question_id
int32
1
4k
article_id
int32
665
954k
context
stringlengths
75
87.2k
question
stringlengths
11
135
answers
sequence
3,898
67,620
หูดข้าวสุก หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus (MCV) ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร จะพบมากขึ้นในรายที่มีการติดเชื้อ HIVสาเหตุ สาเหตุ. เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Molluscum contagiosum virus (MCV) ซึ่งเป็นเชื้อในตระกูล poxvirus จำแนกอยู่ในจีนัส Molluscipoxvirusอาการและอาการแสดง อาการและอาการแสดง. หูดข้าวสุกมีลักษณะเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง ขนาดประมาณ 2-5 มิลลิเมตร มีลักษณะเฉพาะตัวคือมีรอยบุ๋มตรงกลาง มีการอักเสบและการตายของเนื้อเยื่อที่เป็นโรคน้อย เมื่อเทียบกับโรคที่เกิดจาก poxvirus ชนิดอื่นๆ ลักษณะการกระจายของตุ่มมีทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม พบได้ทั่วร่างกาย ยกเว้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า .การดำเนินโรค การดำเนินโรค. หูดข้าวสุกติดต่อได้โดยการสัมผัสและทางเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้โดยการใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน หากมีโรคภูมิแพ้ของผิวหนังอยู่ก่อนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น ระยะฟักตัวของโรคใช้เวลา 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือน (เฉลี่ยอยู่ที่ 2-7 สัปดาห์) ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติโรคนี้สามารถหายได้เอง ภายในเวลา 3-4 เดือนโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่รอยโรคที่ผิวหนังอาจจะคงอยู่ได้นาน 3-5 ปี หูดข้าวสุกจะพบมากขึ้นในรายที่มีการติดเชื้อ HIV ในระยะที่ภูมิคุ้มกันเริ่มต่ำ พบได้ 5-18% ในผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งมักจะเป็นทั่วทั้งตัวและคงอยู่นานในรายที่อยู่ในระยะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าโรคหูดข้าวสุกมีความสัมพันธ์กับภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแบบอื่นๆด้วยการวินิจฉัยโรค การวินิจฉัยโรค. โดยทั่วไปวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดงข้างต้น สามารถวินิจฉัยยืนยันได้จากการตรวจทางพยาธิวิทยาซึ่งจะพบ Cytoplasmic eosinophilic inclusions หรือที่เรียกว่า molluscum bodies ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่บ่งบอกถึงการแบ่งตัวของ poxvirusการรักษา การรักษา. ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคนี้ แต่สามารถรักษาด้วยการทำลายที่รอยโรคโดยตรงได้ ในผู้ติดเชื้อ HIV หากได้รับการรักษาด้วย Highly Active AntiRetroviral Therapy (HAART) อย่างมีประสิทธิภาพ หูดข้าวสุกก็สามารถหายได้เองเหมือนในรายที่มีภูมิคุ้มกันปกติ มีบางกรณีศึกษา พบว่าการให้ Cidofovir ในรูปยาทาหรือยาฉีดมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคในรายที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
โรคหูดข้าวสุก มีชื่อภาษาอังกฤษว่าอะไร
{ "answer": [ "Molluscum contagiosum" ], "answer_begin_position": [ 106 ], "answer_end_position": [ 127 ] }
1,242
473,065
เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก เอเลียนส์ เป็นภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์แอคชั่นในปี ค.ศ. 1986 กำกับการแสดงโดย เจมส์ แคเมรอน และนำแสดงโดย Sigourney Weaver ,Carrie Henn ,Michael Biehn ,Lance Henriksen ,William Hope และPaul Reiser เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์ปี ค.ศ. 1979 เอเลียน สร้างโดยทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์
เอเลียนส์เป็นภาพยนตร์แนวไหน
{ "answer": [ "นิยายวิทยาศาสตร์แอคชั่น" ], "answer_begin_position": [ 148 ], "answer_end_position": [ 171 ] }
1,751
473,065
เอเลี่ยน 2 ฝูงมฤตยูนอกโลก เอเลียนส์ เป็นภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์แอคชั่นในปี ค.ศ. 1986 กำกับการแสดงโดย เจมส์ แคเมรอน และนำแสดงโดย Sigourney Weaver ,Carrie Henn ,Michael Biehn ,Lance Henriksen ,William Hope และPaul Reiser เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์ปี ค.ศ. 1979 เอเลียน สร้างโดยทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์
ภาพยนตร์ เอเลียนส์ ปีค.ศ. 1986 กำกับโดยใคร
{ "answer": [ "เจมส์ แคเมรอน" ], "answer_begin_position": [ 202 ], "answer_end_position": [ 215 ] }
1,243
304,046
จังหวัดเคริซ เคริซ (; ) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นนูแวลากีแตนในประเทศฝรั่งเศส จังหวัดเคริซตั้งตามชื่อแม่น้ำเคริซ ตัวจังหวัดตั้งอยู่ทางตอนกลางของฝรั่งเศสโดยมีเกเรเป็นเมืองหลัก เคริซเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790 จากบางส่วนของอาณาจักรเคานต์แห่งมาร์ช
จังหวัดเคริซตั้งอยู่ในประเทศอะไร
{ "answer": [ "ประเทศฝรั่งเศส" ], "answer_begin_position": [ 153 ], "answer_end_position": [ 167 ] }
1,244
304,046
จังหวัดเคริซ เคริซ (; ) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นนูแวลากีแตนในประเทศฝรั่งเศส จังหวัดเคริซตั้งตามชื่อแม่น้ำเคริซ ตัวจังหวัดตั้งอยู่ทางตอนกลางของฝรั่งเศสโดยมีเกเรเป็นเมืองหลัก เคริซเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790 จากบางส่วนของอาณาจักรเคานต์แห่งมาร์ช
จังหวัดเคริซเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อไร
{ "answer": [ "วันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790" ], "answer_begin_position": [ 336 ], "answer_end_position": [ 361 ] }
1,245
289,367
พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 แห่งโปรตุเกส พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 แห่งโปรตุเกส () ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์กาเปเตียงพระราชประวัติ พระราชประวัติ. พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1109 เป็นพระโอรสในเอนรีกี เคานต์แห่งโปรตุเกสและเทเรซา เคาน์เตสแห่งโปรตุเกส อีกทั้งเป็นพระนัดดาในรอแบร์ ดยุกแห่งบูร์กอญ พระราชสมภพเมื่อพระราชบิดาได้เป็นเคานต์แห่งโปรตุเกส หลังจากการช่วยเหลือกษัตริย์แห่งคาสตีลในการขับไล่มุสลิมสเปนแล้วขึ้นครองราชย์ ขึ้นครองราชย์. เมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ. 1112 พระองค์จึงขึ้นเป็นเคานต์แห่งโปรตุเกสเมื่อพระชนม์เพียง 3 พรรษาเศษต่อมาในปี ค.ศ. 1139 ขณะพระชนม์ได้ 30 พรรษาพระองค์จึงได้ประกาศแยกแคว้นโปรตุเกสออกจากปกครองของสเปน และร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1139 คือหนึ่งวันหลังจากพระชนมายุครบ 30 พรรษาเสด็จสวรรคต เสด็จสวรรคต. ในช่วงปลายรัชกาลพระพลานามัยของพระองค์ก็เริ่มอ่อนแอลงจนในที่สุดจึงมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าชายซันโชพระราชโอรสและได้เสด็จสวรรคต ในคืนวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1185 นั้นเองพระชนมายุได้ 76 พรรษาครองราชย์ได้ 46 ปี
พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 แห่งโปรตุเกส เป็นผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ใด
{ "answer": [ "ราชวงศ์กาเปเตียง" ], "answer_begin_position": [ 217 ], "answer_end_position": [ 233 ] }
1,246
289,367
พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 แห่งโปรตุเกส พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 แห่งโปรตุเกส () ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์กาเปเตียงพระราชประวัติ พระราชประวัติ. พระเจ้าอาฟองโซที่ 1 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1109 เป็นพระโอรสในเอนรีกี เคานต์แห่งโปรตุเกสและเทเรซา เคาน์เตสแห่งโปรตุเกส อีกทั้งเป็นพระนัดดาในรอแบร์ ดยุกแห่งบูร์กอญ พระราชสมภพเมื่อพระราชบิดาได้เป็นเคานต์แห่งโปรตุเกส หลังจากการช่วยเหลือกษัตริย์แห่งคาสตีลในการขับไล่มุสลิมสเปนแล้วขึ้นครองราชย์ ขึ้นครองราชย์. เมื่อพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ. 1112 พระองค์จึงขึ้นเป็นเคานต์แห่งโปรตุเกสเมื่อพระชนม์เพียง 3 พรรษาเศษต่อมาในปี ค.ศ. 1139 ขณะพระชนม์ได้ 30 พรรษาพระองค์จึงได้ประกาศแยกแคว้นโปรตุเกสออกจากปกครองของสเปน และร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1139 คือหนึ่งวันหลังจากพระชนมายุครบ 30 พรรษาเสด็จสวรรคต เสด็จสวรรคต. ในช่วงปลายรัชกาลพระพลานามัยของพระองค์ก็เริ่มอ่อนแอลงจนในที่สุดจึงมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าชายซันโชพระราชโอรสและได้เสด็จสวรรคต ในคืนวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1185 นั้นเองพระชนมายุได้ 76 พรรษาครองราชย์ได้ 46 ปี
พระเจ้าอาฟองโซได้ขึ้นเป็นเคานต์หลังจากพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลง โดยพระองค์มีพระชนม์พรรษาเท่าไร
{ "answer": [ "พระชนม์เพียง 3 พรรษาเศษ" ], "answer_begin_position": [ 665 ], "answer_end_position": [ 688 ] }
1,247
6,357
เบอร์ลิน เบอร์ลิน ( แบร์ลีน) เป็นเมืองหลวงและรัฐหนึ่งในสิบหกรัฐสหพันธ์ของประเทศเยอรมนี มีประชากร 3.4 ล้านคนในเขตเมือง มากที่สุดในเยอรมนี และมากเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป เป็นศูนย์กลางของเขตนครหลวงเบอร์ลิน-บรานเดนบูร์ก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี มีประชากรในเขตนครหลวงรวม 1คนจาก 1ชาติ มากเป็นอันดับเก้าในสหภาพยุโรป เบอร์ลินเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่มีอิทธิพลที่สุดของยุโรป ในด้านการเมือง วัฒนธรรม สื่อสารมวลชน และวิทยาการ เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการคมนาคมทางอากาศและทางรางของทวีป พื้นฐานเศรษฐกิจของเมืองคือธุรกิจบริการอันหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ บริษัทด้านสื่อ การบรีการสิ่งแวดล้อม ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามของยุโรป อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึง วิศวกรรมจราจร ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ไอที อุตสาหกรรมยานยนต์ สุขภาพ วิศวกรรมชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ มหานครแห่งนี้เป็นบ้านของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย การแข่งขันกีฬา ออร์เคสตรา พิพิธภัณฑ์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมาก ภูมิทัศน์นครและมรดกทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินทำให้มันนิยมถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต ในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมาเบอร์ลินได้วิวัฒน์ไปสู่จุดรวมของปัจเจกชนและศิลปินหนุ่มสาวมากมายหลากหลายชาติจากทั่วโลก ที่ถูกดึงดูดด้วยวิถีชีวิตแบบเสรีและจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาสมัยใหม่ (modern zeitgeist)ประวัติ ประวัติ. เบอร์ลินตั้งอยู่บนแม่น้ำสปรีและฮาเฟลทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ห้อมล้อมด้วยรัฐบรานเดนบวร์ก มีพื้นที่ 891.75 ตารางกิโลเมตร ในสมัยก่อน เบอร์ลินเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบรานเดนบวร์กก่อนจะแยกการปกครองออกเป็นนครรัฐต่างหากรัฐหนึ่ง ชื่อ Berlin ซึ่งออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า และในภาษาเยอรมันว่า นั้นไม่ทราบแหล่งที่มา แต่อาจเกี่ยวข้องกับหน่วยคำภาษาโปลาเบียนเก่า berl-/birl- ซึ่งหมายถึง "หนองน้ำ" เบอร์ลินได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยได้เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรปรัสเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1701), จักรวรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1871-1918), สาธารณรัฐไวมาร์ (ค.ศ. 1919-1932) และจักรวรรดิที่สาม (ค.ศ. 1933-1945)คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 19 คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 19. สงครามสามสิบปีระหว่าง ค.ศ. 1618 และ 1648 ทำให้เบอร์ลินได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง บ้านเรือนหนึ่งในสามเสียหาย และประชากรลดเหลือครึ่งเดียว เฟรเดอริก วิลเลียม “เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่” ซึ่งสืบอำนาจเป็นผู้ปกครองต่อจาก จอร์จ วิลเลียม ผู้บิดาใน ค.ศ. 1640 ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการอพยพย้ายถิ่นและเสรีภาพในการนับถือศาสนา ด้วยกฤษฎีกาแห่งพอทสดัม (Edict of Potsdam) ใน ค.ศ. 1685 เฟรเดอริกได้เสนอที่ลี้ภัยให้กับพวกฮิวเกอโนต์ซึ่งเป็นพวกโปรเตสแตนท์ชาวฝรั่งเศส ฮิวเกอโนต์มากกว่า 15,000 คนได้มายังบรานเดนบวร์ก ในจำนวนนั้น 6,000 คนตั้งถิ่นฐานในเบอร์ลิน ใน ค.ศ. 1700 ประมาณร้อยละยี่สิบของผู้อยู่อาศัยในเบอร์ลินเป็นชาวฝรั่งเศส และอิทธิพลทางวัฒนธรรมของพวกเขาแก่เมืองนั้นมีมหาศาล ผู้อพยพอื่น ๆ จำนวนมากมาจากโบฮีเมีย โปแลนด์ และซาลซ์บูร์กคริสต์ศตวรรษที่ 20 คริสต์ศตวรรษที่ 20. หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองเบอร์ลินถูกแยกเป็นสองส่วน ระหว่างปี พ.ศ. 2492-2533 คือ เบอร์ลินตะวันออก และ เบอร์ลินตะวันตก ฝั่งตะวันออกปกครองโดยสหภาพโซเวียต ส่วนฝั่งตะวันตกปกครองโดย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส โดยในช่วงแรก การแบ่งเขตเป็นไปอย่างไม่เคร่งเครียดนัก ประชาชนของทั้งสองฝั่งสามารถไปมาหาสู่กันได้ จนกระทั่งสงครามเย็นถึงจุดตึงเครียด รัฐบาลเบอร์ลินตะวันออกได้สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นเมื่อ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตก ตัดขาดสองฝั่งของเมืองออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ช่วงที่เยอรมนียังถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ ประเทศเยอรมนีตะวันออกถือเอาเบอร์ลินตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตน (แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากชาติพันธมิตรตะวันตก) ส่วนเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีตะวันตกคือบอนน์ (และโดยฐานะอย่างเป็นทางการแล้ว เบอร์ลินตะวันตกก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันตก) หลังจากการรวมประเทศเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2533 เบอร์ลินก็กลับมาเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีอีกครั้งหนึ่งภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. เบอร์ลินตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของเยอรมนี ประมาณ 70 กม. (44 ไมล์) ทางตะวันตกของพรมแดนโปแลนด์ ภูมิประเทศของเบอร์ลินนั้นถูกกัดเซาะให้เป็นอย่างปัจจุบันโดยธารน้ำแข็งระหว่างยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด ใจกลางเมืองทอดตัวตามแนวแม่น้ำสปรี ในหุบเขาธารน้ำแข็งโบราณเบอร์ลิน-วอร์ซอ (Berlin-Warsaw Urstromtal) ซึ่งก่อตัวโดยน้ำที่ไหลละลายจากธารน้ำแข็งในตอนสิ้นสุดยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด หุบเขาธารน้ำแข็งโบราณดังกล่าวทอดตัวระหว่างที่ราบสูงบาร์นิมตอนล่าง (low Barnim) ไปทางเหนือ และที่ราบสูงเทลโทว์ (Teltow) ไปทางใต้ แม่น้ำสปรีบรรจบกับแม่น้ำฮาเฟล ที่เขตสปันเดา ทางตะวันตกสุดของเบอร์ลิน โดยไหลจากทางตอนเหนือไปทางตอนใต้ผ่านเบอร์ลินตะวันตก เส้นทางของแม่น้ำฮาเฟลนั้นเหมือนกับทะเลสาบที่เชื่อมกัน โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุดคือ ทะเลสาบเทเกเลอร์เซ (Tegeler See) และ โกรซเซอร์วานเซ (Großer Wannsee) มีชุดทะเลสาบจำนวนหนึ่งไหลสู่แม่น้ำสปรีตอนบนเช่นกัน โดยไหลผ่านทะเลสาบโกรซเซอร์มึงเกิลเซ (Großer Müggelsee) ในเบอร์ลินตะวันออกภูมิทัศน์ ภูมิทัศน์. หน้าตาของนครเบอร์ลินในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากบทบาทนำของมันในประวัติศาสตร์เยอรมนีในคริสต์ศตวรรษที่ 20 รัฐบาลแห่งชาติแต่ละชุดล้วนตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ — จักรวรรดิเยอรมัน ค.ศ. 1871, สาธารณรัฐไวมาร์, นาซีเยอรมนี, เยอรมนีตะวันออก และเยอรมนีในปัจจุบันที่รวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง — ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างอันทะเยอทะยานมากมาย แต่ละโครงการล้วนมีคุณลักษณะโดดเด่นในตัวเอง เบอร์ลินถูกทำลายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดหลายครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเก่าหลายหลังที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และ 1960 ทั้งในฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก การรื้อถอนดังกล่าวจำนวนมากริเริ่มโดยโครงการสถาปัตยกรรมระดับเทศบาล เพื่อสร้างย่านที่พักอาศัยหรือย่านธุรกิจและถนนสายหลัก ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครเหมือนของเบอร์ลินได้ก่อร่างสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์อันน่าตื่นตาของเมืองแห่งนี้ ในฝั่งตะวันออก เราจะพบอาคาร "พลาทเทนเบา" (Plattenbau เป็นอาคารที่ส่วนต่าง ๆ ถูกสร้างสำเร็จจากที่อื่นและถูกขนมาประกอบ ณ ที่ก่อสร้าง) จำนวนมาก ซึ่งหวนให้นึกถึงความทะเยอทะยานของโลกตะวันออก (Eastern Bloc) ที่จะสร้างบริเวณที่พักอาศัยอันสมบูรณ์แบบ ด้วยสัดส่วนคงที่ของร้านค้า สถานเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน ความต่างเล็กน้อยระหว่างฝั่งตะวันออกเดิมและฝั่งตะวันตกเดิมอีกอย่างก็คือการออกแบบตัวคนสีเขียวสีแดงในไฟจราจรที่ทางข้ามถนน (อัมเพิลแมนเชน Ampelmännchen ในภาษาเยอรมัน); แบบของฝั่งตะวันออกนั้นถูกคงเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ในระหว่างการเปลี่ยนสัญญาณจราจรทั่วเยอรมนีให้เป็นแบบเดียวกันหมดภายหลังการรวมประเทศ อัมเพิลแมนเชนแบบตะวันออกนั้นในปัจจุบันถูกใช้ในฝั่งตะวันตกของเมืองเช่นกันสภาพอากาศ สภาพอากาศ. อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีของเบอร์ลินอยู่ที่ 9.4 °C และมีระดับน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่ 578 มม. เดือนที่อุ่นที่สุดคือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 16.7 ถึง 17.9 °C และหนาวที่สุดในเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ ระหว่าง −0.4 ถึง 1.2 °C พื้นที่สิ่งปลูกสร้างของเบอร์ลินนั้นสร้างสภาพอากาศประจำถิ่น (ไมโครไคลเมต) ความร้อนจะถูกกักเก็บไว้ในอาคารต่าง ๆ อุณหภูมิในเมืองอาจสูงกว่าบริเวณรอบ ๆ อยู่ 4 °C ตามระบบแบ่งภูมิอากาศแบบเคิปเปน สภาพอากาศของเบอร์ลินเป็นแบบภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น (Cfb)สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม. หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (Fernsehturm) ที่อเล็กซานเดอร์พลัทซ์ ในเขตมิทเทอ สูง 368 เมตร เป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป สร้างในปี ค.ศ. 1969 เราสามารถมองเห็นหอนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง ในหอที่ระดับความสูง 204 เมตร มีชั้นสังเกตการณ์มุมสูงซึ่งเราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ จากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนน คาร์ล มาร์กซ์ อัลลี (Karl-Marx-Allee) ซึ่งทอดตัวไปทางทิศตะวันออก ตามแนวถนนนี้เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เตือนให้ระลึกอดีต อาคารเหล่านี้ออกแบบในแนวคลาสสิกสังคมนิยม (Socialist Classicism Style) ของยุคสตาลิน ติดกับพื้นที่หอโทรทัศน์นั้นคืออาคารที่ว่าการเมือง มีชื่อว่า Rotes Rathaus (ที่ว่าการเมืองสีแดง) ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิฐแดงของมัน ด้านหน้าของที่ว่าการเมืองมีน้ำพุเนปจูน Neptunbrunnen ซึ่งเป็นน้ำพุที่ประดับด้วยฉากจากตำนานเทพปกรณัม อีสท์ไซด์แกลลอรี (East Side Gallery) เป็นนิทรรศการกลางแจ้งของงานศิลปะที่วาดลงไปโดยตรงบนส่วนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของกำแพงเบอร์ลิน มันเป็นหลักฐานของการแบ่งแยกเมืองในสมัยก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ชิ้นใหญ่ที่สุด มันเพิ่งจะบูรณะเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ยูเนสโกได้ประกาศให้โครงการที่พักอาศัยแนวสมัยใหม่นิยมในเบอร์ลินหกแห่งเป็นมรดกโลก กลุ่มอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวสร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ช่วงปี ค.ศ. 1913 - 1934 ในสมัยสาธารณรัฐไวมาร์ กลุ่มอาคารซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกอาวองการ์ด บรูโน เทาต์ มาร์ติน วากเนอร์ วอลเตอร์ โกรเปียส และ ฮันส์ ชาเราน์ เหล่านี้ ได้กลายเป็นตัวแบบของที่พักเพื่อสังคม ซึ่งได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยชนชั้นกรรมาชีพที่มีรายได้น้อย และปฏิรูปความคิดด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม และการผังเมือง อาคารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอพาร์ตเมนต์สมัยใหม่รุ่นแรกของโลก ที่มีครัว ห้องน้ำ ระเบียง และหน้าต่างที่ใหญ่เพียงพอ จากมรดกโลกจำนวนทั้งหมด 850 แห่ง อาคารเหล่านี้เป็นหนึ่งในเพียง 21 แห่งจากยุคสมัยใหม่การปกครอง การปกครอง. เบอร์ลินเป็นเมืองหลวงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีแห่งเยอรมนี ซึ่งมีที่อาศัยอย่างเป็นทางการที่วัง Schloss Bellevue ตั้งแต่การรวมเยอรมนีเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2533 เบอร์ลินก็กลายเป็นหนึ่งในสามนครรัฐ เคียงคู่กับ ฮัมบูร์ก และ เบรเมน, ในทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี สภาสหพันธ์ (Bundesrat) เป็นตัวแทนของรัฐสหพันธ์ (Bundesländer) ทั้งหลายของเยอรมนี และมีที่ตั้งที่อยู่ที่อาคาร Herrenhaus ซึ่งเคยเป็นสภาขุนนางของปรัสเซียในอดีต แม้กระทรวงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเบอร์ลิน แต่บางส่วน รวมถึงกรมเล็ก ๆ ก็ตั้งอยู่ที่บอนน์ เมืองหลวงเก่าของเยอรมนีตะวันตก สหภาพยุโรปลงทุนในหลายโครงการภายในเมืองเบอร์ลิน โดยส่วนใหญ่แล้วแผนงานด้านสาธารณูปโภค การศึกษา และสังคม จะได้ทุนสนับสนุนร่วมจากงบประมาณจากกองทุนเพื่อความเชื่อมแน่นของอียู (EU Cohesion Fund) งบประมาณรัฐประจำปีของเบอร์ลินใน พ.ศ. 2549 นั้นเกิน 20.5 พันล้านยูโร โดยมีงบขาดดุล 1.8 พันล้านยูโร สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรวมเมือง เบอร์ลินในฐานะรัฐเยอรมันมีหนี้สะสมมากกว่าเมืองใด ๆ ในเยอรมนี โดยมียอดประมาณการปัจจุบันอยู่ที่ 63 พันล้านยูโร ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549เขตการปกครอง เขตการปกครอง. เบอร์ลินแบ่งเป็นสิบสองเขตเทศบาล (Bezirke) โดยก่อนหน้าที่จะมีการปฏิรูปการปกครองของเบอร์ลินใน ค.ศ. 2001 เบอร์ลินเคยมี 23 เขตเทศบาล แต่ละเขตเทศบาลจะแบ่งเป็นตำบลย่อย ๆ (Stadtteile) ซึ่งแบ่งตามย่านชุมชนดั้งเดิม โดยบางเขตตำบลก็ถูกจัดใหม่หลายครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในปัจจุบันเบอร์ลินประกอบด้วยทั้งหมด 95 ตำบล ตำบลต่าง ๆ มักจะประกอบด้วย "ละแวกบ้าน" จำนวนหนึ่ง (มักเรียกว่า Kiez ในภาษาพูด) ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยเล็ก ๆ แต่ละเขตเทศบาลจะดูแลโดยสภาเทศบาล (Bezirksamt) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาเทศบาล (Bezirksstadträte) ห้าคน และนายกเทศมนตรี (Bezirksbürgermeister) หนึ่งคน สภาเทศบาลนั้นแต่งตั้งโดยสมัชชาเทศบาล (Bezirksverordnetenversammlung)เมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. เบอร์ลินรักษาความเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ 17 นคร การจับคู่เป็นเมืองแฝดกับเมืองอื่น ๆ นั้นเริ่มกับลอสแอนเจลิส ใน ค.ศ. 1967พันธมิตรของเบอร์ลินตะวันออกนั้นถูกยกเลิกไปเมื่อครั้งรวมประเทศเยอรมนี และได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นบางส่วนในภายหลัง ส่วนพันธมิตรของเบอร์ลินตะวันตกนั้นตั้งแด่เดิมถูกจำกัดให้อยู่ในระดับเทศบาล ระหว่างยุคสงครามเย็น พันธมิตรดังกล่าวได้สะท้อนถึงกลุ่มขั้วอำนาจ โดยเบอร์ลินตะวันตกจับมือกับเมืองหลวงในประเทศตะวันตก และเกือบจะทั้งหมดของเมืองเบอร์ลินตะวันออกจับคู่ด้วยจะเป็นเมืองจากกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอและพันธมิตร เบอร์ลินมีแผนงานร่วมร่วมกับนครต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น โคเปนเฮเกน เฮลซิงกิ โยฮันเนสเบิร์ก เซี่ยงไฮ้ โซล โซเฟีย ซิดนีย์ และเวียนนา เบอร์ลินเข้าร่วมในสมาคมนครนานาชาติต่าง ๆ เช่น สหพันธ์เมืองหลวงของสหภาพยุโรป (Union of the Capitals of the European Union) ยูโรซิตีส์ (Eurocities) เครือข่ายนครวัฒนธรรมยุโรป (Network of European Cities of Culture) เมโทรโพลิส (Metropolis), Summit Conference of the World's Major Cities, Conference of the World's Capital Cities.สถิติประชากร สถิติประชากร. ณ กันยายน พ.ศ. 2549 เบอร์ลินมีผู้อยู่อาศัยที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 3,402,312 คน ในพื้นที่ 891.82 ตร.กม. เขตพื้นที่มหานครเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์กมีประชากรประมาณ 4.3 ล้านคน ในพื้นที่ 5,370 ตร.กม. จากจำนวนผู้อยู่อาศัย 3.4 ล้านคน มี 463,723 คน (13.9%) ที่เป็นชาวต่างชาติ จาก 183 ประเทศ โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศตุรกี (116,665), โปแลนด์ (42,889), เซอร์เบียและมอนเตเนโกร (24,337), รัสเซีย (14,065), อิตาลี (14,026), สหรัฐอเมริกา (12,735), ฝรั่งเศส (11,776), โครเอเชีย (11,378), เวียดนาม (11,513), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (10,463), กรีซ (10,102), สหราชอาณาจักร (9,396), ยูเครน (8,667), ออสเตรีย (8,409), สเปน (5,962), ไทย (5,876), จีน (5,620) กลุ่มศาสนาที่ใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มที่ไม่นับถือศาสนา 60%, โปรเตสแตนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันอีแวนเจลิก) 23% (757,000), โรมันคาทอลิก 9% (312,000), อิสลาม 6% (213,000), ยิว 0.4% (12,000)เศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ใน พ.ศ. 2550, จีดีพีในรูปตัวเงินของนครรัฐเบอร์ลินมีอัตราเติบโต 1.8% (ประเทศเยอรมนี 2.5%) และมีมูลค่าทั้งหมด €81.7 ($114) พันล้าน ระหว่างทศวรรษหลังสุดนี้เบอร์ลินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญไปสู่เศรษฐกิจการบรีการ ก่อนการรวมเยอรมนีและเบอร์ลินใน พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) นั้น เบอร์ลินตะวันตกได้รับเงินอุดหนุนก้อนใหญ่จากทางการเยอรมนีตะวันตก เพื่อชดเชยการที่ถูกตัดขาดทางภูมิศาสตร์ออกจากเยอรมนีตะวันตก เงินอุดหนุนเหล่านั้นจำนวนมากได้ถูกยกเลิกไปหลัง พ.ศ. 2533 ฐานอุตสาหกรรมของอดีตเบอร์ลินตะวันออกได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงทศวรรษเดียว ทำให้นำไปสู่การเติบโตของจีดีพีที่หยุดนิ่ง และอัตราการว่างงานที่สูงจนกระทั่ง พ.ศ. 2548 หลังจากนั้นอัตราการว่างงานได้ค่อย ๆ ลดลงอย่างมั่นคง และถึงจุดที่ต่ำที่สุดในรอบ 13 ปี ที่ 13.6% ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศเยอรมนีอยู่ (7.5% มิ.ย. 2551) ในบรรดาบริษัทในรายการ Forbes Global 2000 และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนีนั้น, มีเพียง ซีเมนส์ (Siemens AG) และ ดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn) เท่านั้นที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบอร์ลิน อย่างไรก็ตามบริษัทเยอรมันและนานาชาติจำนวนมากได้ตั้งแผนกหรือสำนักงานบรีการระดับรองลงมาในเมืองดังกล่าว ในบรรดานายจ้าง 20 รายใหญ่สุด มีบริษัทรถไฟดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn AG), โรงพยาบาลชาริเต้ (Charité), ซีเมนส์, บริษัทขนส่งมวลชนท้องถิ่น เบเฟาเก (BVG), บริษัทผู้ให้บรีการ Dussmann และกลุ่ม Piepenbrock Group. เดมเลอร์ (เจ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์) ผลิตรถยนต์ และบีเอ็มดับเบิลยูผลิตรถจักรยานยนต์ในเบอร์ลิน ไบเออร์เชริ่ง ฟาร์มา และ Berlin Chemie เป็นบริษัทเภสัชกรรมสำคัญที่มีสำนักงานใหญ่ในเบอร์ลิน อุทยานวิทยาศาสตร์และธุรกิจใน Berlin-Adlershof เป็นหนึ่งใน 15 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก การวิจัยและพัฒนาได้นัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ และเบอร์ลินติดอันดับหนึ่งในสามเขตนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในสหภาพยุโรป ภาคที่โตอย่างรวดเร็วคือ คมนาคม, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, การเคลื่อนย้ายและบรีการที่มีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, สื่อและดนตรี, โฆษณาและออกแบบ, บรีการสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีชีวภาพ, การขนส่ง, และวิศวกรรมการแพทย์ เบอร์ลินเป็นหนึ่งในนครการประชุมและแสดงสินค้าของโลก และเป็นบ้านของศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นั่นคือ Internationales Congress Centrum (ICC). นี่ช่วยเสริมภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีโรงแรม 592 แห่ง 90,700 เตียง จำนวนเข้าพัก 17.3 ล้านคืน และแขกโรงแรม 7.5 ล้านคนในปี พ.ศ. 2550 เบอร์ลินได้สถาปนาตัวเองกลายเป็นเมืองที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป.สื่อ สื่อ. เบอร์ลินเป็นบ้านของสถานีวิทยุโทรทัศน์จำนวนมาก ทั้งระดับนานาชาติ ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น สำนักงานใหญ่ขององค์กรกระจายเสียงสาธารณะ RBB (Rundfunk Berlin-Brandenburg) ตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทกระจายเสียงเชิงพาณิชย์ เอ็มทีวียุโรป, VIVA, TVB, FAB, N24 และ Sat.1. องค์กรกระจายเสียงสาธารณะนานาชาติของเยอรมนี Deutsche Welle มีหน่วยผลิตรายการโทรทัศน์ในเบอร์ลิน นอกจากนี้ผู้กระจายเสียงระดับชาติเกือบทั้งหมดก็มีสตูดิโออยู่ในเมืองนี้ เบอร์ลินมีจำนวนหนังสือพิมพ์รายวันมากที่สุดในเยอรมนี โดยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นขนาดบรอดชีตที่มียอดขายจำนวนมาก (Berliner Zeitung, Der Tagesspiegel), และแท็บลอยด์รายใหญ่สามหัว รวมถึงหนังสือพิมพ์รายวันระดับชาติในขนาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหัวก็มีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น Die Welt, Junge Welt, Neues Deutschland และ Die Tageszeitung นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จำนวนหนึ่งก็ตีพิมพ์ที่นี่ (Junge Freiheit) และเบอร์ลินยังมีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ทางเลือกอีกสามหัวที่เน้นเรื่องวัฒนธรรมและการบันเทิง นิตยสารรายเดือน Exberliner เป็นวารสารภาษาอังกฤษฉบับเดียวของเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์ภาษาเยอรมันรายใหญ่สองราย: Walter de Gruyter และ Springer ซึ่งแต่ละรายนั้นตีพิมพ์หนังสือ วารสาร และผลิตภัณฑ์มัลติมีเดีย เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เยอรมันและยุโรป มันเป็นบ้านของบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์มากกว่าหนึ่งพันบริษัท, โรงภาพยนตร์ 270 โรง, และมีภาพยนตร์ที่ผลิตระดับชาติและร่วมผลิตระดับนานาชาติ 300 เรื่องถ่ายทำในบริเวณเบอร์ลินทุกปี กลุ่มสตูดิโอบาเบลสแบร์กและบริษัทสร้างภาพยนตร์ Universum Film AG นั้นตั้งอยู่ในเมืองพอทสดัมติดกับเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งของยูโรเปียนฟิล์มอะคาเดมีและเยอรมันฟิล์มอะคาเดมี และเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินประจำปีการศึกษา การศึกษา. เขตเมืองหลวงเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์กเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุดมศึกษาและการวิจัยที่โดดเด่นที่สุดของสหภาพยุโรป เบอร์ลินมีมหาวิทยาลัยสี่แห่ง และวิทยาลัยเอกชน วิทยาลัยอาชีพ และวิทยาลัยเทคนิค (Fachhochschule) อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสนอสาขาวิชาที่หลากหลายให้กับนักศึกษา นักศึกษาประมาณ 130,000 คนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีพหรือวิทยาลัยเทคนิค มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดสามแห่ง มีจำนวนนักศึกษารวมประมาณ 100,000 คน มหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้แก่ มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin) (35,000 คน) มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ทแห่งเบอร์ลิน (35,000) และ มหาวิทยาลัยเทคนิกแห่งเบอร์ลิน (30,000) ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะเบอร์ลิน มีนักศึกษาราว 4,300 คน เบอร์ลินมีจำนวนสถาบันวิจัยหนาแน่น เช่นสถาบันวิจัยในเครือ สมาคมฟรอนโฮเฟอร์ และ สมาคมมักซ์ พลังค์ ซึ่งเป็นอิสระจากมหาวิทยาลัยที่สังกัด หรือเพียงเชื่อมกันอย่างหลวม ๆ เท่านั้น ในเมืองมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนทั้งหมด 62,000 คน ทำงานในด้านวิจัยและพัฒนา นอกจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้ว เบอร์ลินยังมีหอสมุดรัฐ ชตัตบิบลิโอเทค ซู แบร์ลิน (Staatsbibliothek zu Berlin) ซึ่งเป็นห้องสมุดวิจัยที่สำคัญ หอสมุดนี้มีที่ตั้งหลักสองแห่ง: หนึ่งแห่งใกล้กับพอทสดัมเมอร์ พลาทซ์ บนถนนพอทสดัมเมอร์สตราเซอร์ และอีกแห่งบนถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน ในเมืองมีห้องสมุดสาธารณะทั้งหมด 108 แห่ง เบอร์ลินมีโรงเรียน 878 แห่ง สอนนักเรียน 340,658 คน ใน 13,727 ชั้นเรียน และมี 56,787 ผู้รับการฝึกงานในภาคธุรกิจและภาคอื่น ๆ เมืองมีแผนการศึกษาขั้นพื้นฐานหกปี หลังจากจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว นักเรียนจะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมหนึ่งในสี่ประเภทต่ออีกหกปี ประเภทของโรงเรียนเหล่านี้ได้แก่ ฮัปชูเลอ (Hauptschule), เรอาลชูเลอ (Realschule), กิมนาซิอุม (Gymnasium), หรือ เกซามชูเลอ (Gesamtschule) เบอร์ลินมีแผนการศึกษาสองภาษาที่ไม่เหมือนใครบรรจุอยู่ในโรงเรียน "ออยโรปาชูเลอ" (Europaschule) ในโรงเรียนเหล่านี้นักเรียนจะเรียนในหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและภาษาต่างชาติ ซึ่งสามารถเลือกได้จาก 9 ภาษาหลักของยุโรป ในโรงเรียน 29 แห่งซึ่งกระจายอยู่ในเกือบทุกเขตเทศบาลวัฒนธรรม วัฒนธรรม. เบอร์ลินมีชื่อเสียงเรื่องสถาบันด้านวัฒนธรรมที่มีเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เบอร์ลินมีสภาพแวดล้อมศิลปะที่หลากหลายมาก มีหอศิลป์หลายร้อยแห่ง ทุกปีจะมีการจัดงาน Art Forum งานแสดงศิลปะนานาชาติ ซึ่งเน้นที่ศิลปะร่วมสมัย ศิลปินเยอรมันและนานาชาติรุ่นใหม่ยังคงย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ และเบอร์ลินก็ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมป๊อปและ youth cutlure ของยุโรป สัญญาณหลายอย่างของการขยายตัวนี้มาจากการประกาศใน พ.ศ. 2546 ว่างาน Popkomm งานชุมนุมอุตสาหกรรมดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจะย้ายไปจัดที่เบอร์ลิน, หลังจากจัดที่โคโลญมาเป็นเวลา 15 ปี หลังจากนั้นไม่นาน ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป และ MTV ก็ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปและสตูดิโอหลักของตนมายังริมฝั่งแม่น้ำสปรีในย่านฟรีดริชชายน์. ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เบอร์ลินได้ขึ้นบัญชีเมืองแห่งการออกแบบ (City of Design) ของยูเนสโก.ชีวิตกลางคืนและเทศกาล ชีวิตกลางคืนและเทศกาล. เบอร์ลินมีชีวิตกลางคืนที่หลากหลายและมีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายลงใน ค.ศ. 1989 อาคารจำนวนมากในเขตมิทเท่อ (Mitte) อดีตใจกลางเมืองของเบอร์ลินตะวันออก ได้ถูกซ่อมแซมใหม่ อาคารจำนวนมากไม่เคยถูกรื้อสร้างใหม่เลยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเหล่านี้ถูกจับจองอย่างผิดกฎหมายโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว และกลายเป็นแหล่งชุมนุมบ่มเพาะวัฒนธรรมใต้ดินและวัฒนธรรมต่อต้าน (counter-culture) สารพัดรูปแบบ ย่านมิทเท่อเป็นที่ตั้งของไนท์คลับจำนวนมาก รวมถึงคุนสท์เฮาส์ทาเชเลส (Kunst Haus Tacheles), คลับเทคโนอย่าง Tresor, WMF, Ufo, E-Werk, และที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดีนักคือ Kitkatclub กับ Berghain คลับ Linientreu ใกล้กับโบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม (Kaiser-Wilhelm-Gedächtniskirche หรือที่ชาวไทยในเบอร์ลินนิยมเรียกว่า "โบสถ์หัก") นั้นโด่งดังในเรื่องดนตรีเทคโนมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 ดิสโกเธค LaBelle ในฟริเดเนา (Friedenau) ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ ๆ ทหารอเมริกันชอบไปเที่ยว มีชื่อเสียงโด่งดังจากเหตุการณ์วางระเบิดก่อการร้ายใน ค.ศ. 1986 ร้าน SO36 ในครอยซ์แบร์ก (Kreuzberg) ที่เดิมเน้นดนตรีพังก์เป็นส่วนใหญ่ ก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเต้นรำและสังสรรค์ทุกรูปแบบ ร้าน SOUND ที่เคยตั้งอยู่ที่เทียร์การ์เทนช่วง ค.ศ. 1971 - 1988 และปัจจุบันอยู่ที่ชาร์ลอตเทนบวร์ก (Charlottenburg) ได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ด้วยมันเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้เฮโรอีนและยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ดังที่พรรณนาไว้ในหนังสือ Wir Kinder vom Bahnhof Zoo ของ Christiane F. งานเฉลิมฉลอง คาร์นิวาลแดร์คูลทัวเรน (Karneval der Kulturen - งานเฉลิมฉลองวัฒนธรรม) - ขบวนแห่บนถนนของนานาชาติพันธุ์ จัดขึ้นทุกปี ในช่วงสุดสัปดาห์เทศกาลสมโภชพระจิตเจ้า (50 วันหลังวันอาทิตย์อีสเตอร์) และ คริสโตเฟอร์สตรีทเดย์ - ไพรด์พาเรดของเกย์-เลสเบี้ยนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนกลาง ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากรัฐบาลเมือง เบอร์ลินยังเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับงานเฉลิมฉลองดนตรีเทคโน เลิฟพาเหรด (Love Parade) และเทศกาลทางวัฒนธรรม แบร์ลีเนอร์เฟสสปีล (Berliner Festspiele) ซึ่งมีเทศกาลแจ๊ส แจ๊สเฟส แบร์ลีน (JazzFest Berlin) เป็นส่วนหนึ่งละครน้ำเน่าละครน้ำเน่า. - Staatsoper - Deutsches Theater - Admiralspalast - Berliner Ensemble - Friedrichstadt-Palast - Maxim-Gorki-Theater - Theater des Westens - Theater und Komödie am Kurfürstendamm - Deutsche Oper - Komische Oper - Renaissance Theaterพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์. เบอร์ลินเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ 153 แห่ง กลุ่มพิพิธภัณฑ์บนเกาะพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นมรดกโลกของยูเนสโก ตั้งอยู่ทางส่วนเหนือของเกาะสปรี ระหว่างแม่น้ำสปรีและ Kupfergraben ตั้งแต่ ค.ศ. 1841 อย่างเร็วที่สุด มันถูกกำหนดให้เป็น “เขตที่อุทิศให้กับศิลปะและวัตถุโบราณ” โดยพระราชกฤษฎีกา ในเขตดาห์เลม มีพิพิธภัณฑ์อยู่จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะอินเดีย, พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียตะวันออก, พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา, พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมยุโรป, รวมถึง พิพิธภัณฑ์ฝ่ายพันธมิตร (พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามเย็น) และ พิพิธภัณฑ์บรึคเค่อ (Brücke Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ในลิชเทนแบร์ก ซึ่งเป็นที่มั่นของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของอดีตเยอรมนีตะวันออก หรือ สตาซี่ (Stasi) นั้น ก็มีพิพิธภัณฑ์สตาซี่ จุดตรวจเช็คพอยท์ชาร์ลียังคงตั้งอยู่ที่เดิม และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับหนึ่งในจุดข้ามแดนหลายแห่งในกำแพงเบอร์ลิน โดยพิพิธภัณฑ์นี้ดำเนินงานโดยเอกชน แสดงวัตถุที่เกี่ยวกับผู้คนที่พยายามวางแผนต่าง ๆ เพื่อหลบหนีออกจากฝั่งตะวันออก ส่วน Beate Uhse Erotic Museum อยู่ใกล้สถานีรถไฟสวนสัตว์เบอร์ลิน ซึ่งอ้างว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อีโรติกที่ใหญ่ที่สุดในโลกกีฬา กีฬา. เบอร์ลินเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 และเป็นเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ โดยแข่งที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน เบอร์ลิน เมืองมีสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร สโมสรที่ใหญ่ที่สุดคือ แฮร์ธา เบอร์ลิน ซึ่งปัจจุบัน (ฤดูกาล 2006-7) เล่นในลีกบุนเดสลีกาสาธารณูปโภค สาธารณูปโภค. เบอร์ลินได้พัฒนาระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานที่ซับซ้อนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงคราม เบอร์ลินตะวันตกถูกตัดขาดออกจากดินแดนโดยรอบ และจำเป็นต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของตนเอง ในระหว่างนั้นเอง รัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกก็ได้ก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงเพื่อให้การจราจรอ้อมเบอร์ลินตะวันตกไปได้ การกลับมารวมกันของเบอร์ลินตะวันออกและตะวันตก ได้นำไปสู่การรวมกันของระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานของเบอร์ลินเข้ากับระบบของเขตรอบ ๆ อีกครั้ง เบอร์ลินมีสะพาน 979 แห่ง มีถนนยาวรวมกันทั้งหมด 5,334 กม. ในจำนวนนี้เป็นทางหลวง 66 กม. ใน ค.ศ. 2004 มียานพาหนะจดทะเบียนในเมืองจำนวน 1.428 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงแท็กซี่ 6,800 คน สายรถไฟระยะไกลเชื่อมเบอร์ลินกับเมืองใหญ่ทุกเมืองในเยอรมนีและกับหลายเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน สายรถไฟท้องถิ่นเชื่อมเมืองกับบริเวณบรานเดนบวร์กและเยอรมนีตะวันออกการคมนาคม การคมนาคม. ระบบขนส่งมวลชนภายในเบอร์ลิน ประกอบด้วย เอส-บาห์น (S-Bahn รถไฟเขตเมือง) ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทเอส-บาห์น เบอร์ลิน (S-Bahn Berlin GmbH) และ อู-บาห์น (รถไฟใต้ดิน U-Bahn), รถราง (Straßenbahn), รถเมล์, และเรือข้ามฟาก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทระบบขนส่งเบอร์ลิน หรือ เบเฟาเก (Berliner Verkehrsbetriebe - BVG) เอส-บาห์นนั้นโดยส่วนใหญ่วิ่งอยู่เหนือดิน ส่วนอู-บาห์นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน สตาสเซ่นบาห์น หรือ รถราง นั้นเกือบทั้งหมดจะวิ่งอยู่ในเขตตะวันออกของเมือง รถเมล์ให้บรีการเชื่อมเขตรอบนอกเข้ากับใจกลางเมือง และเชื่อมกับเอส-บาห์นและอู-บาห์น ขนส่งมวลชนแทบทุกชนิด ยกเว้นเรือข้ามฟากบางสาย ใช้ตั๋วโดยสารร่วมกันได้ โดยปกติแล้วผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงหรือตอกตั๋ว ยกเว้นบนรถเมล์ - อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงานนอกเครื่องแบบคอยสุ่มตรวจเป็นประจำ โดยจะขึ้นมาในห้องโดยสารแล้วเรียกขอดูตั๋วจากผู้โดยสารทุกคน ใครก็ตามที่ไม่มีตั๋วที่ถูกต้อง จะถูกปรับเป็นเงิน 40 ยูโร เบอร์ลินมีสนามบินพาณิชย์สามแห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติเทเกล (Tegel - TXL), ท่าอากาศยานนานาชาติเทมเปิลโฮฟ (Tempelhof - THF), และ ท่าอากาศยานนานาชาติเชินเนอเฟลด์ (Schönefeld - SXF) ในปี พ.ศ. 2549 สนามบินสามแห่งนี้ให้บรีการผู้โดยสาร 18.5 ล้านคนสู่ 155 จุดหมายปลายทาง โดย 118 แห่งในนั้นอยู่ในยุโรป ท่าอากาศยานเชินเนอเฟลด์กำลังอยู่ในการก่อสร้างเพิ่มเติม และเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็น ท่าอากาศยานนานาชาติเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์ก (Flughafen Berlin Brandenburg „Willy Brandt“ – BER) โดยท่าอากาศยานเทเกลและเทมเปิลโฮฟจะปิดตัวลงหลังจาก BBI เปิดใช้คำพูดถึงเบอร์ลิน คำพูดถึงเบอร์ลิน. „Ich bin ein Berliner.“ ("ผมเป็นชาวเบอร์ลิน") จากประโยคเต็ม "All free men, wherever they may live, are citizens of Berlin, and, therefore, as a free man, I take pride in the words 'Ich bin ein Berliner'." ("เสรีชนทั้งหลาย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่แห่งใด ล้วนเป็นพลเมืองของเบอร์ลิน และดังนั้น ในฐานะเสรีชนผู้หนึ่ง ผมภูมิใจในคำว่า 'ผมเป็นชาวเบอร์ลิน'") „Berlin ist arm, aber sexy.“ ("เบอร์ลินจน แต่เซ็กซี่") „Ihr Völker der Welt ... schaut auf diese Stadt!“ ("ชาวโลกทั้งหลาย ... มองที่เมืองแห่งนี้สิ!") „Ich hab noch einen Koffer in Berlin“ ("ฉันยังมีกระเป๋าเสื้อผ้าอีกใบอยู่ที่เบอร์ลิน") „Berlin ist eine Stadt, verdammt dazu, ewig zu werden, niemals zu sein“ ("เบอร์ลินเป็นเมืองที่อยู่ในสภาพ 'กำลังจะเป็น' อยู่เสมอ และไม่เคย 'เป็น' เลย") “Berlin combines the culture of New York, the traffic system of Tokyo, the nature of Seattle, and the historical treasures of, well, Berlin.” ("เบอร์ลินผสมวัฒนธรรมของนิวยอร์ก ระบบจราจรของโตเกียว ธรรมชาติของซีแอตเทิล และขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ของ, อืม, เบอร์ลิน")
เมืองหลวงของประเทศเยอรมนีมีชื่อว่าอะไร
{ "answer": [ "เบอร์ลิน" ], "answer_begin_position": [ 88 ], "answer_end_position": [ 96 ] }
1,248
6,357
