title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
ลุงตู่ จุงกิ ส่อง Descendants of the Sun ซีรีส์เกาหลีดังที่นายกฯ พูดถึงคืออะไร | Descendants of the Sun, ในการเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารกับการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ เมื่อวานนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล,โดยนายกฯ กล่าวถึงซีรีส์เรื่อง ,Descendants of the Sun, ที่ติ่งและขาซีรีส์ติดกันให้งอมแงมทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่สาวกคนไทย ทำไมนายกฯ จึงพูดถึง ก็ท่านบอกว่า ซีรีส์เรื่องนี้มันโดนใจมาก สอดแทรกในเนื้อหา มีความรักชาติ ความเสียสละ การให้ความสำคัญต่อหน้าที่ประชาชน การรักษาพยาบาล ถึงจะทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายก็รักกันได้ ท่านนายกฯ จึงบอกให้ทุกคนไปดู และให้สื่อบันเทิงไทยบ้านเรา ผลิตละครแนวนี้ออกมาบ้างเพื่อลดความขัดแย้ง,ไทยรัฐออนไลน์, จึงพาทุกคนมาทำความรู้จัก 8 ข้อต้องรู้ ,Descendants of the Sun, ซีรีส์ดังที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดถึง,1. ซีรีส์ Descendants of the Sun เป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ ที่ออกอากาศทางสถานี KBS2 ของประเทศเกาหลี,2. นำแสดงโดย Song Joong Ki แสดงเป็น กัปตันยูชีจิน ทหารหนุ่มพระเอกของเรื่อง และมีนางเอกเป็น Song Hye Kyo รับบทเป็นแพทย์หญิงคังโมฮยอน,3. ซีรีส์เรื่องนี้ เป็นประเภท Melodrama (ละครเร้าอารมณ์), Romance (โรแมนติก) กำกับโดย Lee Eung Bok และเขียนบทโดย Kim Eun Sook และ Kim Won Suk,4. ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฉายทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 22.00 น. ตามเวลาเกาหลี,5. ซีรีส์นี้มีทั้งหมด 16 ตอน ออกอากาศวันสุดท้ายคือวันที่ 14 เมษายน 2559 ณ เวลานี้ฉายถึงแค่ตอนที่ 8 ,6. เรื่องราวโรแมนติกเกิดขึ้น เมื่อทหารหนุ่มซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาการของหน่วยกองบัญชาการสงครามพิเศษ พบรักกับแพทย์สาวอาสาสมัคร ในระหว่างประจำการอยู่ในดินแดนอันไกลบ้านและสุดอันตราย,7. แว่วมาว่า ทุนที่ใช้ในการถ่ายทำ Descendants of the Sun สูงถึง 380 ล้านบาท โดยกว่า 65% ของการลงทุนเป็นการทุ่มสร้างฉากในการถ่ายทำ โดยขนทีมงานไปถ่ายทำกันไกลถึงประเทศกรีซ,8. อีกกระแสสมทบความดัง ญี่ปุ่นทุ่มทุนซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์เรื่องนี้เพื่อเอาเข้ามาฉายในประเทศ ในราคาตอนละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.5 ล้านบาท คิดเล่นๆ ทั้งหมด 16 ตอน คูณด่วนๆ 60 ล้านบาทไทยเอง เขาว่ากันว่า เป็นจำนวนเงินสูงที่สุดในรอบ 3 ปี ,เตือนก่อนติด ตอนนี้ Descendants of the Sun ยังฉายไม่จบ ใครอยากฟินยาวๆ รอซีรีส์จบก่อนแล้วค่อยดู แต่ถ้าผู้ใดอดรนทนไม่ไหว เชิญชมกันให้จุใจ แล้วอย่าลืมทำงานทำการ ตื่นไปเรียน ให้ข้าวหมาข้าวแมวกันด้วยนะคะ เราเตือนคุณแล้ว,ข่าวล่ามาแรง เห็นว่าเร็วๆ นี้ พระเอกรูปหล่อจะมาจัดมีตติ้งที่ไทยด้วยจ้า รอกันหน่อยนะติ่งนางฟ้าทั้งหลาย.,ที่มา-ภาพ : ,http://www.kbs.co.kr/drama/sun/index.html, , ,KBS World | งงสิครับ! เมื่อท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงซีรีส์ดัง Descendants of the Sun ในการเป็นประธานเปิด | null | Descendants of the Sun,นายกฯ ซีรีส์,ซีรีส์เกาหลี,ซีรีส์,ซีรีส์Descendants of the Sun,Song Joong Ki,ประยุทธ์ ซีรีส์เกาหลี,ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซีรีส์,ประยุทธ์Descendants of the Sun,ประยุทธ์ซีรีส์,ซีรีส์เกาหลี ประยุทธ์,ข่าวซีรีส์,ข่าวประยุทธ์,ข่าวนายก,ข่าวนายก ซีรีส์,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ไลฟ์สไตล์,ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ,แคมปัสไทยรัฐ,ซีรีส์ แคมปัส,แคมปัสซีรีส์,แคมปัสไลฟ์สไตล์,แคมปัส,ซีรีส์ทหาร,ซีรีส์ทหารเกาหลี | https://www.thairath.co.th/content/592352 |
สภาล่ม ครูมานิตย์ เสนอ นับองค์ประชุม-รังสิมันต์ ซัด เสียดายภาษี | ประชุมสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ซัด ส.ส.รัฐบาล เสียดายภาษีประชาชน ครูมานิตย์ ส.ส.เพื่อไทย เป็นผู้เสนอให้นับองค์ประชุม เหตุเห็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาประชุมน้อยวันที่ 8 ก.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ประเด็นประชุมสภาล่ม ว่า องค์ประชุมสภาไม่ครบ ปิดประชุม อธิบายนิดว่า ธรรมเนียมสภา เราถือว่าองค์ประชุมเป็นของรัฐบาลในฐานะที่ รบ.มีเสียงข้างมากในสภา ปัญหา คือ หลายครั้งที่อภิปราย ส.ส.รัฐบาลไม่มาประชุม ถ้าอยู่กรรมาธิการอันนี้ให้อภัยได้ แต่ถ้าไปทำเรื่องอื่นนอกสภา อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เสียดายภาษีประชาชนทั้งนี้ภายหลัง ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 10 เป็นกรณีพิเศษ ณ ห้องประชุมพระสุริยัน อาคารรัฐสภา เกียกกาย เมื่อเวลา 09.25 น. โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม โดยมีวาระการพิจารณา รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2562 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล การปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ประจำปี 2562โดยระหว่างประชุมสภา ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ขอเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบองค์ประชุมสภาก่อน เนื่องจากเห็นว่า มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมสภาไม่ครบ ผลปรากฏว่ามี ส.ส.มาประชุมสภา เพียง 231 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม คือ 244 คน ทำให้ไม่สามารถประชุมต่อไปได้ จึงสั่งปิดประชุมสภาในเวลา 13.15 น. | ประชุมสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ซัด ส.ส.รัฐบาล เสียดายภาษีประชาชน ครูมานิตย์ ส.ส.เพื่อไทย เป็นผู้เสนอให้นับองค์ประชุม เหตุเห็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาประชุมน้อย | ข่าว,การเมือง | ประชุมสภา,สภาล่ม,รังสิมันต์ โรม,มานิตย์ สังข์พุ่ม,เพื่อไทย,พรรคก้าวไกล,องค์ประชุมไม่ครบ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1884725 |
คนร้ายจ่อยิงโจ๋ จ.ยะลา อาการปางตายพื้นที่บันนังสตา คาดเรื่องส่วนตัว | เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 15 พ.ย. ร.ต.อ.ณรงค์ชัย เวชนิล พงส.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากโรงพยาบาลบันนังสตา ว่า มีชาวบ้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งมารักษา ต่อมา พร้อม พ.ต.อ.ชาติชาย ชนะสิทธิ์ ผกก. พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม รอง ผกก.สส. ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายสุไลมาน กาซอ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250/2 บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา ถูกกระสุนไม่ทราบขนาดเจาะบริเวณใต้ราวนมซ้ายกระสุนฝังใน อาการเป็นตายเท่ากัน แพทย์ได้เยียวยาเบื้องต้นแล้วรีบส่งต่อไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา,จากการสอบสวนทราบว่า นายสุไลมาน กาซอ มีอาชีพกรีดยางพารา ก่อนเกิดเหตุได้ออกจากบ้านพักไปหาเพื่อนที่อยู่หน้า ร.ร.ธารทิพย์ ซี่งอยู่ภายในหมู่บ้าน ขณะเดินทางกลับ คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้มาดักซุ่มแล้วบุกประชิดจ่อยิงที่หน้าอกซ้าย นายสุไลมาน 1 นัดจนล้มลง หลังก่อเหตุพวกคนร้ายได้พากันวิ่งหนีไป ชาวบ้านได้ยินเสียงอาวุธปืนดังจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ไปตรวจสอบ พบ นายสุไลมาน นอนร้องครวญครางอยู่ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร บันนังสตา รุดไปนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ทิ้งประเด็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ | หนุ่มวัย 25 ปี ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มเล็งยิงหน้าอกด้านซ้าย ชาวบ้านได้ยิงเสียงปืนรีบวิ่งเข้าช่วย นำส่งโรงพยาบาล ตำรวจสันนิษฐานเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ตัดประเด็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สร้างสถานการณ์ | null | จ่อยิงอก,ซุ่มยิง,บาดเจ็บสาหัส,สุไลมาน กาซอ,บันนังสตา,คนร้ายไม่ทราบจำนวน,ณรงค์ชัย เวชนิล,ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ,ชาติชาย ชนะสิทธิ์,ยะลา,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/539680 |
เปรียบเทียบ ทีวีสาธารณะ แบบอเมริกา-ไทย | เปรียบเทียบและข้อสังเกตบางประการ ของPBS ของสหรัฐอเมริกา และไทยพีบีเอสของไทยส่วน Thai PBS อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ซึ่งเปิดดำเนินการ 15 มกราคม พ.ศ.2551 พยายามเอาปรัชญาหรือแนวคิด (หรือเลียนแบบ) กิจการของทีวีสาธารณะของอเมริกันแห่งนี้ ภายหลังจากที่กิจการ ITV เดิมที่ใช้ระบบการประมูล ประกอบกิจการไม่เป็นผลสำเร็จอาจมองได้ว่า ระบบการทำสื่อทีวีของไทยกับระบบของอเมริกันแตกต่างกัน แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้ระบบการบริหารจัดการเทคโนโลยีและระบบข้อมูลแทบไม่แตกต่างกัน เมื่อโลกกลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่สามารถแยกข้อมูลสารสนเทศออกจากกันได้อีกต่อไป อีกนัยหนึ่งก็คือ ปัจจุบันแทบไม่มีพรมแดนด้านข่าวสารข้อมูลหลงเหลืออยู่อีกแล้วนั่นเองคงไม่บังอาจเทียบกิจการทีวีสาธารณะของ 2 ประเทศ คือ ไทยกับอเมริกัน ขณะที่ข้างหนึ่งเพิ่งโตมาเพียงไม่กี่ปี อีกข้างหนึ่งโตมา 40 กว่าปี ซึ่งนับว่าแตกต่างกันมาก แต่อย่างที่บอก คือโลกปัจจุบัน ระบบสื่อมวลชนไม่ว่าอเมริกาหรือไทยแทบไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก การหาข้ออ้างเรื่องระยะเวลาการเติบโต หรือการฟูมฟักกิจการจึงไม่น่าจะถูกต้องทั้งหมดรูปแบบทุนสนับสนุนกิจการของ US PBS มาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง ส่วนที่สอง เป็นเงินสนับสนุนจากผู้บริจาค หรือจากบรรดาสมาชิกของ PBS เอง ซึ่งเงินสนับสนุนในส่วนที่สองนี้นับเป็นทุนสนับสนุนส่วนใหญ่ มีจำนวนเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่าทุนที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐเสียด้วยซ้ำข้อวิพากษ์ถึงความเป็นกลางของทีวีอเมริกันช่องเดียวกันนี้มีอยู่ แต่ไม่ค่อยมากนัก จากการสำรวจของ Roper polls ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย พบว่า US PBS เป็นองค์กรที่คนอเมริกันให้ความไว้วางใจมากที่สุดส่วนหนึ่งเพราะสถานีเดียวกันนี้มีรายการที่เน้นไปเพื่อการศึกษาเสียมาก เป็นรายการการศึกษาอย่างจริงจัง (ซีเรียส) หรืออย่างเป็นการเป็นงานเสมือนการทำวิจัย ไม่เป็นแบบสุกเอาเผากิน (นิยามของ ทีวีเพื่อการศึกษา ของสื่อองค์กรนี้ไม่ได้หมายถึงการศึกษาในรูปแบบการเรียนการสอนทางไกล แต่เป็นการศึกษาผ่านสื่อทีวีเพื่อให้ความรู้กับประชาชนในหลายๆ ด้านอย่างกลมกลืนกับการรับสื่อในชีวิตประจำวัน เช่น ด้านประวัติศาสตร์ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม ด้านสภาพแวดล้อม เป็นต้น)ในส่วนของการนำเสนอด้านข่าวของ PBS ส่วนใหญ่เป็นการสัมภาษณ์และเป็นการวิเคราะห์ข่าวมากกว่าที่จะเน้นการทำข่าวเสียเอง เช่น รายการ NewsHour ของ จิม เลห์เรอร์(Jim Lehrer) ที่ถือว่าอยู่มานานหลายปี มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือมาก ส่วนรายการข่าวก็อย่างเช่นรายการ Frontline สำแดงถึงศักยภาพที่เป็นที่น่าเชื่อได้ว่า ไม่เอียงข้าง (ไม่เอียงข้างทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ คงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อย US PBS ก็ได้รับการวิจารณ์ในทำนองนี้น้อยกว่าทีวีอเมริกันช่องพาณิชย์อื่นๆ )ประเด็นที่ US PBS ถูกวิจารณ์ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการบริหารจัดการผู้บริหารและพนักงานในองค์กร ซึ่งเชื่อมกับที่มาของเงินทุนสนับสนุนองค์กร สื่อสิ่งพิมพ์อเมริกันบางฉบับเคยวิจารณ์รูปแบบการบริหารของสถานีแห่งนี้ว่า น่าจะทำให้มีรูปแบบเชิงพาณิชย์มากขึ้น ในเมื่อผู้บริหารของสถานีมีรายได้จำนวนมากพอๆกับช่องทีวีพาณิชย์อื่นๆ เช่น ABC NBC CBS FOX หรือ CNN หมายถึง เป็นองค์กรสื่อไม่หวังผลกำไรก็จริง แต่มีลักษณะการทำงานในเชิงพาณิชย์อยู่ในที ซึ่งก็เหมือนองค์กรไม่หวังผลกำไรหลายองค์กรในอเมริกาที่ได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมาก จนผู้บริหารตั้งเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของตัวเองสูงมากจนดูน่าเกลียดอย่างไรก็ตาม ในประเด็นเดียวกันนี้ คงไม่สามารถวิจารณ์การบริหารงานของ US PBS ได้ทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะการให้ความสนับสนุนสถานีแห่งนี้ของประชาชนหรือองค์กรเอกชนต่างๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็มีการระดมทุนเพื่อเป็นทุนในการบริหารงานของสถานีแห่งนี้ทุกปี และยังมีคนอเมริกันให้การสนับสนุนสื่อสาธารณะแห่งนี้อย่างมากมาย หากเมื่อเทียบกับ Thai PBS ที่กลไก (หน่วยงาน) ของรัฐไทยให้การสนับสนุนแล้ว นับว่าแตกต่างกันอย่างมากเลยทีเดียวเมื่อพิจารณาถึงลักษณะการทำงาน โดยเฉพาะการทำรายการของ US PBS ที่มีการทำงานแบบเป็นทีมสูง แต่ดูเหมือน Thai PBS กลับให้ภาพความเป็นปัจเจกของคนทำรายการมากกว่าอย่างอื่น คือ มุ่งสนองต่อความเป็นปัจเจกของผู้จัดทำ (ผลิต) หรือผู้สร้างสรรค์รายการมากกว่า ทั้งนี้อาจเพราะคนไทยทำงานเป็นทีมกันไม่ค่อยเป็นหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดประเด็นที่น่าจับตามองอีกประการที่เกี่ยวกับนโยบายการทำงานของ US PBS คือ เช่น NETA American Public Television WTTW National Productions เป็นต้น เพื่อทำงานด้านผลิตรายการอีกทาง ทำให้เกิดความหลากหลายต่อผู้ชม หรือคนรับสื่อ และมีรายการทางเลือกมากขึ้น ทำให้เกิดพัฒนาการของการทำสื่อที่มาจากมวลชนจริงๆ แม้กระทั่งการรายงานข่าวจากพื้นที่นั้นๆ ในแต่ละท้องถิ่นในประเด็นเดียวกันนี้ ไม่ทราบว่า Thai PBS ได้ก้าวหน้าไปถึงไหน หรือมีการพยายามรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลางหรือไว้ที่องค์กรที่กรุงเทพทั้งหมดหรือไม่ หมายถึง อำนาจของคณะกรรมการด้านโยบายและอำนาจในส่วนของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งหากเป็นอย่างว่านี้ ก็เท่ากับ Thai PBS มุ่งสนองต่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเท่านั้น และเป็นองค์กรสาธารณะที่มีนโยบายและการบริหารที่คับแคบมาก จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม แรงจูงใจให้ประชาชน (พลเมือง) ทำรายการออกมาดีๆ มีหรือไม่ ในสัดส่วนเท่าไร หรือเป็นการมุ่งโปรโมทสร้างภาพว่า เป็นทีวีประชาชนหรือเป็นทีวีสาธารณะเท่านั้น โดยที่เงินเดือนและผลตอบแทนของคณะผู้บริหารก็เลยหลักแสนกับแทบทั้งสิ้น ยังไม่มีการประเมินผลรายการพลเมืองดังกล่าวนี้อย่างจริงจังแต่อย่างใด ดูไปจึงไม่ต่างไปจากรายการโชว์รายการหนึ่ง (อย่างน้อยๆ ก็จำอวดภาษาท้องถิ่นให้ได้เห็นกันทางทีวี) ติดอยู่กับกระพี้ ไม่ได้นำเสนอเชิงลึกถึงแก่นจริงๆ ของปัญหา ของชาวบ้านจริงๆ | เปรียบเทียบและข้อสังเกตบางประการ ของPBS ของสหรัฐอเมริกา และไทยพีบีเอสของไทย กิจการของทีวีสาธารณะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ PBS เป็นชื่อของทีวีสาธารณะของอเมริกัน มาจาก Public Broadcasting Service | การเมือง,วัฒนธรรม | PBS,ทีวีสาธารณะ,พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์,ไทยพีบีเอส | https://prachatai.com/journal/2013/02/45485 |
ชาวนาขู่ปิดถนนขวางประชุมครม.สัญจร หากรัฐไม่ขยายเวลาจำนำข้าว | แม้ตัวแทนชาวนาใน 10 จังหวัดภาคกลาง จะเข้ายื่นหนังสือต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ยืดระยะเวลารับจำนำข้าวออกไปแล้ว แต่ชาวนาบางส่วนในจ.อ่างทอง สิงห์บุรี และจ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงตัวแทนชาวนา 7 จังหวัดภาคกลาง ยังคงยืนยันว่า วันนี้ (17 ก.ย.) จะมีความเคลื่อนไหวในการรวมตัวกันของชาวนา พร้อมกันที่ศาลาว่าการจังหวัดแต่ละจังหวัดนายบุญรอด ยอดมีกลิ่น ประธานเครือข่ายชาวนาจังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า จะไม่รอการตัดสินใจของทางรัฐบาล เพราะจากการหารือกับสภาเกษตรกร และแกนนำชาวนาของจังหวัดอ่างทอง มีมติให้มีการเคลื่อนไหวทันที เนื่องจากรัฐบาลไม่สนใจในการแก้ปัญหาของชาวนาสอดคล้องกับนายสมชาติ ยิ้มละม้าย ผู้แทนสภาเกษตรกรอ่างทอง ที่ระบุว่า วันนี้ (17 ก.ย.) จะนำชาวนาจังหวัดอ่างทอง เดินทางไปชุมนุมกดดันรัฐบาล ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง เพื่อรอฟังแนวทางการช่วยเหลือชาวนา หากรัฐบาลไม่ชดเชยเงินช่วยเหลือชาวนาที่ต้องขายข้าวสดไปก่อนหน้านี้ และไม่ยืดเวลารับจำนำข้าวออกไปอีก ชาวนา 10 จังหวัดภาคกลาง ก็พร้อมเตรียมชุมนุมปิดถนนขัดขวางการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จ.ลพบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ทันทีสำหรับข้อเรียกร้องของชาวนาได้ขอให้มีการขยายเวลาการรับจำนำข้าว จากเดินสิ้นสุดวันที่ 15 กันยายน เป็นก่อนวันที่ 1 ตุลาคมนี้แทน โดยระบุว่า หากไม่ขยายเวลาชาวนาจะขายข้าวได้เพียง 7000 บาทต่อตันเท่านั้น เพราะข้าวเปลือกมีความชื้นสูง แต่หากนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวได้ อาจได้ราคาถึง 12000 บาทต่อตัน ดังนั้นหากไม่สามารถนำข้าวเปลือก เข้าร่วมโครงการได้ ชาวนาจะขาดทุนในทันที เพราะต้นทุนทำนาอยู่ที่ไร่ละเกือบ 7000 บาทด้านนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ไปพูดคุยกับและชี้แจงทำความเข้าใจ ส่วนจะขยายเวลาได้หรือไม่นั้น ต้องขอเวลาในการหารือก่อน เพราะครั้งนี้เป็นข้าวในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนที่กลุ่มชาวนามีเงื่อนไขว่า ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามจะปิดเส้นทางเข้าจังหวัดลพบุรีนั้น ก็ต้องขอร้องว่าให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงไปพูดคุยก่อน และคงต้องรอผลโดยติดตามจากกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง การยื่นเงื่อนไขโดยการปิดถนน จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการสัญจรไป-มา อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันในการบริหาร เพื่อรักษาสมดุลซึ่งกันและกัน รัฐบาลก็จะพยายามดูแลช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย | วันนี้ (17 ก.ย.) ชาวนาหลายจังหวัดในภาคกลาง จะเคลื่อนไหวไปชุมนุมที่ศาลาว่าการจังหวัดแต่ละแห่ง เพื่อกดดันให้รัฐบาลยอมขยายเวลารับจำนำข้าวออกไปอีกอย่างน้อย 15 วัน หลังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันขายให้กับโครงการรับจำนำในรอบการผลิต 2555/2556 พร้อมขู่ว่าหากรัฐไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง จะชุมนุมปิดถนนขัดขวางการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ | ภูมิภาค | จำนำข้าว,ชาวนา,ชุมนุม,ภาคกลาง | https://news.thaipbs.or.th/content/196271 |
สถานการณ์ยุติ จนท.ล็อกหัวโจก จลาจลเผาคุกปัตตานีดับ 2ศพ | อ้างเหตุไม่พอใจผู้คุมคุกเข้มงวดเรื่องเวลาและการตรวจค้นยาเสพติดบ่อยครั้ง ยื่น 14 ข้อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม ผู้การฯปัตตานี สั่งระดมกำลังกองร้อยปราบจลาจลเข้าควบคุมสถานการณ์,นักโทษคุกปัตตานีก่อเหตุจลาจลทำร้ายผู้คุมและจุดไฟเผาเรือนจำ มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 ก.ค. พ.ต.อ. กีรติ แวยูโซ๊ะ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีว่า มีนักโทษก่อเหตุรุนแรงภายในเรือนจำฯ ขอกำลังช่วยสนับสนุน จึงรายงาน พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมขอกำลังเสริมจากตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กว่า 300 นาย เข้าระงับเหตุ เมื่อไปถึงพบมีกลุ่มควันเกิดขึ้นภายในเรือนจำ เนื่องจากกลุ่มนักโทษจุดไฟเผาอาคารศูนย์ควบคุมผู้ต้องขัง จึงแจ้งระดมรถดับเพลิงประมาณ 10 คัน แต่กลุ่มนักโทษไม่ยอมให้เข้าไปดับไฟ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้รถกระเช้าเข้าฉีดน้ำแทน ปรากฏว่าถูกกลุ่มนักโทษขว้างปาด้วยก้อนหินจนต้องหลบกันชุลมุน หลังผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด แต่ตัวอาคารและอุปกรณ์ รวมทั้งเอกสารถูกเผาวอด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเกิดเหตุนายกาจก้อง รัตนะ ผอ.ส่วนเรือนจำกลางปัตตานี พร้อมนายสุเทพ เพชรเกลี้ยง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ พยายามเข้าห้ามปรามกลุ่มนักโทษ กลับถูกขว้างปาด้วยก้อนหินและท่อนไม้ ทำให้ทั้ง 2 คนศีรษะแตกเลือดอาบ ต้องนำตัวออกมาปฐมพยาบาลแล้วนำส่งโรงพยาบาล แม้เจ้าหน้าที่เรือนจำประกาศเสียงตามสายให้กลุ่มนักโทษหยุดก่อเหตุ แต่กลุ่มนักโทษไม่ยอมยุติ ต่างส่งเสียงโห่ร้องตะโกนด่าทอ และขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ ก่อนบุกเข้าไปยังห้องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งหนีตายกันโกลาหล พร้อมสั่งปิดประตูเรือนจำเพื่อป้องกันนักโทษหลบหนีออกมา และสั่งติดอาวุธเข้าประจำในจุดสำคัญ,จากการตรวจสอบจำนวนนักโทษในเรือนจำ พบมีนักโทษ 3 กลุ่ม คือคดียาเสพติด อาชญากรรมทั่วไป และคดีความมั่นคง รวม 1,800 คน มีนักโทษทั้งชายและหญิง โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุและปลุกระดมมีราว 300-400 คน ใช้ผ้าปิดบังใบหน้าถือท่อนไม้เดินทุบทำลายข้าวของเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ปืนยิงขู่เพื่อระงับเหตุ แต่ปรากฏว่ากลุ่มนักโทษไม่เกรงกลัว และสถานการณ์เริ่มลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีนักโทษ 2 กลุ่มทะเลาะวิวาทและทำร้ายกันเอง เบื้องต้นมีนักโทษชายถูกทำร้ายเสียชีวิต 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อ และยังนำศพออกมาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นักโทษบางส่วนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อจลาจล ได้กลับขึ้นเรือนนอน ขณะที่บางส่วนหลบหนีอยู่ตามจุดต่างๆ ส่วนนักโทษหญิงที่มีอยู่ไม่ถึง 100 คน และอยู่ใกล้ประตูทางออก เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย,เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นายหนึ่งที่หนีตายออกมาได้ทันเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุในครั้งนี้เพราะผู้ต้องขังไม่พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้คุมที่มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการตรวจค้นยาเสพติดภายในเรือนจำบ่อยครั้งและเคร่งครัดในเรื่องเวลา ทำให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดบางส่วนไม่พอใจ พยายามต่อรองแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากเป็นระเบียบวินัยไม่สามารถผ่อนปรนให้ได้ จากนั้นผู้ต้องขังหัวโจก 2 คน เริ่มปลุกระดมเพื่อนนักโทษที่เหลือให้ก่อการจลาจลในช่วงเกิดเหตุ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมผู้ต้องขังกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ปรากฏว่ามีกลุ่มนักโทษหลายร้อยคนบุกเข้ามาภายในอาคาร ไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ต้องวิ่งหนีตายออกมา ก่อนลอบวางเพลิงเผาอาคารได้รับความเสียหาย รวมไปถึงทำลาย สิ่งของหลายจุด,ต่อมาตัวแทนกลุ่มนักโทษที่ก่อเหตุ เสนอข้อเรียกร้องขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และประธาน กรรมการอิสลามปัตตานี เจ้าหน้าที่ต่อรองให้รองผวจ.ปัตตานี ผบ.ฉก.ปัตตานี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี และ นอภ.เมืองปัตตานี เข้าเจรจาแทน แต่มีเงื่อนไขให้นักโทษทั้งหมดกลับเข้าเรือนนอน และให้ส่งตัวแทนมาเจรจาพูดคุยโดยยึดแนวทางสันติ ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มควันหนาทึบลอยออกมาจากภายในเรือนจำเป็นระยะๆ คาดว่ามีการจุดไฟเผาหลายจุด สถานการณ์ยังคงตึงเครียด นักโทษต่างโห่ร้องเสียงดังและขว้างปาสิ่งของ แต่เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในไม่ได้ ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ พร้อมประสานรถดับเพลิงมาระงับเหตุเพลิงไหม้ในจุดที่รุนแรงและพอจะฉีดน้ำไปถึง,ด้าน พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ที่เดินทางมาอำนวยการในจุดเกิดเหตุ ได้สั่งให้เตรียมความพร้อม เพื่อนำกำลังชุดปราบจลาจล กองร้อยควบคุมฝูงชน ภ.จ.ปัตตานี เข้าควบคุมสถานการณ์ เพราะเกรงหากปล่อยให้ถึงช่วงค่ำมืด สถานการณ์อาจเลวร้ายยิ่งขึ้น เนื่องจากนักโทษหัวโจกขู่จะทำร้ายเพื่อนนักโทษที่ไม่ให้ความร่วมมือ,กระทั่งในช่วงค่ำ นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามปัตตานี พร้อมด้วย รองผู้ว่าฯปัตตานี และ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เข้าไปเจรจากับตัวแทนนักโทษ ซึ่งได้ยื่นข้อเรียกร้อง 14 ข้อ คือ 1.ไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายนักโทษที่ผิดวินัยเกินกว่าเหตุ 2.ห้ามย้ายนักโทษทุกคน 3.ให้ย้าย ผอ.ศูนย์ควบคุมนักโทษคนใหม่พร้อมเจ้าหน้าที่ 7 นายออกจากเรือนจำ 4.ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมคนเดิมกลับมา 5.ให้นักโทษที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้คุมเป็นชาวมุสลิมทั้งหมด 6.ให้นักโทษที่เป็นผู้ช่วยเหลือผู้คุมได้พบกับสามี-ภรรยา สัปดาห์ละ 1 ครั้ง 7.ให้ของฝากที่ญาตินำมาเยี่ยมเข้ามาได้ตามปกติ 8.ขอให้เรือนจำเปิดข่าวสารให้นักโทษได้ดู 9.ขอให้เลื่อนชั้นผู้ช่วยเหลือผู้คุมทุกๆ 6 เดือน 10.ให้นำอาหารขึ้นเรือนนอนได้ 11.เหตุการณ์ในวันนี้ต้องไม่เอาผิดผู้ต้องขังทุกคน 12.ไม่ให้ย้ายผู้ต้องขังแม้แต่คนเดียว 13.รายชื่อที่เสนอข้อที่ 3 ให้ย้ายด่วนและ 14.ขอให้หัวหน้าฝ่ายควบคุมคนเก่าเป็นสักขีพยานการเจรจา,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อเวลา 21.20 น. การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป และสถานการณ์ตึงเครียดผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีท่าทีจะยุติลงง่ายๆ จู่ๆได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นภายในอาคารกองการศึกษา เป็นอาคารชั้นเดียวขนาดใหญ่ ใช้เป็นห้องสมุดและที่เรียนหนังสือของนักโทษในเรือนจำ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จ.ปัตตานี จึงสั่งให้กำลังชุดปราบจลาจล ราว 100 นาย มีโล่และกระบองเป็นอาวุธ ตั้งแถวเดินเรียงหน้ากระดานเตรียมเข้าควบคุมสถานการณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าผลีผลามบุกเข้าไปทันที เพราะเกรงอาจเกิดการปะทะกันจนมีการสูญเสียจำนวนมาก เนื่องจากนักโทษต่างอยู่ในอาการฮึกเหิม และไม่ยอมรับการเจรจาใดๆ,จากนั้นในเวลา 23.10 น. เจ้าหน้าที่ได้กันสื่อมวลชนจำนวนมาก ที่มาปักหลักรอรายงานข่าวเหตุจลาจลอยู่หน้าเรือนจำกลางปัตตานี ให้ออกห่างจากบริเวณประตูเรือนจำ ก่อนให้รถส่งคลื่นความถี่สูงเปิดคลื่นรบกวน และส่งกำลังชุดปราบจลาจลเข้าคลี่คลายสถานการณ์ โดยมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการใช้กระสุนยางยิงเปิดทางตามยุทธวิธีควบคุมฝูงชน หลังผ่านไปราว 20 นาที เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำไว้ได้แล้ว,จากนั้นรถควบคุมผู้ต้องหาหลายสิบคันได้แล่นเข้าไปในเรือนจำ ลำเลียงนักโทษหัวโจกและผู้ร่วมก่อเหตุกว่า 100 คนขึ้นรถ เพื่อนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางสงขลา โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินวนฉายสปอตไลต์ส่องสำรวจพื้นที่ ป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนีออกมา ขณะเดียวกัน มีรถกู้ชีพและรถพยาบาลจำนวนหนึ่ง แล่นเข้าไปรับผู้บาดเจ็บที่ยังไม่ทราบอาการและจำนวนส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจล เข้าเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า ไม่พบมีกลุ่มนักโทษต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานแต่อย่างใด | จลาจลเดือด นักโทษเรือนจำกลางปัตตานีหลายร้อยคน รวมตัวถือก้อน หิน-ท่อนไม้ บุกเข้าอาคารศูนย์ควบคุมผู้ต้องขัง ไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บาดเจ็บ 2 นาย ก่อนจุดไฟเผาอาคารวอดทั้งหลัง สังหารเพื่อนนักโทษตาย 2 ศพ | null | ข่าวหน้า1,เผาคุก,ปัตตานี,2ศพ,กาจก้อง รัตนะ,นักโทษ,จุดไฟ,ผู้ต้องขัง,จลาจล,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/664981 |
ตร.เชียงรายจับเครือข่ายค้ายาเสพติดภาคเหนือพร้อมยาบ้าหลายแสนเม็ด | ตำรวจภูธรเชียงรายยึดยาบ้าเกือบ 350000 เม็ด และ ยาไอซ์อีก 1 กิโลกรัม ได้จากรถยนต์ ทะเบียน 1กส8322 กรุงเทพมหานคร หลังรถคันดังกล่าวพยายามขับหลบหนีตำรวจ แต่ประสบอุบัติเหตุแหกโค้ง ชนต้นไม้ บนถนน อ.ป่าแดด จ.เชียงราย กับ อ.จุน จ.พะเยา ทำให้ผู้ที่อยู่ในรถเสียชีวิต 1 คน เป็นเยาวชนชายอายุ 16 ปี และจากการตรวจค้นภายในรถ เจ้าหน้าตำรวจได้พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระโปรงหลังรถด้วยจากการสอบสวนนายนิรันดร์ ชัยวิริยานุรักษ์ และ เยาวชนชายอายุ 18 ปีอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุ ทั้ง 2 คนสารภาพว่ารับจ้างขนยาบ้า และ ยาไอซ์ จากดอยวาวี อ.แม่สรวย ให้ขับรถนำของกลางไปส่งให้กับลูกค้า ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง กระทั่งถูกจับได้ เบื้องต้น ตำรวจตรวจสอบพบว่า ทะเบียนรถเป็นทะเบียนปลอม จึงเตรียมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ | เครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ขับรถยนต์หลบหนีตำรวจ แต่รถประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ตำรวจยึดยาบ้าได้หลายแสนเม็ด | ภูมิภาค | ภาคเหนือ,ยาบ้า,ยาเสพติด,ยาไอซ์,เชียงราย | https://news.thaipbs.or.th/content/205102 |
ห้ามขายดอกไม้ไฟในป้อมมหากาฬ | ตามนโยบายรัฐบาล-กทม.ร่วมทหาร, ตำรวจ-กวดขันตลอด 24 ชั่วโมง,เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายวุฒิชัย บุญสิทธิ์ ผอ.เขตพระนคร เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกวดขันการเล่นดอกไม้เพลิง การจุดและปล่อยพลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควันในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง เนื่องจากเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย จนเกิดอุบัติเหตุและอัคคีภัย ทำให้ประชาชนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินบ่อยครั้ง,ในส่วนนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องกวดขันอย่างเข้มงวดและเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 17.00-20.30 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้อำนวยการเขตพระนคร ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ และเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อจัดตั้งกองอำนวยการร่วมสกัดไม่ให้มีการซื้อขายพลุและดอกไม้ไฟภายในบริเวณป้อมมหากาฬ,เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า ภายในบริเวณป้อมมหากาฬมีผู้ประกอบการค้าขายดอกไม้ไฟ โดยจะไม่เก็บ หรือวางสินค้า ณ จุดจำหน่าย แต่ใช้วิธีการนำตัวอย่างมาตั้งโชว์ เมื่อผู้ซื้อตกลงจะซื้อสินค้าแล้วพ่อค้าคนกลางจะไปรับส่งสินค้าจากร้านค้าอีกแห่งซึ่งอยู่ภายนอกป้อมมหากาฬเพื่อมาจำหน่าย อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจลงพื้นที่กวดขันร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารของ กอ.รมน. และตำรวจผลัดเวรตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการโดยรอบบริเวณป้อมมหากาฬลักลอบขายปลีกหรือขายส่งให้กับประชาชนและร้านค้า. | เนื่องจากเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย จนเกิดอุบัติเหตุและอัคคีภัย ทำให้ประชาชนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินบ่อยครั้ง | ข่าว,ทั่วไทย | ป้อมมหากาฬ,ดอกไม้ไฟ,ร้านดอกไม้ไฟ,พลุ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1116520 |
กระดูกไก่ติดจมูกลูก ลมหายใจเหม็น 2 สัปดาห์ พบแพทย์มาเลย์ หมดเงิน 8 บาท | คาใจนาน 2 สัปดาห์ ลูกสาว,เน่า หมอในมาเลเซีย ระบุกลิ่นจากช่องปาก และแคะขี้มูกจนจมูกอักเสบ ให้ยามากินและหยอด แต่ไม่หาย แม่เอะใจให้ลูกสั่งนำ้มูกแรงๆ สุดตะลึง กระดูกไก่ 1 ข้อ หลุดออกมา และลมหายใจที่เหม็นหายทันที ขอแชร์ประสบการณ์ เป็นอุทาหรณ์ เตือนพ่อแม่พึงระวัง โดยเฉพาะหากมีลูกเล็กๆ ยิ่งไม่ควรมองข้าม ,พบแพทย์มาเลย์ หมดเงิน 8 บาท ลมหายใจเหม็น เป็นเรื่องปกติ, วลัยลักษณ์ แซ่จ๋าว อาศัยในประเทศมาเลเซีย ผู้เป็นแม่ พูดถึงอุปนิสัยของ, เจนนิเฟอร์, ลูกสาวลูกครึ่ง จีน-มาเลเซีย-ไทย วัย 2 ปี 11 เดือน และย้อนเล่าเหตุการณ์ ลูกสาวไม่เคยมีประวัติ ,,,แต่ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 62 ,ในช่วง 1-3 วันแรก เวลาลูกหายใจจะมีกลิ่นเหม็นนิดๆ เมื่อใช้ไฟฉายส่องดูรูจมูกก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ, จึงสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเเพราะลูกชอบแคะจมูกที่บางครั้งแคะจนเลือดออก แต่ด้วยความสงสัยจึงให้ผู้เป็นพ่อพาลูกไปโรงพยาบาลของรัฐฯ ใกล้บ้านเพื่อให้แพทย์ตรวจ,หลังกลับจาก รพ. ผู้เป็นพ่อ เล่าให้ฟังว่า คนทำบัตรคิวไม่ยอมทำคิวให้ ,บอกว่าที่ลมหายใจเหม็น เป็นเรื่องปกติมาจากช่องปาก, และแพทย์ส่องไฟฉายดูรูจมูก ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ,โดยเสียค่าใช้จ่าย 1 เหรียญ หรือประมาณ 8 บาท เป็นค่ารักษาเนื่องจากลูกเกิดที่มาเลเซียทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อย ,นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว 8 วันผ่านไป ,แรงขึ้นเรื่อยๆ,แม้ได้รับคำตอบจากแพทย์แล้ว แต่เธอยังไม่วางใจนัก คอยสังเกตอาการของลูกทุกวัน วันละหลายๆ รอบ ,จากวันที่ 5 ,6,7,8 กลิ่นเหม็นเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเธอรู้สึกทนไม่ไหว และคิดว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เพราะลูกชายอีก 2 คน ไม่มีลมหายใจเหม็น มีแต่ลูกสาวคนเดียวที่มีกลิ่นเหม็นจากรูจมูกขวา,ผู้เป็นพ่อจึงพาไปพบแพทย์ที่ รพ. เดิม ได้รับการตรวจเบื้องต้นทั่วไป จากนั้นพบอาจารย์แพทย์ๆ ,วินิจฉัยว่าลูกชอบแคะจมูกจนอักเสบ ให้ยามากินและหยอด, พร้อมพูดให้กำลังใจเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องเครียด ถ้าไม่หายเหม็น ให้กลับมาหา เมื่อกินยาที่ให้หมดแล้ว แล้วจะทำการส่องกล้องดูว่ามีอะไรผิดปกติ โดยเสียเงินค่ารักษาทั้งหมด 8 บาท เท่าเดิม,แต่ลมหายใจลูกก็ยังมีกลิ่นเหม็นเหมือนเดิม ไม่หาย,เป็นไปตามที่คิด พบต้นตอก่อความเหม็น เหตุสั่งน้ำมูก,ผ่านไป 4 วัน ,หลังใช้ยาตามแพทย์สั่ง ,จากรูจมูกไม่หาย หนำซ้ำเหม็นเน่ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ, ผู้เป็นแม่นึกขึ้นได้ เคยอ่านเจอข่าวดังเมื่อปี 57 เกี่ยวกับเด็ก 4 ขวบ ยัดหนังยางเข้าจมูก (คลิกอ่านข่าว ,อุทาหรณ์ พ่อแม่พึงระวัง ดญ.4 ขวบยัดหนังยางในจมูกนานนับเดือน,),เกิดสงสัยว่าลูกสาวคงเป็นอาการเดียวกัน ,จึงให้ลูกสั่งนำ้มูกแรงๆ หลายครั้ง จนพบต้นตอทำให้ลมหายใจลูกเหม็นอยู่นานเกือบ 2 สัปดาห์ ที่แท้เป็นเพราะ กระดูกไก่ 1 ข้อ นั่นเอง สร้างความโล่งใจและสบายใจกับเธออย่างมาก,แม่เจ้า หัวใจจะวาย เพราะเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด,กลิ่นมาจากกระดูกจริงๆ เพราะพอกระดูกหลุดออก กลิ่นก็หายเลย,ลูก ไขข้อข้องใจ กระดูกไก่ 1 ข้อ เข้าจมูกเพราะใคร,สำหรับสาเหตุ ,กระดูกไก่เข้าไปในรูจมูกลูก ได้อย่างไรนั้น, ผู้เป็นแม่ ไขข้อสงสัยข้อซักถามนี้ว่า ตอนลูกชายอายุ 7 ขวบ กำลังกินข้าว ซึ่งวันนั้นเธอทำตุ๋นขาไก่เป็นกับข้าวให้ลูกๆ กิน ,ลูกชายกินขาไก่ก็วางกระดูกบนโต๊ะไว้ ลูกสาวก็มาเล่นกับลูกชายตามปกติ แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะหยิบกระดูกข้อไก่มาเล่น แล้วเผลอใส่เข้าในจมูก ตอนนั้นไม่มีใครรู้ระแคะระคายอะไร ,ลูกชายไม่ได้สังเกต เนื่องจากหิวมาก หลังเลิกเรียนมาถึงบ้านก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ส่วนลูกสาว,ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวถูกดุ, หลังรู้ต้นตอที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย เธอจึงสอนลูกสาว ,ห้ามนำสิ่งของใดๆ เข้าจมูก และฝากเตือนคุณแม่ๆ คนอื่นๆ อย่านิ่งนอนใจยามลูกมีอาการผิดปกติ, ผู้เป็นแม่ฝากข้อคิดทิ้งท้าย,วิธีป้องกัน แก้ไขเบื้องต้น เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกลูก,สิ่งแปลกปลอมในจมูก มักเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับลูก, ดังนั้น การป้องกัน และแก้ไขเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ, ซึ่ง ,รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ,กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น, ผอ.ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และอดีตผอ.สถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ให้คำแนะนำกับเด็กวัย 1-3 ปี ซึ่งพัฒนาการทางด้านร่างกายสามารถจับต้องสิ่งของได้แล้ว) ดังนี้,1.ควรระมัดระวังในการเลี้ยงดูให้อยู่ในสายตามากที่สุด เพราะเด็กวัย 1-3 ขวบ มีความซุกชน มักหยิบสิ่งของใส่จมูกอยู่เสมอ หรือบางรายใส่หูก็มี, ดังนั้นต้องเก็บสิ่งของเล็กๆ ห่างจากรัศมีมือลูก เช่น เม็ดถั่วชนิดต่างๆ ลูกปัด กระดุม เศษกระดาษทิชชู เมล็ดผลไม้ เม็ดพลาสติก,2. อาการหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกลูกนานหลายวัน ,เด็กจะมีน้ำมูกเรื้อรังข้างเดียว เป็นหนองและมีกลิ่นเหม็น หรือมีเลือดปน ควรรีบพาพบแพทย์ หากปล่อยไว้นานจะอักเสบติดเชื้อ,3. เมื่อพบสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก พ่อแม่อย่าตื่นตกใจจนเกินเหตุ ต้องคอยปลอบให้กำลังใจเด็กด้วย ,หากสิ่งแปลกปลอมอยู่ลึกจนมองไม่เห็น ห้ามให้ลูกสั่งขี้มูกเด็ดขาด, เพราะก่อนสั่งขี้มูกต้องสูดอากาศเข้าไป ,เสี่ยงทำให้ของที่ติดในจมูกเข้าลึกมากกว่าเดิม อาจเข้าถึงช่องคอ แล้วเข้าหลอดลม เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ,4., ,ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ตื้น ให้เด็กก้มหน้า แล้วลองขยับโยกปลายจมูก ,หรือใช้มือปิดรูจมูกอีกข้าง แล้วให้เด็กสั่งน้ำมูกแรงๆ 2-3 ครั้ง อาจจะทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาได้เอง ,อย่าพยายามใช้แหนบ หรือเครื่องมือต่างๆ คีบเอาสิ่งแปลกปลอมออก เพราะจะดันให้สิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในหลอดลม ,ถ้าไม่ออกให้รีบพาเด็กพบแพทย์ด่วนที่สุด ,ก่อนจะเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือผลข้างเคียง การนำสิ่งแปลกปลอมออก ต้องทำด้วยความระมัดระวังมาก เพราะเด็กมักดิ้น จมูกเด็กจึงอาจเกิดบาดเจ็บมากขึ้นจนถึงขั้นมีเลือดออกจากจมูก หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดลึกเข้าไปในหลอดลมได้ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้, รศ.นพ.สุริยเดวกล่าว,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน,สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่,[email protected], หรือช่องทาง Facebook : ,ทีมข่าวเฉพาะกิจ | กระดูกไก่ติดจมูกจนลมหายใจเหม็น อุทาหรณ์ เตือนพ่อแม่พึงระวัง โดยเฉพาะหากมีลูกเล็กๆ ยิ่งไม่ควรมองข้าม คำแนะนำ วิธีป้องกัน แก้ไขเบื้องต้น เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกลูก
| สกู๊ปไทยรัฐ | กระดูกไก่,สิ่งแปลกปลอมในจมูก,ลูกปัดเข้าจมูก,กระดูกติดจมูก,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/scoop/1512451 |
กรุงเทพประกันหั่นเป้าหมาย เจอแข่งขันตลาดรถยนต์โหด | นายอภิสิทธิ์ อนันนาถรัตน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ลงเหลือ 16,665 ล้านบาท หรือเติบโต 5% จากเดิมที่กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 18,000 ล้านบาท หรือเติบโต 13% โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีเบี้ยประกันรับรวม 7,814 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 734.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7%,สาเหตุที่ปรับเป้าเบี้ยประกันรับลง เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาประกันภัยรถยนต์ที่รุนแรง จากเดิมปีนี้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ติดลบอยู่แล้ว เป้าหมายใหม่ตั้งเบี้ยประกันภัยรถยนต์ติดลบเพิ่มอีก 2% หรือจากเดิมเบี้ยประกันภัยรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 42% ของเบี้ยรับรวม ล่าสุดปรับลดลงเหลือแค่ 40% ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ของรัฐชะลอตัว ประกันภัยทรัพย์สินมีการแข่งขันราคาที่รุนแรง,ทั้งนี้ ตลาดประกันภัยรถยนต์มีการแข่งขันราคาที่รุนแรง หลังจากมีผู้ประกอบการบางแห่งต้องการส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดประกันรถยนต์มีอัตราการเติบโตจำกัด จึงจำเป็นต้องแข่งขันด้านราคา เห็นได้จากประกันรถยนต์ประเภท 2+หรือ 3+บริษัทคิดเบี้ยในราคา 7,600-7,900 บาท แต่คู่แข่งเสนอขายในราคา 6,000 บาท ขณะที่ค่าแรงและค่าอะไหล่ปรับสูงขึ้น 7-10%. | นายอภิสิทธิ์ อนันนาถรัตน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ลงเหลือ 16,665 ล้านบาท | null | อภิสิทธิ์ อนันนาถรัตน,กรุงเทพประกันภัย,เบี้ยประกัน,ราคาประกันภัยรถยนต์,ไทยรัฐฉบับพิมพ์,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/content/758037 |
เศร้า 2โจ๋ ถูกคุมประพฤติ ทำความสะอาดรอบหนองน้ำ หมดแรง จมหาย1 รอด 1 | เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 6 ต.ค. 60 ร.ต.อ. บุญไทย มูลสุมาลย์ รอง สว. (สอบสวนสวน) สภ.หนองไฮ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า มีคนจมน้ำที่สระน้ำสาธารณะบ้านหนองคูน้อย หมู่ 12 ต.จาน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงรีบออกไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นักประดาน้ำกู้ภัยสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน,ที่เกิดเหตุ เป็นสระน้ำขนาดกว้างประมาณ 100 เมตร ยาว 150 เมตร ลึกประมาณ 5-6 เมตร ทราบว่า มีคนจมน้ำ 2 ราย คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี บ้านอยู่ ต.จาน อ.เมืองศรีสะเกษ และ นายเอก(นามสมมติ) อายุ 17 ปี บ้านอยู่ ต.จาน ซึ่งนายเอ ว่ายน้ำเข้าฝั่งเกิดหมดแรง มีชาวบ้านช่วยขึ้นมาได้แต่สำลักน้ำ นานพอสมควร ชาวบ้านจึงนำส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษ ไปก่อน ส่วนนายเอก คนช่วยขึ้นไม่ทันจึงจมน้ำหายไป,นายสันติ บุรขันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ต.จาน ให้การกับตำรวจว่า เมื่อช่วงสายของวันนี้ นายเอก กับเพื่อนอีกหนึ่งคน ได้มาขออนุญาตตนเข้าบำเพ็ญประโยชน์ทำความสะอาด รอบๆ สระน้ำ และลอกผักตบ ผักกระเฉดในสระน้ำดังกล่าว เนื่องถูกคุมความประพฤติอยู่โดยต้องมาบำเพ็ญประโยชน์ตามคำสั่งศาล โดนมีเพื่อนๆ ของ นายเอก มาช่วยลอกทำความสะอาดอีกสองคน คือ นายอนุชา และนายคำแหง สมนา อายุ 28 ปี,นายคำแหง สมนา เล่าว่า หลังจากที่ถางหญ้ารอบๆ และลอกผักตบ ผักกระเฉดขึ้นจนหมดแล้วจึงได้ว่ายน้ำกลับมาเข้าฝั่ง ขณะที่ตนถึงฝั่ง ได้หันมองน้องเขาที่ว่ายตามมา เห็นทั้งสองคนทำท่าจะหมดแรง จึงเข้าช่วยเหลือ นายเอก ขณะกำลังจะจม แต่ช่วยเต็มที่แล้วก็ไม่สามารถนำ นายเอก เข้าฝั่งได้ เนื่องจากตนก็จะหมดแรงจึงได้ว่ายเข้าฝั่งก่อน ส่วนนายเอ ก็หมดแรงใกล้จม แต่มีคนลงไปช่วยขึ้นมาจากน้ำนำส่งโรงพยาบาล,นักประดาน้ำ ใช้เวลางมหาร่างนายเอก นานกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งก๊าซใกล้หมด นักประดาน้ำเหนื่อยล้าและเป็นตะคริว จึงได้ยุติการค้นหาเมื่อ เวลาสองทุ่มเศษ โดยจะได้ค้นหาในวันรุ่งขึ้นต่อไป. | วัยรุ่นศรีสะเกษ อยู่ระหว่างถูกคุมความประพฤติ ไปบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการถางหญ้า ทำความสะอาดรอบหนองน้ำสาธารณะ เกิดหมดแรงจมน้ำ 2 ราย ช่วยขึ้นมาได้ 1 อีกคนจมหาย ยังหาไม่พบ | ข่าว,ทั่วไทย | 2 โจ๋,จมน้ำ,คุมความประพฤติ,รอด 1 จมหาย 1,ศรีสะเกษ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1092077 |
แก่แล้วหลงลืม อดีต ทอ.เดินออกมาคนเดียวกลางดึก ตกตายใต้ถุนบ้าน | เวลา 13.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 2560 ร.ต.อ.นิรันดร์ สวัสดิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งจาก นางบุญญาภา ศิโรดม กำนันตำบลบางกระสอบ ว่ามีผู้เสียชีวิต ในบ้านเลขที่ 25/1 ม.9 ซอยวัดบางกระสอบ ต.บางกระสอบ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว พร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ยกพื้นสูง ใต้ถุนบ้านเป็นบ่อน้ำ ปลูกบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ที่ พบศพนายอุดม จั่นฮวบ อายุ 76 ปี อดีตเป็นนายทหารอากาศนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในบ่อน้ำใต้ถุนบ้านด้านหน้าบ้าน สภาพเปลือยกาย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง ตรวจสอบสภาพศพแล้วไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด และตรวจดูบริเวณโดยรอบบนบ้าน มีคราบอุจจาระเต็มพื้นเป็นรอยทางจากในบ้านไปถึงใกล้จุดพบศพ,จากการสอบถามลูกสาวผู้ตาย ทราบว่า พ่อรับราชการเป็นทหารอากาศและได้เกษียณมาประมาณกว่า 10 ปี มาอยู่ที่บ้านกับตนและครอบครัวด้วยความอายุมากขึ้น ก็เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว หลงๆ ลืมๆ จนมา เมื่อวันที่ 5 ส.ค. เวลา 23.00 น. ตนเห็นพ่อยังนอนเล่นอยู่ในบ้านชั้นล่างตามปกติ ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเป็นปกติของพ่อ จนตอนเช้าตื่นขึ้นมาไม่เจอพ่อในบ้านตนเลยบอกคนในบ้านว่าพ่อหายไป จึงช่วยกันตามหาในบ้านและรอบบ้าน ไม่พบ จึงตัดสินใจจะไปแจ้งความที่ สภ.พระประแดง แต่นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่พ่อก็เคยหกล้มในห้องน้ำตรงใต้ถุนบ้าน จึงไปดู ถึงกับตกใจเมื่อเห็นร่างพ่อจมอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้าน คาดว่าพ่อคงตกลงไปในช่วงกลางคืน โดยไม่มีใครเห็น,ด้าน ร.ต.อ.นิรันดร์ สวัสดิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง ได้ให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง และให้ญาติรับไปดำเนินพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป. | อดีตลูกทัพฟ้าเกษียณแล้วออกมาอยู่บ้านที่พระประแดง มีอาการหลงๆ ลืมๆ ตื่นตอนเช้าลูกสาวไม่เห็นพ่อ หาก็ไม่เจอ เตรียมไปแจ้งความ นึกขึ้นได้ไปดูอีกทีใต้ถุนบ้าน เจอเป็นศพ คาดเดินออกมาคนเดียวกลางดึก แล้วตกลงไปตาย | ข่าว,ทั่วไทย | ตกบ้านตาย,คนแก่ตกบ้าน,คนแก่หลงลืม,อดีทหารอากาศ,สมุทรปราการ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1029276 |
คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฟ้อง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และพวก | ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.45 ระบุความผิดพวกจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.44 เวลากลางวันกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งห้า ร่วมกันดูหมิ่นและหมิ่นประมาท ใส่ความผู้เสียหาย ซึ่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 ต่อ 7 เสียง ที่วินิจฉัยชี้ขาดคดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบว่า ไม่มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.295 โดยการลงโฆษณาพิมพ์บทความ คำวินิจฉัยไร้จิตสำนัก ใน นสพ.แนวหน้า ฉบับลงวันที่ 28 ส.ค.44 หน้า 3 คอลัมน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งบทความดังกล่าวจำเลยที่ 1 อ้างว่า เป็นความเห็นของอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเรียกชื่อคดีดังกล่าวว่า คดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยข้อความระบุว่า พวกเราในฐานะอาจารย์ มธ.กลุ่มหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจ ผิดหวังสะเทือนใจอย่างมากที่พวกคุณพิจารณาวินิจฉัยคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไว้อย่างวิปริต ไร้จิตสำนึก ไร้จริยธรรม มีอคติ และข้อความ พวกเรา งง และสมเพชพวกคุณ ทั้ง 8 คนจริง ๆ ว่า คุณโง่หรือแกล้งทำเป็นโง่ และถ้อยคำว่า ทำไมพวกคุณพร้อมใจกันโง่ ในการพิจารณาคดีนี้ มีอะไรมายัดปากพวกคุณใช่ไหม และข้อความ บางคนเคยรับราชการเป็นผู้พิพากษา ก่อนตัดสินคดีนี้ ได้เคยไปพูดคุยกับผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่ง ที่ศาลฎีกา โดยยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินอย่างเห็นได้ชัด แต่อยากจะหาทางออกเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และ พวกคุณรู้สึกหรือเปล่าว่า นักวิชาการและนักกฎหมายที่มีคุณธรรม ตลอดจนสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เขารังเกียจพวกคุณ ขยะแขยงพวกคุณอย่างมาก โดยเฉพาะศาลฎีกา ที่ประกาศไว้ว่า เขาจะไม่ยอมคบค้าพูดจากับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาจากศาลฎีกาอีกต่อไป ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าว ทำให้โจทก์ร่วมทั้งเจ็ด ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยื่นฟ้องคดีขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลยเห็นว่า จำเลยที่ 3 เป็นบริษัทของ นสพ.แนวหน้า ที่มีจำเลยที่ 4 และ 5 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท ซึ่งที่โจทก์ร่วมที่ 4 เบิกความว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำผิดหมิ่นประมาท โดยได้ร่วมประชุมวางแผนและนโยบายการนำเสนอข่าว บทความของ นสพ.แนวหน้า และนายนพดล เฮงเจริญ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ร่วมที่ 1-3 ที่ 5-6 ได้เบิกความว่าก่อนหน้าลงบทความคดีนี้ นสพ.แนวหน้า ยังเคยลงบทความวิพากษ์วิจารณ์ การวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญมาก่อนด้วย แสดงว่า จำเลยที่ 4 และ 5 มีส่วนรู้เห็นในการเขียนบทความของจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฎว่า จำเลยที่ 4-5 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท แต่ไม่ได้เป็นผู้เขียนคอลัมน์ หรือยุ่งเกี่ยวกับการนำเสนอ และไม่น่าจะได้มีส่วนร่วมในการตีพิมพ์บทความ เพราะการพิจารณาตีพิมพ์ข่าว บทความ เป็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ที่ต้องรับผิดชอบตรวจสอบ ควบคุม และแก้ไขเนื้อหาข่าว บทความตามคำนิยาม มาตรา 4 ของ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 การที่จำเลยที่ 1 เขียนบทความ ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ในการวิจารณ์พฤติกรรมการวินิจฉัยคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก วินิจฉัยไว้ทุกแง่มุม จึงไม่มีเหตุผลใด ที่จำเลยที่ 4-5 ต้องร่วมประชุมลงความเห็นสนันสนุนจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ดังนั้นจำเลยที่ 3-5 จึงไม่มีความผิดที่ร่วมกับจำเลยที่ 1 คดีต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ ศาลเห็นสมควรแยกวินิจฉัยคดีเป็นสองส่วน ส่วนแรก โจทก์ร่วมที่ 1-3 และที่ 5-6 กับพลโทจุล อติเรก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้เสียหายที่ 3 ซึ่งในทางคดี พบว่า โจทก์ร่วมและผู้เสียหาย ไม่ได้มาเบิกความต่อศาล ตามที่มีหมายเรียกโดยชอบ ให้มาเป็นพยาน โดยอ้างเหตุผลติดธุระสำคัญต่าง ๆ และผู้เสียหายได้อ้างปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่กำลังรักษา ไม่สะดวกที่จะมาศาล ซึ่งในวันที่ 12 พ.ค. 47 อัยการและทนายโจทก์ร่วมแถลงต่อศาลว่า โจทก์ร่วมไม่ประสงค์มาเบิกความเป็นพยานต่อศาล และขอให้นำคำเบิกความของนายนพดล เฮงเจริญ ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ร่วมทั้ง 7 และโจทก์ร่วมที่ 4 กับ ที่ 7 ที่เบิกความไปแล้ว มาวินิจฉัย โดยอ้างว่า คดีนี้เป็นคดีหมิ่นประมาท ศาลสามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้จากข้อความใน นสพ.แนวหน้าได้ว่า เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมหรือไม่ ศาลเห็นว่า เมื่อโจทก์ร่วมและผู้เสียหาย ไม่ยอมมาเบิกความ แต่อ้างที่จะให้ศาลอาศัยคำเบิกความ ของนายนพดลและโจทก์ร่วมที่ 4-7 จะเป็นการกระทำลับหลังจำเลยที่ 1-2 และทนายจำเลย ที่ไม่มีโอกาสถามค้าน เพื่อกระจายข้อเท็จจริงและทำลายน้ำหนักคำเบิกความของโจทก์ร่วม ซึ่งคดีหมิ่นประมาท ถือเป็นความผิดส่วนตัว ซึ่งสภาพความผิดของโจทก์ร่วมแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน หากโจทก์ร่วมแต่ละคน มาเบิกความและตอบข้อซักถามของทนาย ก็อาจจะทำให้คำตอบแตกต่างกันไป ตามความเห็นของโจทก์ร่วมแต่ละคนด้วย ซึ่งข้อความตามฟ้องโจทก์ เห็นได้ว่า บางถ้อยคำมีความหมายสองแง่ สามารถแปรความในเจตนารมณ์ของผู้เขียนบทความได้หลายอย่าง ที่ศาลจะรู้ได้เอง ดังนั้น โจทก์ร่วมและผู้เสียหาย ต้องมาเบิกความต่อศาล เพื่ออธิบายถ้อยคำบางคำว่า หมิ่นประมาทอย่างไร เมื่อโจทก์ร่วมและผู้เสียหายไม่ยอมมาเบิกความ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่า บทความที่ลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้าเป็นข้อความหมิ่นประมาท และดูหมิ่นโดยการโฆษณา โจทก์ร่วมที่ 1-3 และที่ 5-6 กับผู้เสียหายตามที่อ้างส่วนที่โจทก์อ้างส่งคำให้การคดีนี้ ในชั้นสอบสวนนั้น ศาลเห็นว่า คำให้การเป็นเพียงพยานบอกเล่า ที่ศาลต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง เพราะจำเลยที่ 1-2 ได้นำสืบปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่ได้กระทำผิด ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ร่วม จึงยังรับฟังไม่ได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326328และ 393 สำหรับการวินิจฉัย กรณีของโจทก์ร่วมที่ 4 และที่ 7 ทางนำสืบโจทก์ร่วมที่ 4 มาเบิกความว่า เมื่ออ่านคอลัมน์แนวหน้าวิเคราะห์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พูด ที่อ้างว่า เป็นจดหมายของอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์แล้ว เห็นว่า ถ้อยคำและภาษาที่ใช้ตีพิมพ์ข้อความว่า พวกเราในฐานะอาจารย์ มธ.กลุ่มหนึ่ง รู้สึกเศร้าใจ ผิดหวัง สะเทือนใจอย่างมาก ที่พวกคุณพิจารณาวินิจฉัยคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไว้อย่างวิปริต ไร้จิตสำนึก ไร้จริยธรรม มีอคติ และข้อความ พวกเรางง และสมเพชพวกคุณทั้ง 8 คนจริง ๆ ว่าคุณโง่หรือแกล้งทำเป็นโง่ เพราะที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีนี้ไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง และถ้อยคำว่า ทำไมพวกคุณพร้อมใจกันโง่ในการพิจารณาคดีนี้ มีอะไรมายัดปากพวกคุณใช่ไหม เป็นบทความที่มุ่งวิจารณ์คำวินิจฉัยตุลการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและหยาบคาย เช่น คำว่า ไร้จิตสำนึก ไร้จริยธรรม สมเพช โดยศาล เห็นว่า ถ้อยคำที่ใช้ในบทความ ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นข้อความ แสดงความรู้สึกถึงความไม่พอใจ และรุนแรงเท่านั้น เช่นการใช้คำว่า อะไรมายัดปากคุณใช่ไหม ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวก็ไม่ใช่เป็นการยืนยันว่า โจทก์ร่วมที่ 4 ได้รับสินบนหรืออามิสสินจ้าง จากผู้ถูกร้องในคดีซุกหุ้น ซึ่งศาลเห็นว่า คำวินิจฉัยส่วนตัวในคดีของโจทก์ร่วมที่ 4 อาจจะมีความเชื่อในความสุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำต้องฝืนข้อเท็จจริงบางประการ ลักษณะเช่นนี้ หากพูดว่า มีอะไรมายัดปาก ก็จะมีความหมายทำนองเดียวกันว่า มีอะไรติดคอพูดไม่ออก ดังนั้น คำว่า โง่หรือมีอะไรมายัดปากพวกคุณหรือ จึงเป็นเพียงคำไม่สุภาพ ค่อนข้างหยาบคาย แต่ไม่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ร่วมที่ 4 และดูหมิ่นโดยการโฆษณา ตามมาตรา 326 328 และ 393 ในกรณีของโจทก์ร่วมที่ 7 ก็มาเป็นพยานเบิกความว่า พยานรู้สึกว่า ถ้อยคำในข้อความบางส่วนเป็นถ้อยคำหยาบคายเท่านั้น และมีบางข้อความที่เป็นลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ร่วมที่ 4 ซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า ข้อความและถ้อยคำนั้น ไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมที่ 4 จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยซ้ำอีก แต่ความสำคัญของคดี ยังมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 7 เคยไปปรึกษาหารือ การใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 295 ระหว่างการพิจารณาคดีซุกหุ้น กับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ขณะเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ เรื่องนี้โจทก์ร่วมที่ 7 ได้ตอบอัยการโจทก์ว่า ก่อนจะทำคำวินิจฉัย พยานได้พูดคุยกับผู้พิพากษาศาลฎีกาที่เป็นเพื่อนกันเกี่ยวกับมาตรา 295 ว่า นักวิชาการมีความเห็นว่า ไม่น่าจะใช้กับกรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ซึ่งโจทก์ร่วมที่ 7 ได้ซักถามผู้พิพากษาศาลฎีกาว่า การวินิจฉัยคดีจะใช้มาตรา 295 ได้หรือไม่ โดยโจทก์ร่วมที่ 7 ได้ตอบทนายจำเลย ยอมรับว่า ได้พบกับนายวสันต์ จริง และขอคำปรึกษาเรื่องมาตรา 295 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยกเป็นข้อต่อสู้ แต่คดีอื่นที่เคยตัดสินมา ผู้ถูกร้องไม่เคยยกประเด็นดังกล่าวขึ้นต่อสู้ โดยโจทก์ร่วมปฏิเสธว่าไม่ได้พูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ผิด ตามมาตรา 295 ขณะที่ทางนำสืบ นายวสันต์ เป็นพยานจำเลยที่ 1-2 เบิกความว่า ก่อนตัดสินคดีซุกหุ้นประมาณ 1 เดือน โจทก์ร่วมที่ 7 ไปพบที่ศาลฎีกา และถามความเห็นการวินิจฉัยคดีซุกหุ้น โดยโจทก์ร่วมที่ 7 พูดว่า ในคดีอื่น ๆ ผู้ถูกร้องไม่ได้ตั้งประเด็น เหมือนคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพยานได้ถามว่า ตกลงจะอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ โจทก์ร่วมที่ 7 ก็ตอบว่า ประชาชนลงคะแนน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 11 ล้านเสียง จะเอาเสียงของคนไม่กี่คนไปถอดถอน พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ถูก พยานจึงทักท้วงว่า ถ้าจะเอาแต่ประเด็นมาวินิจฉัย ก็ไม่ต้องไปอยู่ศาลรัฐธรรมนูญ คดีควรมาอยู่ศาลแพ่ง เป็นผู้พิพากษาถ้าใครทำผิดกฎหมาย ให้คะแนนเสียงมากน้อยเท่าไร ก็ต้องลงโทษ และยังแนะนำโจทก์ร่วมที่ 7 ว่า หากจะอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ควรวินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่า จงใจไม่ซุกหุ้นจะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นดุลพินิจ จากนั้น พยานก็เห็นโจทก์ร่วมที่ 7 ไปห้องทำงานผู้พิพากษาท่านอื่นด้วย จึงเข้าใจว่า คงจะคุยเรื่องมาตรา 295 ด้วย ศาลพิจารณาจากคำเบิกความโจทก์ร่วมที่ 7 และ นายวสันต์ แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ชัดเจน และเป็นที่เชื่อได้ว่า นายวสันต์ ได้เบิกความตามความสัตย์จริง ไม่ได้ปรักปรำให้ร้ายโจทก์ร่วมที่ 7 ซึ่งพยานก็เป็นเพื่อนสนิทกับโจทก์ร่วมที่ 7 และแสดงความนับถือเรียกโจทก์ร่วมที่ 7 ว่า พี่จุ๋ม อีกทั้งพยานยังเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย และมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ยอมรับของผู้พิพากษาศาลยุติธรรมทั่วไป ขณะที่ทางนำสืบ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การตอบคำถามทนายความจำเลย โจทก์ร่วมที่ 7 พยายามบ่ายเบี่ยงในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้หลายคำตอบ อ้างว่า จำไม่ได้ หรือไม่ทราบบ้าง ซึ่งมีข้อเท็จจริงอยู่ตอนหนึ่ง ที่โจทก์ร่วมที่ 7 ยอมรับว่าได้พูดคุยกับนายวสันต์ในประเด็นข้อกฎหมายมาตรา 295 จริง แต่ที่โจทก์ร่วมที่ 7 อ้างว่า คดีอื่นที่เคยตัดสินมา ผู้ถูกร้องไม่เคยยกประเด็นมาตรา 295 ขึ้นต่อสู้นั้น ศาลเห็นว่า ไม่เป็นความจริง เพราะข้อเท็จจริง พบว่า โจทก์ร่วมเคยตัดสินคดีของนายอนันต์ ศวัสตนานนท์ และนายโกศล ศรีสังข์ ทั้ง 2 ก็ยกข้อกฎหมายว่า พ้นตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว จึงไม่มีความผิดตามมาตรา 295 ส่วนคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ โจทก์ร่วมที่ 7 กลับไม่วินิจฉัยตามหลักกฎหมาย มาตรา 295 และโจทก์ร่วมที่ 7 ให้สัมภาษณ์ นสพ.มีข้อความตอนหนึ่ง ระบุว่า การกล่าวหาผมวันนี้ ตัดสินอย่างหนึ่ง แล้ววันหลังตัดสินอีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ์ของผม เมื่อวันก่อนผมยังโง่อยู่ คิดไม่ออก แต่วันต่อมา ผมฉลาดขึ้น ตรงนี้ ผมถือว่าเป็นสิทธิ์ของผม ซึ่งโจทก์ร่วมที่ 7 ก็ได้ยอมรับกับทนายจำเลยว่า ให้สัมภาษณ์เช่นนั้นจริง ดังนั้น กรณีจึงเห็นได้ชัดเจนว่า โจทก์ร่วมที่ 7 ได้วินิจฉัยคดีตามหลักกฎหมายแพ่ง ที่อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยกมาตรา 295 ขึ้นต่อสู้ ในลักษณะยกอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/29 ที่บัญญัติไว้ว่า เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความ เป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้ ไม่ใช่การวินิจฉัยคดี ตามหลักกฎหมายมหาชนตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และแม้จะเชื่อว่า โจทก์ร่วมที่ 7 มีความสุจริตใจ ในการวินิจฉัยคดี และที่นายวสันต์พูดว่า ตกลงจะอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ ก็ไม่ใช่การกล่าวหาโจทก์ร่วมที่ 7 ว่า ไม่มีความสุจริตในการวินิจฉัยคดีแต่อย่างใด เพราะนายวสันต์ได้แนะนำให้โจทก์ร่วมที่ 7 วินิจฉัยคดีนี้ ในข้อเท็จจริง แต่โจทก์ร่วมที่ 7 ไม่เชื่อ วินิจฉัยคดีในข้อกฏหมาย ตาม ม.295 ขัดกับคดีอื่นที่วินิจฉัยมา ซึ่งศาลเห็นด้วย กับนายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พยานจำเลย ที่เบิกความว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาลและองค์กรอื่นของรัฐ ดังนั้น ที่นายนภดล เฮงเจริญ พยานโจทก์เบิกความว่า คำวินิจกลางของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผลผูกพันศาล แต่ยกเว้น ศาลรัฐธรรมนูญ และโจทก์ร่วมที่ 7 ศาลเห็นว่า ในการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ย่อมมีผลผูกพันศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะเป็นการวินิจฉัยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้น จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยข้อกฎหมายได้ตามอำเภอใจ ศาลเห็นว่า บทความของจำเลยที่ 1 เป็นการเสนอข่าว ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ข้อความที่โจทก์ร่วมที่ 7 ระบุว่า เป็นการหมิ่นประมาทนั้น ตามข้อเท็จจริงในเนื้อหา เป็นความจริง จำเลยที่ 1-2 จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 330 ปัญหาสุดท้าย ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาในคดี หรือขัดขวางการพิพากษาของศาลหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198 ศาลเห็นว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีความหมายเช่นเดียวกับผู้พิพากษาของศาลยุติธรรม และศาลปกครอง ที่มีอำนาจและหน้าที่ พิจารณาพิพากษาอรรถคดี ซึ่งมาตรา 198 ได้คุ้มครองการกระทำละเมิดศาล ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ของบุคคลทั้งหลาย เช่นการสร้างม็อบนำกฎหมู่ มาบังคับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยคดีตามความต้องการ ลงข่าว เขียนบทความ โดยใช้ถ้อยคำรุนแรง หยาบคายไม่สุภาพ ดูหมิ่นคำวินิจฉัยส่วนตัว และส่วนกลาง ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 นำบทความให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็น บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณามาตีพิมพ์ลงใน นสพ.แนวหน้า โดยที่จำเลยที่ 1-2 ไม่ตัดข้อความที่รุนแรงหยาบคายไม่สุภาพออกไป ทั้งที่สามารถใช้ถ้อยคำอื่นแทนได้ แสดงว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนากล่าวหาคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากว่า วินิจฉัยคดีไม่ยุติธรรม ดังนั้น จำเลยจำเลยที่ 1-2 ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมกัน ตาม พรบ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 ในความผิดฐานดูหมิ่นคำวินิจฉัยส่วนตัว และส่วนกลางของโจทก์ร่วมทั้ง 7 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย คนละ 1 ปี และปรับ คนละ 7000 บาท แต่จำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ซึ่งจำเลยที่ 1 เคยรับราชการ เป็นนักการเมือง และเคยเป็น รมว.กระทรวงการต่างประเทศ แสดงว่า เป็นผู้มีคุณงามความดีมาก่อน ส่วนจำเลยที่ 2 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นบรรณาธิการ นสพ.ซึ่งเป็นอาชีพสุจริตและมีหลักฐานมั่นคง จึงสมควรรอการลงโทษ ให้รอลงอาญาไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี ส่วนโทษปรับให้จำเลยทั้งสองชำระตามกฎหมาย ส่วนความผิดข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง | ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ นายกระมล ทองธรรมชาติ โจทก์ร่วมที่ 1 นายผัน จันทรปาน ที่ 2 นายศักดิ์ เตชาชาญ ที่ 3 นายปรีชา | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2004/12/1515 |
ออมสินโดดอุ้มหนี้ครู 5 หมื่นล้าน | ย้ำเป้าหมายชะลอฟ้องบังคับปรับชำระใหม่,นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินครู เพื่อที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการสอนหนังสือให้แก่เยาวชนของชาตินั้น โดยในช่วงแรกได้กำหนดระยะเวลาการลงทะเบียนเข้าร่วมจนถึงวันที่ 31 ก.ค.58 ก่อนขยายระยะเวลาออกไปจนถึง 31 ต.ค.58 นี้ ขณะนี้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาลงทะเบียนเข้าร่วม 33,354 ราย จำนวนเงิน 49,815 ล้านบาท,อย่างไรก็ตามยังมีครูและบุคลากรทางการศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ยื่นเข้ามาตรการ ซึ่งในเรื่องนี้ธนาคารออมสิน ได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แล้ว เมื่อธนาคารมีเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือและได้เปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีหนี้ค้างชำระได้เข้าร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินได้พอสมควรแล้ว หากครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีหนี้ค้างชำระแต่ไม่ยื่นเรื่องขอเข้าร่วม ธนาคารจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป,สำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ออกมาได้แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่อยู่ในขั้นวิกฤติ ได้แก่ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง หรือถูกบังคับคดี ธนาคารจะชะลอการฟ้องร้องหรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี (มีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยกว่า 2 ปี) พักชำระ ดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปีแต่ให้ชำระหนี้เงินต้น เมื่อครบ 3 ปีให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป, ,ขณะที่กลุ่มที่ 2.กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤติได้แก่ ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกิน 12 งวดติดต่อกัน (ก่อน 1 มิ.ย.58) ซึ่งธนาคาร จะให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามมาตรการของธนาคาร และกลุ่มที่ 4 ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระ ให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย. | นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินครู | null | ปัญหาหนี้สิน,ครู,ธนาคารออมสิน,บุคลากรทางการศึกษา,ชะลอการฟ้องร้อง,หนี้ค้างชำระ,ค้างชำระหนี้,พักชำระหนี้,ผิดนัดชำระ,หนี้ครู,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/534779 |
พลทหารโหด ใช้หมอนกดทับ ฆ่า ลูกเลี้ยง วัย 6 เดือน จนตาย | วันที่ 11 ก.ย.61 พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ร่วมแถลงข่าวจับกุม พลทหาร วิทวัส จิตธโนปจัย อายุ 21 ปี และ น.ส.กาญจนา เทศสว่าง อายุ 22 ปี พ่อเลี้ยงและแม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 6 เดือน หลังจากที่ทั้ง 2 คน นำศพลูกชายใส่ตะกร้าเสื้อผ้ามาทิ้งที่ซอยประชาอุทิศ 19 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา,พล.ต.ต.เสนิต เผยว่า หลังจากที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุว่ามีผู้พบศพเด็กทารกเสียชีวิตในตะกร้าใส่เสื้อผ้า จึงได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้นำมาทิ้ง กระทั่งพบว่ามีชายหญิงนั่งรถแท็กซี่มาบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำตะกร้าผ้ามาวางและกลับออกไป จากนั้นตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางพบว่ารถคันดังกล่าวขับออกมาจากหอพักแห่งหนึ่งย่านรังสิต จึงประสานตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ให้ดำเนินการเข้าจับกุม,จากการสอบปากคำ พลทหารวิทวัส ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ยอมรับสารภาพว่า ,คืนวันเกิดเหตุเด็กร้องเสียงดัง จึงรู้สึกรำคาญ และได้ใช้ผ้าห่มคลุมตัวเด็กจากนั้นก็ได้ใช้หมอนกดทับและตนเองก็นอนทับพร้อมกับเผลอหลับไปพอตื่นขึ้นมาเด็กก็เสียชีวิตลง จึงได้โทรศัพท์บอกแฟนและไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้นำศพลูกเลี้ยงขึ้นรถแท็กซี่ไปทิ้งย่านห้วยขวาง,ทางด้าน น.ส.กาญจนา แม่แท้ๆ รับสารภาพว่า รู้จักนายวิทวัสมาได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งสามีเก่าตนได้เสียชีวิตไปแล้ว นิสัยของนายวิทวัสชอบทุบตี ในวันเกิดเหตุได้ออกไปทำงานและปล่อยให้ลูกอยู่กับนายวิทวัสเพียงลำพัง กระทั่งนายวิทวัสโทรศัพท์มาบอกว่า ลูกเสียชีวิตแล้วจึงรีบกลับมาที่ห้อง เมื่อถามนายวิทวัสว่าลูกเสียชีวิตได้อย่างไร ก็ตอบว่าลูกร้องเสียงดัง ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะช่วยกันนำศพไปทิ้งไว้ย่านห้วยขวาง กระทั่งมาถูกจับกุมได้ในที่สุด,ขณะที่ พ.ต.อ.กัมพล เผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายวิทวัส ทราบว่าเป็นทหารเกณฑ์สังกัดกองพันทหารขนส่งที่ 2 (ผสม) กรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ ได้หลบหนีทหารมาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางต้นสังกัดอยู่ระหว่างการติดตามตัว จนกระทั่งมาทราบว่ามาก่อเหตุสลดดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดภายในร่างกายของทั้ง 2 คน ปรากฏพบว่าผลออกมาเป็นสีม่วง และยังพบยาบ้าอีกจำนวนหนึ่งอยู่ภายในที่พักอีกด้วย,ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปชี้จุดทิ้งศพเด็กทารกดังกล่าว โดยมีประชาชนละแวกใกล้เคียงคอยรุมด่าสาปแช่งตลอดการทำแผน จากนั้น น.ส.กาญจนาและนายวิทวัส ได้จุดธูปขอขมาลูกชายบริเวณจุดที่ทิ้งศพ โดยผู้เป็นแม่ร้องไห้ตลอดเวลาการทำแผนพร้อมกล่าวว่า ,อโหสิให้แม่ด้วยนะลูก,อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ แจ้งข้อนายวิทวัส 3 ข้อหาคือ 1. ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2. ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ และ 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ส่วน น.ส.กาญจนา แจ้งข้อหา 1. ให้ความช่วยเหลือมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง 2. ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ และ 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฎหมายในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญารัชดาฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.,,- ,สุดเศร้า ทารกน้อยผิวขาวถูกทิ้งเป็นศพในตะกร้าผ้า พบหลักฐานชิ้นสำคัญ | จับได้แล้ว! ตำรวจนครบาลห้วยขวาง คุมตัว พลทหารโหด ฆ่าลูกเลี้ยงวัย 6 เดือน พร้อมแม่แท้ๆ ทำแผนชี้จุดทิ้งศพ สารภาพรำคาญเด็กร้องไห้เสียงดัง จึงใช้หมอนกดและนอนทับ แล้วเผลอหลับจนเด็กเสียชีวิต | ข่าว,ทั่วไทย | พ่อเลี้ยงโหด,ฆ่าทารก,ฆ่าลูกเลี้ยง,วิทวัส จิตธโนปจัย,สน.ห้วยขวาง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1374046 |
ยุติค้นหา รอพรุ่งนี้ เรือล่มภูเก็ตตายแล้ว 33 ราย ยังหาไม่เจออีก 23 คน | ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กรมเจ้าท่า ถึงความคืบหน้าว่า เมื่อเวลา 18.00 น. นั้น เรือฟีนิกซ์ที่ประสบเหตุจมอยู่ทางด้านใต้ ห่างจากเกาะเฮ 1.5 ไมล์ทะเล (2.8 กิโลเมตร) จากการค้นหาเรือจมอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเฮ ความลึก 30 เมตร โดยประมาณ หน่วยกู้ภัยได้ลงสำรวจและพบผู้เสียชีวิตติดอยู่ในตัวเรือและกู้ร่างขึ้นได้ 12 ราย สรุปยอดผู้เสียชีวิตจำนวน 33 ราย และได้ยุติการค้นหาและดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับฝั่ง คงเหลือผู้สูญหาย 23 ราย,โดยผู้ประสบภัยรอดชีวิตจำนวน 49 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล (รพ.มิชชั่น, รพ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, รพ.วชิระภูเก็ต) จำนวน 37 ราย มีอาการสาหัส 1 ราย กลับบ้าน 12 ราย โดยรายละเอียดสิทธิต่างๆ ที่ผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จะได้รับการชดเชยเยียวยา กรณีเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ในเบื้องต้นจะประกอบด้วย,1.ประกันภัยคุ้มครองบุคคลที่สาม (ประกันภาคบังคับ) ตามมาตรา 142 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2556 กรณีเสียชีวิต จำนวน 100,000 บาท ค่ารักษาตัวกรณีบาดเจ็บ ไม่เกิน 15,000 บาท โดย บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด,2.กองทุนเยียวยา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะพิจารณาตามดุลพินิจของคณะกรรมการฯ กรณีบาดเจ็บไม่เกิน 500,000 บาท กรณีเสียชีวิต ไม่เกิน 1,000,000 บาท,3.ประกันภัยที่จัดซื้อความคุ้มครองโดยบริษัททัวร์นำเที่ยว (บริษัท ซี ที บลูดรีม จำกัด) จากบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บไม่เกิน 500,000 บาท กรณีเสียชีวิต 1,000,000 บาท,4.ค่าสินไหมทดแทนกรณีละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเรียกร้องจากเจ้าของเรือ,ทั้งนี้ เวลา 19.30 น. ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต ประชุมวางแผนเตรียมการกู้เรือฟีนิกซ์และเรือเซเรนาต้า ซึ่งกรมเจ้าท่านำเรือตรวจการณ์ 1301 มาร่วมบูรณาการการค้นหาผู้สูญหายและอำนวยความปลอดภัยให้กับการค้นหาและกู้เรือด้วย. | คืบหน้าเหตุเรือล่มภูเก็ต เมื่อเวลา 18.00 น. นักประดาน้ำชุดสุดท้ายหยุดค้นหาแล้ว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะทำงานสรุป ยอดผู้เสียชีวิต 33 ราย สูญหาย 23 คน | ข่าว,ทั่วไทย | เรือล่ม,ภูเก็ต,เรือฟีนิกซ์,กรมเจ้าท่า,ผู้ประสบภัยเรือล่ม,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1329147 |
ตำรวจคุมเข้มรถไฟลำปาง หวังสกัดม็อบเชียร์ ยิ่งลักษณ์ | วันที่ 22 ส.ค.60 เวลา 08.30 น. พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม ผกก.สภ.เมืองลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าตำรวจ สายตรวจ สภ.เมืองลำปาง กว่า 30 นาย เดินทางไปยังบริเวณยังสถานีรถไฟนครลำปาง เพื่อตรวจตราดูแลรักษามาตรการความปลอดภัย และตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชน ที่จะเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะถูกศาลตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค.นี้,จากการตรวจสอบและสอบถาม ผู้โดยสารและชาวบ้านต่างๆ ที่เดินทางมาที่สถานีรถไฟนครลำปาง เปิดเผยว่า วันนี้จะเดินทางจะไปเยี่ยมญาติ ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนก็จะไปกราบไหว้พระบรมศพในหลวงรัชกาล ที่ 9 ไม่ได้เดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่อย่างใด ส่วนสัมภาระที่อยู่บนขบวนรถไฟ ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบว่า มีความผิดปกติแต่อย่างใด โดยพบว่าบนขบวนรถไฟฟรี ที่ 102 ซึ่งเป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชน ขาล่อง เชียงใหม่-กรุงเทพฯ มีประชาชนชาวลำปางเดินทาง เข้ากรุงเทพฯ ในวันนี้ จำนวน 124 คน ไม่พบความเคลื่อนไหวและเกี่ยวข้อง ของกลุ่มพลังมวลชน ที่ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ,อย่างไรก็ ตามการตรวจตราในวันนี้เป็นการตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อดูแลความปลอดภัย และติดตาม ความเคลื่อนไหว ของ กลุ่มพลังมวลชน และประชาชน ที่จะเดินทางไปชุมนุมให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กรุงเทพฯ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไม่พบการเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำคนเสื้อแดงในการเดินทางแต่อย่างใด | ตำรวจตรวจรถไฟลำปาง หวังสกัดม็อบไปให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ พบประชาชนส่วนมากเดินทางไปกราบไหว้พระบรมศพ ไม่พบแกนนำเสื้อแดงขนคนแต่อย่างใด | ข่าว,ทั่วไทย | ขนคนมาเชียร์ยิ่งลักษณ์,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,นายกฯปู,ตัดสินจำนำข้าว,คุมเข้มรถไฟ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1046259 |
ดับระทึก ไฟไหม้เรือขนน้ำมัน เทียบท่าแหลมฉบัง คลอกคนงานสาหัส 1 | (เครดิตภาพจากเหนือ27-34 ทีมงานฐานมิชลินแหลมฉบัง),เกิดเหตุระทึก เพลิงลุกไหม้ในเรือ ขณะเข้าเทียบท่าเรือสยามคอมเมอร์เชียล แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เบื้องต้นมีรายงานคนงานถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้โฟมฉีดสกัด จนสามารถควบคุมเพลิงบนเรือได้แล้ว ,เวลา 15.40 น. วันที่ 6 มิ.ย. ร.ต.ท.อำพล คล้ายวงศ์ ร้อยเวร สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเพลิงไหม้เรือขนาดใหญ่ ขณะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือสยามคอมเมอร์เชียล ในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง อ.ศรีราชา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายไทยทำงานอยู่ในเรือลำเกิดเหตุ มีอาการจากการถูกไฟไหม้ตามร่างกายประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง เบื้องต้นพบว่าอาการสาหัส ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายสมัย ศรีสุข อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/14 หมู่ 1 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี,ส่วนเรือลำที่เกิดเหตุ ชื่อเรือสวลี 1 เป็นเรือที่ใช้ขนน้ำปนเปื้อน และน้ำมันที่ใช้แล้วจากเครื่องจักรใหญ่ของเรือสินค้าที่จอดบริเวณเกาะสีชังเพื่อนำไปบำบัดที่โรงงานบนฝั่ง ขณะเกิดเหตุได้จอดรอซ่อม เป็นเรือเปล่าไม่มีการบรรทุกใดๆ ไม่มีสินค้าบนเรือ ,เบื้องต้นทราบว่า เพลิงได้ลุกไหม้ในห้องเครื่อง และคลอกพนักงานบนเรือได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนดังกล่าว หลังเพลิงลุกไหม้ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครแหลมฉบัง และรถน้ำ รวม 4 คัน ได้ระดมกันใช้น้ำและโฟมเข้าทำการดับไฟ ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ไม่พบน้ำมันรั่วไหลลงทะเลแต่อย่างใด. | เกิดเหตุระทึก เพลิงลุกไหม้ในเรือ ขณะเข้าเทียบท่าเรือสยามคอมเมอร์เชียล แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เบื้องต้นมีรายงานคนงานถูกไฟไหม้ตามร่างกาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้โฟมฉีดสกัด จนสามารถควบคุมเพลิงบนเรือได้แล้ว
| null | เรือดูดน้ำมัน,เรือบรรทุกน้ำมัน,ไฟคลอกคนงาน,ท่าเรือ,แหลมฉบัง,ชลบุรี,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐอนไลน์,ไฟไหม้บนเรือ | https://www.thairath.co.th/content/633159 |
องค์กร ARTICLE 19 ให้ความเห็นกับศาลไทยในคดีสมยศ พฤกษาเกษมสุข | องค์กรนานาชาติ อาร์ติเคิล 19 (ARTICLE 19) เป็นองค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ที่ทำงานรณรงค์กว่ายี่สิบปี เพื่อให้ประเทศต่างๆ เคารพและปฏิบัติตามหลักการมาตรา 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และมาตรา 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความเห็น และการแสดงออกสิทธินี้ รวมถึงอิสรภาพในการที่จะถือเอาความคิด โดยปราศจากความแทรกสอด และที่จะแสวงหา รับและแจกจ่ายข่าวสารและความคิดเห็นไม่ว่าโดยวิธีใดๆ และโดยไม่คำนึงถืงเขตแดน(คำแปลฉบับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.))1.บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง2.บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความคิดทุกประเภทโดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยวาจา เป็นลายลักษณ์อักษร หรือการตีพิมพ์ ในรูปศิลปะ หรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ตนเลือก3.การใช้สิทธิตามที่บัญญัติในวรรค 2 ของข้อนี้ ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบพิเศษควบคู่ไปด้วย การใช้สิทธิดังกล่าวอ่าจจะมีข้อจำกัดในบางเรือง แต่ทั้งนี้ข้อจำกัดนั้นต้องบัญญัติไว้ในกฎหมายและจำเป็นต่อ (ก) การเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น (ข) การรักษาความมั่นคงของชาติ หรือความสงบเรียบร้อย หรือการสาธารณสุข หรือศิลธรรมของประชาชน (คำแปลฉบับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.))ARTICLE 19 เป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติที่ทำงานเพื่อปกป้องและส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกภูมิภาคของโลก ARTICLE 19 ได้ตั้งชื่อองค์กรและมุ่งมั่นในการปฏิบัติพันธกิจตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ได้ประกาศถึงสิทธิด้านเสรีภาพในการแสดงออกรวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความคิดทุกประเภทในการนำเสนอความคิดเห็นครั้งนี้ต่อคดีพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ4สำนักงานอัยการสูงสุด กับ นายสมยศพฤกษาเกษมสุข ARTICLE ได้นำเสนอข้อถกเถียงและเหตุผลประกอบจำนวน 60 ข้อ เพื่อให้ศาลไทยพิจารณาทั้งนี้ ARTICLE 19 ได้ระบุไว้ในความคิดเห็นครั้งนี้ว่า ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาARTICLE 19ได้เพิ่มพูนความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและสั่งสมประสบการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน บ่อยครั้งที่ARTICLE 19ได้ให้ความคิดเห็นในการพิจารณาคดีต่อศาล ทั้งในระดับนานาชาติ ระดับภูมิภาค และระดับชาติ หรือให้แนวทางและ/หรือทำงานร่วมกับทนายความท้องถิ่นเพื่อเตรียมคดีในกรณีที่จะต้องขึ้นศาลในประเทศ ข้อเสนอแนะของARTICLE 19ตั้งอยู่บนมาตรฐานที่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชน และการเปรียบเทียบกับกฎหมายอื่นที่ได้มาตรฐานเดียวกัน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้การหนุนช่วยศาลในการตีความหมายที่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่เป็นประเด็นเฉพาะของคดีที่ต้องตีความคำว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างถึงที่สุดARTICLE 19จำนนด้วยเหตุผลว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ว่าฉบับใดก็ตาม ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก เพราะว่ามันไม่สอดรับกับหลักการที่ให้อนุญาตจำกัดสิทธิได้ ตามที่ได้ชี้ให้เห็นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยิ่งกว่านั้นARTICLE 19ยังได้จำนนต่อเหตุผลอีกว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ว่าฉบับใดก็ตาม ไม่สอดรับกับหลักการแห่งมาตรา19วรรค3ของICCPRเพราะว่า มันบรรจุไว้ด้วยนัยยะที่ไม่จำเป็นและไม่สมเหตุสมผลต่อความจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองภาพลักษณ์ชื่อเสียงของปัจเจกบุคคล รวมทั้งสมาชิกราชวงศ์และบุคคลสาธารณะ ในการสนับสนุนข้อถกเถียงในเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพARTICLE 19อาศัยเอกสารประกอบจากการคำตัดสินคดีหลายคดีและจากถ้อยคำแถลงของศาลระหว่างประเทศและศาลภูมิภาค และจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนข้อถกเถียงในเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพARTICLE 19อาศัยเอกสารประกอบจากการคำตัดสินคดีหลายคดีและจากถ้อยคำแถลงของศาลระหว่างประเทศและศาลภูมิภาค และจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนข้อถกเถียงที่ว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีความขัดแย้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเสรีภาพในการแสดงออกARTICLE ได้ยกกรณีตัวอย่างของการตัดสินคดีหมิ่นพระประมุข และคดีหมิ่นประมาทในหลายกรณีในคดีหมิ่นประมาทพระประมุข ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ARTICLE ได้ยกตัวอย่างกรณีของประเทศคองโกและประเทศสเปน เพื่อชี้ให้เห็นว่ากฎหมายนี้ขัดกับเสรีภาพในการแสดงออกอย่างไรในปี 2554 ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECtHR) ได้มีคำตัดสินที่สอดคล้องกันนี้ในคดีของ Otegi Mondragon กับรัฐบาลสเปน ในเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและการปกป้องชื่อเสียงของกษัตริย์ ในกรณีนี้ ECtHR ตัดสินว่า การลงโทษผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมาย ด้วยข้อกล่าวหาว่าสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อกษัตริย์สเปน ขัดกับหลักแห่งเสรีภาพในการแสดงออกของเขาการตัดสินนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่บนการเลือกข้างเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านกษัตริย์ และไม่ได้เกี่ยวกับว่ามันเป็นเรื่องส่วนพระองค์ แม้ว่า ECtHR ยอมรับว่าข้อคิดเห็นของ Otegi Mondragon อาจจะเข้าข่ายก้าวร้าว แต่ศาลได้เน้นย้ำว่า เป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้ภายใต้บริบทแห่งการถกเถียงที่เป็นประเด็นความสนใจร่วมของสาธารณะ ที่จะโต้เถียงกันจนถึงระดับที่มีการกล่าวอ้างเกินจริงหรือจนกระทั่งก่อให้เกิดการยั่วยุทางอารมณ์ได้ ECtHR ตัดสินว่ากษัตริย์ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐ ไม่สามารถได้รับการยกเว้นจากการวิพากษ์วิจารณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย มิฉะนั้นมันจะเป็นการคุ้มครองประมุขของประเทศจนสูงเกินความเหมาะสมตามวิถีการเมืองกษัตริย์ECtHR ตั้งข้อสังเกตว่าข้อคิดเห็นของ Otegi Mondragon นั้นเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของสถาบันกษัตริย์ในฐานะสัญลักษณ์ประมุขของรัฐ รวมทั้งในฐานะที่เป็นพลังอำนาจที่ตามความเห็นของ Otegi Mondragon ได้กระทำการทรมานบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ความคิดเห็นเหล่านี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณชนและต่อประเด็นทางการเมืองที่อยู่นอกขอบเขตของ แห่งเกียรติยศชื่อเสียงเฉพาะบุคคล ของกษัตริย์ ECtHR ได้เน้นย้ำว่า การสั่งขังคุกต่อกรณีความผิดในประเด็นที่เก่ียวกับการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง ที่จำกัดสิทธิด้านเสรีภาพในการแสดงออก ยอมให้กระทำได้เฉพาะในกรณีที่รุนแรงอย่างถึงที่สุดเท่านั้น อาทิเช่น การยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ไม่มีข้อกล่าวหาใดในคดีของ Otegi Mondragon ที่บ่งชี้ถึงความรุนแรงเช่นนั้น ความผิดของเขากับบทลงโทษจึงถือว่าไม่มีความสมเหตุสมผลจากความคิดเห็นทั้งหลายทั้งมวลที่ได้กล่าวมาในเอกสารชิ้นนี้ ด้วยความเคารพ พวกเราขอเสนอแนะว่า ศาลควรจะยุติทุกคดีฟ้องร้องต่อนายสมยศ และสั่งให้ปล่อยตัวเขาออกจากเรือนจำโดยปราศจากเงื่อนไข ในการกระทำเช่นนี้ ศาลควรจะทำความเห็นออกมาด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยควรจะมีการทบทวนบทลงโทษกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคดี และดำเนินการเพิกถอนโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทย | องค์กรนานาชาติ อาร์ติเคิล 19 (ARTICLE 19) เป็นองค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ที่ทำงานรณรงค์กว่ายี่สิบปี เพื่อให้ประเทศต่างๆ เคารพและปฏิบัติตามหลักการมาตรา 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | Article 19,กฎหมายอาญามาตรา 112,สมยศ พฤกษาเกษมสุข | https://prachatai.com/journal/2012/05/40569 |
ระเบิดตลาดสดพิมล จ.ยะลา องค์กรสิทธิฯ ขอรัฐนำคนผิดมาลงโทษ อย่างเป็นธรรม ปราศจากอคติ | ขอผู้ใช้ความรุนแรงยุติการกระทำที่ส่งผลต่อพลเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีอาวุธตามอนุสัญญาเจนีวา22 ม.ค. 2561 จากเหตุเหตุระเบิดเมื่อช่วงเช้าวันนี้บริเวณหน้าตลาดสดพิมลชัยหน้าร้านค้าส่ง ซอย 3 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนเข้ามาจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดที่หน้าร้านเขียงหมูที่มีชาวพุทธอยู่จำนวนมาก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 23 คน นั้นต่อมามีองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวหลายองค์กร เช่นมูลนิธิผสานวัฒนธรรม มูลนิธิศักยภาพชุมชน กลุ่มด้วยใจ องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ศูนย์ประสานเครือข่ายองค์กรประชาสังคมนราธิวาส เครือข่ายชุมชนศรัทธา เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ และสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา(LEMPAR) เป็นต้นโดยมีข้อเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้อง 1. ขอให้รัฐบาลนำคนผิดมาลงโทษโดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เคารพหลักการด้านสิทธิมนุษชน ปราศจากอคติ 2. ขอให้รัฐบาลศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนหลังจากที่ไม่เกิดมานานกว่า 7 เดือน และดำเนินการในการวางมาตรการป้องกันและแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้น 3. รัฐบาลจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายที่นำเสนอต่อสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างสันติภาพโดยใช้แนวทางสันติวิธีนอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานนี้เคารพในหลักการที่สำคัญคือหลักกฎหมายมนุษยธรรม และขอเรียกร้องต่อผู้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 1. ขอเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงยุติการใช้ความรุนแรงที่ส่งผลต่อพลเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีอาวุธตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นกฎหมายสงครามหรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ 2. ขอเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพและแสดงเจตจำนงในการปกป้องประชาชนให้ประชาชนรับทราบในวงกว้างรายละเอียดแถลงการณ์กลุ่มต่างๆ :ในวันนี้ 22 ม.ค.2561 เมื่อเวลาประมาณ 06.20 น.เกิดเหตุระเบิดหน้าตลาดสดพิมลชัยหน้าร้านค้าส่ง ซอย 3 ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ในช่วงเช้าตลาดสดแห่งนี้มีประชาชนเข้ามาจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมากเหตุการณ์เกิดขึ้นที่หน้าร้านเขียงหมูที่มีพี่น้องพุทธจำนวนมากทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 23 คนโดยในจำนวนนี้มีผู้หญิงเสียชีวิต 2 คนและผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ 15 คนขอแสงความเสียใจต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย พุทธ มุสลิม ฮินดู คริสต์ เจ้าหน้าที่หรือประชาชน ก็ไม่ควรมีใครละเมิดสิทธิในชีวิต รัฐมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้บุคคลใดก็ตามมาพรากชีวิตด้วยการกระทำที่โหดร้ายและการละเมิดต่อกฎหมายภายในประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การติดตามสืบสวนสอบสวนคดีนำคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นธรรมมาลงโทษจะยุติวงจรความรุนแรง และสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสันติภาพที่จะต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหลายฝ่ายมีการยืนยันถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากตัวเลขจำนวนเหตุการณ์ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และแนวทางของรัฐบาลที่จะใช้กระบวนการพูดคุยในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน จากเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นการลดเงื่อนไขการใช้ความรุนแรงตอบโต้ต่อกัน ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการต่อไปนี้1. ขอให้รัฐบาลนำคนผิดมาลงโทษโดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม เคารพหลักการด้านสิทธิมนุษชน ปราศจากอคติ2. ขอให้รัฐบาลศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนหลังจากที่ไม่เกิดมานานกว่า 7 เดือน และดำเนินการในการวางมาตรการป้องกันและแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้น3. รัฐบาลจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายที่นำเสนอต่อสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างสันติภาพโดยใช้แนวทางสันติวิธีเราขอปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในทุกพื้นที่ ขอให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานนี้เคารพในหลักการที่สำคัญคือหลักกฎหมายมนุษยธรรม และขอเรียกร้องต่อผู้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้1. ขอเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงยุติการใช้ความรุนแรงที่ส่งผลต่อพลเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีอาวุธตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นกฎหมายสงครามหรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ2. ขอเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพและแสดงเจตจำนงในการปกป้องประชาชนให้ประชาชนรับทราบในวงกว้างการยุติความรุนแรงต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนและสาธารณะ โดยขอให้ประชาชนควรให้ความร่วมมือในกับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับชุมชน และตระหนักว่ายังคงมีความขัดแย้งที่ต้องคำนึงถึงการสร้างความปลอดภัยให้กับตนเองและชุมชนตลอดเวลาผู้ร่วมแถลงการณ์มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมูลนิธิศักยภาพชุมชนกลุ่มด้วยใจองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานีศูนย์ประสานเครือข่ายองค์กรประชาสังคมนราธิวาสเครือข่ายชุมชนศรัทธานายมูฮัมหมัดอายุบ เจ๊ะนะจากเหตุการณ์ระเบิดหน้าร้านค้าส่ง ซอย 3 ตลาดสดพิมลชัยในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อช่วงเวลา 06.20 ของวันที่ 22 มกราคม 2561 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 18 ราย นั้นเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ขอแสดงความเสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย1. นางนารีรัตน์ แซ่ตั้ง2. นางสุปรีดา เจนนฤมิตร3. นายมะยากี แวนาแวการก่อเหตุและสร้างความรุนแรงที่ไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นการกระทำการอันโหดร้ายต่อคนที่ไม่มีอาวุธและไม่ใช่เป็นคู่ต่อสู้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ที่มีสิทธิ์ มีชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำในพื้นที่ตลาด เป็นที่ซึ่งมีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก กลุ่มคนที่กระทำจึงเป็นกลุ่มคนที่ควรถูกประณามจากสาธารณชนอย่างยิ่งเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ขอวิงวอนไปยังผู้มีส่วนในการสร้างความขัดแย้งที่ใช้อาวุธ1. ขอให้รัฐจับกุมผู้ก่อเหตุในครั้งนี้โดยเร็ว พร้อมทั้งเตรียมพร้อมเพื่อมิให้มีการก่อเหตุซ้ำ2. ขอให้ทุกฝ่าย และทุกกลุ่มที่มีส่วนร่วมของความขัดแย้ง เข้าร่วมพูดคุยสันติสุข หรือสันติภาพ โดยเร็ว3. ขอให้กลุ่มก่อการหรือกลุ่มที่มีความเห็นต่างจากรัฐ และกลุ่มติดอาวุธ อื่น ๆ ในพื้นที่ ยุติการทำที่สร้างความรุนแรงต่อพลเรือน และผู้อ่อนแอ4. ขอเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ และพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศร่วมลงนาม หรือออกแถลงการณ์ ประณาม และแสดงให้เห็นว่า ประชาชนไม่เอาความรุนแรง5. คณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ ร่วมออกแถลงการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งเยี่ยมเหยื่อ และผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ22 มกราคม 2561 | องค์กรสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ กรณีระเบิดตลาดสดพิมล จ.ยะลา จนมีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ จำนวนมากให้รัฐนำคนผิดมาลงโทษอย่างเป็นธรรม เคารพหลักสิทธิมนุษชน ปราศจากอคติ | สิทธิมนุษยชน | ความรุนแรง,ชายแดนใต้,ตลาดสดพิมล,มูลนิธิผสานวัฒนธรรม,ระเบิด,อนุสัญญาเจนีวา | https://prachatai.com/journal/2018/01/75058 |
อิสราเอล เข้ม ไวรัสโคโรนา สั่งกักตัว 14 วัน คนไทย ไป กรุงเทลอาวีฟ | สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศกระทรวง สธ.อิสราเอล ให้ผู้ที่เดินทางจาก ไทย-สิงคโปร์- ฮ่องกงและมาเก๊า ต้องถูกกักตัว 14 วันทันที เมื่อเดินทางถึง ขอคนไทยงดเดินทางไปช่วงนี้ วันที่ 17 ก.พ. ข่าวสารสนเทศ กระทรวงการต่างประเทศไทย ได้โพสต์ทวิตเตอร์Ministry of Foreign Affairs | MFA of Thailand ระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลออกประกาศ ทางเว็บไซต์ ให้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศไทย สิงคโปร์ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และมาเก๊า ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน (home quarantine) เป็นเวลา 14 วัน หลังจากเดินทางมาถึงอิสราเอล ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ โดยไม่ให้เดินทางไปที่สาธารณะ อาทิ ที่ทํางาน ห้างร้าน โรงเรียนและโรงพยาบาล ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้โดยสาร ต่อเครื่องบินผ่านประเทศดังกล่าวนั้นสถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งเตือนคนไทย งดการเดินทางไปอิสราเอลจนกว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง และจะแจ้งให้ประชาชนทราบหากมีความคืบหน้าและการเปลี่ยนแปลง ของมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลอิสราเอล ขอเรียนด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานงาน และแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Covid-19) ในประเทศไทยมาโดยตลอด และจะติดตามสถานการณ์การออกมาตรการที่เกี่ยวข้อง ของรัฐบาลอิสราเอลอย่างใกล้ชิดต่อไป | สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประกาศกระทรวง สธ.อิสราเอล ให้ผู้ที่เดินทางจาก ไทย-สิงคโปร์- ฮ่องกงและมาเก๊า ต้องถูกกักตัว 14 วันทันที เมื่อเดินทางถึง ขอคนไทยงดเดินทางไปช่วงนี้ | ข่าว,การเมือง | ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสโคโรนา,กรุงเทลอาวีฟ,อิสราเอล,กระทรวงการต่างประเทศ,กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล,กักตัวคนไทย 14 วัน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1773763 |
โค้ชหระ วางคิวช้างศึกยู-19 อุ่นเกือก 3 นัดก่อนลุยเวียดนาม | วันที่ 6 มี.ค.61 ความเคลื่อนไหวของทัพนักเตะทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม ก่อนสู้ศึก International U19 Football Tournament 2018 ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 18-31 มีนาคมนี้,ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โค้ชหระ อิสระ ศรีทะโร เฮดโค้ช ได้นำลูกทีมลงฝึกซ้อม โดยมี 4 นักเตะใหม่ลงฝึกซ้อมด้วย ซึ่งการซ้อมในครั้งนี้เน้นไปที่การสร้างเกมจากแดนกลางเป็นหลัก ใช้เวลาทั้งสิ้นราว 2 ชั่วโมง,หลังการซ้อมกุนซือช้างศึกยู-19 เผยว่า ตอนนี้น้องๆ ก็มารวมกันได้ประมาณ 24 คนรวมผู้รักษาประตู ก็คิดว่าไม่น่ามีผลต่อการไปอุ่นเครื่องที่เวียดนาม เพราะว่าเราก็ได้มีการติดต่อพูดคุยเบื้องต้นกันไว้ ความพร้อมน้องๆ ตอนนี้ก็มีอาการบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย ไม่ได้หนักอะไร ก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บส่วนที่ซ้อมได้ก็ยังดี,ในเรื่องความสามารถของนักเตะ จริงๆ เเล้วเรายังเห็นได้ยังไม่หมด เพราะว่าเรากำลังปรับระบบการหายใจให้เข้ากับแท็กติก เเต่ว่า 80 เปอร์เซ็นต์ทำได้ดีมาก ส่วนรายละเอียดเราต้องดูในการซ้อมอีกประมาณ 4-5 วัน,ตอนนี้เราวางโปรแกรมการอุ่นเครื่องไว้ 3 ทีม เป็นทีมบีของทีมใหญ่ทั้ง แบงค็อก ยูไนเต็ด, โปลิศ เทโร, เเละ เดฟโฟ เอฟซี ในไทยลีก 3 เนื่องจากว่าสองทีมแรกนั้น ก็มีผู้เล่นที่เราสนใจแล้วก็เลือกไว้อยู่เเล้วด้วย ส่วนกับทีมเดฟโฟ่จะเป็นการอุ่นเครื่องลองทีมครั้งสุดท้าย,ในเรื่องของเป้าหมายจริงๆ แล้ว ที่รับงานนี้ก็อยากพาทีมไปบอลโลก แต่ว่าก็จะทำให้เต็มที่ดูจากน้องๆ แล้วก็ถือว่ามีโอกาส | เฮดโค้ชช้างศึกยู-19 วางคิวอุ่นเครื่องเพื่อลองทีมถึง 3 นัด ก่อนบินลุยทัวร์นาเมนต์พิเศษที่เวียดนาม พร้อมตั้งความหวังพาทีมตะลุยฟุตบอลชิงแชมป์โลกให้ได้ | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | โค้ชหระ,อิสระ ศรีทะโร,ทีมชาติไทยยู-19,ช้างศึก | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1221280 |
