txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Tesla ทดลองเปิดสถานี Supercharger ให้รถยี่ห้ออื่นใช้ได้แล้ว เริ่มที่เนเธอร์แลนด์
หลายเดือนก่อนมีข่าวว่า Tesla เตรียมเปิดสถานี Supercharger ให้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นเข้ามาใช้บริการได้ด้วย ล่าสุดเริ่มทดลองเปิดแล้วที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นจำนวน 10 สถานี กระจายๆ กันแต่ส่วนใหญ่อยู่ตอนกลางของประเทศ
ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นต้องดาวน์โหลดแอพ Tesla แล้วผูกบัตรเครดิต จากนั้นก็เลือกสถานีชาร์จที่ต้องการ รวมถึงตู้ที่จะใช้บริการ โดยค่าบริการจะแพงกว่ารถ Tesla เอง ส่วนหัวชาร์จเป็น CCS ที่เป็นมาตรฐานในยุโรปอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องใช้หัวแปลงใดๆ
Tesla ยังเชียร์ให้ผู้ใช้รถ Tesla เข้ามาใช้บริการสถานี Supercharger ตามปกติ เพราะต้องการเก็บข้อมูลการใช้บริการรวมถึงความหนาแน่นของสถานีด้วย เพื่อนำไปปรับปรุงการให้บริการและเตรียมเปิดทุกสถานีในโลกให้รถทุกยี่ห้อในอนาคต
ที่มา - Electrek
ภาพโดย Tesla
|
# อาการน่าเป็นห่วง Back 4 Blood มีผู้เล่นบน Steam น้อยกว่า Left 4 Dead 2 แล้ว
แม้ Back 4 Blood เกมยิงซอมบี้เกมใหม่จากทีมสร้าง Left 4 Dead จะมีผู้เล่นพร้อมกันเกือบแสนคนในช่วง closed beta แต่หลังเกมเปิดตัววันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ตัวเกมกลับมียอดผู้เล่นไม่มากนัก
อ้างอิง SteamDB เกม Back 4 Blood มีผู้เล่นพีคสุดช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ 65,987 คน แต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือผู้เล่นช่วงพีคอยู่ราว 25,000-32,000 คน และมีผู้เล่นสูงสุดเฉลี่ย 30 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 26,779 คน
กลับกันยอดผู้เล่นเกม Left 4 Dead 2 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เล่นช่วงพีคอยู่ที่ 37,000-38,000 คน ซึ่งแม้ได้อานิสงค์มาจากส่วนลดช่วง Halloween Sale ทำให้มีราคาถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับ Back 4 Blood และจากกระแสเกมยิงซอมบี้ที่ Back 4 Blood ปลุกมาใหม่ แต่เมื่อย้อนไปเทียบตัวเลขผู้เล่น Left 4 Dead 2 สูงสุดเฉลี่ย 30 วัน ไม่ใช่แค่ช่วงลดราคา ก็ยังอยู่ที่ 30,639 คน มากกว่า Back 4 Blood อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ยอดผู้เล่นนี้ของ Back 4 Blood ยังนับแค่ผู้เล่นบนพีซี และเฉพาะแพลตฟอร์ม Steam เท่านั้น ยังไม่นับรวมบนเครื่องคอนโซลอื่น หรือ Xbox ที่ Back 4 Blood เป็นเกมฟรีรวมอยู่ใน Xbox Games Pass ด้วย ซึ่งก็คงต้องติดตามสถานการณ์ในระยะยาวกันต่อ
ที่มา - Kotaku
|
# ซัมซุงเปิดตัวกางเกงยีนส์พร้อมกระเป๋าหน้า ออกแบบให้ใส่ Galaxy Z Flip ได้พอดี กระเป๋าไม่ปูด
ซัมซุงร่วมกับแบรนด์ยีนส์ในออสเตรเลีย Dr Denim ทำ Z Flip Pocket Denim กางเกงยีนส์รุ่นพิเศษ มีช่องใส่ Galaxy Z Flip ได้พอดิบพอดีตรงส่วนต้นขา เป็นช่องแยกออกมาจากกระเป๋ากางเกง เพิ่มความเก๋
Hayley Walton หัวหน้าฝ่ายการตลาดแบรนด์ Samsung Mobile กล่าวว่าสมาร์ทโฟนมักไม่เป็นมิตรกับกระเป๋ากางเกงเท่าไร ทางบริษัทจึงร่วมกับ Dr Denim เพื่อออกแบบกางเกงยีนส์ที่พอดีกับ Galaxy Z Flip3 กระเป๋าหลังกางเกงยีนส์มาอยู่ข้างหน้าตรงต้นขา และย่อขนาดให้พอดีกับ Galaxy Z Flip3 นอกจากนี้ยังเย็บตัวอักษร Z ที่กระเป๋าหน้าด้วย
Z Flip Pocket Denim ขายพร้อมมือถือรวมแล้วราคา 1,499 เหรียญ
ที่มา - ซัมซุงออสเตรเลีย
|
# Satya "อ๋อ Metaverse น่ะเหรอ เรามีมานานแล้วล่ะ ทั้ง Teams Rooms และ HoloLens"
Satya Nadella ไปให้สัมภาษณ์รายการของ Harvard Business Review และได้รับคำถามยอดฮิตแห่งยุคสมัย "คิดอย่างไรกับ metaverse"
คำตอบของ Nadella คือต้องมองทั้งสองฝั่งคือ outside-in และ inside-out ไม่ใช่เอาโลกเสมือนไปซ้อนทับบนโลกจริง แต่ต้องคิดเรื่องการนำโลกจริงไปอยู่ในโลกเสมือนด้วย
เขายกตัวอย่างห้องที่มีแต่กล้องและไมโครโฟน แล้วสร้างโลกเสมือนทับลงไป โดยพูดถึงฟีเจอร์ของ Microsoft Teams Rooms ที่มีหลายคนอยู่ในห้องประชุมเดียวกัน แต่กล้องสามารถจับภาพแยกรายคน แล้วนำไปประชุมกับคนอื่นๆ ราวกับว่าทุกคนต่างอยู่บ้านของตัวเอง เป็นตัวอย่างของการทำให้มิติกายภาพเป็นดิจิทัลที่แยกจากกัน ไปพร้อมๆ กับที่คนก็ยังนั่งในมิติกายภาพเดียวกัน
Teams Rooms
Nadella ยังบอกว่ากรณีของ Teams Rooms เราไม่ต้องสวมใส่แว่นหรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ไปปรากฏตัวในมิติเสมือนแบบ 2D ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าอยากก้าวไปอีกขั้น เข้าสู่โลกเสมือนเต็มรูปแบบ ปรากฏตัวในรูปแบบโฮโลแกรมหรืออวตาร ไมโครซอฟท์ก็มี HoloLens อยู่แล้ว และมีโปรแกรมชื่อ Altspace VR สำหรับให้อวตารไปมีปฏิสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งไมโครซอฟท์ก็เคยร่วมกับ Accenture สร้างออฟฟิศเสมือนชื่อว่า Nth Floor มาแล้วเช่นกัน
Nadella บอกว่าโฮโลแกรมหรืออวตาร จะเป็นขั้นกว่าของ video-based meetings แบบที่เราเริ่มคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ในระยะถัดไปวิดีโอจะค่อยๆ กลายเป็นอวตาร 2D หรือ 3D เต็มรูปแบบ นี่คือแนวคิดของไมโครซอฟท์ต่อ metaverse ในอนาคต
AltspaceVR
Accenture Nth Floor
ที่มา - Windows Central
|
# ชายวัย 89 จบปริญญาเอกฟิสิกส์ หลังไปเป็นหมอตามที่ครอบครัวคาดหวังจนเกษียณ
มหาวิทยาลัยบราวน์รายงานถึง Manfred Steiner ชายวัย 89 ปีที่สอบจบปริญญาเอกฟิสิกส์สำเร็จเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมาในหัวข้อ "Corrections to the Geometrical Interpretation of Bosonization" โดย Steiner ระบุว่าเขาอยากเป็นนักฟิสิกส์มาตั้งแต่เด็ก แต่ครอบครัวอยากให้เป็นหมอ
Steiner ได้ปริญญาเอกแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวียนนาตั้งแต่ปี 1955 และหลังจากนั้นก็ได้ปริญญาเอกใบที่สองสาขาชีวเคมีจาก MIT ในปี 1967 และหลังจากนั้น Steiner ก็ทำงานเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยบราวน์จนเกษียณปี 2000
Steiner เล่าว่าเขายังสนใจฟิสิกส์อยู่เสมอและกลับไปนั่งเรียนวิชาฟิสิกส์ในที่มหาวิทยาลัยบราวน์อยู่บ้างแต่กลับไม่เข้าใจเนื้อหาลึกๆ นัก หลังเกษียณจึงไปลงทะเบียนเรียนในฐานะนักเรียนพิเศษเทอมละ 1-2 วิชา และเก็บวิชาเรียนไปเรื่อยๆ จนสามารถเรียนปริญญาเอกได้ในปี 2007 ระหว่างเรียนเขาพบปัญหาสุขภาพบ้างทำให้กระบวนการเรียนล่าช้าออกไป
ที่มา - Brown University
|
# GitHub เพิ่มการกำหนดสิทธิคนที่ทำ Code Review ได้ แก้ปัญหาสแปม Pull Request
โครงการโอเพนซอร์สจำนวนมากอยู่บน GitHub และการที่ GitHub มีฐานนักพัฒนาจำนวนมาก ทำให้การส่งแพตช์เข้าร่วมโครงการทำได้ง่ายขึ้น แต่ในมุมกลับ นักพัฒนาผู้ดูแลโครงการก็เจอปัญหาการสแปม pull request จากนักพัฒนาที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
GitHub เลยออกฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ดูแลโครงการสามารถกำหนดผู้ใช้ที่สิทธิ code review (สั่งอนุมัติ pull request) ได้แบบเจาะจงบุคคล เพื่อจำกัดเฉพาะคนที่ไว้วางใจได้ เป็นผู้ตรวจสอบโค้ดที่มีคนส่งเข้ามา
หน้าจอตั้งค่านี้ กำหนดได้ตาม repository ที่ต้องการ หรือเป็นจะทุก repository ขององค์กรก็ได้เช่นกัน
ที่มา - GitHub
|
# WSJ รายงาน แอปเปิลพัฒนาฟีเจอร์ตรวจจับรถชนและโทรออกเบอร์ฉุกเฉินทันทีใน iPhone
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าแอปเปิลกำลังพัฒนาฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยใน iPhone ให้สามารถตรวจจับการรถชนได้ และโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉินอัตโนมัติให้ด้วย คาดว่าจะพร้อมใช้งานใน iOS 16 เปิดตัวปีหน้า
โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะใช้พลังจากเซนเซอร์ที่มีอยู่ใน iPhone และ Apple Watch เพื่อตรวจจับแรงโน้มถ่วงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน เช่นเดียวกับ Apple Watch ที่ตรวจจับการล้ม
เมื่อรถชนและมีหน้าจอแจ้งเตือนบนมือถือ หากผู้ใช้งานไม่กดปิดแจ้งเตือนนั้นภายในเวลาที่กำหนด โทรศัพท์จะทำการโทรออกไปยัง 911 หรือเบอร์ฉุกเฉินให้ทันที
ความสามารถดังกล่าวไม่ไใช่ของใหม่ ซึ่ง Google Pixel 6, Pixel 6 Pro ได้พัฒนาฟีเจอร์นี้มาแล้ว รองรับการตรวจจับการชนและบริการโทรฉุกเฉินอัตโนมัติในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สเปน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ที่มา - Digital Trends
|
# กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เสนอกำกับ Stablecoin เต็มรูปแบบ ควบคุมเงินสำรอง จำกัดการรับฝาก
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกรายงานถึงความเสี่ยงของเงินคริปโตที่ผูกค่ากับค่าเงินของรัฐบาลหรือ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมขึ้นอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา จนถึงเวลาที่ควรกำกับดูแลวงการนี้ในรูปแบบที่คล้ายกับธนาคารมากขึ้น
รายงานระบุว่ามูลค่าของเงินเหล่านี้มีการใช้งานเติบโตถึงห้าเท่าตัว ตอนนี้มูลค่ารวมเงิน stablecoin ที่อยู่ในตลาดรวม 4 ล้านล้านบาท (127 พันล้านดอลลาร์) เกือบทั้งหมดเป็นเงินที่ผูกค่าเข้ากับดอลลาร์สหรัฐฯ การใช้งานที่มากเช่นนี้สร้างความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ความเสี่ยงราคาของ stablecoin เองที่หน่วยงานที่ออกเงินคริปโตเหล่านี้ไม่สามารถดูแลมูลค่าให้ตรงกับเงินที่ผูกค่าไว้ได้, ไม่มีการควบคุมเงินสำรองดีพอ, กระบวนการขอถอนเงินไม่ชัดเจน, และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้จะมีการใช้งานมากและความเสี่ยงหลายจุดแต่ธุรกิจการออก stablecoin ก็ยังถูกกำกับดูแลอย่างจำกัด ไม่สามารถกำกับดูแลได้ทั้งระบบ
รายงานแนะนำให้มีการออกกฎหมายควบคุมดูแลเงินสำรองของหน่วยงานออกเงิน stablecoin เหล่านี้ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ควบคุมผู้ให้บริการอื่น เช่น ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินคริปโตที่ต้องจำกัดกิจกรรมบางประเภทเช่นการปล่อยกู้ หรือจำกัดการใช้ข้อมูลลูกค้า
ที่มา - Treasury.gov
|
# ไม่อยากให้ชิปหาย รัฐบาลอินเดียจีบบริษัทชิปชั้นนำเช่น TSMC, Intel, AMD ตั้งโรงงานผลิตในประเทศ
วิกฤตชิปขาดแคลน ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเร็วๆ นี้ ล่าสุดรัฐบาลอินเดียเตรียมพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ปั้นกองทุนสนับสนุนการลงทุนมูลค่าหลักพันล้าน เพื่อดึงดูด TSMC, Intel, AMD, Fujitsu และ United Microelectronics Corp. ให้มาตั้งโรงงานในประเทศ หลังบริษัทผลิตชิปหลายบริษัทเริ่มมองหาฐานผลิตในประเทศอื่นเพิ่มเติมนอกจากประเทศจีน
แผนงานนี้เป็นการกำกับดูแลตรงจากสำนักนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Office) ร่วมกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักข่าว Times of India ระบุแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนว่ารัฐบาลอินเดียพร้อมที่จะลงเงินสนับสนุนแบบเต็มที่ และพร้อมที่จะยืดระยะโครงการ PLI (Production linked incentive) ที่เพิ่มเงินสนับสนุนให้กับบริษัทที่ตั้งฐานการผลิตในประเทศ
นอกจากอินเดียแล้ว สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ก็เป็นคู่แข่งสำคัญของอินเดียในการตั้งโรงงานผลิตชิปเพิ่มเติม ซึ่งอินเดียอาจจะเสียเปรียบในด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และแม้ตั้งโรงงานผลิตได้จริง อินเดียก็เริ่มต้นช้ากว่าเพื่อน อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการตั้งโรงงานและเริ่มการผลิต ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่าจะดึงดูดผู้ลงทุนด้านการผลิตชิปให้หันมามองได้มากแค่ไหน
ที่มา - Times of India via Techradar
|
# Tesla เปิดตัวตู้ชาร์จที่บ้านรุ่นใหม่ หัว J1772 ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกยี่ห้อในอเมริกาเหนือ
ปกติรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ใช้หัวชาร์จเฉพาะของตัวเอง แต่ในอเมริกาเหนือมีหัวชาร์จมาตรฐานแบบ SAE J1772 ถูกประกาศใช้อย่างกว้างขวาง ล่าสุด Tesla เปิดตัวตู้ชาร์จสำหรับติดตั้งที่บ้านที่มาพร้อมกับหัว J1772 ใช้งานได้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อ
ตู้ชาร์จรุ่นใหม่นี้มีกำลังจ่ายไฟได้ 9.6 กิโลวัตต์ (40 แอมป์) ตัวสายมีความยาว 7.3 เมตร กันน้ำได้ เรียกว่าทำมาขายลูกค้าที่ไม่ได้ใช้รถ Tesla โดยเฉพาะ เพราะหากจะใช้กับรถ Tesla ต้องใช้หัวแปลงอีกชั้นอยู่ดี
ผู้สนใจสั่งซื้อได้แล้วในราคา 415 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14,000 บาท
ที่มา - Electrek
ภาพโดย Tesla
|
# เอกสารภายในเผย Facebook พยายามสร้างของใหม่ จับตลาดเด็ก 6-9 ขวบด้วย
มหากาพย์เอกสารภายในที่ Frances Haugen ผู้แจ้งเบาะแสแฉ Facebook เผยว่า จากการที่ผู้ใช้งานวัยรุ่นน้อยลง Facebook จึงพยายามสร้างโปรดักต์ใหม่ จับตลาดเด็กช่วงอายุ 6-9 ขวบด้วย
นักวิจัยของ Facebook ระบุในเอกสารว่า ที่ผ่านมา Facebook ไม่ได้สร้างโปรดักต์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีมากนัก ยกเว้น Messenger Kids โดยบริษัทวางแผนที่จะจ้างคนหลายตำแหน่งเพื่อขยายไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ครบวงจรแก่เด็กที่อายุน้อยกว่าเกณฑ์ปัจจุบัน (13 ปี) ในเอกสารยังแสดงแผนภาพกลุ่มอายุเป้าหมายใหม่ตั้งแต่เด็กอายุ 6-9 ปี และวัยรุ่นอายุ 10-12 ปี
ภาพจาก Facebook
ในเอกสารบอกด้วยว่า เรายังมีนักวิจัยที่ทำงานด้านนี้น้อย ซึ่งทีมงานกำลังวางแผนที่จะขยายด้วยการจ้างผู้ที่มีประสบการณ์ในการวิจัยเด็กและเยาวชน เพื่อมาดูแลส่วนงานต่างๆ เช่น Messenger Kids/Youth Platform และ Instagram Child Safety ในเอกสารมีเนื้อหาพูดถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลเด็กหรือ COPPA ด้วย แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าบริษัทจะดำเนินการกับข้อจำกัดทางกฎหมายอย่างไร
Facebook พยายามสร้างของใหม่เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานรายใหม่ในเด็กๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ความพยายามจะสร้าง Instagram สำหรับเด็ก หรือ Instagram Kids โดยอ้างว่าเป็นการเตรียมความพร้อมของเด็กๆ ก่อนจะมาใช้งานโซเชียลมีเดียจริง แต่ก็ถูกคัดค้านจากหน่วยงานรัฐและสังคมมากจนต้องพับแผนยกเลิกไป
หนึ่งในประเด็นที่เอกสาร Frances Haugen ปล่อยออกมายังมีเรื่องโซเชียลมีเดียกับปัญหาจิตวิทยาและสุขภาพจิตในกลุ่มเด็กและวับรุ่นด้วย James Steyer ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Common Sense Media ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและโลกดิจิทัลระบุว่า Facebook และ Instagram แสดงให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพวกเขาไม่สามารถเชื่อถือได้เมื่อพูดถึงความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กและวัยรุ่น ทั้งสองแพลตฟอร์มควรทำความสะอาดตัวเอง แทนการพยายามดึงดูดให้คนมาใช้งานตั้งแต่อายุยังน้อย
ที่มา - NBC News, Ars Technica
|
# ทีมสร้าง RoV เปิดตัวเกมโอเพ่นเวิลด์ฟอร์มยักษ์ Honor of Kings: World
TiMi Studio ทีมสร้างเกมชื่อดังในเครือ Tencent ที่สร้างทั้งเกม Honor of Kings หรือ RoV และ Call of Duty: Mobile เตรียมสร้างเกมใหม่แนวโอเพ่นเวิลด์ฟอร์มยักษ์ สไตล์ Monster Hunter ผสานกับ Genshin Impact ในจักรวาลของเกม Honor of Kings
ทีมที่สร้างภาคนี้คาดว่าจะเป็น TiMi Montreal อ้างอิงจากข้อมูลบล็อก ที่ระบุว่าจะเริ่มสร้างเกมแรกของสตูดิโอเป็นเกมระดับ AAA โลกเปิด ขับเคลื่อนด้วยเซอร์วิสที่จะลงหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน และได้ Liu Cixin ผู้เขียนนิยายไซไฟ The Three-Body Problem ที่ Netflix กำลังดัดแปลงเป็นซีรีส์ มาช่วยด้านการสร้างโลกในเกม
เกมยังไม่เปิดเผยวันวางจำหน่าย แต่ระบุว่าลงให้หลายแพลตฟอร์ม และเปิดให้เล่นทั่วโลก ส่วนกฎระเบียบข้อบังคับใหม่ๆ ของประเทศจีนจะทำให้รูปแบบของเกมและการจ่ายเงินในเกมแตกต่างจากเกมอื่นเช่น Genshin Impact หรือไม่ คงต้องติดตามต่อไป
ที่มา - Kotaku
|
# ByteDance เริ่มแล้ว ห้ามทำงานเกิน 9 ชั่วโมง หยุดเสาร์-อาทิตย์ ต้องขออนุญาตหากทำเกินเวลา
วัฒนธรรมการทำงานหนักในวงการเทคโนโลยีจีนหรือ 996 (ทำงานตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น. 12 ชั่วโมงต่อวัน และ 6 วันต่อสัปดาห์) กำลังถูกตั้งคำถามเรื่องสิทธิแรงงาน หนึ่งในประเด็นที่รัฐบาลพยายามควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจีน มีเรื่องการทำงานหนักนี้ด้วย
ล่าสุด ByteDance เจ้าของแอป TikTok เริ่มกำหนดนโยบาย ห้ามพนักงานทำงานเกินวันละ 9 ชั่วโมง และหากต้องทำงานล่วงเวลา ต้องขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน และจะได้รับค่าชดเชยสูงสุดสามเท่าของค่าจ้างปกติสำหรับการทำงานล่วงเวลาโดย ByteDance ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีจีนรายแรกๆ ที่ออกมาประกาศนโยบายลดเวลาการทำงาน
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา Kuaishou Technology บริษัทโซเชียลมีเดียอีกแห่งของจีน ยกเลิกนโยบายให้พนักงานสลับวันหยุดที่พนักงานจะได้หยุดพักเพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์
วัฒนธรรม 996 ได้รับการเชิดชูในหมู่ผู้นำเทคโนโลยีจีนอย่าง แจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เขาเคยพูดปกป้องวัฒนธรรมนี้เมื่อ 3 ปีก่อนว่า มีแต่คนที่ยอมจ่าย ด้วยการทำงานหนัก เท่านั้นที่จะได้รางวัลในท้ายที่สุด และคนที่จะมาทำงานอาลีบาบาต้องพร้อมที่จะทำงานวันละ 12 ชั่วโมง
รัฐบาบจีนเองก็พยายามควบคุมบริษัทจีนในหลายด้าน หนังสือพิมพ์ CPPCC ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่บทความของ Ling Zhenguo รองประธานกรรมาธิการด้านประชาชน, ทรัพยากร, และสิ่งแวดล้อม วิจารณ์ถึงแนวทางของบริษัทไอทีจีนที่มักใช้งานพนักงานอย่างหนัก ระบุว่าการใช้คนเยี่ยงเครื่องจักรนั้นไม่สอดคล้องกับแนวทางสังคมนิยมของจีน
ที่มา - The Strait Times
|
# กูเกิลออกแพตช์ความปลอดภัย Android เดือน พ.ย. Pixel 3 หมดระยะซัพพอร์ตแล้ว
กูเกิลออกแพตช์ความปลอดภัย Android ประจำรอบเดือนพฤศจิกายน 2021 ให้กับมือถือตระกูล Pixel
