title
stringlengths
8
870
text
stringlengths
0
298k
__index_level_0__
int64
0
54.3k
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 5 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ที่ นร 1004/ว 5 สํานักงาน ก.พ. \\ ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 24 กรกฎาคม พ.ศ.2563 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 1 ลงวันที่ 26 มกราคม 2561 สิ่งที่ส่งมาด้วย คู่มือปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่ ก.พ. รับรอง อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนต่าง ๆ ที่ ก.พ. รับรอง เพื่อส่วนราชการทราบและใช้ประโยชน์ในการบริหาร ทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเพิ่มเติมจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ซึ่งส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1921-7 โทรสาร 0 2547 1954
6,049
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 6 เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกำหนดอัตรากำลังแทนสำหรับส่วนราชการที่ส่งข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการรูปแบบเฉพาะ
ที่ นร 1008/ว 6 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 6 สิงหาคม 2563 เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกําหนดอัตรากําลังแทนสําหรับส่วนราชการที่ส่งข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการรูปแบบเฉพาะ เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกําหนดอัตรากําลังแทนสําหรับส่วนราชการที่ส่งข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการรูปแบบเฉพาะ อื่นๆ - ด้วยปัจจุบันมีส่วนราชการรูปแบบเฉพาะ เช่น กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และสํานักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สํานักงาน ป.ย.ป.) เป็นต้น ที่มีลักษณะเชิงโครงสร้างแบบผสมผสานจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีบทบัญญัติของกฎหมายกําหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการรูปแบบเฉพาะตามที่หัวหน้าส่วนราชการรูปแบบเฉพาะนั้น ๆ ร้องขอ และให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลหรือองค์กรอื่นที่มีอํานาจหน้าที่ทํานองเดียวกันของหน่วยงานของรัฐนั้น จัดให้มีอัตรากําลังแทนตามความจําเป็น แต่ไม่เกินจํานวนอัตรากําลังที่จัดส่งไป ซึ่งการดําเนินการดังกล่าวยังไม่เคยมีหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติมาก่อน บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกําหนดอัตรากําลังแทนสําหรับส่วนราชการที่ส่งข้าราชการไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการรูปแบบเฉพาะ เพื่อให้ส่วนราชการได้ใช้เป็นกรอบแนวทางในการบริหารทรัพยากรบุคคลที่กําหนดเป็นอัตรากําลังแทนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน กลุ่มให้คําปรึกษาแนะนําที่ 4 (สํานักนายกรัฐมนตรี) โทร 0 2547 1000 ต่อ 6624 (กรุณา)และ 6603 (อัจฉรา) โทรสาร 0 2547 1437
6,050
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 7 เรื่อง การปรับปรุงรายชื่อส่วนราชการตามหลักเกณฑ์การให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้
ที่ นร 1004/ว 7 สํานักงาน ก.พ ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 เรื่อง การปรับปรุงรายชื่อส่วนราชการตามหลักเกณฑ์การให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1.หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 10 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2561 2.หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 1 ลงวันที่ 30 มกราคม 2563 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ก.พ. ได้กําหนดแนวทางการให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการ พร้อมแจ้งรายชื่อส่วนราชการที่บรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นแนวทางพิจารณาว่าหน่วยงานใดเป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งจะบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือบุคลากรประเภทอื่นที่มิใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ได้ปรับปรุงรายชื่อส่วนราชการดังกล่าว ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้รายชื่อส่วนราชการที่บรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีความถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป จึงปรับปรุงรายชื่อส่วนราชการดังกล่าวโดยให้ยกเลิก “ข้อ 18.10 สถาบันพระบรมราชชนก” ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 2 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว\\ ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1350 0 2547 1941 โทรสาร 0 2547 1954
6,051
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว 8 เรื่อง การปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ
ที่ นร 1013/ว 8 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 29 ธันวาคม พ.ศ.2563 เรื่อง การปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ และหน่วยของรัฐ สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ (Government Chief Information Officer Management Guideline) ฉบับปรับปรุง อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2541 ในส่วนของการแต่งตั้งผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงประจํากระทรวง ทบวง กรม นั้น บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 เห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงภาครัฐตามที่สํานักงาน ก.พ. เสนอ รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กระทรวง กรม จังหวัดคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร 0 2547 1808 โทรสาร 0 2547 1752
6,052
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 1 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ที่ นร 1004/ว 1 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 26 มกราคม พ.ศ.2561 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนสํานักงาน ก.พ. เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 21 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2554 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 5 ลงวันที่่ 7 พฤษภาคม 2558 3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 18 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 สิ่งที่ส่งมาด้วย คู่มือปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่ ก.พ. รับรอง จํานวน 1 เล่ม อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาีพของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ที่ ก.พ. รับรอง มาเพื่อส่วนราชการทราบและใช้ประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติอนุมัติคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเพิ่มเติมจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธีนี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1921 - 7 โทรสาร 0 2547 1954
6,053
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 2 เรื่อง การคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ที่สำเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ
ที่ นร 1004/ว 2 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 31 มกราคม พ.ศ.2561 เรื่อง การคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 10 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2553 สิ่งที่ส่งมาด้วย แบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ อื่นๆ ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (โครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน) ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ มาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน (โครงการทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น) ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้าสู่ระบบราชการมากขึ้น และส่วนราชการมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 1 (6) ของหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ก.พ. จึงมีมติกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ ดังนี้ 1. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือที่อ้างถึงข้างต้น 2. ให้ส่วนราชการดําเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ 2.1 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือก 1) ต้องเป็นผู้สําเร็จการศึกษาด้วยทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ซึ่งไม่รวมถึงผู้ที่หมดระยะเวลารับทุน ลาออกจากทุน หรือพ้นสภาพการเป็นนักเรียนทุน 2) ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 3) ต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งที่จะเข้ารับการคัดเลือก 4) กรณีสําเร็จการศึกษาจากต่างประเทศต้องผ่านการพิจารณารับรองคุณวุฒิจาก ก.พ. ก่อนวันที่บรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการ 2.2 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก 1) ให้ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นคณะหนึ่งประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หรือรองหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการ เป็นประธาน ผู้แทนหน่วยงานเจ้าของตําแหน่งซึ่งดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ เป็นกรรมการ ผู้ปฏิบัติงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นกรรมการและเลขานุการ 2) ให้คณะกรรมการคัดเลือกกําหนดวิธีการสรรหาและวิธีการคัดเลือก เกณฑ์การตัดสิน และดําเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือก ทั้งนี้ อาจพิจารณาดําเนินการคัดเลือกโดยวิธีการสอบข้อเขียน วิธีการสอบสัมภาษณ์ หรือวิธีอื่นใด วิธีหนึ่งหรือหลายวิธีก็ได้ตามความเหมาะสม และอาจตั้งกรรมการออกข้อสอบ กรรมการทดสอบการปฏิบัติงาน กรรมการสัมภาษณ์ หรือกรรมการอื่น หรือเจ้าหน้าที่ให้ดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ ก็ได้ตามความจําเป็น โดยเมื่อดําเนินการคัดเลือกแล้วเสร็จ ให้รายงานผลต่อผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 เพื่อพิจารณาต่อไป 3) เมื่อผู้มีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ได้พิจารณาเห็นสมควรที่จะบรรจุผู้ได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการแล้ว ก็ให้ดําเนินการสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งได้ 4) เมื่อส่วนราชการได้ดําเนินการบรรจุผู้ได้รับคัดเลือกแล้ว ให้รายงานสํานักงาน ก.พ. ทราบด้วย ทั้งนี้ ตามแบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้วเข้ารับราชการ (สิ่งที่ส่งมาด้วย) 2.3 เงื่อนไขในการคัดเลือก 1) ให้ส่วนราชการพิจารณาบรรจุผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาแล้ว ในท้องถิ่นของผู้นั้นหรือในท้องถิ่นที่ใกล้เคียงก่อน 2) กรณีผู้ได้รับทุนโครงการ 1 อําเภอ 1 ทุน ที่สําเร็จการศึกษาด้วยทุนดังกล่าว ได้ศึกษาต่อและสําเร็จการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ส่วนราชการอาจพิจารณาคัดเลือกให้บรรจุเข้ารับราชการด้วยคุณวุฒินั้นก็ได้ 3. การใดที่อยู่ระหว่างดําเนินการก่อนวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดไว้เดิมต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1941, 0 2547 1943 โทรสาร 0 2547 1954
6,054
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 3 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมการสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556
ที่ นร 1004/ว 3 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 15 กุมภาพันธ์ 2561 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมการสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การสรรหาโดยวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน และส่วนราชการบรรจุบุคคลได้ตรงตามความต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมโดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือที่อ้างถึง ดังนี้ 1. ยกเลิกความในข้อ 6 ของหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน ของหนังสือที่อ้างถึง 2. การแก้ไขเพิ่มเติมนี้ให้มีผลบังคับสําหรับการดําเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1941 0 2547 1943 โทรสาร 0 2547 1954
6,055
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 4 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561 และ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2561
ที่ นร 1008/ว 4 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 10 เมษายน พ.ศ.2561 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561 และ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2561 เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 2. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561 3. กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2561 อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 135 ตอนที่ 14 ก วันที่ 9 มีนาคม 2561 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2561 และ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2561 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 135 ตอนที่ 17 ก วันที่ 16 มีนาคม 2561 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6602 6618 โทรสาร 0 2547 1437
6,056
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1006/ว 5 เรื่อง การประเมินบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ
ที่ นร 1006/ว 5 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 27 เมษายน พ.ศ.2561 เรื่อง การประเมินบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 7 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2552 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 16 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2552 3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548 4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 15 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2560 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 ก.พ. กําหนดแนวทางดําเนินการเพื่อใช้ปฏิบัติในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตามบทเฉพาะกาลแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยกรณีการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ ให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตามหนังสือที่อ้างถึง 3 และต่อมาตามหนังสือที่อ้างถึง 4 ก.พ. มีมติให้เพิ่มอํานาจหน้าที่ของ อ.ก.พ. กรม ที่กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 3 ความแจ้งแล้ว นั้น ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548 ไม่ได้กําหนดเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลล่วงหน้าเพื่อแต่งตั้ง กรณีตําแหน่งที่จะว่าง แต่เพื่อเป็นการสนับสนุนการวางแผนกําลังคนของส่วนราชการให้มีผู้ปฏิบัติงานทดแทนในตําแหน่งที่จะว่างอย่างรวดเร็ว อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความคล่องตัวในการบริหารงานบุคคล และสร้างความต่อเนืื่องในการปฏิบัติราชการ ก.พ. จึงมีมติเห็นควรให้ อ.ก.พ. กรม สามารถพิจารณากําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ ในตําแหน่งที่จะว่างเนื่องจากผู้ดํารงตําแหน่งอยู่เดิมจะต้องพ้นจากราชการไปเพราะเกษียณอายุราชการได้ โดยให้ดําเนินการล่วงหน้าได้ไม่เกิน 6 เดือนนับถึงวันที่ 1 ตุลาคมของปีงบประมาณถัดไป ซึ่งเป็นวันที่ตําแหน่งจะว่าง เนื่องจากผู้ดํารงตําแหน่งอยู่เดิมนั้นจะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ กรณีที่ผู้นั้นต้องพ้นจากราชการไปก่อนเกษียณอายุราชการด้วยเหตุอื่น ก็ให้ถือว่าเป็นกรณีที่ตําแหน่งจะว่างเนื่องจากการเกษียณอายุราชการด้วย และต้องเปิดโอกาสให้บุคคลที่จะเข้ารับการคัดเลือกสามารถเข้ารับการคัดเลือกก่อนมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนภายในวันที่ตําแหน่งจะว่างดังกล่าวด้วย โดยต้องประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวให้ทราบล่วงหน้า จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักตรวจสอบและประเมินผลกําลังคน โทร. 0 2547 1671 โทร 0 2547 1603
6,057
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว 6 เรื่อง ทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล
ที่ นร 1013/ว 6 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 18 พฤษภาคม พ.ศ.2561 เรื่อง ทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด และหน่วยงานของรัฐภายใต้กํากับของคณะรัฐมนตรี) สิ่งที่ส่งมาด้วย ทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัลตามแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล อื่นๆ - ด้วยคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ได้พิจารณา เรื่อง แนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล แล้วมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สํานักงาน ก.พ. เสนอ และให้สํานักงาน ก.พ. ไปพิจารณาดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เพื่ออนุวัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึง คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจึงกําหนดทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ เพื่อให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรกลางบริหารงานบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรม จังหวัด และหน่วยงานของรัฐทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6945 โทรสาร 0 2547 1752
6,058
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 7 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่ง
ที่ นร 1008/ว 7 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 25 มิถุนายน พ.ศ.2561 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง เรียน (เวียนกระทรวง และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 2 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 11 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2558 3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 4 ลงวันที่ 10 เมษายน 2561 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ก.พ. ได้มีมติให้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ในส่วนของหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้ออกกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตําแหน่งและระดับตําแหน่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 และกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจําตําแหน่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2561 โดยได้แจ้งเวียนส่วนราชการแล้วตามหนังสือที่อ้างถึง 3 และเพื่อให้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ในส่วนของหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง สอดคล้องกับกฎ ก.พ. ทั้งสองฉบับดังกล่าวที่แก้ไขเพิ่มเติม ก.พ. จึงมีมติ ดังนี้ 1. ให้ยกเลิกความในข้อ 1.2.1 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยหนังสือที่อ้างถึง 2 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "1.2.1 หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมในสํานักนายกรัฐมนตรี และอยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้แก่ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ผู้อํานวยการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และเลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ" 2. ให้ยกเลิกความในข้อ 1.7.1 ในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยหนังสือที่อ้างถึง 2 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "1.7.1 ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมในสํานักนายกรัฐมนตรี และอยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้แก่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รองผู้อํานวยการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ รองผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และรองเลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ" จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร. 0 2547 1959 โทรสาร 0 2547 1437
6,059
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 8 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ
ที่ นร 1004/ว 8 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 9 สิงหาคม พ.ศ.2561 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 8 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐต่าง ๆ มาเพื่อส่วนราชการทราบและใช้ประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาแล้วพบว่า จากการที่ส่วนราชการนําหนังสือที่อ้างถึงไปปฏิบัติปรากฏว่ามีข้อความบางส่วนที่ทําให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ดังนั้น จึงขอยกเลิกข้อความในช่องหมายเหตุ คู่มือการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง ลําดับที่ 79 ซึ่งระบุว่า "หลักสูตร 2 ปี ต่อจากประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ 3 ปี ต่อจากมัธยมศึกษาตอนปลาย เริ่มใช้ปีการศึกษา 1/2557" จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1921 - 7 โทรสาร 0 2547 1954
6,060
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 9 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ
ที่ นร 1004/ว 9 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 9 ตุลาคม พ.ศ.2561 เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 8 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 8 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 สิ่งที่ส่งมาด้วย คู่มือปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ ที่ ก.พ. รับรอง อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 สํานักงาน ก.พ. ได้นําส่งรายชื่อปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐต่าง ๆ ที่ ก.พ. รับรอง เพื่อส่วนราชการทราบและได้ใช้ประโยชน์ในการบริหาร ทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 แจ้งยกเลิกข้อความในช่องหมายเหตุของคู่มือการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐที่ ก.พ. รับรอง ลําดับที่ 79 ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณามีมติรับรองคุณวุฒิของผู้ได้รับปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐเพิ่มเติมจากที่กําหนดไว้ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วยซึ่งส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1921-7 โทรสาร 0 2547 1954
6,061
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 10 เรื่อง การให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการ
ที่ นร 1004/ว 10 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 9 ตุลาคม พ.ศ.2561 เรื่อง การให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) สิ่งที่ส่งมาด้วย แนวทางการให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการ อื่นๆ - ด้วยปัจจุบันมีหน่วยงานของรัฐขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อใช้บรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการหรือบุคลากรภาครัฐประเภทอื่น ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการเป็นไปอย่างคุ้มค่าซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาครัฐโดยรวม และเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้สอบแข่งขันได้ในการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือบุคลากรภาครัฐประเภทอื่น รวมทั้งเพื่อให้ส่วนราชการมีแนวทางดําเนินการที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กําหนดแนวทางการให้หน่วยงานของรัฐอื่นใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของส่วนราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อนําไปบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการหรือบุคลากรภาครัฐประเภทอื่น รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วยซึ่งส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร 0 2547 0 2547 1941 โทรสาร 0 2547 1954
6,062
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1019/ว 1 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมประจำส่วนราชการ
ที่ นร 1019/ว 1 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 8 มกราคม 2562 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมประจําส่วนราชการ เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1013.7/ว 32 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2552 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1013.7/ว 6 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 สิ่งที่ส่งมาด้วย คู่มือการแต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมประจําส่วนราชการ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 กําหนดให้ ก.พ. แต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมประจําส่วนราชการตามข้อเสนอของหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อควบคุม กํากับให้มีการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม และตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ก.พ. ได้มีมติกําหนดวาระการดํารงตําแหน่ง การพ้นจากตําแหน่ง และการแต่งตั้งคณะกรรมการจริยธรรมมาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า คณะกรรมการจริยธรรมประจําส่วนราชการเป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนงานด้านจริยธรรมของส่วนราชการ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลไกคณะกรรมการจริยธรรม จึงอาศัยอํานาจตามความในข้อ 13 (1) ของประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน โดยมีมติให้การเสนอรายชื่อคณะกรรมการจริยธรรมของส่วนราชการต้องทําการประเมินคุณสมบัติทางจริยธรรม รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม โทร. 0 2547 2023 โทรสาร 0 2547 1727
6,063
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 2 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานปฏิบัติงานช่างทันตกรรม
ที่ นร 1008/ว 2 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 17 มกราคม พ.ศ.2562 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานปฏิบัติงานช่างทันตกรรม เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 10 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 สิ่งที่ส่งมาด้วย มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานปฏิบัติงานช่างทันตกรรม ตําแหน่งช่างทันตกรรมระดับปฏิบัติงาน และระดับชํานาญงาน อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งมาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จํานวน 245 สายงาน มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานปฏิบัติงานช่างทันตกรรม ตําแหน่งช่างทันตกรรม ระดับปฏิบัติงาน และระดับชํานาญงาน โดยกําหนดให้เพิ่มคุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาช่างทันตกรรม ในสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ทางช่างทันตกรรม ซึ่งมีระยะเวลาการศึกษาไม่น้อยกว่า 2 ปี ต่อจากมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6679 โทรสาร 0 2547 1074
6,064
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว3 เรื่อง แนวทางการดำเนินการกรณีข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่ได้รับการพัฒนาภายในระยะเวลาที่กำหนด
ที่ นร 1013/ว3 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 5 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่อง แนวทางการดําเนินการกรณีข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่ได้รับการพัฒนาภายในระยะเวลาที่กําหนด เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1013.5/ว 4 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2560 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง สํานักงาน ก.พ. ได้แจ้งให้ส่วนราชการใช้แนวทางการดําเนินการพัฒนาและการประเมินผลการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ได้ปรับปรุงใหม่ สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญที่บรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป โดยดําเนินการพัฒนาข้าราชการพลเรือนสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ครบทั้ง 3 กระบวนการ ภายในระยะเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ส่วนราชการกําหนด ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ข้าราชการในส่วนราชการบางแห่งที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาในกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง หลักสูตร e – Learning รหัส “001M หลักสูตรฝึกอบรมข้าราชการบรรจุใหม่” ตามแนวทางดังกล่าว ภายในระยะเวลา 1 ปี ได้รับการพัฒนาตามที่กําหนดในกฎ ก.พ. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการพัฒนาข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. 2553 จึงมีมติให้ส่วนราชการใดที่ตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 มีข้าราชการในสังกัดที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ และยังไม่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง หลักสูตร e – Learning ภายในระยะเวลาที่กําหนดตามกฎ ก.พ. ให้ส่วนราชการนั้น แจ้งให้สํานักงาน ก.พ. พิจารณาเหตุผลความจําเป็นของข้าราชการแต่ละราย และขยายระยะเวลาการพัฒนาในกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง หลักสูตร e – Learning ตามความเหมาะสม แต่ไม่เกิน30 วัน นับแต่วันที่สํานักงาน ก.พ. แจ้งผลการพิจารณา ในการนี้ สํานักงาน ก.พ. ขอความร่วมมือส่วนราชการในการกํากับดูแล และเร่งรัดให้ข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเข้ารับการพัฒนาในทุกกระบวนการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน หรือตามระยะเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ส่วนราชการกําหนดเพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร. 0 2547 1796 โทรสาร 0 2547 1783
6,065
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012.1/ว4 เรื่อง การปรับปรุงบัญชีตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนดให้เป็นตำแหน่งที่ได้รับราชการต่อไป ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป พ.ศ. 2552
ที่ นร 1012.1/ว4 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 8 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่อง การปรับปรุงบัญชีตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนดให้เป็นตําแหน่งที่ได้รับราชการต่อไป ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป พ.ศ. 2552 เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 24 ลงวันที่ 18 กันยายน 2552]] สิ่งที่ส่งมาด้วย บัญชีตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนดให้เป็นตําแหน่งที่ได้รับราชการต่อไป (เพิ่มเติม) อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งบัญชีตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนดให้เป็นตําแหน่งที่ได้รับราชการต่อไป มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ปรับปรุงบัญชีตําแหน่งที่ ก.พ. กําหนดให้เป็นตําแหน่งที่ได้รับราชการต่อไป ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป พ.ศ. 2552 โดยกําหนดให้เพิ่มเติมสายงานในบัญชีตําแหน่ง รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล โทร. 0 2547 1848 โทรสาร 0 2547 1868
6,066
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว5 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งประเภทอำนวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่
ที่ นร 1008/ว5 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 20 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 20 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งในส่วนที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ และปรับปรุงหลักเกณฑ์การยกเว้นการยุบเลิกตําแหน่ง (เพิ่มเติม) และแนวทางการจัดทําแผนการกําหนดตําแหน่งเพื่อปรับปรุงการกําหนดตําแหน่งเป็นระดับสูงขึ้นของส่วนราชการ รวมทั้งเพิ่มเติมอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการการกําหนดตําแหน่งระดับสูงของกระทรวง มาเพื่อให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ มีความสอดคล้องกับหลักการมอบอํานาจการแบ่งส่วนราชการภายในกรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ก.พ. จึงมีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่งกรณีดังกล่าว เพื่อให้มีความชัดเจนและครอบคลุมการดําเนินการของส่วนราชการยิ่งขึ้น โดยยกเลิกหลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ ที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ของหนังสือที่อ้างถึง และให้ใช้หลักเกณฑ์การกําหนดตําแหน่งประเภทอํานวยการ กรณีที่ส่วนราชการมีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการใหม่ ที่กําหนดในสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือฉบับนี้แทน ซึ่งส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร 0 2547 1000 ต่อ 6646,6613 โทรสาร 0 2547 1437
6,067
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 6 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
ที่ นร 1003/ว 6 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 7 มีนาคม 2562 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 42 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 4 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2554 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 และ 2 แจ้งมติ ก.พ. กําหนดให้นําระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ที่ได้ปรับปรุงใหม่มาใช้สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อให้ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ อันจะส่งผลให้สามารถเติบโตเป็นข้าราชการระดับสูงได้อย่างมีคุณภาพในเวลาที่เหมาะสม ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 258 ข. (3) และ (4) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนปฏิรูปด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ก.พ. จึงมีมติให้ปรับปรุงกระบวนการ สรรหาและคัดเลือกข้าราชการเพื่อเข้าสู่ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง โดยให้ยกเลิกกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลในระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ในส่วนของการสรรหาและการคัดเลือกดังปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึง 1 ข้อ 1 และ ข้อ 2 เป็นดังนี้ 1. การสรรหา 1.1 วิธีการสรรหา มี 2 วิธี ดังนี้ 1) ผู้บังคับบัญชาระดับต้นที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานเป็นผู้เสนอรายชื่อข้าราชการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กําหนดต่อผู้บังคับบัญชาระดับสํานัก กองหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักหรือกอง เพื่อให้ความเห็นชอบ 2) ข้าราชการผู้มีคุณสมบัติตรงตามที่กําหนดสมัครด้วยตนเอง โดยผู้บังคับบัญชาระดับสํานัก กองหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสํานักหรือกองให้ความเห็น 1.2 คุณสมบัติของผู้เข้ารับการคัดเลือก 1) เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ หรือระดับชํานาญการ (1) กรณีบรรจุและแต่งตั้งด้วยคุณวุฒิปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ ในระดับเดียวกัน ต้องมีอายุราชการไม่น้อยกว่าสองปี หรือ (2) กรณีบรรจุและแต่งตั้งด้วยคุณวุฒิปริญญาโทหรือปริญญาเอก หรือคุณวุฒิ อย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ต้องมีอายุราชการไม่น้อยกว่าหนึ่งปี หรือ (3) กรณีได้รับคุณวุฒิปริญญาโท หรือปริญญาเอกที่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งเพิ่มขึ้น ต้องมีอายุราชการตาม (2) 2) ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการในส่วนราชการเจ้าสังกัดอย่างน้อย 1 ปี 3) มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และมีผลการปฏิบัติราชการในรอบปีที่ผ่านมา โดยในแต่ละรอบอยู่ในระดับดีมากขึ้นไป 4) มีความรู้ และทักษะทางภาษาอังกฤษในระดับดีมาก และทางคอมพิวเตอร์ในระดับ ที่ใช้งานได้ดี 5) เป็นผู้ที่มีศักยภาพที่เหมาะสมสําหรับการพัฒนา 6) เป็นผู้มีความประพฤติดี ปฏิบัติตนอยู่ในจรรยาและระเบียบวินัย ทั้งนี้ อ.ก.พ. กรม คณะกรรมการที่ อ.ก.พ. กรมแต่งตั้ง หรือคณะกรรมการที่หัวหน้า ส่วนราชการแต่งตั้ง แล้วแต่กรณี อาจประกาศกําหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการคัดเลือกเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม 2. การคัดเลือก 2.1 ให้ส่วนราชการพิจารณาว่าจะให้ อ.ก.พ. กรม คณะกรรมการที่ อ.ก.พ. กรมแต่งตั้ง หรือคณะกรรมการที่หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งเป็นผู้ดําเนินการคัดเลือก ในกรณีที่เป็นการคัดเลือก โดยคณะกรรมการที่หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้ง คณะกรรมการดังกล่าวต้องประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ หรือรองหัวหน้าส่วนราชการเป็นประธานคณะกรรมการ และกรรมการต้องแต่งตั้งจากผู้ดํารงตําแหน่ง ประเภทบริหาร หรือตําแหน่งประเภทอํานวยการที่กํากับดูแลงานนโยบายและยุทธศาสตร์ และ/หรือผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญขึ้นไปของส่วนราชการ ทั้งนี้ อาจแต่งตั้งกรรมการอื่นเพิ่มเติม ตามที่เห็นสมควรได้ 2.2 ให้คณะกรรมการตามข้อ 2.1 ดําเนินการคัดเลือกจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อหรือ ผู้ที่สมัครด้วยตนเอง โดยจํานวนข้าราชการที่ได้รับการคัดเลือก เมื่อรวมกับจํานวนข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงที่มีอยู่แล้ว จะต้องไม่เกินจํานวนตําแหน่งประเภทบริหาร ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิของส่วนราชการนั้น ๆ รวมกัน และให้ประกาศผลการคัดเลือกให้ทราบทั่วกัน และให้รายงานผลการคัดเลือกต่อ อ.ก.พ. กรมเพื่อทราบ 2.3 ให้ส่วนราชการแจ้งผลการคัดเลือกข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงของส่วนราชการ พร้อมรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้สํานักงาน ก.พ. รวมทั้งปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล และสถานภาพการเป็นข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงในระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการในเดือนสิงหาคมของทุกปี 2.4 ให้ข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงมีหน้าที่ในการให้ข้อมูล และรายงานผลงานในระบบสารสนเทศทรัพยากรของกลุ่มกําลังคนคุณภาพ (Talent Inventory Profiles) จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ.