สอบคอลเซ็นเตอร์ พบอ้างชื่อ ผบช.ภ.9 | ได้เงินเหยื่อไปแสนกว่าบาท รวมทั้งมีชื่อตำรวจอีกหลายนายถูกแอบอ้างด้วย แฉเหยื่อในพื้นที่ สน.หัวหมาก โดนหนักสุด ถูกตุ๋นข้ามประเทศสูญเงินเกือบล้านบาท เตรียมส่งทั้งหมดขึ้นเครื่องกลับมาดำเนินคดีที่ไทย หลังตามจับผู้ต้องหาหญิงชาวไทยเพิ่มอีก 6 คน,จากกรณี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.บช.ภ.2 สนธิกำลังกระทรวงตำรวจและกองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ภายในโครงการวินโฮมส์ เซ็นทรัล พาร์ค กลางเมืองโฮจิมินห์ จับกุมผู้ต้องหาพนักงานคนไทย 16 ราย และหัวหน้าสั่งการชาวไต้หวัน 2 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล,ความคืบหน้า ที่เมืองโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 25 ส.ค. มีรายงานว่าจากการสอบสวนของตำรวจเวียดนาม พบข้อมูลก็ยังมีคนไทยอีก 6 คนอยู่ระหว่างหลบหนี สอดคล้องกับข้อมูลชุดสืบสวนของ ศปอส.ตร. ว่าขบวนการนี้ใช้ห้องพักในโครงการดังกล่าวเป็นฐานที่มั่น 4 จุด ในโซนเซ็นทรัล 2 จุด และโซนพาร์ค 2 จุด ชุดจับกุมวางแผนกระจายกำลังค้นหาเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ ก่อนพบผู้ต้องหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีหมายจับของทางการไทยเป็นหญิงไทย 6 คน เดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากร้านสะดวกซื้อ บริเวณใต้อาคารโซนเซ็นทรัล ควบคุมทั้งหมดไปดำเนินการตามขั้นตอน ขณะที่ พ.ต.อ.(พิเศษ) ทราน วานโฮ ผกก.กองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี ประสาน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เพื่อส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางกลับประเทศไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย จากสนามบินโฮจิมินห์ มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง คาดถึงไทยเวลา 23.05 น. ของวันเดียวกัน,จากข้อมูลการสอบปากคำนายธนาวุฒิ หรือปาย เชื้อกุล อายุ 27 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี 1 ในผู้ต้องหา สารภาพว่าเดินทางเข้ามาประเทศเวียดนามพร้อม น.ส.วรรัก เศรษฐวงศ์ อายุ 24 ปี แฟนสาวชาว จ.สมุทรปราการ และกลุ่มคนไทย เพื่อมาทำงานร่วมกับขบวนการนี้ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. เคยหลอกผู้เสียหายโดยอ้างชื่อ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 หลอกเงินเหยื่อในพื้นที่ บช.ภ.9 ได้เงินไปแสนกว่าบาท สอดรับกับผู้ต้องหาอีกคนนายพงษา จับโจร สารภาพว่าทำงานในขบวนการนี้ ในตำแหน่งสายสอง เคยอ้างชื่อ ร.ต.ท.ยุทธนา พลเส หลอกเหยื่อให้โอนเงิน จากการตรวจสอบประวัติพบผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย นายธนาวุฒิและนายพงษา ถือเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่มีความสำคัญกับขบวนการนี้ เพราะเป็นคีย์แมนหลอกเหยื่อ ทำเงินให้กับขบวนการนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งคู่ยังยอมรับว่าเคยไปทำงานลักษณะนี้ที่ประเทศฟิลิปปินส์มาแล้ว โดยมีการอ้างชื่อนายตำรวจหลายนาย อาทิ ร.ต.ท.ชาติชาย แก้ววิเศษ ร.ต.ท.วัชรพล คำเมือง อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและความเชื่อมโยง,มีรายงานด้วยว่า เหยื่อชาวไทยที่ถูกหลอกเสียหายส่วนใหญ่เป็นข้าราชการวัยเกษียณ บุคคลผู้มีฐานะ ยอดเงินของเหยื่อที่โดนหลอกมากสุดนั้นสูงถึง 8 แสนบาท ในพื้นที่ สน.หัวหมาก และเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลอกข้าราชการครูวัยเกษียณ เสียหาย 2 แสนบาท ใช้อุบายพนักงานธนาคารขอตรวจสอบเงินในบัญชีหลังพบความผิดปกติ | ตำรวจไทย-เวียดนามเค้นสอบผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทย สารภาพเคยอ้างชื่อ บิ๊กแหมว-รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 | ข่าว,ทั่วไทย | แก๊งคอลเซ็นเตอร์,แอบอ้าง,เวียดนาม,สน.หัวหมาก,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1362129 |
บิ๊กฉัตร ชี้ รับซื้อยางวันแรกไม่คึกคัก อ้างขั้นตอนยุ่งยาก ปชช.ไม่ชอบ | เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงปัญหาการรับซื้อยางพาราที่เริ่มมา เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ด้วยเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดไว้ ทำให้เกษตรกรไม่ค่อยพอใจ คิดว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เช่น เกษตรกรที่นำยางมาขายจะรวมยางหลายๆ เกรดมา หรือกรณีการจ่ายเงิน รัฐบาลจะจ่ายผ่าน ธกส. ซึ่งเกษตรกรไม่ค่อยชอบวิธีนี้แต่อยากได้เงินสดมากกว่า และบางส่วนก็เก็บยางไว้ก่อนเพื่อรอราคาที่อาจจะมีราคาสูงขึ้น จึงทำให้ภาพรวมไม่ค่อยคึกคักเท่าไร,เมื่อถามว่า จะชี้แจงประชาชนอย่างไรกับสิ่งที่ประชาชนยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีการของรัฐบาล รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ได้สั่งการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ก่อนที่จะลงไปชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจอีกที เมื่อถามว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือการซื้อนำตลาด พอราคายางใกล้เคียงกับราคาที่เราวางไว้จะมีการปรับอย่างไร พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เดี๋ยวรอดูอีกที เพราะเรื่องนี้จะต้องนำเข้า ครม.ด้วย แต่วันนี้ราคายางก็ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งตนเองก็อยากให้ราคายางสูงหมือนกัน เกษตรกรจะได้ราคาดี เมื่อถามว่า การรับซื้อยางจากเกษตรกร ได้งบประมาณจากส่วนไหนไปซื้อ พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เป็นการนำงบประมาณจาก กยท.ไปซื้อส่วนหนึ่งในการนำร่อง ซึ่งเป็นทุนประเดิมประมาณ 500 ล้านบาท แล้วเดี๋ยวกฤษฎีกาจะดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง. | รมว.เกษตรฯ ยอมรับการรับซื้อยางของรัฐบาลวันแรกไม่คึกคัก อ้าง ปชช.ไม่ชอบ เพราะมีขั้นตอนยุ่งยาก ชี้เกษตรกรอยากได้เงินสดมากกว่าผ่าน ธกส. | null | รับซื้อยาง,ยางพารา,ฉัตรชัย สาริกัลยะ,ก.เกษตรฯ,ชาวสวนยาง,ราคายาง,แทรกแซงราคายาง,ขายยาง,ตลาดยาง,น้ำยาง,ยางแผ่น,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/568489 |
โจรขี้คุกเกิดสำออยขาเจ็บ ขอนั่งวีลแชร์ไปทำแผน ลักทรัพย์ในรพ.เมืองคอน | เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ส.ค.62 พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก., พ.ต.ท.โชติ เพชรหนองชุม รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย สวป., พ.ต.ต.วิทยา จงไกรจักร สว.สส.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และกำลังตำรวจสืบสวน คุมตัวนายศรายุทธ รามแก้ว หรือฉายา ไข่เป็ด อายุ 34 ปี ชาวบ้าน หมู่ 2 ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม ชั้น 2 และหอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช,หลังจากถูกจับกุมที่บ้านพัก เมื่อเย็นวานนี้พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง มาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์และทรัพย์สินของมีค่าของผู้ป่วย และญาติผู้ป่วย โดยลงมือมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งจะนำโทรศัพท์ไปขายในราคาเครื่องละประมาณ 500 บาท จากนั้นนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายส่วนตัวและซื้อยาเสพติดเสพ หลังจากเงินหมดก็จะลงมือก่อเหตุอีก ,การทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้รับความสนใจจากผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุขโมยโทรศัพท์ของคนไข้ และญาติคนไข้ที่วางชาร์จแบตข้างเตียงผู้ป่วย มาแล้วกว่าสิบเครื่อง การทำแผนจุดแรกบริเวณที่จอดรถจักรยานยนต์หลังโรงพยาบาล จากนั้นผู้ต้องหาเดินสำรวจตามหอผู้ป่วยต่างๆ เพื่อหาเป้าหมาย เน้นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่คนไข้ หรือญาติคนไข้ชาร์จแบตทิ้งไว้บริเวณเตียงผู้ป่วยหอผู้ป่วย ส่วนใหญ่เป็นเตียงที่คนไข้หลับสนิท หรือเตียงที่ไม่มีญาติเฝ้าในช่วงเวลาก่อเหตุ โดยทำทีเดินกะเผลกเหมือนคนไข้ที่มารักษาในโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหรือมีพิรุธ ก่อนจะฉวยโอกาสขโมยโทรศัพท์และทรัพย์สินของมีค่าของผู้เสียหาย ส่วนใหญ่จะลงมือก่อเหตุขโมยเวลากลางคืน เพราะผู้ป่วยและญาตินอนหลับ,พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความว่ามีคนร้ายลงมือก่อเหตุขโมยโทรศัพท์ และทรัพย์สินของมีค่าตามหอผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วย และญาติผู้ป่วยเป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่แกะรอยคนร้ายรายนี้ พร้อมกับตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ลงชื่อเข้าเยี่ยมผู้ป่วยตามหอผู้ป่วยต่างๆ ภายในโรงพยาบาล โดยเฉพาะตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในหอผู้ป่วยต่างๆ ของโรงพยาบาล พบว่ามีชายต้องสงสัยอายุประมาณ 30 – 35 ปี ท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย สวมชุดอยู่บ้านปกติ แต่ท่าทางเดินเหมือนผู้ป่วย ตระเวนอยู่ตามหอผู้ป่วยต่างๆ อย่างน่าสงสัย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน,จึงนำรายชื่อดังกล่าวตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และพบว่าชายต้องสงสัยรายนี้ทราบชื่อนายศรายุทธ รามแก้ว หรือฉายา ไข่เป็ด อายุ 34 ปี มีประวัติเคยต้องโทษในคดีพยายามฆ่า และคดีลักทรัพย์ จึงนำกำลังเข้าจับกุมที่บ้าน และคุมตัวมาสอบสวน โดยผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ก่อเหตุจริง จึงนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางตำรวจจะประชุมหารือกับผู้บริหารของโรงพยาบาล เพื่อหามาตรการป้องกันเหตุคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินของผู้ป่วย โดยเฉพาะเรื่องกล้องวงจรปิด เนื่องจากพบว่ายังมีน้อย ,สำหรับพฤติกรรมคนร้ายรายนี้ ทราบว่า ก่อนลงมือก่อเหตุ ผู้ต้องหา ประสบอุบัติเหตุล้มรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกบริเวณแขน และขาทั้งสองข้าง แต่ผู้ต้องหากลับไม่ยอมรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง กลับใช้โอกาสที่ตนบาดเจ็บ เดินกะเผลกเหมือนผู้ป่วย เข้ามาก่อเหตุขโมยโทรศัพท์ และทรัพย์สินมีค่าของผู้ป่วย และของญาติผู้ป่วยจำนวนหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่มีใครสังเกตหรือสงสัยพฤติกรรม เพราะคิดว่าผู้ต้องหา เป็นผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาล สุดท้ายผู้ต้องหาเกิดความย่ามใจลงมือก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง,ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในระหว่างควบคุมตัวผู้ต้องหา ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ปรากฏว่าผู้ต้องหา อ้างว่าเดินไม่ไหว เนื่องจากปวดแผลที่ล้มรถจักรยานยนต์ ตำรวจจึงอำนวยความสะดวก โดยให้ผู้ต้องหานั่งรถเข็นนั่งของผู้ป่วย และให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงพยาบาล เข็นไปตามจุดที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพจนแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามตำรวจชุดสืบสวนที่บุกจับกุมตัวผู้ต้องหา เมื่อเย็นวานนี้ ให้ข้อมูลว่า ขณะกำลังบุกเข้าจับกุมผู้ต้องหารายนี้ที่บ้านพัก ปรากฏว่าผู้ต้องหากลับไม่มีทีท่าว่าจะปวดบาดแผล หรือเดินกะเผลก แต่กลับวิ่งหนีตำรวจได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวอยู่นานหลายสิบนาที กว่าตำรวจจะจับกุมตัวได้. | โจรขี้คุกขอตำรวจนั่งรถวีลแชร์ไปทำแผนฯ ลักทรัพย์ในโรงพยาบาล เผยล้ม จยย.แต่ไม่รักษา เดินสะเงาะสะแงะเหมือนผู้ป่วย เผยประวัติขโมยโทรศัพท์ ทรัพย์สินของคนไข้ - ญาติมาแล้วนับ 10 เครื่อง | ข่าว,อาชญากรรม | ลักทรัพย์ในโรงพยาบาล,ขโมยมือถือ,โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช,นครศรีธรรมราช,ทำแผน,นั่งวีลแชร์,โจรขี้คุก,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1641171 |
ศิลปินฝรั่งเศสสร้างสรรค์กระเบื้องโมเสคต่างดาว | กระเบื้องโมเสคหลากสีสันลวดลายแปลกๆ ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ยากบนผนังกำแพงในกรุงปารีสของฝรั่งเศสอีกต่อไป และผู้เห็นอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องประหลาด นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการจัดแสดงงานศิลปะต่างดาวด้วย โดยศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานไม่ยอมเปิดเผยชื่อ แต่ผู้ชมจะรู้จักเขาในชื่อว่า ผู้บุกรุกผู้อำนวยการจัดนิทรรศการ กล่าวว่า มันเป็นความต้องการบุกโลกอย่างสงบ โดยศิลปินได้พัฒนางานศิลปะลักษณะนี้มาประมาณ 15 ปีแล้ว โดยได้บุกทั้งกำแพง ทั้งที่ว่างต่างๆ และห้องแสดงศิลปะ ในลักษณะที่น่ายินดี จนศิลปินข้างถนน กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญงานศิลปะและมีนิทรรศการของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ผลงานของเขาแต่ละชิ้นมีราคาหลายพันยูโรกระเบื้องโมเสคต่างดาวจะประกอบด้วยชิ้นกระเบื้องสีชิ้นเล็กๆ มาวางต่อกัน มักจะมีขนาดเล็กกว่าแผ่นกระดาษ ขณะนี้มีอยู่ทั่วกรุงปารีสประมาณ 1000 ชิ้น ขณะที่มีอยู่ในหลายเมืองทั่วโลกเกือบ 3000 ชิ้น | กระเบื้องโมเสคหลากสีสันลวดลายแปลกๆ กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงามและพบเห็นทั่วไปตามผนังอาคารในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ส่วนศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานได้จัดแสดงงานศิลปะโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อ | ต่างประเทศ | กระเบื้อง,ต่างดาว,ปารีส,ฝรั่งเศส,ศิลปะ,โมเสค | https://news.thaipbs.or.th/content/19800 |
เชียงใหม่ น้ำป่าทะลัก ปิดน้ำตกตาดหมอก เตือนนักท่องเที่ยว-ปชช. | ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกหนัก เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ส.ค.ในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่มีสถานท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่อยู่ใกล้น้ำตกและลำธารหลายแห่ง ทำให้ลำน้ำแม่สา เริ่มล้นทะลักเข้าท่วมไร่นาพื้นที่เกษตรของชาวบ้านโป่งไคร้ ต.แม่สา อ.แม่ริม นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ นายอำเภอแม่ริม ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยประจำอยู่ที่ว่าการอำเภอแม่ริม เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในการเข้าช่วยเหลือและเตรียมขนย้ายราษฎรออกจากพื้นที่ประสบภัยน้ำป่า,ทางด้าน พ.ต.อ.สุธี จำปา ผกก.สภ.แม่ริม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตามตู้ยามบนดอยสูงและใกล้แหล่งท่องเที่ยวให้อยู่ในความพร้อม สามารถรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยมีการเสริมกำลังตำรวจเข้าร่วมกับฝ่ายปกครองในการช่วยเหลือ,ด้านนายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย ได้ประกาศเตือน เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ณ บริเวณน้ำตกตาดหมอก ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พิจารณาแล้วเห็นว่า อาจเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยว จึงขอปิดการบริการการท่องเที่ยวในพื้นที่น้ำตกตาดหมอก จนกว่าเหตุการณ์จะเป็นปกติ ในเบื้องต้น ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายและได้แจ้งนักท่องเที่ยวให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว,นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่ม ให้ระวังและรอฟังการเตือนภัยจากมิสเตอร์เตือนภัย ที่อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อจะได้เร่งแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในจุดเสี่ยงก็ได้มีการเตือนภัยไปแล้ว ในขณะนี้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเต็มที่ สำหรับในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังมีจุดน้ำท่วมขังที่บริเวณตลาดประตูก้อม วิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ ซึ่งได้มีการตั้งจุดเร่งระบายน้ำออกทันทีที่เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก. | น้ำป่าทะลัก ปิดน้ำตกตาดหมอก หลังฝนตกหนัก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เตือนภัยนักท่องเที่ยวช่วงนี้งดเล่นน้ำ ระวังน้ำป่าทะลัก แจ้งชาวบ้านเตรียมอพยพทันทีหากจำเป็น หน่วยงานภาครัฐเตรียมรับสถานการณ์แล้ว | ข่าว,ทั่วไทย | น้ำป่าทะลัก,น้ำตกตาดหมอก,ฝนตกหนัก,แม่ริม,เชียงใหม่,ปิดน้ำตก,อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย,อันตราย,นักท่องเที่ยว,ปวิณ ชำนิประศาสน์,ผวจ.เชียงใหม่,อพยพ,น้ำป่าไหลหลาก | https://www.thairath.co.th/news/local/704694 |
ฤทธา สืบทายาท ผู้หาญกล้าพลิกชีวิตตนเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ | เกษตรกร,ไมท์ตี้–ฤทธา หนุ่มไฟแรงของครอบครัว แมน–รัตนา สืบทายาท ชื่นชอบด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ได้เล่าว่า ตอนที่เรียนระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พ่อและแม่ก็สนับสนุนให้เรียนกีตาร์ เพราะท่านเล่นดนตรีทั้งคู่ พอเรียนไปก็ชอบ เลยไปเรียนด้านดนตรี เอกกีตาร์คลาสสิก ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ทีแรกก็ตั้งใจจะเป็นนักดนตรี แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนให้ไปเล่นดนตรี ในช่วงเวลากลางคืน ความหวังเป็นนักดนตรีก็ต้องดับไป จึงเปลี่ยนไปเป็นครูสอนดนตรีแทน ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นครูสอนกีตาร์คลาสสิก ที่สถาบันดนตรี KPN ในช่วงวันเสาร์ ชีวิตมาพลิกตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 3 เมื่อคุณพ่อไปเอาต้นมะเดื่อฝรั่ง (ลูกฟิก) ที่ซื้อต้นกล้าจากเพื่อน มาปลูกในพื้นที่ของครอบครัวที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งความตั้งใจทีแรกจะปลูกเป็นงานอดิเรก แต่ปลูกทีแรกในพื้นที่โล่ง มะเดื่อฝรั่งก็ตายเรียบ เลยทำโรงเรือนซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว แล้วได้เห็นคนงานตัดกิ่งต้นมะเดื่อกองเป็นฟืน จึงเกิดความคิดเอากิ่งมะเดื่อฝรั่งมาขาย เพราะตอนที่เราซื้อมาราคาค่อนข้างแพง (หลักร้อย) เลยเอามาขายทางออนไลน์ เฟซบุ๊ก ,papamamagarden, โดยตั้งราคาเองแค่หลักสิบ แรกๆคนยังไม่รู้จักมากนัก ทั้งที่โครงการหลวงนำมาปลูกตั้งนานแล้ว ช่วงหลังที่ชาวต่างชาติ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม ต่างให้ความสนใจสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ตนเลยคิดที่จะทำอย่างจริงจัง จากงานอดิเรกมาเป็นอาชีพที่ยั่งยืน ในรูปแบบสมาร์ทฟาร์ม และรับสร้างโรงเรือนปลูกมะเดื่อฝรั่งด้วย,ผมเองก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่หลงรักในเสียงดนตรี และอยากจะมีอาชีพเป็นนักดนตรี จนวันหนึ่งผม ได้รู้จักกับต้นไม้ที่มีชื่อว่า มะเดื่อฝรั่ง ที่มีสรรพคุณที่ดีเยี่ยม และเป็นผลไม้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกเลยก็ว่าได้ ผมเลยมีไอเดียอยากลองขาย โดยเริ่มจากการขายในโลกออนไลน์ก่อน และหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนไปเจอเว็บหนึ่ง ซึ่งเป็นเว็บที่ขายสินค้าทางการเกษตรทั้งหมด พอผมขายไปได้ระยะหนึ่ง คนก็เริ่มรู้จักผมในชื่อ Papamamagarden เมื่อเริ่มมีลูกค้าปลีกย่อยติดต่อซื้อกิ่งมะเดื่อฝรั่งมาเรื่อยๆ พอน้องสาวเรียนจบเราสองคนก็เห็นโอกาสในช่องทางนี้ จึงช่วยกันทำมะเดื่อฝรั่งให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น การที่ผมหันมายึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ไม่ได้หมายความว่า ผมจะต้องทิ้งอาชีพนักดนตรีไป ปัจจุบันผมเองก็ทำในสิ่งที่ผมรักคือ สอนดนตรี และเล่นดนตรี แต่ผมก็ค้นพบตัวผมเองมากขึ้นว่า ผมเองก็ต้องการความมั่นคง ผมจึงยึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก โดยได้เลือกปลูกต้นไม้ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ให้ผลมากนี้ ตอนนี้ความตั้งใจของผม คืออยากจะให้ผลไม้ที่มีประโยชน์มากเช่น มะเดื่อฝรั่ง นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในไทย เพราะดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ใบมะเดื่อฝรั่งยังสามารถนำมาทำเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพได้อีกด้วย ไมท์ตี้ อธิบายเส้นทางชีวิตของตัวเอง,คนหนุ่มคนนี้ยังเล่าด้วยว่า การเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของตนไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ทุกอย่างมาจากการลงมือทำด้วยตนเอง ทั้งเรียนรู้ หาข้อมูลทุกอย่าง และเรียนรู้จากการปฏิบัติ โดยมีที่บ้านคอยให้คำปรึกษา และที่สำคัญที่บ้านตนเป็นคริสเตียน ทำให้เรายึดหลักที่ว่า ถ้าเราตั้งใจทำบางอย่าง พระเจ้าจะอำนวยพรให้เราทำสำเร็จ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความถูกต้อง ตนยึดหลักนี้ แล้วทำให้มีความขยันมากขึ้น ตอนนี้อาจจะเป็นก้าวแรก ที่ตนต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ งานนี้นอกจากจะสร้างอาชีพแล้ว ตนยังมีความสุขที่ได้มาต่อยอดจากสิ่งที่พ่อแม่ชื่นชอบในการปลูกต้นไม้ ในรูปธุรกิจของครอบครัว แล้วยังนำผลไม้ที่มีประโยชน์มาให้คนไทยได้ชิมกันด้วยนี่เป็นหนึ่งของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างงาน สร้างตัว สร้างฝัน จากการลงมือทำด้วยตัวเองให้เป็นจริง. | กล้าที่จะฝันแล้วก้าวไปให้ถึง คติประจำใจที่เป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นใหม่มีพลังทำฝันของตนให้เป็นจริง เช่นเดียวกับหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยวัย 24 ปี คนนี้ ฤทธา สืบทายาท ที่กล้าเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากนักดนตรีมาเป็น | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | เจนเนอเรชั่น X,ข่าวหน้าสตรี,ข่าวไลฟ์สไตล์,ฤทธา สืบทายาท,นักดนตรี,เกษตรกร | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/790482 |
สลด เพื่อนชวนไปยิงหนูนา ปืนเจ้ากรรมดันลั่นใส่ ถูกยอดอก ดับอนาถ | วันที่ 11 เม.ย.62 พ.ต.ท.วีระ โพทุมทา สว.(สอบสวน) สภ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.นาวัง ว่า มีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลนาวัง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วได้ออกไปร่วมชันสูตรศพที่โรงพยาบาลนาวัง เมื่อไปถึงได้พบศพนายวิเชียร ชุมดง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 4 ต.นาแก อ.นาวัง นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องฉุกเฉิน สภาพศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่หน้าอก ใต้คอประมาณ 5 ซม. เป็นรูกว้างประมาณ 2 ซม. และเป็นรอยไหม้สีดำ,เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามนายประสาน ศรีใส ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.นาแก อ.นาวัง ให้การว่า มีนายศุภชัยหรือเจว หงส์คง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/1 หมู่ที่ 1 ต.นาแก อ.นาวัง เป็นผู้นำร่างนายวิเชียร ผู้ตายมาส่งให้ที่บ้านเพื่อมาส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถาม นายศุภชัย ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ได้ไปหานายวิเชียรผู้ตายที่บ้าน แล้วได้ชักชวนกันไปยิงหนูนา โดยนายวิเชียร บอกว่า ปืนแก๊ปอยู่ที่กระท่อมนา ให้นายศุภชัย ขับรถจักรยานยนต์พาไปเอาปืนแก๊ป หลังจากนั้นนายศุภชัยจึงได้พานายวิเชียรซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไปที่กระทอมนานายวิเชียรเพื่อไปเอาปืนแก๊ปมายิงหนูนากัน เมื่อไปถึงกระท่อมนานายวิเชียร จึงได้เดินลงจากรถไป โดยนายศุภชัยนั่งคร่อมรถรออยู่ที่หน้ากระท่อมนา โดยนายศุภชัย เห็นนายวิเชียรเดินไปที่เล้าไก่อยู่ห่างกระท่อมนา ประมาณ 15 เมตร สักพักนายศุภชัยแจ้งว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นเห็นนายวิเชียรรีบวิ่งมาหาตน และให้โทรบอกคนที่บ้านเอารถมารับไปโรงพยาบาล เนื่องจากปืนลั่นถูกนายวิเชียร ตนจึงบอกให้นายวิเชียร ขึ้นรถแล้วรีบพาไปที่บ้านนายวิเชียรเพื่อให้ญาตินำตัวนายวิเชียรส่งโรงพยาบาล และนายวิเชียรได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา,เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายศุภชัย ไปตรวจเก็บเขม่าดินปืน และให้นายศุภชัยพาไปยังที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก มีถุงมูลสัตว์ทับอยู่ และพบถุงกระสุนปืนวางอยู่ใกล้ๆ จึงได้ตรวจยึดไว้ และพบรอยเลือดจากเล้าไก่หยดไปเป็นทางไปถึงจุดที่นายศุภชัย จอดรถรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดอาวุธปืนไว้เป็นของกลางแล้วจะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ถึงสาเหตุการตายของนายวิเชียร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป | เศร้า! หนุ่มใหญ่หนองบัวลำภู เพื่อนชวนไปยิงหนูนากลางดึก ปืนแก๊ปเจ้ากรรมดันลั่นใส่ถูกยอดอก เสียชีวิต เพื่อนเผย ได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด เห็นผู้ตายยังวิ่งมาหา บอกให้พาไปโรงพยาบาล | ข่าว,ทั่วไทย | หนุ่มใหญ่หนองบัวลำภู,ยิงหนูนา,ปืนลั่น,ปืนลั่นถูกยอดอก,เสียชีวิต,หนองบัวลำภู,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1542680 |
ศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุชิงเงิน ธ.กสิกรไทย เขตประเวศ | วันนี้ (26 เม.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดด้านหน้าธนาคาร เป็นหลักฐานสำคัญที่พนักงานสอบสวนคดีเหตุชิงทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 4 เขตประเวศ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ใช้ประกอบคำร้องขอต่อศาลให้อนุมัติหมายจับชายผู้ก่อเหตุตามภาพพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุแล้ว 1 คน ซึ่งออกหมายจับตามภาพจากกล้องวงจรปิดในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะส่วนความคืบหน้าในคดีชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางหลบหนีของผู้ก่อเหตุ มีความคืบหน้าไปมากแต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะ จึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ยังไม่สรุปว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุมีคนเดียวหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีผู้ให้ความช่วยเหลือดูต้นทางหรือชี้เบาะแสให้ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุขณะที่การสอบปากคำพยาน เรียกสอบไปแล้วหลายปาก ยังไม่พบว่าข้อพิรุธว่าพนักงานธนาคารจะมีส่วนรู้เห็น แต่ยังมีพยานอีกจำนวนหนึ่งที่รอเรียกสอบปากคำทั้งลูกค้าธนาคาร และผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ | ศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุจี้ชิงเงินธนาคารกสิกรไทย สาขาเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 4 แล้ว แต่ยังไม่สรุปว่าลงมือก่อเหตุคนเดียวหรือไม่ | อาชญากรรม | ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,หมายจับ,ธนาคารกสิกรไทย,ชิงเงิน,ชิงทรัพย์ | https://news.thaipbs.or.th/content/251939 |
วิวาทะ ส.ศิวรักษ์ – สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ว่าด้วย lesser- greater evil ในศึกผู้ว่าฯ | ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกเหนือจากรายงานข่าวการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เข้มข้นขึ้นแล้ว ก็ยังมีการถกเถียงซึ่งเป็นที่โด่งดังใน social media อย่างเฟซบุ๊กด้วย นั่นคือ การแสดงความเห็นของ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักคิดอาวุโสคนสำคัญ กับ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประวัติศาสตร์คนสำคัญเรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อมีการโพสต์ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของสุลักษณ์ ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนกว่า 15000 คน โดยสุลักษณ์แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้คนกรุงเทพฯ ควรแสดงกึ๋นในการเลือกสุขุมพันธ์ จากประชาธิปัตย์ เพราะแม้จะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่ยังแย่น้อยกว่าพรรคเพื่อไทยคือผู้ว่ากทม.ตัวเต็งมันมีอยู่สองคนใช่ไหม สุขุมพันธ์ เบอร์ 16 กับ พงศพัศเบอร์9 คือ 2คนเป็นตัวเก็ง ไอ้คนอื่นน่าสนใจนะ แต่ผมเสนอว่าอย่าเลือกคนอื่นเพราะถ้าเลือกคนอื่นคะแนนจะหัวแหลกหัวแตก เพราะเวลานี้ต้องสู้ระหว่างประชาธิปัตย์กับพรรคทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคดีเด่อะไรแต่พรรคทักษิณมันเหี้ยสุดๆ แล้วเวลานี้มันครองอำนาจอยู่ในบ้านเมืองแล้วเรายอมให้มีผู้ว่ากทม อีก แสดงว่าเราทั้งหมดแหย สยบกับมันทั้งหมดเลยผมจึงอยากเสนอว่าใครก็ตามที่มีจิตสำนึกต่อต้านทักษิณ ต่อต้านเผด็จการต้องไม่ใช่ไม่เลือกเบอร์9 อย่างเดียว ต้องเลือกสุขุมพันธ์เพราะเป็นอันเดียวที่จะเอาชนะเผด็จการทักษิณได้ เพราะตอนนี้มันใช้ทุกทางเลยมันปั่นกระทั่งโพล ทำได้ทั้งหมด แล้วมันจะเอาเงินซื้อ อะไรต่างๆทักษิณมันพูดเลย เอาเสาไฟฟ้ามาลงก็ได้รับเลือก เพราะฉะนั้นผมว่าคนกรุงเทพต้องแสดงกึ๋นหน่อย คือสุขุมพันธ์ไม่ได้ดีวิเศษอะไรนักหนาประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ดีวิเศษนักหนา แต่ระหว่างเขาเลือก ภาษาฝรั่งเรียก the lesser evil มันจำเป็น ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยกับผม ไม่เป็นไรผมอยากให้ปรากฏจุดยืนผมอยู่ตรงนี้ส.ศิวรักษ์22/2/56จากนั้น สมศักดิ์ ได้โพสต์ตั้งคำถามการแสดงความคิดเห็นของสุลักษณ์ระบุว่า ปัญหาที่ติดใจไม่ใช่เพราะการวิเคราะห์ว่าประชาธิปัตย์เป็น lesser evil โดยตัวเอง แต่เพราะพรรคประชาธิปัตย์มักดึงสถาบันกษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง และเป็นเรื่องขัดแย้งที่สุลักษณ์เสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยสนับสนุนพรรคที่มีวาระเช่นนี้แต่ที่ผมมีปัญหาจริงๆคือ การเสนอว่า ถ้ามีตัวเลือกระหว่าง เพื่อไทย กับ ปชป จะต้องเลือกเลือก ปชปปัญหาของผม ไมใช่ว่า อ.สุลักษณ์ จะถือว่า ปชป เป็น lesser evil (คือแย่น้อยกว่า) โดยตัวเอง ที่ไมใช่ปัญหานี้ เพราะ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า evil ในทีนี้ อธิบายยังไง เนืองจาก ว่า อ.สุลักษณ์ ไม่ได้อธิบาย ว่า พรรคทักษิณเหี้ย นั้น อย่างไร (และดังนั้นจะว่า ปชป เหี้ย น้อยกว่า (คือ lesser evil) ยังไง ก็เลยไม่รู้ หรือไม่มีเหตุผลเหมือนกันแต่ประเด็นที่ผมคิดว่า เป็นปัญหาจริงๆ คือ โดยการ ignore เมินเฉย ต่อการทีปชป เล่นการเมือง โดยการเชียร์เจ้า อิงอำนาจเจ้า (หรือในหลายด้านเป็นการเพิ่มอำนาจเจ้า) ในระยะไม่กี่ปีนี้ถ้า อ.สุลักษณ์ เลือกเทากับเป็นการขัดแย้งกับ ข้อเสนอของ สุลักษณ์ เอง ที่พูดเรือง ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ (เรือง ต้องโปร่งใส วิพากษ์วิจารณ์ได้ ฯลฯ)การเสนอให้เลือก ปชป เท่ากับขัดแย้งกับข้อเสนอ เรือง ปฏิรูปสถาบันฯ ที อ.สุลักษณ์ ว่าไว้เองดังกล่าวเพราะ ในหลายปีนี้ จนถึงบัดนี้ ปชป เป็นตัวแทนสำคัญของการทิศทาง ตรงข้าม กับการปฏิรูปสถาบันฯ(แน่นอน ผมตระหนักว่า เพือไทย หรือ พรรคทักษิณ เอง ก็ไม่สามารถ เคลม ว่ามีทิศทาง ปฏิรูปสถาบันฯ โดยแท้จริง แต่อย่างน้อย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามพรรคนี ยังไมใช่ พรรคที่ อาศัยอำนาจเจ้า อิงเจ้า และเสริม สถานะเจ้าอย่างที ปชป เป็น ในหลายปีนี้)[กระทู้ที่ 2]เสริมจากที่เขียนเมื่อครู่ที่ผมมีปัญหามาก ในการที่ อ. SulakSivaraksaเสนอให้เลือก ปชปคือ ในทางปฏิบัติ เท่ากับ อาจารย์กำลัง เล่นเกมส์ อิงอำนาจเจ้า (ทั้งๆที่ เสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์)นี่ไมใช่อะไรทีไม่เคยเกิดมาก่อนอันทีจริง นี่เป็นสิ่งที อาจารย์ทำเป็นระยะๆ ในระยะหลายปีนี้ (และเป็นประเด็นใหญ๋ ทีผมตั้งใจจะพูดในงาน 80 ปี ของอาจารย์ ในวันที่ 17 มีนาคมนี้ เรืองนี้ คิดไว้หลายสัปดาห์แล้ว ตังแต่ถูกชวนให้พูดและรับปากไป คือ ก่อนกรณีล่าสุด เรืองเชียร์ ปชป นี้หลายวัน)ทีว่า ทำเป็นระยะๆ แบบนี้ เช่น การขึ้นเวทีพันธมิตร ในปี 2549 ในช่วงทีพันธมิตร ชูคำขวัญ เราจะสู้เพื่อในหลวง (เรืองนี้ อาจารย์ย่อมจำได้ดีว่าผมมี จดหมายเปิดผนึก แสดงความไม่เห็นด้วยตั้งแต่ตอนนั้น)หลังจากนั้น ก็ยังมีบทสัมภาษณ์ ทีเปรียบเทียบว่า ทักษิณ เลวกว่า สฤษดิ์เพราะอย่างน้อย สฤษดิ์ ยังจงรักภักดี (ทักษิณ จะเลว กว่าสฤษดิ์ โดยตัวเองไมใช่ประเด็นของผม ประเด็นในทีนี้ คือ การที ว่า ทักษิณ เลว ด้วยเรือง ไม่จงรักภักดี นี่คือ การ เล่นเกมส์ อิงเจ้า)มาถึงเรืองทีสร้างความฮือฮาทีกล่าวหาทักษิณตรงๆว่า ล้มเจ้า (คราวที่ อาจารย์ ไปฟังข่าวลือเรืองมีการเล่นละครหมิ่นเจ้า ในการชุมนุม นปช ตอนหลัง อาจารย์ ถอนเรืองละครแต่ไม่เคย ถอนคำกล่าวหาเรืองทักษิณล้มเจ้า)มาถึงการกล่าวหา (ในการเดินยาตรา อะไร เมือ ปีทีแล้วและในการพูดครั้งอื่นอีก) ทำนองว่า การมีการใช้ 112 มาก เป็น แผน ทักษิณทีจะบ่อนทำลาย สถาบันฯ (นี่คือการ เล่นเกมส์ อิงเจ้า เช่นกัน)มาถึงล่าสุด เรืองเชียร์ ปชป นี้ ซึงแม้ อาจารย์จะไม่ได้ให้เหตุผลจริงๆ แต่ใครทีติดตามการเมือง โดยเฉพาะใครที มีความตั้งใจเรื่องปฏิรูปสถาบันฯจริง ก็ควรรู้ว่า จุดที่สำคัญมากๆ ของการเมือง ของ ปชป ในระยะหลายปีนี้คือการ อิงเจ้า สงเสริม สถานะ ที ตรวจสอบไม่ได้ ของสถาบันกษัตริย์และดังนั้น การเชียร์ ปชป. จึงเทากับเป็นการ เล่นเกมส์ อิงอำนาจเจ้า ไปด้วยโดยปริยายทั้งหมดนี้ (เพราะอย่างทีเขียนมา ไมใช่ ครั้งเดียว) เป็นอะไรที่ disturbing (ชวนวิตก รบกวนใจ) มากและอย่างทีบอกว่า ผมตั้งใจจะ raise ประเด็นนี้ อยู่แล้ว ในการสัมมนาวันที่ 17นี่เรียกว่า อาจารย์ มา เพิ่มประเด็นตัวอย่างรูปธรรม ถึง disturbing behavior ของ อาจารย์ ในเรืองการ เล่นเกมส์ อิงเจ้า เข้ามาให้อีกเรื่องหนึ่งล่าสุด วันที่ 25 ก.พ. สุลักษณ์ได้ตอบประเด็นของสมศักดิ์ ระบุว่า ใครจะอ้างอิงสถาบันเป็นเรื่องของคนนั้น แต่สำหรับสุลักษณ์นั้นต้องการรักษาสถาบันนี้ และการที่เขาถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 3 ครั้งล้วนเกิดขึ้นในสมัยทักษิณทั้งสิ้น ซึ่งการดำเนินคดีนี้ถือเป็นการบ่อนทำลายสถาบันตอบ:คุณสมศักดิ์ เป็นคนน่ารัก แต่ว่าคุณสมศักดิ์ต้องถามตัวเองบ้างว่าคุณเกลียดเจ้ามากไปหรือเปล่าคือเรื่องทักษิณอยู่ฝ่ายที่ทำลายสถาบันกษัตริย์มันชัดเจนผมไปพูดที่รัฐสภาเลยเรื่องมาตรา112 คนฟังผมเต็มรัฐสภาเลย แล้วผมบอกว่ามาตรา112 เป็นมาตราซึ่งทำลายสถาบันกษัตริย์พระเจ้าอยู่หัวเองก็รับสั่งว่าใครทำเรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำร้ายพระองค์ท่าน และทำให้สถาบันเสื่อมทราม แน่นอนถ้าเผื่อคุณอยู่ฝ่ายไม่ต้องการเจ้า คุณอาจจะเห็นด้วยแต่ผมนี่อยู่ฝ่ายที่ต้องการรักษาสถาบัน นี่จุดยืนผมชัดเจน แล้วผมก็พูดด้วยผมพึ่งไปงานศพเสธ.หนั่นมาเมื่อเร็วๆนี้ผมก็บอกเสธ.หนั่นนี่เขาเคยพูดกับผมเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับเขาเลยว่า คุณสนั่นบอกตำรวจอย่าไปจับนะเรื่องคดีหมิ่น แล้วตลอดเวลาที่เสธ.หนั่นเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ไม่มีคดีเลยเพราะเขาบอกตำรวจไม่ให้จับ แน่นอนพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เป็นพระเจ้าอยู่หัวสมบูรณาญาสิทธิ์ท่านสั่งไม่ได้ท่านได้แต่เปรย แล้วเสธ.หนั่นเขาก็ทำตามพระราชดำรัส พอหมดเสธ.หนั่นแล้วทักษิณมาเป็นใหญ่ ตำรวจมันเป็นรัฐภายในรัฐตำรวจมันฟังทักษิณมากกว่าคนอื่นหมดสมัยที่ทักษิณเป็นใหญ่ผมถูกจับ3ครั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตำรวจหาเรื่องจับผมทั้งนั้น แล้วผมหลุดทุกครั้งคุณสมศักดิ์พึ่งจะโดนนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองอย่าพึ่งมาเผยอพูดเลยปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มันจับผมไปที่ขอนแก่นผมได้รับประกันตัวตี2 แล้วผมต้องขึ้นไปทุกเดือน ไปปรากฏตัวที่ขอนแก่นอภิสิทธิ์โทรศัพท์มาหาผมว่าจะช่วย ไม่ช่วยห่าอะไรเลย ผมไม่รู้เหรอมันไม่เคยช่วยเลย ตีฝีปากทั้งนั้นผมไม่รู้หรือ ความเหี้ยของประชาธิปัตย์ทุกคดีครับ 3 คดีสมัยทักษิณ ต้องการจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจนที่สุดถ้าคุณเห็นด้วยกับทักษิณต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณก็เห็นไปแต่ผมเห็นชัดเจนทักษิณต้องการทำลายพระมหากษัตริย์ สำหรับผมนี่ผมอยู่ฝ่ายที่รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์สถาบันกษัตริย์มีอะไรจุดอ่อนเยอะเยาะ บกพร่องเยอะแยะแต่ผมเห็นรักษาไว้ดีกว่าไม่รักษา จุดยืนเราต่างกันเท่านั้นเองไม่ใช่เรื่องอิงเจ้าอะไรต่างๆ แล้วผมไม่ต้องการอิงเจ้าแต่ผมต้องการรักษาสถาบันเจ้าให้ดำรงคงอยู่ แล้วผมไม่ต้องการให้ใครไปอิงใครจะอิงก็เรื่องของเขา ไอ้อภิสิทธิ์จะไปอิงใครจะอิงก็เรื่องของเขาต้องแยกกันให้ชัดเจนใช่แต่เท่านั้น ทักษิณพูดด้วยว่าคนของเขาแม้เสาไฟฟ้าลงก็ชนะ นี่มันปรามาสคนกรุงเทพทั้งหมดเลยเอาเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ แล้วคุณจะให้มันชนะได้ยังไงเพราะฉะนั้นผมก็ต้องออกมาสิครับ ไม่ชนะมีทางเดียว ก็ต้องให้สุขุมพันธุ์ได้เพราะถ้าคุณไปเลือกคนอื่นๆ ผมชอบคนอื่นเยอะเยาะเลย ไอ้สยามวาลาผมชอบมันมากเลย คนรุ่นใหม่แล้วมันจะเล่นกับเด็กรุ่นใหม่ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไปเชื่อเลือกสยามวาลานี่ คะแนนเด็กรุ่นใหม่จะเสียหมดเลยครับเพราะพวกไม่มีพรรคจะไม่มีทางได้ คุณอาจได้คะแนนเพิ่มขึ้นแต่ถ้าคะแนนหัวแหลกหัวแตก ไอ้เบอร์9ได้แน่ๆเบอร์9ได้หมายความว่าเสาไฟฟ้าก็ได้ก็หมายความว่าสมตามคำที่ไอ้ทักษิณมันพูดเลยว่าคนของมันจะต้องได้แน่ๆแล้วมันจะใช้ทุกวิถีทาง ทั้งโฆษณาชวนเชื่อทั้งปั่นโพลต่างๆ โกงต่างๆสารพัดที่มันจะทำได้ มันต้องการชนะเพื่อจะพิสูจน์ว่ามันเป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องพิสูจน์ให้มันเห็นไม่ให้มันชนะ แล้ววิธีเดียวครับ ให้สุขุมพันธุ์มาสุขุมพันธุ์ไม่ใช่คนดีวิเศษ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเหี้ยมากเลยแต่ที่ผมยังยืนยันคำนี้ ว่า lesser evil ไอ้นั่นมัน greater evil คุณสมศักดิ์ไม่เข้าใจไม่เป็นไร แล้ววันที่17 เรามาดวลกันได้ตัวต่อตัว หรือของคุณ 3 รุม1ก็ได้ พวกคุณ 3 คน ผมคนเดียว วันที่ 17ทั้งนี้ กิจกรรมวันที่ 17 ที่ สุลักษณ์ กล่าวท้าดวลกับสมศักดิ์ นั้น เป็นงานปาฐกถาปาจารยสาร ในหัวข้อ สังคมสยามตามทัศนะ ของปัญญาชนไทยหมายเลข 10 โดย ส.ศิวรักษ์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 มี.ค. 56 นี้ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ที่ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป สวนเงินมีมาคลองสาน กรุงเทพฯ โดยในงานดังกล่าวจะมี สมศักดิ์ รวมด้วยในช่วง สามัคคีวิจารณ์ ซึ่งนอกจากสมศักดิ์แล้วยังมี สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ และ ไชยันต์ ไชยพร ร่วมดัวย โดยมี ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ปาจารยสาร ป๋วยเสวนาคาร สถาบันสันติประชาธรรม และเสมสิกขาลัย | ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกเหนือจากรายงานข่าวการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เข้มข้นขึ้นแล้ว ก็ยังมีการถกเถียงซึ่งเป็นที่โด่งดังใน social media อย่างเฟซบุ๊กด้วย | การเมือง | กษัตริย์นิยม,การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร,วิวาทะ,สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล,สุลักษณ์ ศิวรักษ์ | https://prachatai.com/journal/2013/02/45496 |
ทหารช่างฝึกเจ็ตสกีพลิกคว่ำจมน้ำเสียชีวิต 2 นาย | นักประดาน้ำช่วยกันงมหาร่าง ส.อ.ชูเกียรติ ทรัพย์ประเสริฐ และ ส.ท.ประสบโชค เทียมสม ทหารช่าง สังกัดกองพันทหารช่างที่ 52 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ หลังเกิดอุบัติเหตุเจ็ตสกีคว่ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง หมู่ที่ 2 ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมาร.อ.ทวีชัย ชนะบวรบุตร นายทหารฝ่ายยุทธการ และการฝึกกองพันทหารช่างที่ 52 กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ เปิดเผยว่า ขณะนำกำลังพล 5 นาย มาฝึกขับเจ็ตสกีที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ทหารที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย ได้ลงขับเจ็ตสกีไปบริเวณกลางอ่างเก็บน้ำ จากนั้นเจ็ตสกีได้เกิดพลิกคว่ำจึงพยายามออกไปช่วย แต่ไม่พบเนื่องจากระดับน้ำลึกกว่า 6 เมตรล่าสุด เจ้าหน้าที่พบศพแล้ว 1 คน คือ ส.อ.ชูเกียรติ ทรัพย์ประเสริฐ ส่วน ส.ท.ประสบโชค เทียมสม เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ก็ยังคงพยายามที่จะค้นหาต่อไป ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากแรงสะบัดของเครื่องเจ็ตสกีที่อาจจะมีอุปสรรคใต้น้ำ ซึ่งอาจจะเป็นโขดหินหรือตอไม้ ทำให้เจ็ตสกีคว่ำดังกล่าว | เกิดเหตุทหารช่างจมน้ำเสียชีวิต 2 นาย ใน จ.ราชบุรี ขณะฝึกซ้อมขับเจ็ตสกี เพื่อช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยทางน้ำ | ภูมิภาค | จมน้ำ,ทหารช่าง,ราชบุรี,เจ็ตสกี,เสียชีวิต | https://news.thaipbs.or.th/content/189784 |
บอล จุกกลางกองโดนศอกกระทุ้ง ปลื้มแฟนละครเทใจรัก มหานที ใน เมียอาชีพ | นึกว่ารับบทมหาเศรษฐีหนุ่ม แสนอบอุ่นจะชิล ที่ไหนได้ บอล-กัมมัญญ์ กลมแก้ว ในบท มหานที จากละคร เมียอาชีพ ช่อง 3 ก็มีเรื่องต้องปะทะฝีปากกับ พระเอก ไม้ วฤษฎิ์ เพื่อชิงสาวที่รักทุกครั้งที่เจอกัน งานนี้ เลยมีคิวบู๊เบาๆ ให้พอหอมปากหอมคอ แต่ก็ไม่วายผิดจังหวะ หนุ่มบอลโดนกระทุ้งไปหนึ่งจุกใหญ่ เห็นบอลโดนกระทำ โดนเทขนาดนี้ แฟนละครสายละมุน เลยแห่ขอดูแลหัวใจ คุณมหานที กันเป็นแถวบท มหานที ยากมาก ตรงที่แสนดีเกินไป เพอร์เฟกต์ทุกด้าน เป็นคนรวย การศึกษาดี ดีทุกอย่าง จนแฟนละครเรียก พ่อไมโครเวฟ เพราะอบอุ่นเหลือเกิน (หัวเราะ) ผู้หญิงหลายคนฝันอยากได้สามีแบบนี้ ตอนอ่านบท คือตัวละครนี้ใจหล่อมาก ขี้เปย์มาก เป็นสายสู้กับพระเอกทุกทาง นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว เรื่องหัวใจก็สู้สุดตัว มีลูกล่อ ลูกชน และเป็นคนที่รุกนางเอกหนักมาก จีบตรงๆ เลย กระแสแฟนละครจะแอบเทใจมาหาตัวมหานทีเยอะอยู่ เพราะมีแต่ให้ เข้าใจนางเอกทุกอย่าง พร้อมซัพพอร์ตทุกเรื่องส่วนคิวบู๊ในเรื่องก็มีเบาๆ แมนๆ ซัดกัน เลยมีพลาดคิวเล็กน้อย ตอนที่หึงหวงเรื่องนางเอก ผมไปล็อกไม้จากด้านหลัง แล้วโดนไม้ศอกกลับไปหนึ่งจุก ดีที่ตอนนั้นกลั้นหายใจอยู่ ไม่งั้นมีร่วงแน่ ตัวมหานที เหมือนถือพรหมจรรย์ ไม่ได้สัมผัสแตะต้องนางเอกเลย ประมาณเสียเงินแสน แขนก็ไม่ได้จับ (หัวเราะ) เพราะรักษาความเป็นสุภาพบุรุษมาก ผมว่าทุกคนควรจะมีมุมนี้ เป็นทั้งสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี รู้จักการให้เกียรติกัน แล้ววันหนึ่งเราจะเจอถ้วยรางวัลที่เป็นของเราจริงๆ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 ครับ บอล กล่าว>>อ่านนิยายไทยรัฐทั้งหมดได้ที่นี่<< | บอล-กัมมัญญ์ กลมแก้ว ในบท มหานที จากละคร เมียอาชีพ ช่อง 3 ก็มีเรื่องต้องปะทะฝีปากกับ พระเอก ไม้ วฤษฎิ์ เพื่อชิงสาวที่รักทุกครั้งที่เจอกัน | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | เมียอาชีพ,เมียอาชีพ EP.11,เมียอาชีพ ล่าสุด,มหานที,บอล กัมมัญญ์,ไม้ วฤษฎิ์,นิยาย,ละคร | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1912685 |
จำคุก 3 พิธีกรสายล่อฟ้า 1 ปีรอลงอาญา คดีหมิ่นยิ่งลักษณ์กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ | สั่งจำคุกสามพิธีกร สายล่อฟ้า 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท รอลงอาญา 2 ปีคดีหมิ่นประมาทยิ่งลักษณ์ กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์27 ส.ค. 2558รายงานว่า ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท 3 พิธีกร สายล่อฟ้า ในคดีหมิ่นประมาท ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปีคดีนี้อัยการยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายเทพไท เสนพงศ์ และ นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ กรณีร่วมกันจัดรายการ สายล่อฟ้า ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เมื่อวันที่ 10 และ 15 กุมภาพันธ์ 2555 มีเนื้อหาทำนองใส่ความนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นว่าโดดภารกิจการประชุมของรัฐสภา ทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ศาลพิจารณาจากถ้อยคำของจำเลยทั้งสามคน เห็นว่ามีเจตนาให้ผู้ชมรายการเข้าใจว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หนีการประชุมรัฐสภา ไปทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น เป็นการใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง มีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ไม่ใช่การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือติชมด้วยความเป็นธรรม ตามที่จำเลยกล่าวอ้าง พิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสามคน คนละ 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามคนไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ยึดเทปรายการดังกล่าวมาทำลาย และลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ติดต่อกัน 7 วันส่วนความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงานตามหน้าที่ พยานหลักฐานยังมีข้อสงสัย จึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลยนอกจากคดีนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายชวนนท์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นอีก 1 คดี ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง ไปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา | สั่งจำคุกสามพิธีกร สายล่อฟ้า 1 ปี พร้อมปรับ 5 หมื่นบาท รอลงอาญา 2 ปี คดีหมิ่นประมาทยิ่งลักษณ์ กรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ 27 ส.ค. | การเมือง | ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,รายการสายล่อฟ้า,หมิ่นประมาท,สายล่อฟ้า,ว.5,พรรคประชาธิปัตย์ | https://prachatai.com/journal/2015/08/61075 |
วธ.มาดใหม่ลดจ้างออแกไนซ์จัดงาน | นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวหลังประชุมผู้บริหารสำนักงานปลัด วธ. ว่า ได้ชี้แจงทิศทางการทำงานที่ได้รับมอบหมายจากนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วธ.ในการนำมิติทางวัฒนธรรมมาสร้างสังคมคุณธรรมและสร้างเศรษฐกิจ กับจังหวัดและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ยกระดับการจัดงานประเพณีท้องถิ่นชูวิถีวัฒนธรรมเป็นจุดขาย พร้อมสั่งการให้ลดการจ้างบริษัทออแกไนเซอร์ เพื่อประหยัดงบประมาณชาติ โดยให้นำศิลปะการแสดงของศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินแห่งชาติ และวิทยาลัยนาฏศิลปของจังหวัดต่างๆ มาจัดแสดงเพื่อสร้างรายได้ให้ศิลปินท้องถิ่น,ปลัด วธ. กล่าวอีกว่า ส่วนมิติที่สอง เปิดตลาดคุณธรรมสร้างชุมชนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยให้ สวจ.ไปประสานกับวัดและศาสนสถานของศาสนาต่างๆ ที่สามารถเปิดเป็นตลาดนัดชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้นำสินค้า และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาจำหน่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมกับการเปิดพื้นที่เป็นศูนย์เรียนรู้หลักธรรมคำสอนทางศาสนา และเวทีจัดแสดงทางวัฒนธรรมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ คาดว่าภายในปี 2560 จะสามารถเปิดได้กว่า 700 แห่ง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2560 ทั้งด้านมิติ ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ. | โดยปี 2560 จะเน้นการทำงานสร้างค่านิยมคนไทย 12 ประการใน 2 มิติหลัก คือ มิติแรก คือ วิถีถิ่น วิถีไทย เร่งฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาพื้นบ้านในแต่ละภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมโดย ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) ประสานการทำงาน | null | ข่าวการศึกษา,ข่าววัฒนธรรม,กฤษศญพงษ์ ศิริ,ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม,ภูมิปัญญาพื้นบ้าน,จัดงานประเพณีท้องถิ่น | https://www.thairath.co.th/content/752006 |
เหนือ-อีสาน อากาศเย็นตอนเช้า ใต้-ตะวันออก ฝนกระจายหลายพื้นที่ | เมื่อวันที่ 16 พ.ย. จากการตรวจสอบสภาพอากาศโดยระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐ ร่วมกับเดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียม มีหลายจุดทั่วไทยท้องฟ้าค่อนข้างโปร่งมีเมฆเป็นบางส่วน แต่มีการกระจายตัวของกลุ่มฝนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนภาคเหนือ หลังจากที่กระแสลมตะวันตกเคลื่อนตัวผ่านไป ฝนบริเวณดังกล่าวจะลดลง โดยอากาศเย็นในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่าย เมฆน้อย ฟ้าโปร่ง แดดแรง,ขณะที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากมวลอากาศเย็นอ่อนกำลังลง เคลื่อนขึ้นไปปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน จึงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ในช่วงเช้าบริเวณทางตอนบนของภาคบางพื้นที่ ยังคงได้สัมผัสอากาศเย็น รวมถึงหมอกหนาบางจุด ท้องฟ้ามีเมฆมาก โอกาสเกิดฝนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมตั้งแต่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกในเกณฑ์กระจาย,จากการคำนวณลักษณะการตกของฝนพบว่า ช่วงสายกลุ่มฝนมีโอกาสตกกระจายตัวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานฝั่งตะวันออกและตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ส่วนช่วงเที่ยง ฝนมีการกระจายตัวเพิ่มในบริเวณภาคกลาง ตั้งแต่ตอนบนจนถึงตอนล่างของภาค รวมถึงมีการกระจายตัวในบริเวณจังหวัดตามรอยต่อของภาคอีสาน และภาคตะวันออกด้วย ช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะลดลง และจะพบการก่อตัวของกลุ่มฝนอีกครั้งในช่วงเย็น บริเวณฝั่งตะวันตกของประเทศ และภาคตะวันออก แถวปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี และจะตกในบริเวณดังกล่าวไปจนถึงช่วงดึก,ในขณะที่กลุ่มฝนทางตอนใต้ ภาพรวมแล้วจะลดลงกว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยช่วงสายพบการก่อตัวของกลุ่มฝนในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังจากนั้นช่วงเที่ยงพบการก่อตัวของกลุ่มฝนเพิ่มในบริเวณตอนกลางของภาคที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ช่วงบ่ายกลุ่มฝนขยับมาตกในฝั่งอันดามัน ที่ระนอง พังงา และภูเก็ต และจะตกอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะซาลงในช่วงค่ำ,ส่วนอุณหภูมิทั่วไทย พบว่า ช่วงเช้าอากาศเย็นในบางพื้นที่ของภาคเหนือ รวมถึงอีสานตอนบน อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยในภาคเหนืออากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูในภาคอีสาน อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนช่วงบ่ายจากเมฆที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้แดดไม่แรงมาก สูงสุดอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิประมาณ 34-35 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ อุณหภูมิอยู่ที่ 31-34 องศาเซลเซียส,สภาพอากาศแยกตามภูมิภาค,ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส , ,ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส,ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร,ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร,ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีโอกาสเกิดฝนร้อยละ 35 โดยช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดฝนมากที่สุดคือช่วงบ่ายไปจนถึงช่วงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส | ภาคเหนือ ฝนลดลง อากาศเย็นตอนเช้า เช่นเดียวกับอีสานตอนบน ส่วนตะวันออก-ใต้ ฝนกระจายหลายพื้นที่ ขณะที่ กทม.-ปริมณฑล โอกาสเกิดฝน 35% ช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำ | null | พยากรณ์อากาศ,อากาศ,พยากรณ์อากาศวันที่ 16 พ.ย.,สภาพอากาศ,อุณหภูมิ,มรสุม,อากาศหนาว,ฝนตกหนัก,อากาศภาคเหนือ,อุตุ,คลื่นลม,ฝนตก,สถานการณ์ฝน,อากาศวันนี้,อุณหภูมิลดลง,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวพยากรณ์อากาศ | https://www.thairath.co.th/content/539670 |