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Pixel 3 และ Pixel 3 XL ไม่ได้แพตช์แล้ว เพราะครบรอบอายุขัย 3 ปีหลังวางขายเมื่อเดือนตุลาคม 2018 (Pixal 3a ยังได้แพตช์ต่อ)
ปกติแล้วกูเกิลมักออกแพตช์ความปลอดภัยสุดท้ายให้ Pixel ที่หมดอายุ (Pixel 2 ได้แพตช์สุดท้ายในเดือนธันวาคม) แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า Pixel 3 จะได้แพตช์สุดท้ายด้วยหรือไม่
กูเกิลเพิ่งเปลี่ยนนโยบายมาเป็นออกแพตช์นาน 5 ปีใน Pixel 6 ส่วนมือถือที่ยังซัพพอร์ตคือ Pixel 4/5 รวมถึงรุ่น a ทั้งหมดยังได้การันตีแพตช์ 3 ปีเท่าเดิม
ที่มา - 9to5google
|
# Google Lens แสดงแผนที่รถใต้ดินแบบ 3 มิติ เมื่อใช้กับบัตร MRT รุ่นพิเศษ AIS
กูเกิลประเทศไทย จับมือกับ AIS และ MRT เพิ่มบริการแสดงกราฟิก augmented reality บนแอพ Google Lens มีเนื้อหาของประเทศไทยเป็นครั้งแรก
วิธีการคือ MRT จะออกบัตรโดยสารรุ่นพิเศษที่แจกเฉพาะลูกค้า AIS ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 4 แห่ง (สุขุมวิท จตุจักร เพชรบุรี พระราม 9) แล้วนำไปส่องด้วยแอพ Google Lens บนมือถือ จะเห็นแผนที่ 3D แสดงเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นมาบนหน้าจอ นอกจากแผนที่ 3D แล้วยังสามารถส่องบัตรด้วย Google Lens เพื่อรับส่วนลดจากร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่สถานีได้ด้วย
บัตรโดยสารรุ่นพิเศษเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
|
# Facebook ให้เครื่องหมาย Verified กับเพจปลอม Elon Musk หลอกโอน Bitcoin
Elon Musk ปิดเพจ Facebook มาตั้งแต่ปี 2018 ตามด้วยบัญชี Instagram หลังจากนั้นไม่นาน แต่ล่าสุดมีเพจปลอม Elon Musk ที่กลับได้รับเครื่องหมายยืนยัน (Verified) จาก Facebook ซะอย่างนั้น
เพจปลอมที่ดูยังไงก็ปลอม เพราะประกาศชวนคนโอนเงิน Bitcoin ให้เขามูลค่า 1,000 ดอลลาร์แล้วเขาจะโอนกลับให้ 2,000 ดอลลาร์ มีคนกดติดตามมากถึง 154,000 คน แถมยังประกาศในหน้า About ของเพจอย่างชัดเจนว่า this is a fan page
เว็บไซต์ The Verge ระบุว่าเพจนี้ตั้งในปี 2019 โดยผู้ดูแลเพจอยู่ในอียิปต์ เพจถูกเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง รอบล่าสุดเพิ่งเปลี่ยนมาเป็น Elon Musk เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2021 นี้เอง
ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า เพจนี้ได้เครื่องหมาย Verified มาตอนไหน แต่การที่ Facebook ยอมให้เพจเปลี่ยนชื่อเป็นบุคคลดังได้ง่ายๆ แบบนี้ก็น่าจะถือเป็นช่องโหว่ของระบบ
ที่มา - The Verge
|
# เครื่องแมคที่อัพเกรดเป็น macOS Monterey เจอปัญหาเปิดเครื่องไม่ติด ซ้ำรอย Big Sur
มีรายงานจากผู้ใช้แมคจำนวนหนึ่ง หลังอัพเกรด macOS 12 Monterey เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าเครื่องไม่สามารถใช้งานได้ ถึงขั้นเปิดไม่ติด (bricked) ไปเลย โดยผู้ใช้รายงานเข้ามาในฟอรั่ม Apple Support และโซเชียลทั้ง Twitter/Reddit
ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าปัญหาเกิดจากสาเหตุใด (คาดกันว่าน่าจะเกิดจากการอัพเดตเฟิร์มแวร์ที่มาพร้อมตัว OS) แต่อาการมักเกิดกับเครื่องแมคที่ค่อนข้างเก่าหน่อย (เครื่องที่ใช้ Apple Silicon ยังไม่เจอผู้ใช้แจ้งปัญหานี้) และตอนนี้ยังไม่มีการชี้แจงหรือคำแนะนำจากแอปเปิลว่าควรทำอย่างไรดี
ปีที่แล้ว แอปเปิลก็มีปัญหาลักษณะเดียวกันกับ macOS Big Sur ซึ่งภายหลังออกคำแนะนำเบื้องต้นว่าควรลองทำอะไรบ้าง
ที่มา - MacRumors
|
# Google Sheets ปรับปรุงแถบ Menu ใหม่ ให้หาคำสั่งต่าง ๆ ดีขึ้น
กูเกิลประกาศปรับปรุงแถบเมนูของ Google Sheets เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหาคำสั่งที่ต้องการ หรือคำสั่งที่สำคัญได้ดีขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ผลในแถบเมนูของทุกฟังก์ชันใน Sheets เช่น เมนูบาร์และคำสั่งคลิกขวา ใช้พื้นที่น้อยลง เพื่อให้เข้ากับหน้าจอขนาดเล็ก, ลดคำอธิบายของแต่ละฟังก์ชันให้สั้นลง, เพิ่มไอคอนประกอบทุกคำสั่ง ทำให้สังเกตและรับรู้ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเพิ่มทางลัดสำคัญในคลิกขวา เช่นการ freeze แถว-คอลัมน์
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับผู้ใช้ Google Workspace, G Suite Basic และบัญชีกูเกิลส่วนตัวทุกคน โดยเริ่มทยอยมีผลตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2021 เป็นต้นไป
ที่มา: กูเกิล
|
# เฟซบุ๊กสาธิตผิวเทียม ReSkin วงจรรับรู้สัมผัสราคาถูกแบบโอเพนซอร์ส เปิดทางสร้างหุ่นยนต์ทำงานประณีต
Meta AI (หรือ Facebook AI เดิม) ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สร้างเซ็นเซอร์รับสัมผัส (tactile sensor) ในชื่อ ReSkin ที่สามารถสร้างได้ง่าย ราคาถูก เปิดทางให้หุ่นยนต์ราคาถูกสามารถรับรู้แรงกดและทำงานประณีต เช่นการจับวัตถุบอบบางได้
ทีมวิจัยระบุว่า ReSkin นั้นสร้างได้ในราคาเพียง 200 บาทต่อชุดเมื่อผลิตทีละ 100 ชุด โครงสร้างของเซ็นเซอร์อาศัยแผ่น Elastomer ประกบอยู่กับเซ็นเซอร์ด้านล่าง โครงสร้างแบบนี้ทำให้ตัววงจรแยกออกจากตัว "ผิว" และการซ่อมบำรุงเมื่อผิวชำรุดก็เพียงลอกออกเท่านั้น ตัวเซ็นเซอร์มีความหนา 3 มิลลิเมตร สามารถอ่านค่าแรงกดได้ 400 ครั้งต่อวินาที ตัวผิวมีความทนทานประมาณ 50,000 ครั้ง
แม้ว่าทีมงานจะระบุว่าเป็นโครงการโอเพนซอร์ส แต่ตอนนี้มีเฉพาะไลบรารีไพธอน และ Arduino แจกออกมาเท่านั้น ยังไม่แน่ชัดว่าจะเปิดพิมพ์เขียววงจรออกมาเมื่อใด
ที่มา - Facebook AI Blog, Carnegie Mellon
|
# การคอนฟิกเราท์เตอร์ Synology ให้เป็น HTTPS และการใช้ Mesh Router
ฟีเจอร์หนึ่งที่เราท์เตอร์ระดับจริงจังไม่ว่าจะเป็นระดับองค์กรหรือสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเริ่มรองรับกันมากขึ้นคือการเชื่อมต่อเว็บคอนโซลแบบเข้ารหัส แม้ว่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเหล่านี้มักรองรับการเข้ารหัสในตัวอยู่แล้ว แต่ก็มักอาศัยใบรับรองแบบ self-signed ที่เบราว์เซอร์ไม่เชื่อถือ
ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนถึงเราท์เตอร์ MikroTik ที่รองรับการใส่ใบรับรองจากภายนอกเพื่อให้เชื่อมต่อเข้าไปคอนฟิกได้โดยใช้ URL แบบ HTTPS โดยใช้รับรองจริงจาก HTTPS แต่ในระบบปฎิบัติการ Synology Router Manager (SRM) ที่ Synology ติดตั้งมากับเราท์เตอร์ของบริษัทนั้นรองรับ Let’s Encrypt ในตัวมาตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.2.3 ที่ออกตั้งแต่ปี 2019 ทำให้การเซ็ตอัพโดยรวมง่ายกว่ามาก
Dynamic DNS ผ่านบริการ Synology Account
ตัว SRM รองรับการบริการ dynamic DNS จำนวนมาก แต่ผมพบว่าตัวที่สะดวกที่สุดคือบริการ Synology DDNS เอง เพราะนอกจากสามารถใช้บริการได้ฟรีแล้ว ยังมีโดเมนให้เลือกจำนวนมาก ที่สำคัญคือรองรับการแก้ไขโดเมนแบบ TXT record ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างใบรับรองเพื่อใช้งานเป็นการภายใน
ผู้ใช้ที่ต้องการใช้บริการ Synology DDNS ต้องสมัครบริการ Synology Account เสียก่อน และลงทะเบียนอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานด้วยหมายเลข serial ประจำตัวเครื่อง ที่เมนู Control Panel > Device > หน้าจอ System Information
การตั้ง Dynamic DNS อยู่ใน Network Center > Internet, Quick Connect & DDNS ส่วนของ DDNS นั้นอยู่ครึ่งล่าง กด Add เพื่อเพิ่มชื่อโดเมน ในกล่องเลือก เราท์เตอร์จะถามรหัสผ่านของบัญชี Synology จุดนี้ผมไม่ชอบสักหน่อย ถ้าเป็น device key น่าจะปลอดภัยกว่าในกรณีที่เราท์เตอร์ถูกแฮก แต่บัญชี Synology ก็ไม่ได้เข้ามาควบคุมเราท์เตอร์ตัวอื่นๆ ในบัญชี ทำให้ความเสี่ยงไม่มากนัก
หลังใส่รหัสผ่านแล้วเราสามารถตั้งชื่อโดเมนที่ต้องการได้จากในหน้า Add DDNS ได้โดยตรง และกำหนดไอพีภายในเพื่อใช้งาน ในกรณีของผมกำหนดเป็น 192.168.1.1 เอาไว้ตามปกติ (ผมทดสอบพบว่า SRM บังคับใส่ IPv6 จึงใส่ ::1 ไป) จากนั้นเลือกขอใบรับรองจาก Let’s Encrypt และยอมรับข้อตกลงใช้งาน ตัว SRM นั้นรองรับการขอใบรับรองจาก Let’s Encrypt ทั้งแบบ HTTP-01 และ DNS-01 โดยเราต้องเลือกผู้ให้บริการ DDNS ที่รองรับ TXT record ด้วยตัวเอง ในกรณีนี้ Synology DDNS รองรับอยู่แล้ว เราจึงไม่ต้องเปิดให้เราท์เตอร์ Synology เข้าถึงได้จากอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด
หลังจาก SRM ขอใบรับรองสำเร็จ จะได้ใบรับรองใน Control Panel > Services > Certificates กดเซฟออกไปใช้งานที่อื่นก็ได้เช่นกัน
ตัว SRM นั้นเปิดการเชื่อมต่อแบบ HTTPS อยู่แล้ว เราอาจจะเลือกให้ redirect ไปยัง HTTPS เสมอรวมถึงเปิด HSTS เพื่อป้องกันการถูกดักฟังในอนาคตก็ได้ น่าเสียดายที่ SRM ไม่รองรับการคอนโซลบนพอร์ต 443 ทำให้ต้องใช้พอร์ตไม่มาตรฐานเท่านั้น
หลังเซ็ตอัพ HTTPS เรียบร้อยแล้วเราก็สามารถเข้าเว็บคอนโซลแบบ HTTPS โดยไม่ต้องกดยกเลิกแจ้งเตือนจากเบราว์เซอร์อีกต่อไป และแม้แต่ตัวแอป DS Router ของ Synology เองก็มีฟีเจอร์ตรวจสอบใบรับรองการเข้ารหัส ทำให้เรารู้ตัวได้เสมอหากมีความสามารถคั่นกลางการเชื่อมต่อ
การเซ็ตอัพ Mesh Router ใน Synology Router
อีกฟีเจอร์ที่ผมลองเล่น Synology RT2600ac คือการใช้งาน Mesh Router รุ่น MR2200ac โดยตัว MR2200ac รันซอฟต์แวร์ SRM เช่นกันทำให้สามารถใช้งานเป็นเราท์เตอร์ในตัวเองได้ แม้จะจำกัดกว่า RT2600ac มากโดยเฉพาะพอร์ตแลนที่มีเพียงพอร์ตเดียว
กระบวนการเซ็ตอัพ MR2200ac นั้นมีสองแบบ คือ เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก หรือ factory reset แล้ว เราท์เตอร์จะปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ใน SSID: Synology_[เลข Serial เครื่อง] ออกมา และให้เราล็อกอินเข้าไปเซ็ตอัพแบบเราท์เตอร์ได้
อีกแบบหนึ่งคือการเซ็ตอัพเพื่อใช้เป็น mesh router นั้นต้องล็อกอินจากเราท์เตอร์หลัก แล้วเข้าเมนู Wi-Fi Connect > Wi-Fi Point > จากนั้นกด Add เพื่อให้เราท์เตอร์หลักค้นหาเราท์เตอร์ mesh จุดที่ต้องระวังคือระบบปฎิบัติการ SRM นั้นไม่รองรับการเพิ่มเราท์เตอร์ mesh ที่เซ็ตอัพไปไปก่อนแล้ว หากเผลอล็อกอินเข้าไปแก้ไขค่าในเราท์เตอร์แล้วต้อง factory reset ใหม่เท่านั้น
กระบวนการทั้งหมดนับว่าค่อนข้างง่าย เมื่อเราท์เตอร์หลักเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วก็จะรายงานสถานะ, ระดับสัญญาณพร้อมช่องสัญญาณที่ใช้เชื่อมต่อกับเราท์เตอร์ mesh, จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่รวมถึงสามารถทดสอบความแรงสัญญาณจากเราท์เตอร์หลักไปยังเราท์เตอร์ mesh เพื่อดูว่าติดตั้งไกลเกินไปหรือไม่
ส่งท้าย
บทความนี้เป็นบทความที่สองต่อจากฟีเจอร์ Safe Access และ Threat Prevention ของระบบปฎิบัติการ SRM ในเราท์เตอร์ของ Synology แต่ในบทความนี้ฟีเจอร์ Let’s Encrypt และการสร้างเน็ตเวิร์คแบบ mesh นั้นนับว่าค่อนข้างน่าประทับใจ กระบวนการเซ็ตอัพเว็บแบบ HTTPS นั้นเมนูกระจายเกินไปสักหน่อยแต่โดยรวมใช้งานได้ดี นับเป็นความหวังต่อไปว่าอุปกรณ์เครือข่ายในบ้านก็น่าจะรองรับการเชื่อมต่อแบบ HTTPS กันเป็นมาตรฐานในอนาคต
|
# Dell Technologies ประกาศแยก VMware ออกเป็นบริษัทอิสระ เสร็จสมบูรณ์แล้ว
Dell Technologies ประกาศแยกหุ้นของ Dell กับ VMware เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 ตามที่บริษัทประกาศแผนดังกล่าวก่อนหน้านี้ โดยอัตราส่วนการได้หุ้นของผู้ถือหุ้น Dell คือ 1 หุ้น Dell ได้หุ้นคลาส A ของ VMware 0.440626 หุ้น โดยเศษหุ้นจะถูกแปลงเป็นเงินปันผลส่วนต่างแทน ขณะเดียวกัน VMware ก็จะจ่ายเงินปันผลพิเศษรวม 11,500 ล้านดอลลาร์ ให้ผู้ถือหุ้นจากดีลนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ Dell Technologies ถือหุ้นใน VMware อยู่ 81% หลังการแยกบริษัทจากกัน Michael Dell ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Dell จะยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน VMware และเป็นประธานบอร์ดต่อไป ก่อนหน้านี้เขาให้สัมภาษณ์ว่าการแยก VMware ออกจาก Dell จะทำให้ต่างฝ่ายมีอิสระในการเลือกพาร์ทเนอร์มากขึ้น
Dell เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ VMware ผ่านการซื้อกิจการ EMC เมื่อปี 2015 ทั้งนี้ VMware ขายกิจการให้ EMC เมื่อปี 2003 จึงอาจพูดได้ว่า 18 ปี ผ่านไป VMware ก็แยกออกมาเป็นบริษัทอิสระอีกครั้ง
ที่มา: CRN และ Dell Technologies
|
# Canon เปิดตัว PowerShot PX กล้องถ่ายภาพและวิดีโออัตโนมัติพลัง AI
Canon เปิดตัว PowerShot PX กล้อง AI ถ่ายภาพอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าและค้นหาวัตถุในภาพ ซึ่งพัฒนาต่อมาจากโครงการ PowerShot PICK ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี
ตัวกล้อง Canon PowerShot PX สามารถปรับหมุนตัวเองเพื่อติดตามวัตถุได้ โดยหมุนซ้ายไปจนขวาได้ 340 องศา (ซ้าย 170 องศา ขวา 170 องศา) และขึ้นลงได้ 110 องศา (ลง 20 องศา ขึ้น 90 องศา) ตัวกล้องมีเซนเซอร์ CMOS 1/2.3 พร้อมโปรเซสเซอร์ Canon DIGIC 7 พร้อมเลนส์ 19-57mm เท่ากับตัวเลนส์ซูมได้ 3 เท่า และมีดิจิทัลซูมอีก 4 เท่า สามารถถ่ายภาพได้ที่ 11.7 ล้านพิกเซลเฉพาะในรูปแบบ JPEG เท่านั้น และวิดีโอ 1080/60p เฉพาะในรูปแบบ .MP4 เท่านั้น
สำหรับบอดี้ของตัวกล้อง Canon PowerShot PX กว้าง 56.4 มิลลิเมตร สูง 81.9 มิลลิเมตร น้ำหนักราว 170 กรัม (รวม microSD แล้ว) มี Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว สามารถดูรูปจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ทันที ชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน USB-C โดยแบตเตอรี่อยู่ได้ตั้งแต่ 2-5 ชั่วโมงขึ้นกับว่าถ่ายบ่อยแค่ไหน พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงที่ถ้าต้องการให้ถ่ายภาพแบบไม่ต้องอัตโนมัติก็สามารถสั่งเองได้
Canon ระบุว่า PowerShot PX เน้นการถ่ายภาพแบบท่าทางเป็นธรรมชาติ สามารถเซ็ทให้ตัวกล้องเน้นจับหน้าใครสักคนก็ได้ (เช่นเป็นวันเกิดก็สามารถเซ็ทให้จับหน้าเจ้าของวันเกิดเยอะ ๆ ได้) รวมถึงรองรับการใช้งานร่วมกับแอป webcam utility ที่ทำให้ตัวกล้องเป็นเว็บแคมได้ด้วย
Canon PowerShot PX ยังมีจำหน่ายเฉพาะในยุโรปเท่านั้น โดยจำหน่ายที่ราคา 500 ยูโร หรือราว 19,000 บาท
ที่มา - dpreview
|
# AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/64 รายได้เติบโตเล็กน้อย ท่ามกลางสถานการณ์โควิด
AIS ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 มีรายได้รวม 42,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 หากพิจารณาเฉพาะรายได้การให้บริการหลัก จะเพิ่มขึ้น 2.1% ส่วนกำไรสุทธิ 6,374 ล้านบาท
บริษัทระบุว่ายังมีรายได้เติบโตเล็กน้อย แม้ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด 19 เช่น การปิดศูนย์ให้บริการในห้างสรรพสินค้า ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม รวมถึงการแข่งขันสูงในตลาดเติมเงิน เกี่ยวกับแพ็คเกจใช้งานดาต้าได้ไม่จำกัด
จำนวนผู้ใช้บริการมีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิ 424,200 เลขหมาย ซึ่งมาจากช่องทางออนไลน์, Tele sales และการเปิดศูนย์บริการลูกค้าชั่วคราวนอกพื้นที่ห้าง มีจำนวนผู้ใช้บริการรวมในระบบ 43,657,900 เลขหมาย ขณะที่ธุรกิจ AIS Fibre มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 133,000 ราย ทำให้มีผู้ใช้บริการรวม 1,668,900 ราย สูงกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะทำได้ 1.6 ล้านรายภายในปีนี้
AIS ประเมินแนวโน้มตลอดปี 2564 ในไตรมาสสุดท้าย ว่าแนวโน้มรายได้จะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย จากสถานการณ์และผลกระทบของโควิด 19 แต่ยังมองธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านมีโอกาสเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรยังมีแนวโน้มเติบโตระดับสองหลัก
ที่มา: AIS (pdf)
|
# J&T Express ซื้อส่วนธุรกิจขนส่งสินค้า Best Express ในจีน เพื่อขยายโครงข่ายในประเทศ
J&T Express บริษัทขนส่งสินค้าจากอินโดนีเซีย ประกาศซื้อกิจการส่วนธุรกิจขนส่งสินค้า Best Express ในจีน จาก Best Inc โดย Steven Fan ซีอีโอ J&T บอกว่าดีลนี้จะเสริมกลยุทธ์ด้านซัพพลายเชนในจีนให้กับบริษัท เนื่องจากได้โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่ Best มีอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งนี้ Best Inc ระบุว่าดีลดังกล่าวเป็นเฉพาะบริการขนส่งสินค้าเท่านั้น ไม่รวมธุรกิจอื่นในเครือ เช่น บริหารจัดการซัพพลายเชน การขนส่งสินค้าทางไกล คาร์โก้ และธุรกิจนอกจีน
J&T ก่อตั้งเมื่อปี 2015 โดย Tony Chen เจ้าของสมาร์ทโฟน Oppo ร่วมกับ Jet Lee อดีตซีอีโอ Oppo อินโดนีเซีย ส่วน Best เป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าที่มี Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ซึ่ง Alibaba เอง ก็ลงทุนในบริษัทขนส่งในจีนอีกหลายแห่ง อาทิ YTO, STO, ZTO และ Yunda
ที่มา: SCMP
|
# เจ้าของไอเดีย Metaverse คือผู้บริหาร Oculus และอดีตผู้สร้างเกม Crash Bandicoot
สำนักข่าว CNBC เปิดเผยที่มาของแนวคิด Metaverse ว่ามาจาก Jason Rubin ผู้บริหารของ Oculus เขียนเอกสารภายในชื่อ "The Metaverse" เป็นสไลด์ความยาว 50 หน้าเมื่อปี 2018 กระตุ้นให้บอร์ดบริหารของ Facebook ต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง
Jason Rubin เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Naughty Dog ในปี 1986 และโด่งดังในฐานะผู้สร้างเกม Crash Bandicoot เขาลาออกจาก Naughty Dog ในปี 2004 แล้วไปทำงานกับ THQ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนมาร่วมงานกับ Oculus ในปี 2014 จนถึงปัจจุบัน (ตำแหน่งปัจจุบันคือ VP Metaverse Content)
วิสัยทัศน์ของ Rubin วาดภาพ metaverse ออกมาเป็นการใช้ชีวิตในเมืองเสมือนจริง แต่งตัวอวตารของตัวเองได้ มีสกุลเงินเสมือน และเมื่อเจอกับคนอื่นที่น่าสนใจก็สามารถแต่งงานกันได้
ภาพจาก @Jason_Rubin
เอกสารฉบับนี้บอกให้ Facebook "ไปไกลกว่า VR" เพราะตลาดมีจำกัด (เมื่อปี 2018 Oculus มีผู้ใช้งาน 250,000 คนต่อเดือน) จึงต้องหาวิธีสร้าง metaverse ที่เข้าถึงคนจำนวนมากๆ ให้ได้ ซึ่งไม่มีวิธีอื่นนอกจากการทุ่มกำลังครั้งใหญ่ (massive launch) ให้เข้าถึงคนเหล่านี้
Rubin ยังเสนอให้ Facebook หาพาร์ทเนอร์เพื่อช่วยผลักดัน metaverse ไปด้วยกัน จะได้เร็วกว่าการทำเองลำพัง เขายังพยากรณ์เอาไว้ว่า metaverse จะมีอันเดียวเท่านั้น คนที่ทำสำเร็จก่อนคือผู้ชนะคนสุดท้าย หากปล่อยโอกาสทิ้งไว้ก็จะไม่สามารถเอาชนะในตลาดนี้ได้อีกเลย คู่แข่งที่เขาระบุชื่อในเอกสารคือ Google, Apple, Sony, HTC และ Valve
