqHW3jUySBujsxAj245OASSCQCNpwa861zQNN0zUrSTCFHmQlp3Z1mQqHedpWcR5B/gHLHkhlZVrqvEtzHY6fDFpbRQrfXccPmQKuB5mVZl2EDcNuM9fQggEAHZ1Dd3UdjC80hwkaszHBOAoyTgZPQV5Eun2Fu7ixQ29xZ2jXKyrO0r/ALv5TFLGVCo5BO9Rwp45XIPV65dnxslppqZjF3ClzPtIJWIYKqCygEs+BkcjGSpBxQBL4N8XXOt300U6Oglj8+AMEUeSG2AkDLbmPOSxB6qFGN3Z15l44sZJNSltrYFSdKjQCNW4U3aKRtjBbaFzkAH5cjHaszU/CkWmaLcagFkieKVTCD5sQUiYIZUVpGdfMQJkP8wK5B27cAHsFc1f+PLa1uXtooZ7locBzbReYqk5+UncOeP6dQQOlrPvZ7bw7byTiPALbiIkyzvIQo4UfMzMQMnvjJxQBn3HjiwtrJbwlsNKIthAV1kPVG3lVQrgk7mAAGckEZd/wkznbKbd1gEbySSO6EKgTcrDy2kEgbBGFbcMAkYZc4vgO2t9dt7wzwhlbUp3CToCVJC9VOcMMkH05FZ/g+1sv7ZkS0glitJ7JuJlfZKRIo3gSFtylHGM9ieBnkA6O28ZPqtt59naySk4CgyQhSTglSySSbCFJPzgdNvDFQZdU8aW+nXDWyQz3EkeN4t4S+3cAy5J2j5geME9DnFcp4g0/T9P1e3NjbSRyx3luJZYkdYQr4Ux5BCAsHXIAwQ3JySKbBpNxqGrXmkqw8lZpbiQvGXjY3CR7I2CuhBTLMpD8sA2AVGADql8eafJAJE3s5mSHytu2USSdEIcqAeDkk7flIBJFW7vxRb2dtHOVcmWYQqgA3mTeUKcsFyGVsndt44J4zy+ieHLfUtQ1GyvB9oCLYAs2QxZICN+QdwJ5zznkgkgmuf8IWf/AAmlrZ6aebaz3y3HO0lnkl8tB8uemSSDjDHkMBQB2GpeKtK12J7KeKRwFkedAVBjWCXaxcrJ2ZcgIWYjnGCM1/EHhDQfDemzytFKsRChxDLJk5YKp2tJtJVmyN2QPTtXKT6LaXPguO8eMGaEMFfkEBrogjg8jk4znGTjGa6Px74p0/W9Pm0+2k82Q+WWMavIiKrq7SMyKw2qByV3EE4x1wAdxf3qafEZWBPKqAvUs7BVUZIGSxA5IAzkkDJqvoutw65G7xhlMUrxOrgblZDyDtLKexyCRz1zmsLxdLOQlwdlxp0kYWePGcKxz56soLEKMHjoBkddyw/DCKCG3vEgx5S6hOE2ncNoCBcHJyMY5zzQBoeNtUuLS3S1tcefeSeUnzEFQwO6T5fmwg6kfdyCemDt6fZjT4FhDO+wY3SMXc+pLHqT+Q6AAYFc54p/0bWNMuX4jWWaInr808e2MYHPJB5xgdyKq+LIm1fVUsZlZ4fscsiRCRoVmlVh+7LZAO0AMMcr948cUAdbqGoQaVA1xOwSOMZZj/nknoAOSeBzXGSa1d2zWetFWSG72xzRPMzxosjDy5hxsXgDcTgchcBiWrH8C6bosF3d28wt5B5yLF5ybHJIO6MRTMzgKxCjjLHOS2OOo+Jv77R2tl5kuZYYox6sZFYDPQcKeSQPegDq6x4PFFvcW91cBX22UkyOCBkmEZbb83IPbJHvitivL7fWo7GDVbGVJFa5l1GSJih8tgiEMA3cjac8YHTOcCgDtZfFcCJalEkd75d0aKEDYCbySWdUGARn5up4zVLxTe2Ot2cVmRLINRAaMQbVcqgEu7MpVQMAZzzzwOuOfP2DxJ4fkt54XWfS7QZWVWjdWEHysMH7rbc4PXAJXpWOtn/wmWnm4fm20zTiiYOCZxArMcbQ2F4HXBKgjILCgD02HxBb3Ngl8mWSUJtAwWLSMFVOu0NuIU5OAepABNZ8fji1nKRpHK0zzSxeUAgcNAMvklxHgDByHOcjGecYU4uYNKspZFWawazgS4iK/MoKqfOBUFjt4JA6YyOfmXK03QNOv9D1IhFdLa6vGgYMTgLEu0hgckYA6kg4BOcCgDv08T2Ulxb26vlruIyR4HVQAwJHVdwyRkAHaRnIwaR8d2K6bFqRDiOeTYisFDFtzLySwRR8pOSwGB1zxXC6bbTtpCa6FfzLWS22KG3ZhtkETqCBlFcl2cYIwOQR8x6r4d6db6n4dtknjSRQZCBIocZ82QZwQeeTQBq/8JM52ym3dYBG8kkjuhCoE3Kw8tpBIGwRhW3DAJGGXMUnji1t7Oe6kjlT7MYw8bBPNHmhCh2hzgHf3IPDDGRiuV8Nf2dY6nM8EMsNi2nyM3nLJsk8twTIA5YsuxxjjOCeBnm1ZR+HNKj+1JbOHtpkCReaJnLzqhRkQTOjFlIIIOTtJHK0AdLc+L7eG/bT40eWZApKo0S/eUtgCWSMsQoydoIAPJqC78af2Yq+fbS75pXWGOJfMkdEUN5m35SnB5U/MO464Z4y0rR2jE13amZ3kUAQITMzBTxlCrEBVJOTjA9QKZ8OLTGkwSyp+/RZIizr+8CpM4CEn5gFx93oMdKANPTvFVpf28s53xfZwTKkyFZEAG7JTk4K8jGcjpyCBlaR8SLPVXjBjeNJjLsd2i24hQO5fDkoR6EcjDZweGaRax32tavDIMpItqrDJGQ0LAjIwehrPh8OQJ4mjhctLssGkLS7GZyx8ghztG4eXgY9Rk5LMWANi38eQSfejfBjkmBXtAj7RMwcRkBsFgqh224PcCovG2g6HHFJqd9bmQoEDGNmVjlgo4DoCRkcnnAx2AriZ9FtLnwXHePGDNCGCvyCA10QRweRycZzjJxjNdx8Uv8AkAXP/bL/ANGpQBdvdUsPBcEVqkbncGEUUEbO7bMFse4zuJJyeTyafoHi228QSSQqskUsWC0U67JMEAhtuTxz+HGcZGed8d2cUWsWN2Wli2RzmSWEMzKkQBUkBXG3c5DZXBDYbitCGZLjxUHQhlbSgQVOQQZ8ggjqDQBpJ4vsvs9xcuWjjtJ2hcsufmUquQF3EglhjjPqBVK28b2epTrZXEE0H2gMqi7iCI/QFOSck56Hg9OpAPH6pp41DRdUAUu6avIUC5J3NJGnAHUkORjnr64rb125guLTTlimeYRarAhaXiTKFwVcFUIYe6gkYJznJALWn+F/D+l6uttFbETxw+erFnZAN+wcM5+YHkfLx1BzVe2m0SyhK26XflKzpF5El0ySMoLMI9khHUHk7VJDEEgMRof8zZ/3C/8A24rj9Be7mdNEs5WWSzlnVpA7IqrHOrebsGFffuZPLYuOAcqCxIB12iazpfhnR4hE0rIsjRKjIWn81izmIqoGHzkYOB05wQTmXC6F4pvVa9sZ4ZJcIr3CPArMPuplXwWI6Z5IGM9BRo1ncXVnqf2bif8AtG5ClSEfaWiLqrlW2llXAOMBsE9MjPbV7nVra1Fwu1rfXY4gC29gEyQpfJ3lc7d38WMnJySAdle6pYeC4IrVI3O4MIooI2d22YLY9xncSTk8nk0WfjKzuJ2tpg9tKgZtlyoTKp1cMCUK8HkN0BPQZrlfiUYNOvllmkdEvLKaAmMfMvlssoP+0HJCFflGCcsB0qSeGZ4ptPs5yI5LoakWVPmjj86H7iLxhVz90EjdnBIOaAN7XdU0fxJbobi0nm+88KpDJvdchS6lCMKcg4ZlJG0leUzteE9L0qwtvN05VEc+G3KWYnHHJYluOflPQ54BzXFeCdSu/Eklsts7RpaRQeaTIxUBBJGYvL4RvMCh9xBKZI3HCqNDwlHqL+FrZrB1WWNpG2uAVcCWTMZJ+7u9eOmMjOQAdRpfii31W4+zqrqzQrMhcDDxscBxtY4HThgrcjjrjMu/iJbW+90t7maJN376GHdEQv3iHLAEAggnpwcEjmuX0PT7DVdVmhtFEH2rSpRKg3Hy5Xl2upVtuCv93CjABAAIqx4H0678TwQXrv5aWzQJEpRiwW3RVco4dBiUllfKsOADnaMAHQR+P4Vsra4eGRpLzfsit8TthM5ORtHAxkdQTgjg4uweNLB7SS6lLwiAqJEmRlkTeQFyg3HDZBBGQR9DjN+FtpD/AGLbT7F8zbKu/aN23znO3d1xnnHTNYWv3h0y51m6VUaSE2DIZFD7WKbQ4B/iXcSD6+o4oA6JfiJbRyItxb3NssjBRJcQ+XGCQSAW3HGcfh1OACRpyeKLeO8e02uTEYlkcAbFac4jU5YMSxx91SBkZI5xwWvWizeGpZhNdmSLZHKt0zAljJE3zRuXC4BBXYQcHDFua6Dx5pVslzYXYjUSnUbdS4GGIPY46/cGM5xjjGTQBa8ff8w//sKW3/s1XdY8XwaVP9nWKa4kUAuttH5mzd93dyMFuSB1wM9CM0vH3/MP/wCwpbf+zVFolrHL4jvnUeX9nWAbYiUVzKruXdRw7AsQCex6ZwaANW28Y6dc6d/aXmYhGAxIJZSSBtKrk5yR69cjIINUofiDaK4FzDcWqsQoe5hMaFj0XcCcHqecDAJJrkrr/RtPvL3r9i11ptvTdtdF257ffznB6dKPEWgXdroM1/cy7pJ4IvMXy2jcs88bjf8AOVJjyUXCKQp29AAADt7nxfbw37afGjyzIFJVGiX7ylsASyRliFGTtBAB5NRXHjEaembiCVXlkcQxxqZJJETad+3C7DhslWwwAPfiovGWlaO0Ymu7UzO8igCBCZmYKeMoVYgKpJycYHqBXKQzXFj4f087ZTM12IWVJTBIwR51SIydQoPGD0GQNvUAHa6P4vg1Wf7O0U1vIwJRbmPy9+3723k5K8Ejrg56A4t63r0eiJuZHkIjkkKx7chIsb2+dlGBuHAO454B5xzVxaT2Oq6PFNIZHUXgLMcn/VDALYXcQMDdgFsbiATis/xrC6/aItTCSRNHNJaTY2FH2EiAlcc8ZXccPt/iOFUA9CtLqO+hSaM5SRVZTgjIYZBwcHoamrJ8J/8AIJtP+vWH/wBFrWtQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABVHTtFtNJeV4YwrTyF3PJJY89STxycDoMnA5NXqKAKmn6Xb6X5nkrt86VpX5Jyz43HknGcdBx7Uf2Xb/a/tu3975Xlbsn7u7djGcdec4z71booAybHwrp2nM5jhUeapQg5ZdrMWKBWJCqSxJVQFPpTU8I6bFA0CwhUabzsKzLh+MMpBBQjHG0gAcDgmtiigDHufCGl3dolm8CGKIYUYIK8gnDA7gSR8xzlu+a2KKKAMn/AIRbT/7P/s3y/wDR/wC5uf8Av7/vbt33uev6VYv9FtNStDZyxgwkKNi5QYQgqBtIwBgdKvUUAVNS0u31eMRzLuCsrDBKsGU5DBlIZSPUEHt0NP0/T4NKgW3gUJHGMKo/zyT1JPJPJ5qxRQBUt9Lt7S4luUXElxs3nJOfLG1eCcDA9APerE0KXCFHAZWBBDDIIPBBB6g0+igDn7fwBoltM0y2sZZ85DAuvJzwjEqPbAGBwOKsQeENLtoJrdIEEdycyKAefTvwB1UDAU8rg1sUUAc/N4H0+TzCPMVp9olbzXZ3Vf8AlmXcuwVsAMFKkgAZxV3SfD9vo0s0sed05TOcABY12oiqoUBVHA4z6k1p0UAY+ueEdN8Rur3UIdkBAO5lODzjKkZHpnpk46ms+H4ZaDC4cWwypBG55GHHPILkEexGD3rqKKACobq1jvYzHIMqcdyDkHIIIwQQQCCCCCAQQRU1FAFTTdLt9IjMcK7QzMxySzFmOSxZiWYn1JJ7dBVfTPDdho0jSwRBGYEdWOAWLlVBJCLuJO1cDPbgVp0UAZk/huwubsXjxAygqc5bBKAhWK52llDHaxBI7HgVYt9Lt7S4luUXElxs3nJOfLG1eCcDA9APerdFAFS30u3tLiW5RcSXGzeck58sbV4JwMD0A96Zo+i2mgweRbRiNAScDJyT1JJJJP1PTA6AVeooAyf+EW0/+z/7N8v/AEf+5uf+/v8Avbt33uev6VFJ4M0uSNIxFtVIjEPLd4yUY5KsUZSwJ5IYnJJPUnO3RQAVR0rRbTQ0dLaMRrJIXIXONzYBwCeBwOBgDsKvUUAZniPQYPElm9rKB8wO1iM7WwdrDkcj6jIyDwTUVz4ag1m0SDUAlyyDBfZ5Z6g5GGJUnA3bSAfQDitiigDn/wDhANE+z/Z/sse31wd/XP8ArM7+v+1046cU6TwslzqEV1IUaK1j2wwiPaEY7fnzu5I24A2gLwQARk71FABWY3huwecztEGYhxhizIPN+/hCSil/4iAC2TnOTnTooAybPwtp9hBLbxx4Sddr5Z2YqE2BdzMWwF4ABwO2KsRaLaQ2f2FYwsJjKbBkfKwIPIOcnJyc5J5zmr1FAENpax2MKQxjCRqqqMk4CjAGTk9BVK18N2Fjby2sUQWK4Ll1UsAfMG1sc/KMDGFwB2xWnRQBRi0W0hs/sKxhYTGU2DI+VgQeQc5OTk5yTznNP0vS7fRbdba3XZGmcDJb7xLHliT1J71booAybHwrp2nM5jhUeapQg5ZdrMWKBWJCqSxJVQFPpVW18A6NZXIuo7dRIrFgcsVBPcKW2jHbA44xjAroKKAKmpaXb6vGI5l3BWVhglWDKchgykMpHqCD26Gn6fp8GlQLbwKEjjGFUf55J6knknk81YooAqW+l29pcS3KLiS42bzknPljavBOBgegHvVLXPCOm+I3V7qEOyAgHcynB5xlSMj0z0ycdTWxRQBRh0SzhtBZiJPJUABGUMvBzyDnJzzk8k8nmsi1+G+hWcgkW2UkZ++zyLyMcq7Mp/Ee/WulooAzNa8PW2vACbeNoK5jkdMq5Uuh2kZV9oBB7dMHmuP8WahYQXy2zA2piEEKyRyNbuUmbJKFQVMcQT5g425JAKEDf6HVS+0m01Tb9ohjl25x5iK+M4zjcDjOBQBzvhC2g1zTpQYwsEl3I0bI8iu6pICsrOXMm/evUkHgcAYqv4jh0/wxaQ2rR5WSVpDNKzjEkSmQu0qfOJZCNqleeTgELsbsoYUt0CIAqqAAFGAAOAAB0Apl1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRQBxHgO7ivL7dCTMBZRGWWaRppleRi4h3kgbQM5CoBkfN8wxXX6dotppLyvDGFaeQu55JLHnqSeOTgdBk4HJqay0630xCkEaRqTkiNQgzwM4AHPAqxQBU0/S7fS/M8ldvnStK/JOWfG48k4zjoOPaqUvhHTZr/8AtBoQ04IO4sx5VQoO0nbkADHHB5681sUUAUb3RbTUZ4p5ow725Yxk54LYycZwTwMZBwRkYNPuNLt7u4iuXXMlvv2HJGPMG1uAcHI9QfardFAFHR9FtNBg8i2jEaAk4GTknqSSSSfqemB0Ap+l6Xb6LbrbW67I0zgZLfeJY8sSepPerdFAFFNFtI7xr5YwJnj2M4yMrkHkZwTwOcZwAM4p+l6Xb6LbrbW67I0zgZLfeJY8sSepPerdFAFTS9Lt9Ft1trddkaZwMlvvEseWJPUnvVefw3YXRuC8Qb7WEEuSx3eWMLxngjsRg55681p0UAYieDNLS2ktfK/dzbN4LuWIjxsG4sWwu0YGcDsOTWhqelW2swmG4jWRD2YZwcEZB6g4JwRgjsat0UAc/pngHRtImE0NuocdCxaTBBBBAdmAII4I5HrWrb6Xb2lxLcouJLjZvOSc+WNq8E4GB6Ae9W6KAMmXwtp81vNbNHmO5lMsg3PyxIYnO7I5UcAge1W9U0u31q3a2uF3xvjIyV+6Qw5Ug9QO9W6KAKmpaXb6vGI5l3BWVhglWDKchgykMpHqCD26Gqlx4V066slsHhUwJjavIwR3BBDZ5OTnJyck5OdaigDE0bwXpWgSebbwKr/3iWdhwRwXLFcgnOMZ71p6hp8GqwNbzqHjkGGU/wCeCOoI5B5HNWKKAIbS1jsYUhjGEjVVUZJwFGAMnJ6CpqKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKK8q/wCZA/z/AM/ddB8QlWWa3hcSTibcqWsTNGJGypLPIGxtjGCBjIPJO3OADtaK830rTH8L69bQxQm2S5EyuqTefE4jj3qwLgOGViQcgdPlJBbOg3hfWbDUpby1a3JcykNKZA7CVkO1/lfKxhAqBGTGAe7KQDY1/TtSv7mMxFfs6KSUE8tu7Ocjl40c7QOgBXLcnIAFV9Oh1uzuJYtqCE2xMe+ZpwJQeAXZUlKnOTkNjGFYfdFSL4aQNFb2s8zy21tG37rGwNI7MTISpBx8xCr2/vHLbjQ7CLw5r7afagpA9kJim5mG8S7N3zEkHbwcHBwM9BQBXu/CerX1k8EjZlkVg0n2+4AJbk/uhCI9vONuPu8ZzzXQeHzJ/YsAgaNpFtUVTuDx70TbgshOQGGDg+uK4eXTL6FLq8jltb37OZPMkngaKdXiyzBGQBsgY2tvwuAE2haf4utJotPh1m1SJIhZqBEVP7pp3VvMi24AkBYfNhSMZ5zgAG2dF1y1tmZTvuQrHzPtspBY5PELwiHGTgKQABj5gRuHW6c88lvG06hZTGpdV6BiBuA5PAOe5+teZa3rNw81zfOf9GvILy1jww8vECExvuHDGR/MCg4PJ2kitLUoIH0bT2uSWiaGCMRGb7PES0e4tK+fuqEyoAyGGPm3YAB6HRXm+kJZWF7YSaRmGPUI7kOH3uCYkyu5Wfqj5+6RnkBsHNHiPwhbeDtKfUYWdryEo3ns77izyqGJXcVwQxGCDkHnJySAekVDHdwzSPErqXjxuUMCy7hkZHUZHTPWuY8XeELvW7pLuGSImKMKIbmISRH59zHJ3bSRgEqu7gDcO3P3F/JH4fvZVCWs1vcmGR7YNlvKdQoUl1ZVBcKMlgqAhVAIUAHptFedX3h238JzWN3aRtbSy3kcEiiQyKyyE7h8xOQduVPynByVDAbdiYO3iohCA39lHBYbgD5/BIBGR7ZH1FAHW0V5v4j8IW3g7Sn1GFna8hKN57O+4s8qhiV3FcEMRgg5B5yck2PiBeqb5be5SSS3FqWSKN2TzpWlRFjOD8235WwPmXryOCAegVxi6BrE6ObghpZCx3RX9xAq54UJGsJUBRj724k5LE5xXNWDXPhi6iW0R08wXo8rbOI5DDCJI3EU37xWJIVsE5K4U4JzU0+zS+ntY2iMr3YgYTmVzOxEbmWRZd21DbthfLKktgZycYAPRfA+jz6DpUVpNjfGZAdpyDmVyCD6EEH19QDxWhrl6+m2M9wgBaKGRwG6ZRSRnBHHHrXARxXmu+HbXU3dJWs47h2juEMkcm0sgLYIyyop2kgkseSMk10s0z3HhUu5LM2mkksckkwZJJPUmgDa0O9fUrGC4cANLDG5C9MuoJxknjn1q9Xm+oRSXtlpNnxLHcQxg2+Wi37IdxdpVJwsfynaBknn5iABp6BpsfhnxBJYWxZbeWzE3lliyhxII8gtkjIHPPP0CgAHa0V40BFryebcW0lzdjzJJQ32llQecyrbKIiTESAzLvBC98hvl2LTw7f+KbeWIXRJsL26jQXKLOHwFCb93BIy3zFWI3fKBgCgD0f7XD53kb18zbu2bhu25xu29cZ4z0zU1cP4Zt5LmW9sZI4beeARp5loGACTruKpuwUIwSMfLvO4qTndzWn2Gm6nZz3S25WeO0edZlvGncOoJBkKldkhOHAxg/N0KlQAeu0VxV14h/tCytbGRtlxe2sMivKn7h2+VmiYqR9/GGXGNrY5JCmX4Z+cltdRS7QYr+ddsefLXG0lUB6LuJwPf1oA7CivP/idY3doDqkTRskUHl7ZAxZGeRcSx4OBJkj5uCNo69srW9ZuHmub5z/o15BeWseGHl4gQmN9w4YyP5gUHB5O0kUAeq0Vk+E/+QTaf9esP/ota4DW5U8QXk8N1E0s6TzJEhWZo4oolUrIY4CJD5xZRu5B6jhQpAPT47uGaR4ldS8eNyhgWXcMjI6jI6Z61NXBfDW1TT7u+gSMxKBayBH5dTNEXZCxUMQpOAD0+pJPe0AQ293Dd7vLdX2MVbawbDL1U46Edx1qavMr7W5PC+q6ibaNC89zYxjcrFQZYnYsVjG5iSDwOSTnk8HQtPGWsobaW4hh8me5jgynmBm84bklTdwE2kcHLZBB2nhQDt7q7hsYzLK6oi4yzsFUZOBknA6mmtqNuiI5kQLKVCEsMMX5UKc8k9sde1eaeL/EN94gsPtUMUJt1kdot6tNKwiZkaYIUKKgViD5i/L1zuKVsaD4aWxtLW8uLhWtrOAzLHHEwTcylzKd5ZmI3Ej5VIOCqryCAd3UMl3DDIkTOoeTO1SwDNtGTgdTgdcdK891Tx5rdpBHdiO3jimEbbW86Z0SThZJGjAUKx6cbj0AJDYf4u0K5iv7K+ubjzW+320aIkflxqCSzEAu5JYqOc+3IwFAPRaK860XxvrviJgbeGDbLnbuEw8sbn2l2xhgwjdQU43Y3FT8p63wjrj+I9NhvHUK0gbIU5GVYqSM9jjOOcdMnrQBsUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFAHnUHwvlt4pokMaI8ESbd8rrI8Uok8xx8pTcF24UttDNtPqyb4Y3EkECHynWG5nfyHkl8sRzbcIsoG/K7c52jLMSQcHd6RRQBy8Phu+afTZ5pEdrKOUSnLZYyRhARnOTx8xJGeuBnAzL7wnrltfvd2U8GX875pUKyYmIIQkK+8R7VKEnj7uNny13dFAGfoGjR+H7KK0TkRLjPPJPLNgk4yxJxnjOBxXP8AhbwQ+g6i94xXmDyyQ7yNIxfc0zbwNhbA+UFhkn5uOewooA4S58La5bLe29s9sYL2WZyZfNEg89cMPlyvHbrnqeuBra74WmvtA/suJ1LrFCgZ8qp8opknG4jIX3rpaKAOS1/wMNQ0FNMi2b4RHsZsou5eGYhd3LAt68nPXmtrTtHSPTYbK4VJBHDEjAjchKKo6MORkZGRWnRQBw+g+Cb7TLy23vF9msDc+Vt3GVhOTw+Qq5AOcj0xg5yN3xnok3iLS5bOIqHk2YLkhfldWOcAnoPStuigDM8SaZJrNhLbRsFZwPvFgpwwJUlCG2uBtbBzgnr0rCsvAwh0qexKxqJ5xL5aNIUAVoyI/Mb5/mEfzPgYLEhcAA9hRQBwR8A3yafFbRSpG0eofaF5aRY0G7CLuHzlc7uQoJJz6nS0HwjPot+ZvMZlKuHdpXeSUkr5e9WUqPLXIBVsng8Ala6uigDE8Z6JN4i0uWziKh5NmC5IX5XVjnAJ6D0qLX/DTa1qNlcnaY7RpGYEsGyQpQjA5wygnJH49K6CigDE1XRJr7VLK8UqEtfP3Ak7j5qBRjgjqOckfjWb4A8Ev4UiLTuJJmG0Y5VEDFtqkgHBJLN0BOOOMnraKAOa0LwtNY6B/ZcrqHaKZCyZZR5pfBGdpOA3tWf/AGF4h+yf2bvtPs/leTv2zeZ5e3Zu2527tvOM4z3xXa0UAc0PC00Nzprq6lNPikRicqzboljBA5HUZOTx71a/sSb+3P7Qyvl/Y/Jxk7t3m784xjGPfOe1bdFAHP8Ahbw02hTXkz7S91dPICpY/ISSgIIABBZs49ep7M0nw3cWNvfRGQI13c3EiPGSSolACn+H5lxng/Q10dFAHL+CvCbeGjM7JFH5wiGyFpHX92Gy26U5yxY8YwoA5Jyax9O8H65pdk+lxtafZ5PMVpNsvmlZMgsQMKWCngZxwBnAzXoFFAGOfDME+mxWEpLeTHGFdfkcNGoCyKedrDGR19DkZzX8G6Bc+H4Z0uJFlea6kl3KMZDheSMAAkgkgZA7GugooAxPGeiTeItLls4ioeTZguSF+V1Y5wCeg9Kzdf8AAw1DQU0yLZvhEexmyi7l4ZiF3csC3ryc9ea62igDn00rU7O0sbe3ljT7P5Kz5BO5UUBgpIOM4P8ACCePmXBBNM8NNaazd6k+0+esSx4LbgFUBwRgDkquOvTtzXQUUAc1/YF/bXWo3MEkaPdrD5RYFtpijKncMAdTx97HUg/dO7pyTx28azsGlEah2XoWAG4jgcE57D6VYooA4fW/CGpy6jNdWrQlZzE/7154nVoo2j4aFlOCrHPPfGOMllv4T1if7JbzfZIre0njlAtxKWzHkgfPwdxPJJzk7uTwe7ooA8/v/AWpeT9gtpYltiz7WIlWaNJXy8QKtiRcdQ5+Y9cYUjY0zw9qluWtbq4iuLR4ShXyRC44K7FEZAC4I5yTxgAda6iigDzy68BavdpFaNcQ+TCEXzBG/mMsfKI8WfKdVboGJwOepYG3qHhfX75FWS6hmNvcxTxM8RQsU6q2w4VRk4wGLdyvbuKKAOC0vw5r+jPvhSxDeWsYLvdyEIvIQF2bavsMDp6Cul8I6G/hzTYbN2DNGGyVGBlmLEDPYZxnjPXA6VsUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAVUvtWtNL2/aJo4t2ceY6pnGM43EZxkVbqpfaTaapt+0Qxy7c48xFfGcZxuBxnAoAqf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqP+Es0n/n7g/7/AEf/AMVR/wAInpP/AD6Qf9+Y/wD4mj/hE9J/59IP+/Mf/wATQAf8JZpP/P3B/wB/o/8A4qj/AISzSf8An7g/7/R//FUf8InpP/PpB/35j/8AiaP+ET0n/n0g/wC/Mf8A8TQAf8JZpP8Az9wf9/o//iqmtfEOnX0giiuInds4VJUZjgZOACT0FQ/8InpP/PpB/wB+Y/8A4mprXw9p1jIJYreJHXOGSJFYZGDggA9DQBoUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUVXTUbeSdrdZEMqDLIGBcDjkrnIHI7dxQBYooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKr3t/Fp6B5CeTgBVZ2J5OAqgsTgE8A4AJPAJoAo6f4kt9Ru5LVFkDR7sMyFUby2CSbWPXYxCt056ZHNW9K1BdWto7lVZFlUMA+3dhuQTtLDkc9e/ODxXL3On6TPO13NNL/AKbItsyGMRElslYm2wpMoxjqw3KF3FlxnoNQ8R2WmFhI5JjGXEaPLsGM5fy1bYCORuxkZI6GgDTorPutfs7Pyy78SqXVlVnXau3LllBVVG4ZYkLg5zinTa1aQGYNIM2sYeUDJ2qQxGcA84UnHXGDjkZAL1ZOoeJLfTruO1dZC0m3LKhZF8xike5h03sCq9eeuBzWgt1G8zQg/OiqxGD0csFOenJQ/l9K5jxI2n3s6zyyzL9jLMGitvNjVlzubebeUZH8XzYVlGQGXIAOitdQW7mmiCsPIZVLHbtJZFfAwSeAwzkDrxnmrdZMN3p+hW8aI/yybmQKzzO+472ZQN7vy24kZwDk8VNBr9nc20l0r/u4d+8lWDKY87gVIDAjHQjPtyKANCsmz8VadqMxghmWRgyr8mWXLI7gBgNp+VGPB4xg88VF4titJbZRcytGhlUAKqyF2OQqeWySB8k5A2k5AYfdzWbZaZb6jqUN19od5rcOdtxCIpijKycAJCdmXzkqwyMKV+bIB1tFZlz4itLWdrcl2kQKWWKKWXbuztz5aNtJxkA4OOelWLXVba9thdxyKYipbfnC4HUnOMYwc5xjBzjFAFuisy28RWl1OtuC6yOGKrLFLFu243Y8xF3EZyQMnHPSpU1m2kuWtQx8xTg5RwudgfaHI2ltp3bQScZOMA4AL1FQtdRpMsJPzurMBg9EKhjnpwXH5/Ws+78UWNlvLOzCLdvaOKSVVK/eDNGrKpHcEggckYNAGtRVS41W2tYVmaRdkmNhBzuLDKhQMliw6Bck9gaisdetdRmaBCwkVQxSSOSJtpJG4LIqkjIxkZAPXqKANCisy58RWlrO1uS7SIFLLFFLLt3Z258tG2k4yAcHHPSrH9q2xt/tKyK0fZkO8E524G3O4luABkk8AZ4oAt0VmWniXT9Qn8iGZJGwD8h3LzuwNwyu7Ck7c7sAnGATTLrxTp9kxDycKwVmVXaNWLbdrSKpRCCRkMQRkZwCKANaiqM+s21tcC2diHIU/cfaN5Krl8bQWZSFBIJPA5Iqw11Gkywk/O6swGD0QqGOenBcfn9aAJqKo6XrNtrKb4WJGFPzI6HDcq2HCkq2DhsYODg8Gq8XiixmtzcK7bB5f/LKQMRKQqEIV3sGJwpAIJzg8HABrUVUOqW4tmu937tFZmODkBM7srjcCuCCuMgggjPFV9Q8R2WmFhI5JjGXEaPLsGM5fy1bYCORuxkZI6GgDToqjd6zbWcccrMWWYgJ5aPLuypcYEYYkbVJz0xTU1+zdrdA/N4paL5W+YKocnpx8pB5x+dAGhRVePUIJImmDAIhkDM3ygeUxV8k44BU89OM9Ko2niixvdhV2US7djSRSRKxb7oVpFVWJ7AEkjkDAoA1qKz7rXrWykMblvlxuKxyMi5GfmdVKJgEE7iMKQxwCDTk1q0eWeLzAGtQpl3ZUKHUsCWIAxgZ4PHfFAEz6jbxzrbtIglcZVCwDkc8hc5I4PbsadHdwzSPErqXjxuUMCy7hkZHUZHTPWuSu44bzUY7u1uHj3SBiJbeZ7d38swo4c+WoJVtoKvtf5MZOM9AvleH4HnmYsZJFLsqMcu+yNQEXcccKqgZOAMknLEA06hubqOzUO5wCyL0J5kYIo49WYD+fFRf2pb/AGf7Tu+T6HOc7du3G7du+Xbjdu+XG7is99Y0zX3Fok6uwaKT90QwzG/mKu8Ark+WTtzu2gkDAyADbqjfaxBpr7ZcgCGWUtjICw7N3TnPzjAAPf2y2+16106ZYHLGRlLBI45JW2ggbisasQMnGTgE9OhqGFrLxL5dwh3fZ5WHK7SGXgoyuoYYYK2CAdyo3YUAXtOvU1K3juEBCyxq4DdcOARnBPPPrViuf0PVIdL0eyMu754IVUIjyMT5W7AVFY9FJ6dqteIbv/iU3E8L/wDLrKyOjf8ATMlWDD8wRQBpzTJboXchVUEkscAAckknoBXHur3motc2c8IW4DQpIj+diQxq7sUCbd2yFAAZAoC7iGLbTsa5NbXk0do80kTq0cgKJlcksqBmeN4+WHyhud4Ur82Kqz+HUh1K1u5bhnkVnRfMjTccxSHYGiWMAY3N8wbkYUrk7gDftLWOxhSGMYSNVVRknAUYAycnoKyrnxVbOoWzeO5lZkUJHJu4ZgpZigkKqoOSxGO3UitCXVLeFJpGbC22fMODxhBIe3PysDxn068VzWj+HpmgiWC+lKRbVZZIyjAoiKNq/u2TCjISQSI24MytnLAHYUViabqi2dk887MQLq4XOGkbm6eNFAUMx7KAB6DpWra3Ud7GJIzlTnsQcg4IIOCCCCCCAQQQQCKAJqKotrNstulzuJSUKU2o7M24bhhFBYnbzgDIAJOADTbPX7O+WUq+PI/1gkVomUFdwLLIFIBHIJGDzzwaANCisSLxlpsrRr5jL5+3y98UsYfcyqNpdFDcuOmeDk8Amnz+LtOtndWkOI5AjuI5DGrHA2tIFKKQWAOW4PXFAGxRWZH4jspnjRXP72ON1Ox9u2XITLbdqliCFDEEngDJAq611Gkywk/O6swGD0QqGOenBcfn9aAJqKzNQ8RWmmFhIX/djLlIpZFXjd8zIjBTjnBIOCD0INS3OtWlqiO0gPmjKBMyM44OVVAzMACCdoOByeOaAL1FZi+JLBrR7zzQIoiwcsGUqVOCpVgGDZ/hIycjAORTLfxRY3NwtsHZZX+6kkUkTEYZsgOqkjCHnoDxnJAIBrUyaZLdC7kKqgkljgADkkk9AKqaXrNtrKb4WJGFPzI6HDcq2HCkq2DhsYODg8Gs/wARGxvIWkmmMQsJlcuAp2uI8jiRHBOJQRgE7iMfMKANay1G31JC8EiSKDgmNg4zwcZBPPIqxXGWn2OfVoJDdzG4UMoSeEQs6OkhxgQwkqCm4E7lBGOGYV0tnrNtfyNFGx3IWB3I652NsbaWADBW4JXIBIz1GQC9RWYviSwO/dKEERYMZA0a/I+xsM4VWAbCkqSASAeoy+x1611GZoELCRVDFJI5Im2kkbgsiqSMjGRkA9eooA0KKwZPHGlRJ5jSkR5YCQxy+WSm7IWTZsY/KcYJ3EYGTWhe6zbae4jdiXIzsjR5XxyN2yMM23IxuxjPGc0AXqKx9O8VWmqPL5e/y7cHzJHQxIrL1Q+ZtbcoGT8uAOpBIFS23iOyu51gVzukDFNyOquFxkozKFcYOflJyORxzQBp0VmXPiK0tZ2tyXaRApZYopZdu7O3Plo20nGQDg456U+bX7OGFJg+9JWKoYVabcQGJAEYYnAU59MGgDQorJ8Q3f8AxKbieF/+XWVkdG/6ZkqwYfmCKt32qQ6dtD7iWzhUR5GwMZO1FZsDIycYBIBOSMgFuiqmm6pb6vGZIW3BWZTkFWDKcFSrAMpHoQD36GqUvi7ToRvMh8vIHmCORofmIUfvQpjxk4J3YB4OCDQBsUVn32vWunTLA5YyMpYJHHJK20EDcVjViBk4ycAnp0NQw+KtOuLR71ZlMMWNz84BKq2OmScMOBzk7cbuKANaisy28RWl1OtuC6yOGKrLFLFu243Y8xF3EZyQMnHPSrGoapDpaqZd3zttUIjyMTtLYCorHopPTtQAapqUekW7TuGIXAwilmJYhVUAdSzEAe55wKqQ+IobmGCVEkP2mUxhSoVlZQ5cMGK42eW2cZORwDxUWs6xYSx/Znmx58W/MaiUeWSAXbKSIIyDgs424zzxkV7DS9P8IBd0jkw20pUv/DEhRpMLGqrncVJJUuxPU44AOjoqims2zwNPuIVDghkdXBOMLsID7jkbVxlsjAORmJ/EdlHbLdM5CPJ5a5Rw5feU2BNu8tuBGNueCelAGnRWZYeI7LU5zbxufNUElHR43AGzkq6qQPnXGRz2zg4lTWbaS5a1DHzFODlHC52B9ocjaW2ndtBJxk4wDgAvUVk3fiixst5Z2YRbt7RxSSqpX7wZo1ZVI7gkEDkjBrQ+1w+T5+9fL27t+4bduM7t3TGOc9MUATUVn2uvWt7II0LfNnaWjkVGwM/K7KEfIBI2k5UFhkAmrFxqEFq+yRgpMbv83A2x7QzE9ABuHU/yNAFiism08UWN7sKuyiXbsaSKSJWLfdCtIqqxPYAkkcgYFWL3WrTTXCTSBOMknO1QcgFmxtQMQQu4jcQQuSMUAP8A7WtPtH2Xzo/N/wCee9d/Td93OenPTpzVuuSsvCttqGnmyjuZvIA2GNooEI6HlWtw4bkNk4Y5Dg8g1v6GQ1jARIZQYY8SMCC3yj5iDk5brzz60AXqKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACsnX/D0PiBYxIf8AVMSMgOnzKVOUbKEgElSQdrYOCNytrUUAeeaxEBFaSc5fXIwckt/qWe3XliWJKxKSSSSxJ74HoCQpGWKgAucsQMZOAMn1OAB9ABWU3hmF50kLuUjmaZYiIzGHbfluU353OzD5sBumAABsUAeb6RYpqfhBbiUuZIbS7CsJHXjLfKdrDcvyKNpyMADGKsa3/wAecmodftsV8oHQbXg3ROO/MVqmVPOXJ+XG2uosfC9vp+lnS1ZzEY5EySN+JSxPIUDPzHHFO1Tw1bapp39mnckW1FGw/MBGVKgFg390dc0AV/7Rt7PWZUlkRGltrYIHYKWPmXAwATyeR09RUVleXOm6glpKpWKUSLHtVPKHl4MaIU+ZT5QYuJONy/u/lGDp3eiQ3s4mYsMeXuUEbW8py8ecgkbHJI2lc9G3Dinappf9p+WRI8bRSb1aPZnOxkPDq4xhz2oAq+FIUbTLNyBuW0iAOOQGRCRn0OBn6D0rmruZ2m19CTtW2jIGeAWtWBOPU4GfoPSu106yTTbeO3QkrFGqAt1wgAGcAc8elUV8NW3nXUrbm+3KiyKT8uEQpgYAIyDzz9MUAUNd1y2lSCWC5iRXn8ppwY32LsaVlDMSoLeWo5yOQcE4qG90y6tdUspHm86PzZAPNSMSKxgmPytGiDawHzAjOVUgnnGm/htWVSJpRIs3mmQeXvLeWYuQYymNhxgKOgPXJNpdHgjW3RcqtoQUAOekbRAHOSQFc985xz6gGKlzfvqbRW6EQw3O1wPKSLa8IlZjwZTJ5kmeAFPAJBLNVTUbJGjvEUBc6lbYwXQBpFtRuIieMkguW+8PmwevNdHdaQZpDJFLJAz43eUIyGIGASJEcZA4yACRgEkKuGLoECxGPLkvNHM7M2WZ42RgTngA+WowoCgcKFoAr+I7ZfskIf52jurMhmC7s/aI1LcAAEgnOAOpHTiotT0uG31G1uF3B5bpt3zvtJFpMudm7YDhQMgZwOtbF9ZJqCBGJAEkb8esTrIOoPGVGfaodV0pNWRAXeNo5A6PGcMGGR3BBBBIIIIIJ4oAr3P/ACFoP+vW5/8ARltXK6DbaxqZjHyxx2kqxMfOlUu8MwM8oCoqyCXDKQ+fmycg7s7Gk3FuNalt2kmmnihI3SmIIFPluwCR7MFt6ZZk524B+UiugsbJNPQopJBkkfn1ldpD0A4yxx7UAcPcG50yCAWcanddX9vGvQRvJPJslChHGI0R88cKSOhNaFnpNzYTWjXW1pDePtIkkm2qbJwyh5fnAZ0LbckDjk4roItEhi8vBb91PLMOR96bzdwPHQeacd+Byec2LmyS6eJ2JzDIXXHqUePnjphz+OKAMK3Z77ULm2S68jyWG2KFYQxDIsjyt5iSE7nlxkADI5ySaydOguNLk3T7XaLVl3tEoQHzrVYlkKkjlmlUuBnksRkV1CaDGt210Xc7pPMCHbsD+UIdwwobOwYwWK8k4zghmoeGrbU4Z4ZdxS5lSRxnHMYjAAIGQCIhnvycEcYAOd01706ekk+Di7ttrjYMs9yElkQxog8uRWypI3MHfJZSCeg8UQpDpF2FAUG2uDgDHLIxJ47kkk+p5rQvrJNQQIxIAkjfj1idZB1B4yoz7UajZJqVvJbuSFljZCV64cEHGQeefSgDirm4sFsLK5uJwty0enk752UsqyoxZkLgMBlzuIOOTniunuf+QtB/163P/oy2qL/hFIFWFFeRRCsCnBQ7xbNvjDZQ9Gyfl25yc8YxYtPDtpYXAnhUptjdAisRGA5RjhPuqcoPugZJJbJ5ABzt1Yro81xZWi5ae1toolldpFBY3Wf9Z5g2oiltuMEKVAy3NjTNJsNOt7q3nciGCaBA8srKwEcUDoPM3KVAkYlQCACTtAzit8aPAL433PmmERdeAoYv09STyT6DGOctm0SGZZgSw8+VJSQRlWjWMKRxjgxqcEEE9QRxQBzkE0E3hu9ELh1UX4yH8zq8rDLEkklSDknJBB75rsEhSMsVABc5YgYycAZPqcAD6ACsSXwbZ3Fs0DlyziUGUMElIld3YFkCgrucnYRs6ZU4reoA8s02wm1jQdMKBHn86VEaZpAAq+a/DIQ6keSu0qQRjbnaWB6DUYXt9X0ZHCKyx3IIiGEBECghQeijt7Vq23g+3srCGyjklUW0m+NwwEgYsxP8O0gh2UgqQVOCO9W7LRPstwbmSaWaTy9gMhQBVJDHCxoi5YgZJBPAGcUAYtvrFvb6bdhWiea2kvZfLYhiDHcSupK5yADtOeOxB6VU8R2F1eaJLNHei6UQuX3pC0TBVO4r5aAqykbk+Y4ZQD6joJfC9vMJlLPiaOZMZHyi4O6Xb8ucu2G+YtgjC4HFS/2DG1rNbu7t9pDCRztDncgjz8qhQQoAGFA4yQTkkAxdd8MwW3nXAJzdyRxt/excvHA/zn5ioU5RD8ityQ2ECZN6XS91p1AbyxZSMrHAZI03uhODw6KVwQQc4PGa7u/sk1CIxMSOVYFeoZGDKwyCMhgDyCDjBBGRWfH4ZhWG5jd3drwESSMIw5BjEYGURRhQOOOpJ70Ac/rMFxdQaiXIkgW2uMszFgXX5kCxkbUMAUqWQ4ZsFvnVgnQazBFeSLDdIDCxjMbgsrLKrHGXUgoTlQhGMncpOWUNam0eCSxNiMrEYTENp5CldnBOeQO5z71NqGnwarA1vOoeOQYZT/ngjqCOQeRzQBy9qv2G2tXAZkh1S4U/NuYCSW5gUks2W+eRcnJPU81X01706ekk+Di7ttrjYMs9yElkQxog8uRWypI3MHfJZSCd3/hErZ9N/s2RpJIy25i7Zdj5vmnLADq3U8HHfPNad9ZJqCBGJAEkb8esTrIOoPGVGfagDn9Yub9dQMNkhyBbyNt8pUbfIyP5jOC+PLiwpQFh3z8orQs4Uj1e5KgAvbWpYgYyd9wMn1OAB9ABVq90v7U4kSR4ZMbS8ezJUZIUh1dSATkcZGTggM2TT9KSwdpS7ySSBQzyHJITdtG1QqKBuP3VGepySTQBi+GksPEGlWsXmB2t4YSfKmZXRvK2cmNgwOCwwfemf8yn/wBwv/23rV0rw5BpMxlUsx8pIk37DsjQkqikKGxzzuLE4GSSKi/4RgeT9m+0S+Rt2eV+527Mbdm7yvMxt4zv3Y53Z5oAi8T6XC2y6+YSCezXIdwpAukwCoYK2N5xkHGeKNX1W2fU7O0EimUTuxQHLAC2l5OOn3xjOM54zg1q6ppserQ+TIWClkbKMVbMbq4wRyOVHIwfQg81lQeBtOtJFaJdiK0b7FCbS0QwjlipkyPZwDzkHc+4AZaTWd1dX1jM6bp5seWXAdla1hBwAQ2MA8j0PpVjw5bLZy3kaliBdL992kbm2gPLOWY/ifbpVv8AsSH7V9py2d2/bkbd/l+Vv6bs+X8uM7cc7d3NMn0VmleWKeWHzCGYRiIgsFC7v3kbkHaoHBA4zjOSQCppFhFqVi8UoJU3dyflZkOUu5GUhlIIIIB4NRaPqNpoGms88gjjS5uwDIxJOLiY4ySWZiAfVj7mtuwsk0+IRKSeWYlupZ2LMxwAMliTwABnAAGBWO/gewZzMAwm80yLISHZSXd8KHDIAC5429cN98BgAZmiWvnHS2VipGn7iQz/AHUEA2Bd2zDF/mJRjgDBBCsuxe2kM2rRbkU+ZZ3KtlQcqJLf5T6j5jweOT61Y07w/b6X5XlZHkxyoBwAfOdHc4AABLJkBcKMkAAYAtvZJJcJcEndHHIgHbEhQnt1/djHPr+ABiSiLR7+2ghnfdNIweOSZpiUEUrBsSs7KAyDlSAejZ4w3xTDb6HaTXiStBKFkZP3pCGTazYETExEuQcjZkklh83zVpPoMbXa3Qdxtk8woNuwv5Rh3HKls7DjAYLwDjOSTW9Bj1tNrO8ZMckZaPbkpLjevzqwwdo5A3DHBHOQDH8YPp1rJHNLKsc/m2nBmKZRLlTkx7wrBcuclTjk5441bn/kLQf9etz/AOjLan6hoMeoTLMXdCDEWCbcN5MnmRg7lYgKxP3SpOSCTxgtPDtpYXAnhUptjdAisRGA5RjhPuqcoPugZJJbJ5ABU8I2v2eGUhjtNzOFUs7Y2TOhO6RnYs5GW5C56KDuLP8ACtpDDbfKijy57tVwoGFNzJ8o9B8o4HHA9K07GyTT0KKSQZJH59ZXaQ9AOMsce1FjZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOPagDmtIiF/rOq28mWjzaELkjBMX3hgja3yqQwwQQCDkCrtnJHZaqLOGZnXyJXeN5TMysrQ7SS5aRcq54LbT1AzknQstEhsby4vFLF7ry9wJG0eUpUY4B6HnJP4Uy10GOzuvtCu/SUBDt2DznWSQj5d2WZc8sQMkAAYAAKWh6XDpGozww7ggtbXAZ3kwA9wAAXZiAAOAOB6VLYWsd7LfRyDKm6TuQci2tyCCMEEEAgggggEEEVYvdE+1XAuY5pYZPL2ExlCGUEsMrIjrlSTggA8kZxUulaUmko4DvI0khd3kOWLHA7AAAAAAAAAAcUAZtnJHZaqLOGZnXyJXeN5TMysrQ7SS5aRcq54LbT1AzkmpqEUPhzUFniVi0kFyQhkcq0ks9vtUbiypvkfBIAHOTwONi10GOzuvtCu/SUBDt2DznWSQj5d2WZc8sQMkAAYAlutHgvLuG7fJe2EgTnAHmgBjjucDA7cnjOCADA8LeH00m4a2lxIY7a3c55QPJLM77FwFRdyKQFVR8qkjIzUuvzPHr2mBSQHF2GAOMjy1OD6jIB+oBroEskjuHuATukjjQjtiMuR26/vDnn0/Gve6JDfXlveMWD2vmbQCNp81QpzwT0HGCPxoAytWht/D5hMErRPJPCixmUsrK00auixSFlACt/AFKjGCFyDn6rDe3uqT2CxLJHMqSuzSyRgxbDEICyRsV/eBnABwRuH8TV0WoaDHqEyzF3QgxFgm3DeTJ5kYO5WICsT90qTkgk8YtpZJHcPcAndJHGhHbEZcjt1/eHPPp+IBz/AId0dLCeS1kVGI0+ySTAyrFfPjOcgbgQuOR0wKPHUzwmwKkqTqUAyDjhg4I47EEg+o4roEskjuHuATukjjQjtiMuR26/vDnn0/Gvq+iQ615PmFh9nnSZdpA+aPOAcg8c89D70AZVuz32oXNsl15HksNsUKwhiGRZHlbzEkJ3PLjIAGRzkk1X8O6F9oFzFdkNJFe798BeDLG3iG/92ykMysS4BxuLdq2k0GNbtrou53SeYEO3YH8oQ7hhQ2dgxgsV5JxnBFu2sktXldSczSB2z6hEj446YQfjmgDnP+ZT/wC4X/7b1ditc63LIrFdttCW+Zzu3tMoGGYoFXZkbVDbiTuwWDP/AOEYHk/ZvtEvkbdnlfuduzG3Zu8rzMbeM792Od2ea00skjuHuATukjjQjtiMuR26/vDnn0/EAxLqyea8v0gIjlmsoAGHy/OTcqrEqM5GBz1AAx0FZXh2DUPETRXkkaRWjjCw+ZJxF5Tx7DFsWJlZiHUkZC8ZIwB2CWSR3D3AJ3SRxoR2xGXI7df3hzz6fiadZJptvHboSVijVAW64QADOAOePSgDC0bTLW40m1nlLJss4dzpNJD8qxg/MyOmQuSRngZOMZNQrqksmkC5Dee4umRJAIixDXTW4ZeFj3eW3BwFJPOVJB210SFbJLIFtsSxhWyNwMO0o3TBIKg8jBI5BHFFtokMFqbVi0ilnYs5AYs8hkLZQLghjlSoBUgEYIzQBiXEd1Lp0ZvV/eJfwFC/ls+37WgQnywEVtjYO0kY78kDQvrOHUbpY7pcFWLW7ozxtgxgOu9GVg33iVyAyYI3FW2yjQDKymeeWZUZXCuY0XcjBlJ8qOMnBHQkr3IyARY1jR4Nbg8mXPUMrKdrqy/ddW7MOx/A5BIoA86tXtoby1kuFd0TQ7f5I95LFpVVU2qRvDFgNrZU5+YYrrhcW/iW5gJVvLms7xGVwUYfvLdHQjggggg4PXoe9V9Q0jTPC0ttqEpcvbwrbRBnRRwrcksY13bd3LMF7AbttXdLt7K71Nr6FpC0lrG/J/dlZzgOFPIYiBQegwBxnNAGVYW0U+qTaepkKwXS3Dlnlf7sEAiVnYknLkuAWP8AqsbcYxr6PYRahZskgPF3dkFWZGB+0zDIZSGBwSOCMgkHgkVoWejwWVzPdLnzLkoXJP8AzzQKoA7Acn1yTzjAE1jZJp6FFJIMkj8+srtIegHGWOPagDE065cXF3a2kwl8mGMoJX80JIxmDKz8yEZRSQzEjoMDAFc2dn9ttrmFWjeS8fzULMAHNrNuzGGKBiADuA+YHcGKtk7Gk6DHo7syO7Axxxqr7cKkW/YowoJA3nlizHjJpk3hq2l1BNQG5ZEzkKcK52MilhjkqrEKeDg4yRgUAcroNtrGpmMfLHHaSrEx86VS7wzAzygKirIJcMpD5+bJyDuzp+RFD4eu0CDZGb4hAWRcJPMQvyFSF4wQCMjjpXS2NkmnoUUkgySPz6yu0h6AcZY49qxPDN5Y+JtPlSNXMUkkocSFcnz/AN6wzGxwP3uOoYdDyKAInljbSoUS5F15dzZo0oZWyRcQ5yVJ55HUk4xkk8l9zd2Wt6wloHWTy7W48xVbIGZYPlbHHJQhlPUcMMHm7/wjMckEkMksr+dNHKzEqj5j8vaAY1TA/dL0APUgg8hlj4RstOuFmjG0Rs7ogWMKrSDa5BCB+RxgsVAwAAFXaAM8U6jbxrHbtIgle5tCqFgHI+0x8hc5I4PbsawtbuBp2oTRFlRp57WUeX5JmdWQwoirMpXKTRh85wqknIPXW8R3NlY31uJvM3XLRrhDGFYxSoY924hvkeXcAnJGdwKjFaT+H7eTUl1JsmVIfKUHBUDcTuHGQ3JGc9CRigDN8P3kb6ncRmSNpWgt2lWKQsvmqZI5SFJJGAqA8A427uTV/wAJ/wDIJtP+vWH/ANFrVWfwVaXYbzGkb5pGjOVVomlk81mRlVSDvwQWLEYx0LA7GnWSabbx26ElYo1QFuuEAAzgDnj0oAsUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFZk2t7XIjhllRCQzxhCoK/eGC4divfYrc5UZYFQAaEUyTDKkMASMg55UkEcdwQQfQ8U+sfwndwX9j58GfLkmuGUk5zunkOfurgHqARkDg5IybGs6ymiorsrPvYqApRfuo8hJMjooAVCSSaANCisSw1KW4u5XldYkRYkELSRM4aRj8z7c7S+VCAOQRzjccDboAKKK5/XNcvdMv7eGOJWimZVJPmFyWJBC7VKr5aje28jcudv3SQAdBRWZo2pPqxlmVkaDzNsRQdQgAdi24gjfuUYA4XOWBBrToAKKKKACiiigAooooAKKKKACisybxBb298bJ8qy2xnLNgIEDbTkk8EdemMd606ACiiigAooooAKKKKACiimPMkZUMQC5woJxk4JwPU4BP0BNAD6KKKACiiigAooooArvZJJcJcEndHHIgHbEhQnt1/djHPr+FiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKydD8PJoedskkn7qKIeZs4WHdtA2In988nJPrWtRQAUUUUAFFFFABVe2sktXldSczSB2z6hEj446YQfjmrFFABRRRQBXvrJNQQIxIAkjfj1idZB1B4yoz7VYoooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigCpq19/ZdpNc7d3kxO+M4zsUtjODjOPSuXW40a+ge4a2tXlNysPy+XIjyS7CMSFAWHzguduRh+Gxz2dclpZe91+7jIHl2siS9eS81vFGpxjoqLIDzg7xxkAgAu6Xfrp2nK6xbf9KMRXzWk+Z7sxM29xubLEtyMnpxVfxrqlnZGFLuKKWMCWXEzhf8AVBVIVSpEjkSHapIGR1BwRFM5j0osFLEakSFXGTjUugyQMn3IHqau6zqC6pod3KFZP3F0pV9u4GMOjA7Sw6qehNAEWp6BZ6RbqYE25urbA3MVUNdxMwVSSEBPJCgA4GRwMTp4pQ6m1gwQESbFxJmQnyRNuMe0YTGRu3H5sDHORY8S/wDHsn/X1af+lMVV/FOoQaU1pcTsEjjuWLMf+vaf8yegA5J4HNAFjWvEMOhNmUfIIJpScgH900ahQDgEsZMDkc4HfjCu9TtL9JJ7uzhkkitppFBBdsQbSyN50EboT5ilRtOQS3Axufba7Hr+qxhoJFgMV1AGmjIV33Rl02kHA2xN97GcMuAVIo1u1jtY9QjUfLHpfy5JJBkNyXOTk5cqpY5yxALEkUAbEGuT3tvbyQwFmuYRJy22NeEOGfaTk7sLhCSQeAASK58VNHbXLvD+/tG2vEsikfNgo+87cRlWBLMBtAbI+U1d8MQvb6Zao4KsttECGGCCEUEEHoRWP4d/5D+q/wDbn/6KNAF3SdfudTlCrFE8RODLb3KTIuFYkHKo27O3gKRhs5GMFs/iW4tI47qa38u3dkBaSULKgkIUM8ZG0DcRnEhIByQCCAyG7jvtbR0jI2210nmEKN3lzQqVGDuwjbh8wAySVyDmq/xS/wCQBc/9sv8A0alADdR8bz2s9wkVujxWwk/eGfaGaKNZHjAEb/OAx4J52tz8pxqjxFFEbqWVhHBaFULOrK28Dc3B6qQ6BMDLHOMgqTD4j0+BIzMFG6Wa2Rz6q88SupHTDrhW/vKFVshQBhTedbXOuzruXEEW1xkfMlsx4b1GQeORkUAbdx4jubKFbuSBTbNhi8UvmuqMMhyix7SBxu2O2BkjcBmrV7qV6GkW2tvM8rqZZPKDEqGAT5X3dcEttAPAJ5xF4itY7LRbqOMYUWs/ck5KMSSTkkkkkkkkkkkkmtugDnLvxlGtvb3EIQpdAnfNKsMa4GdrPh/nzwFAJyG6BTTbrxdNpunzX09vtSJVKGOZJFkLuVUqwwduCh3EA4Y4U7eanw4uo7Hw1DNIcJGszMcE4CySEnAyegrH8VHdomqnyjDuu4iUbZkErakk7GZcsTngnrzzmgDd1K6h1fSby78uPzFtZ4/MjIkVl8sthJdqllycHgAOGGOMnbvL65WbyYId5Chi0j+XHglhtDBXYtxnG3AHJYEgHl9c8RXD6fcyXCxJa3VtMLdwx3kmNigYEAZlXLLjG3GxvmIruKAOaufG0dvp32spiQSmJoixba6E+YC0aycIqs+dvKjOOQKdN4se2trWZohm6u1gwsmVAZ3USBig3KQoZeBkEHNc1bqj6bqIdzGp1rBdW2FR9ogywY9COue3WtXxFpZtU02ySR5nXUI3zNIGkKx73diTjIUH8sDqRkA0Na8XjSkklCoIopNhkmkKKzcfKgjjlZypyG+UYII5w21uk+Ir+9R2kt8P5/kiJc5Qqm4tJK2F2nghkU8Fcb2OBn2/hiXVLy9je4kWBGkiRU8rdi6VJ5wS0R4LOu05yMEZ9d/Rv+Pm9/6+l/8ASaCgBtlrztPLbXMYjlhjWQCN/O3I2RuUBVckMpBGzOcYzuFMOr6jFG08lnhF3HYkwefAJxhAuwkjBwJDx0y3Bz/+Zs/7hf8A7cVS8M6Hput6eiSQGO4MMUrSnb55MuWEyygs2S6sRk5GMMoXAIBqz+M4IrqKJdhjnjt3VjJtkb7Q7Iu2Mr8wGAW+YEKc4JGDd1n/AI+bL/r6b/0mnrKg/wCQBY/9w7/0bBWrrP8Ax82X/X03/pNPQA06697PJBZLFMYCFk3zeXhj0UbUkJIxzkAA8AkhgrLbxOstt5rQyCVZRE0I2l/MOCVBJVWG079wONnzcYOH6TEJb67lbLMkyou4k7VMEDlVBOFBY5OMZOM5wMYWuw3DpdSWz+XPHqMHlsQCu6WC3g5BVuNsp7Z70AaUPit0uBFMkRUyCNmt5/P2Ox2osi+WhQMcqDyAwwcZzRqfiqWzu3to44iyBdonuFgaRmGQI1KtuHRdxKgtlR90mqsvhmPw7aqEllk/fWKDzSrYWO6UqoKqvA3nrnAwBgACt/VruO3jCPGZfOJQRgKd2VZivzlVxtVidxAIGOSQCAV5NUvBChW1bzZGI2M6hVUPjc8i7lHykNtXc3OADhiGwa1cRXaW11CI/OB8t43MqFlBZkJMaFW2jcMjDDODkYrE+zvdaPpkY2bXEAfzU8yLBt22hl3KCC+0Lk/f24ycCrws10b+zLJpd7RysAW2qxCWswJCjsMgd8cZJJyQCW/8XR2GoizYL/yxGWco5M7lBsQrhwpALENwCepBFdBXJatqA09YtNnYmTzrQxO2f3ircxA5J6yLj5wDyCHGASq9bQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUxIUjLFQAXOWIGMnAGT6nAA+gAp9FAEJtITG0Wxdj7ty7RtO8ktkdDuJOfXJzT4YUt0CIAqqAAFGAAOAAB0Ap9FAGfa+HtOsZBLFbxI65wyRIrDIwcEAHoauvCkhUsAShypIzg4IyPQ4JH0JFPooArpp1vHO1wsaCVxhnCgORxwWxkjgd+wpl9pNpqm37RDHLtzjzEV8ZxnG4HGcCrdFABUMdpDDI8qooeTG5goDNtGBk9TgdM9KmooArpp1vHO1wsaCVxhnCgORxwWxkjgd+wp11aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRU1FADJoUuEKOAysCCGGQQeCCD1Bqvb6TaWkLQRwxpG+dyKiqp3DByoGDkcH2q3RQAyaFLhCjgMrAghhkEHggg9QafRRQBDa2kNjGIokVEXOFRQqjJycAYHU1XTQ7GOBrdYIhE5yyCNQhPHJXGCeB27Cr1FAEN1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRU1FFAFddOt0R0EaBZSxcBRhi/DFhjknvnr3qGy0Ox0xy8EEUbEYJjjVDjg4yAOOBV6igBiQpGWKgAucsQMZOAMn1OAB9ABQkKRlioALnLEDGTgDJ9TgAfQAU+igCH7JD53n7F8zbt37Ru25zt3dcZ5x0zTbLTrfTEKQRpGpOSI1CDPAzgAc8CrFFAEP2SHyfI2L5e3bs2jbtxjbt6Yxxjpiq9lodjpjl4IIo2IwTHGqHHBxkAccCr1FADEhSMsVABc5YgYycAZPqcAD6ACmNaQtnKKdzKx+Ucsu3ax9SNoweowPQVNRQAyWFJhhgGAIOCM8qQQee4IBHoeaZdWkN9GYpUV0bGVdQynByMg5HUVNRQBD9kh8nyNi+Xt27No27cY27emMcY6YqKx0m00vd9nhji3Yz5aKmcZxnaBnGTVuigCG4tIbvb5iK+xgy7lDYZejDPQjsetTUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFMmmS3Qu5CqoJJY4AA5JJPQCn1g+L4fOgiEgLQC5jM4AQjYuSC2/jYHCF8chNx6ZoAgtfiRoV5II1uVBOfvq8a8DPLOqqPxPt1rpa4zR719S1CSFZBcxSGYzMZUlgEZ4ijVEztbBGdwXdiQ/vMKVt+FNYGn6LYm8xG0wjiQAE53ZEXTdgsgBJOAD1x0oA6iiiigArn/ABVrtzoW2SNcxrFM7/upJMmPYVTchxHuBb52BAxnFdBWT4s/5BN3/wBes3/otqAKHiPxPNpV7HaxBSWiL4ZSxYmREjjBVx5e9mI8x12AkdTkCX+3bmLVPsrr+7eXYn7qRePI80v5pJjb5lZdgAPfPBBqXNqzW322QMJLq6siVYsNqLcx+Wm0/dIU5cf3y3OMYbrWtTnVILdYkJiuSVUy7ZXH2WQllQoBt+YqGLYLrtJXkgA17nU7lLmWGGNZDHFbsoLbOZZJFYlsNwqpnhSeo5JFV4tVutP1CKzumicXMbmNo0eM7osFlKlpBgqcg7h0IxyKNJvBfancNtdCLa2BWRSpBD3GRzww5+8pKnsTVLxF/wAh/Sv+3z/0UKAJvDOvX+tTuZI9kQ8zhoijAh18sbvMdWJUsHAAKOpVgOMs8OeKLjWLGyuJFQNdzSI4UEABFnIxljz+7HUnv+Gfos2h6BcXV3M6Q3XnXIk8x2VyplMi4jY8gpsIKqc9snNRaXaXHhvRtO8wIGhmZ381zEiiWOfG9ih2keYF5X7+F75oA39a1eexnCma3to8HDXJ3M5G0/KokjwozgktnP8ACBhjAnjDyra5ldVk+yxCQNA2+ORW3gMNu4p86MGByExksw5qpDrG3VkleJVkuLO1Gxm/fL5kkpYKpXLBTgycrtVdxBxitLS9PgsNXuzEoXzYbZ2x3YvcAtj1OBn1PJ5JNAFD/hKLy3gmaQIzpbXMgHllNrW2wFTiaVXBLjJVxtIKn5shd/Q719SsYLhwA0sMbkL0y6gnGSeOfWua8UTW+kpeoxSJZNNSOIEhASn2gbFHGSu5eB0yPUV0fh61ksdOt4ZBh44IlYZBwVQAjIyOooA0KKz31+zRrhC/NmoaX5W+UMpcHpz8oJ4z+dCa/Zu1ugfm8UtF8rfMFUOT04+Ug84/OgDQorJi8U6fNbw3KyZjuZRFGdr8sSVAxtyOVPJAHvUz6/Zo1whfmzUNL8rfKGUuD05+UE8Z/OgDQorPTX7N2t0D83ilovlb5gqhyenHykHnH51DF4p0+a3huVkzHcyiKM7X5YkqBjbkcqeSAPegDWorPfX7NGuEL82ahpflb5QylwenPygnjP50Wmv2d9MkMb5eSBZ1G1hmNjgNkgDqenX2oA0KKyYvFOnzW8NysmY7mURRna/LElQMbcjlTyQB70XninT7Dz/Mk2/ZPL835XO3zfudFOc57Zx3xQBrUVU/tS3+1/Yt373yvN24P3d23OcY68Yzn2qpF4p0+a3huVkzHcyiKM7X5YkqBjbkcqeSAPegDWooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAZNClwhRwGVgQQwyCDwQQeoNPoooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiimPMkZUMQC5woJxk4JwPU4BP0BNAD6KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigArl/HUzwmwKkqTqUAyDjhg4I47EEg+o4rqKzNf0cavEmMb4Jo5k3EgbomzgkZ4YZXODjOcEgCgDPtPFp1Y/6JGkwcgKVmHHDHMoVWaIMFOzhiTgOEbitjStTh1m2juojlJVDDpkZ6g4JGQeCM8EEVi6VHLpeRFaT5KpGplktgqpHny0ykjNtXcedrvgnO4gCrttbXOg20MMam5Zpv3rlkjx5rs8kmMYwGPCDnBxnjNAGxRRRQAVzXjWK9ihN3btgW8E7EedJH8wCsj7VVlk27W+V/lOcHjNdLWf4htZL7TriGMZeSCVVGQMlkIAycDqaAOc8T39xNqIigchYY41cpIU2SXUyJExVWPmFcFvLZQu3OWO4Cr00V7Y6ukhbMVzOVH76Q4UWrHZ5RXYvzxltwO7t0JqeXR51sVQ4aZrmCWUg8EieN3wWwSqquEB52Kq84FVdU03U7vUo2V3EaTb0IEJiUfZ2TDA4lZjITkA42NwytyoBdnW4u76eGOZosQWpBADYzLPvwrArllXGcHscHAFUpH/AOEf1i1t42laO9jmUrJM8gVoQHDgyF2BIJUgEA8HGRzoaXbXi3001wqANDAitGxIby2mJO0gFT84+XLAZwHbmq+s6XcXesWFyi5jt/tO85Ax5kYVeCcnJ9AfegDE8E6k93qU0U1xvmi8/fGrTlc+aoPyyExqI2BVNpyyMNwUggv8G6jcXWmaY8kjs0lzMHLMSWAS5IBJPIG0dfQelatpcX+jpNCLR5SJp3jaOSIIwldpFzvdWUgvtPynpkZzVWHwvPo+mWdvCzl7STexiMZcl0lDbPNUJjdJ/EB8mf4sZALGsnzr/wAo/aZisW4R2z+QiqxADO/mRbmZlbaN2NoPyAgsaOn6xf3SX9tbb2lgjTy0uAqyIz712F/nWQAIHRjncGAZzywtxWWqwX0chJYtbWySOPK8otG0hlyCBIDh8psAG4jd8ucbEFrImozTEfI8ECg5HVHnLDHXgOPz+tAHKPJdWNtc7XkBWwuJGLPNuyf9Q4WWSRoydsvAYngF9rEKvUeGJnuNMtXclma2iJLHJJKKSST1JrN8S2N0/wBq8qJpftVmIV2NGNrL53Lb3Tg+aMY3Hg5A4ztaTY/2XaQ227d5MSJnGM7FC5xk4zj1oAt0Vnve3ga4At8iJQYj5i/vCVJK4x8mGwuT1znpQl7eFrcG3wJVJlPmL+7IUELjHz5bK5HTGelAGhRWTFqOoPbwyNa4kklCyJ5yHYpJBfdjDYAB2jnnHapnvbwNcAW+REoMR8xf3hKklcY+TDYXJ65z0oA0KKz0vbwtbg2+BKpMp8xf3ZCghcY+fLZXI6Yz0qGLUdQe3hka1xJJKFkTzkOxSSC+7GGwADtHPOO1AGtRWe97eBrgC3yIlBiPmL+8JUkrjHyYbC5PXOelFpe3k0yJJb7EaBXZvMVtshPMWAMnA53dDQBoUVkxajqD28MjWuJJJQsiech2KSQX3Yw2AAdo55x2ovNR1CHz/LtfM8ry/K/fIvmbvv8AUfJs9/vdqANaiqn2i4+1+V5X7ryt3m7x97djZs69Od3TtVSLUdQe3hka1xJJKFkTzkOxSSC+7GGwADtHPOO1AGtRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRVexvU1BC6ggCSROfWJ2jPQnjKnHtVigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiq9zcvA8SqhYSSFWI/hAR23Hg8ZUL25Yc9jYoAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAqWeoLeySoqttibbvO3Yxx8wXBJO0/K2QMMCOSDi3XL27AeHYGJfc8MDfu3MbvJIUIXeOQZZGwzf7RJI5NRRafJpl9albeG2WSZ1b7NK3zfuJWAZBDErAFcgnJU9OpoA62ua199Uu2lgiSWOPbhXt/ILElfvEyzKQASRtChsqGEgziodaX7a8V9G21o57aJkkXLoTOgYKQw2FlfDkbhIm3B24Jz00rUbbVUXzZA0zO5fcGUIiuHwpI+XdNF5SPv8t95wy5MgB0Hg+4u7ixBu1ZZxLNvDBgATIzAKWzlQpAUgkY4B4rbrj4njsPDlvK/zKywNIJJSqubhl3mR2DnaXkLN6gbTlSVMumwW1pNa3VtEsP2pnhdY+I2CJLIrgKFDcx/I+Bujc8cjaAdHYXqahEJVBHLKQ3UMjFWU4JGQwI4JBxkEjBqxWPp6G31S6QMSskdvLg44ZhJEcYAOCsK8EnnOOtbFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAUdV1B7BEEah5JZAiKzbAScs2W2tgKis3TnGBkkCn32rWml7ftE0cW7OPMdUzjGcbiM4yKqXP/IWg/wCvW5/9GW1ZougdVuIbaW3hlYxhxKhkmdliDZAEyHYqFccdd5wOpAOorM1C/NzYNPaSxHjIkLjywFb5zvAcAgA4JDAMPmBGRWPpCx2mlmCdFMBlvI5CgMaqDPIudoJKx4yCQ3yDBPy7mWrN4Yk1n7TCZmZorwMHfCsGNrAFkBiEfzR5yo+63IYZIdQBg0XULPVbW6cAq0m2QfafNZmEUwVwJI4toXzHLIhxjlYxiuqvdcsdNcJPPFGxGQJJFQ45GcEjjg1yvhTTUS4s52UDzba7mRAcpGsssLqqjaoBCyEE4yckZ2hQNOzuXl1C4s/LV4TKRIDG54eBHLtKzFH5YRiPGQu0j5FxQBtXl99ikiDL8krbC2fusR8ueMYYjbnOdxVQDu4t1x98Y4/DlwGbatv9oWM7ihU28zrAAwIOVKIBzkkDOSeewoAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigDnH8PnULCXSplIiQqInJBVkVg6LhWD4TARskMwG4MCxK2NO8OfYIbePev8Ao88svyR7FPmiYbQu47Qvm8cngY78bdFAGTrOhf2o8UiP5bJLEzkLu3rE4kCHkfxAENyV5A4ZgZtR06aeZLiF1SSNXT50Mi7ZChPAdDnKLg7sYzwcgjQooAx38PltLjsFlKtFHCFkCjhoCrK205BG5ASPTjPepYNNuJZUlupEk8olkEcZiAYqVLHMkhJ2sQOQOSSCdpXTooAzNG0825luZFCy3Mm5sYyAoCRqSM8hAM8kbyxU4IrToooAz3srwtcEXGBKoEQ8tf3ZCkFs5+fLYbB6Yx0otLK8hmR5LjeiwKjL5arukB5lyDkZHG3oK0KKAMmLTtQS3hja6zJHKGkfyUG9QSSm3OFyCBuHPGe9F5p2oTef5d15fm+X5X7lG8vb9/qfn3+/3e1a1FAFT7Pcfa/N83915W3ytg+9uzv39enG3p3qpZ6dqEPkeZdeZ5Xmeb+5RfM3fc6H5Nnt97vWtRQBky6dqD280a3WJJJS0b+Sh2KSCE25w2ACNx55z2qa7sryaZ3juNiNAyKvlq22QniXJOTgcbehrQooAz0srwNbk3GREpEo8tf3hKgBs5+TDZbA65x0qGXTtQe3mjW6xJJKWjfyUOxSQQm3OGwARuPPOe1a1FAGe9leFrgi4wJVAiHlr+7IUgtnPz5bDYPTGOlCWV4GtybjIiUiUeWv7wlQA2c/Jhstgdc46VoUUAZP9nah/wA/X/L15n+pT/Vf88ev/j/3qmeyvC1wRcYEqgRDy1/dkKQWzn58thsHpjHStCigDPSyvA1uTcZESkSjy1/eEqAGzn5MNlsDrnHSoYtO1BLeGNrrMkcoaR/JQb1BJKbc4XIIG4c8Z71rUUAZN5p2oTef5d15fm+X5X7lG8vb9/qfn3+/3e1W/s9x9r83zf3XlbfK2D727O/f16cbenerdFAGTFp2oJbwxtdZkjlDSP5KDeoJJTbnC5BA3DnjPeiXTtQe3mjW6xJJKWjfyUOxSQQm3OGwARuPPOe1a1FAGfd2V5NM7x3GxGgZFXy1bbITxLknJwONvQ0JZXga3JuMiJSJR5a/vCVADZz8mGy2B1zjpWhRQBky6dqD280a3WJJJS0b+Sh2KSCE25w2ACNx55z2qZ7K8LXBFxgSqBEPLX92QpBbOfny2GwemMdK0KKAM9LK8DW5NxkRKRKPLX94SoAbOfkw2WwOucdKh/s7UP8An6/5evM/1Kf6r/nj1/8AH/vVrUUAZ72V4WuCLjAlUCIeWv7shSC2c/PlsNg9MY6UWlleQzI8lxvRYFRl8tV3SA8y5ByMjjb0FaFFAGTFp2oJbwxtdZkjlDSP5KDeoJJTbnC5BA3DnjPerdvb3EdxLI8u+N9mxNgXZtGG+YctuPPPToKt0UAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBn6tZzTbJoNvmwtld5KqVbh0JVWOCORxjeqEg4xULeHIDfC9BZW3Byo2bWYRtECSVL8IxAAYL3xkknWooAr2NkmnoUUkgySPz6yu0h6AcZY49qr6PokOiLIsRYiWUvhiMLlVUKuAMKqqAo7AY6VoUUAZOneHk06ZJFkkZYomijRtm1VYocAhAxx5agFmY4HJJ5om0Am4kninlhM20uEMbKSo2hsSRyYO0AHGMgDPIrWooAzJ9HDCGFMLDHJ5jAklmKHcvJ5JMmHZi2SVwQ29iNOiigCpqmn/wBqW7QeZJFux88LbHGCDw2DjOMH2zUV3pH2uZ5fOlTfA0W1H2qNxz5gGOJB2b07VoUUAZ6aRsa3bzpT9mUrgvw+VC5k4+YjGQeOcmoZdA823mg+0Tjz5S+8SYdMkHajY+VRjAHPBPrWtRQBnvpG9rhvOlH2lQuA/CYUrmPj5Sc5J55waE0jY1u3nSn7MpXBfh8qFzJx8xGMg8c5NaFFAGTFoHlW8MH2ic+RKH3mTLvgk7XbHzKc4I44A9KmfSN7XDedKPtKhcB+EwpXMfHyk5yTzzg1oUUAZ9ppH2SZJfOlfZAsW133Kdpz5hGOZD3b07VDFoHlW8MH2ic+RKH3mTLvgk7XbHzKc4I44A9K1qKAMm80D7Z5/wDpE6faPL+5Jt2eX/c4+Xd/F1zVv+z/APS/tXmSf6rZ5e79397du24+92znpxVuigDJi0DyreGD7ROfIlD7zJl3wSdrtj5lOcEccAelEugebbzQfaJx58pfeJMOmSDtRsfKoxgDngn1rWooAqf2f/pf2rzJP9Vs8vd+7+9u3bcfe7Zz04qpZ6B9j8j/AEid/s/mffk3b/M/v8fNt/h6YrWooAyZdA823mg+0Tjz5S+8SYdMkHajY+VRjAHPBPrUz6Rva4bzpR9pULgPwmFK5j4+UnOSeecGtCigDPTSNjW7edKfsylcF+HyoXMnHzEYyDxzk1D/AGB/08T/APH15/8ArP8AyF0/1X+z+ta1FAGe+kb2uG86UfaVC4D8JhSuY+PlJzknnnBotNI+yTJL50r7IFi2u+5TtOfMIxzIe7enatCigDJi0DyreGD7ROfIlD7zJl3wSdrtj5lOcEccAelF5oH2zz/9InT7R5f3JNuzy/7nHy7v4uua1qKAKn9n/wCl/avMk/1Wzy937v727dtx97tnPTiqkWgeVbwwfaJz5EofeZMu+CTtdsfMpzgjjgD0rWooAyZdA823mg+0Tjz5S+8SYdMkHajY+VRjAHPBPrU13pH2uZ5fOlTfA0W1H2qNxz5gGOJB2b07VoUUAZ6aRsa3bzpT9mUrgvw+VC5k4+YjGQeOcmoZdA823mg+0Tjz5S+8SYdMkHajY+VRjAHPBPrWtRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBXF/E1wbYE+YsYcja2ArEqPmxtySDgZzwTjAqxWT4d/eRSyn70l1cbj6+XK0S+3CRqPfGTySTrUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBD9qj87yc/Pt3AEEZGcEg9Dg4zjpkZxuGZqx/EQeDyLmMgNFcxKcjOUncRMuQRgfOG7jci5BwMbFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAV9QvU06BpmBIQZwvLE9AoBIyzHAUdyQKlhcyIGKlSQCVbGRnscEjI9iR6GszW/mns0PKtdHI7HbBM65HfDKGHoQD1ArWoAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigBkzmNCwUsQCQq4ycdhkgZPuQPU0y0uo76FJozlJFVlOCMhhkHBwehqasfw8ht3u4dxKx3bFc4481I5mHAHG+RsZ5xxnigDYooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKAMS1E9g1xaRL837yaFnV/LJmZmKs4GMiUt8o58sqRk7iLdp/aPnJ53leX5C79m/d5ufmxnjy8dM/NmtCigDJi/tb7PDv8jzfNHnY8zZ5eTnZnndjGM8Zz7US/2t9nm2eR5vmnyc+Zs8vIxvxzuxnOOM4961qKAKn+l/a/8Aln9n8r/a8zzN3/fO3b+Ofaqln/a37jzvI/5aefs8z/tnsz/49u/CtaigDJl/tb7PNs8jzfNPk58zZ5eRjfjndjOccZx71Nd/2j5z+T5Xl+Q2zfv3ebn5c448vHXHzZrQooAz0/tHdb58rbtPn4353bRjy/bdnO7nGO9Qy/2t9nm2eR5vmnyc+Zs8vIxvxzuxnOOM4961qKAM9/7R3XGPK27R5Gd+d2058z23Yxt5xnvQn9o7rfPlbdp8/G/O7aMeX7bs53c4x3rQooAyYv7W+zw7/I83zR52PM2eXk52Z53YxjPGc+1TP/aO64x5W3aPIzvzu2nPme27GNvOM960KKAM+0/tHzk87yvL8hd+zfu83PzYzx5eOmfmzUMX9rfZ4d/keb5o87HmbPLyc7M87sYxnjOfataigDJl/tb7PNs8jzfNPk58zZ5eRjfjndjOccZx71b/ANL+1/8ALP7P5X+15nmbv++du38c+1W6KAMmz/tb9x53kf8ALTz9nmf9s9mf/Ht34US/2t9nm2eR5vmnyc+Zs8vIxvxzuxnOOM4961qKAM+7/tHzn8nyvL8htm/fu83Py5xx5eOuPmzQn9o7rfPlbdp8/G/O7aMeX7bs53c4x3rQooAyf+Jt/wBMP+Pr/pp/qP8A47/47Uz/ANo7rjHlbdo8jO/O7ac+Z7bsY284z3rQooAz0/tHdb58rbtPn4353bRjy/bdnO7nGO9Qxf2t9nh3+R5vmjzseZs8vJzszzuxjGeM59q1qKAM9/7R3XGPK27R5Gd+d2058z23Yxt5xnvRaf2j5yed5Xl+Qu/Zv3ebn5sZ48vHTPzZrQooAyYv7W+zw7/I83zR52PM2eXk52Z53YxjPGc+1F5/a37/AMnyP+Wfkb/M/wC2m/H/AI7t/GtaigDJ1S1bU7mGEhvLiYTOQWCkpxGnGM/N8/U42DcPmU1rUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQBn63ayTwiSIZlgYSRjIGSoIKZPA3oWTJzt3bsZApk1re3TmVJjCr2xURtGjFJDyJCwJyV6bclTjOa06KAM9LK8DW5NxkRKRKPLX94SoAbOfkw2WwOucdKhl07UHt5o1usSSSlo38lDsUkEJtzhsAEbjzzntWtRQBnvZXha4IuMCVQIh5a/uyFILZz8+Ww2D0xjpQlleBrcm4yIlIlHlr+8JUANnPyYbLYHXOOlaFFAGT/Z2of8/X/L15n+pT/Vf88ev/j/AN6pnsrwtcEXGBKoEQ8tf3ZCkFs5+fLYbB6Yx0rQooAz7SyvIZkeS43osCoy+Wq7pAeZcg5GRxt6CoYtO1BLeGNrrMkcoaR/JQb1BJKbc4XIIG4c8Z71rUUAZN5p2oTef5d15fm+X5X7lG8vb9/qfn3+/wB3tVv7Pcfa/N83915W3ytg+9uzv39enG3p3q3RQBkxadqCW8MbXWZI5Q0j+Sg3qCSU25wuQQNw54z3ol07UHt5o1usSSSlo38lDsUkEJtzhsAEbjzzntWtRQBU+z3H2vzfN/deVt8rYPvbs79/Xpxt6d6qWenahD5HmXXmeV5nm/uUXzN33Oh+TZ7fe71rUUAZMunag9vNGt1iSSUtG/kodikghNucNgAjceec9qmeyvC1wRcYEqgRDy1/dkKQWzn58thsHpjHStCigDPSyvA1uTcZESkSjy1/eEqAGzn5MNlsDrnHSoYtO1BLeGNrrMkcoaR/JQb1BJKbc4XIIG4c8Z71rUUAZ72V4WuCLjAlUCIeWv7shSC2c/PlsNg9MY6UWlleQzI8lxvRYFRl8tV3SA8y5ByMjjb0FaFFAGTFp2oJbwxtdZkjlDSP5KDeoJJTbnC5BA3DnjPei807UJvP8u68vzfL8r9yjeXt+/1Pz7/f7vataigCp9nuPtfm+b+68rb5Wwfe3Z37+vTjb071Ui07UEt4Y2usyRyhpH8lBvUEkptzhcggbhzxnvWtRQBky6dqD280a3WJJJS0b+Sh2KSCE25w2ACNx55z2qa7sryaZ3juNiNAyKvlq22QniXJOTgcbehrQooAz0srwNbk3GREpEo8tf3hKgBs5+TDZbA65x0qGXTtQe3mjW6xJJKWjfyUOxSQQm3OGwARuPPOe1a1FAFFIrm2lnmZzKjBTHEqIpXap3AMSNxc/wB4gDpnFN0PTP7Lt9rBfMkZpJCnQySHc5HAJAJwuedoAJ4rQooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiis/xDdSWOnXE0Zw8cErKcA4KoSDg5HUUAaFFY/iC8ktDEPNMUchZSY4mmmLY3KEUK4AwrFiVbgYGCcjMh129C3McG6doYoWQzwyQvmRpAxZQilwoTI2ICw+UZbmgDq6K4rTtf1B4zltyiW2BclHOZLryyoKRRqytFhwdoYB1PIZSurrn9oWSXN6J9qQRF440RCD5aFj5hZSx3NxhCuFAwdx4AHax4ystHn+zsQ0igFlEkKbd3TPmyR8nrgZIGCcArnYtbqO9jEkZypz2IOQcEEHBBBBBBAIIIIBFc7NqV9qaW88RdEntkkCW7wGbLYLZFwu0ooZRlSCCeVII21zcNpOkNLZBf3krAmG3WHYRmMlYJGQs29AoVmLFjxkAJQB2FFc/b3F1p95AryyTQXasAZY40dJFUyDO1YjhkDZBQlWUZIziql3fah4c+yyXEvnNdXSQugVEjXzdxBQhN/wAhAA3MdwzkAkFQDq6K5q6k1C3nJmkkjR5QqtEIHhCyPsQEMolEhyOm9A5DHKZQWtb1SeymCK8cQKgrujed3OTuVY43R/kABYgNw3YKcgFfw74v/t6ZYzGEEsLTRkSpISiybDuVfuN04+YdRncpFdHXFeFpbzV7a7miWK3uHnEeVhVcAbWLsoZyZcSHKs5AYBSAd+bU+pX1pey6ZG7SubPzkkfyw4JkMZACoiNgYZQ2MsCGYKcqAauoa79hu47bZnzNv8WGO9ivyLg79mN0nI2IQ3OcVbsb77a0oC4WKUoGzkNhVLEcdmJQ9cFSOuQMzRYV16wAvUExWaYYnSNiPLlkRchRs3BRgleOuOtZVrqV3LDp8Cl4kmtomLwRROSTHgrsIPlopK5YRsvzBcoOoB2dFYmkX81rNPaXT7jE0ZSRgibknJCA7TjcHVk+6ucKQMmq4vdSjvpLfAzJDO8Zfb5WY2QR42HzMYkHm7h97/V/L1AOjorl5L+90K9tbN5DctdxzcyBIgHhQMCPLj4VskEHcRwQeCGteErm7mjmS6Z2eKYJ+8WJW/1MTniIlcFmJHJIBAJJFAG9RXPprskNqGdl3yXVzGrSYCKIpJjubGOFjiPpuIALDJYUtF8QX1/dRmR4mgkk2IYo2jcsYTMu5XZwEMfzDa27JQNt+dQAdbRXKXd9qHhz7LJcS+c11dJC6BUSNfN3EFCE3/IQANzHcM5AJBV9xqcwnkV7iVXikICW9pJLEB95A58p2ZirKX2unXAwfmIB1FQ3N1HZqHc4BZF6E8yMEUcerMB/Piud1HXr9dGiv4kBJthM+3bwfL34w7D5CfvEEuF4UZO9NLxL/wAeyf8AX1af+lMVAGtRXLrNf6veXEAmltjEMIEiikj6nDM5EmWIKtsPlsFIwD9+qWq+L7iKxhkc/ZztladlUO6m3kSJ0jU71JeRgqsxIC8nnoAdrRXNeHdUupbnypGaSOVZmQyiNZUa3kWKRG8oeWwLHKsOeoOeDRZSahDcRx3UkiNI2PlEDwMQDIUQhVlXhTzIDhQyhixR6AOlornLi4l1C5kt1u3glUlVWOJWjzs3rl5YiHcqd5VWGF4A+Uubtlqc19Z/KYxc7ZVCtkIZIWMbEDJby9469dpGcE4oA1qKx/Dd7PdLMkwfMM2web5fmYMccnzeUdmcucbf4cZ5zWxQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUVmatM8dxaBSQHuWDAHGR9nnOD6jIB+oBoA06K5R/NuJpSFu52SVwskMsUUYwchVQzIr+XnaxdGywYNkDaKV7eahc2dpdSOfINtDJKUEiMSQGlYtDJGVCx7mUAFWOVI3eWCAdxRXNaR/aMzSQzy7Z/sFuSQoKrI7XALbMlSRgZxw23sMAZ+sQ3Oj3Vrp9rLIftsVwjtNLI7ZijVgysSfLY8/Mq4BOSjbQKAO1orE8MztDp5edseXLchi8jOAI55BzI+CQoGMnHA5xWPNc3lxpmnBS7iaOHeI5THO52LJgOQRjarlsshbAAcZIIB2dFcvLptxBdPYRzyrFdQ71YyGSRDE6LKqlwWAdXXaSx2NkgdKYks9pq0mlwSMqPYGVWkZ52WTzDHuBkZiRjB2k4yOMZbIB1dFc5pVpJYXiwyl8mN3UrczSo3llULMspJQ/vBhQzrydxJRGrmtKvbrXplj8yYTTCOQzLK6xoXh85VWAZjeNBsVy5yWkGfvA0AekUVykN5c661kJf9Xc2olIhmkhYNtBdvlwWUF0VV3g5Ykq2AVmvbuaDTdRjDtm1WVUbcd+Ps6SjLdSVL4DdcAEktliAdLRWDrt1qFlcRyRKWhBTftXfgEneWVVaRjjb5YjxhtxkO0AGrrT6pHp8jlgGmmwFVhE6pJhI41cLKvmFiuWIKgs2GUBWAB1FFc5FBJo97bshl8q6DRvHNM0pVwjSqw3GTnCsrAPtPykZxmorawuNNuYUuHdzLJt8xJ5RvYI0vzQMSka/IfuNyQF2iNmUAHUUVy9/YXFnMZZnd0kmVd8c8sTKJpBGqeTloyBuALgo2MsB5gDGW2hurbWz5jkpNDMwAkcr8jW6qPKI2oVBPIJLEsTtBCgA6OiuS1m6vPKvFhc/8fccf+sKPiS3hAWNikgRmkcclcDLHKn5haigk0e9t2Qy+VdBo3jmmaUq4RpVYbjJzhWVgH2n5SM4zQB0dFcfqaT+FfsbiaSaSe8jilaV3KsJdxbEe7YmDjbtAwABkjObFtYXGm3MKXDu5lk2+Yk8o3sEaX5oGJSNfkP3G5IC7RGzKADoNRuXs7eSVEMjRxswRerFQSFGAeT06H6VieEPEU2veYHaKQRiIiSBZFQmRNzJh/4k789GGQrZFY95Jc3s+6RpWFzPNCvkzyQCJYZ/JBVUDCSQgtK2/jajYAVTW7bQT69ZRo8zoY5nSRo/kaTyHeM8rgoHZQx28gZUHnNAG9WZrmsNpKLsieVnJACpIyjHJLNHHIVHYfKSSRxjJHOyapPbpq9ortts4A0TF3aQGSBnPzsxY4YZBJyM4zgADS1KG6h1e2l3nypJNmBI6jiCdsGLG1iWGd5OeFUKMFmALeh+JItXdoGwk8YDNHls7T0bDrG+PXcikcHG1kZtiuf1x5ru9W0hl2u9ncEgOVPMkCq3GSpxuCvg7TkgNgqZfDM7Q6eXnbHly3IYvIzgCOeQcyPgkKBjJxwOcUAbdFcVbSXeopp0btI8ctrG7eVO0UhIQB3c4BZVLpwsitkk7XxgaFvZXLNdaYJ5FUeVJHLv3yiOZmDJuYZyDG4ViWIDKc5WgDpaK5RJZ7TVpNLgkZUewMqtIzzssnmGPcDIzEjGDtJxkcYy2bGlWklheLDKXyY3dStzNKjeWVQsyyklD+8GFDOvJ3ElEagDT1vU30qEOkbSszBQFVyBwTlvLSRgOMZCnkgHAJI5/RPEN7Nq/wBluG/dvFI8ZMEluGI8obAkq7sph2OGbIbPGMCw11K1iCZJSTe3CbYtpldfPmQRqzsNoAwSwIKohwVxkP0maa31FINk8UbwSuVuJEmyyPEAQ3mSuOHIILBehAzk0AdLRXJQxDWmeMTXEVxmQpLvIjJt5AjlYVlZNithdrqCynqzbmouL2412WyOHENxCspSCcxOMr8zMwC7kTzE4V1bJJ2vgAAHW0ViaEJrG5uLJ2Z0j8uWNncu4WbeNhJGTteNsEljtIBPFbdABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFZ/iG1kvtOuIYxl5IJVUZAyWQgDJwOprQooA4rUbHXJYYbiNpBPGt2mMWxkIkcGHdkiIABF3lcnsBySOlgtZE1GaYj5HggUHI6o85YY68Bx+f1rQooA5y7065eeWIRkrPd284kymxRD5G5SCwfcfJOMKRyuSOcafiG1kvtOuIYxl5IJVUZAyWQgDJwOprQooA5qxsbrSobGQxNI0FmYXRGj3BmEJzl3VSB5RBw2ckYBGSJRpdwbBY9vzteLMVyMhWvBOQTnGVQ84JGQQpPGegooAz9TtZLie1dRkRTszcjgGCZM+/zMBx6+lZ/i/S7jVPsfkru8m/glfkDCpu3HkjOM9Bz7V0FFAHP+JbW+vZ4EiDGJZYmbaY8EpPG5Lb8MAqqSuzJYnnAUbjU7fUItSS4hXehWJCPk+UeafNJLMpAKMD8gJZkXdhVw/QUUAZ+mWslvPdOwwJZ1ZeRyBBCmfb5lI59PSs/wDsu4/4SH7bt/dfYPK3ZH3vO3YxnPTnOMe9dBRQBxlxp2rT2k9r5YSJrmcNsKPNJFNK7kpuZY0OG2/MScEtgFQG2NPsrgTWkrxrH5dnIjqmAqs5tyEABPA2NjGQAOvTO3RQBmDTzLfTvIoaKW2hT5sEHa05ZSPTDjqMHP1qpbWF3BqaZBeCK2lCyMwLZkeIiM5O5iojJ3nqCA2WBZt6igDn9Z0u4u9YsLlFzHb/AGnecgY8yMKvBOTk+gPvVe5g1iKa9FsiIJJEdJGIdmzDHGyqmVAZdhILsFJwpGCWXqKKAOUTw80+ixWTQ7NkqLtyqsI/O2sSyNjc8JbeVPzFmA64rVu9KVJ7d4Y1ULdPLJtCry0EqFj0ySzKCeT+ArWooA5/xfpdxqn2PyV3eTfwSvyBhU3bjyRnGeg59qi0Cx1LTr6VJGY27NcOOIggMsqugBB80nDPu3ADPAyACelooAxLTRpJtDSwk+R2s1ibo20mLYehwcH359ar3dxf6wkMJtHiJmgeRpJIiiiJ1kbGx2ZiSm0fKOuTjFdHRQBn6ZayW8907DAlnVl5HIEEKZ9vmUjn09KzINFl/cF4x8l7cu2dp+SR55E78gv5TY6hgpIBXjo6KAMw6eYr6B41CxRW0yfLgAbmgKqB6YQ9BgY+lUr+1vrnVoHw3kRNu4Mez/UzKWOcSbiXACgFQo3EknC9BRQBzX2SbT9SnuDbSTiRkeNo5UwD5SxsDHJJGoYbT84BJVtuQMir9pomLURSHD+bJKGjPKNLI7/KSOdu8rkjDDIZdrFa1qKAMfw7BdxNcvcoFaS5yNpBDKsUUYcAFtobYTtJJHQk9TsUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFYPi/RrrWrdFtmCyRyMwJkeLGYpEBDICcguDjoQCDwa3qKAOc0Xw9daVqEkpkLQuZ2wZXPM0iOAIiuxAnzDIYlixJxnAtw6G7aMNOdgG+yCEso3AHy9hIBxkd+34VsUUAZmm2lx9okupwiNJHGgWNzIMRmRt24onJ8wjG3jGcnOBX1XRJr7VLK8UqEtfP3Ak7j5qBRjgjqOckfjW3RQBxmo6JfR2kyTTIIftMrCOMsnmJNKz7HkCO4ZmcALGuWGU+YuCuxZwzapb2FwXVzHsldgCA263kTIG0dWcHBC8dgeK1bq1jvYzHIMqcdyDkHIIIwQQQCCCCCAQQRUWk2P8AZdpDbbt3kxImcYzsULnGTjOPWgBktk8l9FcAjbHDMhHfMjQkdun7s559Pwpf2JN/bn9oZXy/sfk4yd27zd+cYxjHvnPatuigDBtNGuo9Wa8kYMhjkUfvHP3zDtAjI2oAIzuIYl2O44GFXQ0iyfT4WRiCTNO/HpLM8g6gc4YZ96vUUAco/hm9RdPEbqDZxIkhEkicBoC2Aq/OCsTLtbA5B6ijWfCt3qRuMS4jml3eWrtFuBt1hO6QKxGCNyqFKnGHDbhs6uigDmr3SNWW5gnimWTZEiyB3khBZM5YKgkj/ebsMGQlQBsIOGWdNDuHtNsjIZ5LmGaVlBVMxyxsQBycKkYRemcAtgkmt6igCjqFk91NbupGIZi7Z9DDLHxx1y4/DNZ93o11c6rDdbgYojnHmOMfupUx5eCpYtJkuWB2gKF4JbeooAwfEGjXWqXEDIw8uKSNiDI6fclRySqhhIcJhQdoUkn5iRtq3Phi8u9VN357xKpO0xyljtaKNTH5UiNGBvXfuBOe65wy9RRQBz66FdtHKJXjZ5by3myqsi7YjBkbSXIOIjjkg8cjOBpahZPdTW7qRiGYu2fQwyx8cdcuPwzV6igDE8T6JNrX2Xyyo+z3kMzbiR8se7IGAeeeOg96Zd6NdXOqw3W4GKI5x5jjH7qVMeXgqWLSZLlgdoCheCW3qKAMe08PpHfzXsmGZpMxd9gaKKNz0GGby8Hk/KBjGWza0iyfT4WRiCTNO/HpLM8g6gc4YZ96vUUAcvN4XuJJtUcMmNQhRI+TwVhaM7vl4GT2zxTzoupLbWwR4/NgunkJleWZQj+coG47XcqkgAyVzjrXS0UAc/o+i3un38k0svmpIpBZm+c4K+UNixqiBAXztPzsxYgcBaU/hnUrmCWBpU8prmVhFGWj3xyyNIVeXazKctj5FHygqSd25etooAybTT7kTW00zKzxWskchHd3MJJAwBjMbenUceliKyeO+luCRtkhhQDvmNpie3T94Mc+v43qKAMT+xJv7c/tDK+X9j8nGTu3ebvzjGMY9857Uy00a6j1ZryRgyGORR+8c/fMO0CMjagAjO4hiXY7jgYVd6igDipPB19I8jeZhRdecipcSpnL3BYbgh8rcsyhtgO7aeQW3Dd07SriB7V5XDNBaPE5ySS7eSd2SOR+7OScHkcdcbFFAHOafpN9pEk4hjtyJ5nfzSWWTEjFxuQId5QsQP3i5XA+Xk1dtNE+wTW2w5jtrWSH5j8xyYdp4AHSM56c4wPTWooAoxWTx30twSNskMKAd8xtMT26fvBjn1/G9RRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFY9xdT3FzIYQXFpGfkDbN8rpuCknGAqEdcqTID96OodH1K8up/KlZMgEsrW8sD8cELukdXAYjLoxVcAfNvDKAb1Fc4dV1C8Ej2r27tERut87pBg8o0qylVcgH+AqG+XLAbjd1DVna0juLX5ll2nf5by4VlLBvKTa7ZOBgYI3bjwpFAGtRWPDrj3UVjKqhReFdwJzgNbyS4B45BUDOOmePSvqmuyWlw0TT21qFwVNwwdnBA+YL5kWwBsryW3EH7oHIB0FFcle+NZUsEuY4gS5uMsjLLGFt2YMQWeDzCwXKqCCV3NztIN/SdenvrhIXQLxdBj/eNtLHFuUbjhW3Nw3IIxkgbmAN6s/+3rXzvKy2d23d5cnl7s42+Zt8vO75cbs7vl+9xWU+u3+k/Z5L1YwLqdYhHEpLIZNxTMhfa+MANhV5JIJAw2PqOm21u8iy2tvAmWUboXhBQ5UMbyElYw4/hZQxz5ZBDBiAd7RXOahqtxpkttYqyIXCqZZ0ldGJVgEX5uXJXOHlBwRjeTxYsNWu2W5glRXuLbkBN0aSK6loyC+Qu4gqfmYBlPOKANuiufh1i7068trO8MbvdrJtMCMiq0ShmB3uxYEE4OFIxyOflZp+r6hPOsc2yJnPMbwyDH8RVZhI0UrbQeF2nGXIGxoyAbGqalHpFu07hiFwMIpZiWIVVAHUsxAHuecCmaVqqasjkI8bRyFHSQYYMMHsSCCCCCCQQRzWB4p1zbbSRz28TxSl0WOWZ0mkKvs+WNYXJJbBQhuhVsr2l0WK6WztzZJFGtyGnkeTfJjzAGUEFw8jncAXLAYUnAyqgA6is/8AtuH7V9mw2d2zdgbd/l+bs67s+X82cbccbt3FZUXiae9s5WiT97b3TQO3lvImY2G5xGjGQgqeFGSGIBO0F6hvki1HSV1d0xcLYFw0byxdYxJtJjdWK7h0JOO3JJoA6OxvU1BC6ggCSROfWJ2jPQnjKnHtViucn1WZL9dOtzFbhYzt86KQ79qocRhTGhVVbnDlgQRsAG429L1e4vbORmjBuYDIjxqSql0GRhnAwrgqyk5ADDk4NAGxRXP2WtXuoWk5hRXnilEa70kt1JZY23lHy6hRJyMksFyp+YART+ILuxnlsWCyzra+ejRxsqYLmPDJ5judpwx2kllyFXcAGAOlorM8O6jJqtoJpMbvMlXhGj/1croDscllJC8gnIPFZ8XiiSSzhlCI0jW0MsgZmjQecMKBhJWZmYEKoUk4wTkqGAOjorn9H8QXmpQyu8CrIkSvHEsqvuDhijeavyYcqQBj5dpYkhhgh1i7068trO8MbvdrJtMCMiq0ShmB3uxYEE4OFIxyOflAOgorj7vxlJYwvPJNaB41YtbeaDICo5TzQ5G7I6eV1+XP8dbFzrclvqMVqYyElJUMVbk+W8m4MAUAGzbtJ3kktgKoLgGqZkVwhI3MCQM8kLgE49BkZ+o9afWJqlx9k1GKXaz7LO7bag3Mdr25wB3J7D1rNi8S3otvt5aF4Y5isyRxzCSNQ5VjlvmLRghmBiXK5IxwSAdbRXOeIfEkmm3C28ZSMYQvJIrS/wCtLJHGkUbB3dmQnjgKCeezbDxDe3lvKFjWSVVikjaP5UeOcnZIFkdSpUK25GYZK4DfMCADpaKx9D1C4vnYSOjBAMjyJbd/m6fJKxIX5ThuQxyBt2HdUOq6heCR7V7d2iI3W+d0gweUaVZSquQD/AVDfLlgNxAOjorJ1DVna0juLX5ll2nf5by4VlLBvKTa7ZOBgYI3bjwpFW9Jvv7UtIbnbt86JHxnON6hsZwM4z6UAW6KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAorJ1b/iYTJYjlW+eX/rmp4U9f8AWNgYIwyCUdRWtQAUUUUAFFFFABRRWTq3/EwmSxHKt88v/XNTwp6/6xsDBGGQSjqKANaiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKo6xqiaTB5hwWYhI1Lbd7twiA88se/QDJPANXqKAKml2P8AZtusRbcwyWbGNzOSztjJxuYk4HAzgcVj2011da2S6FY4oZlX924+81uQTISUYsVYqF5VR83zZC9HRQByWkONLuJTNHcNKs1wI1EJaPbPL5vyui7MP8uTI/ysCPkGc3bPTJvDllG6Dc8MEayomSJPKjCkqMZ8wBcKcfOMI38LJ0FFAHFX/wBt03RtPkhjYy26odpikkIItJV2lEwwyxC542k5PTFXYptQtNbdSgMM8iYby5GYItuT/rAfLVRIuAh+Yl2bAyC3UUUAZOh2n+jMkqf8vVwwDr/08yOjYP4Mp+hFZvhyGQPaIUdTaWTQyb0ZQHPkAAFgA4/dtyhZeBzyM9RRQBzXje0mu/sPloz7NRt2bapbCruyxx0A7npUOrK6R6hbbJC95u8rbG7Kd9tHEMuqlF+dSDuIwOThSDXV0UAZlxC7anC4B2rbXAJxwCz25Az6nBx9D6UW8LrqczkHa1tbgHHBKvcEjPqMjP1HrWnRQBzWvWk02t6bKqMUj+1bmCkqu6IAZPQZPTPWnalNdT6vbR7D5Ucm7PluckwTqW8wEoqgsqhT85bJwF2lujooA5fRUkN9cwXEAPnmUu5jbDKrBIlZivlsGiYAKpO3axbLOwXV8MQvb6Zao4KsttECGGCCEUEEHoRWnRQBzXgi0mtPt3mIyb9RuGXcpXKttwwz1B7HpWDNdahNolvbfZZViEKJICJPNbyVGYgkQLKspXbvYgBd2V5Td6HRQBmW8LrqczkHa1tbgHHBKvcEjPqMjP1HrVSDS3muLqUZjkFyDG5XsbeAEY43ISuGGeoyCHVWXeooAxPDTzTPdySxtEWuujA4OyGFCykgblLKdrYGRzgHgVfsk3/CT+fsby/7O279p27vPzt3dM45x1xXS0UAcU93qKWc9vDDJGPtVyrTMr5VZZncSRxxgySYVuCNoDEHlQxWxFoMWpS2LNC8Ua2m4plvlaJVWJCxG4MgmkKkFW3DdnKjHW0UAY+maeNPvpEjUrElpaonUj920425PUgEZ5zyM9apa9aTTa3psqoxSP7VuYKSq7ogBk9Bk9M9a6WigDhNN/tKXRruzuI/nSzYDZFKpaR1lDjc2RKxIVmZOCzHBbgnpdfDRGC42sy284Zgis74eOSLIVQScGQE/wCyCRk4B1qKAMG2vP7V1NJI45RHDbSqXkieIbpXiIUCQKxIEZJwMDjnJqD7JN/wjHkbG8z+ztuzad27yMbdvXOeMdc10tFAGDqmixajqUTSRllMLkkbhh4mURHcCNrATSlcEHPzdVUrYsrT7NqMu1NsYtbZVwuF+R7j5R24BHA6AitaigDnPDs11d6hczToVzHEqgxumAslwQu5iQ7AMNzISmThSRyaukONLuJTNHcNKs1wI1EJaPbPL5vyui7MP8uTI/ysCPkGc9bRQBz9npk3hyyjdBueGCNZUTJEnlRhSVGM+YAuFOPnGEb+Fku+GIXt9MtUcFWW2iBDDBBCKCCD0IrTooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigDPe9vA1wBb5ESgxHzF/eEqSVxj5MNhcnrnPSi0vbyaZEkt9iNArs3mK22QnmLAGTgc7uhrQooAyYtR1B7eGRrXEkkoWRPOQ7FJIL7sYbAAO0c847UXmo6hD5/l2vmeV5flfvkXzN33+o+TZ7/e7VrUUAVPtFx9r8ryv3XlbvN3j727GzZ16c7unaqR1a/jtIp3tCHaTEkayK5RMtlwVB3kAA7VG45wOa2KKAMzQ4XdGupAVkuCGwwwyoOI0IPIIXllyQJGcjg0yXUdQS3mkW1zJHKVjTzkG9QQA+7GFyCTtPPGO9a1FAGfd3t5DM6R2+9FgZ1bzFXdIDxFgjIyOd3QUJe3ha3Bt8CVSZT5i/uyFBC4x8+WyuR0xnpWhRQBky6jqCW80i2uZI5Ssaecg3qCAH3YwuQSdp54x3qZ728DXAFvkRKDEfMX94SpJXGPkw2Fyeuc9K0KKAMx9Ru4vIZrc7XjZpirhjGVQMFCqCZCTlflHbOOaNDhd0a6kBWS4IbDDDKg4jQg8gheWXJAkZyODWnRQBkxajqD28MjWuJJJQsiech2KSQX3Yw2AAdo55x2qZ728DXAFvkRKDEfMX94SpJXGPkw2Fyeuc9K0KKAM+0vbyaZEkt9iNArs3mK22QnmLAGTgc7uhqGLUdQe3hka1xJJKFkTzkOxSSC+7GGwADtHPOO1a1FAGTeajqEPn+Xa+Z5Xl+V++RfM3ff6j5Nnv97tVv7Rcfa/K8r915W7zd4+9uxs2denO7p2q3RQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFZmpX7pOkMZI2gyylV3kInRQAGO524AxllEm0hgKAH3XiCwsZDHLPGjLjO5wACRkAk8KWHKgkFgCQCAcHh6TztOt33M+6CI7n4Y5QcnluT1PJ57muPjurG+sJp3jYs8/lCGG/kaOSS4COVBDpHy0pDgAgYY8gVp6N4ih0i0tLZlcEkQ4laPcCsvkbQVCrIVbrtHEY3tglQ4B1tc/qfjrTNMhMpk3j+HZjD4BJ2OxVH2gHOGODhfvlVMviS1jvpLWGQZSSeRWGSMhrW4BGRg9DXP3UCXc5to/MV1lGwS30wmJifcHEM6yRtHuXO4b/kBIBcbKAO7orEuPEEkl61lapHI8a7pPMmEWPukAKEkc5DA52hR03FsgRf8ACWK2n/atiq6y+U6SSqqo6vtcPIAyqByQSPmG0AbmUEA6CisT/hKIf7O+1/L5n2P7T5W8btuzd6Zxnjdtxn8qNR125sWmcW+YLZdzu8mwsAu9vLUI27auOSygtlc8E0AbdZkHiSwubs2aSgygsMYbBKAFlDY2llDDcoJI7jg0Sa9GUiaFHmM8fmIse1SUG3LfvGQADevGd3PTg45rR7i1ub+5ljW4P2EyStCZEcCWZTnYsbPuZsPkF8KzEBcsdoB3FVL7VLfTdvmtt3Z7E4AxljgHaq5G5jhVyMkZFZkXiSS1lihvYhC88bsixu05/dKGdSFjX5gDxt3BsEA5xuq2Mkfju1cyARNFJs3W8yy8MkcjLu27GU7troQyEr3wCADoluo3maEH50VWIwejlgpz05KH8vpU1cpFriaYi4Hm3NzPJEDNKkZYQTGLJbaqgDOQiISSxwrEu1aumazJcXMlncRrFLGquAsgkVkbI3AlUbhgQwKjHHJyKANaisew8RJe3z2ZUKyhyBuy+I2VCXTA2BtwMfLb0+b5elV4vE80PkvdQeRHdSiOPLlpNz5KB0CAJuA5wzFSQCOpAB0FFYmg+I/7bnni2Kvk7SNsm5sM8igMu1TG2I8lDkjcA2CCKtrrMam4MnyrbyqmeWJLRxuMADOSZAoUZJOMcnFAGhRXPjxaTcrbG2lRiyqXk8vylLY4Z43kAYgjap5YlRwGBovfE82mrJczweXbRS7C7OfMI3BN4iCH5dx4+cEqNwByAQDoKKzJ7+8eV44IARGQC00hiU5UN8m1JCwGcEkKAeBnnFK+8ZQWNmLp0ZQWlUrIUUgwsyuN24qWO0hFBJc46KGZQDoKKyfEv/Hsn/X1af8ApTFUVx4gkkvWsrVI5HjXdJ5kwix90gBQkjnIYHO0KOm4tkAA26K59fFqvZCdYmadpWh8hWVm85dwKFhlQBtLFjgbPmxyBRpfir7bcLC6xlZchJLeb7RGWUFmjLBE2sFG4AjBGcHIxQB0FFc+fE0z3LW6Rx7tzKqSzGKZtuRvEbR4MeQTuVm+QEgFgUrQury7MhS3hV9mNzSyNEuSM4XEchbA6nAAyACSGCgGhRWZZ6ybmza4aJ1kiDb4hh5AyDJUYPJPBTpuUqeAaNB1tNbjdl2ExybGMUnmxk7Vf5XwuRhgDwMNkdskA06KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigBk0yW6F3IVVBJLHAAHJJJ6AVn6HC7o11ICslwQ2GGGVBxGhB5BC8suSBIzkcGrt1aQ30ZilRXRsZV1DKcHIyDkdRU1AHKaZ/puuXUf8ADbSrKQf701tDHGRjrhVlBB4+YHBPKjfLpLyH7sV/JKx9Fhv2kc++FUnA5OMAE8V1dFAHOXWt2erX1nFbypMyzO7eUwkwoglQsSuQo3OoGcZJ4pvi7VfIkt7TC/vZ7diWfYfluYsBVI/eHqWAPyAZbqoPS0UAY6QpPq8hcBjDbQFCwztMj3AcrnoWCgHHUAA9Kdo3/Hze/wDX0v8A6TQVrUUAeaX1nZWemlPtDRXYs/IaBTGztI0UcRXYUdzvMaAFcAqAynBLHsPEVrHZaLdRxjCi1n7knJRiSSckkkkkkkkkkkk1t0UAcFc6kmn6Vp3ngm3+yB3+fywxSJMRnJAcMrORHzvZVBwgcjf0nT4NN1O4jhUIptrY7V4UZe46L0UcZwABnJ6kk71FAHKeIv8AkP6V/wBvn/ooU1/EiaPcagqxvLIk0blVG1QrW8KqzSNhVXcpyckgAtt2qSOtooA4zTUjvbGxidhMst3MJd21kdgty7nAAVkMq7k46BTgEVsanb/atShTcyZtbnDIcMCJbYgjqOo6EEHowIJB26KAOcgvXl1mKCUASxWk5bb90q8kAVxycBtp+UnKkEZI2s1fx9/zD/8AsKW3/s1dXRQBzV5rUelatMuySR2s4GVIkLMRHJPuPZRjcOpGSQFyxAOZZ3n27SL27LBpUmNw210kjDwpFNGgZAAyqqIjnqWD4PQ13FFAHJS+G00G1U+Y8jNNYqxc9St0rMw6tl3kZjlm5OAQABTvil/yALn/ALZf+jUrq6KAOKuHgutee2u7aKXzGRI2lKFwiwNJ8sZQkqHDgvkZZguTtwLtrp5m0K6tYFGWN+iKuFHM0yqo6ADoPQV1FFAHL6p4l0/V4YYreZJXlubUqkZ3PhZkkYlR8yhVUk7gMYwcGtBIUn1eQuAxhtoChYZ2mR7gOVz0LBQDjqAAelbFFAHGaxZJei7DEj/iYQpx6XFvBbN2PISZiP8AaAJyMg6D6PBostnHFnBuyeTn7tpMij6Kiqo7kDJJYkno6KAOa8Xar5ElvaYX97PbsSz7D8tzFgKpH7w9SwB+QDLdVBqa19mg1xZLiWOACCFkeRdrExyyFlSUkKudyiRcEsjY4HNdhRQBz9hbzXLz3cDffn3x5J8uRfJhQ5HPBaM7XAyMBl3IxDu8L3qahJeSqCP9L2kN1DJBCrKcEjIYEcEg4yCRg1vUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFFFABRRRQAUUUUAFFUdOvXv3lYAeWkhRD3Jj4duvAD5UDH8JbJDDF6gAooooAKKKKACiiqOj3r6lB9oIAWQlo8f3P4GPPVx83QFQwUjIJIBeooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKhuruGxjMsrqiLjLOwVRk4GScDqamqG6tIb6MxSoro2Mq6hlODkZByOooAbNqNvbuUeRFZYzIQzAEIOC5BPCj16UDUbdjGBImZgTGNw+YAZJXn5hg547c0Tadb3Dl3jRmaMxksoJKHkoSRyp9OlA063UxkRpmEERnaPlBGCF4+UYGOO3FADG1a0SN5TNGEiYq7F12qwIG0nOAckcHnmnnUbdTIDImYQDINw+UEZBbn5RgZ57c0xtJtHjeIwxlJWLOpRdrMSDuIxgnIHJ54p5063YyExpmYASHaPmAGAG4+YYOOe3FAANRt2MYEiZmBMY3D5gBklefmGDnjtzVHUNVWe2U2kis1y3lxOhV1BOdzjqp8tVZsE/Nt25yRV4adbqYyI0zCCIztHygjBC8fKMDHHbiobbRbSykWSKMIUjZFCZVArMHbCA7QSwBJxk45NAD0Nto0MUO5Y0GyKMM2MnGFUFjknA4HJNPOo26mQGRMwgGQbh8oIyC3PyjAzz25p1xaQ3e3zEV9jBl3KGwy9GGehHY9aadOt2MhMaZmAEh2j5gBgBuPmGDjntxQAQ6jb3DhEkRmaMSAKwJKHgOADyp9elMXVrR40lE0ZSVgqMHXazEkbQc4JyDwOeKfDp1vbuHSNFZYxGCqgEIOQgIHCj06UxdJtEjSIQxhImDIoRdqsCTuAxgHJPI55oAG1a0SN5TNGEiYq7F12qwIG0nOAckcHnmpftcPneRvXzNu7ZuG7bnG7b1xnjPTNRNpNo8bxGGMpKxZ1KLtZiQdxGME5A5PPFS/ZIfO8/Yvmbdu/aN23Odu7rjPOOmaAMrU7uHW447WF1kS63bmRgy+VGQJcEcHcSI+CGG/cPumtWS7hhkSJnUPJnapYBm2jJwOpwOuOlV9P0W00p2eCMJvCghchcLuIAXO1RliflAySSck5qxJaQzSJKyKXjztYqCy7hg4PUZHXHWgCJtWtEjeUzRhImKuxddqsCBtJzgHJHB55p51G3UyAyJmEAyDcPlBGQW5+UYGee3NMbSbR43iMMZSVizqUXazEg7iMYJyByeeKedOt2MhMaZmAEh2j5gBgBuPmGDjntxQADUbdjGBImZgTGNw+YAZJXn5hg547c0z+1rT/ntH/rfK++v+s/udfvf7PX2p4063UxkRpmEERnaPlBGCF4+UYGOO3FM/sm0/54x/63zfuL/rP7/T73+1196AHnUbdTIDImYQDINw+UEZBbn5RgZ57c1LDMlwgdCGVgCCpyCDyCCOoNRHTrdjITGmZgBIdo+YAYAbj5hg457cVLDClugRAFVQAAowABwAAOgFAD6KKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooAKKKKACiiigAooooA/9k=) 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔๐/ตอนที่ ๔๙ ก/หน้า ๒๙/๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ [↑](#footnote-ref-1)
10,464
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อให้การดําเนินงานด้านสวัสดิการของข้าราชการสํานักงานศาลปกครองเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมสร้างขวัญกําลังใจในการปฏิบัติราชการ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการครองชีพของข้าราชการสํานักงานศาลปกครอง สมควรมีระเบียบว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในสํานักงานศาลปกครองเช่นเดียวกับระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๙) และ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “สวัสดิการ” หมายความว่า กิจกรรมหรือกิจการใด ๆ ที่คณะกรรมการอนุมัติให้จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือ สงเคราะห์และอํานวยความสะดวกให้แก่สมาชิกในการปฏิบัติราชการและดํารงชีวิตนอกเหนือจากสวัสดิการที่ทางราชการจัดให้แก่สมาชิกอยู่แล้ว “สวัสดิการสํานักงาน” หมายความว่า สวัสดิการสํานักงานศาลปกครองที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบนี้เพื่อจัดสวัสดิการภายในสํานักงาน “กองทุนสวัสดิการ” หมายความว่า กองทุนสวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง ซึ่งตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการภายในสํานักงาน “ข้าราชการ” (ยกเลิก) “รองเลขาธิการ” หมายความว่า รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง “ผู้อํานวยการ” หมายความว่า ผู้อํานวยการสวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง “สมาชิก” หมายความว่า สมาชิกสวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง “การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ” หมายความว่า การดําเนินกิจกรรมหรือกิจการสวัสดิการซึ่งเป็นไปในทางการค้ากับบุคคลทั่วไป ข้อ ๔ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ หมวด ๑ สวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง ส่วน ๑ ส่วนที่ ๑ การจัดตั้ง ข้อ ๖ ให้จัดตั้งสวัสดิการสํานักงานศาลปกครองขึ้นเพื่อจัดสวัสดิการภายในสํานักงานตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กําหนดในระเบียบนี้ สวัสดิการสํานักงานมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ สงเคราะห์และอํานวยความสะดวกให้แก่สมาชิกในการปฏิบัติราชการ และการดํารงชีวิตของสมาชิก โดยเฉพาะในเรื่องดังต่อไปนี้ 1. (๑) จัดสวัสดิการให้แก่สมาชิกเพิ่มเติมจากสวัสดิการที่สมาชิกได้รับจากงบประมาณของทางราชการ (๒) จัดกิจกรรมหรือให้บริการ เพื่อประโยชน์แก่สมาชิก หรือเพื่อส่งเสริมความสามัคคีระหว่างสมาชิก หรือระหว่างสํานักงานกับส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น (๓) ให้ความช่วยเหลือในด้านการเงินแก่สมาชิกที่ประสบความเดือดร้อนหรือมีความจําเป็น (๔) จัดฝึกอบรม สัมมนา ประชุม จัดรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ เพื่อฝึกฝนและเพิ่มพูนความรู้แก่สมาชิก ข้าราชการในส่วนราชการอื่นและประชาชน (๕) จัดทําหนังสือ วารสาร หรือเอกสาร เพื่อเผยแพร่ความรู้อันเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติราชการของสมาชิกและของข้าราชการในส่วนราชการอื่น (๖) สงเคราะห์สมาชิกและครอบครัวในโอกาสต่าง ๆ ตามประเพณี (๗) ดําเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับการให้สวัสดิการแก่สมาชิก ทั้งในลักษณะเฉพาะบุคคลหรือโดยส่วนรวมตามความเหมาะสมหรือจําเป็น ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร ข้อ ๗ สมาชิกสวัสดิการสํานักงานมี ๒ ประเภท คือ 1. สมาชิกสามัญ ได้แก่ ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ลูกจ้างประจํา พนักงานศาลปกครอง และลูกจ้างชั่วคราวของสํานักงาน 2. สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ สมาชิกสามัญที่เกษียณอายุราชการจากสํานักงานหรือศาลปกครอง หรือผู้มีอุปการคุณแก่สํานักงาน ข้อ ๘ (ยกเลิก) ส่วน ๒ คณะกรรมการ ข้อ ๙ ให้มีคณะกรรมการสวัสดิการสํานักงานศาลปกครองคณะหนึ่งประกอบด้วย (๑) เลขาธิการ เป็นประธาน (๒) รองเลขาธิการ เป็นกรรมการ (๓) ผู้แทนจํานวน ๔ คน ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร เลือกกันเองเป็นกรรมการ (๔) ผู้แทนจํานวน ๒ คน ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค เลือกกันเอง เป็นกรรมการ (๕) ผู้แทนจํานวน ๓ คน ซึ่งได้รับเลือกจากสมาชิกสามัญ เป็นกรรมการการเลือกกรรมการตาม (๓) (๔) และ (๕) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่เลขาธิการกําหนด และกรรมการดังกล่าวมีวาระการดํารงตําแหน่ง ๓ ปีนับแต่วันที่ได้รับเลือกและอาจได้รับเลือกอีกได้ แต่จะอยู่ในตําแหน่งติดต่อกันเกิน ๒ วาระไม่ได้ ในกรณีกรรมการ ซึ่งเป็นผู้แทนพ้นจากตําแหน่งก่อนครบวาระ ให้ดําเนินการเลือกกรรมการแทน และในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการมีจํานวนเท่าที่เหลืออยู่ แต่หากวาระของกรรมการดังกล่าวเหลือไม่ถึง ๑๘๐ วัน จะไม่เลือกกรรมการแทนก็ได้ ให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนเป็นกรรมการและเหรัญญิก และมีอํานาจตั้งผู้ช่วยเหรัญญิกได้ตามความจําเป็น แต่ไม่เกิน ๒ คน ให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารกลางเป็นเลขานุการคณะกรรมการและเป็นผู้อํานวยการสวัสดิการ และมีอํานาจตั้งผู้ช่วยเลขานุการและผู้ช่วยผู้อํานวยการได้ตามความจําเป็นแต่ไม่เกินตําแหน่งละ ๒ คน ข้อ ๙/๑ นอกจากพ้นจากตําแหน่งตามวาระ กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนตามข้อ ๙ จะพ้นจากตําแหน่ง เมื่อ (๑) กรรมการตาม (๓) พ้นจากการดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักหรือสถาบันในส่วนราชการในกรุงเทพมหานคร (๒) กรรมการตาม (๔) พ้นจากการดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค (๓) กรรมการตาม (๓) (๔) และ (๕) พ้นจากราชการ หรือลาออกจากการเป็นกรรมการ ข้อ ๑๐ ให้คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) กําหนดนโยบายการจัดสวัสดิการประเภทต่าง ๆ (๒) กําหนดระเบียบและหลักเกณฑ์ในการจัดสวัสดิการประเภทต่าง ๆ (๓) กําหนดระเบียบปฏิบัติในการดําเนินงานของสวัสดิการสํานักงาน เช่น ระเบียบการรับจ่ายและการเก็บรักษาเงินกองทุนสวัสดิการ และการจัดทําบัญชี (๔) อนุมัติให้มีการจัดสวัสดิการประเภทต่าง ๆ รวมทั้งพิจารณายุบเลิกการจัดสวัสดิการประเภทใดประเภทหนึ่ง (๕) พิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาในการดําเนินการหรือคําขอรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับสวัสดิการ (๖) ควบคุมดูแลการจัดสวัสดิการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และระเบียบที่กําหนดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก ตลอดจนให้คําปรึกษาแนะนําในกรณีต่าง ๆ (๗) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อรับผิดชอบในการจัดการหรือดําเนินการสวัสดิการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (๘) อนุมัติให้จ้างลูกจ้างสวัสดิการสํานักงานตามข้อ ๒๑ (๙) กําหนดค่าตอบแทนให้แก่ผู้อํานวยการ ผู้ช่วยผู้อํานวยการ เหรัญญิก ผู้ช่วยเหรัญญิก ผู้ตรวจสอบภายในหรือผู้สอบบัญชี ข้าราชการที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยงานของสวัสดิการสํานักงาน และลูกจ้างสวัสดิการของสํานักงาน (๑๐) อนุมัติหรือมอบอํานาจให้กรรมการคนหนึ่งมีอํานาจอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันและการจ่ายเงินกองทุนสวัสดิการ (๑๑) อนุมัติให้สวัสดิการสํานักงานกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน (๑๒) ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่อื่นที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ ๑๑ ให้เลขานุการมีหน้าที่รับผิดชอบดําเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการของคณะกรรมการ หมวด ๒ การดําเนินการ ข้อ ๑๒ ให้สวัสดิการสํานักงานมีอํานาจดําเนินกิจการที่เป็นสวัสดิการ ดังต่อไปนี้ (๑) การออมทรัพย์ (๒) การให้กู้เงิน (๓) การเคหะสงเคราะห์ (๔) การสงเคราะห์สมาชิก (๕) การฌาปนกิจ (๖) การกีฬา และนันทนาการ (๗) ร้านสวัสดิการ (๘) การฝึกอบรม การสัมมนา การประชุม และการจัดรายการทางวิทยุหรือโทรทัศน์ (๙) การจัดพิมพ์หนังสือ วารสาร หรือสิ่งพิมพ์อื่น (๑๐) กิจการอื่น ๆ ที่คณะกรรมการเห็นสมควร ข้อ ๑๓ สวัสดิการประเภทที่มีกฎหมายรองรับไว้เป็นการเฉพาะ ให้ดําเนินการไปตามกฎหมายนั้น และให้ถือเป็นสวัสดิการตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๔ สวัสดิการทุกประเภท จะดําเนินการได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการได้อนุมัติให้ดําเนินการแล้ว ข้อ ๑๕ การจัดสวัสดิการประเภทใดที่เป็นกิจการสําคัญและควรมีการดูแลเป็นพิเศษ คณะกรรมการอาจอนุมัติให้ดําเนินการโดยให้มีการออกระเบียบการจัดสวัสดิการประเภทนั้นโดยเฉพาะและจะกําหนดให้มีคณะอนุกรรมการเพื่อควบคุมดูแล ตลอดจนให้มีกองทุนและระบบบัญชีกองทุนของสวัสดิการประเภทนั้นต่างหากจากกองทุนสวัสดิการก็ได้ ข้อ ๑๖ ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจหน้าที่บริหารงานสวัสดิการสํานักงานให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการและระเบียบนี้ รวมทั้งให้มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการให้มีการจัดบริการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม (๒) เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการในการออกระเบียบและวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อใช้ในการดําเนินการของสวัสดิการสํานักงาน (๓) ดําเนินการเลือกตั้งกรรมการสวัสดิการสํานักงาน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกําหนด (๔) ปกครองบังคับบัญชาลูกจ้างของสวัสดิการสํานักงาน โดยมีอํานาจบรรจุแต่งตั้งและถอดถอนลูกจ้างของสวัสดิการสํานักงาน (๕) ดําเนินการอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจลงนามแทนสวัสดิการสํานักงาน และเป็นตัวแทนสวัสดิการสํานักงานในกิจการทั่วไปของสวัสดิการสํานักงาน ข้อ ๑๗ การจัดสวัสดิการภายในสํานักงานอาจใช้ที่ดิน ทรัพย์สิน หรืออาคารของสํานักงาน เพื่อประโยชน์แก่การจัดสวัสดิการภายในสํานักงานได้ตามที่จําเป็นและสมควร การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจจะกระทํามิได้ เว้นแต่เป็นการจัดสวัสดิการภายในสํานักงานเพื่อประโยชน์ของสํานักงาน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด ข้อ ๑๘ ให้เลขาธิการมีอํานาจอนุมัติให้ใช้น้ํา กระแสไฟฟ้า หรือสิ่งสาธารณูปโภคอื่นของสํานักงานเพื่อจัดสวัสดิการภายในสํานักงานโดยประหยัด เว้นแต่การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ หรือต้องใช้น้ํา กระแสไฟฟ้า หรือสิ่งสาธารณูปโภคอื่นเป็นจํานวนมาก ให้สํานักงานเรียกเก็บค่าน้ํา ค่ากระแสไฟฟ้า หรือค่าสาธารณูปโภคอื่น ในอัตราไม่น้อยกว่าที่ทางราชการต้องจ่าย และนําเงินที่ได้รับเข้าบัญชีเงินฝากของสํานักงานเพื่อใช้สมทบเป็นค่าน้ํา ค่ากระแสไฟฟ้า หรือค่าสาธารณูปโภคอื่นกับเงินงบประมาณของสํานักงาน ข้อ ๑๙ ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องซ่อมแซมสถานที่ราชการหรือทรัพย์สินของสํานักงานที่ใช้ในการจัดสวัสดิการ ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนสวัสดิการก่อน หากไม่พอจึงให้เจียดจ่ายจากเงินงบประมาณ ข้อ ๒๐ ให้เลขาธิการมอบหมายให้ข้าราชการคนใดช่วยงานของสวัสดิการได้ตามที่เห็นสมควรการปฏิบัติงานในสวัสดิการสํานักงานตามระเบียบนี้ ให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการ ข้อ ๒๑ ให้สวัสดิการสํานักงานมีอํานาจจ้างลูกจ้างเพื่อดําเนินกิจการของสวัสดิการสํานักงานได้เท่าที่จําเป็น โดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการเกี่ยวกับจํานวนที่จะจ้างและอัตราค่าตอบแทนก่อน ข้อ ๒๒ ให้ผู้อํานวยการจัดทํารายงานผลการดําเนินงานประจําปีของสวัสดิการสํานักงานเสนอต่อคณะกรรมการภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และเมื่อคณะกรรมการรับทราบแล้ว ให้ประกาศให้สมาชิกทราบ หมวด ๓ กองทุนสวัสดิการสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๒๓ ให้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการสํานักงานศาลปกครองขึ้นเพื่อเป็นทุนสําหรับใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการ และเพื่อรับเงินอันพึงได้จากการจัดสวัสดิการหรือรับเงินที่ได้มาโดยประการอื่น กองทุนสวัสดิการอาจมีรายได้ดังนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมสมาชิก (๒) เงินรายรับที่เกิดจากการจัดสวัสดิการ (๓) เงินกู้จากสถาบันการเงิน (๔) เงินรายได้อื่น เช่น เงินดอกผล เงินบริจาค หรือเงินยืมปราศจากดอกเบี้ย เป็นต้น ผู้บริจาคเงินให้แก่กองทุนสวัสดิการอาจระบุวัตถุประสงค์ในการใช้เงินไว้โดยเฉพาะได้ แต่ต้องอยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของสวัสดิการสํานักงาน เงินกองทุนสวัสดิการให้นําฝากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ เว้นแต่การฝากเงินไว้ที่ธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจจะไม่สะดวกแก่การดําเนินงานของกองทุนสวัสดิการ หรือเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่กองทุนสวัสดิการมากกว่า คณะกรรมการจะกําหนดให้นําฝากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นก็ได้ ข้อ ๒๔ ให้คณะกรรมการหรือกรรมการที่คณะกรรมการมอบหมาย เป็นผู้มีอํานาจอนุมัติการก่อหนี้ผูกพัน และอนุมัติการจ่ายเงินกองทุนสวัสดิการ ข้อ ๒๕ ให้เหรัญญิกมีหน้าที่รับผิดชอบดําเนินการเกี่ยวกับการเงินและการบัญชีของกองทุนสวัสดิการ และเป็นผู้จ่ายเงินของกองทุนสวัสดิการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการหรือจากกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ข้อ ๒๖ การสั่งจ่ายเช็คของกองทุนสวัสดิการ ให้ผู้อํานวยการและเหรัญญิกลงลายมือชื่อร่วมกัน ในกรณีที่ผู้อํานวยการหรือเหรัญญิกไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้ช่วยผู้อํานวยการหรือผู้ช่วยเหรัญญิก แล้วแต่กรณี เป็นผู้ลงลายมือชื่อตามวรรคหนึ่งแทน ข้อ ๒๗ ระบบบัญชีให้จัดทําตามระบบบัญชีสากล และให้จัดทําบัญชีรายรับรายจ่ายประจําเดือนของกองทุนสวัสดิการเสนอคณะกรรมการเพื่อทราบ ข้อ ๒๘ เมื่อสิ้นปีปฏิทิน ให้เหรัญญิกจัดทํางบการเงินให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน แล้วส่งให้ผู้ตรวจสอบภายในของสํานักงานหรือผู้สอบบัญชีที่คณะกรรมการแต่งตั้ง ตรวจสอบให้เสร็จภายใน ๔๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับงบการเงิน งบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบแล้วให้เสนอคณะกรรมการเพื่อทราบ โดยแนบไปพร้อมกับรายงานผลการดําเนินงานประจําปีตามข้อ ๒๒ บทเฉพาะกาล บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๙ ในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองตําแหน่งใดหรือยังไม่มีการเลือกตั้งสมาชิกสามัญ ๓ คน เป็นกรรมการ ให้คณะกรรมการตามข้อ ๙ ประกอบด้วยกรรมการโดยตําแหน่งเท่าที่มีอยู่ ในกรณีที่ยังไม่มีเลขานุการคณะกรรมการโดยตําแหน่งตามข้อ ๙ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองคนหนึ่งทําหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการ ข้อ ๓๐ ในวันที่ระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถ้าปรากฏว่าระยะเวลาในการสมัครเป็นสมาชิกสวัสดิการสํานักงานตามข้อ ๘ วรรคสอง ของข้าราชการคนใดเหลือไม่ถึง ๖๐ วัน ให้ขยายเวลาการสมัครเป็นสมาชิกสวัสดิการสํานักงานของข้าราชการคนนั้นเป็น ๖๐ วัน นับแต่วันที่ระเบียบนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ อักขราทร จุฬารัตน กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ทําหน้าที่ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,465
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่สํานักงานศาลปกครองมีความจําเป็นต้องจัดให้มีเสื้อเกราะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ ตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ เพื่อใช้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากร ในศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครอง จึงเห็นสมควรกําหนดหลักเกณฑ์การกํากับดูแล การใช้ การเก็บรักษาเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “เสื้อเกราะ” หมายความว่า เสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิดที่สํานักงาน ศาลปกครองได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ผู้อนุญาต” หมายความว่า อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ หรือบุคคลที่อธิบดี ศาลปกครองชั้นต้นหรือเลขาธิการมอบหมาย “ผู้รับอนุญาต” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองและให้ใช้เสื้อเกราะ “นายทะเบียน” หมายความว่า ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพย์สิน หรือผู้อํานวยการ สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพย์สิน หรือผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคให้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมดูแล การใช้ การเก็บรักษา เสื้อเกราะตามระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการที่ได้รับการจัดสรรเสื้อเกราะดําเนินการให้มีการกํากับดูแล การใช้ และการเก็บรักษาเสื้อเกราะอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ข้อ ๕ ผู้ขออนุญาตใช้เสื้อเกราะต้องเป็นข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ ศาลปกครอง ลูกจ้างประจํา และลูกจ้างชั่วคราวของสํานักงานศาลปกครองและมีความจําเป็นต้องใช้ เสื้อเกราะเพื่อป้องกันอันตราย โดยจะต้องยื่นคําขอ (แบบ ส. ๑) พร้อมแสดงเหตุผลความจําเป็น ในการขอใช้ต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้อนุญาต ในกรณีมีเหตุจําเป็นเร่งด่วนจนไม่สามารถปฏิบัติตามวรรคหนึ่งได้ ผู้ขออนุญาตใช้เสื้อเกราะ อาจขอใช้เสื้อเกราะต่อผู้อนุญาตได้โดยตรง และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ให้ผู้รับอนุญาตทําหลักฐาน การขอใช้ (แบบ ส. ๒) เสนอผู้อนุญาตทราบในทันทีที่สามารถดําเนินการได้ ข้อ ๖ ผู้อนุญาตอาจอนุญาตให้บุคคลใดใช้เสื้อเกราะได้เมื่อมีเหตุอันสมควร โดยให้แจ้งนายทะเบียนทราบเพื่อดําเนินการต่อไป ข้อ ๗ การอนุญาตให้ใช้เสื้อเกราะตามระเบียบนี้ ให้ผู้อนุญาตกําหนดเงื่อนไขและพื้นที่การใช้เสื้อเกราะตามที่กําหนดโดยกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ นโยบายของทางราชการ หรือตามที่เห็นสมควร ข้อ ๘ ข้อ ๘ ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ ดังนี้ (๑) ใช้เสื้อเกราะด้วยตนเอง เว้นแต่ในกรณีมีความจําเป็นอาจให้สามี ภริยา บุตร และญาติ ของผู้รับอนุญาตใช้ได้ (๒) ดูแลรักษาเสื้อเกราะด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคําแนะนําการใช้และบํารุงรักษา เสื้อเกราะอย่างเคร่งครัด (๓) รายงานเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนในทันทีที่พบว่าเสื้อเกราะเสื่อมสภาพ สูญหาย บุบสลาย หรือถูกยึดโดยเจ้าพนักงาน (๔) นําส่งเสื้อเกราะคืนนายทะเบียนภายในเวลาตามที่ได้รับอนุญาต หรือเมื่อผู้อนุญาตมีคําสั่ง ให้ส่งคืน ข้อ ๙ ข้อ ๙ ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตทําการทดสอบประสิทธิภาพเสื้อเกราะทุกกรณี ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๐ นายทะเบียนมีหน้าที่ ดังนี้ (๑) จัดระบบการควบคุม โดยลงทะเบียนครุภัณฑ์และเก็บรักษาเสื้อเกราะ จัดทําบัญชีรับจ่าย และควบคุมการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวกับการพัสดุ (๒) ตรวจนับจํานวนและสภาพเสื้อเกราะอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง หากพบว่าเสื้อเกราะมีความผิดปกติ หรือสูญหาย ให้รายงาน (แบบ ส. ๓) ต่อผู้อนุญาตในทันที (๓) เรียกคืนเสื้อเกราะตามระเบียบนี้ แล้วรายงานต่อเลขาธิการเพื่อพิจารณา (๔) เมื่อปรากฏว่าผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๘ หรือข้อ ๙ ให้รายงาน และเสนอความเห็นต่อผู้อนุญาต เพื่อพิจารณาเพิกถอนการอนุญาต (๕) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่ผู้อนุญาตเห็นสมควร ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๑ การเรียกคืนหรือส่งคืนเสื้อเกราะให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) เมื่อผู้รับอนุญาตเสียชีวิต ให้นายทะเบียนเรียกคืนภายในสิบวันนับแต่ทราบ (๒) เมื่อเสื้อเกราะเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน ให้นายทะเบียนเรียกคืนภายในสิบวัน นับแต่ทราบ หากความปรากฏแก่ผู้รับอนุญาต ให้ผู้รับอนุญาตส่งคืนเสื้อเกราะต่อนายทะเบียนโดยเร็ว (๓) เมื่อผู้รับอนุญาตย้ายหรือพ้นสภาพการเป็นข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ ศาลปกครอง ลูกจ้างประจํา หรือลูกจ้างชั่วคราวของสํานักงานศาลปกครอง ให้ผู้นั้นส่งคืนเสื้อเกราะ ต่อนายทะเบียนทันที (๔) เมื่อหมดความจําเป็นที่ต้องใช้เสื้อเกราะ ให้ผู้รับอนุญาตส่งคืนเสื้อเกราะโดยเร็ว และให้นายทะเบียนตรวจสภาพและบันทึก (แบบ ส. ๔) ไว้เป็นหลักฐาน กรณีตาม (๑) ถึง (๔) หากผู้ครอบครองเสื้อเกราะไม่ส่งคืนไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้นายทะเบียนรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้รับอนุญาตทราบ เพื่อสั่งการต่อไปโดยเร็ว ข้อ ๑๒ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความและออกหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง อื่นๆ (แบบ ส. ๑) แบบคําขออนุญาตใช้เสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด วันที่...............เดือน........................พ.ศ. ................... เรียน อธิบดีศาลปกครอง......................................./เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ด้วยข้าพเจ้า................................................ ตําแหน่ง.........................................................  ตุลาการศาลปกครอง  ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง  พนักงานราชการ  ลูกจ้างประจํา  ลูกจ้างชั่วคราว ศาล/สํานัก................................................................................................ขออนุญาตใช้เสื้อเกราะป้องกันกระสุน หรือป้องกันสะเก็ดระเบิดเพื่อป้องกันชีวิตของตนเองหรือทรัพย์สินของทางราชการ  ในระหว่างปฏิบัติราชการประจําในหน่วยงานนี้  เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่...............................................ถึงวันที่............................................................... ทั้งนี้ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา (ลงชื่อ).............................................ผู้ขออนุญาต (................................................)  อนุญาต เงื่อนไข..................................................................................................................................................................  ไม่อนุญาต (ลงชื่อ)............................................ผู้อนุญาต (............................................) ตําแหน่ง.................................................. วันที่..................................................... ได้รับเสื้อเกราะฯ หมายเลข................................................................................................................. (ลงชื่อ)............................................ผู้รับอนุญาต (............................................) วันที่................................................. อื่นๆ ๑ (แบบ ส. ๒) แบบหลักฐานการขอใช้เสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด วันที่...............เดือน.......................พ.ศ. ................... เรียน อธิบดีศาลปกครอง............................................/เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ด้วยข้าพเจ้า....................................................ตําแหน่ง.........................................................  ตุลาการศาลปกครอง  ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง  พนักงานราชการ  ลูกจ้างประจํา  ลูกจ้างชั่วคราว ศาล/สํานัก....................................................................มีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง หรือทรัพย์สินของทางราชการ จึงได้ขออนุญาตใช้เสื้อเกราะต่อผู้อนุญาตโดยตรงตามข้อ ๕ วรรคสอง ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด พ.ศ. ๒๕๖๑ และได้รับ อนุญาตให้ใช้เสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด หมายเลข.................................................. ระหว่างวันที่................................................ถึงวันที่........................................................... จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ (ลงชื่อ).................................................ผู้ขออนุญาต (.................................................) ตําแหน่ง.................................................. ทราบ ให้นายทะเบียนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน (ลงชื่อ)..............................................ผู้อนุญาต (.............................................) ตําแหน่ง............................................................ วันที่............./................................/.............. อื่นๆ ๒ (แบบ ส. ๓) รายงานการตรวจนับเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด วันที่...............เดือน.......................พ.ศ. ................... เรียน ...................................................................................... ด้วยข้าพเจ้า........................................................ตําแหน่ง.....................................................  ตุลาการศาลปกครอง  ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง  พนักงานราชการ  ลูกจ้างประจํา  ลูกจ้างชั่วคราว กลุ่ม.................................................สํานัก/สานักงานศาล...................................................................... ขอรายงานการตรวจนับเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิดจํานวนทั้งสิ้น.........ตัว ดังนี้ | | | | | | --- | --- | --- | --- | | ประเภทเสื้อเกราะ | ผู้ครอบครอง | มีสภาพ | หมายเหตุ | | หมายเลขเสื้อเกราะอ่อน | หมายเลขเสื้อเกราะแข็ง | ใช้งานได้จํานวน | ใช้งานไม่ได้จํานวน | | | | | | | | | | | รวม | | | | | | | ทั้งสิ้น | | | ตรวจนับ ณ วันที่...................เดือน.....................................พ.ศ. ............................ (ลงชื่อ)...........................................นายทะเบียน (...........................................) ข้อ ๓ **(แบบ ส. ๔)** **แบบส่งคืนเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้องกันสะเก็ดระเบิด** วันที่...............เดือน.......................พ.ศ. ................... **เรียน**..................................................................................... ด้วยข้าพเจ้า........................................................ตําแหน่ง...................................................... ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ ลูกจ้างประจํา ลูกจ้างชั่วคราว อื่น ๆ ................. ศาล/สํานัก...................................................................ได้รับอนุญาตให้มีและใช้เสื้อเกราะป้องกันกระสุน หรือป้องกันสะเก็ดระเบิดเพื่อป้องกันชีวิตของตนเองหรือทรัพย์สินของทางราชการ จํานวน.....................ตัว หมายเลข........................................ ระหว่างวันที่...................................... ถึงวันที่................................ บัดนี้ ได้หมดความจําเป็นในการใช้แล้ว จึงขอส่งคืนเสื้อเกราะป้องกันกระสุนหรือป้อง กันสะเก็ดระเบิด จํานวน.......................ตัว หมายเลข...................................................................................คืนมาพร้อมนี้ สภาพของเสื้อเกราะป้องกันกระสุนที่ส่งคืน ๑. ตัวเสื้อ มีสภาพ  ดี จํานวน.............ตัว  ชํารุด จํานวน...........ตัว ๒. แผ่นนิรภัย มีสภาพ  ดี จํานวน.............ตัว  ชํารุด จานวน...........ตัว ๓. แผ่นยางป้องกันกระแทก มีสภาพ  ดี จํานวน.............ตัว  ชํารุด จํานวน...........ตัว ๔. แผ่นนิรภัยด้านข้าง มีสภาพ  ดี จํานวน.............ตัว  ชํารุด จํานวน...........ตัว ๕. อื่น ๆ ...................................................................................................................... .................................. จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา (ลงชื่อ).....................................................ผู้ส่งคืน (....................................................) ตรวจสอบได้รับไว้แล้ว หมายเหตุ.......................................................... .......................................................................... .......................................................................... (ลงชื่อ)..............................................นายทะเบียน (.............................................) วันที่............./................................/..............