เบอร์ลิน เบอร์ลิน ( แบร์ลีน) เป็นเมืองหลวงและรัฐหนึ่งในสิบหกรัฐสหพันธ์ของประเทศเยอรมนี มีประชากร 3.4 ล้านคนในเขตเมือง มากที่สุดในเยอรมนี และมากเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป เป็นศูนย์กลางของเขตนครหลวงเบอร์ลิน-บรานเดนบูร์ก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี มีประชากรในเขตนครหลวงรวม 1คนจาก 1ชาติ มากเป็นอันดับเก้าในสหภาพยุโรป เบอร์ลินเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่มีอิทธิพลที่สุดของยุโรป ในด้านการเมือง วัฒนธรรม สื่อสารมวลชน และวิทยาการ เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของการคมนาคมทางอากาศและทางรางของทวีป พื้นฐานเศรษฐกิจของเมืองคือธุรกิจบริการอันหลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย อุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ บริษัทด้านสื่อ การบรีการสิ่งแวดล้อม ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามของยุโรป อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึง วิศวกรรมจราจร ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ไอที อุตสาหกรรมยานยนต์ สุขภาพ วิศวกรรมชีวการแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพ มหานครแห่งนี้เป็นบ้านของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย การแข่งขันกีฬา ออร์เคสตรา พิพิธภัณฑ์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมาก ภูมิทัศน์นครและมรดกทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินทำให้มันนิยมถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ นครแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาล สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะแนวทดลอง (อาวองการ์ด) ชีวิตกลางคืน และคุณภาพชีวิต ในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมาเบอร์ลินได้วิวัฒน์ไปสู่จุดรวมของปัจเจกชนและศิลปินหนุ่มสาวมากมายหลากหลายชาติจากทั่วโลก ที่ถูกดึงดูดด้วยวิถีชีวิตแบบเสรีและจิตวิญญาณแห่งกาลเวลาสมัยใหม่ (modern zeitgeist)ประวัติ ประวัติ. เบอร์ลินตั้งอยู่บนแม่น้ำสปรีและฮาเฟลทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ห้อมล้อมด้วยรัฐบรานเดนบวร์ก มีพื้นที่ 891.75 ตารางกิโลเมตร ในสมัยก่อน เบอร์ลินเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบรานเดนบวร์กก่อนจะแยกการปกครองออกเป็นนครรัฐต่างหากรัฐหนึ่ง ชื่อ Berlin ซึ่งออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า และในภาษาเยอรมันว่า นั้นไม่ทราบแหล่งที่มา แต่อาจเกี่ยวข้องกับหน่วยคำภาษาโปลาเบียนเก่า berl-/birl- ซึ่งหมายถึง "หนองน้ำ" เบอร์ลินได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยได้เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรปรัสเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1701), จักรวรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1871-1918), สาธารณรัฐไวมาร์ (ค.ศ. 1919-1932) และจักรวรรดิที่สาม (ค.ศ. 1933-1945)คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 19 คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 19. สงครามสามสิบปีระหว่าง ค.ศ. 1618 และ 1648 ทำให้เบอร์ลินได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง บ้านเรือนหนึ่งในสามเสียหาย และประชากรลดเหลือครึ่งเดียว เฟรเดอริก วิลเลียม “เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่” ซึ่งสืบอำนาจเป็นผู้ปกครองต่อจาก จอร์จ วิลเลียม ผู้บิดาใน ค.ศ. 1640 ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมการอพยพย้ายถิ่นและเสรีภาพในการนับถือศาสนา ด้วยกฤษฎีกาแห่งพอทสดัม (Edict of Potsdam) ใน ค.ศ. 1685 เฟรเดอริกได้เสนอที่ลี้ภัยให้กับพวกฮิวเกอโนต์ซึ่งเป็นพวกโปรเตสแตนท์ชาวฝรั่งเศส ฮิวเกอโนต์มากกว่า 15,000 คนได้มายังบรานเดนบวร์ก ในจำนวนนั้น 6,000 คนตั้งถิ่นฐานในเบอร์ลิน ใน ค.ศ. 1700 ประมาณร้อยละยี่สิบของผู้อยู่อาศัยในเบอร์ลินเป็นชาวฝรั่งเศส และอิทธิพลทางวัฒนธรรมของพวกเขาแก่เมืองนั้นมีมหาศาล ผู้อพยพอื่น ๆ จำนวนมากมาจากโบฮีเมีย โปแลนด์ และซาลซ์บูร์กคริสต์ศตวรรษที่ 20 คริสต์ศตวรรษที่ 20. หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองเบอร์ลินถูกแยกเป็นสองส่วน ระหว่างปี พ.ศ. 2492-2533 คือ เบอร์ลินตะวันออก และ เบอร์ลินตะวันตก ฝั่งตะวันออกปกครองโดยสหภาพโซเวียต ส่วนฝั่งตะวันตกปกครองโดย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส โดยในช่วงแรก การแบ่งเขตเป็นไปอย่างไม่เคร่งเครียดนัก ประชาชนของทั้งสองฝั่งสามารถไปมาหาสู่กันได้ จนกระทั่งสงครามเย็นถึงจุดตึงเครียด รัฐบาลเบอร์ลินตะวันออกได้สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นเมื่อ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตก ตัดขาดสองฝั่งของเมืองออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ช่วงที่เยอรมนียังถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ ประเทศเยอรมนีตะวันออกถือเอาเบอร์ลินตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตน (แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากชาติพันธมิตรตะวันตก) ส่วนเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีตะวันตกคือบอนน์ (และโดยฐานะอย่างเป็นทางการแล้ว เบอร์ลินตะวันตกก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันตก) หลังจากการรวมประเทศเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2533 เบอร์ลินก็กลับมาเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีอีกครั้งหนึ่งภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. เบอร์ลินตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของเยอรมนี ประมาณ 70 กม. (44 ไมล์) ทางตะวันตกของพรมแดนโปแลนด์ ภูมิประเทศของเบอร์ลินนั้นถูกกัดเซาะให้เป็นอย่างปัจจุบันโดยธารน้ำแข็งระหว่างยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด ใจกลางเมืองทอดตัวตามแนวแม่น้ำสปรี ในหุบเขาธารน้ำแข็งโบราณเบอร์ลิน-วอร์ซอ (Berlin-Warsaw Urstromtal) ซึ่งก่อตัวโดยน้ำที่ไหลละลายจากธารน้ำแข็งในตอนสิ้นสุดยุคน้ำแข็งครั้งล่าสุด หุบเขาธารน้ำแข็งโบราณดังกล่าวทอดตัวระหว่างที่ราบสูงบาร์นิมตอนล่าง (low Barnim) ไปทางเหนือ และที่ราบสูงเทลโทว์ (Teltow) ไปทางใต้ แม่น้ำสปรีบรรจบกับแม่น้ำฮาเฟล ที่เขตสปันเดา ทางตะวันตกสุดของเบอร์ลิน โดยไหลจากทางตอนเหนือไปทางตอนใต้ผ่านเบอร์ลินตะวันตก เส้นทางของแม่น้ำฮาเฟลนั้นเหมือนกับทะเลสาบที่เชื่อมกัน โดยแห่งที่ใหญ่ที่สุดคือ ทะเลสาบเทเกเลอร์เซ (Tegeler See) และ โกรซเซอร์วานเซ (Großer Wannsee) มีชุดทะเลสาบจำนวนหนึ่งไหลสู่แม่น้ำสปรีตอนบนเช่นกัน โดยไหลผ่านทะเลสาบโกรซเซอร์มึงเกิลเซ (Großer Müggelsee) ในเบอร์ลินตะวันออกภูมิทัศน์ ภูมิทัศน์. หน้าตาของนครเบอร์ลินในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากบทบาทนำของมันในประวัติศาสตร์เยอรมนีในคริสต์ศตวรรษที่ 20 รัฐบาลแห่งชาติแต่ละชุดล้วนตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ — จักรวรรดิเยอรมัน ค.ศ. 1871, สาธารณรัฐไวมาร์, นาซีเยอรมนี, เยอรมนีตะวันออก และเยอรมนีในปัจจุบันที่รวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง — ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างอันทะเยอทะยานมากมาย แต่ละโครงการล้วนมีคุณลักษณะโดดเด่นในตัวเอง เบอร์ลินถูกทำลายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดหลายครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเก่าหลายหลังที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดดังกล่าวได้ถูกรื้อถอนในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 และ 1960 ทั้งในฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก การรื้อถอนดังกล่าวจำนวนมากริเริ่มโดยโครงการสถาปัตยกรรมระดับเทศบาล เพื่อสร้างย่านที่พักอาศัยหรือย่านธุรกิจและถนนสายหลัก ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครเหมือนของเบอร์ลินได้ก่อร่างสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์อันน่าตื่นตาของเมืองแห่งนี้ ในฝั่งตะวันออก เราจะพบอาคาร "พลาทเทนเบา" (Plattenbau เป็นอาคารที่ส่วนต่าง ๆ ถูกสร้างสำเร็จจากที่อื่นและถูกขนมาประกอบ ณ ที่ก่อสร้าง) จำนวนมาก ซึ่งหวนให้นึกถึงความทะเยอทะยานของโลกตะวันออก (Eastern Bloc) ที่จะสร้างบริเวณที่พักอาศัยอันสมบูรณ์แบบ ด้วยสัดส่วนคงที่ของร้านค้า สถานเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน ความต่างเล็กน้อยระหว่างฝั่งตะวันออกเดิมและฝั่งตะวันตกเดิมอีกอย่างก็คือการออกแบบตัวคนสีเขียวสีแดงในไฟจราจรที่ทางข้ามถนน (อัมเพิลแมนเชน Ampelmännchen ในภาษาเยอรมัน); แบบของฝั่งตะวันออกนั้นถูกคงเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ในระหว่างการเปลี่ยนสัญญาณจราจรทั่วเยอรมนีให้เป็นแบบเดียวกันหมดภายหลังการรวมประเทศ อัมเพิลแมนเชนแบบตะวันออกนั้นในปัจจุบันถูกใช้ในฝั่งตะวันตกของเมืองเช่นกันสภาพอากาศ สภาพอากาศ. อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีของเบอร์ลินอยู่ที่ 9.4 °C และมีระดับน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีที่ 578 มม. เดือนที่อุ่นที่สุดคือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม โดยมีอุณหภูมิระหว่าง 16.7 ถึง 17.9 °C และหนาวที่สุดในเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ ระหว่าง −0.4 ถึง 1.2 °C พื้นที่สิ่งปลูกสร้างของเบอร์ลินนั้นสร้างสภาพอากาศประจำถิ่น (ไมโครไคลเมต) ความร้อนจะถูกกักเก็บไว้ในอาคารต่าง ๆ อุณหภูมิในเมืองอาจสูงกว่าบริเวณรอบ ๆ อยู่ 4 °C ตามระบบแบ่งภูมิอากาศแบบเคิปเปน สภาพอากาศของเบอร์ลินเป็นแบบภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น (Cfb)สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม. หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (Fernsehturm) ที่อเล็กซานเดอร์พลัทซ์ ในเขตมิทเทอ สูง 368 เมตร เป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป สร้างในปี ค.ศ. 1969 เราสามารถมองเห็นหอนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง ในหอที่ระดับความสูง 204 เมตร มีชั้นสังเกตการณ์มุมสูงซึ่งเราสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองได้ จากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนน คาร์ล มาร์กซ์ อัลลี (Karl-Marx-Allee) ซึ่งทอดตัวไปทางทิศตะวันออก ตามแนวถนนนี้เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เตือนให้ระลึกอดีต อาคารเหล่านี้ออกแบบในแนวคลาสสิกสังคมนิยม (Socialist Classicism Style) ของยุคสตาลิน ติดกับพื้นที่หอโทรทัศน์นั้นคืออาคารที่ว่าการเมือง มีชื่อว่า Rotes Rathaus (ที่ว่าการเมืองสีแดง) ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิฐแดงของมัน ด้านหน้าของที่ว่าการเมืองมีน้ำพุเนปจูน Neptunbrunnen ซึ่งเป็นน้ำพุที่ประดับด้วยฉากจากตำนานเทพปกรณัม อีสท์ไซด์แกลลอรี (East Side Gallery) เป็นนิทรรศการกลางแจ้งของงานศิลปะที่วาดลงไปโดยตรงบนส่วนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของกำแพงเบอร์ลิน มันเป็นหลักฐานของการแบ่งแยกเมืองในสมัยก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ชิ้นใหญ่ที่สุด มันเพิ่งจะบูรณะเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ยูเนสโกได้ประกาศให้โครงการที่พักอาศัยแนวสมัยใหม่นิยมในเบอร์ลินหกแห่งเป็นมรดกโลก กลุ่มอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวสร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ช่วงปี ค.ศ. 1913 - 1934 ในสมัยสาธารณรัฐไวมาร์ กลุ่มอาคารซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกอาวองการ์ด บรูโน เทาต์ มาร์ติน วากเนอร์ วอลเตอร์ โกรเปียส และ ฮันส์ ชาเราน์ เหล่านี้ ได้กลายเป็นตัวแบบของที่พักเพื่อสังคม ซึ่งได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยชนชั้นกรรมาชีพที่มีรายได้น้อย และปฏิรูปความคิดด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม และการผังเมือง อาคารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอพาร์ตเมนต์สมัยใหม่รุ่นแรกของโลก ที่มีครัว ห้องน้ำ ระเบียง และหน้าต่างที่ใหญ่เพียงพอ จากมรดกโลกจำนวนทั้งหมด 850 แห่ง อาคารเหล่านี้เป็นหนึ่งในเพียง 21 แห่งจากยุคสมัยใหม่การปกครอง การปกครอง. เบอร์ลินเป็นเมืองหลวงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีแห่งเยอรมนี ซึ่งมีที่อาศัยอย่างเป็นทางการที่วัง Schloss Bellevue ตั้งแต่การรวมเยอรมนีเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2533 เบอร์ลินก็กลายเป็นหนึ่งในสามนครรัฐ เคียงคู่กับ ฮัมบูร์ก และ เบรเมน, ในทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี สภาสหพันธ์ (Bundesrat) เป็นตัวแทนของรัฐสหพันธ์ (Bundesländer) ทั้งหลายของเยอรมนี และมีที่ตั้งที่อยู่ที่อาคาร Herrenhaus ซึ่งเคยเป็นสภาขุนนางของปรัสเซียในอดีต แม้กระทรวงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเบอร์ลิน แต่บางส่วน รวมถึงกรมเล็ก ๆ ก็ตั้งอยู่ที่บอนน์ เมืองหลวงเก่าของเยอรมนีตะวันตก สหภาพยุโรปลงทุนในหลายโครงการภายในเมืองเบอร์ลิน โดยส่วนใหญ่แล้วแผนงานด้านสาธารณูปโภค การศึกษา และสังคม จะได้ทุนสนับสนุนร่วมจากงบประมาณจากกองทุนเพื่อความเชื่อมแน่นของอียู (EU Cohesion Fund) งบประมาณรัฐประจำปีของเบอร์ลินใน พ.ศ. 2549 นั้นเกิน 20.5 พันล้านยูโร โดยมีงบขาดดุล 1.8 พันล้านยูโร สาเหตุใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรวมเมือง เบอร์ลินในฐานะรัฐเยอรมันมีหนี้สะสมมากกว่าเมืองใด ๆ ในเยอรมนี โดยมียอดประมาณการปัจจุบันอยู่ที่ 63 พันล้านยูโร ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549เขตการปกครอง เขตการปกครอง. เบอร์ลินแบ่งเป็นสิบสองเขตเทศบาล (Bezirke) โดยก่อนหน้าที่จะมีการปฏิรูปการปกครองของเบอร์ลินใน ค.ศ. 2001 เบอร์ลินเคยมี 23 เขตเทศบาล แต่ละเขตเทศบาลจะแบ่งเป็นตำบลย่อย ๆ (Stadtteile) ซึ่งแบ่งตามย่านชุมชนดั้งเดิม โดยบางเขตตำบลก็ถูกจัดใหม่หลายครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในปัจจุบันเบอร์ลินประกอบด้วยทั้งหมด 95 ตำบล ตำบลต่าง ๆ มักจะประกอบด้วย "ละแวกบ้าน" จำนวนหนึ่ง (มักเรียกว่า Kiez ในภาษาพูด) ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยเล็ก ๆ แต่ละเขตเทศบาลจะดูแลโดยสภาเทศบาล (Bezirksamt) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาเทศบาล (Bezirksstadträte) ห้าคน และนายกเทศมนตรี (Bezirksbürgermeister) หนึ่งคน สภาเทศบาลนั้นแต่งตั้งโดยสมัชชาเทศบาล (Bezirksverordnetenversammlung)เมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. เบอร์ลินรักษาความเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ 17 นคร การจับคู่เป็นเมืองแฝดกับเมืองอื่น ๆ นั้นเริ่มกับลอสแอนเจลิส ใน ค.ศ. 1967พันธมิตรของเบอร์ลินตะวันออกนั้นถูกยกเลิกไปเมื่อครั้งรวมประเทศเยอรมนี และได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นบางส่วนในภายหลัง ส่วนพันธมิตรของเบอร์ลินตะวันตกนั้นตั้งแด่เดิมถูกจำกัดให้อยู่ในระดับเทศบาล ระหว่างยุคสงครามเย็น พันธมิตรดังกล่าวได้สะท้อนถึงกลุ่มขั้วอำนาจ โดยเบอร์ลินตะวันตกจับมือกับเมืองหลวงในประเทศตะวันตก และเกือบจะทั้งหมดของเมืองเบอร์ลินตะวันออกจับคู่ด้วยจะเป็นเมืองจากกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอและพันธมิตร เบอร์ลินมีแผนงานร่วมร่วมกับนครต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น โคเปนเฮเกน เฮลซิงกิ โยฮันเนสเบิร์ก เซี่ยงไฮ้ โซล โซเฟีย ซิดนีย์ และเวียนนา เบอร์ลินเข้าร่วมในสมาคมนครนานาชาติต่าง ๆ เช่น สหพันธ์เมืองหลวงของสหภาพยุโรป (Union of the Capitals of the European Union) ยูโรซิตีส์ (Eurocities) เครือข่ายนครวัฒนธรรมยุโรป (Network of European Cities of Culture) เมโทรโพลิส (Metropolis), Summit Conference of the World's Major Cities, Conference of the World's Capital Cities.สถิติประชากร สถิติประชากร. ณ กันยายน พ.ศ. 2549 เบอร์ลินมีผู้อยู่อาศัยที่ขึ้นทะเบียนจำนวน 3,402,312 คน ในพื้นที่ 891.82 ตร.กม. เขตพื้นที่มหานครเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์กมีประชากรประมาณ 4.3 ล้านคน ในพื้นที่ 5,370 ตร.กม. จากจำนวนผู้อยู่อาศัย 3.4 ล้านคน มี 463,723 คน (13.9%) ที่เป็นชาวต่างชาติ จาก 183 ประเทศ โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศตุรกี (116,665), โปแลนด์ (42,889), เซอร์เบียและมอนเตเนโกร (24,337), รัสเซีย (14,065), อิตาลี (14,026), สหรัฐอเมริกา (12,735), ฝรั่งเศส (11,776), โครเอเชีย (11,378), เวียดนาม (11,513), บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (10,463), กรีซ (10,102), สหราชอาณาจักร (9,396), ยูเครน (8,667), ออสเตรีย (8,409), สเปน (5,962), ไทย (5,876), จีน (5,620) กลุ่มศาสนาที่ใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มที่ไม่นับถือศาสนา 60%, โปรเตสแตนต์ (ส่วนใหญ่เป็นเยอรมันอีแวนเจลิก) 23% (757,000), โรมันคาทอลิก 9% (312,000), อิสลาม 6% (213,000), ยิว 0.4% (12,000)เศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ใน พ.ศ. 2550, จีดีพีในรูปตัวเงินของนครรัฐเบอร์ลินมีอัตราเติบโต 1.8% (ประเทศเยอรมนี 2.5%) และมีมูลค่าทั้งหมด €81.7 ($114) พันล้าน ระหว่างทศวรรษหลังสุดนี้เบอร์ลินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญไปสู่เศรษฐกิจการบรีการ ก่อนการรวมเยอรมนีและเบอร์ลินใน พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) นั้น เบอร์ลินตะวันตกได้รับเงินอุดหนุนก้อนใหญ่จากทางการเยอรมนีตะวันตก เพื่อชดเชยการที่ถูกตัดขาดทางภูมิศาสตร์ออกจากเยอรมนีตะวันตก เงินอุดหนุนเหล่านั้นจำนวนมากได้ถูกยกเลิกไปหลัง พ.ศ. 2533 ฐานอุตสาหกรรมของอดีตเบอร์ลินตะวันออกได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงทศวรรษเดียว ทำให้นำไปสู่การเติบโตของจีดีพีที่หยุดนิ่ง และอัตราการว่างงานที่สูงจนกระทั่ง พ.ศ. 2548 หลังจากนั้นอัตราการว่างงานได้ค่อย ๆ ลดลงอย่างมั่นคง และถึงจุดที่ต่ำที่สุดในรอบ 13 ปี ที่ 13.6% ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 แต่ก็ยังคงสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศเยอรมนีอยู่ (7.5% มิ.ย. 2551) ในบรรดาบริษัทในรายการ Forbes Global 2000 และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนีนั้น, มีเพียง ซีเมนส์ (Siemens AG) และ ดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn) เท่านั้นที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบอร์ลิน อย่างไรก็ตามบริษัทเยอรมันและนานาชาติจำนวนมากได้ตั้งแผนกหรือสำนักงานบรีการระดับรองลงมาในเมืองดังกล่าว ในบรรดานายจ้าง 20 รายใหญ่สุด มีบริษัทรถไฟดอยท์เชอบาห์น (Deutsche Bahn AG), โรงพยาบาลชาริเต้ (Charité), ซีเมนส์, บริษัทขนส่งมวลชนท้องถิ่น เบเฟาเก (BVG), บริษัทผู้ให้บรีการ Dussmann และกลุ่ม Piepenbrock Group. เดมเลอร์ (เจ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์) ผลิตรถยนต์ และบีเอ็มดับเบิลยูผลิตรถจักรยานยนต์ในเบอร์ลิน ไบเออร์เชริ่ง ฟาร์มา และ Berlin Chemie เป็นบริษัทเภสัชกรรมสำคัญที่มีสำนักงานใหญ่ในเบอร์ลิน อุทยานวิทยาศาสตร์และธุรกิจใน Berlin-Adlershof เป็นหนึ่งใน 15 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก การวิจัยและพัฒนาได้นัยยะสำคัญทางเศรษฐกิจ และเบอร์ลินติดอันดับหนึ่งในสามเขตนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในสหภาพยุโรป ภาคที่โตอย่างรวดเร็วคือ คมนาคม, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, การเคลื่อนย้ายและบรีการที่มีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, สื่อและดนตรี, โฆษณาและออกแบบ, บรีการสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีชีวภาพ, การขนส่ง, และวิศวกรรมการแพทย์ เบอร์ลินเป็นหนึ่งในนครการประชุมและแสดงสินค้าของโลก และเป็นบ้านของศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นั่นคือ Internationales Congress Centrum (ICC). นี่ช่วยเสริมภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีโรงแรม 592 แห่ง 90,700 เตียง จำนวนเข้าพัก 17.3 ล้านคืน และแขกโรงแรม 7.5 ล้านคนในปี พ.ศ. 2550 เบอร์ลินได้สถาปนาตัวเองกลายเป็นเมืองที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป.สื่อ สื่อ. เบอร์ลินเป็นบ้านของสถานีวิทยุโทรทัศน์จำนวนมาก ทั้งระดับนานาชาติ ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น สำนักงานใหญ่ขององค์กรกระจายเสียงสาธารณะ RBB (Rundfunk Berlin-Brandenburg) ตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทกระจายเสียงเชิงพาณิชย์ เอ็มทีวียุโรป, VIVA, TVB, FAB, N24 และ Sat.1. องค์กรกระจายเสียงสาธารณะนานาชาติของเยอรมนี Deutsche Welle มีหน่วยผลิตรายการโทรทัศน์ในเบอร์ลิน นอกจากนี้ผู้กระจายเสียงระดับชาติเกือบทั้งหมดก็มีสตูดิโออยู่ในเมืองนี้ เบอร์ลินมีจำนวนหนังสือพิมพ์รายวันมากที่สุดในเยอรมนี โดยมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นขนาดบรอดชีตที่มียอดขายจำนวนมาก (Berliner Zeitung, Der Tagesspiegel), และแท็บลอยด์รายใหญ่สามหัว รวมถึงหนังสือพิมพ์รายวันระดับชาติในขนาดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละหัวก็มีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น Die Welt, Junge Welt, Neues Deutschland และ Die Tageszeitung นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จำนวนหนึ่งก็ตีพิมพ์ที่นี่ (Junge Freiheit) และเบอร์ลินยังมีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ทางเลือกอีกสามหัวที่เน้นเรื่องวัฒนธรรมและการบันเทิง นิตยสารรายเดือน Exberliner เป็นวารสารภาษาอังกฤษฉบับเดียวของเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสำนักพิมพ์ภาษาเยอรมันรายใหญ่สองราย: Walter de Gruyter และ Springer ซึ่งแต่ละรายนั้นตีพิมพ์หนังสือ วารสาร และผลิตภัณฑ์มัลติมีเดีย เบอร์ลินเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เยอรมันและยุโรป มันเป็นบ้านของบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์มากกว่าหนึ่งพันบริษัท, โรงภาพยนตร์ 270 โรง, และมีภาพยนตร์ที่ผลิตระดับชาติและร่วมผลิตระดับนานาชาติ 300 เรื่องถ่ายทำในบริเวณเบอร์ลินทุกปี กลุ่มสตูดิโอบาเบลสแบร์กและบริษัทสร้างภาพยนตร์ Universum Film AG นั้นตั้งอยู่ในเมืองพอทสดัมติดกับเบอร์ลิน เบอร์ลินยังเป็นที่ตั้งของยูโรเปียนฟิล์มอะคาเดมีและเยอรมันฟิล์มอะคาเดมี และเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินประจำปีการศึกษา การศึกษา. เขตเมืองหลวงเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์กเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุดมศึกษาและการวิจัยที่โดดเด่นที่สุดของสหภาพยุโรป เบอร์ลินมีมหาวิทยาลัยสี่แห่ง และวิทยาลัยเอกชน วิทยาลัยอาชีพ และวิทยาลัยเทคนิค (Fachhochschule) อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสนอสาขาวิชาที่หลากหลายให้กับนักศึกษา นักศึกษาประมาณ 130,000 คนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีพหรือวิทยาลัยเทคนิค มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดสามแห่ง มีจำนวนนักศึกษารวมประมาณ 100,000 คน มหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้แก่ มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin) (35,000 คน) มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ทแห่งเบอร์ลิน (35,000) และ มหาวิทยาลัยเทคนิกแห่งเบอร์ลิน (30,000) ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะเบอร์ลิน มีนักศึกษาราว 4,300 คน เบอร์ลินมีจำนวนสถาบันวิจัยหนาแน่น เช่นสถาบันวิจัยในเครือ สมาคมฟรอนโฮเฟอร์ และ สมาคมมักซ์ พลังค์ ซึ่งเป็นอิสระจากมหาวิทยาลัยที่สังกัด หรือเพียงเชื่อมกันอย่างหลวม ๆ เท่านั้น ในเมืองมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนทั้งหมด 62,000 คน ทำงานในด้านวิจัยและพัฒนา นอกจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้ว เบอร์ลินยังมีหอสมุดรัฐ ชตัตบิบลิโอเทค ซู แบร์ลิน (Staatsbibliothek zu Berlin) ซึ่งเป็นห้องสมุดวิจัยที่สำคัญ หอสมุดนี้มีที่ตั้งหลักสองแห่ง: หนึ่งแห่งใกล้กับพอทสดัมเมอร์ พลาทซ์ บนถนนพอทสดัมเมอร์สตราเซอร์ และอีกแห่งบนถนนอุนเทอร์ เดน ลินเดน ในเมืองมีห้องสมุดสาธารณะทั้งหมด 108 แห่ง เบอร์ลินมีโรงเรียน 878 แห่ง สอนนักเรียน 340,658 คน ใน 13,727 ชั้นเรียน และมี 56,787 ผู้รับการฝึกงานในภาคธุรกิจและภาคอื่น ๆ เมืองมีแผนการศึกษาขั้นพื้นฐานหกปี หลังจากจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว นักเรียนจะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมหนึ่งในสี่ประเภทต่ออีกหกปี ประเภทของโรงเรียนเหล่านี้ได้แก่ ฮัปชูเลอ (Hauptschule), เรอาลชูเลอ (Realschule), กิมนาซิอุม (Gymnasium), หรือ เกซามชูเลอ (Gesamtschule) เบอร์ลินมีแผนการศึกษาสองภาษาที่ไม่เหมือนใครบรรจุอยู่ในโรงเรียน "ออยโรปาชูเลอ" (Europaschule) ในโรงเรียนเหล่านี้นักเรียนจะเรียนในหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและภาษาต่างชาติ ซึ่งสามารถเลือกได้จาก 9 ภาษาหลักของยุโรป ในโรงเรียน 29 แห่งซึ่งกระจายอยู่ในเกือบทุกเขตเทศบาลวัฒนธรรม วัฒนธรรม. เบอร์ลินมีชื่อเสียงเรื่องสถาบันด้านวัฒนธรรมที่มีเป็นจำนวนมากมาย ซึ่งหลายแห่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เบอร์ลินมีสภาพแวดล้อมศิลปะที่หลากหลายมาก มีหอศิลป์หลายร้อยแห่ง ทุกปีจะมีการจัดงาน Art Forum งานแสดงศิลปะนานาชาติ ซึ่งเน้นที่ศิลปะร่วมสมัย ศิลปินเยอรมันและนานาชาติรุ่นใหม่ยังคงย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองนี้ และเบอร์ลินก็ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมป๊อปและ youth cutlure ของยุโรป สัญญาณหลายอย่างของการขยายตัวนี้มาจากการประกาศใน พ.ศ. 2546 ว่างาน Popkomm งานชุมนุมอุตสาหกรรมดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจะย้ายไปจัดที่เบอร์ลิน, หลังจากจัดที่โคโลญมาเป็นเวลา 15 ปี หลังจากนั้นไม่นาน ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป และ MTV ก็ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปและสตูดิโอหลักของตนมายังริมฝั่งแม่น้ำสปรีในย่านฟรีดริชชายน์. ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เบอร์ลินได้ขึ้นบัญชีเมืองแห่งการออกแบบ (City of Design) ของยูเนสโก.ชีวิตกลางคืนและเทศกาล ชีวิตกลางคืนและเทศกาล. เบอร์ลินมีชีวิตกลางคืนที่หลากหลายและมีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายลงใน ค.ศ. 1989 อาคารจำนวนมากในเขตมิทเท่อ (Mitte) อดีตใจกลางเมืองของเบอร์ลินตะวันออก ได้ถูกซ่อมแซมใหม่ อาคารจำนวนมากไม่เคยถูกรื้อสร้างใหม่เลยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง อาคารเหล่านี้ถูกจับจองอย่างผิดกฎหมายโดยกลุ่มคนหนุ่มสาว และกลายเป็นแหล่งชุมนุมบ่มเพาะวัฒนธรรมใต้ดินและวัฒนธรรมต่อต้าน (counter-culture) สารพัดรูปแบบ ย่านมิทเท่อเป็นที่ตั้งของไนท์คลับจำนวนมาก รวมถึงคุนสท์เฮาส์ทาเชเลส (Kunst Haus Tacheles), คลับเทคโนอย่าง Tresor, WMF, Ufo, E-Werk, และที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดีนักคือ Kitkatclub กับ Berghain คลับ Linientreu ใกล้กับโบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม (Kaiser-Wilhelm-Gedächtniskirche หรือที่ชาวไทยในเบอร์ลินนิยมเรียกว่า "โบสถ์หัก") นั้นโด่งดังในเรื่องดนตรีเทคโนมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 ดิสโกเธค LaBelle ในฟริเดเนา (Friedenau) ที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ ๆ ทหารอเมริกันชอบไปเที่ยว มีชื่อเสียงโด่งดังจากเหตุการณ์วางระเบิดก่อการร้ายใน ค.ศ. 1986 ร้าน SO36 ในครอยซ์แบร์ก (Kreuzberg) ที่เดิมเน้นดนตรีพังก์เป็นส่วนใหญ่ ก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเต้นรำและสังสรรค์ทุกรูปแบบ ร้าน SOUND ที่เคยตั้งอยู่ที่เทียร์การ์เทนช่วง ค.ศ. 1971 - 1988 และปัจจุบันอยู่ที่ชาร์ลอตเทนบวร์ก (Charlottenburg) ได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ด้วยมันเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้เฮโรอีนและยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ดังที่พรรณนาไว้ในหนังสือ Wir Kinder vom Bahnhof Zoo ของ Christiane F. งานเฉลิมฉลอง คาร์นิวาลแดร์คูลทัวเรน (Karneval der Kulturen - งานเฉลิมฉลองวัฒนธรรม) - ขบวนแห่บนถนนของนานาชาติพันธุ์ จัดขึ้นทุกปี ในช่วงสุดสัปดาห์เทศกาลสมโภชพระจิตเจ้า (50 วันหลังวันอาทิตย์อีสเตอร์) และ คริสโตเฟอร์สตรีทเดย์ - ไพรด์พาเรดของเกย์-เลสเบี้ยนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนกลาง ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากรัฐบาลเมือง เบอร์ลินยังเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับงานเฉลิมฉลองดนตรีเทคโน เลิฟพาเหรด (Love Parade) และเทศกาลทางวัฒนธรรม แบร์ลีเนอร์เฟสสปีล (Berliner Festspiele) ซึ่งมีเทศกาลแจ๊ส แจ๊สเฟส แบร์ลีน (JazzFest Berlin) เป็นส่วนหนึ่งละครน้ำเน่าละครน้ำเน่า. - Staatsoper - Deutsches Theater - Admiralspalast - Berliner Ensemble - Friedrichstadt-Palast - Maxim-Gorki-Theater - Theater des Westens - Theater und Komödie am Kurfürstendamm - Deutsche Oper - Komische Oper - Renaissance Theaterพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์. เบอร์ลินเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ 153 แห่ง กลุ่มพิพิธภัณฑ์บนเกาะพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นมรดกโลกของยูเนสโก ตั้งอยู่ทางส่วนเหนือของเกาะสปรี ระหว่างแม่น้ำสปรีและ Kupfergraben ตั้งแต่ ค.ศ. 1841 อย่างเร็วที่สุด มันถูกกำหนดให้เป็น “เขตที่อุทิศให้กับศิลปะและวัตถุโบราณ” โดยพระราชกฤษฎีกา ในเขตดาห์เลม มีพิพิธภัณฑ์อยู่จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะอินเดีย, พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียตะวันออก, พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา, พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมยุโรป, รวมถึง พิพิธภัณฑ์ฝ่ายพันธมิตร (พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามเย็น) และ พิพิธภัณฑ์บรึคเค่อ (Brücke Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ในลิชเทนแบร์ก ซึ่งเป็นที่มั่นของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของอดีตเยอรมนีตะวันออก หรือ สตาซี่ (Stasi) นั้น ก็มีพิพิธภัณฑ์สตาซี่ จุดตรวจเช็คพอยท์ชาร์ลียังคงตั้งอยู่ที่เดิม และมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับหนึ่งในจุดข้ามแดนหลายแห่งในกำแพงเบอร์ลิน โดยพิพิธภัณฑ์นี้ดำเนินงานโดยเอกชน แสดงวัตถุที่เกี่ยวกับผู้คนที่พยายามวางแผนต่าง ๆ เพื่อหลบหนีออกจากฝั่งตะวันออก ส่วน Beate Uhse Erotic Museum อยู่ใกล้สถานีรถไฟสวนสัตว์เบอร์ลิน ซึ่งอ้างว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อีโรติกที่ใหญ่ที่สุดในโลกกีฬา กีฬา. เบอร์ลินเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 และเป็นเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ โดยแข่งที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน เบอร์ลิน เมืองมีสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร สโมสรที่ใหญ่ที่สุดคือ แฮร์ธา เบอร์ลิน ซึ่งปัจจุบัน (ฤดูกาล 2006-7) เล่นในลีกบุนเดสลีกาสาธารณูปโภค สาธารณูปโภค. เบอร์ลินได้พัฒนาระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานที่ซับซ้อนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงคราม เบอร์ลินตะวันตกถูกตัดขาดออกจากดินแดนโดยรอบ และจำเป็นต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของตนเอง ในระหว่างนั้นเอง รัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกก็ได้ก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงเพื่อให้การจราจรอ้อมเบอร์ลินตะวันตกไปได้ การกลับมารวมกันของเบอร์ลินตะวันออกและตะวันตก ได้นำไปสู่การรวมกันของระบบคมนาคมและระบบจ่ายพลังงานของเบอร์ลินเข้ากับระบบของเขตรอบ ๆ อีกครั้ง เบอร์ลินมีสะพาน 979 แห่ง มีถนนยาวรวมกันทั้งหมด 5,334 กม. ในจำนวนนี้เป็นทางหลวง 66 กม. ใน ค.ศ. 2004 มียานพาหนะจดทะเบียนในเมืองจำนวน 1.428 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงแท็กซี่ 6,800 คน สายรถไฟระยะไกลเชื่อมเบอร์ลินกับเมืองใหญ่ทุกเมืองในเยอรมนีและกับหลายเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน สายรถไฟท้องถิ่นเชื่อมเมืองกับบริเวณบรานเดนบวร์กและเยอรมนีตะวันออกการคมนาคม การคมนาคม. ระบบขนส่งมวลชนภายในเบอร์ลิน ประกอบด้วย เอส-บาห์น (S-Bahn รถไฟเขตเมือง) ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทเอส-บาห์น เบอร์ลิน (S-Bahn Berlin GmbH) และ อู-บาห์น (รถไฟใต้ดิน U-Bahn), รถราง (Straßenbahn), รถเมล์, และเรือข้ามฟาก ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทระบบขนส่งเบอร์ลิน หรือ เบเฟาเก (Berliner Verkehrsbetriebe - BVG) เอส-บาห์นนั้นโดยส่วนใหญ่วิ่งอยู่เหนือดิน ส่วนอู-บาห์นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน สตาสเซ่นบาห์น หรือ รถราง นั้นเกือบทั้งหมดจะวิ่งอยู่ในเขตตะวันออกของเมือง รถเมล์ให้บรีการเชื่อมเขตรอบนอกเข้ากับใจกลางเมือง และเชื่อมกับเอส-บาห์นและอู-บาห์น ขนส่งมวลชนแทบทุกชนิด ยกเว้นเรือข้ามฟากบางสาย ใช้ตั๋วโดยสารร่วมกันได้ โดยปกติแล้วผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงหรือตอกตั๋ว ยกเว้นบนรถเมล์ - อย่างไรก็ตาม จะมีพนักงานนอกเครื่องแบบคอยสุ่มตรวจเป็นประจำ โดยจะขึ้นมาในห้องโดยสารแล้วเรียกขอดูตั๋วจากผู้โดยสารทุกคน ใครก็ตามที่ไม่มีตั๋วที่ถูกต้อง จะถูกปรับเป็นเงิน 40 ยูโร เบอร์ลินมีสนามบินพาณิชย์สามแห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติเทเกล (Tegel - TXL), ท่าอากาศยานนานาชาติเทมเปิลโฮฟ (Tempelhof - THF), และ ท่าอากาศยานนานาชาติเชินเนอเฟลด์ (Schönefeld - SXF) ในปี พ.ศ. 2549 สนามบินสามแห่งนี้ให้บรีการผู้โดยสาร 18.5 ล้านคนสู่ 155 จุดหมายปลายทาง โดย 118 แห่งในนั้นอยู่ในยุโรป ท่าอากาศยานเชินเนอเฟลด์กำลังอยู่ในการก่อสร้างเพิ่มเติม และเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็น ท่าอากาศยานนานาชาติเบอร์ลิน-บรานเดนบวร์ก (Flughafen Berlin Brandenburg „Willy Brandt“ – BER) โดยท่าอากาศยานเทเกลและเทมเปิลโฮฟจะปิดตัวลงหลังจาก BBI เปิดใช้คำพูดถึงเบอร์ลิน คำพูดถึงเบอร์ลิน. „Ich bin ein Berliner.“ ("ผมเป็นชาวเบอร์ลิน") จากประโยคเต็ม "All free men, wherever they may live, are citizens of Berlin, and, therefore, as a free man, I take pride in the words 'Ich bin ein Berliner'." ("เสรีชนทั้งหลาย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่แห่งใด ล้วนเป็นพลเมืองของเบอร์ลิน และดังนั้น ในฐานะเสรีชนผู้หนึ่ง ผมภูมิใจในคำว่า 'ผมเป็นชาวเบอร์ลิน'") „Berlin ist arm, aber sexy.“ ("เบอร์ลินจน แต่เซ็กซี่") „Ihr Völker der Welt ... schaut auf diese Stadt!“ ("ชาวโลกทั้งหลาย ... มองที่เมืองแห่งนี้สิ!") „Ich hab noch einen Koffer in Berlin“ ("ฉันยังมีกระเป๋าเสื้อผ้าอีกใบอยู่ที่เบอร์ลิน") „Berlin ist eine Stadt, verdammt dazu, ewig zu werden, niemals zu sein“ ("เบอร์ลินเป็นเมืองที่อยู่ในสภาพ 'กำลังจะเป็น' อยู่เสมอ และไม่เคย 'เป็น' เลย") “Berlin combines the culture of New York, the traffic system of Tokyo, the nature of Seattle, and the historical treasures of, well, Berlin.” ("เบอร์ลินผสมวัฒนธรรมของนิวยอร์ก ระบบจราจรของโตเกียว ธรรมชาติของซีแอตเทิล และขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ของ, อืม, เบอร์ลิน")
เขตการปกครอง เบอร์ลินแบ่งเป็นกี่เขตเทศบาล
{ "answer": [ "สิบสองเขตเทศบาล" ], "answer_begin_position": [ 9505 ], "answer_end_position": [ 9520 ] }
1,249
885,018
ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์ ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์หรืออีบีวี () หรือ ไวรัสเฮอร์ปีสในมนุษย์ 4 หรือเอชเอชวี-4 () เป็นไวรัสเฮอร์ปีสในมนุษย์ชนิดหนึ่งจากทั้งหมดแปดชนิด ในแฟมิลีของไวรัสเฮอร์ปีส และเป็นไวรัสที่พบบ่อยที่สุดชนิดหนึ่งในมนุษย์อีกด้วย อีบีวีทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่สำคัญและเป็นที่รู้จัก เช่น โรคติดเชื้อโมโนนิวคลีโอซิส นอกจากนั้นยังทำให้เกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอด์จกิน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเบอร์กิตต์ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งคอหอยส่วนจมูก และภาวะบางอย่างที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ลิวโคเพลเกียชนิดมีขน หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาทกลาง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางการแพทย์ที่สนับสนุนว่าอีบีวีเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิต้านตนเองบางชนิด เช่น ผิวหนังกับกล้ามเนื้อหลายมัดอักเสบ ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง ข้ออักเสบรูมาตอยด์ กลุ่มอาการเชอเกร็น และโรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส เชื่อกันว่ามีผู้ป่วยมะเร็งที่มีสาเหตุจากการติดเชืออีบีวีอยู่ประมาณ 200,000 คนทั่วโลก
โรคติดเชื้อโมนิวคลีโอซิส เกิดจาการได้รับเชื้ออะไร
{ "answer": [ "ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์หรืออีบีวี" ], "answer_begin_position": [ 114 ], "answer_end_position": [ 143 ] }
1,250
885,018
ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์ ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์หรืออีบีวี () หรือ ไวรัสเฮอร์ปีสในมนุษย์ 4 หรือเอชเอชวี-4 () เป็นไวรัสเฮอร์ปีสในมนุษย์ชนิดหนึ่งจากทั้งหมดแปดชนิด ในแฟมิลีของไวรัสเฮอร์ปีส และเป็นไวรัสที่พบบ่อยที่สุดชนิดหนึ่งในมนุษย์อีกด้วย อีบีวีทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่สำคัญและเป็นที่รู้จัก เช่น โรคติดเชื้อโมโนนิวคลีโอซิส นอกจากนั้นยังทำให้เกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอด์จกิน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเบอร์กิตต์ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งคอหอยส่วนจมูก และภาวะบางอย่างที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ลิวโคเพลเกียชนิดมีขน หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาทกลาง นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางการแพทย์ที่สนับสนุนว่าอีบีวีเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิต้านตนเองบางชนิด เช่น ผิวหนังกับกล้ามเนื้อหลายมัดอักเสบ ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง ข้ออักเสบรูมาตอยด์ กลุ่มอาการเชอเกร็น และโรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส เชื่อกันว่ามีผู้ป่วยมะเร็งที่มีสาเหตุจากการติดเชืออีบีวีอยู่ประมาณ 200,000 คนทั่วโลก
ไวรัสเอ็ปสไตน์-บาร์ เป็นไวรัสหนึ่งในเท่าไรในกลุ่มไวรัสเฮอร์ปีส
{ "answer": [ "แปด" ], "answer_begin_position": [ 238 ], "answer_end_position": [ 241 ] }
1,251
205,290
อีเลน เพจ อีเลน เพจ () เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1948 เป็นนักร้อง นักแสดงชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักในผลงานการแสดงละครเพลงเวที เติบโตในบาร์เน็ต, นอร์ธ ลอนดอน เพจศึกษาที่ Aida Foster stage school และมีผลงานอาชีพครั้งแรกบนเวทีในปี 1964 และจากการแสดงให้แก่เรื่อง Hair ในปี 1968 ทำให้เธอแจ้งเกิดบนเวทีเวสต์เอนด์ หลังจากมีบทบาทการแสดงมีหลายครั้งในทศวรรษถัดมา เพจได้รับเลือกให้แสดงในบท อีวา เปรอน ใน Evita ในปี 1978 ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น จากบทบาทนี้ทำให้เธอได้รับรางวัล Laurence Olivier Award สำหรับการแสดงประเภทมิวสิกคัลแห่งปี เธอได้รับบท Grizabella ใน Cats และยังมีเพลงท็อปเท็น "Memory" จากโชว์เรื่องนี้ ต่อมาในปี 1985 เธอได้ออกซิงเกิล "I Know Him So Well" ร่วมร้องกับบาร์บารา ดิกสัน สำหรับเพลงประกอบเรื่อง Chess ซึ่งยังสร้างสถิติมีเพลงที่มียอดขายมากที่สุดสำหรับนักร้องคู่หญิง ซึ่งกล่าวโดยหนังสือกินเนสบุ๊ก จากนั้นแสดงใน Anything Goes ซึ่งเธอก็อยู่ในฐานะผู้ร่วมสร้าง เพจได้ปรากฏตัวครั้งแรกในละครบอร์ดเวย์ในเรื่อง Sunset Boulevard ในปี 1996 รับบทนำเป็นนอร์มา เดสมอนด์ ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี เธอปรากฏตัวในละครเพลง The King and I ในช่วงปี 2000 ถึง 2001 และหลังจากนั้นอีก 6 ปีถัดมา เธอกลับมาเล่นละครเวทีที่เวสเอนด์ ในเรื่อง The Drowsy Chaperone นอกจากนี้เธอยังมีผลงานแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์อีกด้วย นอกจากการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Laurence Olivier ถึง 5 ครั้ง เธอยังชนะรางวัลมากมายทางด้านละครเวที จนได้รับฉายาว่า "สุภาพสตรีอันดับหนึ่งของวงการละครเพลงอังกฤษ" ทางด้านผลงานเพลงเธอมีอัลบั้มเดี่ยว 20 ชุด และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 8 ชุดติดต่อกัน และมี 4 ชุดที่มียอดขายมากกว่ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว และมีผลงานเพลงประกอบการแสดง 7 อัลบั้ม รวมถึงแสดงคอนเสิร์ตไปทั่วโลก ในปี 2004 เธอเป็นพิธีกรให้แก่รายการของเธอเองทางบีบีซีเรดิโอ 2 ที่ชื่อ Elaine Paige on Sunday
ผลงานที่ทำให้อีเลน เพจ นักร้องชาวชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักคืออะไร
{ "answer": [ "การแสดงละครเพลงเวที" ], "answer_begin_position": [ 191 ], "answer_end_position": [ 210 ] }
1,252
205,290
อีเลน เพจ อีเลน เพจ () เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1948 เป็นนักร้อง นักแสดงชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักในผลงานการแสดงละครเพลงเวที เติบโตในบาร์เน็ต, นอร์ธ ลอนดอน เพจศึกษาที่ Aida Foster stage school และมีผลงานอาชีพครั้งแรกบนเวทีในปี 1964 และจากการแสดงให้แก่เรื่อง Hair ในปี 1968 ทำให้เธอแจ้งเกิดบนเวทีเวสต์เอนด์ หลังจากมีบทบาทการแสดงมีหลายครั้งในทศวรรษถัดมา เพจได้รับเลือกให้แสดงในบท อีวา เปรอน ใน Evita ในปี 1978 ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น จากบทบาทนี้ทำให้เธอได้รับรางวัล Laurence Olivier Award สำหรับการแสดงประเภทมิวสิกคัลแห่งปี เธอได้รับบท Grizabella ใน Cats และยังมีเพลงท็อปเท็น "Memory" จากโชว์เรื่องนี้ ต่อมาในปี 1985 เธอได้ออกซิงเกิล "I Know Him So Well" ร่วมร้องกับบาร์บารา ดิกสัน สำหรับเพลงประกอบเรื่อง Chess ซึ่งยังสร้างสถิติมีเพลงที่มียอดขายมากที่สุดสำหรับนักร้องคู่หญิง ซึ่งกล่าวโดยหนังสือกินเนสบุ๊ก จากนั้นแสดงใน Anything Goes ซึ่งเธอก็อยู่ในฐานะผู้ร่วมสร้าง เพจได้ปรากฏตัวครั้งแรกในละครบอร์ดเวย์ในเรื่อง Sunset Boulevard ในปี 1996 รับบทนำเป็นนอร์มา เดสมอนด์ ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี เธอปรากฏตัวในละครเพลง The King and I ในช่วงปี 2000 ถึง 2001 และหลังจากนั้นอีก 6 ปีถัดมา เธอกลับมาเล่นละครเวทีที่เวสเอนด์ ในเรื่อง The Drowsy Chaperone นอกจากนี้เธอยังมีผลงานแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์อีกด้วย นอกจากการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Laurence Olivier ถึง 5 ครั้ง เธอยังชนะรางวัลมากมายทางด้านละครเวที จนได้รับฉายาว่า "สุภาพสตรีอันดับหนึ่งของวงการละครเพลงอังกฤษ" ทางด้านผลงานเพลงเธอมีอัลบั้มเดี่ยว 20 ชุด และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 8 ชุดติดต่อกัน และมี 4 ชุดที่มียอดขายมากกว่ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว และมีผลงานเพลงประกอบการแสดง 7 อัลบั้ม รวมถึงแสดงคอนเสิร์ตไปทั่วโลก ในปี 2004 เธอเป็นพิธีกรให้แก่รายการของเธอเองทางบีบีซีเรดิโอ 2 ที่ชื่อ Elaine Paige on Sunday
ในปี 1985 อีเลน เพจ นักร้องชาวอังกฤษได้ออกซิงเกิลที่มีชื่อว่าอะไร
{ "answer": [ "I Know Him So Well" ], "answer_begin_position": [ 742 ], "answer_end_position": [ 760 ] }
1,253
96,456
อักษรขอมไทย อักษรขอมไทย เป็นอักษรขอมที่นำมาใช้เขียนภาษาไทย ซึ่งมีอักขรวิธีต่างจากการใช้อักษรขอมเขียนภาษาบาลีและภาษาเขมร อักษรดังกล่าวนี้สามารถพบได้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ตำรายา ตำราคาถาอาคม รูปยันต์ต่าง ๆ โดยมากปรากฏในแถบภาคกลาง และอาจพบได้บ้างในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยพยัญชนะ พยัญชนะ. พยัญชนะมีทั้งหมด 35 ตัว โดยแต่ละตัวมีทั้งรูปตัวเต็มกับตัวเชิงหรือพยัญชนะซ้อน มีการจัดแบ่งเป็นวรรคตามระบบภาษาสันสกฤต รูปพยัญชนะตามผังอักษรข้างต้นถอดเป็นพยัญชนะไทยได้ดังนี้- วรรค กะ (แถวที่ 1 จากบน) ก ข ค ฆ ง - วรรค จะ (แถวที่ 2) จ ฉ ช ฌ ญ - วรรค ฏะ (แถวที่ 3) ฏ ฐ ฑ ฒ ณ - วรรค ตะ (แถวที่ 4) ต ถ ท ธ น - วรรค ปะ (แถวที่ 5) ป ผ พ ภ ม - เศษวรรค (แถวที่ 6) ย ร ล ว ศ (แถวที่ 7) ษ ส ห ฬ อ รูปพยัญชนะอักษรขอมไทยน้อยกว่าอักษรไทย 9 ตัว โดยรูปพยัญชนะที่ขาดไป 9 ตัว คือ ฃ ฅ ซ ฎ ด บ ฝ ฟ และ ฮ ซึ่งการเขียนคำที่มีพยัญชนะที่ขาดไปเป็นดังนี้- ตัว ด ใช้ ฑ หรือ ต แทน เช่น ไฑ หรือ ไต = ได้, เฑากไม่ หรือ เตากไม่ = ดอกไม้ - ตัว ฝ ใช้ ผ แทน เช่น ผี อาจหมายถึง ผี หรือฝี ขึ้นกับบริบท - ตัว ซ ใช้ ฌ ช หรือ ส เช่น ฌืตฺรง = ซื่อตรง, แลวใส้ย = แล้วไซร้ - ตัว บ และ ฟ นิยมนำรูปตัว (ป) ของอักษรขอมมาเขียนแทน บ และเพิ่มหางขึ้นไปเป็นรูป ตัว (ป) ส่วนตัว ฟ ใช้รูปตัว (พ) ของอักษรขอมมาเติมหางเช่นกันเป็นรูป (ฟ) แต่ในหลายกรณี รูปตัว ป ของอักษรขอมทั้งที่มีหางและไม่มีหางมักใช้ปะปนกัน บางครั้งแทนเสียง ป บางครั้งแทนเสียง บ เช่น เบน หรือ เปน = เป็น, ไฟเผา = ไฟเผา - รูปตัว ฝ ใช้อักษรขอม ตัว พ เติมหางเช่นเดียวกับตัว ฟ เช่น ฟาย = ฝ่าย - ตัว ฃ ฅ ฎ ฮ ไม่มีที่ใช้ โดยใช้ ข ค ฏ และ ห แทน พยัญชนะทุกตัวใช้เป็นพยัญชนะต้นได้ทั้งหมด ในกรณีของอักษรนำและตัวควบกล้ำ ตัวแรกใช้รูปตัวเต็ม ตัวต่อไปใช้รูปตัวเชิงตัวสะกด มี/ร ตัวสะกด มี/ร. นิยมเขียนด้วยรูปตัวเชิงใต้พยัญชนะต้นหรือสระ เว้นแต่พยัญชนะมีรูปสระหรือตัวควบกล้ำอยู่ข้างล่างอยู่แล้วจึงใช้รูปตัวเต็มพ่อขุนไกรสระ สระ. แบ่งเป็นสระลอยกับสระจม รูปสระลอยใช้เขียนคำที่มีเสียง อ มีทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ รูปสระจมหรือประสมคล้ายกับอักษรไทยปัจจุบัน ที่ต่างไปมีดังนี้- สระเอีย - นิยมเขียนด้วยตัวเชิงของตัว ย เช่น ดฺยว = เดียว หรือใช้ทั้งสระ เอ + อิ (อี) + ตัวเชิงของ ย เช่น เสิย = เสีย - สระเอือ - มีทั้งแบบที่ใช้รูปสระ เอ + อิ + อ เช่น เพิอ = เพื่อ และ เอ + อิ (อื) + ตัวเชิงของ อ เช่น เงื่อน = เงื่อน - สระเออ - ใช้สระ เอ กับตัวเชิงของ อ เมื่อไม่มีตัวสะกด เช่น เธอ = เธอ และใช้สระเอ + อี + ตัวเชิงของ อ เมื่อมีตัวสะกด เช่น เตีอม = เติม หรือตัดตัวเชิงของ อ ใช้ตัวเชิงของตัวสะกดแทน - สระอัว - ใช้ ไม้หันอากาศกับตัวเชิงของ ว เมื่อไม่มีตัวสะกด หรือใช้ตัวเชิงของ ว อย่างเดียวเมื่อมีตัวสะกด เช่น ตฺวฺย = ด้วยวรรณยุกต์ วรรณยุกต์. การใช้ไม่แน่นอนมีทั้งที่ไม่เติมวรรณยุกต์ ใช้รูปวรรณยุกต์ต่างจากปัจจุบัน หรือใช้เหมือนกันไม้หันอากาศ ไม้หันอากาศ. มีทั้งเขียนบนพยัญชนะต้นและตัวสะกด บางครั้งไม่ใช้ไม้หันอากาศแต่เพิ่มตัวสะกดเป็น 2 ตัวแทน เช่น วนฺน = วัน, ทงั = ทั้ง
อักษรขอมไทยมีพยัญชนะทั้งหมดกี่ตัว
{ "answer": [ "35 ตัว" ], "answer_begin_position": [ 408 ], "answer_end_position": [ 414 ] }
1,254
96,456
อักษรขอมไทย อักษรขอมไทย เป็นอักษรขอมที่นำมาใช้เขียนภาษาไทย ซึ่งมีอักขรวิธีต่างจากการใช้อักษรขอมเขียนภาษาบาลีและภาษาเขมร อักษรดังกล่าวนี้สามารถพบได้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ตำรายา ตำราคาถาอาคม รูปยันต์ต่าง ๆ โดยมากปรากฏในแถบภาคกลาง และอาจพบได้บ้างในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยพยัญชนะ พยัญชนะ. พยัญชนะมีทั้งหมด 35 ตัว โดยแต่ละตัวมีทั้งรูปตัวเต็มกับตัวเชิงหรือพยัญชนะซ้อน มีการจัดแบ่งเป็นวรรคตามระบบภาษาสันสกฤต รูปพยัญชนะตามผังอักษรข้างต้นถอดเป็นพยัญชนะไทยได้ดังนี้- วรรค กะ (แถวที่ 1 จากบน) ก ข ค ฆ ง - วรรค จะ (แถวที่ 2) จ ฉ ช ฌ ญ - วรรค ฏะ (แถวที่ 3) ฏ ฐ ฑ ฒ ณ - วรรค ตะ (แถวที่ 4) ต ถ ท ธ น - วรรค ปะ (แถวที่ 5) ป ผ พ ภ ม - เศษวรรค (แถวที่ 6) ย ร ล ว ศ (แถวที่ 7) ษ ส ห ฬ อ รูปพยัญชนะอักษรขอมไทยน้อยกว่าอักษรไทย 9 ตัว โดยรูปพยัญชนะที่ขาดไป 9 ตัว คือ ฃ ฅ ซ ฎ ด บ ฝ ฟ และ ฮ ซึ่งการเขียนคำที่มีพยัญชนะที่ขาดไปเป็นดังนี้- ตัว ด ใช้ ฑ หรือ ต แทน เช่น ไฑ หรือ ไต = ได้, เฑากไม่ หรือ เตากไม่ = ดอกไม้ - ตัว ฝ ใช้ ผ แทน เช่น ผี อาจหมายถึง ผี หรือฝี ขึ้นกับบริบท - ตัว ซ ใช้ ฌ ช หรือ ส เช่น ฌืตฺรง = ซื่อตรง, แลวใส้ย = แล้วไซร้ - ตัว บ และ ฟ นิยมนำรูปตัว (ป) ของอักษรขอมมาเขียนแทน บ และเพิ่มหางขึ้นไปเป็นรูป ตัว (ป) ส่วนตัว ฟ ใช้รูปตัว (พ) ของอักษรขอมมาเติมหางเช่นกันเป็นรูป (ฟ) แต่ในหลายกรณี รูปตัว ป ของอักษรขอมทั้งที่มีหางและไม่มีหางมักใช้ปะปนกัน บางครั้งแทนเสียง ป บางครั้งแทนเสียง บ เช่น เบน หรือ เปน = เป็น, ไฟเผา = ไฟเผา - รูปตัว ฝ ใช้อักษรขอม ตัว พ เติมหางเช่นเดียวกับตัว ฟ เช่น ฟาย = ฝ่าย - ตัว ฃ ฅ ฎ ฮ ไม่มีที่ใช้ โดยใช้ ข ค ฏ และ ห แทน พยัญชนะทุกตัวใช้เป็นพยัญชนะต้นได้ทั้งหมด ในกรณีของอักษรนำและตัวควบกล้ำ ตัวแรกใช้รูปตัวเต็ม ตัวต่อไปใช้รูปตัวเชิงตัวสะกด มี/ร ตัวสะกด มี/ร. นิยมเขียนด้วยรูปตัวเชิงใต้พยัญชนะต้นหรือสระ เว้นแต่พยัญชนะมีรูปสระหรือตัวควบกล้ำอยู่ข้างล่างอยู่แล้วจึงใช้รูปตัวเต็มพ่อขุนไกรสระ สระ. แบ่งเป็นสระลอยกับสระจม รูปสระลอยใช้เขียนคำที่มีเสียง อ มีทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ รูปสระจมหรือประสมคล้ายกับอักษรไทยปัจจุบัน ที่ต่างไปมีดังนี้- สระเอีย - นิยมเขียนด้วยตัวเชิงของตัว ย เช่น ดฺยว = เดียว หรือใช้ทั้งสระ เอ + อิ (อี) + ตัวเชิงของ ย เช่น เสิย = เสีย - สระเอือ - มีทั้งแบบที่ใช้รูปสระ เอ + อิ + อ เช่น เพิอ = เพื่อ และ เอ + อิ (อื) + ตัวเชิงของ อ เช่น เงื่อน = เงื่อน - สระเออ - ใช้สระ เอ กับตัวเชิงของ อ เมื่อไม่มีตัวสะกด เช่น เธอ = เธอ และใช้สระเอ + อี + ตัวเชิงของ อ เมื่อมีตัวสะกด เช่น เตีอม = เติม หรือตัดตัวเชิงของ อ ใช้ตัวเชิงของตัวสะกดแทน - สระอัว - ใช้ ไม้หันอากาศกับตัวเชิงของ ว เมื่อไม่มีตัวสะกด หรือใช้ตัวเชิงของ ว อย่างเดียวเมื่อมีตัวสะกด เช่น ตฺวฺย = ด้วยวรรณยุกต์ วรรณยุกต์. การใช้ไม่แน่นอนมีทั้งที่ไม่เติมวรรณยุกต์ ใช้รูปวรรณยุกต์ต่างจากปัจจุบัน หรือใช้เหมือนกันไม้หันอากาศ ไม้หันอากาศ. มีทั้งเขียนบนพยัญชนะต้นและตัวสะกด บางครั้งไม่ใช้ไม้หันอากาศแต่เพิ่มตัวสะกดเป็น 2 ตัวแทน เช่น วนฺน = วัน, ทงั = ทั้ง
คำที่มีเสียง อ ในอักษรขอมไทยจัดว่าอยู่ในรูปของสระอะไร
{ "answer": [ "รูปสระลอย" ], "answer_begin_position": [ 1834 ], "answer_end_position": [ 1843 ] }
1,255
340,497
แม่หอบ แม่หอบ หรือ จอมหอบ (อังกฤษ: Mud lobster, Mangrove lobster) เป็นสัตว์น้ำประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกครัสเตเชียนชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสกุล Thalassina และวงศ์ Thalassinidae จัดเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณหรือซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตที่ดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคไมโอซีนยาวนานถึง 16 ล้านปี มีรูปร่างคล้ายกุ้งผสมกับปูโดยขาคู่แรกขนาดใหญ่คล้ายก้ามปู นอกจากใช้เดินแล้วยังทำหน้าที่ขุดรูและขนดินออกมากองคล้ายจอมปลวก แต่มีขนาดเล็กกว่า หัวเหมือนกุ้งมีขนาดใหญ่ ลำตัวสีแดงเข้มเป็นปล้อง ๆ คล้ายกั้ง ท้องขนาดเล็กยาวเรียวไม่มีแพนหาง ลักษณะคล้ายแมงป่อง มีขนาดความยาวประมาณ 20–30 เซนติเมตร (7.9–12 นิ้ว) อาศัยโดยการขุดรูอยู่ตามพื้นป่าชายเลน โดยขนดินขึ้นมากองทับถมกันเป็นเนินสูง และอาศัยอยู่ด้านใต้กองดินนั้น สามารถอยู่บนบกได้เป็นเวลานานกว่าครัสตาเซียนจำพวกอื่น ๆ กินอาหารจำพวกอินทรีย์สารที่อยู่ในดินเลนในเวลากลางคืน ในประเทศไทยพบเฉพาะป่าชายเลนทางภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน ในต่างประเทศพบได้ที่รัฐเกรละ ในอินเดีย, ศรีลังกาจรดถึงเวียดนาม, หมู่เกาะริวกิวของญี่ปุ่น จนถึงชายฝั่งทะเลของปาปัวนิวกินีและออสเตรเลียทางตอนเหนือและตะวันตก รวมถึงฟิจิและซามัว พบได้รอบ ๆ พื้นที่เกษตรกรรม เช่น พื้นที่เพาะเลี้ยงปลาหรือกุ้ง โดยถือว่าเป็นสัตว์คุกคาม การที่ได้ชื่อในภาษาไทยว่า "แม่หอบ" เนื่องจากมีความเชื่อว่า เนื้อของแม่หอบสามารถรักษาอาการหอบหืดได้ จึงนิยมนำมาเผาไฟรับประทานกันในอดีต สอดคล้องกับชื่อวิทยาศาสตร์ Thalassina ที่หมายถึง "การย้อนกลับทางเดินหายใจ" เพื่อให้เหงือกไม่มีสิ่งสกปรก สถานะปัจจุบันของแม่หอบ ถือได้ว่าหมิ่นเหม่ต่อการสูญพันธุ์ อันเนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ประกอบกับเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างบอบบางตายง่าย เช่น ในช่วงฤดูมรสุมน้ำทะเลอาจท่วมรูของแม่หอบ จนทำให้แม่หอบตายได้การจำแนก การจำแนก. ในอดีตเคยเชื่อว่า แม่หอบ มีเพียงชนิดเดียว คือ Thalassina anomala มาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันได้มีการศึกษาเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 2009 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านครัสเตเชียนชาวเวียดนาม เหงียน หง็อก-โฮ และมิเชลล์ เดอ แซงต์ ลอรองต์ ชาวฝรั่งเศส พบว่ามีแปดชนิดและพบซากดึกดำบรรพ์ โดยจัดให้วงศ์ Thalassinidae อยู่ในอันดับฐาน Gebiidea พร้อมกับวงศ์ Upogebiidae, Axianassidae และLaomediidae ประกอบไปด้วย:- Thalassina anomala – อินโด-เวสต์แปซิฟิก, ชื่อพ้อง T. maxima - Thalassina gracilis – ประเทศไทย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย - Thalassina kelanang – มาเลเซีย - Thalassina krempfi – เวียดนาม, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย - Thalassina pratas – จีน - Thalassina spinirostris – สิงคโปร์, มาเลเซีย - Thalassina spinosa – อินโดนีเซีย, อินเดีย และปาปัวนิวกินี - Thalassina squamifera – ประเทศไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน, ฟิจิ, ตอนเหนือของออสเตรเลีย และซากดึกดำบรรพ์, Thalassina emerii พบที่ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย, ปาปัวนิวกินี และอินโดนีเซีย
แม่หอบหรือจอมหอบเป็นสัตว์น้ำประเภทอะไร
{ "answer": [ "สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง" ], "answer_begin_position": [ 165 ], "answer_end_position": [ 188 ] }
1,256
340,497
แม่หอบ แม่หอบ หรือ จอมหอบ (อังกฤษ: Mud lobster, Mangrove lobster) เป็นสัตว์น้ำประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกครัสเตเชียนชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสกุล Thalassina และวงศ์ Thalassinidae จัดเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณหรือซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตที่ดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคไมโอซีนยาวนานถึง 16 ล้านปี มีรูปร่างคล้ายกุ้งผสมกับปูโดยขาคู่แรกขนาดใหญ่คล้ายก้ามปู นอกจากใช้เดินแล้วยังทำหน้าที่ขุดรูและขนดินออกมากองคล้ายจอมปลวก แต่มีขนาดเล็กกว่า หัวเหมือนกุ้งมีขนาดใหญ่ ลำตัวสีแดงเข้มเป็นปล้อง ๆ คล้ายกั้ง ท้องขนาดเล็กยาวเรียวไม่มีแพนหาง ลักษณะคล้ายแมงป่อง มีขนาดความยาวประมาณ 20–30 เซนติเมตร (7.9–12 นิ้ว) อาศัยโดยการขุดรูอยู่ตามพื้นป่าชายเลน โดยขนดินขึ้นมากองทับถมกันเป็นเนินสูง และอาศัยอยู่ด้านใต้กองดินนั้น สามารถอยู่บนบกได้เป็นเวลานานกว่าครัสตาเซียนจำพวกอื่น ๆ กินอาหารจำพวกอินทรีย์สารที่อยู่ในดินเลนในเวลากลางคืน ในประเทศไทยพบเฉพาะป่าชายเลนทางภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน ในต่างประเทศพบได้ที่รัฐเกรละ ในอินเดีย, ศรีลังกาจรดถึงเวียดนาม, หมู่เกาะริวกิวของญี่ปุ่น จนถึงชายฝั่งทะเลของปาปัวนิวกินีและออสเตรเลียทางตอนเหนือและตะวันตก รวมถึงฟิจิและซามัว พบได้รอบ ๆ พื้นที่เกษตรกรรม เช่น พื้นที่เพาะเลี้ยงปลาหรือกุ้ง โดยถือว่าเป็นสัตว์คุกคาม การที่ได้ชื่อในภาษาไทยว่า "แม่หอบ" เนื่องจากมีความเชื่อว่า เนื้อของแม่หอบสามารถรักษาอาการหอบหืดได้ จึงนิยมนำมาเผาไฟรับประทานกันในอดีต สอดคล้องกับชื่อวิทยาศาสตร์ Thalassina ที่หมายถึง "การย้อนกลับทางเดินหายใจ" เพื่อให้เหงือกไม่มีสิ่งสกปรก สถานะปัจจุบันของแม่หอบ ถือได้ว่าหมิ่นเหม่ต่อการสูญพันธุ์ อันเนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ประกอบกับเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างบอบบางตายง่าย เช่น ในช่วงฤดูมรสุมน้ำทะเลอาจท่วมรูของแม่หอบ จนทำให้แม่หอบตายได้การจำแนก การจำแนก. ในอดีตเคยเชื่อว่า แม่หอบ มีเพียงชนิดเดียว คือ Thalassina anomala มาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันได้มีการศึกษาเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 2009 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านครัสเตเชียนชาวเวียดนาม เหงียน หง็อก-โฮ และมิเชลล์ เดอ แซงต์ ลอรองต์ ชาวฝรั่งเศส พบว่ามีแปดชนิดและพบซากดึกดำบรรพ์ โดยจัดให้วงศ์ Thalassinidae อยู่ในอันดับฐาน Gebiidea พร้อมกับวงศ์ Upogebiidae, Axianassidae และLaomediidae ประกอบไปด้วย:- Thalassina anomala – อินโด-เวสต์แปซิฟิก, ชื่อพ้อง T. maxima - Thalassina gracilis – ประเทศไทย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย - Thalassina kelanang – มาเลเซีย - Thalassina krempfi – เวียดนาม, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย - Thalassina pratas – จีน - Thalassina spinirostris – สิงคโปร์, มาเลเซีย - Thalassina spinosa – อินโดนีเซีย, อินเดีย และปาปัวนิวกินี - Thalassina squamifera – ประเทศไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน, ฟิจิ, ตอนเหนือของออสเตรเลีย และซากดึกดำบรรพ์, Thalassina emerii พบที่ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย, ปาปัวนิวกินี และอินโดนีเซีย
อาการอะไรที่เนื้อของแม่หอบสามารถรักษาได้
{ "answer": [ "หอบหืด" ], "answer_begin_position": [ 1336 ], "answer_end_position": [ 1342 ] }
1,257
225,967
ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา คือหนึ่งในแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคย็องซังเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าคย็องด็อกแห่งราชอาณาจักรชิลลา ราวคริสต์ศตวรรษที่ 7มรดกโลก มรดกโลก. ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซาได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 19 เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยผ่านข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังนี้- (i) - เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกทีได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันแสนฉลาด - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซาใประเทศเกาหลีใต้ถือว่าเป็นแหล่งมรดกโลกโดยตั้งอยู่ที่จังหวัดอะไร
{ "answer": [ "จังหวัดคย็องซังเหนือ" ], "answer_begin_position": [ 190 ], "answer_end_position": [ 210 ] }
3,866
225,967
ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซา คือหนึ่งในแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคย็องซังเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าคย็องด็อกแห่งราชอาณาจักรชิลลา ราวคริสต์ศตวรรษที่ 7มรดกโลก มรดกโลก. ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซาได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 19 เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยผ่านข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังนี้- (i) - เป็นตัวแทนที่แสดงถึงผลงานชิ้นเอกทีได้ถูกจัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันแสนฉลาด - (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ถ้ำซ็อกกูรัมและวัดพุลกุกซาของประเทศเกาหลีใต้ได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.ใด
{ "answer": [ "2528" ], "answer_begin_position": [ 433 ], "answer_end_position": [ 437 ] }
1,258
317,281
สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา () เป็นหน่วยงานในสังกัดหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน มีหน้าที่รับจดทะเบียนลิขสิทธิ์ รับและเก็บสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ และให้คำแนะนำรัฐสภาเรื่องที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ทั้งภายใน และต่างประเทศ ให้ข้อมูลและความช่วยเหลือแก่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และงานตุลาการที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงยังมีส่วนร่วมประชุมระดับนานาชาติ หรือประชุมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศในเรื่องลิขสิทธิ์ และศึกษาในประเด็นลิขสิทธิ์และหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐสภามอบหมาย สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในตึกอนุสรณ์สถานเจมส์ เมดิสัน ในหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกาเป็นหน่วยงานในสังกัดอะไร
{ "answer": [ "หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน" ], "answer_begin_position": [ 199 ], "answer_end_position": [ 219 ] }
1,259
317,281
สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา () เป็นหน่วยงานในสังกัดหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน มีหน้าที่รับจดทะเบียนลิขสิทธิ์ รับและเก็บสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์ และให้คำแนะนำรัฐสภาเรื่องที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ทั้งภายใน และต่างประเทศ ให้ข้อมูลและความช่วยเหลือแก่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และงานตุลาการที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงยังมีส่วนร่วมประชุมระดับนานาชาติ หรือประชุมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศในเรื่องลิขสิทธิ์ และศึกษาในประเด็นลิขสิทธิ์และหน้าที่อื่น ๆ ตามที่รัฐสภามอบหมาย สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในตึกอนุสรณ์สถานเจมส์ เมดิสัน ในหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
สถานที่ตั้งของสำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐอเมริกาอยู่ในตึกอะไร
{ "answer": [ "ตึกอนุสรณ์สถานเจมส์ เมดิสัน" ], "answer_begin_position": [ 689 ], "answer_end_position": [ 716 ] }
1,260
640,947
เขมิศรา พลเดช เขมิศรา พลเดช (เกิด 16 กันยายน พ.ศ. 2538) ชื่อเล่น เบลล์ เป็นนักแสดงและพิธีกรชาวไทย เป็นที่รู้จักกันดีในละครซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ส่วนสูง 160 ซม.ประวัติ ประวัติ. เบลล์ เขมิศรา เป็นบุตรคนที่ 2 ของนาย เขมทัตต์ พลเดช อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และมีพี่ชาย 1 คน คือ นาย เขษมพงศ์ พลเดช เธอจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจาก โรงเรียนนานาชาติเอกมัย และปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาวิชาอังกฤษ-อเมริกันศึกษา (หลักสูตรนานาชาติ) เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงโดยชนะการแข่งขันจากโครงการ "Friend For Film เพื่อนฉันดันให้สุด" ของค่ายหนังจีทีเอช และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักจากซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซึ่งเธอรับบทเป็น "ก้อย วิริยา ก่อเกียรติภิรมย์" คู่กับฝน ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล ซึ่งรับบทเป็น "ดุจดาว จำรัสไพศาล" โดยทั้งคู่รับบทบาทเป็นคู่รักเลสเบี้ยนได้ถูกใจแฟนๆจนกลายเป็นคู่จิ้นสุดฮอต นอกจากนี้เธอยังเคยเป็นพิธีกรในรายการ Play Gang เล่นสนุก สุขยกก๊วน และรายการ GANG 'MENT Boys Meet Girls ทางช่องจีทีเอชออนแอร์ผลงานในวงการบันเทิงแขกรับเชิญผลงานในวงการบันเทิง. แขกรับเชิญ. - 2556 หนังสั้น : โตไปไม่โกง ตอน เที่ยงคืน รับบทเป็น "อุ๊"มิวสิกวิดีโอพิธีกรละครและซีรีส์คอนเสิร์ตคอนเสิร์ต. - Hormones Prom Night (2557) -รวมนักแสดงฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น - STAR THEQUE GTH 11 ปีแสดงคอนเสิร์ต (2558)รางวัลรางวัล. - รางวัลตาชั่งทอง บุคคลสงเคราะห์ดีเด่นแห่งปี 2557 - รางวัลดาราเดลี่ เดอะเกรต อวอร์ดส์ ครั้งที่ 5 สาขาดาราดาวรุ่งหญิง ที่สุดแห่งปี 2015 - แคส อวอร์ดส์ 2016 สาขาขวัญใจนิตยสาร Kazz ฝ่ายหญิง ร่วมกับ ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล
เขมิศรา พลเดช เป็นที่รู้จักกันดีในซีรี่ย์เรื่องอะไร ของค่ายจีทีเอช
{ "answer": [ "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" ], "answer_begin_position": [ 223 ], "answer_end_position": [ 241 ] }
3,932
640,947
เขมิศรา พลเดช เขมิศรา พลเดช (เกิด 16 กันยายน พ.ศ. 2538) ชื่อเล่น เบลล์ เป็นนักแสดงและพิธีกรชาวไทย เป็นที่รู้จักกันดีในละครซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ส่วนสูง 160 ซม.ประวัติ ประวัติ. เบลล์ เขมิศรา เป็นบุตรคนที่ 2 ของนาย เขมทัตต์ พลเดช อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และมีพี่ชาย 1 คน คือ นาย เขษมพงศ์ พลเดช เธอจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจาก โรงเรียนนานาชาติเอกมัย และปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาวิชาอังกฤษ-อเมริกันศึกษา (หลักสูตรนานาชาติ) เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงโดยชนะการแข่งขันจากโครงการ "Friend For Film เพื่อนฉันดันให้สุด" ของค่ายหนังจีทีเอช และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักจากซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซึ่งเธอรับบทเป็น "ก้อย วิริยา ก่อเกียรติภิรมย์" คู่กับฝน ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล ซึ่งรับบทเป็น "ดุจดาว จำรัสไพศาล" โดยทั้งคู่รับบทบาทเป็นคู่รักเลสเบี้ยนได้ถูกใจแฟนๆจนกลายเป็นคู่จิ้นสุดฮอต นอกจากนี้เธอยังเคยเป็นพิธีกรในรายการ Play Gang เล่นสนุก สุขยกก๊วน และรายการ GANG 'MENT Boys Meet Girls ทางช่องจีทีเอชออนแอร์ผลงานในวงการบันเทิงแขกรับเชิญผลงานในวงการบันเทิง. แขกรับเชิญ. - 2556 หนังสั้น : โตไปไม่โกง ตอน เที่ยงคืน รับบทเป็น "อุ๊"มิวสิกวิดีโอพิธีกรละครและซีรีส์คอนเสิร์ตคอนเสิร์ต. - Hormones Prom Night (2557) -รวมนักแสดงฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น - STAR THEQUE GTH 11 ปีแสดงคอนเสิร์ต (2558)รางวัลรางวัล. - รางวัลตาชั่งทอง บุคคลสงเคราะห์ดีเด่นแห่งปี 2557 - รางวัลดาราเดลี่ เดอะเกรต อวอร์ดส์ ครั้งที่ 5 สาขาดาราดาวรุ่งหญิง ที่สุดแห่งปี 2015 - แคส อวอร์ดส์ 2016 สาขาขวัญใจนิตยสาร Kazz ฝ่ายหญิง ร่วมกับ ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล
บิดาของเขมิศรา พลเดช คือใคร
{ "answer": [ "นาย เขมทัตต์ พลเดช" ], "answer_begin_position": [ 307 ], "answer_end_position": [ 325 ] }
1,261
135,905
กีฬายูโดในโอลิมปิกฤดูร้อน กีฬายูโดในโอลิมปิก () ในปี 1964 เมื่อญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 18 และมีสิทธิ์บรรจุกีฬาเพิ่มได้ 1 ชนิด ยูโดประเภทชายจึงได้รับการบรรจุเข้าแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในคราวนั้นแบ่งเป็น 4 รุ่นน้ำหนัก ซึ่งญี่ปุ่นคว้าไป 3 เหรียญทอง อีก 4 ปีต่อมาที่เม็กซิโกซิตีไม่มีการแข่งขันยูโด กลับมาอีกครั้งในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 20 ที่มิวนิค ประเทศเยอรมนี ในปี 1972 ส่วนยูโดประเภทหญิงเริ่มขึ้นในปี 1988 ในฐานะกีฬาสาธิตเมื่อเกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพ และในที่สุดก็เป็นกีฬาชิงเหรียญทองอย่างเต็มตัว ในปี 1992 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่เท่าไร
{ "answer": [ "ครั้งที่ 18" ], "answer_begin_position": [ 202 ], "answer_end_position": [ 213 ] }
1,262
135,905
กีฬายูโดในโอลิมปิกฤดูร้อน กีฬายูโดในโอลิมปิก () ในปี 1964 เมื่อญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 18 และมีสิทธิ์บรรจุกีฬาเพิ่มได้ 1 ชนิด ยูโดประเภทชายจึงได้รับการบรรจุเข้าแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในคราวนั้นแบ่งเป็น 4 รุ่นน้ำหนัก ซึ่งญี่ปุ่นคว้าไป 3 เหรียญทอง อีก 4 ปีต่อมาที่เม็กซิโกซิตีไม่มีการแข่งขันยูโด กลับมาอีกครั้งในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 20 ที่มิวนิค ประเทศเยอรมนี ในปี 1972 ส่วนยูโดประเภทหญิงเริ่มขึ้นในปี 1988 ในฐานะกีฬาสาธิตเมื่อเกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพ และในที่สุดก็เป็นกีฬาชิงเหรียญทองอย่างเต็มตัว ในปี 1992 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ประเทศอะไรเป็นผู้บรรจุกีฬายูโดในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ปี1964
{ "answer": [ "ญี่ปุ่น" ], "answer_begin_position": [ 163 ], "answer_end_position": [ 170 ] }
1,263
595,869
โฮเซ่ บูร์โกส โฮเซ่ บูร์โกส (Jose Burgos) หรือโฮเซ่ อาโปโลนีโอ อี การ์ซีอา (José Apolonio Burgos y García) เป็นบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่มีแนวคิดชาตินิยม และเรียกร้องความเท่าเทียมกันระหว่างบาทหลวงชาวสเปนและฟิลิปปินส์ การที่เขาถูกประหารชีวิตทำให้ความขัดแย้งระหว่างชาวพ้นเมืองและชาวสเปนรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นการเรียกร้องเอกราชในที่สุด บูร์โกสเป็นลูกครึ่งสเปนและมะนิลา เกิดเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2379 เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมทางศาสนาในระดับสูงสุดของวิทยาลัยสงฆ์ในมะนิลา ซึ่งในสมัยนั้นบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับความรู้ทางศาสนาในระดับสูงมีน้อย บาทหลวงบูร์โกสเป็นผู้ที่พยายามเรียกร้องความเสมอภาคทางศาสนาระหว่างชาวสเปนและชาวฟิลิปปินส์ โดยรัฐบาลสเปนในสมัยนั้นได้กีดกันไม่ให้บาทหลวงชาวฟิลิปปินส์มีสิทธิ์บริหารในเขตวัดแม้ว่าบาทหลวงชาวสเปนจะมีไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ยอมแต่งตั้งบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่มีคุณวุฒิเพียงพอ ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ชื่นชมและศรัทธาในตัวท่านมาก นับตั้งแต่ราฟาเอล เด อิสเกียโดมาเป็นข้าหลวงใหญ่ที่มะนิลาใน พ.ศ. 2414 ความขัดแย้งที่มีอยู่เดิมทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะอิสเกียโดประกาศห้ามการแต่งตั้งบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์โดยเด็ดขาด ทำให้ความรู้สึกชาตินิยมในหมู่ประชาชนรุนแรงขึ้น จนเกิดเหตุการณ์ทหารและประชาชนชาวฟิลิปปินส์ลุกฮือขึ้นฆ่าทหารสเปนล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2414 ที่เมืองกาวีเต รัฐบาลสเปนได้ปราบปรามผู้ก่อการอย่างรุนแรงและได้จับกุมบาทหลวงบูร์โกสแห่งคณะบาทหลวงกาบิลโดและบาทหลวงอีก 2 คนคือบาทหลวงมารียาโน โกเมซ และบาทหลวงฮาซินโต ซามอราโดยตั้งข้อหาว่าเป็นผู้นำในการก่อกบฏและตัดสินให้ประหารชีวิตทั้งสามคน บาทหลวงบูร์โกสและบาทหลวงอีก 2 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2414 การเสียชีวิตของบูรืโกสนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของโฮเซ่ ริซัล นักชาตินิยมรุ่นต่อมา ซึ่งเขาได้ระบุอย่างชัดเจนในงานเขียนของเขา ทั้งนี้บาทหลวงบูร์โกสเป็นเพื่อนกับปาเซียโน ริซัล พี่ชายของโฮเซ่ ริซัล มีหลายเมืองในฟิลิปปินส์ตั้งชื่อว่าบูร์โกสเพื่อระลึกถึงบาทหลวงผู้นี้
โฮเซ่ บูร์โกสเป็นบาทหลวงชาวอะไร
{ "answer": [ "ฟิลิปปินส์" ], "answer_begin_position": [ 209 ], "answer_end_position": [ 219 ] }
1,264
595,869
โฮเซ่ บูร์โกส โฮเซ่ บูร์โกส (Jose Burgos) หรือโฮเซ่ อาโปโลนีโอ อี การ์ซีอา (José Apolonio Burgos y García) เป็นบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่มีแนวคิดชาตินิยม และเรียกร้องความเท่าเทียมกันระหว่างบาทหลวงชาวสเปนและฟิลิปปินส์ การที่เขาถูกประหารชีวิตทำให้ความขัดแย้งระหว่างชาวพ้นเมืองและชาวสเปนรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นการเรียกร้องเอกราชในที่สุด บูร์โกสเป็นลูกครึ่งสเปนและมะนิลา เกิดเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2379 เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมทางศาสนาในระดับสูงสุดของวิทยาลัยสงฆ์ในมะนิลา ซึ่งในสมัยนั้นบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับความรู้ทางศาสนาในระดับสูงมีน้อย บาทหลวงบูร์โกสเป็นผู้ที่พยายามเรียกร้องความเสมอภาคทางศาสนาระหว่างชาวสเปนและชาวฟิลิปปินส์ โดยรัฐบาลสเปนในสมัยนั้นได้กีดกันไม่ให้บาทหลวงชาวฟิลิปปินส์มีสิทธิ์บริหารในเขตวัดแม้ว่าบาทหลวงชาวสเปนจะมีไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ยอมแต่งตั้งบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์ที่มีคุณวุฒิเพียงพอ ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ชื่นชมและศรัทธาในตัวท่านมาก นับตั้งแต่ราฟาเอล เด อิสเกียโดมาเป็นข้าหลวงใหญ่ที่มะนิลาใน พ.ศ. 2414 ความขัดแย้งที่มีอยู่เดิมทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะอิสเกียโดประกาศห้ามการแต่งตั้งบาทหลวงชาวฟิลิปปินส์โดยเด็ดขาด ทำให้ความรู้สึกชาตินิยมในหมู่ประชาชนรุนแรงขึ้น จนเกิดเหตุการณ์ทหารและประชาชนชาวฟิลิปปินส์ลุกฮือขึ้นฆ่าทหารสเปนล้มตายเป็นจำนวนมาก เมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2414 ที่เมืองกาวีเต รัฐบาลสเปนได้ปราบปรามผู้ก่อการอย่างรุนแรงและได้จับกุมบาทหลวงบูร์โกสแห่งคณะบาทหลวงกาบิลโดและบาทหลวงอีก 2 คนคือบาทหลวงมารียาโน โกเมซ และบาทหลวงฮาซินโต ซามอราโดยตั้งข้อหาว่าเป็นผู้นำในการก่อกบฏและตัดสินให้ประหารชีวิตทั้งสามคน บาทหลวงบูร์โกสและบาทหลวงอีก 2 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2414 การเสียชีวิตของบูรืโกสนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของโฮเซ่ ริซัล นักชาตินิยมรุ่นต่อมา ซึ่งเขาได้ระบุอย่างชัดเจนในงานเขียนของเขา ทั้งนี้บาทหลวงบูร์โกสเป็นเพื่อนกับปาเซียโน ริซัล พี่ชายของโฮเซ่ ริซัล มีหลายเมืองในฟิลิปปินส์ตั้งชื่อว่าบูร์โกสเพื่อระลึกถึงบาทหลวงผู้นี้
ใครเป็นผู้พยายามเรียกร้องความเสมอภาคทางศาสนาระหว่างชาวสเปนและชาวฟิลิปปินส์จนถูกประหารชีวิต
{ "answer": [ "บาทหลวงบูร์โกส" ], "answer_begin_position": [ 626 ], "answer_end_position": [ 640 ] }
1,265
49,346
ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ มีชื่อจริงว่า ถนอม คงแสนคำ เป็นชาวจังหวัดมหาสารคาม เกิดเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2508 มีสถิติการชก 62 ครั้ง ชนะ 56 (น็อค 33) แพ้ 6 เป็นนักมวยสากลชาวไทยอีกคนหนึ่งที่มีโอกาสชิงแชมป์โลกถึง 3 ครั้ง แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย เทียบเท่ากับ จำเริญ ทรงกิตรัตน์ ถนอมศักดิ์ชกมวยในสังกัดของสุชาติ เกิดเมฆและ "แชแม้" นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ โดยเมื่อขึ้นชิงแชมป์โลกแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เป็นสิริมงคล ชื่อที่ใช้ในการชกมวยของเขา ได้แก่ เถลิงศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ เถลิงศักดิ์ มหาสารคาม เขาใหญ่ ศิษย์โบ๊เบ๊ เขาใหญ่ มหาสารคาม และ เขาใหญ่ พิษณุราชันย์ประวัติ ประวัติ. ถนอมศักดิ์ขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2528 ชนะคะแนน กมลเดช สิงห์รุ่งโรจน์ จากนั้น ชกชนะรวดจนได้ชิงแชมป์มวยสากลเวทีราชดำเนินรุ่นฟลายเวทเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ชนะคะแนน น้องเบิร์ด ณ พัทยา จากนั้น ได้ชิงแชมป์ภาคฯรุ่นฟลายเวทที่ว่างเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ชนะน็อค ซาบรี ซานุสซี ยก 4 ได้แชมป์มาครอง แต่ถนอมศักดิ์ชกป้องกันแชมป์ได้ครั้งเดียวเท่านั้นก็ไปเสียแชมป์ให้เคนจิ มัตสุมูร่า ที่ ญี่ปุ่นเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 หลังจากเสียแชมป์ไป ถนอมศักดิ์ได้ขึ้นชกอย่างสม่ำเสมอ โดยเคยชกขนะคะแนนแฟรงค์ เซเดโน ฮิปโป กาลา และต่อศักดิ์ ศศิประภายิม จนกระทั่งเขาค้อ แกแล็คซี่เสียแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA ให้หลุยส์ ซีโต้ เอสปีโนซา ถนอมศักดิ์จึงได้ขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นนี้แทนเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 พร้อมกลับเปลี่ยนชื่อในการชกมวยเป็นเถลิงศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป จากนั้น เถลิงศักดิ์ลดลงมาชกในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท และได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับสูงในรุ่นนี้ เมื่อเขาทราย แกแล็คซี่สละแชมป์โลก เถลิงศักดิ์จึงได้ชิงแชมป์โลกที่ว่างเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2535 แต่ก็แพ้คะแนน คัตสุยา โอนิซูกะ ไม่ได้แชมป์ เถลิงศักดิ์ได้ขึ้นชิงแชมป์โลกแก้มือกับโอนิซูกะอีกครั้งเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 โดบเปลี่ยนชื่อในการชกมวยเป็นเขาใหญ่ มหาสารคาม แต่ก็แพ้คะแนนไปอีก หลังการชกครั้งนั้น เขาใหญ่ยังไม่ท้อ เขาขยับขึ้นไปชกในรุ่นแบนตัมเวท และชกชนะติดต่อกันหลายครั้ง รวมทั้งชกชนะโรแลนโด พลาสคัว อดีตแชมป์โลกชาวฟิลิปปปินส์ด้วย เขาใหญ่ได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับสูงในรุ่นแบนตัมเวท WBC แต่ไม่มีโอกาสได้ชิงแชมป์ เนื่องเพราะสังขารโรยรา ทำให้การชกตกต่ำลง ในที่สุดเขาใหญ่ขึ้นชกแพ้น็อค ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ในยกที่ 3 เมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 จากนั้นก็หยุดชกไป 2 ปี กลับมาชกอีกครั้งเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2541 แพ้น็อค ทัตสุโตระ เซนริมะ ยก 4 ที่ญี่ปุ่นจากนั้นก็แขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นฟลายเวท- ชิง 15 กรกฎาคม 2529 ชนะคะแนน น้องเบิร์ด ณ พัทยา - สละแชมป์ - แชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท (2529 - 2530)- ชิง 15 ตุลาคม 2529 ชนะน็อค ยก 4 แอมบรี่ ซานุสซี่ () ที่ เวทีมวยราชดำเนิน - ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 1 มีนาคม 2530 ชนะคะแนน กัง ซูนจุง () ที่ กทม. - เสียแชมป์ 3 พฤษภาคม 2530 แพ้คะแนน เคนจิ มัตสุมูร่า () ที่ สปอร์ตเซ็นเตอร์ คาโคกาวา - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA เมื่อ 29 พ.ค. 2533 แพ้คะแนน หลุยส์ ซีโต้ เอสปิโนซา () ที่ เวทีราชดำเนิน - ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBA เมื่อ 10 เม.ย. 2535 แพ้คะแนน คัตสุย่า โอนิซูกะ (ญี่ปุ่น) ที่ โตเกียวเมโทรโปรลิแตนท์ ยิมเนเซียม กรุงโตเกียว - ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBA เมื่อ 5 พ.ย. 2536 แพ้คะแนน คัตสุย่า โอนิซูกะ (ญี่ปุ่น) ที่ อาริเกะโคลอสเซียม กรุงโตเกียว
ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊มีสถิติการขึ้นชกทั้งหมดกี่ครั้ง
{ "answer": [ "62 ครั้ง" ], "answer_begin_position": [ 234 ], "answer_end_position": [ 242 ] }
1,266
49,346
ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ มีชื่อจริงว่า ถนอม คงแสนคำ เป็นชาวจังหวัดมหาสารคาม เกิดเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2508 มีสถิติการชก 62 ครั้ง ชนะ 56 (น็อค 33) แพ้ 6 เป็นนักมวยสากลชาวไทยอีกคนหนึ่งที่มีโอกาสชิงแชมป์โลกถึง 3 ครั้ง แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย เทียบเท่ากับ จำเริญ ทรงกิตรัตน์ ถนอมศักดิ์ชกมวยในสังกัดของสุชาติ เกิดเมฆและ "แชแม้" นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ โดยเมื่อขึ้นชิงแชมป์โลกแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เป็นสิริมงคล ชื่อที่ใช้ในการชกมวยของเขา ได้แก่ เถลิงศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ เถลิงศักดิ์ มหาสารคาม เขาใหญ่ ศิษย์โบ๊เบ๊ เขาใหญ่ มหาสารคาม และ เขาใหญ่ พิษณุราชันย์ประวัติ ประวัติ. ถนอมศักดิ์ขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2528 ชนะคะแนน กมลเดช สิงห์รุ่งโรจน์ จากนั้น ชกชนะรวดจนได้ชิงแชมป์มวยสากลเวทีราชดำเนินรุ่นฟลายเวทเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 ชนะคะแนน น้องเบิร์ด ณ พัทยา จากนั้น ได้ชิงแชมป์ภาคฯรุ่นฟลายเวทที่ว่างเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ชนะน็อค ซาบรี ซานุสซี ยก 4 ได้แชมป์มาครอง แต่ถนอมศักดิ์ชกป้องกันแชมป์ได้ครั้งเดียวเท่านั้นก็ไปเสียแชมป์ให้เคนจิ มัตสุมูร่า ที่ ญี่ปุ่นเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 หลังจากเสียแชมป์ไป ถนอมศักดิ์ได้ขึ้นชกอย่างสม่ำเสมอ โดยเคยชกขนะคะแนนแฟรงค์ เซเดโน ฮิปโป กาลา และต่อศักดิ์ ศศิประภายิม จนกระทั่งเขาค้อ แกแล็คซี่เสียแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA ให้หลุยส์ ซีโต้ เอสปีโนซา ถนอมศักดิ์จึงได้ขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นนี้แทนเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 พร้อมกลับเปลี่ยนชื่อในการชกมวยเป็นเถลิงศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป จากนั้น เถลิงศักดิ์ลดลงมาชกในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท และได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับสูงในรุ่นนี้ เมื่อเขาทราย แกแล็คซี่สละแชมป์โลก เถลิงศักดิ์จึงได้ชิงแชมป์โลกที่ว่างเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2535 แต่ก็แพ้คะแนน คัตสุยา โอนิซูกะ ไม่ได้แชมป์ เถลิงศักดิ์ได้ขึ้นชิงแชมป์โลกแก้มือกับโอนิซูกะอีกครั้งเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 โดบเปลี่ยนชื่อในการชกมวยเป็นเขาใหญ่ มหาสารคาม แต่ก็แพ้คะแนนไปอีก หลังการชกครั้งนั้น เขาใหญ่ยังไม่ท้อ เขาขยับขึ้นไปชกในรุ่นแบนตัมเวท และชกชนะติดต่อกันหลายครั้ง รวมทั้งชกชนะโรแลนโด พลาสคัว อดีตแชมป์โลกชาวฟิลิปปปินส์ด้วย เขาใหญ่ได้เป็นรองแชมป์โลกอันดับสูงในรุ่นแบนตัมเวท WBC แต่ไม่มีโอกาสได้ชิงแชมป์ เนื่องเพราะสังขารโรยรา ทำให้การชกตกต่ำลง ในที่สุดเขาใหญ่ขึ้นชกแพ้น็อค ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ในยกที่ 3 เมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2539 จากนั้นก็หยุดชกไป 2 ปี กลับมาชกอีกครั้งเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2541 แพ้น็อค ทัตสุโตระ เซนริมะ ยก 4 ที่ญี่ปุ่นจากนั้นก็แขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นฟลายเวท- ชิง 15 กรกฎาคม 2529 ชนะคะแนน น้องเบิร์ด ณ พัทยา - สละแชมป์ - แชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท (2529 - 2530)- ชิง 15 ตุลาคม 2529 ชนะน็อค ยก 4 แอมบรี่ ซานุสซี่ () ที่ เวทีมวยราชดำเนิน - ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 1 มีนาคม 2530 ชนะคะแนน กัง ซูนจุง () ที่ กทม. - เสียแชมป์ 3 พฤษภาคม 2530 แพ้คะแนน เคนจิ มัตสุมูร่า () ที่ สปอร์ตเซ็นเตอร์ คาโคกาวา - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA เมื่อ 29 พ.ค. 2533 แพ้คะแนน หลุยส์ ซีโต้ เอสปิโนซา () ที่ เวทีราชดำเนิน - ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBA เมื่อ 10 เม.ย. 2535 แพ้คะแนน คัตสุย่า โอนิซูกะ (ญี่ปุ่น) ที่ โตเกียวเมโทรโปรลิแตนท์ ยิมเนเซียม กรุงโตเกียว - ชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBA เมื่อ 5 พ.ย. 2536 แพ้คะแนน คัตสุย่า โอนิซูกะ (ญี่ปุ่น) ที่ อาริเกะโคลอสเซียม กรุงโตเกียว
ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ชกชนะใครในการแข่งขันแชมป์ประเทศไทยรุ่นฟลายเวทปี 2529
{ "answer": [ "น้องเบิร์ด ณ พัทยา" ], "answer_begin_position": [ 2454 ], "answer_end_position": [ 2472 ] }
1,267
59,161
โอมาร์ ซีโบรี เอนรีเก โอมาร์ ซีโบรี () (2 ตุลาคม ค.ศ. 1935 - 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) เป็นกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ แฟนบอลเรียนเขาว่า "El Cabezón" หรือเจ้าหัวโต เมื่ออายุ 17 ปี ซิวอรี่ได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว โดยเขาเล่นให้กับทีมริเวอร์ เพลทเป็นทีมแรก เขาได้แชมป์ฟุตบอลลีกของอาร์เจนติน่าร่วมกับริเวอร์ เพลทในปี 1955 และ 1956ด้วยทีมชาติอาร์เจนติน่า ทีมชาติอาร์เจนติน่า. ซิวอรี่ติดทีมชาติอาร์เจนติน่า 18 ครั้ง ทำได้ทั้งหมด 9 ประตู เขาช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ อเมริกาใต้ในปี 1957 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิม่า เมื่อหลวงของประเทศเปรู ทีมชุดนั้นมีกองหน้าฝีเท้าดีหาตัวจับยากมากมาย นอกจากซิวอรี่แล้วยังมี คอร์แบตต้า, มาสโช่, อังเจลิลโล่ และครูซ พวกเขาได้รับฉายาว่า "caras sucias" ซึ่งถ้าแปลตรงๆตามตัวอักษรในภาษาสเปนจะแปลว่า พวกหน้าสกปรก (dirty faces) แต่ที่จริงนั้นแฟนบอลตั้งในให้มีความหมายล้อเลียนตลกๆ เพราะตอนที่พวกเขาลงเล่นนั้นน่าตลก เลอะเทอะเหมือนเด็กซนๆประวัติอาชีพ ประวัติอาชีพ. ยูเวนตุสยอมจ่ายเงิน 10 ล้านเปโซ (อาร์เจนติน่า) แลกกับตัวซิวอรี่มาอยู่กับทีมในปี 1957 ระหว่างเล่นให้กับยูเวนตุส เขาพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย โดยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลีที่เรียกว่า ลีก แชมเปี้ยนชิพ (หรือกัลโช่ เซเรีย อาปัจจุบัน) 3 ครั้ง คือในปี 1958, 1960 และ 1961 นอกจากนี้ยังได้แชมป์อิตาเลียน คัพอีก 2 ครั้งในปี 1959 และ 1960 ซิวอรี่เล่นให้กับยูเวนตุสจนถึงปี 1965 รวมแล้วเขาลงเล่นให้ยูเวนตุสทั้งสิ้น 253 นัด ยิงได้ถึง 167 ประตู มากเป็นอันดับ 4 ตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย หลังจากเล่นให้กับยูเวนตุสเกือบ 10 ปี เขาก็เซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับนาโปลี และช่วยนาโปลีได้อันดับสองในลีกถึง 2 ครั้งอีกด้วย เขาอำลาสนามในปี 1969 และเดินทางกลับบ้านเกิด จากนั้นหวนคืนสนามอีกครั้งในฐานะโค้ชทีมริเวอร์ เพลท, โรซาริโอ เซ็นทรัล, เอสตูดิอันเตส เดอ ลา พลาต้า, เบเลซ ซาร์สฟิลลด์ และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งโค้ชทีมชาติอาร์เจนติน่าในปี 1974ทีมชาติอิตาลี ทีมชาติอิตาลี. หลังจากได้ย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีแล้ว ซิวอรี่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาจากรัฐบาลของอาร์เจนติน่าเอง เขาเปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีแทน โดยลงสนามในนามทีมชาติอิตาลีนัดแรกในเดือนเมษายน 1961 รวมแล้วเข้ายิงให้ทีมชาติอิตาลี 8 ลูก จากการลงเล่นเพียง 9 นัดรางวัล รางวัล. ซิวอรี่ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป (Ballon d'or) ในปี 1961 นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 125นักเตะที่ดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกับนักเตะอย่างเปเล่เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของฟีฟ่าในเดือนมีนาคม 2004 อีกด้วย น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 ด้วยโรคมะเร็งตับในวัย 69 ปี
เจ้าหัวโต ทีมชาติอาร์เจนติน่าเป็นฉายาของใคร
{ "answer": [ "เอนรีเก โอมาร์ ซีโบรี" ], "answer_begin_position": [ 100 ], "answer_end_position": [ 121 ] }
1,268
59,161
โอมาร์ ซีโบรี เอนรีเก โอมาร์ ซีโบรี () (2 ตุลาคม ค.ศ. 1935 - 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) เป็นกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ แฟนบอลเรียนเขาว่า "El Cabezón" หรือเจ้าหัวโต เมื่ออายุ 17 ปี ซิวอรี่ได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว โดยเขาเล่นให้กับทีมริเวอร์ เพลทเป็นทีมแรก เขาได้แชมป์ฟุตบอลลีกของอาร์เจนติน่าร่วมกับริเวอร์ เพลทในปี 1955 และ 1956ด้วยทีมชาติอาร์เจนติน่า ทีมชาติอาร์เจนติน่า. ซิวอรี่ติดทีมชาติอาร์เจนติน่า 18 ครั้ง ทำได้ทั้งหมด 9 ประตู เขาช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าได้แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ อเมริกาใต้ในปี 1957 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิม่า เมื่อหลวงของประเทศเปรู ทีมชุดนั้นมีกองหน้าฝีเท้าดีหาตัวจับยากมากมาย นอกจากซิวอรี่แล้วยังมี คอร์แบตต้า, มาสโช่, อังเจลิลโล่ และครูซ พวกเขาได้รับฉายาว่า "caras sucias" ซึ่งถ้าแปลตรงๆตามตัวอักษรในภาษาสเปนจะแปลว่า พวกหน้าสกปรก (dirty faces) แต่ที่จริงนั้นแฟนบอลตั้งในให้มีความหมายล้อเลียนตลกๆ เพราะตอนที่พวกเขาลงเล่นนั้นน่าตลก เลอะเทอะเหมือนเด็กซนๆประวัติอาชีพ ประวัติอาชีพ. ยูเวนตุสยอมจ่ายเงิน 10 ล้านเปโซ (อาร์เจนติน่า) แลกกับตัวซิวอรี่มาอยู่กับทีมในปี 1957 ระหว่างเล่นให้กับยูเวนตุส เขาพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย โดยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลีที่เรียกว่า ลีก แชมเปี้ยนชิพ (หรือกัลโช่ เซเรีย อาปัจจุบัน) 3 ครั้ง คือในปี 1958, 1960 และ 1961 นอกจากนี้ยังได้แชมป์อิตาเลียน คัพอีก 2 ครั้งในปี 1959 และ 1960 ซิวอรี่เล่นให้กับยูเวนตุสจนถึงปี 1965 รวมแล้วเขาลงเล่นให้ยูเวนตุสทั้งสิ้น 253 นัด ยิงได้ถึง 167 ประตู มากเป็นอันดับ 4 ตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย หลังจากเล่นให้กับยูเวนตุสเกือบ 10 ปี เขาก็เซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับนาโปลี และช่วยนาโปลีได้อันดับสองในลีกถึง 2 ครั้งอีกด้วย เขาอำลาสนามในปี 1969 และเดินทางกลับบ้านเกิด จากนั้นหวนคืนสนามอีกครั้งในฐานะโค้ชทีมริเวอร์ เพลท, โรซาริโอ เซ็นทรัล, เอสตูดิอันเตส เดอ ลา พลาต้า, เบเลซ ซาร์สฟิลลด์ และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งโค้ชทีมชาติอาร์เจนติน่าในปี 1974ทีมชาติอิตาลี ทีมชาติอิตาลี. หลังจากได้ย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีแล้ว ซิวอรี่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาจากรัฐบาลของอาร์เจนติน่าเอง เขาเปลี่ยนมาเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีแทน โดยลงสนามในนามทีมชาติอิตาลีนัดแรกในเดือนเมษายน 1961 รวมแล้วเข้ายิงให้ทีมชาติอิตาลี 8 ลูก จากการลงเล่นเพียง 9 นัดรางวัล รางวัล. ซิวอรี่ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป (Ballon d'or) ในปี 1961 นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 125นักเตะที่ดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกับนักเตะอย่างเปเล่เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของฟีฟ่าในเดือนมีนาคม 2004 อีกด้วย น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 ด้วยโรคมะเร็งตับในวัย 69 ปี
โอมาร์ ซีโบรี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งโค้ชฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนติน่าในปีใด
{ "answer": [ "1974" ], "answer_begin_position": [ 1791 ], "answer_end_position": [ 1795 ] }
1,269
912,501
ฟรีดริช ฮอสส์บาค ฟรีดริช ฮอสส์บาค(22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 – 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980) เป็นเจ้าหน้าที่นายทหารเยอรมันในกองทัพเวร์มัคท์ ผู้ที่ได้เป็นนายทหารคนสนิทของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในปี ค.ศ. 1937 ฮอสส์บาคได้ทำเอกสารบันทึกการประชุมซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ บันทึกการประชุมฮอสส์บาค
ฟรีดริช ฮอสส์บาคเป็นเจ้าหน้าที่นายทหารของประเทศอะไร
{ "answer": [ "เยอรมัน" ], "answer_begin_position": [ 196 ], "answer_end_position": [ 203 ] }
1,270
912,501
ฟรีดริช ฮอสส์บาค ฟรีดริช ฮอสส์บาค(22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 – 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1980) เป็นเจ้าหน้าที่นายทหารเยอรมันในกองทัพเวร์มัคท์ ผู้ที่ได้เป็นนายทหารคนสนิทของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในปี ค.ศ. 1937 ฮอสส์บาคได้ทำเอกสารบันทึกการประชุมซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ บันทึกการประชุมฮอสส์บาค
บันทึกการประชุมฮอสส์บาค เกิดจากอะไร
{ "answer": [ "ฮอสส์บาคได้ทำเอกสารบันทึกการประชุม" ], "answer_begin_position": [ 280 ], "answer_end_position": [ 314 ] }
1,271
98,458
ชินยะ ยะมะดะ ชินยะ ยามาดะ () เกิดที่จังหวัดคานากาว่าประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2513 รู้จักกันในนาม ชินยะอดีตมือกลองจากวงดนตรีวิชั่วร๊อค ลูน่า ซี(Luna Sea)ประวัติ ประวัติ. ชินยะ ยามาดะ เริ่มเข้าสู้วงการครั้งแรกด้วยการเป็นมือกลองให้กับวงดนตรีของโรงเรียนที่ชื่อ PINOCCHIO ทำให้เขาได้พบกับ สึกิโซะ ซึงตอนนั้นเป็นมือเบส หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ออกจากวง PINOCCHIO และไปรวมตัวกับ เจ, อิโนรัน และ ริวอิจิ ตั้งวง LUNACY ขึ้นมา หลังจากนั้นทั้งห้าก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย Extasy Records จากการชักชวนของ ฮิเดะ(จาก X Japan) และเปลี่ยนชื่อวงเป็น ลูน่า ซี (Luna Sea) โดยวงประสพความสำเร็จอย่างสูง และในปี ค.ศ. 2000 ลูน่า ซี ได้ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ สมาชิกทุกคนต่างแยกไปทำงานของตัวเอง ยกเว้นแต่ชินยะเท่านั้นที่ออกจากวงการเพลง เขาได้แต่งงานกับ อายะ อิชิงูโระ อดีตนักร้องรุ่นก่อตั้งของกลุ่ม มอร์นิงมุซุเมะ และมีลูกด้วยกัน 2 คน ปัจจุบันชินยะมีโปรเจตท์เล็กๆน้อยๆ โดยเขาตั้งวง 'Potbelly' โดยมีตัวเขาเองกับนังร้องวัย22ปีที่ชื่อ 'มิลกี้' โดยปลอยซิงเกิ้ลแรกออกมาในวันที่ 22 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2005 และยังเป็นเป็นคนตีกลองในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง นานะ อีกด้วย
ชินยะ ยะมะดะเกิดที่จังหวัดอะไรของประเทศญี่ปุ่น
{ "answer": [ "จังหวัดคานากาว่า" ], "answer_begin_position": [ 121 ], "answer_end_position": [ 137 ] }
1,272
98,458
ชินยะ ยะมะดะ ชินยะ ยามาดะ () เกิดที่จังหวัดคานากาว่าประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2513 รู้จักกันในนาม ชินยะอดีตมือกลองจากวงดนตรีวิชั่วร๊อค ลูน่า ซี(Luna Sea)ประวัติ ประวัติ. ชินยะ ยามาดะ เริ่มเข้าสู้วงการครั้งแรกด้วยการเป็นมือกลองให้กับวงดนตรีของโรงเรียนที่ชื่อ PINOCCHIO ทำให้เขาได้พบกับ สึกิโซะ ซึงตอนนั้นเป็นมือเบส หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ออกจากวง PINOCCHIO และไปรวมตัวกับ เจ, อิโนรัน และ ริวอิจิ ตั้งวง LUNACY ขึ้นมา หลังจากนั้นทั้งห้าก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย Extasy Records จากการชักชวนของ ฮิเดะ(จาก X Japan) และเปลี่ยนชื่อวงเป็น ลูน่า ซี (Luna Sea) โดยวงประสพความสำเร็จอย่างสูง และในปี ค.ศ. 2000 ลูน่า ซี ได้ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ สมาชิกทุกคนต่างแยกไปทำงานของตัวเอง ยกเว้นแต่ชินยะเท่านั้นที่ออกจากวงการเพลง เขาได้แต่งงานกับ อายะ อิชิงูโระ อดีตนักร้องรุ่นก่อตั้งของกลุ่ม มอร์นิงมุซุเมะ และมีลูกด้วยกัน 2 คน ปัจจุบันชินยะมีโปรเจตท์เล็กๆน้อยๆ โดยเขาตั้งวง 'Potbelly' โดยมีตัวเขาเองกับนังร้องวัย22ปีที่ชื่อ 'มิลกี้' โดยปลอยซิงเกิ้ลแรกออกมาในวันที่ 22 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2005 และยังเป็นเป็นคนตีกลองในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง นานะ อีกด้วย
ชินยะ ยะมะดะ ได้พบกับใครหลังจากที่เขาเป็นมือกลองให้กับวงดนตรีของโรงเรียน
{ "answer": [ "สึกิโซะ" ], "answer_begin_position": [ 381 ], "answer_end_position": [ 388 ] }
1,273
810,934
ฝรั่งเศสใหม่ ฝรั่งเศสใหม่ () หรืออีกชื่อหนึ่งคือ จักรวรรดิอเมริกาเหนือของฝรั่งเศส คือชื่อเรียกเขตอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ฌัก การ์ตีเยค้นพบทวีปอเมริกาเหนือในปี ค.ศ. 1534 และสิ้นสุดลงหลังฝรั่งเศสยอมยกดินแดนส่วนนี้ให้แก่อังกฤษและสเปนในค.ศ. 1763 รวมเป็นระยะเวลากว่า 229 ปีที่ฝรั่งเศสเข้ามามีอำนาจในอเมริกาเหนือ ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของฝรั่งเศสใหม่คือช่วงค.ศ. 1712 (ก่อนสนธิสัญญายูเทรกต์) อาณานิคมนี้ กินพื้นที่ตั้งแต่เกาะนิวฟันด์แลนด์ไปจนถึงเทือกเขาร็อกกี และจากอ่าวฮัดสันไปจนถึงอ่าวเม็กซิโก ซึ่งรวมไปถึงมหาทะเลสาบทั้งห้าแห่งอเมริกาเหนือ ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นหลายเขตอาณานิคมซึ่งต่างมีการปกครองเป็นของตนเอง ได้แก่: แคนาดา, อคาเดีย, นิวฟันด์แลนด์ และ หลุยส์เซียนา ฝรั่งเศสปกครองดินแดนนี้ไปจนกระทั่งเมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเจ็ดปี ก็ต้องเสียดินแดนบริเวณนี้ไปแก่อังกฤษและสเปนจากผลของสนธิสัญญาปารีส เหลือไว้แต่แซ็งปีแยร์และมีเกอลง โดยอังกฤษได้ดินแดนส่วนแคนาดา, อคาเดีย และส่วนหนึ่งของหลุยส์เซียนา ในขณะที่สเปนได้อีลโดร์เลอ็อง (Île d'Orléans) พร้อมกับดินแดนไปทางตะวันตก
ฝรั่งเศสใหม่มีอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร
{ "answer": [ "จักรวรรดิอเมริกาเหนือของฝรั่งเศส" ], "answer_begin_position": [ 136 ], "answer_end_position": [ 168 ] }
1,274
810,934
ฝรั่งเศสใหม่ ฝรั่งเศสใหม่ () หรืออีกชื่อหนึ่งคือ จักรวรรดิอเมริกาเหนือของฝรั่งเศส คือชื่อเรียกเขตอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ฌัก การ์ตีเยค้นพบทวีปอเมริกาเหนือในปี ค.ศ. 1534 และสิ้นสุดลงหลังฝรั่งเศสยอมยกดินแดนส่วนนี้ให้แก่อังกฤษและสเปนในค.ศ. 1763 รวมเป็นระยะเวลากว่า 229 ปีที่ฝรั่งเศสเข้ามามีอำนาจในอเมริกาเหนือ ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของฝรั่งเศสใหม่คือช่วงค.ศ. 1712 (ก่อนสนธิสัญญายูเทรกต์) อาณานิคมนี้ กินพื้นที่ตั้งแต่เกาะนิวฟันด์แลนด์ไปจนถึงเทือกเขาร็อกกี และจากอ่าวฮัดสันไปจนถึงอ่าวเม็กซิโก ซึ่งรวมไปถึงมหาทะเลสาบทั้งห้าแห่งอเมริกาเหนือ ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นหลายเขตอาณานิคมซึ่งต่างมีการปกครองเป็นของตนเอง ได้แก่: แคนาดา, อคาเดีย, นิวฟันด์แลนด์ และ หลุยส์เซียนา ฝรั่งเศสปกครองดินแดนนี้ไปจนกระทั่งเมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเจ็ดปี ก็ต้องเสียดินแดนบริเวณนี้ไปแก่อังกฤษและสเปนจากผลของสนธิสัญญาปารีส เหลือไว้แต่แซ็งปีแยร์และมีเกอลง โดยอังกฤษได้ดินแดนส่วนแคนาดา, อคาเดีย และส่วนหนึ่งของหลุยส์เซียนา ในขณะที่สเปนได้อีลโดร์เลอ็อง (Île d'Orléans) พร้อมกับดินแดนไปทางตะวันตก
สงครามอะไรที่ทำให้ฝรั่งเศสพ่ายแพ้เสียดินแดนให้กับอังกฤษและสเปน
{ "answer": [ "สงครามเจ็ดปี" ], "answer_begin_position": [ 834 ], "answer_end_position": [ 846 ] }
1,275
911,759
ลาโช-เดอ-ฟง ลาโช-เดอ-ฟง () เป็นเมืองมรดกโลก ตั้งอยู่ในรัฐเนอชาแตล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับสาม (รองจากเจนีวาและโลซาน) ในภูมิภาครอม็องดีซึ่งเป็นภูมิภาคที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลาโช-เดอ-ฟงมีประชากร 38,965 คน ณ สิ้นปี ค.ศ. 2016 ในปี ค.ศ. 2009 เมืองลาโช-เดอ-ฟงและเมืองเลอล็อกล์ซึ่งเป็นเมืองพี่น้อง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่สิบในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองทั้งสองมีการวางผังเมืองและอาคารบ้านเรือนสะท้อนถึงการทำนาฬิกาซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของเมืองทั้งสอง เมืองลาโช-เดอ-ฟงเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังระดับโลกอย่างโรเล็กซ์, โอเมกา, โมวาโด เป็นต้นภูมิอากาศ
ลาโช-เดอ-ฟง เป็นมรดกโลกของประเทศอะไร
{ "answer": [ "ประเทศสวิตเซอร์แลนด์" ], "answer_begin_position": [ 152 ], "answer_end_position": [ 172 ] }
1,276
911,759
ลาโช-เดอ-ฟง ลาโช-เดอ-ฟง () เป็นเมืองมรดกโลก ตั้งอยู่ในรัฐเนอชาแตล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับสาม (รองจากเจนีวาและโลซาน) ในภูมิภาครอม็องดีซึ่งเป็นภูมิภาคที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลาโช-เดอ-ฟงมีประชากร 38,965 คน ณ สิ้นปี ค.ศ. 2016 ในปี ค.ศ. 2009 เมืองลาโช-เดอ-ฟงและเมืองเลอล็อกล์ซึ่งเป็นเมืองพี่น้อง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่สิบในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองทั้งสองมีการวางผังเมืองและอาคารบ้านเรือนสะท้อนถึงการทำนาฬิกาซึ่งเป็นอุตสาหกรรมของเมืองทั้งสอง เมืองลาโช-เดอ-ฟงเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังระดับโลกอย่างโรเล็กซ์, โอเมกา, โมวาโด เป็นต้นภูมิอากาศ
เมืองที่เป็นพี่น้องกับเมืองลาโช-เดอ-ฟงที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกคือเมืองอะไร
{ "answer": [ "เมืองเลอล็อกล์" ], "answer_begin_position": [ 384 ], "answer_end_position": [ 398 ] }
1,277
610,066
พระพุทธจุฬารักษ์ พระพุทธจุฬารักษ์ เป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถวัดราชสิทธาราม ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก 5 ศอก 2 นิ้ว สูงจรดพระรัศมี 6 ศอก 1 คืบ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ปรากฏเรื่องราวการสร้างที่ชัดเจน กล่าวกันมาแต่เพียงว่า เป็นฝีมือพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงปั้นส่วนพระเศียร ส่วนพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปั้นพระวรกาย และถวายพระนามว่า พระพุทธจุฬารักษ์ เบื้องหน้าพระพุทธจุฬารักษ์ ประดิษฐานพระพุทธสาวกสำคัญ 3 พระองค์อยู่ด้านซ้ายขวา คือ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และองค์กลาง คือ พระอานนท์การขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียน. กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2492
ปางของพระพุทธจุฬารักษ์เป็นปางอะไร
{ "answer": [ "ปางมารวิชัย" ], "answer_begin_position": [ 189 ], "answer_end_position": [ 200 ] }
1,278
610,066
พระพุทธจุฬารักษ์ พระพุทธจุฬารักษ์ เป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถวัดราชสิทธาราม ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก 5 ศอก 2 นิ้ว สูงจรดพระรัศมี 6 ศอก 1 คืบ พระพุทธรูปองค์นี้ไม่ปรากฏเรื่องราวการสร้างที่ชัดเจน กล่าวกันมาแต่เพียงว่า เป็นฝีมือพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงปั้นส่วนพระเศียร ส่วนพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปั้นพระวรกาย และถวายพระนามว่า พระพุทธจุฬารักษ์ เบื้องหน้าพระพุทธจุฬารักษ์ ประดิษฐานพระพุทธสาวกสำคัญ 3 พระองค์อยู่ด้านซ้ายขวา คือ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และองค์กลาง คือ พระอานนท์การขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียน. กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2492
เรื่องราวของพระพุทธจุฬารักษ์ กษัตริย์พระองค์ใดเป็นผู้ทรงปั้นส่วนพระเศียร
{ "answer": [ "พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย" ], "answer_begin_position": [ 385 ], "answer_end_position": [ 418 ] }
1,279
538,037
กานาลดูว์มีดี กานาลดูว์มีดี () เป็นลำคลองที่มีความยาวรวมถึง 240 กิโลเมตร ไหลผ่านทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส () โดยเชื่อมระหว่างแม่น้ำการอน ไปยังทะเลสาบโต () ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเมื่อรวมกันกับกานาลเดอการอน () ที่มีความยาวกว่า 193 กิโลเมตรแล้ว คลองทั้งสองจะเรียกรวมกันว่า กานาลเดเดอแมร์ () ที่ตัดผ่านข้ามจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจรดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จุดเริ่มต้นของคลองเริ่มจากเมืองตูลูซ และไหลลงมาจบที่ทะเลสาบโต กานาลดูว์มีดีเป็นผลงานสร้างโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ปีแยร์-ปอล รีแก (Pierre-Paul Riquet) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 กานาลดูว์มีดีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกรายละเอียดทางวิศวกรรม รายละเอียดทางวิศวกรรม. ตลอดความยาวของคลองกว่า 240 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยประตูกั้นน้ำ (locks) จำนวน 91 แห่ง โดยมีหน้าที่เพื่อให้กระแสน้ำสามารถไหลขึ้นลงตามความสูงต่ำของคลองในเขตต่างๆ ซึ่งต่างระดับกันมากที่สุดถึง 190 เมตร และยังรวมถึงโครงสร้างทั้งหมดกว่า 328 รายการ รวมถึงสะพาน เขื่อน และอุโมงค์ ในปัจจุบันตัวคลองประกอบด้วยสะพานส่งน้ำ (aqueduct) กว่า 40 แห่ง ซึ่งในตอนแรกสร้างโดยริเกนั้นมีเพียง 3 แห่ง ได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งเรปูดร์ () สะพานส่งน้ำแห่งแอกีย์ () และสะพานส่งน้ำแห่งฌูอาร์ () โดยมีลักษณะคือเป็นสะพานสำหรับกานาลดูว์มีดี ซึ่งพาดเหนือแม่น้ำอื่น ๆ โดยที่เรือนั้นสามารถแล่นได้ตามปกติทั้งคลองด้านบนและด้านล่าง ต่อมาในปี ค.ศ. 1683-1693 โวบ็องได้ปรับปรุงเพิ่มเติมโดยมีการเพิ่มคลองสำหรับระบายน้ำ และสร้างสะพานส่งน้ำอีกกว่า 40 แห่ง โดยแหล่งที่สำคัญ ๆ ได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งออร์เบียล () และสะพานส่งน้ำแห่งแซ็ส () นอกจากนี้ยังมีสะพานส่งน้ำแห่งออร์บ () ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1858 และแห่งล่าสุดได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งแอร์แบ็ต ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1983 ที่เมืองเบซีเย จะพบประตูกั้นน้ำเป็นขั้นบันไดประกอบด้วยประตูกั้นน้ำจำนวนเก้าประตู เรียกว่าประตูน้ำแห่งฟงเซราน (Fonsérannes) ซึ่งสร้างเพื่อลดระดับน้ำทีละนิดจนถึงระดับเดียวกันกับแม่น้ำออร์บ โดยสร้างจากหินและลดหลั่นกันลงมาตามเชิงเขา ซึ่งระหว่างประตูในแต่ละช่วงนั้นสามารถบรรจุน้ำได้บริเวณเท่า ๆ กัน โดยสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์ไม่ต้องมีการซ่อมแซมเพิ่มเติมใดๆ การก่อสร้างนี้รับเหมาโดยวิศวกรสองพี่น้องตระกูลเมดเดล (Medhailes) และสร้างโดยแรงงานซึ่งประกอบด้วยสตรีเป็นหลัก เนื่องจากปัญหาเรื่องอุทกภัย จึงมีการสร้างสะพานส่งน้ำเป็นช่วง ๆ ในกานาลดูว์มีดี โดยแห่งแรกนั้นใช้ข้ามแม่น้ำเลอเรปูดร์ (Le Répudre) และภายหลังโวบ็องได้เป็นผู้ออกแบบต่อมาสำหรับสะพานส่งน้ำแห่งอื่น ๆ และในที่สุดได้มีการสร้างสะพานส่งน้ำผ่านบนสะพานส่งน้ำแห่งออร์บ ซึ่งได้ลัดประตูกั้นน้ำสองช่วงล่างสุดของฟงเซราน ในปี ค.ศ. 1982 ได้มีการสร้างคลองช่วงใหม่ซึ่งใช้แทนที่ประตูกั้นน้ำแห่งเดิมของฟงเซราน เดิมซึ่งในปัจจุบันปิดให้บริการทางน้ำอย่างถาวร คลองแห่งนี้ยังรวมอุโมงค์สำหรับคลองแห่งแรกในโลกอีกด้วย มีชื่อว่า อุโมงค์มาลปัส () ซึ่งมีความยาวถึง 173 เมตรผ่านบริเวณเขาที่เมืองอ็องเซรูน (Ensérune) นอกจากนี้ โครงการยังรวมถึงการสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นเพื่อใช้สำรองน้ำสำหรับคลอง ได้แก่ ทะเลสาบแห่งแซ็ง-แฟเรออล () และแห่งที่สองซึ่งสร้างทีหลังในปี ค.ศ. 1777-1781 ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแห่งล็องปี () การก่อสร้างคลองแห่งนี้นั้นได้ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งทำโดยใช้แรงงานจากมนุษย์ และในปัจจุบันนั้นก็ยังเป็นประจักษ์พยานถึงความสำเร็จทางวิศวกรรมแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรปสมุดภาพบรรณานุกรมบรรณานุกรม. - Roland, Claudine (1997). The Canal du Midi (English Translation ed.). MSM. ISBN 2-909998-66-5. - Morand, Jaques (1993). Le Canal du Midi et Pierre-Paul Riquet. Édisud.
กานาลดูว์มีดี เป็นลำคลองที่ไหลผ่านทางตอนใต้ของประเทศอะไร
{ "answer": [ "ประเทศฝรั่งเศส" ], "answer_begin_position": [ 180 ], "answer_end_position": [ 194 ] }
1,280
538,037
กานาลดูว์มีดี กานาลดูว์มีดี () เป็นลำคลองที่มีความยาวรวมถึง 240 กิโลเมตร ไหลผ่านทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส () โดยเชื่อมระหว่างแม่น้ำการอน ไปยังทะเลสาบโต () ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเมื่อรวมกันกับกานาลเดอการอน () ที่มีความยาวกว่า 193 กิโลเมตรแล้ว คลองทั้งสองจะเรียกรวมกันว่า กานาลเดเดอแมร์ () ที่ตัดผ่านข้ามจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจรดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จุดเริ่มต้นของคลองเริ่มจากเมืองตูลูซ และไหลลงมาจบที่ทะเลสาบโต กานาลดูว์มีดีเป็นผลงานสร้างโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ปีแยร์-ปอล รีแก (Pierre-Paul Riquet) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 กานาลดูว์มีดีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกรายละเอียดทางวิศวกรรม รายละเอียดทางวิศวกรรม. ตลอดความยาวของคลองกว่า 240 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยประตูกั้นน้ำ (locks) จำนวน 91 แห่ง โดยมีหน้าที่เพื่อให้กระแสน้ำสามารถไหลขึ้นลงตามความสูงต่ำของคลองในเขตต่างๆ ซึ่งต่างระดับกันมากที่สุดถึง 190 เมตร และยังรวมถึงโครงสร้างทั้งหมดกว่า 328 รายการ รวมถึงสะพาน เขื่อน และอุโมงค์ ในปัจจุบันตัวคลองประกอบด้วยสะพานส่งน้ำ (aqueduct) กว่า 40 แห่ง ซึ่งในตอนแรกสร้างโดยริเกนั้นมีเพียง 3 แห่ง ได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งเรปูดร์ () สะพานส่งน้ำแห่งแอกีย์ () และสะพานส่งน้ำแห่งฌูอาร์ () โดยมีลักษณะคือเป็นสะพานสำหรับกานาลดูว์มีดี ซึ่งพาดเหนือแม่น้ำอื่น ๆ โดยที่เรือนั้นสามารถแล่นได้ตามปกติทั้งคลองด้านบนและด้านล่าง ต่อมาในปี ค.ศ. 1683-1693 โวบ็องได้ปรับปรุงเพิ่มเติมโดยมีการเพิ่มคลองสำหรับระบายน้ำ และสร้างสะพานส่งน้ำอีกกว่า 40 แห่ง โดยแหล่งที่สำคัญ ๆ ได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งออร์เบียล () และสะพานส่งน้ำแห่งแซ็ส () นอกจากนี้ยังมีสะพานส่งน้ำแห่งออร์บ () ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1858 และแห่งล่าสุดได้แก่ สะพานส่งน้ำแห่งแอร์แบ็ต ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1983 ที่เมืองเบซีเย จะพบประตูกั้นน้ำเป็นขั้นบันไดประกอบด้วยประตูกั้นน้ำจำนวนเก้าประตู เรียกว่าประตูน้ำแห่งฟงเซราน (Fonsérannes) ซึ่งสร้างเพื่อลดระดับน้ำทีละนิดจนถึงระดับเดียวกันกับแม่น้ำออร์บ โดยสร้างจากหินและลดหลั่นกันลงมาตามเชิงเขา ซึ่งระหว่างประตูในแต่ละช่วงนั้นสามารถบรรจุน้ำได้บริเวณเท่า ๆ กัน โดยสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์ไม่ต้องมีการซ่อมแซมเพิ่มเติมใดๆ การก่อสร้างนี้รับเหมาโดยวิศวกรสองพี่น้องตระกูลเมดเดล (Medhailes) และสร้างโดยแรงงานซึ่งประกอบด้วยสตรีเป็นหลัก เนื่องจากปัญหาเรื่องอุทกภัย จึงมีการสร้างสะพานส่งน้ำเป็นช่วง ๆ ในกานาลดูว์มีดี โดยแห่งแรกนั้นใช้ข้ามแม่น้ำเลอเรปูดร์ (Le Répudre) และภายหลังโวบ็องได้เป็นผู้ออกแบบต่อมาสำหรับสะพานส่งน้ำแห่งอื่น ๆ และในที่สุดได้มีการสร้างสะพานส่งน้ำผ่านบนสะพานส่งน้ำแห่งออร์บ ซึ่งได้ลัดประตูกั้นน้ำสองช่วงล่างสุดของฟงเซราน ในปี ค.ศ. 1982 ได้มีการสร้างคลองช่วงใหม่ซึ่งใช้แทนที่ประตูกั้นน้ำแห่งเดิมของฟงเซราน เดิมซึ่งในปัจจุบันปิดให้บริการทางน้ำอย่างถาวร คลองแห่งนี้ยังรวมอุโมงค์สำหรับคลองแห่งแรกในโลกอีกด้วย มีชื่อว่า อุโมงค์มาลปัส () ซึ่งมีความยาวถึง 173 เมตรผ่านบริเวณเขาที่เมืองอ็องเซรูน (Ensérune) นอกจากนี้ โครงการยังรวมถึงการสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นเพื่อใช้สำรองน้ำสำหรับคลอง ได้แก่ ทะเลสาบแห่งแซ็ง-แฟเรออล () และแห่งที่สองซึ่งสร้างทีหลังในปี ค.ศ. 1777-1781 ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแห่งล็องปี () การก่อสร้างคลองแห่งนี้นั้นได้ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งทำโดยใช้แรงงานจากมนุษย์ และในปัจจุบันนั้นก็ยังเป็นประจักษ์พยานถึงความสำเร็จทางวิศวกรรมแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรปสมุดภาพบรรณานุกรมบรรณานุกรม. - Roland, Claudine (1997). The Canal du Midi (English Translation ed.). MSM. ISBN 2-909998-66-5. - Morand, Jaques (1993). Le Canal du Midi et Pierre-Paul Riquet. Édisud.