Rubin ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ยืนยันว่าเอกสารนี้เป็นของจริง แต่ก็ออกตัวว่าไม่ได้มีแต่บันทึกของเขาฉบับเดียว ยังมีการผลักดันของคนอื่นๆ อีกมาก
ที่มา - CNBC
|
# ซูดานไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้มา 7 วันแล้ว หลังกองทัพก่อรัฐประหารและตัดเน็ตทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา กองทัพซูดานนำโดยนายพล Abdel Fattah al-Burhan ได้ก่อรัฐประหารจับตัว Abdalla Hamdok นายกรัฐมนตรีและได้ตัดอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศทันทึ โดย Cloudflare ผู้ให้บริการ CDN รายใหญ่ของโลกได้รายงานเหตุการณ์นี้ และข้อมูลจากเว็บไซต์ Cloudflare Radar ก็แสดงให้เห็นว่าตลอด 7 วันที่ผ่านมาแทบไม่มีทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตในประเทศซูดานเลย
จากสถิติ ซูดานเป็นประเทศที่เกิดเหตุการณ์ตัดอินเทอร์เน็ตบ่อยกว่าประเทศอื่น โดยการตัดอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นยาวนานที่สุดเมื่อปี 2018 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐได้แบนโซเชียลมีเดียรวมถึงแอพแชทต่างๆ นานถึง 68 วันติดต่อกัน หรือเมื่อปี 2019 ได้ตัดอินเทอร์เน็ตมือถือทั้งประเทศนาน 36 วัน
ซูดานเป็นประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีเหตุขัดแย้งแทบจะตลอดตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อปี 1956 แต่ความขัดแย้งยาวนานหลักๆ เกิดจากอดีตประธานาธิบดี Omar al-Bashir เคยก่อรัฐประหารเมื่อปี 1989 และเป็นผู้นำประเทศนานถึง 3 ทศวรรษ รวมถึงเคยประกาศภาวะฉุกเฉินยาวเป็นปีเพราะมีการประท้วงทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้เขาลาออก ก่อนจะโดนรัฐประหารเสียเองในปี 2019
หลัง Bashir หมดอำนาจ กองทัพได้บรรลุข้อตกลงกับฝ่ายประชาธิปไตยที่จะแชร์อำนาจการปกครองร่วมกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่มั่นคง โดยล่าสุดฝ่ายประชาธิปไตยพยายามจะผลักดันให้เปลี่ยนผ่านการปกครองมาเป็นของประชาชน 100% ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ แต่ก็โดนกองทัพก่อรัฐประหารเสียก่อน
ภาพชายชูธงซูดานหลังกองทัพกับฝ่ายประชาธิปไตยได้ข้อตกลงร่วมกันในปี 2019 | ภาพโดย Aladdin Mustafa
ที่มา - Cloudflare, CNN
|
# TikTok เริ่มทดสอบระบบ Tips เปย์เงินให้กำลังใจครีเอเตอร์ ที่มีผู้ติดตาม 1 แสนคนขึ้นไป
TikTok กำลังทดสอบระบบทำเงินแบบใหม่ให้กับครีเอเตอร์ เรียกว่าระบบ Tips โดยผู้ใช้อื่นจะสามารถส่งเงินเป็นกำลังใจให้ครีเอเตอร์ได้ คล้ายกับระบบ Tip Jar ของ Twitter ระบบนี้ถูกค้นพบโดยผู้ใช้ @jera.bean บน TikTok และเว็บไซต์ TechCrunch ก็ได้รับการยืนยันจากตัวแทน TikTok ว่ากำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่นี้จริง
ตัวแทน TikTok ระบุว่าระบบ Tips อยู่ในขั้นทดสอบแบบเฉพาะกลุ่ม โดยครีเอเตอร์ที่มีสิทธิ์บางคนเท่านั้นถึงจะเห็นตัวเลือกนี้ในการตั้งค่า และมีเกณฑ์กำหนดคือครีเอเตอร์ต้องไม่ทำผิดระเบียบของแอป มีผู้ติดตาม 1 แสนคนขึ้นไป และอายุผ่านเกณฑ์ที่แอปกำหนด (13 ปี) โดยเงินทั้งหมดจะเข้ากระเป๋าครีเอเตอร์ โดยไม่ถูก TikTok หักเปอร์เซ็นต์
ผู้ใช้ที่เห็นตัวเลือกนี้ในการตั้งค่า ต้องส่งเรื่องเพื่อขอเปิดออปชั่นนี้ และรอการแจ้งข้อมูลจากแอปว่าสามารถเปิดระบบ Tips ได้หรือไม่ และยังไม่มีข้อมูลว่าจะเปิดใช้เต็มที่สำหรับครีเอเตอร์ทุกคนเมื่อไร
ภาพ: @jera.bean
ที่มา - @jera.bean, TechCrunch
|
# RE:Village ทุบสถิติ RE7 ขายได้ 5 ล้านชุดภายใน 6 เดือน เร็วที่สุดในแฟรนไชส์
Capcom ประกาศยืนยันเกม Resident Evil Village ทำยอดขายได้ครบ 5 ล้านชุด นับว่าเป็นเกมที่ผ่านเส้น 5 ล้านชุดไวกว่าทุกเกมในซีรีส์ ชนะ RE7 เจ้าของสถิติเดิม ซึ่งยังครองตำแหน่งเกมในซีรีส์นี้ที่ทำยอดขายได้มากที่สุด ถึงกว่า 10 ล้านชุดอยู่
หากยอดขายเป็นตามนี้จริง RE Village จะกลายเป็นเกมที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 10 ของ Capcom แซง Resident Evil 2 เดิม ที่ขายได้ 4.96 ล้านชุด (รายชื่อยังไม่อัพเดต) ส่วนอันดับหนึ่งยังเป็น Monster Hunter World ที่ทำยอดขายได้ราว 17.3 ล้านชุด
คงต้องติดตามต่อไปว่า Resident Evil Village จะทำลายสถิติยอดขายของ RE7 และสถิติอื่นๆ ของ Capcom ได้หรือไม่
ที่มา - Capcom
|
# 3 เหตุผลที่ทำไม HUAWEI MateBook 14s ถึงเป็นแล็ปท็อปอัจฉริยะที่ไม่เคยมีใครที่ไหนทำมาก่อน ลงตัวทั้งเรื่องงานและจัดเต็มกับความบันเทิงระดับไฮเอนด์
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าการจะหาแล็ปท็อปคู่ใจที่ลงตัวในทุกด้าน ตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้ทำงานอย่างหนักหน่วงในวันธรรมดา แล้วยังเอาไปใช้ดูหนังฟังเพลงอย่างจริงจังต่อในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าเป็นเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอดีๆ ภาพคมชัดสูงและแสดงผลภาพได้อย่างรวดเร็วนี่ยิ่งหายาก ราวกับการหาเนื้อคู่ที่เป็นไฮโซออปชันจัดเต็มผสมกับอัจฉริยะด้านไอทีในร่างเดียว
แต่ถ้าวันนี้เราจะมาบอกว่าแล็ปท็อปคู่แท้ครบจบ 360º ที่คุณคิดว่าหายากอาจจะอยู่.ใกล้แค่เอื้อม เพราะแล็ปท็อป HUAWEI MateBook 14s เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์อย่างครบครัน ทั้งหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะ ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชหน้าจอที่ดันให้สูงสุดถึง 90Hz ที่สำคัญยังพกพาชิปประมวลผล Intel เจเนอเรชัน 11 H-Series สุดแรงมาให้ด้วย พร้อมส่งมอบประสบการณ์การปั่นงานอย่างสุนทรีย์และความบันเทิงแบบพรีเมียมสำหรับคุณอย่างครบถ้วน เจอแบบนี้เข้าไปทั้งสายทำงานและสายบันเทิงจะไม่หลงรักได้ไง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักกับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ “HUAWEI MateBook 14s” ตัวนี้กันดีกว่า แล้วมาตอบคำถามไปพร้อมกันว่านี่คือแล็ปท็อปครบเครื่องในฝันที่คุณเฝ้ารอหรือไม่?
จอสวยคมชัดเต็มตา แสดงผลภาพราบรื่นรวดเร็วไร้สะดุด
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของแล็ปท็อปตั้งแต่เปิดเครื่อง (หรือบางทีตั้งแต่ยังไม่เปิดเครื่อง) ก็คือ “หน้าจอแสดงผล” ของเครื่องนั่นเอง ซึ่งปกติแล้วหน้าจอแล็ปท็อประดับไฮเอนด์ควรจะมีขนาดจอที่ใหญ่กำลังดี แสดงผลภาพได้ชัดเจนในทุกรายละเอียด และถ้าจะให้เด็ดก็คือต้องถนอมสายตาเจ้าของเครื่องไปพร้อมกันด้วย ข่าวดีก็คือแล็ปท็อปอัจฉริยะ HUAWEI MateBook 14s เครื่องนี้เพียบพร้อมในทุกข้อที่กล่าวมา แถมยังพกโบนัสเรื่องฟีเจอร์การแสดงผลภาพบนหน้าจอที่ว่องไวเข้ามาเพิ่ม
หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 14.2 นิ้ว ที่ได้รับการดีไซน์ให้ภาพดูใหญ่ขึ้นไปอีกด้วยสไตล์การออกแบบ HUAWEI FullView Display (พื้นที่หน้าจอแสดงผลกินพื้นที่ถึง 90% จากทั้งจอ) คมชัด 2.5K ความละเอียดภาพสูงถึง 2520 x 1680 พิกเซล ซึ่งรองรับการแสดงเฉดสีภาพได้มากถึง 1.07 พันล้านสี ที่สำคัญคือหน้าจอของ HUAWEI MateBook 14s ยังเป็นหน้าจอสัมผัสที่รองรับระบบสัมผัส Multi-touch ถึง 10 จุด และผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มอัตรารีเฟรชหน้าจอจาก 60 Hz ให้เป็น 90 Hz ได้เพียงแค่การกดปุ่ม Fn+R เพื่อการตอบสนองภาพที่รวดเร็วทันใจ เหมาะกับเวลาที่คุณอยากใช้แล็ปท็อปเครื่องนี้เล่นเกมหรือต้องการประสบการณ์ในการปั่นงานอย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland ในด้านการลดแสงสีฟ้าและการใช้เทคโนโลยีไร้การสั่นไหวหรือการกระพริบของภาพ ทำให้ไม่ว่าคุณจะใช้แล็ปท็อปเครื่องนี้เพื่อทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกม ก็สามารถใช้ได้อย่างไร้กังวล
เพียบพร้อมทุกฟีเจอร์ สำหรับงานทุกรูปแบบและความบันเทิงทุกสไตล์
แน่นอนว่าแล็ปท็อปคู่ใจที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้าน จำเป็นต้องมาพร้อมกับสารพัดฟีเจอร์การใช้งานที่รองรับการเคลียร์งานและความบันเทิงหลากหลายสไตล์ ซึ่งแล็ปท็อป HUAWEI MateBook 14s ก็อัดฟีเจอร์มาให้แบบล้นๆ ตั้งแต่ฟีเจอร์ด้านเสียง แป้นพิมพ์ และการเข้าถึงแอปพลิเคชันมือถือที่เปิดใช้งานได้เลยบนเครื่องคอมพิวเตอร์
ใครที่ชอบนั่งดูซีรีส์บนแล็ปท็อปรับรองว่าได้เพลิดเพลินไปกับลำโพงที่ติดมาให้อย่างแน่นอน กับระบบเสียงแบบ HUAWEI SOUND จากลำโพงเสียงต่ำ 2 ตัว และลำโพงเสียงสูงอีก 2 ตัว ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์การรับชมแบบเต็มอิ่มกว่าเดิมจากระบบเสียงรอบทิศทาง หรือจะประชุมก็สะดวกด้วย Personal Voice Enhancement ที่มาพร้อมไมโครโฟน 4 ตัว ที่สามารถรับเสียงได้รอบทิศทางแบบ 360° และจับเสียงได้ระยะไกลถึง 5 เมตร
ส่วนใครที่อยากพิมพ์งานได้อย่างรวดเร็วทันใจรับรองว่าต้องถูกใจแป้นพิมพ์แบบ Travel Keyboard ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นปุ่มโดมยางที่มีความลึก 1.5 มม. ภายในปุ่มมีกลไกที่ชะลอแรงกระแทกจากการกดแป้นบนคีย์บอร์ดให้ใช้งานได้ทนทานและให้สัมผัสนุ่มนวล พิมพ์ต่อเนื่องได้อย่างไม่มีสะดุด และสำหรับใครที่ไม่อยากสลับการใช้งานไปมาระหว่างหน้าจอมือถือกับหน้าจอแล็ปท็อป คุณยังสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันมือถืออย่าง จาก PC AppGallery ที่จะเปิดให้ใช้งานรุ่นเบต้าได้เร็วๆ นี้แล้ว จัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ ไม่ว่าจะคุณจะเอาไปทำงานหรือผ่อนคลายกับความบันเทิงรูปแบบไหน HUAWEI MateBook 14s ตัวนี้ก็จัดให้ได้อย่างเต็มอิ่มแน่นอน
สเป็คจัดหนักจัดเต็ม พร้อมซีพียู Intel Core Gen 11th H-Series ตัวใหม่ล่าสุด
ไม่ว่าจะเป็นการเอาไปใช้ทำงาน ใช้ดูหนัง หรือใช้เล่นเกมออนไลน์กับเพื่อน “สเป็คเครื่อง” ของแล็ปท็อป ไล่ตั้งแต่ซีพียู หน่วยความจำ (RAM) การ์ดจอ ฯลฯ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้าน ซึ่งหลักในการเลือกสเป็คเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างง่ายที่สุดก็คือพยายามเลือกของใหม่ที่สุดนั่นเอง โชคดีที่ HUAWEI MateBook 14s มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล 11th Gen Intel® Core™ i5-11300H และ i7-11370H ตัวล่าสุด รวมทั้งชิปประมวลผลสามมิติ Intel Iris Xe Graphic ซึ่งทำให้แล็ปท็อปตัวนี้เป็นแล็ปท็อปตัวแรกของหัวเว่ยที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Intel® Evo™ Platform Certification ได้รับการออกแบบให้ส่งมอบความแรง คุณภาพกราฟฟิก การเชื่อมต่อ ความเร็วในการรับส่งไฟล์ ความบางเบา และใช้พลังงานแบตเตอรี่ของตัวเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะทั้งใช้เคลียร์งานหลายๆ งานพร้อมกันหรือจะเอาไปเล่นเกมก็ได้ไม่มีปัญหา
ต้องยกความดีความชอบให้กับชิปประมวลผล Intel และหน่วยความจำ (RAM) แบบ dual-channel ของเครื่องที่อัดมาให้ถึง 16 GB นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังสามารถปรับเข้าสู่ Performance Mode เพียงกด Fn+P เพื่อดึงประสิทธิภาพของเครื่องออกมาใช้งานอย่างเต็มที่ และยังใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 Wh ทำให้สามารถดูวิดีโอ Full HD ได้นานติดต่อกันถึง 13 ชั่วโมง แถมยังรองรับการชาร์จอย่างรวดเร็ว HUAWEI SuperCharge 65W ผ่านสายชาร์จ Type-C อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้คงจะพอเห็นภาพแล้วว่าแล็ปท็อปอเนกประสงค์อย่าง “HUAWEI MateBook 14s” ครบเครื่องแค่ไหน ทั้งในแง่การแสดงผลภาพที่คมชัดลื่นไหล ฟีเจอร์สารพัดสำหรับทั้งสายงานและสายบันเทิง และชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่แรงได้ใจ แค่นี้ก็น่าจะตอบได้แล้วว่า HUAWEI MateBook 14s ควรค่าแก่การเป็นแล็ปท็อปคู่แท้ของคุณหรือไม่ โดย HUAWEI MateBook 14s มาพร้อมให้คุณเลือกใช้ได้ 2 รุ่น ได้แก่ HUAWEI MateBook 14s รุ่น 11th Gen Intel® Core™ i7H (EVO) RAM 16 GB and ROM 1 TB สี Space Gray ราคา 55,990 บาท และ HUAWEI MateBook 14s รุ่น 11th Gen Intel® Core™ i5H RAM 8 GB และ ROM 512 GB ที่มาพร้อมกับสี Space Gray และสี Spruce Green ราคา 40,990 บาท พร้อมโปรโมชันพิเศษสำหรับคนที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึง 12 พฤศจิกายน 2564 รับไปเลย หูฟังไร้สายรุ่นโปร HUAWEI FreeBuds Pro มูลค่า 5,499 บาท หรือถ้าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HUAWEI MateBook 14s ก็ไปอ่านกันได้ที่นี่
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
Instagram: Huawei.TH
LINE: HuaweiMobileThailand
|
# Fortnite เตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์ในจีน 15 พ.ย. นี้ ไม่บอกเหตุผลชัดเจน
ผู้เล่นเกม Fortnite ในจีนมีประสบการณ์การเล่นเกมต่างจากคนประเทศอื่นๆ ตรงที่ รัฐบาลจำกัดเวลาการเล่นเกมสำหรับเยาวชน และไม่สามาถซื้อสกุลเงิน V Bucks ในเกมได้เนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมาย ล่าสุดบริษัทประกาศอีกว่า เซิร์ฟเวอร์เกมในจีนจะปิดตัวลงในวันที่ 15 พ.ย. นี้ โดยผู้เล่นใหม่จะถูกตัดสิทธิ์จากการลงชื่อสมัครใช้ Fortnite
ทางบริษัทออกแถลงการณ์สั้นๆ และไม่ได้ระบุเหตุผลเพิ่มเติม
Fortnite หรือ Fortress Night ในจีนเปิดให้เล่นในปี 2018 ผ่านการร่วมมือระหว่างผู้พัฒนา Epic Games และ Tencent โดยมีการปรับเนื้อหาและกติกาให้สอดคล้องกับระเบียบของจีน เช่น ลบหัวกะโหลกออกจากเกม เป็นต้น
ภาพจาก Fortnite จีน
ที่มา - CNET
|
# Gartner ชี้ ราคาพีซีปีนี้แพงขึ้นเฉลี่ย 10% จากปัญหาชิปและชิ้นส่วนขาดตลาด
Mikako Kitagawa นักวิเคราะห์จาก Gartner ให้ข้อมูลกับ The Register ว่าราคาเฉลี่ยของพีซีจะแพงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากปัญหาเงินเฟ้อ ชิปขาดตลาด
ตอนนี้ผู้ผลิตพีซีเริ่มเจอปัญหาชิ้นส่วนขาดแคลน โดยเฉพาะแผงวงจรสำหรับแสดงผล แผงวงจรจัดการพลังงาน และชิ้นส่วน USB-C ทำให้ต้องเลือกว่าจะนำไปใส่พีซีรุ่นไหน ทางออกคือใส่พีซีราคาแพงที่มีอัตรากำไรดีกว่า ผลคือพีซีราคาถูกมีจำนวนสินค้าน้อยลง หาของยากขึ้น
หากผู้ผลิตพีซีไม่อยากขึ้นราคาสินค้า ก็ยังมีทางเลือกอื่นคือตัดฟีเจอร์บางอย่างลง (เช่น แรมหรือสตอเรจขนาดลดลง) หรือใช้ชิ้นส่วนที่มีราคาถูกลง
ตัวเลขของ IDC ประเมินว่าราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กในปี 2021 อยู่ที่ 820 ดอลลาร์ ในขณะที่ราคาของปี 2020 คือ 790 ดอลลาร์
ที่มา - The Register
|
# ยุคแห่งการเข้ารหัส กูเกิลเข้ารหัสเสียงคุยโทรศัพท์แบบ End-to-End บนเครือข่าย Google Fi
กูเกิลประกาศเข้ารหัสแบบ end-to-end การโทรศัพท์ผ่านเครือข่าย Google Fi ซึ่งเป็นเครือข่าย MVNO ของกูเกิลในสหรัฐ
แนวคิดของ Google Fi เป็นการโทรผ่านบริการ data บนเครือข่ายมือถือ (ที่กูเกิลเช่า MVNO) หรือ Wi-Fi โดยแอพ Fi จะสลับเครือข่ายให้อัตโนมัติ เมื่อข้อมูลการโทรวิ่งผ่านระบบของกูเกิลอยู่แล้ว กูเกิลจึงสามารถเข้ารหัสการโทรศัพท์ทั้งหมดได้หากเป็นการโทรระหว่าง Fi ด้วยกัน ไม่มีใครสามารถดักฟังข้อมูลกลางทางได้ (ระหว่างการโทรจะเห็นไอคอนแจ้งเตือนว่า encrypted ตามภาพ)
กูเกิลบอกว่าการเข้ารหัส end-to-end กำลังกลายเป็นมาตรฐานในวงการแชท ฝั่งของ SMS นั้น Google Messages รองรับไปแล้ว ก้าวต่อไปจึงเป็นการเข้ารหัสเสียงพูดเมื่อโทรศัพท์ (อย่างไรก็ตาม การที่เครือข่าย Fi ยังมีบริการจำกัด มีผู้ใช้งานจำกัด ก็ไม่แน่ชัดนักว่าจะเป็นประโยชน์มากแค่ไหน)
ที่มา - Google
|
# Rust เพิ่มกฎตรวจซอร์สโค้ดห้ามใช้อักษร Unicode เพื่อพิมพ์จากขวาไปซ้าย ป้องกันการซ่อนโค้ด
เมื่อกลางปีที่ผ่านมามีรายงานการโจมตี CVE-2021-42574 ที่อาศัยอักขระ Unicode สำหรับการพิมพ์จากขวาไปซ้าย ทำให้ตัวแก้ไขโค้ดแสดงอักขระกลับข้างเปิดทางให้คนร้ายอาจจะซ่อนโค้ดเอาไว้ภายในซอร์สโค้ดเอง โดยที่โปรแกรมเมอร์มองไม่เห็นซอร์สโค้ดนั้น
ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของภาษาโปรแกรมมิ่งโดยตรง แต่วันนี้ทาง Rust ก็ออกมาประกาศว่าจะป้องกันปัญหานี้ด้วยการเพิ่มกฎตรวจสอบโค้ด (lint) เข้าไปใน rustc ทำให้โค้ดที่มีอักขระ Unicode เหล่านี้คอมไพล์ไม่ผ่าน หากต้องการใช้งานจริงๆ ต้อง escape ตัวอักขระเสียก่อน
Rust เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีแนวทางควบคุมให้โปรแกรมเมอร์มีสุขลักษณะการเขียนโค้ดที่ดีโดยเปิดกฎการตรวจสอบไว้เป็นค่ามาตรฐาน หากโปรแกรมเมอร์ไม่แก้ไขหรือขอยกเว้นคำเตือนบางจุดโดยเฉพาะก็จะแจ้งเตือนเป็นมาตรฐานโดยไม่ต้องเปิดออปชั่นเพิ่มเติม หรือบางกรณีก็คอมไพล์ไม่ผ่านไปเลย
ทาง Rust ตรวจสอบแพ็กเกจที่เผยแพร่ผ่าน crates.io พบว่ามีแพ็กเกจเพียง 5 ตัวที่มีอักขระที่เข้าข่าย และทุกแพ็กเกจไม่ได้ใส่อักขณะเพื่อมุ่งร้ายแต่อย่างใด และกฎการตรวจสอบโค้ดจะเพิ่มใน Rust 1.56.1 ที่เปิดให้ดาวน์โหลดวันนี้
ที่มา - Rust
|
# อินเทลบอก Core 12th Gen Alder Lake ทำงานกับ Windows 11 ได้ดีกว่า Windows 10
เว็บไซต์ AnandTech มีบทความอธิบายสถาปัตยกรรมของ Core 12th Gen Alder Lake ที่ค่อนข้างละเอียด ของใหม่ที่สำคัญใน Alder Lake คือการมีคอร์สองขนาดคือ คอร์ใหญ่ Performance Core (P-Core) และคอร์เล็ก Efficiency Core (E-Core)
การมีคอร์ 2 ระดับ (แถม P-Core มี hyperthreading) ทำให้การเลือกว่าจะจ่ายงานให้คอร์ไหนมีความซับซ้อนขึ้นมาก เพราะในอดีต ซีพียู x86 มีคอร์แบบเดียวเท่ากันหมด การจ่ายงานเป็นหน้าที่ของ OS ที่เลือกจัดคิว (scheduler) ตามความเหมาะสม แต่ OS เองก็ไม่มีข้อมูลว่าคอร์ไหนมีสถานะอย่างไร ทำงานอะไรอยู่บ้าง
อินเทลจึงเพิ่มไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ระดับฮาร์ดแวร์มาอีกตัวในชื่อ Intel Thread Director (ITD) เพื่อมอนิเตอร์การทำงานของทุกคอร์ว่ากำลงทำอะไรอยู่ มีความร้อนหรือระดับพลังงานอย่างไร (ละเอียดระดับ nanosecond) และส่งข้อมูลนี้ไปบอก OS (ละเอียดระดับ microsecond) ให้ OS คอยตัดสินใจอีกที
อินเทลร่วมมือกับไมโครซอฟท์เพื่อให้ OS ทำงานร่วมกับ ITD ได้อย่างเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญคือ Windows 11 จะทำงานกับ ITD ได้ดีกว่า Windows 10 เพราะมองเห็นข้อมูลใน ITD ละเอียดกว่า (Windows 10 มองเห็นว่า E-Core ประสิทธิภาพต่ำกว่า P-Core แต่ไม่รู้สถานะละเอียด) นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมโครซอฟท์จูงใจให้คนมาใช้ Windows 11 แทน Windows 10 ในกรณีที่ใช้ซีพียู 12th Gen
การทำงานของ ITD แบ่งงาน (workload) ออกเป็น 4 คลาสคือ