เดลตา ฟอร์ซ บุกสังหารแกนนำไอเอสในซีเรีย ตัดช่องทางหารายได้ | เจ้าหน้าที่ทหารรบพิเศษของหน่วยเดลต้าฟอร์ซแห่งกองทัพบกสหรัฐฯกว่า 20 นาย ปฏิบัติการลับเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ค.2558) โดยใช้เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์คและเครื่องบิน วี-22 ออสเปรย์ บุกเข้าไปในซีเรียและสังหารนายอาบู เซย์ยาฟ พร้อมควบคุมตัวภรรยาของนายอาบู เซย์ยาฟออกมายังอิรักนายอาบู เซย์ยาฟ เป็นชาวตูนีเซีย ซึ่งชื่อเป็นนามแฝงในการรบโดยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าต้องการจับเป็นแต่นายอาบู เซย์ยาฟ พยายามต่อสู้ สหรัฐฯ อ้างว่านายอาบู เซย์ยาฟ มีความรู้เรื่องแก๊สและน้ำมันเป็นอย่างดีและเป็นแกนนำหลักในการหาตลาดจำหน่าย สร้างรายได้ให้กับกลุ่มไอเอส แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้โต้แย้งว่ารายได้หลักของกลุ่มไอเอสไม่ใช่มาจากแก๊สและน้ำมันหลายเดือนแล้วขณะเดียวกันมีการเผยแพร่วิดีโอทางอินเทอร์เนต ยืนยันว่ากลุ่มไอเอสบุกเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลซีเรีย ในเมืองพัลมีราไว้แล้ว ซึ่งเมืองพัลมีรา นี้เป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมโบราณสำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก | หน่วยปฏิบัติการรบพิเศษของกองทัพบกสหรัฐฯ บุกเข้าไปสังหารนายอาบู เซย์ยาฟ แกนนำกลุ่มไอเอสในซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่าเป็นการทลายตัวจักรหลักในการหารายได้ให้กับกลุ่ม ไอเอส | ต่างประเทศ | ซีเรีย,สหรัฐฯ,หน่วยปฏิบัติการรบพิเศษของกองทัพบก,อาบู เซย์ยาฟ,เดลา ฟอร์ซ,ไอเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/1701 |
Spice Girls กลับมารวมตัวกันในรอบ 18 ปี | เป็นวงเกิลกรุ๊ปที่แฟนๆ รอคอยการกลับมารวมตัวอีกครั้ง สำหรับสไปซ์เกิลส์ (Spice Girls) เกิลกรุ๊ปชื่อดังในยุค 90 ผู้สร้างปรากฏการณ์เพลงป็อปไปทั่วโลก และล่าสุดได้มีภาพของสาวๆ สมาชิกทั้ง 5 คนอย่าง เจรี่ ฮัลลิเวลล์ วิกตอเรีย เบคแฮม เมาลานี ซี เอ็มม่า บันทัน และเมลบี ที่บ้านของเจรี่ใน ฮาร์ตฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ โดยสาวๆ ต่างโพสต์รูปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของตัวเอง อีกทั้งในการรวมตัวครั้งนี้มีผู้จัดการวงอย่าง ไซมอน ฟุลเลอร์ รวมอยู่ด้วยสำหรับโปรเจคนั้นๆ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสาวๆ จะกลับมารวมตัวกันทำอะไร เพราะว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่าที่วงไม่สามารถกลับมารวมตัวได้ เพราะว่าหนึ่งในสมาชิกอย่าง วิกตอเรีย ปฏิเสธที่จะร้องเพลงอย่างเด็ดขาด แต่มีรายงานจาก the Sun ว่าการกลับมารวมตัวของพวกเธอในครั้งนี้น่าจะไม่มีการทัวร์คอนเสิร์ตหรืออัลบั้มใหม่ แต่พวกเธอได้รับเงินกันคนละ 10 ล้านปอนด์ โดยในข้อตกลงนี้อาจจะเป็นการมีรายการโทรทัศน์ในประเทศจีน รายการโชว์ หรือจะเป็นรายการวาไรตี้ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการใดๆ ออกมาแม้สไปซ์เกิลจะเป็นวงที่โด่งดังเป็นอย่างมาก แต่ว่าหลังจากที่ทุกคนแยกตัวกันไปในปี 2000 ก็ไม่ได้กลับมารวมตัวกันแบบเต็มวงอีกเลย แต่ในปี 2012 พวกเธอได้มีการรวมตัวเฉพาะกิจเพื่อมาแสดงให้พิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ลอนดอน และในปี 2016 ที่ผ่านมา พวกเธอมีความตั้งใจที่จะรวมตัวอีกครั้งเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของวง แต่มีสมาชิกที่ตอบรับการกลับมารวมตัวกันเพียงแค่ 3 คน คือเอ็มม่า เมล บี และเจรี่ เท่านั้น จึงเกิดเป็น Spice Girls GEM ซึ่งมาจากตัวย่อของพวกเธอ | ในยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จักวงเกิลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง Spice Girls ล่าสุดได้ประกาศจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง นอกจากได้เสียงตอบรับของแฟนๆ เป็นอย่างดี ยังเป็นที่จับตามองของสื่อต่างๆ เพราะเป็นการกลับมารวมตัวกัน แบบครบวงครั้งแรกในรอบ 18 ปี | ศิลปะ-บันเทิง | สไปซ์เกิลส์,Spice Girls,เกิลกรุ๊ป,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/269967 |
พล.ต.อ.อดุลย์ รู้สึกภูมิใจ-เป็นเกียรติ ได้เป็น ผบ.ตร. คนใหม่ | น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ในการประชุมสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 เดือนกันยายนนี้ วานนี้ (16 ก.ค.)โดยมีคณะกรรมการ ก.ต.ช. เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 11 คน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ให้คณะกรรมการ ก.ต.ช. พิจารณา ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ 10 ต่อ 0 เลือกพล.ต.อ.อดุลย์ โดยนายกรัฐมนตรีงดออกเสียง แต่ให้ความเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเหมาะสม และสามารถสนองต่องานรัฐบาลได้หลังจากนี้ 2 สัปดาห์ นายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อพล.ต.อ.อดุลย์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งขณะที่พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยหลังทราบข่าว ว่า รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติ กับตำแหน่งที่ได้รับ แต่ขอให้มีการโปรดเกล้าฯก่อน ถึงจะขอพูดถึงแนวนโยบายแต่จะไม่ทิ้งเรื่องยาเสพติดทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการ ป.ป.ส. อาวุโสอันดับ 3 นักเรียนนายร้อยตำรวจ 29 เกษียณอายุราชการ ปี 2557 เคยผ่านงานสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การปราบปรามยาเสพติด และการควบคุมฝูงชน จนเป็นที่ยอมรับในความสามารถ และได้รับยกรัฐมนตรีให้เป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ | คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ เลือก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ | สังคม | คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่,พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว | https://news.thaipbs.or.th/content/98514 |
นิด้าโพล เผยผลสำรวจ 17 นักการเมืองยอดนิยม คนอยากให้ ธนาธร เป็นนายกมากที่สุด | นิด้าโพล เผยผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 1 ประชาชนโหวต 17 นักการเมืองยอดนิยม อยากให้ ธนาธร เป็นนายกมากที่สุด 31.42% ตามมาด้วย ประยุทธ์ 23.74%29 ธ.ค. 2562 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 1 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 20 ธันวาคม 2562 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2511 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ นิด้าโพล สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95.0จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 31.42 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคอนาคตใหม่) เพราะ อยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง มีความคิดที่พัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจได้ดี และชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่เป็นการส่วนตัว รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 23.74 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ บริหารงานดีอยู่แล้ว เป็นคนตรงไปตรงมา บ้านเมืองสงบไม่วุ่นวาย ช่วยเหลือประชาชนได้จริง และอยากให้ดำรงตำแหน่งต่อไป อันดับ 3 ร้อยละ 17.32 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 11.95 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะ ชอบนโยบายพรรคเพื่อไทยและต้องการให้มาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น อยากให้ผู้หญิงขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง และชื่นชอบเป็นการส่วนตัวอันดับ 5 ร้อยละ 3.90 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง สามารถพัฒนาให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองได้ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 6 ร้อยละ 3.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.47 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย และชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นการส่วนตัว อันดับ 8 ร้อยละ 1.08 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีผลงานในการทำงานที่ดี มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต และสามารถพัฒนาให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองได้ อันดับ 9 ร้อยละ 0.88 ระบุว่าเป็น นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) เพราะ ชื่นชอบนโยบายของพรรค ทำงานสานต่อจากคุณพ่อได้ดี และอยากให้ผู้หญิงขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) เพราะ มีนโยบายพรรคที่ชัดเจน น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี ในสัดส่วนที่ท่ากันอันดับ 10 ร้อยละ 0.67 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 11 ร้อยละ 0.56 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย เพราะ มีผลงานและการทำงานที่ผ่านมาดี มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันดับ 12 ร้อยละ 0.47 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะ ไม่น่าจะมีเรื่องคอร์รัปชัน และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับที่ 13 ร้อยละ 0.40 ระบุว่าเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนที่มีความคิดรอบคอบ และผลงานของพรรคเพื่อไทยดี อันดับ 14 ร้อยละ 0.32 ระบุว่าเป็น หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (พรรครวมพลังประชาชาติไทย) เพราะ มีประสบการณ์ในการทำงานที่ยาวนานอันดับ 15 ร้อยละ 0.16 ระบุว่าเป็น นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) อันดับที่ 16 ระบุว่าเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน และอันดับ 17 ร้อยละ 0.04 ระบุว่าเป็นนายอุตตม สาวนายน (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะ มีผลงานและการทำงานดี นายกรณ์ จาติกวณิช นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายชิงชัย มงคลธรรม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เพราะ เป็นคนออกมาพูดเรื่องกฎหมายที่ควรจะร่างให้ถูกต้อง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในสัดส่วนที่เท่ากันท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 30.27 ระบุว่าเป็น พรรคอนาคตใหม่ รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 19.95 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.69 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐอันดับ 4 ร้อยละ 13.46 ระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 5 ร้อยละ 10.83 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 2.43 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.03 ระบุว่าเป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.59 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 9 ร้อยละ 0.92 ระบุว่าเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา อันดับ 10 ร้อยละ 0.48 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจใหม่ อันดับ 11 ร้อยละ 0.39 ระบุว่าเป็น พรรคพลังไทยรักไทย อันดับ 12 ร้อยละ 0.20 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ และพรรคความหวังใหม่ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 13 ร้อยละ 0.08 ระบุว่าเป็น พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และอันดับ 14 ร้อยละ 0.04 ระบุว่าเป็น พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคไทรักธรรม และพรรคประชาธิปไตยใหม่ ในสัดส่วนที่เท่ากัน | นิด้าโพล เผยผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 1 ประชาชนโหวต 17 นักการเมืองยอดนิยม อยากให้ ธนาธร เป็นนายกมากที่สุด 31.42% ตามมาด้วย ประยุทธ์ 23.74% 29 ธ.ค. | การเมือง | โพล,นิด้าโพล | https://prachatai.com/journal/2019/12/85711 |
เพลิงไหม้บ้านพักคนงานก่อสร้างวอดทั้งหลัง | เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พ.ย.57 ศูนย์สั่งการหน่วยพิทักษ์ชีพ-หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักคนงานก่อสร้างภายในซอยพัชนี หมู่ 2 ถนนรัษฎานุสรณ์ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เร่งประสานขอกำลังดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎารุดไปตรวจสอบและระงับเพลิง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านมุงสังกะสีชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ภายในซอยดังกล่าว พบเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างหนักและรวดเร็ว โดยมีรถดับเพลิงกำลังเร่งฉีดน้ำอย่างหนัก เพื่อระงับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ แต่เนื่องจากบ้านพักเป็นโครงไม้ ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ก่อนยุบตัวลงทั้งหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้แต่ฉีดน้ำสกัดไฟไม่ให้ลุกลาม ไปติดบ้านใกล้เคียง โดยใช้เวลา 10 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้,จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบตัวบ้านที่ทำจากสังกะสีและทรัพย์สิน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ มีบ้านเลขที่ 15/7 ที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย กำแพงด้านข้างแตกร้าวและหลังคาบ้าน สอบถามชาวบ้านทราบว่า เจ้าของบ้านพักดังกล่าวเป็นชาวเหนือ พักอาศัยอยู่กับคนงานก่อสร้างประมาณ 5-6 คน ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน คาดว่าจะออกไปทำงานก่อสร้าง,เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายกว่า 1 แสนบาท ทั้งนี้จะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง. | เพลิงเผาบ้านพักคนงานก่อสร้างภายในซอยพัชนี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต วอดทั้งหลัง เคราะห์ดีไม่มีคนอยู่ เสียหายกว่า 1 แสนบาท | null | เพลิงไหม้,เผาบ้าน,บ้านพักคนงาน,ซอยพัชนี,ฉีดน้ำสกัด,สภ.เมืองภูเก็ต,ไฟไหม้บ้าน,ไฟไหม้,ภูเก็ต,รัษฎา | https://www.thairath.co.th/content/462962 |
ประมวลภาพบรรยากาศงานศพ ตั้ว ศรัณยู คืนที่ 2 คนบันเทิงร่วมไว้อาลัยแน่น | เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 12 มิ.ย. 2563 ได้มีพิธีสวดพระอภิธรรมตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง หรือ นรัญยู วงษ์กระจ่าง นักแสดง-ผู้กำกับหนุ่มชื่อดัง ณ วัดนาคปรก ศาลาเศรษฐี ซ.เทอดไท 49 เขตภาษีเจริญ เป็นคืนที่ 2 ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า โดยมีบุคคลดังทั้งในวงการบันเทิงและการเมืองมาร่วมไว้อาลัยในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์เชิญพวงมาลาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมื่นสุทธนารีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์และของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ไปวางที่หน้าหีบศพโดยในวันนี้มีเหล่าคนดังวงการบันเทิงมาร่วมแสดงความอาลัยหลายคน อาทิ ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ กอล์ฟ อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ แดง ธัญญา วชิรบรรจง ขนมจีน กุลมาศ สารสาส นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ปอนด์ ชยพล หลีระพันธ์ กวาง วรรณปิยะ ออมสินนพกุล ฯลฯนอกจากนี้ มีการนำภาพข้อความบทกลอนจาก เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช 2536 ที่แต่งให้ ตั้ว ศรัณยู มาประดับไว้ในงานด้วย. | พิธีสวดพระอภิธรรม ตั้ว ศรัณยู ณ วัดนาคปรก คืนที่ 2 บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีบุคคลดังทั้งในวงการบันเทิงและการเมืองมาร่วมไว้อาลัย | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | ตั้ว ศรัณยู,ศรัณยู วงษ์กระจ่าง,งานศพ ตั้วศรัณยู,ตั้ว ศรัณยู เสียชีวิต,ดาราเสียชีวิต,ข่าวบันเทิง,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1867808 |
สายการบินวีออสเตรเลียล้มละลาย ทำนักท่องเที่ยวตกค้างสนามบินภูเก็ตอื้อ | นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียต้องตกค้างอยู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต หลังสายการบิน วี ออสเตรเลีย ประกาศล้มละลาย จนต้องหยุดดำเนินกิจการทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งในวันนี้ 17 ก.พ. จะมีผู้โดยสารชาวออสเตรเลียตกค้างเพิ่มอีก 1 เที่ยวบินนายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนาชาติ จังหวัดภูเก็ต ระบุว่า บริษัท วี ออสเตรเลีย มีเที่ยวบินสัปดาห์ละ 4 วัน ซึ่งล่าสุดประสบปัญหาขาดทุน จึงต้องยุติการดำเนินการทุกอย่างของบริษัท จนทำให้มีนักท่องเที่ยวตกค้างเป็นจำนวนมาก ล่าสุดท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต และกงสุลประเทศออสเตรเลีย ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและคอยอำนวยความสะดวกแล้วส่วนแนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสายการบินเจ็ตสตาร์ จากประเทศสิงคโปร์ ให้มารับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่ตกค้าง โดยต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 200 เหรียญ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่ทราบข่าวได้เดินทางกลับเข้าที่พักภายในเมืองภูเก็ต เนื่องจากขณะนี้สายการบินเต็มทุกเที่ยวบิน | สายการบินวีออสเตรเลียประสบปัญหาขาดทุน จนต้องประกาศล้มละลาย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียต้องตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต หลายร้อยคน | ภูมิภาค | ประเทือง ศรขำ,ภูเก็ต,วีออสเตรเลีย,สนามบิน,สายการบิน,ออสเตรเลีย,เจ็ตสตาร์ | https://news.thaipbs.or.th/content/66917 |
นายกฯ รับเสด็จ พระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงชื่นชมไทยแก้ความรุนแรงเด็ก-สตรี | วันที่ 21 พ.ย. 2562, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมพิธีรับเสด็จ ,สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส, เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. 2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทยและสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ,และเป็นการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเนื่องในโอกาสเชิญเฉลิมฉลอง 350 ปี แห่งการสถาปนามิสซังสยาม และฉลอง 50 ปีแห่งสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน, ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. 2562 อีกทั้งยังเป็นการเสด็จเยือนประเทศไทยของประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกในรอบ 35 ปี นับจากที่ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงเคยเสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อปี 2527 ซึ่งเป็นการจารึกเพื่อสันติภาพ เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา พร้อมทั้งประกอบศาสนกิจร่วมกับคริสตชนและเยาวชนคาทอลิกด้วย,จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต้อนรับในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทย รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสรับเสด็จ นับเป็นโอกาสอันพิเศษอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกัน พร้อมกล่าวชื่นชมในพระกรณียกิจที่ทรงให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคีปรองดองระหว่างมนุษยชาติการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การขจัดความยากจน สร้างความเท่าเทียมในสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความเชื่อในศาสนาใดหรือพื้นเพสังคมอย่างไร,ในส่วนของประเทศไทยรัฐบาลได้ดำเนินการในประเด็นต่างๆ เหล่านี้เช่นเดียวกัน ทั้งการรับรองสิทธิเสรีภาพประชาชนในการนับถือศาสนา การรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง สร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้ประชาชนทุกคน ลดความเหลื่อมล้ำสนับสนุนการเข้าถึงการเงิน ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และพระบรมราโชบายของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในนโยบายเป็นแนวทางในนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ,นายกรัฐมนตรี ยังกราบทูลว่าตลอดปี 2562 ไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนส่งเสริมความร่วมมือของภูมิภาคและหุ้นส่วนจากภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้อาเซียนเป็นสังคมที่พัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ และจากการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ทุกประเทศเห็นพ้องในการพัฒนาอย่างยั่งยืนสอดคล้องกลับวิสัยทัศน์ สมเด็จพระสันตะปาปา โดยเชื่อมั่นว่าประเทศไทยและนครรัฐวาติกันจะสามารถร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในกรอบทวิภาคีระหว่างประเทศ และความสำเร็จของการเสด็จเยือนครั้งนี้จะเป็นสิ่งยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างการที่มีมาอย่างยาวนานและตลอดไป,พร้อมกันนี้ ,สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประทานสุนทรพจน์ ความว่า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับในการเยือนแผ่นดินไทยอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและยังคงรักษามรดกทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม ซึ่งได้ประสบด้วยตนเอง จะเป็นพยานยืนยันเสริมสร้างความสามัคคีระหว่างประเทศและประชาชนทั้งโลก ขอยืนยันถึงความปรารถนาดีที่มีต่อไทยและรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมอำนวยพรไปยังปวงชนชาวไทยทุกคน และแสดงความยินดีที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งเป็นก้าวสำคัญต่อประชาธิปไตย,ทั้งนี้ ปัญหาของโลกในปัจจุบันส่งผลกระทบทุกคน จึงเกิดการเรียกร้องในการสร้างความยุติธรรม จึงเห็นว่าในช่วงเวลาสำคัญที่ไทยได้ทำหน้าที่และหมดวาระในการทำหน้าที่อาเซียน แก้ปัญหาประชาชนในภูมิภาคนี้ และในฐานะที่ไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม ยอมรับร่วมกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ และการเป็นพหุวัฒนธรรม ท่ามกลางโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ได้ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ มองข้ามมิติด้านจิตวิญญาณและความสวยงามของประชาชน,พระองค์ทรงรู้สึกดีใจที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการแห่งศูนย์จริยธรรมในสังคมที่ได้เชิญผู้แทนศาสนาต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม ในการรักษาความทรงจำทางจิตวิญญาณอันมีชีวิตของประชาชน และในโอกาสที่ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จะเป็นการแสดงถึงการสร้างมิตรภาพ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของสังคม ไม่มีแบ่งแยก ชาวคาทอลิกแม้เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ จะพยายามอย่างเต็มที่สนับสนุนอัตลักษณ์,พร้อมกันนี้ ทรงชี้ถึงการอพยพย้ายถิ่นฐาน โดยวิงวอนให้ประชาคมระหว่างประเทศ ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบ ในการแก้ปัญหานี้ หวังว่าจะมีการจัดตั้งกลไกที่ประสิทธิภาพ ในการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้ย้ายถิ่นและอพยพ และ,ทรงชื่นชมรัฐบาลไทยและทุกองค์กรที่ได้แก้ปัญหาความรุนแรง การเอารัดเอาเปรียบกับเด็กและสตรี, และปีน้ีเป็นปีครบรอบ 30 ปี อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ทรงย้ำว่าปัจจุบันสังคมต้องการผู้ที่ส่งเสริมให้เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และขอให้ทุกคนมีความสามัคคี ปฏิบัติหน้าที่ตนเอง สร้างประโยชน์ร่วมกัน ให้ทั่วถึงทุกหนแห่ง. | รัฐบาลไทยจัดพิธีรับเสด็จ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่ทำเนียบรัฐบาล ประทานสุนทรพจน์ เรียกร้องประชาคมโลกร่วมแก้ปัญหาการอพยพย้ายถิ่น ทรงชื่นชมไทยแก้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี | ข่าว,การเมือง | พระสันตะปาปาฟรานซิส,สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส,สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนไทย,โป๊ปฟรานซิส,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1709043 |
นักการเงินแห่งปี 2 สมัยซ้อน ชาติชาย ชูออมสินขับเคลื่อนประเทศ | ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซึ่งเป็นการครองรางวัลนักการเงินแห่งปีครั้งที่ 2 หลังจากที่คว้าตำแหน่งนักการเงินแห่งปี 2559 มาแล้ว,ทั้งนี้ นายชาติชาย มีผลงานโดดเด่นตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทั้ง 4 ด้าน คือ เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย นักการเงินมืออาชีพที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ นักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร และนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยที่ผ่านมา ได้สร้างนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์และบริการที่วางเป้าหมายให้ธนาคารออมสินเป็นมากกว่าธนาคาร พร้อมกับการเป็นเสาหลักสำคัญของรัฐบาลในการผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาสังคมในทุกด้าน เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับคนไทยในทุกกลุ่ม,เช่น สินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน สินเชื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา บ้านประชารัฐ การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบการรายย่อยโครงการ National e-Payment มาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน(พักชำระหนี้) และโครงการแก้ขปัญหาหนี้นอกระบบ สะท้อนความเป็นผู้นำองค์กรได้อย่างชัดเจน และสามารถสนองนโยบายกระทรวงการคลังได้เป็นอย่างดี ทำให้นายชาติชาย ถือเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนแรกที่ได้ต่ออายุการทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการออกไปอีกปีครึ่งจนถึงเดือน มิ.ย.63 หลังจากที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา,หลังจากที่นายชาติชายเข้ามาบริหารงานธนาคารออมสิน เมื่อปี 2558 ใช้เวลา 2 ปี พลิกโฉมธนาคารออมสินให้มีความทันสมัยโดดเด่นเป็นออมสินยุคใหม่ หรือ GSB New Era โดยใช้ยุทธศาสตร์ให้ความสำคัญกับลูกค้า หรือ Customer Centric เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จนได้รับการยกย่องจากวารสารการเงินธนาคาร ให้เป็นนักการเงินแห่งปี 2559 มาแล้ว,ขณะที่ในช่วง 2 ปีนี้ นายชาติชาย วางเป้าหมายชัดเจนว่า ธนาคารออมสินต้องเป็นมากกว่าการธนาคารที่นอกจากจะมีบทบาทและทำหน้าที่เป็นธนาคารแบบอนุรักษนิยม (Traditional Banking) ธนาคารเพื่อสังคม (Social Banking) ธนาคารเพื่อรายย่อยทำหน้าที่เพื่อสร้างสรรค์ความเจริญให้กับประเทศแล้ว ยังเป็นธนาคารดิจิทัลที่ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล โดยวางเป้าหมายเป็นธนาคารที่เชื่อมโยงชีวิตคนไทยให้สะดวกง่ายดาย นำระบบธนาคารเข้าไปสร้างความสุขให้กับทุกชีวิต,ขณะเดียวกัน ก็เริ่มปักหมุดให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด ออมสินสร้างโลกสีชมพู กับ 3 พันธกิจ คือออมเศรษฐกิจ ออมสังคมและออมสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ดูแลกลุ่มลูกค้าผู้สูงวัย ซึ่งนายชาติชายได้ให้ความสำคัญมากและกลยุทธ์เพื่อเอาใจคนสูงวัยทั้งผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อผู้สูงวัยที่ได้รับดอกเบี้ยพิเศษและสินเชื่อเคหะเพื่อผู้สูงวัย เรียกได้ว่า ออมสินเป็นเจ้าแรกที่เปิดตลาดเงินฝากและสินเชื่อเพื่อผู้สูงวัยในประเทศไทย เช่นเดียวกับการเป็นธนาคารสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และ SMEs Startup ให้เติบโตเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ. | วารสารการเงิน ประกาศ นักการเงินแห่งปี โดยมีมติให้นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ครองตำแหน่ง นักการเงินแห่งปี 2561 Financier of the Year 2018 | ข่าว,เศรษฐกิจ | ชาติชาย พยุหนาวีชัย,นักการเงินแห่งปี 2561,สินเชื่อประชารัฐ,นักการเงินแห่งปี | https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1439391 |
เรียนเล่นเล่น #2: วิโรจน์ ณ ระนอง - ภาคเกษตรสมัยใหม่กับการปฏิรูปและภาษีที่ดิน | เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา นสพ.ออนไลน์ประชาไทจัดเสวนา เรียนเล่นเล่น ครั้งที่ 2 หัวข้อ รูปแบบการผลิต ภาคเกษตรสมัยใหม่ กับการปฏิรูปและภาษีที่ดิน โดยได้รายงานการนำเสนอของวิทยากร ได้แก่ วิโรจน์ ณ ระนอง จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และ ดวงมณี เลาวกุล รองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปแล้วนั้น ในส่วนของวิดีโอการอภิปรายของวิโรจน์ ณ ระนอง เขากล่าวถึงมาตรการเฉพาะหน้าด้านการเกษตรของรัฐบาล คสช. ซึ่งวิโรจน์เห็นว่าเป็น นโยบายกิมมิค รวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวหรือสินค้าเกษตรที่จะไม่แตะราคาหรือด้านผลผลิต หรือ Output แต่จะมุ่งปรับปัจจัยการผลิตหรือ Input แทน นอกจากนี้วิโรจน์ยังกล่าวถึงมาตรการชดเชยภาษีคนจน ซึ่งจะมีคนจำนวนไม่มากนักที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้นอกจากนี้ในการอภิปรายของวิโรจน์ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า สัดสวนรายได้สินค้าเกษตรต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในรอบ 30 ปีมานี้มีสัดส่วนลดลง โดยในปี 2526 อยู่ที่ร้อยละ 20 และปัจจุบันในปี 2554 เหลือร้อยละ 7.7วิโรจน์เสนอว่า โดยรวมแล้วรายได้จากสินค้าเกษตรไม่ถึงร้อยละ 10 ของ GDP มานานแล้วซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติ ประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วก็เป็นแบบนี้ แต่ความแตกต่างสำคัญคือ ในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนเกษตรกรจะน้อยกว่าเรามาก เช่น ในสหรัฐอเมริกามีประชากร 3 ล้านคนอยู่ภาคเกษตร จากประชากร 200 กว่าล้านคน ทำให้รายได้เกษตรกรไม่ต่างจากอาชีพอื่นมากนัก แต่ของประเทศไทย เกษตรกรไม่ว่าจะนับแบบไหนก็มีประชากรร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 40 อยู่ในภาคเกษตร ในขณะที่รายได้จากภาคเกษตรมีไม่ถึงร้อยละ 10 ของ GDP ทำให้โดยเฉลี่ยแล้วคนที่อยู่ในภาคเกษตรจนกว่าคนที่เหลือมาโดยตลอดวิโรจน์กล่าวถึงการปรับตัวของเกษตรกรด้วยว่า ที่ผ่านมา เกษตรกรหลายล้านครัวเรือนต่างโหวตด้วยเท้าให้ลูกหลานเดินออกจากภาคเกษตร ส่งให้เรียนเพื่อจะสามารถไปประกอบอาชีพอื่นที่มีรายได้ดีกว่า ไม่ต้องมาทำเกษตร จะมีเกษตรเพียงจำนวนหนึ่งซึ่งมักเป็นกลุ่มที่มีฐานะดีมีที่ทำกินเพียงพอที่ส่งให้ลูกหลานไปเรียนเกษตรแล้วกลับมาทำเกษตรแบบใช้เทคโลโลยีและการจัดการสมัยใหม่มากขึ้น (อ่านการอภิปรายของวิโรจน์) | เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา นสพ.ออนไลน์ประชาไทจัดเสวนา เรียนเล่นเล่น ครั้งที่ 2 หัวข้อ รูปแบบการผลิต ภาคเกษตรสมัยใหม่ กับการปฏิรูปและภาษีที่ดิน โดยได้รายงานการนำเสนอของ วิทยากร ได้แก่ วิโรจน์ ณ | เศรษฐกิจ | จำนำข้าว,ชาวนา,ที่ดิน,ภาคเกษตรกรรม,ภาษีที่ดิน,มัลติมีเดีย,วิโรจน์ ณ ระนอง,เรียนเล่นเล่น,เสวนา | https://prachatai.com/journal/2014/09/55528 |
แรงบันดาลใจ | ส่วนหนึ่งเพราะวิวัฒนาการตั้งแต่อดีต ถ้าเทียบกับยุคปัจจุบัน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง,หลายชนิดกีฬามักจะมีสถิติเกิดขึ้นมากมาย แล้วแต่ความพัฒนาของนักกีฬาคนนั้น,สมัยก่อนการจะทำสถิติแต่ละครั้ง นอกจากการซ้อมอย่างหนักแล้ว ต้องมีเรื่องของพรสวรรค์ตามมาด้วย,แต่ปัจจุบันด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี บวกกับเรื่องโภชนาการและวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ,เมื่อมาพ่วงกับการฝึกซ้อมอย่างหนักที่ถูกวิธีแล้ว การพัฒนาย่อมเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด,และถ้าพูดถึงเรื่องการวิ่งมาราธอนแล้ว หนีไม่พ้นปอดเหล็กจากแอฟริกาใต้ที่มักจะตีตราจองอยู่ตลอด ไม่ว่าจะกี่ครั้ง นักวิ่งที่ประสบความสำเร็จล้วนต้องมีชื่อนักวิ่งจากเคนยา หรือเอธิโอเปีย เป็นประจำ,อย่างกรณีของจอมอึดเจ้าของสถิติโลกมากมาย อีลิอุด คิปโชเก ปอดเหล็กเคนยา วัย 34 ปี ที่เพิ่งจะสร้างสถิติใหม่ในการแข่งขันมาราธอน รายการ อินีออส 1:59 ชาลเลนจ์ ที่กรุงเวียนนา,การทำสถิติน้อยกว่า 2 ชม. ถือว่าไม่ธรรมดา,ก่อนหน้านี้ คิปโชเก เองเคยสร้างสถิติไว้มากมาย ไม่ว่าเจ้าของสถิติโลก เวลา 2 ชั่วโมง 01.39 นาที ในการแข่งขันศึกเบอร์ลิน มาราธอน 2018 ที่ประเทศเยอรมนี เจ้าของโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล ทำเวลาได้ 2 ชั่วโมง 08.44 นาที,สำหรับการพังสถิติของ อีลิอุด คิปโชเก แม้ว่าทางสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติจะไม่รับรองผลการแข่งขัน โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่ใช่การ แข่งขันแบบโอเพ่น โดยมีข้อท้วงติงหลายข้อก็ตาม ไม่ว่ามีการช่วยเหลือจากเพซเมกเกอร์ 41 คนที่หมุนเวียนกันมาวิ่งลากครั้งละ 7 คน รวมทั้งมีรถยิงแสงเลเซอร์นำทาง,แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ ถ้าเราซ้อมไม่ดีร่างกายไม่แกร่งพอ ต่อให้มีองค์ประกอบตามที่ สหพันธ์ยกมาก็ตาม อย่างไรก็ทำไม่ได้,ที่สำคัญสถิติโลกที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมาจาก อีลิอุด คิปโชเก คนนี้แหละ,จึงไม่แปลกที่วันหนึ่งเขาจะพังสถิติของตัวเอง ได้อีกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะเขารู้ระบบการหายใจและวิธีการ ความเร็วว่าควรเร่งสปีดแค่ไหน,สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับนักกีฬาคือ การเอาชนะใจตัวเอง,อย่าลืมว่าสถิติโลกที่ผ่านมาก็คือของ อีลิอุด คิปโชเก แต่เขากลับคิดเพียงอย่างเดียวว่า สถิติมีไว้เพื่อทำลาย ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ทุกอย่าง ก็เกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าเราเพียรพยายาม,หากว่านักกีฬาไทยไม่ย่อท้อและคิดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ก็ไม่แปลกที่วันหนึ่งจะประสบความสำเร็จเหมือนอย่าง อีลิอุด คิปโชเก คนนี้,ถือเป็นแรงบันดาลที่น่าเอาเยี่ยงอย่างเพื่อสร้างความสำเร็จ.,โจโจ้ | สถิติมีไว้ทำลายสำหรับวงการ กีฬาทั่วโลก ไม่ว่าประเภทไหน ประเภทนั้น หากวัดผลกันด้วยสถิติแล้ว คลื่นลูกใหม่ย่อมมาแรงกว่าลูกเก่าเสมอ | null | คิปโชเก,อีลิอุด คิปโชเก,สถิติโลก,มาราธอน,แอฟริกาใต้,เรียงหน้าชน,โจโจ้ | https://www.thairath.co.th/sport/others/1681710 |
ส่งถังไนโตรเจนอสุจิ ตรวจดีเอ็นเอที่รพ.ขอนแก่นแล้ว เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง | ความคืบหน้ากรณีการจับกุมนายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่ลักลอบนำถังไนโตรเจนบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด ออกนอกประเทศ จับกุมได้เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา และทางศุลกากรได้เปรียบเทียบปรับนายนิธินนทน์ เป็นเงิน 200,000 บาท ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร ในการนำของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร แล้วปล่อยตัวไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น,วันที่ 22 เม.ย. 60 นายพิชิต ลีลาศ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ด้านอาหารและยาประจำสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย กล่าวว่า ได้จัดส่งถังไนโตรเจนถึงโรงพยาบาลขอนแก่น ทำการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด แม้กระทั่งดีเอ็นเอ เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับเจ้าหน้าที่ หลังจากตรวจพิสูจน์แล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน จะทราบผล จากนั้นทางโรงพยาบาลขอนแก่น จะส่งถังไนโตรเจนของกลางกลับมาที่หนองคาย แล้วทางหนองคายจึงจะรวบรวมรายงานส่งส่วนกลางเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับนายนิธินนทน์ และผู้จ้างวานต่อไป,สาเหตุที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากต้องระบุให้ชัดว่าภายในหลอดนั้นเป็นสิ่งใด เพราะจะมีความแตกต่างของความผิดตามมาตรา 40 และ มาตรา 41 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 อัตราโทษก็แตกต่างกันด้วย กล่าวคือ มาตรา 40 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดสร้าง เก็บรักษา ขาย นำเข้า ส่งออก หรือใช้ประโยชน์ซึ่งตัวอ่อนที่มีสารพันธุกรรมของมนุษย์มากกว่าสองคนขึ้นไป หรือตัวอ่อนที่มีเซลล์หรือส่วนประกอบของเซลล์มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นรวมกันอยู่ ,ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรา 41 ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอซื้อ ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือ ตัวอ่อน ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ,ล่าสุดเมื่อช่วงเย็น นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการรพ.ขอนแก่น พร้อมทีมแพทย์ ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบด้วยการส่องกล้องสิ่งที่อยู่ในถังไนโตรเจน พบว่า เป็นน้ำอสุจิมนุษย์ทั้ง 6 หลอด โดยแต่ละหลอดบรรจุไม่เกิน 1 ซีซี มีไนโตรเจนเหลว ทำความเย็นรักษาน้ำอสุจิไว้ ถึงแม้ความเย็นจะลดลงบ้าง แต่น้ำอสุจิทั้ง 6 หลอด ยังคงมีสภาพที่แข็งแรง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้น้ำยาที่เป็นสารแช่แข็งละลาย ก่อนที่จะใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบครั้งละหลอด ก่อนยืนยันผลชัดเจนว่าน้ำอสุจิของกลางนั้นเป็นของมนุษย์เพศชาย,ตอนนี้ผลยืนยันชัดเจนว่าทั้ง 6 หลอดเป็นน้ำอสุจิ และจะต้องทำการตรวจดีเอ็นเอยืนยันอีกครั้ง แม้ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของรพ.ขอนแก่นจะยืนยันจากการเห็นด้วยตาว่าเป็นของคน แต่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เพราะการตรวจดีเอ็นเอนั้น หากมีผู้ต้องสงสัยก็จะได้ตรวจสอบได้ว่าดีเอ็นเอตรงกับอสุจิหรือไม่ ทางรพ.ต้องดำเนินการให้รอบคอบ โดยเมื่อทราบผลทั้งหมดแล้ว รพ.จะส่งผลการตรวจสอบไปให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบและดำเนินทางกฎหมาย คาดว่าในส่วนของดีเอ็นเอ จะทราบผลภายในวันจันทร์ที่ 24 หรืออังคารที่ 25 เมษายนนี้,สำหรับอสุจิทั้ง 6 หลอดถูกบรรจุอยู่ในถังไนโตรเจนเหลว ที่มีความเย็น -200 องศาเซลเซียส ซึ่งการจะลักลอบออกนอกประเทศนั้นทางการแพทย์ยืนยันว่าต้องผ่านกระบวนการและขั้นตอนของผู้ที่มีความรู้ และเชี่ยวชาญด้านการผสมเทียม ซึ่งไม่ยืนยันว่าเป็นแพทย์ เพราะอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ก็ได้ จึงจะสามารถจัดทำได้ในลักษณะเช่นนี้ จนสามารถลักลอบส่งออกได้ และจากการตรวจสอบด้วยกล้องนั้น พบว่าเป็นเพียงน้ำเชื้ออสุจิบริสุทธิ์ ยังไม่มีการผสมใดๆ จึงเป็นเพียงน้ำเชื้ออสุจิบริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งเชื้ออสุจิ 1 CC นั้นจะมีประมาณ 40-60 ล้านตัว ซึ่ง 1 ตัวสามารถที่จะผสมพันธุ์กับไข่ได้ 1 ฟอง,อย่างไรก็ตามขณะนี้ รพ.ศูนย์ขอนแก่นได้อัดแก๊สไนโจรเจนเหลวเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้สามารถเก็บรักษาได้ 30 วัน ขณะที่ผลการตรวจต่างๆจะสามารถส่งรายงานได้ใน 2-3 วันนี้ ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย-ลาว ฝั่งขาออกประเทศไทยไปยัง สปป.ลาว นั้น เบื้องต้นผิดในข้อกล่าวหานำเข้าและส่งออกอสุจิ-ไข่และตัวอ่อน มนุษย์ โดยผิดกฎหมาย ดังนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบหาที่มารวมถึงผู้ร่วมขบวนการต่างๆต่อไป.,ข่าวเกี่ยวข้อง,จับถังบรรจุอสุจิ ส่ออุ้มบุญข้ามชาติ ใช้ลาวเป็นฐานแทนไทย | สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย ส่งถังไนโตรเจน บรรจุอสุจิ ถึงโรงพยาบาลขอนแก่น ย้ำชัดต้องระบุดีเอ็นเอและตรวจอย่างละเอียด เพื่อประกอบการพิจารณาเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง | ข่าว,ทั่วไทย | ถังไนโตรเจน,อสุจิ,สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย,ขอนแก่น,หนองคาย | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/919977 |
รวบ3ผู้ต้องสงสัย ไอเอส-บึมอิเหนา บิ๊กตู่ยันเร่งสอบขยายผล | หรือมีตัวบุคคลที่ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส อาจเป็นกลุ่มหัวรุนแรงเดิมแต่ผันตัวไปอยู่กับกลุ่มไอเอส,จากกรณีมีกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุม 3 ผู้ต้องสงสัยสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายรัฐอิสลามหรือไอเอสที่ก่อเหตุวางระเบิดกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ขณะเดินทางเข้า จ.นราธิวาสนั้น ต่อมา เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 21 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ากำลังตรวจสอบอย่างไรก็ตาม เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องลับเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อประเทศอื่นและประชาคมโลกเราต้องระวัง บางเรื่องถ้าพูดออกมาก็ไม่เกิดประโยชน์จะทำให้ผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีไปได้และจะทำให้เราไปอยู่ในกระบวนการขัดแย้งเสียเอง บางเรื่องต้องใช้ในเชิงบริหาร ทำอย่างไรไม่ให้ประเทศวุ่นวาย ตื่นตระหนก ไม่ใช่ประชาชนทุกคนต้องรู้ทุกเรื่อง ถ้าถามว่าจับได้หรือยังก็จับได้ แต่เป็นไอเอสหรือเปล่าเท่านั้น,ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับกลุ่มไอเอสรัฐบาลมีแนวทางปรับยุทธวิธีใดตั้งรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ทำไปตั้งนานแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอยู่แล้ว มาตรการความมั่นคงมีหลายอย่าง เพิ่มประสิทธิ- ภาพ ข้าราชการ กำลังพล เพิ่มเทคโนโลยี เพิ่มอุปกรณ์พัฒนาการศึกษา เพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีทุกระดับ ทุกประเทศ การร่วมมือด้านการข่าวกรองที่มีการประชุมตลอดเวลาและข้อมูลมีแต่จะเอามาแฉทุกเรื่องได้หรือไม่ ความร่วมมือกับนานาประเทศที่มีการดำเนินการมาตลอด ตามยุทธศาสตร์ ชาติแต่ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติเพราะทุกคนก็ไม่ไว้ใจหมด ข้าราชการก็เสมอตัว ทำดีไม่ได้ชมทำผิดนิดเดียว ก็โดนด่า,เมื่อถามว่า แสดงว่าสถานการณ์ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนใต้ดีขึ้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ถ้าถามว่าดีขึ้น มันก็ดีขึ้น ดีขึ้นจากสถิติจากความร่วมมือจากการที่ประชาชนให้ข่าวให้ความร่วมมือมากขึ้นแต่คนที่ไม่ร่วมมันก็ไม่ร่วม คนพวกนี้มีเจตนาอยู่แล้วแต่เราต้องทำอย่างไรให้สังคมให้คนที่ดี คนที่มุ่งหวังให้สังคมสงบสุข ทั้งคนไทยและมุสลิมมาช่วยกัน ในส่วนของการศึกษาในพื้นที่มีการเดินหน้าแก้ไขทั้งหมดโดยให้ ศอ.บต.ลงไปทำ ทั้งงานพัฒนา กิจกรรมการศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย การปรับปรุงกลยุทธ์วิธีต่างๆ การปรับแผนยุทธศาสตร์แต่ก่อนปรับไม่ได้อย่างนี้เพราะ ศอ.บต.ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ทหารอยู่ใน กอ.รมน. ทหารอยู่กับนายกฯแต่นายกฯสั่งไม่ได้เพราะว่าไม่รู้ยุทธวิธีทหาร แต่วันนี้ตนเป็นคนเดียวกันมันก็ดี ทำไมไม่ไปเปรียบ เทียบก่อนหน้านี้อะไรดีขึ้น อะไรมันแย่ลง,ขณะที่นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ระบุว่าถึงไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ หรือมีตัวบุคคลที่ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสแต่ข้อสังเกตของฝ่ายความมั่นคงคือคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ไปร่วมกับขบวนการในซีเรียเป็นกลุ่มหัวรุนแรงเดิมแต่ผันตัวไปอยู่กับกลุ่มไอเอสนั้นจริงหรือไม่ เพราะพื้นฐานเดิมยังเป็นกลุ่มมูจาฮีดีนและอาบูซายาฟซึ่งเป็นกลุ่มชายขอบ แต่อาจใช้กระแสของไอเอสเพื่อแย่งชิงการนำของกลุ่มตัวเอง ดังนั้นการจะประเมินว่าใครจะเข้ามาเคลื่อนไหวในรูปแบบ ใดเป็นเรื่องของแต่ละประเทศต้องประเมินเอาเองซึ่งประเทศไทยมีการประเมินอยู่แล้วและเฝ้าระวังตามชายแดนมากขึ้นนับตั้งแต่ได้ข้อมูลการเตือนจากทางหน่วยข่าวกรองของมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ,ที่วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง อ.เมืองปัตตานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานเจ้าคณะภาค 18 สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี และสำนักงานพระพุทธศาสนาปัตตานี จัดโครงการสวดมนต์เพื่อเสริมสร้างสันติสุขและประชุมสัมมนาเจ้าคณะปกครองสงฆ์และผู้นำองค์กรทางพระพุทธศาสนาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะหนใต้ ประธานฝ่ายสงฆ์ ในงานมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์สวดมาติกาบังสุกุล การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้โดยมีคณะสงฆ์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมพิธี 350 รูป และเครือข่ายชาวพุทธกว่า 1,000 คน | นายกฯยอมรับกำลังตรวจสอบทหารจับกุม 3 ผู้ต้องสงสัยสมาชิกกลุ่มไอเอสที่ก่อเหตุวางระเบิดกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย แต่ขออุบในรายละเอียด หวั่นกระทบประชาคมโลกต้องระวัง ส่วนที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ยืนยันยังไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ | null | ข่าวหน้า1,จับผู้ต้องสงสัย,อินโดนีเซีย,ระเบิดกรุงจาการ์ตา,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,มือระเบิด,ผู้ก่อการร้าย,มือบึ้ม,ความมั่นคง,นราธิวาส,ไอเอส,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/566341 |
รู้ไหม เข็มขัดนิรภัยทำไมต้องคาด งงเด้? | มาตรา 44 บังคับใช้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่การออกกฎหมายอย่างเร่งด่วนทำให้เกิดการปรับตัวไม่ทัน อะไรที่เคยทำมาอย่างยาวนานจนติดเป็นนิสัยนั้นแก้ยาก และต้องใช้เวลาในการปรับตัว การรัดหรือคาดเข็มขัดนิรภัยในทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นรถประเภทอะไรก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักบนโลกโซเชียล แม้ลุงตู่จะอะลุ้มอล่วยให้ในช่วงสงกรานต์ แต่เมื่อเวลาแห่งการเดินทางสิ้นสุดลง ความตายของผู้คนบนถนนของประเทศไทยก็คงพุ่งสูงต่อไปหากคนไทยยังคงไม่สนความปลอดภัยของตัวเองด้วยการขับรถประมาทและการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ยอมใส่หมวกกันน็อก,เข็มขัดนิรภัยในยุคแรกๆ นั้นเป็นแบบสองจุด นั่นก็คือสายรัดรอบเอวธรรมดาสามัญเส้นหนึ่งสำหรับยึดร่างคนขับคนนั่งไม่ให้กระเด็นกระดอนออกนอกรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต่อมา จากการทดสอบการชนของบริษัทรถยนต์และการรวบรวมอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุก็ตรวจพบว่า การยึดคนขับหรือคนโดยสารไว้แค่สองจุดนั้นไม่เพียงพอ แถมยังก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงต่ออวัยวะภายในอีกด้วย รถยนต์รุ่นใหม่ๆ เริ่มมีกำลังวังชาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแรงบิดนั้นเพิ่มจนน่าตกใจแม้จะใช้เครื่องยนต์เล็กลงแต่แรงบิดกับสวนทางกับไซส์ของขุมกำลัง เวลาเกิดอุบัติเหตุตัวคนนั่งรัดเข็มขัดแบบสองจุดนั้นอยู่กับที่ก็จริงแต่ส่วนหน้ากลับโน้มไปข้างหน้าพร้อมๆ กับอัดกระแทกกับพวงมาลัยหรือคอนโซลแล้วแต่ตำแหน่งที่นั่งว่านั่งขับหรือนั่งโดยสารมันก็จะกระแทกปังเข้าให้ทุกครั้ง โดยเฉพาะส่วนหัวของคนนั่งคนขับนั้นสามารถสะบัดไปโขกโน่นนี่นั่นในรถได้ทุกครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ วิศวกรระบบความปลอดภัยจึงหันมาออกแบบเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดเพื่อป้องกันร่างกายท่อนบนของคนขับไม่ให้พุ่งไปอัดเข้ากับพวงมาลัยเมื่อเกิดการชน,เข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดยึดในรถยนต์ ปัจจุบันจะทำงานควบคู่ไปกับถุงลมนิรภัย นักขับบางคนไม่รู้ว่าเวลาแอร์แบ็กหรือถุงลมนิรภัยระเบิดนั้นมันรุนแรงขนาดไหน มีเพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่า แม้จะรัดเข็มขัดนิรภัย แต่เมื่อแอร์แบ็กทำงานนั้นเหมือนกับโดนไมค์ ไทสัน ต่อยฮุกสั้นๆ เข้าหน้าอย่างรุนแรง เล่นเอาเห็นดาวมึนตึ้บไปพักใหญ่เลยทีเดียว หากตำแหน่งในการวางมือดันใช้นิ้วไปพาดหรือคร่อมอยู่บนลูกแอร์แบ็กก็รับประกันได้เลยว่ากระดูกนิ้วจะต้องหักสะบั้นอย่างแน่นอน แรงชนปะทะตามด้วยแรงกระแทกกับการเหนี่ยวรั้งของเข็มขัดนิรภัยพร้อมการทำงานของถุงลมก็ยังทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเคล็ดขัดยอก แต่ก็ยังดีกว่าตัวพุ่งออกไปนอกรถแล้วไปอัดก๊อบปี้กับเสาไฟฟ้าหรือกำแพง,หากคิดจะติดตั้งเข็มขัดนิรภัยก็ควรจะติดตั้งแบบสามจุดยึดซึ่งทำหน้าที่ได้ดีกว่าแบบสองจุดแถมยังช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณไส้พุงได้ดีกว่า แต่ถ้าไม่อยากให้ระบบนิรภัยทำหน้าที่ของมัน คุณก็ต้องตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาทเมื่อขับรถใช้ถนน ไม่ว่าจะเข็มขัดจะมีกี่จุดยึด หากขับแบบไร้สติ เข็มขัดสามจุดห้าจุด ถุงลมนิรภัย ม่านนิรภัย หรือโครงสร้างนิรภัยต่างๆ นานา ที่ค่ายรถโหมโฆษณาก็ไม่อาจปกป้องชีวิตของคุณหรือคนที่คุณรักได้เท่ากับการขับขี่แบบระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายในทุกกรณี.,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/ | รัดดีกว่าไม่รัด คาดแล้วปลอดภัยใยต้องฝืนทน เข็มขัดนิรภัยแบบสองจุดยึด อันตรายเวลาชนหนักนะคะคุณพี่!!