10,466
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการของศาลปกครองหรือสำนักงาน ศาลปกครอง และการกำหนดข้อห้ามบุคคลเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการในเวลาเดียวกันเกินจำนวน ที่กำหนด พ.ศ. ๒๕๖๑
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการของศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง และการกําหนดข้อห้ามบุคคลเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการในเวลาเดียวกันเกินจํานวนที่กําหนด พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่มาตรา ๔๑/๘ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ กําหนดให้ ก.บ.ศป. มีอํานาจหน้าที่ออกระเบียบที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการ หรืออนุกรรมการของศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง และการกําหนดข้อห้ามบุคคลเป็นกรรมการ หรืออนุกรรมการในเวลาเดียวกันเกินจํานวนที่กําหนด ก.บ.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๑-๑๑/๒๕๖๑ วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการของศาลปกครอง หรือสํานักงานศาลปกครอง และการกําหนดข้อห้ามบุคคลเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการ ในเวลาเดียวกันเกินจํานวนที่กําหนด พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริหาร ศาลปกครอง “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริหาร ศาลปกครอง หรือโดยคณะกรรมการ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ “อนุกรรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการบริหารศาลปกครองเป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับ การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริหาร ศาลปกครองอาจแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการอาจแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการ เพื่อดําเนินการใด ๆ อันอยู่ในอํานาจหน้าที่ตามแต่จะมอบหมายก็ได้ ข้อ ๗ ข้อ ๗ คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการคณะหนึ่งให้ประกอบด้วยประธานกรรมการ หรือประธานอนุกรรมการ และกรรมการหรืออนุกรรมการ จํานวนไม่เกินเก้าคน เว้นแต่กรณีมีเหตุจําเป็น ก.บ.ศป. หรือคณะกรรมการโดยความเห็นชอบของ ก.บ.ศป. แล้วแต่กรณี อาจแต่งตั้งคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการคณะหนึ่งให้มีจํานวนเกินกว่าเก้าคนได้ ให้มีเลขานุการของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการคณะหนึ่งจํานวนหนึ่งคน ซึ่งอาจ แต่งตั้งจากกรรมการหรืออนุกรรมการคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการนั้น หรือจากข้าราชการศาลปกครองก็ได้ และให้มีผู้ช่วยเลขานุการซึ่งแต่งตั้งจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จํานวนไม่เกินสองคน ในกรณีจําเป็นอาจแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการจํานวนเกินกว่าสองคนก็ได้ ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการรายงานผลการปฏิบัติงานให้ผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการนั้นทราบอย่างสม่ําเสมอตามระยะเวลาอันสมควรหรือตามระยะเวลา ที่ผู้แต่งตั้งกําหนด ข้อ ๙ การแต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการตามข้อ ๖ ให้แต่งตั้ง บุคคลนั้นเป็นกรรมการหรืออนุกรรมการในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการในเวลาเดียวกันได้ไม่เกิน สามคณะ ทั้งนี้ ให้นับรวมกรณีมีการแต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นทั้งกรรมการและอนุกรรมการ ในเวลาเดียวกันด้วย ข้อ ๑๐ มิให้นําความในข้อ ๙ มาใช้บังคับกับการแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการ โดยตําแหน่ง หรือการแต่งตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการบริหารศาลปกครองเห็นควร ให้ได้รับยกเว้นเพราะมีเหตุจําเป็น ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๑ ให้ประธานกรรมการบริหารศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,467
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจัดทำประกันชีวิตสำหรับผู้ปฏิบัติงานในเขตอำนาจศาลปกครองยะลา พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจัดทําประกันชีวิตสําหรับผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดทําประกันชีวิตให้แก่ข้าราชการ ศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ซึ่งได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติงานประจํา ช่วยปฏิบัติราชการ หรือได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจัดทําประกันชีวิตสําหรับผู้ปฏิบัติงาน ในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ซึ่งได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติงานประจํา ช่วยปฏิบัติราชการ หรือได้รับคําสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา “ผู้เอาประกันภัย” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลาที่สํานักงานจัดทําประกันชีวิตให้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้ ก.บ.ศป. เป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้สํานักงานจัดทําประกันชีวิตแบบกลุ่มให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลา เพื่อคุ้มครองผลจากกรณีเสียชีวิต กรณีทุพพลภาพ หรือกรณีประสบอุบัติเหตุ ของผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลาไม่ว่ากรณีใด ๆ ข้อ ๗ ผู้ปฏิบัติงานในเขตอํานาจศาลปกครองยะลาที่มีสิทธิได้รับการจัดทําประกันชีวิตจากสํานักงาน จะต้องไม่เป็นผู้ที่หน่วยงานของรัฐอื่นจัดทําประกันชีวิตให้แล้ว โดยใช้งบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แล้วแต่กรณี ข้อ ๘ ให้เลขาธิการพิจารณาคัดเลือกผู้รับประกันภัยจากบริษัทมหาชนจํากัดที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต หรือสาขาของบริษัทประกันชีวิตต่างประเทศที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตในราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยประกันชีวิต ข้อ ๙ การจ่ายเงินเบี้ยประกันภัย ให้สํานักงานจ่ายจากเงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามวงเงินความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยที่เลขาธิการ ประกาศกําหนด โดยความเห็นชอบของ ก.บ.ศป. ข้อ ๑๐ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และมีอํานาจ ออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,468
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุด เกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลปกครองกําหนดเบี้ยประชุม และค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศัยอํานาจตามความ ในมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับมาตรา ๔๑/๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ ของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตอน ๓ ในระเบียบนี้ “ที่ประชุมใหญ่” หมายความว่า ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ เกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “ที่ประชุมองค์คณะ” หมายความว่า ที่ประชุมองค์คณะตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เพื่อปรึกษาหารือร่วมกันในการพิจารณาคดี หรือทําคําสั่งที่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดี หรือการพิพากษาคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “ประธาน” หมายความว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด หรือผู้ซึ่งทําหน้าที่เป็นประธาน ที่ประชุมใหญ่ “องค์ประชุม” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งร่วมการประชุมในที่ประชุมใหญ่ “องค์คณะตุลาการ” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งเข้าร่วมประชุม ในที่ประชุมองค์คณะ และหมายความรวมถึงตุลาการผู้แถลงคดีซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในคดีนั้น “เลขานุการองค์คณะ” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครองซึ่งองค์คณะมอบหมาย ให้ทําหน้าที่ช่วยเหลือองค์คณะตุลาการในการดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “เลขานุการในที่ประชุมใหญ่” หมายความว่า ตุลาการศาลปกครองซึ่งประธานกําหนดให้ทําหน้าที่ เลขานุการในที่ประชุมใหญ่ “ผู้ช่วยเลขานุการในที่ประชุมใหญ่” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประธานกําหนด ให้ทําหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการ “ผู้เข้าร่วมประชุม” หมายความว่า ตุลาการศาลปกครองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุม ในที่ประชุมใหญ่ซึ่งประธานมีคําสั่งหรือมอบหมายและเข้าร่วมประชุม “เจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ซึ่งองค์คณะพิจารณาพิพากษามอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ในการดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้อ ๔ การประชุมในที่ประชุมใหญ่ ประธาน องค์ประชุม เลขานุการในที่ประชุมใหญ่ ผู้ช่วยเลขานุการในที่ประชุมใหญ่ และผู้เข้าร่วมประชุม ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ตามอัตรา การจ่ายเบี้ยประชุมใหญ่ บัญชี ๑ ท้ายระเบียบนี้ ทั้งนี้ ประธานให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน องค์ประชุมให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๑๖,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการ ในที่ประชุมใหญ่ ผู้ช่วยเลขานุการในที่ประชุมใหญ่ และผู้เข้าร่วมประชุมให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน ผู้ช่วยเลขานุการในที่ประชุมใหญ่ มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน และผู้เข้าร่วมประชุมมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสิบคน หากเลขานุการในที่ประชุมใหญ่หรือผู้ช่วยเลขานุการในที่ประชุมใหญ่เป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ให้ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดผู้นั้นเบิกเบี้ยประชุมได้เพียงตําแหน่งเดียว ข้อ ๕ การประชุมในที่ประชุมองค์คณะ องค์คณะตุลาการ เลขานุการองค์คณะ และเจ้าหน้าที่ ประจําองค์คณะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ตามอัตราการจ่ายเบี้ยประชุมที่ประชุมองค์คณะ บัญชี ๒ ท้ายระเบียบนี้ ทั้งนี้ องค์คณะตุลาการให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการองค์คณะให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ ให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน ข้อ ๖ การนั่งพิจารณาคดี องค์คณะตุลาการ เลขานุการองค์คณะ และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ ให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ตามอัตราการจ่ายค่าตอบแทนการนั่งพิจารณาคดี บัญชี ๓ ท้ายระเบียบนี้ ทั้งนี้ องค์คณะให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการองค์คณะ ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะให้ได้รับค่าตอบแทน ไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน ข้อ ๗ การไต่สวน องค์คณะตุลาการ หรือตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการ เจ้าของสํานวน เลขานุการองค์คณะ และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ ให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ตามอัตราการจ่ายค่าตอบแทนการไต่สวน บัญชี ๔ ท้ายระเบียบนี้ ทั้งนี้ องค์คณะตุลาการหรือตุลาการ ศาลปกครองสูงสุดที่ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการเจ้าของสํานวน ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน ๒๔,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการองค์คณะให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อเดือน ข้อ ๘ ข้อ ๘ การรับค่าตอบแทนตามข้อ ๖ และข้อ ๗ เมื่อรวมกันแล้ว ให้องค์คณะตุลาการ หรือตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการเจ้าของสํานวน ได้รับไม่เกิน ๒๔,๐๐๐ บาทต่อเดือน เลขานุการองค์คณะให้ได้รับรวมกันไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน และเจ้าหน้าที่ประจําองค์คณะ ให้ได้รับรวมกันไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อเดือน ข้อ ๙ ในกรณีที่มีการดําเนินคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันหยุดราชการ ให้ได้รับค่าตอบแทนตามอัตรา ดังนี้ (๑) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ให้ได้รับค่าตอบแทนวันละ ๔,๕๐๐ บาท (๒) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ให้ได้รับค่าตอบแทนวันละ ๑,๒๕๐ บาท ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบนี้หลายอัตราในวันเดียวกัน ให้เบิกจ่ายอัตราสูงสุด เพียงอัตราเดียว ข้อ ๑๑ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบอื่นในวันเดียวกันที่ต้องอยู่ปฏิบัติงานในวันหยุดราชการตามระเบียบนี้แล้ว ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามระเบียบนี้ได้เมื่องดเบิกค่าตอบแทนตามระเบียบอื่น ข้อ ๑๒ วิธีการเบิกจ่าย ให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลปกครองเกี่ยวกับการเงิน หลักฐานและเอกสารการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๑๓ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง หมวด ๑ **อัตราการจ่ายเบี้ยประชุมและค่าตอบแทน** **บัญชี ๑** **เบี้ยประชุมใหญ่** | | | | --- | --- | | **ที่ประชุมใหญ่** | **เบี้ยประชุมรายครั้ง (บาท : คน)** | | **ประธาน** | **ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด****ที่เข้าร่วมการประชุม** | **เลขานุการ****ผู้ช่วยเลขานุการ****และผู้เข้าร่วมประชุม** | | ๑๐,๐๐๐ | ๘,๐๐๐ | ๖,๐๐๐ | **บัญชี ๒** **เบี้ยประชุมที่ประชุมองค์คณะ** | | | | --- | --- | | **ที่ประชุมองค์คณะ** | **เบี้ยประชุมรายครั้ง (บาท : คน)** | | **องค์คณะตุลาการ** | **เลขานุการองค์คณะ** | **เจ้าหน้าที่ประจํา****องค์คณะ** | | ๓,๐๐๐ | ๒,๐๐๐ | ๕๐๐ | **บัญชี ๓** **การนั่งพิจารณาคดี** | | | | --- | --- | | **การนั่งพิจารณาคดี** | **ค่าตอบแทนรายครั้ง (บาท : คน)** | | **องค์คณะตุลาการ** | **เลขานุการองค์คณะ** | **เจ้าหน้าที่ประจํา****องค์คณะ** | | ๓,๐๐๐ | ๒,๐๐๐ | ๕๐๐ | **บัญชี ๔** **การไต่สวน** | | | | --- | --- | | **การไต่สวน** | **ค่าตอบแทนรายครั้ง (บาท : คน)** | | **องค์คณะตุลาการหรือ****ตุลาการศาลปกครองสูงสุด****ที่ปฏิบัติหน้าที่****ตุลาการเจ้าของสํานวน** | **เลขานุการองค์คณะ** | **เจ้าหน้าที่ประจํา****องค์คณะ** | | ๖,๐๐๐ | ๔,๕๐๐ | ๑,๐๐๐ |
10,469
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ตํารวจ นําขบวน เจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขา เจ้าหน้าที่ตํารวจรักษาการณ์ และเจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหาร เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันความเสียหาย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบกับมติ ก.บ.ศป. ในการประชุมครั้งที่ ๑๔ - ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ศาลปกครอง” หมายความว่า ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น “รถนําขบวน” หมายความว่า รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อใช้นําขบวนยานพาหนะ ตามที่ได้รับมอบหมาย “เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวน” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจซึ่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่นําขบวนยานพาหนะ รักษาความปลอดภัย อารักขา และอํานวยความสะดวก “เจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขา” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจซึ่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัย “เจ้าหน้าที่ตํารวจรักษาการณ์” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจซึ่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าดูแลเหตุการณ์เพื่อรักษา ความปลอดภัยหรือเพื่ออํานวยความสะดวกหรือเพื่อเฝ้าสถานที่ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้ ก.บ.ศป. เป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม ระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้สํานักงานศาลปกครองแจ้งให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดรถนําขบวน เจ้าหน้าที่ ตํารวจนําขบวน และเจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขา เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ รักษาความปลอดภัย อารักขา และอํานวยความสะดวกประธานศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตามความจําเป็นและจํานวนที่เหมาะสม ข้อ ๗ ในกรณีที่ศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครองมีกําหนดการเดินทาง เพื่อไปราชการเป็นหมู่คณะ เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง หรือกรณีที่มีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อปฏิบัติภารกิจสําคัญของทางราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี อาจแจ้งให้สํานักงาน ตํารวจแห่งชาติหรือหน่วยงานในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดรถนําขบวนพร้อมเจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวน โดยพิจารณาตามความจําเป็นและจํานวนที่เหมาะสม ข้อ ๘ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองเห็นว่าอาจเกิดความไม่ปลอดภัยเนื่องมาจาก การปฏิบัติหน้าที่และสมควรให้มีเจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขา ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี แจ้งให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติหรือหน่วยงาน ในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดเจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขาตุลาการศาลปกครอง โดยพิจารณา ตามความจําเป็นและจํานวนที่เหมาะสม ข้อ ๙ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี อาจแจ้งให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติหรือหน่วยงานในสังกัดสํานักงานตํารวจแห่งชาติ จัดเจ้าหน้าที่ตํารวจรักษาการณ์ประจํา ณ ที่ทําการศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง โดยพิจารณาตามความจําเป็นและจํานวนที่เหมาะสม ข้อ ๑๐ ในกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงหรือสถานการณ์ความไม่สงบ ซึ่งศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองมีความเสี่ยงที่อาจเกิดภัยจากการก่อเหตุร้าย ด้วยอาวุธร้ายแรง การก่อเหตุลอบวางเพลิง การใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ หรือการถูกคุกคามด้วยวิธีการปิดล้อม บุกรุกทําลาย อันมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดี ความปลอดภัยของประชาชนที่มาติดต่อราชการ ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ตลอดจนทรัพย์สิน ของศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครอง ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี อาจขอสนับสนุนกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหาร เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย และป้องกันความเสียหาย โดยพิจารณาตามความจําเป็นและจํานวน ที่เหมาะสม ข้อ ๑๑ เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวนและเจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขาประธานศาลปกครองสูงสุด ตามข้อ ๖ เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวนตามข้อ ๗ เจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขาตุลาการศาลปกครอง ตามข้อ ๘ เจ้าหน้าที่ตํารวจรักษาการณ์ตามข้อ ๙ และเจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหารเพื่อดูแลรักษา ความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายตามข้อ ๑๐ ให้ได้รับเงินรางวัลการปฏิบัติหน้าที่เป็นรายวัน ตามอัตราเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ท้ายระเบียบนี้ กรณีที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวนตามข้อ ๗ หลายชุดตามพื้นที่รับผิดชอบ ให้เจ้าหน้าที่ ตํารวจนําขบวนแต่ละชุดได้รับเงินรางวัลตามอัตราเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๒ เงินรางวัลเจ้าหน้าที่ตามระเบียบนี้ ให้จ่ายตามวันที่มาปฏิบัติหน้าที่ และให้จ่ายได้ ไม่เกินวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละปีงบประมาณ ข้อ ๑๓ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหารผู้ใดมีสิทธิได้รับเงินรางวัลหรือค่าตอบแทน ตามระเบียบอื่นจากการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้ ให้เจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหารผู้นั้นมีสิทธิเบิกเงินรางวัล ในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้เมื่องดเบิกเงินรางวัลหรือค่าตอบแทนตามระเบียบอื่น ข้อ ๑๔ วิธีการเบิกจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ตามระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการ บริหารศาลปกครองเกี่ยวกับการเงิน สําหรับหลักฐานและเอกสารการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามที่เลขาธิการ สํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๑๕ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจ ออกประกาศ คําสั่ง หรือกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง อื่นๆ **อัตราเงินรางวัลเจ้าหน้าที่** **(บาท : คน : วัน)** | | | | | --- | --- | --- | | **เจ้าหน้าที่** | **ชั้นสัญญาบัตร** | **ต่ํากว่าชั้นสัญญาบัตร** | | เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวน และเจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขาประธานศาลปกครองสูงสุด | ๕๐๐ | ๔๐๐ | | เจ้าหน้าที่ตํารวจนําขบวน | | เจ้าหน้าที่ตํารวจติดตามอารักขาตุลาการศาลปกครอง | | เจ้าหน้าที่ตํารวจรักษาการณ์ | ๒๔๐ | ๑๕๐ | | เจ้าหน้าที่ตํารวจหรือทหารเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันความเสียหาย | ๓๐๐ | ๒๔๐ |
10,470
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง อำนาจหน้าที่ของประธานศาลปกครองสูงสุด และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการแต่งตั้งให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปฏิบัติหน้าที่ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง อํานาจหน้าที่ของประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และการแต่งตั้งให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นปฏิบัติหน้าที่ตุลาการ หัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น[1](#fn1) โดยที่มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรับผิดชอบให้งานของศาลปกครองเป็นไปโดยเรียบร้อย และอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นรับผิดชอบให้งานของศาลปกครองชั้นต้นเป็นไปโดยเรียบร้อย ตามระเบียบที่ ก.ศป. กําหนดโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถดําเนินการออกระเบียบดังกล่าวได้ เนื่องจากยังมีกรรมการตุลาการศาลปกครองไม่ครบตามที่กฎหมายกําหนดเป็น ก.ศป. แต่การเปิดทําการศาลปกครองจําเป็นต้องให้ประธานศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีอํานาจหน้าที่บางประการเพื่อให้กระบวนพิจารณาพิพากษาคดีปกครองในศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้นที่เปิดทําการสามารถดําเนินการไปได้ นอกจากนั้น โดยที่มาตรา ๙๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติเป็นบทเฉพาะกาลให้ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นและรองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นไว้โดยมิได้กําหนดให้มีการคัดเลือกตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น แต่ในการเปิดทําการศาลปกครองชั้นต้นจําเป็นจะต้องมีการจัดองค์คณะและมีตุลาการหัวหน้าคณะเพื่อทําหน้าที่จ่ายสํานวนและแต่งตั้งตุลาการเจ้าของสํานวนตามอํานาจหน้าที่ที่บัญญัติในพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการปฏิบัติราชการของศาลปกครองดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงมีมติเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อํานาจทั่วไปในการรับผิดชอบงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีระเบียบ ก.ศป. ตามมาตรา ๒๘ (๑) ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจดังต่อไปนี้ (ก) ดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือคําสั่งคดีใดๆ แทนตุลาการศาลปกครองคนใดในองค์คณะ ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทําให้ตุลาการศาลปกครองในองค์คณะนั้นไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ (ข) เข้าร่วมกับองค์คณะในการดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีที่มีความสําคัญเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะร่วมกับองค์คณะทําคําพิพากษาหรือมีคําสั่งจะต้องปรากฏว่า ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ร่วมในการนั่งพิจารณาคดีนั้น หรือเป็นกรณีตาม (ก) (ค) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองไปช่วยทํางานชั่วคราวในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการศาลปกครองในตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่ไม่ต่ํากว่าตําแหน่งที่ผู้นั้นดํารงอยู่ได้ โดยมีกําหนดระยะเวลาไม่เกินหกเดือน (ง) ออกคําสั่งในเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้อํานาจไว้หรือสั่งคําขอหรือคําร้องต่างๆ ที่ยื่นต่อตนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง (จ) วางระเบียบราชการศาลของศาลเพื่อให้กิจการของศาลดําเนินไปโดยเรียบร้อยและเป็นระเบียบเดียวกัน รวมทั้งสอดส่องดูแลและระมัดระวังการปฏิบัติงานของศาลในการใช้ระเบียบวิธีการต่างๆ ที่กําหนดขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่นให้เป็นไปโดยถูกต้อง (ฉ) ให้คําแนะนําแก่ตุลาการศาลปกครองในการปฏิบัติหน้าที่ (ช) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองหรือพนักงานคดีปกครองที่ทําหน้าที่ช่วยตุลาการศาลปกครองรายงานเกี่ยวกับคดีหรือรายงานกิจการอื่นของศาล (๒) ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีอํานาจที่ดังต่อไปนี้ (ก) ดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีใดๆ แทนตุลาการศาลปกครองคนใดในองค์คณะในศาลของตน ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจําเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทําให้ตุลาการศาลปกครองในองค์คณะนั้นไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ (ข) เข้าร่วมกับองค์คณะในศาลของตนในการดําเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือมีคําสั่งคดีที่มีความสําคัญพิเศษ แต่ถ้าจะร่วมกับองค์คณะทําคําพิพากษาหรือมีคําสั่งจะต้องปรากฏว่าอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นได้ร่วมในการนั่งพิจารณาคดีนั้น หรือเป็นกรณีตาม (ก) (ค) ออกคําสั่งในเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้อํานาจไว้หรือสั่งคําขอหรือคําร้องต่างๆ ที่ยื่นต่อตนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง (ง) สอดส่องดูแลและระมัดระวังการปฏิบัติงานของศาลของตนในการใช้ระเบียบวิธีการต่างๆที่ตั้งขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่นให้เป็นไปโดยถูกต้อง (จ) ให้คําแนะนําแก่ตุลาการศาลปกครองในศาลของตนในการปฏิบัติหน้าที่ (ฉ) สั่งให้ตุลาการศาลปกครองหรือพนักงานคดีปกครองที่ทําหน้าที่ช่วยตุลาการศาลปกครองรายงานเกี่ยวกับคดีหรือรายงานกิจการอื่นของศาลของตน ข้อ ๒ ในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่อาจแต่งตั้งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นตามมาตรา ๑๙ ได้ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดอาจกําหนดให้ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นคนใดทําหน้าที่ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นในจํานวนที่เหมาะสมไปพลางก่อนได้ ข้อ ๓ เมื่อมีคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองครบตามที่กฎหมายกําหนดเป็น ก.ศป. แล้วให้ดําเนินการแต่งตั้งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙ วรรคสองและออกระเบียบ ก.ปศ. ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่งและวรรคสอง โดยเร็วต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด --- 1.
10,471
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและเทียบตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ที่เรียกชื่ออย่างอื่น
Update ถึง ประกาศฯ (ฉ.๕/๒๕๖๐) ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและเทียบตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๕) และวรรคสาม และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๕) และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองกําหนดให้มีตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยเทียบเท่ากับตําแหน่งตุลาการศาลปกครองตามมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๒) และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๑) - (๔) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ อื่นๆ ศาลปกครองสูงสุด ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น เทียบเท่ากับตําแหน่ง ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ในศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกคดีละเมิดและความรับผิดอย่างอื่นใน รองประธานศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุด ประธานแผนกคดีบริหารราชการแผ่นดินในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุด รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจําศาล ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นประจําศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ศาลปกครองชั้นต้น ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น เทียบเท่ากับตําแหน่ง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเพชรบุรี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองสงขลา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองสงขลา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองสงขลา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ประจําศาลปกครองนครศรีธรรมราช ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง
10,472
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและเทียบตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ที่เรียกชื่ออย่างอื่น (ฉบับที่ 2)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและเทียบตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น[1](#fn1) (ฉบับที่ ๒) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและเทียบตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งแผนกคดีบริหารงานบุคคลของศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๕) และวรรคสาม และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๕) และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองกําหนดให้มีตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่นโดยเทียบเท่ากับตําแหน่งตุลาการศาลปกครองตามมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๒) และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ *ศาลปกครองสูงสุด* *ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น* *เทียบเท่าตําแหน่ง* ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคลในศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด *ศาลปกครองชั้นต้น* *ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น* *เทียบเท่าตําแหน่ง* ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองสงขลา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีบริหารงานบุคคล รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครศรีธรรมราช ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,473
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและเทียบตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ที่เรียกชื่ออย่างอื่น (ฉบับที่ 3)
ประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและเทียบตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น (ฉบับที่ ๓)[1](#fn1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ ก.ศป. เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและเทียบตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่น ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณของศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๕) และวรรคสาม และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๕)และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองกําหนดให้มีตําแหน่งตุลาการศาลปกครองที่เรียกชื่ออย่างอื่นโดยเทียบเท่ากับตําแหน่งตุลาการศาลปกครองตามมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง (๒) และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง (๒)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้ *ศาลปกครองสูงสุด* *ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น* *เทียบเท่าตําแหน่ง* ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ในศาลปกครองสูงสุด *ศาลปกครองชั้นต้น* *ตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น* *เทียบเท่าตําแหน่ง* ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองกลาง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเพชรบุรี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองระยอง ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครราชสีมา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองเชียงใหม่ ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองพิษณุโลก ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองขอนแก่น ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุดรธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองอุบลราชธานี ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองสงขลา ตุลาการหัวหน้าแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองนครศรีธรรมราช ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการตุลาการศาลปกครอง --- 1.
10,474
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 286)
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 286) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 598) พ.ศ. 2559 ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559 อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (714) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่องรายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(714) ส่วนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและชีวภาพ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (739) (740) (741) และ (742) ของข้อ ๑ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 “(739) สถาบันยุทธศาสตร์ทางปัญญาและวิจัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (740) ฝ่ายวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม บริษัท ไดซิน จํากัด (741) ศูนย์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริษัท ธอทเวิร์ค (ประเทศไทย) จํากัด (742) นายคณุตม์ ตั้งสง่าศักดิ์ศรี” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณี ดังต่อไปนี้ (714) ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (739) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (740) ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป (741) ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป (742) ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,475
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ ขส. 5/2566 เรื่อง โครงสร้างการจัดองค์กร อำนาจหน้าที่ วิธีดำเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ ขส. 5/2566 เรื่อง โครงสร้างการจัดองค์กร อํานาจหน้าที่ วิธีดําเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ----------------------------------------------------------- ตามที่คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“คณะกรรมการ ก.ล.ต.”) ได้อนุมัติให้ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับภารกิจต่าง ๆ ของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สํานักงาน”) ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 7 (1) (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่จะให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับดําเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ จึงสมควรประกาศโครงสร้างการจัดองค์กร อํานาจหน้าที่ วิธีดําเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสํานักงานให้ทราบทั่วกัน ดังนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ ขส. 1/2563 เรื่อง โครงสร้างการจัดองค์กร อํานาจหน้าที่ วิธีดําเนินงานและสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ลงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563 ข้อ ๒ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 บัญญัติให้จัดตั้งสํานักงาน และกําหนดให้มีคณะกรรมการ ก.ล.ต. และต่อมาพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 กําหนดให้มีคณะกรรมการกํากับตลาดทุนเพิ่มเติม ข้อ ๓ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกอบด้วยประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยคําแนะนําของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งโดยผ่านการคัดเลือกตามที่กําหนดในมาตรา 31/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 จํานวนไม่น้อยกว่า 4 คนแต่ไม่เกิน 6 คนเป็นกรรมการ โดยในจํานวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และด้านการเงิน ด้านละ 1 คน และให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอํานาจหน้าที่วางนโยบายการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกํากับดูแลในเรื่องหลักทรัพย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์”) ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ การออกหรือเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงํากิจการ และการป้องกันการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อํานาจดังกล่าวรวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือข้อกําหนดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (2) กําหนดค่าธรรมเนียมสําหรับคําขออนุญาต คําขอรับใบอนุญาต ใบอนุญาตหรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต (3) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ (4) ออกระเบียบ คําสั่ง และข้อบังคับเกี่ยวกับการพนักงาน ระบบพนักงานสัมพันธ์ การบรรจุ แต่งตั้งถอดถอน และวินัยพนักงานและลูกจ้างของสํานักงาน การกําหนดเงินเดือนและเงินอื่น ๆ รวมตลอดถึงการสงเคราะห์และสวัสดิการต่าง ๆ (5) กําหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (6) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีอํานาจหน้าที่ตามพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 และพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ดังนี้ อํานาจหน้าที่ตามพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 (1) กําหนดนโยบายเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (2) กํากับดูแลให้นิติบุคคลเฉพาะกิจปฏิบัติตามพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 (3) กําหนดประเภทของสินทรัพย์ที่อนุญาตให้ทําการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ และประเภทของหลักทรัพย์ที่จะออกเนื่องจากการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (4) ออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 (5) กําหนดค่าธรรมเนียมในการดําเนินการต่าง ๆ ตามพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 (6) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 อํานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอํานาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาตลอดจนกํากับดูแลในเรื่องสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สํานักหักบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สมาคมกํากับผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และการป้องกันการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า อํานาจหน้าที่ดังกล่าวรวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือข้อกําหนดตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 (2) กําหนดค่าธรรมเนียมสําหรับการขออนุญาต การขอจดทะเบียน การขอความเห็นชอบ การออกใบอนุญาต การรับจดทะเบียน การให้ความเห็นชอบ หรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาตที่ได้จดทะเบียน หรือที่ได้รับความเห็นชอบ (3) กําหนดขอบเขตและวิธีปฏิบัติในการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 (4) กําหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 อํานาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีอํานาจหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกํากับดูแลทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน อํานาจหน้าที่ดังกล่าวรวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือข้อกําหนดตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (2) กําหนดค่าธรรมเนียมสําหรับการขออนุญาต การอนุญาต หรือการประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (3) กําหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อํานาจหน้าที่ตามพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีหน้าที่และอํานาจวางนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกํากับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกําหนดดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการกํากับและควบคุมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หน้าที่และอํานาจดังกล่าวรวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือข้อกําหนดเกี่ยวกับการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (2) กําหนดค่าธรรมเนียมสําหรับคําขออนุญาต การอนุญาต คําขอความเห็นชอบ การให้ความเห็นชอบ การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลประจําปี การยื่นคําขอต่าง ๆ หรือการประกอบกิจการตามที่ได้รับอนุญาตหรือได้รับความเห็นชอบ (3) กําหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้บังคับพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (4) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ข้อ ๔ คณะกรรมการกํากับตลาดทุนประกอบด้วยเลขาธิการเป็นประธานกรรมการ รองเลขาธิการซึ่งเลขาธิการมอบหมาย 1 คน ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งโดยผ่านการคัดเลือกตามที่กําหนดในมาตรา 31/7 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 อีกไม่เกิน 4 คน เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 2 คน ต้องมีประสบการณ์ในการบริหารกิจการบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ให้เลขาธิการแต่งตั้งพนักงานของสํานักงานคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการกํากับตลาดทุน คณะกรรมการกํากับตลาดทุนมีอํานาจหน้าที่ในการปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่น โดยต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. อํานาจและหน้าที่ดังกล่าวรวมถึง (1) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือข้อกําหนดในเรื่องการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ การออกและเสนอขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ สํานักหักบัญชี นายทะเบียนหลักทรัพย์ สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงํากิจการ (2) รายงานผลการดําเนินงานเป็นระยะต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด (3) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 คณะกรรมการกํากับตลาดทุนมีอํานาจประกาศกําหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองลูกค้า การรักษาความมั่นคงของระบบการเงิน หรือการควบคุมความเสี่ยงอันเกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ข้อ ๕ สํานักงานมีเลขาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการดําเนินกิจการทั้งปวงของสํานักงาน ทั้งนี้ ในการดําเนินกิจการดังกล่าวเลขาธิการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. สํานักงานมีอํานาจหน้าที่ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. และปฏิบัติงานอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 พระราชกําหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 หรือตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อํานาจและหน้าที่ของสํานักงานดังกล่าวรวมถึงกรณีดังนี้ ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการดําเนินกิจการของสํานักงาน (1) ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองหรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ สร้าง ซื้อ จัดหา ขาย จําหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจํานํา รับจํานอง แลกเปลี่ยนโอน รับโอน หรือดําเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งในและนอกราชอาณาจักร ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้ (2) กู้ยืมเงินหรือให้กู้ยืมเงินและลงทุนหาผลประโยชน์ (3) กําหนดค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล การจดทะเบียนและการยื่นคําขอต่าง ๆ (4) รับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามที่กําหนดในกฎกระทรวงหรือตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และสํานักงานกําหนด โดยที่สํานักงานได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2543 ให้เป็นนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา สํานักงานจึงมีอํานาจหน้าที่ในการกํากับและควบคุมโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ข้อ ๖ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป โครงสร้างการดําเนินงานของสํานักงานโดยอนุมัติของคณะกรรมการ ก.ล.ต. แบ่งออกเป็นส่วนงานต่าง ๆ ดังนี้ (1) ฝ่ายกฎหมายผู้ประกอบธุรกิจ (2) ฝ่ายกฎหมายระดมทุน (3) ฝ่ายกฎหมายองค์กรและคดีปกครอง (4) ฝ่ายการเงินและบริหารทั่วไป (5) ฝ่ายกํากับการสอบบัญชี (6) ฝ่ายกํากับตลาด (7) ฝ่ายกํากับธุรกิจจัดการลงทุน (8) ฝ่ายกํากับธุรกิจตัวกลาง (9) ฝ่ายกํากับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (10) ฝ่ายกํากับรายงานทางการเงิน (11) ฝ่ายกํากับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (12) ฝ่ายขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง (13) ฝ่ายคดี (14) ฝ่ายความเสี่ยงตลาดทุนและองค์กร (15) ฝ่ายงานเลขาธิการ (16) ฝ่ายจดทะเบียนตราสารทุน 1 (17) ฝ่ายจดทะเบียนตราสารทุน 2 (18) ฝ่ายจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล (19) ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน 1 (20) ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน 2 (21) ฝ่ายตรวจสอบภายใน (22) ฝ่ายตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิทัล (23) ฝ่ายตราสารหนี้ (24) ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (25) ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (26) ฝ่ายนโยบายผู้ประกอบธุรกิจ (27) ฝ่ายนโยบายระดมทุน (28) ฝ่ายนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงิน (29) ฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมความรู้ตลาดทุน (30) ฝ่ายยุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (31) ฝ่ายวิจัยและขับเคลื่อนข้อมูล (32) ฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน (33) ฝ่ายสื่อสารองค์กร ทั้งนี้ รายละเอียดหน้าที่ของแต่ละส่วนงานเป็นไปตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๗ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน รวมถึงการติดต่อสํานักงาน คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการกํากับตลาดทุน สามารถกระทําผ่านสํานักงานได้ตามสถานที่ติดต่อดังนี้ 1. (1) อาคารสํานักงาน เลขที่ 333/3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 0-2033-9999 โทรสาร 0-2033-9660 2. (2) ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทรศัพท์ 1207 3. (3) เว็บไซต์ [www.sec.or.th](http://www.sec.or.th) 4. (4) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ขอรับข้อมูลข่าวสาร [email protected] 5. สําหรับช่องทางในการยื่นคําขอหรือติดต่อสํานักงานหรือเลขาธิการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ให้เป็นไปตามประกาศว่าด้วยช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สําหรับติดต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อ ๘ วันและเวลาทํางานปกติของสํานักงาน คือ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 8.30 นาฬิกา ถึง 16.30 นาฬิกา เว้นแต่เป็นวันหยุดทําการประจําปี วันหยุดทําการกรณีพิเศษ หรือกรณีที่สํานักงานกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น วันหยุดประจําสัปดาห์ คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์ วันหยุดทําการประจําปี และวันหยุดทําการกรณีพิเศษ ให้เป็นไปตามประกาศว่าด้วย วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี อื่นๆ ๑ ประกาศ ณ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566 ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,476
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทธ. 11/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 11/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 16/6 วรรคสอง (1) มาตรา 34 และมาตรา 113 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 35 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และ (4) มาตรา 42(10) มาตรา 56 มาตรา 92 วรรคสอง มาตรา 98(4) (5) และ (8) มาตรา 100 วรรคสอง มาตรา 103(9) และ (10) มาตรา 109 วรรคหนึ่ง มาตรา 114 มาตรา 115 มาตรา 116 มาตรา 117 มาตรา 119(6) มาตรา 124 วรรคหนึ่ง และมาตรา 130 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 124/1 วรรคสอง และมาตรา 140/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 และมาตรา 133 วรรคสอง มาตรา 134 และมาตรา 135 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542 และมาตรา 18 มาตรา 23(3) และ (5) และมาตรา 24 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 คณะกรรมการกํากับตลาดทุนออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 30/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564 และให้ใช้ภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศนี้ เป็นภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 30/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564 แทน ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป อื่นๆ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ผู้มีอํานาจลงนาม (นายธวัชชัย พิทยโสภณ) รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับตลาดทุน
10,477
ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กด. 18/2539 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กด. 18 /2539 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้บริการเป็น นายทะเบียนหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 2) ----------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 14 และมาตรา 223 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้คังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ทวิ แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2535 "ข้อ 5 ทวิ ให้นายทะเบียนหลักทรัพย์ จัดทํารายงานการให้บริการเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์เป็นรายปีตามแบบที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกําหนด และให้ยื่นรายงานดังกล่าวต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินที่จัดทํารายงานนั้น" ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2539 (นายบดี จุณณานนท์) ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,478
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อน. 24 /2544 เรื่อง การประกาศทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการ
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่อน. 24 /2544 เรื่อง การประกาศทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการ ------------------------- โดยที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้จัดให้มีกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ และอนุญาโตตุลาการที่จะทําหน้าที่เป็นผู้ชี้ขาดข้อพิพาทจะต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่สํานักงานประกาศไว้แล้ว ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาประกาศรายชื่อโดยใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ต้องเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีประสบการณ์การทํางานด้านตลาดเงินตลาดทุนหรือค้านกฎหมายมาไม่น้อยกว่าห้าปี ข้อ ๒ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามคังต่อไปนี้ (1) เป็นบุคคลล้มละลาย (2) เป็นบุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ (3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (4) เคยได้รับโทษจําคุกโดยมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําไปโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (5) อยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษหรือถูกคําเนินคดี หรือเคยต้องคําพิพากษาว่ากระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ กฎหมายว่าด้วยการธนาการพาณิชย์กฎหมายว่าด้วยประกันชีวิตหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจทางการเงินในทํานองเดียวกันไม่ว่าจะเป็นกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ โดยหน่วยงานที่มีอํานาจตามกฎหมายนั้นทั้งนี้ ในความผิดเกี่ยวกับการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือการบริหารงานที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทุจริต (6) อยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษหรือถูกคําเนินคดี หรือเคยต้องคําพิพากษาว่ากระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (7) เคยถูกเปรียบเทียบปรับในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในส่วนที่ว่าด้วยการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์หรือกฎหมายต่างประเทศในทํานองเดียวกัน (8) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากสถาบันการเงิน อันเนื่องจากการกระทําโดยทุจริต สํานักงานจะทบทวนทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่ประกาศทุก 2 ปี และอาจถอนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่ประกาศไว้ หากปรากฎว่าบุดคลนั้นมีลักษณะต้องห้ามตามที่กําหนดไว้ข้างต้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยขัดต่อประมวลจริยธรรมอนุญาโตตุลาการของสํานักงานอนุญาโตตุลาการอย่างร้ายแรง ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 (นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,479
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 11/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2)
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 11/2566 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้ง โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 19(5) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และมาตรา 14 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 และตามบทอาศัยอํานาจที่กําหนดในภาคผนวกแนบท้ายประกาศนี้ สํานักงานออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 21/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564 และให้ใช้ภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศนี้ เป็นภาคผนวก 1 รายการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แนบท้ายประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 21/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564 แทน ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป อื่นๆ ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ผู้มีอํานาจลงนาม (นายธวัชชัย พิทยโสภณ) รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,480
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สอ. 3/2566 เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับติดต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สอ. 3/2566 เรื่อง ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สําหรับติดต่อ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ โดยที่มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้บรรดาคําขออนุญาตหรือการติดต่อใด ๆ ที่ประชาชนส่งหรือมีถึงหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานของรัฐประกาศกําหนด ให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นได้รับตามวันและเวลาที่คําขออนุญาตหรือการติดต่อนั้นเข้าสู่ระบบ จึงสมควรกําหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สําหรับประชาชนใช้ในการยื่นคําขอหรือติดต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวก และลดภาระแก่ประชาชน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 สํานักงานออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้เป็นช่องทางสําหรับประชาชนยื่นคําขอหรือติดต่อสํานักงานหรือเลขาธิการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (1) ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) [email protected] (2) เว็บไซต์ www.sec.or.th (3) ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ที่ใช้สําหรับการยื่นรายงานหรือคําขอ(e-service) หรือยื่นเรื่องร้องเรียน ตามที่กําหนดไว้ในเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๓ ในกรณีที่ผู้ยื่นคําขอหรือติดต่อมาทางช่องทางตามข้อ 2 ประสงค์จะสอบถามหรือขอรับคํายืนยันจากสํานักงานว่าได้รับคําขอหรือการติดต่อแล้ว ให้สอบถามในวันและเวลาราชการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังต่อไปนี้ (1) 0-2033-9999 (2) 1207 ข้อ ๔ ประชาชนอาจใช้วิธีการบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นหลักฐานเบื้องต้นว่าได้มีการยื่นคําขอหรือติดต่อสํานักงาน หรือเลขาธิการทางช่องทางตามข้อ 2 แล้ว ก็ได้ อื่นๆ ประกาศ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ผู้มีอํานาจลงนาม (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,481
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “รถราชการ” หมายความว่า รถประจําตําแหน่งและรถส่วนกลาง “รถประจําตําแหน่ง” หมายความว่า รถยนต์ที่สํานักงานจัดให้แก่บุคคลผู้ดํารงตําแหน่งตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ “รถส่วนกลาง” หมายความว่า รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่สํานักงานจัดไว้ใช้เพื่อกิจการ อันเป็นส่วนรวมของศาลปกครองหรือสํานักงาน หรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการ “วัสดุที่ใช้ในการบํารุงรักษา” หมายความว่า วัสดุที่ใช้ในการบํารุงรักษารถยนต์ ได้แก่ น้ํากลั่น เติมแบตเตอรี่ น้ํายาล้างรถ น้ํายาขัดสีรถ น้ํายาเช็ดกระจก น้ํายาขัดหนัง น้ํายาดับกลิ่น และอุปกรณ์อื่นที่ใช้ทําความสะอาดรถ “ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง” หมายความว่า เงินที่จ่ายตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งให้แก่บุคคลที่มีสิทธิได้รถประจําตําแหน่งตามบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคําสั่ง เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๖ การจัดหารถราชการของสํานักงานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) รถประจําตําแหน่ง ให้มีขนาดมาตรฐานตามบัญชีท้ายระเบียบนี้ สําหรับราคามาตรฐานให้เป็นไปตามประกาศสํานักงาน และให้เลขาธิการรายงานการประกาศราคามาตรฐานดังกล่าวต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อทราบ (๒) รถส่วนกลาง ให้ใช้ขนาดเครื่องยนต์และราคาที่สํานักงบประมาณกําหนดโดยอนุโลมในกรณีมีความจําเป็นไม่อาจจัดหารถตามราคาที่กําหนดในประกาศสํานักงานหรือที่สํานักงบประมาณกําหนดได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของเลขาธิการที่จะพิจารณาตามความจําเป็นและเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ข้อ ๗ ให้สํานักงานจัดทําบัญชีรถราชการแยกประเภทเป็นรถประจําตําแหน่งและรถส่วนกลางตามแบบ ร. ๑ หรือแบบ ร. ๒ ท้ายระเบียบนี้ พร้อมทั้งจัดเก็บหลักฐานการได้มาและการจําหน่าย การเปลี่ยนแปลงประเภทของรถราชการ ให้อยู่ในอํานาจของเลขาธิการโดยความเห็นชอบของประธานศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๘ สํานักงานมีหน้าที่รับผิดชอบการซ่อมบํารุงรถราชการทุกคันให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งานได้ดีอยู่เสมอ โดยจัดทํารายละเอียดการซ่อมบํารุงสําหรับรถแต่ละคันตามแบบ ร. ๓ ท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๙ รถราชการคันใดได้รับความเสียหายต้องเสียค่าซ่อมแซมหรือค่าซ่อมบํารุงสูงหรือประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มกับค่าซ่อม หรือเมื่อซ่อมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัยให้อยู่ในดุลพินิจของเลขาธิการที่จะพิจารณาอนุมัติให้จัดหารถราชการคันใหม่ทดแทนรถราชการคันดังกล่าว ข้อ ๑๐ การจัดหารถราชการคันใหม่ทดแทนรถราชการคันเก่าต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (๑) รถราชการคันเก่าเป็นรถประจําตําแหน่งซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่าหกปี หรือเป็นรถส่วนกลางซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี เว้นแต่เป็นรถราชการที่จัดหาจากกรมศุลกากรหรือส่วนราชการอื่น ให้คิดลดอายุการใช้งานลงหนึ่งปี (๒) รถราชการคันเก่าเป็นรถราชการที่เลขาธิการพิจารณาอนุมัติให้จัดหารถราชการคันใหม่ทดแทนตามข้อ ๙ ข้อ ๑๑ กรณีที่มีความจําเป็นต้องใช้รถยนต์ที่มิใช่รถราชการเพื่อรับรองชาวต่างประเทศ ซึ่งเป็นแขกของศาลปกครองหรือสํานักงาน ให้เลขาธิการพิจารณาเช่ารถยนต์จากเอกชนเป็นคราว ๆ ไป หมวด ๒ รถประจําตําแหน่ง ข้อ ๑๒ บุคคลที่สํานักงานจะจัดรถประจําตําแหน่งให้ ได้แก่ ประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ที่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป เลขาธิการ และรองเลขาธิการ โดยให้มีได้ตําแหน่งละหนึ่งคัน ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งเคยดํารงตําแหน่งรองเลขาธิการที่มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งมาแล้ว หากได้รับมอบหมายจากเลขาธิการให้รับผิดชอบงานด้านบริหารที่มีอํานาจการบังคับบัญชา ให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งตามที่เคยได้รับอยู่เดิม ข้อ ๑๒/๑ ผู้ดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และเลขาธิการ ให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งหรือค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งหรือบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้ เมื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งใช้สิทธิรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง ให้ใช้สิทธินั้นจนกว่าจะพ้นจากตําแหน่ง สําหรับกรณีที่ใช้สิทธิเลือกรับรถประจําตําแหน่งให้ใช้สิทธินั้นไปจนกว่ารถประจําตําแหน่งนั้นหมดอายุการใช้งาน และให้มีสิทธิเลือกว่าจะรับรถประจําตําแหน่งต่อไปหรือรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง
10,482
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๗ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๗ ในกรณีที่รถประจําตําแหน่งคันที่สูญหายหรือเสียหายเป็นรถที่ได้ทําสัญญาประกันภัยไว้ความรับผิดชอบของผู้ใช้รถประจําตําแหน่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (๑) หากรถประจําตําแหน่งสูญหาย ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในส่วนที่นอกเหนือจากที่สํานักงานได้รับตามสัญญาประกันภัยเฉพาะกรณีที่การสูญหายนั้นเกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนเท่านั้น แต่ถ้าการสูญหายนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งอนุญาตให้บุคคลใดนํารถประจําตําแหน่งไปใช้นอกเหนือจากหน้าที่ปกติประจํา ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้การสูญหายนั้นเกิดด้วยเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร การสูญหายก็จะเกิดแก่รถคันนั้นอยู่นั่นเอง (๒) หากรถประจําตําแหน่งเกิดความเสียหาย ให้ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งเป็นผู้ดําเนินการติดต่อ กับผู้รับประกันภัยในนามของสํานักงาน เพื่อซ่อมแซมรถประจําตําแหน่งให้คงสภาพดีตามเดิม ส่วนในกรณี ที่ไม่อาจให้ผู้รับประกันภัยดําเนินการซ่อมแซมได้ ให้ผู้นั้นรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในส่วน ที่นอกเหนือจากที่สํานักงานได้รับตามสัญญาประกันภัยเฉพาะกรณีที่ความเสียหายนั้นเกิดจากความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตน แต่ถ้าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ขับขี่ รถประจําตําแหน่ง ที่มิใช่ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งหรือพนักงานขับรถ หรือมิใช่อยู่ในระหว่างการควบคุมการใช้รถของผู้ใช้รถประจําตําแหน่ง ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแม้ความเสียหายนั้น เกิดด้วยเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรความเสียหายก็จะเกิดแก่รถคันนั้นอยู่นั่นเอง” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของข้อ ๒๖ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ในกรณีที่การสูญหายหรือความเสียหายของรถส่วนกลางเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติราชการ ของตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง หรือลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ผู้ที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจะรับผิดเฉพาะกรณีที่เกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนเท่านั้น แต่ถ้าการสูญหายหรือความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้นั้นนํารถไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้บุคคลอื่นใช้ หรือนําไปเก็บไว้ ณ สถานที่ที่มิได้รับอนุญาต ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้การสูญหายหรือความเสียหายนั้นเกิดด้วยเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรการสูญหาย หรือความเสียหายก็จะเกิดแก่รถคันนั้นอยู่นั่นเอง” ประกาศ ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางสาวนริศรา แสนวงค์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๐/ตอนที่ ๖๙ ก/หน้า ๔๘/๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖ [↑](#footnote-ref-1)
10,483
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับการบริหารจัดการภาครัฐที่ดี อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย รถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ การจัดหารถราชการของสํานักงานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) รถประจําตําแหน่ง ให้มีขนาดมาตรฐานตามบัญชีท้ายระเบียบนี้ สําหรับราคามาตรฐาน ให้เป็นไปตามประกาศสํานักงาน และให้เลขาธิการรายงานการประกาศราคามาตรฐานดังกล่าวต่อประธาน ศาลปกครองสูงสุดเพื่อทราบ (๒) รถส่วนกลาง ให้ใช้ขนาดเครื่องยนต์และราคาที่สํานักงบประมาณกําหนดโดยอนุโลม ในกรณีมีความจําเป็นไม่อาจจัดหารถตามราคาที่กําหนดในประกาศสํานักงานหรือที่สํานักงบประมาณ กําหนดได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของเลขาธิการที่จะพิจารณาตามความจําเป็นและเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของ ทางราชการ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๑ รถส่วนกลางให้ใช้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของศาลปกครองหรือสํานักงาน หรือเพื่อกิจการที่เป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับราชการหรือการกุศลสาธารณะ งานสาธารณประโยชน์ งานสวัสดิการ ในกิจการเฉพาะคราวของข้าราชการในศาลปกครองหรือสํานักงาน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่เลขาธิการให้ความเห็นชอบ ให้หัวหน้าหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลรถส่วนกลางหรือหัวหน้าสํานักงานศาลปกครอง ในภูมิภาคที่มีรถส่วนกลางอยู่ในความครอบครอง แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีอํานาจอนุญาตการใช้รถส่วนกลาง ตามวรรคหนึ่ง การขออนุญาตใช้รถส่วนกลางให้ใช้คําขอตามแบบหรืออย่างน้อยต้องมีข้อกําหนดตามแบบ ร.๔ ท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๕ ให้ผู้ใช้รถประจําตําแหน่งที่มีอยู่ก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ใช้รถประจําตําแหน่งนั้นต่อไปจนกว่าจะครบอายุการใช้งานตามที่กําหนดไว้ในระเบียบ ประกาศ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางสาวนริศรา แสนวงค์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ **บัญชี**ข**นาดมาตรฐานรถประจํา**ตําแหน่ง | | | | | --- | --- | --- | | **ลําด**ับ | **ตําแหน่ง** | **ขนาดปริมาตร****กระบอกส**ูบ**ไ**ม่เกิน | | ๑. ๒. ๓. | ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด๑.๑ ประธานศาลปกครองสูงสุด ๑.๒ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ๑.๓ ตุลาการหัวหนาคณะศาลปกครองสูงสุด ๑.๔ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการในศาลปกครองชั้นตน ๒.๑ อธิบดีศาลปกครองชั้นตน ๒.๒ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นตน ผูบริหารสํานักงานศาลปกครอง ๓.๑ เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ๓.๒ รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง | ไมจํากัดซีซี๓,๐๐๐ ซีซี๒,๔๐๐ ซีซี๒,๔๐๐ ซีซี ๒,๔๐๐ ซีซี ๒,๔๐๐ ซีซี ๒,๔๐๐ ซีซี ๒,๔๐๐ ซีซี | ร.๔ **ใบอนุญาตใชรถสวนกลาง** วันที่...............เดือน........................พ.ศ............. เรียน (ผูมีอํานาจอนุญาตใหใชรถ)..................................................... ขาพเจา.............................................................ตําแหนง................................................... กลุมงาน/ฝาย..........................................................................สํานัก/กอง............................................................ ขออนุญาตใช้รถยนตสวนกลางเดินทางไป ........................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. เพื่อ....................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... มีคนนั่ง................................คน ในวันที่...............................................................เวลา...............................น. ถึงวันที่................................................................เวลา............................................น. ลงชื่อ............................................ผูขออนุญาต ลงชื่อ............................................ผูอํานวยการสํานัก/กอง หรือผูแทน (..............................................) ................./........................../.................... วันที่................................................... * อนุญาตใหนํารถยนตหมายเลขทะเบียน...................................................ไปใชในราชการตามที่ขอ และมอบหมายให..............................................................เปนพนักงานขับรถคันดังกลาว * ไมอนุญาตเพราะ................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................ผูมีอํานาจอนุญาต (............................................) ตําแหนง............................................. วันที่............................................... 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๓/ตอนที่ ๒ ก/หน้า ๖/๙ มกราคม ๒๕๔๙ [↑](#footnote-ref-1)
10,484
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามต่อจากบทนิยามคําว่า “วัสดุที่ใช้ในการบํารุงรักษา” ในข้อ ๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ “ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง” หมายความว่า เงินที่จ่ายตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งให้แก่บุคคลที่มีสิทธิได้รถประจําตําแหน่งตามบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่าย แทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย รถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ บุคคลที่สํานักงานจะจัดรถประจําตําแหน่งให้ ได้แก่ ประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด อธิบดี ศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการ ศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป เลขาธิการ และรองเลขาธิการ โดยให้มีได้ ตําแหน่งละหนึ่งคัน” ข้อ ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด ๔ กับข้อ ๒๙ ข้อ ๓๐ ข้อ ๓๑ และข้อ ๓๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ “หมวด ๔ ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง ข้อ ๒๙ บุคคลที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งให้เป็นไป ตามบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้ และจะต้องไม่มีรถประจําตําแหน่งตามข้อ ๑๒ โดยการซื้อหรือเช่า ทั้งนี้ การจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามระเบียบนี้ ให้มีผลบังคับเมื่อสํานักงานได้รับการจัดสรรงบประมาณ วิธีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการ จ่ายเงินเดือนข้าราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ กรณีมีการย้ายไปดํารงตําแหน่งที่สํานักงาน จัดรถประจําตําแหน่งให้ตามข้อ ๑๒ ให้สํานักงานระงับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหา รถประจําตําแหน่ง ตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานหรือวันที่เดินทางไปรับตําแหน่งตามปกติ โดยระยะเวลาของการเลื่อนหรือผัดการเดินทางไม่เป็นเหตุให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ข้อ ๓๐ ให้บุคคลที่ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง จัดหารถส่วนตัว มาใช้ในการปฏิบัติราชการในตําแหน่งหน้าที่หรือที่ได้รับมอบหมายโดยชอบหรืองานที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับงานในตําแหน่งหน้าที่ หรือฐานะที่ดํารงตําแหน่งนั้น รวมตลอดถึงการใช้เพื่อเดินทางไปกลับระหว่างที่พักและสถานที่ปฏิบัติงาน และเพื่อการอื่นที่จําเป็นและเหมาะสมแก่การดํารงตําแหน่งหน้าที่ของตนในทางราชการและสังคม ข้อ ๓๑ กรณีบุคคลที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งได้รับอนุมัติให้เดินทางไปราชการชั่วคราว ให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการได้ตามระเบียบของทางราชการ ข้อ ๓๒ ภายใต้บังคับข้อ ๒๑ บุคคลที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง จะนํารถราชการไปใช้มิได้ หากนําไปใช้ให้ถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และหมดสิทธิเบิกจ่าย ค่าทดแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง เว้นแต่การเดินทางไปเป็นหมู่คณะเพื่อการที่จําเป็น และเหมาะสมแก่การดํารงตําแหน่งหน้าที่ในหมู่ข้าราชการและเพื่อสังคม” ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ------------------------------------------------ นางสาวนริศรา แสนวงค์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ **บัญชีคาตอบแทนเหมาจายแทนการจัดหารถประจําตําแหนง** | | | | | --- | --- | --- | | **ลําดับ** | **ตําแหนง** | **อัตราคาตอบแทน****บาท/เดือน/คน** | | ๑ ๒ | ตุลาการหัวหนาคณะศาลปกครองชั้นตน ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นที่ไดรับเงินเดือนตั้งแตชั้น ๒ ขึ้นไป | ๔๑,๐๐๐ ๔๑,๐๐๐ | 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๒๙ ก/หน้า ๑๑๖/๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [↑](#footnote-ref-1)
10,485
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย รถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย รถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๒/๑ และข้อ ๑๒/๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ “ข้อ ๑๒/๑ ผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งหรือค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชี ขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งหรือบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง ท้ายระเบียบนี้ และเมื่อใช้สิทธิเลือกรับรถประจําตําแหน่งหรือรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหา รถประจําตําแหน่งแล้ว ให้ใช้สิทธิที่เลือกนั้นไปจนกว่าจะพ้นจากตําแหน่ง” “ข้อ ๑๒/๒ ผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และรองเลขาธิการ ให้มีสิทธิรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกบัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ใช้บัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้ยกเลิกบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้แทน ข้อ ๖ ผู้ดํารงตําแหน่งตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดและตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ที่เลือกรับรถประจําตําแหน่ง ให้ใช้รถประจําตําแหน่งที่ครอบครองอยู่ต่อไป จนหมดอายุการใช้งาน ข้อ ๗ ผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และรองเลขาธิการ ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ หากประสงค์จะใช้รถประจําตําแหน่งที่ครอบครองอยู่ ให้มีสิทธิใช้รถประจําตําแหน่งที่ครอบครองอยู่นั้นต่อไปจนกว่าจะหมดอายุการใช้งาน และเมื่อรถหมดอายุการใช้งานให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง โดยให้ส่งคืนรถประจําตําแหน่งและพนักงานขับรถให้แก่สํานักงานภายในกําหนดหกสิบวันนับแต่วันที่รถประจําตําแหน่งหมดอายุการใช้งาน ข้อ ๘ ให้ผู้ที่เลือกรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งซึ่งได้ครอบครอง รถประจําตําแหน่งอยู่ ส่งคืนรถประจําตําแหน่งและพนักงานขับรถให้แก่สํานักงานภายในกําหนดหกสิบวัน นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ข้อ ๙ ภายใต้บังคับข้อ ๗ รถประจําตําแหน่งที่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน เมื่อได้รับคืนจากผู้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง ให้เลขาธิการพิจารณาจัดสรรให้กับผู้ดํารงตําแหน่ง ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่เลือกรับรถประจําตําแหน่ง หรือจัดสรรให้กับเลขาธิการ หรือจัดสรร ให้กับผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และรองเลขาธิการ ในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ที่เลือกรับรถประจําตําแหน่ง แต่ไม่ได้ครอบครองรถประจําตําแหน่งอยู่หรือ รถประจําตําแหน่งหมดอายุการใช้งาน หรือจัดสรรเป็นรถส่วนกลางหรือเพื่อทดแทนรถส่วนกลางที่ มีอายุการใช้งานเกินห้าปี หรือรถส่วนกลางที่ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่าซ่อมแซมสูงหรือประโยชน์ ที่จะได้รับไม่คุ้มค่ากับค่าซ่อมแซม หรือเมื่อซ่อมแซมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัย หรือจัดสรรตามความจําเป็นและเหมาะสมเพื่อประโยชน์ราชการศาลปกครองและสํานักงาน หรือจําหน่ายตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๑๐ การจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้ ในกรณีที่ผู้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งไม่ได้ครอบครองรถประจําตําแหน่งอยู่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ สําหรับผู้ที่ครอบครองรถประจําตําแหน่งอยู่ ให้มีผลเมื่อส่งคืนรถประจําตําแหน่งและพนักงานขับรถให้แก่สํานักงาน ประกาศ ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางสาวนริศรา แสนวงค์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ บัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่ง | | | | | --- | --- | --- | | ลําดับ | ตําแหน่ง | ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน | | ๑๒ | ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ๑.๑ ประธานศาลปกครองสูงสุด ๑.๒ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ๑.๓ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ๑.๔ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ผู้บริหารสํานักงานศาลปกครอง เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง | ไม่จํากัดซีซี๓,๐๐๐ ซีซี๓,๐๐๐ ซีซี๓,๐๐๐ ซีซี๒,๔๐๐ ซีซี | บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง | | | | | --- | --- | --- | | ลําดับ | ตําแหน่ง | อัตราค่าตอบแทนบาท/เดือน/คน | | ๑๒๓ | ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ๑.๑ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ๑.๒ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ๒.๑ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ๒.๒ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ๒.๓ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ๒.๔ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับเงินเดือน ตั้งแต่ชั้น ๒ ขึ้นไป ผู้บริหารสํานักงานศาลปกครอง รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง | ๔๑,๐๐๐๔๑,๐๐๐๔๑,๐๐๐๔๑,๐๐๐๔๑,๐๐๐๔๑,๐๐๐๓๑,๘๐๐ | 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗/ตอนที่ ๗๑ ก/หน้า ๔๗/๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ [↑](#footnote-ref-1)
10,486
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๕
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ ๑๒ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ “ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งเคยดํารงตําแหน่งรองเลขาธิการที่มีสิทธิ ได้รับรถประจําตําแหน่งมาแล้ว หากได้รับมอบหมายจากเลขาธิการให้รับผิดชอบงานด้านบริหารที่มี อํานาจการบังคับบัญชา ให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งตามที่เคยได้รับอยู่เดิม” ข้อ ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๑๒/๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ “ข้อ ๑๒/๓ ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งมีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่ง หากมีรถประจําตําแหน่งอยู่ในความครอบครองอยู่แล้ว ให้ใช้รถประจําตําแหน่งที่ครอบครองอยู่นั้นต่อไป จนหมดอายุการใช้งาน และเมื่อรถหมดอายุการใช้งานให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหา รถประจําตําแหน่งตามสิทธิที่ได้รับรถประจําตําแหน่งที่มีอยู่เดิม ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งมีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่ง ที่ได้รับ ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งอยู่ก่อนแล้ว ให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทน การจัดหารถประจําตําแหน่งตามที่เคยได้รับอยู่เดิม” ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางขนิษฐา ปายะฤทธิ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙/ตอนที่ ๕๐ ก/หน้า ๓๒/๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ [↑](#footnote-ref-1)
10,487
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการพ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒/๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒/๑ ผู้ดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดตุลาการศาลปกครองสูงสุด และเลขาธิการ ให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งหรือค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งหรือบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้ เมื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งใช้สิทธิรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งให้ใช้สิทธินั้นจนกว่าจะพ้นจากตําแหน่ง สําหรับกรณีที่ใช้สิทธิเลือกรับรถประจําตําแหน่งให้ใช้สิทธินั้นไปจนกว่ารถประจําตําแหน่งนั้นหมดอายุการใช้งาน และให้มีสิทธิเลือกว่าจะรับรถประจําตําแหน่งต่อไปหรือรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง กรณีเลือกรับรถประจําตําแหน่งตามวรรคสอง หากสํานักงานยังไม่สามารถจัดหารถประจําตําแหน่งใหม่ได้เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ ให้จัดรถประจําตําแหน่งที่ยังไม่หมดอายุการใช้งานทดแทนให้ก่อน แต่หากประสงค์จะใช้รถประจําตําแหน่งที่หมดอายุการใช้งานที่อยู่ในครอบครองหรือรถส่วนกลาง ก็ให้สํานักงานดําเนินการให้ตามความประสงค์ แต่หากไม่มีรถประจําตําแหน่งที่ยังไม่หมดอายุการใช้งานและไม่ประสงค์จะใช้รถประจําตําแหน่งหรือรถส่วนกลางที่หมดอายุการใช้งาน ให้มีสิทธิรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งจนกว่าสํานักงานจะได้รับการจัดสรรงบประมาณมาเพื่อจัดหารถประจําตําแหน่งใหม่ หรือให้สํานักงานจัดเช่ารถที่มีอายุการใช้งานยังไม่เกินหกปี ในระหว่างนั้นก็ได้ ทั้งนี้ ให้ส่งคืนรถประจําตําแหน่งที่หมดอายุการใช้งานและพนักงานขับรถภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่รถหมดอายุการใช้งานหรือให้ส่งคืนรถประจําตําแหน่งในวันที่สํานักงานได้จัดหารถให้ แล้วแต่กรณี” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓และให้ใช้บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ ให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดและเลขาธิการที่เลือกรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งส่งคืนรถประจําตําแหน่งและพนักงานขับรถให้แก่สํานักงานภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตั้งแต่วันที่ส่งคืนรถประจําตําแหน่งและพนักงานขับรถให้แก่สํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๖ รถประจําตําแหน่งที่ยังไม่หมดอายุการใช้งานที่ได้รับคืนจากรองประธานศาลปกครองสูงสุดและเลขาธิการที่เลือกรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง ให้เลขาธิการพิจารณาจัดสรรเป็นรถส่วนกลาง หรือจัดสรรตามความจําเป็นและเหมาะสม เพื่อประโยชน์ราชการศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๗ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางขนิษฐา ปายะฤทธิ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔ **บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่ง** | ลําดับ | ตําแหน่ง | อัตราค่าตอบแทน บาท / เดือน / คน | | ๑ | ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด | | | | ๑.๑ รองประธานศาลปกครองสูงสุด | ๔๑,๐๐๐ | | | ๑.๒ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด | ๔๑,๐๐๐ | | | ๑.๓ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด | ๔๑,๐๐๐ | | | | | | ๒ | ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น | | | | ๒.๑ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น | ๔๑,๐๐๐ | | | ๒.๒ รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น | ๔๑,๐๐๐ | | | ๒.๓ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น | ๔๑,๐๐๐ | | | ๒.๔ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ชั้น ๒ ขึ้นไป | ๔๑,๐๐๐ | | | | | | ๓ | ผู้บริหารสํานักงานศาลปกครอง | | | | ๓.๑ เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง | ๔๑,๐๐๐ | | | ๓.๒ รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง | ๓๑,๘๐๐ | --- 1.
10,488
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการพ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ(ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒/๓ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒/๓ ผู้ที่ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งมีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งหากได้ใช้สิทธิใช้รถประจําตําแหน่งอยู่แล้ว ให้ใช้สิทธินั้นได้ต่อไปจนกว่ารถประจําตําแหน่งนั้นจะหมดอายุการใช้งาน และเมื่อรถประจําตําแหน่งนั้นหมดอายุการใช้งานแล้ว ให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามสิทธิที่ได้รับรถประจําตําแหน่งที่มีอยู่เดิม เว้นแต่ประสงค์จะใช้รถประจําตําแหน่งต่อไป ให้สํานักงานจัดรถส่วนกลางที่หมดอายุการใช้งานในระดับเดียวกับรถประจําตําแหน่งที่ได้รับอยู่เดิมและมีสภาพดีกว่ารถประจําตําแหน่งที่ครอบครองอยู่ให้ แต่หากประสงค์จะใช้รถประจําตําแหน่งที่หมดอายุการใช้งานที่ยังอยู่ในครอบครองต่อไป ก็ให้สํานักงานดําเนินการให้ตามประสงค์ ผู้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครองซึ่งมีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งที่ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งอยู่ก่อนแล้ว ให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามที่เคยได้รับอยู่เดิม” ประกาศ ณ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางขนิษฐา ปายะฤทธิ์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔ --- 1.