เมืองใดเป็นจุดเริ่มต้นของคลองกานาลดูว์มีดี
{ "answer": [ "เมืองตูลูซ" ], "answer_begin_position": [ 493 ], "answer_end_position": [ 503 ] }
1,281
286,839
ไอซ์-ที เทรซี แมร์โรว์ () ใช้ชื่อในการแสดงว่า ไอซ์-ที () แรปเปอร์ นักแสดง และนักเขียนชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงในฐานะนักร้องแนวเวสต์โคสต์ฮิปฮอป (ถึงแม้จะเกิดที่นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก แต่ก็เติบโตที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ทางชายฝั่งตะวันตก) และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรีฮิปฮอปแบบที่เรียกว่า แกงสตาแรป (เป็นสแลงแผลงมาจากคำว่า แกงสเตอร์) เช่นเดียวกับสคูล ดี ไอซ์คิวบ์ และวง N.W.A. ในช่วงทศวรรษ 1980-1990 ไอซ์-ที มีผลงานแสดงภาพยนตร์ และภาพยนตร์โทรทัศน์มาตั้งแต่ปี 1984 บทบาทที่เป็นที่จดจำได้แก่ บทตำรวจนิวยอร์ก ในซีรีส์ (1999-ปัจจุบัน) และนักแสดงสมทบใน New Jack City (1991 นำแสดงโดยเวสลีย์ สไนปส์), Trespass (1992 แสดงนำร่วมกับไอซ์คิวบ์ บิล แพกซ์ตัน), Johnny Mnemonic (1995 นำแสดงโดยคีอะนู รีฟส์) ไอซ์-ที ยังเป็นผู้พากย์เสียงในวิดีโอเกม และ
ไอซ์-ที เป็นนักแสดงและนักเขียนชาวอะไร
{ "answer": [ "ชาวอเมริกัน" ], "answer_begin_position": [ 167 ], "answer_end_position": [ 178 ] }
1,282
286,839
ไอซ์-ที เทรซี แมร์โรว์ () ใช้ชื่อในการแสดงว่า ไอซ์-ที () แรปเปอร์ นักแสดง และนักเขียนชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงในฐานะนักร้องแนวเวสต์โคสต์ฮิปฮอป (ถึงแม้จะเกิดที่นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก แต่ก็เติบโตที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ทางชายฝั่งตะวันตก) และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกดนตรีฮิปฮอปแบบที่เรียกว่า แกงสตาแรป (เป็นสแลงแผลงมาจากคำว่า แกงสเตอร์) เช่นเดียวกับสคูล ดี ไอซ์คิวบ์ และวง N.W.A. ในช่วงทศวรรษ 1980-1990 ไอซ์-ที มีผลงานแสดงภาพยนตร์ และภาพยนตร์โทรทัศน์มาตั้งแต่ปี 1984 บทบาทที่เป็นที่จดจำได้แก่ บทตำรวจนิวยอร์ก ในซีรีส์ (1999-ปัจจุบัน) และนักแสดงสมทบใน New Jack City (1991 นำแสดงโดยเวสลีย์ สไนปส์), Trespass (1992 แสดงนำร่วมกับไอซ์คิวบ์ บิล แพกซ์ตัน), Johnny Mnemonic (1995 นำแสดงโดยคีอะนู รีฟส์) ไอซ์-ที ยังเป็นผู้พากย์เสียงในวิดีโอเกม และ
ดนตรีฮิปฮอปที่เรียกว่า แกงสตาแรป เกิดขึ้นจากใคร
{ "answer": [ "เทรซี แมร์โรว์" ], "answer_begin_position": [ 90 ], "answer_end_position": [ 104 ] }
1,283
850,086
ชุดชั้นในสตรี ชุดชั้นในสตรี เป็นชุดชั้นในของผู้หญิง และอาจบ่งบอกถึงแฟชั่น ความทันสมัย และมีเสน่ห์ ชุดชั้นในถูกออกแบบด้วยผ้าให้มีความยืดหยุ่น และตกแต่งสวยงาม เช่น ไลคร่า ไนลอน (ไนลอนสามล้อ) เส้นใยสังเคราะห์ แพรซาติน ลูกไม้ ผ้าไหม ผ้าเชียร์ สิ่งทอ ชุดชั้นในผ้าฝ้ายหรือผ้าสังเคราะห์บางชนิดก็เป็นชุดชั้นในสตรีต้นกำเนิด ต้นกำเนิด. แนวคิดของชุดชั้นในสตรี ให้เป็นชุดชั้นในที่ดึงดูดสายตา ซึ่งพัฒนาขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมีเลดี้ดัฟฟ์ กอร์ดอน แห่งลูเซลเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาชุดชั้นในสตรีที่จากชุดเครื่องรัดตัวที่เข้มงวด. ผ่านช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้หญิงสวมชุดชั้นในด้วยเหตุผลหลักสามประการ: เพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างภายนอกของพวกเขา (ชุดแรก คือ ชุดเครื่องรัดตัว และต่อมา คือ ชุดชั้นในยกทรง) ด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัย  ก่อนการประดิษฐ์ของครีโนลิน ชุดชั้นในของผู้หญิงมักมีขนาดใหญ่ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็มีขนาดรัดตัว เล็กลง น้อยและกระชับ และถูกแทนที่ด้วยชุดชั้นในยกทรง ได้รับการจดสิทธิบัตรครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดย คาเรสซี ครอสบี้ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผู้หญิงพบว่าตนเองมีบทบาทในการทำงานของผู้ชาย สร้างความต้องการกางเกงในมากขึ้น. ผู้ผลิตเริ่มใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบาและระบายอากาศมากขึ้น อันเดร คัร์เรกส เป็นคนแรกที่ทำชุดชั้นในผู้หญิงสำหรับกลุ่มเยาวชน ในคอลเลกชั่นปี ค.ศ. 1965 นำเสนอชุดชั้นในในรูปแบบเซ็กซี่ เย้ายวน สื่อถึงภาพลักษณ์ผู้หญิงในสมัยใหม่  ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชุดชั้นในสตรีมีรูปแบบขนาดเล็ก และมีแบบที่หลากหลายมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1960 ผู้ผลิตชุดชั้นใน เช่น เฟรดเดอริก แห่งฮอลลีวูด ก็เริ่มสนในชุดชั้นใน อุตสาหกรรมชุดชั้นในเริ่มขยายตัวในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ด้วยการออกแบบที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของแจ๊กเก็ตโครงสร้างตลาด โครงสร้างตลาด. ตลาดชุดชั้นในของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถูกผลักดันโดยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผ้าที่ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ชุดชั้นในยกทรงไร้รอยต่อที่ตัดด้วยเลเซอร์และยกทรงเสื้อยืด นักออกแบบเริ่มให้ความสำคัญกับผ้า เย็บปักถักร้อย และสีสดใสมากขึ้น. ตลาดชุดชั้นในทั่วโลกในปี ค.ศ. 2003 อยู่ที่ประมาณ 29 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ในปี ค.ศ. 2005 ยกทรงคิดเป็นร้อยละ 56 ของตลาดชุดชั้นใน และกางเกงในคิดเป็นร้อยละ 29 วิกตอเรียส์ซีเคร็ต เป็นร้านค้าปลีกชั้นนำของสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ดำเนินงานโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ตลาดยุโรปมี ไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล และ DB Apparel ที่โดดเด่นกว่า นอกจากนี้ยังมีบ้านชุดชั้นในแบบฝรั่งเศส รวมทั้ง Chantelle, Aubade และ Simone Pérèle แต่ละแบรด์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในสไตล์ฝรั่งเศส ตั้งแต่ช่วงกลางปี ค.ศ.1990 ผู้หญิงมีทางเลือกมากขึ้นของขนาดของชุดชั้นใน จุดสนใจได้เปลี่ยนจากการเลือกยกทรงในขนาดที่เฉลี่ย ก็สวมใส่ยกทรงที่พอดีกับตัวเองและสมบูรณ์แบบ ในสหราชอาณาจักรสื่อมวลชนกำลังรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับความจำเป็นในการที่ผู้หญิงแต่ละคนจะมีชุดชั้นในที่เหมาะกับตัวเองก่อนการซื้อทุกครั้งการจำแนกประเภทการจำแนกประเภท. - เบบี้ดอล เป็นชุดนอนสั้นๆ มักจะสวมใส่กับกางเกงชั้นใน - บาสก์ ชุดชั้นในหรือเสื้อคลุมกระชับสัดส่วน - แบดกราวน์ เป็นชุดนอนหรือผ้าคลุมไหล่เพื่อความอบอุ่น - บิกีนี มีสองชิ้นประกอบด้วยยกทรงและกางเกงชั้นใน หรือ G-string และ thong - ชุดกีฬาผู้หญิง ถูกสวมใส่มาหลายทศวรรษในช่วงแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่ไม่ได้สวมใส่กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ยังมีชื่อเล่นสำหรับกางเกงในเชียร์ลีดเดอร์ - บอดี้สต๊อกกิ๊ง มักใช้เพื่อให้ดูผอมลง - บอดี้สกิน - บอดิส ครอบคลุมร่างกายจากคอถึงเอว อาจเสริมด้วยเหล็กหรือกระดูกเพื่อให้การรองรับเต้านมมากขึ้น - บอยซูส, สไตล์ของกางเกงชั้นในคล้ายคลึงกับกางเกงขาสั้นเด็กผู้ชาย - ยกทรง เรียกกันทั่วไปว่าเป็นชุดชั้นในกระชับ สวมใส่เพื่อช่วยยกทรงทรวงอกของผู้หญิง - เคมมิ่งนิเกิล - ชิคกี้ คำที่ใช้เพื่อระบุว่าเสื้อผ้าแสดงส่วนล่างของก้น - เสื้อคลุมอาบน้ำ ชุดชั้นในแบบชิ้นเดียวที่มีรูปร่างเหมือนชุดนอน ไม่มีแขนก้อย มันคล้ายกับเบบี้ดอล - โคเซ็ท เสื้อท่อนบนสวมใส่เพื่อกระชับรูปร่างลำตัว - เกราะ หรือ แมร์รี่วิโดว์ - แฟรนเมด - จี-สตริง- สายรัดถุงเท้า ใช้เพื่อเป็นถุงน่อง - กริเดิล - กางเกงยาย ชื่อเล่นสำหรับกางเกงที่มีเอวสูงและครอบคลุมก้นมาก - เจอร์ซี่ ไนท์เชิ๊ตเสื้อยืดยาว ๆ หลวม ๆ ทำจากผ้าฝ้ายโพลีเอสเตอร์ผ้าไนล่อนหรือผ้าชีฟอง - กิโมโน เป็นเสื้อยืดรูปตัว T แบบเรียงราย - ไนท์กราวน์ - เสื้อนอน - เสื้อเพนวา - กระโปรงชั้นใน โดดเด่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 20 มักจะสวมใส่กระโปรงเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับกระโปรงในแบบโกธิกและวัฒนธรรมโลลิต้า - เสื้อคลุม เสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อปกปิดร่างกาย เสื้อคลุมอาจยาวกว่าเข่าหรือสั้นกว่า และสวมใส่เป็นชุดชั้นในอีกด้วย - สลิป - ถุงน่อง - สตริงบอดี้ - ธอง เป็นลักษณะของกางเกงสำหรับชุดชั้นใน หรือชุดว่ายน้ำ มีลักษณะแถบที่บางในด้านหลัง เมื่อใส่แล้วจะมีการเผยแก้มก้นออกมา - เท็ดดี้ - กางเกงใน เสื้อผ้าที่สวมใต้เสื้อผ้า หรือที่เรียกว่า "ชุดชั้นใน" - ยูนิตาร์ด หนึ่งชิ้นเสื้อผ้ากระชับผิว
แนวคิดของชุดชั้นในสตรีให้เป็นชุดชั้นในที่ดึงดูดสายตาพัฒนาขึ้นโดยใคร
{ "answer": [ "เลดี้ดัฟฟ์ กอร์ดอน" ], "answer_begin_position": [ 515 ], "answer_end_position": [ 533 ] }
1,284
850,086
ชุดชั้นในสตรี ชุดชั้นในสตรี เป็นชุดชั้นในของผู้หญิง และอาจบ่งบอกถึงแฟชั่น ความทันสมัย และมีเสน่ห์ ชุดชั้นในถูกออกแบบด้วยผ้าให้มีความยืดหยุ่น และตกแต่งสวยงาม เช่น ไลคร่า ไนลอน (ไนลอนสามล้อ) เส้นใยสังเคราะห์ แพรซาติน ลูกไม้ ผ้าไหม ผ้าเชียร์ สิ่งทอ ชุดชั้นในผ้าฝ้ายหรือผ้าสังเคราะห์บางชนิดก็เป็นชุดชั้นในสตรีต้นกำเนิด ต้นกำเนิด. แนวคิดของชุดชั้นในสตรี ให้เป็นชุดชั้นในที่ดึงดูดสายตา ซึ่งพัฒนาขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมีเลดี้ดัฟฟ์ กอร์ดอน แห่งลูเซลเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาชุดชั้นในสตรีที่จากชุดเครื่องรัดตัวที่เข้มงวด. ผ่านช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้หญิงสวมชุดชั้นในด้วยเหตุผลหลักสามประการ: เพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างภายนอกของพวกเขา (ชุดแรก คือ ชุดเครื่องรัดตัว และต่อมา คือ ชุดชั้นในยกทรง) ด้วยเหตุผลด้านสุขอนามัย  ก่อนการประดิษฐ์ของครีโนลิน ชุดชั้นในของผู้หญิงมักมีขนาดใหญ่ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็มีขนาดรัดตัว เล็กลง น้อยและกระชับ และถูกแทนที่ด้วยชุดชั้นในยกทรง ได้รับการจดสิทธิบัตรครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดย คาเรสซี ครอสบี้ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผู้หญิงพบว่าตนเองมีบทบาทในการทำงานของผู้ชาย สร้างความต้องการกางเกงในมากขึ้น. ผู้ผลิตเริ่มใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบาและระบายอากาศมากขึ้น อันเดร คัร์เรกส เป็นคนแรกที่ทำชุดชั้นในผู้หญิงสำหรับกลุ่มเยาวชน ในคอลเลกชั่นปี ค.ศ. 1965 นำเสนอชุดชั้นในในรูปแบบเซ็กซี่ เย้ายวน สื่อถึงภาพลักษณ์ผู้หญิงในสมัยใหม่  ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชุดชั้นในสตรีมีรูปแบบขนาดเล็ก และมีแบบที่หลากหลายมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1960 ผู้ผลิตชุดชั้นใน เช่น เฟรดเดอริก แห่งฮอลลีวูด ก็เริ่มสนในชุดชั้นใน อุตสาหกรรมชุดชั้นในเริ่มขยายตัวในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ด้วยการออกแบบที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของแจ๊กเก็ตโครงสร้างตลาด โครงสร้างตลาด. ตลาดชุดชั้นในของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถูกผลักดันโดยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผ้าที่ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ชุดชั้นในยกทรงไร้รอยต่อที่ตัดด้วยเลเซอร์และยกทรงเสื้อยืด นักออกแบบเริ่มให้ความสำคัญกับผ้า เย็บปักถักร้อย และสีสดใสมากขึ้น. ตลาดชุดชั้นในทั่วโลกในปี ค.ศ. 2003 อยู่ที่ประมาณ 29 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ในปี ค.ศ. 2005 ยกทรงคิดเป็นร้อยละ 56 ของตลาดชุดชั้นใน และกางเกงในคิดเป็นร้อยละ 29 วิกตอเรียส์ซีเคร็ต เป็นร้านค้าปลีกชั้นนำของสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ดำเนินงานโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ตลาดยุโรปมี ไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล และ DB Apparel ที่โดดเด่นกว่า นอกจากนี้ยังมีบ้านชุดชั้นในแบบฝรั่งเศส รวมทั้ง Chantelle, Aubade และ Simone Pérèle แต่ละแบรด์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในสไตล์ฝรั่งเศส ตั้งแต่ช่วงกลางปี ค.ศ.1990 ผู้หญิงมีทางเลือกมากขึ้นของขนาดของชุดชั้นใน จุดสนใจได้เปลี่ยนจากการเลือกยกทรงในขนาดที่เฉลี่ย ก็สวมใส่ยกทรงที่พอดีกับตัวเองและสมบูรณ์แบบ ในสหราชอาณาจักรสื่อมวลชนกำลังรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับความจำเป็นในการที่ผู้หญิงแต่ละคนจะมีชุดชั้นในที่เหมาะกับตัวเองก่อนการซื้อทุกครั้งการจำแนกประเภทการจำแนกประเภท. - เบบี้ดอล เป็นชุดนอนสั้นๆ มักจะสวมใส่กับกางเกงชั้นใน - บาสก์ ชุดชั้นในหรือเสื้อคลุมกระชับสัดส่วน - แบดกราวน์ เป็นชุดนอนหรือผ้าคลุมไหล่เพื่อความอบอุ่น - บิกีนี มีสองชิ้นประกอบด้วยยกทรงและกางเกงชั้นใน หรือ G-string และ thong - ชุดกีฬาผู้หญิง ถูกสวมใส่มาหลายทศวรรษในช่วงแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่ไม่ได้สวมใส่กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ยังมีชื่อเล่นสำหรับกางเกงในเชียร์ลีดเดอร์ - บอดี้สต๊อกกิ๊ง มักใช้เพื่อให้ดูผอมลง - บอดี้สกิน - บอดิส ครอบคลุมร่างกายจากคอถึงเอว อาจเสริมด้วยเหล็กหรือกระดูกเพื่อให้การรองรับเต้านมมากขึ้น - บอยซูส, สไตล์ของกางเกงชั้นในคล้ายคลึงกับกางเกงขาสั้นเด็กผู้ชาย - ยกทรง เรียกกันทั่วไปว่าเป็นชุดชั้นในกระชับ สวมใส่เพื่อช่วยยกทรงทรวงอกของผู้หญิง - เคมมิ่งนิเกิล - ชิคกี้ คำที่ใช้เพื่อระบุว่าเสื้อผ้าแสดงส่วนล่างของก้น - เสื้อคลุมอาบน้ำ ชุดชั้นในแบบชิ้นเดียวที่มีรูปร่างเหมือนชุดนอน ไม่มีแขนก้อย มันคล้ายกับเบบี้ดอล - โคเซ็ท เสื้อท่อนบนสวมใส่เพื่อกระชับรูปร่างลำตัว - เกราะ หรือ แมร์รี่วิโดว์ - แฟรนเมด - จี-สตริง- สายรัดถุงเท้า ใช้เพื่อเป็นถุงน่อง - กริเดิล - กางเกงยาย ชื่อเล่นสำหรับกางเกงที่มีเอวสูงและครอบคลุมก้นมาก - เจอร์ซี่ ไนท์เชิ๊ตเสื้อยืดยาว ๆ หลวม ๆ ทำจากผ้าฝ้ายโพลีเอสเตอร์ผ้าไนล่อนหรือผ้าชีฟอง - กิโมโน เป็นเสื้อยืดรูปตัว T แบบเรียงราย - ไนท์กราวน์ - เสื้อนอน - เสื้อเพนวา - กระโปรงชั้นใน โดดเด่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 20 มักจะสวมใส่กระโปรงเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับกระโปรงในแบบโกธิกและวัฒนธรรมโลลิต้า - เสื้อคลุม เสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อปกปิดร่างกาย เสื้อคลุมอาจยาวกว่าเข่าหรือสั้นกว่า และสวมใส่เป็นชุดชั้นในอีกด้วย - สลิป - ถุงน่อง - สตริงบอดี้ - ธอง เป็นลักษณะของกางเกงสำหรับชุดชั้นใน หรือชุดว่ายน้ำ มีลักษณะแถบที่บางในด้านหลัง เมื่อใส่แล้วจะมีการเผยแก้มก้นออกมา - เท็ดดี้ - กางเกงใน เสื้อผ้าที่สวมใต้เสื้อผ้า หรือที่เรียกว่า "ชุดชั้นใน" - ยูนิตาร์ด หนึ่งชิ้นเสื้อผ้ากระชับผิว
ชุดชั้นในยกทรงไร้รอยต่อที่ตัดด้วยเลเซอร์และยกทรงเสื้อยืดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในช่วงใด
{ "answer": [ "คริสต์ศตวรรษที่ 21" ], "answer_begin_position": [ 1678 ], "answer_end_position": [ 1696 ] }
1,285
179,888
แรงเทียน แรงเทียน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2531 เป็นผลงานลำดับที่ ของพรพจน์-รัชนีวรรณ กำกับโดยพรพจน์ กนิษฐเสน จากบทประพันธ์ของ ชลาลัย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี-นักแสดงดาวรุ่งหญิงเรื่องย่อ เรื่องย่อ. เทียนศรี (ลลิตา ปัญโญภาส) ผิดหวังกับความรัก จึงทำให้เธอมองว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะจริงใจกับเธอ แล้วเธอต้องมาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ โดยผู้ที่เธอขับรถไปชนก็คือทิวา (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ทิวาให้การช่วยเหลือเทียนศรีทุกอย่าง เพราะเขาเริ่มที่จะชอบเธอ เทียนศรีก็พอจะมีใจให้ แต่วันหนึ่งเธอก็ได้รู้ว่าทิวาเป็นพี่เขยของแฟนเก่าเธอ ทำให้เทียนศรีเสียใจมาก และอยากจะไปจากที่ที่เคยอยู่ ความรักของเขาทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ทิวาจะสามารถทำให้เทียนศรีได้รับรู้ถึงความรักที่เขามีต่อเธอได้หรือไม่ หรือเธอจะจากเขาไปจริงๆ...นักแสดงนำในแต่ละปีนักแสดงนักแสดง. - ลลิตา ปัญโญภาส - รับบท เทียนศรี - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง - รับบท ทิวา - ราตรี วิทวัส - รับบท ราตรี - วัชระ ปานเอี่ยม - เฉลิมพร พุ่มพันธุ์วงศ์ - รับบท ธีรัตน์แรงเทียน พ.ศ. 2536 แรงเทียน พ.ศ. 2536. สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 5- บทประพันธ์ ชลาลัย,บทโทรทัศน์ วโรดม - เทียนศรี รับบทโดย สุธิตา เกตานนท์ - ทิวา รับบทโดย สถาพร นาควิไลโรจน์ - ราตรี รับบทโดย มณฑาทิพย์ แก้วประเสริฐ - ธีรัตน์ รับบทโดย กิตติพันธ์ พุ่มสุโขเพลงประกอบละครพ.ศ. 2536พ.ศ. 2536. - แรงเทียน ขับร้องโดย วิภา จันทรกูล
แรงเทียน เป็นภาพยนตร์ไทย ออกฉายในปี พ.ศ.2531 กำกับโดยใคร
{ "answer": [ "พรพจน์ กนิษฐเสน" ], "answer_begin_position": [ 186 ], "answer_end_position": [ 201 ] }
1,286
179,888
แรงเทียน แรงเทียน เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2531 เป็นผลงานลำดับที่ ของพรพจน์-รัชนีวรรณ กำกับโดยพรพจน์ กนิษฐเสน จากบทประพันธ์ของ ชลาลัย ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี-นักแสดงดาวรุ่งหญิงเรื่องย่อ เรื่องย่อ. เทียนศรี (ลลิตา ปัญโญภาส) ผิดหวังกับความรัก จึงทำให้เธอมองว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะจริงใจกับเธอ แล้วเธอต้องมาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ โดยผู้ที่เธอขับรถไปชนก็คือทิวา (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ทิวาให้การช่วยเหลือเทียนศรีทุกอย่าง เพราะเขาเริ่มที่จะชอบเธอ เทียนศรีก็พอจะมีใจให้ แต่วันหนึ่งเธอก็ได้รู้ว่าทิวาเป็นพี่เขยของแฟนเก่าเธอ ทำให้เทียนศรีเสียใจมาก และอยากจะไปจากที่ที่เคยอยู่ ความรักของเขาทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ทิวาจะสามารถทำให้เทียนศรีได้รับรู้ถึงความรักที่เขามีต่อเธอได้หรือไม่ หรือเธอจะจากเขาไปจริงๆ...นักแสดงนำในแต่ละปีนักแสดงนักแสดง. - ลลิตา ปัญโญภาส - รับบท เทียนศรี - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง - รับบท ทิวา - ราตรี วิทวัส - รับบท ราตรี - วัชระ ปานเอี่ยม - เฉลิมพร พุ่มพันธุ์วงศ์ - รับบท ธีรัตน์แรงเทียน พ.ศ. 2536 แรงเทียน พ.ศ. 2536. สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 5- บทประพันธ์ ชลาลัย,บทโทรทัศน์ วโรดม - เทียนศรี รับบทโดย สุธิตา เกตานนท์ - ทิวา รับบทโดย สถาพร นาควิไลโรจน์ - ราตรี รับบทโดย มณฑาทิพย์ แก้วประเสริฐ - ธีรัตน์ รับบทโดย กิตติพันธ์ พุ่มสุโขเพลงประกอบละครพ.ศ. 2536พ.ศ. 2536. - แรงเทียน ขับร้องโดย วิภา จันทรกูล
ภาพยนตร์เรื่อง แรงเทียน ในปีพ.ศ. 2536 นักแสดงคนไหนรับบทเป็นเทียนศรี
{ "answer": [ "สุธิตา เกตานนท์" ], "answer_begin_position": [ 1130 ], "answer_end_position": [ 1145 ] }
1,287
330,657
คนปีมะ คนปีมะ (อังกฤษ: Man of Ma Year) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องที่ 3 ของพระนครฟิลม์ เป็นภาพยนตร์แนวตลก ออกฉายเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2545 กำกับภาพยนตร์โดย โน้ต เชิญยิ้ม เรื่องแต่งโดย สมชาย ไพรินทร์วิจิตร ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยรายได้ 24.8 ล้านบาทเรื่องย่อ เรื่องย่อ. ชายหนุ่มทั้ง 5 ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ประกอบไปด้วย นก (นภัสกร มิตรเอม) นักมวยบ้านนอกผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นดาราเหมือน ฉัตรชัย เปล่งพานิช , เดวิด (ถั่วแระ เชิญยิ้ม) นักมายากลผู้ใฝ่ฝันว่า สักวันจะได้ไปยืนเคียงข้างเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ , เป้า (ชูศรี เชิญยิ้ม) ผู้ใฝ่ฝันว่าอยากจะดังอย่างสายัณห์ สัญญา , กุ้ง (จตุรงค์ มกจ๊ก) ลิเกผู้ใฝ่ฝันอยากดังเหมือนกุ้ง สุทธิราช และรายสุดท้ายที่มาแปลกสุด คือ สายฟ้า (หนู เชิญยิ้ม) เทวดาที่ถูกสวรรค์ลงโทษให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ และต้องทำความดีชดใช้ความผิดเก่า เพื่อจะได้กลับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ได้ดังเดิม วันหนึ่ง ทั้งหมดเกิดต้องไปข้องแวะกับแก๊งอิทธิพลมืดของ นายอำนาจ (กรุง ศรีวิไล) นักธุรกิจผู้มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญชอบสงเคราะห์คนยาก แต่แท้ที่จริงเป็นพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดมาก แถมยังป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์อีกต่างหาก เรื่องราวยุ่งยากมากขึ้น เมื่อนกดันไปแอบชอบพอกับ โอ๋ (นิธิพร มั่นนาค) หญิงสาวแสนดีที่ทำงานอยู่กับนายอำนาจ โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของเจ้านายตัวเองเลย
คนปีมะ กำกับโดย โน้ต เชิญยิ้ม เป็นภาพยนตร์แนวไหน
{ "answer": [ "แนวตลก" ], "answer_begin_position": [ 174 ], "answer_end_position": [ 180 ] }
3,880
330,657
คนปีมะ คนปีมะ (อังกฤษ: Man of Ma Year) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องที่ 3 ของพระนครฟิลม์ เป็นภาพยนตร์แนวตลก ออกฉายเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2545 กำกับภาพยนตร์โดย โน้ต เชิญยิ้ม เรื่องแต่งโดย สมชาย ไพรินทร์วิจิตร ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยรายได้ 24.8 ล้านบาทเรื่องย่อ เรื่องย่อ. ชายหนุ่มทั้ง 5 ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ประกอบไปด้วย นก (นภัสกร มิตรเอม) นักมวยบ้านนอกผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นดาราเหมือน ฉัตรชัย เปล่งพานิช , เดวิด (ถั่วแระ เชิญยิ้ม) นักมายากลผู้ใฝ่ฝันว่า สักวันจะได้ไปยืนเคียงข้างเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ , เป้า (ชูศรี เชิญยิ้ม) ผู้ใฝ่ฝันว่าอยากจะดังอย่างสายัณห์ สัญญา , กุ้ง (จตุรงค์ มกจ๊ก) ลิเกผู้ใฝ่ฝันอยากดังเหมือนกุ้ง สุทธิราช และรายสุดท้ายที่มาแปลกสุด คือ สายฟ้า (หนู เชิญยิ้ม) เทวดาที่ถูกสวรรค์ลงโทษให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ และต้องทำความดีชดใช้ความผิดเก่า เพื่อจะได้กลับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ได้ดังเดิม วันหนึ่ง ทั้งหมดเกิดต้องไปข้องแวะกับแก๊งอิทธิพลมืดของ นายอำนาจ (กรุง ศรีวิไล) นักธุรกิจผู้มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญชอบสงเคราะห์คนยาก แต่แท้ที่จริงเป็นพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดมาก แถมยังป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์อีกต่างหาก เรื่องราวยุ่งยากมากขึ้น เมื่อนกดันไปแอบชอบพอกับ โอ๋ (นิธิพร มั่นนาค) หญิงสาวแสนดีที่ทำงานอยู่กับนายอำนาจ โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงความร้ายกาจของเจ้านายตัวเองเลย
คนปีมะ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องที่ 3 ของพระนครฟิลม์ ออกฉายเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2545 ผู้กำกับภาพยนตร์คือใคร
{ "answer": [ "โน้ต เชิญยิ้ม" ], "answer_begin_position": [ 237 ], "answer_end_position": [ 250 ] }
1,288
709,700
ชีคเย ชีคเย () เป็นเครื่องดื่มพื้นบ้านชนิดหนึ่งของเกาหลี ได้จากการนำน้ำหมักแป้งมอลต์ข้าวบาร์ลีย์ไปอุ่นกับข้าวสุกและน้ำตาลทราย กรองเอาเมล็ดข้าวออกแล้วต้มกับน้ำตาลทรายอีกครั้ง จากนั้นนำไปแช่เย็น เมื่อจะเสิร์ฟจึงใส่เมล็ดข้าวสุกและเมล็ดสนลงไปเล็กน้อย ร้านอาหารเกาหลีมักจะเสิร์ฟชีคเยแบบทำเองเป็นของหวานหลังมื้ออาหาร แต่ก็มีการผลิตชีคเยในรูปแบบเครื่องดื่มกระป๋องและขวดพลาสติกออกวางจำหน่ายทั่วไป
ชีคเยเป็นเครื่องดื่มพื้นบ้านของประเทศอะไร
{ "answer": [ "เกาหลี" ], "answer_begin_position": [ 130 ], "answer_end_position": [ 136 ] }
1,289
709,700
ชีคเย ชีคเย () เป็นเครื่องดื่มพื้นบ้านชนิดหนึ่งของเกาหลี ได้จากการนำน้ำหมักแป้งมอลต์ข้าวบาร์ลีย์ไปอุ่นกับข้าวสุกและน้ำตาลทราย กรองเอาเมล็ดข้าวออกแล้วต้มกับน้ำตาลทรายอีกครั้ง จากนั้นนำไปแช่เย็น เมื่อจะเสิร์ฟจึงใส่เมล็ดข้าวสุกและเมล็ดสนลงไปเล็กน้อย ร้านอาหารเกาหลีมักจะเสิร์ฟชีคเยแบบทำเองเป็นของหวานหลังมื้ออาหาร แต่ก็มีการผลิตชีคเยในรูปแบบเครื่องดื่มกระป๋องและขวดพลาสติกออกวางจำหน่ายทั่วไป
เครื่องดื่มชีคเยในประเทศเกาหลีมักถูกเสริฟเป็นอะไร
{ "answer": [ "ของหวาน" ], "answer_begin_position": [ 370 ], "answer_end_position": [ 377 ] }
1,290
709,863
พระยาแสนหลวง (เวียง) พระยาแสนหลวง (เวียง) เดิมชื่อเวียง เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มีบทบาทในสมัยราชอาณาจักรล้านช้างตอนปลาย มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเมืองจันในสมัยพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช พระยาเมืองจันได้สนับสนุนพระอุปยุวราช พระราชโอรสของพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช เมื่อพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชเสด็จไปหลวงพระบางเมื่อพ.ศ. 2165 พระยาเมืองจันได้ก่อกบฏยึดเมืองเวียงจันทน์ แต่พระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชให้เจ้าหม่อมไชยและพระยาอนุชิตยกทัพลงมาปราบ พระยาเมืองจันแพ้ หนีไปตั้งมั่นที่เวียงคุก (ฝั่งเดียวกับหนองคาย) ต่อมาได้ยกทัพมาตีเวียงจันทน์อีก คราวนี้เป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชหนีออกจากเมืองไป พระยาเมืองจันตามไปสังหารพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชได้ พระยาเมืองจันได้ยกพระอุปยุวราชขึ้นเป็นกษัตริย์ ตนเองได้เป็นพรยาแสนหลวง (เวียง) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อพระอุปยุวราชสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2166 พระยาแสนหลวงต้องการสนับสนุนให้พระหม่อมแก้วขึ้นครองราชย์ แต่เสนาอำมาตย์อื่นๆไม่เห็นด้วย ได้เชิญพระยานครหลวงพิชิต เจ้าเมืองมรุกขนครมาครองราชย์เป็นพระบัณฑิตโพธิศาละราชแทน พระบัณฑิตโพธิศาละราชได้ตั้งให้เจ้าหม่อมไชยเป็นอุปราชและจัดการปกครองบ้านเมืองใหม่ ทำให้พระยาแสนหลวงเสียผลประโยชน์ และก่อกบฏขึ้นอีกครั้งใน พ.ศ. 2167 แต่สำเร็จและได้หลบหนีไป จนกระทั่งพระบัณฑิตโพธิศาละราชสวรรคตและพระหม่อมแก้วขึ้นครองราชสมบัติ พระยาแสนหลวงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกก่อกบฏขึ้นอีกใน พ.ศ. 2171 ครั้งนี้ พระยาแสนหลวงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกจับตัวได้และถูกประหารชีวิตในที่สุด
พระยาแสนหลวงเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่มีบทบาทในสมัยใด
{ "answer": [ "สมัยราชอาณาจักรล้านช้างตอนปลาย" ], "answer_begin_position": [ 184 ], "answer_end_position": [ 214 ] }
1,291
709,863
พระยาแสนหลวง (เวียง) พระยาแสนหลวง (เวียง) เดิมชื่อเวียง เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มีบทบาทในสมัยราชอาณาจักรล้านช้างตอนปลาย มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเมืองจันในสมัยพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช พระยาเมืองจันได้สนับสนุนพระอุปยุวราช พระราชโอรสของพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราช เมื่อพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชเสด็จไปหลวงพระบางเมื่อพ.ศ. 2165 พระยาเมืองจันได้ก่อกบฏยึดเมืองเวียงจันทน์ แต่พระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชให้เจ้าหม่อมไชยและพระยาอนุชิตยกทัพลงมาปราบ พระยาเมืองจันแพ้ หนีไปตั้งมั่นที่เวียงคุก (ฝั่งเดียวกับหนองคาย) ต่อมาได้ยกทัพมาตีเวียงจันทน์อีก คราวนี้เป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชหนีออกจากเมืองไป พระยาเมืองจันตามไปสังหารพระเจ้าวรวงศาธรรมิกราชได้ พระยาเมืองจันได้ยกพระอุปยุวราชขึ้นเป็นกษัตริย์ ตนเองได้เป็นพรยาแสนหลวง (เวียง) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อพระอุปยุวราชสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2166 พระยาแสนหลวงต้องการสนับสนุนให้พระหม่อมแก้วขึ้นครองราชย์ แต่เสนาอำมาตย์อื่นๆไม่เห็นด้วย ได้เชิญพระยานครหลวงพิชิต เจ้าเมืองมรุกขนครมาครองราชย์เป็นพระบัณฑิตโพธิศาละราชแทน พระบัณฑิตโพธิศาละราชได้ตั้งให้เจ้าหม่อมไชยเป็นอุปราชและจัดการปกครองบ้านเมืองใหม่ ทำให้พระยาแสนหลวงเสียผลประโยชน์ และก่อกบฏขึ้นอีกครั้งใน พ.ศ. 2167 แต่สำเร็จและได้หลบหนีไป จนกระทั่งพระบัณฑิตโพธิศาละราชสวรรคตและพระหม่อมแก้วขึ้นครองราชสมบัติ พระยาแสนหลวงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกก่อกบฏขึ้นอีกใน พ.ศ. 2171 ครั้งนี้ พระยาแสนหลวงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกจับตัวได้และถูกประหารชีวิตในที่สุด
การก่อกบฏในปีใดที่ทำให้พระยาแสนหลวงพ่ายแพ้และถูกจับประหารชีวิต
{ "answer": [ "พ.ศ. 2171" ], "answer_begin_position": [ 1321 ], "answer_end_position": [ 1330 ] }
1,292
6,843
ศุภชัย พานิชภักดิ์ ศุภชัย พานิชภักดิ์ ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 ก่อนหน้านั้นเคยรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ศุภชัยมีชื่อเรียกย่อ ๆ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า ดร.ซุปครอบครัว ครอบครัว. ศุภชัย พานิชภักดิ์ เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่ กรุงเทพมหานคร ลูกหลานชาวจีนแคะ เป็นบุตรของนายพร และนางเพ็ญผล พานิชภักดิ์ สมรสกับนางศสัย พานิชภักดิ์ มีบุตรธิดา 2 คน ได้แก่นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส และ น.ส.นฤน พานิชภักดิ์ ดีไซน์เนอร์การศึกษาการศึกษา. - ระดับประถม-มัธยมศึกษาปีที่ 6 จาก โรงเรียนเซนต์คาเบรียล - ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 7 และ 8 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา - ระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (เศรษฐมิติ) Development Planning จาก Netherlands School of Economics, Rotterdam - ระดับปริญญาเอกด้านการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยอีราสมุส เมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์การทำงาน การทำงาน. เริ่มทำงานกับ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ CAMBRIDGE ตำแหน่ง VISITING FELLOW ปี 2516ธนาคารแห่งประเทศไทยธนาคารแห่งประเทศไทย. - พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2519 - ผู้ค้นคว้าการศึกษาพิเศษฝ่ายวิชาการ - พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2521 - ผู้ค้นคว้าประจำสำนักผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย - พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2522 - ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนธุรกิจต่างประเทศ ฝ่ายการต่างประเทศ - พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2525 - หัวหน้าส่วนตรวจสอบและวิเคราะห์การปริวรรตฝ่ายต่างประเทศ - พ.ศ. 2525 - พ.ศ. 2527 - ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย - พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2529 - ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินงานการเมืองงานการเมือง. - พ.ศ. 2529 - เข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก - พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2531 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง - พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2534 - ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี - พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535 - สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ - พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2538 - รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ - พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2543 - รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อื่นๆอื่นๆ. - ศาสตราจารย์มูลนิธิโสภณพนิช คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2532 - คณบดีบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ - กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - ศาสตราภิชาน คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ - นายกสภา มหาวิทยาลัยโยนก - ประธานกรรมการและกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 - กรรมการ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) - ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด - กรรมการบริษัท บางกอกอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลล์ จำกัด - ประธานกรรมการบริษัท นิวอิมพีเรียลโฮเต็ล ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 - กรรมการบริษัทกฤษดานคร ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 เพื่อเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย - พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535 - กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย - พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2546 - ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ ; WTO) โดยแบ่งกันดำรงตำแหน่งคนละ 3 ปี กับนายไมค์ มัวร์ เนื่องจากไม่สามารถหาข้อยุติด้วยการลงมติเป็นเอกฉันท์ได้ โดยขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2545- พ.ศ. 2546 - Visiting Professor ที่ The International Institute for Management Development เมือง Lausanne ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน - เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) โดย นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เสนอชื่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งหลังจากหมดวาระใน องค์การการค้าโลก และได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2535 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น มหาประมาภรณ์ช้างเผือก - พ.ศ. 2534 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฎ
ศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ของบริษัทอะไร
{ "answer": [ "บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)" ], "answer_begin_position": [ 153 ], "answer_end_position": [ 187 ] }
1,293
6,843
ศุภชัย พานิชภักดิ์ ศุภชัย พานิชภักดิ์ ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 ก่อนหน้านั้นเคยรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ศุภชัยมีชื่อเรียกย่อ ๆ ที่รู้จักกันทั่วไปว่า ดร.ซุปครอบครัว ครอบครัว. ศุภชัย พานิชภักดิ์ เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่ กรุงเทพมหานคร ลูกหลานชาวจีนแคะ เป็นบุตรของนายพร และนางเพ็ญผล พานิชภักดิ์ สมรสกับนางศสัย พานิชภักดิ์ มีบุตรธิดา 2 คน ได้แก่นาย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส และ น.ส.นฤน พานิชภักดิ์ ดีไซน์เนอร์การศึกษาการศึกษา. - ระดับประถม-มัธยมศึกษาปีที่ 6 จาก โรงเรียนเซนต์คาเบรียล - ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 7 และ 8 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา - ระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (เศรษฐมิติ) Development Planning จาก Netherlands School of Economics, Rotterdam - ระดับปริญญาเอกด้านการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยอีราสมุส เมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์การทำงาน การทำงาน. เริ่มทำงานกับ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ CAMBRIDGE ตำแหน่ง VISITING FELLOW ปี 2516ธนาคารแห่งประเทศไทยธนาคารแห่งประเทศไทย. - พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2519 - ผู้ค้นคว้าการศึกษาพิเศษฝ่ายวิชาการ - พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2521 - ผู้ค้นคว้าประจำสำนักผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย - พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2522 - ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนธุรกิจต่างประเทศ ฝ่ายการต่างประเทศ - พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2525 - หัวหน้าส่วนตรวจสอบและวิเคราะห์การปริวรรตฝ่ายต่างประเทศ - พ.ศ. 2525 - พ.ศ. 2527 - ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย - พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2529 - ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินงานการเมืองงานการเมือง. - พ.ศ. 2529 - เข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยลงสมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก - พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2531 - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง - พ.ศ. 2532 - พ.ศ. 2534 - ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี - พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535 - สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ - พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2538 - รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ - พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2543 - รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อื่นๆอื่นๆ. - ศาสตราจารย์มูลนิธิโสภณพนิช คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2532 - คณบดีบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ - กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - ศาสตราภิชาน คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ - นายกสภา มหาวิทยาลัยโยนก - ประธานกรรมการและกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 - กรรมการ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) - ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด - กรรมการบริษัท บางกอกอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลล์ จำกัด - ประธานกรรมการบริษัท นิวอิมพีเรียลโฮเต็ล ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 - กรรมการบริษัทกฤษดานคร ลาออกเมื่อ 30 ก.ย.2535 เพื่อเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย - พ.ศ. 2534 - พ.ศ. 2535 - กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย - พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2546 - ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ ; WTO) โดยแบ่งกันดำรงตำแหน่งคนละ 3 ปี กับนายไมค์ มัวร์ เนื่องจากไม่สามารถหาข้อยุติด้วยการลงมติเป็นเอกฉันท์ได้ โดยขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2545- พ.ศ. 2546 - Visiting Professor ที่ The International Institute for Management Development เมือง Lausanne ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน - เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) โดย นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เสนอชื่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งหลังจากหมดวาระใน องค์การการค้าโลก และได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2535 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น มหาประมาภรณ์ช้างเผือก - พ.ศ. 2534 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฎ
ศุภชัย พานิชภักดิ์ ได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองครั้งแรกเมื่อปีใด
{ "answer": [ "พ.ศ. 2529" ], "answer_begin_position": [ 1748 ], "answer_end_position": [ 1757 ] }
1,298
548,776
พุทราทะเล พุทราทะเล เป็นไม้พุ่มในวงศ์ Olacaceae ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีสีเทาอมแดง ผิวแตกตามความยาวของลำต้น มีหนามแต่ไม่มาก ใบเดี่ยว ดอกช่อ ออกตามง่ามใบ ผลเดี่ยว กลมยาวเล็กน้อย เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวของผลไม่เรียบมีปุ่มเล็กน้อย ผลใช้รับประทานได้ เนื้อผลมีรสเปรี้ยว ใบใช้รับประทานเป็นผักได้ แต่เนื่องจากมีไซยาไนด์ จึงต้องปรุงสุกก่อนและไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ ในอินเดียใช้น้ำมันในเมล็ดปรุงอาหาร เมล็ดรับประทานได้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ในอินโดนีเซียใช้ใบปรุงรสชาติอาหาร เปลือกลำต้นมีแทนนิน เนื้อไม้แข็ง มีกลิ่นหอม
พุทราทะเล เป็นไม้พุ่มในวงศ์อะไร
{ "answer": [ "Olacaceae" ], "answer_begin_position": [ 122 ], "answer_end_position": [ 131 ] }
1,299
548,776
พุทราทะเล พุทราทะเล เป็นไม้พุ่มในวงศ์ Olacaceae ไม่ผลัดใบ ลำต้นมีสีเทาอมแดง ผิวแตกตามความยาวของลำต้น มีหนามแต่ไม่มาก ใบเดี่ยว ดอกช่อ ออกตามง่ามใบ ผลเดี่ยว กลมยาวเล็กน้อย เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวของผลไม่เรียบมีปุ่มเล็กน้อย ผลใช้รับประทานได้ เนื้อผลมีรสเปรี้ยว ใบใช้รับประทานเป็นผักได้ แต่เนื่องจากมีไซยาไนด์ จึงต้องปรุงสุกก่อนและไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ ในอินเดียใช้น้ำมันในเมล็ดปรุงอาหาร เมล็ดรับประทานได้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ในอินโดนีเซียใช้ใบปรุงรสชาติอาหาร เปลือกลำต้นมีแทนนิน เนื้อไม้แข็ง มีกลิ่นหอม
สารอะไรที่อยู่ในใบพุทราทะเลจึงต้องทำให้สุกก่อนรับประทาน
{ "answer": [ "ไซยาไนด์" ], "answer_begin_position": [ 406 ], "answer_end_position": [ 414 ] }
1,300
543,590
ชินวุธ สุนทรสีมะ พันเอก ชินวุธ สุนทรสีมะ เป็นอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (ชวน 1) ในสัดส่วนของพรรคพลังธรรม และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร 2 สมัย พ.อ.ชินวุธเป็นนักเรียนนายร้อยเทคนิคหลักสูตร 5 ปี รุ่นที่ 10 (เข้าศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2486) นอกจากงานราชการทหาร และงานการเมือง นอกจากนี้แล้วยังมีผลงานเขียนหนังสือ ตำราอีกจำนวนมาก ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ และผลงานวิชาการเกี่ยวกับหลักการวิจัย วิทยานิพนธ์งานการเมือง งานการเมือง. พ.อ.ชินวุธ เป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคพลังธรรม เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 ต่อมาได้ลาออกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2537เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.อ.ชินวุธ สุนทรสีมะเป็นนักเรียนนายร้อยเทคนิคหลักสูตร 5 ปีรุ่นที่เท่าไร
{ "answer": [ "รุ่นที่ 10" ], "answer_begin_position": [ 328 ], "answer_end_position": [ 338 ] }
1,301
543,590
ชินวุธ สุนทรสีมะ พันเอก ชินวุธ สุนทรสีมะ เป็นอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (ชวน 1) ในสัดส่วนของพรรคพลังธรรม และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร 2 สมัย พ.อ.ชินวุธเป็นนักเรียนนายร้อยเทคนิคหลักสูตร 5 ปี รุ่นที่ 10 (เข้าศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2486) นอกจากงานราชการทหาร และงานการเมือง นอกจากนี้แล้วยังมีผลงานเขียนหนังสือ ตำราอีกจำนวนมาก ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ และผลงานวิชาการเกี่ยวกับหลักการวิจัย วิทยานิพนธ์งานการเมือง งานการเมือง. พ.อ.ชินวุธ เป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคพลังธรรม เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2535 ต่อมาได้ลาออกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2537เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ยุคของรัฐบาลของใครที่พ.อ.ชินวุธ สุนทรสีมะ ได้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
{ "answer": [ "นายชวน หลีกภัย" ], "answer_begin_position": [ 849 ], "answer_end_position": [ 863 ] }
1,302
350,135
วิบูลย์ แช่มชื่น ศาสตราจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น (Professor Dr.Wiboon Shamsheun) อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกาฬสินธุ์ประวัติ ประวัติ. ศาสตรจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เป็นอดีตอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เกิดที่อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาเป็นครูประชาบาล มารดาเป็นแม่บ้าน มีพี่น้อง 7 คน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนท่าคันโทวิทยายน ระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกาฬสินธุ์ศึกษา และโรงเรียนอุดมวิทยาอุดรธานี ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมโครงการ เอ เอฟ เอส ไปศึกษา ณ Chariton High School, Chariton, Iowa, USA (1966-67), สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา จากวิทยาลัยครูมหาสารคาม (มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม) ด้วยทุนคุรุสภา และปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ทุนกระทรวงศึกษาธิการ) ปริญญาโท ด้านการศึกษา จากมหาวิทยาลัยปันจาบ (ทุน Indian Government Cultural Scholarship) และปริญญาเอก สาขาารบริหารและการวิจัย จากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น) การศึกษาระดับหลังปนิญญา (post-graduate) ได้รับประกาศนียบัตร สำเร็จหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และ หลักสูตรกฎหมายมหาชน จากสถาบันพระปกเกล้า (ปรม.๑ และ ปปร.๗) และ ระหว่างปี 1988-89 ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลไทย ให้เป็น Congressional Fellow/Legislative Researcher ปฏิบัติหน้าที่ด้านการเมือง ประจำ ณ รัฐสภาอเมริกัน The US Congess, Washington D.C., สหรัฐอเมริกา โดยการสนับสนุนของ Asia Foundation ก่อนปฏิบัติงาน ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดร.วิบูลย์ เคยรับราชการเป็นอาจารย์และผู้บริหารในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เริ่มต้นรับราชการที่วิทยาลัยครูอุดรธานี (ม.ราชภัฏอุดรธานี) วิทยาลัยครูพระนคร (ม.ราชภัฏพระนคร) และ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาการเมือง การเมือง. ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกาฬสินธุ์ (2543-2549) ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง ส.ว. ครั้งแรกในประเทศไทย เคยทำหน้าทีเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เป็นผู้ริเริ่มและร่วมก่อตั้งสมาคมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศด้านสารสนเทศ (Inter-Parliamentary Association for Information Technology - IPAIT) เป็นผู้แทนรัฐสภาไทยในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ (AIPO และ IPU) ในปี 2552 ได้เป็นต้นเรื่องร้องเรียนต่อสหภาพรัฐสภาที่กรุงเจนีวา (IPU) เกี่ยวกับการละเมิดสิทธินักการเมืองของไทย โดยมิชอบ กรณีรัฐไทยใช้กฎ คปค.ตัดสิทธิทางการเมือง ๕ ปี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน โดยมิชอบเมื่อปี 2550 และ ตัดสิทธิกรรมการบริหาร 3 พรรคการเมืองอีก 109 คน เมื่อปี 2551 สุดท้าย IPU ได้ลงมติประณามประเทศไทย เมื่อ 19 ตุลาคม 2554 แต่รัฐไทยยังไม่มีการเยียวยาผู้เสียหายจนปัจจุบัน เมื่อหมดวาระหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (รธน.ห้ามสมัครสมัยที่2) ได้ทำงานด้านสื่อมวลชนทางโทรทัศน์ และเป็นผู้อำนวยการ และผู้เขียนบทบรรณาธิการ นสพ.ไทยเรดนิวส์ รายสัปดาห์ ทำงานสื่อหนังสือพิมพ์ระหว่าง การชุมนุมทางการเมือง ของกลุ่ม นปช. และสือทีวีทาง MV iNews (รายการ Thai Today, www.youtube.com/thaitodaytv) และ MV-Stars-Bangkok ทุกวันเสาร์ขอาทิตย์ 22.30-23.30 (รายการ มองไทยมองเทศ www.mongthaimongthet.com; www.youtube.com/mongthaimongthet) จนปัจจุบัน ดร.วิบูลย์เขียนหนังสือทางการเมืองเพื่อให้ความรู้ประชาธิปไตยชื่อ "ทางออกประเทศไทยต้องปฏิวัติประชาธิปไตย" พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ปัญญาชน (336 หน้า) วางจำหน่ายทั่วไป หลังจากรัฐบาลอภิสิทธิยุบสภา มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ใน ระบบบัญชีรายชื่อ (เขตประเทศ-ออกปราศรัยในทุกภูมิภาค หลายจังหวัด) เป็นบัญชีรายชื่อลำดับที่ 99 สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่เป็นลำดับที่ยังไม่ได้รับเลือกตั้ง เมือพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิกา ระหว่าง 8 กันยายน 2554 ถึง 15 มีนาคม 2555 ทำหน้าที่เน้นการเตรียมสังคมการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังจากวันที่ 15 มีนาคม 2555 จนถึงปัจจุบัน (กันยายน 2555) เป็นผู้นำเสนอทิศทางการร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของภูมิภาคเอเชียและ ASEAN ในการประชุม World Knowledge Forum 2012 ที่ โซล ประเทศเกาหลี ระหว่าง 8-11 ตุลาคม 2555 (อ่านใน www.facebook.com/drwiboon และ www.mongthaimongthet.com) ระหว่างเป็นสมาชิกวุฒิสภา และระหว่างการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับเชิญให้บรรยายในหัวข้อเรื่องต่างๆ ทั้งในด้านการเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์และสังคมทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งโดยตรงและผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2556 สภามหาวิทยาลัย UIDS (University of Inter-Disciplinary Studies) แห่งเมือง Dallas มลรัฐ Texas สหรัฐอเมริกา ได้นำประวัติและผลงานด้านวิชาการ ผลงานการเขียนเพื่อสาธารณะ หนังสือด้านวิชาการ และบทความข้อเขียนทางวิชาการหลายเรื่อง ที่ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้นำเสนอต่อสาธารณะ เข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้รับตำแหน่งทางวิชาการที่เหมาะสม และในการประชุมเดือน พฤษภาคม 2556 สภามหาวิทยาลัย UIDS ได้อนุมัติตำแหน่ง Professor/ศาสตราจารย์ ให้กับ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น/ ให้เป็น Professor Dr.Wiboon Shamsheun, Professor of Interdisciplinary Studies in Public Policy, Government and Educational Administration โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2548 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น ประถมาภรณ์ช้างเผือก
ศาสตรจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เป็นอดีตอาจารย์ของมหาวิทยาลัยใด
{ "answer": [ "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" ], "answer_begin_position": [ 289 ], "answer_end_position": [ 315 ] }
1,841
350,135
วิบูลย์ แช่มชื่น ศาสตราจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น (Professor Dr.Wiboon Shamsheun) อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกาฬสินธุ์ประวัติ ประวัติ. ศาสตรจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เป็นอดีตอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เกิดที่อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาเป็นครูประชาบาล มารดาเป็นแม่บ้าน มีพี่น้อง 7 คน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนท่าคันโทวิทยายน ระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกาฬสินธุ์ศึกษา และโรงเรียนอุดมวิทยาอุดรธานี ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมโครงการ เอ เอฟ เอส ไปศึกษา ณ Chariton High School, Chariton, Iowa, USA (1966-67), สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา จากวิทยาลัยครูมหาสารคาม (มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม) ด้วยทุนคุรุสภา และปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ทุนกระทรวงศึกษาธิการ) ปริญญาโท ด้านการศึกษา จากมหาวิทยาลัยปันจาบ (ทุน Indian Government Cultural Scholarship) และปริญญาเอก สาขาารบริหารและการวิจัย จากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น) การศึกษาระดับหลังปนิญญา (post-graduate) ได้รับประกาศนียบัตร สำเร็จหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และ หลักสูตรกฎหมายมหาชน จากสถาบันพระปกเกล้า (ปรม.๑ และ ปปร.๗) และ ระหว่างปี 1988-89 ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลไทย ให้เป็น Congressional Fellow/Legislative Researcher ปฏิบัติหน้าที่ด้านการเมือง ประจำ ณ รัฐสภาอเมริกัน The US Congess, Washington D.C., สหรัฐอเมริกา โดยการสนับสนุนของ Asia Foundation ก่อนปฏิบัติงาน ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดร.วิบูลย์ เคยรับราชการเป็นอาจารย์และผู้บริหารในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เริ่มต้นรับราชการที่วิทยาลัยครูอุดรธานี (ม.ราชภัฏอุดรธานี) วิทยาลัยครูพระนคร (ม.ราชภัฏพระนคร) และ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาการเมือง การเมือง. ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกาฬสินธุ์ (2543-2549) ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง ส.ว. ครั้งแรกในประเทศไทย เคยทำหน้าทีเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เป็นผู้ริเริ่มและร่วมก่อตั้งสมาคมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศด้านสารสนเทศ (Inter-Parliamentary Association for Information Technology - IPAIT) เป็นผู้แทนรัฐสภาไทยในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ (AIPO และ IPU) ในปี 2552 ได้เป็นต้นเรื่องร้องเรียนต่อสหภาพรัฐสภาที่กรุงเจนีวา (IPU) เกี่ยวกับการละเมิดสิทธินักการเมืองของไทย โดยมิชอบ กรณีรัฐไทยใช้กฎ คปค.ตัดสิทธิทางการเมือง ๕ ปี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน โดยมิชอบเมื่อปี 2550 และ ตัดสิทธิกรรมการบริหาร 3 พรรคการเมืองอีก 109 คน เมื่อปี 2551 สุดท้าย IPU ได้ลงมติประณามประเทศไทย เมื่อ 19 ตุลาคม 2554 แต่รัฐไทยยังไม่มีการเยียวยาผู้เสียหายจนปัจจุบัน เมื่อหมดวาระหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (รธน.ห้ามสมัครสมัยที่2) ได้ทำงานด้านสื่อมวลชนทางโทรทัศน์ และเป็นผู้อำนวยการ และผู้เขียนบทบรรณาธิการ นสพ.ไทยเรดนิวส์ รายสัปดาห์ ทำงานสื่อหนังสือพิมพ์ระหว่าง การชุมนุมทางการเมือง ของกลุ่ม นปช. และสือทีวีทาง MV iNews (รายการ Thai Today, www.youtube.com/thaitodaytv) และ MV-Stars-Bangkok ทุกวันเสาร์ขอาทิตย์ 22.30-23.30 (รายการ มองไทยมองเทศ www.mongthaimongthet.com; www.youtube.com/mongthaimongthet) จนปัจจุบัน ดร.วิบูลย์เขียนหนังสือทางการเมืองเพื่อให้ความรู้ประชาธิปไตยชื่อ "ทางออกประเทศไทยต้องปฏิวัติประชาธิปไตย" พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ปัญญาชน (336 หน้า) วางจำหน่ายทั่วไป หลังจากรัฐบาลอภิสิทธิยุบสภา มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ใน ระบบบัญชีรายชื่อ (เขตประเทศ-ออกปราศรัยในทุกภูมิภาค หลายจังหวัด) เป็นบัญชีรายชื่อลำดับที่ 99 สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่เป็นลำดับที่ยังไม่ได้รับเลือกตั้ง เมือพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิกา ระหว่าง 8 กันยายน 2554 ถึง 15 มีนาคม 2555 ทำหน้าที่เน้นการเตรียมสังคมการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังจากวันที่ 15 มีนาคม 2555 จนถึงปัจจุบัน (กันยายน 2555) เป็นผู้นำเสนอทิศทางการร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของภูมิภาคเอเชียและ ASEAN ในการประชุม World Knowledge Forum 2012 ที่ โซล ประเทศเกาหลี ระหว่าง 8-11 ตุลาคม 2555 (อ่านใน www.facebook.com/drwiboon และ www.mongthaimongthet.com) ระหว่างเป็นสมาชิกวุฒิสภา และระหว่างการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับเชิญให้บรรยายในหัวข้อเรื่องต่างๆ ทั้งในด้านการเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์และสังคมทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งโดยตรงและผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2556 สภามหาวิทยาลัย UIDS (University of Inter-Disciplinary Studies) แห่งเมือง Dallas มลรัฐ Texas สหรัฐอเมริกา ได้นำประวัติและผลงานด้านวิชาการ ผลงานการเขียนเพื่อสาธารณะ หนังสือด้านวิชาการ และบทความข้อเขียนทางวิชาการหลายเรื่อง ที่ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้นำเสนอต่อสาธารณะ เข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้รับตำแหน่งทางวิชาการที่เหมาะสม และในการประชุมเดือน พฤษภาคม 2556 สภามหาวิทยาลัย UIDS ได้อนุมัติตำแหน่ง Professor/ศาสตราจารย์ ให้กับ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น/ ให้เป็น Professor Dr.Wiboon Shamsheun, Professor of Interdisciplinary Studies in Public Policy, Government and Educational Administration โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2548 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น ประถมาภรณ์ช้างเผือก
ศาสตรจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เกิดที่อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพี่น้องกี่คน
{ "answer": [ "7 คน" ], "answer_begin_position": [ 401 ], "answer_end_position": [ 405 ] }
1,303
10,649