| ข่าว,ยานยนต์ | มาตรา44,เข็มขัดนิรภัย,ถุงลมนิรภัย,แอร์แบ็ค,ขับปลอดภัย | https://www.thairath.co.th/news/auto/tips/909205 |
ทบทวนความจำก่อนกล่าวอำลา ริค ไกรมส์ ผู้นำที่แสนเข้มแข็งและเปราะบางใน The Walking Dead | เพิ่งออกอากาศซีซัน 9 ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ The Walking Dead ซีรีส์ซอมบี้ขวัญใจมหาชนที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานมาถึง 8 ปี (2010-2018) ความน่าสนใจของซีซันนี้คือ จะเป็นซีซันสุดท้ายของ แอนดรูว์ ลินคอล์น ที่ประกาศแล้วว่าเขาจะยุติบทบาทตัวละคร ริค ไกรมส์ ที่เป็น ผู้นำ คนสำคัญของเรื่อง หลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานถึง 9 ปี THE STANDARD POP ได้รวบรวมพัฒนาการตัวละครของริคตลอดทั้ง 9 ซีซัน ให้พอเห็นภาพว่านายตำรวจหนุ่มที่ตื่นมาในวันที่ฝูงซอมบี้บุกโลกต้องผ่านเรื่องราวทั้งสุข เศร้า ล้มเหลว มามากขนาดไหน ก่อนที่จะต้องกล่าวคำอำลาอย่างเป็นทางการ * มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องซีซัน 1 ริคตื่นขึ้นมาที่เตียงในโรงพยาบาลหลังจากหลับไปเป็นเวลา 2 เดือน และพบว่าโรงพยาบาลกำลังถูกโจมตีจากฝูงซอมบี้ เขาเริ่มต้นจัดการฆ่าซอมบี้ตัวแรกด้วยไม้เบสบอล ก่อนที่จะโกนหนวดเคราจนเรียบร้อย กลายเป็นนายตำรวจหน้าใสที่เราแทบไม่ได้เห็นลุคนี้ของเขาอีกเลย หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงการเอาชีวิตรอดและตามหา ลอรีกับคาร์ล ภรรยาและลูกชาย ได้ทำความรู้จักกับมอร์แกน เกล็น แครอล และแดริล ที่จะกลายมาเป็นตัวละครสำคัญประจำกลุ่มในเวลาต่อมา ในช่วงนี้ นอกจากความคล่องแคล่วและทักษะในการเอาตัวรอดที่ดีเยี่ยม เรายังไม่ค่อยได้เห็นพาร์ตที่โชว์ภาวะการเป็นผู้นำของริคเท่าไร จนกระทั่งรู้ว่าลอรีและคาร์ลยังมีชีวิตอยู่ เขาเลยต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว จนเริ่มคิดที่จะต่อกรกับ มนุษย์ ด้วยกันเป็นครั้งแรก และเริ่มจำใจฆ่าซอมบี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งช่วงสุดท้ายของซีซันแรก เหตุการณ์ในห้องแล็บที่ต้องตัดสินว่าจะเดินทางต่อหรือทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น ริคก็เป็นคนสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเดินทางออกมา แต่ตอนนี้ภาวะผู้นำกลุ่มยังคลุมเครือระหว่างริคและเชนเพื่อนรักของเขา ที่คอยดูแลทุกคนในกลุ่มมาก่อนตอนที่ริคหลับอยู่ในพยาบาล ซีซัน 2เหตุการณ์ในฟาร์มเฮอร์เชลในซีซันนี้ทำให้มิติทางตัวละครของริคพัฒนาแบบก้าวกระโดด ตั้งแต่ในฐานะพ่อที่รักและยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้ ฐานะเพื่อนที่พยายามบอกให้ทุกคนเสี่ยงอันตรายตามหาหนูน้อยโซเฟีย ทั้งที่หลายคนคิดว่าเธออาจไม่มีชีวิตอยู่แล้ว และฐานะสามีที่ต้องอดกลั้นความรู้สึกเมื่อรู้ว่าภรรยากับเพื่อนรักมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันในช่วงที่เขาไม่อยู่รวมไปถึงพาร์ตความโหดที่ค่อยๆ สะสมมาทีละเล็ก ตั้งแต่การกลั้นใจฆ่าคนในกลุ่มที่กลายเป็นซอมบี้ การฆ่า คน ที่มาขัดขวางเส้นทางของเขา การฆ่าเพื่อนรักด้วยมือของตัวเองและเป็นผู้นำพาทุกคนหนีจากฝูงซอมบี้ที่เข้ามาโจมตีที่อยู่ และนำไปสู่ฉากแคมป์ไฟที่ริคขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มอย่างเป็นทางการ พร้อมกับบอกว่า ถ้าใครไม่พอใจที่เขาเป็นผู้นำให้แยกตัวออกไปได้เลย เพราะหลังจากนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องทั้งหมด และไม่มีการลงเสียงกันอีกแล้ว ซีซัน 3 เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ คือการบุก เรือนจำ ที่เต็มไปด้วยพื้นที่มืด มุมอับและฝูงซอมบี้จำนวนมหาศาล แต่ริคตัดสินใจแล้วว่าจะยึดที่นี่เพื่อใช้เป็นที่อยู่พักอาศัยระยะยาว เพราะใกล้ถึงกำหนดคลอดลูกคนที่สองของลอรีเข้ามาทุกขณะ และฤดูหนาวอันยาวนานทำให้เขารู้แล้วว่าการย้ายที่เพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป ในช่วงนี้ริคทำหน้าที่ผู้นำได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการทักษะการต่อสู้ วางแผนละเอียดรอบคอบ และให้ความสำคัญกับคนในกลุ่มเป็นอันดับ 1 จนสามารถทำภารกิจยึดเรือนจำจากฝูงซอมบี้ได้สำเร็จ จนกระทั่งการจากไปของคนรักที่ทำให้ริค เสียสูญ ควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ ทำให้เกล็นต้องขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มแทนเป็นการชั่วคราว แต่ในช่วงครึ่งหลังที่ต้องเปิดศึกกับ ผู้ว่า กลุ่มศัตรูที่เป็นมนุษย์กลุ่มแรก ถ้าไม่นับการตัดสินใจตอบรับข้อเสนอในการส่งตัวมิโชนกลับไปให้กลุ่มผู้ว่าเพื่อรักษาความปลอดภัยของคนส่วนใหญ่ ก็ถือว่าเขาก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และยุติสงครามไว้ขณะเพื่อเตรียมตัวเปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบในซีซันต่อไปซีซัน 4เริ่มต้นเรื่องด้วยสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากยึดเรือนจำเป็นที่อยู่อาศัยถาวร เริ่มทำปศุสัตว์และพืชผลต่างๆ ที่ปลูกไว้เริ่มมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว แต่จากความสงบสุขที่เกิดขึ้น ทำให้ช่วงนี้ริคถอยตัวเองออกจากการเป็นผู้นำ และทำหน้าที่เป็นเหมือนเกษตรกรคอยดูแลฟาร์มแทน แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน กลุ่มของริคพบปัญหาครั้งใหม่คือ โรคระบาด ที่คร่าชีวิตคนในกลุ่มไปเรื่อยๆ ทำให้แดริลบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ริคต้องกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง แต่ปัญหาครั้งนี้ใหญ่เกินกว่าจะแก้ไข ถึงแม้เฮอร์เชลจะสร้างยารักษาอาการได้ แต่กลุ่มซอมบี้ที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการบุกมาโจมตีของผู้ว่าศัตรูเก่า ทำให้หลังจบสงครามทุกคนต้องกระจัดกระจายกันไปตอนนี้มีการตัดสินใจครั้งสำคัญในฐานะผู้นำของริค เมื่อเขารู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับแครอลจนทำให้เขาต้องไล่แครอลออกจากกลุ่ม เพื่อรักษาความสัมพันธ์และความถูกต้องตามหลักมนุษย์ธรรมเอาไว้ และเมื่อทุกคนมาเจอกันอีกครั้งที่ เทอร์ไมนัส ที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์แสนประหลาด ก็เป็นริคนี่แหละวางแผนก่อหวอด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเอาตัวรอดในซีซันต่อไปซีซัน 5ริคใช้เวลาเพียง 3 อีพีในการพากลุ่มของเขาเอาชนะศึกในเทอร์ไมนัส จนกระทั่งกลุ่มของพวกเขาได้พบกับสิ่งที่ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับคำว่า สงบสุข มากที่สุดในอเล็กซานเดรีย ดินแดนแห่งความฝันที่มีรั้วรอบขอบชิด ผู้คนเป็นมิตร และมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบแบบแผนอย่างที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน ในซีซันนี้เป็นเหตุการณ์ที่มีการ ต่อสู้ ภายนอกทั้งกับซอมบี้และศัตรูที่เป็นมนุษย์น้อยที่สุด แต่ทำให้เราได้เห็น ด้านมืด ของริคค่อยๆ เผยออกมา ผ่านความขัดแย้งกับกลุ่มคนผู้อยู่อาศัยมาก่อน และริคในฐานะผู้มาทีหลังที่ยังไม่สามารถมอบความไว้วางใจให้กันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ (แต่อย่างน้อยริคก็ได้พบรักครั้งใหม่ที่หมู่บ้านแห่งนี้) เพราะถึงแม้อเล็กซานเดรียจะปลอดภัย สงบสุข แต่ลึกๆ แล้วเต็มไปด้วยปัญหา การเมือง ภายใน ที่ทุกคนซุกซ่อนเอาไว้ใต้พรม แถมยังเต็มไปด้วยผู้คนที่อ่อนแอ ไม่มีทักษะการต่อสู้ และทำให้เราเห็นได้เลยว่าความหายนะทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอด 4 ซีซันที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความระแวงต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในใจของริค (และหลายคนในกลุ่ม) ขึ้นมากขนาดไหน ทำให้ซีซันนี้เราได้เห็นริคเปิดเผยพาร์ตแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงและเด็ดขาด จนมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สุดท้ายเพื่อการรักษาความปลอดภัยของคนใน กลุ่ม ของตัวเองเอาไว้ ริคเลยจำเป็นต้องรับบท มือสังหาร ฝากตัวรับใช้นายทำตามคำสั่งของผู้นำชุมชน ที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาพยายามรักษาเอาไว้มาตลอด 5 ซีซันที่ผ่านมา ซีซัน 6 เปิดซีซันด้วยฉากที่กลายเป็นตำนานของ The Walking Dead ที่ริควางแผนให้คนในกลุ่มออกไปจัดการกับฝูงซอมบี้จำนวนมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในภายหลัง สุดท้ายอเล็กซานเดรียก็ไม่พ้นเงื้อมมือของซอมบี้ ถึงแม้กลุ่มของริคจะป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็แลกด้วยชีวิตของผู้นำคนเก่า และทำให้ริคครองอำนาจขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว เรียกได้ว่าอีโก้ของริคตอนนี้พุ่งสูงถึงขีดสุด จากเดิมที่หลักการของเขาคือเน้น ป้องกัน ภัยจากภายนอก จะไม่เปิดศึกกับกลุ่มใดก่อนเป็นอันขาด แต่คราวนี้เขาเลือกเชื่อในหลักการที่ว่า การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด จนพากลุ่มของเขาบุกทลายแหล่งซ่องสุมของกลุ่ม เซเวียร์ จนพังราบคาบแต่โชคร้ายที่หัวหน้าของกลุ่มเซเวียร์คือชายที่ชื่อ นีแกน มัจจุราชในร่างคน ผู้เจนการศึกและช่ำชองในการใช้จิตวิทยาขั้นสูงกดดันผู้คน ที่ทำให้กลุ่มของริคต้องเผชิญชะตากรรมผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนจะหนีรอด แต่สุดท้ายก็จนมุม ซ้ำไปซ้ำมาระหว่างการตามล้างแค้นของนีแกน ความมั่นใจที่เคยมีของริคค่อยๆ พังทลายลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสมาชิกคนสำคัญในกลุ่มทั้งหมดถูกจับมัดให้นั่งคุกเข่าต่อหน้านีแกนอย่างไร้ทางสู้ ซีซัน 7 ผู้นำที่เต็มไปด้วยความสามารถและไหวพริบปฏิภาณ เขาถูกนีแกนใช้จิตวิทยาหลอกให้เล่นเกมบีบคั้นหัวใจจนกลายเป็นเด็ก แถมยังต้องเห็นฉากสุดสะเทือนใจที่สมาชิกคนสำคัญในกลุ่มต้องจากโลกนี้ไปเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา ถึงแม้ว่านีแกนจะปล่อยให้ริคและสมาชิกคนอื่นมีชีวิตรอดต่อไป แต่ภายในจิตใจของริคนั้นสูญสลายโดยสิ้นเชิง เขายอมรับข้อเสนอของนีแกนที่ต้องหา เครื่องบรรณาการ มาส่งมอบให้ในทุกๆ เดือน สภาพของริคในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับ คนรับใช้ ที่ยอมนีแกนทุกอย่าง เพื่อเอาตัวรอดไปแบบวันต่อวันเท่านั้น แต่จากข้อเสนอที่ไม่ยุติธรรม ทำให้ริคเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมทีละน้อย และเริ่มวางแผนรวบรวมพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับนีแกนอีกครั้ง และจากบทเรียนที่ผ่านมา ทำให้เขารอบคอบขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ฉากไฮไลต์คือตอนที่ริคต้องต่อสู้กับซอมบี้ลวดหนามกลางกองขยะด้วยมือเปล่า ที่ยังแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขายังคงไว้ใจได้เสมอ แต่ริคก็ยังไม่รอบคอบพอ เพราะสุดท้ายโดนแก๊งกองขยะหักหลังและยึดเอาอาวุธที่หามาได้ทั้งหมดไป ทำให้สงครามที่ควรจะรู้ผลยังต้องรอไปตัดสินกันในซีซันต่อไปซีซัน 8เปิดซีซันมาด้วยการเปิดศึกโจมตีกลุ่มเซเวียร์แบบเต็มรูปแบบ ถึงแม้อาวุธจะไม่พร้อม แต่ริคก็ใช้ไหวพริบจากทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรายังได้เห็นการเอาคืนแบบแสบๆ ด้วยการเอากล้องโพลารอยด์มาถ่ายภาพความย่อยยับของฐานทัพเซเวียร์ เหมือนที่นีแกนเคยทำกับเพื่อนรักของเขาก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงชุลมุน แบ่งกลุ่มทำสงคราม และแน่นอนว่าริคเลือกให้ตัวเองอยู่ในกลุ่มที่อันตรายที่สุดเสมอ จริงๆ พาร์ตต่อสู้ในซีซันนี้ของริคไม่เด่นเท่าไรนัก เพราะยังมีความผิดพลาดให้เห็นและมีตัวแปรสำคัญเข้ามาช่วยมากมาย แต่สิ่งที่ริคทิ้งเอาไว้ในตอนท้าย คือการที่เขาเลือกที่จะไว้ชีวิตนีแกน และประกาศให้ทุกคนที่ยังเหลืออยู่สงบศึก และใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปโดยไม่ข้องเกี่ยวกันอีก และกลับมาใช้วิธีการปกครองแบบประนีประนอมอีกครั้ง หลังสวมบทโหดมานาน ตามคำขอครั้งสุดท้ายของลูกชายทำให้รู้ว่าถึงแม้ริคจะเคียดแค้นนีแกนขนาดไหน แต่เขาก็ยังคงเป็นคุณพ่อที่รักลูกเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของเขาจะสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับหลายคนในกลุ่ม และจะเป็นปมความขัดแย้งสำคัญในซีซันต่อไปก็ตาม ซีซัน 9 หลังจากอีพีแรกจบไป เรายังบอกไม่ได้ว่าทีมผู้สร้างจะวางทางลงให้ตัวครของริคเอาไว้อย่างไร แต่มีการคาดการณ์ว่า แดริล (รับบทโดย นอร์แมน รีดัส) จะก้าวขึ้นมารับบทผู้นำแทนริค แต่ถึงแม้ตัวละครจะเฟดตัวออกไป แต่แฟนๆ จะยังได้เห็นผลงานของ แอนดรูว์ ลินคอล์น อยู่ เพราะมีข่าวออกมาว่าเขาอาจจะกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้กำกับคนหนึ่งของ The Walking Dead ซีซัน 10 ถ้าหากยังมีการประกาศสร้างต่อไป ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียว ภาพประกอบ:พิสูจน์อักษร: | ริค ไกรมส์ คือตัวละครสำคัญในฐานะผู้นำพากลุ่มเอาตัวรอดจากอันตรายทุกรูปแบบจากเรื่อง The Walking Dead ซึ่ง แอนดรูว์ ลินคอล์น ผูกขาดจองบทนี้มาตลอด 8 ปีตั้งแต่ซีซันแรกในปี 2010ริคคือตัวละครที่มีพัฒนาการน่าสนใจ เพราะเขาคือผู้นำที่เต็มไปด้วยไหวพริบ ความสามารถ แข็งแกร่ง อ่อนโยน พังทลาย และพร้อมที่จะสวมบทโหดทุกเมื่อเพื่อรักษาความปลอดภัยของคนในกลุ่มเอาไว้ให้ได้แต่ซีซันที่ 9 กำลังจะเป็นซีซันสุดท้ายของเขาในฐานะนักแสดง ก่อนที่เราอาจจะเห็นเขากลับมาอีกครั้งในฐานะทีมผู้กำกับคนหนึ่ง หากมีการสร้าง The Walking Dead ซีซันต่อไป | null | null | https://thestandard.co/the-walking-dead-rick-grimes/ |
รำลึก 7 ปี สลายชุมนุมเสื้อแดง | แกนนำ นปช. ได้จัดทำบุญครบรอบ 7 ปีสลายชุมนุมเสื้อแดง ญาติเทิดศักดิ์ -ทศชัย จุดเทียนรำลึก ขณธที่ในเฟซบุ๊ก ติดแฮชแท็กบอกเล่าเหตุการณ์รวมทั้งความรู้สึกในวันนั้น 10 เม.ย. 2560ครบรอบ 7ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม หรือ ขอคืนพื้นที่ การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน (นปช.) บริเวณถนนราชดำเนิน โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) จนมีผู้เสียชีวิต 25 ราย เป็นประชาชน 20 ราย ทหาร 5 ราย และภายหลังรายงานของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 หรือ ศปช. รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายกิจกรรมรำลึก เริ่มตั้งแต่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการติดแฮซแท็กในเฟซบุ๊กโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กจะเล่าเหตุการณ์รวมทั้งความรู้สึกในวันที่ 10 เม.ย. ของเมื่อ 7 ปีที่แล้วช่วงเช้า แกนนำ นปช. ได้จัดทำบุญครบรอบ 7 ปี เหตุการณ์ดังกล่าว โดยจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. โพสต์เฟซบุ๊ก ด้วยว่า เหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย. 2553 เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตาย โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 26 ศพ ซึ่งมีทั้งประชาชน นักข่าว ทหาร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 800 กว่าคนจนกระทั่งวันที่ 19 พ.ค. 2553 จึงเกิดความตายอีกกว่าร้อยศพ บาดเจ็บพันกว่าคนการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต เป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชน ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองการทำบุญในวันนี้ก็เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพี่น้องที่เสียชีวิตจากทุกเหตุการณ์ จากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหากขาดประเพณีเหล่านี้ จะก่อให้เกิดความกระด้างในจิตใจของผู้คนเวลา 19.00 น. มีรายงานข่าวด้วยว่าญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เช่น ญาติของ เทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ทศชัย เมฆงามฟ้าได้จัดกิจกรรมรำลึก ณ จุดที่เสียชีวิตบริเวฯสีแยกคอกวัว และหน้าโรงเรียน สตรีวิทยาผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวลาประมาณ 21.20 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พเยาว์ อัคฮาด และมวลชนจำนวนหนึ่ง ร่วมกันถือดอกไม้สีขาว ไว้เพื่อไว้อาลัย ผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่เสียชีวิตเมื่อ วันที่ 10 เมษา 53 ที่หน้าโรงเรียน สตรีวิทยา โดยเฉพาะบริเวณที่ ฮิโรยูกิ มูราโมโตะนักข่าวชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า เราไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกท่านไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดง หรือชาวต่างชาติ สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ทหาร และยืนยันว่า คนผิดจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม | แกนนำ นปช. ได้จัดทำบุญครบรอบ 7 ปีสลายชุมนุมเสื้อแดง ญาติเทิดศักดิ์ -ทศชัย จุดเทียนรำลึก ขณธที่ในเฟซบุ๊ก ติดแฮชแท็ก#10AprilWhereAreYouบอกเล่าเหตุการณ์รวมทั้งความรู้สึกในวันนั้น 10 เม.ย. | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | 10 เมษายน 2553,10AprilWhereAreYou,ขอคืนพื้นที่,ทศชัย เมฆงามฟ้า,นปช.,ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ,เทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ | https://prachatai.com/journal/2017/04/70995 |
ส่องเมนต์ชาวเน็ต คิดเห็นยังไงหลัง ชนาธิป ได้เสื้อหมายเลข 10 | วันที่ 3 ก.ย. 62 ความเคลื่อนไหวของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาประกาศหมายเลขเสื้อนักฟุตบอลทีมชาติไทย ทั้ง 23 ราย ในชุดที่เตรียมลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่จะเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติเวียดนาม และ บุกไปเยือน ทีมชาติอินโดนีเซีย,โดยที่ เมสซีเจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ห้องเครื่องจากค่าย เจ้านกฮูก ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมดังแห่งเจลีก ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ขยับจากเบอร์เสื้อหมายเลข 18 อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเขา ขยับมาใส่หมายเลข 10 และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนของแฟนบอลจากโลกอินเทอร์เน็ต,ส่องเมนต์ชาวเน็ต,เบอร์นี้สำหรับเพลย์เมคเกอร์ที่แท้จริง เหมาะสมแล้วครับ,เบอร์ 10 ไม่มีใครเหมาะสมกว่าชนาธิปแล้ว,น่าสนใจว่ามุ้ยกลับมาเจจะยังได้ใส่เบอร์ 10 อยู่มั้ย,ใส่เบอร์ 10 ตามรอยไอดอลของเค้าคือ มาราโดนา,เจใส่เบอร์ 10 แล้ว พร้อมรับบทเพลย์เมกเกอร์ให้ไทยแล้ว,ได้เบอร์ 10 แล้วสวมวิญญาณมาราโดนาลากยิงเลยนะเจ,นี่คือจะถึงคราวสิ้นยุค ธีรศิลป์,หมายเลข 10 ซึบาเจ ไทยแลนด์ปู๊นๆๆ,เบอร์นี้ที่รอคอย อยากเห็นเจใส่มานานแล้ว เหมาะกับตำแหน่งการเล่น,อยากให้ เจ ลองยิงด้วยตัวเองบ่อยๆ บ้างถ้ามีโอกาส,เบอร์นี้สุดยอดในใจเสมอ | ส่องคอมเมนต์โลกโซเชียล ว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไร หลัง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ห้องเครื่องจาก ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร เปลี่ยนมาใส่เบอร์เสื้อหมายเลข 10 | กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์ | เมสซีเจ,ชนาธิป สรงกระสินธ์,ช้างศึก,ทีมชาติไทย,ฟุตบอลทีมชาติไทย | https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1651990 |
รฟท.คาด 13 เม.ย.มีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟ 5000 คน | วันนี้ (13 เม.ย.2563) นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลัง ครม.มีมติให้เลื่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.ออกไปก่อน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 การรถไฟฯ ได้ประกาศงดเดินขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ 12 ขบวน และขบวนรถโดยสารในเส้นต่างๆ รวมงดเดินขบวนรถ 194 ขบวน จากขบวนรถเชิงพาณิชย์ให้บริการทั้งหมด 236 ขบวน เหลือให้บริการ 42 ขบวน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.1สำหรับบรรยากาศการเดินทางของผู้โดยสารบริเวณสถานีกรุงเทพ เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) มีจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟทั้งสิ้น 5882 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาออก 2694 คน ผู้โดยสารขาเข้า 3188 คนเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด คือ ขบวนรถในพื้นที่ภาคใต้ (ขบวนรถชานเมือง ขบวนรถท้องถิ่น) จำนวน 1807 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 1455 คน สายเหนือ 1118 คน สายตะวันออก 804 คน และสายแม่กลอง 698 คน โดยวันนี้ (13 เม.ย.) คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยประมาณ 5000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานประจำจากภาพรวมการเดินทางจะเห็นว่า มีจำนวนประชาชนเดินทางค่อนข้างบางตา เนื่องจากมีมาตรการคุมเข้มในพื้นที่หลายจังหวัดและงดจัดกิจกรรมสงกรานต์ จึงทำให้ประชาชนงดเดินทาง ยกเว้นกลุ่มคนทำงานประจำ หรือผู้ที่มีความความจำเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้นส่วนขบวนรถที่ยังให้บริการ การรถไฟฯ ได้คุมเข้มมาตรการความปลอดภัย โดยเน้นย้ำให้พนักงานและผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ และมาตรการคัดกรองผู้โดยสารทั้งก่อนและหลังเดินทางตามสถานีต่างๆ ทั่วไปประเทศ มาตรการ Social Distancing กับขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ (ขบวนรถที่มีการสำรองที่นั่ง) โดยการจำกัดการขายตั๋ว เพื่อให้มีระยะห่างที่ปลอดภัยต่อการแพร่กระจายเชื้อในขบวนรถไฟ การสวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลหน้ามือ ทั้งนี้ประชาชนที่ต้องการเดินทาง สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง | ประชาชนให้ความร่วมมือมาตรการคุมเข้มป้องกัน COVID-19 งดเดินทางช่วงสงกรานต์ ส่งผลให้บรรยากาศที่สถานีรถไฟหัวลำโพงมีผู้โดยสารเดินทางบางตา รฟท.คาดวันนี้ (13 เม.ย.) จะมีผู้โดยสารเดินทาง 5000 คน | เศรษฐกิจ | รถไฟ,การรถไฟแห่งประเทศไทย,COVID-19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019,COVID19,โควิด19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ | https://news.thaipbs.or.th/content/291074 |
หลุด 1700 จุดอีกรอบ | หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 62.25 บาท บวก 0.25 บาท, SCB ปิด 152.50 บาท บวก 3 บาท, TOP ปิด 93 บาท ลบ 2.25 บาท, KBANK ปิด 227 บาท ลบ 2 บาท และ CPF ปิด 23.60 บาท ลบ 0.70 บาท,เซนติเม้นต์ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นเชิงลบ กดดัชนีหลุด 1,700จุด อีกครั้ง ขณะที่ต่างชาติยังคงขายออกมาต่อเนื่องแม้จะไม่หนักหนา แต่ก็ยังอยู่ฝั่งขาย แนะทยอยสะสมหุ้นเพื่อถือข้ามปี,บล.ทิสโก้ระบุว่า ตลาดมีประเด็นที่ต้องตาม คือ การประชุม OPEC และทิศทางกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ ว่าจะผ่านสภาสูงได้หรือไม่ ขณะที่ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้น คาดหุ้นไทยยังมีโอกาสแกว่งตัวลงต่อในกรอบแคบ หลังยืนเหนือ 1,700 จุดไม่ได้ แนะกลยุทธ์ลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง ให้หาจังหวะเก็งกำไรระยะสั้นได้ ส่วนนักลงทุนระยะกลางและยาว ให้ทยอยสะสมหุ้นเพื่อถือข้ามปี ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,690 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,700-1,705 จุด,ขณะที่ สาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ มองภาพรวมการลงทุนปี 61 ว่าตลาดจะให้ความสำคัญกับ 4 ปัจจัยที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปคือ สภาพคล่องของโลกที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง, แรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจมีมากขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี และระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น , ความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปที่อาจปะทุขึ้นจากการเลือกตั้งของอิตาลีในเดือน มี.ค.61 และความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ,จาก 4 ปัจจัยทำให้ทิสโก้มองตลาดหุ้นปี 61 แม้ว่าจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่มีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจาก มูลค่า (Valuation) ที่ค่อนข้างแพงในหลายตลาด ทำให้ upside จำกัด ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องและเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น,ประกอบกับความเสี่ยงที่สำคัญคือเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวมากกว่าคาด อาจสร้างแรงกดดันต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกให้เร่งตัวขึ้น และจะส่งผลกดดันต่อระดับ Valuation,ดังนั้น การลงทุนจึงต้องอาศัยการจับจังหวะและคัดเลือกสินทรัพย์การลงทุนมากกว่าในปี 60,อินเด็กซ์ 51 | ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 พ.ย.60 ปิดที่ 1,697.39 จุด ลดลง 7.94 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 65,208.81 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 137.83 ล้านบาท | null | ดัชนีหุ้น,หุ้นไทย,ตลาดหุ้น,นักลงทุน,เงาหุ้น | https://www.thairath.co.th/news/business/stocks-gold/1140898 |
มองอาเซียน เห็นซีไอเอ็มบี ไทย และเป้าหมายสู่แบงก์ขนาดกลาง | ภาคการเงินการธนาคาร คือโดมิโนตัวที่สองหลังจากธุรกิจสื่อที่เจอกับแรงผลักขนาดใหญ่อย่าง Digital Disruption และนำไปสู่ภาวะที่ ต้องเปลี่ยน ด้วยอัตราเร่ง ไม่เพียงเป็นการสร้างความได้เปรียบในโลกธุรกิจใหม่ แต่เป็นการสร้างวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อความอยู่รอด ก่อนที่จะกลายเป็นอดีตโดยไม่รู้ตัวขณะที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ประกาศเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ กันโครมคราม ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ยังคงเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป สุขุม แต่มองเกมใหญ่ในฐานะธนาคารแห่งอาเซียน สำนักข่าว THE STANDARD ติดตามแผนธุรกิจในปี 2561 และพูดคุยกับ กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย รวมถึงสิ่งมองไกลกว่าเรื่องแบงก์ด้วยกันเองถึงเวลา Fast Forward ตั้งเป้าเป็นแบงก์ขนาดกลางปี 2565เราอยู่ระหว่างการปรับฐานครั้งสำคัญ เป็น Fast Forward ที่ต้องทำเร็ว แต่ใช้แรง(คน)เท่าเดิม หากย้อนไปที่จุดเริ่มต้น ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย แปลงโฉมจาก ไทยธนาคาร และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อปี 2552 ด้วยจุดยืนสำคัญคือการเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แม้จะใหญ่ แต่โจทย์ในขณะนั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ประเทศไทยที่มีก็ดุเดือดอยู่แล้ว ขณะเดียวกันการเปลี่ยนเกมธุรกิจจากของเดิมที่มีไปสู่ทิศทางใหม่ที่วางไว้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย การเปลี่ยนแปลงนี้มิใช่เพียงการเปลี่ยนรูปแบบและสีสันของชื่อและโลโก้ของธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีพันธสัญญาทางธุรกิจที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าของธนาคารแสวงหาโอกาสทางการเงินอีกด้วย และในการก้าวรุดไปข้างหน้านั้น เราจะใช้การต่อยอดบนฐานทางธุรกิจที่มีอยู่ภายในกลุ่มเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการเงินที่ครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เป็นคำกล่าวของ สุภัค ศิวะรักษ์ ซีอีโอในขณะนั้น (2552) หนึ่งทศวรรษผ่านไป แม้จะยังไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่ในประเทศไทย แต่ภาพลักษณ์และทิศทางของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ถือว่าชัดเจนขึ้นมาก มีผู้นำองค์กรคนใหม่ที่พร้อมประกาศเร่งเครื่องไปข้างหน้าด้วยแนวคิด Fast Forward ซึ่ง กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศว่าปี 2561 นี้เป็นก้าวแรกสู่หนทางการเป็นธนาคารระดับกลาง ซึ่งจะต้องมีกำไรก่อนหักภาษีไม่น้อยกว่า 1.2-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี มีสถานะทางการเงินที่มั่นคง และเป็นสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งด้านอาเซียนมากที่สุด เขาเชื่อว่าความฝันนี้จะเป็นจริงได้ในปี 2565 แบงก์ปรับฐานและกระบวนการทำงาน รวมถึงเพิ่มอัตรากำลังในธุรกิจที่ธนาคารมีศักยภาพ ซึ่งกิตติพันธ์มองว่าทำได้น่าพอใจทีเดียว หากพิจารณาจากข้อมูลสำคัญพบว่า ในปี 2560 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มีสินทรัพย์ราว 3 แสนล้านบาท อัตราเติบโตของสินเชื่อ 3.2% กำไรก่อนหักสำรองปรับเพิ่มเป็น 5.7 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% กำไรสุทธิกลับมาเป็นบวกที่ 385 ล้านบาท อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมอยู่ที่ 57.9% มีจำนวนสาขา 86 แห่ง และพนักงานกว่า 3.7 พันคนที่ต้องดูแล ถึงแม้ Cost to Income Ratio ของเราจะสูงเมื่อเทียบกับแบงก์อื่นที่อยู่ที่ 40-50% แต่เมื่อย้อนกลับไปตอนที่เราเริ่มซื้อกิจการต่อจากไทยธนาคารเมื่อปี 2552 ตอนนั้นสัดส่วนนี้มีมากกว่า 90% มันสะท้อนการบริหารรายจ่ายดีที่ขึ้น มีพัฒนาการทั้งการสร้างรายได้และการทำงานที่มีประสิทธิภาพขึ้นซีอีโอของแบงก์ซีไอเอ็มบี ไทย ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยาก แม้จะเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เติบโต แต่พบว่าเศรษฐกิจไทยยังส่งสัญญาณอิ่มตัวให้เห็นชัดเจน นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อเนื่องจากการปิดตัวลงของธุรกิจโรงสีที่เคยเฟื่องฟูในช่วงโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งหนี้เสียทั้งระบบยังเป็นเรื่องใหญ่มากที่ตอนนี้ทุกธนาคารต้องเผชิญ ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยถือเป็นดาวเด่นที่เติบโตถึง 10% โดยกลุ่มลูกค้า Wealth ยังให้การตอบรับที่ดี ขณะที่สินเชื่อรถเติบโตดีมากต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาส่วนลูกค้าองค์กร พบสัญญาณชะลอตัวกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ที่น่าห่วงคือลูกค้า SMEs ที่มีปัญหาหนี้มากและหดตัวชัดเจน ซึ่งธนาคารได้ปรับแนวทางและจะรุกตลาด SMEs ต่อไปบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้นสำหรับแผนธุรกิจในปี 2561 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ไม่ได้ตั้งเป้าไว้หวือหวา หรือจะสร้างทอล์กออฟเดอะทาวน์ใดๆ หากแต่ยังคงเดินหน้าเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปสไตล์ซีไอเอ็มบี โดยควบคุมอัตราของหนี้เสียไว้ให้ต่ำกว่า 5% เพิ่มการตั้งสำรองให้มากขึ้นเป็น 100% ตามกำลังของสถานะทางการเงินที่มีและเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าสินเชื่อโต 5% โดยอัตราการปล่อยกู้ต่อฐานเงินฝากอยู่ที่ 97-100% กิตติพันธ์มองว่าปีนี้จะยังเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ และผลของการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มเห็นดอกผลที่ชัดเจนในกลางปี 2562 เป็นต้นไป เขาเน้นย้ำจุดยืนสำคัญที่เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจของซีไอเอ็มบีที่เป็นสถาบันการเงินชั้นนำของภูมิภาค ซึ่งจากนี้ต่อไปจะเห็นดีลธุรกิจที่สำคัญในอาเซียนต่อเนื่อง ทั้งเงินทุนที่หลั่งไหลไปขยายฐานที่อินโดนีเซีย และที่สำคัญคือประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV คือกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงและขณะนี้มีธุรกิจไทยจำนวนมากให้ความสนใจ ซึ่งยังเชื่อว่า Top of Mind ของพี่เลี้ยงที่ผู้ประกอบการอยากจะจับมือไปลุยตลาดอาเซียนยังคงเป็นแบรนด์ซีไอเอ็มบีการที่เราเป็นแบงก์ระดับภูมิภาค เรามีความสัมพันธ์กับบริษัทใหญ่ในอาเซียนแทบทุกบริษัท เดี๋ยวนี้แบงก์ระดับโลกบทบาทลดลงไปมาก เพราะในแบงก์ภูมิภาค รวมถึงแบงก์ไทยเก่งขึ้นเยอะ ในอนาคตเราจะช่วยลูกค้าพัฒนาห่วงโซ่อุปทานข้ามประเทศได้ เพราะเราเห็นว่าประเทศไหนต้องการอะไรและมีโอกาสตรงไหนที่ธุรกิจไทยจะไปเติมได้ กิตติพันธ์กล่าวนอกจากนี้ THE STANDARD ยังได้มีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับซีอีโอของซีไอเอ็มบี ไทย และพบว่าสิ่งที่บรรดานายแบงก์กังวลในตอนนี้อาจไม่ใช่การแข่งขันในวงของธนาคารด้วยกันเอง แต่การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่(และใหญ่)ในคราบของ Non-bank เป็นเรื่องที่ต้องจับตาเราต้องจับตาดู เพราะพวกเขาเก่ง อันนี้ต้องยอมรับ พวกเขามีต้นทุนต่ำกว่าเราเยอะ แบงก์มีต้นทุน 40-50% แต่นอนแบงก์ที่เข้ามาทำธุรกิจการเงินบนแพลตฟอร์มของตัวเองมีต้นทุนประมาณ 20% เท่านั้นก็เข้ามาแข่งให้สินเชื่อกับเราได้แล้ว ใครจะไปรู้ วันข้างหน้ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกก็อาจมาแข่งด้วยก็ได้ เพราะฐานข้อมูลเขามีอยู่แล้ว เทคโนโลยีก็มีอย่างไรก็ตาม ในฐานะนักการเงินที่เห็นวัฏจักร มายา และปรากฏการณ์ยักษ์ล้มของอุตสาหกรรมการเงินมาหลายครั้ง กิตติพันธ์เชื่อว่ากลุ่มสถาบันการเงินผ่านวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง และมีประสบการณ์พอตัวกับเรื่อง Credit Cycle ขณะที่กลุ่มนอนแบงก์อาจยังไม่เคยเผชิญกับปัญหาในระดับที่ธนาคารเคยเจอ แม้เทคโนโลยีจะเก่งกาจและแม่นยำในเรื่องการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อการปล่อยกู้สินเชื่อ แต่เรื่องการติดตามหนี้ (Debt Collection) ยังเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความเข้าใจและทักษะการบริหารจัดการระดับสูงในมิติที่มากกว่าเหตุผลของระบบจะเข้าใจได้ยังไม่นับรวมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเครื่องมือทางการเงิน (IFRS 9) ที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ต้องเผชิญในปี 2562 และจะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินผ่านตัวเลขทางบัญชีของบรรดาแบงก์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงถือว่าปี 2561 ก็จะยังไม่ใช่ปีที่ง่ายเลยของอุตสาหกรรมนี้ ผู้ที่ปรับตัวทัน รับมือได้ดี และวางหมากได้ถูกจุด ก็จะยังก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงไม่ต้องตีลังกาแหวกแนวหรือทำอะไรหวือหวา แต่ก็เติบโตได้เรื่อยๆ อย่างที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทำ อ้างอิง: | ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2552 ด้วยจุดยืนสำคัญคือการเป็นธนาคารที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนซีอีโอของแบงก์ซีไอเอ็มบี ไทย ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยาก แม้จะเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เติบโต แต่พบว่าเศรษฐกิจไทยยังส่งสัญญาณอิ่มตัวให้เห็นชัดเจน สิ่งที่บรรดานายแบงก์กังวลในตอนนี้อาจไม่ใช่การแข่งขันในวงของธนาคารด้วยกันเอง แต่การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่(และใหญ่)ในคราบของ Non-bank เป็นเรื่องที่ต้องจับตา | null | null | https://thestandard.co/cimb-commercial-bank-asean/ |
เปิดกุฏิเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก สำรวจ พระพุทธสิหิงค์-พระลาก อยู่ครบ | สำนักพุทธฯ เมืองคอน เปิดชั้น 2 กุฏิเจ้าอาวาส ตรวจสอบ พระพุทธสิหิงค์ พระลาก และวัตถุโบราณจำนวนมาก เชื่อทุกอย่างยังอยู่ครบ เตรียมจัดทำบัญชี ให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ,เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. ที่กุฏิวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พระครูพรหมเขตคณารักษ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พร้อมด้วย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช, นายจรัญ มารัตน์ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส เนื่องจากมีพระพุทธรูป และวัตถุโบราณของวัด รวมทั้งรังนกนางแอ่น เก็บไว้จำนวนมากอีกด้วย เพื่อตรวจสอบว่า ทรัพย์สินมีค่าดังกล่าวของวัดยังอยู่ครบหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อช่างกุญแจมาตัดกุญแจบริเวณบันไดชั้นล่าง ก่อนขึ้นไปสำรวจพร้อมกัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปเก็บภาพ โดยใช้เวลาสำรวจประมาณ 30 นาที ก่อนที่คณะจะเดินกลับลงมา,พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจ พบว่าพระลาก จำนวน 3 องค์ รวมถึงพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปบูชา ผ้าไตรจีวร และวัตถุโบราณต่างๆ ทุกอย่างยังอยู่ครบ ไม่พบร่องรอยการเคลื่อนย้าย เนื่องจากเต็มไปด้วยขี้ฝุ่น และขี้นกนางแอ่น หลังจากนี้ทางวัด จะร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนานครศรีธรรมราช จัดทำลงเลขทะเบียนและจัดดูแลเก็บให้ดีให้เรียบร้อย และทำบันทึก ให้เป็นระเบียบ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ ซึ่งคงจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน,พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เผยต่อว่า รังนกนางแอ่น บนชั้นลอยของชั้น 2 นั้น พบว่ามีจำนวนมากพอสมควร เพราะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ตรงนี้ถือเป็นรายได้ของวัดอีกทางหนึ่ง แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า มีรายได้เข้าวัดเท่าไร ซึ่งจะได้ตรวจสอบอีกครั้ง,ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการตรวจสอบร่วมกันพบว่า ไม่มีพระพุทธรูปหรือสิ่งของมีค่าสูญหายไปตามกระแสข่าวแต่อย่างใด ทุกอย่างยังอยู่ครบสมบูรณ์ ซึ่งตนได้แนะนำให้ทางวัดทำบัญชีทะเบียนถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ายิ่งของวัด โดยเฉพาะรังนกนางแอ่น ที่เป็นรายได้ของวัด ในการนำเงินมาทำนุบำรุงวัดต่อไป,ด้านการคลี่คลายคดีสามเณรปลื้ม พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง นครศรีธรรมราช เผยว่า ยังเหลือติดตามผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน ที่ยังหลบหนี คือ นายคิงส์ อายุ 17 ปี อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวในคดีนี้แค่ไหนต่อไป ส่วนการเปิดตู้เซฟของ น.ส.ปิยฉัตร หรือ บิว ที่ทางตำรวจอายัดไว้แล้วนั้น กำลังรอทางทนายความของ น.ส.ปิยฉัตร ไปติดต่อขอรหัสเปิดตู้เซฟจาก น.ส.ปิยฉัตร ที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช หากพร้อมเมื่อไหร่ ก็จะเปิดตู้เซฟต่อหน้าญาติๆ ของผู้ต้องหาและทนายความ เพื่อพิสูจน์ว่าภายในตู้เซฟมีอะไรบ้าง,นอกจากนี้ บริเวณหลุมฝังศพสามเณรปลื้ม ในวัดวังตะวันตก ได้มีบรรดาสามเณรจากวัดสระเรียง มาช่วยกันนำทราย มาปรับถม เพื่อให้เกิดความสวยงาม และเป็นระเบียบ ทั้งนี้ในแต่ละวัน ก็จะมีชาวบ้านจำนวนมากเข้ามาดูบริเวณหลุมฝังศพเณรปลื้ม,นางกรองทอง บุญประกอบ อายุ 65 ปี เปิดเผยว่า อยากให้มีการสร้างรูปปั้นให้สามเณรปลื้ม เพื่อเป็นที่ระลึกในคุณงามความดี เพราะหากวันนี้สามเณรปลื้มไม่ตาย วัดวังตะวันตก ก็ยังคงถูกกลุ่มอิทธิพลครอบงำ ไม่กลับมาเป็นวัดเหมือนเดิม,ด้าน นายจรัญ มารัตน์ ผอ. สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีฯ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนา ก็จะมีการเข้ามาดำเนินการตรวจสอบและดูแลในเรื่องของทรัพย์สินของวัดวังตะวันตกว่ามีอะไรบ้าง ก่อนจะมีการจัดทำบัญชีให้เรียบร้อย และต่อไปหลังจากนี้ ก็คงจะต้องมีการเข้าตรวจสอบทรัพย์สินของวัดทุกวัดในจังหวัด.,** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ,คลิกที่นี่, ** | รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ร่วม ตร., สำนักพุทธฯ เมืองคอน เปิดชั้น 2 กุฏิเจ้าอาวาส ตรวจสอบ พระพุทธสิหิงค์ พระลาก และวัตถุโบราณจำนวนมาก เชื่อทุกอย่างยังอยู่ครบ เตรียมจัดทำบัญชี ให้ง่ายต่อการตรวจสอบ | ข่าว,ทั่วไทย | วัดวังตะวันตก,พระพุทธสิหิงค์,พระลาก,วัตถุโบราณ,ทรัพย์สิน | https://www.thairath.co.th/news/local/south/966493 |
เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ชูเทคโนโลยี AR ส่งแคมเปญชงโชครับตรุษจีน สไตล์อินเตอร์แอ็กทีฟแบบ 3D ครั้งแรกในไทย เอาใจคอกาแฟทั่วประเทศ [PR News] | เมื่อเร็วๆ นี้ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู กาแฟปรุงสำเร็จอันดับ 1 ของโลก เปิดตัวแคมเปญ ชงโชครับตรุษจีนสไตล์อินเตอร์แอ็กทีฟ รับศักราชปี 2020 เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยในหลากหลายช่องทางเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์เสริมมงคลสุดล้ำครบวงจรด้วยเทคโนโลยี AR อาทิ โปรโมชันสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ในบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ตรุษจีน คอลเล็กชันแก้วมงคลเนสกาแฟ พร้อมคำมงคลภาษาจีนที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชัน พร้อมสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย สื่อโฆษณาในรถไฟฟ้า MRT และ 8 จุดมงคลใน MRT สถานีวัดมังกร ให้ประชาชนได้ถ่ายรูปทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถสแกนบรรจุภัณฑ์ แก้ว หรือสื่อต่างๆ โดยใช้แอปพลิเคชัน Recall บนมือถือ เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์อินเตอร์แอ็กทีฟเคลื่อนไหวแบบ 3D ของบรรดา 8 สรรพสัตว์และของมงคล พร้อมคำมงคลอักษรจีนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเจริญรุ่งเรือง การมีอายุยืนยาว และความสุขสมบูรณ์ โดยทำงานร่วมกับ หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดัง เพื่อเลือกสรรสรรพสัตว์และของมงคล 8 อย่างพร้อมกับคำมงคล 8 ประการ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน 2020นอกจากนี้ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ยังได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ ยูน-ปัณพัทเตชเมธากุล ศิลปินนักวาดดาวรุ่งที่เคยร่วมงานกันในโปรเจกต์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู อินเตอร์แอ็กทีฟอาร์ตสเตชัน ที่ MRT สถานีวัดมังกร เพื่อสร้างสรรค์ภาพวาดลายจีน 8 สรรพสัตว์และของมงคลในแคมเปญนี้ หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จมากๆ ในปีที่ผ่านมานาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู จะเดินหน้านำประสบการณ์อินเตอร์แอ็กทีฟเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง ต่อยอดจากความสำเร็จของ MRT สถานีวัดมังกร การใช้เทคโนโลยี AR สุดล้ำทำให้เราสามารถยกระดับประสบการณ์กับผู้บริโภคไปอีกขั้น ด้วยการใช้กลยุทธ์ Experiential Marketing นำเสนอประสบการณ์ใหม่ของแคมเปญ ชงโชครับตรุษจีนสไตล์อินเตอร์แอ็กทีฟครั้งแรกในประเทศไทยให้เข้าถึงคอกาแฟทั่วประเทศ แคมเปญนวัตกรรมนี้มุ่งเชื่อมความผูกพันกับผู้บริโภคไทยเชื้อสายจีนที่มีความเชื่อว่า คำอวยพรเป็นส่วนสำคัญในเทศกาลตรุษจีน การนำประเพณีตรุษจีนมาผสานกับเทคโนโลยี AR จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศอย่างแน่นอนเราเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่นำเสนอประสบการณ์อินเตอร์แอ็กทีฟอย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยี AR เพื่อเชื่อมความผูกพันกับผู้บริโภคในเทศกาลตรุษจีนในหลากหลายช่องทาง ผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับคำมงคลในรูปแบบเคลื่อนไหวสามมิติ ทั้งจากบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ตรุษจีนของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชัน คอลเล็กชันแก้วมงคลเนสกาแฟอินเตอร์แอ็กทีฟด้วยเทคโนโลยี AR 8 ใบ ซึ่งแต่ละใบจะมีคำมงคลที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังเพลิดเพลินกับสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขายแบบอินเตอร์แอ็กทีฟในระหว่างการช้อปปิ้งจับจ่ายซื้อของในร้านค้าปลีกกว่า 700 ร้านทั่วประเทศ หรือสื่อโฆษณาเวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT พร้อมด้วย 8 จุดมงคลที่ MRT สถานีวัดมังกร เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาดกาแฟปรุงสำเร็จ และตอกย้ำการเป็นแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศอย่างเหนียวแน่น นาริฐากล่าวเสริมร่วมเปิดประสบการณ์ AR อินเตอร์แอ็กทีฟกับแก้วมงคลเนสกาแฟได้แล้ววันนี้ เมื่อซื้อเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู หรือเนสกาแฟ อเมริกาโน่ มูลค่า 219 บาท รับฟรีแก้วมงคลเสริมเฮง 1 ใบ ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-31 มกราคม 2563 เท่านั้น รวมทั้งสามารถซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ในบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ตรุษจีนลิมิเต็ดเอดิชันได้แล้วในเดือนมกราคมเป็นต้นไปนอกจากนี้ผู้บริโภคยังสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมสะสมแต้ม AR เพื่อลุ้นแลกของรางวัลมากมาย เพียงกดแอด LINE NESCAFE Official Account และลงทะเบียนเป็นสมาชิกเนสกาแฟเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม จากนั้นใช้แอปพลิเคชัน Recall เก็บภาพ AR ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ดีไซน์ตรุษจีน แก้วมงคลเนสกาแฟ สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย สื่อโฆษณาในรถไฟฟ้า MRT และ 8 จุดมงคลใน MRT สถานีวัดมังกร และอัปโหลดรูป AR เข้าไปในหน้ากิจกรรมของเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู เพื่อสะสมแต้มให้ครบตามเงื่อนไข เพื่อแลกรับของรางวัลลายจีนลิมิเต็ดเอดิชันของ ยูน ปัณพัท โดยกิจกรรมมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 มกราคม จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2563พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้าสามารถลุ้นโชคอีกต่อได้กับโปรโมชันเนสกาแฟ โชคทองสะท้านฟ้า รวยทุกสัปดาห์กว่า 10 ล้าน ด้วยการสะสมซองเปล่าเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู หรือเนสกาแฟ อเมริกาโน่ รสใดก็ได้ 5 ซอง แล้วส่งมาลุ้นโชคทองคำรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท | เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู กาแฟปรุงสำเร็จอันดับ 1 ของโลก เปิดตัวแคมเปญ ชงโชครับตรุษจีนสไตล์อินเตอร์แอ็กทีฟ รับศักราชปี 2020 เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยในหลากหลายช่องทางเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์เสริมมงคลสุดล้ำครบวงจรด้วยเทคโนโลยี ARผู้บริโภคสามารถสแกนบรรจุภัณฑ์ แก้ว หรือสื่อต่างๆ โดยใช้แอปพลิเคชัน Recall บนมือถือ เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์อินเตอร์แอ็กทีฟเคลื่อนไหวแบบ 3D ของบรรดา 8 สรรพสัตว์และของมงคล พร้อมคำมงคลอักษรจีนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเจริญรุ่งเรือง การมีอายุยืนยาว และความสุขสมบูรณ์ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน 2020 ซึ่งคำทำนายมาจาก หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังประชาชนสามารถถ่ายรูปกับเหล่า 8 สรรพสัตว์และของมงคลที่ MRT สถานีวัดมังกร สร้างสรรค์โดย ยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินนักวาดดาวรุ่งที่เคยร่วมงานกันในโปรเจกต์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู อินเตอร์แอ็กทีฟอาร์ตสเตชัน | null | null | https://thestandard.co/nescafe-ar-technology/ |
จีนพบสารก่อมะเร็งใน ปีกไก่เคเอฟซี | ไชน่าเดลี่-รอยเตอร์- 17 ม.ค.48 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ร้านฟาสฟู้ดของเคเอฟซีในจีนยกเลิกเมนูปีกไก่นิวออร์ลีนส์ และแฮมเบอร์เกอร์ไก่ หลังจากพบสารก่อมะเร็ง ซูดาน 1 ในน้ำปรุงรส ทั้งนี้ในแถลงการณ์ซึ่งถูกแจกจ่ายเมื่อวันพุธ โดย ยัม แบรนด์ อิงค์ บริษัทแม่ของเคเอฟซี ระบุว่า ไม่ปลอดภัยและได้ทำลายผลิตภัณฑ์ทั้งหมด แต่ยัม ไม่ได้ระบุชื่อของซัพพลายเออร์ผู้ผลิตน้ำปรุงรสที่มีปัญหา เรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดในเรื่องความปลอดภัยของอาหารและสัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเรื่องในทำนองดังกล่าวขึ้นอีก ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ แถลงการณ์ระบุว่า เคเอฟซีจะนำปีกไก่ซึ่งไม่มีการปนเปื้อนสารพิษกลับมาขายอีกภายในสัปดาห์หน้า ซูดาน 1 เป็นสีย้อมที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันเบนซิน ยาขัดรองเท้า ยาขัดพื้น และห้ามใช้ในอาหารเนื่องจากเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เคเอฟซีเริ่มทำตลาดในจีนตั้งแต่ปี 1987 ปัจจุบันมีสาขาอยู่ถึง 1200 แห่งใน 260 เมือง โดยรายงานประจำปีฉบับล่าสุดระบุว่า เคเอฟซีมีส่วนส่วนตลาดจีนคิดเป็น 32 % ของผลกำไรในการดำเนินงานในต่างประเทศของบริษัทยัม ซึ่งอยู่ที่ 436 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2003 | ไชน่าเดลี่-รอยเตอร์- 17 ม.ค.48 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ร้านฟาสฟู้ดของเคเอฟซีในจีนยกเลิกเมนูปีกไก่นิวออร์ลีนส์ และแฮมเบอร์เกอร์ไก่ หลังจากพบสารก่อมะเร็ง ซูดาน 1 ในน้ำปรุงรส | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/03/3219 |