10,489
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๘
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการพ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการกําหนดตําแหน่งตุลาการศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๑๒ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ บุคคลที่สํานักงานจะจัดรถประจําตําแหน่งให้ ได้แก่ ประธานศาลปกครองสูงสุดรองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ที่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป เลขาธิการ และรองเลขาธิการ โดยให้มีได้ตําแหน่งละหนึ่งคัน” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๑๒/๑ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒/๑ ผู้ดํารงตําแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และเลขาธิการให้มีสิทธิได้รับรถประจําตําแหน่งหรือค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งหรือบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒/๒ แห่งระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒/๒ ผู้ดํารงตําแหน่งอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าแผนกในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นที่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป และรองเลขาธิการ ให้มีสิทธิรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งตามบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกบัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้บัญชีขนาดมาตรฐานรถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้แทน ข้อ ๗ ให้ยกเลิกบัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยรถราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖และให้ใช้บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจําตําแหน่งท้ายระเบียบนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,490
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๖) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับและเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ศาล” หมายความว่า ศาลปกครองหรือตุลาการศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้งตามระเบียบนี้ให้ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชี “เงินค่าธรรมเนียม” หมายความว่า เงินค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดีหรือการอุทธรณ์หรือเงินค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล “เงินค่าปรับ” หมายความว่า เงินค่าปรับที่ศาลสั่งลงโทษหรือสั่งปรับตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ “เงินกลาง” หมายความว่า เงินที่คู่กรณีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องนํามาวางศาลเพื่อชําระให้แก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง หรือนํามาวางศาลตามบทบัญญัติของกฎหมาย และให้หมายความรวมถึงเงินที่ได้จากการบังคับคดีเพื่อชําระให้แก่คู่กรณีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล “ระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบการรับและจ่ายเงินของสํานักงานศาลปกครอง ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีอื่นที่ ก.บ.ศป. กําหนด “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อดิจิทัลอื่นใด “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนํามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ข้อ ๕ หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงินและการคืนเงินที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ให้ปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน รวมทั้งการพัสดุของสํานักงานศาลปกครองโดยอนุโลม ข้อ ๖ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ ก.บ.ศป. เป็นผู้วินิจฉัยคําวินิจฉัยนั้นให้เป็นที่สุด ข้อ ๗ ให้เลขาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หรือหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๘ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนเป็นหน่วยงานรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลาง ในคดีของศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลาง และให้สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค เป็นหน่วยงานรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลาง ในคดีของศาลปกครองในภูมิภาค เมื่อได้รับเงินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบรับเงินไว้เป็นหลักฐานสี่ฉบับประกอบด้วยต้นฉบับและสําเนาสามฉบับ โดยต้นฉบับมอบให้ผู้นําเงินมาชําระ สําเนาฉบับที่หนึ่งเก็บไว้ในสํานวนคดี สําเนาฉบับที่สองมอบให้เจ้าหน้าที่การเงินใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี และสําเนาฉบับที่สามติดไว้ในเล่มเพื่อการตรวจสอบ ใบรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๙ ใบรับเงินสําหรับการรับเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลาง ทางระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบรับเงินในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามแบบที่เลขาธิการกําหนด และให้ถือเป็นใบรับเงินในราชการศาลปกครอง ทั้งนี้ ผู้รับเงินหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าตรวจสอบและพิมพ์ใบรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานได้ ใบรับเงินตามวรรคหนึ่งต้องมีปีงบประมาณกํากับและให้มีเลขที่เรียงกันไปในปีหนึ่ง ๆ เมื่อขึ้นปีงบประมาณใหม่ระบบจะกําหนดปีงบประมาณใหม่และเลขที่ใหม่ สําหรับลําดับที่ให้เรียงลําดับกันไปในวันหนึ่ง ๆ ข้อ ๑๐ การรับชําระเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง ให้รับชําระด้วยวิธีการตามที่กําหนดในข้อ ๓๔ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการเรียกเก็บเงินตามวิธีการตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้ผู้มีหน้าที่ต้องชําระเงินดังกล่าวเป็นผู้รับภาระ ข้อ ๑๑ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับของสํานักงานศาล (ระบุชื่อ)” กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งจํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภทกระแสรายวัน (๒) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินกลางของสํานักงานศาล (ระบุชื่อ)” กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง จํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภทกระแสรายวัน การดําเนินการตาม (๑) และ (๒) ให้ตกลงเงื่อนไขกับธนาคารว่า สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การฝากเงินจะฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ (๒) การถอนเงินจะถอนจากบัญชีประเภทกระแสรายวัน ข้อ ๑๒ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี นําเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๑) และเงินกลางฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๒) ดังนี้ (๑) กรณีรับเป็นเช็ค ให้นําฝากธนาคารภายในวันเดียวกัน หรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป (๒) กรณีรับเป็นเงินสด ให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของสํานักบริหารการเงินและต้นทุน หรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี และให้นําฝากเข้าบัญชีธนาคารอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเงินที่เก็บรักษาไว้ในวันใดยอดรวมเกินหนึ่งหมื่นบาท ให้นําฝากเข้าบัญชีธนาคารโดยด่วนหรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป หากวันใดที่มีการนําเช็คตาม (๑) ฝากเข้าบัญชีธนาคาร ให้นําเงินสดตาม (๒) ฝากเข้าบัญชีธนาคารด้วย แม้ยอดเงินที่เก็บรักษาไว้ยังไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทก็ตาม ในกรณีที่มีการจ่ายเงินตามข้อ ๑๘ ให้นําเงินคงเหลือฝากเข้าบัญชีตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ในวรรคหนึ่ง และวรรคสอง หมวด ๒ การจ่ายคืนเงิน ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ต้องดําเนินการจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินค่าปรับ ให้ศาลบันทึกไว้ในสํานวนคดีว่าจ่ายคืนให้แก่ผู้ใด เป็นจํานวนเท่าใด แล้วออกใบสั่งคืนเงินดังกล่าว โดยให้ตุลาการศาลปกครองหนึ่งคนลงลายมือชื่อไว้ในใบสั่งคืนจํานวนสามฉบับ แล้วให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อรับเงินทั้งสามฉบับเพื่อรวมไว้ในสํานวนคดีหนึ่งฉบับ เก็บไว้เป็นหลักฐานในการลงบัญชีหนึ่งฉบับ และเก็บไว้เป็นหลักฐานการจ่ายคืนเงินอีกหนึ่งฉบับ ใบสั่งคืนเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับ ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ต้องดําเนินการจ่ายคืนเงินกลาง ให้เจ้าหน้าที่การเงินจัดทําหลักฐานการจ่ายคืนเงินกลางจํานวนสามฉบับ แล้วให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อรับเงินทั้งสามฉบับ เพื่อรวมไว้ในสํานวนคดีหนึ่งฉบับ เก็บไว้เป็นหลักฐานในการลงบัญชีหนึ่งฉบับ และเก็บไว้เป็นหลักฐานการจ่ายคืนเงินอีกหนึ่งฉบับ หลักฐานการจ่ายเงินกลาง ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๕ การจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินค่าปรับตามข้อ ๑๓ ให้สั่งจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๑) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน และผู้มีสิทธิรับเงินยินยอมให้หักเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ธนาคารเรียกเก็บจากเงินที่ได้รับ โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือลงนามในเช็คร่วมกัน แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การจ่ายคืนเงินในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองสูงสุด ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การจ่ายคืนเงินในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไป หรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค การจ่ายเงินเป็นเช็ค ให้กระทําได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือมีความจําเป็นเร่งด่วน ซึ่งไม่สามารถดําเนินการตามวรรคหนึ่งได้ ข้อ ๑๖ การจ่ายคืนเงินกลางตามข้อ ๑๔ ให้สั่งจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๒) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน และผู้มีสิทธิรับเงินยินยอมให้หักเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ธนาคารเรียกเก็บจากเงินที่ได้รับ โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกัน แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การจ่ายคืนเงินในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักบังคับคดีปกครอง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การจ่ายคืนเงินในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการ กลุ่มบริหารทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค ให้นําความในข้อ ๑๕ วรรคสอง มาใช้บังคับกับการจ่ายเงินกลางโดยอนุโลม ข้อ ๑๗ การเขียนเช็คสั่งจ่ายตามข้อ ๑๕ และข้อ ๑๖ ให้ปฏิบัติดังนี้ (๑) ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของผู้มีสิทธิรับเงินหรือตามที่ศาลมีคําสั่ง โดยขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมด้วย (๒) การเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินในเช็คที่เป็นตัวอักษร ให้เขียนหรือพิมพ์ให้ชิดคําว่า “บาท” และขีดเส้นหน้าจํานวน อย่าให้มีช่องว่างที่จะเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินเพิ่มเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน จนชิดคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” แล้วแต่กรณีโดยมิให้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลอื่นเพิ่มเติมได้อีก ในกรณีที่มีการระบุรายการในเช็คผิดพลาด ให้ยกเลิกเช็คโดยประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยตรายางสีแดงไว้ที่ด้านหน้าเช็คนั้น และให้คงเช็คที่ยกเลิกนั้นไว้กับต้นขั้วเพื่อการตรวจสอบ ข้อ ๑๘ การจ่ายเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ หรือเงินกลางที่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท จะจ่ายด้วยเงินสดก็ได้ การจ่ายเงินตามวรรคหนึ่ง ให้จ่ายจากเงินสดที่ได้รับในวันนั้น หมวด ๓ เงินค้างจ่าย ข้อ ๑๙ ถ้าผู้มีสิทธิไม่มาขอรับเงินที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลหรือที่เจ้าพนักงานบังคับคดีภายในระยะเวลาห้าปี ตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้นําส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ข้อ ๒๐ เมื่อได้มีการออกเช็คสั่งจ่ายเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลางแล้วให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการดังต่อไปนี้ (๑) ถ้าผู้มีสิทธิรับเงินไม่มาขอรับเช็คจนเกินระยะเวลาห้าปี ตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้ยกเลิกเช็ค และนําเงินนั้นส่งเป็นรายได้แผ่นดิน (๒) ถ้าผู้มีสิทธิรับเงินได้มาขอรับเช็คนั้นเกินระยะเวลาหกเดือน นับแต่วันออกเช็ค แต่ยังไม่เกินระยะเวลาห้าปี ให้ยกเลิกเช็คนั้นแล้วออกเช็คให้ใหม่ ข้อ ๒๑ เมื่อผู้มีสิทธิรับเงินได้รับเช็คเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลางไปแล้วแต่ธนาคารยังไม่มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการดังต่อไปนี้ (๑) เช็คเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับ หากเช็คนั้นเกินระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันออกเช็คตามมาตรา ๑๐๐๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้นําเงินจํานวนดังกล่าวส่งเป็นรายได้แผ่นดิน (๒) เช็คเงินกลาง หากเช็คนั้นเกินระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันออกเช็ค ตามมาตรา ๑๐๐๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเกินระยะเวลาห้าปี ตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้นําเงินจํานวนดังกล่าวส่งเป็นรายได้แผ่นดิน (๓) เช็คเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง หากเช็คนั้นเกินระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันออกเช็ค และเกินระยะเวลาห้าปี ตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ถ้าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๑ และผู้มีสิทธิรับเงินได้นําเช็คนั้นมาขอให้เปลี่ยนเช็คให้ใหม่ภายในระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันออกเช็ค ให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการออกเช็คให้ใหม่ (๔) เช็คเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง หากเช็คนั้นไม่ได้นําไปเรียกเก็บเงินจนเกินระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันออกเช็ค แต่ไม่เกินระยะเวลาห้าปี ตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ถ้าผู้มีสิทธิรับเงินได้นําเช็คนั้นมาขอให้เปลี่ยนเช็คใหม่ ให้ดําเนินการยกเลิกเช็คนั้น แล้วออกเช็คให้ใหม่ ข้อ ๒๒ ภายใต้บังคับข้อ ๒๐ และข้อ ๒๑ เมื่อผู้มีสิทธิรับเงินได้รับเช็คเงินค่าธรรมเนียมเงินค่าปรับ และเงินกลางไปแล้ว และผู้มีสิทธิรับเงินได้ทําเช็คนั้นชํารุดหรือสูญหายไป หรือในกรณีธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการดังต่อไปนี้ (๑) เช็คชํารุดและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้ผู้มีสิทธิรับเงินนําเช็คนั้นพร้อมหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาแสดง และให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการยกเลิกเช็คนั้นแล้วออกเช็คให้ใหม่ (๒) เช็คสูญหาย เมื่อผู้มีสิทธิรับเงินแสดงหลักฐานบันทึกประจําวันของเจ้าหน้าที่ตํารวจว่าเช็คสูญหายให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการแจ้งธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คนั้นโดยเร็ว เมื่อธนาคารแจ้งว่าได้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คนั้นแล้ว ให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการยกเลิกเช็คนั้น แล้วออกเช็คให้ใหม่ (๓) เช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเหตุอื่น ให้ผู้มีสิทธิรับเงินนําเช็คนั้นพร้อมหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาแสดง และให้เจ้าหน้าที่การเงินดําเนินการแก้ไขตามที่จําเป็นหรือออกเช็คให้ใหม่ แล้วแต่กรณี หมวด ๔ การส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดิน ข้อ ๒๓ เมื่อสิ้นปีงบประมาณหนึ่ง ๆ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุน สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค และสํานักบังคับคดีปกครอง สํารวจเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง ค้างจ่าย ถ้าปรากฏว่ามีเงินค้างจ่ายตามข้อ ๑๗๗ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. ๒๕๔๓ หรือเช็คค้างจ่าย ให้ดําเนินการตรวจสอบเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลางค้างจ่ายนั้นกับสํานวนความ เมื่อถูกต้องตรงกัน ให้จัดทํารายงานเจ้าหน้าที่เสนอศาลเพื่อสั่งให้นําส่ง เป็นรายได้แผ่นดิน ดอกเบี้ยที่เกิดจากการนําเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลางฝากธนาคารตามข้อ ๑๒ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุน สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค และสํานักบังคับคดีปกครอง ถอนจากบัญชีธนาคารเมื่อสิ้นปีงบประมาณแล้วนําส่งเป็นรายได้แผ่นดินภายในเดือนตุลาคมของ ทุกปี ข้อ ๒๔ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนและสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคกันเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อการถอนคืนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และเมื่อสิ้นปีงบประมาณให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุน หรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณีถอนเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับเฉพาะคดีที่ถึงที่สุดแล้วและ ศาลมิได้สั่งคืน พร้อมทั้งดอกเบี้ยจากบัญชีธนาคารเพื่อนําส่งเป็นรายได้แผ่นดินภายในเดือนตุลาคมของทุกปี ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง อื่นๆ **ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔**
10,491
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๖) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และ เงินกลาง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มบทนิยามคําว่า “ระบบอิเล็กทรอนิกส์” ระหว่างบทนิยามคําว่า “เงินกลาง” และคําว่า “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” ของข้อ ๔ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ ““ระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบการรับและจ่ายเงินของสํานักงานศาลปกครอง ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีอื่นที่ ก.บ.ศป. กําหนด” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๑ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับของสํานักงานศาล (ระบุชื่อ)” กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบัน การเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งจํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภท กระแสรายวัน (๒) เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินกลางของสํานักงานศาล (ระบุชื่อ)” กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้น เกินกึ่งหนึ่ง จํานวนสองบัญชี คือ บัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ และบัญชีประเภทกระแสรายวัน การดําเนินการตาม (๑) และ (๒) ให้ตกลงเงื่อนไขกับธนาคารว่า สํานักบริหารการเงิน และต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การฝากเงินจะฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ (๒) การถอนเงินจะถอนจากบัญชีประเภทกระแสรายวัน” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี นําเงินค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๑) และเงินกลางฝากเข้าบัญชีประเภทเผื่อเรียกหรือออมทรัพย์ตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๒) ดังนี้ (๑) กรณีรับเป็นเช็ค ให้นําฝากธนาคารภายในวันเดียวกัน หรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป (๒) กรณีรับเป็นเงินสด ให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของสํานักบริหารการเงินและต้นทุน หรือ สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค แล้วแต่กรณี และให้นําฝากเข้าบัญชีธนาคารอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเงินที่เก็บรักษาไว้ในวันใดยอดรวมเกินหนึ่งหมื่นบาท ให้นําฝากเข้าบัญชีธนาคารโดยด่วนหรือ อย่างช้าภายในวันทําการถัดไป หากวันใดที่มีการนําเช็คตาม (๑) ฝากเข้าบัญชีธนาคาร ให้นําเงินสดตาม (๒) ฝากเข้าบัญชี ธนาคารด้วย แม้ยอดเงินที่เก็บรักษาไว้ยังไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทก็ตาม ในกรณีที่มีการจ่ายเงินตามข้อ ๑๘ ให้นําเงินคงเหลือฝากเข้าบัญชีตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ในวรรคหนึ่ง และวรรคสอง” ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๕ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๕ การจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมหรือเงินค่าปรับตามข้อ ๑๓ ให้สั่งจ่ายผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์จากบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๑) เข้าบัญชี เงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน และผู้มีสิทธิรับเงินยินยอมให้หักเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่าย อย่างอื่นที่ธนาคารเรียกเก็บจากเงินที่ได้รับ โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือลงนามในเช็คร่วมกัน แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การจ่ายคืนเงินในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองสูงสุด ผู้อํานวยการ สํานักงานศาลปกครองกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การจ่ายคืนเงินในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค หรือผู้ที่ ได้รับมอบหมายอนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไป หรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค การจ่ายเงินเป็นเช็ค ให้กระทําได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือมีความจําเป็นเร่งด่วน ซึ่งไม่สามารถดําเนินการตามวรรคหนึ่งได้” ข้อ ๗ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียม เงินค่าปรับ และเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๖ การจ่ายคืนเงินกลางตามข้อ ๑๔ ให้สั่งจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากบัญชี เงินฝากธนาคารประเภทกระแสรายวันตามข้อ ๑๑ วรรคหนึ่ง (๒) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรับเงิน และผู้มีสิทธิรับเงินยินยอมให้หักเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ธนาคารเรียกเก็บจากเงินที่ได้รับ โดยให้บุคคลดังต่อไปนี้อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกัน แล้วแต่กรณี ดังนี้ (๑) การจ่ายคืนเงินในส่วนกลาง ให้ผู้อํานวยการสํานักบังคับคดีปกครอง หรือผู้ที่ได้รับ มอบหมาย อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหาร การเงินและต้นทุนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๒) การจ่ายคืนเงินในส่วนภูมิภาค ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย อนุมัติจ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือลงนามในเช็คร่วมกับผู้อํานวยการ กลุ่มบริหารทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค ให้นําความในข้อ ๑๕ วรรคสอง มาใช้บังคับกับการจ่ายเงินกลางโดยอนุโลม” ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง นางสาววิยะดา ศรีฉ่ําพันธ์/พิมพ์ --------------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๘/ตอนที่ ๑๕ ก/หน้า ๘๐/๒ มีนาคม ๒๕๖๔ [↑](#footnote-ref-1)
10,492
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 287)
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 287) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๘) พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการยื่นคําขอเป็นผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ลงวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสรรพากรประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (743) ของข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง รายชื่อผู้รับทําการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 “(743) ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี บริษัท เน็กซ์ เจน ชอป จํากัด” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสําหรับกรณี ดังต่อไปนี้ (743) ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,493
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยอาคารที่พักของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๒
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยอาคารที่พักของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยอาคารที่พักของศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการบริหารศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยอาคารที่พักของศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “อาคารที่พัก” หมายความว่า บ้านพักหรืออาคารชุดพักอาศัยของศาลปกครองที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยสําหรับข้าราชการศาลปกครองหรือบุคคลอื่นตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ผู้อํานวยการ” หมายความว่า ผู้อํานวยการสํานักงานศาลปกครองในส่วนกลางหรือในภูมิภาค “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการจัดสรรอาคารที่พักของศาลปกครองในส่วนกลางหรือในภูมิภาค “ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครอง “ผู้พักอาศัย” หมายความว่า ข้าราชการผู้มีสิทธิพักอาศัยและผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าพักอาศัยและให้หมายความรวมถึงบริวารของบุคคลดังกล่าวด้วย “ผู้มีสิทธิพักอาศัย” หมายความว่า ข้าราชการที่ปฏิบัติงานประจําศาลปกครองที่เป็นที่ตั้งของอาคารที่พัก ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาจัดให้เข้าพักอาศัยในอาคารที่พักตามข้อ ๑๒ “ผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าพักอาศัย” หมายความว่า ข้าราชการหรือบุคคลอื่นซึ่งคณะกรรมการอนุญาตให้เข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราวตามข้อ ๑๔ “บริวาร” หมายความว่า บิดา มารดา คู่สมรส บุตร ญาติ บุคคลที่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูและลูกจ้างของผู้มีสิทธิพักอาศัย หรือผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าพักอาศัย “ผู้ดูแลที่พัก” หมายความว่า บุคคลที่คณะกรรมการแต่งตั้งให้มีหน้าที่ดูแลหรือบํารุงรักษาอาคารที่พักตามระเบียบนี้ “พื้นที่ส่วนกลาง” หมายความว่า พื้นที่ในอาคารที่พักที่ผู้พักอาศัยต่างใช้งานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของผู้พักอาศัยในอาคารที่พักนั้น “พื้นที่สาธารณะ” หมายความว่า พื้นที่รอบอาคารที่พักที่ผู้พักอาศัยและบุคคลอื่นต่างใช้งานเพื่อประโยชน์สาธารณะ “ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง” หมายความว่า ค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา ค่าบริการรักษาความปลอดภัยค่าทําความสะอาด ค่าบํารุงรักษาลิฟต์ และค่าบํารุงรักษาอื่นที่จําเป็นสําหรับพื้นที่ส่วนกลางของอาคารที่พัก และให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องจ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกันของผู้พักอาศัย “ค่าใช้จ่ายพื้นที่สาธารณะ” หมายความว่า ค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา ค่าบริการรักษาความปลอดภัยค่าทําความสะอาด และค่าบํารุงรักษาอื่นที่จําเป็นสําหรับพื้นที่สาธารณะ “เงินประกัน” หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากผู้พักอาศัย เพื่อใช้สําหรับประกันความเสียหายหรือเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินและอุปกรณ์ในอาคารที่พักที่ชํารุด เสียหาย หรือสูญหายหรือนําไปชําระค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา หรือค่าใช้จ่ายอื่นที่ผู้พักอาศัยค้างชําระ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ การใช้บังคับระเบียบนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ให้เป็นไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๖ ให้เลขาธิการรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ หรือกําหนดแบบต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามระเบียบนี้ ให้ ก.บ.ศป. เป็นผู้มีอํานาจตีความหรือวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ คณะกรรมการจัดสรรอาคารที่พักของศาลปกครอง ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมการจัดสรรอาคารที่พักของศาลปกครองในส่วนกลางและในแต่ละภูมิภาค ประกอบด้วย (๑) อธิบดีศาลปกครองกลางหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นในภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของอาคารที่พักแล้วแต่กรณี เป็นประธานกรรมการ (๒) ผู้อํานวยการ เป็นกรรมการ (๓) ผู้มีสิทธิพักอาศัยจํานวนไม่เกินสองคนซึ่งได้รับคัดเลือกจากผู้มีสิทธิพักอาศัยตามข้อ ๑๒ (๑) ที่คัดเลือกด้วยกันเองจํานวนหนึ่งคน และผู้มีสิทธิพักอาศัยตามข้อ ๑๒ (๒) และ (๓) ที่คัดเลือกกันเองจํานวนหนึ่งคน (๔) ผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไปในสํานักงานศาลปกครองในส่วนกลางหรือในภูมิภาคแล้วแต่กรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ (๕) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่ปฏิบัติงานด้านการเงิน บัญชี และพัสดุ ที่ผู้อํานวยการมอบหมาย แล้วแต่กรณี จํานวนไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ หลักเกณฑ์การเลือกกรรมการตาม (๓) ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกําหนด กรรมการตาม (๓) มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ได้รับเลือกและอาจได้รับเลือกอีกได้ แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้ ในกรณีที่กรรมการดังกล่าวสิ้นสิทธิพักอาศัยตามข้อ ๔๒ ก่อนครบวาระ ให้ดําเนินการเลือกกรรมการตาม (๓) ใหม่ และในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการมีจํานวนเท่าที่เหลืออยู่ เว้นแต่วาระการอยู่ในตําแหน่งของกรรมการตาม (๓) ผู้นั้นจะเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน จะไม่เลือกกรรมการแทนก็ได้ ข้อ ๘ คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณาจัดสรรบุคคลให้เข้าพักอาศัยในอาคารที่พักให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ระเบียบนี้กําหนด รวมทั้ง การเปลี่ยนแปลงห้องพัก (๒) พิจารณาวินิจฉัยการสิ้นสิทธิการพักอาศัยตามข้อ ๔๒ และพิจารณาอนุญาตให้เข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราว ตามข้อ ๑๔ (๓) พิจารณา แต่งตั้ง และกํากับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดูแลที่พัก และมอบหมายให้ผู้ดูแลที่พักดําเนินการอื่นใด เพื่อประโยชน์ต่อผู้พักอาศัยและการดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการ (๔) ควบคุม ดูแล แนะนํา และตักเตือนผู้พักอาศัยให้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบนี้เพื่อให้การพักอาศัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย (๕) พิจารณาเรื่องร้องทุกข์จากผู้พักอาศัยที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการพักอาศัย (๖) พิจารณากําหนดข้อปฏิบัติในการพักอาศัยในอาคารที่พัก และแนวทางในการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ประปา อุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์ใด ๆ ที่ต้องเดินสาย ท่อ หรือต้องเจาะพื้นหรือผนัง (๗) พิจารณาอนุญาตการติดตั้งอุปกรณ์ใด ๆ ซึ่งต้องเดินสาย ท่อ หรือต้องเจาะพื้นหรือผนัง (๘) พิจารณาจัดหาสาธารณูปโภค หรือสิ่งอํานวยความสะดวกอันเป็นส่วนรวมที่จําเป็นและเหมาะสมตามสมควร (๙) ให้คําแนะนําและกํากับดูแลให้การพักอาศัยเป็นไปตามหลักสุขอนามัย เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความปลอดภัย (๑๐) พิจารณาและเสนอคําขอตั้งงบประมาณต่อสํานักงานในการขอตั้งงบประมาณประจําปีของอาคารที่พักเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอาคารที่พัก และค่าใช้จ่ายพื้นที่สาธารณะ (๑๑) ออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามอํานาจหน้าที่ตามระเบียบนี้ (๑๒) ดําเนินการอื่นตามที่ระเบียบนี้กําหนด ข้อ ๙ ผู้อํานวยการมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดทําทะเบียนและประวัติผู้พักอาศัยตามหลักเกณฑ์และแบบที่เลขาธิการกําหนด (๒) จัดทําทะเบียนทรัพย์สินและอุปกรณ์ประจําอาคารที่พักตามหลักเกณฑ์และแบบที่เลขาธิการกําหนด ให้ผู้อํานวยการรายงานทะเบียนตาม (๑) และ (๒) ให้คณะกรรมการทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ข้อ ๑๐ ผู้ดูแลที่พักมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ตรวจตรา ดูแล และบํารุงรักษาอาคารที่พัก พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สาธารณะให้สะอาด ถูกสุขอนามัย มีความปลอดภัย และมีการใช้สาธารณูปโภคอย่างประหยัด (๒) ดูแลและอํานวยความสะดวกให้ผู้พักอาศัยได้รับความสะดวกในการพักอาศัย (๓) สํารวจตรวจสอบอาคารที่พักรวมทั้งทรัพย์สินและอุปกรณ์ในอาคารที่พัก เมื่อมีกรณีที่ผู้พักอาศัยและบริวารย้ายออก แล้วดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป (๔) รายงานให้คณะกรรมการทราบโดยเร็วเมื่อมีทรัพย์สินหรืออุปกรณ์ของทางราชการชํารุดสูญหาย หรือเสียหาย (๕) กํากับดูแลและตักเตือนผู้พักอาศัยให้ปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประกาศ คําสั่ง ข้อปฏิบัติ และแนวทางต่าง ๆ ที่กําหนดขึ้นตามระเบียบนี้ หากพบว่าผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม ให้รายงานให้คณะกรรมการทราบเพื่อดําเนินการต่อไป (๖) ดําเนินการอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ หมวด ๒ หลักเกณฑ์การพิจารณาให้เข้าพักอาศัยในอาคารที่พัก ข้อ ๑๑ อาคารที่พักตามระเบียบนี้จําแนกประเภทเป็นอาคารที่พักสําหรับข้าราชการตุลาการศาลปกครองและอาคารที่พักสําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้อ ๑๒ เมื่ออาคารที่พักว่างอยู่ ให้คณะกรรมการจัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้และหลักเกณฑ์อื่นในระเบียบนี้ โดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นคําร้องขอเพื่อเข้าพักอาศัย (๑) ให้จัดอาคารที่พักประเภทข้าราชการตุลาการศาลปกครองให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลปกครองที่มีที่พักอื่นอยู่ก่อนแล้วและที่มารับตําแหน่งใหม่เข้าพักอาศัยในอาคารที่พัก ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการหรือไม่ (๒) ให้จัดอาคารที่พักประเภทข้าราชการฝ่ายศาลปกครองให้แก่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ หรือประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษขึ้นไปประเภททั่วไป ระดับอาวุโสขึ้นไป หรือเทียบเท่า เข้าพักอาศัยในอาคารที่พักไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านหรือไม่ (๓) อาคารที่พักนอกจากตาม (๑) และ (๒) ให้จัดให้แก่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการลงมา ประเภททั่วไป ระดับชํานาญงานลงมา หรือเทียบเท่า และเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้าพักอาศัย ไม่ว่าข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้นั้นกําลังใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการอยู่หรือไม่ หากคณะกรรมการจัดให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ตาม (๑) (๒) และ (๓) เข้าพักในอาคารที่พักแล้ว ข้าราชการผู้นั้นไม่เข้าพักอาศัยให้ถือว่าผู้นั้นสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดที่พักอาศัยให้อยู่แล้วจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามระเบียบเกี่ยวกับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ข้าราชการที่ได้สละสิทธิการเข้าพักอาศัยในอาคารที่พัก หากต่อมาข้าราชการดังกล่าวร้องขอเข้าพักหากอาคารที่พักว่างอยู่ คณะกรรมการอาจพิจารณาจัดให้ข้าราชการดังกล่าวเข้าพักในอาคารที่พักได้ ข้อ ๑๓ ในการจัดอาคารที่พักตามข้อ ๑๒ (๑) (๒) และ (๓) หากข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ และยื่นขอใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการในท้องที่ที่ปฏิบัติราชการที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการ และได้รับการอนุมัติให้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการในท้องที่นั้นก่อนที่ถูกจัดที่พัก คณะกรรมการไม่ต้องจัดให้ข้าราชการผู้นั้นเข้าพักอาศัยในอาคารที่พัก ในการจัดที่พักตามข้อ ๑๒ (๑) (๒) และ (๓) หากข้าราชการผู้ใดได้ใช้สิทธินําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการในท้องที่เดิมอันเป็นท้องที่ที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการแล้ว ต่อมาได้รับคําสั่งให้เดินทางไปรับราชการในท้องที่ใหม่ซึ่งตนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ให้คณะกรรมการดําเนินการจัดอาคารที่พักให้แก่ข้าราชการรายอื่นเข้าพักอาศัยก่อน แล้วจึงจัดอาคารที่พักให้แก่ข้าราชการผู้ใช้สิทธิดังกล่าวเข้าพักอาศัยในลําดับถัดไป ข้อ ๑๔ กรณีที่ได้มีการจัดอาคารที่พักสําหรับข้าราชการตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๑๒ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) และ (๓) แล้วยังมีอาคารที่พักว่างอยู่ คณะกรรมการอาจอนุญาตให้ข้าราชการหรือบุคคลอื่นเข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราว ดังนี้ (๑) ข้าราชการที่ได้รับคําสั่งให้ไปช่วยปฏิบัติราชการเป็นการชั่วคราวในศาลปกครองในส่วนกลางหรือในภูมิภาคนั้น (๒) ข้าราชการผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน (๓) พนักงานราชการศาลปกครอง และลูกจ้าง (๔) ผู้ที่ปฏิบัติงานประจําศาลปกครองที่อยู่ใกล้เคียง การอนุญาตให้เข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราวตามวรรคหนึ่งให้พิจารณาตามลําดับ ดังนี้ (๑) ผู้บรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกและเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัย (๒) ผู้ที่มีความเดือดร้อนหรือจําเป็นอื่น ๆ เป็นการชั่วคราว เช่น ที่พักอาศัยมีสภาพชํารุด ทรุดโทรมไม่ปลอดภัยที่จะเข้าพักอาศัย หรือเกิดภัยพิบัติกับที่พักอาศัย เช่น ถูกไฟไหม้ น้ําท่วม หรือมีเหตุอื่นใดทําให้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย (๓) ข้าราชการผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นอกจากกรณีตาม (๑) และ (๒) (๔) พนักงานราชการศาลปกครอง และลูกจ้างที่ปฏิบัติงานประจําศาลปกครองที่เป็นที่ตั้งของอาคารที่พัก (๕) ผู้ปฏิบัติงานประจําศาลปกครองที่อยู่ใกล้เคียง ภายใต้บังคับข้อ ๑๕ ในการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้อนุญาตได้ไม่เกินหกเดือน ในกรณีที่มี ความจําเป็น อาจอนุญาตให้ผู้นั้นพักอาศัยต่อไปได้อีกครั้งละไม่เกินหกเดือน ข้อ ๑๕ กรณีอาคารที่พักมีไม่เพียงพอสําหรับผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านหรือไม่สามารถจัดให้ข้าราชการที่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการซึ่งย้ายมาใหม่เข้าพักอาศัยในอาคารที่พักได้ เนื่องจากมีผู้เข้าพักอาศัยอยู่ก่อนแล้วตามข้อ ๑๔ คณะกรรมการต้องดําเนินการจัดให้ผู้เข้าพักอาศัยตามข้อ ๑๔ ออกจากอาคารที่พักและจัดให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักแทนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่รายงานตัวเพื่อเข้ารับหน้าที่ ในระหว่างที่คณะกรรมการจัดที่พักยังไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้ หากผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการจําเป็นต้องเช่าบ้านหรือเช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริงก็ย่อมมีสิทธินําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ในช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถเข้าอาคารที่พักโดยไม่ได้รับประโยชน์ตามข้อ ๑๓ ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงเหตุผลและความจําเป็นของผู้ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านซึ่งได้เข้าพักอาศัยอยู่ก่อนแล้วแต่ละรายด้วย ข้อ ๑๖ ในกรณีที่มีอาคารที่พักประจําตําแหน่งของอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และผู้อํานวยการ ข้าราชการผู้ดํารงตําแหน่งนั้นต้องเข้าพักอาศัย โดยไม่อาจใช้สิทธิตามข้อ ๑๓ หากมีข้าราชการรายอื่นได้พักอาศัยในอาคารที่พักดังกล่าวอยู่ คณะกรรมการต้องดําเนินการจัดให้ข้าราชการรายอื่นนั้นออกจากอาคารที่พักโดยเร็ว และข้าราชการผู้ดํารงตําแหน่งดังกล่าวต้องเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักแทนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่รายงานตัวเพื่อเข้ารับหน้าที่ แต่ในระหว่างที่คณะกรรมการยังไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้ หากข้าราชการผู้ดํารงตําแหน่งนั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการจําเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซื้อหรือผ่อนชําระเงินกู้เพื่อชําระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริงย่อมมีสิทธินําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ในช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถเข้าพักในอาคารที่พัก โดยไม่ได้รับประโยชน์ตามข้อ ๑๓ ในกรณีที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น และผู้อํานวยการ ผู้ใดเคยได้รับอนุมัติให้นําหลักฐานการชําระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชําระเงินกู้ เพื่อชําระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในท้องที่ที่ได้เช่าซื้อบ้านไว้ คณะกรรมการไม่ต้องจัดให้ข้าราชการผู้นั้นเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักประจําตําแหน่ง และ ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิตามข้อ ๑๓ เว้นแต่ข้าราชการผู้นั้นประสงค์จะเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักประจําตําแหน่ง และไม่ขอรับประโยชน์ตามข้อ ๑๓ ข้อ ๑๗ ผู้ประสงค์จะขอเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักโดยเหตุตามข้อ ๑๔ ให้ยื่นคําขอเข้าพักอาศัยในอาคารที่พัก ตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ผ่านผู้อํานวยการ เพื่อตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอต่อคณะกรรมการ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพักอาศัยในอาคารที่พักตามวรรคหนึ่ง ต้องเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับมอบกุญแจห้องพักจากผู้ดูแลอาคารที่พัก หากพ้นกําหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าผู้พักอาศัยสละสิทธิในการเข้าพักอาศัย ข้อ ๑๘ ผู้พักอาศัยต้องเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักด้วยตนเองเท่านั้น จะให้บุคคลอื่นเข้าพักแทนตนไม่ได้ ไม่ว่าจะเสีย ค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ข้อ ๑๙ ในกรณีที่อาคารที่พักมีสภาพชํารุด ทรุดโทรม มีลักษณะไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สินของผู้พักอาศัย หรือมีเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟไหม้ น้ําท่วม หรือมีเหตุอื่นใดที่ทําให้ไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ คณะกรรมการไม่ต้องจัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักนั้น แต่เมื่อได้ซ่อมแซมปรับปรุง หรือแก้ไขจนสามารถเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักนั้นได้แล้ว หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้วให้คณะกรรมการจัดให้ผู้มีสิทธิพักอาศัยเข้าพักอาศัยต่อไป กรณีได้จัดให้ผู้มีสิทธิพักอาศัยเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักแล้ว ต่อมาเกิดเหตุตามวรรคหนึ่งจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ หากผู้มีสิทธิพักอาศัยผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการจําเป็นต้องเช่าบ้าน และได้อาศัยอยู่จริง ให้มีสิทธิ นําหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้จนกว่าจะซ่อมแซมที่พักเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไข หรือบรรเทาจนสามารถเข้าพักอาศัยได้และคณะกรรมการได้จัดผู้มีสิทธิพักอาศัยรายอื่นเข้าพักอาศัยต่อไป กรณีผู้มีสิทธิพักอาศัยได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามวรรคสองแล้ว เมื่อซ่อมแซมที่พักแล้วเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าพักอาศัยได้ และเมื่อคณะกรรมการจัดให้ผู้มีสิทธิ พักอาศัยดังกล่าวกลับเข้าพักอาศัยแล้ว หากผู้มีสิทธิพักอาศัยผู้นั้นไม่เข้าพักให้ถือว่าสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดอาคารที่พักอาศัยให้อยู่แล้ว ข้อ ๒๐ ให้ผู้ดูแลที่พักจัดให้มีการส่งมอบทรัพย์สินและอุปกรณ์ประจําอาคารที่พักให้แก่ผู้พักอาศัยก่อนการเข้าพักอาศัย และเมื่อผู้พักอาศัยจะต้องย้ายออก ผู้พักอาศัยจะต้องทําความสะอาดอาคารที่พักพร้อมทั้งมอบทรัพย์สินและอุปกรณ์ให้แก่ผู้ดูแลที่พักก่อนที่จะมีการย้ายออกด้วย ในกรณีที่ปรากฏว่าทรัพย์สินหรืออุปกรณ์ใดที่ผู้พักอาศัยซึ่งจะต้องย้ายออกได้ส่งมอบนั้นมีสภาพชํารุด เสียหาย หรือสูญหาย ให้ผู้ดูแลที่พักจัดให้ผู้พักอาศัยซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือชดใช้ค่าเสียหายก่อนมีการย้ายออกด้วย ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ผู้มีสิทธิพักอาศัยซึ่งเป็นคู่สมรสกันและต่างมีสิทธิเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักสําหรับข้าราชการตุลาการศาลปกครองหรืออาคารที่พักสําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองก็ตาม ให้เลือกเข้าพักใน อาคารที่พักประเภทใดประเภทหนึ่ง เว้นแต่เป็นอาคารที่พักประจําตําแหน่ง ให้เข้าพักตามสิทธิของตน แต่หากผู้มีสิทธิพักอาศัยรายใดประสงค์จะคืนอาคารที่พักตามสิทธิของตนเพื่อเข้าพักอาศัยร่วมกับคู่สมรส ให้แจ้งความประสงค์ ต่อคณะกรรมการ และให้คณะกรรมการจัดให้ผู้นั้นพักอาศัยร่วมกับคู่สมรสตามความประสงค์ หากคู่สมรสผู้มีสิทธิพักอาศัยตามวรรคหนึ่งฝ่ายใดย้ายไปดํารงตําแหน่งในศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง อื่นก่อน หรือไม่มีสิทธิพักอาศัยต่อไป ให้คู่สมรสฝ่ายที่ยังเป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครองอื่นนั้นเข้าพักอาศัยในอาคารที่พักตามสิทธิของตน เว้นแต่คณะกรรมการจะอนุโลม ให้พักอาศัยในอาคารที่พักเดิมอยู่ต่อไปได้ หมวด ๓ หน้าที่ของผู้พักอาศัย ข้อ ๒๒ ผู้พักอาศัยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศ คําสั่ง ข้อปฏิบัติและแนวทางต่าง ๆ ที่กําหนดขึ้น และมีหน้าที่กํากับดูแลให้บริวารของตนปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศ คําสั่ง ข้อปฏิบัติ และแนวทางต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย ข้อ ๒๓ ผู้พักอาศัยต้องชําระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามอัตราที่คณะกรรมการกําหนดตลอดระยะเวลาที่ได้สิทธิพักอาศัย ข้อ ๒๔ ผู้พักอาศัยต้องช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สาธารณะ รวมทั้งอาคารที่พักทั้งภายใน ภายนอก ตลอดจนส่วนควบและวัสดุอุปกรณ์และครุภัณฑ์เครื่องใช้ให้อยู่ในสภาพดีและเป็นระเบียบสะอาดเรียบร้อย ในกรณีที่วัสดุอุปกรณ์และครุภัณฑ์เครื่องใช้ใดภายในอาคารที่พักเกิดชํารุด เสียหาย หรือสูญหายในระหว่าง การพักอาศัย ผู้พักอาศัยต้องจัดการซ่อมแซมหรือแก้ไขความชํารุดหรือเสียหายหรือชดใช้ด้วยทุนทรัพย์ของผู้พักอาศัยเพื่อให้มีสภาพที่ใช้งานได้ดีตามปกติ ทั้งนี้ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยและให้ถือเป็นที่สุด การชํารุดหรือเสียหายตามวรรคสองที่เกิดจากการใช้งานตามปกติ หรือมิได้เกิดจากการกระทําของผู้พักอาศัย หรือบริวาร ให้ผู้พักอาศัยแจ้งให้ผู้ดูแลที่พักทราบโดยพลัน ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยว่าผู้ใดต้องรับผิดและ จํานวนค่าใช้จ่ายในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น คําวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด ข้อ ๒๕ ผู้พักอาศัยต้องวางเงินประกันไว้ให้แก่ผู้อํานวยการ เพื่อเป็นการประกันความเสียหายหรือเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินและอุปกรณ์ในอาคารที่พักที่ชํารุด เสียหาย หรือสูญหายหรือเพื่อชําระค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง หรือค่าใช้จ่ายอื่นที่ค้างชําระ จํานวนเงินที่ต้องวางเพื่อเป็นประกัน การวางเงินประกัน และการเก็บรักษาเงินประกันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๒๖ ผู้พักอาศัยต้องไม่ดัดแปลง ต่อเติม โยกย้าย หรือรื้อถอนวัสดุ อุปกรณ์ หรือส่วนควบใด ๆ ของอาคารที่พักในส่วนที่เป็นสาระสําคัญ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการ ข้อ ๒๗ ผู้พักอาศัยต้องชําระค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายอื่นในอาคารที่พักของตนตามจํานวนที่ปรากฏในมาตรวัด หรือตามใบแจ้งหนี้ที่เรียกเก็บ หรือตามที่คณะกรรมการกําหนดตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยและเกี่ยวเนื่องกับการพักอาศัยจนกว่าจะส่งมอบอาคารที่พักคืน รวมทั้ง ต้องชําระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ในกรณีที่ผู้พักอาศัยค้างชําระค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้อํานวยการมีหนังสือแจ้งผู้พักอาศัยนั้นให้ชําระค่าใช้จ่ายดังกล่าว หากผู้พักอาศัยไม่ชําระก็ให้รายงานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดําเนินการตามหมวด ๕ ต่อไป การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๒๘ ผู้พักอาศัยต้องยินยอมให้คณะกรรมการหรือบุคคลที่คณะกรรมการมอบหมายเข้าไปตรวจสอบอาคารที่พักเพื่อประโยชน์ในการซ่อมแซม บํารุงรักษา หรือเพื่อดําเนินการอื่นตามระเบียบนี้ ข้อ ๒๙ ผู้พักอาศัยซึ่งพบเห็นเหตุอาคารที่พัก พื้นที่ส่วนกลาง หรือพื้นที่สาธารณะชํารุดหรือเสื่อมสภาพจนเป็นเหตุต้องซ่อมแซมหรือจัดการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือกรณีอื่นที่ทําให้การพักอาศัยไม่เป็นปกติสุข ต้องแจ้งให้คณะกรรมการหรือผู้ดูแลที่พักทราบโดยพลัน ข้อ ๓๐ ผู้พักอาศัยต้องดูแลรักษาความสะอาดในบริเวณอาคารที่พัก พื้นที่ส่วนกลางพื้นที่สาธารณะ และให้ทิ้งขยะมูลฝอยในสถานที่ที่กําหนดไว้เท่านั้น หมวด ๔ ข้อห้ามของผู้พักอาศัย ข้อ ๓๑ ผู้พักอาศัยต้องไม่กระทําการใดอันฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีในอาคารที่พัก ข้อ ๓๒ ผู้พักอาศัยต้องไม่ประกอบการค้าหรือกิจการใด ๆ ในอาคารที่พักหรือนําอาคารที่พักไปหาประโยชน์ส่วนตัว ข้อ ๓๓ ผู้พักอาศัยต้องไม่วางสิ่งของ กองวัสดุ จอดยานพาหนะกีดขวางการสัญจร หรือยินยอมให้ผู้อื่นนํายานพาหนะมาจอดเป็นการประจํา หรือทําให้เกิดสิ่งสกปรกบนพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่สาธารณะ หรือทําให้สิ่งแวดล้อมขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามในเขตอาคารที่พัก ข้อ ๓๔ ผู้พักอาศัยต้องไม่ขูด กะเทาะ ขีดเขียนข้อความ ภาพ พ่นสี หรือกระทําอื่นใดให้ปรากฏตามผนังอาคารที่พัก แนวรั้ว หรือในพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สาธารณะ ข้อ ๓๕ ผู้พักอาศัยต้องไม่ใช้เตาฟืน หรือเชื้อเพลิงให้เกิดควันไฟ หรือกลิ่นรบกวนผู้อื่น ข้อ ๓๖ ผู้พักอาศัยต้องไม่กระทําการใด ๆ เป็นที่รังเกียจและไม่เหมาะสมแก่สังคมหรือน่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น หรืออาคารที่พัก หรือก่อเหตุเดือดร้อนรําคาญอันเป็นการรบกวนความปกติสุขของผู้อื่น ข้อ ๓๗ ผู้พักอาศัยต้องไม่กระทําการใด ๆ ให้เสียภูมิทัศน์บริเวณอาคารที่พัก ข้อ ๓๘ ห้ามให้อาหาร หรือนําสัตว์ทุกชนิดมาเลี้ยงในอาคารชุดพักอาศัย ข้อ ๓๙ ห้ามบุคคลอื่นมาพักค้างคืนในห้องพัก หรือยินยอมให้บุคคลอื่นนํายานพาหนะมาจอดภายในบริเวณอาคารชุดพักอาศัย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลอาคารก่อน ข้อ ๔๐ ห้ามเล่นการพนันทุกชนิดบริเวณอาคารที่พัก หมวด ๕ การสิ้นสิทธิพักอาศัย ข้อ ๔๒ ผู้พักอาศัยจะสิ้นสิทธิการพักอาศัยเมื่อ (๑) ตาย (๒) ได้รับคําสั่งย้าย (๓) พ้นสภาพจากการเป็นข้าราชการ (๔) มิได้พักอาศัยในอาคารที่พักต่อเนื่องกันเกินกว่าสามเดือน โดยไม่มีเหตุอันควร (๕) ส่งคืนห้องพัก (๖) ครบกําหนดเวลาที่คณะกรรมการอนุญาตให้เข้าพักอาศัยตามข้อ ๑๔ (๗) มีการตรวจพบภายหลังว่าข้อความหรือหลักฐานที่ผู้พักอาศัยแจ้งต่อคณะกรรมการเป็นเท็จในส่วนที่เป็น สาระสําคัญ (๘) มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของผู้พักอาศัยรายอื่นหรือก่อความเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้อยู่อาศัย เกินสมควร (๙) เป็นโรคติดต่อหรือโรคที่สังคมรังเกียจตามความเห็นของแพทย์ (๑๐) กรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ การสิ้นสิทธิการพักอาศัยในอาคารที่พักตามวรรคหนึ่ง (๔) (๗) (๘) (๙) และ (๑๐) ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัย ข้อ ๔๓ ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องใช้อาคารที่พักหรือผู้พักอาศัยสิ้นสิทธิการพักอาศัยให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้ผู้พักอาศัยทราบ และส่งคืนห้องพักภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้งเว้นแต่มีเหตุจําเป็น คณะกรรมการจะพิจารณาอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้ตามที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินหกเดือน ข้อ ๔๔ เมื่อผู้พักอาศัยได้รับหนังสือแจ้งตามข้อ ๔๓ แล้ว ให้ผู้พักอาศัยกําหนดวันส่งคืนอาคารที่พักให้ผู้ดูแลที่พักทราบล่วงหน้าก่อนวันส่งคืนไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เพื่อทําการสํารวจตรวจตราสภาพอาคารที่พักรวมทั้งทรัพย์สินและอุปกรณ์ต่อไป ข้อ ๔๕ เมื่อกรรมการตรวจสอบพบว่าอาคารที่พัก ทรัพย์สิน หรืออุปกรณ์ในอาคารที่พักชํารุด เสียหาย หรือสูญหาย และเป็นกรณีที่ผู้พักอาศัยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือชําระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินและอุปกรณ์ในอาคารที่พัก ให้ผู้อํานวยการหักเงินประกันค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว หากหักเงินประกันแล้วยังไม่พอ ให้มีหนังสือแจ้งผู้พักอาศัยเพื่อจัดการให้ชําระให้ครบถ้วนต่อไป เมื่อไม่มีกรณีที่ต้องหักเงินประกันหรือได้หักเงินประกันไว้แล้วแต่มีเงินเหลือตามวรรคสองให้คืนให้แก่ผู้พักอาศัยต่อไป ข้อ ๔๖ ผู้พักอาศัยที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหมวด ๓ หรือหมวด ๔ หรือไม่ส่งคืนอาคารที่พักหลังจากสิ้นสิทธิพักอาศัยตามข้อ ๔๒ คณะกรรมการอาจรายงานผู้บังคับบัญชาของผู้พักอาศัยเพื่อพิจารณาดําเนินการตามที่เห็นสมควรต่อไป หมวด ๖ การดูแลรักษาและการควบคุม ข้อ ๔๗ อาคารที่พักที่อยู่ในศาลปกครองใด ให้ผู้อํานวยการเป็นผู้ดําเนินการ ดังนี้ (๑) จัดทําคําขอตั้งงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายพื้นที่สาธารณะ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบํารุงรักษาอาคารที่พักเป็นประจําทุกปี (๒) ดําเนินการจัดซื้อจัดจ้าง การเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบํารุงรักษาอาคารที่พักตามระเบียบของทางราชการ (๓) จัดทําทะเบียนทรัพย์สินอาคารที่พัก และพัสดุประจําอาคารที่พัก และส่งสําเนาทะเบียนทรัพย์สินให้ผู้ดูแลที่พักใช้ในการควบคุมและตรวจสอบ (๔) จัดทํารายงานการบริหารจัดการอาคารที่พัก ตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๔๘ ทะเบียนผู้พักอาศัย แบบขอเข้าพักอาศัย แบบรับเงินประกันและยินยอมให้หักเงินเดือนหรือเงินบําเหน็จ เงินบํานาญหรือเงินอื่นใดที่พึงได้รับตามสิทธิ แบบส่งและรับคืนพัสดุอุปกรณ์ประจําอาคารที่พัก ให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด บทเฉพาะกาล บทเฉพาะกาล ข้อ ๔๙ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการตามข้อ ๗ ประกอบด้วยกรรมการตามข้อ ๗ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๔) และ (๕) ข้อ ๕๐ ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประเภทบริหาร ประเภทอํานวยการ ประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับชํานาญการพิเศษขึ้นไป ประเภททั่วไปตั้งแต่ระดับอาวุโสขึ้นไป ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศาลปกครองที่สํานักงานศาลปกครองได้จัดให้มีอาคารที่พักไว้แล้วก่อนหรือในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้มีสิทธิตามข้อ ๑๓ ของระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,494
ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ. 21/2544 เรื่อง ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ. 21/2544 เรื่อง ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ------------------------------------- ตามที่ได้มีการก่อวินาศกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศไทยได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดแก่ประโยชน์ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศไทย คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 186 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 จึงมีคําสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2544 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2544 (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,495
ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กด. 27/2540 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขอรับใบอนุญาตและ การออกใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ และการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชีสำหรับหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กด. 27/2540 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขอรับใบอนุญาตและ การออกใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ และการประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสําหรับหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ ------------------------ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 14 มาตรา 205 มาตรา 206 มาตรา 207 มาตรา 222 และมาตรา 223 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ "คําขอ" หมายความว่า ดําขอรับใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ "ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้" หมายความว่า ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ให้บริการในการ ซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ "สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้" หมายความว่า สถานที่อันเป็นศูนย์กลางการให้บริการเพื่อประโยชน์ในการชําระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ที่ได้มีการซื้อขายกัน รวมทั้งบริการที่เกี่ยวข้อง "สํานักงาน" หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ให้เป็นไปตามที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ข้อ ๔ ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้จะจัดตั้งขึ้นได้โดยบริษัทหลักทรัพย์จํานวนไม่น้อยกว่าสิบห้ารายได้จัดทําข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ และปฏิบัติการอย่างอื่นตามหมวดนี้ ข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ตามวรรคหนึ่ง ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบระหว่างสมาชิก เมื่อได้จัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้แล้ว การยกเลิกหรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่อ้างมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลอื่นนอกจากสมาชิกต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ข้อ ๕ ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่จะจัดตั้งจะต้องมีคุณสมบัติ ลักษณะ และมาตรการในการดําเนินงานอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้อย่างมีประสิทธิภาพ (1) มีระบบการบันทึกและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอราคาและการซื้อขายตราสารแห่งหนี้ในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (2) มีระบบการชําระราคาและการส่งมอบตราสารแห่งหนี้ที่ได้มีการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ โดยสํานักหักบัญชี ซึ่งเป็นระบบที่มีความชัดเจนว่าคู่สัญญามีความเสี่ยงต่อบุคคลใดในการรับชําระราคาหรือรับมอบตราสารแห่งหนี้ ทั้งนี้ ไม่ว่าสํานักหักบัญชีนั้นจะดําเนินการโดยศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้เองหรือโดยบุคคลอื่นใด (3) มีหลักเกณฑ์ในการรับบุคคลเข้าเป็นสมาชิกของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ โดยคํานึงถึงความน่าเชื่อถือและฐานะการเงินของบุคคลที่จะเข้าเป็นสมาชิกเป็นสําคัญ และมีมาตรการตรวจสอบและดําเนินการต่อสมาชิกที่ไม่สามารถดํารงคุณสมบัติได้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว (4) มีมาตรการกํากับดูแลให้สมาชิกของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้และพนักงานหรือบุคคลที่ปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ระเบียบหรือข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ระเบียบหรือข้อบังคับที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนมีมาตรการและดําเนินการลงโทษเมื่อสมาชิกของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้หรือพนักงานหรือบุคคลที่ปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหรือประพฤติผิดในเรื่องดังกล่าว (5) มีระบบที่รองรับการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างสมาชิกของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งต้องดํารงคุณสมบัติ ลักษณะ และมาตรการในการดําเนินงานให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ํากว่าที่ได้แสดงไว้ในการขอรับใบอนุญาตตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ข้อ ๖ ให้ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ประกอบธุรกิจได้แต่เฉพาะที่กําหนดไว้ดังต่อไปนี้ (1) การให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ที่มิได้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การให้บริการการซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่มิใช่หลักทรัพย์รวมตลอดถึงการจัดระบบและวิธีการซื้อขายตราสารแห่งหนี้ในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ดังกล่าว (2) ธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับตราสารแห่งหนี้ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้โดยเป็นสํานักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นายทะเบียนหลักทรัพย์ ธุรกิจให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับตราสารแห่งหนี้ หรือธุรกิจทํานองเดียวกัน โดยต้องดําเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการนั้น (3) ธุรกิจอื่นใคนอกจาก (1) และ (2) โดยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ข้อ ๗ ผู้ที่ประสงค์จะขอรับใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ให้ยื่นคําขอพร้อมเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ผ่านสํานักงาน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ (1) ชื่อของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (2) ที่ตั้งสํานักงานของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (3) บริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง (4) ทุนและที่มาของทุนในการดําเนินงาน (5) ร่างข้อบังคับของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (6) ข้อตกลงในการจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ตามข้อ 4 (7) เอกสารหลักฐานแสดงคุณสมบัติ ลักษณะ และมาตรการในการดําเนินงานตามที่กําหนดไว้ในข้อ 5 (8) แผนการดําเนินงานและโครงสร้างการบริหารงานของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ข้อ ๘ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะพิจารณาคําขอให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่สํานักงานได้รับคําขอพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน โดยคํานึงถึงบทบาทของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ในการรองรับการพัฒนาตลาดทุน ในการพิจารณาคําขอตามรรคหนึ่ง นอกจากการพิจารณารายละเอียดที่ปรากฏในทําขอและเอกสารหลักฐานตามข้อ 7 แล้ว ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งให้ผู้ยื่นคําขอมาชี้แจงหรือส่งเอกสารหลักฐานใด ๆเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาตามที่เห็นสมควรและภายในระยะเวลาที่กําหนดได้ และในกรณีเช่นว่านี้มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่งดังกล่าวจนถึงวันที่ผู้ขึ้นคําขอได้มาชี้แจงหรือได้ส่งเอกสารหลักฐานดังกล่าวที่ถูกต้องครบถ้วนแล้วรวมเข้ากับการนับระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๙ ในการออกใบอนุญาตให้จัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะกําหนดให้ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ปฏิบัติการใด ๆ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินงานของศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ด้วยก็ได้ ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งแล้ว จะเริ่มให้บริการการซื้อขายตราสารแห่งหนี้ได้ต่อเมื่อข้อบังคับอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้มีผลใช้บังคับแล้ว โดยให้แจ้งวันเริ่มให้บริการให้สํานักงานทราบ (1) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการรับและเพิกถอนตราสารแห่งหนี้ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (2) หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้การเลือกตั้งกรรมการศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ จํานวน วิธีการรับ คุณสมบัติ สิทธิและหน้าที่ วินัย การลงโทษ การประชุม ตลอดจนการโอนและการพันจากสมาชิกภาพของสมาชิกศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (3) การกําหนดเกี่ยวกับค่าเข้าเป็นสมาชิก ค่าบํารุง เงินประกัน และค่าบริการต่าง ๆที่สมาชิกจะพึงง่ายให้แก่ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (4) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการซื้อขายตราสารแห่งหนี้ในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ (5) จรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบธุรกิจของสมาชิกศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ตลอดจนกระบวนการวินิจฉัยและการลงโทษ ข้อ ๑๐ ให้ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้เป็นจํานวนหนึ่งแสนบาท หมวด ๒ การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต ประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ --------------------- ข้อ ๑๑ ให้บุคคลที่ประสงค์จะประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ยื่นคําขอรับใบอนุญาตประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ผ่านสํานักงานโดยบุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติ ลักษณะ และมาตรการในการดําเนินงานอย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้อย่างมีประสิทธิภาพ (1) มีระบบการชําระราคาและส่งมอบตราสารแห่งหนี้ที่ได้มีการซื้อขาย (2) มีหลักเกณฑ์แสดงขอบเขตความรับผิดชอบที่ชัดเจนของสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้เมื่อสมาชิกรายใดรายหนึ่งผิดนัดชําระราคาหรือผิดนัดส่งมอบตราสารแห่งหนี้ ในกรณีที่สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ต้องรับผิดชอบไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนต่อการที่สมาชิกรายใดรายหนึ่งผิดนัดชําระราคาหรือผิดนัดส่งมอบตราสารแห่งหนี้ สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ต้องแสดงให้เห็นด้วยว่ามีมาตรการบริหารและติดตามความเสี่ยง รวมทั้งมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอในการรองรับความเสี่ยงของตนอันเนื่องมาจากมีสมาชิกผิดนัดชําระหนี้ด้วย ให้นําความในข้อ 8 มาใช้บังคับกับการยื่นขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลมสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ต้องดํารงคุณสมบัติ ลักษณะ และมาตรการในการดําเนินงานให้มีประสิทธิภาพไม่ต่ํากว่าที่ได้แสดงไว้ในการขอรับใบอนุญาตตลอดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ข้อ ๑๒ ในกรณีผู้ยื่นคําขอรับใบอนุญาตจัดตั้งศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ตามข้อ 7ประสงค์จะให้ศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ที่จะจัดรตั้งขึ้นประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีสําหรับตราสารแห่งหนี้ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ด้วย ให้ผู้อื่นคําขอดังกล่าวปฏิบัติตามข้อ 11 โดยอนุโลม ข้อ ๑๓ สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ต้องจัดให้มีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการให้บริการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ โดยอย่างน้อยต้องมีกฎเกณฑ์การชําระราคาและส่งมอบตราสารแห่งหนี้และกฎเกณฑ์การเป็นสมาชิกสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ วินัยและการลงโทษสมาชิกที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ การกําหนด การยกเลิก หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ที่ใช้บังคับกับสมาชิกเป็นการทั่วไป ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก่อนจึงใช้บังคับได้ เว้นแต่คณะกรรมการ ก.ล.ต. จะกําหนดให้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องใดมีผลใช้บังคับได้โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบ ในการนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจกําหนดเงื่อนไขให้ต้องปฏิบัติด้วยก็ได้ ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ปรากฏว่ากฎเกณฑ์ของสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ที่ใช้บังคับกับสมาชิกเป็นการทั่วไปอาจเป็นอุปสรรคหรือไม่เป็นการส่งเสริมหรือไม่เพียงพอต่อการรักษาความมั่นคงของระบบการชําระหนี้ในสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. อาจสั่งให้สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ยกเลิก แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือกําหนดกฎเกณฑ์เพิ่มเติมก็ได้ ข้อ ๑๕ สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ใดประสงค์จะเลิกประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ ให้ยื่นขออนุญาตต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยยื่นผ่านสํานักงาน ในการอนุญาตคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะกําหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ ข้อ ๑๖ ให้สํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้เป็นรายปีในอัตราปีละห้าหมื่นบาท ความในวรรคหนึ่งมิให้นํามาใช้บังคับกับการประกอบการเป็นสํานักหักบัญชีตราสารแห่งหนี้ โดยศูนย์ซื้อขายตราสารแห่งหนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 (นายทนง พิทยะ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,496
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดกิจการการให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นธุรกิจหลักทรัพย์
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กําหนดกิจการการให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ ----------------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงกําหนดกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้การประกอบกิจการประเภทการให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลักทรัพย์ตาม (7) ของบทนิยามคําว่า "ธุรกิจหลักทรัพย์"ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ข้อ ๒ การประกอบกิจการประเภทการให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ตามข้อ 1 หมายความว่า การให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเป็นช่องทางในการรวบรวมคําเสนอซื้อเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อเจรจาต่อรองหรือทําข้อตกลงซื้อขายระหว่างผู้เสนอซื้อและผู้เสนอขายหลักทรัพย์หลายราย โดยมีการกําหนดกฎเกณฑ์การซื้อขายโดยผู้ให้บริการไว้เป็นการล่วงหน้า ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีการจับคู่คําเสนอซื้อเสนอขายหลักทรัพย์ให้ด้วยหรือไม่ก็ตาม ซึ่งกระทําเป็นทางค้าปกติโดยได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทนอื่น แต่ไม่รวมถึงการให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ภายใต้โครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน (Regulatory Sandbox) ตามลักษณะที่คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกําหนด ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลั่ง
10,497
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือ เป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่กําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหาร ศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงาน ศาลปกครอง “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะกรรมการตุลาการ ศาลปกครอง คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๕ ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย คู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ซึ่งมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบนี้ คือ (๑) ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (๒) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (๓) พนักงานราชการ (๔) ลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง (๕) คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และผู้ที่คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ประธาน ศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ ได้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้ปฏิบัติงาน ตามอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครอง ชั้นต้น หรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณี (๖) ผู้ปฏิบัติงานตาม (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ที่พ้นจากตําแหน่งหรือหน้าที่ไปแล้ว ผู้ปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง จะต้องเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย คู่ความในคดีอาญา คดีแพ่ง หรือคู่กรณีในคดีปกครอง อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ หรือตามที่ได้รับมอบหมายโดยชอบจากคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ และสํานักงาน มิได้เป็นผู้กล่าวหา หรือฟ้องคดีนั้นเอง หรือมิใช่กรณีที่ผู้ปฏิบัติงานฟ้องสํานักงาน ข้อ ๖ ให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามข้อ ๕ ยื่นคําขอรับ ความช่วยเหลือต่อบุคคล ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๕ วรรคหนึ่ง (๑) ให้ยื่นคําขอรับความช่วยเหลือ ต่อประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แล้วแต่กรณี และให้ประธานศาลปกครอง สูงสุด หรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ส่งคําขอรับความช่วยเหลือดังกล่าวให้สํานักงานดําเนินการต่อไป (๒) ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๕ วรรคหนึ่ง (๒) (๓) (๔) และ (๕) ให้ยื่น คําขอรับความช่วยเหลือต่อเลขาธิการ ในกรณีที่ผู้รับคําขอตามวรรคหนึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ยื่นคําขอเป็นผู้มีสิทธิได้รับ ความช่วยเหลือตามข้อ ๕ วรรคสอง ให้แจ้งผู้ยื่นคําขอทราบโดยพลันและแจ้งสํานักงานดําเนินการ ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบนี้ต่อไป ในกรณีที่ผู้รับคําขอตามวรรคหนึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ยื่นคําขอเป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับ ความช่วยเหลือตามข้อ ๕ วรรคสอง ให้แจ้งผู้ยื่นคําขอทราบโดยพลัน ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอมีสิทธิขอให้คณะกรรมการ ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๗/๑ พิจารณาทบทวนความเห็นดังกล่าว เว้นแต่กรณี ของผู้ที่ยื่นคําขอรับความช่วยเหลือต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ให้มีสิทธิขอให้ ก.บ.ศป. พิจารณา ทบทวนความเห็นดังกล่าว โดยให้ใช้สิทธิได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้นั้นทราบผลการพิจารณา และ ให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว หรือ ก.บ.ศป. แล้วแต่กรณี วินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คําวินิจฉัยของคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน หรือ ก.บ.ศป. ให้เป็นที่สุด ข้อ ๗ การให้ความช่วยเหลือผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามข้อ ๕ ให้สํานักงานพิจารณา ให้ความช่วยเหลือได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ สํานักงานอาจประกาศหรือกําหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับความช่วยเหลือที่จะจัดให้ก็ได้ ข้อ ๗/๑ ให้มีคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการ ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่” ประกอบด้วย (๑) รองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (๒) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสองคน และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นจํานวนสองคน ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นกรรมการ (๓) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคนซึ่งเลขาธิการมอบหมาย เป็นกรรมการ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการมอบหมายข้าราชการฝ่ายศาลปกครองคนหนึ่งเป็นเลขานุการและอีกสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ในกรณีที่ตําแหน่งประธานกรรมการหรือกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ประธานศาลปกครอง สูงสุดอาจแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง เว้นแต่วาระการดํารงตําแหน่งของประธานกรรมการหรือกรรมการ ผู้นั้นจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่แต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างก็ได้ ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้อยู่ในตําแหน่งเท่ากับ วาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานมีอํานาจหน้าที่ให้คําปรึกษาหรือแนะนําสํานักงาน ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งให้มีอํานาจทบทวนคําขอรับความช่วยเหลือตามข้อ ๖ วรรคสาม ข้อ ๘ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินคดีอาญา คดีแพ่ง หรือคดีปกครอง ให้จ่าย จากเงินงบประมาณของสํานักงานเท่าที่จ่ายจริง ข้อ ๙ ให้ผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามข้อ ๕ มีสิทธิได้รับค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และค่าพาหนะ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ข้อ ๑๐ ให้ผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือได้รับความช่วยเหลือทั้งในชั้นที่ถูกดําเนินการ ตรวจสอบโดยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และศาล แต่สําหรับ การได้รับความช่วยเหลือในชั้นศาล ให้ได้รับความช่วยเหลือเฉพาะคดีที่มิใช่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ข้อ ๑๑ เมื่อผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือในคดีอาญาแสดงความจํานงขอรับความช่วยเหลือ ตามข้อ ๖ เพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองการขอปล่อยชั่วคราว ให้เลขาธิการออกหนังสือรับรองการขอ ปล่อยชั่วคราวและหนังสือนําส่งหนังสือรับรองการขอปล่อยชั่วคราวตามแบบท้ายระเบียบนี้โดยพลัน เพื่อนําไปมอบให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล แล้วแต่กรณี หนังสือรับรองการขอปล่อยชั่วคราวตามวรรคหนึ่ง จะต้องระบุจํานวนเงินที่สํานักงานต้องชดใช้ ให้แก่พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล เมื่อผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือผิดสัญญาประกัน ให้ผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือทําหนังสือรับรองว่าหากหลบหนี หรือผิดนัด หรือเพราะเหตุอื่นใด จนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลสั่งปรับ หรือเรียกให้ชดใช้เงินตามสัญญา ประกันแล้ว ผู้ได้รับการช่วยเหลือผู้นั้นยินยอมให้สํานักงานหักเงินที่พึงจะได้รับจากสํานักงานชดใช้ จนครบตามจํานวนเงินประกันที่ถูกเรียกหรือถูกปรับ หากไม่พอหรือไม่มีเงินให้หัก ยอมให้เรียกเอา จากทรัพย์สินของผู้ได้รับความช่วยเหลือจนครบจํานวน ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ผู้ได้รับความช่วยเหลือหลบหนี เมื่อพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลเรียกให้ชดใช้เงินตามหนังสือรับรองการขอปล่อยชั่วคราว ให้สํานักงานเบิกหักผลักส่ง เงินงบประมาณในหมวดค่าตอบแทน ใช้สอยวัสดุ เป็นเงินรายได้แผ่นดินของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ สํานักงานอัยการสูงสุด สํานักงานศาลยุติธรรม หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี และแจ้งให้ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาลทราบด้วย ในส่วนของสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค ให้รายงานเลขาธิการเพื่อขอรับจัดสรร เงินงบประมาณเพื่อดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป กรณีได้ตัวผู้ได้รับความช่วยเหลือที่หลบหนีกลับมาดําเนินคดี ให้สํานักงานร้องขอต่อพนักงาน สอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล แล้วแต่กรณี เพื่อขอคืนเงินตามสัญญาประกัน ข้อ ๑๓ ผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือผู้ใดได้วางหลักประกันไปก่อนที่เลขาธิการได้ออกหนังสือ รับรองให้ตามข้อ ๑๑ ผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือผู้นั้นอาจขอให้เลขาธิการออกหนังสือรับรอง เพื่อนําไปมอบให้แก่พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล แล้วแต่กรณี แทนหลักประกันเดิม หรือเป็นหลักประกันเพิ่มเติมจากหลักประกันเดิมที่ได้วางไว้ได้ ข้อ ๑๔ ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้ว และผู้ได้รับความช่วยเหลือมีสิทธิได้รับชดใช้เงินค่าใช้จ่าย ในการดําเนินคดีที่จ่ายไปคืนจากคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ให้ผู้ได้รับความช่วยเหลือเรียกร้องเงินดังกล่าวและ นําส่งคืนสํานักงานตามที่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ไม่เกินจํานวนที่ได้รับชดใช้ ทั้งนี้ ผู้ได้รับ ความช่วยเหลือจะมอบให้สํานักงานเป็นผู้รับแทนก็ได้ ข้อ ๑๕ (ยกเลิก) ข้อ ๑๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออก ประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,498
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็น ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็น ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของข้อ ๖ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจาก การปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจาก การปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ในกรณีที่ผู้รับคําขอตามวรรคหนึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ยื่นคําขอเป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับ ความช่วยเหลือตามข้อ ๕ วรรคสอง ให้แจ้งผู้ยื่นคําขอทราบโดยพลัน ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอมีสิทธิขอให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๗/๑ พิจารณาทบทวนความเห็นดังกล่าว เว้นแต่กรณี ของผู้ที่ยื่นคําขอรับความช่วยเหลือต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ให้มีสิทธิขอให้ ก.บ.ศป. พิจารณา ทบทวนความเห็นดังกล่าว โดยให้ใช้สิทธิได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้นั้นทราบผลการพิจารณา และ ให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว หรือ ก.บ.ศป. แล้วแต่กรณี วินิจฉัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คําวินิจฉัยของคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน หรือ ก.บ.ศป. ให้เป็นที่สุด” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗/๑ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗/๑ ให้มีคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดีอันเนื่องมาจาก การปฏิบัติราชการตามหน้าที่” ประกอบด้วย (๑) รองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (๒) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจํานวนสองคน และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นจํานวนสองคน ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นกรรมการ (๓) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคนซึ่งเลขาธิการมอบหมาย เป็นกรรมการ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการมอบหมายข้าราชการฝ่ายศาลปกครองคนหนึ่งเป็นเลขานุการและอีกสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ในกรณีที่ตําแหน่งประธานกรรมการหรือกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง เว้นแต่วาระการดํารงตําแหน่งของประธานกรรมการหรือกรรมการ ผู้นั้นจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่แต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างก็ได้ ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้อยู่ในตําแหน่งเท่ากับ วาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานมีอํานาจหน้าที่ให้คําปรึกษาหรือแนะนําสํานักงาน ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งให้มีอํานาจทบทวนคําขอรับความช่วยเหลือตามข้อ ๖ วรรคสาม” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๕ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจาก การปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๖ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือ คู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติ ราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออก ประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบพิมพ์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้” ข้อ ๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดหรือเลขาธิการพิจารณามอบหมายบุคคลเพื่อแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งในคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๗/๑ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วย การช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้คณะอนุกรรมการตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ คงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการมอบหมายบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในคณะกรรมการ ช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานตามข้อ ๗/๑ ของระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็น ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือเป็นคู่ความ หรือคู่กรณีในคดี อันเนื่องมาจากการปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง --------------------------------------------------- นางสาววิชิดา วิสมิตะนันท์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล /ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๕ 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๙/ตอนที่ ๒๑ ก/หน้า ๓๘/๘ เมษายน ๒๕๖๕ [↑](#footnote-ref-1)
10,499
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ นย. 2/2547 เรื่อง แนวทางในการพิจารณาการประกอบการที่ถือเป็นตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ นย. 2/2547 เรื่อง แนวทางในการพิจารณาการประกอบการที่ถือเป็น ตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ อื่นๆ - ที่มา 1. โดยที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้เป็นแหล่งระดมทุนที่สําคัญสําหรับภาครัฐและเอกชนตลอดจนให้เกิดการเชื่อมโยงกันระหว่างตลาดตราสารหนี้ในระดับ ภูมิภาค การดําเนินนโยบายให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้นั้นจําเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในด้านต่าง ๆ ที่จะเอื้ออํานวยให้เกิดการซื้อขายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีข้อมูลที่เพียงพอสําหรับ ผู้ลงทุน ทั้งนี้ ระบบการซื้อขายตราสารหนี้ที่มีประสิทธิภาพก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จําเป็นประการหนึ่ง 2. โดยทั่วไปการซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ค้าตราสารหนี้และผู้ลงทุนสถาบันซึ่งมีมูลค่าต่อธุรกรรมสูง จึงต้องอาศัย การเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาซื้อขายที่ดีที่สุด ลักษณะการซื้อขายดังกล่าวจึงไม่เหมาะกับระบบ การซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ (exchange) ที่ทําการจับคู่คําเสนอซื้อเสนอขายให้ ประกอบกับ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีวิวัฒนาการของการให้บริการเพื่อการซื้อขายตราสารหนี้ในต่างประเทศที่เรียก โดยทั่วไปว่า ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ (electronic trading platform หรือ ETP) ซึ่งเป็นระบบที่จัดช่องทางการสื่อสารระหว่างคู่ค้าเพื่อให้เกิดการเจรจาต่อรองซื้อขายหลักทรัพย์ ระหว่างกันได้ รวมทั้งให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ แต่จะไม่มีการจับคู่คําเสนอซื้อเสนอขาย หลักทรัพย์ให้ หรือจัดให้มีระบบซึ่งกําหนดเกี่ยวกับวิธีการในการซื้อขายหลักทรัพย์ไว้เป็นการล่วงหน้าช่วยให้ผู้ร่วมตลาดได้รับข้อมูลการซื้อขายที่เป็นปัจจุบันและทําให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น 3. ตามแนวทางที่เป็นสากล การประกอบการที่จะถือเป็นตลาดหลักทรัพย์ (exchange) จะต้องมีองค์ประกอบสําคัญสองประการ คือ มีการรวบรวมคําเสนอซื้อเสนอขายจากผู้เสนอซื้อและ ผู้เสนอขายหลายราย และมีการกําหนดหลักเกณฑ์หรือจัดให้มีระบบซึ่งกําหนดเกี่ยวกับวิธีการในการ ซื้อขายหลักทรัพย์ไว้เป็นการล่วงหน้าโดยผู้ให้บริการไม่อาจใช้ดุลยพินิจในการจัดการซื้อขายเป็น ประการอื่น ดังนั้น การให้บริการระบบ ETP ในหลายประเทศจึงมิได้ถูกกํากับดูแลในลักษณะเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การกํากับดูแลระบบ ETP ในทํานองเดียวกับตลาดหลักทรัพย์จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ในรูปแบบใหม่ ๆ อีกด้วย 4. เนื่องจากมาตรา 155 และมาตรา 209 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 กําหนดห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนอกจากตลาดหลักทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และห้ามมิให้บุคคลใดให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนอกจากศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนั้น หากการให้บริการระบบ ETP เป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ก็จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติข้างต้น จึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าการให้บริการในลักษณะใดจะถือเป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อื่นๆ - แนวทางการกํากับดูแลของสํานักงาน 1. หลักการ เนื่องจากพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มิได้กําหนดความหมายของคําว่า การประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรกําหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาการประกอบการที่จะถือเป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ โดยยึดถือหลักการดังต่อไปนี้เป็นสําคัญ (1) การสนับสนุนให้เกิดระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และ ตราสารทุนที่หลากหลายอันจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนไทยมีความสมบูรณ์และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล (2) การสร้างความสมดุลระหว่างการดํารงไว้ซึ่งเสถียรภาพของตลาดหลักทรัพย์และศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ การสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ในรูปแบบใหม่ และการคุ้มครองผู้ลงทุน 2. แนวทางการพิจารณา จากหลักการข้างต้นประกอบกับแนวทางในการกําหนดความหมายของ ตลาดหลักทรัพย์ (exchange) ที่เป็นสากล สํานักงานจึงเห็นว่า การประกอบการที่จะถือเป็นการประกอบกิจการเป็นตลาดหลักทรัพย์หรือการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ได้แก่ ศูนย์กลางหรือเครือข่ายใด ๆ ที่จัดให้มีขึ้น เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะดังต่อไปนี้ (1) มีการรวบรวมคําเสนอซื้อเสนอขายหลักทรัพย์จากผู้เสนอซื้อหลายรายและ ผู้เสนอขายหลายราย และ (2) มีการกําหนดหลักเกณฑ์หรือจัดให้มีระบบ ซึ่งกําหนดเกี่ยวกับวิธีการในการซื้อขายหลักทรัพย์ไว้เป็นการล่วงหน้า โดยผู้ให้บริการไม่อาจใช้ดุลยพินิจในการจัดการซื้อขายเป็นประการอื่น และผู้เสนอซื้อเสนอขายยินยอมที่จะผูกพันตามหลักเกณฑ์หรือระบบนั้น อื่นๆ - สํานักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงขอประกาศให้ทราบ โดยทั่วกัน หมวด ๑ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2547 (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,500
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง วันเวลาทำการตามปกติของศาลปกครอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง วันเวลาทําการตามปกติของศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ วันเวลาทําการตามปกติของศาลปกครอง ได้แก่ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา ถึง ๑๖.๓๐ นาฬิกา หยุดพักกลางวันเวลา ๑๒.๐๐ นาฬิกา ถึง ๑๓.๐๐ นาฬิกา เว้นวันหยุดราชการ ข้อ ๒ วันหยุดราชการประจําสัปดาห์ ได้แก่ วันเสาร์และวันอาทิตย์ วันหยุดราชการประจําปี ให้เป็นไปตามประกาศและระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการนั้น ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,501
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 7) เรื่อง กำหนดแบบคำร้องขอคืนภาษี และสถานที่ยื่นคำร้องขอคืนภาษี ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 7) เรื่อง กําหนดแบบคําร้องขอคืนภาษี และสถานที่ยื่นคําร้องขอคืนภาษี ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44/1 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2561 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดแบบคําร้องขอคืนภาษี ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 2 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ 5) เรื่อง กําหนดแบบคําร้องขอคืนภาษี และสถานที่ยื่นคําร้องขอคืนภาษี ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 2 ให้กําหนดแบบ ค.10 คําร้องขอคืนเงินภาษีอากร และแบบ ภ.ง.ป.70 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียมได้ยื่นต่อเจ้าพนักงานแสดงความประสงค์ขอคืนเงินภาษีไว้ เป็นแบบสําหรับการขอคืนภาษีเงินได้ปิโตรเลียม หรือภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่ถูกหักไว้ ณ ที่จ่าย และนําส่งไว้แล้วเป็นจํานวนเงินเกินกว่าที่ควรต้องเสีย หรือไม่มีหน้าที่ต้องเสีย” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,502