มะเร็ง มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย () เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และมีศักยภาพในการรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งที่เป็นไปได้รวมถึง:.. มีก้อนเนื้อเกิดใหม่, มีเลือดออกผิดปกติ, มีการไอเป็นเวลานาน, การสูญเสียน้ำหนักที่อธิบายไม่ได้, และการเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายของลำไส้และอื่น ๆ แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอื่น ๆได้เช่นกัน มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 100 ชนิด สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่ทราบแล้วว่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่ การสูบบุหรี่ (อัตราการตาย 22%) ปัจจัยด้านอาหาร, การขาดกิจกรรมการออกกำลังกาย, โรคอ้วน, และการบริโภคแอลกอฮอล์ (อัตราการตายรวมกัน 10%) นอกนั้นเป็นการติดเชื้อบางอย่าง, การสัมผัสรังสี, และมลภาวะสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เกือบ 20% ของโรคมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อเช่นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิด B, ชนิด C, และ human papillomavirus. โดยทั่วไปก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาขึ้น การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของยีนจะเกิดขึ้นก่อน ประมาณ 5–10% ของมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ยีนเสียหายโดยตรง หรืออาจประกอบกับความบกพร่องทางพันธุกรรมที่มีอยู่เดิมในเซลล์ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ มะเร็งราว 5–10% สามารถติดตามไปยังความบกพร่องทางพันธุกรรมแต่กำเนิดโดยตรง มะเร็งสามารถตรวจพบได้หลายวิธี รวมทั้งการมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง การตรวจคัดกรองโรค จากนั้น จะต้องทำการสร้างภาพทางการแพทย์ เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งแล้ว จะมีการวินิจฉัยเพื่อยืนยันโดยการตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อ () มะเร็งหลายประเภทสามารถป้องกันได้โดยการไม่สูบบุหรี่, รักษาน้ำหนักตัวเพื่อสุขภาพที่ดี, ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, กินอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืชมากๆ, ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อบางอย่าง, ไม่กินเนื้อแดงมากเกินไป, และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป การตรวจพบแต่เนิ่นๆผ่านการตรวจคัดกรองจะเป็นประโยชน์สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองสำหรับมะเร็งเต้านมยังมีความขัดแย้ง โรคมะเร็งมักจะได้รับการรักษาผสมกันของการรักษาด้วยรังสีบางอย่าง, การผ่าตัด, การรักษาด้วยเคมีบำบัด, และการรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมาย การจัดการกับการปวดและอาการอื่นเป็นส่วนสำคัญของการดูแล การดูแลแบบประคับประคองเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่โรคมีการพัฒนาไปมาก โอกาสของการอยู่รอดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรคในช่วงเริ่มต้นของการรักษา ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ที่วินิจฉัยอัตราการรอดตายในช่วงห้าปีใน โลกที่พัฒนาแล้วโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 80% สำหรับโรคมะเร็งในประเทศสหรัฐอเมริกาอัตราการรอดตายห้าปีเฉลี่ยอยู่ที่ 66% ในปี 2012 มีมะเร็งรายใหม่เกิดขึ้นทั่วโลกประมาณ 14,100,000 ราย (ไม่รวมถึงโรคมะเร็งผิวหนังอื่นที่ไม่ใช่เนื้องอก) มันะทำให้เกิดการเสียชีวิต 8,200,000 รายหรือ 14.6% ของการเสียชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด ชนิดที่พบบ่อยที่สุดของโรคมะเร็ง ในเพศชายเป็นมะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, และมะเร็งกระเพาะอาหาร ในเพศหญิงชนิดที่พบมากที่สุดคือมะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปอด, และมะเร็งปากมดลูก หากมะเร็งผิวหนังอื่นที่ไม่ใช่เนื้องอกถูกรวมอยู่ใน มะเร็งใหม่ทั้งหมด ในแต่ละปีมะเร็งดังกล่าวจะคิดเป็นประมาณ 40% ของผู้ป่วย ในเด็ก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบ lymphoblastic เฉียบพลันและเนื้องอกในสมองเป็นโรคส่วนใหญ่ร่วมกันยกเว้นในทวีปแอฟริกาที่มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดแพร่กระจายเร็วเกิดขึ้นบ่อย ในปี 2012 เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีประมาณ 165,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าเ​​ป็นมะเร็ง ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามอายุและมะเร็งหลายชนิดเกิดขึ้นได้ทั่วไปในประเทศที่พัฒนาแล้ว อัตราเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อประชาชนมีชีวิตมากขึนและวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงในประเทศกำลังพัฒนา ต้นทุนทางการเงินของโรคมะเร็งอยู่ที่ประมาณ US$ 1.16 ล้านล้านต่อปีในปี 2010นิยาม นิยาม. มะเร็งคือกลุ่มของโรคหลายโรค ที่มีลักษณะร่วมกันคือมีการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ และมีความสามารถที่จะรุกล้ำหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ จัดเป็นชนิดหนึ่งของเนื้องอก เนื้องอกหมายถึงกลุ่มของเซลล์ที่มีการเจริญอย่างไม่มีการควบคุม มักเกิดเป็นก้อน แต่ก็อาจเกิดเป็นลักษณะแผ่กว้างได้ ปัจจุบันถือว่าเซลล์ที่จะนับว่าเป็นเซลล์มะเร็งต้องมีลักษณะเฉพาะของความเป็นมะเร็ง ลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะที่จำเป็นต่อการดำเนินโรคของมะเร็ง ได้แก่- มีการเจริญของเซลล์และการแบ่งเซลล์ได้โดยไม่ต้องมีสัญญาณกระตุ้นตามปกติ - มีการเจริญของเซลล์และการแบ่งเซลล์ได้แม้จะมีสัญญาณยับยั้ง - มีกลไกหลีกเลี่ยงการทำให้เซลล์ตายตามปกติ - มีความสามารถที่จะแบ่งเซลล์ได้โดยไม่มีจำนวนจำกัด - มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ - มีการรุกรานเนื้อเยื่อข้างเคียง และมีความสามารถที่จะแพร่กระจายไปยังตำแหน่งห่างไกลได้ การที่เซลล์ปกติจะกลายเป็นเซลล์ที่เพิ่มจำนวนจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกและกลายเป็นมะเร็งเต็มขั้นนั้นมีขั้นตอนหลายขั้นตอน ขั้นตอนเหล่านี้เรียกว่าการพัฒนาของมะเร็งอาการและอาการแสดง อาการและอาการแสดง. บทความหลัก: สัญญาณและอาการแสดงของมะเร็ง ในระยะเริ่มต้นของมะเร็งผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการ ต่อเมื่อขนาดของก้อนเริ่มโตขึ้นหรือเริ่มเกิดเป็นแผลจึงอาจจะมีอาการหรืออาการแสดงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของมะเร็ง อาการส่วนใหญ่เป็นอาการที่ไม่มีความจำเพาะ สามารถพบได้บ่อยในภาวะอื่นที่ไม่ใช่มะเร็ง จึงถือได้ว่ามะเร็งเป็นโรคนักเลียนแบบอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่จึงมักได้รับการรักษาภาวะอื่นมาระยะหนึ่งก่อน ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งอาการเฉพาะที่ อาการเฉพาะที่. ผู้ป่วยอาจมีอาการเฉพาะที่จากผลของตัวก้อนที่ขยายขนาดขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลจากก้อนของมะเร็งปอดอาจกดเบียดหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ หรือเกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น มะเร็งหลอดอาหารทำให้เกิดการตีบแคบของหลอดอาหาร ทำให้ผู้ป่วยมีอาการกลืนลำบากหรือกลืนเจ็บ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงอาจทำให้เกิดการตีบแคบหรือการอุดกั้นของลำไส้ ทำให้มีการถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไป ก้อนในเต้านมหรืออัณฑะอาจปรากฏเป็นก้อนให้ผู้ป่วยสังเกตได้ชัดเจน อาการบางอย่างอาจเกิดจากการเกิดแผลที่ก้อนมะเร็ง เช่น ในปอดอาจทำให้มีอาการไอเป็นเลือด ในลำไส้ทำให้ผู้ป่วยค่อยๆ เสียเลือดจนมีอาการซีด หรือเลือดออกมากจนเห็นเป็นเลือดปนมากับอุจจาระได้ ในกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด และในมดลูกทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นต้น ผู้ป่วยระยะลุกลามบางรายอาจมีอาการเจ็บจากตัวก้อนได้ แต่ในระยะแรกที่ก้อนเพิ่งเริ่มขยายขนาดผู้ป่วยมักไม่มีอาการเจ็บจากตัวก้อน มะเร็งบางชนิดอาจทำให้เกิดของเหลวสะสมในโพรงร่างกาย เช่นในช่องอก หรือช่องท้องได้อาการที่เป็นระบบ อาการที่เป็นระบบ. เป็นอาการที่เกิดขึ้นทั่วไปเนื่องจากผลกระทบที่อยู่ไกลจากตำแหน่งของโรคมะเร็งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายโดยหรือเป็นการแพร่กระจายของโรค อาการเหล่านี้อาจรวมถึง:.. การสูญเสียน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ, เป็นไข้, เหนื่อยมากเกินไป, และมีการเปลี่ยนแปลงกับผิว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดแพร่กระจายช้า(), โรคเม็ดโลหิตขาวผิดปกติ (), และโรคมะเร็งตับหรือโรคมะเร็งไตอาจทำให้เกิดไข้ถาวรไม่ทราบที่มา มะเร็งบางชนิดอาจทำให้เกิดกลุ่มอาการเฉพาะของระบบที่เรียกว่าปรากฏการณ์ paraneoplastic ตัวอย่างเช่นการปรากฏตัวของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย () ในเนื้องอกต่อมไทมัส () และอาการปลายนิ้วโต () ในโรคมะเร็งปอดการแพร่กระจาย การแพร่กระจาย. บทความหลัก: Metastasis มะเร็งสามารถแพร่กระจายจากจุดกำเนิดเดิมของมันโดยการแพร่กระจายเฉพาะที่, การแพร่กระจายผ่านทางน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองในภูมิภาคหรือผ่านทางเลือด (การแพร่กระจาย แบบ haematogenous) ไปยังเนื้อเยื่ออื่นที่ไกลออกไป การแพร่กระจายทั้งหมดนี้เรียกว่า metastasis เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปตามเส้นทาง haematogenous มันก็มักจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม 'เมล็ดพันธุ์' มะเร็งจะเจริญเติบโตได้ดีใน 'ดิน' บางจุดที่เลือกโดยเฉพาะเท่านั้น เป็นสมมติฐานของการแพร่กระจายโรคมะเร็งในรูปของ 'ดินและเมล็ดพันธ์' อาการของการเกิดโรคมะเร็งในระยะแพร่กระจายขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอกและอาจรวมถึงต่อมน้ำเหลืองโต (ซึ่งสามารถรู้สึกได้หรือบางครั้งก็เห็นได้ใต้ผิวหนังและมักจะแข็ง), ตับโตหรือม้ามโตซึ่งสามารถรู้สึกได้ในช่องท้อง, รู้สึกเจ็บปวดหรือเศษหักของกระดูกและอาการทางระบบประสาทสาเหตุ สาเหตุ. บทความหลัก: สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง 90-95% ของสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนที่เหลืออีก 5-10% เนื่องมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม คำว่า "สิ่งแวดล้อม" ที่ใช้โดยนักวิจัยโรคมะเร็งหมายถึงสาเหตุใดๆที่ไม่ได้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเช่นวิถีการดำเนินชีวิต, ปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรม, และไม่ใช่แค่มลพิษ ปัจจัยแวดล้อมที่พบบ่อยที่นำไปสู่​​การตายของโรคมะเร็ง ได้แก่ ยาสูบ (25-30%) อาหารและโรคอ้วน (30-35%), การติดเชื้อ (15-20%), การสัมผัสกับรังสี (ทั้งโอโซนและไม่โอโซน 10%) ความเครียด, ขาดการออกกำลังกาย, และมลพิษสิ่งแวดล้อม มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าอะไรทำให้เกิดโรคมะเร็งในบุคคลหนึ่ง ๆ เพราะมะเร็งส่วนใหญ่มีสาเหตุหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นถ้าคนที่ใช้ยาสูบอย่างหนักจนพัฒนาเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ดังนั้นสาเหตุก็อาจมาจากการใช้ยาสูบ แต่เนื่องจากทุกคนมีโอกาสเล็กน้อยที่จะพัฒนาโรคมะเร็งปอดโดยเป็นผลมาจากมลพิษทางอากาศหรือการฉายรังสี ดังนั้นมีโอกาสเล็กน้อยที่ โรคมะเร็งจะได้รับการพัฒนาเพราะมลพิษทางอากาศหรือการฉายรังสี ยกเว้นการติดต่อที่หายากที่เกิดขึ้นกับการตั้งครรภ์และมีเพียงเล็กน้อยจากการบริจาคอวัยวะ มะเร็งโดยทั่วไปจะไม่เป็นโรคที่ติดต่อถ่ายทอดได้สารเคมี สารเคมี. ข้อมูลเพิ่มเติม: แอลกอฮอล์กับโรคมะเร็งและการสูบบุหรี่กับโรคมะเร็ง การสัมผัสกับสารบางอย่างมีการเชื่อมโยงกับบางชนิดของโรคมะเร็ง สารเหล่านี้จะเรียกว่า "สารก่อมะเร็ง" () ยกตัวอย่าง การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดถึง 90% นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในกล่องเสียง, ในศีรษะ, ในลำคอ, ในกระเพาะอาหาร, ในกระเพาะปัสสาวะ, ในไต, ในหลอดอาหาร, และในตับอ่อน ควันของยาสูบมีสารก่อมะเร็งที่รู้จักกันมากกว่าห้าสิบอย่าง รวมทั้งไนโตรซามีน และ polycyclic aromatic hydrocarbon ยาสูบรับผิดชอบหนึ่งในสามของทั้งหมดที่เสียชีวิตจากมะเร็งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประมาณหนึ่งในห้าทั่วโลก อัตราการตายด้วยโรคมะเร็งปอดในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นภาพสะท้อนของการสูบบุหรี่ ที่มีการเพิ่มขึ้นของการสูบบุหรี่ตามด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราการตายเนื่องจากมะเร็งปอดและเมื่อเร็ว ๆ นี้การลดลงของอัตราการสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี 1950s ตามด้วยการลดลงของอัตราการตายเนื่องจากโรคมะเร็งปอดในผู้ชายตั้งแต่ปี 1990 ในยุโรปตะวันตก 10% ของมะเร็งในเพศชายและ 3% ของมะเร็งทั้งหมดในเพศหญิงจะมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งตับและมะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารเคมีขณะทำงานเชื่อว่าจะเป็นสาเหตุระหว่าง 2-20% ของทุกกรณี ในทุกๆปี อย่างน้อย 200,000 คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานของพวกเขา คนงานหลายล้านมีความเสี่ยงของการพัฒนาสู่โรคมะเร็งเช่นโรคมะเร็งปอดและโรคจากการสูดดมควันบุหรี่หรือ เส้นใยแร่ใยหินในระหว่างการทำงานหรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจากการสัมผัสกับสารเบนซีนที่สถานที่ทำงานของพวกเขาอาหารและการออกกำลังกาย อาหารและการออกกำลังกาย. บทความหลัก: อาหารกับโรคมะเร็ง อาหาร การไม่ออกกำลังกาย และโรคอ้วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ถึง 30-35% ของ ในสหรัฐอเมริกาน้ำหนักตัวเกินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคมะเร็งหลายชนิดและเป็นปัจจัยใน 14-20% ของการเสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมด การศึกษาในสหราชอาณาจักรรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับกว่า 5 ล้านคนแสดงให้เห็นว่าดัชนีมวลกายที่สูงขึ้นจะเกี่ยวข้องกับอย่างน้อย 10 ชนิดของโรคมะเร็งและมีความรับผิดชอบประมาณ 12,000 กรณีในแต่ละปีในประเทศนั้น การไม่ออกกำลังกายเชื่อว่าจะนำไปสู่​​ความเสี่ยงโรคมะเร็ง ไม่เพียงแต่ผ่านทางผลกระทบต่อน้ำหนักตัว แต่ยังผ่านผลกระทบด้านลบต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบต่อมไร้ท่อ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลกระทบจากการรับประทานอาหารเกิดจากการมีภาวะโภชนาการเกิน ( การรับประทานอาหารมากเกินไป) มากกว่าจากการกินผักน้อยเกินไปหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ อาหารบางอย่างจะเชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด อาหารที่มีเกลือสูงเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 'อะฟลาท็อกซินบี 1' สารปนเปื้อนอาหารที่พบบ่อยประเภทหนึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ การเคี้ยวพลูถั่ว () ทำให้เกิดโรคมะเร็งในช่องปาก ความแตกต่างในการรับประทานอาหารส่วนหนึ่งอาจอธิบายความแตกต่างในการเกิดมะเร็งในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจะพบมากในประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากอาหารมีเกลือสูง และมะเร็งลำไส้ใหญ่จะพบมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้อพยพเข้าเมืองพัฒนาความเสี่ยงของประเทศใหม่ของพวกเขาภายในหนึ่งเจนเนอเรชั่น แนะนำการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการรับประทานอาหารและโรคมะเร็งการติดเชื้อ การติดเชื้อ. บทความหลัก: สาเหตุการติดเชื้อของโรคมะเร็ง ทั่วโลกประมาณ 18% ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อ สัดส่วนนี้แตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆของโลกจากที่สูง 25% ในทวีปแอฟริกาจนถึงน้อยกว่า 10% ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไวรัสเป็นเชื้อโรคปกติของการติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่แบคทีเรียและปรสิตยังอาจสร้างผลกระทบกับโรคมะเร็งได้เช่นกัน ไวรัสที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้เรียกว่า oncovirus ซึ่งรวมถึง humam papillomavirus (มะเร็งปากมดลูก), Epstein-Barr ไวรัส (โรค B-cell lymphoproliferative และโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก), herpesvirus sarcoma ของ Kaposi (เนื้องอก Kaposi และ primary effusion lymphomas), ไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบ C (มะเร็งตับ), และ human T -cell ไวรัส-1 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemias T-cell) การติดเชื้อแบคทีเรียยังอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เท่าที่เห็นในมะเร็งกระเพาะอาหารที่เกิดจาก Helicobacter pylori การติดเชื้อปรสิตเกี่ยวข้องอย่างมากกับโรคมะเร็งรวมถึง Schistosoma haematobium (มะเร็งเซลล์ squamous ของกระเพาะปัสสาวะ) และพยาธิใบไม้ในตับ, Opisthorchis viverrini และ Clonorchis sinensis (มะเร็งท่อน้ำดี)การแผ่รังสี การแผ่รังสี. บทความหลัก: โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นจากการฉายรังสี 10% ของมะเร็งที่แพร่กระจายเกี่ยวข้องกับการได้รับรังสี รวมทั้งจากรังสีอัลตราไวโอเลตทั้งแบบโอโซนและแบบที่ไม่ใช่โอโซน นอกจากนี้ส่วนใหญ่ของมะเร็งที่ไม่แพร่กระจายจะเป็นมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่ melanoma ที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตแบบที่ไม่ใช่โอโซน ส่วนใหญ่มาจากแสงแดด แหล่งที่มาของรังสีรวมถึงการถ่ายภาพทางการแพทย์และก๊าซเรดอน รังสีไม่ได้เป็นสารกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การสัมผัสกับก๊าซเรดอนโดยผู้อยู่อาศัยมีความเสี่ยงโรคมะเร็งเช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่ไม่สม่ำเสมอ รังสีเป็นแหล่งโรคมะเร็งที่มีศักยภาพมากขึ้นเมื่อมีการรวมกับสารก่อให้เกิดมะเร็งอื่น ๆ เช่นการสัมผัสก๊าซเรดอนบวกกับยาสูบ รังสีสามารถทำให้เกิดมะเร็งในพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกาย ในสัตว์ทุกชนิดและทุกเพศทุกวัย เด็กและวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะพัฒนาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เกิดจากรังสีเป็นสองเท่าที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่; การได้รับรังสีก่อนเกิดมีผลเป็นสิบเท่า รังสีที่ใช้ทางการแพทย์มีขนาดเล็ก แต่แหล่งกำเนิดรังสีมะเร็งมีจำนวนเพิ่มขึ้น รังสีอาจจะใช้ในการรักษามะเร็งอื่น ๆ แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดรูปแบบที่สองของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ มันยังใช้ในบางชนิดของการถ่ายภาพทางการแพทย์อีกด้วย การสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เป็นเวลานานสามารถนำไปสู่​​มะเร็งผิวหนังแบบ melanoma และมะเร็งผิวหนังร้ายแรงอื่น ๆ หลักฐานที่ชัดเจนได้ชี้ไปที่รังสีอัลตราไวโอเลต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นความยาวขนาดกลางที่ไม่ใช่โอโซน (UVB) ว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังที่ไ​​ม่ใช่เนื้องอกส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบทั่วไปส่วนใหญ่ของโรคมะเร็งในโลก รังสีความถี่วิทยุที่ไม่โอโซนจากระบบโทรศัพท์มือถือ, ระบบส่งกำลังไฟฟ้​​าและแหล่งอื่นที่คล้ายคลึงกันได้รับการอธิกบายว่าเ​​ป็น'สารก่อมะเร็งที่เป็นไปได้'โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลก อย่างไรก็ตามการศึกษายังไม่พบความเชื่อมโยงสอดคล้องกันระหว่างรังสีจากโทรศัพท์มือถือและความเสี่ยงโรคมะเร็งพันธุกรรม พันธุกรรม. ส่วนใหญ่ของโรคมะเร็งจะไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ("โรคที่เกิดครั้งเดียว") โรคมะเร็งที่ติดต่อทางกรรมพันธุ์เบื้องต้นเป็นสาเหตุมาจากข้อบกพร่องในการถ่ายทอดทางพันธุกรรม น้อยกว่า 0.3% ของประชากรจะเป็นพาหะของการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่มีผลกระทบอย่างมากต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งและความเสี่ยงเหล่านี้ก่อให้เกิดน้อยกว่า 3-10% ของโรคมะเร็งทั้งหมด บางส่วนของอาการเหล่านี้รวมถึง:. การกลายพันธุ์บางอย่างที่ได้รับการถ่ายทอดในยีน BRCA 1 และ BRCA2 ที่มีความเสี่ยงมากกว่า 75% ของมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด hereditary nonpolyposis (HNPCC หรือ Lynch syndrome) ซึ่งมีอยู่ในประมาณ 3% ของผู้ที่มีโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สารที่มีการสัมผัสทางกายภาพ สารที่มีการสัมผัสทางกายภาพ. สารบางชนิดทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนใหญ่เนื่องจากการสัมผัสทางกายภาพมากกว่าทางเคมี ตัวอย่างที่โดดเด่นได้แก่การสัมผัสกับแร่ใยหินเป็นเวลานาน, แร่ใยหินเป็นเส้นใยแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันเป็นสาเหตุสำคัญของโรค mesothelioma (โรคมะเร็งชนิดหนึ่งของเยื่อเซรุ่ม ซึ่งมักจะเป็นเยื่อเซรุ่มรอบปอด) สารอื่น ๆ ในหมวดหมู่นี้รวมทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่เกิดขึ้นผ่านการสังเคราะห์เช่นเส้นใยคล้ายแร่ใยหินได้แก่ wollastonite, attapulgite, glass wool และ rock wool สารเหล่านี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบที่คล้ายกัน วัสดุที่ไม่ใช่ไฟเบอร์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้แก่ผงโลหะโคบอลต์และนิกเกิล และผลึกซิลิกา (ควอทซ์, cristobalite และ tridymite) โดยปกติสารก่อมะเร็งทางกายภาพจะต้องเข้าไปในร่างกาย (เช่นผ่านการสูดดมชิ้นเล็ก ๆ ) และต้องใช้เวลาหลายปีของการสัมผัสจนพัฒนาขึ้นเป็นโรคมะเร็ง การบาดเจ็บทางร่างกายจนส่งผลให้เป็นโรคมะเร็งค่อนข้างหายาก ยกตัวอย่างเช่น การอ้างว่าการที่กระดูกแตกส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งกระดูกไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่าจริง ในทำนองเดียวกัน การบาดเจ็บทางร่างกายก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งสมอง กรณีเดียวที่ยอมรับได้คือการที่ร่างกายได้รับความร้อนบ่อยและเป็นเวลานอน เป็นไปได้ว่าการเผาไหม้ซ้ำๆในส่วนเดียวกันของร่างกายเช่นความร้อนที่สร้างโดย Kanger (หม้อใส่ถ่านร้อนของชาวแคชเมียร์เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย) และเครื่องทำความร้อนแบบ Kairo (เครื่องอุ่นมือด้วยถ่าน) อาจสร้างมะเร็งบนผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้สารเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็งในการให้ความร้อน ที่พบบ่อยคือการดื่มน้ำชาร้อนจนลวกอาจสร้างมะเร็งหลอดอาหาร โดยทั่วไป เชื่อกันว่ามะเร็งจะเกิดขึ้น, หรือมะเร็งที่มีอยู่ก่อนแล้วได้รับการสนับสนุน, ในระหว่างขั้นตอนการซ่อมแซมอาการบาดเจ็บ มากกว่ามะเร็งจะเกิดจากการบาดเจ็บโดยตรง อย่างไรก็ตาม การได้รับบาดเจ็บซ้ำๆที่เนื้อเยื่อเดียวกันอาจส่งเสริมการเพิ่มจำนวนเซลล์มากเกินไปซึ่งก็จะไปเพิ่มอัตราการกลายพันธุ์ของมะเร็ง เป็นที่ถกเถียงกันว่าการอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์โดยตรงได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับว่าการอักเสบสามารถนำไปสู่​​การขยายจำนวน, การอยู่รอด, การก่อตัวของเส้นเลือดใหม่และการย้ายถิ่นของเซลล์มะเร็งโดยการสร้างอิทธิพลต่อจุลสิ่งแวดล้อมรอบๆเนื้องอก มากไปกว่านั้น ยีนมะเร็ง () เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นตัวสะสมจุลสิ่งแวดล้อมแบบส่งเสริมให้เกิดยีนเนื้องอกที่อักเสบ ()ฮอร์โมน ฮอร์โมน. ฮอร์โมนบางชนิดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามะเร็งโดยการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนเซลล์ ปัจจัยการเจริญเติบโตอย่างเช่นอินซูลินและโปรตีนที่ผูกพันของพวกมันมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนเซลล์, การแยกความแตกต่างและการตาย, บอกถึงความเป็นไปได้ในการมีส่วนร่วมในการเกิดมะเร็ง ฮอร์โมนเป็นตัวการสำคัญในการเกิดโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเพศ เช่นโรคมะเร็งของเต้านม, เยื่อบุมดลูก, ต่อมลูกหมาก, รังไข่, และอัณฑะ รวมทั้งโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์และมะเร็งกระดูก ตัวอย่างเช่นหญิงที่มีมารดามีมะเร็งเต้านมจะมีระดับของเอสโตรเจนและ progesterone ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าหญิงที่มีมารดาที่ไม่มีมะเร็งเต้านม การเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนอาจจะอธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้แม้ว่าจะไม่มียีนมะเร็งเต้านม ในทำนองเดียวกันชายเชื้อสายแอฟริกันมีระดับเทสโทสเทอโรนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าชายเชื้อสายยุโรปจึงมีระดับที่สอดคล้องกันของมะเร็งต่อมลูกหมากที่สูงมาก ชายเชื้อสายเอเชียที่มีระดับต่ำสุดของ androstanediol glucuronide ที่เกิดจากเทสโทสเทอโรน ก็มีระดับต่ำสุดของมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ ก็เกี่ยวข้องด้วย เช่นคนที่เป็นโรคอ้วนมีระดับที่สูงขึ้นของฮอร์โมนบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งและอัตราที่สูงขึ้นของโรคมะเร็งเหล่านั้น ผู้หญิงที่บำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนมีความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเหล่านั้น ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่าค่าเฉลี่ยมีระดับที่ลดลงของฮอร์โมนเหล่านี้และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง มะเร็งกระดูก () อาจได้รับการส่งเสริมจากฮอร์โมนการเจริญเติบโต การรักษาและการป้องกันบางอย่างจะช่วยถ่วงดุลสาเหตของโรคเหล่านี้โดยการลดแบบเทียมของระดับฮอร์โมน ซึ่งจะไม่ส่งเสริมมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมนนั้นพยาธิสรีรวิทยา พยาธิสรีรวิทยา. บทความหลัก: การเกิดมะเร็งพันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์. โรคมะเร็งโดยพื้นฐานเป็นโรคของการล้มเหลวในการควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ในการที่จะให้เซลล์ปกติเปลี่ยนให้เป็นเซลล์มะเร็ง ยีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์และแยกความแตกต่างจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ยีนที่ได้รับผลกระทบสามาถแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้าง ๆ คือ 1. ยีนก่อมะเร็ง () เป็นยีนที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเซลล์ 2. ยีนต้านเนื้องอก () เป็นยีนที่ยับยั้งการแบ่งตัวและความอยู่รอดของเซลล์ การแปลงร่างของเนื้อร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการก่อตัวของ oncogenes แบบนวนิยาย (เป็นการออกฤทธิ์ที่มากเกินไปอย่างไม่เหมาะสมของยีนก่อมะเร็งปกติ) หรือเกิดขึ้นโดยการออกฤทธิ์หรือการปิดใช้งานที่น้อยเกินไปของยีนต้านมะเร็ง โดยปกติแล้วการเปลี่ยนแปลงในยีน"จำนวนมาก"จะต้องเป๋นการเปลี่ยนจากเซลล์ปกติให้เป็นเซลล์มะเร็ง การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในระดับที่แตกต่างกันและโดยกลไกที่แตกต่างกัน การได้รับหรือการสูญเสียของโครโมโซมทั้งมวลสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านความผิดพลาดในกระบวนการแบ่งเซลล์ () ที่พบกันมากกว่าเป็นกระบวนการกลายพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในลำดับนิวคลีโอไทด์ของจีโนมิกส์ดีเอ็นเอ การกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการลบออกหรือการได้รับส่วนหนึ่งของโครโมโซม การขยายจีโนมจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ได้รับหลายๆสำเนา (มักจะ 20 สำเนาหรือมากกว่า) ของตำแหน่งโครโมโซม () ขนาดเล็กที่มักจะมียีนมะเร็งหนึ่งตัวหรือมากกว่าหนึ่งและสารพันธุกรรมที่อยู่ติดกัน การโยกย้าย () จะเกิดขึ้นเมื่อสองภูมิภาคของโครโมโซมที่แยกจากกันมีการหลอมเข้าด้วยกันอย่างผิดปกติ โดยมักจะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งที่เป็นลักษณะสมบัติ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีเป็น'ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม' หรือการโยกย้ายของโครโมโซม 9 และ 22 ซึ่งเกิดขึ้นในโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังแบบ myelogenous และส่งผลในการผลิตโปรตีนฟิวชั่นแบบ BCR-ABL, ซึ่งเป็น tyrosine kinase (เอนไซม์ขนิดหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนฟอสเฟสแบบ ATP ให้เป็นโปรตีนในเซลล์ มันทำงานเหมือนสวิทช์ปิด-เปิดในหลายหน้าที่ของเซลล์ มันเป็นชั้นย่อยหนึ่งของโปรตีนไคเนส)ที่เป็นยีนมะเร็งชนิดหนึ่ง การกลายพันธุ์ขนาดเล็กจะรวมถึงการกลายพันธุ์, การลบออกและแทรกเป็นจุดจุด ซึ่งอาจเกิดขึ้นในภูมิภาคส่งเสริมของยีนและมีผลต่อการออกฤทธิ์ของมัน หรืออาจเกิดขึ้นในลำดับการเข้ารหัสของยีนและปรับเปลี่ยนฟังก์ชันหรือความมั่นคงของผลิตภัณฑ์โปรตีนของมัน การหยุดชะงักของยีนตัวเดียวยังอาจเกิดจากการรวมตัวกันของวัสดุจีโนมจากดีเอ็นเอไวรัสหนึ่ง(หรือ retrovirus) ที่นำไปสู่​​การออกฤทธิ์ของยีนมะเร็งของไวรัสในเซลล์ที่ได้รับผลกระทบและลูกหลานของมัน การจำลองแบบของข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ภายในดีเอ็นเอของเซลล์ที่มีชีวิตจะส่งผลที่เป็นไปได้ทางสถิติให้เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง (นั่นคือการกลายพันธุ์) การแก้ไขและการป้องกันข้อผิดพลาดที่ซับซ้อนจะถูกสร้างขึ้นให้เป็นกระบวนการ และป้องกันเซลล์ให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ถ้าข้อผิดพลาดที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้น เซลล์ที่เสียหายสามารถ "ทำลายตัวเอง" ผ่านการตายของเซลล์ที่ได้โปรแกรมไว้แล้วที่เรียกว่าการตายของเซลล์ () หากกระบวนการควบคุมความผิดพลาดเกิดการล้มเหลว, การกลายพันธุ์ก็จะอยู่รอดและถูกส่งผ่านไปยังเซลล์ลูก สภาพแวดล้อมบางอย่างมีแนวโน้มที่ทำความผิดพลาดให้เกิดขึ้นและเผยแพร่ออกไป สภาพแวดล้อมดังกล่าวอาจรวมถึงการปรากฏตัวของสารก่อกวนที่เรียกว่ายีนมะเร็ง (), การบาดเจ็บทางกายภาพซ้ำ ๆ, ความร้อน, รังสีหรือการขาดออกซิเจน ตัวอย่างของข้อผิดพลาดที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่น "การขยายตัวเอง" และ "การประสม" ได้แก่:- การกลายพันธุ์ในเครื่องแก้ไขข้อผิดพลาดของเซลล์อาจเป็นสาเหตุให้เซลล์และลูก ๆ ของมันทำการสะสมข้อผิดพลาดได้รวดเร็วมากขึ้น - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวในยีนมะเร็งตัวหนึ่งอาจทำให้เซลล์แบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้งมากขึ้นกว่าเซลล์ปกติอื่นๆ - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวอาจทำให้เกิดการสูญเสียยีนต้านมะเร็ง ชะงักเส้นทางการส่งสัญญาณการตายและส่งผลให้เซลล์กลายเป็นอมตะ - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวในเครื่องส่งสัญญาณของเซลล์อาจส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังเซลล์ที่อยู่ใกล้เคียง การแปลงร่างของเซลล์ปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งจะคล้ายกับการเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดจากความผิดพลาดครั้งแรก ซึ่งประสมกันขึ้นเป็นข้อผิดพลาดที่รุนแรงมากขึ้น แต่ละข้อผืดพลาดช่วยอย่างก้าวหน้าให้เซลล์สามารถที่จะหลบหนีการควบคุมที่จำกัดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อปกติ สถานการณ์ที่เหมือนการก่อจลาจลนี้จะกลายเป็นที่ไม่พึงประสงค์ของการอยู่รอดของผู้เหมาะสมที่สุด () ที่แรงผลักดันของวิวัฒนาการทำงานต่อต้านกับการออกแบบและการบังคับให้ทำตามคำสั่งของร่างกาย เมื่อมะเร็งได้เริ่มที่จะพัฒนา กระบวนการอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ที่เรียกว่าการวิวัฒนาการที่เกิดมาจากเซลล์เดียวกัน () จะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าไปสู่​​ระยะของโรคที่มีการบุกรุกมากขึ้น clonal evolution จะนำไปสู่เนื้องอกแบบภายในไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน () ที่ทำให้กลยุทธ์การให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างที่ได้ออกแบบไว้เกิดความสลับซับซ้อน ความสามารถด้านลักษณะสมบัติที่มีการพัฒนาโดยโรคมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท มีการนำเสนอแต่เดิมอยู่หกประเภทในบทความปี 2000 ที่เรียกว่า "เครื่องหมายแสดงว่ามีคุณภาพสูงของมะเร็ง" โดยดักลาส Hanahan และโรเบิร์ต Weinberg เกี่ยวกับ: การหลีกเลี่ยงการตาย, การพึ่งตัวเองในสัญญาณการเจริญเติบโต, การไม่รู้สึกถึงสัญญาณป้องกันการเจริญเติบโต, การสร้างหลอดเลือดอย่างยั่งยืน, ศักยภาพการทำซ้ำอย่างไร้ขีดจำกัด, และ การแพร่กระจาย. ในงานที่เขียนเพิ่มเติม ผู้เขียนเดียวกันเพิ่มอีกสองประเภทมากขึ้นในปี 2011 ได้แก่ โปรแกรมใหม่ของการเผาผลาญพลังงานและการหลีกเลี่ยงการทำลายภูมิคุ้มกันการแพร่กระจาย การแพร่กระจาย. การแพร่กระจาย () หมายถึงการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังตำแหน่งอื่น ๆ ในร่างกาย เนื้องอกที่เกิดใหม่จะเรียกว่าเนื้องอกที่แพร่กระจาย ในขณะที่เดิมเรียกว่าเนื้องอกขั้นต้น โรคมะเร็งเกือบทั้งหมดสามารถแพร่กระจายได้ การเสียชีวิตจากมะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากโรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจายจากตำแหน่งแรกของมันไปยังอวัยวะอื่น ๆ (ที่แพร่กระจายเข้ามา) การแพร่กระจายเป็นเรื่องธรรมดามากในช่วงปลายของการเกิดโรคมะเร็งและมันสามารถกระจายได้ผ่านทางเลือดหรือระบบน้ำเหลืองหรือทั้งสองอย่าง ขั้นตอนทั่วไปในการแพร่กระจายก็คือ การบุกรุกเฉพาะที่, การแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดหรือน้ำเหลือง การไหลเวียนผ่านร่างกาย การซึมออกจากกระแสไหลเวียนเข้าไปในเนื้อเยื่อใหม่ การเพิ่มจำนวน และการสร้างหลอดเลือดใหม่ ขนิดของโรคมะเร็งที่แตกต่างกันมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่แตกต่างกันโดยเฉพาะของมัน แต่โดยรวมแล้วบริเวณที่พบมากที่สุดสำหรับการแพร่กระจายจะเกิดขึ้นที่ปอด ตับ สมอง และกระดูกการวินิจฉัย การวินิจฉัย. โรคมะเร็งส่วนใหญ่ในตอนแรกจะได้รับการยืนยันโดยลักษณะของสัญญาณหรืออาการหรือผ่านการคัดกรองอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีสักตัวที่นำไปสู่​​การวินิจฉัยที่ชัดเจนยกเว้นจะต้องมีการตรวจสอบตัวอย่างเนื้อเยื่อโดยวิธีการทางพยาธิวิทยา คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งจะถูกตรวจสอบด้วยการทดสอบต่างๆทางการแพทย์ โดยทั่วไปรวมถึงการทดสอบเลือด, เอกซ์เรย์, CT สแกน, และการส่องกล้อง คนส่วนใหญ่จะไม่มีความสุขเมื่อรู้ว่าพวกเขามีโรคมะเร็ง พวกเขาอาจจะมีความกังวลและไม่มีความสุขอย่างมาก ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้ที่มีโรคมะเร็งอยู่ที่ประมาณสองเท่าของความเสี่ยงปกติการจัดหมวดหมู่ การจัดหมวดหมู่. ข้อมูลเพิ่มเติม: รายการประเภทของโรคมะเร็งและรายชื่อของคำที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง โรคมะเร็งสามารถจัดหมวดหมู่ได้ตามชนิดของเซลล์ที่มีลักษณะคล้ายกับเซลล์เนื้องอกที่เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้องอก ชนิดของเซลล์เหล่านี้ได้แก่:- Carcinoma: เป็นมะเร็งที่ได้มาจากเซลล์เยื่อบุผิว () กลุ่มนี้ได้แก่โรคมะเร็งจำนวนมากที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุและเกือบทุกคนที่กำลังพัฒนาเป็นมะเร็งในเต้านม, ในต่อมลูกหมาก, ในปอด, ในตับอ่อน, และในลำไส้ - Sarcoma: เป็นมะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (เช่นกระดูก, กระดูกอ่อน, ไขมัน, เส้นประสาท) ซึ่งแต่ละตัวมีการพัฒนาจากเซลล์ต้นกำเนิดในเซลล์ mesenchymal นอกไขกระดูก - Lymphoma และ leukemia (มะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว): โรคมะเร็งสองชนิดนี้เกิดจากเซลล์เม็ดเลือด (เกิดจากเลือด) () ที่ออกมาจากไขกระดูกและมีแนวโน้มที่จะโตเต็มที่ในต่อมน้ำเหลืองและเลือดตามลำดับ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นชนิดของมะเร็งที่พบมากที่สุดในเด็กโดยคิดเป็นประมาณ 30% - เนื้องอกเซลล์สืบพันธุ์ (): เป็นโรคมะเร็งที่ได้มาจากเซลล์หลายฤทธิ์หลายสรรพคุณ () (คุณสมบัติของเซลล์ต้นตอในการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของเซลล์ต้นตอในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์จำเพาะของเนื้อเยื่อชนิดอื่น ๆ ได้หลายชนิด แต่เซลล์ต้นตอชนิดพลูริโพเทนท์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ชั้นนอกสุดของตัวอ่อน (Extraembryonic Tissues) ได้ ซึ่งเนื้อเยื่อนี้ได้แก่ ถุงน้ำคร่ำ (Amnion) เยื่อหุ้มตัวอ่อน (Chorion) และองค์ประกอบของรก (Placenta) [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี])ส่วนใหญ่มักจะพบในลูกอัณฑะหรือรังไข่ (seminoma และ dysgerminoma ตามลำดับ) - blastoma: เป็นโรคมะเร็งที่ได้จากการเซลล์ "ปูชนียบุคคล" หรือเนื้อเยื่อของตัวอ่อนที่ยังไม่โตเต็มที่ Blastoma จะพบในเด็กมากกว่าในผู้มีอายุมากกว่า มะเร็งมักจะใช้คำต่อไปนี้ -carcinoma, -sarcoma หรือ -blastoma เป็นคำต่อท้ายและใช้ชื่ออวัยวะหรือเนื้อเยื่อของแหล่งกำเนิดเป็นภาษาละตินหรือกรีกเป็นคำนำหน้า ยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อตับที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวเนื้อร้ายจะถูกเรียกว่า hepatocarcinoma ในขณะที่เนื้อร้ายที่เกิดจากเซลล์ตับสารตั้งต้นดั้งเดิมจะถูกเรียกว่า hepatoblastoma และมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ไขมันจะถูกเรียกว่า liposarcoma สำหรับมะเร็งทั่วไปบางอย่างชื่ออวัยวะจะใช้เป็นภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่นชนิดที่พบมากที่สุดของมะเร็งเต้านมจะเรียกว่า ductal carcinoma ของเต้านม คำว่า ductal (ท่อ)เป็นคำคุณศัพท์ที่หมายถึงการปรากฏตัวของโรคมะเร็งภายใต้กล้องจุลทรรศน์ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันมีต้นกำเนิดในท่อน้ำนม เนื้องอกไม่ร้ายแรง (ซึ่งไม่ใช่มะเร็ง) จะใช้คำว่า-omaเป็นคำต่อท้าย และใช้ชื่ออวัยวะเป็นคำนำหน้า ตัวอย่างเช่นเนื้องอกไม่ร้ายแรงของเซลล์กล้ามเนื้อเรียบจะเรียกว่าleiomyoma (แต่ชื่อสามัญของเนื้องอกไม่ร้ายแรงที่เกิดขึ้นบ่อยในมดลูก (uterus)จะเรียกว่า uterine fibroid หรือแค่ fibroid) ด้วยควาทสับสน มะเร็งบางชนิดใช้คำต่อท้ายว่า -noma ตัวอย่างเช่น melanoma และ seminoma บางชนิดของโรคมะเร็งได้รับการตั้งชื่อตามชื่อขนาดและรูปร่างของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์เช่นโรคมะเร็งเซลล์ยักษ์ (), เซลล์มะเร็งแกน ()และมะเร็งเซลล์ขนาดเล็ก()พยาธิวิทยา พยาธิวิทยา. การวินิจฉัยเนื้อเยื่อที่ทำโดยนักพยาธิวิทยาจะระบุประเภทของเซลล์ที่กำลังขยายปริมาณ, เกรดเนื้อเยื่อ () ของเซลล์นั้น, ความผิดปกติท​​างพันธุกรรม, และคุณสมบัติอื่น ๆ ของเนื้องอก ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการประเมินการพยากรณ์โรคของผู้ป่วยและเพื่อเลือกการรักษาที่ดีที่สุด นักอายุรเวชอาจดำเนินการทดสอบตัวอย่างเนื้อเยื่อแบบเซลล์พันธุศาสตร์ () และ เคมีภูมิเนื้อเยื่อ () การทดสอบเหล่านี้อาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโมเลกุล (เช่นการกลายพันธุ์, ยีนฟิวชั่น, และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมเกี่ยวกับตัวเลข) ที่ได้เกิดขึ้นในเซลล์มะเร็ง และอาจยังบ่งบอกให้เห็นถึงพฤติกรรมในอนาคตของโรคมะเร็ง (การพยากรณ์โรค) และการรักษาที่ดีที่สุดการป้องกัน การป้องกัน. การป้องกันโรคมะเร็งมีการกำหนดเป็นมาตรการที่จริงจังเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และจำนวนมากแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้เป็นการเลือกวิถีชีวิตที่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นโรคมะเร็งถือว่าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ มากกว่า 30% ของการเสียชีวิตจากมะเร็งสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ :. ยาสูบ, การมีน้ำหนักเกิน / โรคอ้วน, อาหารที่ไม่เพียงพอ, ขาดการออกกำลังกาย, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การติดเชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์, และมลพิษทางอากาศ สาเหตุด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดเช่นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติของรังสีที่เป็นพื้นหลัง และกรณีอื่น ๆ ของโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันโรคมะเร็งได้ทุกกรณีอาหาร อาหาร. บทความหลัก: อาหารกับโรคมะเร็ง ในขณะที่มีคำแนะนำเรื่องการบริโภคอาหารจำนวนมากได้รับการนำเสนอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่หลักฐานที่จะสนับสนุนคำแนะนำนั้นไม่ค่อยชัดเจน ปัจจัยการบริโภคอาหารขั้นต้นที่เพิ่มความเสี่ยงคือการเป็นโรคอ้วนและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณที่ต่ำและเนื้อแดงในปริมาณที่สูงไม่ได้รับการยืนยัน ในรายงานของ meta-analysis ปี 2014 ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างผักและผลไม้กับโรคมะเร็ง การบริโภคกาแฟมีล่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ การศึกษาได้เชื่อมโยงการบริโภคมากเกินไปของเนื้อสีแดงหรือเนื้อผ่านการกระบวนการเข้ากับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, และมะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุให้พบสารก่อมะเร็งในเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกที่อุณหภูมิสูง คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันโรคมะเร็งมักจะรวมถึงการให้ความสำคัญกับผัก ผลไม้ ธัญพืช และปลา และหลีกเลี่ยงเนื้อผ่านกระบวนการและเนื้อแดง (เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ) ไขมันสัตว์และ คาร์โบไฮเดรตกลั่นยา ยา. แนวคิดที่ว่ายาสามารถใช้ในการป้องกันโรคมะเร็งได้เป็นที่น่าสนใจ และมีหลักฐานสนับสนุนการใช้ยาในไม่กี่สถานการณ์ที่กำหนดไว้ ในประชากรทั่วไป ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช้สตีรอยด์ () อาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่เนื่องจากมันมีผลกระทบแบบ side effect ต่อหัวใจและหลอดเลือดและระบบทางเดินอาหาร ยาดังกล่าวจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยรวมเมื่อนำมาใช้ แอสไพรินถูกพบว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้ประมาณ 7% COX-2 inhibitor อาจลดอัตราการก่อตัวของติ่งเนื้อ () ในผู้ที่มีโรคติ่งเนื้อเมือกมากของเนื้องอกไม่ร้ายที่เนื้อเยื่อบุผิวที่มีโครงสร้างคล้ายต่อม () อย่างไรก็ตาม มันมีผลกระทบเช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs การใช้ยา tamoxifen หรือ raloxifene เป็นประจำวันได้แสดงให้เห็นถึงการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อเอาประโยชน์มาเทียบกับอันตรายสำหรับยายับยั้งเอนไซม์ชื่อ 5-alpha-reductase inhibitor เช่นตัวยา finasteride แล้ว ประโยชน์ยังไม่ชัดเจน วิตามินยังไม่ได้ถูกพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งได้ แม้ว่าระดับเลือดต่ำของวิตามินดีจะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง ความสัมพันธ์นี้จะเป็นสาเหตุหรือไม่และอาหารเสริมวิตามินดีสามารถช่วยในการป้องกันหรือไม่นั้นยังไม่ได้มีการค้นหาความจริงอย่างแน่วแน่ การเสริมเบต้าแคโรทีนมีการค้นพบว่าใช้เพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การเสริมกรดโฟลิกยังไม่พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แต่อาจเพิ่มติ่งลำไส้ใหญ่ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการเสริมซีลีเนียมมีประโยชน์การฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีน. วัคซีนได้รับการพัฒนาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสสารก่อมะเร็งบางชนิด วัคซีน Human papillomavirus (Gardasil และ Cervarix) ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก วัคซีนตับอักเสบจากไวรัสชนิด บี ป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบชนิด บี ดังนั้นมันจึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ การบริหารงานเพื่อการฉีดวัคซีน human papillomavirus และไวรัสตับอักเสบชนิด B จะแนะนำให้ทำเมื่อมีทรัพยากรพอเพียงการคัดกรอง การคัดกรอง. ซึ่งแตกต่างจากความพยายามในการวินิจฉัยโรคที่ได้รับแจ้งจากอาการและสัญญาณทางการแพทย์ จะเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะตรวจหามะเร็งหลังจากที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก่อนที่อาการใด ๆ จะปรากฏออกมา การตรวจคัดกรองมะเร็งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจทางกายภาพ, การทดสอบเลือดหรือปัสสาวะ, หรือถ่ายภาพทางการแพทย์ การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ในมะเร็งหลายประเภท และถึงแม้ว่าจะมีการทดสอบ ก็อาจไม่แนะนำสำหรับทุกคน การตรวจคัดกรองแบบสากล หรือ การตรวจคัดกรองแบบกลุ่มจะเกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองทุกคน คัดกรองตามที่เลือกจะใช้ระบุคนที่เป็นที่รู้กันว่ามีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาเป็นโรคมะเร็งเช่นคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง มีหลายปัจจัยที่จะพิจารณาว่าประโยชน์ของตรวจคัดกรองมีค่ามากกว่าความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองหรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่:- อันตรายที่อาจเกิดจากการทดสอบคัดกรอง: ยกตัวอย่างเช่นการสร้างภาพด้วยเอ็กซ์เรย์จะเกี่ยวข้องกับการสัมผัสกับรังสีที่อาจเป็นอันตรายได้ - ความน่าจะเป็นของการทดสอบที่จะระบุโรคมะเร็งได้อย่างถูกต้อง - ความน่าจะเป็นของมะเร็งที่จะปรากฏขึ้น: การคัดกรองปกติจะไม่มีประโยชน์สำหรับการเกิดโรคมะเร็งที่หายาก - อันตรายที่อาจเกิดจากขั้นตอนการติดตาม - มีการรักษาที่เหมาะสมหรือไม่ - การตรวจพบแต่เนิ่นๆจะช่วยเพิ่มผลการรักษาหรือไม่ - โรคมะเร็งเคยต้องการการรักษาหรือไม่ - คนที่ต้องสงสัยยอมรับการทดสอบหรือไม่: ถ้าการตรวจคัดกรองเป็นภาระมากเกินไป (เช่นมีการเจ็บปวดอย่างมาก) คนนั้นก็จะปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ - ค่าใช้จ่ายของการทดสอบคำแนะนำ คำแนะนำ. หน่วยงานการบริการป้องกันของสหรัฐ (USPSTF) ได้แนะนำอย่างแข็งแรงให้ไปรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงที่ยังมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธอย่างน้อยจนถึงอายุ 65 หน่วยงานยังแนะนำให้ชาวอเมริกันมีการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการทดสอบเลือดในอุจจาระ (), การส่องตรวจไส้ใหญ่ส่วนคด (), การส่องตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้อง () เริ่มต้นที่อายุ 50 ปีจนอายุ 75 แต่มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะแนะนำหรือคัดค้านการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งมะเร็งในช่องปาก กับโรคมะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายอายุต่ำกว่า 75 การตรวจคัดกรองเป็นประจำไม่แนะนำสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งโรคมะเร็งอัณฑะ และมะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก USPSTF แนะนำการถ่ายภาพเต้านม () เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านมทุกสองปีสำหรับผู้ที่มีอายุ 50-74 ปี; แต่ไม่แนะนำการตรวจเต้านมด้วยตนเองหรือการตรวจเต้านมทางคลินิก รายงานของ Cochrane ปี 2011 มาถึงข้อสรุปที่แตกต่างกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยระบุว่าการถ่ายภาพเต้านมเป็นประจำอาจเป็นอันตรายมากกว่าผลดี ญี่ปุ่นจะตรวจคัดกรองสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโดยใช้การสร้างภาพเอ็กซเรย์บนจอเรืองแสง () เนื่องจากมีอุบัติการณ์สูงที่นั่นการทดสอบทางพันธุกรรม การทดสอบทางพันธุกรรม. ดูเพิ่มเติม: กลุ่มอาการของโรคมะเร็ง การทดสอบทางพันธุกรรมจะแนะนำให้ทำสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งบางชนิด จากนั้นพาหะของการกลายพันธุ์เหล่านี้อาจได้รับการปรับปรุงการเฝ้าระวังหรือการป้องกันทางเคมี () หรือการป้องกันด้วยการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงที่ตามมาการรักษา การรักษา. ตัวเลือกในการรักษาโรคมะเร็งมีหลากหลายคน หลักก็คือการผ่าตัด, เคมีบำบัด, รังสีบำบัด, การรักษาด้วยฮอร์โมน, การรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมายและการดูแลแบบประคับประคอง การรักษาแบบไหนจะขึ้นอยู่กับชนิด, ตำแหน่ง, และเกรดของโรคมะเร็งเช่นเดียวกับสุขภาพและความปรารถนาของบุคคล ความตั้งใจในการรักษาอาจจะเป็นแบบเพื่อแก้ไขหรือไม่แก้ไขเคมีบำบัด เคมีบำบัด. เคมีบำบัดคือการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ยาต้านมะเร็งพิษ () (ยาเคมีบำบัด ()) หนึ่งตัวหรือมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์มาตรฐาน เคมีบำบัดจะครอบคลุมยาต้านมะเร็งใด ๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ในวงกว้างเช่น alkylating agents และ antimetabolites ยาเคมีบำบัดแบบดั้งเดิมทำหน้าที่ฆ่าเซลล์ที่แบ่งอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของเซลล์มะเร็งส่วนใหญ่ การรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมายเป็นรูปแบบหนึ่งของยาเคมีบำบัดที่เล็งเป้าหมายไปที่โมเลกุลเฉพาะที่แตกต่างกันระหว่างเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ การรักษาที่ตรงเป้าหมายครั้งแรกที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นจะปิดกั้นโมเลกุลที่เป็นตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นการยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม ตัวอย่างธรรมดาอีกกรณีหนึ่งก็คือระดับชั้นของสารยับยั้ง Bcr-Abl ซึ่งจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว myelogenous เรื้อรัง (CML) ปัจจุบันมีการรักษาโดยกำหนดเป้​​าหมายเพื่อรักษามะเร็งเต้านม, เนื้องอกไขกระดูกหลายจุด (), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งผิวหนังและมะเร็งอื่น ๆ ประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรค เมื่อใช้ร่วมกับการผ่าตัด เคมีบำบัดได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในหลายชนิดมะเร็งที่แตกต่างกัน ได้แก่ :. มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งกระดูก, มะเร็งอัณฑะ, มะเร็งรังไข่และมะเร็งปอดบางอย่าง ประสิทธิภาพโดยรวมมีช่วงจากอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็งบางชนิดเช่น leukemias บางชนิด จนถึงไม่สัมฤทธิ์ผลเช่นในบางขนิดของเนื้องอกในสมอง จนถึงไม่จำเป็นในมะเร็งอื่น ๆ เช่นมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกส่วนใหญ่ ประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดมักจะถูกจำกัดโดยความเป็นพิษต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในร่างกาย ถึงแม้ในขณะที่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ยาเคมีบำบัดสามารถรักษาโรคได้อย่างถาวร เคมีบำบัดอาจจะมีประโยชน์ในการลดอาการเช่นอาการปวดหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกที่ไม่ทำงานในความหวังว่าการผ่าตัดจะเป็นไปได้ในอนาคตการฉายรังสี การฉายรังสี. การรักษาด้วยการฉายรังสีจะเกี่ยวข้องกับการใช้รังสีในความพยายามที่จะรักษาหรือปรับปรุงอาการของโรคมะเร็ง มันทำงานโดยการทำลายดีเอ็นเอของเนื้อเยื่อมะเร็งที่นำไปสู่​​การตายของเซลล์ เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อที่ดี (เช่นผิวหนังหรืออวัยวะที่รังสีจะต้องฉายผ่านระหว่างการรักษาเนื้องอก) ลำแสงรังสีที่มีการปรับรูปร่างจะถูกเล็งไปที่หลาย ๆ มุมของจุดสัมผัสกับเนื้องอกเพื่อให้จุดนั้นดูดซึมรังสีมากกว่าพื้นที่โดยรอบของเนื้อเยื่อที่ดี เช่นเดียวกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด โรคมะเร็งที่แตกต่างกันมีการตอบสนองต่อรังสีที่แตกต่างกัน การรักษาด้วยการฉายรังสีถูกใช้ประมาณครึ่งหนึ่งของทุกกรณีและแหล่งสร้างรังสีอาจมาจากแหล่งภายในร่างกายในรูปแบบของการฝังแร่ () หรือจากแหล่งสร้างรังสีภายนอก การฉายรังสีโดยทั่วไปส่วนใหญ่ใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำสำหรับการรักษามะเร็งผิวหนังในขณะที่ลำแสงเอ็กซ์เรย์พลังงานสูงจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งภายในร่างกาย รังสีโดยปกติจะใช้เสริมการผ่าตัดหรือเสริมเคมีบำบัด แต่บางประเภทของโรคมะเร็งเช่นโรคมะเร็งศีรษะและลำคอในระยะเริ่มต้นอาจจะใช้เพียงการฉายรังสีอย่างเดียว สำหรับการแพร่กระจายไปที่กระดูกและสร้างความเจ็บปวดพบว่าการฉายรังสีมีประสิทธิภาพประมาณ 70% ของผู้ป่วยศัลยกรรม ศัลยกรรม. การผ่าตัดเป็นวิธีการเบิ้องต้นของการรักษาโรคมะเร็งที่เป็นของแข็งแยกส่วนส่วนใหญ่และอาจมีบทบาทในการบรรเทาและการยีดอายุการอยู่รอด ปกติแล้วส่วนสำคัญของการวินิจฉัยที่ชัดเจนและการหาระยะของเนื้องอกด้วยวิธีตรวจชิ้นเนื้อมักเป็นสิ่งจำเป็น ในการหาตำแหน่งของมะเร็ง การผ่าตัดมักจะพยายามตัดเอาก้อนเนื้อทั้งหมดออกมา(ในบางกรณี)พร้อมกับต่อมน้ำเหลืองในพื้นที่ สำหรับโรคมะเร็งบางชนิด การตัดออกทั้งหมดเป็นสิ่งที่จำเป็นในการกำจัดโรคมะเร็งการดูแลแบบประคับประคอง การดูแลแบบประคับประคอง. การดูแลแบบประคับประคองหมายถึงการรักษาที่พยายามที่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นและอาจจะหรืออาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกับความพยายามที่จะรักษาโรคมะเร็ง การดูแลแบบประคับประคองรวมถึงการดำเนินการเพื่อลดความทุกข์ทางร่างกาย ทางอารมณ์ ทางจิตวิญญาณและจิตสังคม ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญอันเนื่องมาจากโรคมะเร็ง ซึ่งแตกต่างจากการรักษาที่มีวัตถุประสงค์ที่จะฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง เป้าหมายหลักของการดูแลแบบประคับประคองคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบุคคลนั้น ผู้ป่วยในทุกขั้นตอนของการรักษาโรคมะเร็งควรที่จะมีบางชนิดของการดูแลแบบประคับประคองเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย ในบางกรณีองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์พิเศษจะแนะนำให้ผู้ป่วยและแพทย์ตอบสนองต่อการเป็นโรคมะเร็งด้วยการดูแลแบบประคับประคองเท่านั้นและไม่ใช่การบำบัดแบบมุ่งหมายเพื่อการรักษาแต่เพียงอย่างเดียว การบำบัดดังกล่าวรวมถึง:1. ผู้ป่วยที่มีสมรถนะต่ำ สอดคล้องกับความสามารถในการดูแลตัวเองที่จำกัด 2. ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการรักษาตามหลักฐานก่อนหน้านี้ 3. ผู้ป่วยที่ไม่ได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสมใด ๆ 4. ผู้ป่วยที่แพทย์ไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการรักษาจะมีประสิทธิภาพในการเยียวยา การดูแลแบบประคับประคองมักจะสับสนกับบ้านพักรับรองซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่เข้าสู่จุดสิ้นสุดของชีวิตเท่านั้น เช่นเดียวกับการดูแลที่บ้านพักรับรอง, การดูแลแบบประคับประคองพยายามที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับในสิ่งเขาต้องการได้ทันทีและเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่บุคคลนั้น แต่ที่แตกต่างจากการดูแลที่บ้านพักรับรองก็คือ การดูแลแบบประคับประคองผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องหยุดการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่การยืดชีวิตหรือการรักษาโรคมะเร็งของพวกเขา แนวทางทางการแพทย์แห่งชาติหลายแห่งแนะนำการดูแลแบบประคับประคองเบื้องต้นสำหรับคนที่โรคมะเร็งสร้างอาการวิตก (ความเจ็บปวด, หายใจถี่, อ่อนเพลีย, คลื่นไส้) หรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการรับมือกับความเจ็บป่วยของพวกเขา ในผู้ที่มีโรคแพร่กระจายเมื่อมีการวินิจฉัยครั้งแรก, ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาควรพิจารณาการดูแลแบบประคับประคองให้คำปรึกษาได้ทันที นอกจากนี้นักเนื้องอกควรพิจารณาการดูแลแบบประคับประคองให้คำปรึกษาให้คนที่รู้สึกว่ามีจะมีชีวิตอยู่น้อยกว่า 12 เดือนแม้ว่าการรักษาเชิงรุกจะกระทำอย่างต่อเนื่องการบำบัดด้วยระบบภูมิคุ้มกัน การบำบัดด้วยระบบภูมิคุ้มกัน. บทความหลัก: การบำบัดโรคมะเร็งด้วยระบบภูมิคุ้มกัน ความหลากหลายของการรักษาโดยใช้ภูมิคุ้มกัน เป็นการกระตุ้นหรือช่วยระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ได้เข้ามาใช้ตั้งแต่ปี 1997 และยังคงเป็นพื้นที่ของการวิจัยที่จริงจังอย่างมาก.การแพทย์ทางเลือก การแพทย์ทางเลือก. การรักษาโรคมะเร็งแบบเสริมและแบบทางเลือกเป็นระบบการดูแลสุขภาพที่มีความหลากหลายระบบหนึ่ง, เป็นการปฏิบัติและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนปัจจุบัน "การแพทย์เสริม" หมายถึงวิธีการและยาที่ใช้พร้อมกับการแพทย์แผนปัจจุบันในขณะที่ "การแพทย์ทางเลือก" หมายถึง สารประกอบที่ใช้แทนการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนใหญ่การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกสำหรับโรคมะเร็งยังไม่ได้รับการศึกษาหรือการทดสอบอย่างจริงจัง บางการรักษาแบบทางเลือกได้รับการตรวจสอบและแสดงให้เห็นแล้วว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็ยังคงมีจำหน่ายในตลาดและได้รับการส่งเสริม นักวิจัยโรคมะเร็ง Andrew J. Vickers ได้กล่าวว่า "ฉลาก 'ไม่ผ่านการพิสูจน์' ยังไม่เหมาะสมสำหรับการรักษาดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่จะยืนยันว่าการรักษาโรคมะเร็งทางเลือกจำนวนมาก 'ไม่ได้รับการพิสูจน์'"การพยากรณ์โรค การพยากรณ์โรค. ดูเพิ่มเติม: รายชื่อของอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งในประเทศสหรัฐอเมริกาและผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง โรคมะเร็งมีชื่อเสียงว่าเป็นโรคแห่งความตาย เมื่อพิจารณาในภาพรวม ประมาณครึ่งหนึ่งของบุคคลที่ได้รับการรักษาโรคมะเร็งรุกราน (ไม่รวมมะเร็งในแหล่งกำเนิดและมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอก) จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งหรือจากการรักษา การอยู่รอดจะเลวร้ายยิ่งกว่าในประเทศกำลังพัฒนา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในปัจจุบันยากที่จะรักษามากกว่าโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตามอัตราการรอดชีวิตแตกต่างกันไปอย่างมากตามประเภทของโรคมะเร็งและตามระยะที่มันจะได้รับการวินิจฉัยอีกด้วย โดยมีช่วงตั้งแต่ส่วนใหญ่มีชีวิตรอดไปจนถึงเกือบจะไม่มีใครมีชีวิตรอดเลยภายในห้าปีหลังการวินิจฉัย เมื่อมะเร็งแพร่กระจายได้ขยายตัวหรือแพร่กระจายเกินกว่าตำแหน่งต้นกำเนิดเดิม การพยากรณ์โรคตามปกติจะกลายเป็นเลวร้ายมากขึ้น บรรดาผู้ที่มีชีวิตรอดจากโรคมะเร็งจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาเป็นมะเร็งหลักที่สองประมาณสองเท่าของอัตราของผู้ที่ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยเลยว่าเ​​ป็นมะเร็ง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักมาจากปัจจัยเสี่ยงเช่นเดียวกับการก่อมะเร็งครั้งแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งตัวแรกและเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอที่ดีกว่ากับการตรวจคัดกรอง การคาดการณ์การอยู่รอดระยะสั้นหรือระยะยาวเป็นเรื่องยากและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือชนิดของโรคมะเร็งและอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย คนที่มีความอ่อนแอเนื่องจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ มากมายมีอัตราการรอดตายต่ำกว่าคนที่มีสุขภาพดี คนที่มีอายุเป็นร้อยปีไม่น่าจะอยู่รอดถึงห้าปีแม้ว่าการรักษาจะประสบความสำเร็จ คนที่มีคุณภาพชีวิตที่สูงกว่ามีแนวโน้มที่จะอยู่รอดได้นานกว่า คนที่มีคุณภาพชีวืตต่ำกว่าอาจได้รับผลกระทบจากโรคซึมเศร้าและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จากการรักษาโรคมะเร็งและ / หรือจากความก้าวหน้าของโรคที่ทั้งบั่นทอนคุณภาพชีวิตและลดอายุของพวกเขา นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีการพยากรณ์โรคที่เลวร้ายอาจจะขาดความสุขหรือมีรายงานว่ามีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงเพราะพวกเขาได้รับรู้อย่างถูกต้องว่าสภาพของพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต คนที่เป็นมะเร็งแม้ว่าเขาจะเดินได้ด้วยตัวของเขาเอง เขาก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเลือดอุดตันในเส้นเลือด การใช้เฮปารินปรากฏว่าช่วยปรับปรุงการอยู่รอดและลดความเสี่ยงของเลือดอุดตันการระบาดวิทยา การระบาดวิทยา. บทความหลัก: ระบาดวิทยาของโรคมะเร็ง ดูเพิ่มเติม: รายชื่อประเทศจากอัตราการเกิดโรคมะเร็ง ในปี 2008 ประมาณ 12.7 ล้านรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง (ไม่รวมมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกและมะเร็งไม่รุกรานอื่น ๆ ) และในปี 2010 เกือบ 7.98 ล้านคนเสียชีวิต กลุ่มของโรคมะเร็งมีส่วนประมาณ 13% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในแต่ละปี โรคที่พบมากที่สุด ได้แก่: โรคมะเร็งปอด (เสียชีวิต 1.4 ล้านราย), มะเร็งกระเพาะอาหาร (เสียชีวิต 740,000 ราย), มะเร็งตับ (เสียชีวิต 700,000 ราย), โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (เสียชีวิต 610,000 ราย) และโรคมะเร็งเต้านม (เสียชีวิต 460,000 ราย) นี่ทำให้มะเร็งรุกรานเป็นสาเหตุนำของการตายในประเทศที่พัฒนาแล้วและสาเหตุสำคัญที่สองของการเสียชีวิตในประเทศกำลังพัฒนา กว่าครึ่งหนึ่งของกรณีเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมีจำนวน 5.8 ล้านรายในปี 1990 และอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักจากการสูงอายุของประชากรและการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตในประเทศกำลังพัฒนา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาโรคมะเร็งคือการสูงอายุ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่โรคมะเร็งจะเกิดในวัยใด ๆ ก็ได้ คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเ​​ป็นมะเร็งแบบรุกรานจะมีอายุมากกว่า 65 อ้างถึงนักวิจัยโรคมะเร็ง Robert A. Weinberg "ถ้าเรามีชีวิตอยู่นานพอ ไม่ช้าก็เร็วเราทุกคนจะเป็นโรคมะเร็ง" บางส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างการสูงวัยกับโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากการเสื่อมถอยของระบบภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ () และความผิดพลาดที่สะสมในดีเอ็นเอไปตลอดช่วงอายุ และการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอายุในระบบต่อมไร้ท่อ ผลของภาวะสูงอายุต่อโรคมะเร็งมีความซับซ้อนด้วยหลายปัจจัยต่างๆเช่นความเสียหายของดีเอ็นเอและการอักเสบที่ส่งเสริมความเสียหายนั้นและหลายปัจจัยต่าง ๆ เช่นการสูงอายุของหลอดเลือดและการเปลี่ยนแปลงของต่อมไร้ท่อที่ยับยั้งมัน โรคมะเร็งบางชนิดมีการเจริญเติบโตที่ช้าเป็นเรื่องปกติ การศึกษาด้วยการชันสูตรศพในยุโรปและเอเชียได้แสดงว่าสูงถึง 36% ของคนได้รับการวินิจฉัยที่ต่ำเกินจริงและปรากฏว่าเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยในช่วงเวลาที่พวกเขาเสียชีวิตและว่า 80% ของผู้ชายมีการพัฒนาเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากตอนอายุ 80 เนื่องจากว่าโรคมะเร็งเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของบุคคลนั้น การระบุโรคเหล่านี้จึงเป็นการวินิจฉัยที่มากเกินจริงเกินกว่าจะเป็นการดูแลทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ โรคมะเร็งในเด็กที่พบมากที่สุดมีสามโรคคือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (34%) เนื้องอกในสมอง (23%) และ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (12%) ในสหรัฐอเมริกา โรคมะเร็งส่งผลกระทบต่อเด็กประมาณ 1 คนใน 285 คน อัตราการเกิดโรคมะเร็งในเด็กเพิ่มขึ้น 0.6% ต่อปีระหว่างปี 1975-2002 ในสหรัฐอเมริกา และ 1.1% ต่อปีระหว่างปี 1978 และปี 1997 ในยุโรป การตายจากโรคมะเร็งในวัยเด็กได้ลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 1975 ในประเทศสหรัฐอเมริกามะเร็งในประเทศไทย มะเร็งในประเทศไทย. ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 66,000 ราย โดยในผู้ชายพบมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 ราย รองลงมาคือโรคมะเร็งตับ ส่วนผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด 1,484 ราย รองลงมาคือ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ในปี พ.ศ. 2553 สถิติมะเร็งที่พบมากที่สุด 10 อันดับแรกในประเทศไทยประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมการวิจัย การวิจัย. บทความหลัก: การวิจัยโรคมะเร็ง เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นระดับหนึ่งของโรค​​ มันจึงไม่น่าที่จะเคยมี "การรักษาโรคมะเร็ง" เพียงครั้งเดียวอย่างการรักษาเพียงครั้งเดียวสำหรับโรคติดเชื้อทั้งหมด สารยับยั้งการสร้างหลอดเลิอดใหม่ () ครั้งหนึ่งเคยถูกคิดว่ามีศักยภาพในการเป็นการรักษาแบบ "กระสุนเงิน" ที่สามารถนำมาใช้กับมะเร็งหลายชนิด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในทางปฏิบัติ มันมีแนวโน้มมากกว่าว่าสารยับยั้งการสร้างหลอดเลิอดใหม่และวิธีการรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆ จะถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อลดการเจ็บป่วยและการตายจากโรคมะเร็ง 'การรักษาโรคมะเร็งแบบทดลอง'เป็นการรักษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อดูว่ามันใช้งานได้หรือไม่ โดยปกติแล้วการรักษาเหล่านี้จะทำการศึกษาโดยการทดลองทางคลินิกเพื่อเปรียบเทียบการรักษาที่นำเสนอกับการรักษาที่ใช้อยู่ที่ดีที่สุด การรักษาอาจจะเป็นการรักษาแบบใหม่ทั้งหมดหรืออาจจะเป็นวิธีการรักษาที่เคยประสบความสำเร็จในบางชนิดของโรคมะเร็งและตอนนี้กำลังมีการทดสอบเพื่อดูว่ามันจะมีประสิทธิภาพกับมะเร็งแบบอื่น ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ , การรักษาดังกล่าวกำลังได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับการตรวจวินิจฉัยร่วมกันเพื่อที่จะกำหนดเป้​​าหมายสำหรับยาที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วยที่ขึ้นอยู่กับชีววิทยาของแต่ละคน การวิจัยโรคมะเร็งเป็นความพยายามทางวิทยาศาสตร์ที่รุนแรงเพื่อที่จะเข้าใจกระบวนการการเกิดของโรคและเพื่อค้นหาวิธีการรักษาที่เป็นไปได้ การวิจัยเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งมุ่งเน้นในประเด็นต่อไปนี้:- ตัวแทน (เช่นไวรัส) และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (เช่นการกลายพันธุ์) ที่เป็นสาเหตุหรืออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในเซลล์ที่มีชะตากรรมที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง - ธรรมชาติที่แม่นยำของความเสียหายทางพันธุกรรมและตัวยีนที่ถูกกระทบจากมัน - ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเหล่านั้นกับชีววิทยาของเซลล์ ทั้งในการสร้างคุณสมบัติที่กำหนดของเซลล์มะเร็ง และในการอำนวยความสะดวกกิจกรรมทางพันธุกรรมเพิ่มเติมที่นำไปสู่​​การส่งเสริมความก้าวหน้าของโรคมะเร็ง ความเข้าใจที่ดีขึ้นของอณูชีววิทยาและชีววิทยาของเซลล์ที่ได้จากการวิจัยโรคมะเร็งได้นำไปสู่​​การรักษาใหม่จำนวนมากสำหรับโรคมะเร็งนับแต่ประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐประกาศ "สงครามกับมะเร็ง" ในปี 1971 ตั้งแต่นั้นมาสหรัฐได้ใช้เงินกว่า $2 แสนล้านในการวิจัยโรคมะเร็ง รวมทั้งทรัพยากรจากภาครัฐและเอกชนและมูลนิธิ ในช่วงเวลานั้น สหรัฐได้เห็นอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลดลงร้อยละห้า (ปรับตามขนาดและอายุของประชากร) ระหว่างปี 1950 และปี 2005 การแข่งขันกันที่สูงมากสำหรับทรัพยากรทางการเงินที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการทางวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดความกดดันกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งความร่วมมือกับความเสี่ยงและความคิดดั้งเดิมที่จำเป็นเพื่อการค้นพบขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นการวิจัยแบบความเสี่ยงต่ำอันเป็นที่นิยมมากเกินควรให้เป็นความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้นขนาดเล็กบนการวิจัยนวัตกรรมที่อาจค้นพบการรักษาอย่างรุนแรงที่ใหม่และดีขึ้นอย่างมาก ผลกระทบอื่น ๆ ของการแข่งขันที่กดดันอย่างมากสำหรับทรัพยากรการวิจัยทำให้เกิดปรากฏงานวิจัยจำนวนมากที่มีผลลัพธ์ที่ไม่สามารถจำลองแบบได้ และเกิดเแรงจูงใจที่ประหลาดในการระดมทุนวิจัยที่ส่งเสริมให้สถาบันผู้รับสิทธิ์มีการเติบโตโดยไม่มีการลงทุนที่เพียงพอในคณะและสิ่งอำนวยความสะดวกของตัวเองการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์. เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุ มันก็ไม่ได้พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ โรคมะเร็งส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 ใน 1,000 คน โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นเช่นเดียวกับโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดที่พบในผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ในช่วงวัยการคลอดบุตร ได้แก่: มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ การวินิจฉัยโรคมะเร็งใหม่ในหญิงตั้งครรภ์เป็นเรื่องยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการบางอย่างปกติจะถือว่าจะเป็นความรู้สึกไม่สบายธรมดาท​​ี่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เป็นผลให้เป็นโรคมะเร็งโดยทั่วไปถูกค้นพบในระยะของโรคที่ค่อนข้างสายกว่าค่าเฉลี่ยในหญิงตั้งครรภ์หลายกรณีหรือเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน บางขั้นตอนของการถ่ายภาพเช่น MRIs, CT สแกน, ultrasounds และ mammograms (การเอ็กซ์เรย์เต้านม) ที่มีเครื่องป้องกันรังสีให้กับทารกในครรภ์จะได้รับการพิจารณาว่ามีความปลอดภัยเมื่อทำการถ่ายภาพในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่บางระบบอื่น ๆ เช่น PET scan ไม่ปลอดภัย การรักษาโดยทั่วไปจะดำเนินการเช่นเดียวกับผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามการฉายรังสีและยาที่ใช้สารกัมมันตรังสีตามปกติจะมีการหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปริมาณยาสำหรับทารกในครรภ์อาจเกิน 100 CGY ในบางกรณี บางส่วนของการรักษาหรือทั้งหมดจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงหลังคลอดถ้าโรคมะเร็งได้รับการวินิจฉัยในช่วงปลายของการตั้งครรภ์ การคลอดที่เร็วขึ้นเพื่อเริ่มต้นการรักษาให้เร็วขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งผิดปกติ การผ่าตัดโดยทั่วไปมีความปลอดภัย แต่การผ่าตัดกระดูกเชิงกรานในช่วงไตรมาสแรกอาจทำให้เกิดการแท้งบุตร การรักษาบางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเคมีบำบัดบางอย่างที่ใช้ในช่วงไตรมาสแรกอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดข้อบกพร่องกับการคลอด () และการสูญเสียการตั้งครรภ์ () (การแท้งที่เกิดขึ้นเองและการคลอดแบบทารกตายในครรภ์). การเลือกที่จะทำแท้งจะไม่จำเป็นและสำหรับรูปแบบและระยะของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดจะไม่ช่วยการอยู่รอดของแม่ให้ดีขึ้นหรือได้รับการรักษาจนหายขาด ในไม่กี่กรณี เช่นมะเร็งมดลูกระยะก้าวหน้า การตั้งครรภ์ไม่สามารถเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และในกรณีอื่น ๆ เช่นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่ถูกค้นพบในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ หญิงที่ตั้งครรภ์อาจเลือกที่จะทำแท้งเพื่อที่เธอจะเริ่มต้นการรักษาด้วยเคมีบำบัดในเชิงรุกโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเกิดข้อบกพร่องตอนคลอด การรักษาบางครั้งอาจจะรบกวนความสามารถของแม่ที่จะให้กำเนิดผ่านช่องคลอดหรือการให้นมจากทรวงอกแก่ทารกของเธอ มะเร็งปากมดลูกอาจต้องการการทำคลอดโดยการผ่าตัดหน้าท้อง () การใช้รังสีกับเต้านมจะลดความสามารถของเต้านมในการผลิตน้ำนมและเพิ่มความเสี่ยงของโรคเต้านมอักเสบ () นอกจากนี้เมื่อรักษาด้วยเคมีบำบัดหลังคลอด ยาจำนวนมากจะผ่านนมแม่ไปยังลูกน้อยซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกได้สัตว์อื่นๆโภชนาการ โภชนาการ. จากการศึกษาพบว่า อาหารอาจมีส่วนสัมพันธ์ กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50% แต่ในขณะเดียวกันอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และ เครื่องเทศต่างๆ ก็มี คุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งได้ ดังนั้น การรับประทานอาหารอย่างถูกต้องตามหลัก โภชนาการ จึงเป็นหนทางหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง1. อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะราสีเขียว-สีเหลือง 2. อาหารไขมันสูง 3. อาหารเค็มจัด ส่วนไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ ดินประสิว