6,068
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 7 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานชีววิทยารังสี
ที่ นร 1008/ว 7 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 11 มีนาคม 2562 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานชีววิทยารังสี เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 10 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 สิ่งที่ส่งมาด้วย มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานชีววิทยารังสี ตําแหน่งนักชีววิทยารังสี ระดับปฏิบัติการ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งมาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จํานวน 245 สายงาน มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานชีววิทยารังสี ตําแหน่งนักชีววิทยารังสี ระดับปฏิบัติการ โดยกําหนดให้เพิ่มเติมคุณวุฒิสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล สาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ ทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล และสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ทางการประมง ทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง และตัดคุณวุฒิสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ทางกีฏวิทยา ทางโรคพืชวิทยา ออกจากคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งสายงานชีววิทยารังสี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6656 โทรสาร 0 2547 1074
6,069
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 55/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 55/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 32/14/62 | 40,000 | 8 สิงหาคม 2562 | 13/8/62 – 27/8/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,070
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 56/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 56/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 33/14/62 | 40,000 | 16 สิงหาคม 2562 | 20/8/62 – 3/9/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,071
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นร 1011/ว 8 เรื่อง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562
นร 1011/ว 8 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 17 เมษายน พ.ศ.2562 เรื่อง พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) สิ่งที่ส่งมาด้วย พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 อื่นๆ - ด้วยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่43 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2562 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักมาตรฐานวินัย โทร 02547 1628 โทรสาร 0 2547 1625
6,072
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 57/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยในการคำนวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 57/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 -------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคา สําหรับพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ที่จะประมูลในวันที่ 16 สิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามกําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 ที่จะเปิดประมูลพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ในวันที่ 16 สิงหาคม 2562 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเพื่อใช้ในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวในวันที่ 14 สิงหาคม นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวเพื่อใช้สําหรับช่วงวันชําระเงินถึงวันจ่ายดอกเบี้ยงวดหลังจากวันปิดสมุดทะเบียน (I1) และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (I2) เท่ากับร้อยละ 1.62536 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,073
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว 9 เรื่อง แผนปฏิบัติการด้านการสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ พ.ศ. 2561 - 2565
ที่ นร 1013/ว 9 สํานัก ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 28 พฤษภาคม 2562 เรื่อง แผนปฏิบัติการด้านการสร้างและพัฒนากําลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ พ.ศ. 2561 - 2565 เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐ) อ้างถึง หนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว600 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2560 สิ่งที่ส่งมาด้วย แผนปฏิบัติการด้านการสร้างและพัฒนากําลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ พ.ศ. 2561 - 2565 และหนังสือที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ - ด้วยคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2562 มีมติรับทราบมาตรฐานการสร้างและพัฒนากําลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ซึ่งเป็นแผนระดับที่ 3 ตามที่สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินําเสนอ โดยขอให้ปรับชื่อแผนให้เป็นไปตามแนวทางการเสนอแผนระดับที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึง รวมทั้งให้ทบทวนการกําหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการพัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ สํานักงาน ก.พ. จึงขอนําส่งแผนปฏิบัติการด้านการสร้างและพัฒนากําลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อการไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ พ.ศ. 2561 - 2565 รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย มาเพื่อหน่วยงานของท่านใช้เป็นแนวทางในการสร้างและพัฒนากําลังคนภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กําหนดและสอดคล้องกับบริบทการพัฒนาประเทศตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กระทรวง กรม จังหวัด คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่าง ๆ และหน่วยงานของรัฐทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร. 0 2547 1808 โทรสาร 0 2547 1752
6,074
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 58/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจำเดือนสิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 58/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนสิงหาคม 2562 --------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนสิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนสิงหาคม 2562 (รุ่นที่ 3/2ปี/2562) โดยจะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) ในวันที่ 20 สิงหาคม 2562 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 2/3ปี/2562 ที่จะประมูลในวันที่ 22 สิงหาคม 2562 เท่ากับร้อยละ 1.43 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,075
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 10 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานวิศวกรรมการเกษตร
ที่ นร 1008/ว 10 สํานัก ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 18 มิถุนายน 2562 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิศวกรรมการเกษตร เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 10 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 สิ่งที่ส่งมาด้วย มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิศวกรรมการเกษตร ตําแหน่งวิศวกรการเกษตร ระดับปฏิบัติการ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งมาตรฐานกําหนดตําแหน่งตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จํานวน 245 สายงาน มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิศวกรรมการเกษตร ตําแหน่งวิศวกรการเกษตร ระดับปฏิบัติการ โดยเพิ่มเติมคุณวุฒิการศึกษาในสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ทางวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์ เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร 0 2547 1000 ต่อ 6601 6630 โทรสาร 0 2547 1437
6,076
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 59/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 59/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 34/14/62 | 40,000 | 23 สิงหาคม 2562 | 27/8/62 – 10/9/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,077
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 11 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปลี่ยนชื่อตำแหน่งในสายงาน
ที่ นร 1008/ว 11 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 18 มิถุนายน 2562 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงาน เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 2 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 สิ่งที่ส่งมาด้วย บัญชีชื่อตําแหน่งในสายงานแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานบริการทางการแพทย์ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารงานทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการสอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไปและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงมีมติให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงาน โดยแก้ไขความตามสิ่งที่ส่งมาด้วยของหนังสือที่อ้างถึงในหลักเกณฑ์การเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงาน ที่กําหนดว่า “3. ไม่เป็นการเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงานแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานบริการทางการแพทย์” เป็น “3. ให้ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงานแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานบริการทางการแพทย์จากสายงานหนึ่งเป็นอีกสายงานหนึ่งได้ตามบัญชีชื่อตําแหน่งในสายงานแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานบริการทางการแพทย์ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 1) ต้องคํานึงถึงทิศทางนโยบายของประเทศหรือกระทรวง รวมถึงบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 2) ต้องแสดงผลของงานที่จะเพิ่มขึ้นหรือที่จะลดลงเมื่อมีการเปลี่ยนสายงานซึ่งสอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงหรือกรม 3) ส่วนราชการต้องจัดทําแผนการเปลี่ยนชื่อตําแหน่งในสายงานแพทย์และสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานบริการทางการแพทย์ ระยะ 5 ปี ของส่วนราชการ เสนอ อ.ก.พ. กระทรวง เพื่อพิจารณาด้วย 4) ต้องไม่เป็นเหตุในการขอรับการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ทั้งนี้ ในกรณีที่ อ.ก.พ. กระทรวง มีมติเป็นประการใดแล้วให้ส่งสําเนามติดังกล่าวให้สํานักงาน ก.พ. สํานักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง ทราบ ภายใน 7 วันทําการ นับแต่วันที่แจ้งมติให้ส่วนราชการทราบ”โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน โทร. 02547 1395 โทรสาร 0 2547 1074
6,078
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 60/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สำหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 สิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 60/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 สิงหาคม 2562 ---------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 สิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 สิงหาคม 2562 เท่ากับร้อยละ 1.52569 ต่อปี (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ (BIBOR) ระยะ 3 เดือน ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ลบร้อยละ 0.1) อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,079
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 12 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ที่ นร 1004/ว สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 2 กรกฎาคม 2562 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาโดยการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2556 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การสรรหาโดยวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสรรหาและเลือกสรรได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีความสนใจเกี่ยวกับภาคราชการ และตระหนักในพื้นฐานการเป็นข้าราชการที่ดี จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตามหนังสือที่อ้างถึง ดังนี้ 1. ยกเลิกความในข้อ 2.4 และ 2.5 ของหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแข่งขันของหนังสือที่อ้างถึง และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “2.4 การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป เป็นการสอบข้อเขียนหรือสอบโดยวิธีอื่นในทํานองเดียวกันในวิชา ดังต่อไปนี้ 2.4.1 วิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) เป็นการทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ครอบคลุมประเด็นดังนี้ (1) การคิดวิเคราะห์เชิงภาษา ได้แก่ การใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ความเข้าใจในการอ่านภาษาไทย การจับใจความสําคัญ การสรุปความ การตีความจากบทความ ข้อความหรือสถานการณ์ต่าง ๆ (2) การคิดวิเคราะห์เชิงนามธรรม ได้แก่ การคิดหาความสัมพันธ์เชื่อมโยงคํา ข้อความ หรือรูปภาพ ตลอดจนการหาข้อสรุปอย่างสมเหตุสมผลจากข้อความ สัญลักษณ์ รูปภาพ สถานการณ์หรือแบบจําลองต่าง ๆ และ (3) การคิดวิเคราะห์เชิงปริมาณ ได้แก่ ความเข้าใจ ความคิดรวบยอด และแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เบื้องต้น การเปรียบเทียบและวิเคราะห์เชิงปริมาณ ตลอดจนการประเมินความเพียงพอของข้อมูล 2.4.2 วิชาภาษาอังกฤษ (คะแนนเต็ม 50 คะแนน) เป็นการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษเพื่อวัดความเข้าใจในหลักการสื่อสาร โดยใช้ศัพท์ สํานวน โครงสร้างประโยคที่เหมาะสม ทั้งในเชิงความหมาย และบริบท แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การวัดความสามารถด้านการอ่าน โดยทดสอบการทําความเข้าใจในสาระของข้อความหรือบทความ และการวัดความสามารถด้านการเขียนภาษาอังกฤษ ในระดับเบื้องต้น 2.4.3 วิชาความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี (คะแนนเต็ม 50 คะแนน) เป็นการทดสอบความรู้ที่เป็นพื้นฐานของการเป็นข้าราชการที่ดี ความรู้ดังกล่าว ได้แก่ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง หน้าที่และความรับผิดในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตลอดจนเจตคติและจริยธรรมสําหรับข้าราชการ 2.5 ให้สํานักงาน ก.พ. เป็นผู้จัดให้มีการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตาม 2.4 และตรวจคําตอบ ผู้สอบวิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ต้องได้คะแนนรวมไม่ต่ํากว่าร้อยละ 60 สําหรับระดับต่ํากว่าปริญญาตรีและปริญญาตรี หรือไม่ต่ํากว่าร้อยละ 65 สําหรับระดับปริญญาโท วิชาภาษาอังกฤษ ต้องได้คะแนนไม่ต่ํากว่าร้อยละ 50 และวิชาความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี ต้องได้คะแนนไม่ต่ํากว่าร้อยละ 60 หรือตามที่ ก.พ. กําหนดของแต่ละระดับวุฒิการศึกษา จึงจะถือว่าเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงหลักวิชาการวัดผล ผู้เข้าสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปที่มีหลักฐานรับรองผลการทดสอบภาษาอังกฤษที่ยังไม่หมดอายุการรับรองผลการทดสอบจาก TOEFL (ไม่รวม TOEFL ITP) TOEIC IELTS CU TEP และ TU GET ตามเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดในตารางแนบท้ายหลักเกณฑ์นี้ ให้ถือเสมือนว่าเป็นผู้สอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษตาม 2.4.2 ในการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปในครั้งนั้น” 2. การแก้ไขเพิ่มเติมนี้ให้มีผลบังคับสําหรับการดําเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป 3. ให้ผู้สอบผ่านภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ตามหนังสือรับรองผลการสอบผ่านภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของ ก.พ. หรือผู้สอบผ่านการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามหนังสือรับรองผลการสอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไปของสํานักงาน ก.พ. ที่ออกให้ก่อนวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือฉบับนี้ใช้บังคับ เป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือฉบับนี้ด้วย 4. การใดที่อยู่ระหว่างดําเนินการตามหนังสือที่อ้างถึงก่อนวันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือฉบับนี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามหนังสือที่อ้างถึงต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 247 1350 0 2547 1941 โทรสาร 0 2547 1954
6,080
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 61/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 61/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนสิงหาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 35/14/62 | 40,000 | 30 สิงหาคม 2562 | 3/9/62 – 17/9/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,081
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1013/ว13 เรื่อง หลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงและผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. รับรอง
ที่ นร 1013/ว13 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 2 กรกฎาคม 2562 เรื่อง หลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงและผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. รับรอง เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1013.1/43 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงและผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. รับรอง อื่นๆ - ตามที่มาตรฐานกําหนดตําแหน่งประเภทบริหารได้กําหนดคุณสมบัติเฉพาะตําแหน่งไว้ประการหนึ่งว่า “ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสํานักงาน ก.พ. หรือผ่านการอบรมหลักสูตรใด ๆ ที่ ก.พ. พิจารณาให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเสมือนได้ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสํานักงาน ก.พ. ...” และตามหนังสือที่อ้างถึงสํานักงาน ก.พ. ได้แจ้งส่วนราชการทราบมติ ก.พ. ที่ได้เห็นชอบให้การรับรองหลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงและผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติเห็นชอบให้การรับรองหลักสูตรการฝึกอบรมนักบริหารระดับสูงและผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงที่จัดโดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นที่ ก.พ. พิจารณาให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเสมือนได้ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของสํานักงาน ก.พ. เพิ่มเติม รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน โทร. 0 2547 1000 ต่อ 1775 1757 6944 โทรสาร 0 2547 2049
6,082
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 62/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 62/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 ------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 ดังนี้ | | | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ | | 36/92/62 | - | 35,000 | 3 ก.ย 62 | 5 ก.ย 62 | 6 ธ.ค. 63 | 92 วัน | 92 วัน | | 96/182/62 | - | 40,000 | 3 ก.ย 62 | 5 ก.ย 62 | 5 มี.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 7/364/62 | - | 50,000 | 3 ก.ย 62 | 5 ก.ย 62 | 3 ก.ย. 63 | 364 วัน | 364 วัน | | 3/2ปี/2562 | 1.43 | 35,000 | 5 ก.ย 62 | 9 ก.ย 62 | 26 ส.ค. 64 | 2 ปี | 1.96 ปี | | 37/91/62 | - | 35,000 | 10 ก.ย 62 | 12 ก.ย 62 | 12 ธ.ค. 62 | 91 วัน | 91 วัน | | 37/182/62 | - | 40,000 | 10 ก.ย 62 | 12 ก.ย 62 | 12 มี.ค.63 | 182 วัน | 182 วัน | | 2/3ปี/2562 | จะกําหนดและประกาศในวันที่ 10 กันยายน 2562 | 40,000 | 12 ก.ย 62 | 16 ก.ย 62 | 16 ก.ย. 65 | 3 ปี | 3 ปี | | 38/91/62 | - | 35,000 | 17 ก.ย 62 | 19 ก.ย 62 | 19 ธ.ค.62 | 91 วัน | 91 วัน | | 38/182/62 | - | 30,000 | 17 ก.ย 62 | 19 ก.ย 62 | 19 มี.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 39/91/62 | - | 35,000 | 24 ก.ย 62 | 26 ก.ย 62 | 26 ธ.ค.62 | 91 วัน | 91 วัน | | 39/182/62 | - | 40,000 | 24 ก.ย 62 | 26 ก.ย 62 | 26 มี.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่น 2/3ปี/2562 มีรายละเอียด ดังนี้ | | | | --- | --- | | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) | ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกําหนดและประกาศในวันอังคารที่ 10 กันยายน 2562 | | การจ่ายดอกเบี้ย | แบ่งเป็นปีละ 2 งวด งวดละเท่า ๆ กัน | | วันจ่ายดอกเบี้ย | วันที่ 16 มีนาคม และ 16 กันยายน ของทุกปี | | วันจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก | วันที่ 16 มีนาคม 2563 | | วันครบกําหนดไถ่ถอน | วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจํานวนที่ออกและจะไม่มีการถอนก่อนกําหนด | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าราชการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,083
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 63/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 63/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 36/14/62 | 45,000 | 6 กันยายน 2562 | 10/9/62 – 24/9/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,084
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 64/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจำเดือนกันยายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 64/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน 2562 --------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 3 ปี ประจําเดือนกันยายน 2562 (รุ่นที่ 2/3ปี/2562) โดยจะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) ในวันที่ 10 กันยายน 2562 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 2/3ปี/2562 ที่จะประมูลในวันที่ 12 กันยายน 2562 เท่ากับร้อยละ 1.44 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 10 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,085
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ ว 14 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562
ที่ นร 1012/ ว 14 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 12 กรกฎาคม 2562 เรื่อง กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ ว24 ลงวันที่ 18 กันยายน 2552 2.หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ ว32 ลงวันที่ 20 กันยายน 2553 สิ่งที่ส่งมาด้วย กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 สํานักงาน ก.พ. ได้ส่งกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิงปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป พ.ศ. 2552 ไปให้กระทรวง กรม และจังหวัดเพื่อทราบและถือปฏิบัติ และต่อมา ก.พ. ได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ฉบับดังกล่าว รายละเอียดตามหนังสือที่อ้างถึง 2 นั้น บัดนี้ ก.พ. พิจารณาเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป พ.ศ. 2552 โดยให้แก้ไขความใน (1) ของข้อ 4และตัด(3) ของข้อ 1 ออก ดังปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทั้งนี้ กฎ ก.พ. ฉบับนี้ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 78 ก วันที่ 20 มิถุนายน 2562 แล้ว โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล โทรศัพท์ 0 2547 1000 ต่อ 8829, 8815 โทรสาร 0 2547 1868
6,086
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 65/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 65/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 37/14/62 | 40,000 | 13 กันยายน 2562 | 17/9/62 – 1/10/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,087
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 66/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 66/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 38/14/62 | 45,000 | 20 กันยายน 2562 | 24/9/62 – 8/10/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,088
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ ว 15 เรื่อง ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562
ที่ นร 1012/ ว 15 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 26 กรกฎาคม พ.ศ.2562 เรื่อง ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) สิ่งที่ส่งมาด้วย ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 อื่นๆ - ด้วย ก.พ. ได้ออกระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 178 ง วันที่ 12 กรกฎาคม 2562 แล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดเอกสารได้จาก http:/wiki.ocs.go.th/km0tn จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล โทรศัพท์ 0 2547 1000 ต่อ 8814, 8845 โทรสาร 0 2547 1868
6,089
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 67/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 67/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนกันยายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 39/14/62 | 45,000 | 27 กันยายน 2562 | 1/10/62 – 15/10/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 25 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,090
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1003/ว 36 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง
ที่ นร 1003/ว 36 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 0000 11 กันยายน พ.ศ.2562 เรื่อง ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 42 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 4 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2554 3. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 2 ลงวันที่ 26 มกราคม 2555 4. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 7 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2557 5. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 30 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 6. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1003/ว 5 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2562 สิ่งที่ส่งมาด้วย ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 - 3 และ 6 แจ้งมติ ก.พ. กําหนดให้นําระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ที่ได้ปรับปรุงใหม่มาใช้สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อให้ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ อันจะส่งผลให้สามารถเติบโตเป็นข้าราชการระดับสูงได้อย่างมีคุณภาพในเวลาที่เหมาะสม และตามหนังสือที่อ้างถึง 4 กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษ กรณีผู้ครองตําแหน่งเป็นข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง (HiPPS) และการปรับปรุงหลักเกณฑ์เงื่อนไขการกําหนดตําแหน่ง สําหรับข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ตามที่กําหนดในหนังสือที่อ้างถึง 5 ความแจ้งแล้วนั้น บัดนี้ ก.พ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 258 ข. (3) และ (4) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้ง เป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนปฏิรูปด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ก.พ. โดยอาศัยอํานาจตามมาตรา 8 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงมีมติให้ปรับปรุงกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคล ภายใต้ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง โดยให้ยกเลิกกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลในระบบข้าราชการ ผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 - 3 และ 5 และกําหนดให้นําระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงที่ได้ ปรับปรุงใหม่มาใช้สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังรายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ทั้งนี้ การดําเนินการสรรหาและคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าสู่ระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง รุ่นที่ 15 ที่อยู่ระหว่างดําเนินการตามหนังสือที่อ้างถึง 5 ให้ดําเนินการตามที่กําหนดไว้เดิมจนกว่าจะแล้วเสร็จ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์นักบริหารระดับสูง โทร. 0 2547 1731 02547 1709 โทรสาร 0 2547 1736
6,091
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 68/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 68/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 -------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนตุลาคม 2562 ดังนี้ | | | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ | | 40/91/62 | - | 40,000 | 1 ต.ค. 62 | 3 ต.ค. 62 | 2 ม.ค. 63 | 90วัน | 90วัน | | 40/182/62 | - | 35,000 | 1 ต.ค. 62 | 3 ต.ค. 62 | 4 เม.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 8/364/62 | - | 45,000 | 1 ต.ค. 62 | 3 ต.ค. 62 | 1 ต.ค. 63 | 364 วัน | 364 วัน | | 41/91/62 | - | 40,000 | 8 ต.ค. 62 | 10 ต.ค. 62 | 9 ม.ค. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 41/182/62 | - | 35,000 | 8 ต.ค. 62 | 10 ต.ค. 62 | 9 เม.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 3/2ปี/2562 | 1.43 | 30,000 | 10 ต.ค. 62 | 15 ต.ค. 62 | 26 ส.ค. 64 | 2 ปี | 1.87 ปี | | 42/91/62 | - | 40,000 | 15 ต.ค. 62 | 17 ต.ค. 62 | 16 ม.ค. 65 | 91 วัน | 91 วัน | | 42/182/62 | - | 35,000 | 15 ต.ค. 62 | 17 ต.ค. 62 | 16 เม.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 43/91/62 | - | 40,000 | 21 ต.ค. 62 | 24 ต.ค. 62 | 23 ม.ค. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 43/182/62 | - | 35,000 | 21 ต.ค. 62 | 24 ต.ค. 62 | 23 เม.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 1/FRB3ปี/2562 | 3M BIBOR -0.1 เท่ากับ 1.52569 สําหรับงวดเริ่มต้น 26 สิงหาคม 2562 | 15,000 | 25 ต.ค. 62 | 29 ต.ค. 62 | 26 ก.พ. 63 | 3 ปี | 2.33 ปี | | 44/91/62 | | 40,000 | 29 ต.ค. 62 | 31 ต.ค. 62 | .30 ม.ค.63 | 91 วัน | 91 วัน | | 44/182/62 | | 35,000 | 29 ต.ค. 62 | 31 ต.ค. 62 | 30 เม.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่น 1/FRB3ปี/2562 ธปท. จะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาสําหรับช่วงวันชําระเงินถึงวันจ่ายดอกเบี้ยถัดไป (I1) และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (I2) ในวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2562 อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,092
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 69/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 69/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 40/14/62 | 40,000 | 4 ตุลาคม 2562 | 8/10/62 – 22/10/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,093
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1004/ว 17 เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กำหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2564
ที่ นร 1004/ว 17 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 19 กันยายน พ.ศ.2562 เรื่อง วุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2564 เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง 1. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 12 ลงวันที่ 21 กันยายน 2560 2. หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.1/ว 16 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2564 2. แบบรายงานการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ 3. คําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนดให้คัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งมติ ก.พ. ให้ส่วนราชการดําเนินการคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กําหนด เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 2 สําหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2562 มาเพื่อถือปฏิบัติ ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติกําหนดให้ส่วนราชการอาจคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลซึ่งสําเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 เข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2564 ได้ สําหรับการคัดเลือกให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดตามหนังสือที่อ้างถึง 2 โดยบรรจุและแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 และมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้ 1. วุฒิที่จะคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งจะต้องเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งของตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้ง 2. ผู้ได้รับการคัดเลือกซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามวุฒิที่กําหนดในข้อ 1 ต้องอยู่ปฏิบัติราชการในส่วนราชการนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยห้ามโอนไปส่วนราชการอื่น 3. เมื่อได้ดําเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้วในแต่ละครั้ง ให้รายงานผลการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการมายังสํานักงาน ก.พ. ทุกครั้งตามแบบรายงานตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 4. กรณีมีวุฒิที่ส่วนราชการไม่ได้ดําเนินการคัดเลือกเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2564 ก.พ. อาจพิจารณายกเลิกการกําหนดวุฒินั้นเป็นวุฒิที่ให้คัดเลือกใน 2 ปีงบประมาณถัดไป เว้นแต่ส่วนราชการแจ้งเหตุผลความจําเป็นที่ทําให้ไม่ได้ดําเนินการคัดเลือก เช่น ไม่มีอัตราว่างในขณะนั้น เป็นต้น และมีคําขอให้ยังคงกําหนดวุฒินั้นเป็นวุฒิที่ให้คัดเลือกต่อไป ทั้งนี้ ส่วนราชการที่จะดําเนินการคัดเลือกควรศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดวุฒิที่ ก.พ. กําหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3 เพื่อจะได้ดําเนินการได้อย่างถูกต้องต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - ศูนย์สรรหาและเลือกสรร โทร. 0 2547 1350 0 2547 1941 โทรสาร 0 2547 1954
6,094
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1021.2/ว 19 เรื่อง การใช้ระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์