ปอ ยังต้องการเลือดกรุ๊ป A ไม่ใช่ O รามาฯ ระบุหมู่อื่นก็รับบริจาค | จากกรณีที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียล ถึงกรณีบริจาคเลือดให้ ,ปอ ทฤษฎี, ที่อ้างว่า ได้รับแจ้งจากคุณอาน้ำอ้อยว่า ตอนนี้ทางรพ.รามาฯ ขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปโอเพื่อนำมาทำเป็นเกล็ดเลือดให้พี่ปอค่ะ เลือดกรุ๊ปเอ ณ ขณะนี้ได้ปริมาณมากเพียงพอแล้ว,ไทยรัฐออนไลน์ ได้ต่อสายสอบถามไปยัง ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้รับคำตอบว่า ข้อมูล ณ ปัจจุบัน เกล็ดเลือดของ ปอ ที่ได้รับบริจาคมายังเพียงพอ แต่ยังสามารถมาบริจาคกันได้เรื่อยๆ และเลือดของ ปอ ที่ต้องการยังคงเป็น กรุ๊ป A ไม่ใช่กรุ๊ป O ,นอกจากนี้ ยังได้รับการยืนยันจากประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลรามาธิบดีว่า ทางโรงพยาบาลเปิดรับบริจาคเลือดในกรุ๊ปต่างๆ เป็นประจำอยู่แล้ว หากมีความต้องการหมู่โลหิตใดมากในช่วงนั้นจะมีการประกาศเสียงออกไป ในขณะนี้ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิตไม่ว่ากรุ๊ปใด สามารถบริจาคได้ที่หน่วยคลังเลือด ชั้น 3 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ และ ชั้น 2 อาคาร 1,ขณะที่ทาง อาน้ำอ้อย เปิดเผยเรื่องการรับบริจาคเลือดกรุ๊ปโอว่า มีความต้องการเลือดตามปกติ ทางรพ.ต้องการรับบริจาคอยู่แล้ว แต่ในโอกาสนี้ มีคนมาบริจาคเลือดให้ปอเยอะ เลยอยากจะขอใช้โอกาสนี้ขอรับบริจาคเลือด เพื่อให้ทุกคนที่มีความต้องการเลือดได้ใช้ เพื่อให้บุญนี้กลับไปสู่ตัวปอด้วย. | จากที่มีการแชร์กันถึงกรณีที่อ้างว่า ทาง รพ.ขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปโอเพื่อนำมาทำเป็นเกล็ดเลือดให้ ปอ โดยเลือดกรุ๊ปเอ ได้ปริมาณมากเพียงพอแล้ว ก็ได้รับการเปิดเผยว่าปอยังต้องการเลือดกรุ๊ป A ไม่ใช่ O แต่หมู่อื่น รพ.ก็ยังรับบริจาค | null | ปอ ทฤษฎี สหวงษ์,ปอ ทฤษฎี ป่วยหนัก,ปอ ทฤษฎี ป่วยโคม่า,ปอ ทฤษฎี ไข้เลือดออก,ปอ ทฤษฎี โคม่า,ภรรยาปอ ทฤษฎี,แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า ภรรยาปอ ทฤษฎี,ลูก ปอ ทฤษฎี,ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี บริจาคเลือด,บริจาคเลือดให้ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ร.พ.รามา,ปอ ทฤษฎี เลือดกรุ๊ปเอ,บริจาคเลือดให้ ปอ ทฤษฎี ที่ไหน,ปอ ทฤษฎี ป่วย,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์,ปอ เป็นไข้เลือดออก,ไข้เลือดออก,ภาวะไตวาย,ปอ ไตวาย,ไตวายเฉียบพลัน,ปอ ทฤษฎีขอบริจาคเลือด,บริจาคเลือดกรุ๊ป เอ,เลือดกรุ๊ป เอ,ลือ ปอ ทฤษฎี เสียชีวิต | https://www.thairath.co.th/content/539800 |
ศุกร์สบาย 19/02/59 | ช็อปปิ้ง-โปรโมชั่น,ลองเจอเรย์ ซาลอน เดอะ มอลล์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จัด Summer Night Allure ช็อป 2 ชิ้น ลดสูงสุด 20% และสินค้าราคาพิเศษ ลดสูงสุด 60% ถึง 10 มี.ค. พิเศษสุดคอลเลกชั่นใหม่ลดสูงสุด 50% ในวันที่ 19 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ที่ลองเจอเรย์ ซาลอน ชั้น B1 เอ็มโพเรียม,ฟิวเจอร์พาร์ค จัดงาน Otop ภาค เหนือตอนล่าง พบสินค้าท้องถิ่น อาทิ ปลาส้ม, กระยาสารท, กล้วยตาก และเครื่องเงินโบราณ ที่ลานโปรโมชั่น ชั้น G ถึง 22 ก.พ.,ร้าน Jonathan Adler จัดหาของขวัญของแต่งบ้านชิ้นเก๋อย่างที่ใส่แหวนทองเหลืองมาให้เลือกที่ชั้น 1 Groove @Central World, ชั้น 5 เซ็นทรัลชิดลม และชั้น 4 The Living ดิ เอ็มโพเรียม,มารีเมกโกะ แบรนด์แห่งลายปรินท์จากประเทศ ฟินแลนด์ เปิดสาขาใหม่ ที่ชั้น G ดิ เอ็มโพเรียม พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ 50 ท่านแรกที่ช็อปในวันเปิด 18 ก.พ.ด้วย,คลินิกเอเพ็กซ์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ จัดแคมเปญ My Beauty Chang ไม่ได้เปลี่ยนเพื่อใคร แต่เปลี่ยนเพื่อตัวคุณเอง ส่งรูปหน้าตรงและหันข้าง 45 องศา ด้านซ้ายและด้านขวา รวม 3 ภาพ พร้อมบรรยายเหตุที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลุ้นรับทรีตเมนท์ APEX Vector Lift โพสต์มาที่ www.facebook.com/ApexProfoundBeauty ถึง 30 เม.ย.,กิจกรรม-อาหาร,ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จัด Bookanista Fair 2016 พบหนังสือดีมีคุณค่าหลาก หลายสไตล์ และพบนักเขียนดัง อาทิ กิ่งฉัตร และร่วมกิจกรรม Book Swap หนังสือแลกหนังสือ,ส่งต่อหนังสือมือสอง กับโครงการอ่านสร้างชาติ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อส่งมอบให้กับโรงเรียนและชุมชนที่ขาดแคลน ที่ชั้น LG, G, M ถึง 28 ก.พ.,นิตยสารนูเมโร ไทยแลนด์ เดือน ก.พ.นี้ มีสัมภาษณ์พิเศษ มร.คิลเลียน เฮนเนสซี ทายาทตระกูลเฮนเนสซี และ LVMH ที่น่าสนใจ,โทคิยะ ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่น อารีน่า 10 ทองหล่อ ซอย 10 ชวนชิม แคนนาเดียน ล็อบสเตอร์ สเต็ก ที่รังสรรค์แบบจานต่อจาน ในราคาสุดคุ้ม 799 บาท หรือเลือกอร่อยแบบฟลูคอร์ส ในราคา 1,098 บาท โทร. 0-2392-7688,ฟู้ด ลอฟท์ ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ชวนอร่อยกับร้านอาหารไทยฟิวชั่น Simmer by Praha ชิมแกงที่หากินยาก อาทิ แกงกะทิรัญจวน, ปลาทูต้มเค็ม, และล้างปากด้วย ส้มฉุน ฯลฯ ถึง 29 ก.พ.นี้ ที่โซน Guest Gourmet Corner. | ลองเจอเรย์ ซาลอน เดอะ มอลล์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จัด Summer Night Allure ช็อป 2 ชิ้น ลดสูงสุด 20% และสินค้าราคาพิเศษ ลดสูงสุด 60% ถึง 10 มี.ค. | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | ศุกร์สบาย,ช็อปปิ้ง,โปรโมชั่น,กิจกรรม,อาหาร,สินค้า,แฟชั่น,Jonathan Adler,ลองเจอเรย์ ซาลอน,นิตยสารนูเมโร,โทคิยะ,ข่าวสตรี,ข่าวไทยรัฐ,ไทยรัฐฉบับพิมพ์,ข่าว | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/579115 |
ย้อนเหตุทุบวงล้อกลางคัน ยุติออกรางวัล คนถูกรางวัลที่ 1 ฟ้องยับ ชวด 3 ล้าน | ย้อนเหตุการณ์ ออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2530 ซึ่งเป็นงวดที่สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเหตุการณ์ครั้งนั้น จะพิลึกพิลั่นอย่างไร เราจะพาย้อนกลับไปดู,การออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2530 สมัยที่ นายเชิดไชย นวะมะรัตน์ เป็นผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในขณะนั้นใช้วิธีการหมุนวงล้อออกรางวัล ปรากฏว่าเกิดเหตุขัดข้องในส่วนของวงล้อในการออกรางวัล ,คณะกรรมการต้องยุติการออกรางวัลเพื่อตรวจสอบ พบว่า มีการดัดแปลงและติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการบังคับวงล้อด้วยรีโมตคอนโทรล, แต่ปกปิดข่าวและตรวจสอบกันเป็นการภายใน,ขณะที่ การออกรางวัลงวดวันที่ 16 ก.ย. 2530 ขณะที่ประธานการจับรางวัลคือ นายวันชัย จิราธิวัฒน์ หมุนวงล้อ แต่วงล้อติดต้องใช้ค้อนทุบจนคลาย ได้หมายเลข 2567670 แต่ประธานสั่งยกเลิกเพราะมีเหตุขัดข้อง และออกเลขใหม่ ทำ,ให้ผู้ถือสลาก 2567670 ยื่นฟ้องสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และนายวันชัย เพื่อเรียกร้องเงินรางวัล 3,000,000 บาท ที่ควรจะได้, จนมีการแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามเรื่องการล็อกเลข สมัยที่ พล.ต.ต.บุญชู วังกานนท์ เป็น ผบก.ป.,ต่อมา พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ยมกกุล เป็น ผบก.ป. เข้าตรวจค้น จับกุมพนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 18 คน ทำสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหา 13 คน อีก 5 คน กันไว้เป็นพยาน เมื่อ 18 มี.ค. 2531 ภายหลังพนักงานอัยการ มีคำสั่งไม่ฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และปล่อยตัวผู้ต้องหา เมื่อต้นปี 2532.,,- ,ย้อนตำนาน หวยล็อก 311 ก้มมอง ล้วงบอล ใส่เลนส์ตา รวยเละทั้งเมือง | ทีมข่าวเจาะประเด็น ย้อนเหตุการณ์ ออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2530 ซึ่งเป็นงวดที่สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเหตุการณ์ครั้งนั้น จะพิลึกพิลั่นอย่างไร | ข่าว,เศรษฐกิจ | หวยล็อก,ล็อกเลข,หวยล็อคกองสลาก,เลขหลุดกองสลาก,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/1422035 |
ยัง เชื่อ ป็อกบา จะงัดฟอร์มแจ่มได้มากกว่านี้แน่ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 22 ต.ค. ว่า แอชลีย์ ยัง ปีกชาวอังกฤษของ ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงเปิดเผยว่า พอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสและเป็นเจ้าของตำแหน่งนักเตะค่าตัวแพงสุดของโลก จะโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ออกมาให้เห็นแน่นอน,ก่อนหน้านี้อดีตดาวเตะ ม้าลาย ยูเวนตุส ถูกสื่อรุมกินโต๊ะอย่างสนุกว่ายังเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัว 89 ล้านปอดน์ และ แล็ตโบร๊กส์ บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายของเมืองผู้ดีออกอัตราต่อรองว่า ป็อกบา จะถูกยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์เขี่ยทิ้งด้วยอัตรา 7/2 ในการย้ายทีมในซัมเมอร์หน้า และ ย้ายออกจากทีมในมกราคมนี้ด้วยอัตรา 10/1,เขา (พอล) เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและเขายังมีอะไรให้เห็นมาก เขายังสร้างความแตกต่างให้กับเกม เขามีพรสวรรค์และความสามารถที่ดี เจ้าของเสื้อหมายของ 18 ในถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด กล่าวผ่าน สกายสปอร์ต สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษ,พร้อมกันนี้ ปีกดาวเตะวัย 31 ปี ยังได้กล่าวถึง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อีกว่า อิบราฮิโมวิช ก็เป็นอีกคนที่ผู้คนจำนวนมากต่างพูดถึงความเย่อหยิ่งและทะนงตัวของเขา แต่สำหรับผมเขาก็ยอดเยี่ยมมากๆ เลยนะ | แอชลีย์ ยัง ปีกชาวอังกฤษของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงระบุ พอล ป็อกบา มิดฟิลด์ค่าหัวแพงสุดของโลกจะฉายฟอร์มที่เจิดจรัสออกมาให้เห็นมากกว่านี้แน่นอน | null | แอชลีย์ ยัง,พอล ป็อกบา,โชเซ มูรินโญ,ปิศาจแดง,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,โอลด์ แทรฟฟอร์ด,พรีเมียร์ลีก | https://www.thairath.co.th/content/761541 |
แถลงภารกิจวันที่ 2 สำเร็จ พาอีก4หมูป่าออกจากถ้ำ เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 ชม. | หลังก่อนหน้านี้ มีภาพรถพยาบาล วิ่งออกมาจากถ้ำหลวง ไปยังจุดลานจอด ฮ. เพื่อนำตัวสมาชิกทีมหมูป่าฯ ส่งรักษายังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งคาดว่า เป็นสมาชิกหมูป่าฯ คนที่ 5,6,7 และ 8,ต่อมา เวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ผ่านด่านตรวจมุ่งหน้าทางเข้าถ้ำหลวง เพื่อติดตามความคืบหน้าในภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ,ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าแสดงความขอบคุณทีมนักประดาน้ำจากต่างประเทศ พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน รวมถึงให้กำลังใจหน่วยซีล ที่เข้ามาช่วยเหลือ สมาชิกทีมหมูป่าในครั้งนี้ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการถ่ายรูป ซีลได้ส่งเสียงตะโกน Hooyah Hooyah Hooyah,จากนั้น เวลา 21.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ศอร.) ได้ตั้งโต๊ะแถลงว่า น้องๆ 4 คน ส่งถึงโรงพยาบาลด้วยอากาศยาน ซึ่งทั้งหมดปลอดภัยดี วันนี้เราเริ่มปฏิบัติการ จนจบภารกิจ ใช้เวลา 9 ชั่วโมง เร็วขึ้น 2 ชั่วโมง จากเมื่อวาน เนื่องจากทีมปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น มีความชำนาญขึ้น รวมกว่า 100 คน ทีมดำน้ำ 18 คน เป็นทีมนานาชาติ หลังจากนี้ เราก็จะประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับปฏิบัติการครั้งต่อไป ให้เร็วขึ้นเหมือนวันนี้,เมื่อถามว่า จะเริ่มปฏิบัติการอีกครั้งเมื่อไหร่ นายณรงค์ศักดิ์ เผยว่า ตามแผน ก็อย่างน้อย 20 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อวานนี้ ก็มีทีมเข้าติดตั้งอุปกรณ์ทันที ทำให้เราปฏิบัติงานได้ไว ซึ่งก็ขอให้สภาพความพร้อมเป็นแบบนี้ ต้องขอให้พระพิรุณยังเมตตาเรา,ส่วนพรุ่งนี้ จะพาออกมาได้กี่คนนั้น ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากทีมดำน้ำได้ทำการเซ็ตเอาไว้แล้ว เรื่องนี้ก็จะไม่ก้าวล่วง. | ณรงค์ศักดิ์ แถลงยัน ปฏิบัติการวันที่ 2 พาอีก 4 หมูป่า ออกจากถ้ำหลวง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ส่ง รพ. สำเร็จ เร็วขึ้นจากเมื่อวาน 2 ชั่วโมง เนื่องจากคนทำงานมากขึ้น และชำนาญขึ้น | ข่าว,ทั่วไทย | ถ้ำหลวง,ทีมหมูป่าอะคาเดมี,นักดำน้ำ,ซีล,เชียงราย,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1331043 |
ขีดเส้นตายพิสูจน์สัญชาติ 30 มิ.ย.นี้ พ้นกำหนดเอาผิดทั้งนาย-ลูกจ้าง | ทะเบียนประวัติกว่า 93,000 คน,นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน สั่งกำชับให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างรีบพาแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาไปพิสูจน์สัญชาติ และจัดทำ/ปรับปรุงทะเบียนประวัติ ระยะที่ 2 ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ One Stop Service ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 23 วัน ที่จะต้องปิดศูนย์ภายในวันที่ 30 มิ.ย.ดังนั้นจึงขอย้ำให้เร่งดำเนินการตามกำหนดเวลาดังกล่าวอย่ารีรอจนถึงวันสุดท้าย เพราะอาจไม่ทันเวลา ทั้งยังอาจไม่ได้รับความสะดวกอีกด้วย และขอเน้นย้ำชัดเจนว่า รัฐบาลจะไม่มีการขยายเวลาออกไปอีกอย่างแน่นอน โดยขณะนี้คงเหลือแรงงาน 3 สัญชาติที่ต้องพิสูจน์สัญชาติจำนวน 37,414 คน เป็นกัมพูชา 30,122 คน ลาว 6,452 คน เมียนมา 840 คน จากยอดที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้น 134,491 คน เป็นกัมพูชา 104,457 คน ลาว 12,327 คน เมียนมา 17,707 คน ส่วนแรงงานคงเหลือที่ต้องเข้าศูนย์ OSS มีจำนวน 93,657 คน เป็นกัมพูชา 61,295 คน ลาว 10,205 คน เมียนมา 22,157 คน จากจำนวนที่ต้องเข้าศูนย์ OSS 360,222 คน,อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวต่อไปว่า หากพ้นกำหนด 30 มิ.ย.นี้ แรงงานต่างด้าวจะไม่สามารถอยู่และทำงานต่อไปได้ ซึ่งกรมการจัดหางานจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวอย่างต่อเนื่อง หากพบคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับ 5,000-50,000 บาท และเมื่อชำระค่าปรับแล้ว คนต่างด้าวจะถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และห้ามขออนุญาตทำงานภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับโทษ ขณะเดียวกันนายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ จะมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | รมว.แรงงาน ขีดเส้นแรงงานต่างด้าวพิสูจน์สัญชาติ จัดทำทะเบียนประวัติ ขออนุญาตทำงานภายใน 30 มิ.ย.นี้ ย้ำไม่ขยายเวลา พ้นกำหนดมีความผิดทั้งนายจ้าง-ลูกจ้างแรงงานต่างด้าว ขณะที่ กกจ. แจงมียอดค้างทำ | ข่าว,ทั่วไทย | พิสูจน์สัญชาติ,แรงงาน,แรงงานต่างด้าว,ทะเบียนประวัติ,กรมการจัดหางาน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1301886 |
ผบ.ตร. ย้ำจับมือบึมไม่ผิดตัว เมิน นปช. แสดงความเห็นหลักฐานโยงเสื้อแดง | วันที่ 16 มิ.ย. พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง การควบคุม นายวัฒนา ภุมริน ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยยืนยันว่า เป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุจริง และเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่ รวมทั้งขณะนี้ ผู้ต้องหาก็ให้การเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน โดยตั้งแต่เกิดเหตุ ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลของนายวัฒนา ตั้งแต่แรก และกำหนดเป็นหนึ่งในบุคคลเป้าหมาย จากนั้นได้สืบสวนและพบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด ที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า และหน้าโรงละครแห่งชาติ รวมทั้งมีการเทียบข้อมูลเหตุระเบิดเมื่อปี 2550 ด้วย จนมาพบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ในบ้านพักย่านบางเขน,พลตำรวจเอกจักรทิพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับพยานหลักฐานที่สำคัญคือ ภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพนายวัฒนา เดินเข้าออกในโรงพยาบาลได้อย่างชัดเจน โดยใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า และถือถุงพลาสติกที่มีลักษณะต้องสงสัย เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลก็พบว่าตรงกับนายวัฒนา,สำหรับแนวคิดการฝักฝ่ายทางการเมือง ถึงแม้ว่าตำรวจจะตรวจพบของใช้ที่บ่งบอกว่าเป็นกลุ่มการเมืองสีแดง ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า นายวัฒนา จะมีความฝักฝ่ายมากน้อยเพียงใด และยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ พร้อมระบุว่า ตัวเองมีข้อมูลทุกเรื่อง ถึงแม้แกนนำ นปช. หลายคน และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความคิดเห็นก็ตาม,โดยหลังจากที่ทหารสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีต่อ และภายในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงข่าวถึงรายละเอียดทั้งหมด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. | ผบ.ตร. ย้ำ จับมือบึม รพ.พระมงกุฎฯ ไม่ผิดตัว โดยมีหลักฐานสำคัญคือภาพจากวงจรปิด เมิน นปช.-ยิ่งลักษณ์ แสดงความเห็น หลังพบหลักฐานในบ้านโยงเสื้อแดง | ข่าว,อาชญากรรม | ระเบิด รพ.พระมงกุฎ,จักรทิพย์ ชัยจินดา,ผบ.ตร.,หลักฐาน,เสื้อแดง | https://www.thairath.co.th/news/crime/975178 |
ของอร่อยเมืองปากน้ำโพ ก๋วยเตี๋ยวหมูแดงย่างเตาถ่าน หอมฉุย ร้านลุงหมู | ผู้สื่อข่าวจ.นครสรรค์รายงานของอร่อย เมื่อมาถึงเมืองปากน้ำโพ ต้องไปพิสูจน์ลองชิมก๋วยเตี๋ยวหมูแดงย่างเตาถ่าน ร้านลุงหมู บนถนนริมเขื่อน ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านความอร่อยมานานกว่า 60 ปี โดยก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อของทางร้าน ต้องไม่พลาดบะหมี่เกี๊ยวต้มยำหมูแดง และบะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดง ซึ่งหมูแดงผ่านการย่างด้วยเตาถ่าน ใช้หมูสดส่วนสะโพกติดมันเล็กน้อย นำไปหมักด้วยเครื่องเทศต่างๆ เช่น กระเทียม พริกไทยป่น เกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย หมักทิ้งไว้นานกว่า 3 ชั่วโมง,จากนั้นนำมาย่างด้วยเตาถ่านที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพราะสามารถควบคุมได้ โดยใช้ไฟปานกลางย่างนานเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้ได้หมูแดงสีแดงสวย กลิ่นหอมควันไฟ เนื้อนุ่มชวนรับประทาน ส่วนรสชาติจะมีติดเครื่องเทศเข้าถึงเนื้อหมู เวลารับประทานจะอร่อยทั่วปากจนขึ้นจมูก,นอกจากนี้น้ำซุปจะต้มด้วยกระดูกเล้งของหมูบวกกับหัวไชเท้า และปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะตัว ซึ่งเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ นานกว่า 3 ชั่วโมง จนได้น้ำซุปที่หอมหวานของกระดูกหมูและหัวไชเท้า จึงทำให้ก๋วยเตี๋ยวในแต่ละชามนั้น มีรสชาติที่โดดเด่นด้วยกลิ่นของกระดูกหมู และหมูแดงย่าง จนทำให้ใครๆ ที่มารับประทานต้องติดใจ แล้วกลับมาทานอีกหลายต่อหลายครั้ง,นายประทวน ฉลองสมบัติ หรือลุงหมู เจ้าของร้าน เล่าว่า สูตรหมูแดงย่าง เป็นของแป๊ะเซ็ง แซ่โง้ว ทำขายมานานจนมาถึงรุ่นลูก และก๋วยเตี๋ยวทุกชามมีการใส่พริกผัดสูตรเฉพาะหอมปนเผ็ด ทำให้น้ำก๋วยเตี๋ยวสีสวยน่ารับประทาน หอมพริกรสชาติเผ็ดนิดๆ เด็กก็ทานได้ ขายในราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท อิ่มในชามเดียว. | ต้องลองแล้วก๋วยเตี๋ยวหมูแดงย่างเตาถ่าน มีให้เลือกทั้งบะหมี่เกี๊ยวต้มยำ บะหมี่เกี๊ยวแห้ง ขายมานานกว่า 60 ปี เขาบอกของอร่อยเมืองปากน้ำโพ สูตรเด็ดใส่พริกผัดหอมๆ ในน้ำก๋วยเตี๋ยว ไม่เผ็ดมาก จริงนะ | ข่าว,ทั่วไทย | หมูแดงย่างเตาถ่าน,ก๋วยเตี๋ยวหมูแดง,ก๋วยเตี๋ยวลุงหมู,ร้านก๋วยเตี๋ยวนครสวรรค์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1210585 |
ด่วน ผู้ประสงค์ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ปี 59 รีบลงทะเบียน ภายใน 31 มี.ค. | กรมศาสนา แนะมุสลิมไทยที่ประสงค์ไปประกอบพิธีฮัจญ์ในปี 59 แต่ยังไม่ลงทะเบียน ให้รีบแจ้งความประสงค์กับบริษัทผู้ประกอบการภายใน 31 มี.ค.นี้ แจงต้องเร่งรัดให้เร็วกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทันกับกรอบเวลาที่ซาอุดีอาระเบียกำหนด จึงจะออกวีซ่าให้ผู้แสวงบุญได้,เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 59 นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับโควตาจำนวนผู้แสวงบุญจากประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวน 10,400 คน ซึ่งแบ่งสัดส่วนได้เป็น ผู้ลงทะบียนแจ้งความประสงค์ในระบบออนไลน์ 8,320 คน ผู้ให้บริการผู้แสวงบุญ (ทีมงานบริษัท ผู้ประกอบการ) 1,880 คน และผู้แสวงบุญตามโครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรม ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 200 คน โดยปีนี้การดำเนินงานฮัจญ์จำเป็นต้องเร่งรัดทุกด้านให้เร็วกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับระบบ E-TRACK ของซาอุดีอาระเบีย ที่นำมาใช้บริหารจัดการฮัจญ์ทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องจำนวนและรายชื่อผู้แสวงบุญจะต้องชัดเจนและเรียบร้อยภายใน 31 มี.ค. 59 เนื่องจากจะไปเชื่อมโยงกับกรอบเวลาในการสำรองบัตรโดยสารเครื่องบิน การจัดเช่าที่พัก การทำสัญญาบริการอาหาร และเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกเรื่องต้องดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่ทางซาอุดีอาระเบียกำหนด สถานทูตจึงจะออกวีซ่าผู้แสวงบุญได้,ดังนั้น พี่น้องมุสลิมทั่วไปที่มีความพร้อมเดินทางปีนี้ แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียน จะต้องรีบแจ้งความประสงค์กับบริษัทผู้ประกอบการ พร้อมชำระเงินประกันการเดินทาง 2 งวด ผ่านระบบออนไลน์ รวม 63,000 บาท ภายใน 31 มี.ค. 59 จะได้รับการขึ้นบัญชีให้เป็นผู้ได้สิทธิ์เดินทางใหม่ตามลำดับคิวต่อไป. | กรมศาสนา เผย มุสลิมไทยที่ประสงค์ไปประกอบพิธีฮัจญ์ แต่ยังไม่ลงทะเบียน ให้รีบแจ้งความประสงค์กับบริษัทผู้ประกอบการด่วน ชี้ ต้องเร่งรัดให้เร็วกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้ทันกับเวลาที่ซาอุดีอาระเบียกำหนด จึงจะออกวีซ่าให้ผู้แสวงบุญได้ | null | ผู้แสวงบุญ,ประกอบพิธีฮัจญ์,ลงทะเบียนด่วน,ซาอุดีอาระเบีย,พี่น้องมุสลิม,ลงทะเบียนออนไลน์,ศอ.บต.,วีซ่าผู้แสวงบุญ,บริษัทผู้ประกอบการ,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,กทม.,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/592685 |
‘จ่ายค่าไฟ ไล่ข่าวปลอม’ ก้าวต่อไป LINE ประเทศไทย ภายใต้หัวเรือใหญ่คนใหม่ ‘พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา’ | แม้แต่องค์กรที่ดูมั่นคงและยั่งยืน การันตีฐานผู้ใช้งานในไทย 44 ล้านคน อย่าง LINE ก็ต้องพร้อมตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาต้นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า มรสุม ขนาดย่อมๆ จะเคลื่อนตัวเข้าไปท้าทาย LINE ประเทศไทยเร็วเหนือความคาดหมาย เมื่อ อริยะ พนมยงค์ อดีตกรรมการผู้จัดการของ LINE ประเทศไทย ที่อยู่ปลุกปั้นแพลตฟอร์มตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ ตัดสินใจลงจากตำแหน่ง เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ที่วิกพระราม 4สองเดือนเต็มที่ LINE ประเทศไทยอยู่ในช่วงสุญญากาศ (ระหว่างนั้นมี อึนจองลี รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริหารธุรกิจระดับโลก ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ) ก่อนจะแต่งตั้งให้ ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา อดีตผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ของ LINE ประเทศไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทอย่างเป็นทางการ พร้อมถือโอกาสปรับผังโครงสร้างผู้บริหารตำแหน่งสำคัญๆ บางส่วนเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในใจใครหลายคน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีส่วนทำให้ LINE ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน รัฐกิจสัมพันธ์ คืออะไร หมายความว่าเราจะได้เห็นความร่วมมือกับรัฐชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ แล้วก้าวต่อไปของ LINE จะเคลื่อนไปยังทิศทางใด หาคำตอบได้จากบทความนี้งานใหญ่ บทบาทใหม่ กับคนคุ้นเคยเราเดินทางมาถึงออฟฟิศ LINE ประเทศไทยในช่วงบ่ายวันหนึ่ง แม้บรรยากาศจะดูไม่คึกคักต่างจากวันที่มีงานแถลงข่าว ซึ่งคับคั่งไปด้วยสื่อมวลชนและคนทำงาน แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าอยู่น่ารักเป็นกันเองสไตล์ออฟฟิศ LINE ทุกครั้งที่แวะมาเยือนสถานที่แห่งนี้ มากไปกว่านั้นคือ พลังงานมหาศาลที่ไหลเวียนจากพนักงานคนหนุ่มสาวที่เดินขวักไขว่ไปมาไม่นานนักก็พบว่า ตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของซีอีโอ LINE ประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งเดิมกับห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารคนก่อนที่ต่างออกไปคือ คราวนี้ตัวห้องถูกนำ กระจกใส มาติดตั้งกั้นเป็นอาณาบริเวณห้องแบบสมบูรณ์แล้วแต่น้องๆ ก็ยังเข้ามาคุยกับผมได้เหมือนเดิมนะ พิเชษฐ์ตอบเมื่อเราถามถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับห้องทำงานใหม่ของเขา และเสริมว่า ที่ต้องนำกระจกมากั้นก็เพราะว่าตนมีประชุมบ่อย แต่ยังต้องการให้น้องๆ พนักงานที่เดินผ่านไปมายังสังเกตเห็นได้และไม่รู้สึกถึงความห่างเหินถ้านับจนถึงช่วงที่เรานั่งคุยกับเขา พิเชษฐ์เพิ่งจะขึ้นมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LINE ประเทศไทยอย่างเป็นทางการได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น แต่หากมองในแง่ความคุ้นเคย เขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลของ LINE เสียทีเดียว เพราะเริ่มทำงานให้กับแชตแอปฯ ยอดฮิตนี้ตั้งแต่ปี 2559 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ที่ผ่านมาก็เริ่มจะลงตัวแล้วครับ เป็น 2 เดือน ที่ทั้งสนุกและเปิดหูเปิดตามาก จริงๆ แล้วก่อนมารับตำแหน่งนี้ ผมไม่ได้ดูแลเรื่องภาคธุรกิจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้เลย เพราะทำงานมาด้วยกันตลอด และผู้บริหารของ LINE ประเทศไทยคนอื่นๆ ก็เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กันมานานก่อนจะมารับตำแหน่งซีอีโอของ LINE ผมเคยอยู่ในตำแหน่ง Director of Corporate Affairs ซึ่งหนึ่งในงานของผมคือ การดูแลฝั่งรัฐกิจสัมพันธ์ รวมถึง Stake-Holder และ Corporate Identity ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนดิ้ง แต่หมายถึงภาพลักษณ์ของเราในสายตาของ Stake-Holder เจ้าอื่นๆ จุดยืนของเราในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีซึ่งงานด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 3-7 ปีที่แล้ว ประเทศไทยยังมีกฎหมายที่ไม่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่จะชี้นำ ซึ่งยังไม่ชัดเจน ดังนั้น งานของผมก็คือ ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ เพื่อนำข้อมูลที่มีในต่างประเทศเกี่ยวกับนโยบายและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาศึกษาว่าเขาทำกันอย่างไร แล้ววางแนวทางด้านนโยบายและกฎหมายให้เข้ากับบริบทประเทศของเรา ทำอย่างไรไม่ให้ประเทศเสียเปรียบ นี่คือคำจำกัดความที่อธิบายรัฐกิจสัมพันธ์ได้ดีที่สุดแล้วเราในฐานะที่อยู่ฝั่งเอกชนก็จะสามารถให้ข้อมูลกับภาครัฐได้ชัดเจนเลยว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ทำอย่างไรเศรษฐกิจดิจิทัลถึงจะโตได้จริงๆ เพราะกฎหรือนโยบาย ถ้าออกมาไม่ดี ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าก็พร้อมจะย้ายประเทศได้ทันที อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ณ วันนี้ไม่เหมือนกับอุตสาหกรรมการผลิตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ผลิตที่ไหนก็ขายที่นั่น ผลิตภัณฑ์ของเทคโนโลยีคือ บริการ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ที่ประเทศนั้นๆ ก็ได้ทั้งนี้ ก่อนจะมาอยู่กับ LINE พิเชษฐ์เคยมีประสบการณ์ดูแลงานด้านรัฐกิจสัมพันธ์ให้กับ Google ประเทศไทยมาก่อน เขาเล่าว่า ความต่างระหว่างสองบริษัทที่เขาเคยและกำลังร่วมงานด้วยคือ Google จะเน้นทำธุรกิจแบบ B2B มากกว่า ขณะที่ LINE เน้น B2C เป็นหลัก ซึ่งในเชิงการทำงานถือว่ามีความแตกต่างกันพอสมควรเป้าหมายหลักยังเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มให้อยู่กับผู้ใช้ตั้งแต่ ตื่นนอน ยัน เข้านอนหนึ่งในคำตอบที่เราอยากได้ยินจากพิเชษฐ์มากที่สุดคือ ก้าวต่อไปของ LINE ประเทศไทย กำลังจะมุ่งไปทางไหน? เพราะการเปลี่ยนผู้นำองค์กรหรือบริษัทย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างขององค์กรนั้นๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับ LINE ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วง ทรงตัว ในแง่จำนวนผู้ใช้งานที่ 44 ล้านรายมาสักระยะแล้วที่สำคัญ ในงาน LINE CONFERENCE 2019 ที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังมีการประกาศนำกลยุทธ์ OMO (Online Merges with Offline) และ Life on LINE มาใช้สร้างแพลตฟอร์มศูนย์กลางการเชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ และเป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐานการใช้ชีวิตของผู้คนให้ได้ โดยที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ การรุกแพลตฟอร์มฟินเทคและ AI มากขึ้นในสัดส่วนคนไทยที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือปัจจุบัน (นับเฉพาะประเทศไทย) น่าจะมีมากถึง 90% ที่ใช้งาน LINE โดยตัวเลขผู้ใช้งานอย่างเป็นทางการของเรา ณ วันนี้ อยู่ที่ 44 ล้านราย ซึ่งค่าเฉลี่ยของการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อวันอยู่ที่ประมาณ 200 นาที ในจำนวนนี้เขาใช้บริการของเรามากถึง 60 นาทีซึ่งโจทย์ที่เราจะทำต่อจากนี้คือ การเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่น่าจะตอบโจทย์การใช้งานของคน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกลับเข้าไปนอน อย่างทุกวันนี้พอตื่นขึ้นมา คนส่วนใหญ่ก็จะใช้แพลตฟอร์มเช็กงานต่างๆ ถัดมาเราจะทำอย่างไรให้คนมาใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มของเรามากที่สุดคือ การทำคอนเทนต์ข่าวและคอนเทนต์บันเทิง LINE TODAY LINE TV และ LINE WEBTOON รวมถึงการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ LINE SHOPPINGเราพยายามสร้างบริการพวกนี้ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคน โอนเงินก็ใช้ LINE PAY ต้องคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า คนต้องอยู่ในแพลตฟอร์มของเราตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงนะ หมายความว่า อย่างน้อยภายใน 24 ชั่วโมง จะ 08.00 น. 20.00 น. หรืออาจจะ 02.00 น. ถ้าคนอยากจะทำอะไรสักอย่าง เราต้องตอบโจทย์เขาให้ได้นิยามที่น่าจะเหมาะกับเรามากที่สุดคือ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของ Life Infrastructure ให้กับผู้ใช้งาน นำเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของทุกคนเข้ามาใช้ อย่างนักพัฒนา Co-Developer ที่เอา API ของเราไปพัฒนา เขาก็สามารถเอาไปพัฒนาได้ไกลมาก บางรายเอา LINE Official Account ของเราไปต่อยอดด้านการศึกษา เช็กชื่อเด็กนักเรียนแล้วส่งเข้าระบบ Pool กลางของโรงเรียน ผู้ปกครองก็สามารถเช็กสถานะลูกๆ ได้ในเชิงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราคงจะได้เห็นเรื่อยๆ อยู่แล้วต่อจากนี้ หลายๆ อย่างที่ LINE ทำในต่างประเทศ เราก็เลือกเอาเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับบ้านเรามาต่อยอดให้บริการในรูปแบบ Localization ส่วนบางอย่างที่ต่างประเทศไม่มี แต่เราเห็น Pain Point หรือโอกาสทางธุรกิจ เราก็เริ่มต้นทำในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น LINE MAN นี่คือข้อดีของเราที่อาจจะไม่ได้เห็นจากแพลตฟอร์มอื่นๆถามถึงการเร่งเติมฐานผู้ใช้งานให้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 44 ล้านราย ซีอีโอ LINE บอกเราว่า ตราบใดที่ยังไม่ถึง 100% (ของจำนวนประชากรไทย) เขาก็ยังเชื่อมั่นว่า LINE จะยังเพิ่มจำนวนผู้ใช้ได้เสมอ แต่ก็อาจจะมีปัจจัยบางอย่างที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายดาต้าอินเทอร์เน็ต ซึ่งการเข้ามาของ 5G น่าจะมีส่วนทำให้แพ็กเกจข้อมูลถูกลง และทำให้คนเข้าถึงบริการของ LINE ได้ดีขึ้นส่วนในวันที่ 12 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จะถือเป็นช่วงเวลาครบ 1 ปีเต็มพอดี หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทยได้ประกาศจับมือกับ LINE จัดตั้ง บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อเตรียมลุยให้บริการสินเชื่อรายย่อย ซึ่งพิเชษฐ์ก็แย้มให้เราฟังแล้วว่า ใกล้เต็มที แล้วที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่จากกสิกร ไลน์ออกมาเดินหน้าแก้ปัญหา เฟกนิวส์ กับรัฐบาล ความกังวลการถูกสอดแนมบน LINE?มะนาวโซดาแก้มะเร็ง ดาราชื่อดังขับรถชนเสียชีวิตแล้ว ชีวิตของเขาดีขึ้นเมื่อได้รู้จักกับสิ่งนี้ ปัญหาข่าวปลอมและการแชร์ข้อมูลแบบผิดๆ ระบาดไปทั่วโลก และลุกลามมาจนถึงเมืองไทย โดยเฉพาะในวันที่เทคโนโลยีการเชื่อมต่อสื่อสารเข้าถึงง่ายขึ้น การใช้เครื่องมือแพลตฟอร์มแบบผิดๆ กระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแบบไม่เจตนาก็ง่ายขึ้นตามไปด้วยช่วงที่ผ่านมา เราจึงเห็นภาพของซีอีโอ LINE ประเทศไทย พูดคุยหารือและจับมือกับ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บ่อยเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันก็กำลังเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาเฟกนิวส์อย่างเต็มกำลัง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็เพิ่งเปิดตัว ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม อย่างเป็นทางการไปแบบสดๆ ร้อนๆข่าวปลอมเกิดขึ้นในทุกๆ แพลตฟอร์ม เมื่อเกิด User Generated Content ขึ้นมา ใครๆ ก็สามารสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง คราวนี้มันก็มีทั้งคนที่ผลิตคอนเทนต์ด้วยข้อมูลที่ถูกและผิด ก็ต้องมาดูว่า เราจะทำอย่างไรเพื่อให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไม่เดินทางไปถึงประชาชนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูด้วยว่า นโยบายการทำงานของเราพอจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้บ้างLINE ให้ความสำคัญในเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของผู้ใชงาน (Users Privacy) มากๆ เพราะฉะนั้นเราจะไม่กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายการมอนิเตอร์ ฟิลเตอร์ หรือสกรีนแชตของผู้ใช้งาน ที่หลายๆ คนกังวลกัน ก็ขอบอกให้ชัดเลยว่า เราจะไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอนซึ่งข้อมูลของผู้ใช้งานที่แชตหากันก็ยังถูกเข้ารหัสไว้ (Data Encryption) นั่นหมายความว่า ต่อให้เราเข้าไปดูข้อมูลของผู้ใช้จริงๆ เราก็จะอ่านไม่ออกอยู่แล้ว มันก็เป็นส่ิงที่ยืนยันได้ว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้จะปลอดภัยแน่นอนแล้วถามว่า เรากำลังจะทำอะไร วิธีการแก้ปัญหาของเราประกอบด้วย 2 ข้อ 1. การให้ความรู้ประชาชน เพราะคนที่ใช้ LINE อยู่ในหลากหลายช่วงวัยมาก พ่อผมอายุประมาณ 82-83 ปี เขายังอยู่ในเจเนอเรชันของคนที่เชื่อว่า อะไรที่ได้เห็นบนโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ เราก็ต้องบอกเขาว่า มันมีวิธีการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องอยู่นะเราถึงทำโครงการ STOP FAKE NEWS ข่าวจริงหรือข่าวปลอม คิดก่อนกด ร่วมกับสำนักข่าว AP เพื่อให้ข้อมูลความรู้คนในการเช็กข่าวปลอมว่าต้องทำอย่างไร ส่วนบนแพลตฟอร์ม เราก็มีระบบรายงาน Reporting System บนไทม์ไลน์ ถ้าใครแชร์ข่าวปลอม แล้วเราเกิดไปเห็นเข้า ก็สามารถแจ้งรายงานเข้ามาในระบบได้ทันทีมีการเปิดเผยเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปนั้น ความร่วมมืออื่นๆ ของ LINE ที่ทำงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็คือ การผลักดันให้แพลตฟอร์มของพวกเขาเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ใช้ในการตรวจเช็กข่าวปลอมของชาวบ้าน เช่น ฟีเจอร์ในลักษณะการส่งลิงก์ข่าวให้กับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เพื่อยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ (จุดนี้ LINE ออกตัวว่า พวกเขาไม่ใช่ Verifier เป็นแค่ช่องทางและแพลตฟอร์มเท่านั้น)จ่ายค่าไฟ ต่อใบขับขี่ ภาพฝันของ LINE รวมทุกบริการภาครัฐไว้บนระบบในฐานะที่เป็นหนึ่งในประชาชนคนไทย เราเองก็เคยจินตนาการถึงการมีแพลตฟอร์มบริการของภาครัฐแบบดิจิทัลที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ทั้งจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ต่อใบขับขี่ จองทำบัตรประชาชน หรือแม้แต่เสียค่าปรับจราจรก่อนหน้านี้ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคการเมืองหลายพรรคก็เคยชูนโยบายที่เข้าข่ายลักษณะที่ว่าออกมาเหมือนกัน เพียงแต่ที่สุดแล้วเราก็ยังไม่มีโอกาสเห็นการขับเคลื่อนไปสู่การทำงานในลักษณะดังกล่าวเสียที หรืออาจจะมีความพยายามดำเนินตามแผนงานอยู่ เพียงแต่อาจจะยังไม่มีการประกาศออกมา หรือเห็นเค้าลางรูปร่างที่ชัดเจนของมันสักเท่าไรพิเชษฐ์บอกว่า ผมเริ่มเห็นความชัดเจนจากหลายๆ กระทรวงในการนำเทคโนโลยีไปทำงานให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งผมคิดว่า LINE น่าจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในด้านนี้ และช่วยให้มันดีขึ้นได้ เพราะในอดีตคนมองเราเป็นแค่เครื่องมือการสื่อสารหรือการตลาด แต่จริงๆ แล้วเรายังทำ Business Solution ด้วย ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่รัฐบาลนำไปใช้ได้ ภาคเอกชนด้วยก็ดีความหมายคือ แพลตฟอร์มของเราน่าจะเป็นช่องทางที่รัฐสามารถให้บริการประชาชนได้เลย ยกตัวอย่างที่ไกลก็เช่น ทุกวันนี้แพลตฟอร์มของเราถูกธนาคารใช้ทำเป็น LINE Official Account กับลูกค้า เพื่อทำให้การบริการของธนาคารทำได้ง่ายขึ้นในลักษณะ Self-Serve ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้บริการมันถูกพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ครั้งถ้าไปเทียบกับการบริการประชาชน ยกตัวอย่าง สมมติการบริหารจัดการเมืองแห่งหนึ่งสามารถทำ API หลังบ้านของเราให้เดินไปเจอถนนฟุตปาธที่ชำรุดแล้ว สามารถแจ้งซ่อมผ่าน LINE ได้ทันที คราวนี้ข้อมูลมันก็จะไปรวบรวมที่หลังบ้าน การจัดสรรงบประมาณตามเขตต่างๆ ก็จะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถจัดสรรงบประมาณให้กับพื้นที่ที่ต้องการงบพัฒนาได้อย่างลงตัว ทีนี้ภาครัฐก็จะสามารถจัดสรรงบได้ถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพตามข้อมูลที่ส่งเข้ามาโดยประชาชนนอกจากนี้เรื่อง การเข้าคิว การติดต่อหน่วยงานราชการก็น่าจะสามารถทำบน LINE ได้ แทนที่จะต้องไปนั่งรอเช้าเสร็จเย็น อย่างสมัยที่ผมยังเด็ก การทำพาสปอร์ตต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ตรงข้ามกับทุกวันนี้ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา เทคโนโลยีมันจะเข้ามาจัดการเพนพอยต์เหล่านี้ได้ ซึ่ง LINE เป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อยู่แล้วถ้าอย่างนั้นในอนาคตเราก็จองต่อใบขับขี่ผ่าน LINE ได้แล้วสิครับ เราถามเขาทันที เพราะเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ก็น่าจะประสบปัญหาการไม่มีเวลาว่างเหมือนๆ กันกับเราจริงๆ ทำได้หมดเลยนะครับ พิเชษฐ์เล่าต่อ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความประสงค์ของแต่ละหน่วยงานรัฐว่าพวกเขาต้องการอะไร แต่มันก็อาจจะมีบางมุมที่เราทำไม่ได้เหมือนกัน ส่วนใหญ่เราจะมองในมุมการเข้าไปช่วยให้บริการประชาชนดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐมาก เหมือนที่ธนาคารทุกวันนี้ก็มีต้นทุนค่าดำเนินการลดลงเรื่อยๆเมื่อถามว่า เราจะเริ่มได้เห็นบริการต่างๆ ของทางภาครัฐที่ถูกยกมาอยู่บนแพลตฟอร์มของ LINE เมื่อไร พิเชษฐ์บอกว่า คงไม่สามารถให้ข้อมูลไทม์ไลน์กรอบเวลาที่ชัดเจนได้ เนื่องจากเป็นกระบวนการของภาครัฐ และเขาก็คงไม่สามารถลัดขั้นตอนใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อย่างน้อยที่สุด การได้ยินจากปากซีอีโอของ LINE ประเทศไทยด้วยตัวเอง ตั้งแต่แนวทางการบริหารงานต่อจากนี้ ไปจนถึงการเตรียมพัฒนาบริการของภาครัฐให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มของพวกเขา ก็ชวนให้เราอดรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วยไม่น้อยเป้าหมายใหญ่สุดของพิเชษฐ์นอกเหนือไปจากการเสริมใยเหล็กให้แพลตฟอร์มของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ยังรวมถึงการทำให้ LINE เป็นองค์กรที่ยั่งยืน ไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลแค่ใครคนใดคนหนึ่งความหมายก็คือ ในอนาคต LINE อาจจะมีการหมุนเวียนตำแหน่งผู้บริหารสลับสับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรได้เรียนรู้งานที่แตกต่างกันออกไปคล้ายๆ กับวิธีที่องค์กรใหญ่ๆ ในต่างประเทศมักจะทำกันและนี่คือทั้งหมดที่ซีอีโอ LINE ประเทศไทยอยากบอกกับคุณพิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล | ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา อดีตผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ของ LINE ประเทศไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัทอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมาเพราะเคยดูแลงานด้านรัฐกิจสัมพันธ์มาก่อน พิเชษฐ์จึงช่ำชองในการดำเนินงานต่างๆ กับหน่วยงานภาครัฐ ที่ผ่านมาเราจึงได้ LINE รุกหนักทำงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะการแก้ปัญหาข่าวปลอมในอนาคต LINE จะต้องเป็น Life Infrastructure ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนให้ได้ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน และอาจรวมถึงการนำบริการต่างๆ ของภาครัฐมาให้บริการบนแพลตฟอร์มด้วย | null | null | https://thestandard.co/line-thailand-phichet-rerkpreecha/ |
ประชุมอาร์บีซีมีมติขยายความร่วมมือในพื้นที่ชายแดนทุกด้าน | พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.อ.เจียมอน ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กองทัพกัมพูชาประธานร่วม การประชุมกรรมการชายแดนภูมิภาคไทย-กัมพูชา หรือ RBC ครั้งที่15 ที่จังหวัดนครราชสีมา มีมติร่วมกันในการขยายความร่วมมือในพื้นที่ชายแดนในทุกด้าน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยระหว่างการประชุม RBC ไทยและกัมพูชาได้จัดประชุมนอกรอบคู่ขนานกันไป โดยมี พล.อ.เนียง พาส รัฐมนตรีช่วยกลาโหมของกัมพูชาหารือกับ พล.ท.ธวัชชัย และได้กรอบการทำงานร่วมกันถึงแนวทางและห้วงเวลาในการปรับกำลังทหารรอบพื้นที่เขตปลอดทหาร และการทำงานของผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์การปรับกำลังในพื้นที่ และจะมีการนำข้อเสนอที่ได้ ส่งให้กรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC พิจารณาให้ความเห็นชอบในการประชุมที่กรุงพนมเปญในเดือนหน้า โดยกองเลขาธิการของทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือในรายละเอียดร่วมกันอีกครั้งนอกจากนี้ในที่ประชุมคู่ขนาน ยังมีข้อเสนอให้เปิดปราสาทพระวิหาร สำหรับนักท่องเที่ยวจากฝั่งไทย สามารถเดินทางขึ้นไปบริเวณตัวปราสาทได้ โดยในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ชายแดนของทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อพิจาณาในเรื่องดังกล่าวร่วมกันส่วนปฏิกิริยาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยเฉพาะชาวบ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย จับกลุ่มพูดคุยถึงผลการประชุม RBC โดยบอกว่าการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ หลังจากชาวบ้านตามแนวชายแดนได้รับผลกระทบจากปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนมานานกว่า 3 ปีทั้งนี้ชาวบ้านบอกว่าอยากให้ไทยและกัมพูชามีข้อตกลงร่วมกันในการเปิดให้ขึ้นชมปราสาทพระวิหารในฝั่งไทยเพราะจะสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น แต่ยังกังวลเรื่องการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาทตามคำสั่งของศาลโลก ซึ่งต้องมีความชัดเจนในแนวทางปฎิบัติเพราะเกรงว่าชาวกัมพูชาจะรุกล้ำเข้ามาตั้งบ้านเรือนในฝั่งไทย รวมทั้งเห็นด้วยหากมีการให้ตำรวจตระเวณชายแดนขึ้นไปรักษาความปลอดภัยในพื้นที่แทนหากมีคำสั่งให้ถอนทหาร | รัฐมนตรีช่วยกลาโหมกัมพูชาและแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ตกลงในหลักการให้ปรับกำลังทหารออกจากเขตปลอดทหาร ในการประชุม RBC โดยให้ใช้ตำรวจเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แทน และเห็นด้วยในหลักการเปิดการท่องเที่ยวเข้าไปยังตัวปราสาทพระวิหารจากฝั่งไทย | ภูมิภาค | กัมพูชา,ประชุม,พระวิหาร,ศรีสะเกษ,แม่ทัพภาคที่ 2 | https://news.thaipbs.or.th/content/29988 |
โลกาภิวัตน์ 30/01/60 | ฟ้าแดงเหนือทะเลบอลติก,ภาพถ่ายระยะไกลของท้องฟ้าสีแดงฉานเหนือเมืองชตราลซุนด์ ทางชายฝั่งทะเลบอลติกของประเทศเยอรมนี เมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์รายเรียงกันเป็นแถวจากซ้ายไปขวา ตั้งแต่โบสถ์เซนต์แมรี โบสถ์เซนต์เจค็อบ โกดังท่าเรือ และโบสถ์นิโคไล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก.,นักบินอวกาศชาวผู้ดีกับแคปซูลรัสเซีย,ทิม ปีเก้ นักบินอวกาศสหราชอาณาจักร นั่งเคียงข้างแคปซูลอวกาศ Soyuz TMA–19M ซึ่งรัสเซียสร้าง และเป็นแคปซูลนำนักบินอวกาศไปกลับระหว่างสถานีอวอาศนานาชาติ (ISS) กับโลก แคปซูลนี้ถูกนำมาตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในกรุงลอนดอน ส่วนทิมเป็นมนุษย์อวกาศอังกฤษคนแรกที่ได้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนไอเอสเอสนาน 185 วัน (15 ธ.ค.2558–18 มิ.ย. 2559),ดื่มชาแก้หนาวสไตล์เจ้าจ๋อ,ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เดเบรเซน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ต้องใช้มือประคองถ้วยชาอุ่นๆ ให้บรรดาสัตว์เล็กๆชนิดอื่นในสวนสัตว์จิบดื่มบรรเทาความหนาวเย็น แต่ลิงคาปูชินสีน้ำตาลไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากมนุษย์ เจ้าจ๋อแสนรู้ใช้มือทั้งสองข้างจับถ้วยชายกดื่มได้เหมือนกับเด็กๆ ทั้งนี้ลิงคาปูชินเป็นลิงหางยาวและมีความแข็งแรง อยู่ในกลุ่มลิงโลกใหม่ พบได้ทางแถบทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง. | ภาพถ่ายระยะไกลของท้องฟ้าสีแดงฉานเหนือเมืองชตราลซุนด์ ทางชายฝั่งทะเลบอลติกของประเทศเยอรมนี เมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์รายเรียงกันเป็นแถวจากซ้ายไปขวา | ข่าว,ไอที | นักบินอวกาศ,ภาพถ่าย,ชตราลซุนด์,แคปซูลอวกาศ | https://www.thairath.co.th/news/tech/846189 |