มะเร็งในทางการแพทย์เรียกว่าอะไร
{ "answer": [ "เนื้องอกร้าย" ], "answer_begin_position": [ 112 ], "answer_end_position": [ 124 ] }
1,732
10,649
มะเร็ง มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย () เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และมีศักยภาพในการรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งที่เป็นไปได้รวมถึง:.. มีก้อนเนื้อเกิดใหม่, มีเลือดออกผิดปกติ, มีการไอเป็นเวลานาน, การสูญเสียน้ำหนักที่อธิบายไม่ได้, และการเปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายของลำไส้และอื่น ๆ แต่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอื่น ๆได้เช่นกัน มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 100 ชนิด สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่ทราบแล้วว่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่ การสูบบุหรี่ (อัตราการตาย 22%) ปัจจัยด้านอาหาร, การขาดกิจกรรมการออกกำลังกาย, โรคอ้วน, และการบริโภคแอลกอฮอล์ (อัตราการตายรวมกัน 10%) นอกนั้นเป็นการติดเชื้อบางอย่าง, การสัมผัสรังสี, และมลภาวะสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เกือบ 20% ของโรคมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อเช่นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิด B, ชนิด C, และ human papillomavirus. โดยทั่วไปก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาขึ้น การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของยีนจะเกิดขึ้นก่อน ประมาณ 5–10% ของมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ยีนเสียหายโดยตรง หรืออาจประกอบกับความบกพร่องทางพันธุกรรมที่มีอยู่เดิมในเซลล์ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ มะเร็งราว 5–10% สามารถติดตามไปยังความบกพร่องทางพันธุกรรมแต่กำเนิดโดยตรง มะเร็งสามารถตรวจพบได้หลายวิธี รวมทั้งการมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง การตรวจคัดกรองโรค จากนั้น จะต้องทำการสร้างภาพทางการแพทย์ เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งแล้ว จะมีการวินิจฉัยเพื่อยืนยันโดยการตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อ () มะเร็งหลายประเภทสามารถป้องกันได้โดยการไม่สูบบุหรี่, รักษาน้ำหนักตัวเพื่อสุขภาพที่ดี, ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, กินอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืชมากๆ, ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อบางอย่าง, ไม่กินเนื้อแดงมากเกินไป, และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป การตรวจพบแต่เนิ่นๆผ่านการตรวจคัดกรองจะเป็นประโยชน์สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองสำหรับมะเร็งเต้านมยังมีความขัดแย้ง โรคมะเร็งมักจะได้รับการรักษาผสมกันของการรักษาด้วยรังสีบางอย่าง, การผ่าตัด, การรักษาด้วยเคมีบำบัด, และการรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมาย การจัดการกับการปวดและอาการอื่นเป็นส่วนสำคัญของการดูแล การดูแลแบบประคับประคองเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่โรคมีการพัฒนาไปมาก โอกาสของการอยู่รอดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรคในช่วงเริ่มต้นของการรักษา ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ที่วินิจฉัยอัตราการรอดตายในช่วงห้าปีใน โลกที่พัฒนาแล้วโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 80% สำหรับโรคมะเร็งในประเทศสหรัฐอเมริกาอัตราการรอดตายห้าปีเฉลี่ยอยู่ที่ 66% ในปี 2012 มีมะเร็งรายใหม่เกิดขึ้นทั่วโลกประมาณ 14,100,000 ราย (ไม่รวมถึงโรคมะเร็งผิวหนังอื่นที่ไม่ใช่เนื้องอก) มันะทำให้เกิดการเสียชีวิต 8,200,000 รายหรือ 14.6% ของการเสียชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด ชนิดที่พบบ่อยที่สุดของโรคมะเร็ง ในเพศชายเป็นมะเร็งปอด, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, และมะเร็งกระเพาะอาหาร ในเพศหญิงชนิดที่พบมากที่สุดคือมะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปอด, และมะเร็งปากมดลูก หากมะเร็งผิวหนังอื่นที่ไม่ใช่เนื้องอกถูกรวมอยู่ใน มะเร็งใหม่ทั้งหมด ในแต่ละปีมะเร็งดังกล่าวจะคิดเป็นประมาณ 40% ของผู้ป่วย ในเด็ก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบ lymphoblastic เฉียบพลันและเนื้องอกในสมองเป็นโรคส่วนใหญ่ร่วมกันยกเว้นในทวีปแอฟริกาที่มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดแพร่กระจายเร็วเกิดขึ้นบ่อย ในปี 2012 เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีประมาณ 165,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าเ​​ป็นมะเร็ง ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามอายุและมะเร็งหลายชนิดเกิดขึ้นได้ทั่วไปในประเทศที่พัฒนาแล้ว อัตราเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อประชาชนมีชีวิตมากขึนและวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงในประเทศกำลังพัฒนา ต้นทุนทางการเงินของโรคมะเร็งอยู่ที่ประมาณ US$ 1.16 ล้านล้านต่อปีในปี 2010นิยาม นิยาม. มะเร็งคือกลุ่มของโรคหลายโรค ที่มีลักษณะร่วมกันคือมีการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ และมีความสามารถที่จะรุกล้ำหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ จัดเป็นชนิดหนึ่งของเนื้องอก เนื้องอกหมายถึงกลุ่มของเซลล์ที่มีการเจริญอย่างไม่มีการควบคุม มักเกิดเป็นก้อน แต่ก็อาจเกิดเป็นลักษณะแผ่กว้างได้ ปัจจุบันถือว่าเซลล์ที่จะนับว่าเป็นเซลล์มะเร็งต้องมีลักษณะเฉพาะของความเป็นมะเร็ง ลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะที่จำเป็นต่อการดำเนินโรคของมะเร็ง ได้แก่- มีการเจริญของเซลล์และการแบ่งเซลล์ได้โดยไม่ต้องมีสัญญาณกระตุ้นตามปกติ - มีการเจริญของเซลล์และการแบ่งเซลล์ได้แม้จะมีสัญญาณยับยั้ง - มีกลไกหลีกเลี่ยงการทำให้เซลล์ตายตามปกติ - มีความสามารถที่จะแบ่งเซลล์ได้โดยไม่มีจำนวนจำกัด - มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ - มีการรุกรานเนื้อเยื่อข้างเคียง และมีความสามารถที่จะแพร่กระจายไปยังตำแหน่งห่างไกลได้ การที่เซลล์ปกติจะกลายเป็นเซลล์ที่เพิ่มจำนวนจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกและกลายเป็นมะเร็งเต็มขั้นนั้นมีขั้นตอนหลายขั้นตอน ขั้นตอนเหล่านี้เรียกว่าการพัฒนาของมะเร็งอาการและอาการแสดง อาการและอาการแสดง. บทความหลัก: สัญญาณและอาการแสดงของมะเร็ง ในระยะเริ่มต้นของมะเร็งผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการ ต่อเมื่อขนาดของก้อนเริ่มโตขึ้นหรือเริ่มเกิดเป็นแผลจึงอาจจะมีอาการหรืออาการแสดงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของมะเร็ง อาการส่วนใหญ่เป็นอาการที่ไม่มีความจำเพาะ สามารถพบได้บ่อยในภาวะอื่นที่ไม่ใช่มะเร็ง จึงถือได้ว่ามะเร็งเป็นโรคนักเลียนแบบอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่จึงมักได้รับการรักษาภาวะอื่นมาระยะหนึ่งก่อน ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งอาการเฉพาะที่ อาการเฉพาะที่. ผู้ป่วยอาจมีอาการเฉพาะที่จากผลของตัวก้อนที่ขยายขนาดขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลจากก้อนของมะเร็งปอดอาจกดเบียดหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ หรือเกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น มะเร็งหลอดอาหารทำให้เกิดการตีบแคบของหลอดอาหาร ทำให้ผู้ป่วยมีอาการกลืนลำบากหรือกลืนเจ็บ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงอาจทำให้เกิดการตีบแคบหรือการอุดกั้นของลำไส้ ทำให้มีการถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไป ก้อนในเต้านมหรืออัณฑะอาจปรากฏเป็นก้อนให้ผู้ป่วยสังเกตได้ชัดเจน อาการบางอย่างอาจเกิดจากการเกิดแผลที่ก้อนมะเร็ง เช่น ในปอดอาจทำให้มีอาการไอเป็นเลือด ในลำไส้ทำให้ผู้ป่วยค่อยๆ เสียเลือดจนมีอาการซีด หรือเลือดออกมากจนเห็นเป็นเลือดปนมากับอุจจาระได้ ในกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด และในมดลูกทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นต้น ผู้ป่วยระยะลุกลามบางรายอาจมีอาการเจ็บจากตัวก้อนได้ แต่ในระยะแรกที่ก้อนเพิ่งเริ่มขยายขนาดผู้ป่วยมักไม่มีอาการเจ็บจากตัวก้อน มะเร็งบางชนิดอาจทำให้เกิดของเหลวสะสมในโพรงร่างกาย เช่นในช่องอก หรือช่องท้องได้อาการที่เป็นระบบ อาการที่เป็นระบบ. เป็นอาการที่เกิดขึ้นทั่วไปเนื่องจากผลกระทบที่อยู่ไกลจากตำแหน่งของโรคมะเร็งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายโดยหรือเป็นการแพร่กระจายของโรค อาการเหล่านี้อาจรวมถึง:.. การสูญเสียน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ, เป็นไข้, เหนื่อยมากเกินไป, และมีการเปลี่ยนแปลงกับผิว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดแพร่กระจายช้า(), โรคเม็ดโลหิตขาวผิดปกติ (), และโรคมะเร็งตับหรือโรคมะเร็งไตอาจทำให้เกิดไข้ถาวรไม่ทราบที่มา มะเร็งบางชนิดอาจทำให้เกิดกลุ่มอาการเฉพาะของระบบที่เรียกว่าปรากฏการณ์ paraneoplastic ตัวอย่างเช่นการปรากฏตัวของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย () ในเนื้องอกต่อมไทมัส () และอาการปลายนิ้วโต () ในโรคมะเร็งปอดการแพร่กระจาย การแพร่กระจาย. บทความหลัก: Metastasis มะเร็งสามารถแพร่กระจายจากจุดกำเนิดเดิมของมันโดยการแพร่กระจายเฉพาะที่, การแพร่กระจายผ่านทางน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองในภูมิภาคหรือผ่านทางเลือด (การแพร่กระจาย แบบ haematogenous) ไปยังเนื้อเยื่ออื่นที่ไกลออกไป การแพร่กระจายทั้งหมดนี้เรียกว่า metastasis เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปตามเส้นทาง haematogenous มันก็มักจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม 'เมล็ดพันธุ์' มะเร็งจะเจริญเติบโตได้ดีใน 'ดิน' บางจุดที่เลือกโดยเฉพาะเท่านั้น เป็นสมมติฐานของการแพร่กระจายโรคมะเร็งในรูปของ 'ดินและเมล็ดพันธ์' อาการของการเกิดโรคมะเร็งในระยะแพร่กระจายขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอกและอาจรวมถึงต่อมน้ำเหลืองโต (ซึ่งสามารถรู้สึกได้หรือบางครั้งก็เห็นได้ใต้ผิวหนังและมักจะแข็ง), ตับโตหรือม้ามโตซึ่งสามารถรู้สึกได้ในช่องท้อง, รู้สึกเจ็บปวดหรือเศษหักของกระดูกและอาการทางระบบประสาทสาเหตุ สาเหตุ. บทความหลัก: สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง 90-95% ของสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนที่เหลืออีก 5-10% เนื่องมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม คำว่า "สิ่งแวดล้อม" ที่ใช้โดยนักวิจัยโรคมะเร็งหมายถึงสาเหตุใดๆที่ไม่ได้มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเช่นวิถีการดำเนินชีวิต, ปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรม, และไม่ใช่แค่มลพิษ ปัจจัยแวดล้อมที่พบบ่อยที่นำไปสู่​​การตายของโรคมะเร็ง ได้แก่ ยาสูบ (25-30%) อาหารและโรคอ้วน (30-35%), การติดเชื้อ (15-20%), การสัมผัสกับรังสี (ทั้งโอโซนและไม่โอโซน 10%) ความเครียด, ขาดการออกกำลังกาย, และมลพิษสิ่งแวดล้อม มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าอะไรทำให้เกิดโรคมะเร็งในบุคคลหนึ่ง ๆ เพราะมะเร็งส่วนใหญ่มีสาเหตุหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นถ้าคนที่ใช้ยาสูบอย่างหนักจนพัฒนาเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ดังนั้นสาเหตุก็อาจมาจากการใช้ยาสูบ แต่เนื่องจากทุกคนมีโอกาสเล็กน้อยที่จะพัฒนาโรคมะเร็งปอดโดยเป็นผลมาจากมลพิษทางอากาศหรือการฉายรังสี ดังนั้นมีโอกาสเล็กน้อยที่ โรคมะเร็งจะได้รับการพัฒนาเพราะมลพิษทางอากาศหรือการฉายรังสี ยกเว้นการติดต่อที่หายากที่เกิดขึ้นกับการตั้งครรภ์และมีเพียงเล็กน้อยจากการบริจาคอวัยวะ มะเร็งโดยทั่วไปจะไม่เป็นโรคที่ติดต่อถ่ายทอดได้สารเคมี สารเคมี. ข้อมูลเพิ่มเติม: แอลกอฮอล์กับโรคมะเร็งและการสูบบุหรี่กับโรคมะเร็ง การสัมผัสกับสารบางอย่างมีการเชื่อมโยงกับบางชนิดของโรคมะเร็ง สารเหล่านี้จะเรียกว่า "สารก่อมะเร็ง" () ยกตัวอย่าง การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดถึง 90% นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในกล่องเสียง, ในศีรษะ, ในลำคอ, ในกระเพาะอาหาร, ในกระเพาะปัสสาวะ, ในไต, ในหลอดอาหาร, และในตับอ่อน ควันของยาสูบมีสารก่อมะเร็งที่รู้จักกันมากกว่าห้าสิบอย่าง รวมทั้งไนโตรซามีน และ polycyclic aromatic hydrocarbon ยาสูบรับผิดชอบหนึ่งในสามของทั้งหมดที่เสียชีวิตจากมะเร็งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประมาณหนึ่งในห้าทั่วโลก อัตราการตายด้วยโรคมะเร็งปอดในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นภาพสะท้อนของการสูบบุหรี่ ที่มีการเพิ่มขึ้นของการสูบบุหรี่ตามด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราการตายเนื่องจากมะเร็งปอดและเมื่อเร็ว ๆ นี้การลดลงของอัตราการสูบบุหรี่มาตั้งแต่ปี 1950s ตามด้วยการลดลงของอัตราการตายเนื่องจากโรคมะเร็งปอดในผู้ชายตั้งแต่ปี 1990 ในยุโรปตะวันตก 10% ของมะเร็งในเพศชายและ 3% ของมะเร็งทั้งหมดในเพศหญิงจะมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งตับและมะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารเคมีขณะทำงานเชื่อว่าจะเป็นสาเหตุระหว่าง 2-20% ของทุกกรณี ในทุกๆปี อย่างน้อย 200,000 คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานของพวกเขา คนงานหลายล้านมีความเสี่ยงของการพัฒนาสู่โรคมะเร็งเช่นโรคมะเร็งปอดและโรคจากการสูดดมควันบุหรี่หรือ เส้นใยแร่ใยหินในระหว่างการทำงานหรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจากการสัมผัสกับสารเบนซีนที่สถานที่ทำงานของพวกเขาอาหารและการออกกำลังกาย อาหารและการออกกำลังกาย. บทความหลัก: อาหารกับโรคมะเร็ง อาหาร การไม่ออกกำลังกาย และโรคอ้วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ถึง 30-35% ของ ในสหรัฐอเมริกาน้ำหนักตัวเกินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคมะเร็งหลายชนิดและเป็นปัจจัยใน 14-20% ของการเสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมด การศึกษาในสหราชอาณาจักรรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับกว่า 5 ล้านคนแสดงให้เห็นว่าดัชนีมวลกายที่สูงขึ้นจะเกี่ยวข้องกับอย่างน้อย 10 ชนิดของโรคมะเร็งและมีความรับผิดชอบประมาณ 12,000 กรณีในแต่ละปีในประเทศนั้น การไม่ออกกำลังกายเชื่อว่าจะนำไปสู่​​ความเสี่ยงโรคมะเร็ง ไม่เพียงแต่ผ่านทางผลกระทบต่อน้ำหนักตัว แต่ยังผ่านผลกระทบด้านลบต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบต่อมไร้ท่อ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลกระทบจากการรับประทานอาหารเกิดจากการมีภาวะโภชนาการเกิน ( การรับประทานอาหารมากเกินไป) มากกว่าจากการกินผักน้อยเกินไปหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ อาหารบางอย่างจะเชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด อาหารที่มีเกลือสูงเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 'อะฟลาท็อกซินบี 1' สารปนเปื้อนอาหารที่พบบ่อยประเภทหนึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ การเคี้ยวพลูถั่ว () ทำให้เกิดโรคมะเร็งในช่องปาก ความแตกต่างในการรับประทานอาหารส่วนหนึ่งอาจอธิบายความแตกต่างในการเกิดมะเร็งในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจะพบมากในประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากอาหารมีเกลือสูง และมะเร็งลำไส้ใหญ่จะพบมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้อพยพเข้าเมืองพัฒนาความเสี่ยงของประเทศใหม่ของพวกเขาภายในหนึ่งเจนเนอเรชั่น แนะนำการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการรับประทานอาหารและโรคมะเร็งการติดเชื้อ การติดเชื้อ. บทความหลัก: สาเหตุการติดเชื้อของโรคมะเร็ง ทั่วโลกประมาณ 18% ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อ สัดส่วนนี้แตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆของโลกจากที่สูง 25% ในทวีปแอฟริกาจนถึงน้อยกว่า 10% ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไวรัสเป็นเชื้อโรคปกติของการติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่แบคทีเรียและปรสิตยังอาจสร้างผลกระทบกับโรคมะเร็งได้เช่นกัน ไวรัสที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้เรียกว่า oncovirus ซึ่งรวมถึง humam papillomavirus (มะเร็งปากมดลูก), Epstein-Barr ไวรัส (โรค B-cell lymphoproliferative และโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก), herpesvirus sarcoma ของ Kaposi (เนื้องอก Kaposi และ primary effusion lymphomas), ไวรัสตับอักเสบบีและไวรัสตับอักเสบ C (มะเร็งตับ), และ human T -cell ไวรัส-1 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemias T-cell) การติดเชื้อแบคทีเรียยังอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เท่าที่เห็นในมะเร็งกระเพาะอาหารที่เกิดจาก Helicobacter pylori การติดเชื้อปรสิตเกี่ยวข้องอย่างมากกับโรคมะเร็งรวมถึง Schistosoma haematobium (มะเร็งเซลล์ squamous ของกระเพาะปัสสาวะ) และพยาธิใบไม้ในตับ, Opisthorchis viverrini และ Clonorchis sinensis (มะเร็งท่อน้ำดี)การแผ่รังสี การแผ่รังสี. บทความหลัก: โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นจากการฉายรังสี 10% ของมะเร็งที่แพร่กระจายเกี่ยวข้องกับการได้รับรังสี รวมทั้งจากรังสีอัลตราไวโอเลตทั้งแบบโอโซนและแบบที่ไม่ใช่โอโซน นอกจากนี้ส่วนใหญ่ของมะเร็งที่ไม่แพร่กระจายจะเป็นมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่ melanoma ที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตแบบที่ไม่ใช่โอโซน ส่วนใหญ่มาจากแสงแดด แหล่งที่มาของรังสีรวมถึงการถ่ายภาพทางการแพทย์และก๊าซเรดอน รังสีไม่ได้เป็นสารกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การสัมผัสกับก๊าซเรดอนโดยผู้อยู่อาศัยมีความเสี่ยงโรคมะเร็งเช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่ไม่สม่ำเสมอ รังสีเป็นแหล่งโรคมะเร็งที่มีศักยภาพมากขึ้นเมื่อมีการรวมกับสารก่อให้เกิดมะเร็งอื่น ๆ เช่นการสัมผัสก๊าซเรดอนบวกกับยาสูบ รังสีสามารถทำให้เกิดมะเร็งในพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกาย ในสัตว์ทุกชนิดและทุกเพศทุกวัย เด็กและวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะพัฒนาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เกิดจากรังสีเป็นสองเท่าที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่; การได้รับรังสีก่อนเกิดมีผลเป็นสิบเท่า รังสีที่ใช้ทางการแพทย์มีขนาดเล็ก แต่แหล่งกำเนิดรังสีมะเร็งมีจำนวนเพิ่มขึ้น รังสีอาจจะใช้ในการรักษามะเร็งอื่น ๆ แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดรูปแบบที่สองของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ มันยังใช้ในบางชนิดของการถ่ายภาพทางการแพทย์อีกด้วย การสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์เป็นเวลานานสามารถนำไปสู่​​มะเร็งผิวหนังแบบ melanoma และมะเร็งผิวหนังร้ายแรงอื่น ๆ หลักฐานที่ชัดเจนได้ชี้ไปที่รังสีอัลตราไวโอเลต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นความยาวขนาดกลางที่ไม่ใช่โอโซน (UVB) ว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังที่ไ​​ม่ใช่เนื้องอกส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบทั่วไปส่วนใหญ่ของโรคมะเร็งในโลก รังสีความถี่วิทยุที่ไม่โอโซนจากระบบโทรศัพท์มือถือ, ระบบส่งกำลังไฟฟ้​​าและแหล่งอื่นที่คล้ายคลึงกันได้รับการอธิกบายว่าเ​​ป็น'สารก่อมะเร็งที่เป็นไปได้'โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลก อย่างไรก็ตามการศึกษายังไม่พบความเชื่อมโยงสอดคล้องกันระหว่างรังสีจากโทรศัพท์มือถือและความเสี่ยงโรคมะเร็งพันธุกรรม พันธุกรรม. ส่วนใหญ่ของโรคมะเร็งจะไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ("โรคที่เกิดครั้งเดียว") โรคมะเร็งที่ติดต่อทางกรรมพันธุ์เบื้องต้นเป็นสาเหตุมาจากข้อบกพร่องในการถ่ายทอดทางพันธุกรรม น้อยกว่า 0.3% ของประชากรจะเป็นพาหะของการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่มีผลกระทบอย่างมากต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งและความเสี่ยงเหล่านี้ก่อให้เกิดน้อยกว่า 3-10% ของโรคมะเร็งทั้งหมด บางส่วนของอาการเหล่านี้รวมถึง:. การกลายพันธุ์บางอย่างที่ได้รับการถ่ายทอดในยีน BRCA 1 และ BRCA2 ที่มีความเสี่ยงมากกว่า 75% ของมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด hereditary nonpolyposis (HNPCC หรือ Lynch syndrome) ซึ่งมีอยู่ในประมาณ 3% ของผู้ที่มีโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สารที่มีการสัมผัสทางกายภาพ สารที่มีการสัมผัสทางกายภาพ. สารบางชนิดทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนใหญ่เนื่องจากการสัมผัสทางกายภาพมากกว่าทางเคมี ตัวอย่างที่โดดเด่นได้แก่การสัมผัสกับแร่ใยหินเป็นเวลานาน, แร่ใยหินเป็นเส้นใยแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มันเป็นสาเหตุสำคัญของโรค mesothelioma (โรคมะเร็งชนิดหนึ่งของเยื่อเซรุ่ม ซึ่งมักจะเป็นเยื่อเซรุ่มรอบปอด) สารอื่น ๆ ในหมวดหมู่นี้รวมทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่เกิดขึ้นผ่านการสังเคราะห์เช่นเส้นใยคล้ายแร่ใยหินได้แก่ wollastonite, attapulgite, glass wool และ rock wool สารเหล่านี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบที่คล้ายกัน วัสดุที่ไม่ใช่ไฟเบอร์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้แก่ผงโลหะโคบอลต์และนิกเกิล และผลึกซิลิกา (ควอทซ์, cristobalite และ tridymite) โดยปกติสารก่อมะเร็งทางกายภาพจะต้องเข้าไปในร่างกาย (เช่นผ่านการสูดดมชิ้นเล็ก ๆ ) และต้องใช้เวลาหลายปีของการสัมผัสจนพัฒนาขึ้นเป็นโรคมะเร็ง การบาดเจ็บทางร่างกายจนส่งผลให้เป็นโรคมะเร็งค่อนข้างหายาก ยกตัวอย่างเช่น การอ้างว่าการที่กระดูกแตกส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งกระดูกไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่าจริง ในทำนองเดียวกัน การบาดเจ็บทางร่างกายก็ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งสมอง กรณีเดียวที่ยอมรับได้คือการที่ร่างกายได้รับความร้อนบ่อยและเป็นเวลานอน เป็นไปได้ว่าการเผาไหม้ซ้ำๆในส่วนเดียวกันของร่างกายเช่นความร้อนที่สร้างโดย Kanger (หม้อใส่ถ่านร้อนของชาวแคชเมียร์เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย) และเครื่องทำความร้อนแบบ Kairo (เครื่องอุ่นมือด้วยถ่าน) อาจสร้างมะเร็งบนผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้สารเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็งในการให้ความร้อน ที่พบบ่อยคือการดื่มน้ำชาร้อนจนลวกอาจสร้างมะเร็งหลอดอาหาร โดยทั่วไป เชื่อกันว่ามะเร็งจะเกิดขึ้น, หรือมะเร็งที่มีอยู่ก่อนแล้วได้รับการสนับสนุน, ในระหว่างขั้นตอนการซ่อมแซมอาการบาดเจ็บ มากกว่ามะเร็งจะเกิดจากการบาดเจ็บโดยตรง อย่างไรก็ตาม การได้รับบาดเจ็บซ้ำๆที่เนื้อเยื่อเดียวกันอาจส่งเสริมการเพิ่มจำนวนเซลล์มากเกินไปซึ่งก็จะไปเพิ่มอัตราการกลายพันธุ์ของมะเร็ง เป็นที่ถกเถียงกันว่าการอักเสบเรื้อรังอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์โดยตรงได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ยอมรับว่าการอักเสบสามารถนำไปสู่​​การขยายจำนวน, การอยู่รอด, การก่อตัวของเส้นเลือดใหม่และการย้ายถิ่นของเซลล์มะเร็งโดยการสร้างอิทธิพลต่อจุลสิ่งแวดล้อมรอบๆเนื้องอก มากไปกว่านั้น ยีนมะเร็ง () เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นตัวสะสมจุลสิ่งแวดล้อมแบบส่งเสริมให้เกิดยีนเนื้องอกที่อักเสบ ()ฮอร์โมน ฮอร์โมน. ฮอร์โมนบางชนิดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามะเร็งโดยการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนเซลล์ ปัจจัยการเจริญเติบโตอย่างเช่นอินซูลินและโปรตีนที่ผูกพันของพวกมันมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มจำนวนเซลล์, การแยกความแตกต่างและการตาย, บอกถึงความเป็นไปได้ในการมีส่วนร่วมในการเกิดมะเร็ง ฮอร์โมนเป็นตัวการสำคัญในการเกิดโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเพศ เช่นโรคมะเร็งของเต้านม, เยื่อบุมดลูก, ต่อมลูกหมาก, รังไข่, และอัณฑะ รวมทั้งโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์และมะเร็งกระดูก ตัวอย่างเช่นหญิงที่มีมารดามีมะเร็งเต้านมจะมีระดับของเอสโตรเจนและ progesterone ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าหญิงที่มีมารดาที่ไม่มีมะเร็งเต้านม การเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนอาจจะอธิบายได้ว่าทำไมผู้หญิงเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้แม้ว่าจะไม่มียีนมะเร็งเต้านม ในทำนองเดียวกันชายเชื้อสายแอฟริกันมีระดับเทสโทสเทอโรนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าชายเชื้อสายยุโรปจึงมีระดับที่สอดคล้องกันของมะเร็งต่อมลูกหมากที่สูงมาก ชายเชื้อสายเอเชียที่มีระดับต่ำสุดของ androstanediol glucuronide ที่เกิดจากเทสโทสเทอโรน ก็มีระดับต่ำสุดของมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ปัจจัยอื่น ๆ ก็เกี่ยวข้องด้วย เช่นคนที่เป็นโรคอ้วนมีระดับที่สูงขึ้นของฮอร์โมนบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งและอัตราที่สูงขึ้นของโรคมะเร็งเหล่านั้น ผู้หญิงที่บำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนมีความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเหล่านั้น ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ออกกำลังกายมากกว่าค่าเฉลี่ยมีระดับที่ลดลงของฮอร์โมนเหล่านี้และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง มะเร็งกระดูก () อาจได้รับการส่งเสริมจากฮอร์โมนการเจริญเติบโต การรักษาและการป้องกันบางอย่างจะช่วยถ่วงดุลสาเหตของโรคเหล่านี้โดยการลดแบบเทียมของระดับฮอร์โมน ซึ่งจะไม่ส่งเสริมมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมนนั้นพยาธิสรีรวิทยา พยาธิสรีรวิทยา. บทความหลัก: การเกิดมะเร็งพันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์. โรคมะเร็งโดยพื้นฐานเป็นโรคของการล้มเหลวในการควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ในการที่จะให้เซลล์ปกติเปลี่ยนให้เป็นเซลล์มะเร็ง ยีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์และแยกความแตกต่างจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ยีนที่ได้รับผลกระทบสามาถแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้าง ๆ คือ 1. ยีนก่อมะเร็ง () เป็นยีนที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเซลล์ 2. ยีนต้านเนื้องอก () เป็นยีนที่ยับยั้งการแบ่งตัวและความอยู่รอดของเซลล์ การแปลงร่างของเนื้อร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการก่อตัวของ oncogenes แบบนวนิยาย (เป็นการออกฤทธิ์ที่มากเกินไปอย่างไม่เหมาะสมของยีนก่อมะเร็งปกติ) หรือเกิดขึ้นโดยการออกฤทธิ์หรือการปิดใช้งานที่น้อยเกินไปของยีนต้านมะเร็ง โดยปกติแล้วการเปลี่ยนแปลงในยีน"จำนวนมาก"จะต้องเป๋นการเปลี่ยนจากเซลล์ปกติให้เป็นเซลล์มะเร็ง การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในระดับที่แตกต่างกันและโดยกลไกที่แตกต่างกัน การได้รับหรือการสูญเสียของโครโมโซมทั้งมวลสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านความผิดพลาดในกระบวนการแบ่งเซลล์ () ที่พบกันมากกว่าเป็นกระบวนการกลายพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในลำดับนิวคลีโอไทด์ของจีโนมิกส์ดีเอ็นเอ การกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการลบออกหรือการได้รับส่วนหนึ่งของโครโมโซม การขยายจีโนมจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ได้รับหลายๆสำเนา (มักจะ 20 สำเนาหรือมากกว่า) ของตำแหน่งโครโมโซม () ขนาดเล็กที่มักจะมียีนมะเร็งหนึ่งตัวหรือมากกว่าหนึ่งและสารพันธุกรรมที่อยู่ติดกัน การโยกย้าย () จะเกิดขึ้นเมื่อสองภูมิภาคของโครโมโซมที่แยกจากกันมีการหลอมเข้าด้วยกันอย่างผิดปกติ โดยมักจะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งที่เป็นลักษณะสมบัติ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีเป็น'ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม' หรือการโยกย้ายของโครโมโซม 9 และ 22 ซึ่งเกิดขึ้นในโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังแบบ myelogenous และส่งผลในการผลิตโปรตีนฟิวชั่นแบบ BCR-ABL, ซึ่งเป็น tyrosine kinase (เอนไซม์ขนิดหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนฟอสเฟสแบบ ATP ให้เป็นโปรตีนในเซลล์ มันทำงานเหมือนสวิทช์ปิด-เปิดในหลายหน้าที่ของเซลล์ มันเป็นชั้นย่อยหนึ่งของโปรตีนไคเนส)ที่เป็นยีนมะเร็งชนิดหนึ่ง การกลายพันธุ์ขนาดเล็กจะรวมถึงการกลายพันธุ์, การลบออกและแทรกเป็นจุดจุด ซึ่งอาจเกิดขึ้นในภูมิภาคส่งเสริมของยีนและมีผลต่อการออกฤทธิ์ของมัน หรืออาจเกิดขึ้นในลำดับการเข้ารหัสของยีนและปรับเปลี่ยนฟังก์ชันหรือความมั่นคงของผลิตภัณฑ์โปรตีนของมัน การหยุดชะงักของยีนตัวเดียวยังอาจเกิดจากการรวมตัวกันของวัสดุจีโนมจากดีเอ็นเอไวรัสหนึ่ง(หรือ retrovirus) ที่นำไปสู่​​การออกฤทธิ์ของยีนมะเร็งของไวรัสในเซลล์ที่ได้รับผลกระทบและลูกหลานของมัน การจำลองแบบของข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ภายในดีเอ็นเอของเซลล์ที่มีชีวิตจะส่งผลที่เป็นไปได้ทางสถิติให้เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง (นั่นคือการกลายพันธุ์) การแก้ไขและการป้องกันข้อผิดพลาดที่ซับซ้อนจะถูกสร้างขึ้นให้เป็นกระบวนการ และป้องกันเซลล์ให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ถ้าข้อผิดพลาดที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้น เซลล์ที่เสียหายสามารถ "ทำลายตัวเอง" ผ่านการตายของเซลล์ที่ได้โปรแกรมไว้แล้วที่เรียกว่าการตายของเซลล์ () หากกระบวนการควบคุมความผิดพลาดเกิดการล้มเหลว, การกลายพันธุ์ก็จะอยู่รอดและถูกส่งผ่านไปยังเซลล์ลูก สภาพแวดล้อมบางอย่างมีแนวโน้มที่ทำความผิดพลาดให้เกิดขึ้นและเผยแพร่ออกไป สภาพแวดล้อมดังกล่าวอาจรวมถึงการปรากฏตัวของสารก่อกวนที่เรียกว่ายีนมะเร็ง (), การบาดเจ็บทางกายภาพซ้ำ ๆ, ความร้อน, รังสีหรือการขาดออกซิเจน ตัวอย่างของข้อผิดพลาดที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่น "การขยายตัวเอง" และ "การประสม" ได้แก่:- การกลายพันธุ์ในเครื่องแก้ไขข้อผิดพลาดของเซลล์อาจเป็นสาเหตุให้เซลล์และลูก ๆ ของมันทำการสะสมข้อผิดพลาดได้รวดเร็วมากขึ้น - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวในยีนมะเร็งตัวหนึ่งอาจทำให้เซลล์แบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้งมากขึ้นกว่าเซลล์ปกติอื่นๆ - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวอาจทำให้เกิดการสูญเสียยีนต้านมะเร็ง ชะงักเส้นทางการส่งสัญญาณการตายและส่งผลให้เซลล์กลายเป็นอมตะ - การกลายพันธุ์ที่ขยายตัวในเครื่องส่งสัญญาณของเซลล์อาจส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังเซลล์ที่อยู่ใกล้เคียง การแปลงร่างของเซลล์ปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งจะคล้ายกับการเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดจากความผิดพลาดครั้งแรก ซึ่งประสมกันขึ้นเป็นข้อผิดพลาดที่รุนแรงมากขึ้น แต่ละข้อผืดพลาดช่วยอย่างก้าวหน้าให้เซลล์สามารถที่จะหลบหนีการควบคุมที่จำกัดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อปกติ สถานการณ์ที่เหมือนการก่อจลาจลนี้จะกลายเป็นที่ไม่พึงประสงค์ของการอยู่รอดของผู้เหมาะสมที่สุด () ที่แรงผลักดันของวิวัฒนาการทำงานต่อต้านกับการออกแบบและการบังคับให้ทำตามคำสั่งของร่างกาย เมื่อมะเร็งได้เริ่มที่จะพัฒนา กระบวนการอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ที่เรียกว่าการวิวัฒนาการที่เกิดมาจากเซลล์เดียวกัน () จะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าไปสู่​​ระยะของโรคที่มีการบุกรุกมากขึ้น clonal evolution จะนำไปสู่เนื้องอกแบบภายในไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน () ที่ทำให้กลยุทธ์การให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพอย่างที่ได้ออกแบบไว้เกิดความสลับซับซ้อน ความสามารถด้านลักษณะสมบัติที่มีการพัฒนาโดยโรคมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท มีการนำเสนอแต่เดิมอยู่หกประเภทในบทความปี 2000 ที่เรียกว่า "เครื่องหมายแสดงว่ามีคุณภาพสูงของมะเร็ง" โดยดักลาส Hanahan และโรเบิร์ต Weinberg เกี่ยวกับ: การหลีกเลี่ยงการตาย, การพึ่งตัวเองในสัญญาณการเจริญเติบโต, การไม่รู้สึกถึงสัญญาณป้องกันการเจริญเติบโต, การสร้างหลอดเลือดอย่างยั่งยืน, ศักยภาพการทำซ้ำอย่างไร้ขีดจำกัด, และ การแพร่กระจาย. ในงานที่เขียนเพิ่มเติม ผู้เขียนเดียวกันเพิ่มอีกสองประเภทมากขึ้นในปี 2011 ได้แก่ โปรแกรมใหม่ของการเผาผลาญพลังงานและการหลีกเลี่ยงการทำลายภูมิคุ้มกันการแพร่กระจาย การแพร่กระจาย. การแพร่กระจาย () หมายถึงการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังตำแหน่งอื่น ๆ ในร่างกาย เนื้องอกที่เกิดใหม่จะเรียกว่าเนื้องอกที่แพร่กระจาย ในขณะที่เดิมเรียกว่าเนื้องอกขั้นต้น โรคมะเร็งเกือบทั้งหมดสามารถแพร่กระจายได้ การเสียชีวิตจากมะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากโรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจายจากตำแหน่งแรกของมันไปยังอวัยวะอื่น ๆ (ที่แพร่กระจายเข้ามา) การแพร่กระจายเป็นเรื่องธรรมดามากในช่วงปลายของการเกิดโรคมะเร็งและมันสามารถกระจายได้ผ่านทางเลือดหรือระบบน้ำเหลืองหรือทั้งสองอย่าง ขั้นตอนทั่วไปในการแพร่กระจายก็คือ การบุกรุกเฉพาะที่, การแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดหรือน้ำเหลือง การไหลเวียนผ่านร่างกาย การซึมออกจากกระแสไหลเวียนเข้าไปในเนื้อเยื่อใหม่ การเพิ่มจำนวน และการสร้างหลอดเลือดใหม่ ขนิดของโรคมะเร็งที่แตกต่างกันมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่แตกต่างกันโดยเฉพาะของมัน แต่โดยรวมแล้วบริเวณที่พบมากที่สุดสำหรับการแพร่กระจายจะเกิดขึ้นที่ปอด ตับ สมอง และกระดูกการวินิจฉัย การวินิจฉัย. โรคมะเร็งส่วนใหญ่ในตอนแรกจะได้รับการยืนยันโดยลักษณะของสัญญาณหรืออาการหรือผ่านการคัดกรองอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีสักตัวที่นำไปสู่​​การวินิจฉัยที่ชัดเจนยกเว้นจะต้องมีการตรวจสอบตัวอย่างเนื้อเยื่อโดยวิธีการทางพยาธิวิทยา คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งจะถูกตรวจสอบด้วยการทดสอบต่างๆทางการแพทย์ โดยทั่วไปรวมถึงการทดสอบเลือด, เอกซ์เรย์, CT สแกน, และการส่องกล้อง คนส่วนใหญ่จะไม่มีความสุขเมื่อรู้ว่าพวกเขามีโรคมะเร็ง พวกเขาอาจจะมีความกังวลและไม่มีความสุขอย่างมาก ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้ที่มีโรคมะเร็งอยู่ที่ประมาณสองเท่าของความเสี่ยงปกติการจัดหมวดหมู่ การจัดหมวดหมู่. ข้อมูลเพิ่มเติม: รายการประเภทของโรคมะเร็งและรายชื่อของคำที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง โรคมะเร็งสามารถจัดหมวดหมู่ได้ตามชนิดของเซลล์ที่มีลักษณะคล้ายกับเซลล์เนื้องอกที่เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเนื้องอก ชนิดของเซลล์เหล่านี้ได้แก่:- Carcinoma: เป็นมะเร็งที่ได้มาจากเซลล์เยื่อบุผิว () กลุ่มนี้ได้แก่โรคมะเร็งจำนวนมากที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุและเกือบทุกคนที่กำลังพัฒนาเป็นมะเร็งในเต้านม, ในต่อมลูกหมาก, ในปอด, ในตับอ่อน, และในลำไส้ - Sarcoma: เป็นมะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (เช่นกระดูก, กระดูกอ่อน, ไขมัน, เส้นประสาท) ซึ่งแต่ละตัวมีการพัฒนาจากเซลล์ต้นกำเนิดในเซลล์ mesenchymal นอกไขกระดูก - Lymphoma และ leukemia (มะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว): โรคมะเร็งสองชนิดนี้เกิดจากเซลล์เม็ดเลือด (เกิดจากเลือด) () ที่ออกมาจากไขกระดูกและมีแนวโน้มที่จะโตเต็มที่ในต่อมน้ำเหลืองและเลือดตามลำดับ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นชนิดของมะเร็งที่พบมากที่สุดในเด็กโดยคิดเป็นประมาณ 30% - เนื้องอกเซลล์สืบพันธุ์ (): เป็นโรคมะเร็งที่ได้มาจากเซลล์หลายฤทธิ์หลายสรรพคุณ () (คุณสมบัติของเซลล์ต้นตอในการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของเซลล์ต้นตอในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์จำเพาะของเนื้อเยื่อชนิดอื่น ๆ ได้หลายชนิด แต่เซลล์ต้นตอชนิดพลูริโพเทนท์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ชั้นนอกสุดของตัวอ่อน (Extraembryonic Tissues) ได้ ซึ่งเนื้อเยื่อนี้ได้แก่ ถุงน้ำคร่ำ (Amnion) เยื่อหุ้มตัวอ่อน (Chorion) และองค์ประกอบของรก (Placenta) [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี])ส่วนใหญ่มักจะพบในลูกอัณฑะหรือรังไข่ (seminoma และ dysgerminoma ตามลำดับ) - blastoma: เป็นโรคมะเร็งที่ได้จากการเซลล์ "ปูชนียบุคคล" หรือเนื้อเยื่อของตัวอ่อนที่ยังไม่โตเต็มที่ Blastoma จะพบในเด็กมากกว่าในผู้มีอายุมากกว่า มะเร็งมักจะใช้คำต่อไปนี้ -carcinoma, -sarcoma หรือ -blastoma เป็นคำต่อท้ายและใช้ชื่ออวัยวะหรือเนื้อเยื่อของแหล่งกำเนิดเป็นภาษาละตินหรือกรีกเป็นคำนำหน้า ยกตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อตับที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวเนื้อร้ายจะถูกเรียกว่า hepatocarcinoma ในขณะที่เนื้อร้ายที่เกิดจากเซลล์ตับสารตั้งต้นดั้งเดิมจะถูกเรียกว่า hepatoblastoma และมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ไขมันจะถูกเรียกว่า liposarcoma สำหรับมะเร็งทั่วไปบางอย่างชื่ออวัยวะจะใช้เป็นภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่นชนิดที่พบมากที่สุดของมะเร็งเต้านมจะเรียกว่า ductal carcinoma ของเต้านม คำว่า ductal (ท่อ)เป็นคำคุณศัพท์ที่หมายถึงการปรากฏตัวของโรคมะเร็งภายใต้กล้องจุลทรรศน์ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันมีต้นกำเนิดในท่อน้ำนม เนื้องอกไม่ร้ายแรง (ซึ่งไม่ใช่มะเร็ง) จะใช้คำว่า-omaเป็นคำต่อท้าย และใช้ชื่ออวัยวะเป็นคำนำหน้า ตัวอย่างเช่นเนื้องอกไม่ร้ายแรงของเซลล์กล้ามเนื้อเรียบจะเรียกว่าleiomyoma (แต่ชื่อสามัญของเนื้องอกไม่ร้ายแรงที่เกิดขึ้นบ่อยในมดลูก (uterus)จะเรียกว่า uterine fibroid หรือแค่ fibroid) ด้วยควาทสับสน มะเร็งบางชนิดใช้คำต่อท้ายว่า -noma ตัวอย่างเช่น melanoma และ seminoma บางชนิดของโรคมะเร็งได้รับการตั้งชื่อตามชื่อขนาดและรูปร่างของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์เช่นโรคมะเร็งเซลล์ยักษ์ (), เซลล์มะเร็งแกน ()และมะเร็งเซลล์ขนาดเล็ก()พยาธิวิทยา พยาธิวิทยา. การวินิจฉัยเนื้อเยื่อที่ทำโดยนักพยาธิวิทยาจะระบุประเภทของเซลล์ที่กำลังขยายปริมาณ, เกรดเนื้อเยื่อ () ของเซลล์นั้น, ความผิดปกติท​​างพันธุกรรม, และคุณสมบัติอื่น ๆ ของเนื้องอก ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการประเมินการพยากรณ์โรคของผู้ป่วยและเพื่อเลือกการรักษาที่ดีที่สุด นักอายุรเวชอาจดำเนินการทดสอบตัวอย่างเนื้อเยื่อแบบเซลล์พันธุศาสตร์ () และ เคมีภูมิเนื้อเยื่อ () การทดสอบเหล่านี้อาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโมเลกุล (เช่นการกลายพันธุ์, ยีนฟิวชั่น, และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมเกี่ยวกับตัวเลข) ที่ได้เกิดขึ้นในเซลล์มะเร็ง และอาจยังบ่งบอกให้เห็นถึงพฤติกรรมในอนาคตของโรคมะเร็ง (การพยากรณ์โรค) และการรักษาที่ดีที่สุดการป้องกัน การป้องกัน. การป้องกันโรคมะเร็งมีการกำหนดเป็นมาตรการที่จริงจังเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และจำนวนมากแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้เป็นการเลือกวิถีชีวิตที่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นโรคมะเร็งถือว่าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ มากกว่า 30% ของการเสียชีวิตจากมะเร็งสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ :. ยาสูบ, การมีน้ำหนักเกิน / โรคอ้วน, อาหารที่ไม่เพียงพอ, ขาดการออกกำลังกาย, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การติดเชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์, และมลพิษทางอากาศ สาเหตุด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดเช่นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติของรังสีที่เป็นพื้นหลัง และกรณีอื่น ๆ ของโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันโรคมะเร็งได้ทุกกรณีอาหาร อาหาร. บทความหลัก: อาหารกับโรคมะเร็ง ในขณะที่มีคำแนะนำเรื่องการบริโภคอาหารจำนวนมากได้รับการนำเสนอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่หลักฐานที่จะสนับสนุนคำแนะนำนั้นไม่ค่อยชัดเจน ปัจจัยการบริโภคอาหารขั้นต้นที่เพิ่มความเสี่ยงคือการเป็นโรคอ้วนและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณที่ต่ำและเนื้อแดงในปริมาณที่สูงไม่ได้รับการยืนยัน ในรายงานของ meta-analysis ปี 2014 ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างผักและผลไม้กับโรคมะเร็ง การบริโภคกาแฟมีล่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ การศึกษาได้เชื่อมโยงการบริโภคมากเกินไปของเนื้อสีแดงหรือเนื้อผ่านการกระบวนการเข้ากับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, และมะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุให้พบสารก่อมะเร็งในเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกที่อุณหภูมิสูง คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันโรคมะเร็งมักจะรวมถึงการให้ความสำคัญกับผัก ผลไม้ ธัญพืช และปลา และหลีกเลี่ยงเนื้อผ่านกระบวนการและเนื้อแดง (เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ) ไขมันสัตว์และ คาร์โบไฮเดรตกลั่นยา ยา. แนวคิดที่ว่ายาสามารถใช้ในการป้องกันโรคมะเร็งได้เป็นที่น่าสนใจ และมีหลักฐานสนับสนุนการใช้ยาในไม่กี่สถานการณ์ที่กำหนดไว้ ในประชากรทั่วไป ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช้สตีรอยด์ () อาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่เนื่องจากมันมีผลกระทบแบบ side effect ต่อหัวใจและหลอดเลือดและระบบทางเดินอาหาร ยาดังกล่าวจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยรวมเมื่อนำมาใช้ แอสไพรินถูกพบว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้ประมาณ 7% COX-2 inhibitor อาจลดอัตราการก่อตัวของติ่งเนื้อ () ในผู้ที่มีโรคติ่งเนื้อเมือกมากของเนื้องอกไม่ร้ายที่เนื้อเยื่อบุผิวที่มีโครงสร้างคล้ายต่อม () อย่างไรก็ตาม มันมีผลกระทบเช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs การใช้ยา tamoxifen หรือ raloxifene เป็นประจำวันได้แสดงให้เห็นถึงการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อเอาประโยชน์มาเทียบกับอันตรายสำหรับยายับยั้งเอนไซม์ชื่อ 5-alpha-reductase inhibitor เช่นตัวยา finasteride แล้ว ประโยชน์ยังไม่ชัดเจน วิตามินยังไม่ได้ถูกพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งได้ แม้ว่าระดับเลือดต่ำของวิตามินดีจะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง ความสัมพันธ์นี้จะเป็นสาเหตุหรือไม่และอาหารเสริมวิตามินดีสามารถช่วยในการป้องกันหรือไม่นั้นยังไม่ได้มีการค้นหาความจริงอย่างแน่วแน่ การเสริมเบต้าแคโรทีนมีการค้นพบว่าใช้เพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การเสริมกรดโฟลิกยังไม่พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แต่อาจเพิ่มติ่งลำไส้ใหญ่ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการเสริมซีลีเนียมมีประโยชน์การฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีน. วัคซีนได้รับการพัฒนาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสสารก่อมะเร็งบางชนิด วัคซีน Human papillomavirus (Gardasil และ Cervarix) ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก วัคซีนตับอักเสบจากไวรัสชนิด บี ป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบชนิด บี ดังนั้นมันจึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ การบริหารงานเพื่อการฉีดวัคซีน human papillomavirus และไวรัสตับอักเสบชนิด B จะแนะนำให้ทำเมื่อมีทรัพยากรพอเพียงการคัดกรอง การคัดกรอง. ซึ่งแตกต่างจากความพยายามในการวินิจฉัยโรคที่ได้รับแจ้งจากอาการและสัญญาณทางการแพทย์ จะเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะตรวจหามะเร็งหลังจากที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก่อนที่อาการใด ๆ จะปรากฏออกมา การตรวจคัดกรองมะเร็งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจทางกายภาพ, การทดสอบเลือดหรือปัสสาวะ, หรือถ่ายภาพทางการแพทย์ การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ในมะเร็งหลายประเภท และถึงแม้ว่าจะมีการทดสอบ ก็อาจไม่แนะนำสำหรับทุกคน การตรวจคัดกรองแบบสากล หรือ การตรวจคัดกรองแบบกลุ่มจะเกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองทุกคน คัดกรองตามที่เลือกจะใช้ระบุคนที่เป็นที่รู้กันว่ามีความเสี่ยงสูงในการพัฒนาเป็นโรคมะเร็งเช่นคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง มีหลายปัจจัยที่จะพิจารณาว่าประโยชน์ของตรวจคัดกรองมีค่ามากกว่าความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองหรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่:- อันตรายที่อาจเกิดจากการทดสอบคัดกรอง: ยกตัวอย่างเช่นการสร้างภาพด้วยเอ็กซ์เรย์จะเกี่ยวข้องกับการสัมผัสกับรังสีที่อาจเป็นอันตรายได้ - ความน่าจะเป็นของการทดสอบที่จะระบุโรคมะเร็งได้อย่างถูกต้อง - ความน่าจะเป็นของมะเร็งที่จะปรากฏขึ้น: การคัดกรองปกติจะไม่มีประโยชน์สำหรับการเกิดโรคมะเร็งที่หายาก - อันตรายที่อาจเกิดจากขั้นตอนการติดตาม - มีการรักษาที่เหมาะสมหรือไม่ - การตรวจพบแต่เนิ่นๆจะช่วยเพิ่มผลการรักษาหรือไม่ - โรคมะเร็งเคยต้องการการรักษาหรือไม่ - คนที่ต้องสงสัยยอมรับการทดสอบหรือไม่: ถ้าการตรวจคัดกรองเป็นภาระมากเกินไป (เช่นมีการเจ็บปวดอย่างมาก) คนนั้นก็จะปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ - ค่าใช้จ่ายของการทดสอบคำแนะนำ คำแนะนำ. หน่วยงานการบริการป้องกันของสหรัฐ (USPSTF) ได้แนะนำอย่างแข็งแรงให้ไปรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงที่ยังมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธอย่างน้อยจนถึงอายุ 65 หน่วยงานยังแนะนำให้ชาวอเมริกันมีการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการทดสอบเลือดในอุจจาระ (), การส่องตรวจไส้ใหญ่ส่วนคด (), การส่องตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยกล้อง () เริ่มต้นที่อายุ 50 ปีจนอายุ 75 แต่มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะแนะนำหรือคัดค้านการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งมะเร็งในช่องปาก กับโรคมะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายอายุต่ำกว่า 75 การตรวจคัดกรองเป็นประจำไม่แนะนำสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งโรคมะเร็งอัณฑะ และมะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก USPSTF แนะนำการถ่ายภาพเต้านม () เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านมทุกสองปีสำหรับผู้ที่มีอายุ 50-74 ปี; แต่ไม่แนะนำการตรวจเต้านมด้วยตนเองหรือการตรวจเต้านมทางคลินิก รายงานของ Cochrane ปี 2011 มาถึงข้อสรุปที่แตกต่างกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยระบุว่าการถ่ายภาพเต้านมเป็นประจำอาจเป็นอันตรายมากกว่าผลดี ญี่ปุ่นจะตรวจคัดกรองสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโดยใช้การสร้างภาพเอ็กซเรย์บนจอเรืองแสง () เนื่องจากมีอุบัติการณ์สูงที่นั่นการทดสอบทางพันธุกรรม การทดสอบทางพันธุกรรม. ดูเพิ่มเติม: กลุ่มอาการของโรคมะเร็ง การทดสอบทางพันธุกรรมจะแนะนำให้ทำสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งบางชนิด จากนั้นพาหะของการกลายพันธุ์เหล่านี้อาจได้รับการปรับปรุงการเฝ้าระวังหรือการป้องกันทางเคมี () หรือการป้องกันด้วยการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงที่ตามมาการรักษา การรักษา. ตัวเลือกในการรักษาโรคมะเร็งมีหลากหลายคน หลักก็คือการผ่าตัด, เคมีบำบัด, รังสีบำบัด, การรักษาด้วยฮอร์โมน, การรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมายและการดูแลแบบประคับประคอง การรักษาแบบไหนจะขึ้นอยู่กับชนิด, ตำแหน่ง, และเกรดของโรคมะเร็งเช่นเดียวกับสุขภาพและความปรารถนาของบุคคล ความตั้งใจในการรักษาอาจจะเป็นแบบเพื่อแก้ไขหรือไม่แก้ไขเคมีบำบัด เคมีบำบัด. เคมีบำบัดคือการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ยาต้านมะเร็งพิษ () (ยาเคมีบำบัด ()) หนึ่งตัวหรือมากกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์มาตรฐาน เคมีบำบัดจะครอบคลุมยาต้านมะเร็งใด ๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ในวงกว้างเช่น alkylating agents และ antimetabolites ยาเคมีบำบัดแบบดั้งเดิมทำหน้าที่ฆ่าเซลล์ที่แบ่งอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของเซลล์มะเร็งส่วนใหญ่ การรักษาด้วยการกำหนดเป้​​าหมายเป็นรูปแบบหนึ่งของยาเคมีบำบัดที่เล็งเป้าหมายไปที่โมเลกุลเฉพาะที่แตกต่างกันระหว่างเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ การรักษาที่ตรงเป้าหมายครั้งแรกที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นจะปิดกั้นโมเลกุลที่เป็นตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นการยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม ตัวอย่างธรรมดาอีกกรณีหนึ่งก็คือระดับชั้นของสารยับยั้ง Bcr-Abl ซึ่งจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว myelogenous เรื้อรัง (CML) ปัจจุบันมีการรักษาโดยกำหนดเป้​​าหมายเพื่อรักษามะเร็งเต้านม, เนื้องอกไขกระดูกหลายจุด (), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งผิวหนังและมะเร็งอื่น ๆ ประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรค เมื่อใช้ร่วมกับการผ่าตัด เคมีบำบัดได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในหลายชนิดมะเร็งที่แตกต่างกัน ได้แก่ :. มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งกระดูก, มะเร็งอัณฑะ, มะเร็งรังไข่และมะเร็งปอดบางอย่าง ประสิทธิภาพโดยรวมมีช่วงจากอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็งบางชนิดเช่น leukemias บางชนิด จนถึงไม่สัมฤทธิ์ผลเช่นในบางขนิดของเนื้องอกในสมอง จนถึงไม่จำเป็นในมะเร็งอื่น ๆ เช่นมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกส่วนใหญ่ ประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดมักจะถูกจำกัดโดยความเป็นพิษต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในร่างกาย ถึงแม้ในขณะที่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ยาเคมีบำบัดสามารถรักษาโรคได้อย่างถาวร เคมีบำบัดอาจจะมีประโยชน์ในการลดอาการเช่นอาการปวดหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกที่ไม่ทำงานในความหวังว่าการผ่าตัดจะเป็นไปได้ในอนาคตการฉายรังสี การฉายรังสี. การรักษาด้วยการฉายรังสีจะเกี่ยวข้องกับการใช้รังสีในความพยายามที่จะรักษาหรือปรับปรุงอาการของโรคมะเร็ง มันทำงานโดยการทำลายดีเอ็นเอของเนื้อเยื่อมะเร็งที่นำไปสู่​​การตายของเซลล์ เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อที่ดี (เช่นผิวหนังหรืออวัยวะที่รังสีจะต้องฉายผ่านระหว่างการรักษาเนื้องอก) ลำแสงรังสีที่มีการปรับรูปร่างจะถูกเล็งไปที่หลาย ๆ มุมของจุดสัมผัสกับเนื้องอกเพื่อให้จุดนั้นดูดซึมรังสีมากกว่าพื้นที่โดยรอบของเนื้อเยื่อที่ดี เช่นเดียวกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด โรคมะเร็งที่แตกต่างกันมีการตอบสนองต่อรังสีที่แตกต่างกัน การรักษาด้วยการฉายรังสีถูกใช้ประมาณครึ่งหนึ่งของทุกกรณีและแหล่งสร้างรังสีอาจมาจากแหล่งภายในร่างกายในรูปแบบของการฝังแร่ () หรือจากแหล่งสร้างรังสีภายนอก การฉายรังสีโดยทั่วไปส่วนใหญ่ใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำสำหรับการรักษามะเร็งผิวหนังในขณะที่ลำแสงเอ็กซ์เรย์พลังงานสูงจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งภายในร่างกาย รังสีโดยปกติจะใช้เสริมการผ่าตัดหรือเสริมเคมีบำบัด แต่บางประเภทของโรคมะเร็งเช่นโรคมะเร็งศีรษะและลำคอในระยะเริ่มต้นอาจจะใช้เพียงการฉายรังสีอย่างเดียว สำหรับการแพร่กระจายไปที่กระดูกและสร้างความเจ็บปวดพบว่าการฉายรังสีมีประสิทธิภาพประมาณ 70% ของผู้ป่วยศัลยกรรม ศัลยกรรม. การผ่าตัดเป็นวิธีการเบิ้องต้นของการรักษาโรคมะเร็งที่เป็นของแข็งแยกส่วนส่วนใหญ่และอาจมีบทบาทในการบรรเทาและการยีดอายุการอยู่รอด ปกติแล้วส่วนสำคัญของการวินิจฉัยที่ชัดเจนและการหาระยะของเนื้องอกด้วยวิธีตรวจชิ้นเนื้อมักเป็นสิ่งจำเป็น ในการหาตำแหน่งของมะเร็ง การผ่าตัดมักจะพยายามตัดเอาก้อนเนื้อทั้งหมดออกมา(ในบางกรณี)พร้อมกับต่อมน้ำเหลืองในพื้นที่ สำหรับโรคมะเร็งบางชนิด การตัดออกทั้งหมดเป็นสิ่งที่จำเป็นในการกำจัดโรคมะเร็งการดูแลแบบประคับประคอง การดูแลแบบประคับประคอง. การดูแลแบบประคับประคองหมายถึงการรักษาที่พยายามที่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นและอาจจะหรืออาจจะไม่สามารถใช้ร่วมกับความพยายามที่จะรักษาโรคมะเร็ง การดูแลแบบประคับประคองรวมถึงการดำเนินการเพื่อลดความทุกข์ทางร่างกาย ทางอารมณ์ ทางจิตวิญญาณและจิตสังคม ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญอันเนื่องมาจากโรคมะเร็ง ซึ่งแตกต่างจากการรักษาที่มีวัตถุประสงค์ที่จะฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง เป้าหมายหลักของการดูแลแบบประคับประคองคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบุคคลนั้น ผู้ป่วยในทุกขั้นตอนของการรักษาโรคมะเร็งควรที่จะมีบางชนิดของการดูแลแบบประคับประคองเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย ในบางกรณีองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์พิเศษจะแนะนำให้ผู้ป่วยและแพทย์ตอบสนองต่อการเป็นโรคมะเร็งด้วยการดูแลแบบประคับประคองเท่านั้นและไม่ใช่การบำบัดแบบมุ่งหมายเพื่อการรักษาแต่เพียงอย่างเดียว การบำบัดดังกล่าวรวมถึง:1. ผู้ป่วยที่มีสมรถนะต่ำ สอดคล้องกับความสามารถในการดูแลตัวเองที่จำกัด 2. ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการรักษาตามหลักฐานก่อนหน้านี้ 3. ผู้ป่วยที่ไม่ได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมในการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสมใด ๆ 4. ผู้ป่วยที่แพทย์ไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการรักษาจะมีประสิทธิภาพในการเยียวยา การดูแลแบบประคับประคองมักจะสับสนกับบ้านพักรับรองซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยที่เข้าสู่จุดสิ้นสุดของชีวิตเท่านั้น เช่นเดียวกับการดูแลที่บ้านพักรับรอง, การดูแลแบบประคับประคองพยายามที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับในสิ่งเขาต้องการได้ทันทีและเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่บุคคลนั้น แต่ที่แตกต่างจากการดูแลที่บ้านพักรับรองก็คือ การดูแลแบบประคับประคองผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องหยุดการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่การยืดชีวิตหรือการรักษาโรคมะเร็งของพวกเขา แนวทางทางการแพทย์แห่งชาติหลายแห่งแนะนำการดูแลแบบประคับประคองเบื้องต้นสำหรับคนที่โรคมะเร็งสร้างอาการวิตก (ความเจ็บปวด, หายใจถี่, อ่อนเพลีย, คลื่นไส้) หรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการรับมือกับความเจ็บป่วยของพวกเขา ในผู้ที่มีโรคแพร่กระจายเมื่อมีการวินิจฉัยครั้งแรก, ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยาควรพิจารณาการดูแลแบบประคับประคองให้คำปรึกษาได้ทันที นอกจากนี้นักเนื้องอกควรพิจารณาการดูแลแบบประคับประคองให้คำปรึกษาให้คนที่รู้สึกว่ามีจะมีชีวิตอยู่น้อยกว่า 12 เดือนแม้ว่าการรักษาเชิงรุกจะกระทำอย่างต่อเนื่องการบำบัดด้วยระบบภูมิคุ้มกัน การบำบัดด้วยระบบภูมิคุ้มกัน. บทความหลัก: การบำบัดโรคมะเร็งด้วยระบบภูมิคุ้มกัน ความหลากหลายของการรักษาโดยใช้ภูมิคุ้มกัน เป็นการกระตุ้นหรือช่วยระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ได้เข้ามาใช้ตั้งแต่ปี 1997 และยังคงเป็นพื้นที่ของการวิจัยที่จริงจังอย่างมาก.การแพทย์ทางเลือก การแพทย์ทางเลือก. การรักษาโรคมะเร็งแบบเสริมและแบบทางเลือกเป็นระบบการดูแลสุขภาพที่มีความหลากหลายระบบหนึ่ง, เป็นการปฏิบัติและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนปัจจุบัน "การแพทย์เสริม" หมายถึงวิธีการและยาที่ใช้พร้อมกับการแพทย์แผนปัจจุบันในขณะที่ "การแพทย์ทางเลือก" หมายถึง สารประกอบที่ใช้แทนการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนใหญ่การแพทย์เสริมและการแพทย์ทางเลือกสำหรับโรคมะเร็งยังไม่ได้รับการศึกษาหรือการทดสอบอย่างจริงจัง บางการรักษาแบบทางเลือกได้รับการตรวจสอบและแสดงให้เห็นแล้วว่าจะไม่ได้ผล แต่ก็ยังคงมีจำหน่ายในตลาดและได้รับการส่งเสริม นักวิจัยโรคมะเร็ง Andrew J. Vickers ได้กล่าวว่า "ฉลาก 'ไม่ผ่านการพิสูจน์' ยังไม่เหมาะสมสำหรับการรักษาดังกล่าว ถึงเวลาแล้วที่จะยืนยันว่าการรักษาโรคมะเร็งทางเลือกจำนวนมาก 'ไม่ได้รับการพิสูจน์'"การพยากรณ์โรค การพยากรณ์โรค. ดูเพิ่มเติม: รายชื่อของอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งในประเทศสหรัฐอเมริกาและผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง โรคมะเร็งมีชื่อเสียงว่าเป็นโรคแห่งความตาย เมื่อพิจารณาในภาพรวม ประมาณครึ่งหนึ่งของบุคคลที่ได้รับการรักษาโรคมะเร็งรุกราน (ไม่รวมมะเร็งในแหล่งกำเนิดและมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอก) จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งหรือจากการรักษา การอยู่รอดจะเลวร้ายยิ่งกว่าในประเทศกำลังพัฒนา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในปัจจุบันยากที่จะรักษามากกว่าโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตามอัตราการรอดชีวิตแตกต่างกันไปอย่างมากตามประเภทของโรคมะเร็งและตามระยะที่มันจะได้รับการวินิจฉัยอีกด้วย โดยมีช่วงตั้งแต่ส่วนใหญ่มีชีวิตรอดไปจนถึงเกือบจะไม่มีใครมีชีวิตรอดเลยภายในห้าปีหลังการวินิจฉัย เมื่อมะเร็งแพร่กระจายได้ขยายตัวหรือแพร่กระจายเกินกว่าตำแหน่งต้นกำเนิดเดิม การพยากรณ์โรคตามปกติจะกลายเป็นเลวร้ายมากขึ้น บรรดาผู้ที่มีชีวิตรอดจากโรคมะเร็งจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาเป็นมะเร็งหลักที่สองประมาณสองเท่าของอัตราของผู้ที่ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยเลยว่าเ​​ป็นมะเร็ง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักมาจากปัจจัยเสี่ยงเช่นเดียวกับการก่อมะเร็งครั้งแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งตัวแรกและเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอที่ดีกว่ากับการตรวจคัดกรอง การคาดการณ์การอยู่รอดระยะสั้นหรือระยะยาวเป็นเรื่องยากและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือชนิดของโรคมะเร็งและอายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย คนที่มีความอ่อนแอเนื่องจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ มากมายมีอัตราการรอดตายต่ำกว่าคนที่มีสุขภาพดี คนที่มีอายุเป็นร้อยปีไม่น่าจะอยู่รอดถึงห้าปีแม้ว่าการรักษาจะประสบความสำเร็จ คนที่มีคุณภาพชีวิตที่สูงกว่ามีแนวโน้มที่จะอยู่รอดได้นานกว่า คนที่มีคุณภาพชีวืตต่ำกว่าอาจได้รับผลกระทบจากโรคซึมเศร้าและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จากการรักษาโรคมะเร็งและ / หรือจากความก้าวหน้าของโรคที่ทั้งบั่นทอนคุณภาพชีวิตและลดอายุของพวกเขา นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีการพยากรณ์โรคที่เลวร้ายอาจจะขาดความสุขหรือมีรายงานว่ามีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงเพราะพวกเขาได้รับรู้อย่างถูกต้องว่าสภาพของพวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต คนที่เป็นมะเร็งแม้ว่าเขาจะเดินได้ด้วยตัวของเขาเอง เขาก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกับเลือดอุดตันในเส้นเลือด การใช้เฮปารินปรากฏว่าช่วยปรับปรุงการอยู่รอดและลดความเสี่ยงของเลือดอุดตันการระบาดวิทยา การระบาดวิทยา. บทความหลัก: ระบาดวิทยาของโรคมะเร็ง ดูเพิ่มเติม: รายชื่อประเทศจากอัตราการเกิดโรคมะเร็ง ในปี 2008 ประมาณ 12.7 ล้านรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง (ไม่รวมมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกและมะเร็งไม่รุกรานอื่น ๆ ) และในปี 2010 เกือบ 7.98 ล้านคนเสียชีวิต กลุ่มของโรคมะเร็งมีส่วนประมาณ 13% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในแต่ละปี โรคที่พบมากที่สุด ได้แก่: โรคมะเร็งปอด (เสียชีวิต 1.4 ล้านราย), มะเร็งกระเพาะอาหาร (เสียชีวิต 740,000 ราย), มะเร็งตับ (เสียชีวิต 700,000 ราย), โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (เสียชีวิต 610,000 ราย) และโรคมะเร็งเต้านม (เสียชีวิต 460,000 ราย) นี่ทำให้มะเร็งรุกรานเป็นสาเหตุนำของการตายในประเทศที่พัฒนาแล้วและสาเหตุสำคัญที่สองของการเสียชีวิตในประเทศกำลังพัฒนา กว่าครึ่งหนึ่งของกรณีเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา การเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมีจำนวน 5.8 ล้านรายในปี 1990 และอัตรานี้จะเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักจากการสูงอายุของประชากรและการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตในประเทศกำลังพัฒนา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาโรคมะเร็งคือการสูงอายุ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่โรคมะเร็งจะเกิดในวัยใด ๆ ก็ได้ คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเ​​ป็นมะเร็งแบบรุกรานจะมีอายุมากกว่า 65 อ้างถึงนักวิจัยโรคมะเร็ง Robert A. Weinberg "ถ้าเรามีชีวิตอยู่นานพอ ไม่ช้าก็เร็วเราทุกคนจะเป็นโรคมะเร็ง" บางส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างการสูงวัยกับโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากการเสื่อมถอยของระบบภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ () และความผิดพลาดที่สะสมในดีเอ็นเอไปตลอดช่วงอายุ และการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับอายุในระบบต่อมไร้ท่อ ผลของภาวะสูงอายุต่อโรคมะเร็งมีความซับซ้อนด้วยหลายปัจจัยต่างๆเช่นความเสียหายของดีเอ็นเอและการอักเสบที่ส่งเสริมความเสียหายนั้นและหลายปัจจัยต่าง ๆ เช่นการสูงอายุของหลอดเลือดและการเปลี่ยนแปลงของต่อมไร้ท่อที่ยับยั้งมัน โรคมะเร็งบางชนิดมีการเจริญเติบโตที่ช้าเป็นเรื่องปกติ การศึกษาด้วยการชันสูตรศพในยุโรปและเอเชียได้แสดงว่าสูงถึง 36% ของคนได้รับการวินิจฉัยที่ต่ำเกินจริงและปรากฏว่าเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยในช่วงเวลาที่พวกเขาเสียชีวิตและว่า 80% ของผู้ชายมีการพัฒนาเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากตอนอายุ 80 เนื่องจากว่าโรคมะเร็งเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของบุคคลนั้น การระบุโรคเหล่านี้จึงเป็นการวินิจฉัยที่มากเกินจริงเกินกว่าจะเป็นการดูแลทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ โรคมะเร็งในเด็กที่พบมากที่สุดมีสามโรคคือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (34%) เนื้องอกในสมอง (23%) และ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (12%) ในสหรัฐอเมริกา โรคมะเร็งส่งผลกระทบต่อเด็กประมาณ 1 คนใน 285 คน อัตราการเกิดโรคมะเร็งในเด็กเพิ่มขึ้น 0.6% ต่อปีระหว่างปี 1975-2002 ในสหรัฐอเมริกา และ 1.1% ต่อปีระหว่างปี 1978 และปี 1997 ในยุโรป การตายจากโรคมะเร็งในวัยเด็กได้ลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 1975 ในประเทศสหรัฐอเมริกามะเร็งในประเทศไทย มะเร็งในประเทศไทย. ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 66,000 ราย โดยในผู้ชายพบมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 ราย รองลงมาคือโรคมะเร็งตับ ส่วนผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด 1,484 ราย รองลงมาคือ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม ในปี พ.ศ. 2553 สถิติมะเร็งที่พบมากที่สุด 10 อันดับแรกในประเทศไทยประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรมการวิจัย การวิจัย. บทความหลัก: การวิจัยโรคมะเร็ง เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นระดับหนึ่งของโรค​​ มันจึงไม่น่าที่จะเคยมี "การรักษาโรคมะเร็ง" เพียงครั้งเดียวอย่างการรักษาเพียงครั้งเดียวสำหรับโรคติดเชื้อทั้งหมด สารยับยั้งการสร้างหลอดเลิอดใหม่ () ครั้งหนึ่งเคยถูกคิดว่ามีศักยภาพในการเป็นการรักษาแบบ "กระสุนเงิน" ที่สามารถนำมาใช้กับมะเร็งหลายชนิด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในทางปฏิบัติ มันมีแนวโน้มมากกว่าว่าสารยับยั้งการสร้างหลอดเลิอดใหม่และวิธีการรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆ จะถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อลดการเจ็บป่วยและการตายจากโรคมะเร็ง 'การรักษาโรคมะเร็งแบบทดลอง'เป็นการรักษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อดูว่ามันใช้งานได้หรือไม่ โดยปกติแล้วการรักษาเหล่านี้จะทำการศึกษาโดยการทดลองทางคลินิกเพื่อเปรียบเทียบการรักษาที่นำเสนอกับการรักษาที่ใช้อยู่ที่ดีที่สุด การรักษาอาจจะเป็นการรักษาแบบใหม่ทั้งหมดหรืออาจจะเป็นวิธีการรักษาที่เคยประสบความสำเร็จในบางชนิดของโรคมะเร็งและตอนนี้กำลังมีการทดสอบเพื่อดูว่ามันจะมีประสิทธิภาพกับมะเร็งแบบอื่น ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ , การรักษาดังกล่าวกำลังได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับการตรวจวินิจฉัยร่วมกันเพื่อที่จะกำหนดเป้​​าหมายสำหรับยาที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วยที่ขึ้นอยู่กับชีววิทยาของแต่ละคน การวิจัยโรคมะเร็งเป็นความพยายามทางวิทยาศาสตร์ที่รุนแรงเพื่อที่จะเข้าใจกระบวนการการเกิดของโรคและเพื่อค้นหาวิธีการรักษาที่เป็นไปได้ การวิจัยเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งมุ่งเน้นในประเด็นต่อไปนี้:- ตัวแทน (เช่นไวรัส) และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (เช่นการกลายพันธุ์) ที่เป็นสาเหตุหรืออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมในเซลล์ที่มีชะตากรรมที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง - ธรรมชาติที่แม่นยำของความเสียหายทางพันธุกรรมและตัวยีนที่ถูกกระทบจากมัน - ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเหล่านั้นกับชีววิทยาของเซลล์ ทั้งในการสร้างคุณสมบัติที่กำหนดของเซลล์มะเร็ง และในการอำนวยความสะดวกกิจกรรมทางพันธุกรรมเพิ่มเติมที่นำไปสู่​​การส่งเสริมความก้าวหน้าของโรคมะเร็ง ความเข้าใจที่ดีขึ้นของอณูชีววิทยาและชีววิทยาของเซลล์ที่ได้จากการวิจัยโรคมะเร็งได้นำไปสู่​​การรักษาใหม่จำนวนมากสำหรับโรคมะเร็งนับแต่ประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐประกาศ "สงครามกับมะเร็ง" ในปี 1971 ตั้งแต่นั้นมาสหรัฐได้ใช้เงินกว่า $2 แสนล้านในการวิจัยโรคมะเร็ง รวมทั้งทรัพยากรจากภาครัฐและเอกชนและมูลนิธิ ในช่วงเวลานั้น สหรัฐได้เห็นอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลดลงร้อยละห้า (ปรับตามขนาดและอายุของประชากร) ระหว่างปี 1950 และปี 2005 การแข่งขันกันที่สูงมากสำหรับทรัพยากรทางการเงินที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการทางวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดความกดดันกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งความร่วมมือกับความเสี่ยงและความคิดดั้งเดิมที่จำเป็นเพื่อการค้นพบขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นการวิจัยแบบความเสี่ยงต่ำอันเป็นที่นิยมมากเกินควรให้เป็นความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้นขนาดเล็กบนการวิจัยนวัตกรรมที่อาจค้นพบการรักษาอย่างรุนแรงที่ใหม่และดีขึ้นอย่างมาก ผลกระทบอื่น ๆ ของการแข่งขันที่กดดันอย่างมากสำหรับทรัพยากรการวิจัยทำให้เกิดปรากฏงานวิจัยจำนวนมากที่มีผลลัพธ์ที่ไม่สามารถจำลองแบบได้ และเกิดเแรงจูงใจที่ประหลาดในการระดมทุนวิจัยที่ส่งเสริมให้สถาบันผู้รับสิทธิ์มีการเติบโตโดยไม่มีการลงทุนที่เพียงพอในคณะและสิ่งอำนวยความสะดวกของตัวเองการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์. เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุ มันก็ไม่ได้พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ โรคมะเร็งส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 ใน 1,000 คน โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นเช่นเดียวกับโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดที่พบในผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ในช่วงวัยการคลอดบุตร ได้แก่: มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ การวินิจฉัยโรคมะเร็งใหม่ในหญิงตั้งครรภ์เป็นเรื่องยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการบางอย่างปกติจะถือว่าจะเป็นความรู้สึกไม่สบายธรมดาท​​ี่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เป็นผลให้เป็นโรคมะเร็งโดยทั่วไปถูกค้นพบในระยะของโรคที่ค่อนข้างสายกว่าค่าเฉลี่ยในหญิงตั้งครรภ์หลายกรณีหรือเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน บางขั้นตอนของการถ่ายภาพเช่น MRIs, CT สแกน, ultrasounds และ mammograms (การเอ็กซ์เรย์เต้านม) ที่มีเครื่องป้องกันรังสีให้กับทารกในครรภ์จะได้รับการพิจารณาว่ามีความปลอดภัยเมื่อทำการถ่ายภาพในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่บางระบบอื่น ๆ เช่น PET scan ไม่ปลอดภัย การรักษาโดยทั่วไปจะดำเนินการเช่นเดียวกับผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามการฉายรังสีและยาที่ใช้สารกัมมันตรังสีตามปกติจะมีการหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปริมาณยาสำหรับทารกในครรภ์อาจเกิน 100 CGY ในบางกรณี บางส่วนของการรักษาหรือทั้งหมดจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงหลังคลอดถ้าโรคมะเร็งได้รับการวินิจฉัยในช่วงปลายของการตั้งครรภ์ การคลอดที่เร็วขึ้นเพื่อเริ่มต้นการรักษาให้เร็วขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งผิดปกติ การผ่าตัดโดยทั่วไปมีความปลอดภัย แต่การผ่าตัดกระดูกเชิงกรานในช่วงไตรมาสแรกอาจทำให้เกิดการแท้งบุตร การรักษาบางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเคมีบำบัดบางอย่างที่ใช้ในช่วงไตรมาสแรกอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดข้อบกพร่องกับการคลอด () และการสูญเสียการตั้งครรภ์ () (การแท้งที่เกิดขึ้นเองและการคลอดแบบทารกตายในครรภ์). การเลือกที่จะทำแท้งจะไม่จำเป็นและสำหรับรูปแบบและระยะของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดจะไม่ช่วยการอยู่รอดของแม่ให้ดีขึ้นหรือได้รับการรักษาจนหายขาด ในไม่กี่กรณี เช่นมะเร็งมดลูกระยะก้าวหน้า การตั้งครรภ์ไม่สามารถเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และในกรณีอื่น ๆ เช่นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่ถูกค้นพบในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ หญิงที่ตั้งครรภ์อาจเลือกที่จะทำแท้งเพื่อที่เธอจะเริ่มต้นการรักษาด้วยเคมีบำบัดในเชิงรุกโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเกิดข้อบกพร่องตอนคลอด การรักษาบางครั้งอาจจะรบกวนความสามารถของแม่ที่จะให้กำเนิดผ่านช่องคลอดหรือการให้นมจากทรวงอกแก่ทารกของเธอ มะเร็งปากมดลูกอาจต้องการการทำคลอดโดยการผ่าตัดหน้าท้อง () การใช้รังสีกับเต้านมจะลดความสามารถของเต้านมในการผลิตน้ำนมและเพิ่มความเสี่ยงของโรคเต้านมอักเสบ () นอกจากนี้เมื่อรักษาด้วยเคมีบำบัดหลังคลอด ยาจำนวนมากจะผ่านนมแม่ไปยังลูกน้อยซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกได้สัตว์อื่นๆโภชนาการ โภชนาการ. จากการศึกษาพบว่า อาหารอาจมีส่วนสัมพันธ์ กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50% แต่ในขณะเดียวกันอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และ เครื่องเทศต่างๆ ก็มี คุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งได้ ดังนั้น การรับประทานอาหารอย่างถูกต้องตามหลัก โภชนาการ จึงเป็นหนทางหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง1. อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะราสีเขียว-สีเหลือง 2. อาหารไขมันสูง 3. อาหารเค็มจัด ส่วนไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ ดินประสิว