ที่ นร 1021.2/ว 19 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 27 กันยายน พ.ศ.2562 เรื่อง การใช้ระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ เรียน (เวียนกระทรวง กรม จังหวัด) อ้างถึง 1.หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 23 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2554 2.หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1021.2/317-549 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2561 3.ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน ทะเบียนประวัติของข้าราชการพลเรือน และการปฏิบัติการอื่น พ.ศ. 2535 สิ่งที่ส่งมาด้วย คู่มือการใช้ระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 สํานักงาน ก.พ. ได้แจ้งการใช้แบบ ก.พ. 7 ที่ปรับปรุงใหม่ โดยจัดส่งตัวอย่าง ก.พ. 7 ซึ่งเป็นแบบกระดาษพร้อมคู่มือการจัดทําเพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ และหนังสือที่อ้างถึง 2 แจ้งให้ส่วนราชการจัดทํา ก.พ. 7 สําหรับผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ในระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปกับการจัดทํา ก.พ. 7 แบบกระดาษ จนกว่าสํานักงาน ก.พ. จะแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นให้ทราบ โดยเมื่อส่วนราชการได้ดําเนินการข้างต้นแล้ว ให้รายงานสํานักงาน ก.พ. ทราบ ตามระเบียบที่อ้างถึง 3 ความแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 มีมติรับทราบเรื่องระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ สํานักงาน ก.พ. จึงขอให้ส่วนราชการดําเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่กําหนดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ดังนี้ 1.ให้ส่วนราชการจัดทํา ก.พ. 7 ให้กับข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ในระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์โดยยกเลิกการจัดทํา ก.พ. 7 แบบกระดาษ 2.ให้ส่วนราชการบันทึกรายการข้อมูลที่เกิดขึ้นใหม่ของข้าราชการพลเรือนสามัญที่บรรจุเข้ารับราชการก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ในระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์แทน โดยไม่ต้องบันทึกรายการข้อมูลลงใน ก.พ. 7 แบบกระดาษ 3. ให้ส่วนราชการดําเนินการตามระเบียบที่อ้างถึง 3 ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยแปลงสําเนาเอกสารให้เป็นรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์และส่งไฟล์ดังกล่าวผ่านระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องส่งสําเนาเอกสารในรูปแบบกระดาษไปยังสํานักงาน ก.พ. 4.ในกรณีต้องการใช้ ก.พ. 7 ที่พิมพ์ด้วยระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีการลงนามรับรองเอกสารดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายและรับผิดชอบทะเบียนประวัติข้าราชการของส่วนราชการ 5.การจัดทําทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ ให้ส่วนราชการปฏิบัติตามคู่มือการใช้ระบบทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 6.เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายและรับผิดชอบทะเบียนประวัติข้าราชการของส่วนราชการ จะต้องควบคุมและป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (นางเมธินี เทพมณี) เลขาธิการ ก.พ อื่นๆ - กลุ่มทะเบียนประวัติข้าราชการ โทร. 0 2547 1594 โทรสาร 0 2547 1588
6,095
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1012/ ว 20เรื่อง การจัดทำแผนการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์สำหรับข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ที่จะให้รับราชการต่อไปสำนักงาน ก.พ
ที่ นร 1012/ ว 20 สํานักงาน ก.พ.\\ ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 2 ตุลาคม 2562 เรื่อง การจัดทําแผนการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์สําหรับข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ที่จะให้รับราชการต่อไป เรียน (เวียน กระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 24 ลงวันที่ 18 กันยายน 2552 อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ส่วนราชการต้องจัดทําแผนการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ให้แก่ข้าราชการที่ดํารงตําแหน่งในระดับรองลงไปเพื่อประกอบการพิจารณาของ อ.ก.พ. กรม อ.ก.พ. กระทรวง และ ก.พ. แล้วแต่กรณี ทุกครั้งที่มีการขออนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป ตามมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งให้กรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) รองเลขาธิการ ก.พ. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักวิจัยและพัฒนาระบบงานบุคคล โทร. 0 2547 1848 โทรสาร 0 2547 1868
6,096
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 70/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 70/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 41/14/62 | 40,000 | 10 ตุลาคม 2562 | 15/10/62 – 29/10/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,097
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 71/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 71/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 42/14/62 | 40,000 | 18 ตุลาคม 2562 | 22/10/62 – 5/11/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,098
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ นร 1008/ว 21 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานวิชาการสหกรณ์
ที่ นร 1008/ว 21 สํานักงาน ก.พ. ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11000 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิชาการสหกรณ์ เรียน (เวียนกระทรวง กรม และจังหวัด) อ้างถึง หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว 13 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2554 สิ่งที่ส่งมาด้วย มาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิชาการสหกรณ์ ตําแหน่งนักวิชาการสหกรณ์ อื่นๆ - ตามหนังสือที่อ้างถึง ก.พ. ได้แจ้งมติการปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งประเภทวิชาการ จํานวน 87 สายงาน ซึ่งรวมถึงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิชาการสหกรณ์ มาเพื่อส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น บัดนี้ ก.พ. ได้มีมติให้ปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสายงานวิชาการสหกรณ์ ตําแหน่งนักวิชาการสหกรณ์ ระดับปฏิบัติการ โดยเพิ่มเติมคุณวุฒิการศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ เป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่ง และปรับปรุงมาตรฐานกําหนดตําแหน่งเฉพาะลักษณะงานที่ปฏิบัติในด้านการปฏิบัติการของตําแหน่งนักวิชาการสหกรณ์ ระดับปฏิบัติการ ระดับชํานาญการ ระดับชํานาญการพิเศษ และระดับเชี่ยวชาญ ให้สอดคล้องกับลักษณะงานของตําแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562เป็นต้นไป รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยส่วนราชการสามารถดาวน์โหลดได้จาก QR Code ที่ปรากฏท้ายหนังสือฉบับนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมและจังหวัดทราบด้วยแล้ว ผู้มีอํานาจลงนาม - ขอแสดงความนับถือ (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล)\\ เลขาธิการ ก.พ. อื่นๆ - สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน\\ โทร. 0 2547 1000 ต่อ 6601 6650\\ โทรสาร 0 2547 1437
6,099
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 72/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยในการคำนวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 72/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ----------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคา สําหรับพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ที่จะประมูลในวันที่ 25 ตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามกําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่จะเปิดประมูลพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ในวันที่ 25 ตุลาคม 2562 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเพื่อใช้ในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวเพื่อใช้สําหรับช่วงวันชําระเงินถึงวันจ่ายดอกเบี้ยถัดไป (I1) เท่ากับร้อยละ 1.54713 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (I2) เท่ากับร้อยละ 1.62109 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,100
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 73/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 73/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนตุลาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 43/14/62 | 35,000 | 25 ตุลาคม 2562 | 29/10/62 – 12/11/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,101
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 74/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 74/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 44/14/62 | 35,000 | 1 พฤศจิกายน 2562 | 5/11/62 – 19/12/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,102
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 75/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 75/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ดังนี้ | | | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ | | 45/91/62 | - | 35,000 | 5 พ.ย.62 | 7 พ.ย.62 | 6 ก.พ. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 45/182/62 | - | 35,000 | 5 พ.ย.62 | 7 พ.ย.62 | 7 พ.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 9/364/62 | - | 40,000 | 5 พ.ย.62 | 7 พ.ย.62 | 5 พ.ย. 63 | 364 วัน | 364 วัน | | 46/91/62 | - | 35,000 | 12 พ.ย.62 | 14 พ.ย.62 | 13 ก.พ. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 46/182/62 | - | 35,000 | 12 พ.ย.62 | 14 พ.ย.62 | 14 พ.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 2/3ปี/2562 | 1.44 | 30,000 | 14 พ.ย.62 | 18 พ.ย.62 | 16 ก.ย. 65 | 3 ปี | 3 ปี | | 47/91/62 | - | 35,000 | 19 พ.ย.62 | 21 พ.ย.62 | 20 ก.พ. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 4/182/62 | - | 35,000 | 19 พ.ย.62 | 21 พ.ย.62 | 21 พ.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 4/2ปี/2562 | จะกําหนดและประกาศในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 | 30,000 | 21 พ.ย.62 | 25 พ.ย.62 | 25 พ.ค. 64 | 2 ปี | 2 ปี | | 48/91/62 | - | 35,000 | 26 พ.ย.62 | 28 พ.ย.62 | 27 ก.พ. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 48/182/62 | - | 35,000 | 26 พ.ย.62 | 28 พ.ย.62 | 28 พ.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่น 4/2ปี/2562 มีรายละเอียด ดังนี้ | | | | --- | --- | | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) | ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกําหนดและประกาศในวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2562 | | การจ่ายดอกเบี้ย | แบ่งเป็นปีละ 2 งวด งวดละเท่า ๆ กัน | | วันจ่ายดอกเบี้ย | วันที่ 25 พฤษภาคม และ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี | | วันจ่ายดอกเบี้ยงวดแรก | วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 | | วันครบกําหนดไถ่ถอน | วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เป็นการไถ่ถอนครั้งเดียวเต็มตามจํานวนที่ออกและจะไม่มีการถอนก่อนกําหนด | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าราชการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,103
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 76/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2560 สำหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 76/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2560 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2560 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2560 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 เท่ากับร้อยละ 1.52105 ต่อปี (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ (BIBOR) ระยะ 3 เดือน ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ลบร้อยละ 0.1) อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,104
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดด่านศุลกากรที่นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2563
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดด่านศุลกากรที่นําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2563 ----------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นของ คณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ข้อ ๒ การนําเข้าวัตถุอันตราย ต้องนําเข้า ณ ด่านศุลกากร ตามกฎกระทรวงกําหนดด่านศุลกากร และด่านพรมแดนที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ดังต่อไปนี้ (1) สํานักงานศุลกากรกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร (2) สํานักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร (3) สํานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี (4) ด่านศุลกากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ (5) ด่านศุลกากรเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี (6) ด่านศุลกากรบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะที่สนามบิน สุราษฎร์ธานี (7) ด่านศุลกากรชุมพร จังหวัดชุมพร (8) ด่านศุลกากรมาบตาพุด จังหวัดระยอง (9) ด่านศุลกากรระนอง จังหวัดระนอง (10) ด่านศุลกากรสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เฉพาะที่ด่านพรมแดน บ้านพุน้ําร้อน (11) ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (12) ด่านศุลกากรช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี เฉพาะที่ช่องเม็ก (13) ด่านศุลกากรท่าลี่ จังหวัดเลย (14) ด่านศุลกากรนครพนม จังหวัดนครพนม เฉพาะที่นครพนม (15) ด่านศุลกากรบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ (16) ด่านศุลกากรมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร (17) ด่านศุลกากรหนองคาย จังหวัดหนองคาย เฉพาะที่หนองคายและที่สนามบินอุดรธานี (18) ด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย (19) ด่านศุลกากรเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (20) ด่านศุลกากรแม่สาย จังหวัดเชียงราย (21) ด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (22) ด่านศุลกากรทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เฉพาะที่ทุ่งช้าง (23) ด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก เฉพาะที่แม่สอด (24) ด่านศุลกากรกระบี่ จังหวัดกระบี่ เฉพาะที่สนามบินกระบี่ (25) ด่านศุลกากรกันตัง จังหวัดตรัง (26) ด่านศุลกากรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เฉพาะท่าตากใบ (27) ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส (28) ด่านศุลกากรนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช (29) ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต (30) ด่านศุลกากรภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต (31) ด่านศุลกากรท่าอากาศยานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (32) ด่านศุลกากรบ้านประกอบ จังหวัดสงขลา (33) ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา (34) ด่านศุลกากรสงขลา จังหวัดสงขลา (35) ด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา (36) ด่านศุลกากรเบตง จังหวัดยะลา (37) ด่านศุลกากรปัตตานี จังหวัดปัตตานี เฉพาะท่าปัตตานี (38) ด่านศุลกากรวังประจัน จังหวัดสตูล (39) ด่านศุลกากรสตูล จังหวัดสตูล ข้อ ๓ การส่งออกวัตถุอันตราย ต้องส่งออก ณ ด่านศุลกากร ตามกฎกระทรวงกําหนด ด่านศุลกากรและด่านพรมแดนที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ข้อ ๔ การนําผ่านวัตถุอันตราย ต้องนําผ่าน ณ ด่านศุลกากร ตามกฎกระทรวงกําหนด ด่านศุลกากรและด่านพรมแดนที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,105
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 77/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 77/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 45/14/62 | 40,000 | 8 พฤศจิกายน 2562 | 12/11/62 – 26/12/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,106
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 79/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 79/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 46/14/62 | 40,000 | 15 พฤศจิกายน 2562 | 19/11/62 – 3/12/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,107
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 80/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 80/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนพฤศจิกายน 2562 -------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 2 ปี ประจําเดือนพฤศจิกายน 2562 (รุ่นที่ 4/2ปี/2562) โดยจะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่ 4/2ปี/2562 ที่จะประมูลในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เท่ากับร้อยละ 1.32 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,108
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 81/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 81/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 47/15/62 | 40,000 | 22 พฤศจิกายน 2562 | 26/11/62 – 11/12/62 | 15 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,109
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 82/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สำหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 82/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ---------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 3 ปี รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 เท่ากับร้อยละ 1.27670 ต่อปี (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ (BIBOR) ระยะ 3 เดือน ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ลบร้อยละ 0.1) อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,110
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การขออนุญาต และการออกใบนำผ่านวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2564
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การขออนุญาต และการออกใบนําผ่านวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2564 ---------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 20/2 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยาโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ใบประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หมวด ๑ บททั่วไป -------------------- ข้อ ๓ ผู้ใดประสงค์จะนําผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 ให้แจ้งพนักงาน เจ้าหน้าที่ทราบก่อน ตามแบบ วอ/สธ 20 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่ระบุในแบบ ดังกล่าว ผู้ใดประสงค์จะนําผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ให้ยื่นคําขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามแบบ วอ. /สอ 21 ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่ระบุในแบบดังกล่าว การแจ้ง การขออนุญาต และการยื่นเอกสารหลักฐานตามวรรคหนึ่งและวรรคสองให้ยื่นต่อ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือยืนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือยืน ณ หน่วยงาน สถานที่ หรือยืนตามวิธีการอื่น ที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยากําหนด ข้อ ๔ ผู้ขอนําผ่านวัตถุอันตรายจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ (1) เป็นนิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย โดยแสดงวัตถุประสงค์ว่าเป็นผู้ประกอบกิจการ นําเข้าและส่งออกวัตถุอันตราย (2) เป็นผู้ได้รับอนุมัติเป็นผู้ขอผ่านแดน หรือผู้ขนส่งผ่านแดน หรือผู้ขอถ่ายลํา ตามกฎหมาย ว่าด้วยศุลกากร ข้อ ๕ ผู้ขอนําผ่านต้องจัดให้มีการประกันสําหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการทําลายหรือ การจัดการวัตถุอันตรายตามมาตรา 52 มาตรา 52/2 และมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 โดยต้องทําสัญญาประกันค่าใช้จ่ายตามแบบ วอ/สธ 19 ท้ายประกาศนี้ ต่อสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา พร้อมวางหนังสือค้ําประกันของธนาคารวงเงินขั้นต่ําหนึ่งแสนบาท หนังสือค้ําประกันของธนาคารให้มีกําหนดเวลาและวงเงินครอบคลุมการนําผ่านในแต่ละครั้ง เมื่อมีการนําวัตถุอันตรายออกนอกราชอาณาจักรแล้ว ให้ผู้นําผ่านส่งคืนใบนําผ่านพร้อมสําเนา ใบขนสินค้าผ่านแดน หรือสําเนาใบเคลื่อนย้ายของผ่านแดน แก่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงจะดําเนินการขอคืนหลักประกันได้ หมวด ๒ การพิจารณาใบแจ้งหรือค่าขออนุญาต การออกใบน่าผ่าน และเงื่อนไขการออกใบนําผ่าน ----------------- ข้อ ๖ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง หรือรับคําขออนุญาตตามข้อ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ดําเนินการตรวจสอบใบแจ้งหรือคําขออนุญาตตามเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีใบแจ้งหรือคําขออนุญาตและรายการเอกสารประกอบการพิจารณาครบถ้วนถูกต้อง พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบรับเรื่อง (2) กรณีที่ใบแจ้งหรือคําขออนุญาตต้องแก้ไขหรือยังขาดเอกสารหรือหลักฐานใด หากผู้ขอนําผ่าน หรือผู้ได้รับมอบอํานาจไม่สามารถดําเนินการแก้ไขหรือเพิ่มเติมได้ตามอํานาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ในขณะนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จะจัดทําบันทึกความบกพร่องของรายการเอกสารหรือหลักฐานที่จะต้องยื่น เพิ่มเติม โดยผู้ขอนําผ่านจะต้องดําเนินการแก้ไขหรือยื่นเอกสารเพิ่มเติมภายในระยะเวลาที่กําหนด นับจากวันที่จัดทําบันทึกความบกพร่อง (2.1) กรณีผู้ขอนําผ่านไม่ดําเนินการภายในระยะเวลาที่กําหนดไว้ ให้ถือว่าไม่ประสงค์ จะยื่นใบแจ้งหรือคําขออนุญาตและให้จําหน่ายเรื่อง (2.2) เมื่อผู้ขอนําผ่านดําเนินการแก้ไขใบแจ้งหรือคําขออนุญาตหรือยื่นเอกสารเพิ่มเติม ครบถ้วนถูกต้องตามบันทึกความบกพร่องนั้นแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบรับเรื่อง ข้อ ๗ เมื่อได้ดําเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ครบถ้วนถูกต้องแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ออกใบน่าผ่านเพื่อเป็นหลักฐานสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 โดยการบันทึกลงใน ท้ายแบบ วอ. สอ 20 หรือออกไปน้าผ่านเพื่อเป็นหลักฐานสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามแบบ วอ/สธ 22 ท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ภายในยี่สิบวันทําการนับแต่วันที่ออกใบรับเรื่อง ในกรณีที่มีเหตุอันควร พนักงานเจ้าหน้าที่อาจกําหนดเงื่อนไขอย่างใด เพื่อประโยชน์ในการควบคุมวัตถุอันตราย และป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ก็ได้ ข้อ ๘ ใบนําผ่านออกให้สําหรับผลิตภัณฑ์หรือชื่อของวัตถุอันตรายมากกว่าหนึ่งรายการได้ ทั้งนี้ ทุกรายการที่นําผ่านต้องแสดงอยู่ในสําเนาใบกํากับสินค้า (Invoice) ฉบับเดียวกัน การรับใบนําผ่านให้นําใบตราส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Bill of Lading หรือ Airway Bill หรืออื่น ๆ) มาแสดงด้วย ข้อ ๙ หากพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรไม่ออกใบผ่าน ให้แจ้งผู้ขอนําผ่านทราบภายในสิบวันทําการนับแต่วันออกใบรับเรื่อง หมวด ๓ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบน่าผ่าน ----------------------- ข้อ ๑๐ หากผู้รับใบผ่านวัตถุอันตรายจําเป็นจะต้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการ ในใบนําผ่านดังกล่าว ให้ยื่นหนังสือพร้อมใบนําผ่านฉบับที่ต้องการแก้ไขและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อวัตถุอันตราย สูตรเคมี อัตราส่วนผสม ลักษณะและสูตรของวัตถุอันตราย จะกระทําได้ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นควรให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการตามวรรคหนึ่งได้ ให้ออกหนังสืออนุญาตให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือออกใบน่าผ่านให้ใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม การยื่นขอตามวรรคหนึ่ง ให้นําความในข้อ 3 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
6,111
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 83/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 83/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 48/14/62 | 35,000 | 29 พฤศจิกายน 2562 | 03/12/62 – 17/12/62 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,112
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 84/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 84/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 -------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนธันวาคม 2562 ดังนี้ | | | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ | | 49/90/62 | - | 35,000 | 3 ธ.ค. 62 | 6 ธ.ค. 62 | 5 มี.ค. 63 | 90วัน | 90วัน | | 49/181/62 | - | 35,000 | 3 ธ.ค. 62 | 6 ธ.ค. 62 | 4 มิ.ย. 63 | 181 วัน | 181 วัน | | 10/363/62 | - | 45,000 | 3 ธ.ค. 62 | 6 ธ.ค. 62 | 3 ธ.ค. 63 | 363 วัน | 363 วัน | | 50/91/62 | - | 35,000 | 9 ธ.ค. 62 | 12 ธ.ค. 62 | 12 มี.ค. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 50/182/62 | - | 35,000 | 9 ธ.ค. 62 | 12 ธ.ค. 62 | 11 มิ.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 4/2ปี/2562 | 1.32 | 30,000 | 12 ธ.ค. 62 | 16 ธ.ค. 62 | 25 พ.ย. 64 | 2 ปี | 1.95 ปี | | 1/FRB3ปี/2562 | 3M BIBOR -0.1 เท่ากับ 1.27670 สําหรับงวดเริ่มต้น 26 พฤศจิกายน 2562 | 15,000 | 13 ธ.ค. 62 | 17 ธ.ค. 62 | 26 ก.พ.65 | 3 ปี | 2.2 ปี | | 51/91/62 | - | 30,000 | 17 ธ.ค. 62 | 19 ธ.ค. 62 | 19 มี.ค. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 51/182/62 | - | 30,000 | 17 ธ.ค. 62 | 19 ธ.ค. 62 | 18 มิ.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 52/91/62 | - | 30,000 | 24 ธ.ค. 62 | 26 ธ.ค. 62 | 26 มี.ค. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 52/182/62 | - | 30,000 | 24 ธ.ค. 62 | 26 ธ.ค. 62 | 25 มิ.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 53/91/62 | | 30,000 | 27 ธ.ค. 62 | 2 ธ.ค. 62 | 2 เม.ย.63 | 91 วัน | 91 วัน | | 53/182/62 | | 30,000 | 27 ธ.ค. 62 | 2 ธ.ค. 62 | 2.ก.ค.63 | 182 วัน | 182 วัน | โดยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่น 1/FRB3ปี/2562 ธปท. จะกําหนดและประกาศอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาสําหรับช่วงวันชําระเงินถึงวันจ่ายดอกเบี้ยถัดไป (I1) และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (I2) ในวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562 อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,113
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2561 ----------------------- เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยามีความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ จึงจําเป็นต้องมีกลไก ในการพิจารณาอนุญาต เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดการพิจารณาอนุญาตให้เป็นไปตามกําหนดระยะเวลา ที่ระบุไว้ในกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จึงเป็นการสมควรกําหนด ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) และข้อ 4 วรรคสาม ของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 26-4/2560 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ กําหนดค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการพิจารณาอนุญาตส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตามบัญชี ที่แนบท้ายประกาศ ข้อ ๓ ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ดังต่อไปนี้ ให้ได้รับการยกเว้นค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บทั้งหมดหรือบางส่วน และหากค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บนั้น เป็นการได้รับยกเว้นบางส่วน เมื่อได้คํานวณค่าขึ้นบัญชีสุทธิที่จะจัดเก็บดังกล่าวแล้วมีเศษสตางค์ ให้ปัดเศษขึ้นเป็นจํานวนเต็ม (1) ยกเว้นค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บทั้งหมด ตามลําดับ 1 และลําดับ 2.3 ของบัญชี ที่แนบท้ายประกาศฉบับนี้ ให้แก่ (ก) ผู้เชี่ยวชาญที่มิใช่นิติบุคคล (ข) สภาวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้รวมถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่จัดตั้ง โดยสภาวิชาชีพด้วย (ค) ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยอื่นของรัฐ รวมทั้งสถาบันภายใต้มูลนิธิซึ่งเป็นกลไกของส่วนราชการ (ง) วิทยาลัย ราชวิทยาลัย สมาคมหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ วิทยาศาสตร์ หรือการคุ้มครองผู้บริโภค (จ) สถาบันอุดมศึกษาเอกชน (ฉ) หน่วยงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกําหนด โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย (2) ยกเว้นค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บทั้งหมดตามลําดับ 2.2 ของบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ให้แก่ (ก) สภาวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้รวมถึงหน่วยงานหรือองค์กรที่จัดตั้งโดย สภาวิชาชีพด้วย (ข) ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งสถาบันภายใต้มูลนิธิซึ่งเป็นกลไกของส่วนราชการ (ค) วิทยาลัย ราชวิทยาลัย สมาคมหรือมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ วิทยาศาสตร์ หรือการคุ้มครองผู้บริโภค (ง) สถาบันอุดมศึกษาเอกชน (จ) หน่วยงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกําหนด โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย (3) ยกเว้นค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บบางส่วนให้แก่ผู้ขอขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง สถานประกอบการผลิตตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยารับผิดชอบที่ได้รับการรับรองระบบงานจากหน่วยรับรองระบบงานที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ในประเทศ และไม่เป็นผู้ขอขึ้นบัญชีตามข้อ 2 (2) โดยให้ได้รับยกเว้นค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บ ดังต่อไปนี้ (ก) ให้ยกเว้นค่าขึ้นบัญชีตามลําดับ 2.2.2 และลําดับ 2.2.3 ของบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ (ข) กรณีการขอขยายขอบข่ายการขึ้นบัญชี และการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยกเว้นค่าคําขอกึ่งหนึ่งของค่าขึ้นบัญชีตามลําดับ 2.2.1 ของบัญชีที่แนบท้ายประกาศฉบับนี้ ข้อ ๔ การยกเว้นตามข้อ 3 ให้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ประกาศนี้มีผล ใช้บังคับ ข้อ ๕ การขึ้นบัญชีตามประกาศนี้ ให้มีอายุสามปี ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,114
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 85/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 85/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 49/13/62 | 35,000 | 6 ธันวาคม 2562 | 11/12/62 – 24/12/62 | 13 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,115
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 86/2562 เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยในการคำนวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 86/2562 เรื่อง กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 ------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคา สําหรับพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 สําหรับงวดเริ่มต้นวันที่ 13 ธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ตามกําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่จะเปิดประมูลพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว รุ่นที่ 1/FRB 3 ปี/2562 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยเพื่อใช้ในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวในวันที่ 11 ธันวาคม 2562 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดอัตราดอกเบี้ยในการคํานวณราคาพันธบัตรดังกล่าวเพื่อใช้สําหรับช่วงวันชําระเงินถึงวันจ่ายดอกเบี้ยถัดไป (I1) เท่ากับร้อยละ 1.34134 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (I2) เท่ากับร้อยละ 1.37143 ต่อปี อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,116
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 87/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 87/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 50/13/62 | 40,000 | 13 ธันวาคม 2562 | 17/12/62 – 30/12/62 | 13 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,117
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 88/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 88/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 51/14/62 | 40,000 | 20 ธันวาคม 2562 | 24/12/62 – 07/01/63 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,118
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 89/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 89/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนธันวาคม 2562 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 52/15/62 | 35,000 | 26 ธันวาคม 2562 | 30/12/62 – 14/01/63 | 15 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 24 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,119
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 90/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยประจำเดือนมกราคม 2563
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 90/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนมกราคม 2563 ----------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนมกราคม 2563 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประจําเดือนมกราคม 2563 ดังนี้ | | | | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(ร้อยละต่อปี) | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน | วันครบกําหนด | ประเภทอายุ | อายุคงเหลือ | | 1/91/63 | - | 40,000 | 7 ม.ค. 63 | 9 ม.ค. 63 | 9 เม.ย. 63 | 91วัน | 91วัน | | 1/182/63 | - | 35,000 | 7 ม.ค. 63 | 9 ม.ค. 63 | 9 ก.ย. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 1/364/63 | - | 45,000 | 7 ม.ค. 63 | 9 ม.ค. 63 | 7 ม.ค. 63 | 364 วัน | 364 วัน | | 2/91/63 | - | 40,000 | 14 ม.ค. 63 | 16 ม.ค. 63 | 16 เม.ย. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 2/182/63 | - | 35,000 | 14 ม.ค. 63 | 16 ม.ค. 63 | 16 ก.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 4/2ปี/2562 | - | 30,000 | 16 ม.ค. 63 | 20 ม.ค. 63 | 25 พ.ย. 63 | 2 ปี | 1.85 ปี | | 3/91/63 | 1.32 | 40,000 | 21 ม.ค. 63 | 23 ม.ค. 63 | 23 เม.ย. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 3/182/63 | - | 35,000 | 21 ม.ค. 63 | 23 ม.ค. 63 | 23 ก.ค. 63 | 182 วัน | 182 วัน | | 2/3ปี/2562 | - | 30,000 | 23 ม.ค. 63 | 27 ม.ค. 63 | 16 ก.ย. 63 | 3 ปี | 2.64 ปี | | 4/91/63 | 1.44 | 40,000 | 28 ม.ค. 63 | 30 ม.ค. 63 | 30 เม.ย. 63 | 91 วัน | 91 วัน | | 4/182/63 | - | 35,000 | 28 ม.ค. 63 | 30 ม.ค. 63 | 30 ก.ค. 63 | 182 ปี | 182 ปี | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2563 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2563 (นางสาววชิรา อารมย์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,120
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 91/2562 เรื่อง กำหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนมกราคม 2563
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 91/2562 เรื่อง กําหนดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนมกราคม 2563 ---------------------------------------- อื่นๆ - 1. เหตุผลในการออกประกาศ เพื่อกําหนดแผนการออกพันธบัตรแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือนมกราคม 2563 อื่นๆ - 2. อํานาจตามกฎหมาย เพื่ออนุวัตตามข้อ 2 แห่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกง. 1/2560 ว่าด้วยการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อื่นๆ - 3. เนื้อหา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กําหนดแผนการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ดังนี้ | | | | | | | --- | --- | --- | --- | --- | | รุ่นที่ | วงเงิน(ล้านบาท) | ประมูลวันที่ | วันที่ชําระเงิน - วันครบกําหนด | อายุ(วัน) | | พ. 1/14/63 | 40,000 | 3 มกราคม 2563 | 07/01/63 – 21/01/63 | 14 | อื่นๆ - 4. วันเริ่มต้นบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2562 ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2562 (นางสาววชิรา อารมณ์ดี) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ผู้ว่าการแทน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6,121
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของสำนักงาน ก.พ. พ.ศ. 2561
ระเบียบสํานักงาน ก.พ. ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. พ.ศ. 2561 -------------------------- โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารสําหรับให้ประชาชน เข้าตรวจดู และกฎหมายว่าด้วยการเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยรวมเป็นกฎหมาย ฉบับเดียวกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสารของราชการและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการให้ประชาชนเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสาร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เลขาธิการ ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสํานักงาน ก.พ. ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ.พ.ศ. 2561” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (1) ระเบียบสํานักงาน ก.พ. ว่าด้วยการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารสําหรับให้ประชาชนเข้าตรวจดู พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (2) ระเบียบสํานักงาน ก.พ. ว่าด้วยการเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ และคําสั่งอื่นใดของสํานักงาน ก.พ. ในส่วนที่กําหนดไว้แล้ว ในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “ข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ.” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารตามกฎหมายว่าด้วย ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของสํานักงาน ก.พ. “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานที่ปรากฏตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ ของสํานักงาน ก.พ. รวมทั้งหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นการภายในที่ครอบครองหรือควบคุมดูแล ข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการของสํานักงาน ก.พ. ซึ่งทําหน้าที่ในการให้บริการ หรือให้คําแนะนําในการขอเข้าตรวจดู หรือขอข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ข้อ ๕ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือ คําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดคําวินิจฉัยนั้นให้เป็นที่สุด หมวด ๑ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ----------------------- ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ประกอบด้วย (1) รองเลขาธิการ ก.พ. ซึ่งเลขาธิการ ก.พ. มอบหมายเป็นประธานกรรมการ (2) ผู้อํานวยการสํานักที่เทียบได้ไม่ต่ํากว่ากอง และข้าราชการสํานักงาน ก.พ. ที่เลขาธิการ ก.พ.มอบหมายจํานวนไม่เกินห้าคนเป็นกรรมการ (3) ผู้อํานวยการสํานักงานเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้มีผู้ช่วยเลขานุการ ตามความจําเป็น ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) กําหนดหลักเกณฑ์ หรือมาตรการเกี่ยวกับการบริหาร การจัดระบบการขออนุญาต และ การบริการข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. (2) กําหนดประเภทข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ที่เปิดเผยได้ (3) พิจารณาวินิจฉัยปัญหาหรืออุปสรรค รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรค ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดําเนินการตามระเบียบนี้ (4) หน้าที่อื่นตามที่เลขาธิการ ก.พ. มอบหมาย ข้อ ๘ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมถ้าประธานไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุม เลือกกรรมการคนหนึ่งเพื่อทําหน้าที่ประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนนถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงขาด หมวด ๒ การจัดระบบข้อมูลข่าวสาร ------------------------- ข้อ ๙ ให้หน่วยงานในสังกัดจัดส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2550 ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สํานักงานเลขาธิการทุกเดือน (ถ้ามี) เพื่อรวบรวมและจัดระบบข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู ณ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ทั้งนี้ รายละเอียดของข้อมูลข่าวสารที่จัดส่ง ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการ ข้อ ๑๐ ในการดําเนินการตามข้อ 1 ให้หน่วยงานในสังกัดจัดให้มีเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุม ดูแล ตรวจสอบ ติดตาม และประสานงานในการดําเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ หมวด ๓ การขอ การบริการข้อมูลข่าวสาร และการอนุญาต ------------------------------ ข้อ ๑๑ ผู้ใดประสงค์จะขอตรวจดู หรือขอถ่ายสําเนาข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ให้ติดต่อ ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ซึ่งตั้งอยู่ที่ห้องสมุด อาคารสํานักงาน ก.พ. จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นคําขอเป็นหนังสือตามท้ายระเบียบนี้ ต่อเจ้าหน้าที่ในวันและเวลาราชการ ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับคําขอ ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารตามคําขอนั้น ว่าเป็นข้อมูลที่อยู่ใน ความครอบครองหรือควบคุมของสํานักงาน ก.พ. หรือไม่ และให้ดําเนินการดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่ข้อมูลข่าวสารตามคําขอ เป็นข้อมูลที่อยู่ในศูนย์ข้อมูลข่าวสารของสํานักงาน ก.พ. ให้เจ้าหน้าที่เสนอเรื่องต่อผู้อํานวยการสํานักงานเลขาธิการพิจารณาอนุญาตให้ตรวจดู หรือให้ทําสําเนา หรือให้ทําสําเนาที่มีคํารับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ (2) ในกรณีที่ข้อมูลข่าวสารตามคําขอ อยู่ในความครอบครองหรือครบคุมดูแลของหน่วยงาน ในสังกัดให้เจ้าหน้าที่ส่งเรื่องตามคําขอไปยังหน่วยงานในสังกัดเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า และให้หัวหน้า หน่วยงานในสังกัด หรือผู้ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดมอบหมายเป็นผู้มีอํานาจในการพิจารณาอนุญาต ให้ตรวจดู หรือให้ทําสําเนา หรือให้ทําสําเนาที่มีคํารับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร สําหรับข้อมูลข่าวสาร ที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของตน (3) ในกรณีที่ข้อมูลข่าวสารนั้น เป็นข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงาน ของรัฐแห่งอื่น ให้เจ้าหน้าที่ให้คําแนะนําเพื่อไปยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้น โดยไม่ชักช้า กรณีข้อมูลข่าวสารตามวรรคสอง (2) หากไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าข้อมูลข่าวสารใดเป็นข้อมูลข่าวสาร ที่เปิดเผยได้หรือไม่ ให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาวินิจฉัย เมื่อคณะกรรมการ พิจารณาแล้วมีมติไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้แจ้งมติพร้อมเหตุผล ให้ผู้ยื่นคําขอทราบ และแจ้งให้ทราบถึงสิทธิและกําหนดเวลาในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ข้อ ๑๒ ในกรณีผู้มีอํานาจอนุญาต มีคําสั่งให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบ ข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ อนุญาตให้ผู้ยื่นคําขอเข้าตรวจดู หรือจัดทําสําเนา หรือจัดทําสําเนาที่มีคํารับรอง ถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามคําขอ ภายในวันทําการนั้น ถ้าไม่อาจดําเนินการภายในวันทําการนั้น ถ้าไม่อาจดําเนินการภายในวันทําการนั้น ให้แจ้งกําหนดวันและเวลาเพื่อผู้ยื่นคําขอมารับ แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวันทําการ ในกรณีที่มีเหตุผล ความจําเป็น อาจขยายระยะเวลาออกไปได้แต่ต้องไม่เกินสามสิบวันทําการ ในกรณีผู้ยื่นคําขอดําเนินการยื่นคําขอทางไปรษณีย์ ให้จัดส่งข้อมูลทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตอบรับ การให้บริการทางโทรสารให้ดําเนินการได้เฉพาะกรณีจําเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ ให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบข้อมูลข่าวสารตามคําขอนั้น ๆ เป็นผู้พิจารณาอนุญาต การจัดทําสําเนาที่มีคํารับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบ ข้อมูลข่าวสารนั้น ๆ ในตําแหน่งประเภทวิชาการ ตั้งแต่ระดับชํานาญการขึ้นไปเป็นผู้รับรอง โดยให้ ลงลายมือชื่อพร้อมทั้งลงชื่อตัวบรรจง ตําแหน่ง และวัน เดือน ปี ที่รับรอง ไว้ที่ขอบล่างของหนังสือ ข้อ ๑๓ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการขอสําเนา หรือขอสําเนาที่มีคํารับรองถูกต้องของ ข้อมูลข่าวสาร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกําหนด รายได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งให้ปฏิบัติตามระเบียบของราชการ ข้อ ๑๔ ในกรณีที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่สํานักงาน ก.พ. ได้จัดทําไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ขอเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารสามารถตรวจดูได้ทาง Homepage ของสํานักงาน ก.พ. ที่ ข้อ ๑๕ ข้อมูลข่าวสารใดหากมีกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี กําหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการขอข้อมูลข่าวสารและการอนุญาตไว้เป็นพิเศษ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ คําสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการ ก.พ.
6,122
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคําขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560 ---------------------- เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยามีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อประโยชน์ในการเร่งรัด การพิจารณาอนุญาตให้เป็นไปตามกําหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในกฎหมายซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดี จึงเป็นการสมควรกําหนดค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไข ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 77/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (3) (6) และข้อ 4 วรรคสาม แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนํา ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการประชุมครั้งที่ 25 - 3/2560 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 และการประชุมครั้งที่ 26 - 4/2560 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กําหนดค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคําขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทั้งในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ของส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตามบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๒ ให้ผู้ยื่นคําขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาในกรณีดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บทั้งหมด ตามบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ (1) เป็นโครงการพระราชดําริ หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (2) เป็นสถานประกอบการที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ข้อ ๓ ให้เพิ่มการจัดเก็บค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บในแต่ละรายการที่เกี่ยวข้องตามประกาศนี้ เป็นขั้นตอนหนึ่งของแต่ละกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ได้ระบุไว้ในคู่มือสําหรับประชาชนตามพระราชบัญญัติ การอ่านวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งรัดการแก้ไข คู่มือสําหรับประชาชนในแต่ละกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้เป็นไปตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเร็ว ข้อ ๔ เมื่อประกาศนี้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้มีผลใช้บังคับตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดเก็บค่าใช้จ่ายในทุกรายการตามบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ สําหรับการยื่นคําขอ ณ สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา และให้รวมถึงคําขอที่อยู่ในอํานาจการพิจารณาอนุญาตของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ที่ได้ยื่น ณ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดด้วย ยกเว้นแต่เป็นรายการ ของค่าใช้จ่ายซึ่งจะจัดเก็บได้ ก็ต่อเมื่อมีการออกหรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะจัดเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ ในกรณีคําขอที่จัดเก็บค่าใช้จ่ายได้ตามข้อ 4 (1) ซึ่งได้ยื่นคําขอ ณ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดรับคําขอ และแจ้งให้ผู้ยื่นคําขอทราบว่ามีค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บตามประกาศนี้ รวมถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการชําระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ตลอดจนให้บันทึกไว้ในคําขอ เกี่ยวกับการแจ้งนั้นพร้อมลายมือชื่อของผู้ยื่นคําขอด้วย แล้วจึงจัดส่งคําขอดังกล่าวมาให้สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาต่อไป ทั้งนี้ ให้สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดรับคําขอตามความในวรรคนี้ จนกว่าจะมีการรับคําขอโดยวิธีอื่น (2) เมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดเก็บค่าใช้จ่ายในทุกรายการตามบัญชีที่แนบท้ายประกาศนี้ สําหรับ การยื่นคําขอ ณ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ยกเว้นแต่เป็นรายการของค่าใช้จ่ายซึ่งไม่สามารถจัดเก็บ ได้ตามความในข้อ 4 (1) ทั้งนี้ ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเร่งรัดการออกหรือการแก้ไข เปลี่ยนแปลง กฎหมายตามข้อ 4 (1) แล้วแต่กรณี ให้แล้วเสร็จ ภายในหกสิบวัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา หากไม่สามารถดําเนินการได้ ให้รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดําเนินการได้ต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทราบ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,123
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2558
ระเบียบ ก.พ.ค ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน ของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2558 -------------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ เพื่อให้การปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 31 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2558" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ วัตถุประสงค์ของการประเมิน เพื่อให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ได้ (1) ทบทวนการปฏิบัติงานที่ผ่านมา (2) ทราบจุดแข็ง จุดอ่อนของการปฏิบัติงาน (3) ทราบแนวทางที่จะพัฒนางาน (4) รับฟังข้อเสนอแนะจาก ก.พ.ค. และผู้ทรงคุณวุฒิ ข้อ ๔ ระยะเวลาการประเมิน ให้เริ่มกระบวนการประเมินครั้งแรกเมื่อสิ้นปีงบประมาณหลังจากเริ่มปฏิบัติงานในตําแหน่งกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ และครั้งต่อไปทุกสิ้นปีงบประมาณ ข้อ ๕ ประเด็นในการประเมินกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ประกอบด้วย (1) ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ (Accountability) (2) ความสํานึกในหน้าที่ด้วยขีดความสามารถและประสิทธิภาพที่เพียงพอ (Responsibility) (3) การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกัน มีความเป็นธรรมและมีคําอธิบายได้ (Equitable treatment) (4) ความโปร่งใสในการปฏิบัติงานที่สามารถตรวจสอบได้และมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งแก่ผู้เกี่ยวข้อง (Transparency) (5) การมีวิสัยทัศน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรในระยะยาว (Vision to create longterm value) (6) การมีจริยธรรมและจรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ในการปฏิบัติงาน (Ethics and Integrity) (7) ความรู้ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิค (8) ความสามารถในการสื่อสารและการนําเสนอ (9) การพัฒนาตนเองที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ ข้อ ๖ เกณฑ์การประเมิน (1) ให้คณะกรรมการกําหนดน้ําหนักคะแนนตามประเด็นในข้อ 5 (2) ทุกข้อกระทงที่ใช้ในแบบประเมินเป็นแบบมาตราประมาณค่า (Rating scale) 4 ระดับ ตามที่คณะกรรมการกําหนด (3) ต้องมีการรายงานผลการปฏิบัติงานทุกปี เพื่อให้คณะกรรมการให้คะแนนได้ (4) กําหนดคะแนนผลการประเมินการปฏิบัติงานเป็น 4 ระดับ ดังนี้ ระดับดีเด่น หมายถึง คะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่าง 90.0 – 100 คะแนน ระดับดี หมายถึง คะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่าง 70.0 - 89.9 คะแนน ระดับพอใช้ หมายถึง คะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่าง 50.0 - 69.9 คะแนน ระดับควรปรับปรุงหมายถึง คะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่าง ต่ํากวา 50.0 คะแนน ข้อ ๗ ให้ประธาน ก.พ.ค. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ โดยการเสนอเรื่องจากสํานักพิทักษ์ระบบคุณธรรม ประกอบด้วย (1) กรรมการ ก.พ.ค. ทุกคน โดยให้เลือกคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ (2) ผู้อํานวยการสํานักพิทักษ์ระบบคุณธรรม เป็นเลขานุการ ข้อ ๘ วิธีการประเมินและหลักเกณฑ์การปฏิบัติให้ดําเนินการดังนี้ (1) เริ่มประเมินครั้งแรก เมื่อกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวิินิจฉัยร้องทุกข์ได้รับการแต่งตั้งครบ 1 ปี และประเมินครั้งต่อไปทุกรอบ 1 ปี (2) ใหกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ส่งรายงานผลการปฏิบัติงาน ตามประเด็นในข้อ 5 ตามแบบที่กําหนด จํานวน 8 ชุด ต่อประธาน ก.พ.ค. ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ปฏิบัติหน้าที่ครบ 1 ปี และทุกรอบ 1 ปี ต่อไป (3) คณะกรรมการดําเนินการประเมินจากรายงานผลการปฏิบัติงาน รวมทั้งอาจใช้วิธีการอื่นประกอบด้วยก็ได้ (4) ให้คณะกรรมการประชุมสรุปผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์แต่ละรายให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง แล้วรายงานให้ประธาน ก.พ.ค. ทราบโดยเร็ว ข้อ ๙ ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือท่ี่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 นายวชิร สงบพันธ์ ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,124
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกำหนดหลักสูตรอบรมกฎหมายวัตถุอันตรายและข้อกำหนดตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2564
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การกําหนดหลักสูตรอบรมกฎหมายวัตถุอันตรายและข้อกําหนดตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ------------------------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักสูตรการฝึกอบรมสําหรับผู้ตรวจประเมินขององค์กร ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ที่ประสงค์จะได้รับการขึ้นบัญชีจาก สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อเป็นหน่วยตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (3) ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มาซึ่งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตาม หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2561 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ หลักสูตรอบรมกฎหมายวัตถุอันตรายและข้อกําหนดตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการ ผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ สําหรับผู้ตรวจประเมินสถานประกอบการ ผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามท้ายประกาศนี้ ข้อ ๒ หนังสือรับรองการอบรม ให้เป็นไปตาม แบบ นต./วอ. 10 ท้ายประกาศนี้ โดยให้มี อายุใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินแห่งปีที่ห้านับแต่ปีที่ออกหนังสือรับรองการอบรม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564 (นายไพศาล ดั่นคุ้ม) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
6,125
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการรายงานการดำเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ พ.ศ. 2556
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานการดําเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ พ.ศ. 2556 ------------------ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) ประกอบกับมาตรา 104 มาตรา 8 (7) มาตรา 103 และมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 33 มาตรา 43และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานการดําเนินการทางวินัย และการสั่งให้ออกจากราชการ พ.ศ. 2556” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การรายงาน อ.ก.พ. กระทรวง หรือรายงาน ก.พ. ตามมาตรา 103 หรือ มาตรา 110 แล้วแต่กรณี ให้รายงานเป็นหนังสือภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคําสั่ง โดยให้ส่งสําเนาคําสั่งจํานวนสองฉบับ พร้อมทั้งต้นฉบับสํานวนการสืบสวนสอบสวนการดําเนินการทางวินัยหรือสํานวนการพิจารณาดําเนินการสั่งให้ออกจากราชการไปด้วย ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รายงาน อ.ก.พ. กระทรวง หรือ ก.พ. ให้แจ้งผลการดําเนินการให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ทราบด้วย ข้อ ๔ การรายงาน ก.พ. ตามมาตรา 104 ให้ผู้แทน ก.พ. ซึ่งเป็นกรรมการใน อ.ก.พ. กระทรวง รายงานเป็นหนังสือ สรุปข้อเท็จจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการดําเนินการที่เห็นว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน หรือการปฏิบัติที่เห็นว่าไม่เหมาะสม พร้อมทั้งความเห็นของตนพร้อมด้วยเหตุผล เสนอต่อเลขาธิการ ก.พ. ภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้มีการพิจารณากรณีดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาของ ก.พ. ต่อไป และให้ อ.ก.พ. กระทรวงรายงานเป็นหนังสือแจ้งมติ อ.ก.พ. กระทรวง พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อ ก.พ. โดยเร็ว ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการกํากับ ดูแล ตรวจสอบและประเมินผล รวมทั้งรักษาความเป็นธรรมและมาตรฐานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในเรื่องที่เกี่ยวกับวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ เมื่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ได้ดําเนินการครบทุกขั้นตอนและได้มีคําสั่งเป็นประการใดแล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ส่งสําเนาคําสั่ง พร้อมทั้งบันทึกสรุปประวัติและข้อเท็จจริงซึ่งมีสาระสําคัญ ตามแบบที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด ให้ ก.พ. ภายในสิบห้าวันนับตั้งแต่วันที่ได้ดําเนินการตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง หรือมติ ก.พ. ข้อ ๖ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม ๑ ประกาศ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,126
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2564
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่อง การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ------------------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดขอบข่ายการขึ้นบัญชี แบบคําขอ แบบหนังสือสําคัญ และแบบรายงาน ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นบัญชีและการดําเนินการของหน่วยตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการ ที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 3 ข้อ 7 (3) ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 และข้อ 12 ของประกาศกระทรวง สาธารณสุข เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มาซึ่งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กร เอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตาม หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2561 สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ขอบข่ายที่สํานักงานคณะกรรมการการอาหารและยากําหนดให้ขึ้นบัญชี คือ การตรวจ ประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการออกหนังสือรับรองมาตรฐานการผลิตตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ข้อ ๒ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่ประสงค์จะขอขึ้นบัญชีหน่วยตรวจ ให้ยื่นคําขอขึ้นบัญชีกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบ นต.วอ.1 ท้ายประกาศนี้ ข้อ ๓ การขึ้นบัญชี ให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาออกเป็นหนังสือสําคัญการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจสถานประกอบการผลิตตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยารับผิดชอบให้แก่ผู้ยื่นคําขอตามแบบ นต.วอ.2 ท้ายประกาศนี้ ข้อ ๔ หน่วยตรวจที่ประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยื่นคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการขึ้นบัญชีพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบ นต.วอ.3 ท้ายประกาศนี้ ข้อ ๕ หน่วยตรวจต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับบริการในรอบหนึ่งปีปฏิทินตามแบบ นต.วอ.4 พร้อมหลักฐานบันทึกการตรวจประเมินให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบภายในวันที่ ท้ายประกาศนี้ 31 มกราคมของปีถัดไป ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2564 (นายไพศาล คั่นคุ้ม) เลขาธิการคณะกรรมการอาหาร ยา
6,127
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพเพื่อต่อวาะระการดำรงตำแหน่งกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2556
ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพเพื่อต่อวาระการดํารงตําแหน่ง กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2556 ---------------------- อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 31 (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และข้อ 4 ของระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพเพื่อต่อวาระการดํารงตําแหน่ง กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2556 ข้อ ๒ ในระเบียบนี้ "การประเมินสมรรถภาพ" หมายความว่า การประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ซึ่งจะมีระยะเวลาการดํารงตําแหน่งครบวาระ เพื่อแต่งตั้งให้เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ต่อไปอีกวาระหนึ่ง โดยใช่วิธีการประเมินสุขภาพทางการและทางจิตใจ และการประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อ ๓ ให้มีการประเมินสมรรถภาพของกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ที่มีอายุยังไม่ครบ 70 ปีบริบูรณ์ในวันที่ครบวาระการดํารงตําแหน่ง และแสดงความประสงค์ขอเข้ารับการประเมินสมรรถภาพ โดยให้ ก.พ.ค. เป็นคณะกรรการประเมินสมรรภาพและให้เลขาธิการ ก.พ. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ ก.พ. เป็นเลขานุการ การดําเนินการตามวรรคหนึ่งให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์จะครบวาระการดํารงตําแหน่ง ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. มีหนังสือแจ้งให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ทราบว่ามีจะมีการประเมินสมรรถภาพ และให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์แจ้งความประสงค์ขอเข้ารับการประเมินสมรรถภาพให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว ข้อ ๕ การประเมินสุขภาพทางกายและทางจิตใจ ให้กระทําให้คณะแพทย์โรงพยาบาลของรัฐ ที่ ก.พ.ค. เห็นสมควร โดยให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. มีหนังสือแจ้งให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้ตามข้อ 4 เข้ารับการประเมินสุขภาพทางกายและทางจิตใจ ตามวันเวลาและโรงพยาบาลที่ ก.พ.ค. กําหนด โดยกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ให้คณะแพทย์ที่ทําการประเมินสุขภาพตามวรรคหนึ่ง แจ้งปลประเมินสุขภาพไปให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. และผู้เข้ารับการประเมินสุขภาพทางกายและทางจิตใจทราบโดยเร็ว กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ผู้ใดไม่ผ่านการประเมินสุขภาพทางกายและทางจิตใจไม่มีสิทธิได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อ ๖ ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้ ก.พ.ค. กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการประเมินองค์ประกอบในการประเมิน และเกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน แล้วประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ให้ ก.พ.ค. ดําเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามวรรคหนึ่งแล้วแจ้งให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ผู้เข้ารับการประเมินทราบ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ผู้ใดไม่ผ่านการประเมินไม่มีสิทธิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ต่ออีกวาระหนึ่ง ผลการประเมินของ ก.พ.ค. ให้เป็นที่สุด ข้อ ๗ ให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. ออกคําสั่งแต่งตั้งให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ที่ผ่านการประเมินตามข้อ 6 เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ต่อไปคราวละหนึ่งวาระ หรือถึงวันที่มีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์แล้วแต่กรณี ข้อ ๘ ให้ประธานกรรมการ ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือที่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 (นายศราวุธ เมนะเศวต) ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,128
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (GMP) พ.ศ. 2559
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ (GMP) พ.ศ. 2559 ------------------------ ด้วยสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีนโยบายส่งเสริมให้สถานที่ผลิตวัตถุอันตราย ระบบประกันคุณภาพมาใช้ในสถานที่ผลิตโดยสมัครใจ เพื่อให้การผลิตวัตถุอันตรายมีคุณภาพมาตรฐาน มี ประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยในการใช้ อันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค สํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา จึงเห็นสมควรประกาศใช้หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย (GMP) เพื่อให้ผู้ผลิตนําไปใช้ใน การบริหารงานคุณภาพการผลิตวัตถุอันตราย จึงออกประกาศไว้ดังนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “ผู้ผลิต” หมายถึง ผู้ประกอบการที่ดําเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิต การบรรจุ การเปลี่ยนรูป วัตถุอันตราย การแบ่งวัตถุอันตรายจากภาชนะหรือหีบห่อเดิมไปบรรจุในภาชนะหรือหีบห่อใหม่เพื่อขาย และการรวมบรรจุ “วัตถุอันตราย” หมายถึง วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ตาม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ข้อ ๒ ผู้ผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 หรือชนิดที่ 3 ที่มีความประสงค์จะขอการรับรอง สถานที่ผลิตตามหลักเกณฑ์ GMP วัตถุอันตราย ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ตาม ภาคผนวกแนบท้ายประกาศนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (นายบุญชัย สมบูรณ์สุข) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
6,129
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคําขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560 -------------------- เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยามีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และมีทางเลือกผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่มีคุณภาพได้มากขึ้น และยังเป็นการผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบบการอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และระบบการคุ้มครองผู้บริโภคที่มี ประสิทธิภาพและทันสมัย เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการเพิ่มศักยภาพในการ แข่งขันทางธุรกิจทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับการค้าโลก โดยมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม แก่ประชาชน ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศอย่างยั่งยืนอันเป็นการปฏิรูประเบียบราชการเพื่อประโยชน์ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (5) แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ และความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการประชุมครั้งที่ 24 - 2/2560 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กําหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคําขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้กระบวนการ พิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ของส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๒ ในการนี้อาจให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ทุก 5 ปี หรือเมื่อมีเหตุจําเป็นอื่น ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,130