Class 3 งานระดับรอง เช่น IO ที่ซีพียูต้องรอฝั่งดิสก์ตอบกลับ
Class 0 งานทั่วไป
Class 1 งานที่ต้องใช้ชุดคำสั่งเวกเตอร์ AVX/AVX-2
Class 2 งานที่ต้องใช้ชุดคำสั่งเวกเตอร์ AVX-VNNI (AVX-512)
ITD จะแนะนำว่างาน Class 3 ควรรันโดย E-Core ส่วน Class 1-2 ควรเป็นของ P-Core แต่สุดท้ายเป็นหน้าที่ของ OS ตัดสินใจเลือกอีกที (OS สามารถ override คำแนะนำของ ITD ได้) โดย ITD ใช้โมเดลที่เทรนจากข้อมูลการทำงานของซีพียูเป็นหลักล้านชั่วโมง มาแยกแยะงานแต่ละคลาส (โมเดลของ ITD เทรนมาแล้ว เทรนเพิ่มไม่ได้อีก)
ที่มา - AnandTech
|
# SUSE เข้าซื้อบริษัทรักษาความปลอดภัยคอนเทนเนอร์ NeuVector เตรียมเปิดเป็นโอเพนซอร์ส
SUSE ประกาศเข้าซื้อบริษัทรักษาความปลอดภัยคอนเทนเนอร์และ Kubernetes ที่สามารถตรวจสอบความปลอดภัยคอนเทนเนอร์ได้ทั้งจากอิมเมจก่อนรัน และควบคุมความปลอดภัยขณะรันด้วยการสแกนเน็ตเวิร์ค
ทาง SUSE ประกาศว่าหลังจากเข้าซื้อแล้ว จะเริ่มต้นกระบวนการแปลง NeuVector ให้เป็นโครงการโอเพนซอร์ส และคาดว่าจะทำให้ NeuVector กลายเป็นโครงการสำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยคลัสเตอร์ Kubernetes ในอนาคต
ที่มา - SUSE
|
# PowerToys เพิ่มฟีเจอร์ Find My Mouse ตามหาเคอร์เซอร์, ปุ่มลัดปิดไมค์ Video Conference Mute
ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าอัพเดต PowerToys อยู่เรื่อยๆ ล่าสุดออกเวอร์ชัน 0.49 มีของใหม่ 2 อย่างที่สำคัญคือ
Find My Mouse สำหรับคนหาเคอร์เซอร์เมาส์ไม่ค่อยเจอ สามารถกด Ctrl สองทีเพื่อให้มีวงกลมรอบเคอร์เซอร์ได้
Video Conference Mute เข้าสถานะเสถียร สามารถกดปุ่มลัด Win+Shift+A เพื่อปิดไมโครโฟน, Win+Shift+O เพื่อปิดกล้อง และ Win+N เพื่อปิดทั้งหมดได้ (ตั้งค่าปุ่มลัดเองได้)
ที่มา - PowerToys, MSpoweruser
|
# รูปหลุดโน้ตบุ๊ก Lenovo Thinkbook Plus มาพร้อมหน้าจอที่สองถัดจากคีย์บอร์ด
Evan Blass นักข่าวสายข่าวหลุดที่รู้จักกันในชื่อทวิตเตอร์ @evleaks เผยภาพหลุดโน้ตบุ๊กใหม่ Lenovo Thinkbook Plus โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 17 นิ้วมาพร้อมหน้าจอที่สองตรงด้านขวาของแป้นคีย์บอร์ด รองรับปากกา สามารถเขียน วาดภาพ ลงสีระหว่างที่ดูงานในจอใหญ่ไปด้วยได้
ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากรูปภาพ ซึ่งย่อนไปในงาน CES ต้นปีที่ผ่านมา Lenovo ก็สร้างความตื่นเต้นด้วยการเปิดตัว ThinkBook Plus Gen 2 ที่มาพร้อมหน้าจอ E-ink ที่ฝาปิด ซึ่งตัวใหม่ที่หลุดมานี้ อาจเป็นโปรดักต์ใหม่ที่จะเตรียมโชว์ในงาน CES ปีหน้า
ภาพจาก Evan Blass
ที่มา - The Verge
|
# [FT] นโยบายจำกัดการติดตามโฆษณาของ Apple ทำโซเชียลมีเดียใหญ่เสียรายได้ร่วมหมื่นล้านเหรียญ
จากการที่ Apple ปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์ หรือ App Tracking Transparency กำหนดให้โซเชียลมีเดียต้องขอการยินยอมให้ติดตามข้อมูลที่ส่งผลต่อการมองเห็นโฆษณานั้น ล่าสุด Financial Times รายงานว่า ช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ นโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นตัวเงินต่อแพลตฟอร์มอย่าง Snap, Facebook, Twitter และ YouTube ร่วมหมื่นล้านดอลลาร์
Apple เริ่มใช้นโยบายเพื่อความเป็นส่วนตัวหรือ App Tracking Transparency ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Lotame บริษัทเทคโนโลยีการโฆษณาซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่อย่างเช่น The Weather Company และ McClatchy ได้ประมาณการว่าแพลตฟอร์มโซเชียลทั้งสี่ สูญเสียรายได้ไป 12% ในไตรมาสที่สามและสี่ หรือราวๆ 9.85 พันล้านดอลลาร์ Snap ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะตัวแพลตฟอร์มเน้นการใช้งานบนมือถือ ส่วน Facebook ได้รับผลกระทบในแง่ของขนาดการตลาดของตัวเอง
Mike Woosley ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Lotame กล่าวว่า ผู้โฆษณากำลังเจอปัญหากับการได้รับผลตอบแทนน้อยลงจากการลงทุนในโฆษณา ยกตัวอย่างแบรนด์ชุดชั้นในชายที่จะได้เข้าถึงลูกค้าหนึ่งรายจากโฆษณา $5 ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ชาย 1,000 คน แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ บริษัทโฆษณาก็ไม่สามารถทำการกำหนดเป้าหมายโฆษณาได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นหญิงใครเป็นชาย ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
Aidan Corbett หัวหน้าผู้บริหารของ Wayflyer บริษัทผู้ให้เงินทุนแก่การเริ่มต้นช้อปปิ้งออนไลน์ บอกว่า หากความสามารถในการโฆษณาบน Facebook เริ่มไม่คุ้มค่า คนก็จะเริ่มย้ายออก ซึ่ง TikTok ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใช้เงินน้อยกว่าในการทำให้โฆษณาแสดงผล 1,000 ครั้ง
Eric Seufert ที่ปรึกษา adtech กล่าวว่า Facebook ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ซึ่ง Facebook ต้องทำโครงสร้างและเฟรมเวิร์คใหม่ทั้งหมดซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี
ช่วงแรกๆ ที่ Apple เสนอโยบายใหม่ๆ Facebook โจมตี Apple หนักมาก ว่าใช้เหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัวมาบังหน้าผลประโยชน์ของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน Twitter ดูจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบน้อย (รายได้โฆษณาไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 41%) เนื่องจากโฆษณาบน Twitter พึ่งพาบริบทและการสร้างแบรนด์ มากกว่าการติดตามพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ ส่วน Alphabet ก็มีข้อมูลผู้ใช้ของบุคคลมากพอ ไม่จำเป็นต้องติดตามผู้ใช้ในแอปของบุคคลที่สาม
ที่มา - Financial Times, Gizmodo
|
# Roblox กลับมาให้บริการตามปกติแล้ว รวมระบบมีปัญหาเป็นเวลา 3 วัน
Roblox แฟลตฟอร์มเกมแนว Sandbox ที่มีผู้เล่นจำนวน ที่พบปัญหาระบบล่มไม่สามารถเข้าใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2021 ตามเวลาในไทย ล่าสุดระบบกลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เวลา 6.45น. วันนี้ รวมเวลาแล้วระบบขัดข้องนานถึง 3 วัน
Roblox ยังไม่ได้อธิบายสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ช่วงค่ำของวันที่ 31 ตุลาคม ตามเวลาในไทย Roblox ระบุในหน้าสถานะระบบว่าพบสาเหตุและเริ่มทำการแก้ไขปัญหาแล้ว
ก่อนหน้านี้ในช่วงแรกที่ระบบมีปัญหา ผู้เล่น Roblox จำนวนหนึ่งคาดว่าสาเหตุมาจากแคมเปญของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เริ่มขึ้นก่อนระบบล่มไม่กี่ชั่วโมง แต่ Roblox ระบุว่าไม่ใช่
ที่มา: Engadget
|
# Apple หยุดขาย iMac รุ่นหน้าจอ 21.5 นิ้ว ซีพียู Intel แล้ว
มีผู้พบว่า แอปเปิลได้นำสินค้า iMac รุ่นหน้าจอ 21.5 นิ้ว ที่ใช้ซีพียูอินเทล ออกจากหน้าเว็บไซต์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยตอนนี้หากต้องการซื้อ iMac ผ่านเว็บไซต์ของแอปเปิล จะมีตัวเลือกคือ รุ่น 24 นิ้ว ซีพียู M1 และ รุ่น 27 นิ้ว ที่ใช้ซีพียูอินเทล
ตัวแทนของแอปเปิลยืนยันการหยุดจำหน่าย iMac 21.5 นิ้ว นี้ ซึ่งมีผลทันทีกับช่องทางออนไลน์และในร้าน Apple Store ส่วนในร้านค้าของผู้จัดจำหน่ายจะยังขายต่อไปจนกว่าของจะหมดสต็อก
การหยุดขาย iMac 21.5 นิ้วนี้ ทำให้ตอนนี้แอปเปิลเหลือสินค้ากลุ่ม Mac ที่ใช้ซีพียูอินเทล คือ iMac 27 นิ้ว, Mac Pro และ Mac mini เท่านั้น
ที่มา: MacRumors
|
# อีเมลมีอายุครบ 50 ปีแล้ว ข้อความในอีเมลฉบับแรกน่าจะเป็น "QWERTYUIOP"
อีเมลมีอายุครบรอบ 50 ปีในเดือนนี้ โดยเมื่อปี 1971 วิศวกรของโครงการ ARPANET ชื่อ Ray Tomlinson ซึ่งเป็นนักศึกษาเพิ่งจบใหม่จาก MIT ได้หาวิธีส่งข้อความระหว่างคอมพิวเตอร์ที่อยู่คนละเครือข่าย เขาประดิษฐ์ระบบอ้างที่อยู่ username@host แบบที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
อีเมลฉบับแรกของ Tomlinson ถูกส่งข้ามคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างกันเพียง 10 ฟุต แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอีเมลฉบับแรกของโลก ตัวเขาเองจำไม่ได้แล้วว่าส่งข้อความอะไร แต่ "คุ้นๆ ว่า" เป็นคำว่า QWERTYUIOP ซึ่งเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษแถวบนสุดของคีย์บอร์ด (ปัจจุบัน Tomlinson เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2016)
ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของอีเมล ทำให้ผู้ให้บริการอีเมลหลายราย เช่น Gmail, Yahoo Mail ร่วมกันเขียนบล็อกเฉลิมฉลอง ภายใต้แท็ก #50yrsofemail และ #QWERTYUIOP
ที่มา - Google
|
# อินเทลพับแผนจีพียู Xe-HP สำหรับเซิร์ฟเวอร์ หันไปเน้นเกมมิ่ง-ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แทน
อินเทลมีแผนการใหญ่กับจีพียูตระกูล Xe โดยแบ่งมันออกเป็น 4 รุ่นย่อยตามแต่ละตลาด ได้แก่
Xe-LP รุ่นล่างสุดสำหรับการ์ดจอแบบ integrated (ใช้แบรนด์ Iris Xe)
Xe-HPG สำหรับตลาดเกมมิ่ง (ใช้แบรนด์ Intel Arc)
Xe-HP สำหรับตลาดศูนย์ข้อมูล
Xe-HPC สำหรับตลาดคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (จีพียูตัวแรกใช้โค้ดเนม Ponte Vecchio)
แต่ล่าสุด Raja Koduri หัวหน้าทีมจีพียูของอินเทล ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าจะไม่วางขายจีพียูเซิร์ฟเวอร์ Xe-HP ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยจะเปลี่ยนมันไปเป็นทั้ง Xe-HPG และ Xe-HPC แทน
การที่อินเทลซอยรุ่น Xe มากถึง 4 รุ่นอาจเป็นเหตุผลที่บริษัทต้องลดจำนวนรุ่นลงเพื่อโฟกัสแต่ละผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น แต่ก็ย่อมเกิดคำถามตามมาว่า อินเทลจะแข่งในตลาดจีพียูเซิร์ฟเวอร์กับ NVIDIA ได้อย่างไร
ที่มา - AnandTech
|
# SwiftKey เปิดให้ซิงก์ Cloud Clipboard ก็อปปี้ข้อความข้ามระหว่างแอนดรอยด์และวินโดวส์
SwiftKey ซึ่งปัจจุบันเป็นของไมโครซอฟท์ ออกฟีเจอร์ Cloud Clipboard ให้กับแอพแอนดรอยด์รุ่นเสถียร ทำให้เราสามารถ copy ข้อความบนมือถือแอนดรอยด์ แล้วนำไปสั่ง paste บนพีซีวินโดวส์ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์มีฟีเจอร์ sync clipboard แต่ยังจำกัดเฉพาะวินโดวส์ด้วยกันเท่านั้น การที่ SwiftKey บนแอนดรอยด์รองรับคำสั่งนี้ด้วย ทำให้การซิงก์ข้ามแพลตฟอร์มเป็นไปได้
ผู้ใช้จำเป็นต้องล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft Account และเปิดใช้ฟีเจอร์ sync clipboard ทั้งสองฝั่งก่อน
ที่มา - MSpoweruser
|
# ถึงตา Roblox แล้ว เซิร์ฟเวอร์ล่มยาวกว่าสองวันและยังล่มอยู่
Roblox เป็นอีกหนึ่งเกม Online แนว Sandbox ระดับโลก ที่มียอดผู้เล่น active ต่อวันกว่า 43.2 ล้านคน โดยที่ผ่านมาสามารถรองรับผู้เล่นได้อย่างดีหรือเมื่อมีปัญหาเรื่องเซิร์ฟเวอร์ล่มก็สามารถแก้ไขได้ภายในระดับชั่วโมง
แต่เมื่อช่วง 18:00 นาฬิกา ของวันที่ 28 ตุลาคม ตามเวลาประเทศไทย มีรายงานเซิร์ฟเวอร์ล่มเกิดขึ้นจนผู้เล่นทั้งหมดไม่สามารถเข้าเล่นเกมได้เลยทั้งทาง Mobile, PC, Gaming Console และในเวลาต่อมาเว็บไซต์หลักของ Roblox ได้ปิดหน้าเว็บว่ากำลังซ่อมบำรุงระบบอยู่
แม้ในขณะนี้ทาง Roblox ก็ยังไม่สามารถนำระบบกลับมา Online ได้ นับรวมแล้ว ๆ จัดว่าเป็นการล่มที่นานมากถึงสองวันเลยทีเดียว ถือเป็นการทรมานเด็ก ๆ (หรือผู้ใหญ่บางคน?) แฟนเกม Roblox ทั่วโลกอย่างที่สุด น่าลุ้นว่าทาง Roblox จะนำระบบกลับทันก่อนวัน Halloween ที่ปกติจะมี Event มากมาย ได้หรือไม่
ที่มา Roblox Status
|
# Gmail เปลี่ยนมาใช้ปุ่ม Compose ขนาดใหญ่แบบเดิม สำหรับเวอร์ชันบนเว็บ
กูเกิลประกาศปรับรายละเอียดของ Gmail เวอร์ชันบนเว็บ โดยปุ่มเขียนอีเมลหรือ Compose ซึ่งเดิมปรับเป็นไอคอนรูปปากกาขนาดเล็กเมื่อต้นปี จะกลับมาใช้ปุ่มที่มีคำว่า Compose ประกอบอยู่ด้วยแบบเดิม
โดยกูเกิลให้เหตุผลว่าได้รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน ว่าการเพิ่มคำว่า Compose เข้ามาด้วย ทำให้เข้าใจในการใช้งานง่ายกว่า
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มทยอยมีผลตั้งแต่ 3 พฤศจิกายนเป็นต้นไป มีผลกับผู้ใช้ Google Workspace และบัญชี Google ส่วนบุคคลทุกคน
ที่มา: 9to5Google
|
# Microsoft Edge for Linux ออกรุ่นเสถียร
ไมโครซอฟท์ปล่อย Microsoft Edge 95 รุ่นเสถียร (stable) บนลินุกซ์อย่างเงียบๆ ถือเป็น Edge บนลินุกซ์รุ่นแรกที่เป็นรุ่นเสถียร หลังเปิดทดสอบ Dev Channel ในเดือนตุลาคม 2020 ครบรอบ 1 ปีพอดี
ช่องทางของไมโครซอฟท์ยังไม่มีประกาศใดๆ แต่ใน repository ของไมโครซอฟท์ ก็มีไฟล์ให้ดาวน์โหลดแล้ว ทั้งแบบแพ็กเกจ .deb และ .rpm
ที่มา - Sophos
|
# ผู้บริหาร Apple ตอบคำถาม ทำไม MacBook Pro ไม่มี Face ID
Face ID เป็นเทคโนโลยีการยืนยันตัวตน ที่แอปเปิลใช้มาตั้งแต่ iPhone จนถึง iPad แต่ยังไม่มีการใช้ใน Mac อย่างไรก็ตามในการเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมติ่งหน้าจอ ซึ่งทำเพื่อให้ได้พื้นที่หน้าจอรวมมากขึ้น แต่ก็ทำให้หลายคนคาดเดาว่า เมื่อทำแบบนี้แล้ว ก็น่าจะมาพร้อม Face ID ไปด้วยเลย
ในประเด็นดังกล่าว Tom Boger รองประธานจากการตลาดกลุ่ม Mac และ iPad ของแอปเปิล ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal โดยเขาบอกว่า สำหรับแล็ปท็อปนั้น การใช้ Touch ID ยืนยันตัวตนมีความสะดวกมากกว่า เพราะอินพุทผู้ใช้งานก็อยู่ที่มือตรงคีย์บอร์ดอยู่แล้ว
เขายังตอบคำถามในอีกหลายประเด็น เช่น การไม่รองรับหน้าจอสัมผัส ซึ่งคำตอบก็คาดเดาได้นั่นคือ Mac ถูกออกแบบมาให้รับอินพุทแบบนี้ หากอยากได้หน้าจอสัมผัสก็ไปใช้ iPad ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถอัพเกรดแรมได้เอง เขาบอกว่าเพราะเป็นการออกแบบฮาร์ดแวร์ ที่ปรับแต่งรวมทุกอย่าง ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จึงไม่สามารถอัพเกรดแรมได้เอง
ที่มา: BGR และ 9to5Mac
|
# Huawei รายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ธุรกิจลูกค้าองค์กรยังดำเนินงานได้ตามแผน
หัวเหว่ยรายงานผลประกอบการใน 9 เดือนแรกของปี 2021 มีรายได้รวม 4.558 แสนล้านหยวน และมีอัตรากำไรสุทธิ 10.2%
Guo Ping ประธานของหัวเหว่ยตามวาระกล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ออกมา เป็นไปตามที่บริษัทประเมินไว้ โดยแม้กลุ่มธุรกิจที่เน้นขายลูกค้ารายย่อย (B2C) จะยังได้รับผลกระทบ แต่ธุรกิจลูกค้าองค์กร (B2B) ยังคงมีผลการดำเนินงานตามปกติ บริษัทจึงยังมีความมั่นใจในการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า
Guo กล่าวต่อว่าเขาขอบคุณลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทั่วโลกที่ยังไว้วางใจและให้การสนับสนุน โดยจะร่วมมือกับผลักดันเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลสู่โลกอัจฉริยะ
ที่มา: หัวเหว่ย
|
# คลิปหนีบกระดาษ Clippy กลับมาเกิดใหม่ เป็นสติ๊กเกอร์ใน Microsoft Teams
ไมโครซอฟท์คืนชีพคลิปหนีบกระดาษ Clippy ผู้ช่วยชื่อดังจาก Office 97 กลับมาเกิดใหม่เป็นสติ๊กเกอร์ในแชทของ Microsoft Teams
Clippy (หรือ Clipit) เป็นหนึ่งใน "ผู้ช่วย" (assistant) ของ Office 97 ที่คอยแนะนำผู้ใช้ให้รู้จักฟีเจอร์ต่างๆ ของโปรแกรม แต่ด้วยพฤติกรรมที่ชอบโผล่ขึ้นมาบดบังหน้าจอขณะกำลังทำงาน ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากรำคาญ จนสุดท้ายไมโครซอฟท์ต้องถอดฟีเจอร์นี้ออก
อย่างไรก็ตาม ความโด่งดังของ Clippy กลายเป็นมีมที่ถูกนำมาล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลายครั้งไมโครซอฟท์ก็เป็นฝ่ายมาเล่นมีมนี้เอง ทำภาพพื้นหลังแจกเอง จนล่าสุดกลายมาเป็นสติ๊กเกอร์ใน Microsoft Teams (ดาวน์โหลดได้ในชื่อ Retro Sticker Pack)
ที่มา - OnMSFT
|
# ปีนี้ไม่เอาแล้ว Cyberpunk 2077 เลื่อนอัพเดตทุกอย่างไปออกปีหน้า 2022
เราเพิ่งเห็นข่าว CD Projekt Red เลื่อนการออกอัพเดต next-gen ของเกม Cyberpunk 2077 ไปเป็นปีหน้า 2022 กันหมาดๆ
ล่าสุด CD Projekt Red อัพเดตแผนการ roadmap ของเกมอีกรอบ โดยเลื่อนอัพเดตทุกอย่างไปเป็นปี 2022 ทั้งหมดแล้ว (รวมอัพเดตย่อยด้วย) เท่ากับว่าปีนี้ 2021 ผู้เล่นจะได้อัพเดตแพตช์เวอร์ชัน 1.31 ที่ออกในเดือนกันยายนเป็นตัวสุดท้าย แล้วต้องรออีกทีไตรมาส 1 ปีหน้าเลย (ไม่ระบุเดือนด้วย)
เกม Cyberpunk วางขายเมื่อเดือนธันวาคม 2020 หลังจากวางขายก็เจอปัญหามากมาย ตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว ยังมีแต่อัพเดตแก้บั๊ก (ที่บางครั้งก็สร้างบั๊กใหม่) มีเพียงแค่แพตช์เวอร์ชัน 1.3 เพียงตัวเดียวที่เพิ่มเนื้อหา DLC แต่จริงๆ แล้วก็มีเพียงแค่ไอเทม 3 ชิ้น ชุดตัวละคร และรถ 1 คัน เท่านั้น
การประกาศเลื่อนแพตช์ของ CD Projekt Red เท่ากับว่าหนึ่งปีที่ผ่านไป ผู้เล่นก็ได้เนื้อหาเพิ่มมาเพียงไอเทมไม่กี่ชิ้น ยังไม่มี next-gen update, ยังไม่มี DLC เนื้อเรื่อง และยังไม่มีโหมดมัลติเพลเยอร์ตามที่สัญญาไว้
ที่มา - Eurogamer
|
# กูเกิลเปิดตัว JioPhone Next มือถือสำหรับอินเดีย ราคา 2,900 บาท ใช้แอนดรอยด์รุ่นพิเศษ Pragati OS
กูเกิลเปิดตัว JioPhone Next มือถือราคาถูกสำหรับตลาดอินเดียอย่างเป็นทางการ หลังโชว์ข้อมูลเบื้องต้นเมื่อกลางปี
JioPhone Next เป็นมือถือที่กูเกิลร่วมกับ Reliance Jio โอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ของอินเดียพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดอินเดียโดยเฉพาะ มันใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันพิเศษที่เรียกว่า Pragati OS (เป็นภาษาฮินดี แปลว่าก้าวหน้า) มีฟีเจอร์เด่นดังนี้
ฟีเจอร์ด้านภาษาท้องถิ่น เช่น อ่านข้อความออกเป็นเสียง (read-aloud) การแปลภาษาข้อความที่เห็นจากกล้อง การสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาถิ่น
ทำงานออฟไลน์ แชร์รูปภาพ วิดีโอ เพลง แม้กระทั่งไฟล์ของแอพในเครื่องให้เพื่อนได้ โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต (ใช้วิธีแชร์ผ่าน Nearby Share ของ Android)
กล้องคุณภาพสูง (เมื่อเทียบกับราคา) มีโหมด HDR และถ่ายภาพตอนกลางคืน โดยใช้อัลกอริทึมของกูเกิล มีฟีเจอร์ Snapchat Lens พิเศษสำหรับตลาดอินเดียภายในตัวแอพกล้อง Camera Go
การันตีเพิ่มฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ในอนาคต ผ่าน Android feature drops
สเปกของ JioPhone Next มีดังนี้
หน้าจอ 5.45" HD+ 720x1440
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon QM215 ซีพียู 4 คอร์, จีพียู Adreno 308
แรม 2GB, สตอเรจ 32GB ใส่ Micro SD ได้ (เหนือกว่า Pixel!)