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครอง โดยที่มาตรา ๓๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ ก.ศป. ประกาศกําหนดหลักเกณฑ์การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครองและขณะนี้ยังมีกรรมการตุลาการศาลปกครองไม่ครบตามที่กฎหมายกําหนดเป็น ก.ศป. จึงทําให้ไม่อาจมี ก.ศป. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ แต่มีความจําเป็นต้องมีหลักเกณฑ์การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครอง เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงมีมติเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อํานาจทั่วไปในการรับผิดชอบงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศกําหนดหลักเกณฑ์การลาหยุดราชการของตุลาการศาลปกครองเพื่อใช้ไปพลางก่อน และเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้นํากฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวกับการลาประเภทต่าง ๆ ของข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับแก่การลาของตุลาการศาลปกครองโดยอนุโลม โดยให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้มีอํานาจอนุญาตการลาของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดและอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น และให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเป็นผู้มีอํานาจอนุญาตการลาของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ข้อ ๒ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,503
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง โดยที่มาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ ก.ศป. ประกาศกําหนดเครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบการแต่งกาย และขณะนี้ยังมีกรรมการตุลาการศาลปกครองไม่ครบตามที่กฎหมายกําหนดเป็น ก.ศป. จึงทําให้ไม่อาจมี ก.ศป. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ แต่มีความจําเป็นต้องมีเสื้อครุยตุลาการศาลปกครองเพื่อสวมในการนั่งพิจารณาคดีและในโอกาสที่จําเป็นอื่น เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงมีมติเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อํานาจทั่วไปในการรับผิดชอบงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศกําหนดแบบเสื้อครุยตุลาการศาลปกครองใช้ไปพลางก่อน และเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้มีเสื้อครุยตุลาการศาลปกครองเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กําหนดในประกาศนี้ เสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง ให้ใช้แพรหรือผ้าสีดําเข้มเย็บเป็นเสื้อคลุมหลังจีบ ด้านหน้าผ่าตลอดมีสาบเสื้อขนาดกว้างด้านละ ๗ เซนติเมตร เป็นผ้ากํามะหยี่สีน้ําเงิน โอบรอบคอจรดความยาวของตัวเสื้อและมีสายทําด้วยแพรหรือผ้าสีดําเข้มผูกบริเวณอก ข้อ ๒ ให้ตุลาการศาลปกครองสวมเสื้อครุยตามข้อ ๑ ในการนั่งพิจารณาคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ หรือในงานที่เกี่ยวด้วยกิจการของศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครอง หรือในโอกาสอันควร ทั้งนี้ ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดกําหนด แต่ห้ามมิให้สวมในเวลาที่เป็นคู่ความ เป็นคู่กรณี หรือเป็นพยานในศาล ข้อ ๓ การสวมเสื้อครุยตุลาการศาลปกครองให้สวมคลุมทับชุดแต่งกายสุภาพ ดังนี้ (๑) ตุลาการศาลปกครองชาย เชิ้ตแขนยาวสีสุภาพ ผูกผ้าผูกคอสีดําหรือสีอื่นที่สุภาพหรือเสื้อชุดไทยแบบแขนสั้นหรือแขนยาวสีสุภาพ กางเกงขายาวสีสุภาพ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีน้ําตาลหรือสีดํา ถุงเท้าสีคล้ายคลึงกับรองเท้า (๒) ตุลาการศาลปกครองหญิง เสื้อและกระโปรงสีสุภาพ และรองเท้าหุ้มส้นหนังสีน้ําตาลหรือสีดําแบบปิดปลายเท้า ทั้งนี้ อาจสวมเสื้อนอกแบบสากลนิยมสีสุภาพคลุมทับเครื่องแต่งกายตาม (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี ก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,504
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบ การแต่งกาย
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบการแต่งกาย โดยที่มาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ ก.ศป. ประกาศกําหนดเครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบการแต่งกายและขณะนี้ยังมีกรรมการตุลาการศาลปกครองไม่ครบตามที่กฎหมายกําหนดเป็น ก.ศป. จึงทําให้ไม่อาจมี ก.ศป. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้แต่มีความจําเป็นต้องมีเครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบการแต่งกายของตุลาการศาลปกครองในการปฏิบัติงาน การนั่งพิจารณาคดี และในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงมีมติเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อํานาจทั่วไปในการรับผิดชอบงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศกําหนดเครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและระเบียบการแต่งกายใช้ไปพลางก่อน และเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ เครื่องแบบตุลาการศาลปกครอง ให้มี ๒ ชนิด คือ (๑) เครื่องแบบปฏิบัติราชการ มี ๒ ประเภท (ก) เครื่องแบบสีกากีคอพับ (ข) เครื่องแบบสีกากีคอแบะ (๒) เครื่องแบบพิธีการ มี ๕ ประเภท (ก) เครื่องแบบปกติขาว (ข) เครื่องแบบปกติกากีคอตั้ง (ค) เครื่องแบบครึ่งยศ (ง) เครื่องแบบเต็มยศ (จ) เครื่องแบบสโมสร ข้อ ๒ เครื่องแบบปฏิบัติราชการตามข้อ ๑ (๑) ให้ใช้อินทรธนูอ่อนมีแถบสีเหลืองหรือสีทอง ขนาดกว้างแถบละ ๑ เซนติเมตร ติดทางต้นอินทรธนู ๑ แถบ แถบกลางประกอบเป็น ๓ แถบ ติดเรียงกันไปโดยไม่ต้องเว้นระยะห่าง และแถบบนขมวดเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวงใน ๒ เซนติเมตร การติดแถบให้ติดขวางที่ต้นอินทรธนู แถบแรกให้ห่างจากต้นอินทรธนู ๕ มิลลิเมตร และให้แถบแรกเว้นระยะห่างจากแถบกลาง ๕ มิลลิเมตร และแถบกลางเว้นระยะห่างจากแถบบน ๕ มิลลิเมตร มีรูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎและอุณาโลมทําด้วยโลหะสีทองติดทับอยู่บนแถบกลาง ตามแบบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๓ เครื่องแบบพิธีการตามข้อ ๑ (๒) ให้ใช้อินทรธนูแข็งกว้าง ๔ เซนติเมตร ยาวตามความยาวของบ่า พื้นกํามะหยี่หรือสักหลาดสีดํา ปักดิ้นสีทองลายดอกบัวสองดอก มีฐานรองรับอยู่ส่วนกลางของอินทรธนู ด้านข้างปักดิ้นสีทองลายกนกก้านขด ติดทับเสื้อเหนือบ่าทั้งสองข้างจากไหล่ไปคอ ด้านคอปลายมนติดดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดเล็ก มีรูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎและอุณาโลมทําด้วยโลหะสีทองติดทับอยู่บนอินทรธนูค่อนมาทางด้านไหล่ ตามแบบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้มีเครื่องหมายแสดงสังกัดของตุลาการศาลปกครอง ทําด้วยโลหะโปร่งสีทอง รูปตราพระดุลพ่าห์ที่มีแกนกลางเป็นพระคทาจอมทัพ ประดิษฐานบนพาน มีช่อชัยพฤกษ์อยู่ด้านล่างไม่มีขอบ สูง ๒.๕ เซนติเมตร ตามแบบท้ายประกาศนี้ ติดที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้างของเครื่องแบบปฏิบัติราชการตามข้อ ๑ (๑) และเครื่องแบบพิธีการตามข้อ ๑ (๒) ข้อ ๕ ในการปฏิบัติราชการ ให้ตุลาการศาลปกครองสวมเครื่องแบบปฏิบัติราชการตามข้อ ๑ (๑) หรืออาจสวมใส่ชุดแต่งกายสุภาพ ดังนี้ (๑) ตุลาการศาลปกครองชาย เชิ้ตแขนยาวสีสุภาพ ผูกผ้าผูกคอสีดําหรือสีอื่นที่สุภาพ หรือเสื้อชุดไทยแบบแขนสั้นหรือแขนยาวสีสุภาพ กางเกงขายาวสีสุภาพ รองเท้าหุ้มส้นหนังสีน้ําตาลหรือสีดํา ถุงเท้าสีคล้ายคลึงกับรองเท้า (๒) ตุลาการศาลปกครองหญิง เสื้อและกระโปรงสีสุภาพ และรองเท้าหุ้มส้นหนังสีน้ําตาลหรือสีดําแบบปิดปลายเท้า ทั้งนี้ อาจสวมเสื้อนอกแบบสากลนิยมสีสุภาพคลุมทับเครื่องแต่งกายตาม (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี ก็ได้ ข้อ ๖ เว้นแต่ที่กําหนดไว้ในประกาศนี้เป็นการเฉพาะ ให้นํากฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือนมาใช้บังคับแก่เครื่องแบบตุลาการศาลปกครองและการแต่งกายของตุลาการศาลปกครองโดยอนุโลม ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,505
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบการส่งข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติตาม ความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบการส่งข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติตาม ความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชกําหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดให้ผู้มีหน้าที่รายงานตามมาตรา 15 แห่งพระราชกําหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และรูปแบบการส่งข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ผู้มีหน้าที่รายงานต้องส่งมายังอธิบดีกรมสรรพากร (1) ข้อมูลของเจ้าของบัญชี (ก) ในกรณีเจ้าของบัญชีเป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ถือบัญชี ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี และวันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ของผู้ที่ต้องถูกรายงานแต่ละรายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี (ข) ในกรณีเจ้าของบัญชีเป็นนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือบัญชี ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ และหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของนิติบุคคล (2) ข้อมูลของผู้มีอํานาจควบคุมในนิติบุคคลตาม (1) (ข) ซึ่งถูกบ่งชี้ว่าเป็นผู้ที่ต้องถูกรายงาน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รัฐหรือภาคีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี และวันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิดของผู้ที่ต้องถูกรายงานแต่ละราย (3) เลขบัญชี หรือในกรณีที่ไม่มีเลขบัญชี สิ่งอื่นใดที่สามารถใช้แทนเลขบัญชีได้ (4) ชื่อและหมายเลขที่ใช้ระบุตัวตนของผู้มีหน้าที่รายงาน (5) ยอดคงเหลือหรือมูลค่าในบัญชี รวมถึงในกรณีของสัญญาประกันภัยมูลค่าเงินสดหรือสัญญาประกันชีวิตแบบเงินรายปี ได้แก่ มูลค่าเงินสด หรือมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์ ณ วันสุดท้ายของปีปฏิทินที่เกี่ยวข้อง หรือวันที่มีการปิดบัญชีในกรณีที่บัญชีถูกปิดระหว่างปี ทั้งนี้ ในกรณีมีการปิดบัญชีระหว่างปีให้ผู้มีหน้าที่รายงานรายงานข้อมูลเป็นศูนย์ . (6) ในกรณีของบัญชีดูแลสินทรัพย์ ได้แก่ (ก) ผลรวมของดอกเบี้ยทั้งหมด ผลรวมของเงินปันผลทั้งหมด และผลรวมของเงินได้อื่นใดทั้งหมดที่เกิดจากสินทรัพย์ในบัญชี ซึ่งในแต่ละกรณี ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือเงินได้อื่นใดดังกล่าวที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชี หรือเกี่ยวเนื่องกับบัญชี ระหว่างปีปฏิทิน และ (ข) เงินได้รวมทั้งหมดจากการขายหรือไถ่ถอนทรัพย์สินที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชีระหว่างปีปฏิทิน ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานดําเนินการในฐานะผู้รับฝาก นายหน้า ผู้กระทําการแทน หรือตัวแทนอื่นใดสําหรับเจ้าของบัญชี (7) ในกรณีของบัญชีเงินฝาก ได้แก่ จํานวนรวมของดอกเบี้ยทั้งหมดที่จ่ายหรือเครดิตเข้าบัญชีในระหว่างปีปฏิทิน และ (8) ในกรณีของบัญชีใด ๆ นอกจากบัญชีตาม (6) และ (7) ได้แก่ จํานวนรวมทั้งหมดที่จ่ายหรือเครดิตให้กับเจ้าของบัญชีซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบัญชีดังกล่าวระหว่างปีปฏิทิน ซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานเป็นผู้มีภาระผูกพันหรือเป็นลูกหนี้ รวมถึงการจ่ายเงินค่าไถ่ถอนทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้แก่เจ้าของบัญชีในระหว่างปีปฏิทิน ข้อ ๒ ให้ผู้มีหน้าที่รายงานระบุสกุลเงินของบัญชี โดยให้รายงานตามหน่วยสกุลเงินซึ่งผู้มีหน้าที่รายงานจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของผู้มีหน้าที่รายงาน ทั้งนี้ ในกรณีที่บัญชีที่ต้องถูกรายงานมีสกุลเงินที่ได้จัดเก็บไว้มากกว่าหนึ่งสกุลเงิน ให้ระบุสกุลเงินใดสกุลหนึ่งตามที่ได้มีการบันทึกไว้เพียงสกุลเงินเดียว รวมทั้งระบุสกุลเงินที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานด้วย ข้อ ๓ ผู้มีหน้าที่รายงานอาจดําเนินการส่งข้อมูลตามข้อ 1 (1) บางรายการสําหรับกรณีดังต่อไปนี้ (1) สําหรับบัญชีที่มีอยู่ ผู้มีหน้าที่รายงานไม่จําเป็นต้องรายงานข้อมูลหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ก็ได้ หากผู้มีหน้าที่รายงานไม่ได้มีข้อมูลดังกล่าวอยู่ในบันทึกของผู้มีหน้าที่รายงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไม่ได้ระบุให้มีข้อมูลดังกล่าว ในความครอบครอง อย่างไรก็ตาม ผู้มีหน้าที่รายงานจําเป็นต้องใช้ความพยายามตามสมควรเพื่อให้ได้มาซึ่งหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิด ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่มีอยู่ภายในช่วงเวลาปีปฏิทินที่สองถัดจากปีซึ่งบัญชีดังกล่าวถูกระบุเป็นบัญชีที่ต้องถูกรายงาน (2) ผู้มีหน้าที่รายงานไม่จําเป็นต้องรายงานหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี หากคู่สัญญาที่จะได้รับรายงานไม่มีการออกหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษี หรือกฎหมายภายในของคู่สัญญาที่จะได้รับรายงานไม่บังคับให้ต้องมีการรวบรวมหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีที่ออกโดยคู่สัญญาที่จะได้รับรายงานดังกล่าว (3) ผู้มีหน้าที่รายงานไม่จําเป็นต้องรายงานข้อมูลสถานที่เกิดก็ได้ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่รายงานถูกกําหนดให้ต้องได้มาและรายงานซึ่งสถานที่เกิดตามกฎหมายภายใน และข้อมูลดังกล่าวสามารถสืบค้นได้จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ที่มีหน้าที่รายงาน ข้อ ๔ ในกรณีผู้มีหน้าที่รายงานไม่มีบัญชีที่ต้องถูกรายงานในรอบระยะเวลารายงานใด ผู้มีหน้าที่รายงานจะรายงานการไม่มีบัญชีที่ต้องถูกรายงานในรอบระยะเวลารายงานนั้นแก่กรมสรรพากรหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๕ ให้ผู้มีหน้าที่รายงานหรือตัวแทนส่งข้อมูลตามข้อ 1 ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้ (๑)เข้าสู่ระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยตรง โดยใช้ชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ได้รับจากการลงทะเบียนเข้าใช้ระบบดังกล่าวของกรมสรรพากร (2) ส่งข้อมูลตาม CRS XML Schema ตามที่กําหนดไว้ในมาตรฐานการรายงานข้อมูลทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) และสอดคล้องกับรูปแบบและวิธีการนําเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) ตามแนวทางที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยข้อมูลที่ผู้มีหน้าที่รายงานส่งมายังอธิบดีกรมสรรพากรต้องเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การส่งข้อมูลจะสมบูรณ์เมื่อผู้มีหน้าที่รายงานนั้นได้รับการแจ้งข้อความจาก ระบบของกรมสรรพากรในการยืนยันการส่งรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินดังกล่าวสมบูรณ์แล้ว ข้อ ๖ ผู้มีหน้าที่รายงานอาจแต่งตั้งตัวแทนเพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีทางการเงินมายังอธิบดีกรมสรรพากรก็ได้ โดยให้ผู้มีหน้าที่รายงานจัดทําเอกสารหลักฐานอันแสดงถึงการแต่งตั้งตัวแทนเช่นว่านั้น ให้นําความในข้อ 1 ถึงข้อ 5 มาใช้บังคับกับการรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินโดยตัวแทนตามวรรคหนึ่ง โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตัวแทนต้องแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนตามวรรคหนึ่งต่ออธิบดีกรมสรรพากรโดยการนําเข้าเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งตัวแทนนั้นสู่ระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป (Common Reporting Standard: CRS) และผู้มีหน้าที่รายงานต้องแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนดังกล่าวบนระบบรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทั่วไป(Common Reporting Standard: CRS) ด้วย เว้นแต่กรณีกองทุนซึ่งมีผู้จัดการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ให้กองทุนซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รายงานไม่ต้องแจ้งการแต่งตั้งตัวแทนดังกล่าวต่ออธิบดีกรมสรรพากรก็ได้ ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕66 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,506
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดรายชื่อรัฐหรือภาคีซึ่งเป็นคู่สัญญา ตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กําหนดรายชื่อรัฐหรือภาคีซึ่งเป็นคู่สัญญา ตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ เพื่อรองรับการดําเนินการตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Multilateral Competent Authority Agreement on Automatic Exchange of Information) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๓ แห่ง พระราชกําหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 ประกาศรายชื่อรัฐหรือภาคีซึ่งเป็นคู่สัญญาตามความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กําหนดรายชื่อรัฐหรือภาคีดังต่อไปนี้ให้เป็นคู่สัญญาที่เข้าร่วม (Participating Jurisdiction) (1) สาธารณรัฐแอลเบเนีย (2) ราชรัฐอันดอร์รา (3) แองกวิลลา (4) แอนติกาและบาร์บูดา (5) สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (6) อารูบา (7) เครือรัฐออสเตรเลีย (8) สาธารณรัฐออสเตรีย (9) สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน (10) เครือรัฐบาฮามาส (11) ราชอาณาจักรบาห์เรน (12) บาร์เบโดส (13) ราชอาณาจักรเบลเยียม (14) เบลีซ (15) เบอร์มิวดา (16) สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล (17) หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (18) บรูไนดารุสซาลาม (19) สาธารณรัฐบัลแกเรีย (20) แคนาดา (21) หมู่เกาะเคย์แมน (22) สาธารณรัฐชิลี (23) สาธารณรัฐประชาชนจีน (24) สาธารณรัฐโคลอมเบีย (25) หมู่เกาะคุก (26) สาธารณรัฐคอสตาริกา (27) สาธารณรัฐโครเอเชีย (28) กูราเซา (29) สาธารณรัฐไซปรัส (30) สาธารณรัฐเช็ก (31) ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (32) เครือรัฐดอมินีกา (33) สาธารณรัฐเอกวาดอร์ (34) สาธารณรัฐเอสโตเนีย (35) หมู่เกาะแฟโร (36) สาธารณรัฐฟินแลนด์ (37) สาธารณรัฐฝรั่งเศส (38) นิวแคลิโดเนีย (39) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (40) สาธารณรัฐกานา (41) ยิบรอลตาร์ (42) สาธารณรัฐเฮลเลนิก (43) กรีนแลนด์ (44) เกรเนดา (45) เกิร์นซีย์ (46) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง (ของสาธารณรัฐประชาชนจีน) (47) ฮังการี (48) สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ (49) สาธารณรัฐอินเดีย (50) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (51) ไอร์แลนด์ (52) รัฐอิสราเอล (53) เกาะแมน (54) สาธารณรัฐอิตาลี (55) จาเมกา (56) ญี่ปุ่น (57) เจอร์ซีย์ (58) สาธารณรัฐคาซัคสถาน (59) สาธารณรัฐเคนยา (60) สาธารณรัฐเกาหลี (61) รัฐคูเวต (62) สาธารณรัฐลัตเวีย (63) สาธารณรัฐเลบานอน (64) สาธารณรัฐไลบีเรีย (65) ราชรัฐลิกเตนสไตน์ (66) สาธารณรัฐลิทัวเนีย (67) ราชรัฐลักเซมเบิร์ก (68) เขตบริหารพิเศษมาเก๊า (69) มาเลเซีย (70) สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (71) สาธารณรัฐมอลตา (72) สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ (73) สาธารณรัฐมอริเชียส (74) สหรัฐเม็กซิโก (75) ราชรัฐโมนาโก (76) มอนต์เซอร์รัต (77) ราชอาณาจักรโมร็อกโก (78) สาธารณรัฐนาอูรู (79) ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (80) นิวซีแลนด์ (81) สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย (82) นีอู (83) ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (84) รัฐสุลต่านโอมาน (85) สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน (86) สาธารณรัฐปานามา (87) สาธารณรัฐเปรู (88) สาธารณรัฐโปแลนด์ (89) สาธารณรัฐโปรตุเกส (90) รัฐกาตาร์ (91) โรมาเนีย (92) สหพันธรัฐรัสเซีย (93) เซนต์คิตส์และเนวิส (94) เซนต์ลูเชีย (95) เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (96) รัฐเอกราชซามัว (97) สาธารณรัฐซานมารีโน (98) ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (99) สาธารณรัฐเซเชลส์ (100) สาธารณรัฐสิงคโปร์ (101) ซินต์มาร์เติน (102) สาธารณรัฐสโลวัก (103) สาธารณรัฐสโลวีเนีย (104) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (105) ราชอาณาจักรสเปน (106) ราชอาณาจักรสวีเดน (107) สมาพันธรัฐสวิส (108) สาธารณรัฐตุรกี (109) หมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส (110) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (111) สหราชอาณาจักร (112) สาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย (113) สาธารณรัฐวานูอาตู ข้อ ๒ กําหนดรายชื่อรัฐหรือภาคีดังต่อไปนี้ให้เป็นคู่สัญญาที่จะได้รับรายงาน (Reportable Jurisdiction) (1) สาธารณรัฐแอลเบเนีย (2) ราชรัฐอันดอร์รา (3) แองกวิลลา (4) แอนติกาและบาร์บูดา (5) สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (6) อารูบา (7) เครือรัฐออสเตรเลีย (8) สาธารณรัฐออสเตรีย (9) สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน (10) เครือรัฐบาฮามาส (11) ราชอาณาจักรบาห์เรน (12) บาร์เบโดส (13) ราชอาณาจักรเบลเยียม (14) เบลีซ (15) เบอร์มิวดา (16) สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล (17) หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (18) บรูไนดารุสซาลาม (19) สาธารณรัฐบัลแกเรีย (20) แคนาดา (21) หมู่เกาะเคย์แมน (22) สาธารณรัฐชิลี (23) สาธารณรัฐประชาชนจีน (24) สาธารณรัฐโคลอมเบีย (25) หมู่เกาะคุก (26) สาธารณรัฐคอสตาริกา (27) สาธารณรัฐโครเอเชีย (28) กูราเซา (29) สาธารณรัฐไซปรัส (30) สาธารณรัฐเช็ก (31) ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (32) เครือรัฐดอมินีกา (33) สาธารณรัฐเอกวาดอร์ (34) สาธารณรัฐเอสโตเนีย (35) หมู่เกาะแฟโร (36) สาธารณรัฐฟินแลนด์ (37) สาธารณรัฐฝรั่งเศส (38) นิวแคลิโดเนีย (39) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (40) สาธารณรัฐกานา (41) ยิบรอลตาร์ (42) สาธารณรัฐเฮลเลนิก (43) กรีนแลนด์ (44) เกรเนดา (45) เกิร์นซีย์ (46) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง (ของสาธารณรัฐประชาชนจีน) (47) ฮังการี (48) สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ (49) สาธารณรัฐอินเดีย (50) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (51) ไอร์แลนด์ (52) รัฐอิสราเอล (53) เกาะแมน (54) สาธารณรัฐอิตาลี (55) จาเมกา (56) ญี่ปุ่น (57) เจอร์ซีย์ (58) สาธารณรัฐคาซัคสถาน (59) สาธารณรัฐเคนยา (60) สาธารณรัฐเกาหลี (61) รัฐคูเวต (62) สาธารณรัฐลัตเวีย (63) สาธารณรัฐเลบานอน (64) สาธารณรัฐไลบีเรีย (65) ราชรัฐลิกเตนสไตน์ (66) สาธารณรัฐลิทัวเนีย (67) ราชรัฐลักเซมเบิร์ก (68) เขตบริหารพิเศษมาเก๊า (69) มาเลเซีย (70) สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (71) สาธารณรัฐมอลตา (72) สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ (73) สาธารณรัฐมอริเชียส (74) สหรัฐเม็กซิโก (75) ราชรัฐโมนาโก (76) มอนต์เซอร์รัต (77) ราชอาณาจักรโมร็อกโก (78) สาธารณรัฐนาอูรู (79) ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (80) นิวซีแลนด์ (81) สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย (82) นีอู (83) ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (84) รัฐสุลต่านโอมาน (85) สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน (86) สาธารณรัฐปานามา (87) สาธารณรัฐเปรู (88) สาธารณรัฐโปแลนด์ (89) สาธารณรัฐโปรตุเกส (90) รัฐกาตาร์ (91) โรมาเนีย (92) สหพันธรัฐรัสเซีย (93) เซนต์คิตส์และเนวิส (94) เซนต์ลูเชีย (95) เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ (96) รัฐเอกราชซามัว (97) สาธารณรัฐซานมารีโน (98) ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (99) สาธารณรัฐเซเชลส์ (100) สาธารณรัฐสิงคโปร์ (101) ซินต์มาร์เติน (102) สาธารณรัฐสโลวัก (103) สาธารณรัฐสโลวีเนีย (104) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (105) ราชอาณาจักรสเปน (106) ราชอาณาจักรสวีเดน (107) สมาพันธรัฐสวิส (108) สาธารณรัฐตุรกี (109) หมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส (110) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (111) สหราชอาณาจักร (112) สาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย (113) สาธารณรัฐวานูอาตู ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,507
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2)
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกําหนดเวลาการชําระภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ของผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ (ฉบับที่ 2) โดยที่มาตรา ๘๒/๑๓ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ กําหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๓ แห่งประมวลรัษฎากร แต่เนื่องจากมีผู้ประกอบการจํานวนมากชําระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่สําเร็จหรือไม่ครบถ้วนภายในกําหนดเวลา เนื่องจากเหตุขัดข้องในการชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม อื่นๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาศัยอํานาจตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร ขยายเวลาการชําระภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปอีก 8 วัน นับแต่วันสุดท้ายของกําหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มหรือที่ได้รับการขยายกําหนดเวลาตามมาตรา ๓ อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่วันใดจะเป็นวันสุดท้าย สําหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ เฉพาะกรณีที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี (แบบ P.P.30.9) ภายในกําหนดเวลาดังกล่าวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่การชําระภาษีมูลค่าเพิ่มไม่สําเร็จหรือไม่ครบถ้วนภายในกําหนดเวลา ทั้งนี้ สําหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชําระภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับเดือนภาษีกันยายน ๒๕๖6 ถึงเดือนภาษีสิงหาคม ๒๕๖8 อื่นๆ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖6 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖6 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
10,508
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง พ.ศ. 2557
ระเบียบสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง พ.ศ. 2557 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เนื่องจากมาตรา 113 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 และมาตรา 68 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 บัญญัติให้นํา บทบัญญัติเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาใช้บังคับโดยอนุโลมในกรณีที่ผู้ถูกลงโทษปรับทางปกครองไม่ยอมชําระค่าปรับทางปกครองและโดยที่มาตรา 6 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง พ.ศ. 2539 กําหนดให้ผู้บริหารกิจการของหน่วยงานของรัฐเป็นผู้มีอํานาจในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยการยึด หรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับ คําสั่งทางปกครองที่ให้ชําระเงินแก่หน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เพื่อให้การใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ สํานักงานจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เป็นต้นไป ข้อ ๒ การใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามระเบียบนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) การบังคับทางปกครองกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองให้เป็นไปตามหมวด 2 (2) การยึดทรัพย์สินให้เป็นไปตามหมวด 3 (3) การอายัดทรัพย์สินให้เป็นไปตามหมวด 4 (4) การขายทอดตลาดทรัพย์สินให้เป็นไปตามหมวด 5 (5) การถอนการบังคับทางปกครองให้เป็นไปตามหมวด 6 ข้อ ๓ ในกรณีที่ไม่มีข้อกําหนดในระเบียบนี้ว่าด้วยวิธีการยึด การอายัดและการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่สามารถนํามาปฏิบัติได้ ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยอนุโลม และ ให้คําวินิจฉัยชี้ขาดของเลขาธิการเป็นที่สุดหากเกิดปัญหาในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “การบังคับทางปกครอง” หมายความว่า การดําเนินการใด ๆ เพื่อให้ได้รับชําระเงิน ตามคําสั่งทางปกครอง เช่น การยึด การอายัด หรือการขายทอดตลาด “ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครอง” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับมอบหมาย จากเลขาธิการให้ดําเนินการบังคับทางปกครองกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง “ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งถูกลงโทษปรับทางปกครองตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 หรือ พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 "ยึด” หมายความว่า การกระทําใด ๆ ต่อทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่ง ทางปกครอง เพื่อให้ทรัพย์สินนั้นเข้ามาอยู่ในความควบคุมดูแลหรือครอบครองของผู้ดําเนินการบังคับทางปกครอง “อายัด” หมายความว่า การสั่งให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือบุคคลภายนอก มิให้จําหน่าย จ่าย โอน หรือกระทํานิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน หรือสิทธิเรียกร้องที่ได้สั่งอายัดไว้ รวมตลอดถึงการสั่งบุคคลภายนอกมิให้นําส่งทรัพย์สินหรือชําระหนี้แก่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง แต่ให้ส่งมอบหรือชําระหนี้ต่อสํานักงาน “การขายทอดตลาด” หมายความว่า การนําเอาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่ง ทางปกครองออกขายโดยวิธีให้สู้ราคากันโดยเปิดเผย “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย หมวด ๑ บททั่วไป \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๕ เลขาธิการเป็นผู้มีอํานาจสั่งหรือออกประกาศให้ดําเนินการบังคับทางปกครอง ตามระเบียบนี้ ทั้งนี้ คําสั่งให้ยึดทรัพย์สิน ประกาศให้ยึดทรัพย์สิน คําสั่งให้อายัดทรัพย์สิน คําสั่งให้ ขายทอดตลาดทรัพย์สิน และประกาศให้ขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ใช้ตามแบบที่กําหนดท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๖ การส่งหนังสือหรือการแจ้งคําสั่งตามระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามหมวด 4 การแจ้งแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ข้อ ๗ เมื่อมีคําสั่งเรียกให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองชําระเงิน หากถึงกําหนดชําระ แล้วไม่มีการชําระโดยถูกต้องครบถ้วน ให้สํานักงานมีหนังสือเตือนให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ชําระเงินภายในระยะเวลาที่กําหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน โดยให้ระบุด้วยว่าถ้าไม่มีการปฏิบัติ ตามหนังสือเตือนดังกล่าวสํานักงานมีอํานาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองเพื่อชําระเงินให้ถูกต้องครบถ้วนได้ การใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามวรรคหนึ่งสามารถดําเนินการได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่สํานักงานรู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หรือภายในสิบปี นับแต่วันที่สํานักงานออกคําสั่งให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองชําระเงิน ข้อ ๘ การสืบหาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ขอความร่วมมือจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินอื่นใดในธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ (2) ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุม ดูแล หรือเก็บรักษาหลักทรัพย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารทางการเงินอื่นใด เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าวที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง รวมทั้งขอความร่วมมือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นายทะเบียนหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบหุ้นที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (3) ตรวจสอบทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองโดยประสานงานกับหน่วยงานที่จัดทําทะเบียนหรือมีบัญชีควบคุมสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว (4) ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ครอบครัวของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิเรียกร้องซึ่งอาจยึดหรืออายัด และขายทอดตลาดเพื่อชําระหนี้ได้ โดยให้ตรวจสอบตามภูมิลําเนาของบุคคลดังกล่าว (5) สืบหาทรัพย์สินอื่นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองในสถานที่ประกอบกิจการ บ้านที่อยู่อาศัย คลังสินค้า โรงงาน หรือร้านค้าขายของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หรือของครอบครัวหรือผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองไว้ในความครอบครอง ข้อ ๙ การสืบหาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ขอความร่วมมือจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินอื่นใดในธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ (2) ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุม ดูแล หรือเก็บรักษาหลักทรัพย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารทางการเงินอื่นใด เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าวที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง รวมทั้งขอความร่วมมือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นายทะเบียนหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบหุ้นที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (3) ตรวจสอบทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองโดยประสานงานกับหน่วยงานที่จัดทําทะเบียนหรือมีบัญชีควบคุมสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว (4) ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ครอบครัวของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิเรียกร้องซึ่งอาจยึดหรืออายัด และขายทอดตลาดเพื่อชําระหนี้ได้ โดยให้ตรวจสอบตามภูมิลําเนาของบุคคลดังกล่าว (5) สืบหาทรัพย์สินอื่นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองในสถานที่ประกอบกิจการ บ้านที่อยู่อาศัย คลังสินค้า โรงงาน หรือร้านค้าขายของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หรือของครอบครัวหรือผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองไว้ในความครอบครอง ข้อ ๑๐ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองดําเนินการสืบหาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับ คําสั่งทางปกครองและประเมินราคาทรัพย์สินนั้นตามที่กําหนดไว้ในส่วนที่ 2 วิธีการประเมินราคาทรัพย์สิน ของหมวด 3 การยึดทรัพย์สิน ในการสืบหาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง เลขาธิการอาจแต่งตั้ง บุคคลอื่นที่มิใช่พนักงานของสํานักงาน ให้เป็นผู้ร่วมดําเนินการหรือเป็นผู้ดําเนินการสืบหาทรัพย์สิน ก็ได้ ข้อ ๑๑ การสืบหาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ขอความร่วมมือจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝาก หลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินอื่นใดในธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้น ๆ (2) ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุม ดูแล หรือเก็บรักษาหลักทรัพย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตราสารทางการเงินอื่นใด เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าวที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง รวมทั้งขอความร่วมมือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ นายทะเบียนหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบหุ้นที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (3) ตรวจสอบทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองโดยประสานงานกับหน่วยงานที่จัดทําทะเบียนหรือมีบัญชีควบคุมสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว (4) ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ปรากฏชื่อของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ครอบครัวของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิเรียกร้องซึ่งอาจยึดหรืออายัด และขายทอดตลาดเพื่อชําระหนี้ได้ โดยให้ตรวจสอบตามภูมิลําเนาของบุคคลดังกล่าว (5) สืบหาทรัพย์สินอื่นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองในสถานที่ประกอบกิจการ บ้านที่อยู่อาศัย คลังสินค้า โรงงาน หรือร้านค้าขายของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หรือของครอบครัวหรือผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองไว้ในความครอบครอง ข้อ ๑๒ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองรายงานผลการสืบหาทรัพย์สินและผลการประเมินราคาทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองให้เลขาธิการทราบโดยไม่ชักช้า ข้อ ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ทรัพย์สินที่เป็นของคู่สมรสหรือที่เป็นของบุตรผู้เยาว์ของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับชําระหนี้ได้ ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองอาจยึดหรืออายัด และขายทอดตลาดตามระเบียบนี้ได้ ข้อ ๑๔ ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองต้องไม่ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานอื่นได้ยึดหรืออายัดไว้ก่อนแล้ว หรือทรัพย์สินที่มีกฎหมายบัญญัติให้ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี หมวด ๒ การบังคับทางปกครองกับผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๕ การใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองเพื่อการชําระค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองดําเนินการบังคับกับทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายต่อสํานักงานน้อยที่สุดก่อน หรือดําเนินการตามที่กําหนดในข้อ 16 ข้อ ๑๖ ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองอาจดําเนินการบังคับทางปกครองกับทรัพย์สิน (ถ้ามี) ตามลําดับต่อไปนี้ก็ได้ (1) เงินฝาก (2) พันธบัตรหรือหลักทรัพย์ (3) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (4) ตราสารทางการเงินอื่นใด (5) กรมธรรม์ประกันชีวิต (6) ทรัพย์สินที่มีทะเบียน เช่น ที่ดิน สิทธิการเช่า รถยนต์ เป็นต้น (7) ทรัพย์สินอื่นใดของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หมวด ๓ การยึดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ส่วน ๑ วิธีการยึดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๗ ในการดําเนินการยึดทรัพย์สิน ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองอาจดําเนินการ ดังต่อไปนี้เท่าที่มีความจําเป็น (1) ค้นสถานที่ใด ๆ อันเป็นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือได้ครอบครองอยู่ เช่น สถานที่ประกอบกิจการ บ้าน ที่อยู่อาศัย คลังสินค้า โรงงาน หรือร้านค้าขาย เป็นต้น (2) ยึดและตรวจสมุดบัญชี เอกสารหรือแผ่นกระดาษ (3) กระทําการใด ๆ เพื่อเปิดสถานที่ตาม (1) รวมทั้งตู้นิรภัย หรือที่เก็บของอื่น ๆ ข้อ ๑๘ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองยึดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองแต่เพียงพอกับค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึดทรัพย์สินและขายทอดตลาดและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้าผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองมีเพียงทรัพย์สินซึ่งไม่อาจแบ่งยึดได้ อันมีราคามากกว่าค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึดทรัพย์สินและขายทอดตลาด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง ให้ยึดทรัพย์สินที่ว่านั้นมาขายทอดตลาดทั้งหมด ข้อ ๑๙ ห้ามยึดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ดังต่อไปนี้ (1) เครื่องนุ่งห่มหลับนอน หรือเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยประมาณราคารวมกันตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 285 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หรือทรัพย์สินดังกล่าวที่มีราคาเกินกว่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 285 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเลขาธิการเห็นควร ให้เป็นทรัพย์สินที่ไม่ต้องอยู่ในบังคับแห่งระเบียบนี้โดยคํานึงถึงความจําเป็นตามฐานะของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (2) เครื่องมือหรือเครื่องใช้ในการเลี้ยงชีพหรือประกอบวิชาชีพ โดยประมาณรวมกันราคาไม่เกินกว่าที่กําหนดไว้ในมาตรา 285 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หรือทรัพย์สินดังกล่าวที่มีราคาเกินกว่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 285 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองมีคําขอโดยทําเป็นคําร้องต่อสํานักงานเพื่อขออนุญาตใช้ทรัพย์สินดังกล่าวและเลขาธิการเห็นควรให้เป็นทรัพย์สินที่ไม่ต้องอยู่ในบังคับแห่งระเบียบนี้ โดยคํานึงถึงความจําเป็นตามฐานะของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (3) วัตถุ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ที่จําเป็นต้องใช้ทําหน้าที่แทนหรือช่วยอวัยวะของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (4) ทรัพย์สินอย่างใดที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย หรือตามกฎหมายย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองอันมีลักษณะเป็นของส่วนตัวโดยแท้ เช่น หนังสือสําหรับวงศ์ตระกูลโดยเฉพาะ จดหมายหรือสมุดบัญชีต่าง ๆ นั้น อาจยึดมาตรวจดูเพื่อประโยชน์ แห่งการยึดทรัพย์สินได้ถ้าจําเป็น แต่ห้ามมิให้เอาออกขายทอดตลาด ข้อ ๒๐ การยึดสังหาริมทรัพย์มีรูปร่างและอสังหาริมทรัพย์ ย่อมครอบไปถึงดอกผล แห่งทรัพย์สินนั้นด้วย เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ข้อ ๒๑ ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจะต้องดําเนินการยึดทรัพย์สินในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในวันทําการปกติของสํานักงาน เว้นแต่ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งจะทําการยึดทรัพย์สินในวันหยุดทําการของสํานักงานก็ได้ โดยได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ ข้อ ๒๒ ในกรณีที่คําสั่งให้ยึดทรัพย์สินได้ระบุเฉพาะเจาะจงให้ยึดทรัพย์สินสิ่งใด ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองยึดแต่เฉพาะทรัพย์สินสิ่งนั้น ข้อ ๒๓ ก่อนทําการยึดทรัพย์สิน ให้ผู้ดําเนินการบงคั ับทางปกครองดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) พิจารณาตรวจสอบให้แน่ชัดว่าจะต้องยึดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือไม่ และจํานวนราคาทรัพย์สินที่จะยึดได้ตามกฎหมายมีประมาณเท่าใด (2) แสดงคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินต่อผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หรือบุคคลที่ระบุไว้ในคําสั่งให้ยึดทรัพย์สิน ถ้าไม่ปรากฏตัวบุคคลดังกล่าวให้แสดงต่อบุคคลที่อยู่ในสถานที่นั้นและปิดประกาศ ยึดทรัพย์สินไว้ ณ สถานที่ที่ยึดทรัพย์สิน ข้อ ๒๔ ในการดําเนินการบังคับทางปกครอง ให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อร่วมไปดําเนินการยึดทรัพย์สินด้วย และให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองนําคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินกับเครื่องมือไปพร้อมกับอุปกรณ์สําหรับการยึดทรัพย์สินด้วยเลขาธิการอาจกําหนดค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ตํารวจที่ร่วมดําเนินการยึดทรัพย์สินกับผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองได้ ข้อ ๒๕ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพและระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายเกินกว่าที่จําเป็น ข้อ ๒๖ การยึดทรัพย์สินที่มีทะเบียน เช่น รถยนต์ เครื่องจักร ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแจ้งการยึดไปยังนายทะเบียนแห่งทรัพย์สินนั้น ข้อ ๒๗ ถ้าจะยึดที่ดิน ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองดําเนินการให้ได้เอกสารสิทธิในที่ดินหรือสําเนาซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินรับรอง เพื่อตรวจสอบจําลองแผนที่หลังโฉนดที่ดินว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกันหรือไม่ หากเชื่อได้ว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกันแล้ว ให้บันทึกการยึดโดยบรรยายให้เห็นสภาพ และทําเลที่ตั้งของที่ดินในรายการยึดที่ดิน ข้อ ๒๘ ถ้าที่ดินที่ยึดนั้นมีสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นปลูกอยู่ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองบันทึกถ้อยคําของเจ้าของสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ ให้ปรากฏว่ามีสิทธิในที่ดินอย่างไร เช่น สิทธิเหนือพื้นดินหรือสิทธิตามสัญญาเช่า เป็นต้น ข้อ ๒๙ การยึดเรือน โรง หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองบันทึกการยึดโดยบรรยายให้เห็นสภาพของสิ่งนั้น ๆ เช่น พื้น ฝาผนัง ประตู หน้าต่าง เสา เครื่องบนและหลังคา ใช้วัสดุชนิดใด มีกี่ชั้น กี่ห้อง ขนาดกว้างยาวสูงเท่าใด เก่าหรือใหม่เพียงใด เลขทะเบียนเท่าไรถ้าเป็นสถานที่ให้เช่า ค่าเช่าเป็นจํานวนเท่าใด เป็นต้น ข้อ ๓๐ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งตามวิธีที่เห็นสมควรว่าได้มีการยึดทรัพย์สินแล้ว เช่น (1) การยึดสิ่งของ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองปิดหรือผูกแผ่นเลขหมายบนสิ่งของที่ยึดให้ตรงตามบัญชีทรัพย์สิน ถ้าสามารถเก็บรวมเข้าหีบหรือตู้ได้ก็ให้รวมไว้ แล้วปิดหีบหรือตู้และปิดเครื่องหมายแสดงการยึด (2) การยึดที่ดิน ห้องชุด เรือน โรง หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ให้ปิดประกาศหรือทําเครื่องหมายไว้ ข้อ ๓๑ ในการยึดทรัพย์สิน ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจัดทําบันทึกรายงานการดําเนินการโดยสังเขป หากมีพฤติการณ์หรือเหตุการณ์ที่สมควรบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก็ให้บันทึกไว้แล้วอ่านบันทึกนั้นให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ผู้มีส่วนได้เสีย บุคคลที่อยู่ ณ ที่ยึด ฟังแล้วให้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย ถ้าผู้ใดไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้บันทึกว่าอ่านให้ฟังแล้วไม่ยอมลงลายมือชื่อ พร้อมกับลงลายมือชื่อผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองและพยานรับรองไว้ ข้อ ๓๒ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจัดทําบัญชีทรัพย์สินที่ยึดโดยแสดงรายละเอียดไว้เช่น ชื่อ ประเภท จํานวน ขนาด น้ําหนัก สภาพและราคาประเมินแห่งทรัพย์สิน เป็นต้น ตามลําดับหมายเลข ข้อ ๓๓ การจดบัญชีทรัพย์สิน ถ้าเป็นทรัพย์สินหลายสิ่งราคาเล็กน้อย จะมัดรวมหรือกองรวมกันแล้วจดเป็นเลขหมายเดียวกันก็ได้ ข้อ ๓๔ เมื่อทําการยึดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองแล้ว ให้แจ้งรายการยึดและราคาประเมินให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองทราบ และถ้าทรัพย์สินที่ยึดมีผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมให้แจ้งการยึดให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมทราบด้วย หากไม่สามารถกระทําตามความในวรรคก่อนได้ ให้ปิดประกาศแจ้งการยึดไว้ ณ สถานที่ที่ยึดหรือประกาศแจ้งการยึดทางหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่าสามวัน ถ้าทรัพย์สินที่ยึดเป็นที่ดินและห้องชุด ให้แจ้งการยึดนั้นให้เจ้าพนักงานที่ดินท้องที่ที่ที่ดินตั้งอยู่ทราบเพื่อบันทึกการยึดไว้ในทะเบียน ข้อ ๓๕ เมื่อดําเนินการตามข้อ 34 แล้วเสร็จ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองรายงานผลการยึดทรัพย์สินพร้อมบัญชีทรัพย์สินที่ยึดต่อเลขาธิการ ข้อ ๓๖ ภายหลังมีประกาศหรือคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินแล้ว แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าทรัพย์สินนั้นไม่อาจยึดได้ตามกฎหมาย ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองรายงานต่อเลขาธิการเพื่อพิจารณาสั่งงดการยึดทรัพย์สิน เมื่อยึดทรัพย์สินแล้วปรากฏในภายหลังว่า ทรัพย์สินที่ยึดนั้นเป็นของบุคคลอื่น ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแจ้งให้เลขาธิการทราบเพื่อพิจารณาดําเนินการเพิกถอนการยึดทรัพย์สินนั้น ส่วน ๒ วิธีการประเมินราคาทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๓๗ การประเมินราคาทรัพย์สินบางประเภท หากมีความจําเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและประเมินราคา ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเสนอเลขาธิการเพื่อแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญได้ ข้อ ๓๘ การประเมินราคาที่ดินพึงพิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ประกอบกัน คือ (1) ราคาซื้อขายกันในท้องตลาดโดยคํานึงถึงสภาพแห่งที่ดินนั้นว่าเป็นที่ดินประเภทใด เช่น ที่อยู่อาศัย ที่โรงงาน ที่ให้บริการหรือค้าขาย ที่สวน ที่นา ที่ไร่ เป็นต้น และที่นั้นอยู่ในทําเลอย่างใดเช่น อยู่ในทําเลค้าขาย อยู่ติดถนนหรือแม่น้ําลําคลองหรือไม่ รถยนต์เข้าถึงหรือไม่ หากเป็นที่ให้เช่ามีผลประโยชน์หรือรายได้มากน้อยเพียงใด (2) ราคาที่ดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเคยมีการขายทอดตลาดไปแล้ว (3) ราคาซื้อขาย หรือจํานอง หรือขายฝากครั้งสุดท้ายของที่ดินที่ยึด และที่ดินข้างเคียง (4) ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ ๓๙ การประเมินราคาทรัพย์สินนอกจากที่ดิน ให้ประเมินตามราคาซื้อขายในท้องตลาดตามสภาพความเก่าใหม่ของทรัพย์สินนั้น ๆ ข้อ ๔๐ การประเมินราคาทรัพย์สินที่มีการจํานองหรือจํานําให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 38 และข้อ 39 แต่ให้หมายเหตุไว้ด้วยว่าจํานองหรือจํานําเมื่อใด ต้นเงินเท่าใด เพื่อประกอบดุลพินิจในการขายทอดตลาด ข้อ ๔๑ หากเลขาธิการเห็นว่าราคาทรัพย์สินที่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองประเมินไม่เหมาะสม หรือผู้มีส่วนได้เสียในการยึดทรัพย์สินร้องขอโดยมีเหตุอันสมควร เลขาธิการอาจมีคําสั่งให้ทําการประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ก็ได้ กรณีประเมินราคาตามคําร้องขอของผู้มีส่วนได้เสียในการยึดทรัพย์สิน ให้ผู้ร้องขอเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ส่วน ๓ การคัดค้านการยึดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๔๒ ถ้าบุคคลใดจะยื่นคําร้องคัดค้านการยึดทรัพย์สิน โดยกล่าวอ้างว่าผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่ง ทางปกครองไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองได้ยึดไว้ ก่อนนําทรัพย์สินดังกล่าว ออกขายทอดตลาด บุคคลนั้นอาจยื่นคําร้องขอต่อเลขาธิการเพื่อให้มีคําสั่งปล่อยทรัพย์สินดังกล่าว ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองงดการขายทอดตลาดหรือจําหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวนั้นไว้ในระหว่างรอคําวินิจฉัยชี้ขาดของเลขาธิการ เว้นแต่ (1) หากมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคําร้องขอนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงเวลาให้ล่าช้า เลขาธิการอาจสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อสํานักงานในเวลาที่กําหนดตามจํานวนเงินที่เห็นสมควรเพื่อประกันความเสียหายใด ๆ ที่อาจได้รับเนื่องจากเหตุที่เนิ่นช้าในการขายทอดตลาดอันเกิดแต่การยื่นคําร้องขอนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามเช่นว่านั้น ให้เลขาธิการยกคําร้องขอนั้นเสีย (2) ถ้าทรัพย์สินที่พิพาทนั้นเป็นสังหาริมทรัพย์และมีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่า คําร้องขอนั้นไม่มีเหตุผลอันควรฟัง หรือถ้าปรากฏว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นสังหาริมทรัพย์ที่เก็บไว้นานไม่ได้ เลขาธิการอาจสั่งให้ขายทอดตลาดหรือจําหน่ายทรัพย์สินนั้นโดยไม่ชักช้า ส่วน ๔ การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ยึด \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๔๓ ทรัพย์สินที่ยึดไว้แล้วให้นํามาเก็บรักษาไว้ที่สํานักงาน หรือ ณ สถานที่ที่เลขาธิการกําหนดแต่ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสิ่งของอื่นซึ่งลําบากต่อการขนย้ายให้มอบแก่บุคคลที่สมควรเป็นผู้ดูแลรักษาไว้ การมอบทรัพย์สินที่ยึดให้บุคคลอื่นดูแลรักษาให้ถือหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองยอมรับรักษาทรัพย์สินที่ยึด และผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเห็นสมควรจะมอบทรัพย์สินนั้นให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองเป็นผู้ดูแลรักษาก็ได้ (2) ถ้าผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองไม่รับรักษาทรัพย์สินที่ยึด เมื่อผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเห็นสมควรจะมอบทรัพย์สินไว้ในความดูแลของบุคคลอื่นซึ่งครอบครองทรัพย์สินนั้นอยู่ก็ได้ (3) ถ้าไม่สามารถปฏิบัติตาม (1) และ (2) ได้ ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจะเช่าสถานที่เก็บทรัพย์สินและจ้างคนดูแลรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ก็ได้ ข้อ ๔๔ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจดบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรักษาทรัพย์สินค่าใช้จ่ายในการยึดทรัพย์สิน ค่าเช่าสถานที่เก็บทรัพย์สิน และค่าจ้างดูแลรักษาทรัพย์สินไว้ในรายการยึดทรัพย์สิน ข้อ ๔๕ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองปฏิบัติตามวิธีการที่กําหนดไว้ในคําสั่งว่าด้วยการพัสดุของสํานักงาน ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) กรณีที่มีเหตุจําเป็นต้องมีการมอบทรัพย์สินที่ยึดไว้ในความดูแลของบุคคลอื่น (2) กรณีที่มีการเช่าสถานที่เพื่อเก็บรักษาทรัพย์สิน ข้อ ๔๖ ในกรณีที่ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทําให้สูญหาย ทําให้เสื่อมค่าทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่ยึด ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองรายงานให้เลขาธิการทราบเพื่อร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดําเนินคดีแก่ผู้กระทําผิด หมวด ๔ การอายัดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ส่วน ๑ วิธีการอายัดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๔๗ เมื่อเลขาธิการมีคําสั่งให้อายัดทรัพย์สินแล้ว ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแจ้งคําสั่งให้อายัดทรัพย์สินให้ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองและบุคคลภายนอกซึ่งต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นทราบ ข้อ ๔๘ ในการอายัดทรัพย์สิน ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองต้องยึดบรรดาเอกสารทั้งปวงที่ให้สิทธิแก่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองในอันที่จะได้รับมอบ หรือรับโอนทรัพย์สินหรือสิทธิหรือได้รับชําระเงิน ให้นําความในส่วนที่ 1 วิธีการยึดทรัพย์สิน ของหมวด 3 การยึดทรัพย์สิน มาใช้กับวิธีการอายัดทรัพย์สินโดยอนุโลม ข้อ ๔๙ ถ้าจะอายัดหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินอื่นใดที่มีหลักฐานการแสดงสิทธิในหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินนั้น ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักฐานการแสดงสิทธิดังกล่าว ข้อ ๕๐ ห้ามอายัดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ดังต่อไปนี้ (1) เบี้ยเลี้ยงชีพซึ่งกฎหมายกําหนดไว้ และเงินรายได้เป็นคราว ๆ อันบุคคลภายนอกได้ยกให้ เพื่อเลี้ยงชีพเป็นจํานวนรวมกันไม่เกินเดือนละห้าหมื่นบาท หรือตามจํานวนที่เลขาธิการเห็นตามสมควร โดยคํานึงถึงความจําเป็นตามฐานะของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (2) เงินเดือน ค่าจ้าง บํานาญ บําเหน็จ และเบี้ยหวัดหรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในหน่วยราชการ และเงินสงเคราะห์ บํานาญ หรือบําเหน็จที่หน่วยราชการได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น (3) เงินเดือน ค่าจ้าง บํานาญ ค่าชดใช้ เงินสงเคราะห์หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของพนักงาน ลูกจ้าง หรือคนงานนอกจากที่กล่าวไว้ใน (2) ที่นายจ้างจ่ายให้แก่บุคคลเหล่านั้นหรือคู่สมรส หรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น เป็นจํานวนรวมกันไม่เกินเดือนละห้าหมื่นบาทหรือตามจํานวนที่เลขาธิการเห็นตามสมควร โดยคํานึงถึงความจําเป็นตามฐานะของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (4) เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองได้รับอันเนื่องมาแต่ความตายของบุคคลอื่น เป็นจํานวนตามที่จําเป็นในการดําเนินการฌาปนกิจศพตามฐานะของผู้ตายที่เลขาธิการเห็นสมควร ส่วน ๒ การคัดค้านการยึดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๕๑ ถ้าบุคคลภายนอกซึ่งต้องส่งมอบทรัพย์สินปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ที่เรียกร้องเอาแก่ตนหรือไม่ส่งมอบทรัพย์สินตามคําสั่งอายัดทรัพย์สิน ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองทําการตรวจสอบหากปรากฏว่าหนี้ที่เรียกร้องมีอยู่จริงให้ออกคําสั่งให้บุคคลนั้นปฏิบัติตามคําสั่งให้อายัดทรัพย์สินภายในเวลาที่กําหนดอีกครั้ง ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองรายงานให้เลขาธิการทราบเพื่อพิจารณาดําเนินการฟ้องคดีกับบุคคลดังกล่าวถ้าบุคคลใดจะยื่นคําร้องคัดค้านการอายัดทรัพย์สิน โดยกล่าวอ้างว่าผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองไม่ใช่เจ้าหนี้ในสิทธิเรียกร้องที่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองได้อายัดไว้ ก่อนนําเงินมาชําระหนี้แก่สํานักงาน หรือนําทรัพย์สินออกขายทอดตลาด หรือดําเนินการโดยวิธีอื่น บุคคลนั้นอาจยื่นคําร้องขอต่อเลขาธิการ เพื่อให้มีคําสั่งปล่อยเงินหรือทรัพย์สินเช่นว่านั้น ทั้งนี้ ให้นําความในส่วนที่ 3 การคัดค้านการยึดทรัพย์สิน ของหมวด 3 การยึดทรัพย์สิน มาใช้บังคับโดยอนุโลม ส่วน ๓ การจักการทรัพย์สินที่อายัด \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๕๒ เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินตามสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัดนั้นให้แก่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแล้ว ให้นําทรัพย์สินนั้นออกขายโดยวิธีการขายทอดตลาด เว้นแต่ (1) ถ้าเป็นเงินฝากที่เปิดบัญชีไว้กับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง หากได้มีการส่งมอบเงินตามสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัดนั้นให้แก่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแล้ว ให้นําเงินจํานวนดังกล่าวมาชําระเป็นค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการอายัดทรัพย์สิน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (2) ถ้าเป็นหลักทรัพย์ และตราสารทางการเงินอื่นใด ซึ่งเป็นของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง (ออกให้แก่ผู้ถือหรือออกในนามของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง) เมื่อได้มีการส่งมอบหลักทรัพย์ และตราสารทางการเงินนั้นให้แก่ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองแล้ว ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองอาจเสนอต่อเลขาธิการ เพื่อมีคําสั่งอนุญาตให้จําหน่ายสิ่งเหล่านั้นตามราคาที่มีการซื้อขายในวันที่ขาย ณ ตลาดหรือสถานที่ซื้อขายที่มีราคาอ้างอิง (3) ถ้าเป็นตราสารทางการเงินอื่นใดที่ไม่มีราคาที่มีการซื้อขายในวันที่ขาย ณ ตลาดหรือสถานที่ซื้อขายที่มีราคาอ้างอิง ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองอาจเสนอให้เลขาธิการมีคําสั่งอนุญาตจําหน่ายตามราคาที่ปรากฏในตราสาร หรือราคาต่ํากว่านั้นตามที่เลขาธิการเห็นสมควร ถ้าเลขาธิการไม่อนุญาต ให้นําตราสารนั้นออกขายทอดตลาด (4) ถ้าการจําหน่ายสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัดนั้น กระทําได้โดยยากเนื่องจากการชําระหนี้นั้นต้องอาศัยการชําระหนี้ตอบแทนหรือมีเหตุอื่นอันจะทําให้การชําระหนี้นั้นล่าช้าออกไปและอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ เมื่อบุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองร้องขอ เลขาธิการอาจมีคําสั่งให้จําหน่ายโดยวิธีอื่นก็ได้ ให้นําความในส่วนที่ 4 การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ยึด ของหมวด 3 การยึดทรัพย์สินมาใช้กับการจัดการทรัพย์สินที่อายัดโดยอนุโลม หมวด ๕ การขายทอดตลาดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ส่วน ๑ วิธีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๕๓ ในการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้มีคณะกรรมการจัดการขายทอดตลาดคณะหนึ่งเรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ” ซึ่งเลขาธิการแต่งตั้งจากพนักงานของสํานักงานไม่น้อยกว่าสามคนโดยให้มีพนักงานตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้อํานวยการฝ่ายเป็นประธานคณะกรรมการ หากจําเป็นเลขาธิการจะแต่งตั้งบุคคลอื่นที่เห็นสมควรเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วยก็ได้ เพื่อดําเนินการขายทอดตลาด ทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ ข้อ ๕๔ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจัดทํารายงานขออนุญาตขายทอดตลาดทรัพย์สินพร้อมทั้งแนบเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเสนอความเห็นว่าควรขายทอดตลาดทรัพย์สินไว้ในรายงานพร้อมทั้งเสนอให้เลขาธิการลงนามในคําสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินเสร็จสิ้น ข้อ ๕๕ เมื่อเลขาธิการมีคําสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินแล้ว ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจัดทําประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สิน โดยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่จะขาย เช่น ชื่อเจ้าของทรัพย์สิน วัน เวลา สถานที่ที่จะขาย ชื่อ ประเภท ลักษณะ จํานวน ขนาด น้ําหนักและภาระติดพันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ๆ เป็นต้น ถ้าเป็นที่ดินให้แจ้งเนื้อที่ อาณาเขตกว้างยาวชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง สถานที่ตั้ง พร้อมทั้งแผนที่สังเขป เสนอประธานคณะกรรมการเพื่อลงนาม ข้อ ๕๖ เมื่อประธานคณะกรรมการกําหนดสถานที่ดําเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินและได้ลงนามในประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินแล้ว ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองจัดส่งประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นแก่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองและผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งปิดประกาศไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ที่จะขาย สถานที่ที่ทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่ ที่ชุมนุมชน และสถานที่ราชการอันเห็นสมควร ก่อนกําหนดวันขายไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการเห็นสมควรจะลงประกาศโฆษณาการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นในหนังสือพิมพ์รายวัน หรือทางวิทยุกระจายเสียง หรือทางโทรทัศน์ หรือทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนกําหนดวันขายไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก็ได้ ข้อ ๕๗ การกําหนดวันขายทอดตลาดในประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง กําหนดวันขายเมื่อพ้นสามสิบวัน นับแต่วันที่ที่ลงประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินแต่ไม่เกินเก้าสิบวัน (2) โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ และทรัพย์สินอื่น กําหนดวันขายเมื่อพ้นยี่สิบวัน นับแต่วันที่ที่ลงประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินแต่ไม่เกินสามสิบวัน ในกรณีจําเป็นเร่งด่วน คณะกรรมการอาจขายทอดตลาดทรัพย์สินได้เมื่อพ้นระยะเวลาอย่างน้อยห้าวัน นับแต่วันที่ยึดทรัพย์สินเสร็จสิ้น ทั้งนี้ ไม่ให้นําข้อ 56 มาใช้บังคับกับกรณีนี้ ในกรณีของสดหรือของเสียง่ายให้นําออกขายได้ทันที หรือดําเนินการโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดยไม่ต้องนําข้อ 55 และข้อ 56 มาใช้บังคับแก่กรณีดังกล่าว เมื่อประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินไปแล้ว หากมีความจําเป็น คณะกรรมการอาจเลื่อนหรืองดการขายทอดตลาดทรัพย์สินก็ได้ ข้อ ๕๘ การขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้คณะกรรมการถือปฏิบัติ ดังนี้ (1) การขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ติดจํานอง ให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้รับจํานองทราบถึงวันเวลา และสถานที่ที่จะทําการขายทอดตลาด พร้อมทั้งให้สอบถามผู้รับจํานองถึงรายละเอียดของภาระจํานอง เช่น ต้นเงิน ดอกเบี้ยที่ค้างชําระ ตลอดจนวิธีการขายทอดตลาดว่าจะให้ขายโดยติดจํานองหรือปลอดจํานอง ถ้าผู้รับจํานองไม่แจ้งให้ทราบภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ก็ให้ขายทรัพย์สินโดยติดจํานอง ในกรณีที่ได้รับแจ้งจากผู้รับจํานองให้ขายทรัพย์สินโดยปลอดจํานอง คณะกรรมการอาจพิจารณาให้ขายทรัพย์สินโดยติดจํานองก็ได้เมื่อได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ การขายทรัพย์สินอย่างติดจํานอง ให้แสดงรายชื่อผู้รับจํานองพร้อมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยที่ยังค้างชําระจนถึงวันขาย และข้อความว่าผู้ใดซื้อทรัพย์สินนั้นต้องรับภาระจํานองติดไปด้วยไว้ในประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินโดยชัดเจน การขายทอดตลาดทรัพย์สินโดยปลอดจํานอง การกําหนดราคาขายให้พิจารณาถึงต้นเงินดอกเบี้ยจํานอง ซึ่งยังค้างชําระแก่ผู้รับจํานองจนถึงวันขาย พร้อมทั้งค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการยึดและขายทอดตลาด และเงินที่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองต้องชําระ ถ้าคาดหมายว่าเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไม่อาจปลดเปลื้องหนี้ได้ หรือหากขายทอดตลาดแล้ว เจ้าหนี้จํานองจะได้รับเงินจากการขายทอดตลาดไปทั้งหมด ก็ให้งดการขายทอดตลาดและรายงานเลขาธิการพิจารณาสั่งการเป็นราย ๆ ไป การขอรับชําระหนี้ของผู้รับจํานอง ให้ถือหนังสือตอบรับของผู้รับจํานองเป็นคําขอรับชําระหนี้จํานองก่อนจ่ายเงินชําระหนี้จํานองพร้อมดอกเบี้ยต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนว่า หนี้จํานองและดอกเบี้ยเป็นหนี้บุริมสิทธิที่จะได้รับชําระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญหรือไม่และผู้รับจํานองได้ปลดหนี้จํานองให้แล้วพร้อมทั้งให้ขอใบรับยึดถือไว้เป็นหลักฐานในการชําระหนี้จํานองพร้อมดอกเบี้ยด้วย จึงจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจํานองได้ (2) ถ้าทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดเป็นตู้นิรภัย กําปั่นเหล็ก หีบ หรือที่เก็บของอื่นให้คณะกรรมการจัดการเปิดเสียก่อน จึงจะขายทอดตลาดได้ (3) การขายทอดตลาดทรัพย์สินประเภทซึ่งผู้ยึดถือครอบครองจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายเสียก่อน เช่น อาวุธปืน เป็นต้น ให้ผู้ซื้อวางมัดจําไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของราคาซื้อ และให้ผู้ซื้อจัดการนําใบอนุญาตมาแสดงภายในสามสิบวัน พร้อมทั้งชําระเงินที่ค้างให้ครบถ้วนถ้าพ้นกําหนดนี้แล้วผู้ซื้อไม่สามารถนําใบอนุญาตมาแสดงได้ ก็ให้ริบเงินมัดจํานั้นและให้จัดการขายทอดตลาดใหม่ได้ (4) การขายทอดตลาดทรัพย์สินหลายสิ่งให้ปฏิบัติ ดังนี้ (ก) ให้แยกขายทีละสิ่งต่อเนื่องกัน แต่คณะกรรมการมีอํานาจ 1. จัดสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีราคาเล็กน้อยรวมขายเป็นกอง ๆ ได้ 2. จัดสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์สองสิ่งหรือกว่านั้นขึ้นไปรวมขายไปด้วยกันได้ในเมื่อเป็นที่คาดหมายว่าเงินรายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น (ข) ในการขายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และทรัพย์สินนั้นอาจแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ ได้ คณะกรรมการมีอํานาจขายทรัพย์สินนั้นเป็นส่วน ๆ ได้ ในเมื่อเป็นที่คาดหมายว่าเงินรายได้ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น (ค) การขายทรัพย์สินหลายสิ่งด้วยกัน คณะกรรมการมีอํานาจกําหนดลําดับที่จะขายทรัพย์สินนั้นได้ (ง) บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาด อาจร้องขอให้คณะกรรมการรวมหรือแยก หรือให้ขายทรัพย์สินนั้นตามลําดับที่กําหนดไว้ หรือจะร้องคัดค้านการขายของคณะกรรมการ ใน (ก) ถึง (ค) ก็ได้ ในกรณีที่คณะกรรมการไม่ยอมปฏิบัติตามคําร้องขอหรือคัดค้านเช่นว่านั้นผู้มีส่วนได้เสียจะยื่นคําขอต่อเลขาธิการโดยทําเป็นคําร้องภายในเจ็ดวัน นับแต่วันปฏิเสธเพื่อขอให้มีคําสั่งชี้ขาดในเรื่องนั้นก็ได้ ข้อ ๕๙ วิธีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้คณะกรรมการดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) ก่อนเริ่มขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ปักธงเครื่องหมายการขายทอดตลาดและอ่านประกาศเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สิน ณ สถานที่ขายโดยเปิดเผย (2) คณะกรรมการจะใช้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ตนเป็นผู้จัดการขายไม่ได้ (3) เมื่อคณะกรรมการเห็นว่าทรัพย์สินที่ทําการขายทอดตลาดมีมูลค่าสูงมากหรือมีผู้ใดจะสู้ราคาโดยไม่สุจริต หรือไม่สามารถจะชําระราคาได้ ให้คณะกรรมการจัดให้มีการวางหลักประกันที่เชื่อถือได้ตามที่เห็นสมควร (4) การขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้ผู้ทอดตลาดแสดงความตกลงขายด้วยวิธีเคาะไม้หรือแสดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด ถ้ายังไม่ได้แสดงเช่นนั้นผู้สู้ราคาจะถอนคําสู้ราคาก็ได้ (5) ให้ผู้ทอดตลาดร้องขานจํานวนเงินที่มีผู้สู้ราคาครั้งที่หนึ่ง และกล่าวคําว่า “หนึ่ง” สามถึงสี่หนถ้าไม่มีผู้สู้ราคาสูงขึ้น ให้เปลี่ยนร้องขานจํานวนเงินนั้นเป็นครั้งที่สอง และกล่าวคําว่า “สอง” อีกสามถึงสี่หนเมื่อไม่มีผู้สู้ราคาสูงกว่านั้น และผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับทางปกครองไม่คัดค้านราคา และคณะกรรมการเห็นว่าได้ราคาพอสมควร ก็ให้ผู้ทอดตลาดกล่าวคําว่า “สาม” พร้อมกับเคาะไม้หรือแสดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด แต่ถ้าก่อนเคาะไม้หรือแสดงกิริยาดังกล่าวมีผู้สู้ราคาสูงขึ้นไปอีกก็ให้ร้องขานราคานั้นตั้งต้นใหม่ตามลําดับ ในกรณีผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งคัดค้านราคา ให้คณะกรรมการเลื่อนการขายออกไปนัดหนึ่งและในนัดต่อไป หากราคาที่มีผู้เสนอไม่ต่ํากว่าราคาที่เสนอไว้ในครั้งก่อน และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นราคาสมควรขาย ก็ให้ดําเนินการขายทอดตลาด และเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดดังกล่าว (6) ถ้าผู้สู้ราคาถอนคําสู้ราคาของตนเสียก่อนที่ผู้ทอดตลาดเคาะไม้ หรือแสดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด ให้ผู้ทอดตลาดตั้งต้นร้องขานราคาใหม่ (7) ในการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้คณะกรรมการบันทึกเหตุการณ์ขายทอดตลาดไว้ทุกครั้ง โดยมีข้อความอย่างน้อย ดังนี้ (ก) จํานวนบุคคลซึ่งมาฟังการขายและสู้ราคา (ข) ในการสู้ราคาทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ ให้บันทึกชนิดของทรัพย์สิน ชื่อและราคาของผู้ให้ราคาสูงสุด รวมทั้งชื่อและราคาของผู้ให้ราคาตามลําดับรองลงมาด้วย กรณีการสู้ราคาทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ ให้บันทึกชนิดของทรัพย์สิน ชื่อและราคาของผู้ให้ราคาสูงสุดเท่านั้น (ค) คณะกรรมการขายได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (ง) คณะกรรมการและผู้ทอดตลาดต้องลงนาม วัน เดือน ปีกํากับไว้ด้วย ข้อ ๖๐ การปฏิบัติเกี่ยวกับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน มีดังนี้ (1) การขายทอดตลาดทรัพย์สิน เมื่อผู้ทอดตลาดตกลงขายโดยวิธีเคาะไม้ หรือแสดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาดแล้ว ผู้ซื้อจะต้องชําระเงินทันที เว้นแต่ ทรัพย์สินซึ่งมีราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป คณะกรรมการอาจผ่อนผันให้ผู้ซื้อวางมัดจําไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของราคาซื้อ และทําสัญญาใช้เงินที่ค้างชําระภายในเวลาไม่เกินสิบห้าวัน นับแต่วันที่ซื้อนั้นก็ได้ (2) ถ้าผู้ซื้อวางมัดจําไว้แล้วไม่ชําระเงินส่วนที่เหลือภายในกําหนดตามสัญญา ให้ริบเงินมัดจําที่ผู้ซื้อวางไว้ และถือว่าเงินมัดจํานั้นเป็นเงินส่วนหนึ่งจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครอง ย่อมนําไปชําระค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึด หรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยให้คณะกรรมการเอาทรัพย์สินนั้นออก ขายทอดตลาดใหม่ได้ (3) กรณีผู้ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม หรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด การชําระราคานั้นจะขอหักส่วนได้ของตน ออกจากราคาซื้อก็ได้ ข้อ ๖๑ เมื่อการขายทอดตลาดบริบูรณ์โดยผู้ทอดตลาดตกลงขายโดยวิธีเคาะไม้หรือแสดงกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาดแล้ว ถ้าผู้ซื้อไม่ชําระเงินหรือไม่วางเงินมัดจําตามสัญญา ให้คณะกรรมการเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดซ้ําอีก และแจ้งให้ผู้ซื้อเดิมทราบกําหนดวันเวลาขายด้วย เมื่อขายได้เงินเท่าใด โดยหักค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายแล้วยังไม่คุ้มราคาค่าขายทอดตลาดครั้งก่อนให้จัดการเรียกรองให ้ ้ผู้ซื้อเดิมชําระเงินส่วนที่ยังขาดนั้น ข้อ ุ๖๒ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าราคาซื้อที่มีผู้สู้ราคาสูงสุดนั้นยังไม่เพียงพออาจถอนทรัพย์สินนั้นจากการขายทอดตลาดได้ แล้วดําเนินการประกาศขายใหม่โดยไม่ต้องขออนุญาตใน การขายทอดตลาดอีก ข้อ ๖๓ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินแล้ว ให้คณะกรรมการรายงานผลการขายทอดตลาดนั้นทุกครั้งต่อเลขาธิการภายในเจ็ดวันทําการ นับแต่วันที่มีการขายทอดตลาด ในกรณีที่ไม่อาจขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดได้ ก็ให้รายงานเลขาธิการทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๖๔ การขายทอดตลาดทรัพย์สินแต่ละครั้ง เมื่อผู้ซื้อชําระเงินครบถ้วนตามสัญญาแล้วให้ดําเนินการ ดังนี้ (1) ทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ ให้คณะกรรมการส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้ผู้ซื้อไปได้ (2) ทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย เช่น เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป แพ สัตว์พาหนะ หรือสังหาริมทรัพย์ประเภทที่จะต้องแก้ทะเบียน ชื่อผู้เป็นเจ้าของ เช่น รถยนต์ เครื่องจักร อาวุธปืน เป็นต้น ให้คณะกรรมการแจ้งแก่พนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ๆ จัดการโอนหรือแก้ทะเบียนให้ต่อไป ข้อ ุ๖๕ เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินให้หักเป็นเงินที่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองต้องชําระค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึด หรืออายัด และขายทอดตลาด ทรัพย์สิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ กรณีที่มีเงินเหลือจากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ให้คณะกรรมการสั่งคืนเงินที่เหลือนั้นให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับ ส่วน ๒ การคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สิน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๖๖ ในกรณีที่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์สินเห็นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินไม่ถูกต้องตามระเบียบนี้ ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองหรือผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวอาจยื่นคําร้องต่อเลขาธิการขอให้สั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นได้แต่ต้องดําเนินการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่มีการขายทอดตลาด หมวด ๖ การถอนการบังคับทางปกครอง \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๖๗ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองถอนการบังคับทางปกครองทั้งหมด เมื่อผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองได้วางเงินต่อผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเป็นจํานวนพอชําระหนี้ค่าปรับทางปกครองค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในกรณีที่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองได้วางเงินต่อผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเป็นจํานวนพอชําระหนี้บางส่วนของค่าปรับทางปกครอง ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการยึด อายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเสนอต่อเลขาธิการเพื่อพิจารณามีคําสั่งให้ถอนการบังคับทางปกครองบางส่วน ข้อ ๖๘ เมื่อมีการถอนการบังคับทางปกครองทั้งหมดหรือบางส่วน ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองถอนการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วแต่กรณี และคืนทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ถูกยึดหรือผู้ถูกอายัดไป และให้แจ้งการถอนการยึดหรืออายัดแก่ผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองรวมทั้งบุคคลภายนอกซึ่งต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นด้วย แล้วรายงานให้เลขาธิการทราบ ข้อ ๖๙ ให้ผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้ดําเนินการบังคับทางปกครองตามตารางท้ายระเบียบนี้ เมื่อผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองชําระครบถ้วนแล้ว จึงถอนการยึด หรืออายัดทรัพย์สิน ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557 วรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย
10,509
ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตและจดทะเบียนสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตและจดทะเบียน สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 14 และมาตรา 232 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้บริษัทหลักทรัพย์ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ยื่นคําขออนุญาตจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ตามแบบที่สํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด ต่อสํานักงานคณะกรรมการก.ล.ต. พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้ (1) ข้อบังคับของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่ขอจัดตั้ง (2) หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหลักทรัพย์ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งฉบับที่เป็นปัจจุบัน ที่ออกให้โดยสํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กระทรวงพาณิชย์ (3) ข้อบังคับของบริษัทหลักทรัพย์ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งฉบับที่เป็นปัจจุบันที่รับรองโดย สํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กระทรวงพาณิชย์ ข้อ ๒ สมาคมการค้าตามกฎหมายว่าด้วยสมาคมการค้าใดมีลักษณะหรือวัตถุที่ประสงค์ อย่างเดียวกับสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ หากประสงค์จะเป็นสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ให้ยื่นคําขอตามแบบที่สํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (1) ข้อบังคับของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่ขอจัดตั้ง (2) สําเนาใบอนุญาตสมาคมการค้าเดิม (3) ข้อบังคับของสมาคมการค้าเดิมที่รับรองโดยนายทะเบียนสมาคมการค้า (4) สําเนารายงานการประชุมของสมาคมการค้าเดิมที่แสดงมติที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องที่สมาคมการค้าประสงค์จะเปลี่ยนสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ (5) หนังสือรับรองรายชื่อคณะกรรมการชุดปัจจุบันหรือคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคมการค้าเดิมที่ออกให้โดยนายทะเบียนสมาคมการค้า (6) งบดุลสําหรับรอบปีบัญชีล่าสุดของสมาคมการค้าเดิมที่ผ่านการตรวจสอบของผู้สอบบัญชีและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคมการค้าแล้ว (ถ้ามี) ข้อ ๓ เมื่อสํานักงานคณะกรรมการก.ล.ต. ได้รับคําขออนุญาต และได้พิจารณาเห็นว่า ข้อบังคับของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์เป็นไปตามมาตรา 234 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และข้อบังคับนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่เป็นภัยต่อเศรษฐกิจ หรือความมั่นคงของประเทศหรือต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแล้ว ก็ให้ออกใบอนุญาตและจดทะเบียนสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ได้ ข้อ ๔ สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์จะตั้งสาขามิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ข้อ ๕ ถ้าใบอนุญาตสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์สูญหายหรือถูกทําลายให้สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ยื่นคําขอรับใบแทนได้ ข้อ ๖ ใบอนุญาตให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ได้มีการออกใบอนุญาต ข้อ ๗ ค่าธรรมเนียมการขออนุญาตและใบอนุญาตให้เป็นไปตามอัตรา ดังนี้ (1) คําขออนุญาตจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ 500 บาท (2) ใบอนุญาตสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ปีละ 50,000 บาท ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ให้ชําระล่วงหน้าเป็นรายปีตามปีปฏิทิน โดยต้องชําระก่อนวันเริ่มปีปฏิทินนั้น เว้นแต่ในปีแรกให้ชําระเมื่อได้รับใบอนุญาตและให้คิดค่าธรรมเนียมเฉลี่ยตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ในปีปฏิทินที่ได้รับใบอนุญาต สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ใดไม่ชําระค่าธรรมเนียมให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กําหนดในวรรคสอง ต้องชําระค่าธรรมเนียมเพิ่มในอัตราร้อยละยี่สิบของค่าธรรมเนียมที่ชําระไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม (นายพนัส สิมะเสถียร) ประธาน คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,510
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. 13/2566 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุน ที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทำสัญญา รับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 11)
ประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 13/2566 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุน ที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญา รับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 11) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 16/6 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการกํากับตลาดทุนออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ 5 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 88/2558 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุน ที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 13/2561 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “การขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมดังต่อไปนี้ ต้องดําเนินการโดยวิธีการตาม วรรคหนึ่ง (1) เท่านั้น (1) กองทุนรวมภายใต้โครงการ Cross-border Public Offers of ASEAN Collective Investment Schemes (2) กองทุนรวมภายใต้โครงการ Asia Region Funds Passport (3) กองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ของประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ (4) กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในลักษณะของกองทุนรวมตลาดเงินตามประกาศการลงทุน ซึ่งกําหนดราคาหน่วยลงทุนเพื่อการขายและรับซื้อคืนคงที่ตลอดเวลา (5) กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในลักษณะของกองทุนรวมอิสลามตามประกาศการลงทุน” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (5) ในวรรคหนึ่งของข้อ 9 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 88/2558 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป และเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 2/2563 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 7) ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563 “(5) กรณีที่เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในลักษณะของกองทุนรวมอิสลามตามประกาศการลงทุน บริษัทจัดการกองทุนรวมต้องระบุชื่อของกองทุนรวมดังกล่าวให้สะท้อนถึงการมุ่งเน้นลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามด้วย” ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 11/1 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 88/2558 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558 “ข้อ 11/1 ในกรณีที่เป็นการจัดตั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในลักษณะของกองทุนรวมอิสลามตามประกาศการลงทุน กองทุนรวมดังกล่าวต้องจัดให้มีคณะกรรมการชะรีอะฮ์หรือที่ปรึกษาชะรีอะฮ์ซึ่งมีคุณสมบัติตามประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยรายละเอียดของโครงการจัดการกองทุนรวม เว้นแต่เป็นกรณีกองทุนรวมอิสลามที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินซึ่งเป็นองค์ประกอบของดัชนีทรัพย์สินตามหลักศาสนาอิสลามที่จัดทําขึ้นโดยสถาบันหรือบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกวรรคสองของข้อ 16 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 88/2558 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทน. 11/2562 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทําสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป อื่นๆ ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ (นายธวัชชัย พิทยโสภณ) รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับตลาดทุน
10,511
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง กําหนดข้อบังคับอื่นของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง กําหนดข้อบังคับอื่นของสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 14 และมาตรา 234 (7) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องมีข้อบังคับอื่นเกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ (1) จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจของสมาชิก ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (ก) ให้สมาชิกประกอบธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และมีจริยธรรมในการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าหรือประชาชน รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์อื่น (ข) ให้สมาชิกปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ตลอดจนให้บริการโดยใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ด้วยความระมัดระวัง ด้วยข้อมูลที่เพียงพอและมีหลักฐานที่สามารถอ้างอิงได้ (ค) ให้สมาชิกเปิดเผยให้ลูกค้าทราบในกรณีที่สมาชิกมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ให้บริการนั้น (ง) ห้ามมิให้สมาชิกเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าที่ตนได้ล่วงรู้มาเนื่องจากการดําเนินธุรกิจอันเป็นข้อมูลที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงินหรือประชาชน (จ) ห้ามมิให้สมาชิกช่วยเหลือหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือการกระทําอันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริต หรือการกระทําอันเป็นภัยต่อเศรษฐกิจหรือความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนปกปิดหรือมีส่วนในการยักย้ายหรือจําหน่ายทรัพย์สินที่ได้มาเนื่องจากการกระทําดังกล่าว (2) ข้อกําหนดให้สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ต้องจัดให้มีคณะบุคคลคณะหนึ่งประกอบด้วยบุคคลไม่น้อยกว่าสามคนและไม่เกินสิบห้าคน ทําหน้าที่คณะกรรมการสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธรกิจหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ชุดแรก ซึ่งต้องจัดให้มีขึ้นภายในเวลาที่กําหนด แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตและจดทะเบียนเป็นสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2535 (นายพนัส สิมะเสถียร) ประธาน คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,512
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๕