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. 2555
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. 2555 ---------------------- โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. 2555” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการพลเรือนซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ “ตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ” หมายความว่า ตําแหน่งที่ อ.ก.พ. กระทรวงกําหนดให้เป็นตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กําหนดตามมาตรา ๔๗ “พ.ข.ต.” หมายความว่า เงินเพิ่มสําหรับข้าราชการซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ “บุตร” หมายความว่า บุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่หมายความรวมถึงบุตรบุญธรรมหรือบุตร ซึ่งได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นแล้ว ข้อ ๔ ข้าราชการที่จะได้รับ พ.ข.ต. ตามระเบียบนี้จะต้องได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศ และได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งดังกล่าว ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรของข้าราชการตามวรรคหนึ่งได้อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นการประจํากับข้าราชการในประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นประจําการ ก็ให้ข้าราชการผู้นั้นได้รับ พ.ข.ต. สําหรับกรณีดังกล่าวตามระเบียบนี้ด้วย ข้อ ๕ ข้าราชการอาจได้รับ พ.ข.ต. ตามระเบียบนี้ ดังต่อไปนี้ (1) พ.ข.ต. สําหรับตนเองในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศโดยให้ได้รับตามอัตราที่ ก.พ. กําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง (2) พ.ข.ต. สําหรับคู่สมรส โดยให้ได้รับในอัตราร้อยละสามสิบของอัตรา พ.ข.ต. ตาม (1) (3) พ.ข.ต. สําหรับบุตร โดยให้ได้รับสําหรับบุตรจํานวนไม่เกินสามคน ในอัตราคนละร้อยละห้าของอัตรา พ.ข.ต.ตาม (1) ข้อ ๖ ให้ข้าราชการได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อ 5 (1) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) ให้ได้รับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นเข้ารับหน้าที่จนถึงวันที่พ้นจากหน้าที่ ในกรณีที่ต้องส่งมอบงานในหน้าที่ ให้ได้รับจนถึงวันที่ส่งมอบงานเสร็จ แต่ไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที่พ้นจากหน้าที่ในกรณีที่จําเป็นต้องส่งมอบงานเกินกว่าสิบห้าวัน ให้ได้รับสําหรับวันที่เกินนั้นเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีเจ้าสังกัด แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินสามสิบวัน (2) ในกรณีที่ได้รับคํา สั่งให้เดินทางไปรักษาการในตําแหน่ง หรือรักษาราชการแทนต่างสํานักงานในต่างประเทศซึ่งมิใช่ประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นได้รับแต่งตั้งให้ไปประจําการ ในระหว่างเวลาที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งดังกล่าว ให้ได้รับ พ.ข.ต. ในอัตราของประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นไปปฏิบัติราชการโดยให้ได้รับในอัตราตามระดับตําแหน่งของข้าราชการผู้นั้น แต่ถ้าเป็นกรณีที่ได้รับคําสั่งให้เดินทางมาช่วยราชการ รักษาการในตําแหน่ง หรือรักษาราชการแทน ในประเทศไทย ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. นับแต่วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย (3) ในกรณีที่ประเทศไทยตัดสัมพันธ์ทางการทูตหรือลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศที่ประจําการ ถ้าผู้นั้นต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอื่นในระหว่างเวลาดังกล่าวให้ได้รับ พ.ข.ต. ในอัตราของประเทศที่ผู้นั้นไปปฏิบัติราชการโดยให้ได้รับในอัตราตามระดับตําแหน่งของข้าราชการผู้นั้น แต่ถ้าผู้นั้นได้เดินทางกลับประเทศไทยแล้วแต่ยังไม่ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งอื่นให้คงได้รับ พ.ข.ต. ตามที่ได้รับอยู่เดิมต่อไปอีกได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย (4) ในกรณีที่ได้รับคําสั่งหรือได้รับอนุญาตให้ฝึกอบรมภายในประเทศที่ประจําการ ให้คงได้รับ พ.ข.ต. ตามที่ได้รับอยู่ แต่ถ้ากรณีที่ได้รับคําสั่งหรือได้รับอนุญาตให้ฝึกอบรมนอกประเทศที่ประจําการให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับระยะเวลาดังกล่าวไม่เกินปีงบประมาณละสามสิบวันทําการนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นเดินทางออกจากประเทศที่ประจําการ (5) ในกรณีที่ผู้นั้นลาป่วย ลาคลอดบุตร ลากิจส่วนตัว หรือลาพักผ่อน โดยได้รับเงินเดือนระหว่างการลาและอยู่ภายในประเทศที่ประจําการ ให้คงได้รับ พ.ข.ต. ตามที่ได้รับอยู่ แต่ถ้ากรณีผู้นั้นลาป่วย ลาคลอดบุตร ลากิจส่วนตัว หรือลาพักผ่อน โดยได้รับเงินเดือนระหว่างการลาและได้เดินทางออกนอกประเทศที่ประจําการ ให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับกรณีดังกล่าวไม่เกินปีงบประมาณละสามสิบวันทําการนับตั้งแต่วันที่ผู้นั้นเดินทางออกจากประเทศที่ประจําการ กรณีการลาอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. (6) ในกรณีที่ผู้นั้นละทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับระยะเวลาดังกล่าว ข้อ ๗ ให้ข้าราชการได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อ 5 (2) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) คู่สมรสนั้นต้องไม่เป็นผู้ซึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างจากทางราชการ (2) ในกรณีที่คู่สมรสเดินทางเป็นครั้งคราวออกนอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นประจําการถ้าปีหนึ่งมีเวลารวมกันไม่เกินเก้าสิบวัน ให้คงได้รับ พ.ข.ต. ตามอัตราที่ได้รับอยู่ แต่ถ้าปีหนึ่งมีเวลารวมกันเกินเก้าสิบวัน ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับวันที่เกินเก้าสิบวันนั้น แต่ถ้าปีหนึ่งมีระยะเวลารวมกันเกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. ตลอดปีนั้น ยกเว้นเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อติดตามไปอยู่ร่วมกับข้าราชการในต่างประเทศตามข้อ 6 (2)ให้ได้รับ พ.ข.ต. ในอัตราร้อยละสามสิบของอัตรา พ.ข.ต. ที่ข้าราชการได้รับ (3) ในกรณีที่ข้าราชการไม่ได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อ 6 (6) ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อนี้ด้วยตลอดเวลาที่ข้าราชการไม่ได้รับ พ.ข.ต. ดังกล่าว ข้อ ๘ ให้ข้าราชการได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อ 5 (3) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (1) เพื่อประโยชน์ในการนับจํานวนบุตร ให้นับเรียงตามลําดับการเกิดก่อนหลัง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งใด และไม่ว่าบุตรนั้นจะอยู่ในอํานาจปกครองของข้าราชการหรือไม่ เว้นแต่ในกรณีที่ยังไม่มีบุตรหรือมีบุตรยังไม่ถึงสามคน ต่อมามีบุตรแฝดซึ่งทําให้จํานวนบุตรเกินสามคนข้าราชการผู้นั้นจะได้รับ พ.ข.ต. สําหรับบุตรแฝดดังกล่าวทุกคน เมื่อบุตรแฝดดังกล่าวเป็นบุตรที่เกิดจากการจดทะเบียนสมรสในกรณีที่ข้าราชการผู้นั้นเป็นชาย หรือเป็นบุตรของตนเองในกรณีที่ข้าราชการผู้นั้นเป็นหญิง (2) ในกรณีที่บุตรคนที่อยู่ในลําดับที่ได้รับ พ.ข.ต. ถึงแก่ความตายก่อนที่จะบรรลุนิติภาวะและมีผลทําให้บุตรคนที่ได้รับ พ.ข.ต. อยู่ มีจํานวนไม่ถึงสามคน ให้เลื่อนบุตรคนที่อยู่ในลําดับถัดไปขึ้นมาแทน แต่ถ้าบุตรที่อยู่ในลําดับถัดไปนั้นเป็นบุตรแฝด ให้เลื่อนบุตรแฝดมาแทนได้ทีละคน (3) บุตรนั้นต้องยังไม่เคยสมรส (4) บุตรนั้นต้องไม่ได้ประกอบอาชีพ (5) บุตรนั้นต้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในกรณีที่บรรลุนิติภาวะในขณะที่กําลังศึกษาอยู่ไม่เกินระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าเป็นครั้งแรก ให้ได้รับ พ.ข.ต. ต่อไปแต่ไม่เกินอายุยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ (6) ในกรณีที่บุตรเดินทางเป็นครั้งคราวออกนอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นประจําการ ถ้าปีหนึ่งมีเวลารวมกันไม่เกินเก้าสิบวัน ให้คงได้รับ พ.ข.ต. ตามอัตราที่ได้รับอยู่ แต่ถ้าปีหนึ่งมีเวลารวมกันเกินเก้าสิบวัน ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับวันที่เกินเก้าสิบวันนั้น แต่ถ้าปีหนึ่งมีระยะเวลารวมกันเกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. ตลอดปีนั้น ยกเว้นเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อติดตามไปอยู่ร่วมกับข้าราชการในต่างประเทศตามข้อ 6 (2) ให้ได้รับ พ.ข.ต. สําหรับบุตรในอัตราคนละร้อยละห้าของอัตรา พ.ข.ต. ที่ข้าราชการได้รับ (7) ในกรณีที่ข้าราชการไม่ได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อ 6 (6)ไม่ให้ได้รับ พ.ข.ต. ตามข้อนี้ด้วยตลอดเวลาที่ข้าราชการไม่ได้รับ พ.ข.ต. ดังกล่าว (8) ในกรณีที่คู่สมรสเป็นข้าราชการซึ่งได้รับ พ.ข.ต. ด้วย และประจําการอยู่ในประเทศเดียวกันให้เลือกว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้รับ พ.ข.ต. สําหรับบุตร ข้อ ๙ ข้าราชการผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูตหรือหัวหน้าคณะผู้แทนถาวรไทยประจําองค์การระหว่างประเทศ ให้ได้รับเงินเพิ่มสําหรับหัวหน้าคณะผู้แทน เรียกโดยย่อว่า “พ.ค.ท.” ในอัตราร้อยละสิบของอัตรา พ.ข.ต. ตามข้อ 5 (1) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กําหนดไว้ตามข้อ 6 ข้อ ๑๐ ข้าราชการซึ่งประจําการในเมืองหรือประเทศที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ อาจได้รับเงินอีกจํานวนหนึ่งเพิ่มจาก พ.ข.ต. ที่ได้รับตามข้อ ๕ (๑) หรือ พ.ค.ท. ตามข้อ ๙ เพื่อเป็นค่าพาหนะในการเดินทางระหว่างประเทศปีละหนึ่งครั้ง โดยให้ได้รับเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราค่าบัตรโดยสารเครื่องบินไป - กลับระหว่างประเทศที่ประจําการกับประเทศไทย ในกรณีที่คู่สมรสหรือบุตรได้อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นการประจํากับข้าราชการผู้นั้นในเมืองหรือประเทศนั้นด้วย ก็อาจได้รับเงินเพิ่มนี้ด้วย หลักเกณฑ์ในการได้รับเงินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ ก.พ. กําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ข้อ ๑๑ การนับปีตามระเบียบนี้ให้นับตั้งแต่วันที่ข้าราชการผู้นั้นเข้ารับหน้าที่ เว้นแต่ระเบียบนี้จะกําหนดไว้เป็นอย่างอื่น ข้อ ๑๒ การเบิกจ่าย พ.ข.ต. พ.ค.ท. และเงินตามข้อ 10 ตามระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกําหนด ข้อ ๑๓ ในกรณีที่หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดมีเหตุผลเป็นพิเศษที่เห็นสมควรให้ข้าราชการได้รับ พ.ข.ต. หรือ พ.ค.ท. นอกจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดเสนอ ก.พ. และกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยในกรณีของ พ.ข.ต. ให้พิจารณาอนุมัติเป็นการเฉพาะราย ส่วนกรณีของ พ.ค.ท. ให้พิจารณาอนุมัติเป็นการเฉพาะสําหรับตําแหน่ง ข้อ ๑๔ ข้าราชการผู้ใดมีคู่สมรสหรือบุตรอาศัยอยู่ร่วมด้วยเป็นการประจําในประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ประจําอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับการนับเวลากรณีคู่สมรสหรือบุตรไม่ได้อยู่ร่วมกับข้าราชการเป็นครั้งคราว ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบที่ใช้บังคับอยู่เดิมจนกว่าจะครบรอบปีประจําการ ข้อ ๑๕ ข้าราชการผู้ใดได้รับ พ.ข.ต. สําหรับบุตรซึ่งไม่เป็นไปตามคํานิยามคําว่า “บุตร” หรือตามข้อ 4 หรือข้อ 5 (3) ที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับให้ข้าราชการผู้นั้นคงได้รับ พ.ข.ต. สําหรับบุตรนั้นตามที่ได้รับอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีคําสั่งให้พ้นจากหน้าที่หรือส่งมอบงานในหน้าที่ตามข้อ 6 (1) ข้อ ๑๖ ในระหว่างที่ยังมิได้กําหนดอัตรา หลักเกณฑ์ หรือวิธีการใดเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ให้นําระเบียบ อัตรา หลักเกณฑ์ หรือวิธีการเกี่ยวกับการได้รับเงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่ประจําอยู่ในต่างประเทศที่ใช้บังคับอยู่เดิมมาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ จนกว่าจะได้มีการกําหนดอัตรา หลักเกณฑ์ หรือวิธีการตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๗ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ
6,131
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2560 ---------------------------- เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยามีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และมีทางเลือกผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่มีคุณภาพได้มากขึ้น และยังเป็นการผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบบการอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และระบบการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับการค้าโลก โดยมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศอย่างยั่งยืนอันเป็นการปฏิรูประเบียบราชการเพื่อประโยชน์ แก่ประชาชน อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (4) แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ และความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการประชุมครั้งที่ 25 - 2/2560 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กําหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการประเมินเอกสาร ทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ เพื่อให้กระบวนการ พิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการพิจารณาอนุญาตของ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๒ ในการนี้อาจให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าขั้นบัญชีสูงสุดในบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ ทุก 5 ปี หรือเมื่อมีเหตุจําเป็นอื่น ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,132
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการได้มาซึ่งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการได้มาซึ่งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2561 ------------------------ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นบัญชีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย เพื่อการตรวจหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ เพื่อสนับสนุนกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในข้อ 2 ข้อ 4 (1) และข้อ 4 วรรคสาม ของคําสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณา อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 26-4/2560 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 “องค์กรผู้เชี่ยวชาญ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินหรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภท ได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน มหาวิทยาลัย ในกํากับของรัฐ และหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งสถาบันภายใต้มูลนิธิที่จัดตั้งโดยส่วนราชการ ที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมิน หรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภทได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “องค์กรเอกชน” หมายความว่า นิติบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ สถาบันการศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ได้รับการ ขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินหรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็น สองประเภทได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “หน่วยตรวจ (Inspection Body)” หมายความว่า องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบ ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ และส่งผลการตรวจและการแก้ไขข้อบกพร่อง ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพื่อออกหนังสือรับรอง “หน่วยรับรอง (Certification Body)” หมายความว่า องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อทําหน้าที่ ตรวจสอบ ตรวจประเมิน และให้การรับรองมาตรฐานสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “หน่วยรับรองระบบงาน (Accreditation Body)” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐ ในประเทศที่มีอํานาจหน้าที่ในการรับรองระบบงานแก่หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง “ผู้ตรวจประเมิน (Auditor)” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่ทําหน้าที่ในการตรวจสอบ ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดี ในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์” หมายความว่า คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยาให้ทําหน้าที่พิจารณาและวินิจฉัยคําอุทธรณ์ “คณะกรรมการรับรองหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง” หมายความว่า คณะบุคคลที่ได้รับ การแต่งตั้งโดยเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาให้ทําหน้าที่พิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงานของผู้ยื่นคําขอขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรอง สถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ รวมถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลง การขยายขอบข่าย การลดขอบข่าย การยกเลิก การพักใช้ และการเพิกถอนการขึ้นบัญชี “ผู้รับบริการ” หมายความว่า ผู้ผลิตวัตถุอันตรายที่ขอใช้บริการหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เพื่อตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “ขอบข่ายการขึ้นบัญชี (Scope of registration)” หมายความว่า ขอบข่ายการให้บริการ ของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองในการตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับเพื่อขึ้นบัญชี “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๓ ขอบข่ายการขึ้นบัญชีให้เป็นไปตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด หมวด ๑ คุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ เงื่อนไขการดําเนินงาน --------------------- ส่วน ๑ และขอบข่ายของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ---------------------- ข้อ ๔ ผู้ใดประสงค์จะได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานเพื่อเป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ต้องยื่นคําขอขึ้นบัญชี พร้อมหลักฐานตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ผู้ยื่นคําขอตามวรรคหนึ่งต้องมีคุณสมบัติและมาตรฐาน ดังนี้ (1) เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย ในกรณีเป็นนิติบุคคลต่างด้าวจะต้องได้รับ ใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจากกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า กระทรวงพาณิชย์ (2) เป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ได้รับการรับรองระบบงานจากหน่วยรับรองระบบงาน ดังนี้ (ก) หน่วยตรวจ (Inspection Body) ต้องได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐาน ISO/IEC 17020 Conformity assessment - Requirements for the operation of various types of bodies performing inspection สาขาการตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่สํานักงานรับขึ้นบัญชี (ข) หน่วยรับรอง (Certification Body) ต้องได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐาน ISO/IEC 17065 Conformity assessment - Requirements for bodies certifying products, processes and services สาขาการรับรองกระบวนการผลิตวัตถุอันตรายตามขอบข่ายที่สํานักงาน รับขึ้นบัญชี (3) มีผู้ตรวจประเมินที่สําเร็จหลักสูตรการฝึกอบรมจากสํานักงาน หรือจากหน่วยงานอื่นที่ เลขาธิการ ประกาศทกําหนด ในหลักสูตรกฎหมายวัตถุอันตรายและข้อกําหนดตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดี ในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานรับผิดชอบ (4) มีการกําหนดนโยบายและการบริหารจัดการที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ แยกกิจกรรมที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนออกจากกันอย่างชัดเจนและมีโครงสร้างองค์กรที่จะทําให้เกิดความเชื่อมั่น ในการตรวจประเมินและให้การรับรอง (5) ไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอน การขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรองจากสํานักงาน เว้นแต่พ้นระยะหกเดือนนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน (6) ไม่เป็นผู้ถูกดําเนินคดี หรือเป็นผู้ที่มีตัวแทนที่อยู่ระหว่างถูกดําเนินคดีในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสารที่จะนํามาใช้ประกอบการยื่นขอขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เว้นแต่คดีจะยุติ ว่าผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหานั้น และในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด ว่ามีความผิด ผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนสามารถยื่นขอขึ้นบัญชีได้เมื่อพ้นกําหนดสองปี นับแต่วันที่ศาล มีคําพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าว (7) ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพื่อรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารฉบับใด ฉบับหนึ่งอันเนื่องมาจากมีพฤติการณ์ หรือมีมูลเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่าผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนกระทําการ หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทําผิดดังกล่าว ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินหรือการรับรอง หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วน ๒ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงานของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง --------------------- ข้อ ๕ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องตรวจประเมิน และ/หรือให้การรับรองมาตรฐาน สถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน โดยใช้หลักเกณฑ์ ตามประกาศสํานักงานว่าด้วยเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานรับผิดชอบ ข้อ ๖ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้ (1) หน่วยตรวจทําหน้าที่ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามขอบข่าย ที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน และส่งผลการตรวจพร้อมการแก้ไขข้อบกพร่องให้สํานักงานพิจารณาเพื่อออก หนังสือรับรอง (2) หน่วยรับรองทําหน้าที่ตรวจประเมินและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน และออกหนังสือรับรองการตรวจประเมิน ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองการตรวจประเมินให้เป็นไปตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ข้อ ๗ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการดําเนินงาน ดังนี้ (1) ต้องไม่จ้างองค์กรหรือหน่วยงานอื่นเพื่อดําเนินการตรวจประเมินใด ๆ ตามที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน (2) ต้องแจ้งผลการแก้ไขปรับปรุงการดําเนินงานที่บกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลตามที่ได้ขึ้นบัญชีไว้หรือตามหลักฐานประกอบคําขอขึ้นบัญชี หรือการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่จะกระทบต่อความสามารถของหน่วยตรวจและหน่วยรับรอง เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้ตรวจประเมิน การยกเลิก เพิกถอน หรือพักใช้การรับรองระบบงาน ให้สํานักงานทราบภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ พบความบกพร่อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือได้รับแจ้งจากสํานักงาน (3) ต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับบริการตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด พร้อมทั้งหลักฐาน บันทึกการตรวจประเมินให้สํานักงานทราบทุกสิ้นปีปฏิทิน การจัดส่งรายงานและหลักฐานตามวรรคหนึ่งให้ยืน ณ สํานักงาน หรือแจ้งผ่านระบบรายงาน อิเล็กทรอนิกส์ (4) ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมิน หรือการออกเอกสารรับรองใหม่ในกรณี ที่เกิดข้อผิดพลาดจากการดําเนินงานของตนเอง (5) ต้องไม่นําการขึ้นบัญชีไปใช้ หรืออ้างถึงในทางที่ทําให้เกิดความเสียหายหรือเข้าใจผิด (6) ไม่ปฏิบัติตนที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับสํานักงาน และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เมื่อมีการสอบสวนข้อกล่าวหา ข้อ ๘ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องให้ความร่วมมือกับสํานักงาน ในการตรวจ สมรรถนะผู้ตรวจประเมินและระบบขององค์กรตามที่ได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อติดตามผลการดําเนินงาน อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในสามปี โดยสํานักงานอาจสุ่มตรวจร่วมกับหน่วยรับรองระบบงาน หรือพิจารณา จากผลการตรวจติดตามการดําเนินงานจากหน่วยรับรองระบบงาน รวมทั้งส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆให้แก่สํานักงานเมื่อได้รับการร้องขอ กรณีผลการตรวจสมรรถนะผู้ประเมิน หรือระบบองค์กรที่ได้รับการขึ้นบัญชีตามวรรคหนึ่ง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่ประกาศกําหนด หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องแจ้งแนวทางการแก้ไขภายในสามสิบวัน และดําเนินการแก้ไขภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการแจ้งจากสํานักงาน ทั้งนี้ อาจขยายระยะเวลาได้ แล้วแต่กรณี หมวด ๒ การขึ้นบัญชี การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การขยายขอบข่าย การลดขอบข่าย การยกเลิก การพักใช้ การเพิกถอน และการพิจารณาดําเนินการ ------------------------- ส่วน ๑ การขึ้นบัญชี ------------------------ ข้อ ๙ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่ประสงค์จะขอขึ้นบัญชี กับสํานักงาน ให้ยื่นคําขอพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ข้อ ๑๐ การยื่นคําขอขึ้นบัญชี ให้ผู้ขอขึ้นบัญชียื่นคําขอต่อสํานักงานหรือผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ของสํานักงาน พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบคําขอตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ทั้งนี้ ผู้ขอขึ้นบัญชีต้องส่งมอบข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ข้อ ๑๑ การขึ้นบัญชี ให้เลขาธิการประกาศการขึ้นบัญชีเป็นผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน เพื่อทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถาน ประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย เมื่อปรากฏว่าผู้ขอขึ้นบัญชีมีคุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงาน ตามหมวด 1 หรือหมวด 2 แล้วแต่กรณี บัญชีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ตามวรรคหนึ่ง ให้มีอายุสามปีนับแต่วันที่ได้ขึ้นบัญชี หากประสงค์จะขึ้นบัญชีดังกล่าวใหม่ ให้ยื่นคําขอขึ้นบัญชี ภายในเก้าสิบวันก่อนวันสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคําขอดังกล่าวแล้วให้ถือว่าบัญชีดังกล่าวยังใช้ต่อไปได้จนกว่า เลขาธิการจะไม่ขึ้นบัญชี ส่วน ๒ การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ----------------------- ข้อ ๑๒ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยื่นคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการขึ้นบัญชีพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้สํานักงานประกาศการขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ตามวรรคหนึ่งด้วย ส่วน ๓ การขยายขอบข่าย --------------------- ข้อ ๑๓ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่มีความประสงค์จะขอขยายขอบข่ายที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยื่นคําขอขยายขอบข่ายการขึ้นบัญชีพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้สํานักงานประกาศการขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ตามวรรคหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าผู้ยื่นคําขอมีคุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงาน ตามหมวด 1 ส่วน ๔ การลดขอบข่าย -------------------------- ข้อ ๑๔ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้ (1) ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่ประกาศกําหนด หรือไม่ปรับปรุงแก้ไข ภายในระยะเวลาที่กําหนดนับจากวันที่รับทราบหนังสือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามขอบข่ายที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงาน (2) ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงสําคัญใด ๆ เกี่ยวกับขอบข่ายภายในหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการดําเนินการตรวจประเมินและรับรองในขอบข่ายนั้น (3) ผลการตรวจติดตามเกี่ยวกับขอบข่ายของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงานพบข้อบกพร่อง และไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อการรับรองความสามารถของผู้ตรวจประเมิน และไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในผลการตรวจและรับรองได้ หรือส่งผลกระทบต่อการดําเนินงาน ของผู้เกี่ยวข้องในขอบข่ายนั้น (4) หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองแจ้งความประสงค์จะขอลดขอบข่ายที่ขึ้นบัญชี เมื่อสํานักงานมีคําสั่งลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติ การดําเนินการหรือกล่าวอ้างเพื่อให้บริการตรวจหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ในขอบข่ายนั้น และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่ได้มีการอ้างอิงถึงขอบข่ายนั้น ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่รับทราบคําสั่งแจ้งลดขอบข่ายจากสํานักงาน ข้อ ๑๕ ให้สํานักงานเผยแพร่การขึ้นบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่ง ลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ข้อ ๑๖ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกลดขอบข่ายออกจากการขึ้นบัญชีตามข้อ ขอขึ้นบัญชีในขอบข่ายดังกล่าวอีกไม่ได้ จนกว่าเวลาจะพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ยกเว้นกรณีตามข้อ 14 (4) ส่วน ๕ การยกเลิก ------------------------- ข้อ ๑๗ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่มีความประสงค์จะยกเลิกการขึ้นบัญชี ให้แจ้งให้ สํานักงานทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ทั้งนี้ ต้องจัดทํารายงาน พร้อมหลักฐานการตรวจประเมินตามข้อ 7 (3) ให้แล้วเสร็จและส่งมอบให้สํานักงานก่อนวันที่ยกเลิก การขึ้นบัญชีตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน การยกเลิกการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการ หรือกล่าวอ้างเพื่อ ดําเนินการตรวจและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย แสดงถึงการขึ้นบัญชี และต้องยุติการใช้ สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน ข้อ ๑๘ ให้สํานักงานเผยแพร่การยกเลิกการขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ซึ่งผลของการยกเลิกการขึ้นบัญชีจะไม่มีผลกระทบต่อการกระทําใด ๆ ที่หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ได้ดําเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ ให้อยู่ในการพิจารณาของเลขาธิการ ส่วน ๖ การพักใช้ -------------------- ข้อ ๑๙ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศนี้หรือประกาศสํานักงานที่ออก ตามประกาศนี้ หรือไม่ปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนดนับจากวันที่รับทราบหนังสือ การแจ้งเตือนจากสํานักงาน (2) ผลการตรวจติดตามของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงาน พบข้อบกพร่อง และไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อการรับรองความสามารถของผู้ตรวจประเมิน และไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในผลการตรวจและรับรองได้ หรือส่งกระทบต่อการดําเนินงานของผู้เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมด สํานักงานมีคําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชีเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับตั้งแต่วันที่รับทราบ คําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี ในระหว่างถูกพักใช้การขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการหรือกล่าวอ้าง เพื่อให้บริการตรวจประเมินหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงานทั้งหมดทันที หมวด ๔ การอุทธรณ์ --------------------- ข้อ ๒๐ ให้สํานักงานเผยแพร่การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกพักใช้การขึ้นบัญชี ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่งให้พักใช้การขึ้นบัญชี ส่วน ๗ การเพิกถอน --------------------- ข้อ ๒๑ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ขาดคุณสมบัติ (2) ฝ่าฝืนคําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี หรือไม่แก้ไขข้อบกพร่องตามระยะเวลาที่กําหนดในคําสั่ง พักใช้การขึ้นบัญชีตามประกาศนี้ (3) เคยถูกพักใช้การขึ้นบัญชีมาแล้วสองครั้งในสองรอบการขึ้นบัญชี (4) ผลการตรวจติดตามของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงานที่แสดงว่าหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรองได้กระทําผิดตามประกาศนี้หรือประกาศสํานักงานที่ออกตามประกาศนี้ ซึ่งก่อให้เกิด ความเสียหายต่อเศรษฐกิจหรือต่อประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิตและความปลอดภัยของผู้บริโภค (5) จัดทําผลการตรวจประเมินหรือการรับรองของผู้รับบริการอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งควรแจ้งโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน หรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้มีการออกผลการตรวจประเมิน และรับรองโดยมิชอบ เมื่อสํานักงานมีคําสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการ หรือกล่าวอ้าง เพื่อดําเนินการตรวจและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงานทั้งหมดทันที ข้อ ๒๒ ให้สํานักงานประกาศเผยแพร่การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกเพิกถอน การขึ้นบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี ส่วน ๘ การพิจารณาดําเนินการ ------------------------------- ข้อ ๒๓ การพิจารณาดําเนินการตามหมวด 2 ส่วนที่ 1 ถึง 7 ให้เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการรับรองหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เพื่อกลั่นกรองและสรุปผลเสนอต่อสํานักงาน หมวด ๓ การอุทธรณ์ ---------------------------- ข้อ ๒๔ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ซึ่งถูกสั่งไม่ขึ้นบัญชีตามข้อ 10 ไม่ให้ขยายขอบข่าย การขึ้นบัญชีตามข้อ 13 ลดขอบข่ายการขึ้นบัญชีตามข้อ 14 พักใช้การขึ้นบัญชีตามข้อ 19 หรือเพิกถอนการขึ้นบัญชีตามข้อ 21 มีสิทธิอุทธรณ์ต่อเลขาธิการได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง คําสั่งดังกล่าว เมื่อได้รับคําอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เพื่อพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคําอุทธรณ์ทราบให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับจากวันที่ได้รับ คําอุทธรณ์ คําชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด หมวด ๔ ค่าใช้จ่าย ----------------------- ข้อ ๒๕ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้าย ประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ในการประเมินเอกสาร ทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงาน หมวด ๕ ความจําเป็นและเพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุญาต ------------------------------ ข้อ ๒๖ ในกรณีมีความจําเป็นและเพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุญาต ที่ต้องอาศัยองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีหน้าที่หรือความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับการตรวจสอบ หรือการตรวจสถาน ประกอบการ ประกอบกับหากการพิจารณาเพื่อขึ้นบัญชีตามประกาศนี้จะมีผลให้กระบวนการพิจารณา อนุญาตไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในคู่มือสําหรับประชาชนด้วยแล้ว ให้เลขาธิการมีอํานาจประกาศการขึ้นบัญชีให้องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามวรรคหนึ่ง เป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ตามประกาศนี้ โดยให้ยกเว้นการพิจารณาหรือดําเนินการตามประกาศนี้ได้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ ในการประกาศการขึ้นบัญชีตามวรรคสอง ให้แจ้งเหตุผลความจําเป็น ประโยชน์ในการเร่งรัด หรือผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาอนุญาต รวมถึงหน้าที่หรือความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ของหน่วยงาน หรือองค์กรที่ขึ้นบัญชีไว้ด้วย บทเฉพาะกาล ๑ ------------------------------- ข้อ ๒๗ ให้องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ได้รับการขึ้นบัญชีไว้ กับสํานักงานก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ประกาศนี้บังคับใช้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,133