กล้องหลัง 13MP f 1/3"
กล้องหน้า 8MP
เครือข่าย 4G LTE Dual SIM แต่บังคับล็อคเฉพาะเครือข่าย Jio
แบตเตอรี่ 3500 mAh
JioPhone Next จะวางขายในอินเดียวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ราคา 6,499 รูปี (2,900 บาท) หรือถ้าซื้อแบบมีแพ็กเกจเน็ตของ Jio ก็จะได้ราคาถูกลงไปอีก
ที่มา - Jio, Google, xda
|
# Meta เข้าซื้อ Within ผู้สร้าง Supernatural เกมแนวฟิตเนส VR ออกกำลังกายในโลกของเกม
Meta หรือ Facebook เก่า เริ่มลุยงาน Metaverse ด้วยการเข้าซื้อบริษัท Within ผู้สร้างแอป Supernatural แอปเกมฟิตเนสที่ใช้แว่น VR สวมให้เหมือนเรากำลังออกกำลังกายอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ Within มาช่วยปรับปรุงฮาร์ดแวร์ใน Meta's Reality Labs เพื่อรองรับแอปฟิตเนส VR ในอนาคต
ที่ผ่านมา Facebook เข้าซื้อสตูดิโอเกม VR มาหลายครั้ง เช่น ผู้พัฒนา Lone Echo, Ready at Dawn ผู้พัฒนาเกม Beat Saber และกำลังทำโปรเจกต์เกม VR ในเวอร์ชันของ Fortnite และ Roblox
Within อธิบายความโดดเด่นของเกม Supernatural โดยเป็นเกมที่ต้องการพิสูจน์ว่าทุกคนสามารถออกกำลังกายในโลก VR ได้สนุก ซึ่งในเกมมีจังหวะเพลงที่เข้ากับการออกกำลังกาย มีโค้ชคอยแนะนำการออกกำลังกาย รวมถึงการได้ออกกำลังกายในสถานที่แปลกใหม่อย่าง Machu Picchu ไปจนถึงผิวดาวอังคาร
ที่มา - The Verge, Oculus
|
# ไมโครซอฟท์มีมูลค่าบริษัทแซงหน้าแอปเปิล ขึ้นเป็นบริษัทมูลค่าสูงสุดของโลก
เมื่อคืนนี้มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (market cap) ของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าแอปเปิล กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแล้ว
มูลค่าของไมโครซอฟท์ตามราคาหุ้น ณ ตอนปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (29 ตุลาคม) อยู่ที่ 2.49 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนแอปเปิลอยู่ที่ 2.46 ล้านดอลลาร์
เหตุผลสำคัญคือมูลค่าหุ้นของแอปเปิลตกลงหลังแถลงผลประกอบการ แม้รายได้เติบโตเป็นประวัติการณ์ แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์การเงินคาดเอาไว้ ในขณะที่ผลประกอบการของไมโครซอฟท์ออกมาดีกว่าที่คาด
บริษัทที่ตามมาห่างๆ เป็นอันดับสามคือ Alphabet ที่มูลค่าเกือบก้าวข้ามเส้น 2 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว (อยู่ที่ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์)
ที่มา - CNBC, ภาพจาก Microsoft
|
# Nikon Z9 เปิดตัวแล้ว พร้อมเซนเซอร์ Stacked CMOS, ถ่ายวิดีโอ 8K, ระบบโฟกัส 3D-tracking
Nikon เปิดตัวกล้อง mirrorless เรือธงของค่าย Z9 จัดเต็มเทคโนโลยีชุดใหญ่ทั้งเซนเซอร์แบบ Stacked CMOS, วิดีโอ 8K และอื่น ๆ
ด้านสเปคของตัวกล้อง Nikon Z9 ใช้เซนเซอร์ BSI Stacked CMOS แบบฟูลเฟรม 45.7 ล้านพิกเซล ที่ Nikon เคลมว่ามีระบบอ่านข้อมูลภาพออกมาจากเซนเซอร์ไวที่สุดในโลก มี rolling shutter distortion น้อยที่สุดและเทียบเท่าชัตเตอร์กลไก พร้อมหน่วยประมวลผลภาพ EXPEED 7 ที่เร็วกว่า Z7 II ถึง 10 เท่า มีช่วง ISO ให้เลือกตั้งแต่ 64-25,600 ขยายได้สูงสุด 32-102,400 ตัวกล้องรองรับการถ่ายภาพรัวสูงสุดถึง 30 ภาพต่อวินาทีในโหมด JPEG หรือ 20 ภาพต่อวินาทีในโหมด RAW
ในด้านระบบโฟกัส Nikon ใส่โหมด 3D-tracking ที่ยกจาก Nikon DSLR มาใส่ mirrorless เป็นครั้งแรก พร้อมกับ subject detection ที่เทรนด้วย deep learning รองรับวัตถุประเภทคน, สัตว์เลี้ยง, นก, เครื่องบิน, รถไฟ, รถยนต์, มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน รวมกันแล้วสามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วมาก ๆ อย่างเช่นรถแข่งได้อย่างแม่นยำ และถ้าเปิดโหมด Auto-Area AF ก็สามารถตรวจจับและโฟกัสวัตถุได้อัตโนมัติ, โหมด Dynamic-area AF กำหนดขนาดของพื้นที่โฟกัสได้ 3 ขนาด (S/M/L) เพื่อกำหนดการถ่ายภาพวัตถุในเฟรมได้, โหมด Eye-Detection AF ตรวจจับและโฟกัสที่ตาของวัตถุ และยังมีระบบคำนวณ AF ที่ทำงานได้เร็วสุดถึง 120 ครั้งต่อวินาที ทำงานเร็วและแม่นยำแม้กระทั่งระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง
ส่วนด้านวิดีโอ Nikon Z9 รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K UHD ที่ 24p/30p และ 4K UHD ที่ 24p/30p/60p/120p (ในฟอร์แมต FX หรือฟูลเฟรมของ Nikon) ซึ่ง Nikon ระบุว่าตัวกล้องสามารถอัดวิดีโอ 8K UHD 30p ได้นานสุดถึง 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง ซึ่งทาง Nikon จะอัพเกรดเฟิร์มแวร์ตัวกล้องในปีหน้าเพื่อเปิดฟีเจอร์ถ่ายภาพ 8K 60p ในรูปแบบ 12-bit N-RAW, 12-bit ProRes RAW
ด้านตัวกล้อง Nikon ใช้จอแอลซีดีหลังกล้องขนาด 2 นิ้วกระดกได้ ส่วนช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบ 3.68 ล้านจุดกำลังขยาย 0.8 เท่า Nikon เลือกใช้ Quad-VGA ปรับความสว่างได้สูงสุด 3000 nits และตัวเลนส์รองรับระบบกันสั่น Synchro VR ปรับปรุงใหม่ที่เพิ่มกันสั่นอีก 6 แกนเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่รองรับ ส่วนเซนเซอร์ใช้โค้ตติ้งทั้งแบบ electro-conductive และฟลูออรีนเพื่อลดฝุ่นหน้าเซนเซอร์ และมีตัวกันเซนเซอร์ป้องกันฝุ่นเข้าขณะเปลี่ยนเลนส์
Nikon Z9 เตรียมวางจำหน่ายในสิ้นปี 2021 นี้ที่ราคา 5,499 ดอลลาร์หรือราว 181,000 บาท
ที่มา - dpreview
|
# กูเกิลอธิบายระบบความปลอดภัย Pixel 6 มีชิปแยกอีก 2 ตัว, ชิป Titan M2 เปลี่ยนเป็น RISC-V
กูเกิลเขียนบล็อกอธิบายระบบความปลอดภัยของ Pixel 6 ประเด็นสำคัญอยู่ที่ชิปฮาร์ดแวร์ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน (ตามแผนผัง)
ในตัวชิป Tensor หน่วยประมวลผล (Application Processor) มีพื้นที่ปลอดภัย (TrustZone) ที่เป็นมาตรฐานของ Arm อยู่แล้ว ตรงนี้ใช้รันระบบปฏิบัติการ Trusty OS ของโครงการ Android สำหรับรันในสภาพแวดล้อมปลอดภัย (Trusted Execution Environment - TEE) ซึ่งรองรับทั้งซีพียูฝั่ง Arm/Intel
ในตัวชิป Tensor มีชิปคัสตอม Tensor Security Core ที่กูเกิลออกแบบเอง แยกจากตัวหน่วยประมวลผลหลัก มีซีพียู รอม แรม ของตัวเอง งานหลักของมันคือใช้เก็บคีย์ข้อมูลตอนรันไทม์, จัดการ secure boot และใช้คุยกับชิป Titan M2
นอกตัวชิป Tensor มีชิปความปลอดภัยแยกเฉพาะ Titan M2 ซึ่งกูเกิลพัฒนาต่อจาก Titan M ที่เริ่มใช้ใน Pixel 3 จุดต่างสำคัญคือ Titan M2 เปลี่ยนมาใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แทนแล้ว (ของเดิมเป็น Arm Cortex-M3) กูเกิลยังไม่เผยข้อมูลของ Titan M2 มากนัก บอกแค่ว่ามีความเร็วเพิ่มขึ้น มีหน่วยความจำมากขึ้น และผ่านมาตรฐานความปลอดภัย AVA_VAN.5
ประเด็นอื่นด้านความปลอดภัย Pixel 6 ฝั่งซอฟต์แวร์ มีดังนี้
สามารถสั่งปิดการเชื่อมต่อ 2G ได้ เพราะกูเกิลมองว่าเครือข่าย 2G เป็นเทคโนโลยีเก่าที่ไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดโอกาสโดนโจมตีลงได้
มือถือ Android ทั่วไปมีระบบสแกนมัลแวร์ Google Play Protect ที่สแกนจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แต่ Pixel 6 สามารถรันโมเดล machine learning ได้ในตัวเลย ทำให้ตรวจจับมัลแวร์ได้แม่นยำขึ้น
Pixel 6 ยังมีระบบ anti-phishing ที่คอยสแกนสายเข้า SMS อีเมล และลิงก์ที่ส่งมายังช่องทางต่างๆ
ฟีเจอร์ใหม่ของ Android 12 ชื่อ Private Compute Core ไว้รันงานที่อ่อนไหวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น Live Caption ถอดเสียงวิดีโอในเครื่อง หรือ Smart Reply ที่แต่งข้อความให้อัตโนมัติ จะรันในพื้นที่พิเศษที่ไม่แชร์ข้อมูลให้แอพตัวอื่น (ตัวอย่างคือ แอพคีย์บอร์ดจะมองไม่เห็นข้อความที่ Smart Reply แต่งให้ จนกว่าเราจะกดยอมรับว่าใช้ข้อความนี้)
ฟีเจอร์ใหม่อีกตัวคือ Google Binary Transparency (GBT) ตรวจสอบว่า Pixel รันเฉพาะ OS เวอร์ชันที่ยืนยันได้ว่าเป็นของจริงเท่านั้น โดยใช้วิธีเก็บล็อกไฟล์แบบต่อกันไปเรื่อยๆ (append-only) แล้วเช็คค่าแฮชกับฝั่งเซิร์ฟเวอร์
ที่มา - Google Security
|
# Dropbox เผยเตรียมพัฒนาแอปบน Mac ให้รองรับ Apple Silicon ภายในครึ่งแรกปีหน้า
Dropbox ประกาศพัฒนาแอปบน Mac ให้ซัพพอร์ต Apple Silicon อย่างเป็นทางการ โดยกำหนดการคร่าว ๆ คือจะปล่อยเวอร์ชันจริงในครึ่งแรกของปี 2022
ก่อนหน้านี้มีประเด็นร้อนในกลุ่มผู้ใช้ Dropbox ที่ใช้ Mac เนื่องจาก Mitchell Hashimoto นักพัฒนาคนหนึ่งแชร์ข้อมูลจากฟอรั่มของ Dropbox ผ่าน Twitter ว่า พนักงานของ Dropbox ให้ข้อมูลว่าแอปแบบเนทีฟบน Apple Silicon จะเกิดขึ้นได้ต้อง "ได้รับเสียงสนับสนุนอีกเล็กน้อยก่อนที่จะแนะนำให้ทีมของเรา" (กล่าวคือ Dropbox ยังไม่มีแผนซัพพอร์ต Apple Silicon อย่างชัดเจน)
Hashimoto ระบุในทวีตว่า Dropbox ยังไม่ซัพพอร์ต Apple Silicon และยังไม่มีแผนด้วย ซึ่งทางเว็บไซต์ MacRumors ก็นำไปลงข่าว ทำให้ผู้ใช้งาน Dropbox ที่ใช้งาน Mac จำนวนหนึ่งแสดงความผิดหวัง เพราะแม้ว่าในทางเทคนิคแล้ว Rosetta 2 จะช่วยให้ Dropbox รันบน Apple Silicon ได้ แต่ประสิทธิภาพก็จะสู้แอปแบบเนทีฟไม่ได้
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น Drew Houston ซีอีโอของ Dropbox จึงได้ตอบทวีตนี้โดยขอโทษที่ทำให้สับสน พร้อมยืนยันว่า Dropbox จะซัพพอร์ต Apple Silicon แน่นอน ตอนนี้กำลังพัฒนาแอปบนชิป M1 มาสักระยะแล้ว และคาดว่าจะปล่อยได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2022
นอกจาก Dropbox แล้ว คลาวด์สตอเรจเจ้าใหญ่ตอนนี้มีเพียง Google Drive ที่เพิ่งอัพเดตแอปให้ซัพพอร์ต Apple Silicon แบบเนทีฟเท่านั้น ส่วนบริการอื่นอย่าง OneDrive ของ Microsoft หรือ Box ยังอยู่ในระหว่างทดสอบตัวแอป
ที่มา - The Verge
|
# Ubisoft เผย Assassin’s Creed Valhalla กลายเป็นเกมทำกำไรสูงสุดอันดับ 2 ของบริษัท
Ubisoft ประกาศข้อมูลในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดว่า เกม Assassin’s Creed Valhalla ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนกลายเป็นเกมที่ทำกำไร (ไม่ใช่รายได้) มากเป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์บริษัท (แต่ไม่ได้บอกว่าอันดับหนึ่งคือเกมไหน ต้องเดากันเอง)
Ubisoft บอกว่าเกม Assassin’s Creed Valhalla ทำผลงานได้ดีกว่าเกมภาค Odyssey นับตั้งแต่เริ่มวางขาย และภาคเสริม Siege of Paris ที่พัฒนาโดย Ubisoft Singapore ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน
ตัวเลขของเกมอื่นๆ ที่เปิดเผยคือ Far Cry 6 มีระยะเวลาการเล่นต่อผู้เล่น (playtime per player) สูงกว่า Far Cry 5 ภาคก่อนหน้า 25% แต่ยังไม่เปิดเผยยอดขายเป็นตัวเลข
ที่มา - Game Informer
|
# Toyota เปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้ารุ่นแรก bZ4X แล่นได้ 500 กม. มีออปชันหลังคาโซลาร์
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Toyota ได้เผยโฉมรถยนต์ SUV ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของค่ายที่งาน Shanghai Motor Show ในชื่อ Toyota bZ4X แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ออกมาเลย ล่าสุด Toyota ได้เปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว และจะเริ่มส่งมอบปีหน้า
เริ่มที่ชื่อรุ่น Toyota bZ4X กันก่อน "bZ" ย่อมาจาก beyond zero เป็นทิศทางการมุ่งสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota รวมถึงจะใช้เป็นชื่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในอนาคตด้วย
ด้านสเปก bZ4X จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดย Toyota โฆษณาว่ารุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าจะแล่นได้ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ติดตั้งมอเตอร์เดี่ยวกำลัง 150 กิโลวัตต์ ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะแล่นได้ 460 กิโลเมตร ติดตั้งมอเตอร์กำลัง 80 กิโลวัตต์ทั้งหน้าและหลัง
ระบบชาร์จด้วยไฟ DC รับได้ที่ 150 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ 80% ภายในเวลา 30 นาที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ดีๆ อย่างการจ่ายไฟจากรถกลับเข้าบ้านได้เวลาไฟดับ เหมือนรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 Lightning รวมถึงลูกค้าสามารถเลือกซื้อออปชันหลังคาโซลาร์ได้ด้วย ซึ่ง Toyota บอกว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้จากหลังคาสามารถทำให้รถแล่นได้ 1,800 กิโลเมตรต่อปี
สุดท้ายยังมีออปชันพวงมาลัยทรงปีก (wing-shaped) คล้ายพวงมาลัย Yoke ของ Tesla Model S Plaid โดย Toyota ระบุว่าช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น และใช้ดีกว่าของ Tesla ตรงที่การหมุนพวงมาลัยจากซ้ายสุดไปขวาสุดอยู่ที่ 150 องศา ทำให้ไม่ต้องปรับท่าการจับพวงมาลัยขณะเลี้ยวเลย ส่งผลให้การกลับรถ, จอดรถ หรือขับในทางคดเคี้ยวสะดวกกว่า
สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าจะเริ่มส่งมอบในญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกช่วงกลางปี 2022
ที่มา - Electrek
|
# Mark Zuckerberg ยืนยัน กำลังทำแว่น AR รูปทรงเหมือนแว่นตา โค้ดเนม Project Nazare
นอกจาก Project Cambria ที่เป็นแว่น VR ระดับสูง Mark Zuckerberg ยังพูดถึงแว่นต้นแบบอีกตัวคือ Project Nazare เป็นแว่น AR ลักษณะคล้ายแว่นติดกล้อง Ray-Ban Stories ที่เปิดตัวไปแล้ว แต่เป็นแว่น AR สมบูรณ์แบบคือแสดงภาพบนจอแว่นได้ด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีภาพของ Project Nazare ให้ดูกัน แต่มีสาธิตภาพที่มองเห็นผ่านแว่น จะเป็นการแสดงกราฟิกขึ้นมาทับบนโลกจริง (เหมือน HoloLens) เพื่อให้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ผ่านเกมโซเชียลร่วมกันได้
ที่มา - UploadVR
|
# หัวเว่ยเปิดเกมรุก ส่งสมาร์ทดีไวซ์หลายกลุ่มผลิตภัณฑ์เจาะตลาดไทย มุ่งตอบโจทย์คนยุคใหม่ในทุกสถานการณ์
ปลายปีนี้หัวเว่ยส่งสมาร์ทดีไวซ์ลงชิงพื้นที่ตลาดในประเทศไทยกันแบบคึกคักและครบครัน ซึ่งหลายคนอาจจะได้เห็นกันไปแล้วในงานเปิดตัวครั้งใหญ่อย่าง HUAWEI APAC Autumn Product Launch Event ที่เพิ่งผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI nova 9, HUAWEI MateBook 14s, HUAWEI WATCH GT 3 Series และ HUAWEI Vision S
นับได้ว่าประกาศเปิดเกมรุกเต็มตัว พร้อมชูจุดแข็งของแบรนด์ด้วยการมี “อีโคซิสเต็ม” ที่ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อถึงกันได้อย่างครบวงจรตามกลยุทธ์ “ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดอัจฉริยะแห่งโลกอนาคต รองรับการใช้งานทุกสถานการณ์ ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละดีไวซ์ที่ปล่อยออกมามีทีเด็ดอะไร ที่ทำงานเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว และแน่นอนว่าทั้งเสริมศักยภาพด้านการทำงาน เติมเต็มไลฟ์สไตล์ได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมการดูแลสุขภาพที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้
ยกระดับประสบการณ์การทำงานแบบไร้รอยต่อด้วย HUAWEI MateBook 14s พร้อมเป็นตัวช่วยสำคัญในการรังสรรค์ภาพถ่ายแบบเหนือระดับกับ HUAWEI nova 9
HUAWEI nova 9 ที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการ EMUI 12.0 ตอกย้ำการทำงานร่วมกันระหว่างดีไวซ์แบบ “ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ” ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Device+ Smart Collaboration ที่จะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นอย่าง HUAWEI MateBook 14s ได้อย่างง่ายดาย ด้วยขุมพลังใหม่ 11th Gen Intel® Core™ H-Series รับรองมาตรฐานการออกแบบเทคโนโลยี Intel® Evo™ Platform Certification1 ที่โดยทั่วไปจะถูกใช้งานในพีซีสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ทำให้ HUAWEI MateBook 14s มาพร้อมความสามารถในการทำงานหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน และมีหน้าจอทัชสกรีนแบบ HUAWEI FullView Display ที่คมชัดด้วยความละเอียดสูงถึง 2.5K จะตัดต่อวิดีโอและประชุมออนไลน์ไปพร้อมกันก็เห็นภาพคมชัดได้แบบไม่มีสะดุด รับรองถูกใจสาย VLOG เพราะผู้ใช้งานสามารถแชร์คลิปวีดีโอจาก HUAWEI nova 9 ภาพคมชัดระดับ 4K ผ่าน Distributed File System ที่เปลี่ยน HUAWEI nova 9 ให้เป็นเสมือน USB ไดรฟ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเมื่อเชื่อมต่อกับ HUAWEI MateBook 14s
หรือยังสามารถตัดต่อคลิปด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แบบมืออาชีพผ่านแอปพลิเคชัน Petal Clip ที่มีมาพร้อมใน HUAWEI nova 9 ได้เลย ตัดต่อเสร็จง่ายในชั่วพริบตาเดียว เท่านั้นยังไม่พอ HUAWEI MateBook 14s ยังรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันมือถือบนแล็ปท็อป ผ่านการใช้งาน HUAWEI Mobile App Engine ที่ผู้ใช้งานจะได้ทดลองใช้งานเวอร์ชันเบต้าบนแล็ปท็อปกับ PC AppGallery เร็วๆ นี้
1เฉพาะรุ่น 11th Gen Intel® Core™ i7H RAM 16 GB และ ROM 1 TB
เอาใจสายสุขภาพมอนิเตอร์ร่างกายได้ตลอดวันด้วย HUAWEI WATCH GT 3 series ผ่าน HUAWEI Health ใน HUAWEI nova 9
เทรนด์ของการออกกำลังกายยังคงมาแรงไม่หยุดในยุคนี้ โดยล่าสุดหัวเว่ยได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ HUAWEI GT 3 series ที่มาพร้อมโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมด ยกระดับการวิ่งอย่างมืออาชีพด้วย AI Running Coach และเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 5.0+ ทำให้สามารถตรวจวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และยังตรวจวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) 2 ได้ด้วย ซึ่งหัวเว่ยก็จัดเต็มอำนวยความสะดวกให้สายสุขภาพ ได้มอนิเตอร์ระบบร่างกายของเราสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันมากยิ่งขึ้น ผ่าน HUAWEI Health ใน HUAWEI nova 9 ตัวช่วยตรวจวัดสุขภาพได้อย่างแม่นยำ 3 เพิ่มเติมมาทั้งการวิเคราะห์สุขภาพการนอน อุณหภูมิร่างกายในขณะนั้น ไปจนกระทั่งติดตามผลการออกกำลังกายในแต่ละวัน พร้อมให้คำแนะนำได้อย่างชาญฉลาด
นอกจากด้านสุขภาพแล้ว HUAWEI WATCH GT 3 series ยังมาพร้อมลูกเล่นการเชื่อมต่อการถ่ายภาพกับ HUAWEI nova 9 ได้อย่างสะดวกสบาย โดยสามารถสั่งการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพระยะไกลด้วยฟังก์ชัน Remote Shutter4 จากในสมาร์ทวอทช์ เชื่อมต่อไปยังสมาร์ทโฟน เก็บภาพระดับโปรได้ได้ง่ายๆ จากข้อมือเรา
2ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หมายถึง ส่วนของฮีโมโกลบินที่อิ่มตัวด้วยออกซิเจนโดยเทียบกับฮีโมโกลบินทั้งหมดในเลือด ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น
3ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่เครื่องมือทางการแพทย์ ข้อมูลและผลการวัดมีไว้สําหรับอ้างอิงเท่านั้นและไม่สามารถใช้เป็นพื้นฐานสําหรับการวินิจฉัยและการรักษา
4ฟังก์ชันนี้ใช้ได้กับนาฬิกา HUAWEI WATCH 3 บางรุ่นเท่านั้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นอุปกรณ์และเวอร์ชันซอฟต์แวร์ที่รองรับคุณสมบัตินี้ โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ HUAWEI โทร 1800010111
เปิดประสบการณ์ “ขั้นกว่า” ขยายโลกแห่งการวิดีโอคอลจาก HUAWEI nova 9 ไปสู่ HUAWEI Vision S เพียงปลายนิ้วสัมผัส