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยที่มาตรา ๒๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ กําหนดให้มาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปตามประมวลจริยธรรมที่กําหนดขึ้นสําหรับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท โดยจะต้องมีกลไกและระบบในการดําเนินงานเพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเห็นว่าจริยธรรมจะเป็นข้อปฏิบัติที่เป็นแบบแผนคุณงามความดีที่จะเสริมสร้างให้เจ้าหน้าที่ของสํานักงานศาลปกครองมีความประพฤติ การปฏิบัติงาน เกียรติ และศักดิ์ศรี เหมาะสมกับความเป็นเจ้าหน้าที่ของสํานักงานศาลปกครอง และควรแก่การไว้วางใจและเชื่อมั่นของประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าวอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ วรรคสาม ประกอบกับมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงกําหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สํานักงานศาลปกครองขึ้น ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ เมื่อพ้นกําหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “จริยธรรม” หมายความว่า ข้อกําหนดเกี่ยวกับจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สํานักงานศาลปกครองตามระเบียบนี้ “ก.ขป.” หมายความว่า คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง "คณะอนุกรรมการจริยธรรม" หมายความว่า คณะอนุกรรมการจริยธรรมของเจ้าหน้าที่สํานักงานศาลปกครอง "สํานักงาน" หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “รองเลขาธิการ” หมายความว่า รองเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ที่ปรึกษา” หมายความว่า ที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง (พนักงานคดีปกครองทรงคุณวุฒิ ที่มีประสบการณ์ ทักษะ และสมรรถนะ) และที่ปรึกษาสํานักงานศาลปกครอง “ผู้อํานวยการ” หมายความว่า ผู้อํานวยการสํานักงานศาล ผู้อํานวยการสํานัก ผู้อํานวยการวิทยาลัยหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า และให้หมายความรวมถึงหัวหน้ากลุ่มช่วยอํานวยการเลขาธิการ "เจ้าหน้าที่" หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง พนักงานราชการศาลปกครอง และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๔ ให้นํากฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้โดยอนุโลม ข้อ ๕ ให้เลขาธิการรักษาการตามระเบียบนี้ หมวด หมวด ๑ เจตนารมณ์และจุดมุ่งหมาย ข้อ ๖ เจ้าหน้าที่ต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อ ๗ เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย จริยธรรม เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม อํานวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชน โดยยึดหลักนิติธรรมหลักธรรมาภิบาล ความเป็นกลางทางการเมือง และคํานึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ข้อ ๘ เจ้าหน้าที่ต้องรักษาจริยธรรมโดยกระทําการหรือไม่กระทําการตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๒ หมวด หมวด ๒ จริยธรรมของเจ้าหน้าที่ ข้อ ๙ เจ้าหน้าที่ต้องมีจริยธรรมต่อประเทศชาติและส่วนรวม ดังต่อไปนี้ (๑) ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ดําเนินการใดที่เป็นการต่อต้านหรือก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (๒) จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และไม่กระทําการละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินีและรัชทายาท (๓) ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องไม่กระทําการใดในตําแหน่งหน้าที่หรือปฏิบัติการใดในฐานะส่วนตัวซึ่งก่อให้เกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมที่อยู่ในหน้าที่ความรับผิดชอบ ข้อ ๑๐ เจ้าหน้าที่ต้องมีจริยธรรมต่อสํานักงาน ดังต่อไปนี้ (๑) ปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบจริยธรรม เพื่อรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีของสํานักงาน (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการดําเนินนโยบายโดยชอบของสํานักงาน (๓) ไม่กระทําการใดให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของสํานักงาน (๔) ไม่ใช้เวลาราชการ เงิน ทรัพย์สิน บุคลากร บริการ หรือสิ่งอํานวยความสะดวกของสํานักงานเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย ข้อ ๑๑ เจ้าหน้าที่ต้องมีจริยธรรมต่อตุลาการศาลปกครอง ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงาน ดังต่อไปนี้ (๑) ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการรักษาจริยธรรม (๒) ปฏิบัติตามคําสั่งของตุลาการศาลปกครองที่ทําหน้าที่บริหาร ผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และจริยธรรม (๓) ปฏิบัติตนต่อตุลาการศาลปกครอง ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงานด้วยความชอบธรรม (๔) ให้เกียรติ ละเว้นการใช้กิริยาวาจาที่ไม่สุภาพ และไม่ดูหมิ่นตุลาการศาลปกครองผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงาน (๕) รักษาความสามัคคี ให้ความร่วมมือ ไม่กระทําการอันเป็นการกลั่นแกล้งหรือใช้อํานาจโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้ร่วมงานทุกระดับ ข้อ ๑๒ เจ้าหน้าที่ต้องมีจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม ปราศจากอคติ ไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ (๒) ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกําลังความรู้ความสามารถ และเป็นไปตามหลักจรรยาวิชาชีพ (๓) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ รวดเร็ว มีอัธยาศัยไมตรีที่ดี และเต็มใจให้บริการ (๔) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง ไม่กระทําการอันเป็นการฝักฝ่ายทางการเมืองหรือกระทําการอันเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมืองหรือในทางการเมือง (๕) รักษาความลับของราชการ ต้องไม่เปิดเผยความลับแก่บุคคลใดซึ่งไม่มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะล่วงรู้ความลับนั้น (๖) ให้ข้อมูลข่าวสารของราชการตามสิทธิที่ประชาชนพึงได้รับตามกฎหมายอย่างครบถ้วนถูกต้อง และไม่บิดเบือน (๗) ปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รักษาและพัฒนาคุณภาพของงาน และมาตรฐานวิชาชีพโดยเคร่งครัด (๘) ละเว้นการกระทําทั้งปวงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตําแหน่งหน้าที่ของตนหรือของเจ้าหน้าที่อื่น และไม่ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อื่นโดยมิชอบ (๙) ไม่ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการหลีกเลี่ยง บิดเบือน ละเว้น หรือขัดต่อกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และจริยธรรม (๑๐) ไม่ใช้ตําแหน่งหน้าที่หรือนําความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ตนมีต่อบุคคลใดมาประกอบการใช้ดุลพินิจกระทําการหรือไม่กระทําการใดให้เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลนั้น หรือปฏิบัติต่อบุคคลนั้นต่างจากบุคคลอื่นเพราะมีอคติหรือเลือกปฏิบัติ (๑๑) ไม่ใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการดําเนินงานไปเพื่อการอื่นอันไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ข้อ ๑๓ เจ้าหน้าที่ต้องมีจริยธรรมต่อการดํารงตน ดังต่อไปนี้ (๑) ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องไม่กระทําการใดในฐานะส่วนตัวซึ่งก่อให้เกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม (๒) เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ไม่เลี่ยงกฎหมาย ไม่ใช้หรือแนะนําให้ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น (๓) ไม่ละเมิดหลักสําคัญทางศีลธรรม ศาสนา จารีตประเพณี หรือจริยธรรม (๔) ดํารงตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น พร้อมทั้งน้อมนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดํารงชีวิต หมวด หมวด ๓ องค์กรคุ้มครองจริยธรรม ข้อ ๑๔ ให้ ก.ขป. ควบคุม กํากับให้มีการปฏิบัติตามระเบียบนี้ โดยมีอํานาจหน้าที่ ดังนี้ (๑) กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อการอันจําเป็นในการใช้บังคับระเบียบนี้ (๒) ตีความ และวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ (๓) แต่งตั้งคณะบุคคลหรือบุคคลเพื่อดําเนินการตามระเบียบนี้ (๔) ดําเนินการอื่นตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๕ ให้ ก.ขป. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย (๑) กรรมการใน ก.ขป. ที่ ก.ขป. มอบหมาย เป็นประธานอนุกรรมการ (๒) ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจํานวนสองคน ซึ่งสํานักงานเสนอโดยความเห็นชอบของ ก.ขป.เป็นอนุกรรมการ (๓) ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคน ซึ่งเป็นผู้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการ รองเลขาธิการที่ปรึกษา หรือผู้อํานวยการ โดยได้รับเลือกจากการเลือกกันเองของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ดํารงตําแหน่งดังกล่าว เป็นอนุกรรมการ (๔) ผู้แทนเจ้าหน้าที่จํานวนสองคน ซึ่งเป็นบุคคลที่มิใช่ผู้ดํารงตําแหน่งตาม (๓) โดยได้รับเลือกจากเจ้าหน้าที่ด้วยกัน เป็นอนุกรรมการ การเลือกอนุกรรมการตาม (๓) และ (๔) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ขป. ประกาศกําหนด อนุกรรมการจริยธรรมตาม (๒) (๓) (๔) ต้องไม่เป็นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการด้านวินัยและคณะอนุกรรมการด้านอุทธรณ์และร้องทุกข์ และต้องไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยหรือถูกลงโทษกรณีฝ่าฝืนจริยธรรม ให้เลขาธิการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หนึ่งคนในสํานักงานเป็นเลขานุการ และอีกสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ อนุกรรมการตาม (๓) และ (๔) ซึ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของสํานักงานให้พ้นจากการเป็นอนุกรรมการ ข้อ ๑๖ อนุกรรมการจริยธรรมมีวาระอยู่ในตําแหน่งคราวละห้าปีนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งอนุกรรมการซึ่งพ้นจากตําแหน่งอาจได้รับสรรหาหรือเลือกให้เป็นอนุกรรมการอีกได้ ข้อ ๑๗ ให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมมีอํานาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) ควบคุม กํากับ และให้คําแนะนําในการใช้บังคับระเบียบนี้ (๒) กําหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนจริยธรรม (๓) สอดส่องดูแลให้มีการปฏิบัติตามระเบียบนี้ (๔) พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาอันเกิดจากการใช้บังคับระเบียบนี้ เมื่อได้วินิจฉัยแล้วให้ส่งคําวินิจฉัยให้ ก.ขป. โดยพลัน ถ้า ก.ขป. มิได้วินิจฉัยเป็นอย่างอื่นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ ก.ขป. รับเรื่องให้คําวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการจริยธรรมเป็นที่สุด (๕) คุ้มครองเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างตรงไปตรงมา มิให้ผู้บังคับบัญชาใช้อํานาจโดยไม่เป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ผู้นั้น (๖) เสนอแนะการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบนี้ หรือการอื่นที่เห็นสมควรต่อ ก.ขป. (๗) ดําเนินการอื่นตามระเบียบนี้ หรือตามที่ ก.ขป. มอบหมาย ข้อ ๑๘ ในกรณีที่อนุกรรมการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้ดําเนินการสรรหาหรือเลือกอนุกรรมการเพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการจริยธรรมภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่งตามวาระ ในกรณีที่ยังมิได้ดําเนินการสรรหาหรือเลือกอนุกรรมการใหม่ ให้อนุกรรมการนั้นปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนจนกว่าจะได้ดําเนินการสรรหาหรือเลือกอนุกรรมการใหม่ และให้ถือว่าคณะอนุกรรมการจริยธรรมประกอบด้วยอนุกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ แต่ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอนุกรรมการทั้งหมด ข้อ ๑๙ ในกรณีที่อนุกรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนครบกําหนดตามวาระให้ดําเนินการสรรหาหรือเลือกอนุกรรมการแทนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตําแหน่งนั้นว่างลง เว้นแต่วาระของอนุกรรมการเหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน จะไม่สรรหาหรือเลือกอนุกรรมการแทนก็ได้ ผู้ซึ่งได้รับสรรหาหรือเลือกเป็นอนุกรรมการแทนนั้นให้อยู่ในตําแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่อนุกรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนครบกําหนดตามวาระ และยังมีอนุกรรมการเหลืออยู่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอนุกรรมการทั้งหมดให้อนุกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้และให้ถือว่าคณะอนุกรรมการจริยธรรมประกอบด้วยอนุกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ ข้อ ๒๐ เลขาธิการ รองเลขาธิการ ที่ปรึกษา และผู้อํานวยการ มีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบนี้และประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และให้มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑) สนับสนุนและส่งเสริมผู้ใต้บังคับบัญชาให้ประพฤติปฏิบัติตามระเบียบนี้ (๒) คุ้มครองเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติตามจริยธรรมมิให้ถูกกลั่นแกล้งหรือถูกใช้อํานาจโดยไม่เป็นธรรมในกรณีที่เลขาธิการ รองเลขาธิการ ที่ปรึกษา หรือผู้อํานวยการ ถูกเจ้าหน้าที่ผู้ใดกล่าวหาว่าไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม บุคคลผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวจะดําเนินการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนเงินเดือน แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงหรือคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือดําเนินการทางจริยธรรมหรือดําเนินการอื่นใดที่จะกระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้กล่าวหานั้นมิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการจริยธรรมแล้ว (๓) ปฏิบัติตามมติหรือคําวินิจฉัยของ ก.ขป. หรือคณะอนุกรรมการจริยธรรม (๔) ดูแลและติดตามให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด (๕) รวบรวมปัญหาการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงระเบียบนี้ หรือการอื่นตามที่เห็นสมควรเสนอคณะอนุกรรมการจริยธรรมเพื่อนําเสนอ ก.ขป. ต่อไป (๖) ดําเนินการอื่นตามระเบียบนี้ หรือตามที่ ก.ขป. หรือคณะอนุกรรมการจริยธรรมมอบหมาย หมวด หมวด ๔ การดําเนินการทางจริยธรรม ข้อ ๒๑ ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือมีผู้ทักท้วงว่าการกระทําใดของเจ้าหน้าที่อาจขัดจริยธรรมตามระเบียบนี้ เจ้าหน้าที่ต้องไม่กระทําการดังกล่าว หรือหากกระทําการดังกล่าวต้องหยุดการกระทําและส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมพิจารณาวินิจฉัย ในกรณีที่คณะอนุกรรมการจริยธรรมวินิจฉัยว่าการกระทํานั้นขัดจริยธรรมเจ้าหน้าที่จะกระทําการนั้นมิได้ ข้อ ๒๒ เมื่อรู้หรือพบเห็นการฝ่าฝืนจริยธรรมตามระเบียบนี้ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ต้องรายงานการฝ่าฝืนจริยธรรมดังกล่าวพร้อมพยานหลักฐาน (ถ้ามี) ต่อผู้บังคับบัญชาที่ตนสังกัด เพื่อให้ดําเนินการตามข้อ ๒๓ ข้อ ๒๓ กรณีมีการร้องเรียนหรือปรากฏเหตุว่ามีเจ้าหน้าที่อาจประพฤติปฏิบัติฝ่าฝืนจริยธรรมตามระเบียบนี้ ให้เลขาธิการสั่งให้ดําเนินการสืบสวน หรือพิจารณาในเบื้องต้นตามวิธีการที่เห็นสมควรถ้าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมให้สั่งยุติเรื่อง แต่หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมให้ดําเนินการทางวินัยตามข้อ ๒๔ ต่อไป ในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือปรากฏเหตุว่าเลขาธิการอาจประพฤติปฏิบัติฝ่าฝืนจริยธรรมตามระเบียบนี้ให้รายงานต่อคณะอนุกรรมการจริยธรรม เพื่อขอให้นําเสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อสั่งให้ดําเนินการสืบสวน หรือพิจารณาในเบื้องต้นตามวิธีการที่เห็นสมควร ถ้าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมให้สั่งยุติเรื่อง แต่หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมให้ดําเนินการทางวินัยตามข้อ ๒๔ต่อไป ข้อ ๒๔ การฝ่าฝืนจริยธรรมตามที่กําหนดไว้ในหมวด ๒ ของระเบียบนี้ ให้ถือว่าเป็นการกระทําผิดทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง หรือระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยลูกจ้างของสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี และการดําเนินการเกี่ยวกับการกระทําผิดทางวินัยดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัยตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น สําหรับการกระทําที่จะเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงให้พิจารณาจากพฤติกรรมของการฝ่าฝืน ความจงใจหรือเจตนา มูลเหตุจูงใจความสําคัญและระดับตําแหน่งตลอดจนหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ฝ่าฝืน อายุ ประวัติและความประพฤติในอดีต สภาพแวดล้อมแห่งกรณีผลร้ายอันเกิดจากการฝ่าฝืน และเหตุอื่นอันควรนํามาประกอบการพิจารณา กรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งมีคําสั่งลงโทษทางวินัยตามควรแก่กรณี ในกรณีที่การฝ่าฝืนจริยธรรมและมีเหตุอันควรลดหย่อนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ ในกรณีที่การฝ่าฝืนจริยธรรมและมีเหตุอันควรงดโทษจะงดโทษให้โดยให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนหรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควรก็ได้ ข้อ ๒๕ การอุทธรณ์คําสั่งลงโทษทางวินัยที่ฝ่าฝืนจริยธรรมตามข้อ ๒๔ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอุทธรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง หรือระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยลูกจ้างของสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๖ ในการสรรหา การบรรจุและแต่งตั้ง การเลื่อนตําแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน การย้ายหรือการโอน และการลงโทษเจ้าหน้าที่ให้คํานึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย ข้อ ๒๗ เมื่อมีปัญหาการปฏิบัติตามจริยธรรมในเรื่องใด เจ้าหน้าที่อาจเสนอเรื่องที่เป็นปัญหาดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อนําเสนอขอคําวินิจฉัยจากคณะอนุกรรมการจริยธรรมได้ และให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมดําเนินการตามข้อ ๑๗ (๔) ต่อไป บทเฉพาะกาล บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๘ ให้ดําเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมตามระเบียบนี้ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,513
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 49) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 49) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 6 และมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “มูลนิธิ” หมายความว่า 1. (1) มูลนิธิจุฬาภรณ์ 2. (2)มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 3. (3)มูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาลศิริราช 4. (4)มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก 5. (5)มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 6. (6)มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี 7. (7)มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 8. (8)มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 9. (9)มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 10. (10)มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา 11. (11)มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า 12. (12)ศิริราชมูลนิธิ ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๓ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566 จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าก็ได้ ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจํานวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าว เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (2) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคํานวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (4) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจํานวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๔ การบริจาคให้แก่สภากาชาดไทยหรือมูลนิธิ ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา 4 และมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 771) พ.ศ. 2566 โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,514
ระเบียบวิธีปฏิบัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เพื่อให้การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีความปลอดภัย จึงเป็นการสมควรจัดให้มีระบบและวิธีปฏิบัติเพื่อ (ก) สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้ส่งข้อมูลจริง และการส่งข้อมูลนั้นได้กระทําโดยบุคคลที่มีสิทธิจริง (ข) สามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สํานักงานได้รับนั้น เป็นข้อมูลเดียวกับที่ผู้ส่งข้อมูลได้นําส่ง (ค) กําหนดกระบวนการทางเทคนิคในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันมิให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ข้อมูลที่รับส่งสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จึงออกระเบียบวิธีปฏิบัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้เรียกว่า “ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547” ข้อ ๒ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ “นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล” หมายความว่า นิติบุคคลที่นําส่งข้อมูลต่อสํานักงานในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “ผู้รับรอง” (Certifier) หมายความว่า บุคคลที่มีตําแหน่งตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการฝ่ายขึ้นไปหรือเทียบเท่าของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลซึ่งได้รับมอบหมายจากนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลให้มีอํานาจในการแต่งตั้ง เพิกถอน รับรองสถานะ และขอบเขตอํานาจหน้าที่ของบุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน “ผู้ปฏิบัติการ” (Authorized officer) หมายความว่า บุคคลที่ดํารงตําแหน่งในนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล และได้รับมอบอํานาจให้กระทําการแทนนิติบุคคลในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน “ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งของนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผล ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนํามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น “ลายมือชื่อดิจิทัล” (Digital signature) หมายความว่า ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยการนําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาแปลงเป็นตัวเลขและใช้กับระบบกุญแจคู่ โดยนําไปคํานวณร่วมกับกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในลักษณะที่สามารถใช้กุญแจสาธารณะของผู้ลงลายมือชื่อตรวจสอบได้ว่า ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นได้สร้างขึ้นโดยกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อนั้นหรือไม่ และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการลงลายมือชื่อดังกล่าวได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภายหลังการลงลายมือชื่อหรือไม่ “กุญแจคู่” หมายความว่า กุญแจส่วนตัวและกุญแจสาธารณะในระบบรหัสแบบอสมมาตร ซึ่งได้สร้างขึ้นโดยวิธีการที่ทําให้กุญแจส่วนตัวมีความสัมพันธ์ในทางคณิตศาสตร์กับกุญแจสาธารณะในลักษณะที่สามารถใช้กุญแจสาธารณะตรวจสอบได้ว่า ลายมือชื่อดิจิทัลได้สร้างขึ้นโดยใช้กุญแจส่วนตัวนั้นหรือไม่ “กุญแจส่วนตัว” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการสร้างลายมือชื่อดิจิทัล “กุญแจสาธารณะ” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการตรวจสอบลายมือชื่อดิจิทัล “ใบรับรอง” หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือการบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่อดิจิทัล “คอมพิวเตอร์แม่ข่าย” หมายความว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อ ๔ ในกรณีที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้กําหนดให้การดําเนินการในเรื่องใดต้องทําเป็นหนังสือ การดําเนินการดังกล่าวจะต้องทําให้ปรากฏและนําส่งในรูปเอกสารสิ่งพิมพ์เท่านั้น ข้อ ๕ ให้นิติบุคคลที่ประสงค์จะส่งข้อมูลต่อสํานักงานในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลงนามในหนังสือแสดงความตกลงในการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบที่แนบท้ายระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ และมอบไว้ต่อสํานักงานเป็นหลักฐาน หมวด ๑ การกําหนดบุคคลผู้มีอํานาจในการส่งข้อมูล \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๖ ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งต่อสํานักงานเป็นหนังสือถึงรายชื่อของผู้ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้ปฏิบัติการรายดังกล่าว และในกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะจัดให้มีบุคคลซึ่งทําหน้าที่ผู้รับรอง ให้นิติบุคคลดังกล่าวแจ้งต่อสํานักงานเป็นหนังสือถึงรายชื่อของผู้รับรอง รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้รับรองรายดังกล่าวด้วย หนังสือแต่งตั้ง เพิกถอน หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้ปฏิบัติการ ต้องลงนามโดยกรรมการผู้มีอํานาจลงนามผูกพันนิติบุคคลตามที่กําหนดในข้อบังคับหรือหนังสือรับรองของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล เว้นแต่ในกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลมีการแต่งตั้งผู้รับรองไว้ ในกรณีเช่นว่านี้หนังสือแต่งตั้งผู้ปฏิบัติการจะลงนามโดยผู้รับรองซึ่งได้รับมอบหมายก็ได้ หนังสือแต่งตั้ง เพิกถอน หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้รับรองต้องลงนามโดยกรรมการผู้มีอํานาจลงนามผูกพันนิติบุคคลตามที่กําหนดในข้อบังคับหรือหนังสือรับรองของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล การแจ้งข้อมูลที่กําหนดตามข้อนี้ให้เป็นไปตามแบบที่สํานักงานกําหนดท้ายระเบียบนี้ และให้ถือว่าการแจ้งดังกล่าวจะมีผลบังคับได้ก็ต่อเมื่อหนังสือดังกล่าวได้นําส่งถึงสํานักงานโดยชอบแล้ว ข้อ ๗ ก่อนเริ่มการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ต่อสํานักงาน ให้ผู้ปฏิบัติการแต่ละคนของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลยื่นคําขอเป็นหนังสือต่อสํานักงานเพื่อขอใบรับรองสําหรับสนับสนุนการลงลายมือชื่อดิจิทัล ข้อ ๘ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องดูแลให้ผู้ปฏิบัติการเก็บรักษากุญแจส่วนตัวของตนซึ่งใช้เพื่อการลงลายมือชื่อดิจิทัลไว้เป็นความลับ โดยต้องไม่อนุญาตหรือกระทําด้วยประการอื่นใดที่ทําให้หรือเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นที่มิใช่เจ้าของกุญแจส่วนตัวนั้นสามารถใช้หรือลอบใช้กุญแจส่วนตัวของตนได้ ข้อ ๙ นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล หรือผู้รับรองหรือผู้ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องแจ้งให้สํานักงานทราบโดยทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ (1) เมื่อรู้ว่ากุญแจส่วนตัวของผู้ปฏิบัติการคนใดที่ใช้เพื่อการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เกิดสูญหาย ถูกทําลาย ถูกแก้ไข ถูกล่วงรู้ หรือถูกลักลอบนําไปใช้โดยบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของกุญแจส่วนตัวนั้น (2) เมื่อรู้จากสภาพการณ์ที่ปรากฏว่ากรณีมีความเสี่ยงมากต่อการที่กุญแจส่วนตัวของผู้ปฏิบัติการคนใดที่ใช้เพื่อการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะสูญหาย ถูกทําลาย ถูกแก้ไข ถูกล่วงรู้ หรือถูกลักลอบนําไปใช้โดยบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของกุญแจส่วนตัวนั้น นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลไม่สามารถอ้างเหตุตามวรรคหนึ่งเพื่อปฏิเสธความผูกพันในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ที่สํานักงานได้รับแล้วก่อนที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับรองหรือผู้ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลจะแจ้งเหตุตามวรรคหนึ่งต่อสํานักงาน การแจ้งตามข้อนี้ต้องกระทําเป็นหนังสือ แต่ในกรณีที่มีความจําเป็นเร่งด่วนจะแจ้งเหตุทางโทรสาร และนําส่งหนังสือต่อสํานักงานภายในวันทําการถัดไปก็ได้ เมื่อได้รับแจ้งเหตุตามวรรคหนึ่ง สํานักงานจะยกเลิกใบรับรองที่ได้ออกให้แก่ผู้ปฏิบัติการคนนั้นทันที และในกรณีนี้ ให้ผู้ปฏิบัติการคนดังกล่าวยื่นคําขอใบรับรองฉบับใหม่จากสํานักงาน โดยปฏิบัติตามความในข้อ 7 หมวด ๒ การนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๐ การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานทุกครั้งต้องกระทําโดยมีการลงลายมือชื่อดิจิทัลของผู้ปฏิบัติการที่ได้รับใบรับรองจากสํานักงาน ข้อ ๑๑ ในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องดูแลให้ผู้ปฏิบัติการดําเนินการตามคู่มือการใช้งานสําหรับการส่งข้อมูลตามประเภทที่กําหนด ข้อ ๑๒ ให้ถือว่าสํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ต่อเมื่อสํานักงานได้ตอบแจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยข้อความว่า “สํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคแล้ว” หรือข้อความอื่นในทํานองเดียวกัน การตอบแจ้งของสํานักงานตามวรรคหนึ่งมิให้ถือเป็นการรับรองหรือแสดงว่าสํานักงานได้ตรวจสอบแล้วถึงความครบถ้วนถูกต้องของสาระของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง ข้อ ๑๓ สํานักงานมีสิทธิปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ส่งต่อสํานักงานในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อข้อมูลทางเทคนิคบ่งชี้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่งถูกแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงภายหลังการส่ง หรือมีความผิดปกติของลายมือชื่อดิจิทัลที่กํากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง (2) เมื่อพบว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับไม่เป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานที่ใช้บังคับอยู่ในเวลาที่ได้นําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในกรณีที่สํานักงานปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สํานักงานจะแจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลทราบโดยทันที ข้อ ๑๔ ในการส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือเอา (1) เวลาตามที่ปรากฏที่เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ณ ขณะที่ผู้ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลกดส่งข้อมูลเป็นเวลาส่ง และเวลาตามที่ปรากฏที่เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ณ ขณะที่สํานักงานได้รับข้อมูลเป็นเวลารับ (2) ที่ทําการสํานักงานใหญ่ของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลเป็นสถานที่ที่ส่งข้อมูล และที่ทําการของสํานักงานเป็นสถานที่ที่ได้รับข้อมูล ผู้มีอํานาจลงนาม ให้ไว้ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,515
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2560
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2560 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและความชัดเจนสําหรับการรับและส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล โดยให้กรรมการของนิติบุคคลสามารถทําหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการได้ และเพื่อให้ การรับรองเวลารับข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นสํานักงานจึงออกระเบียบวิธีปฏิบัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” ในข้อ 3 แห่งระเบียบวิธีปฏิบัติ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” หมายความว่า กรรมการ พนักงานที่ได้รับมอบอํานาจให้ ปฏิบัติการแทนนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานและให้รวมถึงบุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความใน (1) ของข้อ 15 แห่งระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการ กํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(1) เวลาตามที่ปรากฏที่ระบบคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน ณ ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลกดส่งข้อมูลเป็นเวลาส่งและเวลาตามที่ปรากฏที่ระบบรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ที่ น่าเชื่อถือ ณ ขณะที่สํานักงานได้รับข้อมูลเป็นเวลารับ” ข้อ ๓ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้บังคับในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560 (นายรพี สุจริตกุล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,516
ระเบียบวิธีปฏิบัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เพื่อให้การแจ้งรายชื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของบุคคลดังกล่าวมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการสมควรกําหนดให้สามารถแจ้งรายชื่อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ทําให้สามารถยืนยันได้ว่าการแจ้งรายชื่อดังกล่าวเป็นของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลซึ่งได้กระทําโดยบุคคลที่มีสิทธิจริง และสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวได้ สํานักงานจึงออกระเบียบวิธีปฏิบัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกข้อ 5 แห่งระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ 6 แห่งระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 ให้นิติบุคคลที่ประสงค์จะเป็นนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแสดงความตกลงในการนําส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน” ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ 7 แห่งระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 7 ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งรายชื่อของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงาน ในกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะจัดให้มีบุคคลซึ่งทําหน้าที่เป็นผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ให้นิติบุคคลดังกล่าวแจ้งรายชื่อของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงานด้วย การแต่งตั้ง เพิกถอน หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจหน้าที่ของบุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อสํานักงานด้วย การแจ้งข้อมูลที่กําหนดตามข้อนี้ ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลกระทําผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน” ข้อ ๔ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563 (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,517
ระเบียบวิธีปฏิบัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 (ฉบับประมวล)
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 (ฉบับประมวล) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เพื่อให้การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ส่งข้อมูลซึ่งเป็นบุคคลภายนอกกับสํานักงานมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับทางปฏิบัติ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จึงเป็นการสมควรจัดให้มีระบบและวิธีปฏิบัติที่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นของผู้ส่งข้อมูลและการส่งข้อมูลนั้นได้กระทําโดยบุคคลที่มีสิทธิจริง และสามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สํานักงานได้รับนั้นเป็นข้อมูลเดียวกับที่ผู้ส่งข้อมูล ได้นําส่ง ตลอดจนสามารถรักษาความปลอดภัยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยป้องกันมิให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ข้อมูลที่รับส่ง สํานักงานจึงออกระเบียบวิธีปฏิบัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (1) ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 (2) ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547 ( ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2550 ข้อ ๓ ในระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ “นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล” หมายความว่า นิติบุคคลที่มีหน้าที่ส่งข้อมูลต่อสํานักงานและได้ทําความตกลงในการนําส่งข้อมูลต่อสํานักงานในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” หมายความว่า กรรมการ พนักงานที่ได้รับมอบอํานาจให้ปฏิบัติการแทนนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน และให้รวมถึงบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” (designating person) หมายความว่า พนักงานที่มีตําแหน่งตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการฝ่ายขึ้นไปหรือเทียบเท่าซึ่งได้รับมอบหมายจากนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูล ให้มีอํานาจในการแต่งตั้ง เพิกถอน และกําหนดสถานะ ตลอดจนขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และให้รวมถึงบุคคลอื่นที่มีตําแหน่งในระดับเดียวกับพนักงานข้างต้นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งของนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผล ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใด ที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งนํามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น “ลายมือชื่อดิจิทัล” หมายความว่า ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยการนําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาแปลงเป็นตัวเลขและใช้กับระบบคู่กุญแจ โดยนําไปคํานวณร่วมกับกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในลักษณะที่สามารถใช้กุญแจสาธารณะของผู้ลงลายมือชื่อตรวจสอบได้ว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นได้สร้างขึ้นโดยกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อนั้นหรือไม่ และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการลงลายมือชื่อดังกล่าวได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภายหลังการลงลายมือชื่อหรือไม่ “ผู้ให้บริการออกใบรับรอง” (Certification Authority) หมายความว่า นิติบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งทําหน้าที่ออกใบรับรอง เพื่อยืนยันว่าข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่อดิจิทัลที่กํากับมากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งส่งมายังสํานักงานเป็นของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจริง “ใบรับรอง” หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือการบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่อดิจิทัล คําว่า “คู่กุญแจ” (Key pair) “กุญแจส่วนตัว” (Private key) และ “กุญแจสาธารณะ” (Public key) ให้มีความหมายเช่นเดียวกับบทนิยามของคําดังกล่าวที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๔ การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) การกําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในการส่งข้อมูล ให้เป็นไปตามหมวด 1 (2) การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามหมวด 2 ข้อ ๕ ยกเลิก ข้อ ๖ ให้นิติบุคคลที่ประสงค์จะเป็นนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแสดงความตกลงในการนําส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน หมวด ๑ การกําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ในการส่งข้อมูล \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๗ ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งรายชื่อของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงาน ในกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะจัดให้มีบุคคลซึ่งทําหน้าที่เป็นผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ให้นิติบุคคลดังกล่าวแจ้งรายชื่อของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงานด้วย การแต่งตั้ง เพิกถอน หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจหน้าที่ของบุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อสํานักงานด้วย การแจ้งข้อมูลที่กําหนดตามข้อนี้ ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลกระทําผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๘ ก่อนเริ่มการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัลต่อสํานักงาน ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลจัดให้มีใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือ ใบรับรองตามวรรคหนึ่งต้องมีรูปแบบมาตรฐานตามที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๙ ผู้ให้บริการออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือตามข้อ 8 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) กรณีผู้ให้บริการออกใบรับรองภายในประเทศต้องเป็นนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่ได้รับใบรับรองจากผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (Thailand National Root Certification Authority) (2) กรณีผู้ให้บริการออกใบรับรองต่างประเทศต้องเป็นนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่มีชื่ออยู่ใน Trusted Root Certification Authority ของระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์หรือเป็น immediate certification authority ของ Trusted Root Certification Authority ของระบบปฏิบัติการดังกล่าว ข้อ ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัล นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปฏิบัติตามหน้าที่และข้อผูกพันที่ผู้ให้บริการออกใบรับรองกําหนดในแนวนโยบาย (Certificate Policy: CP) และแนวปฏิบัติ (Certificate Practice Statement: CPS) ของผู้ให้บริการออกใบรับรองอย่างเคร่งครัด หมวด ๒ การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๑ การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานทุกครั้งต้องกระทําโดยมีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ตามประเภทและวิธีการที่ระบุในคู่มือการใช้งานสําหรับการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือคู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จัดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๑๒ ในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการดําเนินการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน ให้เป็นไปตามคู่มือการใช้งานสําหรับการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือคู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จัดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงานอย่างเคร่งครัด ข้อ ๑๓ ให้ถือว่าสํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ต่อเมื่อสํานักงานได้แจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยข้อความว่า “สํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคแล้ว” หรือข้อความอื่นในทํานองเดียวกัน การแจ้งของสํานักงานตามวรรคหนึ่งมิให้ถือเป็นการรับรองหรือแสดงว่าสํานักงานได้ตรวจสอบแล้วถึงความครบถ้วนถูกต้องของสาระของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง ข้อ ๑๔ สํานักงานมีสิทธิปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ส่งต่อสํานักงานในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อข้อมูลทางเทคนิคบ่งชี้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่งถูกแก้ไข เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงภายหลังการส่ง หรือมีความผิดปกติของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง (2) เมื่อพบว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับไม่เป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานสําหรับการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือคู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จัดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงานที่ใช้บังคับอยู่ในเวลาที่ได้นําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในกรณีที่สํานักงานปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สํานักงานจะแจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลทราบโดยทันที ข้อ ๑๕ ในการส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือเอา (1) เวลาตามที่ปรากฏที่ระบบคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน ณ ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลกดส่งข้อมูลเป็นเวลาส่ง และเวลาตามที่ปรากฏที่ระบบรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเชื่อถือ ณ ขณะที่สํานักงานได้รับข้อมูลเป็นเวลารับ (2) ที่ทําการสํานักงานใหญ่ของนิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลเป็นสถานที่ที่ส่งข้อมูล และที่ทําการของสํานักงานเป็นสถานที่ที่ได้รับข้อมูล หมวด ๓ บทเฉพาะกาล \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๖ ใบรับรองที่สํานักงานออกตามระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2547 ก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ให้ใช้ได้จนกว่าจะสิ้นอายุใบรับรองนั้น และให้ถือว่าใบรับรองดังกล่าวเป็นใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรองตามระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 (นายวรพล โสคติยานุรักษ์) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,518
ระเบียบวิธีปฏิบัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564
ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ โดยที่ข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กธ. 12/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 30/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายนพ.ศ. 2564 และข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 21/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขออนุญาตหรือแจ้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564 ได้มีการกําหนดให้ ในการขออนุญาตหรือแจ้งต่อสํานักงาน ให้ผู้ขออนุญาตหรือแจ้งดําเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกและลดภาระ ต้นทุน และเวลา ให้แก่ผู้ส่งข้อมูล นั้น เพื่อปรับปรุงกระบวนการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ส่งข้อมูลซึ่งเป็นบุคคลภายนอกกับสํานักงาน ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ครอบคลุมการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ส่งข้อมูลทุกประเภท และรองรับการลงตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคล รวมทั้งสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยป้องกันมิให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ข้อมูลที่รับส่งระหว่างกัน ตลอดจนยกระดับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ส่งข้อมูลต่อสํานักงานในระดับที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ในด้านการยืนยันตัวบุคคลที่มีสิทธิจริงและการตรวจสอบความถูกต้องตรงกันของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สํานักงานได้รับกับข้อมูลที่มีการนําส่ง ซึ่งการดําเนินการดังกล่าวสํานักงานมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของสํานักงานตามมาตรา 24(4) มาตรา 25 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 สํานักงานจึงออกระเบียบวิธีปฏิบัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิก (1) ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 (2) ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560 (3) ระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563 ข้อ ๓ ในระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ คําว่า “ข้อความ” “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” และ “ใบรับรอง” ให้มีความหมายเช่นเดียวกับบทนิยามของคําดังกล่าวที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ คําว่า “คู่กุญแจ” (key pair) “กุญแจส่วนตัว” (private key) และ “กุญแจสาธารณะ” (public key) ให้มีความหมายเช่นเดียวกับบทนิยามของคําดังกล่าวที่กําหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับแนวทางการจัดทําแนวนโยบาย (Certificate Policy) และแนวปฏิบัติ (Certification Practice Statement) ของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certification Authority) ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ “ผู้ส่งข้อมูล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่มีหน้าที่ นําส่งข้อมูลต่อสํานักงานและได้ทําความตกลงในการนําส่งข้อมูลต่อสํานักงานในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “บัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล” (company account) หมายความว่า บัญชีของผู้ใช้งานสําหรับนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ที่ออกโดยสํานักงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการแจ้ง เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกรายชื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน และใช้เป็นตราประทับของนิติบุคคล (ถ้ามี) รวมถึงวัตถุประสงค์อื่นตามที่กําหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการจัดการและนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน “บัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต.” (SEC account) หมายความว่า บัญชีของผู้ใช้งานสําหรับบุคคลธรรมดา ที่ออกโดยสํานักงาน เพื่อประโยชน์ในการจัดการและนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน “เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” (operating officer) หมายความว่า กรรมการ หุ้นส่วน หรือพนักงาน ที่ได้รับมอบอํานาจให้ปฏิบัติการแทนนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน และให้รวมถึงบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ” (designating person) หมายความว่า กรรมการ หุ้นส่วน หรือพนักงานที่มีตําแหน่งตั้งแต่ระดับผู้อํานวยการฝ่ายขึ้นไปหรือเทียบเท่า ซึ่งได้รับมอบหมายจากนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลให้มีอํานาจในการแต่งตั้ง เปลี่ยนแปลง ยกเลิก และกําหนดสถานะ ตลอดจนขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และให้รวมถึงบุคคลอื่นที่มีตําแหน่งในระดับเดียวกับกรรมการ หุ้นส่วน หรือพนักงานข้างต้นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล” หมายความว่า กรรมการ หุ้นส่วน หรือพนักงาน ที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลมอบอํานาจให้จัดทําข้อมูลของนิติบุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อเตรียมการก่อนนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สํานักงาน เช่น จัดทํา เรียกดู หรือตรวจสอบ ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น แต่ไม่รวมถึงอํานาจในการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน และให้รวมถึงบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน” (account administrator) หมายความว่า กรรมการ หุ้นส่วน หรือพนักงาน ที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลมอบอํานาจให้บริหารจัดการสิทธิในการจัดทําหรือเข้าถึงข้อมูลของผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล แต่ไม่รวมถึงอํานาจในการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน และให้รวมถึงบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้รับดําเนินการให้แก่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลเพื่อการดังกล่าวด้วย “ลายมือชื่อดิจิทัล” หมายความว่า ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยการนําข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาแปลงเป็นตัวเลขและใช้กับระบบคู่กุญแจ โดยนําไปคํานวณร่วมกับกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในลักษณะที่สามารถใช้กุญแจสาธารณะของผู้ลงลายมือชื่อตรวจสอบได้ว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นได้สร้างขึ้นโดยกุญแจส่วนตัวของผู้ลงลายมือชื่อนั้นหรือไม่ และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการลงลายมือชื่อดังกล่าวได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภายหลังการลงลายมือชื่อหรือไม่ “ผู้ให้บริการออกใบรับรอง” (certification authority) หมายความว่า นิติบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งทําหน้าที่ออกใบรับรอง เพื่อยืนยันว่าข้อมูลสําหรับใช้สร้างลายมือชื่อดิจิทัลที่กํากับมากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งส่งมายังสํานักงานเป็นของผู้มีหน้าที่ลงนามหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจริง “คู่มือการใช้งาน” หมายความว่า คู่มือการใช้งานสําหรับการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือคู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามข้อ 10 วรรคหนึ่ง ข้อ ๔ ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้บังคับกับเฉพาะกรณีการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ส่งข้อมูลกับสํานักงาน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สํานักงานได้ประกาศไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๕ การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน ให้เป็นไปตามหมวด 1 (2) การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน ให้เป็นไปตามหมวด 2 (3) ข้อกําหนดเพิ่มเติมกรณีผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ให้เป็นไปตามหมวด 3 หมวด ๑ การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่ง ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สํานักงาน ให้บุคคลดังต่อไปนี้ ดําเนินการตามที่กําหนดไว้ในข้อ 7 (1) บุคคลธรรมดาผู้ส่งข้อมูล (2) กรรมการของนิติบุคคล หรือบุคคลอื่นที่มีอํานาจหน้าที่ในลักษณะทํานองเดียวกับกรรมการของนิติบุคคล ทุกราย ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลและมีกฎหมายหรือกฎลําดับรองกําหนดให้ในการนําส่งข้อมูลต่อสํานักงาน ต้องมีการลงนามเพื่อรับรองความถูกต้องของข้อมูลโดยกรรมการหรือบุคคลอื่นตามข้างต้น ทุกราย (3) ผู้มีอํานาจลงนามผูกพันนิติบุคคล ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลและไม่ได้มอบอํานาจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการส่งข้อมูลแทนตน เว้นแต่เป็นกรณีตาม (2) (4) บุคคลในคณะบุคคลทุกราย ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นคณะบุคคล และเป็นไปตามเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดดังนี้ (ก) คณะบุคคลนั้นไม่ได้มอบอํานาจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการส่งข้อมูลแทนตน (ข) มีกฎหมายหรือกฎลําดับรองกําหนดให้ในการนําส่งข้อมูลต่อสํานักงาน ต้องมีการลงนามโดยบุคคลในคณะบุคคลทุกราย (5) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคล และมอบอํานาจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการส่งข้อมูลแทนตน (6) ผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน (ถ้ามี) (7) ผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล (ถ้ามี) ข้อ ๗ ให้บุคคลตามข้อ 6 ดําเนินการดังต่อไปนี้ (1) กรณีเป็นบุคคลสัญชาติไทย ให้บุคคลดังกล่าวยื่นคําขอสมัครใช้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านระบบของผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตน เพื่อขอรับบัญชีผู้ใช้งานตามที่กําหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการจัดการหรือนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน (2) กรณีเป็นบุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทยและเป็นบุคคลตามข้อ 6(1) (2) (3) (4) หรือ (7) บุคคลดังกล่าวต้องยื่นคําขอลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ต่อสํานักงาน เพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวตน รวมทั้งการจัดการและนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานด้วย ข้อ ๘ การยื่นคําขอลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ต่อสํานักงานตามข้อ 7(2) ให้เป็นไปตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน โดยสํานักงานจะพิจารณาคําขอให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทําการนับแต่วันที่สํานักงานได้รับคําขอ พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอที่ถูกต้องครบถ้วนตามคู่มือสําหรับประชาชน ในกรณีที่ผู้ลงทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ประสงค์จะขอยกเลิกบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ให้แจ้งการยกเลิกพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการแจ้งต่อสํานักงาน ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ลงทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ที่ได้เคยแจ้งไว้ต่อสํานักงาน โดยอนุโลม ข้อ ๙ เพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลตามข้อ 6 ให้บุคคลดังกล่าวกรอกข้อมูลในแบบคําขอสมัครใช้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านระบบของผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนตามข้อ 7(1) และแบบคําขอลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ตามข้อ 7(2) แล้วแต่กรณี ให้ครบถ้วน หมวด ๒ การรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๐ สํานักงานจะจัดให้มีคู่มือการใช้งานสําหรับการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือคู่มืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ให้บุคคลหรือคณะบุคคลที่ประสงค์จะเป็นผู้ส่งข้อมูล แสดงความตกลงในการนําส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ระบุในคู่มือการใช้งานตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๑๑ การส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานทุกครั้งต้องกระทําโดยมีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้ส่งข้อมูลหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามประเภทและวิธีการที่ระบุในคู่มือการใช้งาน ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลจะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัลต่อสํานักงาน ก่อนเริ่มการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัลต่อสํานักงาน ให้ผู้ส่งข้อมูลจัดให้มีใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือ ใบรับรองตามวรรคหนึ่งต้องมีรูปแบบมาตรฐานตามที่กําหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน ข้อ ๑๓ ผู้ให้บริการออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือตามข้อ 12 ต้องมีคุณสมบัติหรือรายชื่อตามที่กําหนดไว้บนเว็บไซต์ของสํานักงาน ข้อ ๑๔ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัล ผู้ส่งข้อมูลต้องปฏิบัติตามหน้าที่และข้อผูกพันที่ผู้ให้บริการออกใบรับรองกําหนดในแนวนโยบาย (Certificate Policy: CP) และแนวปฏิบัติ (Certificate Practice Statement: CPS) ของผู้ให้บริการออกใบรับรองอย่างเคร่งครัด ข้อ ๑๕ ให้ถือว่าสํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ต่อเมื่อสํานักงานได้แจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยข้อความว่า “สํานักงานได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังไม่ถือเป็นการรับรองหรือแสดงว่าสํานักงานได้ตรวจสอบแล้วถึงความครบถ้วนถูกต้องของสาระของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง” หรือข้อความอื่นในทํานองเดียวกัน ข้อ ๑๖ สํานักงานมีสิทธิปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ส่งต่อสํานักงานในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อข้อมูลทางเทคนิคบ่งชี้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่งถูกแก้ไข เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงภายหลังการส่ง หรือมีความผิดปกติของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่นําส่ง (2) เมื่อพบว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับไม่เป็นไปตามข้อกําหนดทางเทคนิคที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งานที่ใช้บังคับอยู่ในเวลาที่ได้นําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ในกรณีที่สํานักงานปฏิเสธไม่รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สํานักงานจะแจ้งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ส่งข้อมูล หรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล แล้วแต่กรณี ทราบโดยทันที ข้อ ๑๗ ในการพิจารณาเวลาและสถานที่ในการส่งหรือรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ให้ถือว่าเวลาตามที่ปรากฏที่ระบบคอมพิวเตอร์ของสํานักงาน ณ ขณะที่ผู้ส่งข้อมูลหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล แล้วแต่กรณี กดส่งข้อมูล เป็นเวลาส่ง และเวลาตามที่ปรากฏที่ระบบรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเชื่อถือ ณ ขณะที่สํานักงานได้รับข้อมูลเป็นเวลารับ (2) ให้ถือว่าที่ทําการของสํานักงานเป็นสถานที่ที่ได้รับข้อมูล (3) ในการพิจารณาสถานที่ที่ส่งข้อมูล ให้พิจารณาดังนี้ (ก) กรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคล ให้ถือว่าที่ทําการสํานักงานใหญ่ของผู้ส่งข้อมูลเป็นสถานที่ที่ส่งข้อมูล (ข) กรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ให้ถือว่าสถานที่ทําการหลักของสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ส่งข้อมูล (ค) กรณีอื่นนอกเหนือจาก (ก) และ (ข) ให้นําความในมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 มาใช้บังคับโดยอนุโลม หมวด ๓ ข้อกําหนดเพิ่มเติมกรณีผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคล \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๑๘ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลและการทําธุรกรรมของนิติบุคคลดังกล่าวต้องประทับตราของนิติบุคคล ให้นิติบุคคลนั้นยื่นคําขอลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ต่อสํานักงานเพื่อใช้เป็นตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคล ทั้งนี้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน โดยสํานักงานจะพิจารณาคําขอให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทําการนับแต่วันที่สํานักงานได้รับคําขอ พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอที่ถูกต้องครบถ้วนตามคู่มือสําหรับประชาชน ในกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะยกเลิกบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ให้นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งการยกเลิกพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการแจ้งต่อสํานักงาน ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรณีที่นิติบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ที่ได้เคยแจ้งไว้ต่อสํานักงาน โดยอนุโลม ข้อ ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล นิติบุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวอาจกําหนดให้มีผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน หรือผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล ก็ได้ ข้อ ๒๐ ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล ประสงค์จะกําหนดให้มีผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวยื่นคําขอลงทะเบียนผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งานต่อสํานักงาน ทั้งนี้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน โดยสํานักงานจะพิจารณาคําขอให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทําการนับแต่วันที่สํานักงานได้รับคําขอ พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอที่ถูกต้องครบถ้วนตามคู่มือสําหรับประชาชน ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะยกเลิกผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งการยกเลิก พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบการแจ้งต่อสํานักงาน ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน ให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน ที่ได้เคยแจ้งไว้ต่อสํานักงาน โดยอนุโลม การยื่นคําขอตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม รวมทั้งการแจ้งตามวรรคสอง ให้ดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคลด้วย ข้อ ๒๑ ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล ประสงค์จะกําหนดให้มีผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล หรือดําเนินการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว ให้ผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกับสํานักงานแล้ว ดําเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่กําหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน ข้อ ๒๒ ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูล มอบอํานาจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนําส่งข้อมูล ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวดําเนินการดังต่อไปนี้ด้วย (1) ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ต่อสํานักงาน โดยให้นําความ ในข้อ 18 มาใช้บังคับ โดยอนุโลม (2) แจ้งรายชื่อของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงาน ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะจัดให้มีบุคคลซึ่งทําหน้าที่เป็นผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวแจ้งรายชื่อของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ รวมทั้งขอบเขตอํานาจหน้าที่ของผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรายดังกล่าวต่อสํานักงาน การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหรือผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลแจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อสํานักงานด้วย การแจ้งข้อมูลตาม (2) วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ให้ดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคลตาม (1) ด้วย ทั้งนี้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่ระบุในคู่มือสําหรับประชาชน (3) ในการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงาน นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการดําเนินการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานให้เป็นไปตามคู่มือการใช้งานอย่างเคร่งครัด (4) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัลต่อสํานักงาน ก่อนเริ่มการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของผู้ส่งข้อมูลจัดให้มีใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรองที่น่าเชื่อถือโดยให้นําความในข้อ 12 วรรคสอง และข้อ 13 มาใช้บังคับ โดยอนุโลม (5) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กํากับด้วยลายมือชื่อดิจิทัลตาม (4) ผู้ส่งข้อมูลต้องมีมาตรการในการควบคุมดูแลให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปฏิบัติตามหน้าที่และข้อผูกพันที่ผู้ให้บริการออกใบรับรองกําหนดในแนวนโยบาย (Certificate Policy: CP) และแนวปฏิบัติ (Certificate Practice Statement: CPS) ของผู้ให้บริการออกใบรับรองอย่างเคร่งครัด มิให้นําความในข้อ 12 วรรคหนึ่ง และข้อ 14 มาใช้บังคับกับกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลมอบอํานาจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนําส่งข้อมูล หมวด ๔ การใช้บังคับและบทเฉพาะกาล \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ ข้อ ๒๓ ในกรณีที่นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลประสงค์จะยื่นคําขอลงทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน หรือแจ้งการยกเลิกผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน ตามข้อ 20 หรือแจ้งข้อมูลตามข้อ 22 วรรคหนึ่ง (2) วรรคสี่ แล้วแต่กรณี ซึ่งต้องดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ให้นิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้ส่งข้อมูลดังกล่าวได้รับผ่อนผันไม่ต้องดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคลได้ ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ในกรณีที่มีการยื่นคําขอลงทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งานก่อนครบกําหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง โดยการยื่นคําขอนั้นไม่ได้ดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคล และสํานักงานอยู่ในระหว่างการพิจารณาคําขอดังกล่าว สํานักงานจะพิจารณาคําขอนั้นต่อไปโดยถือเสมือนว่าได้ดําเนินการโดยผ่านบัญชีผู้ใช้งานนิติบุคคลหรือคณะบุคคลแล้ว ข้อ ๒๔ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลได้แต่งตั้งผู้กําหนดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้บริหารบัญชีผู้ใช้งาน ผู้สนับสนุนการนําส่งข้อมูล อยู่แล้วโดยชอบในวันก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ให้การแต่งตั้งนั้นยังคงมีผลต่อไปจนกว่าผู้มีอํานาจหน้าที่จะแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือยกเลิกการลงทะเบียนของบุคคลดังกล่าวต่อสํานักงานตามข้อ 20 ข้อ 21 ข้อ 22 วรรคหนึ่ง (2) วรรคสี่ หรือข้อ 23 แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๕ ในการดําเนินการให้มีบัญชีผู้ใช้งานตามที่กําหนดไว้ในคู่มือการใช้งานตามข้อ 7(1) หรือบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ตามข้อ 7(2) รวมทั้งการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานโดยใช้บัญชีดังกล่าว ให้เริ่มดําเนินการตั้งแต่วันที่สํานักงานกําหนดเป็นต้นไป โดยสํานักงานจะแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ พร้อมทั้งเงื่อนไขการดําเนินการ (ถ้ามี) เป็นการทั่วไปบนเว็บไซต์ของสํานักงานด้วย สํานักงานอาจกําหนดวันเริ่มดําเนินการตามวรรคหนึ่งโดยพิจารณาตามความพร้อมของแต่ละระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในระหว่างที่สํานักงานยังมิได้มีการกําหนดวันเริ่มดําเนินการตามวรรคหนึ่งสําหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ใด ให้ผู้ส่งข้อมูลนําส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่อสํานักงานตามระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ไปพลางก่อน ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลเป็นนิติบุคคลและการรับส่งข้อมูลนั้นได้ดําเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่ก่อนแล้ว ข้อ ๒๖ เมื่อสํานักงานมีการกําหนดวันเริ่มดําเนินการตามข้อ 25 วรรคหนึ่ง สําหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ใดแล้ว ผู้ส่งข้อมูลอาจขอผ่อนผันการดําเนินการตามข้อ 25 วรรคหนึ่ง ทั้งหมดหรือบางส่วน ต่อสํานักงานได้ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่มีเหตุจําเป็นและสมควร สํานักงานจะพิจารณาคําขอตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทําการนับแต่วันที่สํานักงานได้รับคําขอ พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานประกอบคําขอที่ถูกต้องครบถ้วนตามคู่มือสําหรับประชาชน ให้นําความในข้อ 25 วรรคสาม มาใช้บังคับกับผู้ส่งข้อมูลที่ได้รับการผ่อนผันจากสํานักงานตามวรรคสอง โดยอนุโลม ข้อ ๒๗ ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลมีบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. อยู่แล้วโดยชอบก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ให้บัญชีนั้นยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่สํานักงานกําหนดตามข้อ 25 หรือวันสิ้นสุดระยะเวลาการผ่อนผันตามข้อ 26 แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๘ ในกรณีที่บุคคลใดยื่นคําขอลงทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้งานระบบของ ก.ล.ต. ต่อสํานักงาน ตามระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือแนวทางอื่นใดของสํานักงาน ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ โดยการยื่นคําขอดังกล่าวได้ดําเนินการก่อนวันที่สํานักงานกําหนดตามข้อ 25 หรือก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการผ่อนผันตามข้อ 26 แล้วแต่กรณี และคําขอนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสํานักงาน ให้การพิจารณาคําขอนั้นอยู่ภายใต้ข้อกําหนดตามระเบียบวิธีปฏิบัติหรือแนวทางดังกล่าว ทั้งนี้ เว้นแต่ผู้ยื่นคําขอจะได้แจ้งต่อสํานักงานว่าประสงค์จะขอให้สํานักงานพิจารณาคําขอภายใต้ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ ในกรณีที่สํานักงานให้ความเห็นชอบตามคําขอลงทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการให้ความเห็นชอบตามระเบียบวิธีปฏิบัตินี้แล้ว ข้อ ๒๙ ให้บรรดาคําสั่ง และหนังสือเวียน ที่ออก หรือวางแนวปฏิบัติตามระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกําหนดแห่งระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ จนกว่าจะได้มีคําสั่ง หรือหนังสือเวียนที่ออกหรือวางแนวปฏิบัติตามระเบียบวิธีปฏิบัตินี้ใช้บังคับ ข้อ ๓๐ ในกรณีที่มีระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง ข้อกําหนด หรือหนังสือเวียนฉบับอื่นใดอ้างอิงระเบียบวิธีปฏิบัติสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการรับส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 ให้การอ้างอิงดังกล่าวหมายถึงการอ้างอิงระเบียบวิธีปฏิบัติฉบับนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2564 (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,519
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน พ.ศ. 2557
ระเบียบสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยการใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับ เจ้าหน้าที่ของสํานักงาน พ.ศ. 2557 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ เนื่องจากมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐที่เสียหายมีอํานาจออกคําสั่งเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิดชําระเงินได้แก่ หน่วยงานของรัฐ และโดยที่มาตรา 6 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กําหนดให้ผู้บริหารกิจการของหน่วยงานของรัฐเป็นผู้มีอํานาจในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยการยึด หรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้อยู่ใต้บังคับคําสั่งทางปกครองที่ให้ชําระเงินแก่หน่วยงานรัฐ ดังนั้น เพื่อให้การใช้มาตรการบังคับทางปกครองดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ สํานักงานจึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในระเบียบนี้ “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า พนักงาน ลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใดของสํานักงานที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ที่จงใจ หรืองดเว้นไม่ชําระค่าสินไหมทดแทนแก่สํานักงาน ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เจ้าหน้าที่ซึ่งได้กระทําละเมิดต่อบุคคลภายนอกด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง และสํานักงานได้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่แล้ว (2) เจ้าหน้าที่ซึ่งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่สํานักงานเนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้กระทําละเมิดต่อสํานักงานด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ข้อ ๓ การใช้มาตรการบังคับทางปกครองของสํานักงาน ให้นําระเบียบสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง พ.ศ. 2557 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557 (นายวรพล โสคติยานุรักษ์) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,520
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลพนักงานศาลปกครองให้สอดคล้อง เหมาะสม เทียบเคียงระบบการจ้างงานพนักงานราชการของส่วนราชการทั่วไปและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ อันจะทําให้การบริหารจัดการของศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (๓) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ (๔) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘ (๕) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๙ (๖) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ (๗) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงานราชการศาลปกครอง” หมายความว่า บุคคลซึ่งสํานักงานศาลปกครองจ้างตามสัญญาจ้างโดยได้รับค่าตอบแทนจากงบประมาณของสํานักงานศาลปกครอง เพื่อเป็นพนักงานราชการของสํานักงานศาลปกครองในการปฏิบัติงานให้แก่สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาจ้างพนักงานราชการศาลปกครองตามระเบียบนี้ "ค่าตอบแทน” หมายความว่า เงินเดือนซึ่งจ่ายให้แก่พนักงานราชการศาลปกครองในการปฏิบัติงานให้แก่สํานักงานศาลปกครอง ตามบัญชีอัตราค่าตอบแทนที่กําหนดท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในกิจการของสํานักงานศาลปกครอง สํานักงานศาลปกครองอาจจ้างผู้หนึ่งผู้ใดเป็นพนักงานราชการศาลปกครอง เพื่อปฏิบัติงานตามตําแหน่งและจํานวนที่เลขาธิการกําหนด แต่ต้องไม่เกินจํานวนอัตรากําลังพนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้อ ๖ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คําสั่ง หรือมติคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ที่กําหนดให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หรือเป็นข้อห้ามในเรื่องใด ให้ถือว่าพนักงานราชการศาลปกครองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หรือต้องห้ามเช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่เรื่องใดมีกําหนดไว้แล้วโดยเฉพาะในระเบียบนี้ หรือตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง หรือเป็นกรณีที่สํานักงานศาลปกครองประกาศกําหนดให้พนักงานราชการศาลปกครองประเภทใดหรือตําแหน่งในกลุ่มงานลักษณะใดได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างในบางเรื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครอง ข้อ ๗ ให้เลขาธิการมีอํานาจเกี่ยวกับการจ้างพนักงานราชการศาลปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน รวมทั้งตําแหน่ง และลักษณะงานเฉพาะสําหรับตําแหน่งของพนักงานราชการศาลปกครอง (๒) ทําสัญญาจ้างปฏิบัติงานกับพนักงานราชการศาลปกครอง (๓) แต่งตั้งพนักงานราชการศาลปกครองให้ดํารงตําแหน่งใด (๔) ดําเนินการทางวินัย ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอํานาจตีความ และวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ข้อ ๙ ให้เลขาธิการเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ พนักงานราชการศาลปกครอง ข้อ ๑๐ พนักงานราชการศาลปกครองมีสองประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) พนักงานราชการศาลปกครองทั่วไป ได้แก่ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะเป็นงานประจําทั่วไป ในด้านงานบริการ งานเทคนิค งานบริหารทั่วไป งานวิชาชีพเฉพาะ และงานเชี่ยวชาญเฉพาะ (๒) พนักงานราชการศาลปกครองพิเศษ ได้แก่ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะที่ต้องใช้ความรู้หรือความเชี่ยวชาญสูงมากเป็นพิเศษ เพื่อปฏิบัติงานในเรื่องที่มีความสําคัญและจําเป็นเฉพาะเรื่อง หรือมีความจําเป็นต้องใช้บุคคลในลักษณะดังกล่าว ข้อ ๑๑ ในการกําหนดตําแหน่งของพนักงานราชการศาลปกครอง ให้กําหนดโดยจําแนกเป็นกลุ่มงานตามลักษณะงานและผลผลิตของงาน ดังต่อไปนี้ (๑) กลุ่มงานบริการ ได้แก่ ตําแหน่งดังต่อไปนี้ (ก) พนักงานหน้าบัลลังก์ (ข) เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ (ค) พนักงานเดินหมาย (ง) พนักงานรับโทรศัพท์ (จ) พนักงานขับรถยนต์ (ฉ) พนักงานธุรการ (๒) กลุ่มงานเทคนิค ได้แก่ ตําแหน่งนายช่าง (๓) กลุ่มงานบริหารทั่วไป ได้แก่ ตําแหน่งดังต่อไปนี้ (ก) เลขานุการ (ข) เลขานุการประจําองค์คณะ (ค) เจ้าหน้าที่ศาลปกครอง (ง) บรรณารักษ์ (จ) พนักงานแปล (๔) กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ได้แก่ ตําแหน่งดังต่อไปนี้ (ก) พนักงานคอมพิวเตอร์ (ข) วิศวกรโยธา (ค) สถาปนิก (๕) กลุ่มงานเชี่ยวชาญเฉพาะ ได้แก่ ตําแหน่งซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะที่ต้องอาศัยพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ การฝึกฝน ทฤษฎี หลักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับงาน หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น หรืองานเชิงพัฒนาระบบ หรือมาตรฐานของงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น ๆ (๖) กลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ ได้แก่ ตําแหน่งซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานหรือโครงการซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการด้านนั้น ๆ ในกรณีที่มีความจําเป็น สํานักงานศาลปกครองอาจจ้างพนักงานราชการศาลปกครองตําแหน่งอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ข้อ ๑๒ ผู้ซึ่งจะได้รับการจ้างเป็นพนักงานราชการศาลปกครอง ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มีอายุไม่ต่ํากว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ (๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย (๔) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน (๕) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง (๖) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกเพราะกระทําความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ (๘) ไม่เป็นข้าราชการ ลูกจ้าง หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ความใน (๑) ไม่ให้ใช้บังคับแก่พนักงานราชการศาลปกครองชาวต่างประเทศ ซึ่งสํานักงานศาลปกครองจําเป็นต้องจ้างตามข้อผูกพันหรือตามความจําเป็นของภารกิจของสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๑๓ การสรรหาและการเลือกสรรบุคคลเพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการศาลปกครองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๑๔ การจ้างพนักงานราชการศาลปกครองให้กระทําเป็นสัญญาจ้างไม่เกินคราวละสี่ปี หรือตามโครงการที่มีกําหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดไว้ โดยอาจมีการต่อสัญญาจ้างได้ ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมและความจําเป็นของสํานักงานศาลปกครอง แบบสัญญาจ้างให้เป็นไปตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด การทําสัญญาตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเลขาธิการเป็นผู้ลงนาม ในสัญญาจ้าง ข้อ ๑๕ การแต่งกายเครื่องแบบพิธีการและเครื่องแบบปกติในการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของข้าราชการและลูกจ้างของสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๑๖ วันเวลาการทํางาน หรือวิธีการทํางานในกรณีที่ไม่ต้องอยู่ปฏิบัติงานประจําของพนักงานราชการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเรื่องกําหนดวันเวลาทํางาน และวันหยุดราชการของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง และแนวปฏิบัติตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด หมวด ๒ ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ข้อ ๑๗ อัตราค่าตอบแทนพนักงานราชการศาลปกครองให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ ให้พนักงานราชการศาลปกครองได้รับการพิจารณาเลื่อนค่าตอบแทนประจําปี ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ตามหลักเกณฑ์ดังนี้ (๑) ต้องมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานในรอบปีงบประมาณที่แล้วมาไม่น้อยกว่า ๘ เดือน (๒) การเลื่อนค่าตอบแทนให้แก่พนักงานราชการศาลปกครองให้พิจารณาตามผลการปฏิบัติงาน โดยผู้ที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนค่าตอบแทนจะต้องมีผลการปฏิบัติงานไม่ต่ํากว่าระดับดีและอัตราการเลื่อนต้องไม่เกินร้อยละ ๖ ของฐานค่าตอบแทน (๓) หลักเกณฑ์อื่น ๆ ตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ทั้งนี้ วงเงินงบประมาณในการเลื่อนค่าตอบแทนต้องไม่เกินร้อยละ ๔ ของอัตราค่าตอบแทนพนักงานราชการศาลปกครอง ณ วันที่ ๑ กันยายน ข้อ ๑๙ ในกรณีที่มีการคํานวณเพื่อปรับอัตราค่าตอบแทนหรือเลื่อนค่าตอบแทน หากคํานวณแล้วมีเศษไม่ถึงสิบบาท ให้ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสิบบาท ข้อ ๒๐ ให้สํานักงานศาลปกครองจัดทําคําสั่งเลื่อนค่าตอบแทนของพนักงานราชการศาลปกครองตามการประเมินผลการปฏิบัติงานในข้อ ๑๘ ข้อ ๒๑ พนักงานราชการศาลปกครองในกลุ่มงานใดผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อต่อสัญญาจ้างได้ ให้พนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นได้รับการพิจารณาเลื่อนค่าตอบแทนในกลุ่มงานนั้นตามผลการประเมินการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์ในข้อ ๑๘ ได้ ข้อ ๒๒ ให้พนักงานราชการศาลปกครองได้รับค่าตอบแทนการออกจากราชการโดยไม่มีความผิดได้ตามหลักเกณฑ์ที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ข้อ ๒๓ พนักงานราชการศาลปกครองที่ละทิ้งการปฏิบัติงานหรือไม่มาปฏิบัติงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ห้ามมิให้จ่ายค่าตอบแทนสําหรับวันที่ละทิ้งการปฏิบัติงานหรือไม่มาปฏิบัติงานดังกล่าว ข้อ ๒๔ ในกรณีที่จะให้พนักงานราชการศาลปกครองได้รับอัตราค่าตอบแทนแตกต่างไปจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้เลขาธิการเสนอคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองพิจารณา ข้อ ๒๕ ให้พนักงานราชการศาลปกครองทั่วไปมีสิทธิได้รับค่าครองชีพหรือเงินในลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองกําหนด ข้อ ๒๖ ให้พนักงานราชการศาลปกครองได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้ (๑) สิทธิเกี่ยวกับการลา (๒) สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนระหว่างลา (๓) สิทธิในการได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลา (๔) ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (๕) ค่าเบี้ยประชุม (๖) สิทธิในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (๗) สิทธิอื่น ๆ ที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองกําหนด หลักเกณฑ์การได้รับสิทธิประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ที่กําหนดเกี่ยวกับการได้รับสิทธินั้นตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือประกาศของทางราชการ ข้อ ๒๗ ให้พนักงานราชการศาลปกครองได้รับสิทธิประโยชน์และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม หมวด ๑ หมวด ๓ การประเมินผลการปฏิบัติงาน หมวด ๑ ข้อ ๒๘ ในระหว่างสัญญาจ้าง ให้สํานักงานศาลปกครองจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ของพนักงานราชการศาลปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครองทั่วไป ให้กระทําในกรณี ดังต่อไปนี้ (ก) การประเมินผลการปฏิบัติงานประจําปี (ข) การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อต่อสัญญาจ้าง (๒) การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครองพิเศษ ให้กระทําในกรณี การประเมินผลสําเร็จของงานตามช่วงเวลาที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้าง การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครองตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด หมวด ๑ ข้อ ๒๙ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานประจําปีตามข้อ ๒๘ ให้ถือว่าสัญญาจ้างของพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นสิ้นสุดลง โดยให้สํานักงานศาลปกครองแจ้งให้พนักงานราชการศาลปกครองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ทราบผลการประเมินผลการปฏิบัติงาน ของพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้น หมวด ๑ ข้อ ๓๐ ให้สํานักงานศาลปกครองรายงานผลการดําเนินการจ้างพนักงานราชการศาลปกครอง รวมทั้งปัญหาอุปสรรคหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองภายในเดือนธันวาคมของทุกปี หมวด ๑ หมวด ๔ วินัยและการรักษาวินัย หมวด ๑ ข้อ ๓๑ พนักงานราชการศาลปกครองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานตามที่กําหนดในระเบียบนี้และตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด รวมทั้งตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้าง หมวด ๑ ข้อ ๓๒ พนักงานราชการศาลปกครองต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ หมวด ๑ ข้อ ๓๓ พนักงานราชการศาลปกครองต้องกระทําการอันเป็นข้อปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม (๒) ต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการ (๓) ต้องปฏิบัติงานให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชน์ของทางราชการ (๔) ต้องปฏิบัติตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบของทางราชการโดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคําสั่งนั้นจะทําให้เสียหาย แก่ราชการ หรือจะเป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการ จะต้องเสนอความเห็นเป็นหนังสือทันที เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคําสั่งนั้น และเมื่อได้เสนอความเห็นแล้วถ้าผู้บังคับบัญชายืนยัน ให้ปฏิบัติตามคําสั่งเดิม ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตาม (๕) ต้องอุทิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งการปฏิบัติงานมิได้ (๖) ต้องรักษาความลับของทางราชการ (๗) ต้องสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี และต้องช่วยเหลือกันในการปฏิบัติงานระหว่าง พนักงานราชการศาลปกครองด้วยกันและผู้ร่วมปฏิบัติงาน (๘) ต้องต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรม และให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนผู้ติดต่อราชการเกี่ยวกับหน้าที่ของตน (๙) ต้องวางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติงาน และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน กับจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยมารยาททางการเมืองของข้าราชการด้วยโดยอนุโลม (๑๐) ต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตําแหน่งหน้าที่ในการปฏิบัติงานของตน มิให้เสื่อมเสีย (๑๑) กระทําการอื่นใดตามที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประกาศกําหนด หมวด ๑ ข้อ ๓๔ พนักงานราชการศาลปกครองต้องไม่กระทําการใด ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้งถือว่า เป็นการรายงานเท็จด้วย (๒) ต้องไม่ปฏิบัติงานอันเป็นการกระทําการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปเป็นผู้สั่งให้กระทําหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษชั่วครั้งคราว (๓) ต้องไม่อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตําแหน่งหน้าที่ในการปฏิบัติงานของตนหาประโยชน์ ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น (๔) ต้องไม่ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติงาน (๕) ต้องไม่กระทําการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทําการหาผลประโยชน์อันอาจทําให้เสียความเที่ยงธรรมหรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตําแหน่งหน้าที่ในการปฏิบัติงานของตน (๖) ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดํารงตําแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (๗) ต้องไม่กระทําการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือข่มเหงกันในการปฏิบัติงาน (๘) ต้องไม่กระทําการอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ตามที่คณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครองประกาศกําหนด (๙) ต้องไม่ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงประชาชนผู้ติดต่อราชการ (๑๐) ไม่กระทําการอื่นใดตามที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประกาศกําหนด หมวด ๑ ข้อ ๓๕ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติตามข้อ ๓๒ และข้อ ๓๓ หรือ ฝ่าฝืนข้อห้ามตามข้อ ๓๔ ผู้นั้นเป็นผู้กระทําผิดวินัย หมวด ๑ ข้อ ๓๖ การกระทําความผิดดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง (๑) กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ (๒) จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือเงื่อนไขที่ทางราชการกําหนดให้ปฏิบัติ จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (๓) ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (๔) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กําหนดในสัญญา หรือขัดคําสั่ง หรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชาตามข้อ ๓๓ (๔) จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (๕) ประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (๖) ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทํางานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวัน สําหรับตําแหน่งที่สํานักงาน ศาลปกครองกําหนดวันเวลาการมาทํางาน (๗) ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทํางานจนทําให้งานไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กําหนดจนเป็นเหตุ ให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง สําหรับตําแหน่งที่สํานักงานศาลปกครองกําหนดการทํางานตามเป้าหมาย (๘) ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือกระทําความผิดอาญาโดยมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกหรือ หนักกว่าโทษจําคุก (๙) เปิดเผยความลับของทางราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง (๑๐) การกระทําอื่นใดที่คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองกําหนดว่าเป็นความผิดวินัย อย่างร้ายแรง หมวด ๑ ข้อ ๓๗ เมื่อมีกรณีที่พนักงานราชการศาลปกครองถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้เลขาธิการจัดให้มีคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดําเนินการสอบสวนโดยเร็ว และต้องให้โอกาสพนักงานราชการศาลปกครองที่ถูกกล่าวหาชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่าพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นกระทําความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้เลขาธิการมีคําสั่งไล่ออก แต่ถ้าไม่มีมูลกระทําความผิดให้สั่งยุติเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนพนักงานราชการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด หมวด ๑ ข้อ ๓๘ ในกรณีที่ปรากฏว่าพนักงานราชการศาลปกครองกระทําความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้เลขาธิการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินค่าตอบแทน หรือลดเงินค่าตอบแทนตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด ในการพิจารณาการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการพิจารณาสอบสวนให้ได้ความจริง และยุติธรรมตามวิธีการที่เห็นสมควร หมวด ๑ หมวด ๕ การสิ้นสุดสัญญาจ้าง หมวด ๑ ข้อ ๓๙ สัญญาจ้างสิ้นสุดลงเมื่อพนักงานราชการศาลปกครองมีกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) สิ้นปีงบประมาณที่พนักงานราชการศาลปกครองทั่วไปมีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ พนักงานราชการศาลปกครองพิเศษ มีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ (๔) ครบกําหนดตามสัญญาจ้าง (๕) ถูกไล่ออก เพราะกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง (๖) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบนี้ หรือตามที่สํานักงานศาลปกครองกําหนด (๗) ลาเกินกําหนดตามข้อ ๒๖ (๘) ไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อ ๒๘ (๙) เหตุอื่นตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือตามข้อกําหนดของสํานักงานศาลปกครองหรือ ตามสัญญาจ้าง หมวด ๑ ข้อ ๔๐ ในระหว่างสัญญาจ้าง พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดประสงค์จะลาออกจากการปฏิบัติงาน ให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้มีอํานาจก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ในกรณีที่พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้มีอํานาจก่อนล่วงหน้าน้อยกว่าสามสิบวัน หากผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกเห็นว่ามีเหตุผลความจําเป็นพิเศษ ผู้มีอํานาจดังกล่าวจะอนุญาตให้ลาออกก็ได้ หมวด ๑ ข้อ ๔๑ สํานักงานศาลปกครองอาจบอกเลิกสัญญาจ้างกับพนักงานราชการศาลปกครองผู้ใด ก่อนครบกําหนดตามสัญญาจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่เป็นเหตุที่พนักงานราชการ ศาลปกครองจะเรียกร้องค่าตอบแทนการเลิกจ้างได้ เว้นแต่สํานักงานศาลปกครองจะกําหนดให้ในกรณีใด ได้รับค่าตอบแทนการออกจากงานโดยไม่มีความผิดไว้ หมวด ๑ ข้อ ๔๒ เพื่อประโยชน์ของทางราชการ สํานักงานศาลปกครองอาจสั่งให้พนักงานราชการ ศาลปกครองไปปฏิบัติงานนอกเหนือจากเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้างได้ โดยไม่เป็นเหตุให้พนักงานราชการศาลปกครองอ้างขอเลิกสัญญาจ้าง หรือเรียกร้องประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ในการนี้ สํานักงานศาลปกครอง อาจกําหนดให้ค่าล่วงเวลา หรือค่าตอบแทนอื่นจากการสั่งให้ปฏิบัติงานดังกล่าวก็ได้ หมวด ๑ ข้อ ๔๓ ในกรณีที่บุคคลใดพ้นจากการเป็นพนักงานราชการศาลปกครองแล้ว หากในการปฏิบัติงานของบุคคลนั้นในระหว่างที่เป็นพนักงานราชการศาลปกครองก่อให้เกิดความเสียหายแก่สํานักงานศาลปกครอง ให้บุคคลดังกล่าวรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น เว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย ในการนี้ สํานักงานศาลปกครองอาจหักค่าตอบแทนหรือเงินอื่นใดที่บุคคลนั้นจะได้รับจากสํานักงานศาลปกครองไว้ เพื่อชําระค่าความเสียหายดังกล่าวก็ได้ หมวด ๑ บทเฉพาะกาล หมวด ๑ ข้อ ๔๔ ผู้ใดเป็นพนักงานศาลปกครองตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ อยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ผู้นั้นเป็นพนักงานราชการ ศาลปกครองตามระเบียบนี้ต่อไป ในวาระเริ่มแรกให้สํานักงานศาลปกครองจัดให้พนักงานราชการศาลปกครองตามวรรคหนึ่งทําสัญญาตามหลักเกณฑ์ในระเบียบนี้ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ไม่น้อยกว่าค่าตอบแทน สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ที่ผู้นั้นเคยได้รับอยู่เดิม เว้นแต่ระยะเวลาจ้างของสัญญาให้มีระยะเวลาเท่าที่เหลืออยู่ของสัญญาจ้างเดิม ในกรณีพนักงานราชการศาลปกครองตามวรรคหนึ่งผู้ใดที่สํานักงานศาลปกครองเริ่มจ้างผู้นั้นไม่เกินสามสิบวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ สํานักงานศาลปกครองอาจทําสัญญาตามวรรคสองโดยใช้ระยะเวลาตามระเบียบนี้ก็ได้ การดําเนินการตามวรรคสองให้กระทําให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้บังคับใช้ หมวด ๑ ข้อ ๔๕ พนักงานศาลปกครองผู้ใดมีกรณีกระทําผิดวินัยหรือกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการ อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้เลขาธิการมีอํานาจสั่งลงโทษผู้นั้นหรือสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ ตามระเบียบที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ส่วนการสอบสวน การพิจารณา และการดําเนินการเพื่อลงโทษหรือให้ออก จากราชการ ให้ดําเนินการตามระเบียบนี้ เว้นแต่ (๑) กรณีที่เลขาธิการได้สั่งให้สอบสวนโดยถูกต้องตามระเบียบที่ใช้อยู่ในขณะนั้นไปแล้วก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับและยังสอบสวนไม่เสร็จ ให้สอบสวนตามระเบียบนั้นต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ (๒) ในกรณีที่ได้มีการสอบสวนหรือพิจารณาโดยถูกต้องตามระเบียบที่ใช้อยู่ในขณะนั้นเสร็จไปแล้วก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้การสอบสวนหรือพิจารณาแล้วแต่กรณีนั้นเป็นอันใช้ได้ (๓) กรณีที่ได้มีการรายงานหรือส่งเรื่องหรือนําสํานวนเสนอให้เลขาธิการพิจารณาโดยถูกต้องตามระเบียบที่ใช้อยู่ในขณะนั้นและเลขาธิการพิจารณาเรื่องนั้นยังไม่เสร็จ ให้เลขาธิการพิจารณาตามระเบียบนั้นต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ หมวด ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
10,521
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖[1](#fn1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ ซึ่งเห็นชอบการปรับอัตราค่าตอบแทนแรกบรรจุ และการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของพนักงานราชการ และเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวสําหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ จึงเห็นสมควรปรับบัญชีกําหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้ได้รับปริญญาประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ ก.พ. รับรองคุณวุฒิแล้ว หรือผู้มีทักษะประสบการณ์ของพนักงานราชการศาลปกครองให้เทียบเคียงได้กับพนักงานราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จึงออกระเบียบนี้ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ ดังนี้ (๑) บัญชีกําหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือผู้มีทักษะประสบการณ์ ตามบัญชีแนบท้ายหมายเลข ๑ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ (๒) บัญชีกําหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือผู้มีทักษะประสบการณ์ ตามบัญชีแนบท้ายหมายเลข ๒ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบัญชีกําหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือผู้มีทักษะประสบการณ์ แนบท้ายระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔ ให้ใช้บัญชีกําหนดอัตราค่าตอบแทนของผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือผู้มีทักษะประสบการณ์แนบท้ายระเบียบนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,522
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ และระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเห็นชอบให้ปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อยซึ่งได้รับการบรรจุแต่งตั้งในตําแหน่งที่ใช้ผู้สําเร็จการศึกษาระดับต่ํากว่าปริญญาตรี เพื่อให้มีรายได้เพียงพอในการดํารงชีพตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น จึงเห็นสมควรปรับปรุงค่าตอบแทนของพนักงานราชการศาลปกครองให้สอดคล้องกับนโยบายและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จึงออกระเบียบนี้ไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒[1](#fn1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔ ให้พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับการว่าจ้างในตําแหน่งที่กําหนดคุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานซึ่งต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับต่ํากว่าปริญญาตรี ที่มีอัตราค่าตอบแทนไม่ถึงเดือนละหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยแปดสิบห้าบาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละสองพันบาท แต่เมื่อรวมกับค่าตอบแทนแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยแปดสิบห้าบาท กรณีจํานวนเงินที่ได้รับตามวรรคหนึ่งรวมกันแล้วไม่ถึงเดือนละหนึ่งหมื่นบาทให้พนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนอีกจนถึงเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุด คนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง --- 1.