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ พ.ศ. 2554
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงาน ที่หน่วยงานอื่นในประเทศ พ.ศ. 2554 --------------------------- โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ เพื่อให้ข้าราชการมีความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ พ.ศ. 2554” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด” หมายความว่า ปลัดกระทรวงในฐานะบังคับบัญชาสํานักงานปลัดกระทรวง ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีในฐานะบังคับบัญชาสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่ากรม ข้อ ๔ หน่วยงานอื่นในประเทศที่จะให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานตามระเบียบนี้ ได้แก่ (1) ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา หรือตามมติคณะรัฐมนตรี (2) องค์การระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย (3) หน่วยงานภาคเอกชนที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและได้รับการจัดให้มีดัชนีราคาในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่สุดหนึ่งร้อยอันดับแรก หรือได้รับการจัดอันดับว่ามีธรรมาภิบาลในระดับดีมาก หรือดีเลิศ (4) หน่วยงานภาคเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกําไร และมีองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภารกิจของส่วนราชการต้นสังกัด ตามที่ อ.ก.พ. กรมให้ความเห็นชอบ (5) หน่วยงานอื่นตามที่ ก.พ. กําหนด เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ การไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศให้หมายความรวมถึงการไปปฏิบัติงานในประเทศกับผู้ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดเห็นว่ามีองค์ความรู้ในเชิงลึกที่เป็นประโยชน์กับภารกิจของส่วนราชการ และเป็นผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ หรือได้รับรางวัลดีเด่นระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ข้อ ๕ ให้ ก.พ. มีอํานาจกําหนดรายละเอียดเพื่อปฏิบัติตามระเบียบนี้ และวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับตามระเบียบนี้ รวมทั้งพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งแห่งระเบียบนี้ด้วย ทั้งนี้ คําวินิจฉัยหรือผลการพิจารณาของ ก.พ. ให้เป็นที่สุด ข้อ ๖ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ การให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ------------------------------ ข้อ ๗ หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดอาจสั่งให้ข้าราชการผู้สมัครใจไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศตามระเบียบนี้ได้ โดยการไปปฏิบัติงานดังกล่าวต้องมีความสอดคล้องกับภารกิจ และทิศทางในการทํางานของส่วนราชการนั้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และต้องสามารถเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ที่จําเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ข้าราชการผู้นั้นสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการในส่วนราชการต้นสังกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ข้อ ๘ การสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานตามข้อ 7 หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดต้องคํานึงถึงอัตรากําลังที่มีอยู่ โดยให้มีผู้ปฏิบัติงานเพียงพอ ไม่ให้เสียหายแก่ราชการ และจะนําเหตุดังกล่าวมาขอตั้งอัตรากําลังเพิ่มไม่ได้ ข้อ ๙ ส่วนราชการต้นสังกัดต้องกําหนดแผนพัฒนาเฉพาะบุคคลสําหรับผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศให้สอดคล้องกับภารกิจของส่วนราชการทั้งในปัจจุบันและในอนาคตและกําหนดหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะมอบหมายให้ข้าราชการผู้นั้นปฏิบัติเมื่อกลับจากการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นดังกล่าว โดยการมอบหมายหน้าที่นั้นจะต้องสอดคล้องกับความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ที่ได้รับเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจของส่วนราชการต้นสังกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเฉพาะบุคคลที่กําหนดไว้ ข้อ ๑๐ ข้าราชการที่จะไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ (1) อายุไม่เกินสี่สิบปีบริบูรณ์ ในวันที่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ที่หน่วยงานอื่นในประเทศ (2) รับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (3) มีสมรรถนะสอดคล้องกับลักษณะงานที่จะไปปฎิบัติ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชา (4) เป็นผู้ที่ผู้บังคับบัญชารับรองว่ามีความสามารถสูง มีความกระตือรือร้น สามารถเรียนรู้ได้เร็วในสภาพแวดล้อมใหม่ มีความประพฤติดีและตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ราชการ (5) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกดําเนินการทางวินัยหรือเป็นจําเลยในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทําโดยประมาท (6) ถ้าเป็นผู้ที่เคยไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศมาแล้ว จะต้องกลับมาปฏิบัติราชการแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ไปปฏิบัติงานในคราวก่อนนั้น ข้อ ๑๑ การสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ให้หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดพิจารณาเรื่อง ดังต่อไปนี้ (1) พิจารณาลักษณะงานของหน่วยงานอื่นในประเทศที่จะให้ข้าราชการไปปฏิบัติ ซึ่งจะต้องเป็นงานที่ข้าราชการไปปฏิบัติแล้วจะได้รับองค์ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ตรงตามความต้องการของส่วนราชการต้นสังกัด ตลอดจนเหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ข้าราชการผู้นั้นได้รับมอบหมายในปัจจุบันหรือที่จะได้รับมอบหมายในอนาคต (2) พิจารณาลักษณะของหน่วยงานอื่นในประเทศที่จะให้ข้าราชการไปปฏิบัติงาน ซึ่งจะต้องเป็นหน่วยงานที่มีองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภารกิจของส่วนราชการต้นสังกัด (3) พิจารณากําหนดระยะเวลาที่จะสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศซึ่งจะต้องไม่เกินหนึ่งปี ในกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเพื่อที่จะให้ได้ประสบการณ์มาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดอาจพิจารณาขยายเวลาให้ปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นนั้นต่อไปได้อีกไม่เกินหนึ่งปี ข้อ ๑๒ ก่อนสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดจัดทําข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นนั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ (1) วัตถุประสงค์ แผนงาน โครงการที่จะให้ข้าราชการไปปฏิบัติงาน ขอบเขตของงาน ระยะเวลา และแผนการปฏิบัติงาน (2) การประเมินผลการปฏิบัติงานซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กําหนดตามมาตรา 76 หรือตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดและหน่วยงานอื่นนั้นจะได้ตกลงกัน โดยให้ส่วนราชการต้นสังกัดเป็นผู้ประเมิน และหน่วยงานอื่นที่รับข้าราชการไปปฏิบัติงานเป็นผู้ให้ข้อมูลและความเห็นประกอบการประเมิน (3) ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นที่ข้าราชการจะพึงได้รับจากส่วนราชการต้นสังกัดและจากหน่วยงานอื่นในประเทศที่ไปปฏิบัติงาน ซึ่งต้องไม่มีผลให้ได้รับซ้ําซ้อนกัน หมวด ๒ การกํากับดูแล ----------------------------- ข้อ ๑๓ ข้าราชการผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศตามข้อ 4 (2) (3) (4) (5) และวรรคสองเกินกว่าหกเดือน ต้องทําสัญญาตามแบบที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด ข้อ ๑๔ ในระหว่างที่ข้าราชการปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ การใดที่ข้าราชการจะต้องขออนุมัติ ขออนุญาต หรือขอความเห็นชอบตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกําหนด ข้าราชการดังกล่าวบังคงต้องถือปฎิบัติเช่ตเดิม แต่ถ้าเป็นวันเวลาทํางาน วันหยุดตามประเพณี วันหยุดประจําปี และการลาหยุดในขณะที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของหน่วยงานอื่นนั้น ข้อ ๑๕ ข้าราชการผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศต้องปฏิบัติตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างส่วนราชการต้นสังกัดกับหน่วยงานอื่นที่ข้าราชการไปปฏิบัติงาน และต้องปฏิบัติตามระเบียบของหน่วยงานอื่นที่ไปปฏิบัติงานด้วย ข้อ ๑๖ ข้าราชการผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อ 14 หรือข้อ 15 ผู้บังคับบัญชาอาจพิจารณาดําเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างดังนี้ (1) ตักเตือน หรือดําเนินการทางวินัยตามควรแก่กรณี (2) สั่งให้ยุติการปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นนั้นและให้กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ ข้อ ๑๗ การไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศตามระเบียบนี้ให้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และผลการปฏิบัติงานดังกล่าวให้ถือเป็นผลการปฏิบัติราชการตามมาตรา 76 ในระหว่างการปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ หากหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดเห็นว่าการให้ข้าราชการผู้ใดปฏิบัติงานนั้นต่อไปจะไม่เกิดประโยชน์ตามความต้องการของส่วนราชการหรือผลการประเมินตามข้อ 12 (2) ปรากฏว่าข้าราชการผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างส่วนราชการต้นสังกัดและหน่วยงานอื่น หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดอาจสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อนครบกําหนดก็ได้ ข้อ ๑๘ เมื่อครบกําหนดเวลาที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศหรือถูกสั่งให้กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อนครบกําหนดตามข้อ 16 (2) หรือข้อ 17 ให้ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นรายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการในส่วนราชการต้นสังกัดโดยพลัน และจัดทํารายงานผลการปฏิบัติงานทั้งหมดเสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด ข้อ ๑๙ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดจัดให้ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศดําเนินการเผยแพร่องค์ความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับจากการไปปฏิบัติงานดังกล่าว ข้อ ๒๐ เพื่อประโยชน์ในการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน ให้หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดแจ้งให้สํานักงาน ก.พ. ทราบ เมื่อ (1) ได้สั่งการให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศแล้ว (2) ได้รับรายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการดังกล่าวตามข้อ 18 แล้ว หมวด ๓ สิทธิของข้าราชการผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ ---------------------- ข้อ ๒๑ ข้าราชการผู้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศตามระเบียบนี้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นจากทางราชการตามกฎหมาย หรือระเบียบว่าด้วยการนั้น ตลอดจนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนและประโยชน์อื่นจากหน่วยงานอื่นที่ไปปฏิบัติงานตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างส่วนราชการต้นสังกัดและหน่วยงานอื่น ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,134
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554 ------------------------ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญที่ถูกสั่งให้ออกถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 107 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 59 มาตรา 67 มาตรา 110 หรือมาตรา 111 ถ้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอื่นในระเบียบนี้ ให้สั่งให้ออกจากราชการได้ตั้งแต่วันที่กําหนดในคําสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคําสั่ง ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรต้องสั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคําสั่ง ก็ให้สั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทั้งนี้ การสั่งดังกล่าวไม่กระทบ กระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการนั้น ข้อ ๔ การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 110 (8) ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุด หรือวันที่ต้องรับโทษจําคุกโดยคําสั่งของศาล แล้วแต่กรณี ข้อ ๕ การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 111 วรรคหนึ่ง ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ข้อ ๖ ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงคําสั่งเป็นให้ออกจากราชการตามมาตรา 59 มาตรา 67 มาตรา 110 หรือมาตรา 111 ก็ให้สั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามมาตรานั้น ข้อ ๗ การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามมาตรา 101 ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่กําหนดในคําสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคําสั่ง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีการสั่งพักราชการหรือเป็นกรณีที่ถูกควบคุมขัง หรือต้องจําคุก ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องพักราชการ วันที่ถูกควบคุมขังหรือต้องจําคุก แล้วแต่กรณี ข้อ ๘ การสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ถ้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอื่นในระเบียบนี้ ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่กําหนดในคําสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคําสั่ง ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรต้องสั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคําสั่ง ก็ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทั้งนี้การสั่งดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกสั่งลงโทษนั้น ข้อ ๙ ในกรณีที่ได้มีคําสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องพักราชการหรือวันที่ต้องออกจากราชการไว้ก่อน แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ ในกรณีที่กระทําผิดวินัยเพราะเหตุละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันและไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ละทิ้งหน้าที่ราชการนั้น ข้อ ๑๑ ในกรณีที่กระทําความผิดอาญาและได้รับโทษจําคุกตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษจําคุก หรือวันที่ถูกคุมขังติดต่อกันจนถึงวันที่ต้องรับโทษจําคุก แล้วแต่กรณี แต่ถ้าเป็นกรณีที่กระทําความผิดอาญาและได้รับโทษตามคําพิพากษาถึงที่สุดหนักกว่าโทษจําคุก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกตั้งแต่วันที่ต้องคําพิพากษาถึงที่สุด หรือวันที่ถูกคุมขังติดต่อกันจนถึงวันที่ต้องคําพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่งเปลี่ยนแปลงคําสั่งลงโทษปลดออกเป็นไล่ออก หรือไล่ออกเป็นปลดออก ให้สั่งให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกจากราชการตามคําสั่งเดิม แต่ถ้าจะต้องสั่งเปลี่ยนแปลงวันออกจากราชการด้วย ให้สั่งลงโทษย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามกรณีนั้น ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ได้มีการสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 59 มาตรา 67 มาตรา 110 หรือมาตรา 111 ไปแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงคําสั่งเป็นลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามกรณีนั้น ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ได้ออกจากราชการไปก่อนแล้วเพราะถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่น หรือได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ออกจากราชการไปแล้วนั้น ข้อ ๑๕ ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการไปก่อนแล้ว ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ หรือวันที่ผู้นั้นพ้นจากราชการตามกฎ ก.พ. ออกตามมาตรา 108 แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๖ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,135
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรบุคคล พ.ศ. 2553
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรบุคคล พ.ศ. 2553 ------------------- โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีเจตนารมณ์ ที่จะให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน เป็นไปเพื่อผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพความคุ้มค่า และคํานึงถึงระบบคุณธรรม โดยให้ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพ มีคุณธรรมและมีคุณภาพชีวิตที่ดี สมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8(7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพผลการบริหารทรัพยากรบุคคล พ.ศ. 2553 ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป้นต้นไป ข้อ ๓ ให้กรม ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการ ไม่สังกัดสํานักนายกรับมนตรี กระทรวงหรือทบวง และจังหวัดจัดทํารายงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนในปีงบประมาณที่ผ่านมา ตามแบบที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด ส่งให้สํานักงาน ก.พ. ภายในเดือนตุลาคมของทุกปี ในกรณีของสํานักงานรัฐมนตรีให้สํานักงานปลัดกระทรวงเป็นผู้จัดทํารายงานดังกล่าว ให้กรม และส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อรัฐมนตรี ส่งรายงานตามวรรคให้กระทรวงต้นสังกัดด้วย และเมื่อกระทรวงได้ตรวจสอบประเมินผลการพบริหารทรัพยากรบุึึลของกรมในสังกัดรวมทั้งสํานักงานรัฐมนตรีด้วยแล้ว ให้จัดทํารายงานในภาพรวมตามแบบที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด ส่งให้สํานักงาน ก.พ. ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ข้อ ๔ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่จัดทํารายงานตามข้อ 3 ดําเนินการดังต่อไปนี้ (1) วางแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลไว้ล่วงหน้า โดยจัดทําเป็นเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคล เป้าประสงค์ ตัวชี้วัดความสําเร็จของเป้าประสงค์ แผนการดําเนินงาน ระยะเวลา งบประมาณที่ใช้ในแต่ละแผนงาน และผู้รับผิดชอบแผนงาน ซึ่งต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนที่ ก.พ. กําหนดตามมาตรา 8 (3) (2) จัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดําเนินงานตามแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลในแต่ละปี (3) ประมวลผลสถิติเกี่ยวกับตําแหน่ง งบประมาณด้านบุคลากร ขนาดกําลังคน โครงสร้างกําลังคน การเคลื่อนย้ายกําลังคน การพัฒนาการรักษาวินัย จรรยา และการร้องทุกข์ของข้าราชการพลเรือนสามัญ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจํา ที่มีอยู่ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ (4) สํารวจความคิดเห็นและความพึงพอใจเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการ ในประเด็นที่สอดคล้องกับมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามที่ ก.พ. กําหนด ตามมาตรา 8 (3) โดยสํารวจในปีงบประมาณที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ (5) จัดทํารายงานตามข้อ3 โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการดําเนินการตาม (1)(2)(3)และ(4) ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรบุคคล ให้สํานักงาน ก.พ. วิเคราะห์รายงานที่ได้รับตามข้อ 3 และจัดทําความเห็นเสนอต่อ ก.พ. และเมื่อ ก.พ. มีมติประการใดแล้วให้แจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบด้วย ข้อ ๖ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,136
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการให้เงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการให้เงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552 ----------------------- โดยที่เป็นการสมควรวางระเบียบว่าด้วยการให้เงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการให้เงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบว่าด้วยการให้เงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2543 ข้อ ๔ ในระเบียบนี้ “เลขาธิการ” หมายถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน “ต.ป.ง.” หมายถึง เงินเพิ่มสําหรับตําแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ข้อ ๕ ให้เลขาธิการ ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง ได้รับ ต.ป.ง. ในอัตราเดือนละ 30,000 บาท ข้อ ๖ เลขาธิการ ซึ่งจะได้รับ ต.ป.ง. ตามข้อ 5 ต้องปฎิบัติหน้าที่หลักของตําแหน่งที่ดํารงอยู่ ตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ข้อ ๗ ในกรณีที่เลขาธิการปฏิบัติหน้าที่หลักของตําแหน่งที่ดํารงอยู่ไม่เต็มเดือนในเดือนใด ให้ได้รับ ต.ป.ง. สําหรับเดือนนั้นตามส่วนจํานวนวันที่ได้ดํารงตําแหน่งและปฏิบัติหน้าที่หลักของตําแหน่งดังกล่าว ถ้าในเดือนใดไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หลักของตําแหน่งที่ดํารงอยู่ไม่มีสิทธิได้รับ ต.ป.ง. สําหรับเดือนนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ลาตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ ข้อ ๘ ในกรณีที่เลขาธิการได้รับอนุญาตให้ลา การจ่ายเงิน ต.ป.ง. ระหว่างลา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินเดือนระหว่างลาที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน ข้อ ๙ การรับ ต.ป.ง. กรณีอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้เสนอ ก.พ. พิจารณาอนุมัติเป็นกรณี ๆ ไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,137
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยการปฏิบัติงานในอำนาจหน้าท่ี่ของ ก.พ.ค. การมอบหมายงาน และการรักษาการแทน พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการปฏิบัติงานในอํานาจหน้าที่ของ ก.พ.ค. การมอบหมายงาน และการรักษาการแทน พ.ศ. 2552 ----------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติงานในอํานาจหน้าที่ของ ก.พ.ค. การมอบหมายงาน และการรักษาการแทน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 31 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมติ ก.พ.ค. ในการประชุมครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2552 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการปฏิบัติงานในอํานาจหน้าท่ี่ของ ก.พ.ค. การมอบหมายงาน และการรักษาการแทน พ.ศ. 2552" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ การปฏิบัติงานของ ก.พ.ค. ทั้งคณะโดยปกติใช้วิธีการประชุมซึ่งกําหนดโดยระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค.คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ การออกกฎ ก.พ.ค. ระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการ เพื่อปฏิบัติงานในอํานาจหน้าที่ของ ก.พ.ค. ตามที่กฎหมายกําหนดนัั้น เมื่อ ก.พ.ค. มีมติให้ใช้บังคับแล้ว ให้ประธาน ก.พ.ค. เป็นผู้ลงนามและดําเนินการเพื่อใช้บังคับต่อไป ข้อ ๔ ให้ประธาน ก.พ.ค. มีอํานาจในการสั่ง การอนุญาตการอนุมัติ การปฏิบัติงาน หรือการดําเนินการอื่น ตามท่ี่กําหนดไว้ในกฎหมาย กฎ ก.พ.ค. กฎ ก.พ.ค. ระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีการเพื่อปฏิบัติงานในอํานาจหน้าที่ของ ก.พ.ค. หรือตามที่ ก.พ.ค. มีมติมอบหมาย นอกจากการจ่ายสํานวนเรื่องอุทธรณ์และเรื่องร้องทุกข์ ตามที่กําหนดไว้ในกฎ ก.พ.ค. แล้ว ให้ประธาน ก.พ.ค. มีอํานาจสั่งการในเรื่องการเสนอแนะเกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตามมาตรา 31 (1) และเรื่องการคุ้มครองระบบคุณธรรมตามมาตรา 126 แห้งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ด้วย โดยประธาน ก.พ.ค. อาจสั่งให้กรรมการ ก.พ.ค. คนหนึ่งคนใด คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ที่ตั้งเป็นองค์คณะวินิจฉัยคณะหนึ่งคณะใด หรือแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยบุคคลที่เห็นสมควร เพื่อรับผิดชอบดําเนินการเรื่องดังกล่าวก็ได้ ถ้ามิได้มีการกําหนดเรื่องการมอบอํานาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือห้ามเรื่องการมอบอํานาจไว้ ประธาน ก.พ.ค. อาจมอบอํานาจให้กรรมการ ก.พ.ค. เลขานุการ ก.พ.ค. กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ปฏิบัติงานแทนก็ได้ ข้อ ๕ ในกรณีที่ประธาน ก.พ.ค. ไม่อาจปฏิบัติงานได้ ให้กรรมการ ก.พ.ค. คนใดคนหนึ่ง ตามที่ประธาน ก.พ.ค. กําหนด โดยความเห็นชอบของ ก.พ.ค. เป็นผู้รักษาการแทน ข้อ ๖ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งประธาน ก.พ.ค. ให้ ก.พ.ค. เลือกกันเอง ให้กรรมการ ก.พ.ค. คนหนึ่งรักษาการแทนประธาน ก.พ.ค.จนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธาน ก.พ.ค. คนใหม่ ข้อ ๗ ให้นําความในข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 มาใช้บังคับกับประธานคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือร้องทุกข์ ที่ตั้งเป็นองค์คณะวินิจฉัยด้วย โดยอนุโลม ในกรณีที่ประธานคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือร้องทุกข์ ในองค์คณะวินิจฉัยไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติงานได้ หรือมีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานในอํานาจหน้าที่ของคณะคณะวินิจฉัย หรือมีเหตุจําเป็นอย่างอื่น และประธาน ก.พ.ค. พิจารณาเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์ในการพิทักษ์ระบบคุณธรรม อาจสั่งให้องค์คณะวินิจฉัยอื่นพิจารณาวินัจฉัย หรือดําเนินการในเรื่องหนึ่งเรื่องใดแทนองค์คณะวินิจฉัยเดิมก็ได้ ข้อ ๘ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงตามข้อ 7 วรรคสอง ให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมาย กฎ ก.พ.ค. ระเบียบ หลักเกณฑ์ หรือวิธีการที่กําหนดไว้ และการดําเนินการใด ๆ ที่ได้พิจารณาดําเนินการไว้แล้วโดยชอบให้เป็นอันใช้ได้ และให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือร้องทุกข์ใหม่ ที่จะพิจารณาดําเนินการตามท่ี่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ข้อ ๙ ประธาน ก.พ.ค. มีอํานาจสั่งการให้รวมเรื่องอุทธรณ์ เรื่องร้องทุกข์ ที่มีมูลกรณีเดียวกัน หรือเกี่ยวข้องกัน เพื่อพิจารณาเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ ข้อ ๑๐ ให้ผู้รักษาการแทนตามที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ มีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ที่ตนแทน ข้อ ๑๑ ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือท่ี่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ ข้อ ๑๒ การดําเนินการใด ๆ ที่ประธาน ก.พ.ค. ได้สั่งการไว้ก่อนท่ี่ระเบียบนี้จะใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นการดําเนินการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552 นายศราวุธ เมนะเศวต ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,138
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2551
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2551 ----------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการลาออก การพิจารณาอนุญาตให้ลาออก และการยับยั้งการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 และมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.พ. ออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2551” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการ ให้ยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่ง โดยยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่าสามสิบวันเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุเป็นผู้พิจารณาก่อนวันขอลาออก ทั้งนี้ ตามตัวอย่างหนังสือขอลาออกจากราชการท้ายระเบียบนี้ ในกรณีที่ผู้ประสงค์จะลาออกจากราชการยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อยกว่าสามสิบวันหากผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกเห็นว่ามีเหตุผลและความจําเป็น จะอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามวันที่ขอลาออก ก็ได้ หนังสือขอลาออกจากราชการที่ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกน้อยกว่าสามสิบวัน โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลาออกตามวันที่ขอลาออก หรือหนังสือขอลาออกจากราชการที่มิได้ระบุวันขอลาออกให้ถือว่าวันถัดจากวันครบกําหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ยื่นเป็นวันขอลาออก ข้อ ๔ เมื่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งของผู้ขอลาออกจากราชการได้รับหนังสือขอลาออกแล้ว ให้บันทึกวันยื่นหนังสือขอลาออกนั้นไว้เป็นหลักฐาน และให้ตรวจสอบว่าหนังสือขอลาออกดังกล่าวได้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่าสามสิบวันหรือไม่ พร้อมทั้งพิจารณาเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปโดยเร็วและให้ผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปแต่ละระดับเสนอความเห็นตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกโดยเร็ว กรณีผู้ขอลาออกยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกน้อยกว่าสามสิบวัน โดยมีเหตุผลและความจําเป็น ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งพิจารณาเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไป และให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกโดยเร็วและก่อนวันขอลาออก ในกรณีที่ผู้ขอลาออกเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในราชการบริหารส่วนภูมิภาคซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอํานาจอนุญาตการลาออก ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดส่งหนังสือขอลาออกของผู้นั้นพร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกเพื่อพิจารณาโดยเร็ว ข้อ ๕ เมื่อผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกได้รับหนังสือขอลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดแล้ว หากมีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการ ผู้มีอํานาจอนุญาตอาจสั่งยับยั้งการลาออกได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันขอลาออก หรือวันที่ถือว่าเป็นวันขอลาออก แล้วแจ้งคําสั่งดังกล่าวพร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวันขอลาออกด้วย ทั้งนี้ การยับยั้งการลาออกให้สั่งยับยั้งได้เพียงครั้งเดียว และจะขยายเวลายับยั้งต่อไปอีกมิได้ ในกรณีที่ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกไม่ยับยั้งการลาออก ให้ดําเนินการดังนี้ (1) กรณีที่หนังสือขอลาออกจากราชการได้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกมีคําสั่งอนุญาตให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จสิ้นก่อนวันขอลาออก (2) กรณีที่หนังสือขอลาออกจากราชการได้ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกน้อยกว่าสามสิบวัน ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกมีคําสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรอนุญาตให้ลาออกตามที่ผู้ขอลาออกได้ยื่นไว้หรือจะอนุญาตให้ลาออกในวันถัดจากวันครบกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ยื่นหนังสือขอลาออกก็ได้โดยต้องสั่งภายในสามสิบวันนับแต่วันยื่นขอลาออก (3) กรณีที่หนังสือขอลาออกจากราชการมิได้ระบุวันขอลาออก ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกมีคําสั่งให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนครบกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ยื่น และให้วันถัดจากวันครบกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ยื่นหนังสือขอลาออก เป็นวันอนุญาตการลาออก ข้อ ๖ ในกรณีที่ผู้ขอลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เนื่องจากผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกมิได้มีคําสั่งอนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคําสั่งยับยั้งการลาออกก่อนวันขอลาออกหรือเนื่องจากครบกําหนดเวลายับยั้งการลาออก ให้ผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกมีหนังสือแจ้งวันออกจากราชการให้ผู้ขอลาออกและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบโดยไม่ชักช้า ข้อ ๗ การยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการเพื่อดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตําแหน่งทางการเมือง ตําแหน่งผู้พิพากษาหรือตุลาการ ตําแหน่งกรรมการในคณะกรรมการใดที่กฎหมายกําหนดว่าต้องไม่เป็นข้าราชการ หรือตําแหน่งอื่นที่ ก.พ. กําหนดหรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ให้ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปชั้นหนึ่งอย่างช้าภายในวันที่ขอลาออก และให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเสนอหนังสือขอลาออกนั้นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปตามลําดับจนถึงผู้มีอํานาจอนุญาตการลาออกโดยเร็ว การลาออกในกรณีนี้มีผลนับแต่วันที่ขอลาออก ข้อ ๘ การพิจารณาการขอลาออกจากราชการที่ได้ยื่นหนังสือขอลาออกไว้ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการลาออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2536 ข้อ ๙ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ชวรัตน์ ชาญวีรกูล 25 ประธาน ก.พ.