ในปี 2012 เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเ​​ป็นมะเร็งมีประมาณกี่คน
{ "answer": [ "165,000 คน" ], "answer_begin_position": [ 3491 ], "answer_end_position": [ 3501 ] }
1,304
39,270
ประเทศโกตดิวัวร์ โกตดิวัวร์ (, ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไอวอรีโคสต์ () มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ () เป็นประเทศในทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่บริเวณแอฟริกาตะวันตก ทิศตะวันตกติดกับประเทศกินีและประเทศไลบีเรีย ทิศเหนือติดกับประเทศมาลีและประเทศบูร์กินาฟาโซ ทิศตะวันออกติดกับประเทศกานา ส่วนทิศใต้เป็นอ่าวกินี ในอดีตเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่งของแอฟริกา แต่ช่วงหลังต้องเผชิญปัญหาสงครามกลางเมืองและการคอร์รัปชันภูมิศาสตร์ลักษณะภูมิประเทศลักษณะภูมิอากาศประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. โกตดิวัวร์เคยเป็นจังหวัดหนึ่งของแอฟริกาตะวันตกของฝรั่งเศส โดยมีรัฐบาลของตนเองอยู่ในประชาคมฝรั่งเศส (French Community) ตั้งแต่ปี 2501 ปี 2502 ดร. Felix Houphouet-Boigny ผู้นำพรรค Parti Democratique de la Cote d’Ivoire - Rassemblement Democratique Africain (PDCI-RDA) ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก โกตดิวัวร์ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2503 และในเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน ดร. Houphouet-Boigny ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี โดย PDCI-RDA เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสทำให้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและประเทศมีอัตราการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจสูง แม้จะมีกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล แต่ก็ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาเป็นคู่แข่งของประธานาธิบดี Houphouet-Boigny ที่ได้รับเลือกตั้งติดต่อกันถึง 6 สมัย (ครั้งล่าสุดได้รับเลือกตั้ง เมื่อเดือน ต.ค. 2533) และประธานาธิบดี Houphouet-Boigny ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2536 ดังนั้น ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นาย Henri Konan Bedie ประธานรัฐสภา จึงเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบแทนต่อไปภายในกำหนดวาระที่เหลืออยู่ และในการเลือกตั้งเดือนต.ค. 2538 นาย Henri Konan Bedie ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกวาระหนึ่ง (ได้คะแนนเสียง 95%) การเลือกตั้งครั้งต่อไปกำหนดให้มีขึ้นในเดือนตุลาคม 2543- รัฐบาลประธานาธิบดี Bedie ได้รับการวิพากวิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยเนื่องจากมีการปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วยวิธีรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตในคณะรัฐบาลอย่างกว้างขวาง IMF และ EU ระงับความช่วยเหลือทางการเงินแก่โกตดิวัวร์ในปี 2542 เนื่องจากปัญหาการทุจริตในระบบราชการ- วันที่ 24 ธันวาคม 2542 พลเอก Robert Guei นำคณะทหารทำรัฐประหารและปลดประธานาธิบดี Bedie ออกจากตำแหน่ง พลเอก Guei ได้จัดตั้งคณะกรรมการกู้ภัยสาธารณะแห่งชาติ (The National Salvation Co -CNSP) - วันที่ 5 มกราคม 2543 คณะ CNSP ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกจากอดีตพรรคการเมืองหลัก 2 พรรค คือ พรรค The Rally of the Repubicans-RDR ของอดีตนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี Houphouet-Boigny และพรรค The Ivorian Popular Front Party-FPI อย่างไรก็ตาม คณะ CNSP ได้แต่งตั้งให้ทหารตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงหลัก เช่น กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศการเมืองการปกครองบริหารนิติบัญญัติตุลาการต่างประเทศ การเมืองการปกครอง. ต่างประเทศ. - ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับโกตดิวัวร์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2509 - เดิมไทยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลากอส สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ซึ่งปิดทำการลงเมื่อปี 2539 มีเขตอาณาครอบคลุมโกตดิวัวร์ และมีสำนักงานฝ่ายพาณิชย์อยู่ที่กรุงอาบิดจัน ปัจจุบันไทยมีโครงการให้สอท. ณ กรุงดาการ์มีเขตอาณาครอบคลุมโกตดิวัวร์แทนสอท. ณ กรุงลากอส และรัฐบาลโกตดิวัวร์ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ส่วนโกตดิวัวร์ได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตที่กรุงปักกิ่งมีเขตอาณาครอบคลุมไทย - ความสัมพันธ์ระหว่างกันราบรื่น ส่วนด้านการค้าประเทศโกตติวัวร์อยู่ภายใต้เขตอาณาของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงอาบูจา ประเทศไนจีเรียกองทัพสิทธิมนุษยชนการแบ่งเขตการปกครองเศรษฐกิจโครงสร้าง เศรษฐกิจ. โครงสร้าง. เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญประเทศหนึ่งของไทยในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก โดยระหว่างปี 2537-2540 ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้า และไทยเพิ่งจะมาได้เปรียบดุลการค้าในช่วงปี 2541-2542 สินค้าออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ข้าว ปูนซิเมนต์ รองเท้าและชิ้นส่วน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าผืน ผ้าปักและลูกไม้ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสินค้าเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เส้นใยใช้ในการทอ ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ เคมีภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม และ โทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน. การคมนาคม และ โทรคมนาคม. ไม่รู้วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษา การศึกษา. ประชาชนจำนวนมากในโกตดิวัวร์ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ประชาชนที่ไม่ได้รับการศึกษาเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรงเรียนมัธยมในประเทศมีนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเพศชายสาธารณสุขประชากรศาสตร์เชื่อชาติ ประชากรศาสตร์. เชื่อชาติ. ประชากร 23,919,000 คน (ปี 2014 ) - Akan (42.1%) - Gur (17.6%) - Northern Mandes (16.5%) - Krous (11%) - Southern Mandes(10%) นอกเหนือจากนี้มีชาวฝรั่งเศส เลบานอน เวียดนาม และสเปน อยู่ในประเทศอีกจำนวนหนึ่งศาสนา ศาสนา. คริสต์ (44.1%) อิสลาม (37.5%) ความเชื่อดั้งเดิม (10.2%)ภาษา ภาษา. ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ ภาษาพูดพื้นเมืองที่สำคัญ ได้แก่ Oloule, Baoule และ Beteกีฬาฟุตบอล ฟุตบอล. ฟุตบอลทีมชาติโกตดิวัวร์ (ฝรั่งเศส: équipe de Côte d'Ivoire de football) หรือ ฟุตบอลทีมชาติไอวอรีโคสต์ (อังกฤษ: Ivory Coast national football team) เป็นสโมสรฟุตบอลจากประเทศโกตดิวัวร์ สโมสรทีมชาตินี้ได้ประสบความสำเร็จในระดับประเทศหลายครั้ง เช่น ชนะเลิศแอฟริกันคัพ ในปี ค.ศ. 1992 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสามครั้งในฟุตบอลโลก 2006 ,ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโลก 2014มวยสากลวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมอาหารดนตรีสื่อสารมวลชนวันหยุด
สาธารณรัฐโกตดิวัวร์หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไอวอรีโคสต์ ตั้งอยู่ในทวีปใด
{ "answer": [ "แอฟริกาตะวันตก" ], "answer_begin_position": [ 237 ], "answer_end_position": [ 251 ] }
1,738
39,270
ประเทศโกตดิวัวร์ โกตดิวัวร์ (, ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไอวอรีโคสต์ () มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ () เป็นประเทศในทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่บริเวณแอฟริกาตะวันตก ทิศตะวันตกติดกับประเทศกินีและประเทศไลบีเรีย ทิศเหนือติดกับประเทศมาลีและประเทศบูร์กินาฟาโซ ทิศตะวันออกติดกับประเทศกานา ส่วนทิศใต้เป็นอ่าวกินี ในอดีตเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่งของแอฟริกา แต่ช่วงหลังต้องเผชิญปัญหาสงครามกลางเมืองและการคอร์รัปชันภูมิศาสตร์ลักษณะภูมิประเทศลักษณะภูมิอากาศประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. โกตดิวัวร์เคยเป็นจังหวัดหนึ่งของแอฟริกาตะวันตกของฝรั่งเศส โดยมีรัฐบาลของตนเองอยู่ในประชาคมฝรั่งเศส (French Community) ตั้งแต่ปี 2501 ปี 2502 ดร. Felix Houphouet-Boigny ผู้นำพรรค Parti Democratique de la Cote d’Ivoire - Rassemblement Democratique Africain (PDCI-RDA) ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก โกตดิวัวร์ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2503 และในเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน ดร. Houphouet-Boigny ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี โดย PDCI-RDA เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศสทำให้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและประเทศมีอัตราการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจสูง แม้จะมีกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล แต่ก็ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาเป็นคู่แข่งของประธานาธิบดี Houphouet-Boigny ที่ได้รับเลือกตั้งติดต่อกันถึง 6 สมัย (ครั้งล่าสุดได้รับเลือกตั้ง เมื่อเดือน ต.ค. 2533) และประธานาธิบดี Houphouet-Boigny ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2536 ดังนั้น ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นาย Henri Konan Bedie ประธานรัฐสภา จึงเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบแทนต่อไปภายในกำหนดวาระที่เหลืออยู่ และในการเลือกตั้งเดือนต.ค. 2538 นาย Henri Konan Bedie ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกวาระหนึ่ง (ได้คะแนนเสียง 95%) การเลือกตั้งครั้งต่อไปกำหนดให้มีขึ้นในเดือนตุลาคม 2543- รัฐบาลประธานาธิบดี Bedie ได้รับการวิพากวิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยเนื่องจากมีการปราบปรามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วยวิธีรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีการทุจริตในคณะรัฐบาลอย่างกว้างขวาง IMF และ EU ระงับความช่วยเหลือทางการเงินแก่โกตดิวัวร์ในปี 2542 เนื่องจากปัญหาการทุจริตในระบบราชการ- วันที่ 24 ธันวาคม 2542 พลเอก Robert Guei นำคณะทหารทำรัฐประหารและปลดประธานาธิบดี Bedie ออกจากตำแหน่ง พลเอก Guei ได้จัดตั้งคณะกรรมการกู้ภัยสาธารณะแห่งชาติ (The National Salvation Co -CNSP) - วันที่ 5 มกราคม 2543 คณะ CNSP ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกจากอดีตพรรคการเมืองหลัก 2 พรรค คือ พรรค The Rally of the Repubicans-RDR ของอดีตนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี Houphouet-Boigny และพรรค The Ivorian Popular Front Party-FPI อย่างไรก็ตาม คณะ CNSP ได้แต่งตั้งให้ทหารตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงหลัก เช่น กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศการเมืองการปกครองบริหารนิติบัญญัติตุลาการต่างประเทศ การเมืองการปกครอง. ต่างประเทศ. - ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับโกตดิวัวร์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2509 - เดิมไทยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลากอส สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ซึ่งปิดทำการลงเมื่อปี 2539 มีเขตอาณาครอบคลุมโกตดิวัวร์ และมีสำนักงานฝ่ายพาณิชย์อยู่ที่กรุงอาบิดจัน ปัจจุบันไทยมีโครงการให้สอท. ณ กรุงดาการ์มีเขตอาณาครอบคลุมโกตดิวัวร์แทนสอท. ณ กรุงลากอส และรัฐบาลโกตดิวัวร์ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ส่วนโกตดิวัวร์ได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตที่กรุงปักกิ่งมีเขตอาณาครอบคลุมไทย - ความสัมพันธ์ระหว่างกันราบรื่น ส่วนด้านการค้าประเทศโกตติวัวร์อยู่ภายใต้เขตอาณาของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงอาบูจา ประเทศไนจีเรียกองทัพสิทธิมนุษยชนการแบ่งเขตการปกครองเศรษฐกิจโครงสร้าง เศรษฐกิจ. โครงสร้าง. เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญประเทศหนึ่งของไทยในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก โดยระหว่างปี 2537-2540 ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้า และไทยเพิ่งจะมาได้เปรียบดุลการค้าในช่วงปี 2541-2542 สินค้าออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ข้าว ปูนซิเมนต์ รองเท้าและชิ้นส่วน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าผืน ผ้าปักและลูกไม้ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสินค้าเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เส้นใยใช้ในการทอ ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ เคมีภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม และ โทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน. การคมนาคม และ โทรคมนาคม. ไม่รู้วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษา การศึกษา. ประชาชนจำนวนมากในโกตดิวัวร์ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ประชาชนที่ไม่ได้รับการศึกษาเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรงเรียนมัธยมในประเทศมีนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเพศชายสาธารณสุขประชากรศาสตร์เชื่อชาติ ประชากรศาสตร์. เชื่อชาติ. ประชากร 23,919,000 คน (ปี 2014 ) - Akan (42.1%) - Gur (17.6%) - Northern Mandes (16.5%) - Krous (11%) - Southern Mandes(10%) นอกเหนือจากนี้มีชาวฝรั่งเศส เลบานอน เวียดนาม และสเปน อยู่ในประเทศอีกจำนวนหนึ่งศาสนา ศาสนา. คริสต์ (44.1%) อิสลาม (37.5%) ความเชื่อดั้งเดิม (10.2%)ภาษา ภาษา. ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ ภาษาพูดพื้นเมืองที่สำคัญ ได้แก่ Oloule, Baoule และ Beteกีฬาฟุตบอล ฟุตบอล. ฟุตบอลทีมชาติโกตดิวัวร์ (ฝรั่งเศส: équipe de Côte d'Ivoire de football) หรือ ฟุตบอลทีมชาติไอวอรีโคสต์ (อังกฤษ: Ivory Coast national football team) เป็นสโมสรฟุตบอลจากประเทศโกตดิวัวร์ สโมสรทีมชาตินี้ได้ประสบความสำเร็จในระดับประเทศหลายครั้ง เช่น ชนะเลิศแอฟริกันคัพ ในปี ค.ศ. 1992 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสามครั้งในฟุตบอลโลก 2006 ,ฟุตบอลโลก 2010 และฟุตบอลโลก 2014มวยสากลวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมอาหารดนตรีสื่อสารมวลชนวันหยุด
ไทยกับโกตดิวัวร์หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไอวอรีโคสต์ เริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันเมื่อวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "30" ], "answer_begin_position": [ 2752 ], "answer_end_position": [ 2754 ] }
1,305
923,966
เดอะเฟิสต์อัลบั้ม The First Album เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรก ของวงเก็ตสึโนวา และเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรกที่ออกกับค่ายไวท์มิวสิก ใต้สังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อัลบั้มนี้มี คชภัค ผลธนโชติ ,สุกฤษ ศรีเปารยะ ,อนันต์ ดาบเพ็ชร์ธิกรณ์ เป็นโปรดิวเซอร์ ออกจำหน่ายในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 การโปรโมตอัลบั้มนั้น ซึ่งในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ได้แถลงข่าวเปิดอัลบั้มในงานคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม The First Album ของ Getsunova ที่ลานกิจกรรม Groove ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์เนื้อหาของเพลงในอัลบั้ม เนื้อหาของเพลงในอัลบั้ม. ซิงเกิลเปิดตัว "ไกลแค่ไหนคือใกล้" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความรักที่ผ่านมุมมองในเรื่องระยะทาง บางทีอาจไม่เกี่ยวกับสถานที่ แต่เป็นระยะทางระหว่างใจสองใจ กับความพยายามที่ทำไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ใกล้ใจเธอสักที หากเรามีปลายทางเดียวกัน เราก็ควรได้ใกล้กัน ส่วนซิงเกิลถัดมา "แตกต่างเหมือนกัน" เป็นเพลงประกอบซีรีส์ ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวที่วัยรุ่นทุกๆ คนเคยผ่านในจุดๆ เช่น นที่ทำอะไรก็ผิดหมด ทำอะไรก็โดนด่า หนึ่งของชีวิตที่ต้องการแหกกฎ อยากแตกต่าง หาใครเข้าใจ แต่โดยลึกๆ แล้ว ในความแตกต่างที่เราต้องการนั้น จริงๆ เราเพียงต้องการใครสักคนที่เหมือนกัน ส่วนซิงเกิล "คำถามซึ่งไร้คนตอบ " มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่องราวและภาพความทรงจำต่างๆวนเวียนอยู่รอบตัว กาลเวลาที่คลานอย่างเชื่องช้าเหมือนไม่ยอมให้ความเจ็บปวดผ่านไปง่ายๆ ส่วนซิงเกิล "สิ่งที่ตามหา" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความสุขของการเดินทางมาพบเจอคนที่ใช่ คนที่พอดีกันไปเสียทุกอย่าง และเติมเต็มชีวิตส่วนที่ขาดหายไป ส่วนซิงเกิล "คนไม่จำเป็น" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การตอกย้ำความรู้สึกของคนที่ผิดหวังในความรักและต้องเป็นฝ่ายเดินออกมาอย่างคนที่ไม่จำเป็นรายชื่อเพลงบุคคลที่เกี่ยวข้องบุคคลที่เกี่ยวข้อง. - เก็ตสึโนวา - ปราการ ไรวา (เนม) ร้องนำ - นาฑี โอสถานุเคราะห์ (นาฑี) มือกีตาร์ - ปณต คุณประเสริฐ (ณต) มือกีตาร์ และซินธิไซเซอร์ - คมฆเดช แสงวัฒนาโรจน์ (ไปรท์) มือกลอง
เพลงไกลแค่ไหนคือใกล้อยู่ในอัมบั้มใดของวงเก็ตสึโนวา
{ "answer": [ "The First Album" ], "answer_begin_position": [ 110 ], "answer_end_position": [ 125 ] }
1,918
923,966
เดอะเฟิสต์อัลบั้ม The First Album เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรก ของวงเก็ตสึโนวา และเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรกที่ออกกับค่ายไวท์มิวสิก ใต้สังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อัลบั้มนี้มี คชภัค ผลธนโชติ ,สุกฤษ ศรีเปารยะ ,อนันต์ ดาบเพ็ชร์ธิกรณ์ เป็นโปรดิวเซอร์ ออกจำหน่ายในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 การโปรโมตอัลบั้มนั้น ซึ่งในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ได้แถลงข่าวเปิดอัลบั้มในงานคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม The First Album ของ Getsunova ที่ลานกิจกรรม Groove ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์เนื้อหาของเพลงในอัลบั้ม เนื้อหาของเพลงในอัลบั้ม. ซิงเกิลเปิดตัว "ไกลแค่ไหนคือใกล้" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความรักที่ผ่านมุมมองในเรื่องระยะทาง บางทีอาจไม่เกี่ยวกับสถานที่ แต่เป็นระยะทางระหว่างใจสองใจ กับความพยายามที่ทำไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ใกล้ใจเธอสักที หากเรามีปลายทางเดียวกัน เราก็ควรได้ใกล้กัน ส่วนซิงเกิลถัดมา "แตกต่างเหมือนกัน" เป็นเพลงประกอบซีรีส์ ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวที่วัยรุ่นทุกๆ คนเคยผ่านในจุดๆ เช่น นที่ทำอะไรก็ผิดหมด ทำอะไรก็โดนด่า หนึ่งของชีวิตที่ต้องการแหกกฎ อยากแตกต่าง หาใครเข้าใจ แต่โดยลึกๆ แล้ว ในความแตกต่างที่เราต้องการนั้น จริงๆ เราเพียงต้องการใครสักคนที่เหมือนกัน ส่วนซิงเกิล "คำถามซึ่งไร้คนตอบ " มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่องราวและภาพความทรงจำต่างๆวนเวียนอยู่รอบตัว กาลเวลาที่คลานอย่างเชื่องช้าเหมือนไม่ยอมให้ความเจ็บปวดผ่านไปง่ายๆ ส่วนซิงเกิล "สิ่งที่ตามหา" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความสุขของการเดินทางมาพบเจอคนที่ใช่ คนที่พอดีกันไปเสียทุกอย่าง และเติมเต็มชีวิตส่วนที่ขาดหายไป ส่วนซิงเกิล "คนไม่จำเป็น" มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การตอกย้ำความรู้สึกของคนที่ผิดหวังในความรักและต้องเป็นฝ่ายเดินออกมาอย่างคนที่ไม่จำเป็นรายชื่อเพลงบุคคลที่เกี่ยวข้องบุคคลที่เกี่ยวข้อง. - เก็ตสึโนวา - ปราการ ไรวา (เนม) ร้องนำ - นาฑี โอสถานุเคราะห์ (นาฑี) มือกีตาร์ - ปณต คุณประเสริฐ (ณต) มือกีตาร์ และซินธิไซเซอร์ - คมฆเดช แสงวัฒนาโรจน์ (ไปรท์) มือกลอง
วงเก็ตสึโนวามีการโปรโมตอัลบั้ม The First Album ครั้งแรกเมื่อวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "28" ], "answer_begin_position": [ 405 ], "answer_end_position": [ 407 ] }
1,306
302,546
จังหวัดลอเตการอน ลอเตการอน (; ) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นนูแวลากีแตนในประเทศฝรั่งเศส จังหวัดลอเตการอนตั้งตามชื่อแม่น้ำล็อตและแม่น้ำการอน ตัวจังหวัดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยมีอาแฌ็งเป็นเมืองหลัก ลอเตการอนเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790 จากบางส่วนของอดีตจังหวัดกุยแยนและกัสกอญ บางส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้แยกตัวในปี ค.ศ. 1808 ไปเป็นตาร์เนการอน
ลอเตการอน เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นใดในประเทศฝรั่งเศส
{ "answer": [ "นูแวลากีแตน" ], "answer_begin_position": [ 152 ], "answer_end_position": [ 163 ] }
1,820
302,546
จังหวัดลอเตการอน ลอเตการอน (; ) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นนูแวลากีแตนในประเทศฝรั่งเศส จังหวัดลอเตการอนตั้งตามชื่อแม่น้ำล็อตและแม่น้ำการอน ตัวจังหวัดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยมีอาแฌ็งเป็นเมืองหลัก ลอเตการอนเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790 จากบางส่วนของอดีตจังหวัดกุยแยนและกัสกอญ บางส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้แยกตัวในปี ค.ศ. 1808 ไปเป็นตาร์เนการอน
ลอเตการอนเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติของฝรั่งเศสเมื่อวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "4" ], "answer_begin_position": [ 385 ], "answer_end_position": [ 386 ] }
1,307
56,340
วัดพระพุทธฉาย วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 บ้านพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นวัดราษฎร์ วัดพระพุทธฉายอยู่ที่เชิงเขาปถวี (เขาปฐวี) ที่ตำบลหนองปลาไหล เข้าทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายประดิษฐาน ประดิษฐาน. พระพุทธฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บนแผ่นหินซึ่งตั้งอยู่บนชะง่อนผา นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนลายเส้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณเชิงผา ได้แก่ ภาพสัตว์ลายเส้นคล้ายตัวกวาง บริเวณข้าง ประตูเข้าพระพุทธฉายพบภาพเหมือนคน และภาพสัญลักษณ์ บริเวณจากจากถ้ำฤๅษี ไปทางพระพุทธฉาย ทางทิศตะวันตก พบภาพเขียนรูปไก่ ภาพพระพุทธรูป และภาพสัญลักษณ์ และบริเวณหน้าผา จปร. พบภาพลายเส้นขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน คล้ายภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยถูกค้นพบที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานีเขียนด้วยยางไม้ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี โดยเขียนสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายที่เข้าใจในหมู่เดียวกัน และอาจจะเป็นสื่อทางพิธีกรรม และความเชื่อของคนในยุคนั้น และยังพบรอยพระพุทธบาท เมื่อ พ.ศ. 2437 กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมมณฑปบนภูเขาบริเวณวัดพระพุทธฉาย และเมื่อรื้อพื้นซีเมนต์ ก็ได้มีการพบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาอยู่ใต้ทรายปรากฏเห็นเป็นรูปรอยประทับในหิน
วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 บ้านพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดอะไร
{ "answer": [ "จังหวัดสระบุรี" ], "answer_begin_position": [ 181 ], "answer_end_position": [ 195 ] }
1,308
56,340
วัดพระพุทธฉาย วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 บ้านพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นวัดราษฎร์ วัดพระพุทธฉายอยู่ที่เชิงเขาปถวี (เขาปฐวี) ที่ตำบลหนองปลาไหล เข้าทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายประดิษฐาน ประดิษฐาน. พระพุทธฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บนแผ่นหินซึ่งตั้งอยู่บนชะง่อนผา นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนลายเส้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บริเวณเชิงผา ได้แก่ ภาพสัตว์ลายเส้นคล้ายตัวกวาง บริเวณข้าง ประตูเข้าพระพุทธฉายพบภาพเหมือนคน และภาพสัญลักษณ์ บริเวณจากจากถ้ำฤๅษี ไปทางพระพุทธฉาย ทางทิศตะวันตก พบภาพเขียนรูปไก่ ภาพพระพุทธรูป และภาพสัญลักษณ์ และบริเวณหน้าผา จปร. พบภาพลายเส้นขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน คล้ายภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยถูกค้นพบที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานีเขียนด้วยยางไม้ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี โดยเขียนสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายที่เข้าใจในหมู่เดียวกัน และอาจจะเป็นสื่อทางพิธีกรรม และความเชื่อของคนในยุคนั้น และยังพบรอยพระพุทธบาท เมื่อ พ.ศ. 2437 กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมมณฑปบนภูเขาบริเวณวัดพระพุทธฉาย และเมื่อรื้อพื้นซีเมนต์ ก็ได้มีการพบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาอยู่ใต้ทรายปรากฏเห็นเป็นรูปรอยประทับในหิน
เมื่อ พ.ศ. 2437 กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมมณฑปบนภูเขาบริเวณวัดพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี ได้ค้นพบอะไร
{ "answer": [ "พบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา" ], "answer_begin_position": [ 1064 ], "answer_end_position": [ 1088 ] }
1,309
6,522
จังหวัดพะเยา จังหวัดพะเยา ( พ(ร)ะญาว) เป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนบน บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือ พญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใหม่พร้อมเมืองเชียงรายและเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท้ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาอยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. พะเยาเป็นจังหวัดในกลุ่มล้านนาตะวันออกร่วมกับเชียงราย มีสำเนียงภาษาถิ่นเหนือเป็นเอกลักษณ์ต่างจากภาษาถิ่นเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากความสัมพันธ์กับเชียงรายในแง่ของสำเนียงภาษาและวัฒนธรรมแล้ว พะเยาและเชียงรายยังมีความสัมพันธ์กันในลักษณะบ้านพี่เมืองน้องฉันท์เครือญาติ เนื่องจากในอดีต ราชวงศ์ที่ปกครองทั้งสองเมืองต่างสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ลาวจก หิรัญนครเงินยางเชียงแสน ซึ่งได้ได้แตกสายออกมาเป็นราชวงศ์สำคัญในดินแดนพยาว เชียงแสนและล้านนาในยุคต่อมา เช่น ราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองเมืองเชียงราย ราชวงศ์เชียงแสนสายพญางำเมือง และราชวงศ์มังรายซึ่งปกครองเชียงใหม่ถือกำเนิดมาจากบรรพบุรุษร่วมกันภูมิศาสตร์อาณาเขต ภูมิศาสตร์. อาณาเขต. จังหวัดพะเยามีเนื้อที่ประมาณ 6,335 ตารางกิโลเมตร ตอนเหนือมีพื้นที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ทิศตะวันออกติดกับประเทศลาวและจังหวัดน่าน ส่วนทางตะวันตกติดกับจังหวัดลำปาง และทางด้านใต้ติดกับจังหวัดแพร่การเมืองการปกครองสัญลักษณ์ประจำจังหวัดการเมืองการปกครอง. สัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด : กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม - ตราประจำจังหวัด : รูปพระเจ้าตนหลวงวัดศรีโคมคำ - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสารภี () - ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสารภีรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยการปกครอง หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 68 ตำบล 779 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 33 เทศบาลตำบล 36 องค์การบริหารส่วนตำบลการปกครองส่วนภูมิภาค การปกครองส่วนภูมิภาค.  การปกครองส่วนท้องถิ่นการขนส่งทางถนน การขนส่ง. ทางถนน. โดยรถยนต์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เช่น- 1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แล้วเข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 969 กิโลเมตร - 2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 117 จนถึงพิษณุโลก แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 ไปจนถึงสุโขทัย เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 103 ผ่านอำเภอร้องกวาง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภองาว เข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 782 กิโลเมตร- รถโดยสารประจำทาง บริษัทขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศและธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 พะเยา-ภาคกลาง ·        สาย 662 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ ·        สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์) พะเยา-ภาคใต้ ·        สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-หัวหิน-ชะอำ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 877 แม่สาย-ด่านนอก (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) ปิยะชัยพัฒนา จำกัด พะเยา-ภาคตะวันออก ·        สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์ ·        สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า-รถด่วน) (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์ พะเยา-ภาคอีสาน ·        สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-หนองบัวลำภู-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์ ·        สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์ ·        สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์ ·        สาย 841 บึงกาฬ-แม่สาย (บีงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด . สาย 587 อุบลราชธานี-เชียงราย (อุบลฯ-ศีรษะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด พะเยา-ภาคเหนือ ·        สาย 671 เชียงใหม่-เชียงของ (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ-เทิง-เชียงของ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 198 เชียงใหม่-พะเยา (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 148 เชียงใหม่-เชียงราย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกั ·        สาย 149 เชียงใหม่-แม่สาย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 1661 เชียงใหม่-สามเหลี่ยมทองคำ (ข) (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 146 ลำปาง-เชียงราย (ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 147 เชียงใหม่-พาน (เชียงใหม่-ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 2160 พะเยา-เชียงคำ (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ) บริษัท ดอกคำใต้เดินรถ จำกัด ·        สาย 197 พะเยา-ปง (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง) บริษัท อารยะเดินรถ จำกัด ·        สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน-บ้านหลวง-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด ·        สาย 679 เชียงราย-จุน (เชียงราย-เทิง-ป่าแดด-จุน) บริษัท สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด ·        สาย 620 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด ·        สาย 686 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-แม่ลอยไร่-ร่องแมด-เชียงคำ) บริษัท บุญณัฐเดินรถ จำกัด ·        สาย 621 เชียงราย-พะเยา (เชียงราย-พาน-แม่ใจ-พะเยา) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย และ พะเยาขนส่ง จำกัด ·        สาย 144 เชียงราย-แพร่ (เชียงราย-พาน-พะเยา-แพร่-) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด ·        สาย 672 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-งาว-ลำปาง-เถิน-ตาก-แม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 1131 เชียงใหม่-เชียงม่วน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด พะเยา-กรุงเทพฯ- กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-งาว-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ - กรุงเทพ-เชียงราย (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ อินทราทัวร์ - กรุงเทพ-เชียงราย (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ เชิดชัยทัวร์ ไทยพัฒนกิจขนส่ง - กรุงเทพ-เชียงแสน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย-เชียงแสน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ - กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-แพร่-พะเยา-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทัวร์ ไทยพัฒนกิจขนส่ง - การเดินทางจากพะเยาสู่อำเภอต่าง ๆ- ดอกคำใต้ 9 - ภูกาวยาว 14 - แม่ใจ 24 - จุน 48 - เชียงคำ 76 - ปง 79 - ภูซาง 85 - เชียงม่วน 117- การเดินทางจังหวัดพะเยากับจังหวัดภาคเหนือ - เชียงราย 94 - ลำปาง 134 - เชียงใหม่ 153 - แพร่ 156 - ลำพูน 172 - น่าน 188 - อุตรดิตถ์ 214 - ตาก 310 - แม่ฮ่องสอน 407ทางราง ทางราง. ทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ- สถานีพะเยา - สถานีมหาวิทยาลัยพะเยา - สถานีบ้านโทกหวาก - สถานีดงเจน - สถานีบ้านร้อง - สถานีบ้านใหม่(พะเยา)ทางอากาศทางอากาศ. - สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย - สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของจังหวัดพะเยา ได้แก่- ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดพะเยาจัดอยู่ในสินค้าระดับ Premium Grade เพราะจะมีเพียงฤดูนาปีเท่านั้น จังหวัดพะเยามีดินดีที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก กล่าวคือ ดินเหนียวใกล้เชิงภูเขาไฟและเป็นดินจากภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ทำให้ข้าวมีรวงแข็งแรง เมล็ดสมบูรณ์ใหญ่ยาว เมื่อสีข้าวแล้วจะได้ข้าวเมล็ดเรียวยาว ขาวเป็นมัน เมื่อหุงสุกแล้วจะเหนียวนุ่มกลิ่นหอมตามธรรมชาติคล้าย ๆ กับกลิ่นใบเตย แม้ทิ้งไว้นานก็ยังคงสภาพกลิ่นหอม หุงแล้วนุ่ม- ลำไย ลำไยส่วนใหญ่ที่ปลูกในจังหวัดพะเยา คือ พันธุ์อีดอ ลักษณะผลใหญ่ รูปทรงแป้นเบี้ยว เนื้อหวานสีขาวขุ่นค่อนข้างเหนียว รสหวาน มีปริมาณน้ำตาลประมาณร้อยละ 18.7 ผลจะแก่เร็วกว่าผลพันธุ์อื่น ต้นเดือนกรกฎาคมก็เก็บผลผลิตได้ นิยมปลูกในทุกอำเภอ แหล่งที่ปลูกมากคืออำเภอเชียงคำและอำเภอจุน ผลผลิตส่วนใหญ่จะผลิตเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก- ลิ้นจี่ เนื่องจากสวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยาปลูกอยู่ระหว่างหุบเขาที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีและปลูกในดินที่มีปริมาณธาตุโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยามีลักษณะเด่น คือ ลูกใหญ่ สีผิวสวยตามชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน เนื้อแห้งกรอบ ไม่มีน้ำมาก เมื่อแกะรับประทานสด สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือการศึกษาสาธารณสุขบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - เจ้าเมืองพะเยา - เจ้าหลวงมหาวงศ์ - พระยาประเทศอุดรทิศ (พุทธวงศ์) เจ้าเมืองพะเยายุคฟื้นฟูองค์แรก- ด้านศาสนา - นักการเมือง - ข้าราชการ นักวิชาการ - นักแสดง พิธีกร - นักกีฬา
เมืองภูกามยาวหรือพะยาวก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือใคร
{ "answer": [ "พญาจอมธรรม" ], "answer_begin_position": [ 310 ], "answer_end_position": [ 320 ] }
1,393
6,522
จังหวัดพะเยา จังหวัดพะเยา ( พ(ร)ะญาว) เป็นจังหวัดในภาคเหนือตอนบน บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมือง ภูกามยาว หรือ พะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือ พญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์เมืองพะยาวอีกหลายองค์ เช่น พญาเจือง วีรบุรุษแห่งเผ่าไท-ลาวในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง และพญางำเมืองซึ่งได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านนา ในสมัยพญาคำฟู เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองพะเยาถูกตั้งขึ้นใหม่พร้อมเมืองเชียงรายและเมืองงาวเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านต่อตีกับกองทัพพม่าที่ตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน โดยให้เมืองพะเยาขึ้นตรงต่อ นครลำปาง (พื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยาปัจจุบัน ได้แก่ อำเภอเชียงม่วน อำเภอปง อำเภอเชียงคำ และอำเภอภูซางขึ้นตรงต่อนครน่าน) และในท้ายที่สุดก่อนที่พะเยาจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด พะเยาอยู่ใต้การปกครองของจังหวัดเชียงรายในฐานะ อำเภอพะเยา และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. พะเยาเป็นจังหวัดในกลุ่มล้านนาตะวันออกร่วมกับเชียงราย มีสำเนียงภาษาถิ่นเหนือเป็นเอกลักษณ์ต่างจากภาษาถิ่นเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากความสัมพันธ์กับเชียงรายในแง่ของสำเนียงภาษาและวัฒนธรรมแล้ว พะเยาและเชียงรายยังมีความสัมพันธ์กันในลักษณะบ้านพี่เมืองน้องฉันท์เครือญาติ เนื่องจากในอดีต ราชวงศ์ที่ปกครองทั้งสองเมืองต่างสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ลาวจก หิรัญนครเงินยางเชียงแสน ซึ่งได้ได้แตกสายออกมาเป็นราชวงศ์สำคัญในดินแดนพยาว เชียงแสนและล้านนาในยุคต่อมา เช่น ราชวงศ์เชียงแสนที่ปกครองเมืองเชียงราย ราชวงศ์เชียงแสนสายพญางำเมือง และราชวงศ์มังรายซึ่งปกครองเชียงใหม่ถือกำเนิดมาจากบรรพบุรุษร่วมกันภูมิศาสตร์อาณาเขต ภูมิศาสตร์. อาณาเขต. จังหวัดพะเยามีเนื้อที่ประมาณ 6,335 ตารางกิโลเมตร ตอนเหนือมีพื้นที่ติดกับจังหวัดเชียงราย ทิศตะวันออกติดกับประเทศลาวและจังหวัดน่าน ส่วนทางตะวันตกติดกับจังหวัดลำปาง และทางด้านใต้ติดกับจังหวัดแพร่การเมืองการปกครองสัญลักษณ์ประจำจังหวัดการเมืองการปกครอง. สัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - คำขวัญประจำจังหวัด : กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม - ตราประจำจังหวัด : รูปพระเจ้าตนหลวงวัดศรีโคมคำ - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นสารภี () - ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกสารภีรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยการปกครอง หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 68 ตำบล 779 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 33 เทศบาลตำบล 36 องค์การบริหารส่วนตำบลการปกครองส่วนภูมิภาค การปกครองส่วนภูมิภาค.  การปกครองส่วนท้องถิ่นการขนส่งทางถนน การขนส่ง. ทางถนน. โดยรถยนต์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เช่น- 1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แล้วเข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 969 กิโลเมตร - 2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 117 จนถึงพิษณุโลก แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 ไปจนถึงสุโขทัย เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 103 ผ่านอำเภอร้องกวาง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภองาว เข้าสู่ตัวเมืองพะเยา ระยะทาง 782 กิโลเมตร- รถโดยสารประจำทาง บริษัทขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศและธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 พะเยา-ภาคกลาง ·        สาย 662 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ ·        สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์) พะเยา-ภาคใต้ ·        สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-หัวหิน-ชะอำ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 877 แม่สาย-ด่านนอก (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) ปิยะชัยพัฒนา จำกัด พะเยา-ภาคตะวันออก ·        สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์ ·        สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า-รถด่วน) (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์ พะเยา-ภาคอีสาน ·        สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-หนองบัวลำภู-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์ ·        สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์ ·        สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์ ·        สาย 841 บึงกาฬ-แม่สาย (บีงกาฬ-หนองคาย-อุดรธานี-ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด . สาย 587 อุบลราชธานี-เชียงราย (อุบลฯ-ศีรษะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด พะเยา-ภาคเหนือ ·        สาย 671 เชียงใหม่-เชียงของ (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ-เทิง-เชียงของ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 198 เชียงใหม่-พะเยา (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 113 เชียงใหม่-น่าน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-ปง-เชียงม่วน-น่าน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 148 เชียงใหม่-เชียงราย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกั ·        สาย 149 เชียงใหม่-แม่สาย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 1661 เชียงใหม่-สามเหลี่ยมทองคำ (ข) (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 146 ลำปาง-เชียงราย (ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 147 เชียงใหม่-พาน (เชียงใหม่-ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 2160 พะเยา-เชียงคำ (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-เชียงคำ) บริษัท ดอกคำใต้เดินรถ จำกัด ·        สาย 197 พะเยา-ปง (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง) บริษัท อารยะเดินรถ จำกัด ·        สาย 612 พะเยา-น่าน (พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน-บ้านหลวง-น่าน) บริษัท พะเยาขนส่ง จำกัด ·        สาย 679 เชียงราย-จุน (เชียงราย-เทิง-ป่าแดด-จุน) บริษัท สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด ·        สาย 620 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-เทิง-เชียงคำ) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย จำกัด ·        สาย 686 เชียงราย-เชียงคำ (เชียงราย-แม่ลอยไร่-ร่องแมด-เชียงคำ) บริษัท บุญณัฐเดินรถ จำกัด ·        สาย 621 เชียงราย-พะเยา (เชียงราย-พาน-แม่ใจ-พะเยา) บริษัท ก.สหกิจเดินรถเชียงราย และ พะเยาขนส่ง จำกัด ·        สาย 144 เชียงราย-แพร่ (เชียงราย-พาน-พะเยา-แพร่-) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด ·        สาย 672 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-งาว-ลำปาง-เถิน-ตาก-แม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ·        สาย 1131 เชียงใหม่-เชียงม่วน (เชียงใหม่-แม่ขะจาน-วังเหนือ-พะเยา-ดอกคำใต้-จุน-ปง-เชียงม่วน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด พะเยา-กรุงเทพฯ- กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-งาว-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ - กรุงเทพ-เชียงราย (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ อินทราทัวร์ - กรุงเทพ-เชียงราย (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ เชิดชัยทัวร์ ไทยพัฒนกิจขนส่ง - กรุงเทพ-เชียงแสน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย-เชียงแสน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ - กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-แพร่-พะเยา-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทัวร์ ไทยพัฒนกิจขนส่ง - การเดินทางจากพะเยาสู่อำเภอต่าง ๆ- ดอกคำใต้ 9 - ภูกาวยาว 14 - แม่ใจ 24 - จุน 48 - เชียงคำ 76 - ปง 79 - ภูซาง 85 - เชียงม่วน 117- การเดินทางจังหวัดพะเยากับจังหวัดภาคเหนือ - เชียงราย 94 - ลำปาง 134 - เชียงใหม่ 153 - แพร่ 156 - ลำพูน 172 - น่าน 188 - อุตรดิตถ์ 214 - ตาก 310 - แม่ฮ่องสอน 407ทางราง ทางราง. ทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ- สถานีพะเยา - สถานีมหาวิทยาลัยพะเยา - สถานีบ้านโทกหวาก - สถานีดงเจน - สถานีบ้านร้อง - สถานีบ้านใหม่(พะเยา)ทางอากาศทางอากาศ. - สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย - สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของจังหวัดพะเยา ได้แก่- ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดพะเยาจัดอยู่ในสินค้าระดับ Premium Grade เพราะจะมีเพียงฤดูนาปีเท่านั้น จังหวัดพะเยามีดินดีที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก กล่าวคือ ดินเหนียวใกล้เชิงภูเขาไฟและเป็นดินจากภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ทำให้ข้าวมีรวงแข็งแรง เมล็ดสมบูรณ์ใหญ่ยาว เมื่อสีข้าวแล้วจะได้ข้าวเมล็ดเรียวยาว ขาวเป็นมัน เมื่อหุงสุกแล้วจะเหนียวนุ่มกลิ่นหอมตามธรรมชาติคล้าย ๆ กับกลิ่นใบเตย แม้ทิ้งไว้นานก็ยังคงสภาพกลิ่นหอม หุงแล้วนุ่ม- ลำไย ลำไยส่วนใหญ่ที่ปลูกในจังหวัดพะเยา คือ พันธุ์อีดอ ลักษณะผลใหญ่ รูปทรงแป้นเบี้ยว เนื้อหวานสีขาวขุ่นค่อนข้างเหนียว รสหวาน มีปริมาณน้ำตาลประมาณร้อยละ 18.7 ผลจะแก่เร็วกว่าผลพันธุ์อื่น ต้นเดือนกรกฎาคมก็เก็บผลผลิตได้ นิยมปลูกในทุกอำเภอ แหล่งที่ปลูกมากคืออำเภอเชียงคำและอำเภอจุน ผลผลิตส่วนใหญ่จะผลิตเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก- ลิ้นจี่ เนื่องจากสวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยาปลูกอยู่ระหว่างหุบเขาที่มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีและปลูกในดินที่มีปริมาณธาตุโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ลิ้นจี่ของจังหวัดพะเยามีลักษณะเด่น คือ ลูกใหญ่ สีผิวสวยตามชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน เนื้อแห้งกรอบ ไม่มีน้ำมาก เมื่อแกะรับประทานสด สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือการศึกษาสาธารณสุขบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - เจ้าเมืองพะเยา - เจ้าหลวงมหาวงศ์ - พระยาประเทศอุดรทิศ (พุทธวงศ์) เจ้าเมืองพะเยายุคฟื้นฟูองค์แรก- ด้านศาสนา - นักการเมือง - ข้าราชการ นักวิชาการ - นักแสดง พิธีกร - นักกีฬา
ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดพะเยาคือดอกอะไร
{ "answer": [ "ดอกสารภี" ], "answer_begin_position": [ 2382 ], "answer_end_position": [ 2390 ] }
1,310
100,035
ภาษาซองคา ภาษาซองคาเป็นภาษาประจำชาติของภูฏาน อยู่ในตระกูลจีน-ทิเบต สาขาทิเบต-พม่า ใกล้เคียงกับภาษาสิกขิมและภาษาอื่นๆของชาวภูฏาน ระบบเสียงใกล้เคียงกับภาษาทิเบตสมัยใหม่ เทียบได้กับความแตกต่างระหว่างภาษาสเปนกับภาษาอิตาลี พระในทิเบตและภูฏาน เรียนภาษาทิเบตโบราณเพื่อการอ่านคัมภีร์พุทธศาสนา คำว่าซองคาหมายถึง ภาษา (คา) ที่พูดในวัดที่มีลักษณะเป็นป้อมปราการ (ซอง) ภาษานี้แพร่เข้ามาในภูฏานเมื่อราว พ.ศ. 2200 โดย ชับดรุง งาวัง นัมกเยล ภาษาซองคาและภาษาถิ่นอื่นๆเป็นภาษาแม่ของภูฏานตะวันตก มีผู้พูดภาษานี้ในเมืองกาลิมปงของอินเดียที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของภูฏาน แต่ปัจจุบันอยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก ภาษาซองคาเป็นภาษาที่ใช้ในโรงเรียน เป็นภาษากลางในภูฏานตอนใต้และตะวันออกที่ไม่ได้ใช้ภาษานี้เป็นภาษาแม่ เขียนด้วยอักษรทิเบต หนังสือพิมพ์ด้วยอักษรทิเบตแบบอูคันซึ่งเป็นแบบเดียวที่ใช้พิมพ์ภาษาทิเบต
ภาษาซองคาเป็นภาษาประจำชาติของประเทศใด
{ "answer": [ "ภูฏาน" ], "answer_begin_position": [ 123 ], "answer_end_position": [ 128 ] }
1,311
100,035
ภาษาซองคา ภาษาซองคาเป็นภาษาประจำชาติของภูฏาน อยู่ในตระกูลจีน-ทิเบต สาขาทิเบต-พม่า ใกล้เคียงกับภาษาสิกขิมและภาษาอื่นๆของชาวภูฏาน ระบบเสียงใกล้เคียงกับภาษาทิเบตสมัยใหม่ เทียบได้กับความแตกต่างระหว่างภาษาสเปนกับภาษาอิตาลี พระในทิเบตและภูฏาน เรียนภาษาทิเบตโบราณเพื่อการอ่านคัมภีร์พุทธศาสนา คำว่าซองคาหมายถึง ภาษา (คา) ที่พูดในวัดที่มีลักษณะเป็นป้อมปราการ (ซอง) ภาษานี้แพร่เข้ามาในภูฏานเมื่อราว พ.ศ. 2200 โดย ชับดรุง งาวัง นัมกเยล ภาษาซองคาและภาษาถิ่นอื่นๆเป็นภาษาแม่ของภูฏานตะวันตก มีผู้พูดภาษานี้ในเมืองกาลิมปงของอินเดียที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของภูฏาน แต่ปัจจุบันอยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก ภาษาซองคาเป็นภาษาที่ใช้ในโรงเรียน เป็นภาษากลางในภูฏานตอนใต้และตะวันออกที่ไม่ได้ใช้ภาษานี้เป็นภาษาแม่ เขียนด้วยอักษรทิเบต หนังสือพิมพ์ด้วยอักษรทิเบตแบบอูคันซึ่งเป็นแบบเดียวที่ใช้พิมพ์ภาษาทิเบต
ในปี พ.ศ. 2200 ใครเป็นผู้นำภาษาซองคาเข้ามาเผยแพร่ในภูฏาน
{ "answer": [ "ชับดรุง งาวัง นัมกเยล" ], "answer_begin_position": [ 487 ], "answer_end_position": [ 508 ] }
1,312
554,550
นริศรา แก้วมะ นริศรา แก้วมะ (ชื่อเล่น: ป๊อป; 11 เมษายน พ.ศ. 2539 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลยุวชนหญิงทีมชาติไทย ผู้ซึ่งทำหน้าที่ในตำแหน่งลิเบอโร ปัจจุบัน นริศราอยู่สังกัดสโมสรไอเดีย-ขอนแก่น วีซีประวัติ ประวัติ. นริศรา แก้วมะ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา สายศิลป์อังกฤษ-ฝรั่งเศส เธอเริ่มมีความสนใจในกีฬาวอลเลย์บอลเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กระทั่งอาจารย์เห็นเธอสนใจจึงชวนเธอมาฝึกและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ครั้นเมื่อถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เธอได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าแข่งขันในระดับจังหวัด โดยทางผู้ฝึกสอนจากโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลได้เห็นแวว จึงชวนเธอเข้าร่วมกับทีมของโรงเรียนและเข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนแห่งนี้ จากนั้น นริศราได้เข้าร่วมแข่งขันมาโดยตลอด จนได้เป็นนักวอลเลย์บอลรุ่นยุวชนทีมชาติไทยในเวลาต่อมาผลงานในระดับนานาชาติ ผลงานในระดับนานาชาติ. วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555 นริศรา แก้วมะ ทำหน้าที่เป็นลิเบอโรให้แก่ทีมเยาวชนทีมชาติไทยบี (ซึ่งเป็นชุดยุวชนทีมชาติไทย) ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่จังหวัดนครปฐม โดยเป็นฝ่ายชนะเยาวชนทีมชาติเวียดนามที่ 3-0 เซต ด้วยคะแนน 25-19, 25-20 และ 25-17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 นริศราได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในศึกวอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2012 ที่เฉิงตู ประเทศจีน โดยมีดนัย ศรีวัชรเมธากุล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งในวันที่ 15 ตุลาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายชนะทีมฮ่องกงที่ 3-0 เซต ส่วนในวันที่ 16 ตุลาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ทีมชาติจีนที่ 0-3 เซต ซึ่งทีมชาติไทยได้เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายและเป็นที่ 2 ของสายอี โดยเมื่อจบการแข่งขันรายการดังกล่าว ทีมชาติไทยได้อันดับ 5 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 นริศราเป็นหนึ่งในนักกีฬาทีมยุวชนไทยเข้าแข่งขันรายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรู โดยมีอภิชาติ คงสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งในวันที่ 24 พฤษภาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ทีมเจ้าภาพอย่างเปรูทั้ง 3 เซต ด้วยคะแนน 25-12, 25-20, 25-20 จากนั้น ในวันที่ 25 พฤษภาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ต่อทีมสโลวีเนีย ที่ 1-3 เซต ด้วยคะแนน 15-25, 15-25, 21-25 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 พฤษภาคม นริศราได้ร่วมกับทีมยุวชนไทยเข้าชิงอันดับ 3 โดยเป็นฝ่ายชนะทีมชาติโดมินิกันที่ 3-2 เซต ด้วยคะแนน 25-17, 20-25, 25-19, 24-26 และ 15-10 ส่งผลให้ทีมชาติไทยได้อันดับ 3 ของรายการ รวมถึงเธอยังได้รับรางวัลลิเบอโรยอดเยี่ยมจากรายการนี้เช่นกัน และปีเดียวกันนี้ นริศราได้เข้าแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปีชิงแชมป์โลก 2013 ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยในวันที่ 31 กรกฎาคม ทีมของเธอได้เป็นฝ่ายชนะวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติตูนิเซีย 3-0 เซต และนริศราได้ร่วมเต้นเพลงแน่นอก เพื่อขอบคุณกำลังใจจากกองเชียร์ ซึ่งการเต้นของเธอสามารถเรียกเสียงฮือฮา และสร้างความประทับใจต่อผู้ชมได้เป็นอย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 เธอได้ติดทีมชาติชุดนักเรียนไทย ในแข่งขันวอลเลย์บอลนักเรียนชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 4 ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยสวมเสื้อหมายเลข 1ผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. นริศรา แก้วมะ เคยเป็นนักกีฬาในสังกัดสโมสรวอลเลย์บอล อุดรธานี ตลอดจนเคยได้รับการทาบทามจากสโมสรเอสซีอี ทรานฟอร์มเมอร์ สมุทรปราการ ให้เข้าร่วมทีม และปัจจุบัน นริศราอยู่สังกัดสโมสรไอเดีย-ขอนแก่น วีซีชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. นริศราเป็นนักกีฬาที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่เนื่องด้วยเธอได้มองไปที่อนาคต ด้วยความต้องการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยดี ๆ เธอจึงพยายามหาจุดเด่นเพื่อสร้างโควตาสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการ โดยในช่วงแรกที่เล่นวอลเลย์บอลให้แก่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล เธอได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งตัวตบจากแดนหลัง แต่เมื่อทางผู้ฝึกสอนเห็นความสามารถที่ชัดเจนของเธอ จึงได้เปลี่ยนให้เธอมาอยู่ในตำแหน่งตัวรับอิสระในเวลาต่อมา ทั้งนี้ นริศรามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นตำรวจ และมีของชอบคือตุ๊กตาหมู ส่วนนักกีฬาต้นแบบของเธอคือวรรณา บัวแก้ว ผู้ซึ่งเคยสอนเทคนิคการเล่นวอลเลย์บอลให้แก่เธอ ส่วนสิ่งที่นริศรากลัวที่สุดคือเข็มฉีดยา นริศรา แก้วมะ มีบิดาชื่อประเพียน และมีพี่สาวชื่อวิจิตราเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - พ.ศ. 2555 - รางวัลรองชนะเลิศ ร่วมกับยุวชนหญิงทีมชาติไทย รายการวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่จังหวัดนครปฐม - พ.ศ. 2556 - รางวัลเหรียญทองแดง ร่วมกับยุวชนหญิงทีมชาติไทย รายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรูรางวัลรางวัล. - พ.ศ. 2556 - รางวัลลิเบอโรยอดเยี่ยม รายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรู
นริศรา แก้วมะ เป็นนักกีฬาอะไร
{ "answer": [ "วอลเลย์บอล" ], "answer_begin_position": [ 168 ], "answer_end_position": [ 178 ] }
1,877
554,550