10,523
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๘
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลพนักงานศาลปกครองให้สอดคล้อง เหมาะสม เทียบเคียงระบบการจ้างงานพนักงานราชการของส่วนราชการทั่วไปและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่อันจะทําให้การบริหารจัดการของศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๔ (๒) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ (๓) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ (๔) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๘ (๕) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๙ (๖) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ (๗) ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานศาลปกครอง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “พนักงานราชการศาลปกครอง” หมายความว่า บุคคลซึ่งสํานักงานศาลปกครองจ้างตามสัญญาจ้างโดยได้รับค่าตอบแทนจากงบประมาณของสํานักงานศาลปกครอง เพื่อเป็นพนักงานราชการของสํานักงาน ศาลปกครองในการปฏิบัติงานให้แก่สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาจ้างพนักงานราชการศาลปกครองตามระเบียบนี้ “ค่าตอบแทน” หมายความว่า เงินเดือนซึ่งจ่ายให้แก่พนักงานราชการศาลปกครองในการปฏิบัติงานให้แก่สํานักงานศาลปกครอง ตามบัญชีอัตราค่าตอบแทนที่กําหนดท้ายระเบียบนี้ ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในกิจการของสํานักงานศาลปกครอง สํานักงานศาลปกครองอาจจ้างผู้หนึ่งผู้ใดเป็นพนักงานราชการศาลปกครอง เพื่อปฏิบัติงานตามตําแหน่งและจํานวนที่เลขาธิการกําหนด แต่ต้องไม่เกินจํานวนอัตรากําลังพนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ข้อ ๖ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คําสั่ง หรือมติคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ที่กําหนดให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หรือเป็นข้อห้ามในเรื่องใด ให้ถือว่าพนักงานราชการศาลปกครองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หรือต้องห้ามเช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่เรื่องใดมีกําหนดไว้แล้วโดยเฉพาะในระเบียบนี้ หรือตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง หรือเป็นกรณีที่สํานักงานศาลปกครองประกาศกําหนดให้พนักงานราชการศาลปกครองประเภทใดหรือตําแหน่งในกลุ่มงานลักษณะใดได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายศาลปกครองหรือลูกจ้างในบางเรื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงานของพนักงานราชการศาลปกครอง ข้อ ๗ ให้เลขาธิการมีอํานาจเกี่ยวกับการจ้างพนักงานราชการศาลปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน รวมทั้งตําแหน่ง และลักษณะงานเฉพาะสําหรับตําแหน่งของพนักงานราชการศาลปกครอง (๒) ทําสัญญาจ้างปฏิบัติงานกับพนักงานราชการศาลปกครอง (๓) แต่งตั้งพนักงานราชการศาลปกครองให้ดํารงตําแหน่งใด (๔) ดําเนินการทางวินัย
10,524
ประกาศ เรื่อง การประกาศทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการ ที่ อน. 24/2544
ประกาศ เรื่อง การประกาศทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการ ที่ อน. 24/2544 ------------------------------------------- โดยที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้จัดให้มี กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ และอนุญาโตตุลาการที่จะทําหน้าที่เป็นผู้ชี้ขาดข้อพิพาทจะต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่สํานักงานประกาศไว้แล้ว ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาประกาศรายชื่อโดยใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ต้องเป็นผู้สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และมีประสบการณ์การทํางานด้านตลาดเงินตลาดทุนหรือด้านกฎหมายมาไม่น้อยกว่าห้าปี ข้อ ๒ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) เป็นบุคคลล้มละลาย (2) เป็นบุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ (3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (4) เคยได้รับโทษจําคุกโดยมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดที่ได้กระทําไปโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (5) อยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษหรือถูกดําเนินคดี หรือเคยต้องคําพิพากษาว่ากระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ กฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยประกันชีวิตหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจทางการเงินในทํานองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ โดยหน่วยงานที่มีอํานาจตามกฎหมายนั้น ทั้งนี้ ในความผิดเกี่ยวกับการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือการบริหารงานที่มีลักษณะเป็นการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทุจริต (6) อยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษหรือถูกดําเนินคดี หรือเคยต้องคําพิพากษา ว่ากระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (7) เคยถูกเปรียบเทียบปรับในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในส่วนที่ว่าด้วยการกระทําอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือกฎหมายต่างประเทศในทํานองเดียวกัน (8) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากสถาบันการเงิน อันเนื่องจากการกระทําโดยทุจริตสํานักงานจะทบทวนทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่ประกาศทุก 2 ปี และอาจถอนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่ประกาศไว้ หากปรากฏว่าบุคคลนั้นมีลักษณะต้องห้ามตามที่กําหนดไว้ข้างต้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยขัดต่อประมวลจริยธรรมอนุญาโตตุลาการของสํานักงานอนุญาโตตุลาการอย่างร้ายแรง อื่นๆ - ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 ผู้มีอํานาจลงนาม - (นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล) เลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,525
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 12/2566 เรื่อง วันหยุดทำการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจำปี พ.ศ. 2567
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 12 /2566 เรื่อง วันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2567 \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และข้อ 2 วรรคหนึ่ง แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับตลาดทุน ที่ ทธ. 88/2552 เรื่อง การเปิดทําการและหยุดทําการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552 สํานักงานออกประกาศกําหนดวันหยุดทําการของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประจําปี พ.ศ. 2567 ไว้ดังต่อไปนี้ อื่นๆ 1. วันจันทร์ 1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่ 2. วันอังคาร 2 มกราคม วันหยุดชดเชยวันสิ้นปี (วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566) 3. วันจันทร์ 26 กุมภาพันธ์ วันหยุดชดเชยวันมาฆบูชา (วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567) 4. วันจันทร์ 8 เมษายน วันหยุดชดเชยวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ (วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2567) 5. วันจันทร์ 15 เมษายน วันสงกรานต์ 6. วันอังคาร 16 เมษายน วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ (วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567 และ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567) 7. วันพุธ 1 พฤษภาคม วันแรงงานแห่งชาติ 8. วันจันทร์ 6 พฤษภาคม วันหยุดชดเชยวันฉัตรมงคล (วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567) 9. วันพุธ 22 พฤษภาคม วันวิสาขบูชา 10. วันจันทร์ 3 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 11. วันจันทร์ 22 กรกฎาคม วันหยุดชดเชยวันอาสาฬหบูชา (วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567) 12. วันจันทร์ 29 กรกฎาคม วันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567) 13. วันจันทร์ 12 สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ 14. วันจันทร์ 14 ตุลาคม วันหยุดชดเชยวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567) 15. วันพุธ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช 16. วันพฤหัสบดี 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 17. วันอังคาร 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ 18. วันอังคาร 31 ธันวาคม วันสิ้นปี สําหรับบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทุกแห่งในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา ให้หยุดในวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี (วันรายอปอซอ) วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา (วันรายอฮัจยี) ตามประกาศสํานักจุฬาราชมนตรี และวันตรุษจีน เป็นการเพิ่มเติม หากวันตรุษดังกล่าวไม่ตรงกับวันหยุดตามที่กล่าวข้างต้น หรือวันหยุดประจําสัปดาห์ ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ (นายธวัชชัย พิทยโสภณ) รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,526
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของข้าราชการศาลปกครองและลูกจ้างสำนักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของข้าราชการศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของข้าราชการศาลปกครอง และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ กฎ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้ว ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ในกรณีที่มิได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการไว้ในระเบียบนี้ ให้นําระเบียบของทางราชการ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ ก.บ.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ข้าราชการศาลปกครอง” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ตุลาการ ในศาลปกครองชั้นต้น ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และ ให้หมายความรวมถึงลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองด้วย “ลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง” หมายความว่า ลูกจ้างประจําและลูกจ้างชั่วคราว “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง และสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า สํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย และหน่วยงาน ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย ที่อยู่ในสังกัดสํานักงานศาลปกครอง "เข้ารับการตรวจเลือก" หมายความว่า เข้ารับการตรวจเลือกเพื่อรับราชการเป็น ทหารกองประจําการ ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร “เข้ารับการเตรียมพล” หมายความว่า เข้ารับการระดมพล เข้ารับการตรวจสอบพล เข้ารับ การฝึกวิชาทหาร หรือเข้ารับการทดลองความพรั่งพร้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร “ลาติดตามคู่สมรส” หมายความว่า ลาติดตามสามีหรือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่เป็น ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไปปฏิบัติงานในต่างประเทศหรือ ทางราชการสั่งให้ไปปฏิบัติงานในต่างประเทศตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไปตามความต้องการของทางราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกําหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทําการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้น เหมือนเต็มเวลาราชการ แต่ไม่รวมถึงกรณีที่คู่สมรสลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการบริหารศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจ ออกประกาศ คําสั่ง หรือหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้ ก.บ.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๗ การลาแบ่งออกเป็น ๑๑ ประเภท ดังต่อไปนี้ (๑) การลาป่วย (๒) การลาคลอดบุตร (๓) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร (๔) การลากิจส่วนตัว (๕) การลาพักผ่อน (๖) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ (๗) การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล (๘) การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน (๙) การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ (๑๐) การลาติดตามคู่สมรส (๑๑) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๘ การลาทุกประเภทตามระเบียบนี้ ถ้ามีกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรี กําหนดเกี่ยวกับการลาประเภทใดไว้เป็นพิเศษ ผู้ลาและผู้มีอํานาจอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลาประเภทนั้นด้วย ข้อ ๙ ผู้มีอํานาจอนุญาตและการใช้อํานาจอนุญาตการลาแต่ละประเภทของข้าราชการ ศาลปกครอง ให้เป็นไปตามตารางที่กําหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ สําหรับการลาของเลขาธิการให้ประธาน ศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอนุญาต ผู้มีอํานาจอนุญาตจะมอบอํานาจโดยทําเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นเป็นผู้พิจารณา อนุญาตแทนก็ได้ โดยให้คํานึงถึงระดับตําแหน่งและความรับผิดชอบของผู้รับมอบอํานาจเป็นสําคัญ ทั้งนี้ ผู้มอบอํานาจจะกําหนดให้ผู้รับมอบอํานาจมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแทน ต่อไป โดยจะกําหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการใช้อํานาจนั้นไว้ด้วยหรือไม่ก็ได้ การลาของข้าราชการศาลปกครองในช่วงก่อนและหลังวันหยุดราชการประจําสัปดาห์หรือ วันหยุดราชการประจําปีซึ่งทําให้มีวันหยุดต่อเนื่องกัน ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตใช้ดุลพินิจตามความเหมาะสม และจําเป็นที่จะอนุญาตให้ลาได้ โดยมิให้เสียหายแก่การปฏิบัติราชการ ข้อ ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการลาหยุดของข้าราชการศาลปกครองให้หน่วยงาน ในสังกัดแต่ละแห่งจัดให้มีการบันทึกการลาหยุดราชการของข้าราชการศาลปกครองแยกตามประเภท หรือพฤติการณ์พิเศษ หรือเหตุแห่งการลา ข้อ ๑๑ ข้าราชการศาลปกครองผู้ใดได้รับคําสั่งให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ ณ ศาลปกครองอื่นหรือหน่วยงานในสังกัดอื่นที่ตนมิได้อยู่ในสังกัด แล้วแต่กรณี หากประสงค์จะลาป่วย ลาคลอดบุตร ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ลาพักผ่อน ลาอุปสมบทหรือ ลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล หรือลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพ ด้านอาชีพ ในช่วงเวลาที่ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ ให้เสนอขออนุญาตลาต่อประธาน ศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครองชั้นต้นที่ไปช่วยราชการ หรือผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน ที่ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่จนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต แล้วให้สํานักงานศาลปกครองหรือหน่วยงาน ในสังกัดนั้นรายงานจํานวนวันลาให้ศาลปกครองต้นสังกัดหรือหน่วยงานต้นสังกัดของผู้นั้นทราบอย่างน้อย ปีละครั้ง การลาประเภทอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง ให้เสนอขออนุญาตการลาต่อผู้มีอํานาจ อนุญาตตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดสําหรับการลาประเภทนั้น ข้อ ๑๒ การนับวันลาตามระเบียบนี้ให้นับตามปีงบประมาณ การนับวันลาเพื่อประโยชน์ในการเสนอหรือจัดส่งใบลา การอนุญาตให้ลาและคํานวณวันลา ให้นับต่อเนื่องกัน โดยนับวันหยุดราชการที่อยู่ในระหว่างวันลาประเภทเดียวกันรวมเป็นวันลาด้วย เว้นแต่การนับเพื่อประโยชน์ในการคํานวณวันลา สําหรับวันลาป่วยที่มิใช่วันลาป่วยตามกฎหมายว่าด้วย การสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ วันลาไปช่วยเหลือ ภริยาที่คลอดบุตร วันลากิจส่วนตัว และวันลาพักผ่อน ให้นับเฉพาะวันทําการ การลาป่วยหรือลากิจส่วนตัวซึ่งมีระยะเวลาต่อเนื่องกัน จะเป็นในปีงบประมาณเดียวกันหรือ ไม่ก็ตาม ให้นับเป็นการลาครั้งหนึ่ง ถ้าจํานวนวันลาครั้งหนึ่งรวมกันเกินอํานาจของผู้มีอํานาจอนุญาต ระดับใด ให้นําใบลาเสนอขึ้นไปตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ซึ่งมิใช่ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรตามข้อ ๒๒ หรือลาพักผ่อน ซึ่งได้หยุดราชการไปยังไม่ครบกําหนด ถ้ามีราชการจําเป็นเกิดขึ้นผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจอนุญาตจะเรียกตัวมาปฏิบัติราชการระหว่าง การลาก็ได้ การลาครึ่งวันในตอนเช้าหรือตอนบ่าย ให้นับเป็นการลาครึ่งวันตามประเภทของการลานั้น ๆ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งได้รับอนุญาตให้ลา หากประสงค์จะยกเลิกวันลาที่ยังไม่ได้หยุดราชการ ให้เสนอขอยกเลิกวันลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตให้ลา และให้ถือว่าการลาเป็นอันสิ้นสุดก่อนวันมาปฏิบัติราชการ การลาของข้าราชการศาลปกครองที่ถูกเรียกกลับมาปฏิบัติราชการระหว่างการลา ให้ถือว่า สิ้นสุดก่อนวันมาปฏิบัติราชการ เว้นแต่ผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นว่าการเดินทางต้องใช้เวลา ให้ถือว่าสิ้นสุด ก่อนวันเดินทางกลับ ข้อ ๑๓ การลาให้ใช้ใบลาตามแบบท้ายระเบียบนี้ เว้นแต่ในกรณีจําเป็นหรือรีบด่วนจะใช้ ใบลาที่มีข้อความไม่ครบถ้วนตามแบบหรือจะลาโดยวิธีการอย่างอื่นก็ได้ แต่ต้องส่งใบลาตามแบบ ในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุดหรือสํานักงานศาลปกครองอาจนําระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลา หรือยกเลิกวันลา กับการลาประเภทหนึ่งประเภทใดตามข้อ ๗ ได้ ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจะต้องเป็นระบบที่มีความปลอดภัย รัดกุม สามารถตรวจสอบตัวบุคคล และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการลาเป็นหลักฐานในราชการได้ ข้อ ๑๔ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะไปต่างประเทศในระหว่างการลาตามระเบียบนี้ หรือในระหว่างวันหยุดราชการ ให้เสนอขออนุญาตต่อประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครอง ชั้นต้น ผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น หรือผู้บังคับบัญชา ตามลําดับจนถึงเลขาธิการ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๕ ข้าราชการศาลปกครองผู้ใดไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ อันเนื่องมาจาก พฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไปในท้องที่นั้น หรือพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับข้าราชการ ศาลปกครองผู้นั้นและมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือความผิดของข้าราชการศาลปกครอง ผู้นั้นเอง โดยพฤติการณ์พิเศษดังกล่าวร้ายแรงจนเป็นเหตุขัดขวางทําให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการ ณ สถานที่ตั้งตามปกติ ให้ข้าราชการศาลปกครองผู้นั้นรีบรายงานพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งอุปสรรค ขัดขวางที่ทําให้มาปฏิบัติราชการไม่ได้ต่อประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น หรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึง เลขาธิการ แล้วแต่กรณี ทันทีในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ในกรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น ผู้อํานวยการหลักสูตร การฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการเห็นว่าการที่ข้าราชการศาลปกครองผู้นั้น ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ เป็นเพราะพฤติการณ์พิเศษตามวรรคหนึ่ง ให้สั่งให้การหยุดราชการ ของข้าราชการศาลปกครองผู้นั้นไม่นับเป็นวันลาตามจํานวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้อันเนื่องมาจาก พฤติการณ์พิเศษดังกล่าว ถ้าเห็นว่าไม่เป็นพฤติการณ์พิเศษ ให้ถือว่าวันที่ข้าราชการศาลปกครองผู้นั้น ไม่มาปฏิบัติราชการเป็นวันลากิจส่วนตัว ข้อ ๑๖ การลาทุกประเภท การหยุดราชการเพราะพฤติการณ์พิเศษ และการไปต่างประเทศ ของประธานศาลปกครองสูงสุด ให้อยู่ในดุลพินิจของประธานศาลปกครองสูงสุด และแจ้งให้ ก.ศป. ทราบ ข้อ ๑๗ การให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างระหว่างการลา ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกา เกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือน เงินปี บําเหน็จ บํานาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน และระเบียบว่าด้วย การจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ แล้วแต่กรณี หมวด ๒ สิทธิการลาแต่ละประเภท ส่วนที่ ๑ การลาป่วย ข้อ ๑๘ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพื่อรักษาตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ ในกรณีจําเป็นจะเสนอหรือจัดส่งใบลาในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครองผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว การลาป่วยตั้งแต่สามสิบวันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและ รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลาด้วย ในกรณีจําเป็นหรือเห็นสมควร ผู้มีอํานาจอนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองแพทย์อื่นซึ่งผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นชอบก็ได้ การลาป่วยไม่ถึงสามสิบวัน ไม่ว่าจะเป็นการลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน ถ้าผู้มีอํานาจ อนุญาตเห็นสมควร จะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลา หรือสั่งให้ผู้ลาไปรับ การตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตก็ได้ ส่วน ๒ การลาคลอดบุตร ข้อ ๑๙ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาคลอดบุตร ให้เสนอใบลาต่อผู้มีอํานาจ อนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ไม่สามารถ จะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้ว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว และมีสิทธิลาคลอดบุตรครั้งหนึ่งได้เก้าสิบวัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ การลาคลอดบุตรจะลาในวันที่คลอด ก่อนหรือหลังวันที่คลอดบุตรก็ได้ แต่เมื่อรวมวันลาแล้ว ต้องไม่เกินเก้าสิบวัน การลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวกับการลาประเภทใดซึ่งยังไม่ครบกําหนดวันลาของการลาประเภทนั้น ให้ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง และให้นับเป็นการลาคลอดบุตรตั้งแต่วันเริ่มวันลาคลอดบุตร ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาคลอดบุตรและได้หยุดราชการไปแล้ว แต่ไม่ได้ คลอดบุตรตามกําหนด หากประสงค์จะขอยกเลิกวันลาคลอดบุตรที่หยุดไป ให้ผู้มีอํานาจอนุญาต พิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาคลอดบุตรได้ โดยให้ถือว่าวันที่ได้หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๓ การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ข้อ ๒๐ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่คลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจ อนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภริยา ที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกินสิบห้าวันทําการ ผู้มีอํานาจอนุญาตตามวรรคหนึ่ง อาจให้แสดงหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาตด้วยก็ได้ ส่วน ๔ การลากิจส่วนตัว ข้อ ๒๑ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทัน จะเสนอหรือจัดส่งใบลา พร้อมด้วยระบุเหตุจําเป็นไว้แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้มีอํานาจอนุญาต ทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหนึ่งได้ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา พร้อมทั้งเหตุผลความจําเป็นต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต ทันทีในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ข้อ ๒๒ ข้าราชการศาลปกครองที่ลาคลอดบุตรตามข้อ ๑๙ แล้ว หากประสงค์จะลากิจ ส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบวันทําการ ให้ข้าราชการศาลปกครองที่ลาตามวรรคหนึ่ง มีสิทธินําจํานวนวันลากิจส่วนตัวซึ่งมีสิทธิลา โดยได้รับเงินเดือนที่เหลือในปีนั้นมาใช้ เพื่อให้ได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกินจํานวนวันลากิจส่วนตัว ที่เหลือนั้นได้ ทั้งนี้ จะต้องแจ้งการขอใช้สิทธิพร้อมกับการลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ส่วน ๕ การลาพักผ่อน ข้อ ๒๓ ข้าราชการศาลปกครองมีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีงบประมาณหนึ่งได้สิบวันทําการ เว้นแต่ข้าราชการศาลปกครองดังต่อไปนี้ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือบรรจุเข้ารับราชการยังไม่ถึงหกเดือน (๑) ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งหรือบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก (๒) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาได้รับการแต่งตั้งหรือบรรจุเข้ารับ ราชการอีก (๓) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพื่อดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแล้วต่อมา ได้รับการแต่งตั้งหรือบรรจุเข้ารับราชการหลังหกเดือน นับแต่วันออกจากราชการ (๔) ผู้ซึ่งถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่น นอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร และกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมาได้รับการบรรจุเข้ารับราชการอีก (๕) ผู้ซึ่งเกษียณอายุราชการก่อนเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลปกครอง (๖) ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุอื่นใดที่มิใช่การลาออกเพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นตุลาการ ศาลปกครอง ข้อ ๒๔ ถ้าในปีใดข้าราชการศาลปกครองผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจําปี หรือลาพักผ่อน ประจําปีแล้วแต่ไม่ครบสิบวันทําการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลา พักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกินยี่สิบวันทําการ สําหรับผู้ที่ได้รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี ให้มีสิทธินําวันลาพักผ่อนสะสม รวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันได้ไม่เกินสามสิบวันทําการ เพื่อประโยชน์ในการคํานวณสิทธิการลาพักผ่อน ให้นับเวลาราชการของข้าราชการที่ลาออก เพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง รวมเป็นเวลาราชการของข้าราชการตุลาการ ศาลปกครองนั้นและให้ถือว่าเป็นการรับราชการติดต่อกัน การอนุญาตให้ลาพักผ่อนตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตคํานึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการ จะได้รับและประโยชน์ในด้านการเพิ่มพูนประสิทธิภาพการทํางานของข้าราชการศาลปกครองผู้ขอลา ข้อ ๒๕ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาพักผ่อน ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้มี อํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุด ราชการได้ ข้อ ๒๖ การอนุญาตให้ลาพักผ่อน ผู้มีอํานาจอนุญาตจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือ หลายครั้งก็ได้ โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ ข้อ ๒๗ ข้าราชการศาลปกครองผู้ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามเดือน มีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีงบประมาณหนึ่งได้เพิ่มขึ้นอีกสิบวันทําการ ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิลาพักผ่อนปกติอยู่ก่อนแล้ว ถ้าในปีใดมิได้ลาพักผ่อนประจําปี หรือ ลาพักผ่อนประจําปีแล้วแต่ไม่ครบยี่สิบวันทําการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีงบประมาณปัจจุบันจะต้องไม่เกินสี่สิบวันทําการ และกรณีข้าราชการศาลปกครองพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ถือว่า การลาพักผ่อนดังกล่าวเป็นสิทธิตามตัวในปีงบประมาณนั้นเท่านั้น หากพ้นปีงบประมาณดังกล่าว ให้คํานวณและสะสมวันลาพักผ่อนตามปกติ ส่วน ๖ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ข้อ ๒๘ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา หรือ ข้าราชการศาลปกครองที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึง ผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ในกรณีมีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาล่วงหน้าได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ชี้แจงเหตุผล ความจําเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจอนุญาตที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๒๙ ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือ ได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ตามข้อ ๒๘ แล้ว จะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบ พิธีฮัจญ์ภายในสิบวัน นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายในห้าวัน นับแต่วันที่ลาสิกขา หรือวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ทั้งนี้ ให้นับระยะเวลาที่จะต้องกลับมารายงานตัวดังกล่าวรวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลาด้วย ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับอนุญาต ให้ลาไปประกอบพิธีฮัจญ์และได้หยุดราชการไปแล้ว หากปรากฏว่ามีปัญหาอุปสรรคทําให้ไม่สามารถ อุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจญ์ตามที่ขอลาไว้ เมื่อได้รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติและ ขอยกเลิกวันลา ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตพิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจญ์ โดยให้ถือว่าวันที่หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๗ การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ข้อ ๓๐ ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้มี อํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง ส่วนข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาต หรือผู้บังคับบัญชาภายในสี่สิบแปดชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรียกนั้นโดยไม่ต้องรอรับคําสั่งอนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชา เสนอรายงานลาไปตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต ข้อ ๓๑ เมื่อข้าราชการศาลปกครองที่ลานั้นพ้นจากการเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับ การเตรียมพลแล้ว ให้มารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือ ผู้บังคับบัญชาภายในเจ็ดวัน เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจําเป็น ผู้มีอํานาจอนุญาตอาจขยายเวลาให้ได้ แต่รวมแล้วไม่เกินสิบห้าวัน ส่วน ๘ การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ข้อ ๓๒ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงานในประเทศหรือต่างประเทศ ให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (ก) ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต โดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ข) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งผ่านการประเมินผลการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบ การพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ค) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งอยู่ระหว่างการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครอง ชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต โดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ง) กรณีอื่นนอกจาก (ก) (ข) และ (ค) ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (๒) ในกรณีของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง (ก) เลขาธิการ ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ข) กรณีอื่นนอกจาก (ก) ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้บังคับบัญชาเพื่อทําความเห็น ประกอบการพิจารณาจนถึงเลขาธิการเพื่อพิจารณาอนุญาต ข้อ ๓๓ ให้สํานักงานศาลปกครองจัดทําสัญญาผูกมัดข้าราชการศาลปกครองที่ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศ หรือศึกษาเพิ่มเติมในประเทศให้กลับมาปฏิบัติราชการ ในศาลปกครองหรือสํานักงานศาลปกครองตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่กําหนด ส่วน ๙ การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ข้อ ๓๔ การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศของข้าราชการศาลปกครอง ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกําหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ ข้าราชการไปทําการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ และดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (ก) ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต โดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ข) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งผ่านการประเมินผลการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบ การพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ค) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งอยู่ระหว่างการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครอง ชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต โดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (ง) กรณีอื่นนอกจาก (ก) (ข) และ (ค) ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อพิจารณาอนุญาตโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. (๒) ในกรณีของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง (ก) เลขาธิการ ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ข) กรณีอื่นนอกจาก (ก) ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้บังคับบัญชาเพื่อทําความเห็น ประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต ข้อ ๓๕ ข้าราชการศาลปกครองที่ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ เมื่อปฏิบัติงาน แล้วเสร็จ ให้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันครบกําหนดเวลาและ ให้รายงานผลเกี่ยวกับการลาไปปฏิบัติงานให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ การรายงานผลการไปปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้แบบรายงานตามที่กําหนดไว้ท้ายระเบียบนี้ ส่วน ๑๐ การลาติดตามคู่สมรส ข้อ ๓๖ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาติดตามคู่สมรส ให้ลาได้ไม่เกินสองปี และในกรณีจําเป็นอาจอนุญาตให้ลาต่อได้อีกสองปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสี่ปี ถ้าเกินสี่ปี ให้ลาออก จากราชการ โดยให้ดําเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีของข้าราชการตุลาการศาลปกครอง (ก) ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ข) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งผ่านการประเมินผลการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านอธิบดีศาลปกครองชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบ การพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ค) ตุลาการประจําศาลปกครองชั้นต้นซึ่งอยู่ระหว่างการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ ก.ศป. กําหนด ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้อํานวยการหลักสูตรการฝึกอบรมตุลาการประจําศาลปกครอง ชั้นต้นเพื่อทําความเห็นประกอบการพิจารณาจนถึงประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ง) กรณีอื่นนอกจาก (ก) (ข) และ (ค) ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อพิจารณาอนุญาต (๒) ในกรณีของข้าราชการฝ่ายศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง (ก) เลขาธิการ ให้เสนอใบลาต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาอนุญาต (ข) กรณีอื่นนอกจาก (ก) ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาผ่านผู้บังคับบัญชาเพื่อทําความเห็น ประกอบการพิจารณาจนถึงเลขาธิการเพื่อพิจารณาอนุญาต ข้อ ๓๗ การพิจารณาอนุญาตให้ข้าราชการศาลปกครองลาติดตามคู่สมรส ผู้มีอํานาจอนุญาต จะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ แต่เมื่อรวมแล้วจะต้องไม่เกิน ระยะเวลาตามที่กําหนดในข้อ ๓๖ และจะต้องเป็นกรณีที่คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงาน ในต่างประเทศเป็นระยะเวลาติดต่อกัน ไม่ว่าจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานในประเทศ เดียวกันหรือไม่ ข้อ ๓๘ ข้าราชการศาลปกครองที่ได้ลาติดตามคู่สมรสครบกําหนดระยะเวลาตามข้อ ๓๖ ในช่วงเวลาที่คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานในต่างประเทศติดต่อกันคราวหนึ่งแล้ว ไม่มีสิทธิขอลาติดตามคู่สมรสอีก เว้นแต่คู่สมรสจะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติงานประจํา ในประเทศไทยแล้วต่อมาได้รับคําสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไปปฏิบัติงานในต่างประเทศอีก จึงจะมีสิทธิขอลาติดตามคู่สมรสตามข้อ ๓๖ ได้ใหม่ ส่วน ๑๑ การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๓๙ ข้าราชการศาลปกครองผู้ใดได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ ในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ หากข้าราชการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟู สมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือที่จําเป็นต่อการประกอบอาชีพ แล้วแต่กรณี มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกินสิบสองเดือน ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือ พิการเพราะเหตุอื่นนอกจากที่กําหนดในวรรคหนึ่ง และ ก.ศป. ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ แล้วแต่กรณี พิจารณาแล้วเห็นว่ายังสามารถรับราชการต่อไปได้ หากข้าราชการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับ การฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ผู้มีอํานาจ อนุญาตพิจารณาให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพดังกล่าวครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกินสิบสองเดือน หลักสูตรตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องเป็นหลักสูตรที่ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ องค์กรการกุศลอันเป็นสาธารณะหรือสถาบันที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของทางราชการ เป็นผู้จัด หรือร่วมจัด ข้อ ๔๐ ข้าราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพตามข้อ ๓๙ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้มีอํานาจอนุญาตหรือผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต พร้อมแสดงหลักฐานเกี่ยวกับหลักสูตรที่ประสงค์จะลา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการเพื่อไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้ บทเฉพาะกาล ข้อ ๔๑ สิทธิการลาพักผ่อนประจําปีตามข้อ ๒๓ และข้อ ๒๔ ที่กําหนดในระเบียบนี้ หากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองผู้ใดมีวันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีงบประมาณปัจจุบัน เกินสามสิบวันทําการอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ คงได้รับสิทธิและประโยชน์นั้นต่อไปโดยให้ใช้ สิทธิการลาพักผ่อนที่เกินสามสิบวันทําการนั้นภายในกําหนดสามปี เพื่อให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,527
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบว่าด้วยการลาของพนักงานราชการศาลปกครอง อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของพนักงานราชการ ศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ กฎ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้ว ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ในกรณีที่มิได้กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการไว้ในระเบียบนี้ ให้นําระเบียบของทางราชการ มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ ก.บ.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง และสํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า สํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย และหน่วยงาน ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักงานศาล สํานัก วิทยาลัย ที่อยู่ในสังกัดสํานักงานศาลปกครอง "เข้ารับการตรวจเลือก" หมายความว่า เข้ารับการตรวจเลือกเพื่อรับราชการเป็น ทหารกองประจําการ ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร “เข้ารับการเตรียมพล” หมายความว่า เข้ารับการระดมพล เข้ารับการตรวจสอบพล เข้ารับ การฝึกวิชาทหาร หรือเข้ารับการทดลองความพรั่งพร้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ข้อ ๕ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจ ออกประกาศ คําสั่ง หรือหลักเกณฑ์เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๖ ให้ ก.บ.ศป. มีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๗ พนักงานราชการศาลปกครองมีสิทธิในการลาประเภทต่าง ๆ ตามความจําเป็น ในรอบปีงบประมาณตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) การลาป่วย (๒) การลาคลอดบุตร (๓) การลากิจส่วนตัว (๔) การลาพักผ่อน (๕) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ (๖) การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล (๗) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร (๘) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๘ การลาทุกประเภทตามระเบียบนี้ ถ้ามีกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรี กําหนดเกี่ยวกับการลาประเภทใดไว้เป็นพิเศษ ผู้ลาและผู้มีอํานาจอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการลาประเภทนั้นด้วย ข้อ ๙ ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาแต่ละประเภทของพนักงานราชการศาลปกครอง ให้เป็น อํานาจของเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ผู้มีอํานาจอนุญาตจะมอบอํานาจโดยทําเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นเป็นผู้พิจารณา อนุญาตแทนก็ได้ โดยให้คํานึงถึงระดับตําแหน่งและความรับผิดชอบของผู้รับมอบอํานาจเป็นสําคัญ ทั้งนี้ ผู้มอบอํานาจจะกําหนดให้ผู้รับมอบอํานาจมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นเป็นผู้พิจารณาอนุญาตแทน ต่อไป โดยจะกําหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการใช้อํานาจนั้นไว้ด้วยหรือไม่ก็ได้ การลาของพนักงานราชการศาลปกครองในช่วงก่อนและหลังวันหยุดราชการประจําสัปดาห์ หรือวันหยุดราชการประจําปีซึ่งทําให้มีวันหยุดต่อเนื่องกัน ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตใช้ดุลพินิจ ตามความเหมาะสมและจําเป็นที่จะอนุญาตให้ลาได้ โดยมิให้เสียหายแก่การปฏิบัติราชการ ข้อ ๑๐ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการลาหยุดของพนักงานราชการศาลปกครอง ให้หน่วยงานในสังกัดแต่ละแห่งจัดให้มีการบันทึกการลาหยุดราชการของพนักงานราชการศาลปกครอง แยกตามประเภท หรือพฤติการณ์พิเศษ หรือเหตุแห่งการลา ข้อ ๑๑ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดได้รับคําสั่งให้ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ ณ หน่วยงานในสังกัดอื่นที่ตนมิได้อยู่ในสังกัด หากประสงค์จะลาป่วย ลาคลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ลาพักผ่อน ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร หรือลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ในช่วงเวลาที่ไปช่วยราชการ หรือปฏิบัติหน้าที่ ให้เสนอขออนุญาตลาต่อผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่ไปช่วยราชการหรือปฏิบัติ หน้าที่จนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตแล้วให้หน่วยงานในสังกัดนั้นรายงานจํานวนวันลาให้หน่วยงานต้นสังกัด ของผู้นั้นทราบอย่างน้อยปีละครั้ง ข้อ ๑๒ การนับวันลาตามระเบียบนี้ ให้นับตามปีงบประมาณ การนับวันลาเพื่อประโยชน์ในการเสนอหรือจัดส่งใบลา อนุญาตให้ลาและคํานวณวันลา ให้นับต่อเนื่องกัน โดยนับวันหยุดราชการที่อยู่ในระหว่างวันลาประเภทเดียวกันรวมเป็นวันลาด้วย เว้นแต่การนับเพื่อประโยชน์ในการคํานวณวันลา สําหรับวันลาป่วยที่มิใช่วันลาป่วยตามกฎหมายว่าด้วย การสงเคราะห์ข้าราชการผู้ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการ วันลากิจส่วนตัว วันลาพักผ่อน และวันลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ให้นับเฉพาะวันทําการ การลาป่วยหรือลากิจส่วนตัวซึ่งมีระยะเวลาต่อเนื่องกัน จะเป็นในปีงบประมาณเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ให้นับเป็นการลาครั้งหนึ่ง ถ้าจํานวนวันลาครั้งหนึ่งรวมกันเกินอํานาจของผู้มีอํานาจอนุญาตระดับใด ให้นําใบลาเสนอขึ้นไปตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ลากิจส่วนตัว ซึ่งมิใช่ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรตามข้อ ๒๐ หรือลาพักผ่อน ซึ่งได้หยุดราชการไปยังไม่ครบกําหนด ถ้ามีราชการจําเป็นเกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจอนุญาตจะเรียกตัวมาปฏิบัติราชการระหว่าง การลาก็ได้ การลาครึ่งวันในตอนเช้าหรือตอนบ่าย ให้นับเป็นการลาครึ่งวันตามประเภทของการลานั้น ๆ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งได้รับอนุญาตให้ลา หากประสงค์จะยกเลิกวันลาที่ยังไม่ได้ หยุดราชการ ให้เสนอขอยกเลิกวันลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตให้ลาและให้ถือว่า การลาเป็นอันสิ้นสุดก่อนวันมาปฏิบัติราชการ การลาของพนักงานราชการศาลปกครองที่ถูกเรียกกลับมาปฏิบัติราชการระหว่างการลา ให้ถือว่า สิ้นสุดก่อนวันมาปฏิบัติราชการ เว้นแต่ผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นว่าการเดินทางต้องใช้เวลา ให้ถือว่าสิ้นสุด ก่อนวันเดินทางกลับ ข้อ ๑๓ การลาให้ใช้ใบลาตามแบบใบลาของข้าราชการศาลปกครอง โดยอนุโลม เว้นแต่ ในกรณีจําเป็นหรือรีบด่วน จะใช้ใบลาที่มีข้อความไม่ครบถ้วนตามแบบหรือจะลาโดยวิธีการอย่างอื่นก็ได้ แต่ต้องส่งใบลาตามแบบในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ สํานักงานศาลปกครองอาจนําระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการเสนอใบลา อนุญาตให้ลา หรือยกเลิกวันลา กับการลาประเภทหนึ่งประเภทใดได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าวจะต้องเป็นระบบที่มีความปลอดภัย รัดกุม สามารถตรวจสอบตัวบุคคล และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ การลาเป็นหลักฐานในราชการได้ ข้อ ๑๔ พนักงานราชการศาลปกครอง ซึ่งประสงค์จะไปต่างประเทศในระหว่างการลา ตามระเบียบนี้ หรือในระหว่างวันหยุดราชการ ให้เสนอขออนุญาตต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึง เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ข้อ ๑๕ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ อันเนื่องมาจาก พฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไปในท้องที่นั้น หรือพฤติการณ์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นกับพนักงาน ราชการศาลปกครองผู้นั้นและมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือความผิดของพนักงานราชการ ศาลปกครองผู้นั้นเอง โดยพฤติการณ์พิเศษดังกล่าวร้ายแรงจนเป็นเหตุขัดขวางทําให้ไม่สามารถมาปฏิบัติ ราชการ ณ สถานที่ตามปกติ ให้พนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นรีบรายงานพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งอุปสรรคขัดขวางที่ทําให้มาปฏิบัติราชการไม่ได้ต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงเลขาธิการ สํานักงานศาลปกครองทันทีในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการ ในกรณีที่เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองเห็นว่า การที่พนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้น ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้ เป็นเพราะพฤติการณ์พิเศษตามวรรคหนึ่ง ให้สั่งให้การหยุดราชการ ของพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นไม่นับเป็นวันลาตามจํานวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้ อันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษดังกล่าว ถ้าเห็นว่าไม่เป็นพฤติการณ์พิเศษ ให้ถือว่าวันที่พนักงานราชการ ศาลปกครองผู้นั้นไม่มาปฏิบัติราชการเป็นวันลากิจส่วนตัว ข้อ ๑๖ การให้ได้รับค่าตอบแทนระหว่างการลา ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง ประกาศสํานักงานศาลปกครอง เรื่อง การบริหารงานบุคคลพนักงานราชการศาลปกครอง และระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง หมวด ๒ สิทธิการลาแต่ละประเภท ส่วนที่ ๑ การลาป่วย ข้อ ๑๗ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพื่อรักษาตัว ให้เสนอหรือจัดส่ง ใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ในกรณีจําเป็น จะเสนอหรือจัดส่งใบลาในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่พนักงานราชการศาลปกครองผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว การลาป่วยตั้งแต่สามวันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลาด้วย ในกรณีจําเป็นหรือเห็นสมควรผู้มีอํานาจอนุญาต จะสั่งให้ใช้ใบรับรองแพทย์อื่นซึ่งผู้มีอํานาจอนุญาตเห็นชอบก็ได้ การลาป่วยไม่ถึงสามวัน ไม่ว่าจะเป็นการลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน ถ้าผู้มีอํานาจ อนุญาตเห็นสมควร จะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลา หรือสั่งให้ผู้ลาไปรับ การตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตก็ได้ ส่วน ๒ การลาคลอดบุตร ข้อ ๑๘ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาคลอดบุตร ให้เสนอใบลาต่อ ผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้ว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว โดยไม่ต้องมี ใบรับรองแพทย์ การลาคลอดบุตรจะลาในวันที่คลอด ก่อนหรือหลังวันที่คลอดบุตรก็ได้ แต่เมื่อรวมวันลาแล้ว ต้องไม่เกินเก้าสิบวัน การลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวกับการลาประเภทใดซึ่งยังไม่ครบกําหนดวันลาของการลาประเภทนั้น ให้ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง และให้นับเป็นการลาคลอดบุตรตั้งแต่วันเริ่มวันลาคลอดบุตร พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตให้ลาคลอดบุตรและได้หยุดราชการไปแล้ว แต่ไม่ได้คลอดบุตรตามกําหนด หากประสงค์จะขอยกเลิกวันลาคลอดบุตรที่หยุดไป ให้ผู้มีอํานาจอนุญาต พิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาคลอดบุตรได้ โดยให้ถือว่าวันที่ได้หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๓ การลากิจส่วนตัว ข้อ ๑๙ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มีเหตุจําเป็นไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทัน จะเสนอหรือจัดส่งใบลา พร้อมด้วยระบุเหตุจําเป็นไว้แล้วหยุดราชการไปก่อนก็ได้ แต่จะต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้มีอํานาจ อนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหนึ่งได้ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา พร้อมทั้งเหตุผลความจําเป็นต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต ทันทีในวันแรก ที่มาปฏิบัติราชการ ข้อ ๒๐ พนักงานราชการศาลปกครองที่ลาคลอดบุตรตามข้อ ๑๘ แล้ว หากประสงค์ จะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้มีสิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้ไม่เกินเก้าสิบวันทําการ ให้พนักงานราชการศาลปกครองที่ลาตามวรรคหนึ่ง มีสิทธินําจํานวนวันลากิจส่วนตัวซึ่งมีสิทธิลา โดยได้ค่าตอบแทนที่เหลือในปีนั้นมาใช้ เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนระหว่างลาได้ไม่เกินจํานวนวันลากิจ ส่วนตัวที่เหลือนั้นได้ ทั้งนี้ จะต้องแจ้งการขอใช้สิทธิพร้อมกับการลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร ส่วน ๔ การลาพักผ่อน ข้อ ๒๑ พนักงานราชการศาลปกครองมีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีงบประมาณหนึ่งได้ สิบวันทําการ สําหรับปีแรกที่ได้รับการจ้างเป็นพนักงานราชการศาลปกครองยังไม่ครบหกเดือนไม่มีสิทธิ ลาพักผ่อน เว้นแต่พนักงานราชการศาลปกครองที่มีสัญญาจ้างต่อเนื่องกันในหน่วยงานในสังกัดเดิม รวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือน ข้อ ๒๒ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดปฏิบัติราชการครบหนึ่งปีขึ้นไป และในปีที่ผ่านมา พนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นมิได้ลาพักผ่อนประจําปี หรือลาพักผ่อนแล้วไม่ครบสิบวันทําการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อน ในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกินสิบห้าวันทําการ ข้อ ๒๓ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาพักผ่อน ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวันต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการได้ การอนุญาตให้ลาพักผ่อน ผู้มีอํานาจอนุญาตจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ โดยมิให้เสียหายแก่ราชการ ข้อ ๒๔ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามเดือน มีสิทธิลาพักผ่อนประจําปีในปีหนึ่งได้เพิ่มขึ้นอีกสิบวันทําการ ทั้งนี้ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิลาพักผ่อนปกติอยู่ก่อนแล้ว ถ้าในปีใดมิได้ลาพักผ่อนประจําปี หรือลาพักผ่อน ประจําปีแล้วแต่ไม่ครบสิบห้าวันทําการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้ แต่วันลาพักผ่อนสะสมรวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันจะต้องไม่เกินยี่สิบวันทําการ และกรณีพ้นจาก การปฏิบัติหน้าที่ประจําในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ถือว่าการลาพักผ่อนดังกล่าวเป็นสิทธิตามตัว ในปีงบประมาณนั้นเท่านั้น หากพ้นปีงบประมาณดังกล่าว ให้คํานวณและสะสมวันลาพักผ่อนตามปกติ ส่วน ๕ การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ข้อ ๒๕ พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับการจ้างและปฏิบัติหน้าที่มาไม่น้อยกว่าสี่ปี มีสิทธิลาเพื่อไปอุปสมบทหรือประกอบพิธีฮัจญ์ แล้วแต่กรณี ได้จํานวนหนึ่งครั้ง ตลอดช่วงเวลาของ การมีสถานภาพเป็นพนักงานราชการศาลปกครอง โดยการลาอุปสมบทมีสิทธิลาได้ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน และการลาไปประกอบพิธีฮัจญ์มีสิทธิลาได้ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ตามระยะเวลาที่ใช้ในการประกอบ ศาสนกิจตามหลักการของศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาอนุมัติการลาดังกล่าว ตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา หรือพนักงาน ราชการศาลปกครองที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต ก่อนวันอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ในกรณีมีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาล่วงหน้าได้ตามวรรคสอง ให้ชี้แจงเหตุผล ความจําเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจอนุญาตที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ ข้อ ๒๖ พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลา อุปสมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจญ์แล้ว จะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบ พิธีฮัจญ์ภายในสิบวัน นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายในห้าวัน นับแต่วันที่ลาสิกขา หรือวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ทั้งนี้ ให้นับระยะเวลาที่จะต้องกลับมารายงานตัวดังกล่าวรวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตการลาด้วย พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือได้รับ อนุญาตให้ลาไปประกอบพิธีฮัจญ์และได้หยุดราชการไปแล้ว หากปรากฏว่ามีปัญหาอุปสรรคทําให้ ไม่สามารถอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจญ์ตามที่ขอลาไว้ เมื่อได้รายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการ ตามปกติและขอยกเลิกวันลา ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตพิจารณาอนุญาตให้ยกเลิกวันลาอุปสมบทหรือ ไปประกอบพิธีฮัจญ์ โดยให้ถือว่าวันที่หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว ส่วน ๖ การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ข้อ ๒๗ พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ให้รายงานลา ต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง ส่วนพนักงานราชการ ศาลปกครองที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาภายในสี่สิบแปดชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลา ในหมายเรียกนั้นโดยไม่ต้องรอรับคําสั่งอนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลําดับจนถึง ผู้มีอํานาจอนุญาต ข้อ ๒๘ เมื่อพนักงานราชการศาลปกครองที่ลานั้นพ้นจากการเข้ารับการตรวจเลือกหรือ เข้ารับการเตรียมพลแล้ว ให้มารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการตามปกติต่อผู้บังคับบัญชาภายในเจ็ดวัน เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจําเป็น ผู้มีอํานาจอนุญาตอาจขยายเวลาให้ได้แต่รวมแล้วไม่เกินสิบห้าวัน ส่วน ๗ การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ข้อ ๒๙ พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับการจ้างและปฏิบัติหน้าที่มาไม่น้อยกว่าสองปี ซึ่งประสงค์จะลาไปช่วยเหลือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายที่คลอดบุตร ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลาภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คลอดบุตร และให้มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกินสิบห้าวันทําการ ผู้มีอํานาจอนุญาตตามวรรคหนึ่ง อาจให้แสดงหลักฐานประกอบการพิจารณาอนุญาตด้วยก็ได้ ส่วน ๘ การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ข้อ ๓๐ พนักงานราชการศาลปกครองผู้ใดได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติ ราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทําการตามหน้าที่ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือ พิการ หากพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับ การฟื้นฟูสมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือที่จําเป็นต่อการประกอบอาชีพ แล้วแต่กรณี มีสิทธิลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนดไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกินสิบสองเดือน ทั้งนี้ จะต้องไม่เกินระยะเวลาตามสัญญาจ้างที่เหลืออยู่ พนักงานราชการศาลปกครองที่ได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บ จนทําให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือพิการเพราะเหตุอื่นนอกจากที่กําหนดในวรรคหนึ่ง และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุพิจารณาแล้วเห็นว่า ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไปได้ หากพนักงานราชการศาลปกครองผู้นั้นประสงค์จะลาไปเข้ารับ การฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จําเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้ผู้มีอํานาจ อนุญาตพิจารณาให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพดังกล่าวครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่กําหนด ไว้ในหลักสูตรที่ประสงค์จะลา แต่ไม่เกินหกเดือน ทั้งนี้ จะต้องไม่เกินระยะเวลาตามสัญญาจ้างที่เหลืออยู่ หลักสูตรตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องเป็นหลักสูตรที่ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ องค์กรการกุศลอันเป็นสาธารณะหรือสถาบันที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของทางราชการ เป็นผู้จัด หรือร่วมจัด ข้อ ๓๑ พนักงานราชการศาลปกครองซึ่งประสงค์จะลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ตามข้อ ๓๐ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาต พร้อมแสดงหลักฐานเกี่ยวกับหลักสูตรที่ประสงค์จะลา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะหยุดราชการเพื่อไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพได้ บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๒ การใดที่ได้ดําเนินการไปตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยพนักงานราชการศาลปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศสํานักงานศาลปกครอง เรื่อง การบริหารงานบุคคลพนักงานราชการศาลปกครอง และระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ถือเป็นการดําเนินการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,528
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองเชียงใหม่
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองเชียงใหม่ ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองเชียงใหม่ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๔ โดยกําหนดให้ศาลปกครองเชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒ ถนนเชียงใหม่ - ลําปาง ตําบลช้างเผือก อําเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองเชียงใหม่จากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๓๓๓ ถนนโชตนา ตําบลช้างเผือก อําเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,529
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองขอนแก่น
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองขอนแก่น ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองขอนแก่น ลงวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๔๕ โดยกําหนดให้ศาลปกครองขอนแก่น ตั้งอยู่เลขที่๑๗๗/๔๘ ถนนมิตรภาพ ตําบลในเมือง อําเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของ ศาลปกครองขอนแก่นจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๓๓๓ หมู่ที่ ๒ ถนนเหล่านาดี ตําบลเมืองเก่า อําเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,530
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองนครศรีธรรมราช
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองนครศรีธรรมราช ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๖ โดยกําหนดให้ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่เลขที่ ๖/๑๕๗ - ๑๖๖ ถนนพัฒนาการคูขวาง ตําบลในเมือง อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองนครศรีธรรมราชจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๕/๘ หมู่ที่ ๖ ถนน นครศรีธรรมราช - ร่อนพิบูลย์ ตําบลนาพรุ อําเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,531
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองพิษณุโลก
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองพิษณุโลก ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองพิษณุโลก ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๕ โดยกําหนดให้ศาลปกครองพิษณุโลกตั้งอยู่เลขที่ ๗๒๓/๑๓ - ๑๕ ถนนพิชัยสงคราม ตําบลในเมือง อําเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลกนั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองพิษณุโลกจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๑๑๑ หมู่ที่ ๘ ตําบลท่าทอง อําเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ปิยะ ปะตังทา รองประธานศาลปกครองสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทน ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,532
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔
ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรมีระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๖) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาคต่าง ๆ “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานในสํานักงานระดับสํานักหรือเทียบเท่าและ สํานักงานศาล “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “หัวหน้าการเงินและบัญชี” หมายความว่า ผู้อํานวยการกลุ่มที่ปฏิบัติงานการเงินและบัญชี ของสํานักงานหรือสํานักงานศาล หรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ในลักษณะเดียวกัน “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการเงิน หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับ มอบหมายหรือแต่งตั้งตามระเบียบนี้ให้ปฏิบัติงานด้านการเงิน และให้หมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานด้านบัญชีในกรณีที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจจัดให้มีเจ้าหน้าที่การเงินหรือผู้ซึ่งได้รับ มอบหมายแทนด้วย “ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน “คลัง” หมายความว่า คลังจังหวัด และให้หมายความรวมถึงบัญชีเงินฝากของกระทรวงการคลัง ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย “สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” หมายความรวมถึง สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคด้วย “งบประมาณ” หมายความว่า งบประมาณตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการงบประมาณ “หลักฐานการจ่ายเงิน” หมายความว่า หลักฐานซึ่งแสดงว่าได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับหรือ เจ้าหนี้ตามข้อผูกพันโดยถูกต้องแล้ว ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน ใบสําคัญรับเงิน ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน บิลเงินสด หลักฐานของธนาคารแสดงการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ หรือหลักฐานการนําเงินเข้าบัญชีเงินฝาก ของผู้รับที่ธนาคารและให้รวมถึงใบนําส่งเงินต่อคลังด้วย และหลักฐานอื่น ๆ ที่ ก.บ.ศป. กําหนดให้ใช้ เป็นหลักฐานการจ่ายเงิน “ใบสําคัญรับเงิน” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงิน กรณีผู้ปฏิบัติงานได้จ่ายเงินไป และ ผู้รับเงินไม่มีใบเสร็จรับเงินให้ “ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงิน กรณีที่ผู้ปฏิบัติงาน ได้จ่ายเงินไป หรือได้รับใบเสร็จรับเงินซึ่งมีรายการไม่ครบถ้วนตามข้อ ๔๓ หรือซึ่งตามลักษณะไม่อาจ เรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับเงินได้ “บิลเงินสด” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงินของผู้ปฏิบัติงานที่ผู้ขายเป็นผู้ออกให้ “ใบสําคัญคู่จ่าย” หมายความว่า หลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นใบเสร็จรับเงิน หลักฐาน ของธนาคารแสดงการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ หรือหลักฐานการนําเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้รับที่ธนาคาร และให้รวมถึงใบนําส่งเงินต่อคลังด้วย “เงินสดย่อย” หมายความว่า เงินสดที่มีไว้ประจําสํานักงานและสํานักงานศาล เพื่อใช้จ่าย เป็นเงินยืมหรือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นของสํานักงานและสํานักงานศาล “เงินยืม” หมายความว่า เงินที่สํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี จ่ายให้แก่ ผู้ปฏิบัติงานยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการหรือการปฏิบัติราชการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่า จะจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายหรือเงินนอกงบประมาณ “เงินรายได้แผ่นดิน” หมายความว่า เงินทั้งปวงที่สํานักงานหรือสํานักงานศาลจัดเก็บหรือ รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุ และกฎหมาย ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐบัญญัติไม่ให้นําไปใช้จ่ายหรือหักไว้เพื่อการใด ๆ “ระบบอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบการรับและจ่ายเงินของสํานักงานศาลปกครอง ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบเทคโนโลยีอื่นที่ ก.บ.ศป. กําหนด ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ หลักเกณฑ์ วิธีการ และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้หรือ ในประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการของ ก.บ.ศป. ที่ออกเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บ รักษาเงิน และการนําเงินส่งคลัง โดยอนุโลม ข้อ ๖ ให้เลขาธิการมีอํานาจกําหนดแบบพิมพ์ เอกสาร สมุดบัญชี ที่ใช้ในการเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนําเงินส่งคลัง ตลอดจนวิธีใช้แบบพิมพ์ดังกล่าว ข้อ ๗ ให้ประธานกรรมการบริหารศาลปกครองเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ข้อ ๘ ให้ ก.บ.ศป. มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อประโยชน์ ในการปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ รวมทั้งมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การรับเงิน ข้อ ๙ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมใช้บังคับแล้ว ให้สํานักงานจัดทําแผนการเบิกจ่ายเงินประจําปี เพื่อเบิกเงินกับ กรมบัญชีกลาง และให้ฝากเงินดังกล่าวไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือธนาคารที่กองทุนเพื่อ การฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง สําหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชี และ เงินนอกงบประมาณหนึ่งบัญชี ดอกเบี้ยซึ่งเกิดจากเงินฝากธนาคารตามวรรคหนึ่ง ให้นําส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินอย่างช้า ไม่เกินสามวันทําการ นับจากวันที่ธนาคารแจ้งหรือบันทึกแสดงยอดดอกเบี้ยในสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ให้แล้ว ข้อ ๑๐ การรับเงินทุกรายการให้รับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และจะต้องออกใบเสร็จรับเงิน ให้ผู้ชําระเงินไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง ไม่ว่าจะได้รับการร้องขอหรือไม่ ในกรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือมีความจําเป็นซึ่งไม่สามารถดําเนินการได้ตามวรรคหนึ่ง ให้รับเป็น เงินสดหรือเช็คหรือเอกสารแทนตัวเงินอื่นที่สํานักงานกําหนด พร้อมทั้งออกใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐาน ทุกรายการ ดังนี้ (๑) กรณีรับเป็นเช็ค ให้นําฝากธนาคารภายในวันเดียวกัน หรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป (๒) กรณีรับเป็นเงินสด ให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยของสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือ สํานักงานศาล แล้วแต่กรณี โดยไม่สามารถนําไปใช้จ่ายเพื่อการใดได้ และให้นําฝากเข้าบัญชีธนาคาร อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ถ้าเงินที่เก็บรักษาไว้ในวันใดยอดรวมเกินหนึ่งหมื่นบาท ให้นําฝาก เข้าบัญชีธนาคารโดยด่วน หรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป หากวันใดที่มีการนําเช็คตาม (๑) ฝากเข้าบัญชีธนาคาร ให้นําเงินสดตาม (๒) ฝากเข้าบัญชี ธนาคารด้วย แม้ยอดเงินที่เก็บรักษาไว้ยังไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทก็ตาม ข้อ ๑๑ ในการจัดเก็บหรือรับชําระเงินให้สํานักงานและสํานักงานศาลซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บหรือ รับชําระเงินนั้นออกใบเสร็จรับเงิน หรือพิมพ์รายงานซึ่งเป็นหลักฐานการรับชําระเงินจากระบบ อิเล็กทรอนิกส์ตามที่เลขาธิการกําหนด เว้นแต่เป็นการรับชําระเงินค่าธรรมเนียม ค่าบริการหรือการรับ เงินอื่นใดที่มีเอกสารของทางราชการระบุจํานวนเงินที่รับชําระอันมีลักษณะเช่นเดียวกับใบเสร็จรับเงิน โดยเอกสารดังกล่าวจะต้องมีการควบคุมจํานวนที่รับจ่ายทํานองเดียวกันกับใบเสร็จรับเงิน หรือเป็น การรับเงินตามคําขอเบิกเงินจากคลังหรือเป็นการได้รับดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากธนาคารของสํานักงานและ สํานักงานศาล ในกรณีที่มีความจําเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บหรือรับชําระเงินนอกที่ตั้งสํานักงานปกติ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับวรรคหนึ่ง ข้อ ๑๒ การรับเงินทุกรายการจะต้องบันทึกเงินที่ได้รับในระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในบัญชีเงินสด หรือบัญชีเงินฝากธนาคารภายในวันที่ที่ได้รับเงินนั้น โดยแสดงให้ทราบว่าได้รับเงินตามเอกสารหลักฐาน ใดบ้าง ในกรณีที่มีการรับเงินภายหลังกําหนดเวลาปิดบัญชีสําหรับวันนั้นแล้ว ให้บันทึกการรับเงิน ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันทําการถัดไป กําหนดเวลาปิดบัญชีให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๓ การออกใบเสร็จรับเงินให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่กรณีที่มีความจําเป็น ไม่สามารถออกโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินที่ออกด้วยมือได้ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินเล่มเดียวกันรับเงินทุกประเภท เว้นแต่เงินประเภทใดที่มีการรับชําระ เป็นประจําและมีจํานวนมากราย จะแยกใบเสร็จรับเงินเล่มหนึ่งสําหรับการรับชําระเงินประเภทนั้นก็ได้ ข้อ ๑๔ ใบเสร็จรับเงินให้เป็นไปตามแบบที่เลขาธิการกําหนด และให้มีสําเนาเย็บติดไว้กับ เล่มอย่างน้อยหนึ่งฉบับ ใบเสร็จรับเงินที่ออกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๑๕ ใบเสร็จรับเงิน ห้าม ขูด ลบ แก้ไข เพิ่มเติมจํานวนเงินหรือผู้ชําระเงิน หากใบเสร็จรับเงินฉบับใดลงรายการผิดพลาด ให้ขีดฆ่าและยกเลิกใบเสร็จรับเงินนั้นทั้งฉบับ แล้วออกฉบับใหม่ การยกเลิกใบเสร็จรับเงินตามวรรคสอง ให้เขียนหรือประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยหมึกสีแดง ไว้ในใบเสร็จรับเงินนั้นและให้คงใบเสร็จรับเงินฉบับที่ยกเลิกติดไว้กับสําเนาเพื่อการตรวจสอบ ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่า มีการลงรายการรับเงินผิดพลาดซึ่งมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลง จํานวนเงิน หรือตัวผู้ชําระเงิน ให้ผู้รับเงินแก้ไขโดยขีดฆ่าและลงลายมือชื่อกํากับไว้ด้วย ข้อ ๑๖ ใบเสร็จรับเงินให้พิมพ์หมายเลขกํากับเล่มที่ และเลขที่เรียงกันไปทุกฉบับ กรณีใบเสร็จรับเงินที่จัดพิมพ์จากระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่สามารถพิมพ์หมายเลขกํากับเล่มได้ ให้พิมพ์หมายเลขกํากับเล่มเป็นปีงบประมาณแทน ข้อ ๑๗ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลจัดทําทะเบียนคุมใบเสร็จรับเงินไว้เพื่อให้ทราบและ ตรวจสอบได้ว่า ได้จัดพิมพ์ขึ้นจํานวนเท่าใด ได้จ่ายใบเสร็จรับเงินเล่มใด หมายเลขใดถึงหมายเลขใด ให้เจ้าหน้าที่ผู้ใดไปดําเนินการจัดเก็บเงินเมื่อวันเดือนปีใด ข้อ ๑๘ การจ่ายใบเสร็จรับเงินให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บเงิน ให้พิจารณาจ่าย ในจํานวนที่เหมาะสมแก่ลักษณะงานที่ปฏิบัติ และให้มีหลักฐานการรับส่งใบเสร็จรับเงินนั้นไว้ด้วย ข้อ ๑๙ ใบเสร็จรับเงินเล่มที่ใด เลขที่ใดถึงเลขที่ใด เมื่อหมดความจําเป็นต้องใช้ให้เจ้าหน้าที่ ที่รับใบเสร็จรับเงินนั้นไปส่งคืนให้สํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ที่จ่ายใบเสร็จรับเงินนั้น โดยไม่ชักช้า ข้อ ๒๐ เมื่อสิ้นปีงบประมาณให้หัวหน้าการเงินและบัญชีซึ่งรับใบเสร็จรับเงินไปดําเนินการ จัดเก็บเงิน รายงานให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ทราบว่า มีใบเสร็จรับเงินอยู่ในความรับผิดชอบเล่มใด หมายเลขใดถึงหมายเลขใด และ ได้ใช้ใบเสร็จรับเงินไปแล้วเล่มใด หมายเลขใดถึงหมายเลขใด อย่างช้าไม่เกินวันที่ ๓๑ ตุลาคม ของปีงบประมาณถัดไป ข้อ ๒๑ ใบเสร็จรับเงินเล่มใด ใช้สําหรับรับเงินของปีงบประมาณใด ให้ใช้รับเงินภายใน ปีงบประมาณนั้นเท่านั้น เมื่อขึ้นปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินเล่มใหม่ ใบเสร็จรับเงินฉบับใด ยังไม่ได้ใช้ ให้คงติดไว้กับเล่ม แต่ให้ปรุ เจาะรู หรือประทับตราเลิกใช้ เพื่อให้เป็นที่สังเกตมิให้นํามาใช้ รับเงินได้อีกต่อไป ข้อ ๒๒ เมื่อสิ้นเวลารับจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่จัดเก็บหรือรับชําระเงิน นําเงินสดหรือ เช็คหรือเอกสารแทนตัวเงินอื่นที่ได้รับ พร้อมกับสําเนาใบเสร็จรับเงินและเอกสารอื่นที่จัดเก็บในวันนั้น ทั้งหมดส่งต่อเจ้าหน้าที่การเงินของสํานักงานหรือสํานักงานศาลนั้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๓ ก่อนสิ้นวันทําการให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้อํานวยการ สํานักงานศาลหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี ตรวจสอบจํานวนเงินที่สํานักงานหรือสํานักงานศาล ได้รับและจํานวนเงินที่นําส่งคลังที่ฝากธนาคารหรือที่คงเหลือเป็นเงินสดกับหลักฐานและรายการ ที่บันทึกไว้ในบัญชีเงินสดหรือบัญชีเงินฝากธนาคารว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากปรากฏว่าถูกต้องแล้ว ให้ผู้ตรวจแสดงยอดรวมเงินรับทั้งสิ้นตามใบเสร็จรับเงินทุกฉบับที่ได้รับในวันนั้นไว้ในสําเนาใบเสร็จรับเงิน ฉบับสุดท้ายและลงลายมือชื่อกํากับไว้ด้วย เมื่อได้ตรวจสอบความถูกต้องตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้ตรวจแสดงยอดรวมเงินรับ ตามใบเสร็จรับเงิน ทุกฉบับและ/หรือรายงานซึ่งเป็นหลักฐานการรับชําระเงินจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับในวันนั้น ทุกฉบับไว้ในสําเนาใบเสร็จรับเงินหรือรายงานซึ่งเป็นหลักฐานการรับชําระเงินจากระบบ อิเล็กทรอนิกส์ฉบับสุดท้ายและลงลายมือชื่อกํากับไว้ด้วย ข้อ ๒๔ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลเก็บรักษาสําเนาใบเสร็จรับเงินซึ่งสํานักงาน การตรวจเงินแผ่นดินยังมิได้ตรวจสอบไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้สูญหายหรือเสียหายได้ และ เมื่อได้ตรวจสอบแล้วให้เก็บไว้อย่างเอกสารธรรมดาได้ ข้อ ๒๕ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลดําเนินการเกี่ยวกับสําเนาใบเสร็จรับเงินที่ไม่เกี่ยวกับคดี และสําเนาใบเสร็จรับเงินที่เกี่ยวกับคดีซึ่งไม่ได้รวมไว้ในสํานวนคดี ตามข้อ ๒๔ ส่วนสําเนา ใบเสร็จรับเงินที่รวมไว้ในสํานวนคดีให้ถือปฏิบัติตามระเบียบศาลปกครองว่าด้วยการปลดทําลายสํานวนคดี และสํานวนบังคับคดี หมวด ๒ การจ่ายเงิน ส่วน ๑ การขออนุมัติและการอนุมัติให้จ่ายเงิน ข้อ ๒๖ การจ่ายเงินให้จ่ายได้เฉพาะตามที่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรี กําหนดไว้ และผู้มีอํานาจอนุมัติจ่ายเงินอนุมัติให้จ่ายเงินได้ ข้อ ๒๗ ให้ผู้มีอํานาจอนุมัติตามข้อ ๓๓ สั่งอนุมัติการจ่ายเงิน พร้อมกับลงลายมือชื่ออนุมัติ ในหลักฐานการขอเบิกเงิน ข้อ ๒๘ ก่อนเริ่มต้นใช้เงินงบประมาณประจําปี ให้หน่วยงานในสังกัดจัดทําทะเบียน คุมเงินงบประมาณ เพื่อควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณ ในวงเงินที่หน่วยงานได้รับอนุมัติจัดสรร ตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี ข้อ ๒๙ การเบิกเงินตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี ให้ดําเนินการให้เสร็จสิ้นในปีงบประมาณนั้น เมื่อสิ้นปีงบประมาณ หากไม่สามารถเบิกงบประมาณ และไม่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิก ข้ามปีงบประมาณ ให้สํานักงานรวบรวมเงินงบประมาณเหลือจ่ายส่งเป็นเงินรายรับของสํานักงาน ข้อ ๓๐ การขอเบิกเงินทุกกรณีให้ระบุวัตถุประสงค์ที่จะนําเงินนั้นไปจ่ายและห้ามมิให้ ขอเบิกเงินจนกว่าจะถึงกําหนด หรือใกล้จะถึงกําหนดจ่ายเงิน เงินที่ขอเบิกเพื่อการใด ให้นําไปจ่ายเฉพาะเพื่อการนั้นเท่านั้น จะนําไปจ่ายเพื่อการอื่นไม่ได้ ข้อ ๓๑ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณใด ให้เบิกเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจําปีนั้น ไปจ่าย ในกรณีมีเหตุจําเป็น ไม่สามารถเบิกจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีนั้นได้ทัน ให้นําเสนอ เลขาธิการพร้อมชี้แจงเหตุผลความจําเป็นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของ ปีงบประมาณถัดไปได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นจะต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันเกินงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับ อนุมัติ และรายงานให้ ก.บ.ศป. เพื่อทราบด้วย ข้อ ๓๒ ค่าใช้จ่ายตามประเภทที่เลขาธิการกําหนด ซึ่งมีลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายประจํา หรือ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ถือว่าค่าใช้จ่ายนั้นเกิดขึ้นเมื่อสํานักงานหรือสํานักงานศาลได้รับแจ้งให้ชําระหนี้ และ ให้นํามาเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ได้รับแจ้งให้ชําระหนี้ ข้อ ๓๓ ให้เลขาธิการมีอํานาจอนุมัติจ่ายเงินตามระเบียบนี้ ซึ่งได้รับอนุมัติให้ดําเนินการ ตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปีตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการงบประมาณ ทั้งนี้ เลขาธิการ อาจมอบอํานาจให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองดําเนินการแทนได้ โดยความเห็นชอบของ ก.บ.ศป. ในกรณีค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ เมื่อได้มีการอนุมัติให้ดําเนินการในครั้งแรกแล้ว ให้ขออนุมัติ จ่ายเงินได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติให้ดําเนินการในแต่ละครั้งอีก (๑) ค่าใช้จ่ายประเภทสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ําประปา ค่าโทรศัพท์ (๒) ค่าเช่า ค่าใช้บริการ ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินที่บริษัทการบินเรียกเก็บ (๓) ค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน ค่าอากรเช็ค และค่าธรรมเนียมอื่นที่ธนาคารผู้รับฝากเงิน เรียกเก็บ (๔) ประโยชน์ตอบแทนอื่นที่สํานักงานต้องจ่ายตามปกติเป็นรายเดือน (๕) ค่าเบี้ยประชุม (๖) ค่าใช้จ่ายอื่นนอกจาก (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) ตามที่เลขาธิการเสนอ โดยความเห็นชอบของ ก.บ.