6,139
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 --------------------- โดยที่ข้าราชการพลเรือนได้รับเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งตามบัญชีเงินเดือนและบัญชีอัตราเงินประจําตําแหน่งท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งดังกล่าว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การจ่ายเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนให้นําพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บําเหน็จ บํานาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาใช้บังคับ ข้อ ๔ การจ่ายเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการพลเรือนให้นําพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจําตําแหน่งของข้าราชการและผู้ดํารงตําแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยคําว่า “ข้าราชการ” ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ใช้คําว่า “ข้าราชการพลเรือน” แทนในทุกที่ ข้อ ๕ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,140
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยทุนของรัฐบาล พ.ศ. 2551
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยทุนของรัฐบาล พ.ศ. 2551 ------------------- โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยทุนของรัฐบาล อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยทุนของรัฐบาล พ.ศ. 2551 ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบนี้ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐที่มิใช่กระทรวงและกรม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานของศาล หน่วยงานในกํากับของรัฐ หรือองค์การมหาชน แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ทุนของรัฐบาล” หมายความว่า ทุนที่ได้มาจากเงินงบประมาณแผ่นดินและทุนที่ได้จากแหล่งทุนอื่นที่ ก.พ. กําหนดเป็นทุนของรัฐบาลซึ่งจัดสรรเพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมหรือเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการศึกษาของผู้รับทุน ทั้งนี้ โดยมุ่งสนองความต้องการกําลังคนของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีชื่อเรียกตามลักษณะการจัดสรรดังนี้ (1)“ทุนตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ทุนของรัฐบาลที่จัดสรรให้แก่กระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐแห่งใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ (2) “ทุนกลาง” หมายความว่า ทุนของรัฐบาลที่ยังมิได้จัดสรรให้แก่กระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐแห่งใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ ข้อ ๔ ให้สํานักงาน ก.พ. ศึกษา วิเคราะห์ เพื่อเสนอความเห็นประกอบพิจารณากําหนดนโยบาย แผนและกระบวนการจัดสรรทุนจองรัฐบาลปรําจําปีต่อ ก.พ. โดยคํานึงถึงนโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ความต้องการกําลังคนของทางราชการและของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนสภาพการณ์โดยทั่วไปเกี่ยวกับกําลังคน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ ข้อ ๕ ให้สํานักงาน ก.พ. ขอตั้งงบประมาณประจําปี รวมทั้งจัดหาทุนจากแหล่งทุนอื่นนํามาจัดสรรเป็นทุนเพื่อการศึกษาหรือฝึกอบรมของผู้รับทุนของรัฐบาลในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่จะศึกษา หรือฝึกอบรมในประเทศหรือต่างประเทศ หรือเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการศึกษาของผู้รับทุน ทั้งนี้ โดยมุ่งสนองความต้องการกําลังคนของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการจัดสรรทุนของรัฐบาล ที่ ก.พ. กําหนด ข้อ ๖ ให้สํานักงาน ก.พ. จัดสรรทุนของรัฐบาลเป็นทุนกลาง และทุนตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการจัดสรรทุนของรัฐบาลที่ ก.พ. กําหนด ข้อ ๗ การจัดสรรทุนของรัฐบาลเพื่อให้ผู้รับทุนศึกษา หรือฝึกอบรม ณ ต่างประเทศ หรือเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการศึกษาของผู้รับทุน ให้คํานึงถึงความจําเป็นและความต้องการของทางราชการ เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้มีความรู้ในสาขาวิชาและระดับการศึกษา หรือระดับความรู้ ความก้าวหน้าทางวิชาการ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้มีความรู้ความเข้าใจในภาษา ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม ของประเทศนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง และให้มีผู้ไปศึกษาในหลายประเทศ เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางวิชาการ และนําความรู้ความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีของแต่ละประเทศมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ข้อ ๘ ให้สํานักงาน ก.พ. จัดสรรผู้รับทุนของรัฐบาลที่จัดไว้เป็นทุนกลางให้แก่กระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ โดยพิจารณาจากความจําเป็นเร่งด่วน ภารกิจ และประโยชน์ของทางราชการ จํานวนกําลังคน ในสาขาวิชาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันที่มีอยู่แล้วในกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ การใช้ประโยชน์จากผู้รับทุน และต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนการจัดสรรทุนของรัฐบาลที่ ก.พ. กําหนด และนโยบายและแผนงานที่กระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐกําหนด ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงความประสงค์ที่ผู้รับทุนแสดงไว้ด้วย แล้วรายงานให้ ก.พ. ทราบ ข้อ ๙ ให้สํานักงาน ก.พ. เลือกสรรผู้มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมเพื่อรับทุน ของรัฐบาล ด้วยวิธีการสอบแข่งขัน หรือวิธีการอื่นใดที่ ก.พ. เห็นว่าเหมาะสม เพื่อให้ได้ผู้รับทุนของรัฐบาลตามจํานวนทุนที่จัดสรรไว้ ทั้งนี้ โดยคํานึงถึงความเสมอภาคในโอกาส ความเป็นธรรม ความเร่งด่วน ความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติที่จําเป็นของผู้รับทุนที่จะสามารถปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานของทางราชการตามแผนงานหรือโครงการที่กําหนดไว้ได้ ตลอดจนพันธะต่าง ๆ ที่มีอยู่ ข้อ ๑๐ ให้สํานักงาน ก.พ. เสนอหลักเกณฑ์ วิธีการ ตลอดจนทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดสรรทุนของรัฐบาล การเลือกสรรผู้รับทุนของรัฐบาล การดูแลจัดการการศึกษาของผู้รับทุนของรัฐบาล การพัฒนาและธํารงรักษาผู้รับทุนของรัฐบาลไว้ใช้ในราชการ และการอื่นที่เกี่ยวข้องต่อ ก.พ. เพื่ออนุมัติให้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบนี้ และให้ถือว่าระเบียบและวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เกี่ยวกับทุนของรัฐบาลที่ ก.พ. หรือสํานักงาน ก.พ. ได้วางไว้ก่อนวันใช้บังคับระเบียบนี้ ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบนี้ เว้นแต่ ก.พ. จะพิจารณากําหนดเป็นอย่างอื่น ข้อ ๑๑ ให้เป็นหน้าที่ของสํานักงาน ก.พ. ที่จะประสานเพื่อให้กระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ เจ้าสังกัดกับผู้รับทุนของรัฐบาล สามารถติดต่อทําความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้การศึกษาหรือฝึกอบรม การรับราชการ หรือการปฏิบัติงานของทางราชการของผู้รับทุนของรัฐบาลเป็นประโยชน์และตรงกับความต้องการในการใช้กําลังคนของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐอย่างดีที่สุด ภายใต้กฎ ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่ ก.พ. กําหนด ข้อ ๑๒ ให้สํานักงาน ก.พ. ร่วมกับกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการจัดสรรทุนของรัฐบาล ติดตามการใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนของรัฐบาลที่ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานอยู่ในกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากผู้รับทุนของรัฐบาลตามโครงการ หรือแผนงานที่กําหนดไว้อย่างเต็มที่ ข้อ ๑๓ ผู้ได้รับทุนของรัฐบาลต้องอยู่ในความดูแลของ ก.พ. และต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ สัญญา หรือคําสั่ง ของ ก.พ. โดยเคร่งครัด ข้อ ๑๔ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับกับผู้ได้รับทุนของรัฐบาลอยู่แล้วในวันหรือก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับด้วย การดําเนินการเกี่ยวกับทุนของรัฐบาลที่ได้ดําเนินการก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นการดําเนินการตามระเบียบนี้ ส่วนการดําเนินการต่อไปให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๑๕ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,141
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยกรณีไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ำเสมอของ ก.พ.ค. พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยกรณีไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอของ ก.พ.ค. พ.ศ. 2551 ------------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดระเบียบว่าด้วยกรณีไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอของ ก.พ.ค. อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 30 (6) และมาตรา 31 (5) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยกรณีไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอ ของ ก.พ.ค. พ.ศ. 2551" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ กรรมการ ก.พ.ค. ต้องปฏิบัติงานตามเวลาราชการ และมีวันหยุดเช่นเดียวกับวันหยุดราชการตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนด ข้อ ๔ กรณีดังต่อไปนี้ ถือว่ากรรมการ ก.พ.ค. ไม่สามารถปฎิบัติงานได้เต็มเวลาอย่าสม่ําเสมอ (1) ไม่มาปฏิบัติงานติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (2) เจ็บป่วยจนไม่อาจปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอ ข้อ ๕ ในกรณีที่มีเหตุตามข้อ 4 ให้ ก.พ.ค. สืบสวนพิจารณา ถ้าเห็นว่ากรรมการ ก.พ.ค. ผู้นั้นมีกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอด้วยเหตุดังกล่าว ให้ ก.พ.ค. พิจารณาและมีมติ มติของ ก.พ.ค. ที่จะวินิจฉัยว่ากรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอต้องได้คะแนนเสียงห้าในหกของจํานวน ก.พ.ค. ทั้งหมดที่มีอยู่ การลงมติให้กระทําโดยวิธีการลงคะแนนลับ ข้อ ๖ วันที่ถือว่าคณะกรรมการ ก.พ.ค. ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอตามข้อ 4 และข้อ 5 ให้นับตั้งแต่วันที่ ก.พ.ค. มีมติ ข้อ ๗ ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือที่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 (นายศราวุธ เมนะเศวต) ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,142
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551
ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 ------------------ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 31 (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551" ข้อ ๒ บุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) มีสัญชาติไทย (2) มีอายุไม่ต่ํากว่าสี่สิบปี แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปี (3) เป็นผู้ที่สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปหรือเทียบได้ไม่ต่ํากว่านี้จากสถานศึกษาในประเทศหรือต่างประเทศที่ ก.พ. รับรอง และ (4) มีคุณสมบัติอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (ก) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดํารงตําแหน่งนิติกรระดับ 9 ขึ้นไป หรือนิติกรระดับเชี่ยวชาญ หรือรับราชการหรือเคยรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีในตําแหน่งไม่ตําแหน่งไม่ต่ํากว่านิติกรระดับ 8 หรือนิติกรระดับชํานาญการพิเศษ หรือตําแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นใหนหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่า (ข) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหน่งที่ที่ปฏิบัติงานด้านกฎหมายไม่ต่ํากว่าระดับ 8 หรือตําแหน่งระดับชํานาญการพิเศษมาแล้วไม่น้อยกว่าเจ็ดปี (ค) รับราชการหรือเคยรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีในตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้อํานวยการกองหรือตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้น หรือตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่า (ง) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักหรือตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง หรือตําแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่า (จ) รับราชการหรือเคยรับราชการในตําแหน่งรองอธิบดีขึ้นไปหรือประเภทบริหารระดับต้นหรือระดับสูงหรือตําแหน่งที่เทียบเท่า (ฉ) เป็นหรือเคยเป็นผู้สอนในสาขาวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือวิชาที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในสถาบันอุดมศึกษา และดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่ารองศาสตราจารย์ แต่ในกรณีที่ดํารงตําแหน่งรองศาสตราจารย์ต้องดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี (ช) สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขากฎหมายมหาชน และรับราชการในหน่วยงานของรัฐนับแต่สําเร็จการศึกษาระดับดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปี หรือสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขากฎหมายมหาชน และรับราชการในหน่วยงานของรัฐนับแต่สําเร็จการศึกษาระดับดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่าหกปี (ซ) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไม่น้อยกว่าสิบสองปี และมีประสบการณ์ในการดําเนินคดีปกครองเกี่ยวกับวินัยข้าราชการหรือการบริหารงานบุคคลไม่น้อยกว่าห้าปี (ฌ) รับราชการหรือเคยรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีในตําแหน่งอัยการจังหวัดหรือเทียบเท่า (ญ) รับราชการหรือเคยรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปีในตําแหน่งไม่ต่ํากว่าผู้พิพากษาศาลแพ่งหรือศาลอาญาหรือเทียบเท่า หรือตุลาการประธรรมนูญศาลทหารกลาง ข้อ ๓ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ (1) เป็นข้าราชการ (2) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใด (3) เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือผู้ดํารงตําแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง (4) เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ (5) เป็นกรรมการในองค์กรกลางบริหารงานบุคคลในหน่วยงานของรัฐ (6) ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างอื่นหรือดํารงตําแหน่งหรือประกอบการใด ๆ หรือเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน อันขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับที่กําหนดในพระราชกฤษฎีกาประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างอื่นหรือดํารงตําแหน่งหรือประกอบการใด ๆ หรือเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน อันขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.พ.ค. โดยอนุโลม ข้อ ๔ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ให้มีวาระการดํารงตําแหน่งหกปี นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ผู้ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระแล้ว อาจได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์อีกได้โดยวิธีการประเมินหรือวิธีการคัดเลือกตามที่ ก.พ.ค. กําหนด ให้กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ซึ่งพ้นจากตําแหน่งตามวาระอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ใหม่กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ต้องทํางานเต็มเวลา ข้อ ๕ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์พ้นจากตําแหน่ง เมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 2 และข้อ 3 (4) ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท (5) ไม่สามารถปฎิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอ ทั้งนี้ ให้นําระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยกรณีไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลาอย่างสม่ําเสมอ มาใช้บังคับโดยอนุโลม (6) คณะกรรมการ ก.พ.ค. ไม่น้อยกว่า 5 ใน 7 ของจํานวนกรรมการ ก.พ.ค. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่มีมติให้ออกเมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ให้นําข้อ 6 ถึงข้อ 9 มาใช้บังคับ ข้อ ๖ ให้ ก.พ.ค. เป็นคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ และให้เลขาธิการ ก.พ. หรือผู้ที่เลขาธิการ ก.พ. มอบหมายเป็นเลขานุการ ข้อ ๗ ให้ประธาน ก.พ.ค. ออกประกาศรับสมัครบุคคลทั่วไปเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ โดยกําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับตําแหน่งที่คัดเลือก คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร การรับสมัคร การสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ การประเมินประสบการณ์หรือผลงานและการตรวจสุขภาพ การรับฟังความคิดเห็นและการประกาศผลสอบ ข้อ ๘ การคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ให้ดําเนินการโดยวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ทดสอบความรู้โดยการสอบข้อเขียน ตรวจสุขภาพ ประเมินประสบการณ์หรือผลงาน พิจารณาความเหมาะสมโดยจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของบุคคลในแวดวงกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดิน สัมภาษณ์ แล้วจัดทําบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกโดยให้บัญชีรายชื่อดังกล่าวมีกําหนดระยะเวลาไม่เกินสองปีนับแต่วันประกาศผลการคัดเลือกหรือเมื่อมีการประกาศรับสมัครใหม่ และแต่งตั้งบุคคลจากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกให้ทําหน้าที่เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ในกรณีที่ผู้ได้รับคัดเลือกไม่อาจได้รับแต่งตั้งให้ทําหน้าที่ดังกล่าวหรือกรณีที่มีตําแหน่งว่างลงและบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกยังไม่หมดอายุ ให้คัดเลือกบุคคลลําดับถัดไปในบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกขึ้นแต่งตั้งให้เป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ข้อ ๙ ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ผู้ใดมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3 ผู้นั้นต้องลาออกจากการเป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวและส่งหลักฐานให้เป็นที่เชื่อถือได้ว่าตนได้เลือกการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพหรือการประกอบการอันมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวต่อเลขานุการ ก.พ.ค. ภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการคัดเลือก ในกรณีที่ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์มิได้ลาออกหรือเลิกการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพหรือการประกอบการดังกล่าวในเวลาที่กําหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้นั้นมิเคยได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ และให้ดําเนินการแต่งตั้งผู้สอบคัดเลือกได้ในลําดับถัดปในบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ หรือจะดําเนินการคัดเลือกใหม่ก็ได้ ข้อ ๑๐ การดําเนินการใด ๆ ตามระเบียบนี้ ก.พ.ค. จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยดําเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็ได้ ข้อ ๑๑ ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือที่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 นายศราวุธ เมนะเศวต ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,143
ระเบียบคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551
ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และ คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 -------------------- โดยที่เป็นการสมควรกําหนดระเบียบว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 31 (5) และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551" ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจออกประกาศหรือคําสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือที่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้ หมวด ๑ การประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. ส่วน ๑ บททั่วไป ข้อ ๔ ให้ประธาน ก.พ.ค. มีอํานาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) นัดประชุมและกําหนดระเบียบวาระการประชุม (2) ควบคุมและดําเนินการให้การประชุมเป็นไปโดยเรียบร้อย (3) รักษาความสงบเรียบร้อยในที่ประชุมและบริเวณที่ประชุม (4) ดําเนินการอื่นในเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้ ข้อ ๕ ให้เลขานุการ ก.พ.ค. มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) ดําเนิการนัดประชุมตามที่ประธาน ก.พ.ค. กําหนด (2) จัดเตรียมและเก็บรักษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการประชุม (3) รับผิดชอบและควบคุมการจัดทํารายงานการประชุม เอกสาร หรือ รายงานอื่นใดตามมติที่ประชุมหรือตามที่ประธาน ก.พ.ค. หนด (4) แจ้งหรือยืนยันมติของที่ประชุมไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง (5) ดําเนินการอื่นใดตามที่ประธาน หรือกรรมการ ก.พ.ค. มอบหมาย ข้อ ๖ การนัดประชุมต้องทําเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการ ก.พ.ค. ทุกคนทราบล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าสามวัน ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นหรือเร่งด่วน ประธาน ก.พ.ค. จะนัดประชุมโดยวิธีการอย่างอื่นก็ได้ ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ประธาน ก.พ.ค. อาจสั่งงดหรือเลื่อนการประชุมตามที่นัดไว้แล้วก็ได้ ข้อ ๗ ระเบียบวาระการประชุมโดยปกติให้จัดลําดับ ดังนี้ (1) เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ (2) เรื่องรับรองรายงานการประชุม (3) เรื่องสืบเนื่อง (4) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา (5) เรื่องเสนอเพื่อทราบ (6) เรื่องอื่น ๆ ถ้ากรรมการร่วมกันไม่น้อยกว่าสามคนเห็นว่าเรื่องใดควรนําเข้าสู่การประชุม ให้ประธาน ก.พ.ค. จัดเข้าสู่วาระการประชุมภายในหนึ่งเดือน ข้อ ๘ ให้เลขานุการ ก.พ.ค. ส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกับหนังสือนัดประชุม เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจําเป็น อาจส่งเอกสาร ที่เกี่ยวข้องไปในภายหลังได้ แต่ต้องส่งล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน ยกเว้นเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือลับ จะส่งเอกสารที่ีเกี่ยวข้องให้ใน ที่ประชุมก็ได้ ส่วน ๒ การประชุม ข้อ ๙ ให้กรรมการ ก.พ.ค. และเลขานุการ ก.พ.ค. ลงลายมือชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มาประชุมที่จัดเตรียมไว้ทุกครั้งที่มาประชุม กรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดไม่อาจมาประชุมตามที่กําหนดได้ ให้แจ้งต่อประธาน ก.พ.ค. หรือเลขานุการ ก.พ.ค. ในโอกาสแรกที่สามารถทําได้ ข้อ ๑๐ ในการประชุม ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้ นอกจากเลขานุการแล้วให้เป็นไปตามคําสั่งของประธาน ก.พ.ค. สําหรับบุคคลอื่นจะเข้ามาในห้องประชุมได้เมื่อได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุม ข้อ ๑๑ ในระหว่างการประชุมห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพ หรือเครื่องมือสื่อสารใด ๆ เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการจัดทํารายงานการประชุม หรือได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุม ในกรณีที่มีการบันทึกเสียงหรือบันทึกภาพเพื่อประโยชน์ในการจัดทํารายงานการประชุม ให้เก็บรักษาแถบบันทึกเสียงหรือแถบบันทึกภาพไว้จนกว่าที่ประชุมจะได้พิจารณารับรองรายงานการประชุมครั้งนั้นแล้ว หรือจนกว่ากรรมการที่ได้ร่วมประชุมแต่มิได้ร่วมพิจารณารับรองรายงานการประชุมได้กลับมาร่วมประชุมและมิได้ทักท้วง จึงจะทําลายหรือลบสิ่งที่บันทึกไว้ในแถบบันทึกเสียงหรือแถบบันทึกภาพดังกล่าว ข้อ ๑๒ การประชุมต้องมีกรรมการ ก.พ.ค. มาประชุมรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการ ก.พ.ค. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ประธาน ก.พ.ค. ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมครั้งใดได้ ให้กรรมการ ก.พ.ค. ที่มาประชุมดําเนินการเลือกกรรมการ ก.พ.ค. คนใดคนหนึ่งที่มาประชุม ให้ทําหน้าที่ประธานในที่ประชุมในการประชุมครั้งนั้น และให้ผู้ซึ่งทําหน้าที่ประธานในที่ประชุมมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับประธาน ก.พ.ค. ข้อ ๑๔ กรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้กรรมการ ก.พ.ค. ผู้นั้นเข้าร่วมประชุมและลงมติในเรื่องนั้น แต่ถ้าได้เข้าร่วมประชุมอยู่ก่อนแล้ว ให้นับกรรมการ ก.พ.ค. ผู้นั้นเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาเรื่องนั้นด้วย ส่วน ๓ การลงมติ ข้อ ๑๕ การลงมติของที่ประชุมโดยปกติให้ถือเสียงข้างมากของจํานวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เว้นแต่กรณีที่มีกฎ หรือระเบียบ ก.พ.ค. กําหนดไว้เป็นอย่างอื่น กรรมการ ก.พ.ค. คนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน และห้ามมิให้งดออกเสียง ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสีึยงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด และในกรณีที่มีผู้มีความเห็นแย้งให้ทําความเห็นแย้งไว้ก็ได้ การออกเสียงลงมติให้กระทําโดยเปิดเผย เว้นแต่ที่ประชุมโดยเสียงข้างมากมีมติให้กระทําโดยวิธีการลงคะแนนลับ ส่วนวิธีการลงคะแนนลับให้เป็นไปตามที่ประธานในที่ีประชุมกําหนด ข้อ ๑๖ ในการพิจารณาลงมติจะพิจารณารวมหรือแยกประเด็นในการพิจารณาให้เป็นไปตามมติของที่ประชุม ส่วน ๔ รายงานการประชุมและเอกสารการประชุม ข้อ ๑๗ ให้เลขานุการในที่ประชุม จัดทํารายงานการประชุม โดยบันทึกประเด็นที่ประชุมพิจารณาพร้อมด้วยความเห็นทั้งของเสียงข้างมากและความเห็นของเสียงข้างน้อย และมติของที่ประชุม ข้อ ๑๘ ระเบียบวาระการประชุม เอกสารที่เกี่ยวข้อง และรายงานการประชุม ให้เก็บรักษาไว้เป็นเอกสารลับในที่ปลอดภัยไม่น้อยกว่าสิบปี การทําลายเอกสารให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการนั้น ข้อ ๑๙ รายงานการประชุม ให้ประธาน ก.พ.ค. และเลขานุการ ก.พ.ค. ลงลายมือชื่อในรายงานการประชุมทุกครั้ง แต่ถ้ามิได้มีการลงลายมือชื่อไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้เลขานุการ ก.พ.ค. บันทึกเหตุนั้นไว้ หมวด ๒ การประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ข้อ ๒๐ การประชุมคณกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ให้นําหมวด 1 การประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. มาใช้บังคับโดยอนุโลม บทเฉพาะกาล - บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๑ การประชุมที่ได้ดําเนินการไปก่อนที่ระเบียบนี้จะใช้บังคับ ให้มีผลเป็นการประชุมตามนัยระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 นายศราวุธ เมนะเศวต ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
6,144
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการได้มาซึ่งผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2561