ยกระดับประสบการณ์บันเทิงและไลฟ์สไตล์ให้ทุกครัวเรือน ให้คุยวิดีโอคอลแบบจอใหญ่เต็มตาด้วยความละเอียด 1080P บน HUAWEI Vision S สมาร์ทวิชันจออัจฉริยะใหญ่เต็มตาขนาด 55 นิ้ว และ 65 นิ้ว พร้อมอินเทอร์เฟซโฉมใหม่กับ HarmonyOS และกล้อง Magnetic Camera ความละเอียด 13 MP หมุนได้ 180 องศา ทำให้การพูดคุยผ่านกล้องลื่นไหล คมชัด โดยเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน HUAWEI nova 9 ได้ง่ายๆ ผ่าน HUAWEI MeeTime และยังสามารถแคสหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นไปแสดงบน HUAWEI Vision S ได้ผ่าน OneHop Projection 5 เพียงแตะสมาร์ทโฟนลงบนไอคอน HUAWEI Share บนรีโมตคอนโทรลของ HUAWEI Vision S ก็มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อภายในอีโคซิสเต็มได้อย่างลื่นไหล
5การแคสจอแบบ OneHop Projection รองรับการใช้งานกับหัวเว่ยสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่มี NFC และใช้ EMUI 9.1 ขึ้นไป โปรดอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ย
ทั้งหมดนี้ HUAWEI MateBook 14s วางจำหน่ายแล้ว กับราคาเริ่มต้นที่ 40,990 บาท พิเศษสำหรับโปรโมชันพรีออเดอร์ รับฟรี! หูฟังไร้สายระดับโปรฯ HUAWEI FreeBuds Pro มูลค่า 5,499 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึง 12 พฤศจิกายน 2564 ทางเว็บไซต์ HUAWEI Store รวมถึงหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และเตรียมพบกับ HUAWEI nova 9, HUAWEI WATCH GT 3 Series และ HUAWEI Vision S ที่เตรียมเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้แน่นอน
นอกจากนี้พิเศษสุดสำหรับใครที่สนใจ HUAWEI Vision S สามารถลงทะเบียนเพื่อรับคูปองส่วนลดสูงสุด 3,000 บาท6 ได้ก่อนใครผ่านทางเว็บไซต์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึง 30 พฤศจิกายน 2564 และสามารถติดตามข่าวสารอัปเดตก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH
6เงื่อนไขและรายละเอียดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
พิเศษสุด! HUAWEI Experience Store ฉลองครบรอบ 10 ปี มาพร้อมกับโปรโมชันสุดพิเศษมอบส่วนลดมูลค่า 1,000 บาท สำหรับผลิตภัณฑ์อีกหลายรุ่น อย่าง HUAWEI MateBook D15 i5 (8 + 256GB) ราคา 18,990 บาท HUAWEI MateBook D15 i3 (8 + 256GB) ราคา 15,990 บาท HUAWEI nova 8i (8 + 128GB) ราคา 8,990 บาท และ HUAWEI WATCH GT 2 Pro ราคา 7,990 บาท และยังมีโปรโมชันราคาพิเศษพร้อมของสมนาคุณอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึง 30 พฤศจิกายน 2564 ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store ทุกสาขา โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันได้ที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น หัวเว่ยยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับแฟนหัวเว่ยไปอีกขั้นกับแคมเปญ HUAWEI Service Carnival ที่มาพร้อมแนวคิด "Always HUAWEI, Always new" ที่ผู้ใช้หัวเว่ยสามารถนำอุปกรณ์หัวเว่ยเครื่องเก่าไป “เปลี่ยนให้เหมือนใหม่” ได้
ทั้งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคาเริ่มต้น 599 บาท7 รับส่วนลดค่าอะไหล่และหน้าจอและฝาหลังสูงสุด 50%8 ขยายระยะเวลาการรับประกันอุปกรณ์หัวเว่ย 90 วัน9 อัปเกรดพื้นที่ความจำสูงสุดถึง 200 GB เริ่มต้นเพียง 9 บาท10 รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ HUAWEI Care11 และกดรับคูปองเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมรับสิทธิ์ลุ้นของระลึก เป็นต้น โดยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านทาง HUAWEI Service Center ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึง 30 ธันวาคม 2564 สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมได้ที่นี่
7สงวนสิทธิ์เฉพาะผลิตภัณฑ์บางรุ่น
8สงวนสิทธิ์เฉพาะผลิตภัณฑ์บางรุ่น ราคาส่วนลดนี้เป็นราคาเฉพาะราคาอะไหล่เท่านั้น ไม่รวมค่าบริการซ่อม
9สงวนสิทธิ์เฉพาะผลิตภัณฑ์บางรุ่น
10สามารถใช้ได้กับ HUAWEI ID ที่ไม่เคยใช้สมัครใช้งานพื้นที่เก็บความจำ HUAWEI Mobile Cloud มาก่อน และสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ใช้งาน HUAWEI ID ที่ลงทะเบียนใช้งานในประเทศไทยเท่านั้น
11ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HUAWEI Care ที่นี่
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขการซื้อผลิตภัณฑ์หัวเว่ย
ข้อเสนอพิเศษของ HUAWEI Vision S ที่นี่
การพรีออร์เดอร์ HUAWEI MateBook 14s ที่นี่
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
|
# AWS เปิดตัว Babelfish ระบบแปลงให้ PostgreSQL ใช้แทน SQL Server เต็มตัว พร้อมเปิดเป็นโอเพนซอร์ส
เมื่อปีที่แล้ว AWS เปิดตัวโครงการ Babelfish for PostgreSQL ตัวแปลงให้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับ Microsoft SQL Server สามารถเชื่อมกับฐานข้อมูล PostgreSQL ได้เพื่อประหยัดค่าไลเซนส์ ตอนนี้โครงการก็เข้าสถานะ GA ให้ทุกคนใช้งาน พร้อมกับโครงการโอเพนซอร์สออกมาพร้อมกัน
Babelfish รับผิดชอบการแปลงโปรโตคอล 3 ระดับ ได้แก่
ตัวโค้ด SQL เอง แม้ SQL จะเป็นมาตรฐานแต่ในความเป็นจริงการอิมพลีเมนต์ก็มีความแตกต่างกัน เช่น ชนิดข้อมูล, ฟังก์ชั่นและโอเปอร์เรเตอร์ที่มีไม่เท่ากันหรือบางครั้งก็ทำงานไม่เหมือนกัน
ภาษา T-SQL ที่เป็นส่วนขยายจาก SQL เฉพาะของไมโครซอฟท์ มีฟีเจอร์หลายอย่างที่ SQL ปกติไม่มี เช่น การประกาศตัวแปร, exceptions, if-else
โปรโตคอล TDS สำหรับการเชื่อมต่อกับไคลเอนต์เดิมที่เชื่อมต่อกับ SQL Server อยู่แล้ว การที่ Babelfish แปลงโปรโตคอลเป็น PostgreSQL ทำให้แอปพลิเคชั่นเดิมๆ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนไดร์เวอร์หรือไลบรารีใหม่
ตัวโครงการแก้ไข PostgreSQL อย่างหนัก มีตั้งแต่แพตช์ตัวฐานข้อมูลเอง โดย AWS ระบุว่าจะพยายามส่งแพตช์เข้าไปยังโครงการ PostgreSQL เองในอนาคต และยังเป็นส่วนขยายของ PostgreSQL อีก 4 ตัวเพื่อรองรับฟีเจอร์ต่างๆ เมื่อรัน PostgreSQL เวอร์ชั่นที่ติดตั้ง Babelfish ตัวฐานข้อมูลจะรองรับการเชื่อมต่อแบบ PostgreSQL เดิมที่พอร์ต 5432 และการเชื่อมต่อ TDS ที่พอร์ต 1433 เหมือน SQL Server
สำหรับผู้ใช้งานผ่านบริการ RDS หลังจากนี้เมื่อเลือกฐานข้อมูลเป็น PostgreSQL เวอร์ชั่น 13.4 ขึ้นไป จะมีตัวเลือก Babelfish ให้เปิดใช้งาน เมื่อเลือกแล้วสามารถใช้ไคลเอนต์ของไมโครซอฟท์ เช่น SSMS เชื่อมต่อเข้าไปเหมือน SQL Server ได้ทันที
ที่มา - AWS, Babelflish
|
# Facebook โชว์ Project Cambria แว่น VR ตัวใหม่ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ Metaverse ขายปีหน้า
Facebook โชว์ภาพแว่นโค้ดเนม Project Cambria ซึ่งเป็นแว่นรุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์ มีฟีเจอร์ระดับสูงอย่าง social presence, color Passthrough, pancake optics รวมถึงการเชื่อมต่อกับ Presence Platform มี passthrough API สำหรับนำภาพวัตถุภายนอกมาแสดงในแว่น (ลักษณะเหมือน HoloLens ของไมโครซอฟท์)
Facebook ประกาศชัดว่า Project Cambria ไม่ใช่ Oculus Quest 3 แต่จับอีกตลาดที่เทคโนโลยีสูงกว่านั้น ราคาแพงกว่า และเป็นแว่นที่เปิดโลกสู่ metaverse ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท กำหนดการเปิดตัว Cambria บอกคร่าวๆ แค่ว่าปีหน้า 2022
ที่มา - Oculus
|
# Meta หรือ Facebook เดิม จะเปลี่ยนตัวย่อซื้อขายหุ้นจาก FB เป็น MVRS มีผลธันวาคมนี้
ยังอยู่ที่ข่าว Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ว่าบริษัทต้องการไปไกลกว่าการเป็นโซเชียลมีเดีย มุ่งสู่โลกเสมือนหรือ Metaverse โดยตัวย่อในการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค จะเปลี่ยนจาก FB เป็น MVRS มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2021 เป็นต้นไป ส่วนโครงสร้างการเงินยังคงเหมือนเดิม
กรณีนี้อาจเทียบได้ว่าคล้ายกับกรณีของกูเกิล ที่ปรับโครงสร้างบริษัทโดยตั้งโฮลดิ้ง Alphabet ขึ้นมา และให้กูเกิลเป็นบริษัทย่อยในนั้น แต่ตัวย่อหุ้นของกูเกิลยังใช้ GOOG เหมือนเดิม และจำนวนหุ้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ผู้อ่าน Blognone ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือติดตามข่าว อาจคุ้นเคยกับการเรียกตัวย่อ FAANG ที่ย่อมาจากชื่อ 5 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่คือ Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google (Alphabet) จึงมีมุกว่าเมื่อ Facebook จะเปลี่ยนเป็น Metaverse ตัวย่อนี้ก็น่าจะสลับเรียงกันใหม่เป็น MANGA แทน
ที่มา: Fast Company และ Money Control
|
# Grand Theft Auto: San Andreas กำลังจะมาในรูปแบบของเกม VR
นอกจากเกม Grand Theft Auto ทั้ง 3 ภาคเก่าที่กำลังจะออกใหม่เป็นรูปแบบ Remaster แล้วนั้น ทาง Oculus ยังมีความร่วมมือกับ Rockstar Games ในการพัฒนาเกม Grand Theft Auto: San Andreas ในรูปแบบของ VR จากทาง Facebook อีกด้วย
รายละเอียดมาจากการถ่ายทอดสดรายการ Facebook Connect ที่ Mark Zuckerberg ประกาศว่าเกมนี้จะถูกนำมาปรับปรุงใหม่อีกครั้งสำหรับการเล่นผ่าน VR โดยเฉพาะ ซึ่ง Mark Zuckerberg กล่าวไว้ในรายการว่า "ผู้เล่นจะได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่กับโลกของเกม Open-world ที่ผมคิดว่าเป็นเกมที่ยอดเยียมที่สุดที่เคยสร้างมาเลย ผ่านรูปแบบของ Virtual Reality"
เกมนี้จะถูกพัฒนาให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Oculus Quest 2 โดยเฉพาะ ซึ่งทาง Oculus blog ได้บอกไว้ว่าเป็นโครงการที่ทำมานานแล้วหลายปี แต่อย่างไรก็ตาม ทาง Oculus ก็ยังไม่มีการแสดงภาพหรือวีดีโอตัวอย่างของเกมใหม่นี้ออกมาแต่อย่างใด
ที่มา - PCGamer
วิดีโอประกาศเปิดตัว Grand Theft Auto: San Andreas VR ในรายการ Facebook Connect จาก GTA Series Videos
|
# Elon Musk สนใจตั้งมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ Texas
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้ทวีตเปรยว่าเขาสนใจตั้งมหาวิทยาลัยใหม่ที่รัฐ Texas ในชื่อ Texas Institute of Technology & Science (สถาบันเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์แห่งเท็กซัส) พร้อมระบุว่าจะมีสินค้าของมหาวิทยาลัยเท่ๆ ด้วย (สถาบันการศึกษามักจะมีเสื้อฮู้ดดี้หรือแจ็คเก็ตที่มีเครื่องหมายสถาบันวางขาย)
การทวีตครั้งนี้จึงเป็นการย้ำว่า Elon ไม่ได้มอง Silicon Valley เป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจด้านเทคโนโลยีอีกต่อไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ของ Tesla จาก Palo Alto รัฐ California ไปที่เมือง Austin รัฐ Texas รวมถึงโรงประกอบและทดสอบจรวดของ SpaceX ก็อยู่ที่รัฐ Texas เช่นกัน ฉะนั้นการตั้งมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีที่ Texas ด้วยจึงไม่แปลกนัก
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่าหากตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาจริงๆ นโยบายการเรียนการสอนจะเป็นอย่างไร เพราะตัว Elon เองก็ไม่ได้สนใจเกรดหรือระดับการศึกษาของคนที่จะเข้าทำงานในบริษัทต่างๆ ของเขาอยู่แล้ว โดยการเข้าทำงานจะถามหลักๆ เพียงแค่ผู้สมัครเคย "แก้ปัญหา" อะไรที่ยากที่สุด แล้วมีวิธีแก้อย่างไร หรือเคยทำอะไรที่ "ยอดเยี่ยม" มาแล้วบ้าง
ที่มา - @elonmusk
ภาพนักศึกษาฝึกงานที่ Tesla | ภาพโดย Tesla
|
# [ลือ] กูเกิลเริ่มพัฒนาชิป Tensor รุ่นที่สองสำหรับ Pixel 7 แล้ว โค้ดเนม Cloudripper
9to5google รายงานว่าพบข้อมูลของชิป Tensor รุ่นที่สอง ที่น่าจะใช้กับ Pixel 7 ในปีหน้าแล้ว โดยชิปตัวนี้ใช้โค้ดเนมว่า Cloudripper และมีรหัสรุ่นคือ GS201
ส่วนชิป Tensor ที่ใช้ใน Pixel 6 ใช้โค้ดเนมว่า Slider (ชื่อโครงการพัฒนาชิปทั้งหมดคือ Whitechapel) มีรหัสรุ่น GS101 แสดงให้เห็นว่ากูเกิลใช้ระบบเพิ่มรหัสรุ่นทีละ 100
ตอนนี้เรายังไม่รู้ข้อมูลอื่นๆ ของ Cloudripper มากนัก และคงต้องรอกันถึงปลายปีหน้า 2022 เลยกว่าจะได้เห็นกัน
ที่มา - 9to5google
|
# Twitter Spaces อัดเสียงฟังย้อนหลังได้แล้ว เริ่มใช้งานบน iOS ก่อน จำกัดโฮสต์แค่บางราย
ถือเป็นฟังก์ชันที่คนรอคอยกันมานานสำหรับการอัดเสียงฟังย้อนหลังใน Twitter Spaces ซึ่งล่าสุดทวิตเตอร์เปิดให้ใช้งานแล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะบนอุปกรณ์ iOS และจำกัดโฮสต์เพียงบางราย
โฮสต์สามารถตั้งคต่าอัดเสียงได้ตั้งแต่เริ่มสร้างห้อง โดยมองเห็นเป็นปุ่มเปิดใช้งานด้านล่างหัวข้อ สามารถเลื่อขวาเพื่อเปิดใช้งานการอัดเสียงได้ ส่วนผู้ใช้งานที่มาฟังย้อนหลังก็สามารถฟังได้ปกติ เลื่อนเวลาไปยังช่วงที่ต้องการได้
ที่มา - ทวิตเตอร์
|
# เอกสารภายในเผย Facebook จ้างวิศวกรไม่ได้ตามเป้า มาร์คผิดหวังมาก ตั้งทีมแก้ไขเร่งด่วน
แม้ Facebook จะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta แล้ว แต่เอกสารตีแผ่เรื่องราวภายในที่หลุดมาก่อนหน้านี้ก็ยังดำเนินต่อไป เอกสารภายในอีกชุดระบุว่า Faceobok เจอปัญหาจ้างคนมาทำงานยาก โดยเฉพาะงานตำแหน่งวิศวกร โดย Facebook ไม่สามารถหาผู้สมัครที่เพียงพอต่อความต้องการด้านวิศวกรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสำนักงานใหญ่ Bay Area
ในเอกสารระบุว่า Facebook จ้างคนไม่ได้ตามเป้าในปี 2019 และปี 2021 ซึ่งทำให้ Mark Zuckerberg ผิดหวังมาก ถึงขั้นสร้างทีมเฉพาะกิจแก้ปัญหาขาดคน ในเอกสารระบุตัวเลขว่า Facebook สรรหาวิศวกรมาทำงานในสำนักงาน Bay-Area ซึ่งกำหนดระดับ IC5 ขึ้นไป ช่วงปลายปี 2020 และต้นปี 2021 พบว่าในปี 2021 มีวิศวกรราวครึ่งหนึ่งที่ยอมรับข้อเสนอ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี 2020 ที่วิศวกร 65% ยอมรับข้อเสนอ
ภาพจากงาน Facebook Connect
ในเอกสารให้เหตุผลว่า ช่วงปี 2020 Facebook ได้ประโยชน์จากการที่หลายบริษัทลดจำนวนการจ้างงานเนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในภาวะโรคระบาด ซึ่งบริษัทเหล่านั้นกลับมามีการเติบโตและใช้เงินลงทุนจ้างคนในแบบเดียวกับที่ Facebook มองหา ซึ่งนอกจากในสำนักงานใหญ่ Bay-Area จะหาวิศวกรมาทำงานยากแล้ว วิศกรที่ทำงานอยู่ก็เจอภาวะกดดันในช่วงไตรมาสแรกปี 2021
ปัญหาที่ Facebook เจอ เรื่องการจ้างวิศวกรยากนั้น เป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกบริษัทเทคโนโลยี ตลาดแรงงานเองก็เติบโตขึ้นอย่างมากในเกือบทุกภาคส่วนในสหรัฐอเมริกาในปีที่ผ่านมา และยังเป็นเรื่องน่าท้าทายอย่างยิ่งสำหรับ Facebook ในการจ้างงานคนหมื่นตำแหน่งในยุโรปมาลุยงาน Metaverse อย่างที่ Facebook ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ที่มา - Protocol
|
# จากการรีแบรนด์เป็น Meta ส่งหุ้นขึ้น แต่เป็นหุ้น Meta Materials บริษัทเทคโนโลยีวัสดุในแคนาดา
เรื่องชื่อบริษัทมีผลมากจริงๆ จากการที่ Facebook รีแบรนด์เป็น Meta ส่งผลให้หุ้นบริษัทอื่นที่ใช้ชื่อเดียวกันขึ้นด้วย โดย Meta Materials บริษัทเทคโนโลยีด้านวัสดุในแคนาดาหุ้นขึ้น โดยหลังจากปิดการซื้อขายในวันพฤหัสบดี หุ้นของ Meta Materials ซึ่งซื้อขายภายใต้ชื่อ MMAT เพิ่มขึ้นมากถึง 25%
George Palikaras ซีอีโอของ Meta Materials โพสต์ทวิตเตอร์เมื่อว่า ขอต้อนรับ @Facebook สู่ #metaverse
กรณีคล้ายๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วคือช่วงที่ Zoom ประสบความสำเร็จช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ คนต้องทำงานจากบ้าน ความนิยมในตัวหุ้นก็เพิ่มขึ้นด้วย และมีความเข้าใจผิด สับสนกับหุ้นอีกตัวที่ชื่อเหมือนกันคือ Zoom Technology (ตัวย่อ ZOOM) ให้บริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ทำให้คนซื้อหุ้นผิดเป็นจำนวนมาก
ภาพจาก Meta Materials
ที่มา - CNBC
|
# เผยรูปหลุด Smart Watch ใหม่ของ Meta (Facebook เก่า) มาพร้อมติ่งกล้องบนหน้าปัด
Bloomberg ไปเจอรูปหลุดที่คาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Meta หรือในชื่อบริษัทเก่าว่า Facebook เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มาพร้อมติ่งกล้องบนหน้าปัดนาฬิกาเลย โดย Bloomberg ไปเจอรูปนี้จากแอปพลิเคชันที่ใช้งานร่วมกับ Ray-Ban Stories หรือแว่นตาอัจฉริยะที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้
ตัวนาฬิกาเป็นหน้าปัดทรงเหลี่ยม มีขนาดใหญ่คล้าย Apple Watch และถ้าพิจารณาจากข่าวหลุดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ระบุว่า Facebook กำลังพัฒนานาฬิกาอัจฉริยะนั้น ตัวนาฬิกาน่าจะมาพร้อมกล้องหน้าที่สามารถใช้สำหรับวิดีโอคอลและมีความละเอียด 1080p รองรับ LTE และเว็บไซต์ The Information รายงานไว้ว่าตัวนาฬิการองรับฟังก์ชันเพื่อสุขภาพอย่างการตรวจจับการออกกำลังกาย การส่งข้อความ เป็นต้น
ที่มา - The Verge
|
# Mark Zuckerberg ยืนยันนั่งเป็นซีอีโอ Meta ต่ออีกนาน ไม่หลบฉากเหมือนผู้ก่อตั้งกูเกิล
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ถึงการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Metaverse นอกจากเหตุผลเรื่องวิสัยทัศน์ใหม่ที่ไปไกลกว่าโซเชียลแล้ว มีประเด็นอื่นที่น่าสนใจดังนี้
เขาคิดเรื่องเปลี่ยนชื่อบริษัทมาตั้งแต่ตอนซื้อ Instagram และ WhatsApp (ราวปี 2012-2014) แล้ว แต่เพิ่งมาเริ่มคิดจริงจังต้นปีนี้ และเริ่มกระบวนการสรรหาชื่อใหม่เมื่อ 6 เดือนก่อน
การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้มีไอเดียมานานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนเพราะหลบหนีปัญหาชื่อเสียงแย่ๆ จากการออกมาแฉของอดีตพนักงานในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เขาอธิบายว่า Meta เป็นการสะท้อนทิศทางใหม่ metaverse-first แทนทิศทางเดิม social-first โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณีของไมโครซอฟท์ ที่เปลี่ยนจาก Windows-first มาเป็น cloud-first
เขายืนยันว่าจะยังนั่งเป็นซีอีโอต่อไปอีกนาน เพราะยังหนุ่มอยู่ ยังมีพลังงานอยู่เยอะ ต่างจากกรณีผู้ก่อตั้งกูเกิล (Larry Page และ Sergey Brin) ที่หลบฉากออกไปหลังตั้ง Alphabet แล้ว
เขาอธิบายว่าจะมีระบบบัญชีกลาง (ยังไม่ระบุชื่อ แต่น่าจะเรียก Meta Account) ลักษณะเดียวกับ Google Account หรือ Apple ID ที่ใช้กับบริการทุกตัวของบริษัทได้ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้บัญชี Facebook/Instagram/WhatsApp ของเดิม หรือจะผูกกับบัญชีกลางอันใหม่ก็ได้ แต่ไม่ได้บังคับใช้ Facebook Account สำหรับบริการอื่นๆ ทุกตัวอีกแล้ว
ที่มา - The Verge
|
# Zendesk ประกาศซื้อกิจการ Momentive เจ้าของแพลตฟอร์ม SurveyMonkey
Zendesk แพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อซื้อกิจการ Momentive เจ้าของ SurveyMonkey โดยใช้วิธีแลกหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้น Momentive 1 หุ้น จะได้หุ้นของ Zendesk 0.225 หุ้น
Mikkel Svane ซีอีโอ Zendesk พูดถึงดีลดังกล่าวว่า SurveyMonkey เป็นแบรนด์ที่โดดเด่น ที่ตลาดให้การยอมรับ การได้ทีมมาร่วมงานกับ Zendesk จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์ม Customer Intelligence ที่มีเครื่องมือครบทุกด้าน