ศป. ค่าใช้จ่ายประเภทเงินเดือน เงินประจําตําแหน่ง ค่าจ้าง และประโยชน์ตอบแทนอื่นตามสิทธิ ที่สํานักงานต้องจ่ายตามปกติเป็นรายเดือน ให้เบิกจ่ายได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติดําเนินการหรือขออนุมัติ เบิกจ่าย ข้อ ๓๔ การจ่ายเงินจะต้องมีหลักฐานการจ่ายเงินไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ข้อ ๓๕ การจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเงินทุกรายการ จะต้องมีการบันทึกการจ่ายเงินไว้ในบัญชีเงินสด หรือบัญชีเงินฝากธนาคาร แล้วแต่กรณี ในวันที่จ่ายเงินนั้น ข้อ ๓๖ ห้ามมิให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินเรียกหลักฐานการจ่ายเงินหรือให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อ รับเงินในหลักฐานการจ่ายเงิน โดยที่ยังมิได้มีการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน ข้อ ๓๗ การจ่ายเงินทุกรายการต้องมีการบันทึกการจ่ายเงินไว้ในบัญชีเงินสดหรือบัญชี เงินฝากธนาคาร และให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาลหรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วแต่กรณี ตรวจสอบการจ่ายเงินกับหลักฐานการจ่ายเงิน ทุกสิ้นวัน ส่วน ๒ วิธีปฏิบัติในการจ่ายเงิน ข้อ ๓๘ การจ่ายเงินให้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือจ่ายโดยการสั่งให้ธนาคารโอนเงิน จากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี เข้าบัญชีของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิหรือ จ่ายโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ยกเว้นในกรณีจ่ายจากเงินสดย่อย การจ่ายเงินโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานหรือสํานักงานศาล ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ให้กระทําได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก เลขาธิการแล้ว การจ่ายเงินเป็นเช็คหรือเงินสด ให้กระทําได้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือมีความจําเป็น เร่งด่วน ซึ่งไม่สามารถดําเนินการตามวรรคหนึ่งได้ ข้อ ๓๙ ในกรณีที่ต้องจ่ายเงินเป็นเช็ค ตามข้อ ๓๘ วรรคสาม ให้เขียนเช็คสั่งจ่ายและ สั่งจ่ายเช็ค ดังนี้ (๑) การเขียนเช็คสั่งจ่าย (ก) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้ ขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมด้วย (ข) ในกรณีสั่งจ่ายเงินด้วยเช็ค เพื่อเบิกเงินสดมาจ่ายให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่ ผู้ได้รับมอบหมายและขีดฆ่าคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” ออก ห้ามออกเช็คโดยไม่ระบุ ชื่อผู้รับเงิน ห้ามออกเช็คสั่งจ่ายเงินสด (ค) การเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินในเช็คที่เป็นตัวเลขและตัวอักษรให้เขียนหรือพิมพ์ ให้ชิดเส้น และชิดคําว่า “บาท” หรือขีดเส้นหน้าจํานวนเงินทั้งตัวเลข และตัวอักษร โดยไม่มีช่องว่าง ที่จะเขียนหรือพิมพ์จํานวนเงินเพิ่มเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังชื่อสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน จนชิดคําว่า “หรือตามคําสั่ง” หรือ “หรือผู้ถือ” แล้วแต่กรณี โดยมิให้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลอื่น เพิ่มเติมได้อีก (๒) การสั่งจ่ายเช็คของสํานักงานและสํานักงานศาลทุกครั้ง จะต้องลงลายมือชื่อผู้มีอํานาจ ลงนามในเช็ค หากมีการระบุรายการในเช็คผิดพลาดให้ยกเลิกเช็ค โดยประทับคําว่า “ยกเลิก” ด้วยหมึกสีแดงไว้ที่ด้านหน้าเช็คนั้น และให้คงเช็คที่ยกเลิกนั้นไว้กับต้นขั้วเพื่อการตรวจสอบ ข้อ ๔๐ การจ่ายเงินโดยการยินยอมให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงานให้แก่ เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินที่เป็นหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแสดงเจตนาขอรับเงินผ่านธนาคารโดยวิธีหักเงินจากบัญชีเงินฝาก ของสํานักงาน (๒) ให้สํานักงานยื่นคําขอแสดงความประสงค์ให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสํานักงาน เพื่อชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน แล้วสําเนาคู่ฉบับไว้เป็นหลักฐาน จํานวน ๑ ชุด (๓) เมื่อธนาคารดําเนินการหักเงินชําระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินแล้ว ให้สํานักงาน จัดพิมพ์รายงานสรุปการนําส่งเงินจากระบบงานทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทอื่นของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน (๔) ให้ใช้คําขอตาม (๒) ข้อมูลการนําส่งเงิน และรายงานสรุปการนําส่งเงินเป็นหลักฐาน การจ่ายเงิน ข้อ ๔๑ ให้บุคคลดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีอํานาจสั่งจ่ายเงินงบประมาณ (๑) สํานักงาน ให้เป็นอํานาจของเลขาธิการหรือรองเลขาธิการผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมาย ลงนามร่วมกับผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุน (๒) สํานักงานศาล ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลลงนามร่วมกับผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไป ส่วน ๓ หลักฐานการจ่ายเงิน ข้อ ๔๒ การจ่ายเงินของสํานักงานหรือสํานักงานศาลให้ใช้หลักฐานการจ่ายเงินซึ่งแสดงว่า ได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับหรือเจ้าหนี้ตามข้อผูกพันโดยถูกต้องแล้ว ซึ่งผู้รับเงินเป็นผู้ออกให้ หรือรายงาน การจ่ายเงินจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเอกสารอื่นใดที่เลขาธิการกําหนดเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน ข้อ ๔๓ หลักฐานการจ่ายเงินที่เป็นใบเสร็จรับเงินซึ่งผู้รับเงินออกให้ อย่างน้อยต้องมีรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อ สถานที่อยู่ หรือที่ทําการของผู้รับเงิน (๒) วัน เดือน ปีที่รับเงิน (๓) รายการแสดงการรับเงินระบุว่าเป็นค่าอะไร (๔) จํานวนเงิน ทั้งตัวเลขและตัวอักษร (๕) ลายมือชื่อของผู้รับเงิน ข้อ ๔๔ กรณีผู้ปฏิบัติงานจ่ายเงินไปโดยได้รับใบเสร็จรับเงิน ซึ่งมีรายการไม่ครบถ้วน ตามข้อ ๔๓ หรือซึ่งตามลักษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับเงินได้ ให้ผู้ปฏิบัติงานนั้น ทําใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน หรือใบสําคัญรับเงิน แล้วแต่กรณี เพื่อนํามาเป็นเอกสารประกอบ การขอเบิกเงินต่อสํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ได้รับใบเสร็จรับเงินแล้วแต่เกิดสูญหาย ให้ใช้สําเนาใบเสร็จรับเงินซึ่งผู้รับเงินรับรอง เป็นเอกสารประกอบการขอเบิกเงินแทนได้ ในกรณีที่ไม่อาจขอสําเนาใบเสร็จรับเงินตามวรรคสองได้ ให้ผู้ปฏิบัติงานนั้นทําใบรับรอง แทนใบเสร็จรับเงิน โดยชี้แจงเหตุผล พฤติการณ์ที่สูญหายหรือไม่อาจขอสําเนาใบเสร็จรับเงินได้ และรับรองว่ายังไม่เคยนําใบเสร็จรับเงินนั้นมาเบิกจ่าย แม้พบภายหลังก็จะไม่นํามาเบิกจ่ายอีก แล้วเสนอเลขาธิการเพื่อพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ใช้ใบรับรองนั้นเป็นหลักฐานประกอบ การขอเบิกเงินได้ ข้อ ๔๕ กรณีหลักฐานการจ่ายเงินของสํานักงานหรือสํานักงานศาลสูญหาย ให้ถือปฏิบัติ ตามวิธีการที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๔๖ ให้เจ้าหน้าที่การเงินผู้จ่ายเงินประทับตรา “จ่ายเงินแล้ว” โดยลงลายมือชื่อรับรอง การจ่าย และระบุชื่อผู้จ่ายเงินด้วยตัวบรรจง พร้อมทั้งลง วัน เดือน ปีที่จ่ายเงินกํากับไว้ในหลักฐาน การจ่ายเงินทุกฉบับ เพื่อป้องกันการเบิกซ้ํา และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ในกรณีที่หลักฐานการจ่ายเงินเป็นภาษาต่างประเทศ ให้ผู้จ่ายเงินทําใบรับรองการจ่ายเงิน โดยระบุรายการแสดงการจ่ายเงิน วัน เดือน ปีที่จ่ายเงิน จํานวนเงิน และลงลายมือชื่อ พร้อมทั้ง แนบใบสําคัญ (ถ้ามี) หรือใบเสร็จรับเงินดังกล่าวไปพร้อมกับใบรับรองเพื่อตรวจสอบด้วย โดยให้มี คําแปลเป็นภาษาไทยตามรายการในข้อ ๔๓ ไว้ด้วย และให้ผู้ปฏิบัติงานที่ขอเบิกเงินลงลายมือชื่อรับรอง คําแปลด้วย ข้อ ๔๗ ถ้าผู้ปฏิบัติงานและผู้รับบํานาญที่มีสิทธิรับเงินไม่สามารถมารับเงินด้วยตนเองได้ จะมอบฉันทะให้ผู้อื่นเป็นผู้รับเงินแทนก็ได้ โดยใช้ใบมอบฉันทะตามแบบที่เลขาธิการกําหนด การจ่ายเงินให้แก่บุคคลนอกจากที่กําหนดในวรรคหนึ่ง หากบุคคลนั้นไม่สามารถมารับเงินได้ ด้วยตนเอง จะทําหนังสือมอบอํานาจให้ผู้อื่นเป็นผู้รับเงินแทนก็ได้ โดยจะต้องมีใบมอบอํานาจ แนบมาด้วย การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ในกรณีที่มีการโอนสิทธิเรียกร้อง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๔๘ การจ่ายเงินรายใดซึ่งตามลักษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับเงินได้ ให้ผู้จ่ายเงิน ทําใบสําคัญรับเงิน โดยให้ผู้รับเงินลงชื่อรับเงินในใบสําคัญรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานการจ่ายเงิน ข้อ ๔๙ หลักฐานการจ่ายเงินต้องพิมพ์หรือเขียนด้วยหมึก การแก้ไขหลักฐานการจ่ายเงิน ให้ใช้วิธีขีดฆ่าแล้วพิมพ์หรือเขียนใหม่ และให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อกํากับไว้ทุกแห่ง ข้อ ๕๐ ให้สํานักงานเก็บรักษาหลักฐานการจ่ายเงินไว้ในที่ปลอดภัย มิให้สูญหายหรือ เสียหายได้ ทั้งนี้ เมื่อสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ให้เก็บอย่างเอกสารธรรมดาได้ ส่วน ๔ การจ่ายเงินเดือนและค่าจ้าง ข้อ ๕๑ การจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ให้จ่ายผ่านธนาคารที่สํานักงานกําหนด โดยให้ผู้ปฏิบัติงานแต่ละรายมีหน้าที่ไปขอเปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าว ข้อ ๕๒ ในวันก่อนกําหนดการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างอย่างน้อยสามวันทําการ ให้สํานัก บริหารการเงินและต้นทุนนําเงินเดือนและค่าจ้างคงเหลือสุทธิเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ปฏิบัติงาน แต่ละรายเพื่อที่ผู้ปฏิบัติงานจะสามารถเบิกเงินจากธนาคารได้ตามกําหนดเวลา และให้ขอหลักฐาน การนําเงินเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าวเก็บไว้เป็นหลักฐานทางบัญชีต่อไป ข้อ ๕๓ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทําสลิปเงินเดือนลงในระบบอินทราเน็ตของ สํานักงานเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ ส่วน ๕ การจ่ายเงินยืม ข้อ ๕๔ การจ่ายเงินยืมของสํานักงานและสํานักงานศาล จะจ่ายได้แต่เฉพาะที่ผู้ยืมได้ทํา สัญญาการยืมเงินตามแบบที่เลขาธิการกําหนด และเลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายหรือ ผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ได้อนุมัติให้จ่ายเงินยืมตามสัญญาการยืมเงินนั้นแล้ว โดยผ่าน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ การอนุมัติให้ยืมเงินเพื่อใช้ในราชการให้ผู้มีอํานาจพิจารณาอนุมัติให้ยืมเฉพาะเท่าที่จําเป็น ข้อ ๕๕ สัญญาการยืมเงินให้ผู้ยืมยื่นต่อผู้มีอํานาจอนุมัติตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๓๓ และ สัญญาการยืมเงินให้จัดทําขึ้นสองฉบับ พร้อมกับมอบให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี เก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานหนึ่งฉบับ และให้ผู้ยืมเก็บไว้หนึ่งฉบับ ข้อ ๕๖ กรณีที่ต้องจ่ายเงินยืมสําหรับการปฏิบัติราชการที่ติดต่อคาบเกี่ยวจากปีงบประมาณ ปัจจุบันไปถึงปีงบประมาณถัดไป ให้เบิกจากเงินยืมงบประมาณในปีปัจจุบัน โดยให้ถือว่าเป็นรายจ่าย ของงบประมาณปีปัจจุบัน และให้ใช้จ่ายเงินยืมคาบเกี่ยวในปีงบประมาณถัดไป ดังต่อไปนี้ (๑) เงินยืมสําหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ วันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ (๒) เงินยืมสําหรับปฏิบัติราชการอื่น ๆ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันเริ่มต้น ปีงบประมาณใหม่ ข้อ ๕๗ การเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินยืมให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในสังกัดยืมเพื่อปฏิบัติราชการ ให้กระทําได้เฉพาะงบรายจ่ายหรือรายการ ดังต่อไปนี้ (๑) เพื่อการจัดซื้อหรือจ้างที่จําเป็นและเร่งด่วน (๒) ค่าใช้จ่ายด้านบริหารจัดการที่เบิกจ่ายในลักษณะค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุอันเกี่ยวเนื่อง กับการปฏิบัติราชการ ข้อ ๕๘ การจ่ายเงินยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร ให้จ่ายได้ สําหรับระยะเวลาการเดินทางที่ไม่เกินเก้าสิบวัน หากมีความจําเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่ากําหนดเวลาดังกล่าว สํานักงานหรือสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ต้องขออนุมัติจากเลขาธิการก่อน ข้อ ๕๙ การส่งใช้เงินยืม ให้ปฏิบัติดังนี้ (๑) การยืมเงินเพื่อซื้อวัสดุ ให้ส่งใช้เงินยืมให้เสร็จสิ้นภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเงิน (๒) การยืมเงินเพื่อเดินทางไปราชการ ให้ส่งใบสําคัญพร้อมเงินเหลือจ่าย (ถ้ามี) ส่งใช้เงินยืม ให้เสร็จสิ้นภายในสิบห้าวันนับจากวันที่กลับจากการปฏิบัติราชการ หากไม่ได้เดินทางตามที่กําหนด ให้นําเงินยืมทั้งสิ้นที่ได้รับส่งคืนทันที (๓) การยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่นนอกจาก (๑) และ (๒) ให้ส่งใช้เงินยืมภายในสิบห้าวัน นับจากวันเสร็จสิ้นภาระหน้าที่ ข้อ ๖๐ ผู้ยืมเงินจะต้องใช้เงินตามที่ระบุไว้ในรายการ และวัตถุประสงค์ในสัญญาการยืมเงินเท่านั้น ข้อ ๖๑ เมื่อผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายเงินและ/หรือเงินเหลือจ่ายที่ยืม (ถ้ามี) เพื่อส่งใช้เงินยืม ให้เจ้าหน้าที่การเงินผู้รับคืนบันทึกการรับคืนในสัญญาการยืมเงิน พร้อมทั้งออกใบเสร็จรับเงิน (ถ้ามี) และใบรับใบสําคัญตามแบบที่เลขาธิการกําหนด ซึ่งส่งใช้เงินยืม ให้ผู้ยืมไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๖๒ ในกรณีที่ผู้ยืมมิได้ชําระคืนเงินยืมหรือส่งใช้เงินยืมภายในกําหนด ให้ผู้อํานวยการ สํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี เรียกให้ชดใช้เงินยืม ตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงินให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว อย่างช้าไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันครบกําหนด ในกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติได้ตามวรรคหนึ่ง ให้รายงานให้เลขาธิการทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการ บังคับเรียกให้ชดใช้เงินยืมตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงินให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว อย่างช้าไม่เกินสามสิบวัน นับแต่วันครบกําหนดตามสัญญาการยืมเงิน ข้อ ๖๓ สัญญาการยืมเงินซึ่งยังไม่ได้ชําระคืนเงินยืมหรือส่งใช้เงินยืมให้เสร็จสิ้น จะต้องเก็บ รักษาไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้สูญหาย และเมื่อผู้ยืมได้ชําระคืนเงินยืมหรือส่งใช้เงินยืมครบถ้วนแล้ว ให้ระบุคําว่า “ส่งใช้เงินยืมแล้ว” ในสัญญาการยืมเงินฉบับนั้นทันที และให้เก็บรักษาเช่นเดียวกับ หลักฐานการจ่ายเงิน ส่วน ๖ เงินสดย่อย ข้อ ๖๔ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลมีเงินสดย่อยไว้สํารองจ่ายในแต่ละวันตามจํานวน ที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๖๕ ให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล หรือ ผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีหน้าที่ดูแลเงินสดย่อย ข้อ ๖๖ การจ่ายเงินจากเงินสดย่อยให้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์สําหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้ (๑) เป็นหนี้ที่ต้องชําระด้วยเงินสด ซึ่งผู้ขายไม่ยินยอมรับชําระหนี้ด้วยเช็คและเป็นสินค้า ที่ไม่สามารถจัดซื้อจากผู้ขายรายอื่นได้ หรือจัดซื้อจากผู้ขายรายอื่นได้ แต่ไม่สะดวก (๒) จ่ายตามใบสั่งซื้อซึ่งมีราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท (๓) เป็นการยืมซื้อของหรือค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการ (๔) เป็นการทดรองจ่ายเงินสวัสดิการต่าง ๆ ให้แก่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ หรือลูกจ้างสํานักงาน ทั้งนี้ เฉพาะเงินสวัสดิการที่จะต้องขอเบิกจากกรมบัญชีกลางหรือสํานักงานคลัง จังหวัด ข้อ ๖๗ เงินสดย่อยคงเหลือในแต่ละวันเฉพาะที่เป็นเงินสด ให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัย เว้นแต่ ในกรณีที่ไม่มีตู้นิรภัยให้เก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ณ ที่ทําการ โดยปฏิบัติตามข้อกําหนดเรื่อง การเก็บรักษาเงินของสํานักงาน ข้อ ๖๘ จํานวนเงินสดย่อยในระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง จะต้องมีจํานวนที่ตรวจสอบได้แน่นอน การรับจ่ายเงินสดย่อยทุกรายการจะต้องลงรายการบัญชีในทะเบียนคุมเงินสดย่อย ข้อ ๖๙ จํานวนเงินสดย่อยในแต่ละวัน จะต้องประกอบด้วย (๑) จํานวนเงินสดและเงินฝากธนาคารคงเหลือ (๒) หลักฐานการจ่ายเงินที่ได้ทดรองจ่ายเงินไปแล้ว (๓) สัญญาการยืมเงิน เมื่อใดที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเงินสดย่อยจะมีไม่เพียงพอ ให้จัดทํารายงานเบิกเงินชดเชยจํานวน เท่ากับหลักฐานการจ่ายเงินที่ได้ทดรองจ่ายเงินไปแล้วรวมกับสัญญาการยืมเงิน เพื่อนํามาสมทบกับ จํานวนเงินสดย่อยคงเหลือต่อไป ข้อ ๗๐ การยืมเงินจากเงินสดย่อย ผู้ยืมจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการจ่ายเงินยืม ในส่วนที่ ๕ ข้อ ๗๑ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนตัวผู้มีหน้าที่ดูแลเงินสดย่อย ให้ตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ รายการหลักฐานการจ่ายเงิน และสัญญาการยืมเงินที่ยังไม่ได้เบิกชดเชย และให้ส่งมอบงานเป็น ลายลักษณ์อักษร หมวด ๓ การเก็บรักษาเงิน ส่วน ๑ ตู้นิรภัย ข้อ ๗๒ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลจัดให้มีตู้นิรภัยสําหรับเก็บรักษาเงินสด หรือเช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงินอื่น หรือเอกสารสิทธิและเอกสารแสดงสิทธิของสํานักงานและสํานักงานศาล สําหรับสํานักงานศาลที่ยังไม่มีตู้นิรภัย ให้เก็บรักษาเงินสดหรือเช็คหรือเอกสารแทนตัวเงินอื่น หรือเอกสารสิทธิและเอกสารแสดงสิทธิของสํานักงานศาลไว้ในที่ปลอดภัยของสํานักงานศาลนั้น ข้อ ๗๓ ตู้นิรภัยของสํานักงานและสํานักงานศาล ให้ตั้งไว้ในที่มั่นคงปลอดภัยในสํานักงาน และสํานักงานศาล ข้อ ๗๔ ลูกกุญแจตู้นิรภัยตู้หนึ่ง ๆ ให้มีอย่างน้อยสองสํารับ แต่ละสํารับไม่น้อยกว่าสองดอก แต่ไม่เกินสามดอก โดยแต่ละดอกต้องมีลักษณะต่างกัน สํารับหนึ่งมอบให้กรรมการเก็บรักษาเงินเป็น ผู้เก็บรักษา นอกนั้นให้เลขาธิการหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี เป็นผู้เก็บรักษาไว้ และ ให้บรรจุในลักษณะหีบห่อ โดยให้กรรมการเก็บรักษาเงินลงลายมือชื่อกํากับรอยปิดผนึก และในกรณีที่มี การเปิดและปิดหีบห่อให้กระทําต่อหน้ากรรมการเก็บรักษาเงิน ในกรณีที่ตู้นิรภัยมีรหัสประกอบให้บรรจุรหัสใส่ซองปิดผนึกเก็บไว้ พร้อมกับลูกกุญแจตามที่ กําหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ส่วน ๒ กรรมการเก็บรักษาเงิน ข้อ ๗๕ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองของสํานักงานและสํานักงานศาล ซึ่งดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญงาน หรือประเภทวิชาการ ไม่ต่ํากว่าระดับชํานาญการ อย่างน้อยสามคนเป็นกรรมการเก็บรักษาเงิน พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้ที่จะเป็นกรรมการเก็บรักษาเงินแทน กรณีกรรมการผู้เก็บรักษาเงินไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ข้อ ๗๖ ให้กรรมการเก็บรักษาเงินเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้นิรภัย ในกรณีที่ตู้นิรภัยมีที่ใส่กุญแจ จํานวนเท่ากับจํานวนกรรมการ ให้กรรมการถือลูกกุญแจคนละดอก แต่ถ้าตู้นิรภัยมีที่ใส่กุญแจจํานวน น้อยกว่าจํานวนกรรมการ ให้กรรมการที่อาวุโสถือลูกกุญแจคนละดอก ในกรณีที่ตู้นิรภัยมีรหัสประกอบ ให้กรรมการผู้มีอาวุโสสูงสุดเก็บรักษารหัสด้วย ถ้าต้องมี การส่งมอบลูกกุญแจเป็นการชั่วคราวและกรรมการผู้ส่งมอบกุญแจถือรหัสอยู่ ให้ส่งมอบรหัสไปพร้อมกับ ลูกกุญแจด้วย ข้อ ๗๗ การส่งมอบและรับมอบลูกกุญแจระหว่างกรรมการกับผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่ กรรมการแทนชั่วคราว ให้กรรมการผู้ส่งมอบและกรรมการผู้รับมอบตรวจนับตัวเงิน และหลักฐาน แทนตัวเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยให้ถูกต้องตามรายการเงินคงเหลือประจําวัน แล้วทําบันทึก การส่งมอบและรับมอบพร้อมกับลงลายมือชื่อกรรมการทุกคนไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจําวันนั้นด้วย ห้ามมิให้กรรมการผู้เก็บรักษาลูกกุญแจมอบลูกกุญแจให้ผู้อื่นทําหน้าที่แทน เว้นแต่เป็น การมอบให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการชั่วคราว ข้อ ๗๘ กรรมการเก็บรักษาเงินจะต้องเก็บรักษาลูกกุญแจตู้นิรภัยไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้สูญหาย หรือให้ผู้ใดลักลอบนําไปพิมพ์แบบลูกกุญแจได้ หากปรากฏว่าลูกกุญแจสูญหายหรือมีกรณีสงสัยว่า จะมีผู้ปลอมแปลงลูกกุญแจ หรือนําไปพิมพ์แบบลูกกุญแจเพิ่มโดยไม่ชอบ ให้รีบรายงานเลขาธิการ หรือผู้อํานวยการสํานักงานศาลทราบ แล้วแต่กรณี เพื่อสั่งการโดยด่วน ส่วน ๓ การเก็บรักษาเงิน ข้อ ๗๙ ภายหลังกําหนดเวลาปิดบัญชีในแต่ละวัน ให้หัวหน้าการเงินและบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ การเงิน แล้วแต่กรณี นําเงินที่จะเก็บรักษาพร้อมรายงานเงินคงเหลือประจําวันส่งมอบต่อคณะกรรมการ เก็บรักษาเงิน หากวันใดไม่มีเงินสดคงเหลือ จะไม่ทํารายงานเงินคงเหลือประจําวันสําหรับวันนั้นก็ได้ แต่ให้หมายเหตุไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจําวันที่มีการรับจ่ายเงินของวันถัดไปให้ทราบด้วย ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินและหัวหน้าการเงินและบัญชีหรือเจ้าหน้าที่การเงินร่วมกัน ตรวจสอบเงินและหลักฐานแทนตัวเงินกับรายงานเงินคงเหลือประจําวัน เมื่อปรากฏว่าถูกต้องแล้วให้นํา เงินเข้าเก็บรักษาในตู้นิรภัย โดยให้กรรมการทุกคนและเจ้าหน้าที่ดังกล่าวลงลายมือชื่อในรายงาน เงินคงเหลือประจําวันไว้เป็นหลักฐาน และให้กรรมการใส่กุญแจตู้นิรภัยให้เรียบร้อย ข้อ ๘๐ รายงานเงินคงเหลือประจําวัน เมื่อกรรมการเก็บรักษาเงินได้ลงลายมือชื่อแล้ว ให้หัวหน้าการเงินและบัญชีหรือเจ้าหน้าที่การเงินหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เสนอรายงานเงินคงเหลือ ประจําวันในวันทําการถัดไป ต่อเลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี เพื่อทราบ ข้อ ๘๑ ในกรณีที่ปรากฏว่าเงินที่ได้รับมอบให้เก็บรักษาไม่ตรงกับจํานวนเงินซึ่งแสดงไว้ใน รายงานเงินคงเหลือประจําวัน ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินและเจ้าหน้าที่ผู้นําส่งร่วมกันบันทึกจํานวน ที่ตรวจนับได้นั้นไว้ในรายงานคงเหลือประจําวันและลงลายมือชื่อทุกคน แล้วนําเงินเข้าเก็บในตู้นิรภัย โดยปฏิบัติตามข้อ ๗๙ และให้กรรมการเก็บรักษาเงินรายงานให้เลขาธิการหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ทราบทันที เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๘๒ ในวันทําการถัดไป หากจะต้องนําเงินออกจ่าย ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงิน มอบเงินที่เก็บรักษาทั้งหมด ให้หัวหน้าการเงินและบัญชีหรือเจ้าหน้าที่การเงิน แล้วแต่กรณี รับไปจ่าย โดยลงลายมือชื่อรับเงินไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจําวันก่อนวันทําการที่รับเงินไปจ่ายนั้น ข้อ ๘๓ การเปิดตู้นิรภัย ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินและเจ้าหน้าที่การเงินตรวจสภาพ กุญแจและตู้นิรภัยก่อน เมื่อปรากฏว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยจึงเปิดได้ หากปรากฏว่ากุญแจหรือตู้นิรภัยอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติการณ์อื่นใดที่สงสัยว่า มีการทุจริต ให้กรรมการเก็บรักษาเงินหรือหัวหน้าการเงินและบัญชีหรือเจ้าหน้าที่การเงินรายงานต่อ เลขาธิการหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ทราบทันที เพื่อพิจารณาสั่งการโดยด่วน หมวด ๔ การรับเงินหรือการส่งเงินระหว่างหน่วยงานภายใน ข้อ ๘๔ ให้สํานักงานศาลเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่สํานักงานใช้บริการในนามของ สํานักงานศาลนั้น ให้ผู้อํานวยการสํานักงานศาลและผู้อํานวยการกลุ่มบริหารทั่วไปเป็นผู้มีอํานาจลงนามร่วมกัน ในเช็คเพื่อจ่ายเงินได้ตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๔๑ เลขาธิการอาจกําหนดหลักเกณฑ์ให้สํานักงานศาลส่งเงินส่วนที่เกินกว่าจํานวนที่กําหนดเข้าบัญชี ของสํานักงานได้ ให้สํานักงานศาลทําบัญชีเงินฝากและลงบัญชีการฝากเงิน การรับเงิน และการถอนเงินไว้ทุกครั้ง ข้อ ๘๕ การรับเงินและการส่งเงินระหว่างสํานักงานและสํานักงานศาลให้ใช้วิธีการโอนเงิน เข้าบัญชีธนาคาร ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนคุมการรับเงินและการส่งเงินไปยังสํานักงานศาลแต่ละแห่ง ให้สํานักงานศาลทําบัญชีการรับเงินและการส่งเงินไปยังสํานักงานทุกครั้ง ข้อ ๘๖ เมื่อเริ่มปีงบประมาณให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนโอนเงินงบประมาณ ให้สํานักงานศาลทุกแห่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการใช้จ่ายเงินประจําปี กรณีสํานักงานศาลใดมีความจําเป็นต้องปรับแผนการใช้จ่ายเงิน เมื่อ ก.บ.ศป. พิจารณา ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แจ้งสํานักบริหารการเงินและต้นทุนทราบ เพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๘๗ ให้สํานักงานศาลจัดทําบัญชีรายรับรายจ่ายและเงินคงเหลือของสํานักงานศาล ทุกเดือนและเสนอต่อเลขาธิการตามที่กําหนดในข้อ ๙๐ วรรคสอง เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและประสานงานกับสํานักงานศาลต่าง ๆ ในด้านการบัญชีและ การเงิน เลขาธิการหรือผู้ซึ่งเลขาธิการมอบหมายมีอํานาจสั่งให้สํานักงานศาลทําบัญชีหรือทํารายงาน เกี่ยวกับการเงินนอกจากที่กําหนดในวรรคหนึ่งก็ได้ หมวด ๕ การนําเงินส่งคลังและฝากคลัง ข้อ ๘๘ เงินรายได้แผ่นดินและเงินรับฝากที่อยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงานและสํานักงานศาล ให้นําส่งหรือนําฝากคลังภายในกําหนด ดังนี้ (๑) เช็ค ให้นําส่งหรือนําฝากในวันที่ได้รับเช็ค หรืออย่างช้าภายในวันทําการถัดไป (๒) เงินรายได้แผ่นดิน ให้นําส่งอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ถ้าสํานักงานและสํานักงานศาล มีเงินรายได้แผ่นดินเก็บรักษาในวันใดเกินหนึ่งหมื่นบาทก็ให้นําเงินส่งโดยพลัน แต่อย่างช้าต้องไม่เกิน สามวันทําการถัดไป (๓) การนําส่งเงินหลักประกันตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ให้นําฝากคลังในบัญชีเงินฝากเงินนอกงบประมาณ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง หมวด ๖ การบัญชี และการจัดทํารายงานการเงิน ข้อ ๘๙ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทําบัญชีของสํานักงาน ตามมาตรฐานการบัญชี ภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ ข้อ ๙๐ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทํางบทดลองของสํานักงาน เสนอต่อเลขาธิการ เป็นประจําทุกเดือน อย่างช้าภายในวันที่ ๑๐ ของเดือนถัดไป ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านบัญชีจัดทํางบทดลองของสํานักงานศาลเสนอต่อผู้อํานวยการ สํานักงานศาลและส่งให้ผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุนภายในวันที่ ๕ ของเดือนถัดไป เพื่อจัดทํารายงานการเงินในภาพรวมเสนอต่อเลขาธิการตามวรรคหนึ่ง ข้อ ๙๑ บัญชีและทะเบียนทรัพย์สิน รวมทั้งหลักฐานที่ใช้ในการลงบัญชีจะต้องเก็บไว้ให้เป็น ระเบียบเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ และเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่าสิบปี ในกรณีที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการเงินหรือการก่อหนี้ผูกพันทางการเงินที่ไม่มีหลักฐานแห่ง การก่อหนี้ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิในทางการเงิน รวมถึงเอกสารเกี่ยวกับการรับเงิน จ่ายเงิน หรือการก่อหนี้ผูกพันทางการเงินที่หมดความจําเป็นในการใช้เป็นหลักฐานแห่งการก่อหนี้ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิในทางการเงิน เพราะมีเอกสารอื่นที่สามารถนํามาใช้อ้างอิง หรือทดแทนเอกสารดังกล่าวแล้ว และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบถูกต้องแล้ว หรือ เป็นเอกสารที่ไม่มีความจําเป็น ต้องใช้ประกอบการตรวจสอบหรือการใด ๆ อีก ให้เก็บรักษาไว้ ไม่น้อยกว่าห้าปี ข้อ ๙๒ ให้สํานักบริหารการเงินและต้นทุนจัดทํางบการเงินประจําปี เสนอประธาน ศาลปกครองสูงสุดผ่านเลขาธิการ เพื่อให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณของทุกปี หมวด ๗ การควบคุม การตรวจสอบบัญชี และการตรวจสอบภายใน ข้อ ๙๓ ทุกสิ้นวันทําการให้เจ้าหน้าที่การเงินของสํานักงานและสํานักงานศาลตรวจสอบ จํานวนเงินสดและเช็คคงเหลือกับรายงานเงินคงเหลือประจําวันที่เลขาธิการกําหนด กรณีการรับจ่ายเงิน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้สํานักงานและสํานักงานศาลจัดให้มีการตรวจสอบการรับจ่ายเงินจากรายงาน ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เลขาธิการกําหนด ข้อ ๙๔ ให้สํานักงานและสํานักงานศาลมีหน้าที่ให้คําชี้แจงและอํานวยความสะดวก แก่เจ้าหน้าที่ของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบ และเมื่อมีเหตุทักท้วงให้สํานักงาน การตรวจเงินแผ่นดินยื่นข้อทักท้วงนั้นต่อสํานักงานและสํานักงานศาลโดยตรง หากสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า คําชี้แจงข้อทักท้วงที่สํานักงานและสํานักงานศาล ชี้แจงยังไม่มีเหตุผลที่จะล้างข้อทักท้วงได้ ก็ให้ยืนยันให้สํานักงานและสํานักงานศาลทราบ และ ถ้าสํานักงานและสํานักงานศาลไม่เห็นด้วยกับข้อทักท้วง ให้ชี้แจงเหตุผลและรายงานเลขาธิการ และ หากเลขาธิการเห็นว่าคําชี้แจงนั้นมีเหตุผลสมควรล้างการทักท้วงได้ ก็ให้พิจารณาดําเนินการให้ ก.บ.ศป. วินิจฉัยภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสํานักงานและสํานักงานศาล และแจ้งผลให้สํานักงาน และสํานักงานศาลและสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบ ในกรณีที่สํานักงานและสํานักงานศาล ต้องปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของ ก.บ.ศป. ให้ปฏิบัติให้เสร็จสิ้นภายในสี่สิบห้าวันนับจากวันที่ได้รับทราบ คําวินิจฉัย ข้อ ๙๕ ให้สํานักงานคัดเลือกผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและ การบริหารพัสดุภาครัฐ และเสนอให้สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองให้ความเห็นชอบ ข้อ ๙๖ การตรวจสอบภายใน ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังหรือกรมบัญชีกลางกําหนด การรายงานผลการตรวจสอบภายใน ให้เป็นไปตามที่ ก.บ.ศป. กําหนด หมวด ๘ ความรับผิดชอบ ข้อ ๙๗ ผู้ปฏิบัติงานของสํานักงานต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามที่กําหนดใน ระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด เมื่อปรากฏว่าสํานักงานหรือสํานักงานศาล ปฏิบัติเกี่ยวกับการเงินไม่ถูกต้องตามระเบียบนี้ ให้เลขาธิการหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งการให้ปฏิบัติให้ถูกต้องโดยพลัน และหากมีกรณีจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ให้ถือว่าเป็นการกระทําผิดวินัย กรณีกระทําผิดวินัยหรือ อาญาก็ให้มีการดําเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ข้อ ๙๘ หากปรากฏว่าเงินในความรับผิดชอบของหน่วยงานในสังกัดใดขาดบัญชีหรือสูญหาย เพราะการทุจริต หรือมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต หรือเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดซึ่งมิใช่กรณีปกติ ให้เจ้าหน้าที่การเงิน หัวหน้าการเงินและบัญชี หรือผู้อํานวยการสํานักบริหารการเงินและต้นทุน รีบรายงานให้เลขาธิการหรือผู้อํานวยการสํานักงานศาล แล้วแต่กรณี ทราบ เพื่อแก้ไขหรือพิจารณาสั่งการ โดยไม่ชักช้า ในกรณีที่เห็นว่ามีการกระทําความผิดทางวินัยหรือความผิดทางอาญา ให้รีบดําเนินการ เพื่อให้มีการลงโทษทางวินัยหรืออาญาโดยเร็ว และในกรณีที่เห็นว่าเป็นการกระทําที่ก่อให้เกิด ความเสียหายทางแพ่งแก่ราชการหรือบุคคลอื่นให้รีบดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิด ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว บทเฉพาะกาล ข้อ ๙๙ ภายหลังการประกาศใช้ระเบียบนี้ หากมีการดําเนินการทางด้านการเงินที่ยัง ดําเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการเงิน และการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ภายในหกเดือนนับแต่วันที่ระเบียบนี้ ประกาศใช้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,533
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สังคม เศรษฐกิจ และสาธารณชนในวงกว้าง สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นไปโดยรวดเร็วทันต่อการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่คู่กรณี รวมทั้งเป็นประโยชน์แก่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลปกครองสูงสุด ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมภายในเขตอํานาจของศาลปกครองสูงสุดในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจมอบหมายให้ตุลาการในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้ ข้อ ๔ ให้มีประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก ข้อ ๕ ให้แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุด ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด ข้อ ๖ แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของประธานศาลปกครองสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ข้อ ๗ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,534
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้น
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้น โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สังคม เศรษฐกิจ และสาธารณชนในวงกว้าง สมควรให้การดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นไปโดยรวดเร็วทันต่อการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่คู่กรณี รวมทั้งเป็นประโยชน์แก่การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๗/๑ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประธานศาลปกครองสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ออกประกาศให้จัดตั้งแผนกในศาลปกครองชั้นต้นดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง การจัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้น” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้จัดตั้งแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้น เพื่อทําหน้าที่พิจารณาพิพากษาและดําเนินการทั้งปวงในคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมภายในเขตอํานาจของศาลปกครองชั้นต้นนั้น ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นอาจมอบหมายให้ตุลาการในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิจารณาพิพากษาคดีอื่นใดตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้ ข้อ ๔ ให้มีตุลาการหัวหน้าแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้นเป็นผู้รับผิดชอบงานของแผนก ข้อ ๕ ให้แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้น ประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยมีจํานวนองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีตามที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประกาศกําหนด ข้อ ๖ แผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลปกครองชั้นต้นจะเริ่มดําเนินการเมื่อใดให้เป็นไปตามประกาศของอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ข้อ ๗ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นในศาลนั้นรักษาการตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด
10,535
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสำเนา และการรับรองสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีปกครอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรอง สําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง[1](#fn1) โดยที่มาตรา ๖๙ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้สํานักงานศาลปกครองจัดให้มีคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองไว้ที่ศาลปกครองเพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูหรือขอสําเนาที่มีการรับรองถูกต้องได้ โดยจะเรียกค่าธรรมเนียมในการนั้นก็ได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ ก.ศป. กําหนด และขณะนี้ยังมีกรรมการตุลาการศาลปกครองไม่ครบตามที่กฎหมายกําหนดให้เป็น ก.ศป. จึงทําให้ไม่อาจมี ก.ศป. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ แต่มีความจําเป็นต้องกําหนดหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมในการนั้น เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจึงมีมติเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดใช้อํานาจทั่วไปในการรับผิดชอบงานของศาลปกครองให้เป็นไปโดยเรียบร้อยตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกาศกําหนดหลักเกณฑ์และค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครองใช้ไปพลางก่อน และเห็นชอบให้ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “สํานักงานศาล” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครองสูงสุด สํานักงานศาลปกครองกลาง สํานักงานศาลปกครองในภูมิภาค และศูนย์สารสนเทศ ข้อ ๒ ผู้ที่ประสงค์จะขอตรวจดู ขอคัดสําเนาหรือขอให้รับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ให้ยื่นคําขอเป็นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ของสํานักงานศาล การยื่นคําขอดังกล่าวอาจทําเป็นหนังสือระบุวัตถุประสงค์หรือยื่นตามแบบคําขอท้ายประกาศนี้ก็ได้ ข้อ ๓ ให้เจ้าหน้าที่เสนอคําขอตามข้อ ๒ ต่อผู้อํานวยการสํานักงานศาลหรือผู้ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาลมอบหมาย เพื่อพิจารณาอนุญาต ข้อ ๔ การรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองตั้งแต่ระดับ ๓ ขึ้นไปซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานศาลมอบหมายเป็นผู้รับรอง ข้อ ๕ ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจดู การคัดสําเนา หรือการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ดังต่อไปนี้ (๑) ค่าธรรมเนียมการตรวจดูคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ฉบับละ ๒๐ บาท (๒) ค่าธรรมเนียมการคัดสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง หน้าละ ๓ บาท เอกสารส่วนที่เกิน ๕ หน้า ให้เรียกเก็บหน้าละ ๒ บาท (๓) ค่าธรรมเนียมการรับรองสําเนาคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีปกครอง ฉบับละ๒๐ บาท ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด --- 1.
10,536
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสำเนา และการรับรองสำเนาเอกสารในสำนวนคดี
**Update ถึง ประกาศฯ (ฉ.๒/๒๕๖๔)** ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๒๐ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดีของศาลปกครองสูงสุดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ คู่กรณี พยานเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้ถ้อยคําของตน หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียซึ่งประสงค์จะขอตรวจดู ขอคัดสําเนา หรือขอสําเนาอันรับรองถูกต้องของเอกสารในสํานวนคดีของศาลปกครองสูงสุดตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในข้อ ๑๗ หรือ ข้อ ๑๘ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ให้ยื่นคําขอเป็นหนังสือต่อศาล โดยจะยื่นด้วยตนเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นยื่นคําขอแทน หรือจะกระทําโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ เว้นแต่ในระหว่างการไต่สวน การนั่งพิจารณาคดี หรือการไปตรวจดูสถานที่ บุคคล หรือสิ่งอื่นใดของศาล คู่กรณี พยาน หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียอาจทําคําขอด้วยวาจาต่อศาล ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ข้อ ๒ คําขอที่ยืนตามข้อ ๑ ให้ตุลาการเจ้าของสํานวนพิจารณาและมีคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต ในกรณีที่ตุลาการเจ้าของสํานวนในคดีที่มีคําขอไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดเสนอคําขอต่อตุลาการหัวหน้าคณะขององค์คณะดังกล่าวเพื่อมอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองในองค์คณะคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง ในกรณีที่ตุลาการหัวหน้าคณะไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง ในกรณีคดีที่ยื่นคําฟ้องตามมาตรา ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดได้มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลปกครองสูงสุดแล้ว ให้ยื่นคําขอต่อศาลปกครองสูงสุด และให้ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดขององค์คณะที่คดีดังกล่าวเคยอยู่ในความรับผิดชอบ มอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดในองค์คณะคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง ในกรณีคดีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งที่ทําให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลปกครองสูงสุดแล้ว ให้ยื่นคําขอต่อศาลปกครองชั้นต้นที่พิจารณาคดีนั้น และให้ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นขององค์คณะที่คดีดังกล่าวเคยอยู่ในความรับผิดชอบมอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นในองค์คณะคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง ข้อ ๓ ในการพิจารณาคําขอตามข้อ ๒ ให้ตุลาการศาลปกครองพิจารณาตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในข้อ ๑๗ ข้อ ๑๘ และข้อ ๑๙ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๔ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองมีคําสั่งอนุญาตตามคําขอ ให้ผู้ขอหรือบุคคลซึ่งได้รับมอบอํานาจจากผู้ขอเป็นผู้ตรวจดู คัดสําเนา หรือคัดสําเนาอันรับรองถูกต้องของเอกสารในสํานวนคดี โดยศาลจะกําหนดเงื่อนไขหรือวิธีการในการตรวจดูหรือคัดสําเนาเอกสารก็ได้ และการตรวจดูหรือคัดสําเนาเอกสารให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลปกครอง ข้อ ๕ การรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี ให้พนักงานคดีปกครองหรือข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งได้รับมอบหมายจากตุลาการศาลปกครองผู้มีอํานาจพิจารณาและมีคําสั่งตามข้อ ๒ เป็นผู้รับรอง ข้อ ๖ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด อื่นๆ **ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา** **และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี (ฉบับที่ ๒)**
10,537
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสำเนา และการรับรองสำเนาเอกสารในสำนวนคดี (ฉบับที่ ๒)
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี (ฉบับที่ ๒)[1](#fn1) โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี ลงวันที่๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๒๐ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของข้อ ๒ ของประกาศประธานศาลปกครองสูงสุดเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ในกรณีคดีที่ยื่นคําฟ้องตามมาตรา ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดได้มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลปกครองสูงสุดแล้ว ให้ยื่นคําขอต่อศาลปกครองสูงสุดและให้ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดขององค์คณะที่คดีดังกล่าวเคยอยู่ในความรับผิดชอบมอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดในองค์คณะคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง ในกรณีคดีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งที่ทําให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลปกครองสูงสุดแล้ว ให้ยื่นคําขอต่อศาลปกครองชั้นต้นที่พิจารณาคดีนั้น และให้ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นขององค์คณะที่คดีดังกล่าวเคยอยู่ในความรับผิดชอบมอบหมายให้ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นในองค์คณะคนหนึ่งพิจารณาและมีคําสั่ง” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจดู การคัดสําเนา และการรับรองสําเนาเอกสารในสํานวนคดี ลงวันที่๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๔ ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองมีคําสั่งอนุญาตตามคําขอ ให้ผู้ขอหรือบุคคลซึ่งได้รับมอบอํานาจจากผู้ขอเป็นผู้ตรวจดู คัดสําเนา หรือคัดสําเนาอันรับรองถูกต้องของเอกสารในสํานวนคดีโดยศาลจะกําหนดเงื่อนไขหรือวิธีการในการตรวจดูหรือคัดสําเนาเอกสารก็ได้ และการตรวจดูหรือคัดสําเนาเอกสารให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลปกครอง” ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖4 ปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด --------------------------------------------------- นางสาวนริศรา แสนวงค์/จัดทํา นางวรรณพร สุฐาปัญณกุล/ตรวจ นางสาวพิมพนัส สายสุด รกน. ผอ.กลุ่ม ขก. วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ --- 1.
10,538
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๔
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๖/๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ ก.บ.ศป. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยเบี้ยประชุมในการประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ประธาน” หมายความว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด “การประชุม” หมายความว่า การประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เพื่อวินิจฉัยปัญหา หรือคดีใดที่ประธานเห็นสมควร หรือที่มีกฎหมายหรือระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดให้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ หรือที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครองกําหนดให้ดําเนินการโดยที่ประชุมใหญ่ แต่ไม่รวมถึงการประชุมใหญ่ ที่มีกฎหมายกําหนดเรื่องเบี้ยประชุมไว้เป็นการเฉพาะ “องค์ประชุม” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งเข้าร่วมการประชุมในที่ประชุมใหญ่ “ผู้เข้าร่วมประชุม” หมายความว่า ข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งประธานมีคําสั่ง ให้เข้าประชุมเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของที่ประชุม “เลขานุการ” หมายความว่า ข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งประธานกําหนดให้ทําหน้าที่ เลขานุการในการประชุม “ผู้ช่วยเลขานุการ” หมายความว่า ข้าราชการตุลาการศาลปกครองซึ่งประธานกําหนดให้ทําหน้าที่ ผู้ช่วยเลขานุการในการประชุม ข้อ ๔ ในการประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ให้ประธาน องค์ประชุม ผู้เข้าร่วมประชุม เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ตามบัญชีอัตราการจ่ายเบี้ยประชุมท้ายระเบียบนี้ ทั้งนี้ ประธานให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน องค์ประชุมให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๑๖,๐๐๐ บาทต่อเดือน ผู้เข้าร่วมประชุม เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๑๖,๐๐๐ บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน ๑๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน แล้วแต่กรณี ข้อ ๕ เลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน และผู้ช่วยเลขานุการมีสิทธิได้รับ เบี้ยประชุมไม่เกินสองคน หากองค์ประชุมหรือผู้เข้าร่วมประชุมผู้ใดเป็นเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการด้วย ให้เบิกเบี้ยประชุมในอัตราที่จ่ายแก่ตําแหน่งองค์ประชุมหรือผู้เข้าร่วมประชุมได้เพียงตําแหน่งเดียว ข้อ ๖ วิธีการเบิกจ่าย ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการเงิน ข้อ ๗ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,539
กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติ ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. มีอํานาจเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดําเนินการ การสั่งการ การลงโทษ และข้อมูลอื่นใดที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 เช่น ประกาศ หนังสือเวียน แนวนโยบายในการกํากับดูแล ผลการกํากับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อมูลสถิติ บทศึกษา และบทวิจัย เป็นต้น เมื่อเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ข้อ ๒ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้ข้อมูลข่าวสารดังต่อไปนี้ เป็นข้อมูลข่าวสารที่ บุคคลทั่วไปสามารถตรวจดูได้จากเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน ของสํานักงาน ก.ล.ต. (1) สรุปการตรวจสอบการดําเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจทรัสตีตามแผนตรวจสอบปกติ (2) การสั่งการให้ผู้ประกอบธุรกิจทรัสตีกระทําการหรืองดเว้นกระทําการ เว้นแต่ การสั่งการที่มิได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อ ผู้ลงทุนทั่วไป (3) การลงโทษผู้กระทําผิด ไม่ว่าจะเป็นโทษทางปกครองหรือโทษทางอาญา เว้นแต่การลงโทษทางปกครองที่เป็นเพียงการภาคทัณฑ์ จะจัดให้มีการเปิดเผยเป็นการทั่วไปหรือไม่ก็ได้ โดยให้พิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี (4) การกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดําเนินการตามกฎหมายกับบุคคล ที่เข้าข่ายกระทําผิด ข้อ ๓ ในกรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า ข้อมูลข่าวสารตามที่กําหนดในข้อ 2 เรื่องใด หากจัดให้มีการเผยแพร่ผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติม เช่น การออกแถลงข่าว การออกจดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์ถึงบุคคลซึ่งบอกรับเป็นสมาชิกข่าวสารของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือการนําเสนอในเอกสารเผยแพร่อื่น เพิ่มเติมด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัสต์หรือการประกอบธุรกิจทรัสตี หรือบทบัญญัติหรือข้อกําหนดแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือจะเป็นกลไกในการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย หรือการป้องปรามการกระทําผิดได้ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเรื่องนั้นผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ ๔ ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารนั้นอย่างเพียงพอที่จะทําให้เข้าใจ ได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยควรมีรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ชื่อบุคคลที่อยู่ภายใต้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย (2) ข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้มีการบังคับใช้กฎหมาย (3) บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (4) ลักษณะการบังคับใช้กฎหมาย ข้อ ๕ เมื่อข้อมูลข่าวสารเรื่องใดที่เปิดเผยบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือ ที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน มีความคืบหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และสํานักงาน ก.ล.ต. พิจารณา เห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าดังกล่าวสอดคล้องกับเจตนารมณ์เพื่อการพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ให้สํานักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ความคืบหน้านั้นโดยปฏิบัติตามแนวทางที่กําหนดในประกาศนี้โดยอนุโลม ข้อ ๖ ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือ ที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ เว้นแต่สํานักงาน ก.ล.ต. จะมีเหตุผล หรือความจําเป็นในการกําหนดเป็นประการอื่น ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ข้อมูลข่าวสารอื่นนอกจาก (2) ให้คงข้อมูลไว้เป็นระยะเวลาสิบปีปฏิทิน นับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว (2) ข้อมูลการกล่าวโทษ (ก) เรื่องที่การดําเนินการถึงที่สุดภายในระยะเวลาสิบปีนับแต่การกล่าวโทษ ให้คงข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นระยะเวลาสิบปีปฏิทินนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นครั้งแรก หรือคงข้อมูลดังกล่าวต่อไปอีกหกเดือนนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลสถานะของคดีที่ถึงที่สุด แล้วแต่ระยะเวลาใดนานกว่า (ข) เรื่องที่การดําเนินการถึงที่สุดหลังระยะเวลาสิบปีนับแต่การกล่าวโทษ ให้คงข้อมูลดังกล่าวไว้จนกว่าจะพ้นหกเดือนนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลสถานะของคดีที่ถึงที่สุดนั้น (ค) เรื่องที่ผลของคดีถึงที่สุดและเป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวโทษ หากผู้ถูกกล่าวโทษ มีคําขอให้นําข้อมูลการกล่าวโทษออกก่อนพ้นระยะเวลาตาม (ก) หรือ (ข) ให้สํานักงาน ก.ล.ต. ดําเนินการให้เป็นไปตามคําขอของบุคคลนั้นโดยไม่ชักช้า ข้อ ๗ ข้อมูลข่าวสารที่ได้เปิดเผยบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือ ที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุนจนครบระยะเวลาที่กําหนดตามประกาศนี้แล้ว สํานักงาน ก.ล.ต. อาจจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อให้ประชาชนขอตรวจดูเป็นรายกรณีก็ได้ ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 (นายวิจิตร สุพินิจ) ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หมายเหตุ - : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เพื่อกําหนดลักษณะและประเภทของข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการกํากับดูแลและการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ที่สมควรเปิดเผยหรือเผยแพร่ให้ผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ โดยกําหนดรายละเอียด ช่องทาง และระยะเวลาในการเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ตลอดจนการปรับปรุงข้อมูลนั้นให้เป็นปัจจุบัน จึงจําเป็นต้องออกประกาศนี้
10,540
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 18/2562 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 2)
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 18/2562 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติ ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 2) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของข้อ 2 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 “กรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. มีความจําเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ลงทุนหรือประชาชนในวงกว้าง สํานักงาน ก.ล.ต. อาจพิจารณาเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ โดยจะต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ หรือประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งต้องระมัดระวังมิให้กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลเกินความจําเป็น” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกวรรคสองของข้อ 4 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ในกรณีที่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายตามที่กําหนดในข้อ 2 วรรคหนึ่ง ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยควรมีรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ชื่อบุคคลที่อยู่ภายใต้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย (2) ข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้มีการบังคับใช้กฎหมาย (3) บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (4) ลักษณะการบังคับใช้กฎหมาย” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 (นายวรวิทย์ จําปีรัตน์) ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,541
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 15/2564 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 3)
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 15/2564 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติ ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 3) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในข้อ 6 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ เว้นแต่สํานักงาน ก.ล.ต. จะมีเหตุผลหรือความจําเป็นในการกําหนดเป็นประการอื่น ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ในข้อ 6/1 ข้อ 6/2และข้อ 6/3 เพื่อประโยชน์ในการเปิดเผยข้อมูลตามประกาศนี้ การเปิดเผยข้อมูลในวันใด ๆ ในปีปฏิทินหนึ่ง ให้ถือว่าวันสิ้นปีของปีปฏิทินนั้นเป็นระยะเวลา 1 ปีปฏิทิน” ข้อ ๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 6/1 ข้อ 6/2 และข้อ 6/3 แห่งประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 “ข้อ 6/1 ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอื่นนอกจากข้อมูลตามข้อ 6/2 และข้อ 6/3 ให้คงข้อมูลไว้เป็นระยะเวลา 10 ปีปฏิทินนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ข้อ 6/2 การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินการทางอาญา ให้เปิดเผยข้อมูลตามระยะเวลาดังต่อไปนี้ นับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นครั้งแรก (1) 2 ปีปฏิทิน ในกรณีความผิดที่มีอายุความตั้งแต่ 1 ปีถึง 5 ปี (2) 10 ปีปฏิทิน ในกรณีความผิดที่มีอายุความมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ในกรณีที่มีการกล่าวโทษ ให้เปิดเผยข้อมูลไว้ตลอดระยะเวลาที่คดียังไม่ถึงที่สุดและให้เปิดเผยข้อมูลต่อไปอีก 6 เดือนนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ทั้งนี้ ระยะเวลาดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินการทางอาญาตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มเปิดเผยข้อมูลภายในวันถัดจากวันที่มีคําสั่งเปรียบเทียบหรือวันที่กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผลของคดีถึงที่สุดและเป็นคุณแก่ผู้ถูกดําเนินการ หากบุคคลดังกล่าวมีคําขอให้นําข้อมูลที่เปิดเผยออกก่อนพ้นระยะเวลาตามข้อนี้ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. ดําเนินการให้เป็นไปตามคําขอของบุคคลนั้นโดยไม่ชักช้า ข้อ 6/3 การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางปกครองให้เปิดเผยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีเป็นโทษที่ไม่มีระยะเวลาลงโทษหรือมีระยะเวลาลงโทษไม่เกิน 2 ปีปฏิทิน ให้เปิดเผยข้อมูลเป็นระยะเวลา 2 ปีปฏิทินนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นครั้งแรก (2) ในกรณีเป็นโทษที่มีระยะเวลาลงโทษเกิน 2 ปีปฏิทิน ให้เปิดเผยข้อมูลจนถึงสิ้นปีปฏิทินที่ครบระยะเวลาลงโทษ ในกรณีที่มีการโต้แย้งคําสั่งลงโทษหรือมีการฟ้องคดีปกครอง ให้เปิดเผยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง เว้นแต่ ณ วันที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุด ระยะเวลาเปิดเผยตามวรรคหนึ่งเหลือน้อยกว่า 6 เดือน ให้เปิดเผยข้อมูลต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุด การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางปกครองตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มเปิดเผยข้อมูลภายในวันถัดจากวันที่คําสั่งลงโทษมีผล ในกรณีที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุดและเป็นคุณแก่ผู้ถูกลงโทษหากผู้ถูกลงโทษมีคําขอให้นําข้อมูลที่เปิดเผยออกก่อนพ้นระยะเวลาตามวรรคสอง ให้สํานักงาน ก.ล.ต. ดําเนินการให้เป็นไปตามคําขอของบุคคลนั้นโดยไม่ชักช้า” ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 (นายพิชิต อัคราทิตย์) ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
10,542
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับประมวล)
ประกาศคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กค. 23/2552 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติ ทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 (ฉบับประมวล) \_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_\_ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 41 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกําหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. มีอํานาจเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดําเนินการการสั่งการ การลงโทษ และข้อมูลอื่นใดที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรม ในตลาดทุน พ.ศ. 2550 เช่น ประกาศ หนังสือเวียน แนวนโยบายในการกํากับดูแลผลการกํากับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อมูลสถิติ บทศึกษา และบทวิจัย เป็นต้น เมื่อเห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ข้อ ๒ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้ข้อมูลข่าวสารดังต่อไปนี้ เป็นข้อมูลข่าวสารที่บุคคลทั่วไปสามารถตรวจดูได้จากเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุนของสํานักงาน ก.ล.ต. (1) สรุปการตรวจสอบการดําเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจทรัสตีตามแผนตรวจสอบปกติ (2) การสั่งการให้ผู้ประกอบธุรกิจทรัสตีกระทําการหรืองดเว้นกระทําการ เว้นแต่การสั่งการที่มิได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อผู้ลงทุนทั่วไป (3) การลงโทษผู้กระทําผิด ไม่ว่าจะเป็นโทษทางปกครองหรือโทษทางอาญา เว้นแต่การลงโทษทางปกครองที่เป็นเพียงการภาคทัณฑ์ จะจัดให้มีการเปิดเผยเป็นการทั่วไปหรือไม่ก็ได้ โดยให้พิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี (4) การกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดําเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่เข้าข่ายกระทําผิด กรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. มีความจําเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดอันเนื่องมาจาก การปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 ซึ่งอาจมีผลกระทบ ต่อผู้ลงทุนหรือประชาชนในวงกว้าง สํานักงาน ก.ล.ต. อาจพิจารณาเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ โดยจะต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ หรือประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้ง ต้องระมัดระวังมิให้กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลเกินความจําเป็น ข้อ ๓ ในกรณีที่สํานักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า ข้อมูลข่าวสารตามที่กําหนดในข้อ 2 เรื่องใด หากจัดให้มีการเผยแพร่ผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติม เช่น การออกแถลงข่าว การออกจดหมายข่าวอิเล็กทรอนิกส์ ถึงบุคคลซึ่งบอกรับเป็นสมาชิกข่าวสารของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือการนําเสนอในเอกสารเผยแพร่อื่น เพิ่มเติมด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัสต์ หรือการประกอบธุรกิจทรัสตี หรือบทบัญญัติหรือข้อกําหนดแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือจะเป็นกลไกในการเพิ่มประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมาย หรือการป้องปรามการกระทําผิดได้ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารเรื่องนั้นผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ ๔ ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้สํานักงาน ก.ล.ต. จัดให้มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารนั้นอย่างเพียงพอที่จะทําให้เข้าใจ ได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายตามที่กําหนด ในข้อ 2 วรรคหนึ่ง ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยควรมีรายละเอียดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ชื่อบุคคลที่อยู่ภายใต้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย (2) ข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้มีการบังคับใช้กฎหมาย (3) บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (4) ลักษณะการบังคับใช้กฎหมาย ข้อ ๕ เมื่อข้อมูลข่าวสารเรื่องใดที่เปิดเผยบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือ ที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน มีความคืบหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และสํานักงาน ก.ล.ต. พิจารณา เห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าดังกล่าวสอดคล้องกับเจตนารมณ์เพื่อการพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ให้สํานักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารความคืบหน้านั้น โดยปฏิบัติตามแนวทางที่กําหนดในประกาศนี้โดยอนุโลม ข้อ ๖ ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือ ที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุน เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ เว้นแต่สํานักงาน ก.ล.ต. จะมีเหตุผล หรือ ความจําเป็นในการกําหนดเป็นประการอื่น ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ในข้อ 6/1 ข้อ 6/2 และข้อ 6/3 เพื่อประโยชน์ในการเปิดเผยข้อมูลตามประกาศนี้ การเปิดเผยข้อมูลในวันใด ๆ ในปีปฏิทินหนึ่ง ให้ถือว่าวันสิ้นปีของปีปฏิทินนั้น เป็นระยะเวลา 1 ปีปฏิทิน ข้อ 6/1 ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอื่นนอกจากข้อมูลตามข้อ 6/2 และข้อ 6/3 ให้คงข้อมูลไว้เป็นระยะเวลา 10 ปีปฏิทินนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ข้อ 6/2 การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินการทางอาญา ให้เปิดเผยข้อมูล ตามระยะเวลาดังต่อไปนี้ นับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นครั้งแรก (1) 2 ปีปฏิทิน ในกรณีความผิดที่มีอายุความตั้งแต่ 1 ปีถึง 5 ปี (2) 10 ปีปฏิทิน ในกรณีความผิดที่มีอายุความมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ในกรณีที่มีการกล่าวโทษ ให้เปิดเผยข้อมูลไว้ตลอดระยะเวลาที่คดียังไม่ถึงที่สุด และ ให้เปิดเผยข้อมูลต่อไปอีก 6 เดือนนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ทั้งนี้ ระยะเวลาดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลา ตามวรรคหนึ่ง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดําเนินการทางอาญาตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มเปิดเผยข้อมูลภายในวันถัดจากวันที่มีคําสั่งเปรียบเทียบหรือวันที่กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผลของคดีถึงที่สุดและเป็นคุณแก่ผู้ถูกดําเนินการ หากบุคคลดังกล่าวมีคําขอ ให้นําข้อมูลที่เปิดเผยออกก่อนพ้นระยะเวลาตามข้อนี้ ให้สํานักงาน ก.ล.ต. ดําเนินการให้เป็นไปตามคําขอ ของบุคคลนั้นโดยไม่ชักช้า ข้อ 6/3 การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางปกครองให้เปิดเผยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีเป็นโทษที่ไม่มีระยะเวลาลงโทษหรือมีระยะเวลาลงโทษไม่เกิน 2 ปีปฏิทิน ให้เปิดเผยข้อมูลเป็นระยะเวลา 2 ปีปฏิทินนับแต่วันที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นครั้งแรก (2) ในกรณีเป็นโทษที่มีระยะเวลาลงโทษเกิน 2 ปีปฏิทิน ให้เปิดเผยข้อมูลจนถึงสิ้นปีปฏิทิน ที่ครบระยะเวลาลงโทษ ในกรณีที่มีการโต้แย้งคําสั่งลงโทษหรือมีการฟ้องคดีปกครอง ให้เปิดเผยข้อมูล ตามหลักเกณฑ์ในวรรคหนึ่ง เว้นแต่ ณ วันที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุด ระยะเวลา เปิดเผยตามวรรคหนึ่งเหลือน้อยกว่า 6 เดือน ให้เปิดเผยข้อมูลต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุด การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษทางปกครองตามวรรคหนึ่ง ให้เริ่มเปิดเผยข้อมูล ภายในวันถัดจากวันที่คําสั่งลงโทษมีผล ในกรณีที่ผลการพิจารณาข้อโต้แย้งหรือผลคดีถึงที่สุดและเป็นคุณแก่ผู้ถูกลงโทษ หากผู้ถูกลงโทษ มีคําขอให้นําข้อมูลที่เปิดเผยออกก่อนพ้นระยะเวลาตามวรรคสอง ให้สํานักงาน ก.ล.ต. ดําเนินการให้เป็นไปตามคําขอของบุคคลนั้นโดยไม่ชักช้า” ข้อ ๗ ข้อมูลข่าวสารที่ได้เปิดเผยบนเว็บไซต์ของสํานักงาน ก.ล.ต. หรือที่ศูนย์สารสนเทศตลาดทุนจนครบระยะเวลาที่กําหนดตามประกาศนี้แล้ว สํานักงาน ก.ล.ต. อาจจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อให้ประชาชนขอตรวจดูเป็นรายกรณีก็ได้ ข้อ ๘ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 (นายวิจิตร สุพินิจ) ประธานกรรมการ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หมายเหตุ - : เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้ คือ เพื่อกําหนดลักษณะและประเภทของข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการกํากับดูแลและการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน ที่สมควรเปิดเผยหรือเผยแพร่ให้ผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ โดยกําหนดรายละเอียด ช่องทาง และระยะเวลาในการเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ตลอดจนการปรับปรุงข้อมูลนั้นให้เป็นปัจจุบัน จึงจําเป็นต้องออกประกาศนี้
10,543
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕
ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือ ระหว่างประเทศเพื่อให้สามารถดําเนินการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศได้อย่าง เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ กับทั้งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาข้าราชการศาลปกครองมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๑/๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๐ คณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือ ระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่าง ประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๔ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งอื่นใดในส่วนที่มีกําหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๕ การบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศให้เป็นไปตามระเบียบนี้ การใดที่มิได้กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้นําระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข้าราชการ ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน หรือระเบียบและหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางราชการกําหนดขึ้นมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ ก.บ.ศป. จะมีมติเป็นอย่างอื่น ข้อ ๖ ในระเบียบนี้ “ข้าราชการศาลปกครอง” หมายความว่า ข้าราชการตุลาการศาลปกครองและข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง “ผู้มีอํานาจอนุมัติ” หมายความว่า (๑) ประธานศาลปกครองสูงสุด สําหรับข้าราชการตุลาการศาลปกครองและเลขาธิการ (๒) เลขาธิการ สําหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานศาลปกครอง “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง “ศึกษา” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัย ตามหลักสูตรของ สถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิชาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ ที่คณะกรรมการหรือ ก.พ. รับรอง และหมายความรวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านภาษา การรับ คําแนะนําก่อนเข้าศึกษา และการฝึกอบรม หรือการดูงาน ที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาหรือต่อจาก การศึกษานั้นด้วย “ฝึกอบรม” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ ความชํานาญ หรือประสบการณ์ ด้วยการเรียน การวิจัย การเข้ารับการอบรม การเข้าร่วมสัมมนา ตามหลักสูตรหรือโครงการฝึกอบรม หรือสัมมนา ทั้งเชิงบรรยายหรือเชิงปฏิบัติการ การดําเนินงานตามโครงการแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศ การไปเสนอ ผลงานทางวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการซึ่งมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพที่คณะกรรมการหรือ ก.พ. รับรอง และหมายความรวมถึงการเตรียมความพร้อม ด้านภาษา การรับคําแนะนําก่อนเข้าฝึกอบรม หรือการดูงานที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมหรือ ต่อจากการฝึกอบรมนั้นด้วย “ปฏิบัติการวิจัย” หมายความว่า การทํางานวิจัยเพื่อนําผลที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อศาลปกครองหรือสํานักงานโดยตรง ซึ่งไม่รวมถึงการวิจัยตามลักษณะของการศึกษาหรือฝึกอบรม “ดูงาน” หมายความว่า การเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ หน่วยงานหรือสถาบันอื่น “ทุน” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน เงินที่จ่ายให้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพระหว่างศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน และค่าพาหนะเดินทาง แต่ไม่รวมถึงเงินที่ได้รับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ “ทุนประเภท ๑” หมายความว่า ทุนดังต่อไปนี้ ทุนประเภท ๑ (ก) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ทุนประเภท ๑ (ข) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ และหมายความรวมถึงทุนที่รัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศ หรือนิติบุคคลต่างประเทศมอบให้แก่ศาลปกครองหรือ สํานักงานโดยตรง ทุนประเภท ๑ (ค) ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้ข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ณ ต่างประเทศ ข้อ ๗ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการบริหารงานทุนและความร่วมมือ ระหว่างประเทศ” ประกอบด้วย (๑) รองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นประธาน กรรมการ (๒) ข้าราชการตุลาการศาลปกครองจํานวนสองคนซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นกรรมการ (๓) อธิบดีศาลปกครองกลาง เป็นกรรมการ (๔) เลขาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการมอบหมายข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจํานวนสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประธานกรรมการและกรรมการตามวรรคหนึ่ง (๒) ให้มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ในกรณีที่ตําแหน่งประธานกรรมการหรือกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด แต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง เว้นแต่วาระการดํารงตําแหน่งของประธานกรรมการหรือกรรมการผู้นั้น จะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวัน จะไม่แต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างก็ได้ ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งแทนตําแหน่งที่ว่าง ให้อยู่ในตําแหน่งเท่ากับ วาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณากลั่นกรอง วิเคราะห์ นโยบายและแผนการพัฒนาข้าราชการด้วยทุนการศึกษา และนโยบายและแผนการดําเนินงานความร่วมมือระหว่างประเทศของสํานักงาน โดยเสนอประธาน ศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้ความเห็นชอบ และรายงาน ก.บ.ศป. เพื่อทราบ (๒) เห็นชอบแผนการดําเนินงานโครงการหรือกิจกรรมการเสริมสร้างความสัมพันธ์และ เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ กํากับดูแลให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว และรายงาน ต่อประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อทราบ ยกเว้นโครงการหรือกิจกรรมที่อยู่ในอํานาจของประธาน ศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้พิจารณาในกรณีการเข้าร่วมประชุมสัมมนาระหว่างประเทศ หรือกรณีประธาน ศาลปกครองสูงสุดเดินทางไปเยือนต่างประเทศตามคําเชิญของหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ในอํานาจของ ประธานศาลปกครองสูงสุดที่จะเป็นผู้พิจารณา (๓) กํากับดูแลโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการบริหารงานทุน การเตรียมความพร้อม ให้แก่ข้าราชการศาลปกครองเพื่อรับทุน การติดตามความก้าวหน้าในการศึกษา และการติดตามการใช้ ประโยชน์ผู้รับทุน (๔) แสวงหาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ แสวงหาเงินทุนและแหล่งทุน เพื่อใช้ในการพัฒนาข้าราชการศาลปกครอง (๕) กําหนดคุณสมบัติผู้สมัครรับทุน ระยะเวลาการให้ทุน และเงื่อนไข ให้เป็นไปตามที่ เจ้าของทุนกําหนด กําหนดสาขาวิชาที่จะให้ทุน รวมทั้งจํานวนทุนที่จะให้ในแต่ละปี ประกาศรับสมัคร คัดเลือก และการประกาศผล (๖) พิจารณาอนุมัติหรือยุติการให้ทุน การเปลี่ยนแปลงระยะเวลา สถานศึกษา สาขาวิชา หัวข้อวิทยานิพนธ์ รวมถึงการให้ความเห็นชอบในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงานแก่ข้าราชการศาลปกครองจากทุกแหล่งทุน (๗) พิจารณาให้ความเห็นชอบในการให้ทุนแก่ข้าราชการศาลปกครองผู้ได้รับทุนจาก แหล่งทุนอื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่สามารถเบิกจ่ายได้ตามระเบียบนี้ แต่ทุนดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึง และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อศาลปกครองหรือสํานักงาน (๘) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทํางานเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ตามความจําเป็นและเหมาะสม (๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กําหนดในระเบียบนี้ รวมทั้งปฏิบัติการอื่นใดที่จําเป็นหรือเกี่ยวเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๙ ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน จะเปลี่ยนแปลงกําหนดระยะเวลา สถานศึกษาหรือสถานที่ฝึกอบรม หรือแนวทางการศึกษาหรือ ฝึกอบรมให้แตกต่างไปจากที่ได้รับอนุมัติไว้มิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้มีอํานาจอนุมัติ ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นและสมควร คณะกรรมการอาจขยายระยะเวลาการให้ทุนการศึกษาแก่ ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับทุนตามที่เห็นสมควรภายใต้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละปี โดยรายงานให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบ ข้อ ๑๐ ให้ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับทุนสํานักงานได้รับค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง หรือตามจํานวนที่กําหนดให้ได้รับแบบเหมาจ่าย แต่ไม่เกินจํานวนเงินตามแต่ละประเภททุน ที่คณะกรรมการกําหนด ข้อ ๑๑ การเบิกจ่ายทุนของข้าราชการศาลปกครองผู้ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ณ ต่างประเทศ ด้วยทุนสํานักงาน ให้นําข้อบังคับ ก.พ. ว่าด้วยการจัดการการศึกษา ควบคุมดูแล และการให้ ความช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ และนักเรียนที่อยู่ในความดูแลของ ก.พ. ในต่างประเทศ มาใช้โดยอนุโลม เว้นแต่ในกรณีจําเป็นหรือมีเหตุผลอันสมควร คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของ ประธานศาลปกครองสูงสุดอาจพิจารณากําหนดเป็นอย่างอื่นก็ได้ ข้อ ๑๒ ให้ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับทุนประเภท ๑ ทําสัญญาให้ไว้กับสํานักงานหรือ แหล่งทุน โดยให้จัดทําสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการหรือแหล่งทุนกําหนด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๓ การลาไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัยของข้าราชการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการลาของข้าราชการศาลปกครองและลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครอง และให้ทําสัญญากับผู้ได้รับอนุญาตตามแบบที่กําหนดในระเบียบดังกล่าว ข้อ ๑ ข้าราชการศาลปกครองที่ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน จะต้อง รายงานผลการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย และดูงาน ให้สํานักงานทราบ ดังนี้ (๑) กรณีไปศึกษา ต้องรายงานผลการศึกษาทุกภาคการศึกษาตลอดระยะเวลาที่ได้รับทุน ให้สํานักงานทราบ หรือเมื่อได้รับการร้องขอ และเมื่อสําเร็จการศึกษาแล้ว ให้ส่งสําเนารายงานผล การศึกษา พร้อมสําเนาปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตรให้แก่สํานักงานภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ สําเร็จการศึกษา และหากมีการจัดทําวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ หรือเอกสารรายงานทางการศึกษาอื่น ให้ข้าราชการศาลปกครองที่ได้รับทุนการศึกษาส่งวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ หรือเอกสารรายงานทาง การศึกษาดังกล่าวฉบับสมบูรณ์ จํานวนสองฉบับ ไปพร้อมกับรายงานผลการศึกษาด้วย (๒) กรณีไปปฏิบัติการวิจัย ต้องรายงานความก้าวหน้าในการทําวิจัยต่อสํานักงาน ตามระยะเวลาและวิธีการที่คณะกรรมการกําหนด ทั้งนี้ ผู้ได้รับทุนจะต้องส่งผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ จํานวนสองฉบับ ภายในระยะเวลาไม่เกินหกสิบวัน นับแต่วันสิ้นสุดโครงการปฏิบัติการวิจัย และหากมี การตีพิมพ์ผลงานวิจัยจะต้องลงข้อความว่า “ได้รับทุนวิจัยจากสํานักงานศาลปกครอง” (๓) กรณีไปฝึกอบรมหรือดูงาน ต้องส่งรายงานการฝึกอบรมหรือดูงานให้สํานักงานภายใน ระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกอบรมหรือดูงาน กรณีไปศึกษาหรือไปปฏิบัติการวิจัยในประเทศ ให้ดําเนินการตาม (๑) หรือ (๒) ภายใน ระยะเวลาไม่เกินสี่สิบห้าวัน กรณีที่ข้าราชการศาลปกครองผู้ใดไม่ดําเนินการตามวรรคหนึ่ง หากเป็นข้าราชการตุลาการ ศาลปกครอง ให้สํานักงานรายงานให้ประธานศาลปกครองสูงสุดทราบ เพื่อพิจารณาดําเนินการตามที่ เห็นสมควร แต่ถ้าเป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองให้ดําเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๕ เมื่อครบกําหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติ หรือกรณีที่ยังไม่ครบกําหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติ แต่เสร็จการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ก่อนครบกําหนดเวลา ให้ข้าราชการ ศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ณ ต่างประเทศ เดินทางกลับให้ถึงประเทศไทย และรายงานตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ ภายในระยะเวลา ดังนี้ (๑) ไม่เกินยี่สิบวัน สําหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย เกินหนึ่งปี (๒) ไม่เกินสิบวัน สําหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย เกินหกเดือน ถึงหนึ่งปี (๓) ไม่เกินห้าวัน สําหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย ไม่เกินหกเดือน (๔) ไม่เกินสองวัน สําหรับผู้ได้รับอนุมัติให้ไปดูงาน ข้อ ๑๖ เมื่อครบกําหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติ หรือกรณีที่ยังไม่ครบกําหนดเวลาที่ได้รับอนุมัติ แต่เสร็จการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน ก่อนครบกําหนดเวลา ให้ข้าราชการ ศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงานในประเทศ รายงานตัว กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกําหนดเวลา ที่ได้รับอนุมัติหรือวันที่เสร็จการศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๗ ข้าราชการศาลปกครองผู้ได้รับอนุมัติทุนตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔ อยู่ในวันที่ระเบียบนี้มีผล ใช้บังคับ ให้ผู้นั้นเป็นข้าราชการศาลปกครองผู้ได้รับอนุมัติทุนตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๘ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดหรือเลขาธิการพิจารณามอบหมายบุคคลเพื่อแต่งตั้ง ให้ดํารงตําแหน่งในคณะกรรมการตามข้อ ๗ ของระเบียบนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ระเบียบนี้ ใช้บังคับ ให้คณะอนุกรรมการตามระเบียบ ก.บ.ศป. ว่าด้วยการบริหารงานทุนและความร่วมมือ ระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ คงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามข้อ ๗ ของระเบียบนี้ ข้อ ๑๙ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ และมีอํานาจตีความและวินิจฉัย ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการบริหารศาลปกครอง
10,544
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายในการแจ้งข้อความ การส่งเอกสาร การคัดสำเนาและการรับรองเอกสารในคดีปกครอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง หลักเกณฑ์แลอัตราค่าใช้จ่ายในการแจ้งข้อความ การส่งเอกสาร การคัดสําเนาและการรับรองเอกสารในคดีปกครอง[[1]](#footnote-1) อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๒๔ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๓ ประธานศาลปกครองสูงสุดออกประกาศกําหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่าใช้จ่ายในการแจ้งข้อความ การส่งเอกสาร การคัดสําเนาและการรับรองเอกสารในคดีปกครองไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในกรณีที่คู่กรณีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องยื่นคําขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลแจ้งข้อความหรือส่งเอกสารโดยวิธีอื่นที่มิใช่ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ศาลพิจารณาอนุญาตตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ โดยให้เสียค่าใช้จ่ายตามที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้ยื่นคําขอชําระค่าใช้จ่ายตามจํานวน และภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลกําหนด ข้อ ๒ การแจ้งข้อความหรือส่งเอกสารของศาลปกครองสูงสุดหรือศาลปกครองกลาง โดยวิธีให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลหรือบุคคลอื่นนําไปส่ง ให้เสียค่าใช้จ่ายตามอัตราดังนี้ (๑) เขตท้องที่กรุงเทพมหานคร (ก) อัตรา ๑๐๐ บาท ๑. เขตบางรัก ๒.เขตสาธร (ข) อัตรา ๑๕๐ บาท ๑. เขตคลองเตย ๒. เขตคลองสาน ๓.เขตจอมทอง ๔. เขตธนบุรี ๕. เขตบางกอกน้อย ๖. เขตบางกอกใหญ่ ๗. เขตบางคอแหลม ๘. เขตปทุมวัน ๙. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ๑๐. เขตพระนคร ๑๑. เขตภาษีเจริญ ๑๒. เขตยานนาวา ๑๒. เขตราชเทวี ๑๔. เขตราษฎร์บูรณะ ๑๓. เขตวัฒนา ๑๖. เขตสัมพันธวงศ์ (ค) อัตรา ๒๕๐ บาท ๑ เขตจตุจักร ๒. เขตดินแดง ๓. เขตดุสิต ๔. เขตตลิ่งชัน ๕. เขตทุ่งครุ ๖. เขตบางกะปิ ๗. เขตบางแค ๘. เขตบางซื่อ ๙. เขตบางเขน ๑๐. เขตบางพลัด ๑๑. เขตพญาไท ๑๒. เขตพระโขนง ๑๓. เขตลาดพร้าว ๑๔. เขตวังทองหลาง ๑๕. เขตสวนหลวง ๑๖. เขตห้วยขวาง (ง) อัตรา ๓๐๐ บาท ๑. เขตคันนายาว ๒. เขตคลองสามวา ๓. เขตดอนเมือง ๔. เขตทวีวัฒนา ๕. เขตบางขุนเทียน ๖. เขตบางเขน ๗. เขตบางบอน ๘. เขตบึงกุ่ม ๙. เขตประเวศ ๑๐. เขตมีนบุรี ๑๑. เขตลาดกระบัง ๑๒. เขตสะพานสูง ๑๓. เขตสายไหม ๑๔. เขตหนองแขม ๑๕. เขตหนองจอก ๑๖. เขตหลักสี่ (๒) จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพมหานคร (ก) จังหวัดสมุทรปราการ อัตรา ๓๐๐ บาท (ข) จังหวัดนนทบุรี อัตรา ๓๘๐ บาท (ค) จังหวัดปทุมธานี อัตรา ๔๐๐ บาท (ง) จังหวัดนครปฐม อัตรา ๔๕๐ บาท (จ) จังหวัดสมุทรสาคร อัตรา ๔๕๐ บาท (ฉ) จังหวัดสมุทรสงคราม อัตรา ๕๐๐ บาท (ช) จังหวัดราชบุรี อัตรา ๕๕๐ บาท (๓) จังหวัดอื่นนอกจาก (๒) ที่มีระยะทางจากกรุงเทพมหานครไม่เกินสามร้อยกิโลเมตรอัตรา ๘๐๐ บาท (๔) จังหวัดอื่นที่มีระยะทางจากกรุงเทพมหานครเกินสามรอยกิโลเมตร ให้เสียค่าใช้จ่าย ในอัตราที่ศาลกําหนดเป็นกรณีๆ ไป ในอัตรากิโลเมตรละ ๓ บาท โดยประมาณ โดยคิดตามระยะทางจากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดนั้นเป็นเกณฑ์ ค่าใช้จ่ายตามข้อนี้ให้คิดตามจํานวนเอกสารเป็นรายฉบับ ในกรณีที่มีเอกสารหลายฉบับ ถ้าผู้รับแจ้งข้อความหรือเอกสารอยู่ในสถานที่เดียวกัน ใกล้เคียงกัน หรือในเส้นทางเดียวกัน ศาลอาจลดหรืองดค่าใช้จ่ายสําหรับเอกสารตั้งแต่ฉบับที่สองเป็นต้นไปได้ตามที่เห็นสมควร ข้อ ๓ การแจ้งข้อความหรือส่งเอกสารของศาลปกครองในภูมิภาคต่างๆ โดยวิธีให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลหรือบุคคลอื่นนําไปส่ง ให้เสียค่าใช้จ่ายในอัตราที่ศาลกําหนด ในอัตรากิโลเมตรละ ๓ บาท โดยประมาณ โดยคิดระยะทางจากที่ตั้งศาลถึงสถานที่นั้นเป็นเกณฑ์ แต่อัตราขั้นต่ําต้องไม่น้อยกว่า ๑๐๐ บาท และให้นําความในวรรคสองมาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๔ การแจ้งข้อความหรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ให้เสียค่าใช้จ่ายในอัตรา ที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยประกาศกําหนด ข้อ ๕ การคัดสําเนาเอกสาร ให้เสียค่าใช้จ่ายดังนี้ (๑) กระดาษขนาด เอ ๔ อัตราหน้าละ ๓ บาท เอกสารส่วนที่เกินห้าหน้า ให้เสียค่าใช้จ่าย ในอัตราหน้าละ ๒ บาท (๒) กระดาษขนาด เอ ๓ อัตราหน้าละ ๔ บาท ข้อ ๖ การรับรองสําเนาเอกสาร ให้เสียค่าใช้จ่ายในอัตรา ๒๐ บาท ต่อสําเนาเอกสาร หนึ่งฉบับ ข้อ ๗ ค่าใช้จ่ายในการแจ้งข้อความ การส่งเอกสาร หรือการคัดสําเนาเอกสารโดยวิธีอื่น หรือในกรณีอื่นซึ่งมิได้กําหนดไว้ในข้อ ๒ ถึงข้อ ๕ ให้ศาลเป็นผู้กําหนดเป็นกรณีๆ ไป ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงสภาพของการดําเนินการโดยเทียบเคียงกับอัตราที่กําหนดไว้แล้ว ข้อ ๘ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘/ตอนที่ ๕๔ ก/หน้า ๑๓/๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ [↑](#footnote-ref-1)
10,545
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสงขลา
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสงขลา[1](#fn1) ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองสงขลา ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๔ โดยกําหนดให้ศาลปกครองสงขลา ตั้งอยู่ที่อาคารอเนกประสงค์สวนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เลขที่ ๘๘๘ หมู่ที่ ๒ ตําบลพะวง อําเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสงขลาจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๑๑๑๑ หมู่ที่ ๒ ตําบลพะวง อําเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด --- 1.
10,546
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองระยอง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองระยอง[1](#fn1) ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองระยอง ลงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๖ โดยกําหนดให้ศาลปกครองระยอง ตั้งอยู่เลขที่ ๔๔/๖ ถนนตากสินมหาราช ตําบลท่าประดู่ อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองระยองจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๗๗๗ ถนนสุขุมวิทตําบลเนินพระ อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง” ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด --- 1.
10,547
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสูงสุด
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสูงสุด[1](#fn1) ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการของศาลปกครองสูงสุด ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โดยกําหนดให้ศาลปกครองสูงสุด ตั้งอยู่ที่ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เลขที่ ๑๙๕ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองสูงสุดจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๑๒๐ หมู่ที่ ๓ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร” โดยให้เริ่มทําการตั้งแต่วันที่๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด --- 1.
10,548
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองกลาง
ประกาศประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองกลาง[[1]](#footnote-1) ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศ เรื่อง สถานที่ตั้งและวันเปิดทําการ ของศาลปกครองกลาง ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ โดยกําหนดให้ศาลปกครองกลาง ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เลขที่ ๑๙๕ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร นั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประธานศาลปกครองสูงสุดจึงออกประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งของศาลปกครองกลางจากที่ประกาศไว้เดิมข้างต้น เป็น “เลขที่ ๑๒๐ หมู่ที่ ๓ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร” โดยให้เริ่มทําการตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕/ตอนที่ ๗๘ ก/ หน้า ๘/๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๑ [↑](#footnote-ref-1)
10,549
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2547
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประกอบด้วยรองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นประธาน ตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย อธิบดีศาลปกครองกลาง เลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้อํานวยการสถาบันพัฒนาการยุติธรรมทางปกครอง ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ และผู้อํานวยการกองการต่างประเทศเป็นกรรมการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ” ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๑/ตอนที่ ๓๕ ก/หน้า ๒๔/๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๗ [↑](#footnote-ref-1)
10,550
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2550
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประกอบด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายเป็นประธานตุลาการศาลปกครอง ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวนไม่เกินสามคน อธิบดีศาลปกครองกลาง เลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้อํานวยการสถาบันพัฒนาตุลาการและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้อํานวยการสํานักวิชาการและความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นกรรมการ และผู้อํานวยการศูนย์ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้ช่วยเลขานุการ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๗ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการมีอํานาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑) กําหนดนโยบายและแผนในการพัฒนาข้าราชการ (๒) กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการให้ทุนอุดหนุน คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับทุนอุดหนุนสาขาวิชาที่จะให้ทุนอุดหนุน รวมทั้งจํานวนทุนอุดหนุนที่จะให้ในแต่ละปี และให้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน (๓) พิจารณาอนุมัติให้ทุนอุดหนุนแก่ข้าราชการ โดยให้คํานึงถึงผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ความรับผิดชอบต่องาน ความประพฤติ ความอุตสาหะและเสียสละในการปฏิบัติงาน ผลของงานและประโยชน์ที่ได้รับหรือเกิดขึ้นแก่ศาลปกครองหรือสํานักงานเป็นสําคัญ (๔) พิจารณาอนุมัติเรื่องการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการศึกษา สถานศึกษา หรือสาขาวิชาที่ศึกษา รวมถึงการอนุมัติในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการฝึกอบรมด้วย (๕) พิจารณาอนุมัติให้ทุนอุดหนุนแก่ข้าราชการผู้ได้รับทุนจากแหล่งทุนอื่น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่สามารถเบิกจ่ายได้ตามระเบียบนี้แต่ทุนดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึง และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อศาลปกครองหรือสํานักงาน เช่น ค่าพาหนะเดินทาง เป็นต้น (๖) ปฏิบัติการตามอํานาจหน้าที่อื่นที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๑ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๑ ให้จ่ายทุนอุดหนุนแก่ข้าราชการที่ได้รับทุนอุดหนุนเฉพาะเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจํานวนเงินตามที่คณะกรรมการกําหนด” ประกาศ ณ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๒๘ ก หน้า ๑๒ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ [↑](#footnote-ref-1)
10,551
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2550
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๘ วรรคหนึ่ง ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) สถาบันการศึกษาในประเทศและหลักสูตรที่จัดการศึกษานอกเวลาราชการในสาขา ที่คณะกรรมการกําหนด โดยมีระยะเวลาการให้ทุนอุดหนุน ดังนี้ (ก) หลักสูตรปริญญาตรี ไม่เกิน ๔ ปี (ข) หลักสูตรปริญญาโท ไม่เกิน ๓ ปี (ค) หลักสูตรปริญญาเอก ไม่เกิน ๕ ปี (ง) หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือเทียบเท่า ไม่เกิน ๑ ปี” ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๘๐ ก หน้า ๒๘ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ [↑](#footnote-ref-1)
10,552
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2553
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๓” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครองประกอบด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายเป็นประธานตุลาการศาลปกครอง ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวนไม่เกินสามคน อธิบดีศาลปกครองกลาง เลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ ผู้อํานวยการวิทยาลัยข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เป็นกรรมการ และผู้อํานวยการสํานักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศและสารนิเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของข้อ ๘ วรรคหนึ่ง ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการ ฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) สถาบันการศึกษาในประเทศและหลักสูตรที่จัดการศึกษานอกเวลาราชการในสาขา ที่คณะกรรมการกําหนด โดยมีระยะเวลาการให้ทุนอุดหนุน ดังนี้ (ก) หลักสูตรปริญญาตรี ไม่เกิน ๔ ปี (ข) หลักสูตรปริญญาโท ไม่เกิน ๓ ปี (ค) หลักสูตรปริญญาโททางนิติศาสตร์ที่มีการทําวิทยานิพนธ์ ไม่เกิน ๔ ปี (ง) หลักสูตรปริญญาเอก ไม่เกิน ๕ ปี (จ) หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือเทียบเท่า ไม่เกิน ๑ ปี” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ ๙ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้าราชการที่ได้รับทุนอุดหนุนผู้ใดไม่ได้รับราชการตามเงื่อนไขที่กําหนดในวรรคหนึ่ง กรณีที่เป็นทุนอุดหนุนการศึกษาในสถาบันการศึกษาในประเทศ ต้องชดใช้เงินทุนอุดหนุนคืนให้แก่สํานักงานตามจํานวน ที่ได้รับไป กับให้ใช้เงินอีกจํานวนหนึ่งเท่าของจํานวนทุนอุดหนุนดังกล่าวให้เป็นเบี้ยปรับแก่สํานักงาน สําหรับกรณีที่เป็นทุนอุดหนุนการศึกษาในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ ต้องชดใช้เงินทุนอุดหนุนที่ได้รับคืนให้แก่สํานักงาน กับให้ใช้เงินอีกจํานวนสองเท่าของจํานวนเงินทุนอุดหนุนที่ได้รับไปเพื่อเป็นเบี้ยปรับให้แก่สํานักงาน” ข้อ ๖ ข้าราชการที่ได้รับทุนอุดหนุนการศึกษาในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และผิดสัญญาไม่ได้รับราชการตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในสัญญาในขณะที่ได้รับทุนอุดหนุนดังกล่าว ต้องชดใช้เงินทุนอุดหนุน เงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษาและเงินที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือที่ได้รับไปคืนให้แก่สํานักงาน กับให้ใช้เงินอีกจํานวนสองเท่าของจํานวนเงินทุนอุดหนุน เงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษา และเงิน ที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับแก่สํานักงาน ข้อ ๗ ข้าราชการผู้ได้รับทุนอุดหนุนการศึกษาในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ และภายหลังผิดสัญญาไม่ได้รับราชการตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในสัญญาในขณะที่ได้รับทุนอุดหนุนดังกล่าว ต้องชดใช้เงินทุนอุดหนุน เงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษา และเงินที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือที่ได้รับไปก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ กับให้ใช้เงินอีกจํานวนสองเท่าของจํานวนเงินทุนอุดหนุน เงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษา และเงินที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือที่ได้รับไปดังกล่าวให้เป็น เบี้ยปรับแก่สํานักงาน และจะต้องชดใช้เงินทุนอุดหนุน เงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษา และเงินที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือที่ได้รับตั้งแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับคืนให้แก่สํานักงาน กับให้ใช้เงินอีกจํานวนหนึ่งเป็นเบี้ยปรับแก่สํานักงานศาลปกครองด้วย ดังนี้ (๑) เงินจํานวนสองเท่าของจํานวนเงินทุนอุดหนุน (๒) เงินจํานวนหนึ่งเท่าของเงินเดือนที่ได้รับระหว่างศึกษาและเงินที่ทางราชการจ่ายช่วยเหลือ ข้อ ๘ ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศ คําสั่ง หรือกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๘ ก หน้า ๑ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ [↑](#footnote-ref-1)
10,553
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2555
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๕” ข้อ ๒[[1]](#footnote-1) ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วย การพัฒนาข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ว่าด้วยการพัฒนาข้าราชการ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการพัฒนาตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ประกอบด้วยรองประธานศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย เป็นประธานตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวนไม่เกินสี่คน ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจํานวนไม่เกินสามคน เลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้อํานวยการสํานักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและวิชาการ ผู้อํานวยการวิทยาลัยข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เป็นกรรมการ และผู้อํานวยการสํานักการต่างประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้เลขาธิการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้ช่วยเลขานุการ” ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง 1. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๓๑ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ [↑](#footnote-ref-1)
10,554
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 50) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 50) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สําหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา 5 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 จะต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น ข้อ ๒ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา 5 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าก็ได้ ในกรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจํานวนและมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าวเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (2) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคํานวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าเป็นสินค้าที่ผลิตเองหรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมา ตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (4) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจํานวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ ๓ การบริจาคให้แก่สถานศึกษา ให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ตามมาตรา 5 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 768) พ.ศ. 2566 โดยผู้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ผู้มีอํานาจลงนาม ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2566 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร
10,555