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการได้มาซึ่งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ พ.ศ. 2561 ------------------------ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นบัญชีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการตรวจสอบ หรือตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย เพื่อการตรวจหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ เพื่อสนับสนุนกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาศัยอํานาจตามความในข้อ 2 ข้อ 4 (1) และข้อ 4 วรรคสาม ของคําสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 77/2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณา อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคําแนะนําของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 26-4/2560 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “วัตถุอันตราย” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา รับผิดชอบตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 “องค์กรผู้เชี่ยวชาญ” หมายความว่า นิติบุคคลที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินหรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต วัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภท ได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน มหาวิทยาลัย ในกํากับของรัฐ และหน่วยงานอื่นของรัฐ รวมทั้งสถาบันภายใต้มูลนิธิที่จัดตั้งโดยส่วนราชการ ที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมิน หรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็นสองประเภทได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “องค์กรเอกชน” หมายความว่า นิติบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ สถาบันการศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ได้รับการ ขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินหรือรับรองบุคคลที่สาม (Third party) โดยให้บริการตรวจสอบ ตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ ทั้งนี้ แบ่งได้เป็น สองประเภทได้แก่ หน่วยตรวจ (Inspection Body) และหน่วยรับรอง (Certification Body) “หน่วยตรวจ (Inspection Body)” หมายความว่า องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อทําหน้าที่ตรวจสอบ ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ และส่งผลการตรวจและการแก้ไขข้อบกพร่อง ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพื่อออกหนังสือรับรอง “หน่วยรับรอง (Certification Body)” หมายความว่า องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อทําหน้าที่ ตรวจสอบ ตรวจประเมิน และให้การรับรองมาตรฐานสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “หน่วยรับรองระบบงาน (Accreditation Body)” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐ ในประเทศที่มีอํานาจหน้าที่ในการรับรองระบบงานแก่หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง “ผู้ตรวจประเมิน (Auditor)” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่ทําหน้าที่ในการตรวจสอบ ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดี ในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์” หมายความว่า คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยาให้ทําหน้าที่พิจารณาและวินิจฉัยคําอุทธรณ์ “คณะกรรมการรับรองหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง” หมายความว่า คณะบุคคลที่ได้รับ การแต่งตั้งโดยเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาให้ทําหน้าที่พิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงานของผู้ยื่นคําขอขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรอง สถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย ที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ รวมถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลง การขยายขอบข่าย การลดขอบข่าย การยกเลิก การพักใช้ และการเพิกถอนการขึ้นบัญชี “ผู้รับบริการ” หมายความว่า ผู้ผลิตวัตถุอันตรายที่ขอใช้บริการหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เพื่อตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตราย สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบ “ขอบข่ายการขึ้นบัญชี (Scope of registration)” หมายความว่า ขอบข่ายการให้บริการ ของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองในการตรวจสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับเพื่อขึ้นบัญชี “เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา “สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ข้อ ๓ ขอบข่ายการขึ้นบัญชีให้เป็นไปตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด หมวด ๑ คุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ เงื่อนไขการดําเนินงาน --------------------- ส่วน ๑ และขอบข่ายของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ---------------------- ข้อ ๔ ผู้ใดประสงค์จะได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงานเพื่อเป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ต้องยื่นคําขอขึ้นบัญชี พร้อมหลักฐานตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ผู้ยื่นคําขอตามวรรคหนึ่งต้องมีคุณสมบัติและมาตรฐาน ดังนี้ (1) เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย ในกรณีเป็นนิติบุคคลต่างด้าวจะต้องได้รับ ใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจากกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า กระทรวงพาณิชย์ (2) เป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ได้รับการรับรองระบบงานจากหน่วยรับรองระบบงาน ดังนี้ (ก) หน่วยตรวจ (Inspection Body) ต้องได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐาน ISO/IEC 17020 Conformity assessment - Requirements for the operation of various types of bodies performing inspection สาขาการตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่สํานักงานรับขึ้นบัญชี (ข) หน่วยรับรอง (Certification Body) ต้องได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐาน ISO/IEC 17065 Conformity assessment - Requirements for bodies certifying products, processes and services สาขาการรับรองกระบวนการผลิตวัตถุอันตรายตามขอบข่ายที่สํานักงาน รับขึ้นบัญชี (3) มีผู้ตรวจประเมินที่สําเร็จหลักสูตรการฝึกอบรมจากสํานักงาน หรือจากหน่วยงานอื่นที่ เลขาธิการ ประกาศทกําหนด ในหลักสูตรกฎหมายวัตถุอันตรายและข้อกําหนดตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ดี ในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานรับผิดชอบ (4) มีการกําหนดนโยบายและการบริหารจัดการที่เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ แยกกิจกรรมที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนออกจากกันอย่างชัดเจนและมีโครงสร้างองค์กรที่จะทําให้เกิดความเชื่อมั่น ในการตรวจประเมินและให้การรับรอง (5) ไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอน การขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรองจากสํานักงาน เว้นแต่พ้นระยะหกเดือนนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน (6) ไม่เป็นผู้ถูกดําเนินคดี หรือเป็นผู้ที่มีตัวแทนที่อยู่ระหว่างถูกดําเนินคดีในความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสารที่จะนํามาใช้ประกอบการยื่นขอขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เว้นแต่คดีจะยุติ ว่าผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหานั้น และในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุด ว่ามีความผิด ผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนสามารถยื่นขอขึ้นบัญชีได้เมื่อพ้นกําหนดสองปี นับแต่วันที่ศาล มีคําพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าว (7) ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพื่อรับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารฉบับใด ฉบับหนึ่งอันเนื่องมาจากมีพฤติการณ์ หรือมีมูลเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่าผู้ยื่นคําขอหรือตัวแทนกระทําการ หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทําผิดดังกล่าว ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินหรือการรับรอง หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วน ๒ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงานของหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง --------------------- ข้อ ๕ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องตรวจประเมิน และ/หรือให้การรับรองมาตรฐาน สถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน โดยใช้หลักเกณฑ์ ตามประกาศสํานักงานว่าด้วยเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานรับผิดชอบ ข้อ ๖ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้ (1) หน่วยตรวจทําหน้าที่ตรวจประเมินสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามขอบข่าย ที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน และส่งผลการตรวจพร้อมการแก้ไขข้อบกพร่องให้สํานักงานพิจารณาเพื่อออก หนังสือรับรอง (2) หน่วยรับรองทําหน้าที่ตรวจประเมินและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ตามขอบข่ายที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน และออกหนังสือรับรองการตรวจประเมิน ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองการตรวจประเมินให้เป็นไปตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ข้อ ๗ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการดําเนินงาน ดังนี้ (1) ต้องไม่จ้างองค์กรหรือหน่วยงานอื่นเพื่อดําเนินการตรวจประเมินใด ๆ ตามที่ขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน (2) ต้องแจ้งผลการแก้ไขปรับปรุงการดําเนินงานที่บกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลตามที่ได้ขึ้นบัญชีไว้หรือตามหลักฐานประกอบคําขอขึ้นบัญชี หรือการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่จะกระทบต่อความสามารถของหน่วยตรวจและหน่วยรับรอง เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้ตรวจประเมิน การยกเลิก เพิกถอน หรือพักใช้การรับรองระบบงาน ให้สํานักงานทราบภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ พบความบกพร่อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือได้รับแจ้งจากสํานักงาน (3) ต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับบริการตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด พร้อมทั้งหลักฐาน บันทึกการตรวจประเมินให้สํานักงานทราบทุกสิ้นปีปฏิทิน การจัดส่งรายงานและหลักฐานตามวรรคหนึ่งให้ยืน ณ สํานักงาน หรือแจ้งผ่านระบบรายงาน อิเล็กทรอนิกส์ (4) ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมิน หรือการออกเอกสารรับรองใหม่ในกรณี ที่เกิดข้อผิดพลาดจากการดําเนินงานของตนเอง (5) ต้องไม่นําการขึ้นบัญชีไปใช้ หรืออ้างถึงในทางที่ทําให้เกิดความเสียหายหรือเข้าใจผิด (6) ไม่ปฏิบัติตนที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับสํานักงาน และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เมื่อมีการสอบสวนข้อกล่าวหา ข้อ ๘ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องให้ความร่วมมือกับสํานักงาน ในการตรวจ สมรรถนะผู้ตรวจประเมินและระบบขององค์กรตามที่ได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อติดตามผลการดําเนินงาน อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในสามปี โดยสํานักงานอาจสุ่มตรวจร่วมกับหน่วยรับรองระบบงาน หรือพิจารณา จากผลการตรวจติดตามการดําเนินงานจากหน่วยรับรองระบบงาน รวมทั้งส่งมอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆให้แก่สํานักงานเมื่อได้รับการร้องขอ กรณีผลการตรวจสมรรถนะผู้ประเมิน หรือระบบองค์กรที่ได้รับการขึ้นบัญชีตามวรรคหนึ่ง ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่ประกาศกําหนด หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องแจ้งแนวทางการแก้ไขภายในสามสิบวัน และดําเนินการแก้ไขภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการแจ้งจากสํานักงาน ทั้งนี้ อาจขยายระยะเวลาได้ แล้วแต่กรณี หมวด ๒ การขึ้นบัญชี การแก้ไขเปลี่ยนแปลง การขยายขอบข่าย การลดขอบข่าย การยกเลิก การพักใช้ การเพิกถอน และการพิจารณาดําเนินการ ------------------------- ส่วน ๑ การขึ้นบัญชี ------------------------ ข้อ ๙ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนที่ประสงค์จะขอขึ้นบัญชี กับสํานักงาน ให้ยื่นคําขอพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ข้อ ๑๐ ให้เลขาธิการประกาศการขึ้นบัญชีและออกหนังสือการขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง สถานประกอบการผลิตวัตถุอันตรายตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตวัตถุอันตรายที่สํานักงานรับผิดชอบ ให้แก่ผู้ขอขึ้นบัญชีตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด การขึ้นบัญชีตามวรรคหนึ่งให้มีอายุสามปีนับตั้งแต่วันที่ขึ้นบัญชี หากประสงค์จะขึ้นบัญชี ดังกล่าวใหม่ ให้ยื่นคําขอขึ้นบัญชีภายในเก้าสิบวันก่อนวันสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคําขอดังกล่าวแล้วให้ถือว่า บัญชีดังกล่าวยังใช้ต่อไปได้จนกว่าเลขาธิการจะไม่ขึ้นบัญชี ข้อ ๑๑ การจะรับขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองอย่างหนึ่งอย่างใด ตามความในประกาศนี้ ให้เป็นไปตามที่เลขาธิการประกาศกําหนด ส่วน ๒ การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ------------------------ ข้อ ๑๒ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยื่นคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการขึ้นบัญชีพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้สํานักงานประกาศการขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ตามวรรคหนึ่งด้วย ส่วน ๓ การขยายขอบข่าย --------------------- ข้อ ๑๓ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่มีความประสงค์จะขอขยายขอบข่ายที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ ให้ยื่นคําขอขยายขอบข่ายการขึ้นบัญชีพร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบที่เลขาธิการประกาศกําหนด ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้สํานักงานประกาศการขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ตามวรรคหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าผู้ยื่นคําขอมีคุณสมบัติ มาตรฐาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการดําเนินงาน ตามหมวด 1 ส่วน ๔ การลดขอบข่าย -------------------------- ข้อ ๑๔ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้ (1) ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามที่ประกาศกําหนด หรือไม่ปรับปรุงแก้ไข ภายในระยะเวลาที่กําหนดนับจากวันที่รับทราบหนังสือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามขอบข่ายที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสํานักงาน (2) ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงสําคัญใด ๆ เกี่ยวกับขอบข่ายภายในหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ที่มีผลกระทบต่อความสามารถในการดําเนินการตรวจประเมินและรับรองในขอบข่ายนั้น (3) ผลการตรวจติดตามเกี่ยวกับขอบข่ายของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงานพบข้อบกพร่อง และไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อการรับรองความสามารถของผู้ตรวจประเมิน และไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในผลการตรวจและรับรองได้ หรือส่งผลกระทบต่อการดําเนินงาน ของผู้เกี่ยวข้องในขอบข่ายนั้น (4) หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองแจ้งความประสงค์จะขอลดขอบข่ายที่ขึ้นบัญชี เมื่อสํานักงานมีคําสั่งลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติ การดําเนินการหรือกล่าวอ้างเพื่อให้บริการตรวจหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย ในขอบข่ายนั้น และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่ได้มีการอ้างอิงถึงขอบข่ายนั้น ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่รับทราบคําสั่งแจ้งลดขอบข่ายจากสํานักงาน ข้อ ๑๕ ให้สํานักงานเผยแพร่การขึ้นบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่ง ลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ข้อ ๑๖ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกลดขอบข่ายออกจากการขึ้นบัญชีตามข้อ ขอขึ้นบัญชีในขอบข่ายดังกล่าวอีกไม่ได้ จนกว่าเวลาจะพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันลดขอบข่ายการขึ้นบัญชี ยกเว้นกรณีตามข้อ 14 (4) ส่วน ๕ การยกเลิก ------------------------- ข้อ ๑๗ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่มีความประสงค์จะยกเลิกการขึ้นบัญชี ให้แจ้งให้ สํานักงานทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ทั้งนี้ ต้องจัดทํารายงาน พร้อมหลักฐานการตรวจประเมินตามข้อ 7 (3) ให้แล้วเสร็จและส่งมอบให้สํานักงานก่อนวันที่ยกเลิก การขึ้นบัญชีตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน การยกเลิกการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการ หรือกล่าวอ้างเพื่อ ดําเนินการตรวจและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย แสดงถึงการขึ้นบัญชี และต้องยุติการใช้ สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงาน ข้อ ๑๘ ให้สํานักงานเผยแพร่การยกเลิกการขึ้นบัญชีเป็นหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ซึ่งผลของการยกเลิกการขึ้นบัญชีจะไม่มีผลกระทบต่อการกระทําใด ๆ ที่หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ได้ดําเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ ให้อยู่ในการพิจารณาของเลขาธิการ ส่วน ๖ การพักใช้ -------------------- ข้อ ๑๙ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศนี้หรือประกาศสํานักงานที่ออก ตามประกาศนี้ หรือไม่ปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนดนับจากวันที่รับทราบหนังสือ การแจ้งเตือนจากสํานักงาน (2) ผลการตรวจติดตามของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงาน พบข้อบกพร่อง และไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนด ซึ่งส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อการรับรองความสามารถของผู้ตรวจประเมิน และไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือในผลการตรวจและรับรองได้ หรือส่งกระทบต่อการดําเนินงานของผู้เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมด สํานักงานมีคําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชีเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับตั้งแต่วันที่รับทราบ คําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี ในระหว่างถูกพักใช้การขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการหรือกล่าวอ้าง เพื่อให้บริการตรวจประเมินหรือรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงานทั้งหมดทันที ข้อ ๒๐ ให้สํานักงานเผยแพร่การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกพักใช้การขึ้นบัญชี ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่งให้พักใช้การขึ้นบัญชี ส่วน ๗ การเพิกถอน --------------------- ข้อ ๒๑ ให้สํานักงานมีอํานาจสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี ในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ขาดคุณสมบัติ (2) ฝ่าฝืนคําสั่งพักใช้การขึ้นบัญชี หรือไม่แก้ไขข้อบกพร่องตามระยะเวลาที่กําหนดในคําสั่ง พักใช้การขึ้นบัญชีตามประกาศนี้ (3) เคยถูกพักใช้การขึ้นบัญชีมาแล้วสองครั้งในสองรอบการขึ้นบัญชี (4) ผลการตรวจติดตามของหน่วยรับรองระบบงานหรือสํานักงานที่แสดงว่าหน่วยตรวจ หรือหน่วยรับรองได้กระทําผิดตามประกาศนี้หรือประกาศสํานักงานที่ออกตามประกาศนี้ ซึ่งก่อให้เกิด ความเสียหายต่อเศรษฐกิจหรือต่อประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิตและความปลอดภัยของผู้บริโภค (5) จัดทําผลการตรวจประเมินหรือการรับรองของผู้รับบริการอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งควรแจ้งโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน หรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้มีการออกผลการตรวจประเมิน และรับรองโดยมิชอบ เมื่อสํานักงานมีคําสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองต้องยุติการดําเนินการ หรือกล่าวอ้าง เพื่อดําเนินการตรวจและรับรองสถานประกอบการผลิตวัตถุอันตราย และยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาใด ๆ ที่มีการอ้างอิงถึงการได้รับการขึ้นบัญชีไว้กับสํานักงานทั้งหมดทันที ข้อ ๒๒ ให้สํานักงานประกาศเผยแพร่การขึ้นบัญชีหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรองที่ถูกเพิกถอน การขึ้นบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่สํานักงานมีคําสั่งเพิกถอนการขึ้นบัญชี ส่วน ๘ การพิจารณาดําเนินการ ------------------------------- ข้อ ๒๓ การพิจารณาดําเนินการตามหมวด 2 ส่วนที่ 1 ถึง 7 ให้เป็นหน้าที่ของ คณะกรรมการรับรองหน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง เพื่อกลั่นกรองและสรุปผลเสนอต่อสํานักงาน หมวด ๓ การอุทธรณ์ ---------------------------- ข้อ ๒๔ หน่วยตรวจหรือหน่วยรับรอง ซึ่งถูกสั่งไม่ขึ้นบัญชีตามข้อ 10 ไม่ให้ขยายขอบข่าย การขึ้นบัญชีตามข้อ 13 ลดขอบข่ายการขึ้นบัญชีตามข้อ 14 พักใช้การขึ้นบัญชีตามข้อ 19 หรือเพิกถอนการขึ้นบัญชีตามข้อ 21 มีสิทธิอุทธรณ์ต่อเลขาธิการได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง คําสั่งดังกล่าว เมื่อได้รับคําอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เลขาธิการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เพื่อพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคําอุทธรณ์ทราบให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับจากวันที่ได้รับ คําอุทธรณ์ คําชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด หมวด ๔ ค่าใช้จ่าย ----------------------- ข้อ ๒๕ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการตามประกาศนี้ ให้เป็นไปตามบัญชีแนบท้าย ประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทําหน้าที่ในการประเมินเอกสาร ทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบ ของสํานักงาน หมวด ๕ ความจําเป็นและเพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุญาต ------------------------------ ข้อ ๒๖ ในกรณีมีความจําเป็นและเพื่อประโยชน์ในการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุญาต ที่ต้องอาศัยองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีหน้าที่หรือความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับการตรวจสอบ หรือการตรวจสถาน ประกอบการ ประกอบกับหากการพิจารณาเพื่อขึ้นบัญชีตามประกาศนี้จะมีผลให้กระบวนการพิจารณา อนุญาตไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในคู่มือสําหรับประชาชนด้วยแล้ว ให้เลขาธิการมีอํานาจประกาศการขึ้นบัญชีให้องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามวรรคหนึ่ง เป็นองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ตามประกาศนี้ โดยให้ยกเว้นการพิจารณาหรือดําเนินการตามประกาศนี้ได้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ ในการประกาศการขึ้นบัญชีตามวรรคสอง ให้แจ้งเหตุผลความจําเป็น ประโยชน์ในการเร่งรัด หรือผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาอนุญาต รวมถึงหน้าที่หรือความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ของหน่วยงาน หรือองค์กรที่ขึ้นบัญชีไว้ด้วย อื่นๆ - บทเฉพาะกาล ------------------------------- ข้อ ๒๗ ให้องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ได้รับการขึ้นบัญชีไว้ กับสํานักงานก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ได้ต่อไปไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ประกาศนี้บังคับใช้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561 ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
6,145
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ว่าด้วยการขอยกเว้นให้เข้ารับราชการกรณีมีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการขอยกเว้นให้เข้ารับราชการกรณีมีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 ------------------ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอยกเว้นให้เข้ารับราชการกรณีมีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ. จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการขอยกเว้นให้เข้ารับราชการกรณีมีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 36 วรรคหนึ่ง ข. (4) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (11) และเป็นกรณีที่ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ตามมาตรา 36 วรรคสอง ถ้าประสงค์จะขอให้ ก.พ. พิจารณายกเว้นเพื่อเข้ารับราชการ ให้ยื่นคําขอตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ ๔ ให้ผู้มีลักษณะต้องห้ามเป็นข้าราชการพลเรือนที่ประสงค์จะเข้ารับราชการยื่นคําขอตามแบบที่สํานักงาน ก.พ. กําหนด พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๕ คําขอตามข้อ 4 ให้ยื่นดังนี้ (1) ในกรณีที่ประสงค์จะสอบแข่งขันตามมาตรา 54 หรือเข้ารับการคัดเลือกตามมาตรา 55 ให้ยื่นคําขอต่อเลขาธิการ ก.พ. (2) ในกรณีที่ประสงค์จะเข้ารับราชการตามมาตรา 56 หรือกลับเข้ารับราชการตามมาตรา 63 วรรคสี่ หรือสมัครเข้ารับราชการตามมาตรา 65 วรรคหนึ่ง ให้ยื่นต่อหัวหน้าส่วนราชการที่จะเข้ารับราชการ ให้ส่วนราชการที่ได้รับคําขอตาม (2) พิจารณาคําขอดังกล่าว โดยหากไม่ประสงค์จะให้ผู้นั้นเข้ารับราชการ ให้แจ้งให้ผู้นั้นและสํานักงาน ก.พ. ทราบ แต่ถ้าประสงค์จะให้ผู้นั้นเข้ารับราชการ ให้ส่งคําขอ และเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งเหตุผล และความจําเป็นที่จะให้ผู้นั้นเข้ารับราชการ ให้เลขาธิการ ก.พ. เพื่อดําเนินการต่อไป ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของ ก.พ. ตามระเบียบนี้ ให้สํานักงาน ก.พ. ดําเนินการตรวจสอบเพื่อให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ประวัติการรับราชการ หรือการทํางาน การประกอบ คุณงามความดี ความผิด หรือ ความเสื่อมเสีย และความประพฤติของผู้นั้นโดยให้ตรวจสอบจากผู้บังคับบัญชา หรือ หัวหน้างาน และผู้มีเกียรติซึ่งอยู่ใกล้ชิดอันควรเชื่อถือได้ ในการนี้สํานักงาน ก.พ. จะให้ส่วนราชการที่เห็นสมควรเป็นผู้ดําเนินการแล้วแจ้งให้ทราบก็ได้ ข้อ ๗ ในกรณีที่ ก.พ. มีมติไม่ยกเว้นลักษณะต้องห้ามให้ผู้ใด ผู้นั้นจะขอให้ ก.พ. พิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามดังกล่าวนั้นอีกได้ต่อเมื่อพ้นกําหนดเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่ ก.พ. มีมติ ข้อ ๘ ให้เลขาธิการ ก.พ. รักษาการตามระเบียบนี้ ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.พ.
6,146
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กำหนดแบบคำขอขึ้นบัญชีและคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการขึ้นบัญชีเป็นผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย พ.ศ. 2562
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กําหนดแบบคําขอขึ้นบัญชีและคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงการขึ้นบัญชีเป็นผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน เพื่อทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย พ.ศ. 2562 -------------------------------- อาศัยอํานาจตามความในข้อ 10 และข้อ 12 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มาซึ่งผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือ องค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการการตรวจ สถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยา พ.ศ. 2561 ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากําหนดแบบค้าขอและรายการเอกสาร ประกอบคําขอขึ้นบัญชี รวมถึงการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ได้ขึ้นบัญชีไว้แล้ว สํานักงานคณะกรรมการ อาหารและยาจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ประสงค์จะขอ ขึ้นบัญชีเพื่อทําหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ต้องยื่นคําขอขึ้นบัญชี ต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาตามแบบ วอช. 1 สําหรับกรณีผู้เชี่ยวชาญ หรือตามแบบ วอช. 2 สําหรับกรณีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ระบุ ในแบบดังกล่าว ข้อ ๒ ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ที่ได้รับการขึ้น บัญชีจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาไว้แล้ว หากต่อมามีความประสงค์จะขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง รายละเอียดข้อมูลที่ได้ขึ้นบัญชีไว้หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาขาความเชี่ยวชาญ ให้ยื่นคําขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง ดังกล่าวต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาตามแบบ วอช. 3 สําหรับกรณีผู้เชี่ยวชาญหรือตามแบบ วอช. 4. สําหรับกรณีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน พร้อมเอกสารและหลักฐานตามที่ ระบุในแบบดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ธเรศ กรัษนัยรวีวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
6,147
ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประเมินเอกสารวิชาการผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย พ.ศ. 2562
ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประเมินเอกสารวิชาการผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย พ.ศ. 2562 ------------------------- อาศัยอํานาจตามความในข้อ 6 (2) และข้อ 9 (4) ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มาซึ่งผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือ องค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทําหน้าที่ในการประเป็นเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายในความรับผิดชอบของสํานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา พ.ศ. 2561 ให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยากําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการ ประเมินเอกสารวิชาการ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้เชี่ยวชาญต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประเมินเอกสาร ดังต่อไปนี้ (1) ลงนามในหนังสือรับรองการรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือความเกี่ยวข้องกับผู้ยื่นคําขอประเมินเอกสารวิชาการทุกครั้งที่ทําการประเมิน (2) ประเมินเอกสารตามหลักวิชาการบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยพิจารณาจากความครบถ้วนและความสอดคล้องกับหลักการประเมินเอกสารวิชาการ ที่เกี่ยวข้อง (3) จัดทํารายงานผลการประเมินเอกสารวิชาการหรือแสดงข้อคิดเห็นลงใน แบบฟอร์มตามที่กําหนด และส่งมอบให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาภายในระยะเวลาที่กําหนด พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องและหนังสือรับรองการรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย (4) รับผิดชอบต่อผลการประเมินเอกสารวิชาการของคน (5) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีข้อสงสัย ข้อ ๒ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประเมินเอกสาร ดังต่อไปนี้ (1) ประสานและมอบหมายผู้เชี่ยวชาญหรือคณะผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัดเพื่อทํา หน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการตามสาขาความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการประเมินเอกสารวิชาการนั้นๆ (2) ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญหรือคณะผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัดลงนามในหนังสือรับรอง การรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือความเกี่ยวข้องกับผู้ยื่นคําประเมินเอกสาร วิชาการทุกครั้งที่ทําการประเมิน (3) กํากับให้ผู้เชี่ยวชาญหรือคณะผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัดประเมินเอกสารตามหลัก วิชาการบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยพิจารณาจากความครบถ้วนและความ สอดคล้องกับหลักการประเมินเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง (4) ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญหรือคณะผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัดจัดทํารายงานผลการ ประเมินเอกสารวิชาการหรือแสดงข้อคิดเห็นลงในแบบฟอร์มตามที่กําหนด (5) รวบรวมและสรุปผลการประเมินเอกสารวิชาการของผู้เชี่ยวชาญหรือคณะ ผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัด และส่งมอบให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาภายในระยะเวลาที่กําหนดพร้อม เอกสารที่เกี่ยวข้องและหนังสือรับรองการรักษาความลับและการแสดงความไม่มีส่วนได้ส่วนเสียของผู้เชี่ยวชาญ ในสังกัด (6) รับผิดชอบต่อผลการประเมินเอกสารวิชาการของผู้เชี่ยวชาญหรือคณะผู้เชี่ยวชาญภายในสังกัด (7) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยามีข้อสงสัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้มีอํานาจลงนาม - ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
6,148