ในสไลด์นำเสนอการซื้อกิจการ Zendesk อธิบายว่า Zendesk คือส่วนที่คอยฟังและทำตามคำขอลูกค้า ส่วน SurveyMonkey ทำหน้าที่ค้นหาความคิดและความรู้สึกของลูกค้า เมื่อรวมกันจึงสามารถประสานเพื่อทำให้เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น
ที่มา: Zendesk
|
# Amazon ไตรมาสล่าสุด กลุ่มธุรกิจ AWS และโฆษณา ยังคงเติบโตสูง
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 12 เดือนย้อนหลัง ลดลง 1% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 54,671 ล้านดอลลาร์ กระแสเงินสดอิสระ 12 เดือนย้อนหลัง 2,552 ล้านดอลลาร์ ยอดขายสุทธิ 110,812 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% และมีกำไรสุทธิ 3,156 ล้านดอลลาร์
Andy Jassy ซีอีโอ Amazon ให้ข้อมูลว่าในไตรมาสปัจจุบัน บริษัทคาดว่าจะมีต้นทุนที่เพิ่มสูงอีกหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน การปรับเพิ่มค่าแรง ไปจนถึงปัญหาซัพพลายเชนสินค้าทั่วโลก ที่ทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น โดยบริษัทพยายามลดผลกระทบนี้ให้มากที่สุดสำหรับลูกค้า เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี
AWS มีรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา 16,110 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39% และมีกำไรจากการดำเนินงานส่วนนี้ 4,883 ล้านดอลลาร์ ส่วนกลุ่ม Other ซึ่งมีรายได้หลักจากโฆษณา รายได้เพิ่มขึ้น 50% เป็น 8,091 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Amazon และ CNBC
|
# ลาก่อนแบรนด์ Oculus ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเปลี่ยนชื่อเป็น Meta มีผลต้นปี 2022
สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook เป็น Meta บริษัทก็ประกาศเลิกใช้แบรนด์ Oculus และเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ Meta แทน
Andrew Bosworth หัวหน้าฝ่าย AR/VR ที่เรียกว่า Facebook Reality Labs ประกาศแนวทางการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ดังนี้
ชื่อทีมของเขาคือ Facebook Reality Labs เปลี่ยนมาเป็น Reality Labs เฉยๆ
แบรนด์ Oculus ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น Meta เช่น แว่น Oculus Quest เปลี่ยนเป็น Meta Quest, แอพ Oculus App เปลี่ยนเป็น Meta Quest App เริ่มมีผลต้นปี 2022
บริการโซเชียลในเครือ Oculus จะใช้แบรนด์ Horizon แทน เช่น Horizon Home, Horizon Venues, Horizon Friends
อุปกรณ์วิดีโอคอลล์ Facebook Portal เปลี่ยนชื่อเป็น Meta Portal
Bosworth ยังประกาศข่าวดีว่า การใช้งานแว่น Quest จะไม่บังคับล็อกอินบัญชี Facebook อีกแล้ว โดยจะมีผลในปีหน้า
ที่มา - Andrew Bosworth
|
# Apple ไตรมาสล่าสุด ยอดขายรวมโต 29% ทำสถิติใหม่สูงสุดของไตรมาสกันยายน
แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 25 กันยายน 2021 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 29% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนเป็น 83,360 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดประจำไตรมาสเดือนกันยายน โดยมีกำไรสุทธิ 20,551 ล้านดอลลาร์
iPhone ขายได้รวม 38,868 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน Mac ขายได้ 9,178 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.6% (สถิติสูงสุด) iPad 8,252 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% กลุ่มสินค้า Wearables, Home and Accessories 8,785 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% และกลุ่มธุรกิจ Services รายได้ 18,277 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% (สถิติสูงสุด)
ประเด็นอื่นที่น่าสนใจจากช่วงแถลงผลประกอบการ โดยซีอีโอ Tim Cook และซีเอฟโอ Luca Maestri มีดังนี้
ผลกระทบจากชิปขาดแคลน ตลอดจนปัญหาโควิด 19 ที่กระทบการผลิต ทำให้แอปเปิลเสียโอกาสจากยอดขายถึง 6 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา และมองว่าปัญหานี้ยังมีอยู่ในไตรมาสปัจจุบัน
สินค้าที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในไตรมาสธันวาคมคือ iPad
ยอดขายเติบโตในทุกภูมิภาคทั่วโลก
แอปเปิลมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 1.91 แสนล้านดอลลาร์
จำนวนลูกค้าที่จ่ายเงินให้ Subscription บนแพลตฟอร์มมีจำนวน 745 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นมา 160 ล้านบัญชี เทียบกับ 12 เดือนที่แล้ว
ที่มา: แอปเปิล, CNBC และ MacRumors
|
# Oculus เปิดตัว Presence Platform ชุดเครื่องมือสร้างโลกเสมือน
Oculus ภายใต้ Meta ชื่อใหม่ของเฟซบุ๊ก ประกาศเปิดตัว Presence Platform แพลตฟอร์มพัฒนาโลกเสมือน รวมเอาความสามารถของ API หลายตัวที่ Oculus เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้เป็นชุดเดียวกัน ตอนนี้มีชุด SDK ประกอบกันได้แก่
Insight SDK: ชุดสร้างโลกผสมระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกเสมือน เช่น Passthrough API สำหรับแสดงภาพผสมระหว่างภาพจริงและภาพกราฟิกใน VR, Spatial Anchors สำหรับการล็อควัตถุเสมือนเข้ากับวัตถุในโลกความเป็นจริง, Scence Understanding สำหรับการจับวัตถุในโลกความเป็นจริงและแสดงในโลกเสมือนได้อย่างกลมกลืน
Interaction SDK: ชุดควบคุมในโลกเสมือนทั้งการใช้มือเปล่าหรือคอนโทรลเลอร์
Tracked Keyboard SDK: ชุดพัฒนาคีย์บอร์ด
Voice SDK: สำหรับการตอบโต้กับเกมหรือแอปพลิเคชั่นโดยไม่ต้องพิมพ์ มีฟีเจอร์มากกว่าการแปลงเสียงเป็นข้อความ เช่น Voice Drive Gameplay สำหรับอ่านเสียงร่ายเวทย์ หรือคุยกับตัวละครในเกม
ในบรรดาชุดพัฒนาทั้งหมด คาดว่า Passthrough API จะปล่อยรุ่นเสถียรออกมาในเดือนหน้าพร้อมใช้งานจริง ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็จะอัพเดตออกมาเรื่อยๆ ตัวแอปพลิเคชั่นตัวอย่างน่าจะเริ่มมีให้ต้นปีหน้า
ที่มา - Oculus
|
# เฟซบุ๊กเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta แสดงตัวตนว่ามีบริการอื่นนอกจากสื่อสังคมออนไลน์
เฟซบุ๊กประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ว่าจะเป็นบริษัทสำหรับให้บริการโลกเสมือน (metaverse) ที่มีบริการอื่นๆ นอกจากสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก โดย Mark Zuckerberg ระบุว่าคำว่า meta มาจากภาษากรีกที่แปลว่า "ไกลไปกว่า" (beyond) และบริษัทเฟซบุ๊กเองก็กำลังไปไกลกว่าข้อจำกัดของหน้าจอ หรือข้อจำกัดของระยะทาง
แนวทางการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta ยังแปลว่าบริการอื่นๆ ไม่ต้องผูกกับเฟซบุ๊กเสมอไป บริการใหม่ๆ หลังจากนี้จะไม่ต้องการบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กเพื่อใช้งาน
ตอนนี้เฟซบุ๊กจดโดเมน meta.com ไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ทำอะไรนอกจาก redirect เข้าไปยังเฟซบุ๊กเฉยๆ
ที่มา - Facebook, จดหมายเปิดผนึกจาก Mark Zuckerberg
|
# ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด Sony รายได้รวมโตจากธุรกิจ เกม เพลง และ Sony Pictures
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส สิ้นสุดเดือนกันยายน 2021 ยอดขายรวม 2.37 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ปัจจัยหลักจากธุรกิจเกม Sony Pictures และเพลง กำไรสุทธิ 2.83 แสนล้านเยน
เกมเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีรายได้สูงสุดในไตรมาสนี้ 6.45 แสนล้านเยน PS5 ขายได้อีก 3.3 ล้านเครื่อง แต่เฉพาะส่วนของ PS5 นั้น โซนี่ยอมรับว่าขาดทุนในการขายแต่ละเครื่อง
ธุรกิจเพลงรายได้เพิ่มขึ้น 18% โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากสตรีมมิ่งที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจภาพยนตร์ Sony Pictures รายได้เพิ่มขึ้น 40% จากผลงานที่ผลิตออกมามากขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการ Crunchyroll และรายได้จากโฆษณาในประเทศอินเดีย
กลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ รายได้เพิ่มขึ้น 9% จากอัตราแลกเปลี่ยนและยอดขายสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนกล้อง รายได้ลดลง 9% โดยแม้มีจำนวนส่งมอบเพิ่มขึ้น แต่ราคาต่อหน่วยลดลง
ที่มา: โซนี่ (pdf)
|
# ซีอีโอ Activision Blizzard ประกาศลดเงินเดือน จนกว่าจะแก้ปัญหาคุกคามและความเท่าเทียมในที่ทำงานสำเร็จ
จากปัญหาภายใน Activision Blizzard เรื่องประเด็นคุกคามทางเพศ ล่าสุดซีอีโอ Bobby Kotick ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเพื่อแสดงจุดยืน และแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมี 5 ข้อที่จะทำ ได้แก่ การไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์คุกคามทุกประเภท, เพิ่มจำนวนพนักงานเพศหญิงและนอน-ไบนารีเป็น 50%, งดการเจรจายอมความคดีล่วงละเมิด, การจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียม และจะมีการรายงานความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ซีอีโอยังประกาศว่าบอร์ดได้อนุมัติตามคำขอเพื่อลดเงินเดือนและผลตอบแทนเขาลง เหลือ 62,500 ดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย (ปีที่แล้วผลตอบแทน Kotick อยู่ที่ 155 ล้านดอลลาร์) โดยมีผลไปจนกว่าเขาจะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดตามที่ประกาศข้างต้น
ผลกระทบล่าสุดของ Activision Blizzard จากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้า คือการยกเลิกงาน BlizzCon 2021 จากแผนเดิมที่จะจัดแบบออนไลน์
ที่มา: Activision Blizzard ผ่าน The Verge
|
# VALORANT แบนโปรเพลเยอร์ไทย Doomsday เนื่องจากใช้โปรระหว่างเล่นโหมดแรงค์
ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการ VALORANT Esport ทั่วโซน SEA เมื่อ "Doomsday" อดีตโปรเพลเยอร์ไทยจากทีม Sainuahualouis โดน Riot Games และ FPSThailand แบนการแข่งขัน 12 เดือน เนื่องจากตรวจพบว่ามีการใช้โปรแกรมช่วยเล่นระหว่างซ้อมในโซนเอเชีย
สำหรับต้นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ใน Discord เซิฟเวอร์ VALORANT SCRIM ASIA ซึ่งเป็นที่หาทีมซ้อมของผู้เล่นระดับโปรเพลเยอร์ มีผู้เล่นคนหนึ่งได้แจ้งรายงานต่อแอดมินภายในแชนแนล #support-feedback ว่าระหว่างการฝึกซ้อมในโหมด Competitive โปรแกรมตรวจจับการโกงของ Riot ที่เรียกว่า Vanguard ได้แจ้งเตือนว่ามีผู้เล่นภายในห้องซ้อมใช้โปรแกรมช่วยเล่น ซึ่งในรายงานมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่ากำลังฝึกซ้อมกับผู้เล่นไอดีชื่อ SNH DRAKENZ#Frupy ที่มาจากทีม Sainuahualouis ทีมแอดมินจึงได้ติดต่อไปยังผู้เล่นไอดีดังกล่าวและพบว่า Doomsday ได้ยืมไอดีเพื่อนมาใช้แข่งและถูกโปรแกรม Vanguard ดักจับในที่สุด
ต่อมา Riot Games ได้รับเรื่องนี้มาและทำการสืบสวนเพิ่มเติมเนื่องจาก Doomsday เคยเข้าแข่งขัน VCT Stage 3 Open Qualifiers Thailand ซึ่งเป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการของ VALORANT ในที่สุดได้มีการออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า มีความผิดจริงตามกฎของคอมมูนิตี้ในฐานการใช้โปรแกรมช่วยเล่นและลงโทษด้วยการแบนไม่ให้ลงแข่ง VAROLANT ในทุกรายการทั้งไทยและต่างประเทศเป็นเวลา 12 เดือน
ซึ่งในขณะที่เกิดเรื่อง ทีม Sainuahualouis ได้เข้าแข่งขันรายการ FPSThailand VALORANT Series : Season 1 อยู่ โดยผู้เล่นคนดังกล่าวได้เข้าร่วมแข่งขันด้วย ทำให้ทาง FPSThailand แบนผู้เล่นคนดังกล่าวด้วยเช่นกัน และทำการปรับแพ้แมพที่ทีม Sainuahualouis เคยชนะในช่วงที่ Doomsday เข้าแข่งทั้งหมด ส่วนทีม Sainuahualouis ยังคงสามารถเข้าแข่งขันได้ตามปกติ
ส่วน ใส่นัว Esports ต้นสังกัดของทีมก็ได้ออกมาแถลงว่าขอยุติบทบาท Doomsday และจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เล่นคนดังกล่าวอีกต่อไป
ที่มา : VALORANT, Facebook FPSThailand.com
|
# ขายดีแค่ไหน ของก็ไม่เคยพอ PS5 ประกาศยอดขาย 13.4 ล้านเครื่อง
Sony ประกาศยอดขาย PS5 ในไตรมาส 3/2021 ทำได้ 3.3 ล้านเครื่อง (เพิ่มขึ้น 1 ล้านเครื่องจากยอดขายไตรมาส 2/2021) ทำให้ยอดขายรวมของ PS5 ตอนนี้อยู่ที่ 13.4 ล้านเครื่อง
ส่วนยอดขายของ PS4 ก็ลดลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ในไตรมาส 3/2021 ขายได้ 2 แสนเครื่อง ถ้าเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (3/2020) ยังขายได้ถึง 1.5 ล้านเครื่อง
ยอดขายเกม (นับรวมกันทั้ง PS4/PS5) อยู่ที่ 76.4 ล้านชุด ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน, สมาชิก PlayStation Plus 47.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และฐานผู้เล่นบน PlayStation Network 104 ล้านคนต่อเดือน ลดลงเล็กน้อย
Sony ยอมรับว่ายังขาดทุนกับการขายเครื่อง PS5 แบบต่ำกว่าต้นทุนจริง แต่ภาพรวมธุรกิจเกมยังมีกำไร เพราะมีกำไรจากการขายซอฟต์แวร์เกมและคอนเทนต์มาชดเชย
ที่มา - Eurogamer, VentureBeat
|
# Samsung ไตรมาส 3/2021 รายได้เติบโตทำสถิติ จากธุรกิจชิ้นส่วน หน่วยความจำ-ซีพียู-หน้าจอ
ซัมซุงรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 รายได้รวมทำสถิติสูงสุดประจำไตรมาส 3 ที่ 73.98 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 26% เป็น 15.82 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิ 12.29 ล้านล้านวอน
ซัมซุงบอกว่าปัจจัยบวกที่สำคัญมาจากธุรกิจชิ้นส่วน ทั้ง หน่วยความจำ ชิป และหน้าจอ ที่มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4
ธุรกิจสมาร์ทโฟนก็เติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซัมซุงบอกว่ามาจากความต้องการสูงในสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ตลอดจนสมาร์ทโฟนราคาต่ำ-กลาง รวมทั้งแท็บเล็ตและอุปกรณ์สวมใส่
ที่มา: ซัมซุง
|
# แกะกล่องตู้เย็น Xbox Mini Fridge จากแบรนด์ผู้ผลิตตู้เย็น Ukonic
จากการที่ Microsoft เปิดให้มีการสั่งจองล่วงหน้าสำหรับ Xbox Mini Fridge วันนี้ก็มีวิดีโอแกะกล่อง (ที่น่าจะเรียกว่า "พรีวิว") มาให้ชมกัน ซึ่งเป็นวิดีโอจาก Ukonic ที่เป็นผู้ผลิต Xbox Mini Fridge ให้กับ Microsoft โดยตรง
อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องประกอบด้วย Xbox Mini Fridge, สายไฟ, ตัวแปลงสำหรับต่อไฟจากที่จุดบุหรี่ในรถยนต์, และคู่มือเล็กๆ 1 เล่ม
ส่วนฟีเจอร์หรือลูกเล่นต่างๆ มีดังนี้
ชั้นวาง 2 ชั้นด้านใน และชั้นเล็กๆ ติดกับฝาหน้าสามารถถอดออกได้
ไฟสีขาวบริเวณสัญลักษณ์ Xbox และไฟสีเขียวบริเวณช่องระบายอากาศด้านบน สามารถเปิด/ปิดได้จาก 2 ปุ่มเล็กๆ ด้านหน้า
พอร์ต USB แบบ Type A ที่สามารถใช้ชาร์จไฟอุปกรณ์ต่างๆ ได้ จำนวน 1 พอร์ตบริเวณมุมล่างขวาของฝาหน้า
ที่มา: พบเองจาก Youtube
|
# Sony เริ่มใช้เครื่องหมายการค้า PlayStation PC เพื่อวางขายเกมบนพีซีแล้ว
เว็บไซต์ VGC ระบุว่าเกมที่พอร์ตจาก PlayStation มาลงพีซีบางเกม เช่น Days Gone เริ่มเปลี่ยนชื่อบริษัทผู้จัดจำหน่ายบน Steam จาก PlayStation Mobile, Inc. มาเป็น PlayStation PC LLC แล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Corporation Wiki ระบุว่าชื่อ PlayStation PC LLC ถูกจดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 เมษายนของปีนี้ เป็นอีกหลักฐานที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า Sony หันมาเอาจริงเอาจังกับการพอร์ตเกมบน PlayStation มาลง PC แบบเต็มที่
ก่อนหน้านี้ Sony ซื้อสตูดิโอเกม Nixxes ที่เชี่ยวชาญด้านการพอร์ตเกมไปเมื่อเดือนกรกฎาคม และล่าสุดก็เตรียมนำ Uncharted 4 และ God of War อดีตเกมเอ็กซ์คลูซีฟเจ้าของรางวัลมากมายมาลงขายทั้งบน Steam และ Epic Games Store
Shawn Laden อดีตหัวหน้า PlayStation Studios ให้เหตุผลไว้ในการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าการพอร์ตเกมมาลงพีซีมากขึ้น น่าจะเป็นไปเพื่อขยายฐานลูกค้า แต่จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อลูกค้าเหนียวแน่นของ PlayStation ในระยะยาวหรือไม่ คงต้องติดตามต่อไป
ที่มา - VGC
|
# Raspberry Pi เปิดตัว Raspberry Pi Zero 2 W ราคา 15 ดอลลาร์สหรัฐ
วันนี้ทาง Raspberry Pi ได้เปิดตัว Raspberry Pi Zero 2 W ใน โดยพัฒนาต่อจากรุ่นเดิมคือ Raspberry Pi Zero W หลังจากที่วางขายมานานกว่า 5 ปี
โดยมีสเปคดังนี้
CPU: Broadcom BCM2710A1, quad-core 64-bit SoC (Arm Cortex-A53 @ 1GHz)
เนื้อที่: 512MB LPDDR2 SDRAM
2.4GHz IEEE 802.11b/g/n wireless LAN, Bluetooth 4.2, BLE
1 × USB 2.0 interface with OTG
รองรับ MicroSD card
รองรับ Mini HDMI
40-pin GPIO header
Composite video and reset pin solder points
CSI-2 camera connector
รองรับการถอดรหัส H.264, MPEG-4 (1080p30); และเข้ารหัส H.264 (1080p30)
OpenGL ES 1.1, 2.0 graphics
ความแตกต่างจากรุ่นเดิมคือ เปลี่ยน CPU มาใช้ Broadcom BCM2710A1, quad-core 64-bit SoC จากเดิมที่เป็น single-core ARMv6 CPU (BCM2835) โดยวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา 15 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนั้นทาง Raspberry Pi ได้ตอบคำถามท้ายประกาศว่า Raspberry Pi Zero 2 W จะไม่มีรุ่นแรม 1 GB SDRAM วางจำหน่ายเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต SDRAM ที่เป็นเรื่องท้าทาย และทาง Raspberry Pi จะยังคงวางจำหน่าย Raspberry Pi Zero รุ่นเก่าต่อไป
ที่มา: Raspberry Pi News
|
# สิงคโปร์เปิดให้ใช้แอป SingPass เพื่อติดต่อราชการแทนบัตรประชาชนตัวจริงแทบทุกกรณี
สิงโปร์ประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบบัตรประชาชนจากหน้าจอแอป SingPass แทนการขอตรวจสอบบัตรประชาชนตัวจริงได้แทบทุกกรณี เหลือเพียงบางกรณีที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริง เช่น การจดทะเบียนสมรส หรือการลงทะเบียนเข้าพักโรงแรมที่ต้องรอการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ประกาศครั้งนี้มีผลทำให้แอป SingPass ใช้งานกับบริการออฟไลน์ได้ด้วย จากเดิมที่แอปมีหน้าที่ยืนยันตัวตนสำหรับบริการออนไลน์เท่านั้น และสิงคโปร์พยายามย้ายบริการภาครัฐหลายอย่างเป็นบริการออนไลน์ล้วนมาแล้ว เช่น บริการแจ้งเกิด หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับทะเบียนราษฎร์ทั้งหลาย
การแสดงตัวที่จุดบริการภาครัฐ, การเข้ารับบริการทางการแพทย์, และการยืมคืนหนังสือในห้องสมุดจะสามารถแสดงหน้าจอ SingPass ได้แทนทันที โดยหน้าจอ SingPass เวอร์ชั่นใหม่จะมีหน้าจอแสดงข้อมูลพื้นฐานเฉพาะ ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, และรูปถ่าย และหน้าจอแสดงข้อมูลเต็ม ที่เพิ่มข้อมูล เพศ, สัญชาติ, วันเกิด, ที่อยู่ หรือหากเป็นผู้พำนักแบบถือใบอนุญาตทำงานก็จะมีชื่อนายจ้างด้วย ตัวหน้าจอป้องกันการปลอมแปลงด้วยโลโก้แบบภาพเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการจับภาพหน้าจอไปปลอมแปลง
ตอนนี้มีการใช้งาน SingPass ครอบคลุม 97% ของประชากรและผู้พำนักถาวรในสิงคโปร์ รวม 3.2 ล้านคนและมีการทำธุรกรรมทั้งแบบบุคคลและนิติบุคคลถึงปีละ 300 ล้านครั้ง
ที่มา - GovTech
|