นริศรา แก้วมะ นริศรา แก้วมะ (ชื่อเล่น: ป๊อป; 11 เมษายน พ.ศ. 2539 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลยุวชนหญิงทีมชาติไทย ผู้ซึ่งทำหน้าที่ในตำแหน่งลิเบอโร ปัจจุบัน นริศราอยู่สังกัดสโมสรไอเดีย-ขอนแก่น วีซีประวัติ ประวัติ. นริศรา แก้วมะ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา สายศิลป์อังกฤษ-ฝรั่งเศส เธอเริ่มมีความสนใจในกีฬาวอลเลย์บอลเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กระทั่งอาจารย์เห็นเธอสนใจจึงชวนเธอมาฝึกและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ครั้นเมื่อถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เธอได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าแข่งขันในระดับจังหวัด โดยทางผู้ฝึกสอนจากโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูลได้เห็นแวว จึงชวนเธอเข้าร่วมกับทีมของโรงเรียนและเข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนแห่งนี้ จากนั้น นริศราได้เข้าร่วมแข่งขันมาโดยตลอด จนได้เป็นนักวอลเลย์บอลรุ่นยุวชนทีมชาติไทยในเวลาต่อมาผลงานในระดับนานาชาติ ผลงานในระดับนานาชาติ. วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555 นริศรา แก้วมะ ทำหน้าที่เป็นลิเบอโรให้แก่ทีมเยาวชนทีมชาติไทยบี (ซึ่งเป็นชุดยุวชนทีมชาติไทย) ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่จังหวัดนครปฐม โดยเป็นฝ่ายชนะเยาวชนทีมชาติเวียดนามที่ 3-0 เซต ด้วยคะแนน 25-19, 25-20 และ 25-17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 นริศราได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในศึกวอลเลย์บอลยุวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2012 ที่เฉิงตู ประเทศจีน โดยมีดนัย ศรีวัชรเมธากุล เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งในวันที่ 15 ตุลาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายชนะทีมฮ่องกงที่ 3-0 เซต ส่วนในวันที่ 16 ตุลาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ทีมชาติจีนที่ 0-3 เซต ซึ่งทีมชาติไทยได้เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายและเป็นที่ 2 ของสายอี โดยเมื่อจบการแข่งขันรายการดังกล่าว ทีมชาติไทยได้อันดับ 5 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 นริศราเป็นหนึ่งในนักกีฬาทีมยุวชนไทยเข้าแข่งขันรายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรู โดยมีอภิชาติ คงสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งในวันที่ 24 พฤษภาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ทีมเจ้าภาพอย่างเปรูทั้ง 3 เซต ด้วยคะแนน 25-12, 25-20, 25-20 จากนั้น ในวันที่ 25 พฤษภาคม ทีมของเธอเป็นฝ่ายแพ้ต่อทีมสโลวีเนีย ที่ 1-3 เซต ด้วยคะแนน 15-25, 15-25, 21-25 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 พฤษภาคม นริศราได้ร่วมกับทีมยุวชนไทยเข้าชิงอันดับ 3 โดยเป็นฝ่ายชนะทีมชาติโดมินิกันที่ 3-2 เซต ด้วยคะแนน 25-17, 20-25, 25-19, 24-26 และ 15-10 ส่งผลให้ทีมชาติไทยได้อันดับ 3 ของรายการ รวมถึงเธอยังได้รับรางวัลลิเบอโรยอดเยี่ยมจากรายการนี้เช่นกัน และปีเดียวกันนี้ นริศราได้เข้าแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิงอายุไม่เกิน 18 ปีชิงแชมป์โลก 2013 ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยในวันที่ 31 กรกฎาคม ทีมของเธอได้เป็นฝ่ายชนะวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติตูนิเซีย 3-0 เซต และนริศราได้ร่วมเต้นเพลงแน่นอก เพื่อขอบคุณกำลังใจจากกองเชียร์ ซึ่งการเต้นของเธอสามารถเรียกเสียงฮือฮา และสร้างความประทับใจต่อผู้ชมได้เป็นอย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 เธอได้ติดทีมชาติชุดนักเรียนไทย ในแข่งขันวอลเลย์บอลนักเรียนชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 4 ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยสวมเสื้อหมายเลข 1ผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. นริศรา แก้วมะ เคยเป็นนักกีฬาในสังกัดสโมสรวอลเลย์บอล อุดรธานี ตลอดจนเคยได้รับการทาบทามจากสโมสรเอสซีอี ทรานฟอร์มเมอร์ สมุทรปราการ ให้เข้าร่วมทีม และปัจจุบัน นริศราอยู่สังกัดสโมสรไอเดีย-ขอนแก่น วีซีชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. นริศราเป็นนักกีฬาที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่เนื่องด้วยเธอได้มองไปที่อนาคต ด้วยความต้องการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยดี ๆ เธอจึงพยายามหาจุดเด่นเพื่อสร้างโควตาสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการ โดยในช่วงแรกที่เล่นวอลเลย์บอลให้แก่โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล เธอได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งตัวตบจากแดนหลัง แต่เมื่อทางผู้ฝึกสอนเห็นความสามารถที่ชัดเจนของเธอ จึงได้เปลี่ยนให้เธอมาอยู่ในตำแหน่งตัวรับอิสระในเวลาต่อมา ทั้งนี้ นริศรามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นตำรวจ และมีของชอบคือตุ๊กตาหมู ส่วนนักกีฬาต้นแบบของเธอคือวรรณา บัวแก้ว ผู้ซึ่งเคยสอนเทคนิคการเล่นวอลเลย์บอลให้แก่เธอ ส่วนสิ่งที่นริศรากลัวที่สุดคือเข็มฉีดยา นริศรา แก้วมะ มีบิดาชื่อประเพียน และมีพี่สาวชื่อวิจิตราเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - พ.ศ. 2555 - รางวัลรองชนะเลิศ ร่วมกับยุวชนหญิงทีมชาติไทย รายการวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์อาเซียน ที่จังหวัดนครปฐม - พ.ศ. 2556 - รางวัลเหรียญทองแดง ร่วมกับยุวชนหญิงทีมชาติไทย รายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรูรางวัลรางวัล. - พ.ศ. 2556 - รางวัลลิเบอโรยอดเยี่ยม รายการโคปายูนิค ที่ประเทศเปรู
นริศรา แก้วมะเริ่มสนใจกีฬาวอลเลย์บอลตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่เท่าไร
{ "answer": [ "4" ], "answer_begin_position": [ 448 ], "answer_end_position": [ 449 ] }
1,313
559,195
ธิติยา นพพงษากิจ ธิติยา ชินอักษร (ชื่อเดิม : ธิติยา นพพงษากิจ) ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย และเป็นหนึ่งในสมาชิกวง ที-สเกิ๊ตประวัติ ประวัติ. ' (สกุลเดิม : ปั้นวงศ์สกุล) ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เกิดวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2523 เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนวาสุเทวี ระดับปริญญาตรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มเข้าวงการโดยไปประกวดหนูน้อยนานนาชาติที่แดนเนรมิต ตอนอายุประมาณ 7 ขวบ และหลังจากนั้นได้มีโอกาสได้เข้าไปเล่นละครกับทางดาราวีดีโอ ซึ่งตอนนั้นพี่ “ลอร์ด” สยม สังวริบุตร เป็นคนแคสติ้ง และตั้งแต่นั้นกิ๊ฟท์ได้เข้ามาในวงการในฐานะนักแสดงเด็ก เข้าสู่วงการเพลง กิ๊ฟท์เป็นหนึ่งในศิลปินวง ที-สเกิ๊ต ประกอบสมาชิกคือ มาร์ อัสมา กฮาร์, กิ๊ฟท์ ธิติยา นพพงษากิจ และ จอย ดวงพร สนธิขันธ์ สังกัดคีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ มีผลงาน 2 อัลบั้มเต็ม และ 1 อัลบั้มพิเศษ อัลบั้มชุดแรกภายใต้ชื่อ "T-Skirt" มีเพลงดังอย่าง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, เรื่องมันเศร้า และเพลง ฟ้องท่านเปา อัลบั้มชุดที่สอง "ทีมสตรี" เพลงดัง ปวดร้าว ส่วนอัลบั้มพิเศษ "รวมฮิตติดกระโปรง" เป็นการนำเพลงของที-สเกิ๊ต ทั้งสองอัลบั้มมารวบรวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกันผลงานละครจักร์ๆ วงศ์ๆละครโทรทัศน์ภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - 2537 ภาพยนตร์ แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้และครูระเบียบ รับบท ฝนผลงานเพลงผลงานเพลง. - อัลบั้ม T-Skirt ปี 2538 สังกัด คีตา เรคคอร์ดส - อัลบั้ม ทีมสตรี ปี 2539 สังกัด คีตา เรคคอร์ดสอัลบั้มพิเศษอัลบั้มพิเศษ. - อัลบั้ม รวมฮิตติดกระโปรง สังกัด คีตา เรคคอร์ดส
ครั้งแรกในการเข้าวงการของธิติยา นพพงษากิจโดยการประกวดหนูน้อยนานาชาติด้วยอายุเท่าไร
{ "answer": [ "7 ขวบ" ], "answer_begin_position": [ 557 ], "answer_end_position": [ 562 ] }
1,878
559,195
ธิติยา นพพงษากิจ ธิติยา ชินอักษร (ชื่อเดิม : ธิติยา นพพงษากิจ) ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย และเป็นหนึ่งในสมาชิกวง ที-สเกิ๊ตประวัติ ประวัติ. ' (สกุลเดิม : ปั้นวงศ์สกุล) ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เกิดวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2523 เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนวาสุเทวี ระดับปริญญาตรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มเข้าวงการโดยไปประกวดหนูน้อยนานนาชาติที่แดนเนรมิต ตอนอายุประมาณ 7 ขวบ และหลังจากนั้นได้มีโอกาสได้เข้าไปเล่นละครกับทางดาราวีดีโอ ซึ่งตอนนั้นพี่ “ลอร์ด” สยม สังวริบุตร เป็นคนแคสติ้ง และตั้งแต่นั้นกิ๊ฟท์ได้เข้ามาในวงการในฐานะนักแสดงเด็ก เข้าสู่วงการเพลง กิ๊ฟท์เป็นหนึ่งในศิลปินวง ที-สเกิ๊ต ประกอบสมาชิกคือ มาร์ อัสมา กฮาร์, กิ๊ฟท์ ธิติยา นพพงษากิจ และ จอย ดวงพร สนธิขันธ์ สังกัดคีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ มีผลงาน 2 อัลบั้มเต็ม และ 1 อัลบั้มพิเศษ อัลบั้มชุดแรกภายใต้ชื่อ "T-Skirt" มีเพลงดังอย่าง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, เรื่องมันเศร้า และเพลง ฟ้องท่านเปา อัลบั้มชุดที่สอง "ทีมสตรี" เพลงดัง ปวดร้าว ส่วนอัลบั้มพิเศษ "รวมฮิตติดกระโปรง" เป็นการนำเพลงของที-สเกิ๊ต ทั้งสองอัลบั้มมารวบรวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกันผลงานละครจักร์ๆ วงศ์ๆละครโทรทัศน์ภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - 2537 ภาพยนตร์ แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้และครูระเบียบ รับบท ฝนผลงานเพลงผลงานเพลง. - อัลบั้ม T-Skirt ปี 2538 สังกัด คีตา เรคคอร์ดส - อัลบั้ม ทีมสตรี ปี 2539 สังกัด คีตา เรคคอร์ดสอัลบั้มพิเศษอัลบั้มพิเศษ. - อัลบั้ม รวมฮิตติดกระโปรง สังกัด คีตา เรคคอร์ดส
ธิติยา ชินอักษร ชื่อเดิม ธิติยา นพพงษากิจ ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เกิดวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "9" ], "answer_begin_position": [ 302 ], "answer_end_position": [ 303 ] }
1,314
280,117
วินัย ละอองสุวรรณ นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือที่รู้จักดีในชื่อ พระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) อดีตภิกษุชื่อดังที่มีผู้เคารพศรัทธามากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงหนึ่ง ก่อนจะถูกฟ้องคดีกล่าวหาว่าต้องปาราชิกาธิกรณ์และถูกมติมหาเถรสมาคมลงให้พ้นจากภาวะพระภิกษุ และหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2537 ไปอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองจนถึงปัจจุบันประวัติ ประวัติ. นายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เขาได้ปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นภิกษุในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พระวินัย เมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า พระยันตระ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย ทำให้เขามักแวดล้อมไปด้วยพระสงฆ์คอยอุปัฏฐากอยู่เสมอ ๆ นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักเขาจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามของเขาในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น ด้วยวัตรปฏิบัติรวมถึงคำสอนของเขา ทำให้พระวินัยถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐานซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2537 เขาได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น สีกากลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อสมเด็จพระสังฆราชฯ และอธิบดีกรมการศาสนาว่า นายวินัย ละอองสุวรรณ เดินทางไปเทศนาที่ทวีปยุโรป ระหว่างลงเรือเดินสมุทรไม่สำรวมและมีความไม่เหมาะสมกับสมณเพศต่อสุภาพสตรี มีเทปบันทึกการสนทนากับนางจันทิมา มายะรังษี หนึ่งในสีกาที่ร้องเรียนว่า นายวินัยล่อลวงเสพเมถุน, มีเอกสารของหม่อมดุษฎี บริพัตร อดีตโยมอุปัฏฐากคนสำคัญที่กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อความเป็นพระสงฆ์ ในขณะเดินทางไปต่างประเทศ และมีหลักฐานการลอกเลียนบทกวีของ ดร. ระวี ภาวิไล มีข้อกล่าวหาที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาว่า มีเพศสัมพันธ์กับสตรีบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทรระหว่างทางจากประเทศสวีเดนไปยังประเทศฟินแลนด์, จับต้องกายสตรีด้วยความกำหนัด ณ กุฏิริมน้ำ วัดป่าสุญญตาราม ประเทศออสเตรเลีย, เข้าไปหาสตรีในรถตู้ของเธอบนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, ร่วมหลับนอนกับสตรี และพร่ำพูดถึงความรักทางโทรศัพท์ (มีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียง) นางจันทิมาพาเด็กหญิงซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรสาวมาแสดงตัว พร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยามาเปิดเผย มีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีโยมอุปัฏฐากบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง จนในที่สุดเขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น ก่อนที่นายวินัยจะลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมเพื่อหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทำให้นายวินัยสามารถหลบหนีคดีความอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้จนถึงปัจจุบันกลับเมืองไทย กลับเมืองไทย. อดีตพระยันตระเดินทางกลับเยี่ยมบ้านเกิดตัวเองหลังคดีหมดอายุความเข้ากราบอดีตพระอุปัชฌาย์ที่เคยเป็นผู้อุปสมบทให้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 โดย นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ ที่ต้องอธิกรณ์และหลบไปอาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเดิมในบ้านบางบ่อ เขตเทศบาลเมืองปากพนัง ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากที่คดีต่างๆโดยเฉพาะคดีที่ก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้หมดอายุความลงนายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้งแบบเงียบๆโดยได้มาอาศัยอยู่ในอำเภอปากพนัง และยังคงมีการแต่งกายด้วยผ้าคล้ายจีวรที่มีทั้งสีกลักและสีเขียว ทับเสื้อแขนยาว ผมยาวสีขาวผูกรวบไว้ หนวดเคราขาวยาวเฟิ้ม รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผู้ใกล้ชิดของนายวินัย ละอองสุวรรณ ระบุว่า นายวินัยได้เดินทางมายังนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เพื่อมากราบพระครูสุธรรมาจารย์ หรือพ่อท่านเชื่อง เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อ ที่บ้านบางบ่อ ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาจารย์ ของนายวินัยเมื่อครั้งอุปสมบท และได้มาพักอยู่ที่อาศรมที่ปลูกสร้างขึ้นหลังบ้านเดิมของนายวินัย โดยมีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียนและเชิญไปยังสถานที่ต่างๆหลายจังหวัดในภาคใต้ โดยจะเดินทางกลับอเมริกาในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอด
นายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวจังหวัดอะไร
{ "answer": [ "จังหวัดนครศรีธรรมราช" ], "answer_begin_position": [ 510 ], "answer_end_position": [ 530 ] }
1,315
280,117
วินัย ละอองสุวรรณ นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือที่รู้จักดีในชื่อ พระยันตระ อมโรภิกขุ (พระวินัย อมโร) อดีตภิกษุชื่อดังที่มีผู้เคารพศรัทธามากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงหนึ่ง ก่อนจะถูกฟ้องคดีกล่าวหาว่าต้องปาราชิกาธิกรณ์และถูกมติมหาเถรสมาคมลงให้พ้นจากภาวะพระภิกษุ และหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2537 ไปอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองจนถึงปัจจุบันประวัติ ประวัติ. นายวินัย ละอองสุวรรณ เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เขาได้ปฏิบัติตนเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปีจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นภิกษุในธรรมยุติกนิกายเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 ณ พัทธสีมาวัดรัตนาราม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พระวินัย เมื่ออุปสมบทมักใช้คำแทนตัวว่า พระยันตระ ซึ่งแปลว่าผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดีทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย ทำให้เขามักแวดล้อมไปด้วยพระสงฆ์คอยอุปัฏฐากอยู่เสมอ ๆ นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนักเขาจะใช้คำว่า "สุญญตาราม" ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามของเขาในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น ด้วยวัตรปฏิบัติรวมถึงคำสอนของเขา ทำให้พระวินัยถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐานซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2537 เขาได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหาและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิกาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้น สีกากลุ่มหนึ่งยื่นหนังสือร้องเรียน ต่อสมเด็จพระสังฆราชฯ และอธิบดีกรมการศาสนาว่า นายวินัย ละอองสุวรรณ เดินทางไปเทศนาที่ทวีปยุโรป ระหว่างลงเรือเดินสมุทรไม่สำรวมและมีความไม่เหมาะสมกับสมณเพศต่อสุภาพสตรี มีเทปบันทึกการสนทนากับนางจันทิมา มายะรังษี หนึ่งในสีกาที่ร้องเรียนว่า นายวินัยล่อลวงเสพเมถุน, มีเอกสารของหม่อมดุษฎี บริพัตร อดีตโยมอุปัฏฐากคนสำคัญที่กล่าวถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อความเป็นพระสงฆ์ ในขณะเดินทางไปต่างประเทศ และมีหลักฐานการลอกเลียนบทกวีของ ดร. ระวี ภาวิไล มีข้อกล่าวหาที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาว่า มีเพศสัมพันธ์กับสตรีบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทรระหว่างทางจากประเทศสวีเดนไปยังประเทศฟินแลนด์, จับต้องกายสตรีด้วยความกำหนัด ณ กุฏิริมน้ำ วัดป่าสุญญตาราม ประเทศออสเตรเลีย, เข้าไปหาสตรีในรถตู้ของเธอบนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, ร่วมหลับนอนกับสตรี และพร่ำพูดถึงความรักทางโทรศัพท์ (มีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียง) นางจันทิมาพาเด็กหญิงซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรสาวมาแสดงตัว พร้อมกับนำภาพถ่ายการใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยามาเปิดเผย มีการท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ มีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีโยมอุปัฏฐากบริจาคให้ ซึ่งถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมทั้งหลักฐานการเปิดโรงแรมและเช่ารถร่วมกับสตรีเพียงสองต่อสอง จนในที่สุดเขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น ก่อนที่นายวินัยจะลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมเพื่อหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทำให้นายวินัยสามารถหลบหนีคดีความอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้จนถึงปัจจุบันกลับเมืองไทย กลับเมืองไทย. อดีตพระยันตระเดินทางกลับเยี่ยมบ้านเกิดตัวเองหลังคดีหมดอายุความเข้ากราบอดีตพระอุปัชฌาย์ที่เคยเป็นผู้อุปสมบทให้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 โดย นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ อมโรภิกขุ ที่ต้องอธิกรณ์และหลบไปอาศัยอยู่ในประเทศอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเดิมในบ้านบางบ่อ เขตเทศบาลเมืองปากพนัง ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากที่คดีต่างๆโดยเฉพาะคดีที่ก้าวล่วงองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้หมดอายุความลงนายวินัย ละอองสุวรรณ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้งแบบเงียบๆโดยได้มาอาศัยอยู่ในอำเภอปากพนัง และยังคงมีการแต่งกายด้วยผ้าคล้ายจีวรที่มีทั้งสีกลักและสีเขียว ทับเสื้อแขนยาว ผมยาวสีขาวผูกรวบไว้ หนวดเคราขาวยาวเฟิ้ม รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ผู้ใกล้ชิดของนายวินัย ละอองสุวรรณ ระบุว่า นายวินัยได้เดินทางมายังนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เพื่อมากราบพระครูสุธรรมาจารย์ หรือพ่อท่านเชื่อง เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อ ที่บ้านบางบ่อ ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาจารย์ ของนายวินัยเมื่อครั้งอุปสมบท และได้มาพักอยู่ที่อาศรมที่ปลูกสร้างขึ้นหลังบ้านเดิมของนายวินัย โดยมีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียนและเชิญไปยังสถานที่ต่างๆหลายจังหวัดในภาคใต้ โดยจะเดินทางกลับอเมริกาในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอด
ในปี พ.ศ. 2537 ข้อหาที่ วินัย ละอองสุวรรณ ถูกฟ้องและถูกตั้งอธิกรณ์คืออะไร
{ "answer": [ "ล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ" ], "answer_begin_position": [ 1679 ], "answer_end_position": [ 1710 ] }
1,316
283,788
กองทัพอำมหิต อะโพคาลิปส์ นาว () เป็นภาพยนตร์สงครามที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2522 กำกับโดยฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา นำแสดงโดยมาร์ติน ชีน และมาร์ลอน แบรนโด มีเนื้อเรื่องเกิดขึ้นระหว่างสงครามเวียดนาม เกี่ยวกับทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐอเมริกาสองคน คือ ร้อยเอกเบนจามิน แอล วิลลาร์ด (รับบทโดย มาร์ติน ชีน) ทหารหน่วย MACV-SOG (Military Assistance Command, Vietnam - Studies and Observations Group) ที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้เข้าไปในป่าดงดิบในเวียดนาม เพื่อล่าสังหารพันเอกวอลเทอร์ อี. เคิร์ทซ (รับบทโดย มาร์ลอน แบรนโด) ผู้บังคับหน่วยรบพิเศษกรีนแบเรต์ ที่ละทิ้งหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาแทงบัญชีว่าเป็นบุคคลวิกลจริต บทภาพยนตร์เขียนโดยคอปโปลา และจอห์น มิเลียส โดยดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง Heart of Darkness และ Lord Jim ของโจเซฟ คอนราด ภาพยนตร์ได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้รับการบรรจุชื่อเป็นภาพยนตร์ที่ต้องอนุรักษ์ใน National Film Registry โดยหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ในปี พ.ศ. 2543 หนังเรื่องนี้ใช้เวลาสร้างนานมาก เนื่องจากปัญหาเรื่องหัวใจของชีนและปัญหาความอ้วนของแบรนโด จนนักข่าวบันเทิงบันทึกให้ว่า Apocalypse Later
อโพคาลิปส์ นาวเป็นภาพยนตร์สงครามที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2522 ใครเป็นผู้กำกับ
{ "answer": [ "ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา" ], "answer_begin_position": [ 169 ], "answer_end_position": [ 190 ] }
1,814
283,788
กองทัพอำมหิต อะโพคาลิปส์ นาว () เป็นภาพยนตร์สงครามที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2522 กำกับโดยฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา นำแสดงโดยมาร์ติน ชีน และมาร์ลอน แบรนโด มีเนื้อเรื่องเกิดขึ้นระหว่างสงครามเวียดนาม เกี่ยวกับทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐอเมริกาสองคน คือ ร้อยเอกเบนจามิน แอล วิลลาร์ด (รับบทโดย มาร์ติน ชีน) ทหารหน่วย MACV-SOG (Military Assistance Command, Vietnam - Studies and Observations Group) ที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้เข้าไปในป่าดงดิบในเวียดนาม เพื่อล่าสังหารพันเอกวอลเทอร์ อี. เคิร์ทซ (รับบทโดย มาร์ลอน แบรนโด) ผู้บังคับหน่วยรบพิเศษกรีนแบเรต์ ที่ละทิ้งหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาแทงบัญชีว่าเป็นบุคคลวิกลจริต บทภาพยนตร์เขียนโดยคอปโปลา และจอห์น มิเลียส โดยดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง Heart of Darkness และ Lord Jim ของโจเซฟ คอนราด ภาพยนตร์ได้รับรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้รับการบรรจุชื่อเป็นภาพยนตร์ที่ต้องอนุรักษ์ใน National Film Registry โดยหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ในปี พ.ศ. 2543 หนังเรื่องนี้ใช้เวลาสร้างนานมาก เนื่องจากปัญหาเรื่องหัวใจของชีนและปัญหาความอ้วนของแบรนโด จนนักข่าวบันเทิงบันทึกให้ว่า Apocalypse Later
อะโพคาลิปส์ นาว เป็นภาพยนตร์สงครามที่ออกฉายในปี พ.ศ. ใด
{ "answer": [ "2522" ], "answer_begin_position": [ 156 ], "answer_end_position": [ 160 ] }
1,317
333,293
คัลตาร์ กิลล์ คัลตาร์ กิลล์ () หรือฉายา แบล็คแมมบ้า เกิดวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1979 ในเทศบาลตำบลมิชชั่น รัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นนักมวยไทย และเป็นเป็นนักต่อสู้แบบผสมรุ่นเวลเทอร์เวทชาวอินเดีย ปัญจาบ-แคนาดา ซึ่งเป็นอดีตนักชกจากทีมเรโวลูชั่นไฟท์ ที่อยู่ในแวนคูเวอร์ บีซี.ประวัติ ประวัติ. คัลตาร์ กิลล์ ได้รับการกำหนดให้เข้าร่วมรายการแข่งขัน เค-วัน ฮีโร่ส์ 2007 มิดเดิลเวท กรังปรีด์ (70 กก.) ที่ซึ่งเขาได้ทำการสู้นัดรีแมทช์กับ คาโอล อูโนะ รอบเซมิไฟนอลในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2007 เพื่อคัดเลือกผู้ชนะในการเข้าชกรอบไฟนอลภายหลังจากคืนนั้น อย่างไรก็ตามเขาพลาดการแข่งขันเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ กิลล์เริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากการชกกับอีเวส เอ็ดเวิร์ดส กับฮิเดโอะ โทโคโระ ทั้งสองครั้ง ซึ่งในการแข่งขันครั้งที่สองนี้เองที่เขาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านการป้องกันที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเด่นชัด โดยชื่อเสียงในด้านนี้มาจากการที่เขามีทักษะด้านมวยไทยมาก่อน ในอดีตเขายังเคยมีทักษะด้านมวยปล้ำ ซึ่งเคยเป็นแชมเปี้ยนของบริติชโคลัมเบียเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่ม ในการให้คำสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด เขากล้าทำนายว่าจะสามารถเอาชนะน็อคภายในยกที่หนึ่ง หากเขาได้ชกในรายการรีแมทช์กับคาโอล อูโนะ ในการแข่งขันครั้งล่าสุด กิลล์ได้แพ้การแข่งกับ บัวขาว ป.ประมุข ในรายการเค-วันเวิลด์แมกซ์ ไฟนอลสถิติการชก
คัลตาร์ กิลล์เป็นนักมวยไทย มีฉายาว่าอะไร
{ "answer": [ "แบล็คแมมบ้า" ], "answer_begin_position": [ 128 ], "answer_end_position": [ 139 ] }
1,830
333,293
คัลตาร์ กิลล์ คัลตาร์ กิลล์ () หรือฉายา แบล็คแมมบ้า เกิดวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1979 ในเทศบาลตำบลมิชชั่น รัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นนักมวยไทย และเป็นเป็นนักต่อสู้แบบผสมรุ่นเวลเทอร์เวทชาวอินเดีย ปัญจาบ-แคนาดา ซึ่งเป็นอดีตนักชกจากทีมเรโวลูชั่นไฟท์ ที่อยู่ในแวนคูเวอร์ บีซี.ประวัติ ประวัติ. คัลตาร์ กิลล์ ได้รับการกำหนดให้เข้าร่วมรายการแข่งขัน เค-วัน ฮีโร่ส์ 2007 มิดเดิลเวท กรังปรีด์ (70 กก.) ที่ซึ่งเขาได้ทำการสู้นัดรีแมทช์กับ คาโอล อูโนะ รอบเซมิไฟนอลในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2007 เพื่อคัดเลือกผู้ชนะในการเข้าชกรอบไฟนอลภายหลังจากคืนนั้น อย่างไรก็ตามเขาพลาดการแข่งขันเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณไหล่ กิลล์เริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากการชกกับอีเวส เอ็ดเวิร์ดส กับฮิเดโอะ โทโคโระ ทั้งสองครั้ง ซึ่งในการแข่งขันครั้งที่สองนี้เองที่เขาได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านการป้องกันที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเด่นชัด โดยชื่อเสียงในด้านนี้มาจากการที่เขามีทักษะด้านมวยไทยมาก่อน ในอดีตเขายังเคยมีทักษะด้านมวยปล้ำ ซึ่งเคยเป็นแชมเปี้ยนของบริติชโคลัมเบียเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่ม ในการให้คำสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด เขากล้าทำนายว่าจะสามารถเอาชนะน็อคภายในยกที่หนึ่ง หากเขาได้ชกในรายการรีแมทช์กับคาโอล อูโนะ ในการแข่งขันครั้งล่าสุด กิลล์ได้แพ้การแข่งกับ บัวขาว ป.ประมุข ในรายการเค-วันเวิลด์แมกซ์ ไฟนอลสถิติการชก
คัลตาร์ กิลล์ หรือฉายา แบล็คแมมบ้าเป็นนักมวยไทย เกิดเมื่อวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "24" ], "answer_begin_position": [ 151 ], "answer_end_position": [ 153 ] }
1,318
881,909
เอ็กเบิร์ต กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์ เอ็กเบิร์ต (ค.ศ.802-839) [ภาษาอังกฤษ Egbert หรือ ภาษาแองโกลแซ็กซัน Ecgberht] กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์และเป็นกษัตริย์แซ็กซันพระองค์แรกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ของอังกฤษทั้งหมด พระองค์เป็นโอรสของขุนนางชาวเคนต์แต่อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากเซอร์ดิค (ครองราชย์ปีค.ศ.519-34) ผู้ก่อตั้งตระกูลเวสเซ็กซ์ อาณาจักรของชาวแซ็กซันตะวันตกทางตอนใต้ของอังกฤษ ช่วงปลายศตวรรษที่ 8 เมื่อพระเจ้าออฟฟ่าแห่งเมอร์เซีย (ครองราชย์ปีค.ศ.757-796) ปกครองอังกฤษส่วนใหญ่ เอ็กเบิร์ตถูกขับไล่ออกนอกประเทศไปอยู่ที่ราชสำนักของชาร์เลอมาญ เอ็กเบิร์ตกอบกู้อาณาจักรกลับคืนมาได้ในปีค.ศ.802 พระองค์พิชิตอาณาจักรเพื่อนบ้าน เคนต์, คอร์นวอลล์ และเมอร์เซีย และในปีค.ศ.830 พระองค์ยังเป็นที่ยอมรับในฐานะกษัตริย์ของอีสต์แองเกลีย, ซัสเซ็กซ์, เซอร์รีย์ และนอร์ธัมเบรีย และได้รับการถวายตำแหน่งเป็นเบร็ตวัลด้า (ภาษาแองโกลแซ็กซัน แปลว่าผู้ปกครองของชาวบริเตน) ในช่วงหลายปีต่อมาเอ็กเบิร์ตเป็นผู้นำในการเดินทางไปต่อต้านพวกเวลส์และพวกไวกิ้ง ปีก่อนที่พระองค์จะสวรรคต ทรงปราบกองกำลังร่วมระหว่างพวกเดนท์กับพวกคอร์นวอลล์ที่ฮิงสตันดาวน์ในคอร์นวอลล์ พระองค์ได้รับการสืบสันตติวงศ์โดยเอเธลวูล์ฟ พระราชบิดาของอัลเฟรดบรรพบุรุษ บรรพบุรุษ. เอ็กเบิร์ตประสูติราวปีค.ศ.770-780 เป็นโอรสของเอลมุนด์ กษัตริย์แห่งเคนต์ ที่ถูกพูดถึงในกฎบัตรของปีค.ศ.784 ตัวเอลมุนด์เองเป็นโอรสของเอียฟ่า กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์ กับเจ้าหญิงชาวเคนต์ ตระกูลเวสเซ็กซ์อ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาจากบุคคลที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าโวเด็นผู้ยิ่งใหญ่ พงศาวดารแองโกลแซ็กซันบันทึกไว้ว่าเอ็กเบิร์ตสืบเชื้อสายมาจากเซอร์ดิค ผู้รุกรานชาวแซ็กซันที่ขึ้นฝั่งบนชายฝั่งตอนใต้ในปีค.ศ.495ชีวิตช่วงต้น ชีวิตช่วงต้น. หลังการถูกปลงพระชนม์ของพระเจ้าไซน์วูล์ฟ พระญาติของเอ็กเบิร์ต เบียธริค ได้รับเลือกให้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งเวสเซ็กซ์ที่ว่างในปีค.ศ.786 แต่เอ็กเบิร์ตที่มองว่าพระองค์เองมีสิทธิ์มากกว่าแก่งแย่งสิทธิ์ของเขา เอ็กเบิร์ตถูกบีบให้ลี้ภัยไปอยู่ในราชสำนักของออฟฟ่าผู้ทรงอำนาจ กษัตริย์แห่งอาณาจักรเมอร์เซีย เบียธริคตอบสนองโดยการยื่นข้อเสนอพันธมิตรระหว่างพระองค์กับออฟฟ่า ที่จะเหนียวแน่นโดยการอภิเษกสมรสของพระองค์กับธิดาของออฟฟ่า เอ็ดเบอร์ก้า พระองค์เรียกร้องต่อให้ออฟฟ่าส่งตัวกบฏเอ็กเบิร์ตให้พระองค์ ออฟฟ่ารับข้อเสนอของเบียธริคเรื่องส่งธิดาของพระองค์ไปอภิเษกสมรส แต่แทนที่จะส่งตัวเอ็กเบิร์ตให้ศัตรูของพระองค์ปลงพระชนม์เสีย ทรงทำเพียงแค่เนรเทศพระองค์ออกจากอังกฤษ เอ็กเบิร์ตถูกบีบให้หนีไปฝรั่งเศสที่ขณะนั้นปกครองโดยจักรพรรดิชาร์เลอมาญและถูกพูดถึงว่าได้ถวายการรับใช้อยู่ในกองทัพของพระองค์ พระองค์ยังคงปลอดภัยดีในฝรั่งเศสในรัชสมัยในเวสเซ็กซ์ที่เหลืออยู่ของเบียธริค พระองค์ตกลงอภิเษกสมรสกับเร็ดเบอร์ก้า เจ้าหญิงชาวแฟรงก์ที่ถูกพูดถึงโดยผู้รู้ว่าเป็นพระขนิษฐาของชาร์เลอมาญ แม้ว่าพระนางจะยังคงมีตัวตนเลือนรางเป็นที่รู้น้อยมาก แต่การอภิเษกสมรสของเอ็กเบิร์ตกับเร็ดเบอร์ก้าให้กำเนิดโอรสสองคนกับธิดาหนึ่งคนการขึ้นสู่บัลลังก์ การขึ้นสู่บัลลังก์. การสวรรคตของเบียธริคทำให้เอ็กเบิร์ตกลับสู่อังกฤษบ้านเกิดของพระองค์เพื่ออ้างสิทธิ์ในบัลลังก์แห่งเวสเซ็กซ์ที่ว่างในปีค.ศ.800 และได้รับการยอมรับแม้ว่าชาวเมอร์เซียจะต่อต้านการปกครองของพระองค์ เวสเซ็กซ์ถูกโจมตีโดยฮวิกเช ภายใต้ผู้นำท้องถิ่น เอเธลมุนด์ (ฮวิกเชเดิมตั้งตัวแยกจากอาณาจักร แต่ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมอร์เซีย) วีโอสตาน ผู้นำท้องถิ่นเวสเซ็กซ์และถูกพูดถึงโดยแหล่งที่มาหนึ่งว่าเป็นพระขนิษฐภรรดาของเอ็กเบิร์ต เผชิญหน้ากับเขาและคนจากวิลต์เชียร์ ฮวิกเชพ่ายแพ้ และวีโอสตานกับเอเธลมุนด์ถูกสังหารโหดการเรืองอำนาจ การเรืองอำนาจ. ได้รับแรงบันดาลใจจากการทหารของพวกแฟรงค์และแนวคิดจักรวรรดิ เอ็กเบิร์ตพยายามอย่างแรงกล้าที่จะนำชาวบริเตนพื้นเมืองหรือพวกเซลต์มาอยู่ใต้การปกครอง ในที่สุดทั้งหมดที่ปัจจุบันคือเวลส์ก็อยู่ภายใต้พระราชอำนาจของพระองค์ เอ็กเบิร์ตปราบพระเจ้าบอร์นวูล์ฟแห่งเมอร์เซียที่เป็นศัตรูในสมรภูมิที่เอลแลนดุน ใกล้กับสวินดอน และกรีธาทัพเข้าสู่เคนต์ที่เวลานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเมอร์เซีย บาลด์เร็ด กษัตริย์ย่อยแห่งเคนต์ของเมอร์เซียหนีไป และชาวเคนต์ยอมรับเอ็กเบิร์ตเป็นเจ้าเหนือหัว ตามด้วยเซอร์รีย์, ซัสเซ็กซ์ และเอสเซ็กซ์ โอรสคนโตของเอ็กเบิร์ต เอเธลวูล์ฟได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ย่อยของพื้นที่เหล่านี้ ชาวอีสต์แองเกลียที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เมอร์เซียเช่นกันก่อกบฏ บอร์นวูล์ฟ กษัตริย์แห่งเมอร์เซีย ต้องการจะมีอำนาจในมณฑลนี้อีกครั้ง ชาวอีสต์แองเกลียเอาตัวเองไปอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเอ็กเบิร์ตแห่งเวสเซ็กซ์ที่มาช่วยเหลือ และตัวบอร์นวูล์ฟเองถูกปลงพระชนม์ในความขัดแย้งที่ตามมา วิกลาฟได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่งของพระองค์ในปีค.ศ.829 อาศัยช่วงที่วิกลาฟไม่มีเวลาเตรียมตัว เอ็กเบิร์ตรีบเดินหน้าเข้าสู่เมอร์เซียและเนรเทศพระองค์ออกไปจากอาณาจักร ตั้งพระองค์องเป็นผู้ปกครองของอังกฤษทั้งหมดที่อยู่ใต้ฮัมเบอร์ จากนั้นเอ็กเบิร์ตก็หันความสนใจไปที่อาณาจักรของชาวแองเกลียแห่งนอร์ธัมเบรียที่พ่ายแพ้ต่อพระองค์เช่นกัน ตอนนี้พระองค์ควบคุมอังกฤษทั้งหมด พระองค์ได้รับชัยชนะ พระองค์คือเบร็ตวัลด้าการรุกรานของไวกิ้ง การรุกรานของไวกิ้ง. ชาวไวกิ้ง ผู้รุกรานชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์ ทำลายชายฝั่งของอังกฤษครั้งแรกในปีค.ศ.793 บันทึกไว้อย่างเร้าใจในพงศาวดารแองโกลแซ็กซัน'ในปีนี้ลางร้ายได้ปรากฏเหนือนอร์ธัมเบรียและสร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมากแก่ประชาชน พวกมันประกอบด้วยลมหมุนขนาดมหึมากับแสงวุบวาบของอัสนีบาตและมองเห็นมังกรที่ลุกเป็นไฟโบยบินอยู่ในอากาศ ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่เกิดขึ้นทันทีหลังจากนั้น และต่อมาไม่นานในปีเดียวกัน ในวันที่ 8 มิถุนายน การทำลายของคนนอกรีตทำลายโบสถ์ของพระเจ้าในลินดิสฟาร์นอย่างน่าเศร้าใจด้วยการปล้นสะดมและสังหารโหด'ต่อมาพวกไวกิ้งที่น่ากลัวโจมตีต่อและเริ่มแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปีท้ายๆของรัชสมัยของเอ็กเบิร์ต พวกเขาข้ามทะเลมากจากเดนมาร์กและนอร์เวย์ในหัวเรือมังกร หรือเรือยาวไวกิ้ง ในปีค.ศ.835 พวกไวกิ้งรุกรานเกาะเช็พพาย เอ็กเบิร์ตนำกองทัพไปต่อต้านพวกเขาที่คาร์แฮมพ์ตันบนชายฝั่งนอร์ธเดวอน พวกเซลต์แห่งคอร์นวอลล์และเดวอนที่ชาวแซ็กซันรู้จักในนามชาววิลิสต์ (หมายถึงชาวต่างแดน) ร่วมมือกับพวกเดนท์ เอ็กเบิร์ตปราบพวกเขาได้แต่เมื่อพระองค์สวรรคตในปีค.ศ.839 การรุกรานของไวกิ้งก็เกิดขึ้นรายปีและเมอร์เซียได้เอกราชกลับคืนมาอีกครั้งการสืบทอดบัลลังก์ การสืบทอดบัลลังก์. เอ็กเบิร์ตได้รับการสืบสันตติวงศ์แห่งเวสเซ็กซ์โดยโอรสคนโตของเขา เอเธลวูล์ฟ และถูกฝังที่วินเชสเตอร์ หลังการพิชิตของนอร์มัน มหาวิหารวินเชสเตอร์ถูกสร้างขึ้นบนที่ดินของโอลด์มินสเตอร์ของแซ็กซัน สิ่งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ยังคงอยู่ รวมถึงกระดูกของพระเจ้าเอ็กเบิร์ตที่ถูกขุดขึ้นมาและวางไว้รอบๆแท่นบูชาของนักบุญสวิธินในสิ่งปลูกสร้างใหม่ ทว่าในศตวรรษที่ 17 ช่วงสงครามกลางเมืองของอังกฤษ กระดูกที่ต่อมาได้ถูกใช้เป็นสิ่งขว้างปาโดยทหารของครอมเวลล์เพื่อพังกระจกย้อมสีกระจัดกระจายและปะปนอยู่บนป้ายที่ฝังพระศพร่วมกับกระดูกของกษัตริย์และบิชอปแซ็กซันคนอื่นๆและกษัตริย์นอร์มัน วิลเลี่ยมรูฟัส ป้ายยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ วางอยู่บนแผ่นประดับตกแต่งรอบๆแท่นบูชาของมหาวิหารแหล่งข้อมูลแหล่งข้อมูล. - Timeline for King Egbert (Ecgberht) (802 - 839) - Egbert 827-839
กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์พระองค์ใดที่ได้รับการยอมรับเป็นกษัตริย์ของอังกฤษพระองค์แรก
{ "answer": [ "เอ็กเบิร์ต" ], "answer_begin_position": [ 140 ], "answer_end_position": [ 150 ] }
1,319
881,909
เอ็กเบิร์ต กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์ เอ็กเบิร์ต (ค.ศ.802-839) [ภาษาอังกฤษ Egbert หรือ ภาษาแองโกลแซ็กซัน Ecgberht] กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์และเป็นกษัตริย์แซ็กซันพระองค์แรกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกษัตริย์ของอังกฤษทั้งหมด พระองค์เป็นโอรสของขุนนางชาวเคนต์แต่อ้างว่าสืบเชื้อสายมาจากเซอร์ดิค (ครองราชย์ปีค.ศ.519-34) ผู้ก่อตั้งตระกูลเวสเซ็กซ์ อาณาจักรของชาวแซ็กซันตะวันตกทางตอนใต้ของอังกฤษ ช่วงปลายศตวรรษที่ 8 เมื่อพระเจ้าออฟฟ่าแห่งเมอร์เซีย (ครองราชย์ปีค.ศ.757-796) ปกครองอังกฤษส่วนใหญ่ เอ็กเบิร์ตถูกขับไล่ออกนอกประเทศไปอยู่ที่ราชสำนักของชาร์เลอมาญ เอ็กเบิร์ตกอบกู้อาณาจักรกลับคืนมาได้ในปีค.ศ.802 พระองค์พิชิตอาณาจักรเพื่อนบ้าน เคนต์, คอร์นวอลล์ และเมอร์เซีย และในปีค.ศ.830 พระองค์ยังเป็นที่ยอมรับในฐานะกษัตริย์ของอีสต์แองเกลีย, ซัสเซ็กซ์, เซอร์รีย์ และนอร์ธัมเบรีย และได้รับการถวายตำแหน่งเป็นเบร็ตวัลด้า (ภาษาแองโกลแซ็กซัน แปลว่าผู้ปกครองของชาวบริเตน) ในช่วงหลายปีต่อมาเอ็กเบิร์ตเป็นผู้นำในการเดินทางไปต่อต้านพวกเวลส์และพวกไวกิ้ง ปีก่อนที่พระองค์จะสวรรคต ทรงปราบกองกำลังร่วมระหว่างพวกเดนท์กับพวกคอร์นวอลล์ที่ฮิงสตันดาวน์ในคอร์นวอลล์ พระองค์ได้รับการสืบสันตติวงศ์โดยเอเธลวูล์ฟ พระราชบิดาของอัลเฟรดบรรพบุรุษ บรรพบุรุษ. เอ็กเบิร์ตประสูติราวปีค.ศ.770-780 เป็นโอรสของเอลมุนด์ กษัตริย์แห่งเคนต์ ที่ถูกพูดถึงในกฎบัตรของปีค.ศ.784 ตัวเอลมุนด์เองเป็นโอรสของเอียฟ่า กษัตริย์แห่งเวสเซ็กซ์ กับเจ้าหญิงชาวเคนต์ ตระกูลเวสเซ็กซ์อ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาจากบุคคลที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าโวเด็นผู้ยิ่งใหญ่ พงศาวดารแองโกลแซ็กซันบันทึกไว้ว่าเอ็กเบิร์ตสืบเชื้อสายมาจากเซอร์ดิค ผู้รุกรานชาวแซ็กซันที่ขึ้นฝั่งบนชายฝั่งตอนใต้ในปีค.ศ.495ชีวิตช่วงต้น ชีวิตช่วงต้น. หลังการถูกปลงพระชนม์ของพระเจ้าไซน์วูล์ฟ พระญาติของเอ็กเบิร์ต เบียธริค ได้รับเลือกให้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งเวสเซ็กซ์ที่ว่างในปีค.ศ.786 แต่เอ็กเบิร์ตที่มองว่าพระองค์เองมีสิทธิ์มากกว่าแก่งแย่งสิทธิ์ของเขา เอ็กเบิร์ตถูกบีบให้ลี้ภัยไปอยู่ในราชสำนักของออฟฟ่าผู้ทรงอำนาจ กษัตริย์แห่งอาณาจักรเมอร์เซีย เบียธริคตอบสนองโดยการยื่นข้อเสนอพันธมิตรระหว่างพระองค์กับออฟฟ่า ที่จะเหนียวแน่นโดยการอภิเษกสมรสของพระองค์กับธิดาของออฟฟ่า เอ็ดเบอร์ก้า พระองค์เรียกร้องต่อให้ออฟฟ่าส่งตัวกบฏเอ็กเบิร์ตให้พระองค์ ออฟฟ่ารับข้อเสนอของเบียธริคเรื่องส่งธิดาของพระองค์ไปอภิเษกสมรส แต่แทนที่จะส่งตัวเอ็กเบิร์ตให้ศัตรูของพระองค์ปลงพระชนม์เสีย ทรงทำเพียงแค่เนรเทศพระองค์ออกจากอังกฤษ เอ็กเบิร์ตถูกบีบให้หนีไปฝรั่งเศสที่ขณะนั้นปกครองโดยจักรพรรดิชาร์เลอมาญและถูกพูดถึงว่าได้ถวายการรับใช้อยู่ในกองทัพของพระองค์ พระองค์ยังคงปลอดภัยดีในฝรั่งเศสในรัชสมัยในเวสเซ็กซ์ที่เหลืออยู่ของเบียธริค พระองค์ตกลงอภิเษกสมรสกับเร็ดเบอร์ก้า เจ้าหญิงชาวแฟรงก์ที่ถูกพูดถึงโดยผู้รู้ว่าเป็นพระขนิษฐาของชาร์เลอมาญ แม้ว่าพระนางจะยังคงมีตัวตนเลือนรางเป็นที่รู้น้อยมาก แต่การอภิเษกสมรสของเอ็กเบิร์ตกับเร็ดเบอร์ก้าให้กำเนิดโอรสสองคนกับธิดาหนึ่งคนการขึ้นสู่บัลลังก์ การขึ้นสู่บัลลังก์. การสวรรคตของเบียธริคทำให้เอ็กเบิร์ตกลับสู่อังกฤษบ้านเกิดของพระองค์เพื่ออ้างสิทธิ์ในบัลลังก์แห่งเวสเซ็กซ์ที่ว่างในปีค.ศ.800 และได้รับการยอมรับแม้ว่าชาวเมอร์เซียจะต่อต้านการปกครองของพระองค์ เวสเซ็กซ์ถูกโจมตีโดยฮวิกเช ภายใต้ผู้นำท้องถิ่น เอเธลมุนด์ (ฮวิกเชเดิมตั้งตัวแยกจากอาณาจักร แต่ต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมอร์เซีย) วีโอสตาน ผู้นำท้องถิ่นเวสเซ็กซ์และถูกพูดถึงโดยแหล่งที่มาหนึ่งว่าเป็นพระขนิษฐภรรดาของเอ็กเบิร์ต เผชิญหน้ากับเขาและคนจากวิลต์เชียร์ ฮวิกเชพ่ายแพ้ และวีโอสตานกับเอเธลมุนด์ถูกสังหารโหดการเรืองอำนาจ การเรืองอำนาจ. ได้รับแรงบันดาลใจจากการทหารของพวกแฟรงค์และแนวคิดจักรวรรดิ เอ็กเบิร์ตพยายามอย่างแรงกล้าที่จะนำชาวบริเตนพื้นเมืองหรือพวกเซลต์มาอยู่ใต้การปกครอง ในที่สุดทั้งหมดที่ปัจจุบันคือเวลส์ก็อยู่ภายใต้พระราชอำนาจของพระองค์ เอ็กเบิร์ตปราบพระเจ้าบอร์นวูล์ฟแห่งเมอร์เซียที่เป็นศัตรูในสมรภูมิที่เอลแลนดุน ใกล้กับสวินดอน และกรีธาทัพเข้าสู่เคนต์ที่เวลานั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเมอร์เซีย บาลด์เร็ด กษัตริย์ย่อยแห่งเคนต์ของเมอร์เซียหนีไป และชาวเคนต์ยอมรับเอ็กเบิร์ตเป็นเจ้าเหนือหัว ตามด้วยเซอร์รีย์, ซัสเซ็กซ์ และเอสเซ็กซ์ โอรสคนโตของเอ็กเบิร์ต เอเธลวูล์ฟได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ย่อยของพื้นที่เหล่านี้ ชาวอีสต์แองเกลียที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เมอร์เซียเช่นกันก่อกบฏ บอร์นวูล์ฟ กษัตริย์แห่งเมอร์เซีย ต้องการจะมีอำนาจในมณฑลนี้อีกครั้ง ชาวอีสต์แองเกลียเอาตัวเองไปอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเอ็กเบิร์ตแห่งเวสเซ็กซ์ที่มาช่วยเหลือ และตัวบอร์นวูล์ฟเองถูกปลงพระชนม์ในความขัดแย้งที่ตามมา วิกลาฟได้รับเลือกให้สืบทอดตำแหน่งของพระองค์ในปีค.ศ.829 อาศัยช่วงที่วิกลาฟไม่มีเวลาเตรียมตัว เอ็กเบิร์ตรีบเดินหน้าเข้าสู่เมอร์เซียและเนรเทศพระองค์ออกไปจากอาณาจักร ตั้งพระองค์องเป็นผู้ปกครองของอังกฤษทั้งหมดที่อยู่ใต้ฮัมเบอร์ จากนั้นเอ็กเบิร์ตก็หันความสนใจไปที่อาณาจักรของชาวแองเกลียแห่งนอร์ธัมเบรียที่พ่ายแพ้ต่อพระองค์เช่นกัน ตอนนี้พระองค์ควบคุมอังกฤษทั้งหมด พระองค์ได้รับชัยชนะ พระองค์คือเบร็ตวัลด้าการรุกรานของไวกิ้ง การรุกรานของไวกิ้ง. ชาวไวกิ้ง ผู้รุกรานชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์ ทำลายชายฝั่งของอังกฤษครั้งแรกในปีค.ศ.793 บันทึกไว้อย่างเร้าใจในพงศาวดารแองโกลแซ็กซัน'ในปีนี้ลางร้ายได้ปรากฏเหนือนอร์ธัมเบรียและสร้างความหวาดกลัวเป็นอย่างมากแก่ประชาชน พวกมันประกอบด้วยลมหมุนขนาดมหึมากับแสงวุบวาบของอัสนีบาตและมองเห็นมังกรที่ลุกเป็นไฟโบยบินอยู่ในอากาศ ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่เกิดขึ้นทันทีหลังจากนั้น และต่อมาไม่นานในปีเดียวกัน ในวันที่ 8 มิถุนายน การทำลายของคนนอกรีตทำลายโบสถ์ของพระเจ้าในลินดิสฟาร์นอย่างน่าเศร้าใจด้วยการปล้นสะดมและสังหารโหด'ต่อมาพวกไวกิ้งที่น่ากลัวโจมตีต่อและเริ่มแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปีท้ายๆของรัชสมัยของเอ็กเบิร์ต พวกเขาข้ามทะเลมากจากเดนมาร์กและนอร์เวย์ในหัวเรือมังกร หรือเรือยาวไวกิ้ง ในปีค.ศ.835 พวกไวกิ้งรุกรานเกาะเช็พพาย เอ็กเบิร์ตนำกองทัพไปต่อต้านพวกเขาที่คาร์แฮมพ์ตันบนชายฝั่งนอร์ธเดวอน พวกเซลต์แห่งคอร์นวอลล์และเดวอนที่ชาวแซ็กซันรู้จักในนามชาววิลิสต์ (หมายถึงชาวต่างแดน) ร่วมมือกับพวกเดนท์ เอ็กเบิร์ตปราบพวกเขาได้แต่เมื่อพระองค์สวรรคตในปีค.ศ.839 การรุกรานของไวกิ้งก็เกิดขึ้นรายปีและเมอร์เซียได้เอกราชกลับคืนมาอีกครั้งการสืบทอดบัลลังก์ การสืบทอดบัลลังก์. เอ็กเบิร์ตได้รับการสืบสันตติวงศ์แห่งเวสเซ็กซ์โดยโอรสคนโตของเขา เอเธลวูล์ฟ และถูกฝังที่วินเชสเตอร์ หลังการพิชิตของนอร์มัน มหาวิหารวินเชสเตอร์ถูกสร้างขึ้นบนที่ดินของโอลด์มินสเตอร์ของแซ็กซัน สิ่งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ยังคงอยู่ รวมถึงกระดูกของพระเจ้าเอ็กเบิร์ตที่ถูกขุดขึ้นมาและวางไว้รอบๆแท่นบูชาของนักบุญสวิธินในสิ่งปลูกสร้างใหม่ ทว่าในศตวรรษที่ 17 ช่วงสงครามกลางเมืองของอังกฤษ กระดูกที่ต่อมาได้ถูกใช้เป็นสิ่งขว้างปาโดยทหารของครอมเวลล์เพื่อพังกระจกย้อมสีกระจัดกระจายและปะปนอยู่บนป้ายที่ฝังพระศพร่วมกับกระดูกของกษัตริย์และบิชอปแซ็กซันคนอื่นๆและกษัตริย์นอร์มัน วิลเลี่ยมรูฟัส ป้ายยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ วางอยู่บนแผ่นประดับตกแต่งรอบๆแท่นบูชาของมหาวิหารแหล่งข้อมูลแหล่งข้อมูล. - Timeline for King Egbert (Ecgberht) (802 - 839) - Egbert 827-839
ใครเป็นผู้รุกรานชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์ ในปีค.ศ. 793
{ "answer": [ "ชาวไวกิ้ง" ], "answer_begin_position": [ 4581 ], "answer_end_position": [ 4590 ] }
1,320
54,444
ชีพจรโลกวันนี้ รายการชีพจรโลกวันนี้ ออกอากาศ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-08.15 น. ทาง สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ดำเนินรายการ โดย สุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการ เครือเนชั่น และ จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ รายการ ชีพจรโลกวันนี้ ออกอากาศครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เสนอเรื่องราวในต่างประเทศที่น่าสนใจประจำวัน รวมทั้งยังเสนอ การ์ตูนการเมือง ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับ สถานการณ์ต่างประเทศ ในช่วงเวลานั้นๆ หรือสัมพันธ์ กับเรื่องที่พูดในรายการ และสิ้นสุดลงเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552 โดยนำชื่อรายการไปอยู่ช่วงของรายการเช้าข่าวข้น คนข่าวเช้า นอกจากนี้ รายการชื่อเดียวกันนี้ ยังออกอากาศ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 20.40-20.50 น. ในช่วงรายการ เก็บตกจากเนชั่น ภาคค่ำ ทาง สถานีโทรทัศน์ เนชั่น แชนแนล ไททีวี ช่อง 1 ด้วย ดำเนินรายการ โดย สุทธิชัย หยุ่น และ ภัทรพร บุณยมานนท์ ปี 2550 รายการชีพจรโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำเนินรายการหญิง โดยคุณสุทธิชัย หยุ่น ดำเนินรายการคู่ จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ ในวันจันทร์ , พุธ , ศุกร์ และคู่กับ ภัทรพร บุณยมานนท์ ในวันอังคาร , พฤหัสบดี
รายการชีพจรโลกวันนี้ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อใด
{ "answer": [ "6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549" ], "answer_begin_position": [ 338 ], "answer_end_position": [ 360 ] }
1,321
951,382
หอสมุดรัฐรัสเซีย หอสมุดรัฐรัสเซีย () เป็นหอสมุดแห่งชาติของประเทศรัสเซีย ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโก หอสมุดเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซียและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกสำหรับการจัดเก็บหนังสือ (17.5 ล้านเล่ม) เดิมหอสมุดมีชื่อเรียกว่า หอสมุดรัฐสหภาพโซเวียตที่ตั้งชื่อตามวลาดีมีร์ อิลลิช เลนิน () ตั้งแต่ 1925 จนมีการเปลี่ยนชื่อเป็นหอสมุดรัฐรัสเซียในปี 1992 ตามคำสั่งของบอริส เยลต์ซิน หอสมุดมีชั้นวางหนังสือยาวกว่า 275 กิโลเมตร มีสื่อมากกว่า 43 ล้านรายการ รวมทั้งหนังสือและหนังสืออนุกรม 17 ล้านเล่ม วารสาร 13 ล้านฉบับ เพลงและสื่อบันทึกเสียง 350,000 รายการ แผนที่ 150,000 แผ่นและอื่น ๆ ส่วนวัสดุต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 29 เปอร์เซ็นต์ของคอลเลกชันทั้งหมด
หอสมุดรัฐสหภาพโซเวียตถูกเปลี่ยนชื่อเป็นหอสมุดรัฐรัสเซียเมื่อปีค.ศ.อะไร
{ "answer": [ "1992" ], "answer_begin_position": [ 436 ], "answer_end_position": [ 440 ] }
1,322
332,247
ฮัน ซึง-ย็อน ฮัน ซึง-ย็อน (; ) หรือชื่อในการแสดงว่า ซึงย็อน (Seungyeon) เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1988 ที่โซล เป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสมาชิกวงคารา โดยค่าย DSP เอนเตอร์เทนเมนท์ประวัติ ประวัติ. ฮัน ซึง-ย็อน เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1988 ในโซล ประเทศเกาหลีใต้ เธอเดินทางออกจากเกาหลีเพื่อไปศึกษาต่อที่โรงเรียน Tenafly High School ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอได้ออกจากโรงเรียนไฮสคูลกลางครันเพื่อประกอบอาชีพเป็นนักร้อง ภายหลังจากการกลับมายังเกาหลี เธอได้รับบทเป็นนักร้องครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2007 ในฐานะสมาชิกวงคาราพร้อมกันกับปาร์ค กยูริ, จอง นิโคล และคิม ซองฮี เธอสอบผ่านการทดสอบคุณสมบัติจากสถาบันไฮสคูลซึ่งมีชื่อว่า College Scholastic Ability Test และได้รับการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยคยองฮี คณะศิลปะภาพยนตร์และการละครผลงานเพลงคารา ผลงานเพลง. คารา. ดูบทความที่ คาราซิงเกิลซิงเกิล. - ค.ศ. 2009 : "Nolleowa" - Nassun (ฟีเจอร์ ฮัน ซึง-ย็อน) - ค.ศ. 2009 : "Gijeok" - Han Seungyeon (ซาวด์แทรกชุด Welcome to my House) - ค.ศ. 2009 : "Dugeunduguen Tomorrow" - 4 ทูมอโร่ (ฟีเจอร์ ฮัน ซึง-ย็อน)ภาพยนตร์ออดิโอบุ๊คออดิโอบุ๊ค. - วิคเตอร์เดอะฟูล โดย โจอาชิม เดอ โพซาดา, วอยซ์ออฟลอรา
ฮัน ซึง-ย็อนเป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้ หรือชื่อในวงการว่าอะไร
{ "answer": [ "ซึงย็อน" ], "answer_begin_position": [ 139 ], "answer_end_position": [ 146 ] }
1,829
332,247
ฮัน ซึง-ย็อน ฮัน ซึง-ย็อน (; ) หรือชื่อในการแสดงว่า ซึงย็อน (Seungyeon) เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1988 ที่โซล เป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสมาชิกวงคารา โดยค่าย DSP เอนเตอร์เทนเมนท์ประวัติ ประวัติ. ฮัน ซึง-ย็อน เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1988 ในโซล ประเทศเกาหลีใต้ เธอเดินทางออกจากเกาหลีเพื่อไปศึกษาต่อที่โรงเรียน Tenafly High School ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอได้ออกจากโรงเรียนไฮสคูลกลางครันเพื่อประกอบอาชีพเป็นนักร้อง ภายหลังจากการกลับมายังเกาหลี เธอได้รับบทเป็นนักร้องครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2007 ในฐานะสมาชิกวงคาราพร้อมกันกับปาร์ค กยูริ, จอง นิโคล และคิม ซองฮี เธอสอบผ่านการทดสอบคุณสมบัติจากสถาบันไฮสคูลซึ่งมีชื่อว่า College Scholastic Ability Test และได้รับการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยคยองฮี คณะศิลปะภาพยนตร์และการละครผลงานเพลงคารา ผลงานเพลง. คารา. ดูบทความที่ คาราซิงเกิลซิงเกิล. - ค.ศ. 2009 : "Nolleowa" - Nassun (ฟีเจอร์ ฮัน ซึง-ย็อน) - ค.ศ. 2009 : "Gijeok" - Han Seungyeon (ซาวด์แทรกชุด Welcome to my House) - ค.ศ. 2009 : "Dugeunduguen Tomorrow" - 4 ทูมอโร่ (ฟีเจอร์ ฮัน ซึง-ย็อน)ภาพยนตร์ออดิโอบุ๊คออดิโอบุ๊ค. - วิคเตอร์เดอะฟูล โดย โจอาชิม เดอ โพซาดา, วอยซ์ออฟลอรา
ฮัน ซึง-ย็อน นักร้องชาวเกาหลีใต้ เกิดเมื่อวันที่เท่าไร
{ "answer": [ "24" ], "answer_begin_position": [ 312 ], "answer_end_position": [ 314 ] }
1,323
893,277
ตามจับตามจีบ ตามจับตามจีบ เป็นละครโทรทัศน์แนวชีวิต-คอมเมดี้-โรแมนติก-แอ็กชั่น-ดราม่า บทประพันธ์ มธุรพจน์ บทโทรทัศน์ เบญจมาศ กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญบุตร ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี จำกัด โดยผู้จัด สรวงสุดา ชลลัมพี ออกอากาศทุกวันศุกร์–ศุกร์ เวลา 18.45 - 19.45 น. ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นำแสดงโดย ดอม เหตระกูล, พรชิตา ณ สงขลา และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย เริ่มตอนแรกวันที่ พ.ศ. 2543– พ.ศ. 2543เรื่องย่อรายชื่อนักแสดงและการสร้าง
ละครตามจับตามจีบ ในปี 2543 ดอม เหตระกูล เล่นประกบคู่กับใคร
{ "answer": [ "พรชิตา ณ สงขลา" ], "answer_begin_position": [ 408 ], "answer_end_position": [ 422 ] }
1,913
893,277
ตามจับตามจีบ ตามจับตามจีบ เป็นละครโทรทัศน์แนวชีวิต-คอมเมดี้-โรแมนติก-แอ็กชั่น-ดราม่า บทประพันธ์ มธุรพจน์ บทโทรทัศน์ เบญจมาศ กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญบุตร ผลิตโดย บริษัท ชลลัมพี จำกัด โดยผู้จัด สรวงสุดา ชลลัมพี ออกอากาศทุกวันศุกร์–ศุกร์ เวลา 18.45 - 19.45 น. ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นำแสดงโดย ดอม เหตระกูล, พรชิตา ณ สงขลา และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย เริ่มตอนแรกวันที่ พ.ศ. 2543– พ.ศ. 2543เรื่องย่อรายชื่อนักแสดงและการสร้าง
ละครโทรทัศน์เรื่องตามจับตามจีบ เริ่มฉายในปี 2543 ใครเป็นผู้กำกับการแสดง
{ "answer": [ "อดุลย์ บุญบุตร" ], "answer_begin_position": [ 227 ], "answer_end_position": [ 241 ] }
1,324
650,775
อภิรดี ตันตราภรณ์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองประธานกรรมการคนที่สาม คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและอุดหนุน และ ประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก อดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และเป็นอดีตประธานบริหารสถาบันนานาชาติเพื่อเอเชียแปซิฟิกศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพประวัติ ประวัติ. อภิรดี ตันตราภรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2492 เป็นธิดาของพลเรือโทใบ และนางประเทือง เทศนสดับ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนราชินีบน จากนั้นเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีทางพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาจึงไปศึกษาต่อปริญญาโททางบริหารธุรกิจ ด้านการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยซีราคิว สหรัฐอเมริกา อภิรดี ตันตราภรณ์ สมรสกับสุรพล ตันตราภรณ์การทำงาน การทำงาน. อภิรดี ตันตราภรณ์ ที่ตำแหน่งเศรฐกรตรี กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ และได้เลื่อนเป็นเศรษฐกรโท และเศรษฐกรเอก ในเวลาต่อมา ต่อมาได้เลื่อนเป็นหัวหน้าฝ่ายการประชุมระหว่างประเทศ กองนโยบาย นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาครั้งที่ 5 ที่กรุงมะนิลา ,ผู้แทนไทยในการประชุมกลุ่ม 77ประเทศ กำลังพัฒนา ว่าด้วยการค้าและการพัฒนาที่อาร์เจนตินา ,ผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาติ เพื่อจัดทำความตกลงเรื่องปอ ระหว่างประเทศ ที่เจนีวา กับบังคลาเทศ ,ผู้แทนไทยในการประชุมมนตรีองค์การกาแฟระหว่างประเทศที่ลอนดอน และเป็นที่ปรึกษาการพาณิชย์ของคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2537 ได้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2540 เป็นที่ปรึกษาการพาณิชย์ พ.ศ. 2542 เป็นเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก พ.ศ. 2545 เป็นอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พ.ศ. 2548 เป็นอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2549 เป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ พ.ศ. 2552 เป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และได้เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 อภิรดีได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด
{ "answer": [ "กระทรวงพาณิชย์" ], "answer_begin_position": [ 153 ], "answer_end_position": [ 167 ] }
1,325
650,775
อภิรดี ตันตราภรณ์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองประธานกรรมการคนที่สาม คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ประธานคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและอุดหนุน และ ประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก อดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และเป็นอดีตประธานบริหารสถาบันนานาชาติเพื่อเอเชียแปซิฟิกศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพประวัติ ประวัติ. อภิรดี ตันตราภรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2492 เป็นธิดาของพลเรือโทใบ และนางประเทือง เทศนสดับ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนราชินีบน จากนั้นเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีทางพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาจึงไปศึกษาต่อปริญญาโททางบริหารธุรกิจ ด้านการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยซีราคิว สหรัฐอเมริกา อภิรดี ตันตราภรณ์ สมรสกับสุรพล ตันตราภรณ์การทำงาน การทำงาน. อภิรดี ตันตราภรณ์ ที่ตำแหน่งเศรฐกรตรี กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ และได้เลื่อนเป็นเศรษฐกรโท และเศรษฐกรเอก ในเวลาต่อมา ต่อมาได้เลื่อนเป็นหัวหน้าฝ่ายการประชุมระหว่างประเทศ กองนโยบาย นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนไทยในการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาครั้งที่ 5 ที่กรุงมะนิลา ,ผู้แทนไทยในการประชุมกลุ่ม 77ประเทศ กำลังพัฒนา ว่าด้วยการค้าและการพัฒนาที่อาร์เจนตินา ,ผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาติ เพื่อจัดทำความตกลงเรื่องปอ ระหว่างประเทศ ที่เจนีวา กับบังคลาเทศ ,ผู้แทนไทยในการประชุมมนตรีองค์การกาแฟระหว่างประเทศที่ลอนดอน และเป็นที่ปรึกษาการพาณิชย์ของคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ต่อมาเมื่อพ.ศ. 2537 ได้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2540 เป็นที่ปรึกษาการพาณิชย์ พ.ศ. 2542 เป็นเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก พ.ศ. 2545 เป็นอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พ.ศ. 2548 เป็นอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2549 เป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ พ.ศ. 2552 เป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และได้เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 อภิรดีได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์ ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
อภิรดี ตันตราภรณ์เป็นตัวแทนประเทศไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนาครั้งที่เท่าไร
{ "answer": [ "5" ], "answer_begin_position": [ 1321 ], "answer_end_position": [ 1322 ] }
1,326
197,448
จรวดแซตเทิร์น 1 จรวดแซตเทิร์น 1 () ถือว่าเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่การสำรวจอวกาศอย่างแท้จริง เพราะเป็นจรวดนำส่งยานอวกาศเข้าสู่วงโคจรของโลกได้ และเป็นตัวพัฒนาต่อไปเป็น จรวดแซตเทิร์น 5 ที่นำยานอพอลโลไปสู่ดวงจันทร์ข้อมูล ข้อมูล. จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตโดยบริษัทไครสเลอร์สามารถบรรทุกของหนัก 9000 กิโลกรัม เข้าสู่วงโคจรรอบโลกระดับต่ำ หรือ ภาษาอังกฤษ:Low Earth Orbit (LEO) คือที่ความสูงประมาณ 160 - 2000 กิโลเมตร (100 - 1,240 ไมล์) เหนือพื้นโลกหรือของที่หนัก 2200 กิโลกรัม ที่สามารถหลุดพ้นโรงดึงดูดของโลกได้ จรวดแซตเทิร์น 1 มี 3 ท่อน- ท่อนแรกคือ เอส 1 มีเครื่องยนต์ H-1 จำนวน 8 ตัว ให้แรงขับดัน ประมาณ 6.7 เมกกะนิวตัน (1,500,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 150 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้คือ RP-1 (Rocket Propellant-1 or Refined Petroleum-1 ) หรือออกซิเจนเหลว - ท่อนที่สอง คือ S-IV มีเครื่องยนต์ RL-10 จำนวน 6 ตัวให้แรงขับดันประมาณ 400 กิโลนิวตัน (90,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 482 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้คือ LH2 หรือ ไฮโดรเจนเหลว กับ ออกซิเจนเหลว - ท่อนที่สาม คือ S-V (Centaur-C) มีเครื่องยนต์ RL-10 จำนวน 2 ตัว ให้แรงขับดัน ประมาณ 133 กิโลนิวตัน(30,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 430 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงเดียวกับท่อนที่ 2 จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตขึ้นมา 10 ลำ มีรหัส SA-1 ถึง SA-10 ยิงขึ้นและประสบความสำเร็จทั้ง 10 ลำ ระหว่าง ค.ศ. 1961 - ค.ศ. 1965 ก่อนที่จะถูกพัฒนาไปเป็นจรวดแซตเทิร์น 1 บี ต่อไป
จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตขึ้นมา 10 ลำ ในช่วงปี ค.ศ. 1961 - ค.ศ. 1965 ผลิตโดยบริษัทใด
{ "answer": [ "ไครสเลอร์" ], "answer_begin_position": [ 347 ], "answer_end_position": [ 356 ] }
1,792
197,448
จรวดแซตเทิร์น 1 จรวดแซตเทิร์น 1 () ถือว่าเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่การสำรวจอวกาศอย่างแท้จริง เพราะเป็นจรวดนำส่งยานอวกาศเข้าสู่วงโคจรของโลกได้ และเป็นตัวพัฒนาต่อไปเป็น จรวดแซตเทิร์น 5 ที่นำยานอพอลโลไปสู่ดวงจันทร์ข้อมูล ข้อมูล. จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตโดยบริษัทไครสเลอร์สามารถบรรทุกของหนัก 9000 กิโลกรัม เข้าสู่วงโคจรรอบโลกระดับต่ำ หรือ ภาษาอังกฤษ:Low Earth Orbit (LEO) คือที่ความสูงประมาณ 160 - 2000 กิโลเมตร (100 - 1,240 ไมล์) เหนือพื้นโลกหรือของที่หนัก 2200 กิโลกรัม ที่สามารถหลุดพ้นโรงดึงดูดของโลกได้ จรวดแซตเทิร์น 1 มี 3 ท่อน- ท่อนแรกคือ เอส 1 มีเครื่องยนต์ H-1 จำนวน 8 ตัว ให้แรงขับดัน ประมาณ 6.7 เมกกะนิวตัน (1,500,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 150 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้คือ RP-1 (Rocket Propellant-1 or Refined Petroleum-1 ) หรือออกซิเจนเหลว - ท่อนที่สอง คือ S-IV มีเครื่องยนต์ RL-10 จำนวน 6 ตัวให้แรงขับดันประมาณ 400 กิโลนิวตัน (90,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 482 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้คือ LH2 หรือ ไฮโดรเจนเหลว กับ ออกซิเจนเหลว - ท่อนที่สาม คือ S-V (Centaur-C) มีเครื่องยนต์ RL-10 จำนวน 2 ตัว ให้แรงขับดัน ประมาณ 133 กิโลนิวตัน(30,000 ฟุตปอนด์) ใช้เวลาเผาใหม้ราว 430 วินาที เชื้อเพลิงที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงเดียวกับท่อนที่ 2 จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตขึ้นมา 10 ลำ มีรหัส SA-1 ถึง SA-10 ยิงขึ้นและประสบความสำเร็จทั้ง 10 ลำ ระหว่าง ค.ศ. 1961 - ค.ศ. 1965 ก่อนที่จะถูกพัฒนาไปเป็นจรวดแซตเทิร์น 1 บี ต่อไป
จรวดแซตเทิร์น 1 ผลิตโดยบริษัทไครสเลอร์สามารถบรรทุกของหนักได้กี่กิโลกรัม
{ "answer": [ "9000 กิโลกรัม" ], "answer_begin_position": [ 376 ], "answer_end_position": [ 389 ] }
1,327
48,524
เอจิ โยะชิกะวะ เอจิ โยะชิกะวะ () นักประพันธ์ชาวญี่ปุ่น ผู้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้งในวงการวรรณกรรมญี่ปุ่น และทั่วโลก มีชื่อจริงว่า ฮิเดสึงุ โยชิคาวะ () เกิดในปี ค.ศ. 1892 ที่เขตคุรากิ (ปัจจุบันคือ โยโกฮาม่า) จังหวัดคานางาว่า (Kanagawa Prefecture) ใกล้กับกรุงโตเกียว เริ่มเข้าสู่วงการนักเขียนเมื่ออายุ 22 ปี ช่วงอายุ 30-40 ปี เขาทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์พร้อมๆ กับทำงานเขียนต่างๆ และนวนิยายไปด้วย ผลงานของเขาถูกตีพิมพ์ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารชื่อดังต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1962 ด้วยโรคมะเร็งปอด เอจิ โยะชิกะวะ ก็กลายเป็นนักเขียนที่มีคนรู้จักและเป็นที่รักที่สุดคนหนึ่งของวงการวรรณกรรมญี่ปุ่น เขาเคยได้รับเหรียญรางวัลด้านวัฒนธรรมซึ่งนับเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับคนในวงการนักเขียน และยังได้รับรางวัลอื่นๆ ทางด้านวัฒนธรรมอีกหลายรางวัล ผลงานที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถูกนำมาแปลในอีกหลายภาษา และถูกดัดแปลงนำมาสร้างผ่านสื่อต่างๆ หลากหลายทั้ง ภาพยนตร์, เกม และ การ์ตูน ก็คือผลงานชุด "มุซาชิ (Musashi) "ผลงานของ เอจิ โยะชิกะวะนวนิยายชุด "Musashi (1971) "ผลงานของ เอจิ โยะชิกะวะ. นวนิยายชุด "Musashi (1971) ". - ลำดับที่ 1 Musashi : The Way of the Samurai (1989) - ลำดับที่ 2 Musashi : The Art of War (1989) - ลำดับที่ 3 Musashi : The Way of the Sword (1989) - ลำดับที่ 4 Musashi : The Bushido Code (1989) - ลำดับที่ 5 Musashi : The Way of Life and Death (1989)นวนิยายนวนิยาย. - The Heike Story (1956) - Taiko (1967)ไม่ใช่นวนิยายไม่ใช่นวนิยาย. - Fragments of a Past: A Memoir
เอจิ โยะชิกะวะ เป็นนักประพันธ์ชนชาติใด
{ "answer": [ "ญี่ปุ่น" ], "answer_begin_position": [ 134 ], "answer_end_position": [ 141 ] }