หลานสาว ร่ำไห้ สุดผวาหนีออกจากบ้าน แจ้ง 191 ลุงหื่น ทำอนาจาร ขออึ๊บ | เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. 61 ร.ต.อ.สุริยัน แก้วพิทูลย์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมสายตรวจตำบลบางวัว หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ตรวจสอบเหตุหญิงขอความช่วยเหลือหลังถูกลุงลวนลาม โดยวิ่งหลบหนีอยู่บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ใกล้เคียงทางโรงเรียนจันทร์เจริญ หมู่ 3 ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง,ตรวจสอบการพบ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี วิ่งร้องไห้ออกมาจากข้างทาง แล้ววิ่งขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ ก่อนจะมี นายดำ (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้า ทะเบียน กลฉ 443 ฉะเชิงเทรา ตามมา แล้วพยายามจะมานำตัว น.ส.ณัทฐวิภาณ์ กลับบ้าน โดยทาง น.ส.เอ ไม่ยอมกลับ พร้อมบอกว่าตนเพิ่งจะวิ่งหนีตายออกมาจากบ้าน หลังถูกนายดำ ซึ่งเป็นลุง พยายามทำอนาจาร และลวนลามขณะอยู่บ้านกันสองคน โดยคนอื่นออกไปทำงานนอกบ้านกันหมด ซึ่งทางตำรวจได้ควบคุมตัว นายดำ เอาไว้ พร้อมนำตัว น.ส.เอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11,เบื้องต้น สอบสวนนายสุพจน์ ให้การว่าช่วงปีใหม่ได้กลับบ้านที่จังหวัดมหาสารคาม แล้วทางญาติได้ฝาก น.ส.เอ มาทำงานที่บางปะกง โดยมาพักอยู่ที่บ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 4 ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง ได้ 4 วันแล้ว แล้ววันนี้เห็นว่าหลานสาวยังไม่กินอะไร จึงเดินไปเรียกให้มาทำกับข้าวกิน แต่หลานสาวบ่นว่าอยากกลับบ้าน แล้วก็ร้องไห้ ก่อนจะเดินออกมานอกบ้าน ตนกลัวว่าหลานสาวจะเป็นอันตรายจึงขี่รถติดตามมา โดยไม่ได้ทำอนาจารหลานสาวแต่อย่างใด,ส่วน น.ส.เอ เผยว่าได้มาอาศัยกับลุงได้ 4 วัน เพื่อจะมาหางานทำ โดยทุกวันจะถูกลุงแตะเนื้อต้องตัว ลวนลามหลายครั้ง จนวันนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน นายดำเดินมาเรียกให้ทำกับข้าว และฉวยโอกาสทำอนาจาร ก่อนจะพยายามขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย ทำให้ตกใจกลัวจึงวิ่งหนีออกมา พร้อมโทรแจ้ง 191 เพื่อประสานตำรวจในพื้นที่ให้ช่วยเหลือ โดยเบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาทำอนาจาร และอาจจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม แต่อยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายดำให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา | หลานสาววัย 20 ถึงร่ำไห้ ทนไม่ไหวหนีออกจากบ้าน แจ้ง 191 สุดผวา! ลุงหื่น ทำอนาจาร ขอมีเพศสัมพันธ์ เผยญาติฝากมาให้อยู่บ้านลุงเพื่อมาหางานทำ ด้านลุงวัยดึก อ้าง ไม่ได้ทำ แค่จะเรียกให้มากินข้าว ขี่ จยย.มาตามเพราะเป็นห่วง | ข่าว,ทั่วไทย | หลานสาว,ลุงสุดหื่น,มีเพศสัมพันธ์,ทำอนาจาร,ฉะเชิงเทรา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1171538 |
แรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นเกิน 1 ล้านคนแล้ว | รอบแรกแล้วเว็บไซต์ รายงานว่ากระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นได้ทะลุหลัก 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีนร้อยละ 30 ของแรงงานต่างชาติทั้งหมด (มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9) ตามมาด้วยเวียดนามที่ร้อยละ 16 (มีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50)การเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างชาติในปี 2559 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20 จากปี 2558 สืบเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรงในภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวในปี 2563 และในการฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2554 โดยการจ้างงานแรงงานต่างชาติในภาคก่อสร้างเมื่อเดือน ต.ค. 2559 มีถึง 41000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีประมาณ 29000 คนทั้งนี้ขาดแคลนแรงงานในประเทศนับตั้งแต่ปี 2534 ผลสืบเนื่องมาจากจำนวนประชากรที่ลดลงและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระหว่างวันที่ 20-27 ม.ค. 2559 ที่ผ่านมา กรมการจัดหางาน ร่วมกับองค์กร IM ประเทศญี่ปุ่น เปิดรับสมัครคนหางานเพื่อไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านองค์กร IM ปี 2559 ครั้งที่ 1 ตำแหน่งคนงานทั่วไป ระยะเวลาฝึกปฏิบัติงาน 1 ปีหรือ 3 ปี ได้รับเบี้ยเลี้ยงตลอดการฝึกงานโดยในเดือนแรกได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 80000 เยน หรือประมาณ 24000 บาท และ IM ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าที่พัก ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ยกเว้นค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 12 หรือเดือนที่ 36 จะได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคจะต้องรับผิดชอบค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ และค่าประกันสังคม ฝึกครบ 1 ปี จะได้รับประกาศนียบัตร รับรองการฝึกงาน และจะได้รับเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 200000 เยน หรือประมาณ 61000 บาท ผู้ฝึกงานครบ 3 ปี จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และจะได้รับเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600000 เยน หรือประมาณ 184000 บาท | เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมามีแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นพุ่งสูงเกินกว่า 1 ล้านคนแล้ว ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีนตามมาด้วยเวียดนาม ส่วนไทยเปิดรับสมัครแรงงานฝึกงานไปญี่ปุ่นประจำปี 2560 | ต่างประเทศ,แรงงาน | ญี่ปุ่น,แรงงานข้ามชาติ | https://prachatai.com/journal/2017/01/69823 |
15 ปีแห่งมิตรภาพ ลูลู่-ลาล่า อาร์สยาม มองข้ามดราม่าเข้าใจ โลกมายา ใช้ธรรมะบำบัด | 15 ปี กับชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของสองสาวคู่ซี้สายฮา ลูลู่–ลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคุ้นเคยกับภาพของนางรำอารมณ์ดีจากวงโปงลางสะออน จนกระทั่งแยกย้ายมาเป็นศิลปินคู่ดูโอ ที่กำลังมีผลงานละครทางช่อง 8 ทั้งเรื่อง มณีนาคา, เทพธิดาขนนก, วิญญาณพิศวง รวมถึงซิงเกิลใหม่ล่าสุด ไผกะได้ ที่ปล่อยมาตั้งแต่ปีใหม่ให้แฟนๆได้ฟังกัน เป็นเพลงอีสานบ้านๆ แนวอินดี้ หมอลำม่วนๆ ผสมดิสโก้ สองสาวมีความแตกต่างกันมากแต่กลับรู้ใจกัน ชนิดที่เรียกว่าแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว ส่วนความรัก ลูลู่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาว หลังจากคบหาดูใจหนุ่มนอกวงการ ชาติ-สุชาติ พิลึก มายาวนานถึง 16 ปี โดยตั้งใจจัดงานแบบเรียบง่าย ผิดกับลาล่า หัวใจยังว่างเพราะ เป็นสาวเรื่องเยอะ รายละเอียดมาก เลยต้องรอ เนื้อคู่ ต่อไป ใน คนดังนั่งคุย,แนวเพลงผสมเยอะไปมั้ย?,ลาล่า, (หัวเราะ) เราจะไม่เหมือนใครค่ะ ทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำ แต่อย่างน้อยเราเป็นแนวอีสานชัดเจนเพียงแต่บวกลูกเล่นของดนตรีเข้าไป ก็จะได้มีความสนุกสนานเพิ่มมากขึ้น เวลาแฟนๆ ได้ฟัง หรือเวลาเปิดตามรถแห่ต่างๆ หรือวงหมอลำเอาไปเล่นสดกันก็จะได้เต้นตามกันม่วนๆค่ะ, เราถนัดปากกับแนวอีสาน?, ถ้าเป็นภาษาอีสานถนัดแน่นอนค่ะ แต่ถ้าเป็นเพลงหมอลำ สารภาพเลยว่าไม่ถนัด เพราะการร้องหมอลำมันยากมากค่ะ ถ้าเทียบกับพี่ จินตหรา พูนลาภ ที่มีลูกคอ 9 ชั้น 10 ชั้น สำหรับเรายังไม่ได้สักครึ่งชั้นเลยค่ะ (หัวเราะ),กระแสซิงเกิลนี้เป็นไงบ้าง?,ลาล่า, ช่วงแรกๆ อาจจะช้าๆหน่อย แต่พอเราพยายามโปรโมต เดินสายสื่อด้วย กระแสตอบรับ ก็ดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนหันมาฟังเพลงเราคนเดียว เพราะนักร้องทุกคนก็มีแชนแนลเป็นของตัวเอง เลยต้องแข่งขันกับเพลงหลากหลายแนว และเดาใจผู้ฟังไม่ถูกว่าเค้าชอบแนวไหนกันแน่ อย่างหลายๆเพลงที่ยอดหลายร้อยล้านวิว ก็ยังงงกันว่ามาได้ยังไง เนื้อร้องเป็นคำง่ายๆ เด็กๆร้องตามได้ไม่ต้องคิดมาก มีท่อนให้จดจำเป็นคำที่เราใช้จนติดปาก แต่ก็อาจจะมีข้อจำกัดตรงเป็นคำทะลึ่งบ้าง สองแง่ สามง่าม ซึ่งเราก็ใช้ไม่ได้ เพราะเรามีเด็กๆ เยาวชนติดตามเป็นแฟนเพลงอยู่มาก,บางคนก็บอกว่าถ้าโชว์ไม่ทะลึ่ง ก็จะไม่สนุก?, ลาล่า, ถ้าเป็นงานโชว์บนเวที พอจะมีได้บ้าง แต่ถ้าเป็นการทำเพลงลงยูทูบเผยแพร่ทั่วไป มันทำไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าเด็กๆฟังก็จะไม่เหมาะสม และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี,แสดงว่าเราเป็นศิลปินดูโอที่มีกลุ่มเด็กๆ อายุน้อยๆ เป็นแฟนคลับเยอะมาก? ,ลูลู่, ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กๆ กลุ่มครอบครัว และผู้ใหญ่ไปเลย,อย่างลูลู่ที่บุคลิกพูดไม่ชัด มีเด็กเดินมาถาม หรือพูดไม่ชัดใส่เรามั้ย? ,ลูลู่ ,ส่วนมากจะเป็นวัยกลางคนมากกว่า ซึ่งพอจำได้ว่าเป็นลูลู่ก็จะขอฟังเราพูดไม่ชัด แต่ถ้าเป็นเด็กๆเลย จะเขินอายเรา แต่ก็จ้องมองเราเหมือนตัวการ์ตูนอยากจับอยากเล่น ในขณะที่รุ่นพ่อแม่จะตื่นเต้นไปกับเรามากกว่าค่ะ,คนส่วนใหญ่เชื่อจริงๆ มั้ยว่าลูลู่พูดไม่ชัดจริงๆ?,ลาล่า, ตอนนี้ ก็เชื่อได้เลยว่าลูลู่พูดไม่ชัดจริงๆ เพราะลิ้นเค้าไปแล้ว ฝึกพูดไม่ชัดมา 15 ปี จนทุกวันนี้ เวลาพูดเร็วๆ มันก็ไม่ชัดจริงๆ แล้วค่ะ (หัวเราะ),ลูลู่, อย่างตอนไปถ่ายละคร บางประโยคก็ต้องขอเทกใหม่ จนบางทีก็ขำตัวเอง ว่าทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ทั้งๆที่ตั้งใจพูดแล้ว ทำไมยังไม่ชัดอีกเหรอ,แล้วมีนอยด์บ้างไหมที่ใครว่าเราพูดไม่ชัด?, ลูลู่, ไม่เคยนอยด์ เพราะตลกตัวเองมากกว่า,ลาล่า, คนอื่นๆก็ตลกกับเค้าไปด้วย เพราะ 10 ปีเต็มที่อยู่กับโปงลางสะออน และอีก 5 ปีที่วิ่งงานเอง 2 คน เดือนหนึ่งเกือบ 40 งานที่เค้าต้องพูดแบบนี้ ก็คือลู่ต้องพูดไม่ชัดทุกวันค่ะ (หัวเราะ),เราอยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว?,ลาล่า, เซ็นสัญญาอยู่ในอาร์เอสมาแล้ว 13 ปีค่ะ แต่ก่อนนั้นก็ทำงานกับพี่อี๊ด-โปงลางมา 5 ปี,เรียกว่าทั้งชีวิตโลดแล่นอยู่ในวงการนี้มาตลอดเลย? ,ลูลู่, ใช่ค่ะ แต่มันก็เหมือนชีวิตประจำวันเราไปแล้ว ไม่ได้คิดเลยว่าเราต้องทำงานทุกวัน แต่เรารู้สึกว่าเราได้ไปทำงานต่างจังหวัดทั่วประเทศได้ประสบการณ์ ได้เที่ยว ได้เจอผู้คน เจอเจ้าภาพผู้ใหญ่ที่เมตตาดูแลเรา มีน้ำจิตน้ำใจไมตรีดีมากๆ แทบจะไม่ต้องควักเงินซื้อข้าวกินเองเลย,พอใจกับชื่อเสียงกับสิ่งที่ได้มา?, ลูลู่, พอใจค่ะ และจริงๆ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะได้มีชื่อเสียงขนาดนี้,ลาล่า, เรียกว่าเราไม่ได้ไขว่คว้าตั้งแต่แรก เราไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเป็นลูลู่-ลาล่า เป็นศิลปินดารา ไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นซุปตาร์,นอกจากจะขายความวาไรตี้ ความฮา แล้ว ก็จะมีขายเซ็กซี่ได้อยู่นะ?,ลูลู่, (หัวเราะ) ถ้าถามเรา เราได้นะคะ แต่ถ้าถามคนอื่น ไม่รู้เค้าจะได้กับเรามั้ย แต่ก็อยากให้ทุกคนมองว่ามันคือสไตล์ของเรา ที่ไม่ต้องเซ็กซี่มาก, ลาล่า, ถ้าส่วนตัวคิดว่า โดยสรีระของผู้หญิง มันสวยงามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะดำขาว อ้วนผอม แต่ทุกคนมีมุม มีความน่ารักความสวยมีเสน่ห์ในตัวเอง และตากล้องเองก็มีเทคนิคในการหามุมเซ็กซี่ของนางแบบแตกต่างกันไป,ไม่,จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงหุ่นบาง เอวเล็ก ถึงจะเซ็กซี่? ,ลาล่า ,ใช่ค่ะ คนอ้วนก็สามารถเซ็กซี่ได้ อย่างที่เห็นว่าเราสองคนลุกขึ้นมาถ่ายเซ็กซี่ โชว์เนินอก โชว์เว้าโชว์แหว่ง เพื่อเก็บไว้ในช่วงอายุหนึ่งของเรา เพราะอย่างงานแสดง งานโชว์ พิธีกร เดินแบบ ถ่ายแบบ ทุกอย่างเราทำมาครบหมดแล้ว ถ้าเหลืออีกอย่างที่ยังไม่ได้ทำคือถ่ายเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงแก้ผ้าหมด เราก็มีลิมิต ด้วยสรีระของเราก็รู้ว่าเราไปถึงตรงไหนได้,ลุกขึ้นมาเซ็กซี่แฟนก็ไม่ห้ามใช่มั้ย?,ลูลู่, อ้อ ไม่ได้ห้ามค่ะ, ,ลาล่า, ไม่เคยห้าม เพราะห้ามไม่อยู่ (หัวเราะ),ลูลู่, เค้าต้องเข้าใจแหละ ว่างานเราเป็นแบบไหน และเราเองก็ต้องรู้ลิมิตตัวเองว่าได้แค่ไหน ซึ่งงานของลู่ เค้าจะไม่เคยเข้ามายุ่ง เพราะงานคืองาน,ลาล่า, เราก็ไม่ได้อายุน้อยๆแล้ว การตัดสินใจอะไรบางอย่าง เรารู้ว่าอันไหนที่มันเหมาะสมหรือไม่, แต่ส่วนหนึ่งเราก็จะเจอกับสายดราม่า ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ เจอกระแสที่คิดคนละมุมกับเรา เรารู้สึกยังไง? ,ลาล่า, แรกๆ ก็ทำให้ดึงพลังของเราไปเยอะเหมือนกัน ร้องไห้ เสียใจ จนมาเจอธรรมะ ใช้ธรรมะบำบัดตัวเอง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ตั้งจิตให้คนที่เค้าคิดว่าเรา หนึ่ง เค้าไม่รู้จักตัวตนเรา เค้าเป็นใครก็ไม่รู้ และบางทีสิ่งที่เค้าพูดก็ไม่ใช่ความจริง คนที่รู้ความจริงดีที่สุด คือเราสองคน,10 กว่าปีที่อยู่วงการมา ทำให้เราใจเย็นลง? มีสติ ดึงสติตัวเองได้? ,ลูลู่, ใช่ค่ะ เหมือนเป็นโรงเรียนที่สอนเราให้รู้ว่าเราต้องทำตัวยังไง ให้อยู่ในวงการนี้,ลาล่า, มันก็เหมือนคนละโลกเนอะ ถ้าเราไม่ใช่ ลูลู่-ลาล่า เราก็จะเป็นคนธรรมดา แต่ที่นี่เป็นโลกบันเทิงซึ่งจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเราห้ามเค้าไม่ได้ แต่สิ่งที่เราห้ามได้คือใจเราเองให้เย็นลง,อัปเดตเรื่องแต่งงานของลูลู่ สรุปเลือกได้หรือยัง?,ลูลู่, เลือกได้แล้วค่ะ ก็คบกันมา 15-16 ปีแล้ว, เค้าทนเรา หรือเราทนเค้า?,ทุกอย่างเราต้องทนกันและกัน (หัวเราะ), แล้วอะไรที่ทำให้เราจับมือกันได้ยาวนาน? ,เราคบกันตั้งแต่เรายังไม่มีชื่อเสียง ยังไม่มีอะไรเลย ยังได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่,แล้วระหว่างทางมีปล่อยมือ หรือทะเลาะกันบ้างมั้ย? ,มีค่ะ เป็นปกติชีวิตคนเรา แต่เวลาก็ทำให้เราคิดได้ว่าผู้ชายคนนี้ดีกว่าคนอื่น เพราะเราใช้เวลาศึกษากันมานานกว่าคนอื่นๆ ที่เพิ่งเจอกัน ซึ่งมันละเอียดอ่อน และทำให้เข้าใจว่าคนเดิมนี่แหละที่ใช่,แล้วมีแพลนจะแต่งในปีนี้?,ใช่ค่ะ ประมาณปลายๆปี นี่พี่สาวก็เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก มาเป็นผู้ใหญ่ช่วยหาฤกษ์ ซึ่งก็คิดไว้ว่าจะจัดงานกันแค่เล็กๆ แบบกินข้าวกับครอบครัว กับเพื่อนสนิท เราอยากจัดงานเพื่อครอบครัวของเรา คนที่เชิญคือแค่ขอให้มาเป็นสักขีพยานว่าเรามีงานมงคลเกิดขึ้น,ไม่ได้อยากมีพิธี?,ไม่ค่ะ แค่ทำบุญเช้า แล้วทานข้าวด้วยกัน, ลาล่า ช่วยเสริม, เรื่องของเรื่องคือ จริงๆลู่อยากแต่งตั้งแต่ตอนพ่อแม่ยังอยู่ ก็คุยกันไว้ แต่ด้วยความไม่พร้อม ทั้งเรื่องงานเรื่องอะไร จนตอนนี้ทั้งพ่อทั้งแม่ไม่อยู่แล้ว,ลูลู่, ก็เลยไม่รู้จะจัดพิธีใหญ่ไปเพื่ออะไรค่ะ,ลาล่า, แล้วตัวลูลู่เค้าก็ ไม่ชอบเว่อร์วังอลังการ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ,งานแต่งเน้นเรียบๆ ไม่ต้องมีธีมหรือเปล่า? ,ลูลู่, มีธีมค่ะ เป็นธีมผ้าขาวม้า เพราะเราเป็นคนอีสาน ถ้าคิดถึงภาคอีสาน ก็จะคิดถึงผ้าขาวม้า ผ้าถุงค่ะ และลายของผ้าขาวม้าก็เตะตาโดดเด่น ถ้าเราจัดงานแล้วให้ทุกคนแต่งชุดผ้าขาวม้า ดูบ้านๆ สนุกๆดี,แล้วลาล่าล่ะเมื่อไหร่จะมีแฟน?,ลาล่า, (หัวเราะ) เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เรื่องมาก เป็นคนขี้เหงาที่แบบอะไรยังไงก็ได้ แต่พออยู่ไปอยู่มา สรุปว่าไม่ใช่เพราะผู้ชายเรื่องเยอะ แต่เรานั่นแหละเรื่องมาก เพราะเราเป็นคนที่มีรายละเอียดเรื่องความรักเยอะ การที่ใช้คำว่าแฟนกับล่าน่ะ มันเป็นเรื่อง, ลูลู่ ขยายความ, มันมีคำว่า เรื่องมาก กับเลือกมาก ที่เป็นเส้นบางๆ กั้นกันอยู่ค่ะ (หัวเราะ) เลยเหมาะที่จะอยู่คนเดียว,ลาล่า, ตอนแรกก็ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ๆใครก็ได้ มาดูแลฉันหน่อย แต่สิ่งที่เราต้องการมันก็ไม่ใช่ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้,โสดมากี่ปีแล้ว?,โสดมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ,ดูเราสองคนเป็นคู่ดูโอที่แตกต่างกันมาก?,ลาล่า, ต่างกันมากค่ะ แต่ต่างกันแบบอยู่ด้วยกันได้ อย่างเรื่องการนอน คนหนึ่งต้องปิดไฟมืดสนิท แต่อีกคนต้องเปิดไฟเปิดทีวี ก็หาข้อตกลงคนละครึ่งทางก็ทำให้นอนด้วยกันได้, มิตรภาพของ ลูลู่-ลาล่าที่ยั่งยืนเพราะอะไร? ,ลูลู่, เราเหมือนแฟนกัน,ลาล่า, มันคือความจริงใจ ความเข้าใจ และความซื่อสัตย์ระหว่างเราสองคน กล้าพูด กล้ารับความจริงซึ่งกันและกัน เหมือนกระจกที่สะท้อนซึ่งกันและกัน ถึงเราเป็นน้อง เค้าก็ให้เกียรติที่จะฟังเรา แม้กระทั่งเรื่องของเค้า เราก็สามารถพูดแทนได้ คือแชร์กันทุกเรื่อง และทำทุกวันให้มีความสุขด้วยกันค่ะ.,ทีมข่าวบันเทิง | 15 ปี กับชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของสองสาวคู่ซี้สายฮา ลูลู่–ลาล่า อาร์-สยาม ที่ทุกคนคุ้นเคยกับภาพของนางรำอารมณ์ดีจากวงโปงลางสะออน จนกระทั่งแยกย้ายมาเป็นศิลปินคู่ดูโอ ที่กำลังมีผลงานละครทางช่อง | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | ลาล่า อาร์สยาม,ลูลู่ อาร์สยาม,ลูลู่ ลาล่า,ลูลู่ ลาล่า อาร์สยาม,คนดังนั่งคุย,ทีมข่าวบันเทิง,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1581265 |
บช.น.สั่งตร.เฝ้าสถานทูตอินโดฯ 24 ชม.ป้องกันเหตุร้าย | วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปสังเกตการณ์บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ท้องที่สน.พญาไท พร้อมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ฝากขอบคุณ รัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ความสำคัญ ส่งกำลังมาดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา ซึ่งสถานทูตไม่ได้มีการร้องขออะไรเป็นพิเศษ พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยว่า เบื้องต้นเขายังไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนอยู่ ทางจาการ์ตาก็ขอบคุณมาเช่นกัน เรามาดูแลก็เพราะต้องการให้เขาสบายใจ แต่บ้านเราก็คงไม่มีอะไร สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย รรท.ผบช.น.มีคำสั่งให้ตำรวจนครบาลพญาไท ตั้งกองอำนวยการดูแลความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตลอด 24 ชั่วโมง | รรท.ผบช.น. ยืนยันเหตุระเบิดที่ประเทศอินโดนีเซียไม่กระทบถึงประเทศไทย พร้อมสั่งเพิ่มกำลังตำรวจรักษาความปลอดภัยหน้าสถานสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ตลอด 24ชั่วโมง | ต่างประเทศ | ThaiPBSNews,จาการ์ตา,อินโดนีเซีย,ก่อการร้าย,สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย | https://news.thaipbs.or.th/content/7308 |
นายกฯ ชวนคนไทยรับเสด็จ ในหลวง พร้อมร่วมงานวิสาขบูชา 10 พ.ค.นี้ | เมื่อวันที่ 2 พ.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำผู้บริหารกระทรวง กรมการศาสนา และองค์กรเครือข่ายทางศาสนาเข้าพบนายกฯ เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์เทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 60 และงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประจำปี 60 ระหว่างวันที่ 4-10 พ.ค.นี้,โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันวิสาขบูชาถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกันทำบุญ ตักบาตร สวดมนต์ ทำบุญไหว้พระทั่วประเทศ ซึ่งวันที่ 10 พ.ค. กทม.ได้จัดพิธีทำบุญเนื่องในวันวิสาขบูชา ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ในวันดังกล่าวด้วย จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมรับเสด็จ ทั้งนี้ขอนำหลักศาสนาทั้งการทำบุญตักบาตร สวดมนต์ไหว้พระ นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สังคมจะได้ปลอดภัย มีความสุขอย่างยั่งยืน,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ ได้หันไปพูดคุยกับเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมว่า หลักพระพุทธศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ ถ้าทำได้ทั้งหมดทั้งประเทศ เชื่อว่าประเทศจะก้าวหน้าไปอย่างไม่มีวันหยุดยั้งได้ ประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนช่วยกันพัฒนา ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันพัฒนา,จากนั้นเด็กๆ ได้หยิบเข็มกลัดดอกบัวมอบให้กับนายกฯ ทั้งนี้นายกฯ ยังได้เขียนข้อความลงบนบัตรอวยพรวันวิสาขบูชา ที่มีบทประพันธ์ของ นายประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ ที่แต่งบทประพันธ์ในวันวิสาขบูชาว่า ขอให้คนไทยทุกคนให้ความสำคัญกับวันสำคัญของศาสนา และนำสู่การปฏิบัติให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม จิตใจบริสุทธิ์ สังคมปลอดภัย ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน | นายกฯ เชิญชวนคนไทยร่วมรับเสด็จ ในหลวง งานวันวิสาขบูชา ณ วัดพระแก้ว พร้อมขอคนไทยนำหลักธรรมปฏิบัติ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อสังคมที่มีสุขและยั่งยืน | ข่าว,การเมือง | นายกฯ,วิสาขบูชา,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,วันวิสาขบูชา | https://www.thairath.co.th/news/politic/928758 |
SC ASSET ส่งแคมเปญ Walk With Me ย้ำภาพลักษณ์สังคมไม่มีรั้ว | วันที่ 6 ก.ย. 59 นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงแคมเปญ Walk With Me มิตรภาพดีๆ มีอยู่รอบรั้วแค่ออกเดิน ว่า แคมเปญดังกล่าวเป็นการต่อยอดสโลแกน For Good Mornings ชีวิตที่ดี มาจากจุดเริ่มต้นที่ดี โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าก้าวเดินออกจากบ้าน เพื่อพบมิตรภาพดีๆ ที่มีอยู่รอบรั้ว เพราะเชื่อว่าบ้านที่ดีไม่ได้เป็นแค่ที่พักอาศัย แต่ยังต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่นำความสุขและโอกาสดีๆ มาให้ผู้อาศัยด้วย,แคมเปญ Walk With Me ได้มีการสื่อสารเรื่องราวทั้งหมดผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ พร้อมกับเลือกรองเท้าเดิน adidas มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ ในกิจกรรมร่วมสนุกผ่านโซเชียลมีเดียให้มีโอกาสแบ่งปันบริจาครองเท้ากับมูลนิธิ Second Chance เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม ซึ่งได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาในรูปแบบมิวสิกวิดีโอแบบอินเทอร์แอกทีฟ (Interactive Music VDO) ซึ่งนับว่าเป็นนวัตกรรมสุดล้ำครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเชิญชวนผู้ชม ทั้งลูกค้าและบุคคลทั่วไปมาร่วมกิจกรรม Walk With Me บนเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com,สำหรับภาพยนตร์โฆษณาของแคมเปญ Walk With Me ได้บอกเล่าเรื่องราวมิตรภาพของการเดินใน 3 เส้นทาง ได้แก่ Night Walker, Dream Walker และ Dog Walker ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในการเลือกเรื่องราว ได้เองถึง 12 รูปแบบที่แตกต่างกัน กำกับโดยโคไซ เซกิเนะ (Kosai Sekine) ผู้กำกับมือรางวัลระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโดดเด่นในการนำเทคนิคใหม่ๆ มาสร้างความตื่นเต้นแก่วงการภาพยนตร์อยู่เสมอ และสร้างสรรค์เพลงประกอบโดย เจ-มณฑล จิรา ศิลปินแถวหน้าของไทย และแฮนน่า เบ็งสัน (Hanna LBengtsson) นักร้องและโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน ที่เคยสร้างผลงานอันฮือฮา ร่วมกับ SC ASSET มาแล้วกับแคมเปญ ฟาร์มรัก,นอกจากนี้ แคมเปญ Walk With Me ยังมีกิจกรรมต่อยอด ด้วยการลงทะเบียนลุ้นรับรองเท้าเดินรุ่นสุดฮิตจาก adidas หลังจากชมภาพยนตร์โฆษณาจบผ่านทางเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com โดย อัปโหลดถ่ายภาพของตัวเองใส่กรอบรูปบนหน้าเว็บ จากนั้นกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนในแบบฟอร์มออนไลน์ และแชร์ภาพกิจกรรมลงบน Facebook ของตน พร้อมแท็กเพื่อนที่อยากชวนมาร่วมกิจกรรม ใส่ Hashtag #WalkWithMe #SCASSET ระยะเวลาในการร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม–7 กันยายน 2559 โดยจะมีการประกาศผลทางอีเมล และทางเว็บไซต์ walkwithme.scasset.com ในวันที่ 29 สิงหาคม, 5 และ 12 กันยายน 2559,ทั้งนี้ ผู้โชคดีที่ได้รับรองเท้า สามารถติดต่อรับได้ในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างช่วงวันที่ 10 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2559 ที่โครงการ BEATNIQ สุขุมวิท 32 คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดของเอสซี แอสเสท นอกจากนั้นผู้ที่มารับมอบรองเท้ายังสามารถร่วมสร้างโอกาสดีๆ แก่สังคม โดยการนำรองเท้าที่ไม่ได้ใช้แล้วมาบริจาคให้มูลนิธิ Second Chance ซึ่งจะเป็นตัวแทนส่งต่อให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนคลองเตยต่อไป,นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หวังว่าแคมเปญนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นตัวกลางในการสร้างความสัมพันธ์ และความสุขให้แก่ลูกค้าผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ โดยคาดหวังว่า จะมีมิตรภาพดีๆ และสังคมเพื่อนบ้านอบอุ่น เกิดขึ้นรอบๆ รั้วโครงการของเอสซี แอสเสทมากขึ้น | เอสซี แอสเสท ย้ำภาพลักษณ์สังคมไม่มีรั้ว สานต่อปรัชญา For Good Mornings ส่งแคมเปญ Walk With Me สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าก้าวออกจากบ้าน ร่วมส่งต่อแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้สังคม | null | SC ASSET,เอสซี แอสเสท,ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์,Walk With Me,For Good Mornings,สังคมไม่มีรั้ว,แบ่งปันสังคม | https://www.thairath.co.th/content/713698 |
กกต. เล็งปรับปรุงระบบสืบสวน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น | เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 58 ที่โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา จ.อยุธยา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมเชิงวิชาการเรื่อง การดำเนินการคดีเลือกตั้งระดับภูมิภาค ครั้งที่ 9 โดย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการการบริหารงานเลือกตั้ง นายธีรวัฒน์ ธีระโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ และนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ทั้งนี้มี กกต.ประจำจังหวัดเข้าร่วม 10 จังหวัด ประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สมุทรปราการ สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง,โดย นายศุภชัย กล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า การจัดประชุมเชิงวิชาการในครั้งนี้ จัดเป็นครั้งที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย โดยมี นายบุญส่ง เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อเป็นการขยายผลและรับฟังความคิดเห็นของระดับภูมิภาคที่มีการเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และระบบสืบสวนสอบสวนในศาลให้ได้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น,ทั้งนี้ นายศรีอัมพร ศาลุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา กล่าวบรรยายเรื่อง ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในการพิจารณาคดีเลือกตั้ง ตอนหนึ่งว่า กรอบแนวคิดของกระบวนการยุติธรรมจะไม่ตีความขยายอำนาจของตัวเอง เพื่อที่จะพิจารณาคดีอื่น การทำคดีในศาลฎีกาจะไม่กระจายคดี แต่จะใช้อำนาจตามกฎหมายที่กำหนดเท่านั้น สิ่งที่ควรระมัดระวังที่สุดคือความเป็นกลางทางการเมือง และตกไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประธานศาลฎีกาจะเป็นผู้สั่งจ่ายคดี เพื่อให้เกิดการตรวจสอบป้องกันการกำหนดตัวผู้พิพากษา เพื่อความเป็นกลางในการทำคดี จึงพยายามกระจายสำนวนไม่ให้ตกกับใครคนใดคนหนึ่ง,นายศรีอัมพร กล่าวอีกว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ตกไป ตนเห็นว่าข้อเสนอเกี่ยวกับการฟ้องคดีเลือกตั้งของ กกต. โดยให้ กกต. เอาคดีอาญา คดีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบเหลือง-ใบแดง) และคดีแพ่ง มารวมฟ้องในสำนวนเดียวกัน และให้ใช้ระบบการไต่สวนเหมือนกัน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะผลักดันให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนการที่จะเพิ่มอำนาจ กกต. ให้มีหมายเรียก หมายค้นนั้น กกต. สามารถทำได้ โดยคนทำคดีต้องมีความเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย แต่หมายจับให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาล ขณะที่ปัญหาการข่มขู่พยาน ตนเห็นว่าฝ่ายผู้บริหารจำเป็นต้องหามาตรการแก้ไขเพื่อไม่เกิดปัญหา,ด้าน นายรุ่งเรือง ลำพองชาติ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ กล่าวว่า การส่งสำนวนเรื่องร้องเรียนของ กกต.ไปยังศาลเพื่อให้พิจารณานั้น ละเอียดเกินไป ที่จริงควรจะใส่เพียงกรอบของกฎหมายก็พอจากนั้นนายศุภชัย ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงคำร้องของ กกต.ว่าทำไมสำนวนถึงมีรายละเอียดมากมาย ทั้งนี้เป็นเพราะกกต.รุ่นที่แล้วทำมาอย่างนี้ เนื่องจากจะได้รู้รายละเอียดของผู้ถูกร้อง และยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับพยานรู้หมดว่าใครเป็นบ้าง แต่บางศาลก็ไม่ได้เรียกพยานตามที่กกต. เสนอไป อย่างไรก็ตาม กกต.ก็จะนำความคิดเห็นไปปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลสำเร็จ | กกต. เล็งปรับปรุงแก้ไขระบบสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น –ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา ชี้ ให้รวบคดีอาญา-เพิกถอน-แพ่ง มาเป็นแพ็กเกจเดียวกัน เพื่อใช้ระบบไต่สวน | null | สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,ศุภชัย สมเจริญ,ร่างรัฐธรรมนูญ,การฟ้องคดีเลือกตั้งของกกต.,กกต.,ปรับปรุงแก้ไขระบบสืบสวนสอบสวนเลือกตั้ง,ประธาน กกต.,กระบวนการยุติธรรม,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/528718 |
7 เคล็ดลับบำรุงผิวสวยใส เด้ง ผิวสุขภาพดีตั้งแต่หัวจรดเท้า | สาวๆ ที่กำลังประสบปัญหาผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน อย่าปล่อยเอาไว้นานต้องรีบจัดการด่วนๆ เรามีวิธีเคลียร์ปัญหานี้มาบอกต่อ เพื่อช่วยให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม สว่างใส เกลี้ยงเกลา และยังทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย,วันนี้ ,ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ, มีเคล็ดลับดูแลผิวและบำรุงผิว ที่สามารถบำรุงได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เพื่อผิวสวยสุขภาพดีทั้งเรือนร่าง ส่วนจะต้องทำยังไงบ้าง? มาดู,1. ทำความสะอาดผิวให้ล้ำลึก,ขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวให้สวยใส เด้ง มีออร่า ก็คือ การทำความสะอาดผิวที่ถูกต้อง และสะอาดล้ำลึก เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้า ถ้าคุณแต่งหน้าเป็นประจำ สิ่งแรกที่ต้องทำคือใช้คลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอางให้หมดจด หลายๆ รอบ จนกว่าคราบเครื่องสำอางออกหมดจริงๆ จากนั้นล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าตามสภาพผิว,ถ้าเป็นคนผิวมัน ก็ควรล้างด้วยเจลล้างหน้า 1-2 รอบ จากนั้นเช็ดหน้าให้แห้ง แล้วตามด้วยโทนเนอร์สูตรไม่มีแอลกอฮอล์อีก 1 ครั้ง แค่นี้ผิวหน้าของเราก็จะสะอาดล้ำลึกอย่างแท้จริง,ส่วนผิวกายก็ต้องฟอกสบู่ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 1-2 นาทีก่อน ค่อยล้างคราบสบู่ออก วิธีนี้จะทำให้ฟองสบู่จับกับคราบไคล และสิ่งสกปรกออกจากผิวของเราได้ดียิ่งขึ้น,2. บำรุงผิวทุกวัน,หลังจากทำความสะอาดอย่างหมดจดแล้ว ขั้นตอนต่อมาขาดไม่ได้เลย ก็คือ การใช้ครีมและโลชั่นบำรุงผิว ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทุกๆ วัน ย้ำว่าต้องทาทุกวัน ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด เพื่อผิวจะได้ไม่แห้งกร้านและมีริ้วรอยก่อนวัย,3. สครับผิวให้สะอาดใส,นอกจาก 2 ขั้นตอนตามที่บอกไปข้างต้น ในแต่ละสัปดาห์ก็ควรหาเวลาว่างขัดถูขี้ไคลที่ฝังลึกตามผิวหนังออกไปบ้าง ทั้งผิวหน้าและผิวกาย สำหรับผิวหน้าให้ใช้สครับที่อ่อนโยนที่สุด เพื่อป้องกันอาการแพ้ ถูนวดวนเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า 5-10 นาที แล้วล้างออก จากนั้นล้างหน้าตามปกติ แล้วก็อย่าลืมนวดกดจุดบนใบหน้าด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนผิวหน้า,ส่วนผิวกายสามารถใช้เกลือสปา กากกาแฟ หรือน้ำตาลสครับผิว มาใช้ในการขัดผิวได้ ขัดนวดวนให้ทั่วเรือนร่าง 15-20 นาที ตามจุดต่างๆ เน้นที่หัวเข่า ข้อศอก และตาตุ่มเป็นพิเศษ ผิวจะได้เนียนเรียบเสมอกัน,4. ดื่มน้ำเยอะๆ ทุกวัน,นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การดูแลสุขภาพผิวจากภายในก็สำคัญเช่นกัน หนึ่งในวิธีดูแลผิวให้เด้งฉ่ำ ชุ่มชื้น มีออร่าอยู่เสมอก็คือการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย พยายามดื่มให้ได้ 1-2 ลิตรต่อวันนะจ๊ะสาวๆ ใครที่เพิ่งเริ่มก็พยายามดื่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ลิตรก็ยังดี,5. ดูแลระบบขับถ่ายและลำไส้,อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ ดูแลสุขภาพของลำไส้ ทำได้โดยการรับประทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก และที่สำคัญควรฝึกตัวเองให้ขับถ่ายเป็นเวลาในทุกๆ วัน เมื่อเราขับของเสียออกจากร่างกายได้อย่างเป็นระบบ ก็จะส่งผลให้ผิวพรรณสดใสตามไปด้วย,6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ,สาวๆ สมัยนี้คงรู้กันอยู่แล้วว่า การออกกำลังกาย สำคัญแค่ไหน นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง หัวใจแข็งแรง และช่วยเบิร์นไขมันแล้ว อีกอย่างที่เป็นผลพลอยได้ที่ดี คือ ช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อและปัสสาวะได้ดีขึ้น พอสิ่งสกปรกออกมาตามเหงื่อได้ดี ผิวพรรณก็จะสดใส เปล่งปลั่ง มีสุขภาพดีไปด้วย,7. พักผ่อนให้เพียงพอ,สุดท้ายที่สำคัญมากๆ คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนก่อน 23.00 น. และตื่นเช้าในช่วง 6.00-7.00 น. หรืออย่างน้อยต้องนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้โกรทฮอร์โมนในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ,เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทำให้ผิวสวย เด้ง สดใส ได้ในทุกๆ วัน แต่ถ้านอนไม่พอไม่ไหวนะตื่นมาหน้าโทรมเห็นชัดทันทีเลยจ้า.,เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย ,Sephora เอาใจเหล่าบิวตี้ ช้อปเปอร์, ด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่ลดราคาพิเศษ ให้คุณช้อปออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา | ชวนรู้ 7 วิธีบำรุงผิวพรรณให้สวยใส ออร่าพุ่งเหมือนผิวดารา ไม่ว่าจะผิวสีไหนก็เนียน ใส สุขภาพดีได้ทั้งผิวหน้าผิวตัว ชวนสาวๆ มาดูแลผิวให้สวย เด้ง ยืดหยุ่น อ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กกันค่ะ | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | เคล็ดลับผิวสวย,ผิวสวย,ผิวหน้า,ผิวสุขภาพดี,บำรุงผิว | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/beauty/1392773 |
คิม จองอึน เยือนรัสเซีย เตรียมประชุมสุดยอดกับ ปูติน | นายคิม จองอึน เดินทางถึงเมืองวลาดิวอสตอค ทางภาคตะวันออกของรัสเซีย ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ของรัสเซียให้การต้อนรับ จากนั้นนายคิมเดินทางต่อด้วยขบวนรถไปยังที่พำนัก เพื่อเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ (25 เม.ย.) ท่ามกลางการเฝ้าจับตาจากทั่วโลกทางการรัสเซียเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดระหว่างนายคิมกับประธานาธิบดีปูตินจะมีการหารือกันในประเด็นปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่มีรายงานว่า นายคิมต้องการการสนับสนุนจากรัสเซีย หลังประสบความล้มเหลวในการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามนายคิมกล่าวกับสื่อรัสเซียหลังเดินทางถึงเมืองวลาดิวอสตอค โดยตั้งความหวังว่าการประชุมสุดยอดในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จและมีประโยชน์และหวังว่าการหารือกับประธานาธิบดีปูตินจะมีพูดคุยกันในประเด็นปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีและการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศมีรายงานว่า การประชุมสุดยอดระหว่างนายคิมกับประธานาธิบดีปูติน บนเกาะรุสสกี นอกชายฝั่งเมืองวลาดิวอสตอค โดยจะเริ่มขึ้นในเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย | คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เดินทางด้วยขบวนรถไฟหุ้มเกราะถึงรัสเซียแล้ว พร้อมร่วมประชุมสุดยอดครั้งแรกกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในวันนี้ (25 เม.ย.) | ต่างประเทศ | คิม จองอึน,ซัมมิต,ประชุมสุดยอด,เกาหลีเหนือ,รัสเซีย,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/279528 |
ศักยภาพหมอไทย ตรวจยืนยันการติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ได้ใน 3 ชั่วโมง | หมอไทยเผยการรักษา ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮั่นสามารถรายงานผลการติดเชื้อได้ภายใน 3 ชั่วโมงวันที่ 13 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในบทความให้ความรู้กรณีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของแพทย์หญิงอุษณีย์ ฉัตรโชติกวงศ์ ในตอนหนึ่งระบุว่า เชื้อไวรัสโคโรนา มีระยะฟักตัวในคน 2-7 วัน แต่การกักตัวจะใช้เวลา 2 เท่าของระยะฟักตัว คือ 14 วัน เมื่อหายจากโรคแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มในตัวคนนั้นตลอด เหมือนไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั่วๆไปทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานเดียวของกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮั่น โดยส่วนกลางที่สถาบันวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (สวส.) สามารถรายงานผลได้ใน 3 ชั่วโมง หลังจากได้รับตัวอย่างส่งตรวจสำหรับการรักษา ทางประเทศจีนได้ตีพิมพ์ถึงยาท่ีใช้รักษา ได้แก่ Oseltamivir (75 มิลลิกรัม) รับประทาน ทุก 12 ชั่วโมง ร่วมกับ Gancyclovir 0.25 กรัม ให้ทางหลอดเลือดดำทุก 12 ชั่วโมง และ Lopinavir ร่วมกับ Ritonavir ในเม็ดเดียวกัน (500 มิลลิกรัม) รับประทานวันละ 2 คร้ัง เช้า เย็น ใช้ยารักษา 3-14 วัน ซึ่งทางทีมอายุรแพทย์โรคปอด โรงพยาบาลราชวิถี ได้นำยาขององคก์ารเภสัชที่ผลิตในไทยที่เทียบเท่ากับยาผลิตจากต่างประเทศ มาใช้กับคนไข้จากจีนท่ีอายุ 70 กว่าปี และเพิ่มขนาดของยาท่ีใช้รักษา โดยการรับประทานเป็น 2 เท่า และไม่ได้ให้ยาทางหลอดเลือดดำโดยพบว่า จากคนไข้มาด้วยอาการหนัก ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับยา ตรวจไม่พบไวรัสแล้ว และอาการดีข้ึนมาก. | หมอไทยเผยการรักษา ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮั่น สามารถรายงานผลการติดเชื้อได้ภายใน 3 ชั่วโมง | ข่าว,สังคม | ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสอู่ฮั่น,แพทย์หญิงอุษณีย์ ฉัตรโชติกวงศ์,ไวรัสอู่ฮั่นในไทย,ข่าวไวรัสอู่ฮั่นล่าสุด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1770308 |
เพื่อไทย เตรียมถกแนวทางผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับเฉลิม | ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วน จะเสนอที่ประชุมพรรคให้มีการหารือผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในการเลื่อนวาระการพิจารณาขึ้นมาต่อจากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่เลื่อนขึ้นมาเป็นเรื่องด่วนวาระแรกแล้วนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากสมาชิกของพรรคจะนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของร.ต.อ.เฉลิม ขึ้นมาหารือในที่ประชุมพรรคเป็นกรณีที่ทำได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้พรรคได้มีมติไปแล้วที่จะสนับสนุนร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรม ของนายวรชัยพร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความ ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศว่า พร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับร.ต.อ.เฉลิม เพื่อพยามออกกฏหมายล้างผิดให้ตัวเอง ขณะเดียวกันได้ให้รัฐบาลเดินหน้าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เพื่อเป็นข้ออ้างเคลื่อนไหวสนับสนุนกฏหมาย จึงขอเรียกร้องกลุ่ม นปช.ที่คัดค้านกฏหมายล้างผิดให้กับทุกคนโดยไม่ยกเว้น ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านกฏหมายดังกล่าวด้วยขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงการนัดหารือแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์ และจะมีการแถลงถึงมาตรการการเคลื่อนไหว โดยอ้างถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ที่กำลังเลวร้าย | แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอ้างถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเลวร้ายลง นัดประชุมกำหนดท่าที่เคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ ขณะที่พรรคเพื่อไทย เตรียมหารือแนวทางการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ที่ยื่นเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคได้มีมติสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ ส.ส.พรรคไปแล้ว | การเมือง | เพื่อไทย พ.ร.บ.ปรองดอง เฉลิม อยู่บำรุง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม | https://news.thaipbs.or.th/content/172100 |
โกโก้ อารยะ โดนเพจนางงามแบน เพื่อยุติดราม่าในโลกออนไลน์ | แม้การประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019 จะประกวดเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่งานนี้กระแสและดราม่าของเวทีนี้ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องในโลกออนไลน์ แถมยังมีมากมายหลายกระแสที่คนยังคงพูดถึงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการล็อกมง หรือการที่โกโก้ไม่ยอมขอโทษ หลังจากที่ลงรูป มิสยูนิเวิร์สและมิสแกรนด์ จนคนมองว่าเหยียดรูปร่าง,และล่าสุด เพื่อยุติดราม่าในโลกออนไลน์ Thailand Beauty Queen World Class จึงได้ประกาศผ่านหน้าแฟนเพจขอยุติการสนับสนุน โกโก้ อารยะ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้ , ,ประกาศ ยุติการสนับสนุน โกโก้ อารยะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019,ทางทีมงานจะไม่โพสต์ภาพ ข่าว หรือเนื้อหาใดๆ เกี่ยวกับโกโก้ อารยะ ในกลุ่ม Thailand Beauty Queen World Class ตลอดการดำรงตำแหน่ง จนกว่าจะได้มิสแกรนด์ไทยแลนด์ในปีต่อไป หากพบจะลบออกทันทีโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อยุติการพาดพิง กล่าวหา และลดความรุนแรงของการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิด ในส่วนของ Miss Grand Thailand ท่านอื่น และ Miss Grand International เรายังคงสนับสนุนทุกช่องทาง และจะมีการอัพเดตข่าวสารหรือโพสต์ข่าวสารตามปกติ,การตัดสินของแอดมินถือเป็นที่สิ้นสุดขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการสนับสนุนและสร้างบรรยากาศที่ดีในการรับชมนางงาม ขอให้ทุกท่านสนุกและมีความสุขกับการติดตามข่าวสารจากเพจของเรา,Thailand Beauty Queen World Class,ซึ่งเพจนางงามชื่อดัง ยังคงสนับสนุนมิสแกรนด์คนอื่นๆ โดยระบุข้อความว่า จุดยืนและทัศนคติ เป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นเมื่อเรามีจุดยืนที่ต่างกัน คือ นางงามจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม ต่อจากนี้ไปจนจะได้ Miss Grand Thailand คนใหม่ทางเราขอยุติการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวกับคุณโกโก้ อารยะ ศุภฤกษ์ และยังคงให้การสนับสนุน Miss Grand คนอื่นๆ นับต่อจากนี้ตลอดไป ขอความกรุณา comment อย่างสุภาพและมีขอบเขต และขออภัยหากท่านไดไม่พึงพอใจในการตัดสินใจของทางเราถือว่าเป็นที่สิ้นสุด | เพจนางงามชื่อดัง Thailand Beauty Queen World Class ประกาศแบน โกโก้ อารยะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019 เพื่อยุติดราม่าในโลกออนไลน์ | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | โกโก้ อารยะ,โกโก้ อารยะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2019,โกโก้ อารยะ ดราม่า,ดราม่ามิสแกรนด์ไทยแลนด์,โกโก้ อารยะ โดนแบน,นางงามโดนแบน,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1616820 |
โจรใต้เหิมลอบวางระเบิดรถตราโล่ที่รือเสาะ ตร.รอดหวุดหวิด | เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 29 ธ.ค.59 ร.ต.อ.มารุต นิลโกสีย์ รอง สว.สอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. สภ.รือเสาะ เหตุเกิดริมถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ บ้านปลายนา ม.2 ต.รือเสาะออก ห่างจากสะพานคลองเต็ง ประมาณ 60 เมตร แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.เรืองศักดิ์ บัวแดง ผกก.สภ.รือเสาะ ร.ต.ท.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.ภ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบบริเวณขอบทางริมถนนมีรอยระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน,ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนตราโล่ 40484 จอดอยู่ในสภาพถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณตัวถังด้านซ้ายตั้งแต่ประตูหน้าจรดท้ายกระบะหลัง แถมยางล้อหลังด้านซ้ายแตก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ,จากการสอบสวน จ.ส.ต.ศุภโชค แก้วทอง หัวหน้าชุด ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำกำลังรวม 6 นาย ออกจากฐานซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบ ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้ริมขอบทาง จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ผ่านมา ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวหุ้มเกราะ. | ป่วน!! โจรใต้เหิมลอบวางระเบิดรถตำรวจ นปพ.สภ.รือเสาะ บริเวณถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ ไร้ผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่รถพังได้รับความเสียหาย คาดคนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด | null | ลอบวางระเบิด,โจรใต้ป่วน,วางระเบิดรถ นปพ.รือเสาะ,ถนนสายรือเสาะ-จะกว๊ะ,ไฟใต้ | https://www.thairath.co.th/content/824266 |
3 วิธีแก้เน็ตช้าแถมประหยัดตังค์ | พาลโวยวายตั้งสเตตัสหรือกระทู้ระบายความในใจต่อว่าค่ายมือถือต่างๆ ว่า ไหนบอกเน็ตไม่จำกัด แล้วนี่มันอะไรกัน ใจเย็นๆ และมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันค่ะ,จริงๆ แล้วที่อินเทอร์เน็ตมือถือของเราใช้งานไปสักพัก จู่ๆ โหลดอะไรก็ไม่ค่อยขึ้น ไม่ใช่ เน็ตหมด นะคะ แต่เป็นการถูกลดความเร็วให้ต่ำลงต่างหาก ภาษาเทคนิคเขาเรียกกันว่า ติด FUP ค่ะ (FUP ย่อมาจาก Fair Usage Policy) แปลเป็นไทยคือ นโยบายควบคุมการใช้งานอย่างเท่าเทียม ส่วนใหญ่มือถือแบบรายเดือน (แพ็กเกจกลาง-สูงหน่อย) เขาจะให้เน็ตฯ เรามาแบบ ไม่จำกัด ทีนี้ ถ้าเขาให้มาแบบ ไม่จำกัด จริงๆ ใช้เท่าไรก็ได้ และผู้ใช้งานทุกคนกระหน่ำใช้เน็ตแบบไม่อั้น ดูยูทูบ แชร์คลิป โหลดหนัง ฯลฯ ค่ายมือถืออย่าง AIS/DTAC/TRUE เขาจะสามารถควบคุมคุณภาพโครงข่ายของเขาได้อย่างไร และจะควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างไรด้วย, ดังนั้นทุกค่ายจึงต้องมีนโยบาย FUP นี้ขึ้นมาค่ะ (ไม่ใช่แค่ในไทย ในต่างประเทศเขาก็ทำกัน) โดยความเร็วสูงสุดในการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะถูกปรับลดลง เมื่อใช้ปริมาณเน็ตถึงแพ็กเกจที่เราซื้อไว้ ถ้าอยากใช้เน็ต 4G เร็วๆ ไม่อั้น กระหน่ำส่งรูป/ดูวิดีโอ/ฟังเพลง ผ่านบริการสตรีมมิ่ง ฯลฯ ก็อาจจะต้องซื้อแพ็กเกจสูงหน่อย เน็ตจะได้อยู่กับเราไปยาวๆ ไม่ต้องกังวลว่าเน็ตจะเต่าไม่ทันใจ แต่ถ้าใครใช้เน็ตน้อย อยากประหยัดก็เลือกแพ็กเกจต่ำๆ ได้ เดือนไหนใช้เยอะค่อยซื้อแพ็กเกจเน็ตเสริมเป็นครั้งๆ ไปเอา (เพียงแต่ต้องรู้ว่านี่เป็นสัจธรรม ใจเขาใจเรา ค่ายมือถือเขาก็ต้องอยู่รอด ดังนั้นถ้าอยากเพิ่มความสะดวกสบายอาจต้องยอมจ่ายแพงกว่า),ทั้งนี้ ในยุคที่หายใจเข้า-ออกเป็นดิจิทัล ใช่ว่าถ้าเราอยากประหยัดเราจำเป็นต้องเสียโอกาสในการ เชื่อมต่อ วันนี้เฟื่องเลยมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนหัวใจดิจิทัลที่อยากประหยัดเน็ตฯ มาฝากกันค่ะ,1. ส่งต่อรูปภาพ/วิดีโอจาก LINE โดยไม่ต้องเซฟ : ,เวลาคนส่งรูป/คลิปมาทางไลน์ หลายทีเรากดดูก่อน ถ้าชอบใจ ก็เซฟไว้ และส่งต่อให้เพื่อนอีกทีหนึ่ง การทำแบบนี้ทำให้เราเปลืองปริมาณอินเทอร์เน็ตถึง 3 ต่อ (ดู/เซฟ/ส่ง) วิธีประหยัดง่ายๆ คือ กดดูแล้วไม่ต้องกดเซฟค่ะ ส่งต่อได้จากไลน์ด้วยกันเองเลย
วิธีทำ : กดค้างที่รูปภาพ/วิดีโอ ที่ต้องการส่งต่อจากในแชตไลน์ --> ติ๊กถูกที่สิ่งที่ต้องการส่งต่อ (ทำกับข้อความได้เช่นเดียวกัน)--> เลือกแชตไลน์ที่ต้องการส่งให้ได้เลย ,วิธีนี้อย่าลืมไปบอกคุณพ่อ/คุณแม่นะคะ ท่านจะได้ส่งไลน์ สวัสดีวันพฤหัส ได้แบบไม่เปลืองเน็ต,2. ต่อ Wi-Fi ทันทีที่มีโอกาส :, เวลาเราไปที่ไหนที่มีไวไฟ พยายามใช้ Wi-Fi แทนเน็ตมือถือ โดยเฉพาะเวลาที่เราอยากส่งรูป/ดูวิดีโอ แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยนะคะ ให้เลือกใช้ Wi-Fi ที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น Wi-Fi ของค่ายมือถือ/ของร้านกาแฟ/ของออฟฟิศ อย่าไปใช้เน็ตแจกฟรีแบบที่ชื่อแปลกๆ ไม่น่าเชื่อถือ เพราะบางทีมิจฉาชีพทางไซเบอร์เขามาล่อให้เราใช้ Wi-Fi เหล่านี้ฟรี เพื่อหลอกเอาข้อมูลของเราค่ะ,3. เตรียมความพร้อมก่อนออกจากบ้าน :, ถ้ารู้ตัวว่าต้องเดินทางบ่อย ไม่มี Wi-Fi ให้ใช้ วันๆ หนึ่งอยู่บนรถนานๆ และต้องหาสิ่งแก้เบื่อ เช่นดูหนัง / ฟังเพลง แนะนำให้ดาวน์โหลดสิ่งที่เราอยากดู/ฟังเตรียมไว้ตั้งแต่ต่อ Wi-Fi ที่บ้านเลยค่ะ เดี๋ยวนี้แทบทุกบริการมีให้ทำแบบนี้ทั้ง JOOX music / Youtube / iflix ฯลฯ ทำได้จากในแอปเลย วิธีเซฟก็คือหาปุ่ม Download / Save Offline และก็เลือกดาวน์โหลดทั้งเพลง/วิดีโอที่เราอยากดูมาได้มากเท่าที่ต้องการเลย,เท่านี้เวลาดูนอกบ้านก็ไม่ต้องเปลืองเน็ตแล้ว (แต่ดู/ฟังเสร็จ อย่าลืม ทยอยลบด้วยนะคะ ไม่งั้นข้อมูลพวกนี้จะหนักเครื่อง),หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกคน ใช้อินเทอร์เน็ตแบบพอดี มีประสิทธิภาพกันนะคะ,ABOUT ME
,Instagram: ,http://www.instagram.com/faunglada,Facebook: ,http://www.facebook.com/faunglada,Youtube: ,http://www.youtube.com/faunglada,Twitter: ,http://twitter.com/faunglada, ,Blog: ,http://www.faunglada.com | เชื่อว่าทุกคนอย่างน้อยๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิต (หรือบางคนอาจจะทุกเดือน) ต้องเคยประสบกับปัญหาอินเทอร์เน็ตมือถืออยู่ๆ โหลดอะไรก็ไม่ค่อยขึ้น ช้าอืดเป็นเต่าไม่ทันใจ ใช้แล้วอารมณ์เสีย | คนดังนั่งเขียน,ข่าว | คนดังนั่งเขียน,เฟื่องลดา,เน็ตช้า,วิธีแก้เน็ตช้า | https://www.thairath.co.th/news/tech/804552 |
วิจารณ์ให้แซดคนเมืองชลถาม? ทำไมร่างทรง มาทำพิธีไหว้ครูหน้าศาลากลาง | จากกรณี มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ พิธีกรรมการไหว้ครูของเหล่าร่างทรง ที่บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลาง จ.ชลบุรี จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่เหมาะสม,ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามคำสั่งของนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี โดยเบื้องต้นทราบว่า พิธีดังกล่าวจะมีการจัดขึ้นประมาณ 3 วันของทุกปี เหตุการณ์ก็ปกติไม่มีปัญหาแต่อย่างใด,นายภัครธรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเองได้ดูคลิปที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งพิธีกรรมที่จัดบริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 นั้น เป็นพื้นที่ของเทศบาลเมืองชลบุรีเป็นผู้ดูแล จึงได้สอบถามไปทางเทศบาลเมืองชลบุรี ทราบว่า พิธีกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องของการไหว้ครู และได้มีการขออนุญาตในการจัดพิธีดังกล่าว ซึ่งเกิดเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และได้มีการส่งเทศกิจของเทศบาลลงมาดูแล เหตุการณ์ดังกล่าวก็ลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด,อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าพิธีกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องความเชื่อของตัวบุคคล เมื่อพบเห็นก็อยู่ในเรื่องของวิจารณญาณของแต่ละบุคคล ขณะเดียวกันพื้นที่การจัดงานเป็นของเทศบาลเมืองชลบุรี ซึ่งทางจังหวัดชลบุรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ส่วนทางเทศบาลเมืองชลบุรีคงคิดว่าเป็นเรื่องของพิธีกรรมไหว้ครู ไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด จึงได้อนุญาตให้มีการจัดพิธีกรรมดังกล่าวขึ้น | วิจารณ์ให้แซดคนเมืองชลมีคำถาม? ทำไมร่างทรงมาทำพิธีไหว้ครูที่ราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางชลบุรี ผู้ว่าฯ ชลบุรี ชี้แจง พื้นที่นั้นเทศบาลเมือง เป็นคนดูแล และมีการขออนุญาตถูกต้อง | ข่าว,ทั่วไทย | ร่างทรง,ภัครธรณ์ เทียนไชย,ร่างทรงไหว้ครู,ร่างทรงไหว้ครูหน้าศาล,ชลบุรี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1042400 |
ย้ายเสือ 11 ตัวสุดท้ายพรุ่งนี้ จ่อแจ้งความ หลวงตาจันทร์ - คกก.มูลนิธิ | ด้าน หลวงตาจันทร์ ล่องหน พระลูกวัดเผยออกจากวัดไปตั้งแต่ 29 พ.ค.,เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 59 นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าวเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานเคลื่อนย้ายเสือโคร่งในวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และจะมีการแจ้งความเพิ่มอีกเพื่อเอาผิดกับเจ้าอาวาสและคณะกรรมการมูลนิธิ ซึ่งจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป,โดยวันนี้ ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมตรวจค้นรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ฮค 6868 กทม. ของ หลวงตาจันทร์ พบเพียงเต็นท์ และเขี้ยวเสือที่ทำจากเรซิ่นล็อกเก็ตจำนวนหนึ่งเท่านั้น จากนั้นตรวจค้นในกุฏิหลวงตาจันทร์ อีกครั้ง พบไม้เท้าประดับด้วยเขี้ยวเสือ 1 อัน และฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิด 1 เครื่อง ส่งตรวจสอบ โดยมี พระละม่อม วันทิยา พระลูกวัด เป็นผู้ลงนามรับทราบ หลังจากนั้นตรวจค้นตามแหล่งต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าตรวจสอบที่ดินเกือบ 2,000 ไร่ ว่ามีการครอบครองอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ด้วย,พระละม่อม เปิดเผยว่า หลวงตาจันทร์ ออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.59 โดยมีลูกศิษย์ชื่อ นายบุญลือ เป็นคนในพื้นที่ ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว มารับ ทราบเพียงว่าจะไป กทม. ไม่ได้ติดต่อกลับมา และไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์ หลวงตาจันทร์ สำหรับซากหนังเสือโคร่งและของกลางอื่นที่ถูกยึดได้นั้น พระละม่อม และพระลูกวัดช่วยกันขนออกมาจากกุฏิ หลวงตาจันทร์ เพราะรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย พร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องซากลูกเสือที่ดองไว้ในขวดโหล และตะกรุดหางเสือ เพราะมาอยู่ที่วัดได้ไม่นาน,ล่าสุด 16.30 น. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ขนย้ายเสือ บริเวณบ้านเกาะเสือ โดยเข้าดูการวางยาสลบและตรวจสภาพร่างกายเสือก่อนนำเข้ากรงขนย้ายไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน พร้อมกล่าวว่า การขนย้ายเสือของกลางดำเนินการมาแล้ว 4 วัน วันนี้สามารถขนย้ายเสือ 26 ตัว รวมเป็น 128 ตัว เหลือเสืออีก 11 ตัว น่าเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ โดยการขนย้ายถือว่าประสบความสำเร็จ ที่สำคัญกำชับว่าต้องระวังไม่ให้เกิดการสูญเสียของทีมปฏิบัติงาน และถือเป็นโมเดลการขนย้ายช่วยเหลือสัตว์ป่าที่จะนำใช้กับที่อื่นๆ ต่อไป ส่วนจะมีการแจ้งความใครเพิ่มหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะสอบสวนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป,สำหรับการขนย้ายเสือ ขณะนี้ต้องนำไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี เนื่องจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง รองรับเสือโคร่งได้เพียง 81 ตัว ส่วนหมีขอ วัวแดง และนกเงือก นำไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง จ.ชลบุรี,ด้าน พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค กล่าวว่า ขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว 4 ข้อหา คือ การครอบครองนกเงือก การครอบครองหมีขอ การครอบครองซากสัตว์ป่า และการครอบครองไม้เถื่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องรอสอบปากคำผู้กล่าวหาก่อน จากนั้นจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนหาข้อเท็จจริง สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นฆราวาส 2 คน และพระสงฆ์ 3 รูป หลังจากสอบสวนแล้วเสร็จได้ให้ประกันตัวไปแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาทั้งหมดจะไปถึง หลวงตาจันทร์ หรือไม่ อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเชื่อว่าจะยังอยู่ในประเทศไทย. | อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำ ขนเสือวัดป่าหลวงตาบัว ประสบความสำเร็จ ชูเป็นโมเดลขนย้ายสัตว์ป่า เหลือเสืออีก 11 ตัว พรุ่งนี้ย้ายเสร็จ แจ้งความใครเพิ่มอยู่ที่ตำรวจ ด้าน ผกก.ไทรโยค เผย สอบผู้ถูกจับแล้ว 5 ปาก ก่อนให้ประกันตัว | null | เสือโคร่ง,เสือวัดหลวงตาบัว,วัดป่าหลวงตาบัว,ขนย้ายเสือวัดป่าหลวงตาบัว,ขนย้ายเสือโคร่ง,กาญจนบุรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย,ซากเสือ,ซากสัตว์,ค้าสัตว์ป่า,ค้าเสือ,หลวงตามหาบัว,ขายเสือ,ชำแหละเสือ,แก๊งค้าเสือข้ามชาติ,เสือ11ตัว | https://www.thairath.co.th/content/631502 |
คนงานโรงงานถลุงเหล็กในฝรั่งเศส เรียกร้องรัฐกอบกู้โรงงานหลังปิดตัวชั่วคราว | คนงานของโรงถลุงเหล็กฟลอ-รองค์ ในเครือบริษัทอาร์เซอร์ลอมิตทัล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส 17 คน พากันเดินเท้าจากโรงงานมายังกรุงปารีส โดยใช้เวลานานสิบวันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลของนายนิโกลาร์ ซาร์โกซี่ ประธานาธิบดีช่วยกอบกู้โรงงานที่ถูกปิดไปเมื่อหลายเดือนก่อน เนื่องจากความต้องการเหล็กในตลาดโลกลดลง แม้ทางบริษัทจะบอกว่า เป็นการปิดตัวชั่วคราว แต่สหภาพแรงงานเกรงว่า จะมีการปลดพนักงานครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ นายซาร์โกซี่ เคยให้สัญญาว่า รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนโรงงาน 17 ล้านยูโรหรือประมาณ 660 ล้านบาทเพื่อพยุงสถานะของโรงงานให้กลับมาเปิดทำการใหม่ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมนี้ฝรั่งเศสกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่า รัฐบาลของนายซาร์โกซี่ เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนร่ำรวยทำให้นายฟรองซัวส์ โฮลลองค์ คู่แข่งจากพรรคสังคมนิยมมีคะแนนนำนายซาร์โกซี่ในเวลานี้ | คนงานโรงงานถลุงเหล็กในฝรั่งเศสรวมตัวประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยกอบกู้โรงงานเพื่อไม่ให้โรงงานถูกปิด | ต่างประเทศ | ถลุงเหล็ก,ประท้วง,ฝรั่งเศส,โรงงาน | https://news.thaipbs.or.th/content/77876 |
การบินไทย ประกาศโครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจ | การบินไทย ประกาศ โครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจ ขอความร่วมมือจากพนักงานเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 พนักงานสามารถสมัครใจลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนอย่างน้อย 8 วันทำงานขึ้นไปในแต่ละเดือน โดยไม่จำกัดจำนวนวันที่หยุดต่อเนื่องและจำนวนครั้งในการลาหยุด สำหรับนักบิน ลูกเรือและพนักงานที่ทำงานเป็นผลัด ให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ15 มี.ค. 2563 รายงานว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีประกาศเรื่องการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจโดยระบุว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่แพร่กระจายทั่วโลก ทำให้หลายประเทศออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอยางเข้มงวด รวมถึงการห้ามขนส่งผู้โดยสารจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด ห้ามเดินทางไปยังประเทศที่มีการแพร่ระบาด ทำให้ปริมาณผู้โดยสารใช้บริการของบริษัท จนทำให้บริษัทตกอยู่ในสภาวะวิกฤตบริษัทจึงมีความจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายทุกประเภทให้ได้ในภาพรวมอย่างน้อยร้อยละ 30 ดังนั้นเพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของบริษัทในภาวะวิกฤต จึงจัดโครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจ โดยขอความร่วมมือจากพนักงานเข้าร่วมโครงการสำหรับช่วงระยะในการลา ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 พนักงานสามารถสมัครใจลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนอย่างน้อย 8 วันทำงานขึ้นไปในแต่ละเดือน โดยไม่จำกัดจำนวนวันที่หยุดต่อเนื่องและจำนวนครั้งในการลาหยุด สำหรับนักบิน ลูกเรือและพนักงานที่ทำงานเป็นผลัด ให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ | การบินไทย ประกาศ โครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนด้วยความสมัครใจ ขอความร่วมมือจากพนักงานเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 พนักงานสามารถสมัครใจลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนอย่างน้อย 8 | เศรษฐกิจ,สังคม,แรงงาน,คุณภาพชีวิต | บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน),การบินไทย,COVID-19 | https://prachatai.com/journal/2020/03/86794 |
เปิดคำพิจารณา หนัง ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง ห้ามฉายในราชอาณาจักร | ผลการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีเนื้อหาสาระโดยรวมเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ณ พื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ของกรุงเทพฯ ที่ประชาชนใช้เป็นสถานที่จัดงานฉลองปีใหม่ รวมไปถึงการชุมนุมของมวลชนและความสูญเสีย จนกระทั่งนำเสนอภาพวิถีชีวิตของคนในต่างจังหวัดและชีวิตของคนชายแดนทั้งหมู่บ้านภูมิซรอล ติดกับเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ และบริเวณปราสาทตาควาย ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์เนื้อหาสาระและข้อสังเกตของภาพยนตร์ มีรายละเอียดดังนี้1. บทบรรยายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ถูกต้อง ดังเช่น ในนาที 0.29 งานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบ 84 พรรษา เมื่อนำเหตุการณ์มาเชื่อมโยงกับสถาบันฯ แล้วให้ชื่อว่า ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง อาจทำให้ผู้ดูแปลความหมายไปในทางที่คลาดเคลื่อน เพราะรายละเอียดของภาพยนตร์ไม่ได้สอดรับกับชื่อ หรือผู้สร้างคิดและต้องการสื่ออะไร? เหตุการณ์ที่นำมาเผยแพร่อ้างว่าเป็น สารคดี แต่เป็นการสรุปความเห็นโดยผู้จัดทำ ซึ่งบางเหตุการณ์ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังไม่มีบทสรุปที่เป็นเอกสารอื่นใดมาประกอบการอ้างอิงให้ชัดเจนและเหตุการณ์เหล่านั้น เกิดขึ้นจริงหรือไม่? เช่น นาที 1.48 พื้นที่นี้ เคยมีการปิดล้อมสังหารหมู่ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัด นาที 1.58 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน นาที 2.04 ชาวกรุงเทพและกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยหลายคนสนับสนุน และรู้สึกสะใจกับการปราบปรามการชุมนุมในครั้งนี้ นาที 2.09 รัฐบาลไทยในสมัยนั้นอ้างว่าเป็นการกระทำของมือที่ 3 เพื่อสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายรัฐบาล นาที 2.17 กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงและผู้สนับสนุนเชื่อว่เป็นการกระทำของรัฐบาลและทหาร นาที 2.29 ชาวกรุงเทพฯและผู้ไม่สนับสนุนหลายคนกล่าวชื่นชมรัฐบาลและทหารนาที 2.44 ชาวต่างจังหวัดถูกปรามาสว่าโง่ เห็นแก่เงิน นาที 45.00 รัฐบาลไทยและกัมพูชา จดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ฯลฯ การบรรยายด้วยตัวอักษรในภาพยนตร์ ที่ให้ข้อสังเกต ในบางช่วงขัดแย้งกับภาพ เพราะในภาพเป็นวิวในชนบท2. เนื้อหามีความหมายในลักษณะก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดระหว่างคนในชาติ ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคี เป็นลักษณะที่ต้องไม่มีตามกฎกระทรวง ข้อ 7(3)3. เนื้อหากระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ในกรณีที่มีการนำภาพทหารชายแดนยิงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม และการนำภาพลักษณะที่ตั้งของหลุมหลบภัย และการพูดถึงทหารเขมร ทำการย้ายหลักเขตแดน เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นลักษณะที่ต้องไม่มีตามกฎกระทรวง ข้อ 7 (4)ต่อกรณีการห้ามเผยแพร่ดังกล่าว นายนนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับภาพยนตร์ดังกล่าวชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเพจวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ข้อมูลที่เขานำเสนอนั้น ได้มาจากการลงพื้นที่จริง และต้องการให้ภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นพื้นที่นำเสนอของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ โดยจะขออุทธรณ์การพิจารณาของคณะอนุกรรมการต่อไปข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้จากการลงไปยังพื้นที่จริงจากมุมมองของประชาชนในพื้นที่จริงที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร ส่วนหนึ่งทางผู้สร้างต้องการให้ภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง เป็นพื้นที่การแสดงออกให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ได้แสดงมุมมอง ทัศนคติ และความคิดเห็นที่พวกเค้าไม่มีโอกาสได้สื่อและได้พูดออกมาสู่สาธารณชนได้รับรู้ ประชาชนควรมีสิทธิได้พูดในสิ่งที่คิด และภาพยนตร์ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเป็นการนำสารของประชาชนทุกฝ่ายมาสู่สาธารณชน และอยากให้ฟังความคิดเห็นที่ต่างกันและอยู่ร่วมกันได้ในสังคม และยังคงเชื่อว่าประชาชนไทยมีวิจารณญาณในการทำความเข้าใจในชุดข้อมูลนี้ด้วยตัวของพวกเขาเองถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ ผมจะยื่นอุทธรณ์ในขั้นต่อไป และแม้ในท้ายที่สุด ภาพยนตร์จะไม่ได้รับอนุญาต ผมก็จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้พบเห็น ได้พูดคุย ได้เข้าใจ จากการลงพื้นที่จริงบริเวณชายแดนทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา ผ่านการพูดและการเขียนของผมต่อไป | อ่านคำพิจารณาโดยละเอียด แบน ฟ้าต่ำ แผ่นดินสูง อ้างข้อมูลภูมิซรอลและกรณีสลายชุมนุมเสื้อแดงไม่เป็นที่ยุติและไม่มีข้อสรุปทางเอกสาร ขัดความมั่นคงและกระทบสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ | สิทธิมนุษยชน,วัฒนธรรม | การปิดกั้นสื่อ,การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 2553,การห้ามฉายภาพยนตร์,ประชาไทบันเทิง,ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง,ภาพยนตร์,ภูมิซรอล,เขาพระวิหาร | https://prachatai.com/journal/2013/04/46369 |
ช้างป่าถูกรถ 18 ล้อชนล้มแล้ว | นายสัตวแพทย์ ณธนนท์ ปานเพชร และทีมสัตวแพทย์ประจำศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพื่อใช้ยาสลบยิงใส่ช้างป่าตัวผู้ อายุประมาณ 8 ปี ก่อนจะใช้รถเครนยกช้าง ขึ้นจากคูน้ำริมถนนสายเขาซก-หนองใหญ่ พื้นที่หมู่ 3 ต.เขาซก อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เพื่อนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสนแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันเพราะช้างล้มเสียก่อนที่จะเดินทางถึงโรงพยาบาล เพราะทนอาการบาดเจ็บกระดูกสันหลัง และกระดูกสะโพกหักไม่ไหวโดยช้างป่าตัวนี้เป็นหนึ่งใน 2 ตัว ที่ออกจากป่าเขาอ่างฤาไนมาหากินอยู่ใกล้กับเขตชุมชนในตำบลเขาซก ก่อนที่จะถูกรถบรรทุก 18 ล้อ ชนระหว่างเดินอยู่ริมถนนสายเขาซก-หนองใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 5.00 น.วันที่ 15 ส.ค.62หลังเกิดเหตุนายพิสิษฐ สิริสวัสดินุกูล นายอำเภอหนองใหญ่ ออกประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่หมู่ 3 ต.เขาซก และใกล้เคียง ให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะยังมีช้างอีก 1 ตัว ที่ออกมาหากินอยู่ริมถนนในเวลากลางคืนซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ | แม้เจ้าหน้าที่จะใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการช่วยเหลือช้างป่าอายุ 8 ปี ซึ่งถูกรถบรรทุก 18 ล้อชน ที่ริมถนนสายเขาซก-หนองใหญ่ จ.ชลบุรี แต่ไม่สามารถช่วยได้ทัน เพราะช้างกระดูกสันหลังหักทนอาการบาดเจ็บไม่ไหวล้มระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาล | ภูมิภาค | ช้างป่า,รถชน,เขาอ่างฤาไน,ชลบุรี,ห้วยใหญ่ | https://news.thaipbs.or.th/content/282953 |
มิตร นคร จัดศึกวันมิตรชัยนัดใหญ่เงินล้าน เวทีราชดำเนิน | เขี้ยวพยัคฆ์ฉลาดกว่าจะชนะโยธินอีกครั้ง,บุญหลง-เทพทักษิณ-หรั่งขาว-ได้เปรียบ,เวทีราชดำเนิน วันจันทร์ที่ 9 เม.ย. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกวันมิตรชัยนัดใหญ่เงินล้าน จัดโดยโปรโมเตอร์ มิตร นคร สุเมธ ซื่อสัตตบงกช คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 500-1,000-2,000 บาท ชัย ศิษย์ อ.บี้ ขอวิจารณ์ไปตามฝีมือดังนี้,แสนซน เอราวัณ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดกว่า จะชนะ สมิงเดช น.อนุวัฒน์ยิมส์ ชนิดสนุกอีกครั้ง 118 ป.,เก้ามงคล เพชรยินดีอคาเดม่ี มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดสภาพแวดล้อมแรงเชียร์ดีกว่า จะชนะ อ๊อฟไซด์ สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว ชนิดสนุกพลิกไปมาอีกครั้ง 112 ป.,รุ้งนารายณ์ ม.รัตนบัณฑิต มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดหลักเหลี่ยมดีกว่า จะชนะ อาชาไนย เพชรยินดีอคาเดมี่ ชนิดสนุกอีกครั้ง 114 ป.,หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ มวยสูงยาวจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาด จะชนะ เพชรสองภาค ศิษย์เจริญทรัพย์ 130 ป.,เทพทักษิณ ศ.ศรสิงห์ (ชนะคะแนน สมรักษ์น้อย มวยเด็ด 789 ที่ รดน.) มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงจิตใจสู้มีฮึดตลอดน่าลุ้นกว่า จะชนะ เด่นเกรียงไกร สิงห์มาวิน (ชนะคะแนน เกรียงไกร เพชรยินดีอคาเดมี่ ที่ รดน.) มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดแต่ปะทะยืดเยื้อแรงปลายเป็นรอง 119 ป.,บุญหลง คลองสวนพลูรีสอร์ท (แพ้คะแนน ก้องธรณี ส.สมหมาย ที่ รดน.) มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกแม่นยำรุนแรงฉลาดไม่ออกท่าแอ็กปล่อยมือ จะชนะ ประจัญบาน สจ.วิชิตเมืองแปดริ้ว (ชนะทีเคโอ สุริยันต์เล็ก อบต.กำพี้ ยก 4 ที่ รดน.) มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดชนิดสนุกอีกครั้ง 119 ป.,โยธิน เอฟ.เอ.กรุ๊ป (ชนะคะแนน พลังพล เพชรยินดีอคาเดมี่ ที่ รดน.) มวยแข็งแกร่งเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดแต่ช้ากว่า จะแพ้ เขี้ยวพยัคฆ์ จิตรเมืองนนท์ (ชนะคะแนน ลำน้ำมูลเล็ก อ.อัจฉริยะ ที่ รดน.) มวยสูงยาวจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฉลาดชนิดสนุกอีกครั้ง 118 ป.,แดนสยาม ครูดามยิมส์ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงฟอร์มสดมีฮึดตลอด จะชนะ ยอดสยาม ไฟต์เตอร์มวยไทย 112 ป.,เพชรวานร ดาบเรศ ปส. จะชนะ โฟร์วิล ศิษย์เจริญทรัพย์ 106 ต่อ 107 ป.,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ | เวทีราชดำเนิน วันจันทร์ที่ 9 เม.ย. (วันนี้) เป็นรายการมวย ศึกวันมิตรชัยนัดใหญ่เงินล้าน จัดโดยโปรโมเตอร์ มิตร นคร สุเมธ ซื่อสัตตบงกช คู่มวยคู่คี่ เก็บค่าดู 500-1,000-2,000 บาท | null | ชี้มวยเด็ด,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้,เวทีราชดำเนิน,มิตร นคร | https://www.thairath.co.th/sport/boxing-mma/1251016 |
วรเจตน์เตือนออกแบบระบบเลือกตั้งมุ่งเป้ารัฐบาลผสม ไม่เป็นผลดี-ไร้เสถียรภาพ | สภาไม่ฟังก์ชั่น แนะต้องคำนึงหลักความยุติธรรมของการนับคะแนนเสียงกับประสิทธิภาพในการทำงานของสภาจากกรณีที่ รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องระบบการเลือกตั้ง โดยที่ประชุม กรธ.ได้ร่วมกันกำหนดหลักการ 4 ประการสำคัญ เพื่อให้เป็นกรอบการพิจารณาเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งในอนาคต ประกอบด้วย 1.ส.ส.ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง 2.ระบบการเลือกตั้งไม่ควรซับซ้อน ประชาชนเข้าใจง่าย 3.เพื่อเป็นการเคารพประชาชนที่ลงคะแนน จึงพยายามทำให้คะแนนเลือกตั้งที่ประชาชนให้ทุกคะแนนมีความหมาย ไม่ว่าจะลงคะแนนให้ใคร คะแนนเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ควรสูญเปล่า 4.เป็นระบบเลือกตั้งที่ส่งเสริมให้ประชาชนสนใจออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่าควรเพิ่มอีก 1 ประเด็น คือควรให้เข้ากับบริบทหรือวิถีชีวิตของคนไทย โดยไม่ขัดหลักสากลเดลินิวส์ ยังรายงานอีกว่าหลังจากที่ประชุมได้กำหนด 4 กรอบ จึงได้มีข้อสรุปเรื่องระบบการเลือกตั้งว่าจะใช้ระบบการเลือกตั้งที่กำหนดให้เอาคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง ไปคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยประชาชนจะลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งเพียงหนึ่งใบ โดยมีการยกตัวอย่างว่า สมมติเขตเลือกตั้งหนึ่งมีผู้สมัคร ส.ส.จำนวน 5 พรรค หากพรรค ก.ได้รับคะแนนสูงสุดให้ถือว่าผู้สมัครพรรคนั้นได้เป็น ส.ส.ทันที แต่ให้เอาคะแนนของพรรคการเมืองที่ผู้สมัครไม่ได้รับเลือกตั้ง จำนวน 4 พรรค ไปคำนวณเพื่อหาจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคต่อไป ขณะที่ คะแนนของพรรคที่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.เขตแล้ว จะไม่ถูกนำมาคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกวันนี้ รายงานด้วยว่า วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตกรณี การกำหนดระบบเลือกตั้ง ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แบบจัดสรร ปันส่วนผสม โดยนำคะแนนผู้ที่ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ระบบเขต มารวมกับระบบบัญชีรายชื่อ ว่า ประเทศไทยพยายามแก้ปัญหาการเมืองโดยมุ่งเน้นไปที่ระบบเลือกตั้ง ซึ่งมองว่าการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งบ่อยครั้ง ไม่เกิดประโยชน์แต่ประเด็นสำคัญ เห็นว่า เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว จะเคารพผลการเลือกตั้งอันเป็นเจตน์จำนงของประชาชนหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะออกแบบระบบเลือกตั้งเช่นไร ก็จะเป็นเพียงเครื่องมือในการเอาชนะทางการเมือง เพียงอย่างเดียว วรเจตน์ เสนอให้บัญญัติกฎหมายเลือกเลือกตั้งขึ้นมาเฉพาะ ส่วนในร่างรัฐธรรมนูญ ระบุเฉพาะหลักการสำคัญเท่านั้นระบบเลือกตั้งในช่วงหลังอาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางการเมืองมากเกินไป เราจำได้ใช่ไหมครับว่าหลังรัฐประหารปี 49 ก็มีการออกแบบระบบเลือกตั้งแบบหนึ่ง แบบที่มีหลายๆ เขต ไม่ให้ประเทศเป็นเขตใหญ่เขตเดียว เพราะกลัวว่าจะมีคนเคลมว่าได้กี่ล้านคะแนน และมารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ก็แก้กลับไปเป็นแบบเดิมมันแก้กลับไปกลับมาแบบนี้ ผมไม่คิดว่าประเทศชาติจะได้อะไรเท่าไหร่จากการแก้กลับไปกลับมาแบบนี้ระบบเลือกตั้งที่ดีคือระบบที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน และในขณะเดียวกันก็ต้องคิดถึงเรื่องประสิทธิภาพของการทำงานในรัฐสภาด้วย คือถ้าใช้ระบบสัดส่วนล้วนๆ หรือเป็นระบบที่เปิดโอกาสให้มีพรรคการเมืองจำนวนมากในสภา ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือสภาผู้แทนราษฎรมันจะไม่ฟังก์ชั่น เพราะฉะนั้นเวลาเขาคิดระบบเลือกตั้งเขาพยายามผสานคุณค่า 2 อย่างเข้าไว้ด้วยกัน คือ หลักความยุติธรรมของการนับคะแนนเสียงของประชาชนกับประสิทธิภาพในการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร มันต้องมีดุลยภาพ 2 ส่วนนี้เข้าด้วยกัน ระบอบประชาธิปไตยมันถึงเดินไปได้ในขณะที่ตอนนี้เราออกแบบระบบเลือกตั้งโดยมุ่งเป้าหมายไปที่อยากมีรัฐบาลผสม ซึ่งมันไม่ควรเป็นธงหรือเป็นเป้าหมายของการออกแบบระบบเลือกตั้ง มันจะไม่ช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ สภาก็ไม่ฟังก์ชั่นทำงานไม่ได้ มันจะเกิดสภาพแบบนั้น ซึ่งโดยรวมไม่เป็นผลดี วรเจตน์ กล่าวสำหรับวันนี้วันนี้ วรเจตน์ เดินทางไปที่ศาลทหารกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อรับฟังการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ คดีฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวต่อ คสช. แต่เนื่องจากฝ่ายโจทก์ ไม่ได้ยื่นหลักฐานตามที่เคยแสดงไว้ จึงไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายจำเลย ศาลทหารจึงวินิจฉัย ให้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 29 มีนาคม 2559 | หลัง กรธ. วางกรอบระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนนำคะแนนผู้ที่ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ระบบเขต มารวมกับระบบบัญชีรายชื่อ วรเจตน์ เตือนออกแบบระบบเลือกตั้งให้ได้รัฐบาลผสม ไม่เป็นผลดีไร้เสถียรภาพ | การเมือง | การร่างรัฐธรรมนูญ,ระบบเลือกตั้ง,ระบอบประชาธิปไตย,รัฐบาลผสม,วรเจตน์ ภาคีรัตน์,สภาผู้แทนราษฎร | https://prachatai.com/journal/2015/10/62161 |
นายกฯ ถก ครม.พิจารณาบัญชีค่าจ้างลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ 35 แห่ง | วันที่ 3 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ตึกบัญชาการ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีวาระเพื่อพิจารณา อาทิ กระทรวงแรงงานจะเสนอการปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ 35 แห่ง เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยจากเดิมที่มีอัตราจ้างขั้นต่ำ เดือนละ 5,780-9,040 บาท ให้มีอัตราขั้นต่ำที่เดือนละ 9,040 บาท และปรับอัตราขั้นสูงสุดที่จากเดิมได้รับ เดือนละ 113,520 บาท ให้เพิ่มขั้นอีก 6.5 ขั้น โดยขั้นเงินเดือนสูงสุด อยู่ที่เดือนละ 142,830 บาท,ด้านกระทรวงการคลัง จะเสนอแนวทางการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ภาครัฐร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่) พ.ศ. ซึ่งเป็นการแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการค้ำประกันและจำนอง,ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ จะเสนอแต่งตั้ง นายชิโระซะ โตะชิมะ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ นายฮาซิม อัสสัยยิด บะดะวีย์ อัฏฏอฮิรีย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำประเทศไทยคนใหม่ รวมถึงการแต่งตั้งนายพาทริก ซีมียู วาโมโต ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเคนยาประจำประเทศไทยคนใหม่,ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเสนอการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี 2559 และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เตรียมเสนอมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้,ขณะเดียวกัน จะต้องติดตามว่า ที่ประชุมจะมีการพิจารณาข้อเสนอกระทรวงคมนาคม ที่ขออนุมัติแก้ไขแบบรายละเอียด และปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่างๆ,กระทรวงยุติธรรม จะเสนอการนำส่งเงินคงเหลือของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่) พ.ศรวมถึงร่างพ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ,กระทรวงสาธารณสุข จะขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในโครงการเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558,ขณะที่ต้องติดตามความคืบหน้าแนวทางการสืบสวน และมาตรการรักษาความปลอดภัย ของฝ่ายความมั่นคง หลังจากเกิดเหตุระเบิด 2 ครั้ง บริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม และทางเข้าด้านหน้าห้างสยามพารากอน ของคืนวันที่ (1 ก.พ.),รวมถึงพิจารณา แนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร และการ พัฒนาสินค้าทางการเกษตรให้มีราคาที่ดีขึ้น เช่น ข้าว ยางพารา รวมถึงมาตรการป้องกันปัญหาภัยแล้งในปีนี้,อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม ครม. ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำศิลปินดารา เข้าติดเข็มกลัดสัญลักษณ์วันมะเร็งโลก 2015 ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนัก และเห็นความสำคัญในการตรวจคัดกรองมะเร็ง และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ก่อมะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข ได้จัดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลก เมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา.,  | นายกฯ ประชุม ครม.พิจารณาบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ 35 แห่ง ขณะคมนาคมเสนอปรับงบฯ กรอบวงเงินค่าจ้างรถไฟฟ้าสายสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต | null | นายกฯ,ประยุทธ์,ครม.,บัญชี,อัตราค่าจ้าง,ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ 35 แห่ง,คมนาคม,กรอบวงเงิน,ค่าจ้างรถไฟฟ้าสายสายสีแดง,บางซื่อ-รังสิต,พล.อ.ประยุทธ์,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกรัฐมนตรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง,อีโบลา,อีโบล่า | https://www.thairath.co.th/content/478764 |
คลินิกกัญชาฯ คึกคัก จองคิวล่วงหน้าถึง มี.ค.ทะลุ 12000 คน | เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทยว่า คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทยที่เปิดให้บริการ ภายในกระทรวงสาธารณสุข มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เปิดให้บริการเพียง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-15 ม.ค.2563 มีผู้เข้ารับบริการ 4639 คน จำนวนนี้มีผู้ที่จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน กัญชาทางการแพทย์แผนไทย และ DR.Ganja in TTM 2862 คน Walk in 1777 คน นอกจากนี้ มียอดจองคิวรับบริการล่วงหน้าถึงเดือนมีนาคมแล้วกว่า 12000 คนโรคนอนไม่หลับ เข้ารักษามากที่สุดนายอนุทิน กล่าวต่อว่า ขณะนี้คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย ได้จ่ายยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม แก่ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ ประกอบด้วย น้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา 8094 ขวด ตำรับยาแก้ลมแก้เส้น 1586 ซอง ตำรับยาทำลายพระสุเมรุ 188 ซอง และตำรับศุขไสยาศน์ 30 ซอง โดยอาการที่เข้ารับรักษามากที่สุด คือนอนไม่หลับ รองลงมา ลมปะกัง หรือไมเกรน และอาการปวดข้อ ปวดหลัง ตามลำดับเปิดทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจรับบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข สามารถจองคิวรับบริการล่วงหน้าได้ที่ แอปพลิเคชัน กัญชาทางการแพทย์แผนไทย หรือ DR.Ganja in TTM โดยคลินิกเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. หยุดให้บริการเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามเพิ่มเติม โทร 02 590 2606 และ 02 591 1964 | รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย 10 วัน ประชาชนให้ความสนใจเข้ารับบริการกว่า 4000 คน มีผู้จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นล่วงหน้าถึงเดือน มี.ค.แล้วกว่า 12000 คน | สังคม | กัญชาทางการแพทย์,คลินิกกัญชา,กัญชา,อนุทิน ชาญวีรกูล,น้ำมันกัญชาสูตรเดชา | https://news.thaipbs.or.th/content/288046 |
ระทึกไฟลุกรถกำลังจะไปเคาท์ดาวน์ ต้องโดดหนีตาย สาหัส4 รอด4 | เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 31 ธ.ค.59 พ.ต.ท.ขวัญชาติ แจ่มจำรัส รองผกก.(สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา รถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางวัวคณารักษ์ ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ บนทางด่วนบูรพาวิถี กม.41+100 ขาเข้าชลบุรี หมู่2 ต.บางวัว อ.บางปะกง พบรถยนต์ มิตซูบิซิ ปาเจโร่ สีน้ำเงิน-เทา ทะเบียน 3 กท 9386 กรุงเทพมหานคร กำลังถูกเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง อยู่เลนซ้าย เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำสกัดเพลิง ประมาณ 30 นาที จึงจะสงบ พบรถเสียหายทั้งคัน,ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย ทราบชื่อ นายศิราภัค มานิตยกุล อายุ 30 ปี คนขับ น.ส.วิชุดา อินทรสุนทร อายุ 26 ปี น.ส.ภูริตา วงศ์พานิช อายุ 28 ปี ทั้งสามคนบาดเจ็บสาหัส ส่วนด.ญ.วิชญาพร มานิตยกุล อายุ 2 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ทั้งสี่คน นอนกระจัดกระจายอยู่บนถนน ก่อนที่กู้ภัยจะนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11,ยังมีผู้โดยสารอีกสี่คน ที่สำลักควัน ทราบชื่อนายชัชวาล จันทร์สว่าง อายุ 34 ปี จ่าเอกเพชรพงษ์ พรหมใจ อายุ 23 ปี น.ส.ธัญญ์ณรัศมี รัตนธนาฤกษ์ อายุ 26 ปี และด.ญ.วัย 4 ขวบ สอบสวน นายชัชวาล พบว่า ทั้ง 8 คน กำลังจะไปเคาท์ดาวน์ที่บางแสน แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ขณะรถกำลังวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เกิดไฟลุกไหม้ที่กระปุกเกียร์และไฟลามลุกไหม้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งควันปกคลุมในรถ จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นถนนได้ และกลัวว่าไฟจะคลอกตาย นายศิราภัค ซึ่งเป็นคนขับตัดสินใจเปิดประตูรถขณะที่รถวิ่งอยู่ทันที ทำให้ร่างร่วงไปกระแทกกับถนน ส่วน น.ส.วิชุดา ภรรยาที่อุ้มลูกสาว วัย 2 ขวบ อยู่ก็ตัดสินใจเปิดประตูรถ กระโดดไปพร้อมกับลูกแต่แขนขวาเกิดเกี่ยวกับเข็มขัดนิรภัยทำให้ร่างถูกลากมากับถนนพร้อมกับลูก,ส่วน น.ส.ภูรตา ก็เปิดประตูกระโดดหนีตายเช่นกัน ทำให้หน้าไปกระแทกกับถนนจนกรามหัก ส่วนตนและคนที่เหลือตั้งสติ พยายามคลำหาเบรกมือแล้วค่อยๆดึงเบรกถึงสองครั้ง จนรถจอดสนิทแล้วประตูก็เปิดออกเอง ทำให้ต้องรีบหนีตายลงมาก่อนถูกไฟคลอก แล้วรีบมาช่วยคนเจ็บที่นอนอยู่กลางถนน ซึ่งรถคันดังกล่าวนั้น ติดแก๊สเอ็นจีวี ทั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ว่า เกิดจากอะไร | ระทึก!ไฟลุกรถติดแก๊สเอ็นจีวีตรงกระปุกเกียร์ ขณะขับอยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี ผู้โดยสาร 8คน กำลังจะไปเคาท์ดาวน์กันที่บางแสน จ.ชลบุรี ต้องตัดสินใจโดดหนีตายจ้าละหวั่น สุดท้ายสาหัส 4 รอดหวุดหวิด 4 | null | รถไฟลุก,ติดแก๊สเอ็นจีวี,ทางด่วนบูรพาวิถี,กระโดดหนีตาย,สาหัส4 เจ็บ4 | https://www.thairath.co.th/content/825653 |
แห่ขอเลขเด็ด เจ้ากุ่ย นกอีกาแสนรู้ หลังให้โชคตรงๆ มาแล้วหลายงวด (คลิป) | เมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ วัดห้วยชินสีห์ หมู่ 7 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้ยินคำบอกเล่าว่า มีนกอีกาให้เลขเด็ดและชาวบ้านได้นำไปเสี่ยงโชค จนถูกรางวัลกันมาแล้วหลายงวด ไปถึงพบชาวบ้านเดินทางมาดูนกอีกาหลายสิบคน ซึ่งนกอีกาดังกล่าวมีชื่อว่า ,เจ้ากุ่ย, ลักษณะเชื่อง แสนรู้ มีความคุ้นเคยกับพระภิกษุสงฆ์ในวัดและชาวบ้านในละแวกนั้น,เนื่องจากบริเวณหน้าวัด จะมีเครื่องกรองน้ำบริการน้ำดื่มให้ชาวบ้าน และได้เห็นนกอีกาตัวนี้บินมากินน้ำ จึงมีการพูดเล่นทักทายมีเสียงดังฟังชัดคล้ายกับเสียงคนพูด โดยวันนี้ใกล้วันหวยออกชาวบ้านทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่จึงจะมาขอเลขเด็ดจากอีกาตัวนี้อีก ทำให้บรรยากาศครึกครื้น ชาวบ้านได้นำแผ่นกระดาษเขียนเลขแล้วม้วนใส่ไว้ในพานทองเหลือง พยายามพูดจาหว่านล้อมเพื่อให้เจ้ากุ่ยจิกเลขเด็ดให้,นอกจากนี้ ยังนำอาหาร มีทั้งลูกชิ้น หมูย่าง ไก่ย่าง เอามาฉีกยื่นให้เจ้ากุ่ยกินให้อิ่มหนำสำราญก่อน แต่ไม่ได้ยินคำพูดหรือเสียงจากเจ้ากุ่ยเลย คงเป็นเพราะมีคนมามากจึงไม่กล้าพูด แต่ทุกคนก็ได้เลขตามที่นกกาดำจิกให้คือเลข 7 กับเลข 9,นางจารุวรรณ รอบจังหวัด อายุ 60 ปี เผยว่า นกอีกาตัวนี้ หลวงพ่อซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยชินสีห์ท่านเลี้ยงไว้นานแล้ว จะมีนิสัยชอบเล่นโดยเฉพาะกับเด็กๆ จะเชื่องไม่กลัวคน เวลาที่วัดมีการจัดงานต่างๆ ก็จะบินมาอยู่ใกล้ๆ คน ไม่เหมือนนกทั่วไป ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็จะพูดได้เหมือนคนมาก บางวันจะส่งเสียงร้อง เคยมีครั้งหนึ่งพระในวัดได้เขียนเลข 0 ถึง 9 ใส่กระดาษแล้วขยำเป็นก้อนๆ วางไว้ในพาน ให้เจ้ากุ่ยจิกคาบขึ้นมาให้ ปรากฏว่าพระสงฆ์ท่านได้ถูกลอตเตอรี่เป็นเลขท้าย 2 ตัว จำนวน 15 คู่ จากเสียงร่ำลือกัน จึงทำให้วันนี้มีชาวบ้านพากันมาขอเลขเด็ดกัน,ทางด้าน พระอรรถชัย อาตชโย พระลูกวัดห้วยชินสีห์ เปิดเผยว่า ชาวบ้านหลายคนจะชอบมาขอหวยกัน วันไหนนกอารมณ์ดีก็คุยเล่นเหมือนคนคุยกันตามปกติทั่วไป ซึ่งชาวบ้านจะเป็นฝ่ายป้อนคำถามถามเจ้ากุ่ยให้ตอบ เวลาชาวบ้านหรือมีเด็กๆ มาวัดก็จะบินมาเล่นด้วย ส่วนอาหารที่ชอบนั้นทางหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดจะให้หมูปิ้ง ลูกชิ้นมาให้กิน ส่วนการให้โชคลาภจะเขียนเลขให้จิกออกมาจากกองกระดาษที่เขียนเลขม้วนไว้นำไปเสี่ยงโชค ส่วนมากจะให้เลขแค่ 2 ตัว,แต่ก็จะมีเด็กอยู่คนหนึ่งที่เจ้ากุ่ยไม่ค่อยชอบหน้า มีบางวันเด็กคนนั้นได้มาหยอกเล่นด้วย เจ้ากุ่ยจะทำท่าทางไม่สบอารมณ์และจะพูดออกมาว่า ไม่จอย ไม่จอย นอกจากนี้ชาวบ้านบางคนที่นำขวดพลาสติกมากรอกน้ำบริเวณหน้าวัดเกือบทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งกำลังกรอกน้ำ ได้ยินเสียงเหมือนคนมาถามว่า กรอกน้ำเหรอ กรอกน้ำเหรอ พอหันไปมองหา ก็ไม่เห็นมีใคร มีแต่เจ้ากุ่ยเดินอยู่ใกล้ๆ และพอจะเอาน้ำขึ้นรถกลับบ้านก็พูดบอกว่า กลับแล้วเหรอ กลับแล้วเหรอ พูดเสียงดังฟังชัดเหมือนคนไม่มีผิดเพี้ยน. | ชาวบ้านรุมขอเลขเด็ด เจ้ากุ่ย นกอีกาแสนรู้ของเจ้าอาวาสวัดห้วยชินสีห์ หลังให้โชคมาแล้วหลายงวด รอบนี้ไม่พลาด จิกเลขให้ลุ้นรวย | ข่าว,ทั่วไทย | เลขเด็ด,เลขดัง,เจ้ากุ่ย,เลขเด็ดงวดนี้,อีกาแสนรู้,หวย | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1577140 |
ชาวจีนในฮ่องกงไม่พอใจชาวจีนแผ่นดินใหญ่ | กลุ่มวัยรุ่นในเกาะฮ่องกงจำนวนหนึ่งได้เดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายสินค้ายี่ห้อดังของเกาะฮ่องกง และได้แปลงเนื้อร้องของเพลงป็อปภาษากวางตุ้ง ร้องดูถูกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ว่าเป็น ตั๊กแตน ซึ่งสื่อถึงการที่เข้ามาใช้ทรัพยากรและบริการสาธารณะต่างๆ ในฮ่องกงโดยไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับสังคมของฮ่องกงเลย เช่น การที่เข้ามาคลอดลูกบนเกาะฮ่องกง เพื่อเลี่ยงนโยบายการมีลูกคนเดียวของรัฐบาลจีนการประท้วงนี้มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มในอินเทอร์เน็ตที่เรียกร้องให้คนไปร้องเพลงหน้าร้านสินค้ามียี่ห้อ ซึ่งมีชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่จำนวนมากมาซื้อสินค้าเกาะฮ่องกงซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษถูกส่งมอบคืนให้กับจีนแผ่นดินใหญ่กว่า 14 ปีแล้ว แต่ชาวจีนในฮ่องกงยังคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นชาวฮ่องกงมากกว่าชาวจีน และปัจจุบันมีชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ทะลักเข้าไปในเกาะฮ่องกงมากขึ้น จนทำให้ชาวจีนในฮ่องกงไม่พอใจขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า ถ้าพวกเขาไม่เข้ามาฮ่องกง อุตสาหกรรมจำนวนมากบนเกาะก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ รวมถึงร้านค้าต่างๆ จะสูญเสียลูกค้าไปด้วย | ชาวจีนในเกาะฮ่องกงไม่พอใจชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาใช้ทรัพยากร และบริการสาธารณะต่างๆ ของชาวฮ่องกง โดยได้แสดงความไม่พอใจด้วยการร้องเพลงว่าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังเข้าไปซื้อของในร้านขายสินค้ามียี่ห้อต่างๆ | ต่างประเทศ | จีน,ชาวจีน,ฮ่องกง | https://news.thaipbs.or.th/content/65349 |
รถบรรทุกวิ่งถนนพัง เสียหายแตกร้าว เป็นหลุมเป็นบ่อ กว่า 3 กม. | วันนี้(10 มิ.ย.2563) ลงพื้นที่สำรวจถนนบริเวณถนนทางหลวงชนบท 3020หรือถนนเลียบคลองขุดใหม่ ช่วงตั้งแต่คลองพิสนธิ์ ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จนถึงหน้าวัดเจดีย์หอย ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร พบว่ามีสภาพถนนชำรุดเสียหายและมีเศษดินหล่นอยู่บนผิวถนน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากรถบรรทุกใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ แม้จะมีป้ายเตือนจาก อบต.พระยาบันลือ ห้ามรถบรรทุกใช้เส้นทางนี้แล้วก็ตาม รวมทั้งระดับน้ำในคลองขุดใหม่ลดลง ทำให้ถนนเลียบคลองเกิดทรุดตัวนายชัยชนะ สอนสำแดง ตัวแทนชาวบ้านบอกกับทีมข่าวว่า ที่ผ่านมารถบรรทุกขนดินและหิน ซึ่งละแวกนี้มีบ่อดิน 3-4 แห่ง ใช้เส้นทางกันทั้งวันทั้งคืน ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากฝุ่นและแรงสั่นสะเทือน ถนนทรุดตัวหลายจุดและบางช่วงชำรุดเสียหาย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการซ่อมแซม เพราะที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน เวลาฝนตกทำให้ลำบากต่อการสัญจรของชาวบ้านอย่างมากทีมข่าวประสานงานไปยังนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบถามปัญหาถนนชำรุด ซึ่งนางสมทรงกล่าวว่าถนนเส้นนี้กรมทางหลวงชนบทส่งมอบให้กับ อบจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ดูแลแล้ว และทาง อบจ.พระนครศรีอยุธยา พึ่งดำเนินการซ่อมแซมแล้วเสร็จไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว แต่ต้องชำรุดอีกครั้ง สาหตุคาดว่ามาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้เส้นทางกันจำนวนมาก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เตรียมให้ฝ่ายพัฒนาชนบท ลงสำรวจความเสียหายและเตรียมนำเรื่องเข้าประชุมที่อบจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหางบประมาณมาซ่อมแซมถนนเพื่อให้ชาวบ้านใช้ถนนอย่างปลอดภัย ให้เร็วที่สุด | ประชาชนที่ใช้ถนนในเส้นทางหลวงชนบท 3020 รอยต่อ จ.ปทุมธานีและ จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องทุกข์ถนนพังชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ ระยะทางกว่า 3 กม. เนื่องจากรถบรรทุกหนักวิ่งตลอดเวลา มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง | ภูมิภาค | ข่าวไทยพีบีเอส,ร้องทุกข์ลงป้ายนี้ | https://news.thaipbs.or.th/content/293502 |
รถบรรทุกทำปาล์มร่วงเกลื่อน กระบะ3สาวนักศึกษาเหยียบลื่นตกถนนเจ็บทั้งคัน | เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. 60 ร.ต.อ.สนิท นุ้ยพิน พงส.สภ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งอุบัติเหตุบนถนนสายเอเชีย 41 หมู่ที่ 6 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยหลังสวน เจ้าหน้าที่หมวดการทางหลังสวน กำลังตำรวจรุดที่เกิดเหตุในช่องทางขาขึ้น กทม. หลักกิโลเมตรที่ 71-70 พบว่า มีทะลายปาล์ม และผลปาล์มจำนวนมากตกเกลื่อนถนนจนถึงขอบทาง ทำให้น้ำมันที่แตกออกจากผลปาล์มกระจายไปทั่วบริเวณส่งผลให้ผิวถนนลื่นจนรถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านจุดดังกล่าวเป็นระยะทาง 1 กม. เจ้าหน้าที่หมวดการทางหลังสวน ช่วยกันเก็บผลออกและประสานรถดับเพลิง 2 คันมาฉีดล้างถนนก่อนจะเปิดการจราจร ใช้เวลาร่วม 2 ชม. การจราจรขาขึ้น กทม. ติดขัดยาวเหยียด,จากการตรวจสอบทราบว่า มีรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกผลปาล์มและทะลายปาล์มเต็มคันโดยไม่มีผ้าใบหรือสิ่งปิดกั้น เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุแรงเหวี่ยงทำให้ผลปาล์มและทะลายปาล์มที่บรรทุกมาจนสูงล้นกระบะหล่นลงมาเกลื่อนถนน สร้างปัญหาแก่ผู้ขับรถผ่านในจุดดังกล่าว จนเกิดอุบัติเหตุรถลื่นไถลไปแล้วหลายคันแต่โชคดีที่ไม่มีเหตุรุนแรงถึงแก่ชีวิต,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะอยู่ในพื้นที่มีรถกระบะมาสด้า สีขาว ทะเบียน ผข 6085 นครศรีธรรมราช วิ่งผ่านมาและเหยียบเข้ากับผลปาล์มที่ยังเก็บไม่หมดทำให้รถกระบะหมุนก่อนพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนน ซึ่งภายในรถมีผู้หญิง 3 คน เป็นนักศึกษากำลังเดินทางจะไปฝึกงานที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน และบาดเจ็บสาหัส 1 คน คือ น.ส.กาญจนา ไชยชาญ อายุ 22 ปี ชาว อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช นำส่งรักษาที่ รพ.หลังสวน ,ด้านชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า หลังจากรถบรรทุกทำปาล์มหล่นคนขับก็ไม่จอดแต่กลับขับหลบหนีไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ เพื่อติดตามคนขับมาดำเนินคดีต่อไป. | เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์ทะลายและผลปาล์มบนถนนสายเอเชีย อ.หลังสวน จากรถบรรทุกทำร่วงเกลื่อนถนนซ้ำไม่จอดเก็บรีบขับหนีไป กระบะสาวนักศึกษาผ่านมาเหยียบลื่นรถหมุนก่อนตกถนน เจ็บรวม 3 ราย | ข่าว,ทั่วไทย | ทะลายปาล์ม,ปาล์มร่วงบนถนน,ชุมพร,หลังสวน,ถนนลื่น,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1165220 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.