# Expense Summary ฟีเจอร์ใหม่จาก MAKE by KBank ตัวช่วยจัดการเงิน จัด จ่าย จด ในที่เดียว
ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นผลงานสำคัญของ KBTG ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินหลากหลายรูปแบบที่ใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตของคนทั่วไป ทั้งขุนทอง แชทบอทช่วยเก็บเงินจากกลุ่มเพื่อนผ่านไลน์, Eatable แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกให้คนทำธุรกิจร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ที่จับกลุ่มวัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจัดการเงินในรูปแบบของกระเป๋าออนไลน์ไม่จำกัด มองเห็นพฤติกรรมการเงิน และวางแผนการเงินของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา MAKE สามารถสร้างยอดดาวน์โหลดรวมกันได้ถึง 200,000 ครั้ง และมีผู้สมัครใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไม MAKE จึงกลายเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินที่ประสบความสำเร็จ และชนะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ และวัยรุ่น โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีนับจากวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
การจะตอบคำถามนี้ได้ก็ต้องพาย้อนกลับไปถึงคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน MAKE ของ KBTG ที่ตั้งใจให้แอปพลิเคชันนี้อยู่ตรงกลางระหว่างการเป็น Mobile Banking และตัวช่วยบริหารจัดการเงิน สามารถทำได้ทั้งการทำธุรกรรมทางการเงิน สแกนจ่าย โอนเงิน ไปพร้อมๆ กับการเป็นตัวช่วยจัด จ่าย จด จัดการเงินอย่างลงตัวในที่เดียว แถมยังได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% สำหรับเงินฝากจำนวน 100,000 บาทแรกอีกด้วย
คำว่า จัด จ่าย จด มีที่มาจากฟีเจอร์สำคัญของแอปพลิเคชัน Make by KBank ซึ่งได้แก่
จัดสรรเงินเป็นสัดส่วนด้วยฟีเจอร์ Cloud Pocket
ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแอปพลิเคชัน Make by KBank เล่าให้ Blognone ฟังว่าฟีเจอร์สำคัญที่เป็นตัวสร้างความแตกต่าง และดึงดูดผู้ใช้งานโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และวัยรุ่น คือฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการเงินในบัญชีด้วยการแบ่งเงินออกเป็นหลายๆ กระเป๋าได้ไม่จำกัดจำนวน โดยใช้เพียงบัญชีเดียว แก้ปัญหา Pain Point ของคนที่ต้องเปิดบัญชีเงินฝากหลายบัญชี เพราะต้องการแยกประเภทเงินตามการใช้จ่าย ให้เหลือเพียงบัญชีเงินฝากเดียว แต่มีหลาย Cloud Pocket ซึ่งเป็นเหมือนกระเป๋าเงินจำลองแทน เพราะคนในแต่ละช่วงวัยจะมีความต้องการใช้เงินที่ต่างกัน เช่น ช่วงวัยเรียนต้องการเก็บเงินเพื่อซื้อความสุขของตัวเอง ในขณะที่คนวัยทำงานต้องการเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต และรองรับกับค่าใช้จ่ายที่มีมากกว่า
ตัวอย่างการใช้งานจริงของฟีเจอร์ Cloud Pocket ในแอปพลิเคชัน MAKE จะแตกต่างกันออกไปตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละคน ทีมผู้พัฒนายกตัวอย่างว่า ผู้ใช้งานหลายคนมีความต้องการสร้าง Cloud Pocket เพื่อจัดสรรระหว่างเงินใช้จ่ายทั่วไป เช่น เงินค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าผ่อนคอนโด และค่างวดรถยนต์ ออกจากเงินเก็บตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เงินเก็บระยะยาว เงินเก็บที่วางแผนใช้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เงินเก็บเพื่อสำรองค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในอนาคตอย่างค่าประกันชีวิต และค่าส่วนกลางคอนโด เป็นต้น ซึ่งหากไม่มีฟีเจอร์ Cloud Pocket ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากแยกหลายบัญชี ยุ่งยากกว่าการมีบัญชีเงินฝากเพียงบัญชีเดียว แต่ใช้ฟีเจอร์ Cloud Pocket ช่วยจัดการแทน
ด้วยการแก้ Pain Point นี้ ทำให้ Cloud Pocket เป็นเหมือนฟีเจอร์สำคัญที่ดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในขณะนี้มี Cloud Pocket ถูกสร้างขึ้นรวมกันแล้วกว่า 200,000 Pockets
จ่ายเงินออกจาก Cloud Pocket ตามต้องการ
ด้วยความที่คอนเซ็ปต์การพัฒนา MAKE ต้องการเป็นทั้ง Mobile Banking และตัวช่วยบริหารจัดการเงินในหนึ่งเดียว แน่นอนว่าผู้ใช้งานจึงสามารถโอน ถอน และสแกนจ่ายเงินจาก Cloud Pocket เพื่อนำเงินออกจากแต่ละ Cloud Pocket ได้อย่างอิสระในที่เดียว โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชัน Mobile Banking อื่นในการทำธุรกรรมทางการเงินอีกทอดหนึ่งในซ้ำซ้อนกัน
จดทุกการทำรายการ ดูประวัติง่ายด้วยรูปแบบแชท
เมื่อทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จเรียบร้อย อีกหนึ่ง Pain Point สำคัญที่ผู้ใช้งานต้องเจอคือ ไม่รู้ว่าประวัติการทำรายการที่บันทึกไว้คืออะไร เพราะจำไม่ได้ หรือเข้าใจยาก MAKE จึงเปลี่ยนรูปแบบประวัติการทำรายการใหม่ให้มีรูปแบบเดียวการส่งข้อความในแอปพลิเคชันแชท โดยผู้ใช้งานสามารถบันทึกข้อความ และรูปภาพลงในประวัติการทำรายการ และกลับมาย้อนดูอีกครั้งได้ในรูปแบบแชท ซึ่งสามารถเข้าใจได้ง่ายกว่าประวัติการทำรายการแบบเดิมๆ ที่มักเป็นรายการจำนวนมากเรียงติดต่อกัน
Expense Summary ฟีเจอร์ใหม่ของ MAKE
นอกจากฟีเจอร์ทั้งสามข้างต้นที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ จัด จ่าย จด ได้ในที่เดียวแล้ว MAKE ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนาต่อยอดมาจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันอีกด้วย
ฟีเจอร์ที่ว่านี้คือ Expense Summary ที่ช่วยสรุปการใช้จ่ายของแต่ละ Cloud Pocket อย่างชัดเจนในทุกๆ เดือน ย้อนกลับมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ โดยแสดงข้อมูลให้เป็นเปอร์เซ็นต์การใช้จ่ายในแต่ละ Cloud Pocket
ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแอปพลิเคชัน MAKE เล่าให้ฟังว่าฟีเจอร์ Expense Summary เกิดขึ้นจากความต้องการจริงของผู้ใช้งานหลังจากเปิดตัวแอปพลิเคชันไปแล้ว ว่าอยากให้มีฟีเจอร์สรุปการใช้จ่ายในแต่ละ Cloud Pocket ขึ้นมา จะได้ไม่ต้องบันทึกว่าใช้จ่ายเงินจากแต่ละ Cloud Pocket ไปกับอะไรบ้างในช่องทางอื่น นอกจากนี้ Expense Summary ยังมีความพิเศษตรงที่สามารถซ่อนรายการใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากรายการได้ด้วย
ตัวอย่างของการซ่อนรายการใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องออกจาก Expense Summary ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเล่าว่า โดยปกติแล้วเราอาจมีการโอนเงินออกจาก Cloud Pocket แบบชั่วคราว เช่น คนในครอบครัวฝากโอนเงิน แล้วโอนคืนกลับมาให้ ผู้ใช้งานจึงสามารถเลือกซ่อนรายการที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้ออกได้ทันที ซึ่งจะทำให้รายการสรุปค่าใช้จ่ายของ Expense Summary สะท้อนการจัดสรรเงินในแต่ละเดือนที่ตรงกับความจริงมากขึ้น
คนทำงานสายเทคฯ เบื้องหลังความสำเร็จของ MAKE
ไม่ใช่แค่เรื่องฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน MAKE ที่มีความน่าสนใจจนทำให้แอปพลิเคชัน MAKE สามารถกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นคนรุ่นใหม่ และวัยได้สำเร็จ โดยเฉพาะการเป็นตัวช่วยในการจัด จ่าย จด บริหารจัดการเงิน รวบรวมข้อมูลการใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานมองเห็นพฤติกรรม และวางแผนการใช้เงินได้ดียิ่งขึ้นในแอปพลิเคชันเดียว
ความจริงแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทีมงาน KBank และ KBTG ที่อยู่เบื้องหลัง ก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนทำงานสายเทคฯ ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน MAKE
ทีมงานผู้มีส่วนร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน MAKE เล่าถึงประสบการณ์การทำงานให้ฟังว่า KBTG มีวัฒนธรรมการทำงานที่ให้โอกาสในการคิด และลงมือทำ ให้พื้นที่ในการแสดงออกความสามารถ โชว์ความถนัดเฉพาะด้าน และใช้ความถนัดเฉพาะด้านนั้นไปกับการช่วยเหลือทีม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
|
# Apple แนะ MacBook Pro รุ่นมีติ่ง สเกลหน้าจอแอปหลบติ่งได้ แต่ขอบจอจะใหญ่ขึ้นทุกด้าน
ผู้ใช้ MacBook Pro 14 และ 16 นิ้ว รุ่นปี 2021 เริ่มพบปัญหาเมนูของแอปบางแอปถูกติ่งหน้าจอบังเมื่อเปิดโหมดใช้งานเต็มจอ ทำให้การใช้งานทำได้ไม่สะดวก
ล่าสุด Apple ออกเอกสารซัพพอร์ต ระบุวิธีสเกลหน้าจอแอปให้เล็กลงเพื่อหลบติ่งกล้อง โดยผู้ใช้สามารถคลิกขวาที่ไอคอนแอป กด Get info แล้วติ้กถูกช่อง "Scale to fit below built-in camera" เพื่อให้แอปรันในขนาดหน้าจอที่เล็กลง จนเมนูไม่ถูกติ่งจอบังได้
วิธีแก้นี้เป็นวิธีชั่วคราวเท่านั้น มีข้อเสียคือขอบจอทั้งบนและล่างจะใหญ่ขึ้นทุกด้าน เพราะเป็นการสเกลแอปลงแบบคง ratio ไว้เท่าเดิม และ Apple ระบุไว้ว่าเมื่อผู้พัฒนาแอปปรับปรุงให้แอปใช้งานเข้ากับติ่งบนหน้าจอได้เมื่อไร เมนูสเกลแอปนี้ก็จะหายไป
ดูตัวอย่างการสเกลแอปหลบติ่ง จากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Jatodaro ได้ด้านล่าง
ภาพจาก Apple
ที่มา - The Verge, Apple
|
# MFEC ร่วมกับ Cisco ผลักดัน Digital-First Strategy ด้วย Full-Stack Observability Solution
แม้คำว่า Digital Transformation จะได้รับการพูดถึงมายาวนาน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีองค์กรเพียงไม่กี่แห่งที่เริ่มลงมือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของตนเอง จนก้าวล้ำหน้าและยืนหยัดท่ามกลางสมรภูมิแห่งความไม่แน่นอน
จนเมื่อทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด หรือว่ากำลังมีความต้องการพัฒนาองค์กร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนี้จึงทำให้คำว่า Digital Transformation ได้รับการพูดถึงอย่างมากอีกครั้ง และหลายบริษัทต่างเห็นพ้องต้องกันว่า นี่คือเวลาของความท้าทาย ที่ต้องเร่งปรับตัวเปลี่ยนแปลงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจังเสียที
คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในการทำ Digital-First Strategy ให้ทั้งองค์กรตนเองและกลุ่มลูกค้า ได้คอยเน้นย้ำเสมอถึงความสำคัญของการTransformation ว่าการเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนแปลงที่ดี ต้องมีทีมงานที่ถูกต้อง มีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน แล้วจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยเสริมให้การ Transform นั้นสำเร็จ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MFEC พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสการแข่งขันในตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น การปรับองค์กรโดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ไขกระบวนการธุรกิจ (Business Process) จะช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับผู้ใช้และลูกค้า และยังช่วยให้การปรับการทำงานของพนักงาน (Workforce) ให้ต้นทุนต่ำลง เพื่อสามารถสร้างธุรกิจใหม่ หรือแพลตฟอร์มใหม่ในการต่อยอด ขยายไปยังธุรกิจอื่นต่อไปได้อีก แม้แต่ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Cisco เองก็ตระหนัก และมุ่งเน้นการทำ Digital Transformation อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
คุณทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย ได้แสดงความเห็นว่า ผลกระทบของวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาทำให้การดำเนินธุรกิจของแทบทุกองค์กรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การศึกษานำเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาเพิ่ม เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน และดำเนินธุรกิจ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจสังเกตเห็นได้ว่าในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา การพัฒนาของเทคโนโลยี และการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้งาน จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นมาก องค์กรใดที่มีเทคโนโลยีที่พร้อม มีความรวดเร็วในการตัดสินใจ และมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ พนักงานก็สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิผล และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เช่นทาง Cisco เองที่มีเทคโนโลยีต่างๆ ให้สามารถทำงานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากบ้าน 100% หรือทำงานแบบผสม (Hybrid) โดยมี WebEx ช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแชร์ไฟล์ และข้อความ แบบส่วนตัวและกลุ่ม รองรับการทำประชุมผ่าน Video Conferencing ทั้งส่วนตัวและจากห้องประชุม มีระบบ Security เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล เพื่อความมั่นใจของผู้ใช้ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นระบบพื้นฐานที่ทาง Cisco มีให้ทุกคนอยู่ก่อนที่จะเกิด COVID-19 ดังนั้นจึงไม่ต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงมากนัก ทุกคนสามารถขอระบบ CVO (Cisco Virtual Office) เพื่อทำงานที่บ้านได้ การเปลี่ยนแปลงของบริษัท Cisco มีอยู่ตลอดเวลา รวมถึงทางด้านผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้น มาถึงทุกวันนี้ Cisco ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว
หนึ่งในซอฟท์แวร์ที่ MFEC และ Cisco มีวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกันคือโซลูชัน Full-Stack Observability ที่สามารถตอบโจทย์ขององค์กรคือต้องมีเครื่องมือที่ช่วยทั้งการพัฒนา ตรวจสอบ สเกล ตลอดจนดีไซน์แอปพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ทีมงานที่เคยแยกกันทำงานหลายๆ ทีม ทั้ง AppOps, InfraOps, NetOps และ SecOps สามารถมีเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบและวิเคราะห์การทำงานของแอปพลิเคชันที่มีความซับซ้อน ทั้งระบบโครงสร้างของโปรแกรม การกระจายตัวของแอปพลิเคชันที่อยู่หลายระบบ Cloud การมี Security ที่ต้องดูแลหลายระดับ การมี resources ทั้ง CPU, Memory, Storage ที่เพียงพอ แต่ไม่มากเกินไป เพื่อให้ผู้ใช้แอปพลิเคชันมีความพึงพอใจในประสบการณ์ในการใช้ดีที่สุด โดย Full-Stack Observability ประกอบไปด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่
AppDynamics: ระบบตรวจสอบและติดตามประสิทธิภาพการทำงานของโมบายและเว็บแอปพลิเคชัน พร้อมระบบ Machine Learning ในการแจ้งเตือนจุดที่อาจทำให้เกิดปัญหากับผู้ใช้
ThousandEyes: ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ประสิทธิผลการเชื่อมต่อและการทำงานของแอปพลิเคชันในส่วนงานต่างๆ ของเครือข่าย LAN, WAN และอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถรู้ได้ทันทีว่าปัญหาเกิดจากระบบ Network ภายในบริษัท เกิดจาก Internet Service Provider หรือเกิดจาก Cloud ที่ Application ของเราติดตั้งอยู่
Cisco Workload Optimization Manager (CWOM): สมองที่ช่วยจัดสมดุล เพิ่มสมรรถนะการทำงานของแอปพลิเคชัน และควบคุมค่าใช้จ่ายในการจัดสรรทรัพยากรในระบบให้อัตโนมัติ เป็นโชลูชันที่จะช่วยให้องค์กรทราบถึงประสิทธิภาพการทำงานในทุกๆ ส่วนของแอปพลิเคชัน เช่น Container, Network และ Security เป็นเครื่องมือตรวจสอบที่สามารถเข้าถึงการเชื่อมโยงข้อมูลได้ในทุกจุด
ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกันของทั้ง MFEC และ Cisco ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรเข้ามาเป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงนั้น จะทำให้ขั้นตอนการทำงาน (Workflow) มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนเกิดเป็นความสำเร็จมากมาย อาทิ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Cyber Security Operation Center (CSOC) และการทำ CSR ช่วยเหลือสังคม โดยการได้มีการใช้หนึ่งในโซลูชัน Full-Stack Observability อย่างการนำเอา AppDynamics เข้าไปช่วยเหลือกระทรวงสาธารณสุข เช่น นำมาตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Co-Vaccine กล่าวคือ ระบบบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีน ที่ส่งข้อมูลทันทีเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลางการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งมีหน่วยงานรัฐและเอกชนใช้บริการทั่วประเทศกว่า 500 หน่วยงาน รองรับการใช้งานมากกว่า 3,700 ผู้ใช้ต่อนาที เป็นต้น
MFEC ในฐานะบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในงานวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานสารสนเทศอย่างครบวงจรได้ผนึกกำลังร่วมกับ Cisco ผลักดัน Software ในหลากหลายมิติโดยเฉพาะด้านโซลูชัน Full-Stack Observability ซึ่ง MFEC ถือเป็นพาร์ทเนอร์รายแรกที่มีบุคลากรที่ผ่านการสอบระดับสูงอย่าง 'Cisco Black Belt - AppDynamics Presales Stage 3' การันตีความสามารถในการนำเสนอสินค้าและให้บริการลูกค้าได้อย่างเชี่ยวชาญและมีสมรรถภาพอย่างสูงสุดสอดรับกับหลักการทำงานจาก Cisco Customer Experience ในการดูแลและให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
ท้ายที่สุด ท่ามกลางการแข่งขันในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ คงต้องตั้งคำถามว่า “วันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลในองค์กรของคุณดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ New Era, New Challenge. แล้วหรือยัง ?”
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันของ Cisco สามารถติดต่อทีมงาน MFEC เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาได้ทันทีผ่านช่องทาง ดังนี้
Email : [email protected]
Tel : 02-821-7999
ข้อมูลเพิ่มเติม www.mfec.co.th
|
# เด็กไทยทีม Indentation Error จากอัสสัมชัญธนบุรี ชนะเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ของ NASA
วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา องค์กรสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ JAXA ได้จัดการแข่งขันโครงการ The 2nd Kibo Robot Programming Challenge รอบชิงแชมป์เอเชียทางออนไลน์ ถ่ายทอดสดจากศูนย์อวกาศสึกุบะ ประเทศญี่ปุ่น
โดยเยาวชนตัวแทนประเทศไทยทีม Indentation Error จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี คว้ารางวัลชนะเลิศระดับเอเชีย ทำคะแนนเป็นอันดับ 1 จากการแข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ของ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ ในโครงการคิโบะ โรบอต โปรแกรมมิ่ง ชาเลนจ์ ครั้งที่ 2
สมาชิกในทีม 3 คน ประกอบด้วย นายธฤต วิทย์วรสกุล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (หัวหน้าทีม) นายกรปภพ สิทธิฤทธิ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และเด็กชายเสฎฐพันธ์ เหล่าอารีย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ในการแข่งขันนี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ให้ปฏิบัติภารกิจซ่อมแซมสถานีอวกาศ มีตัวแทนเยาวชนจาก 9 ประเทศ เข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย โดยทีมไทย ได้รางวัล Best Achievement Onboard Award เป็นผลจากความสามารถในการเขียนโปรแกรมภาษา JAVA ควบคุมหุ่นยนต์ Astrobee ผู้ช่วยนักบินอวกาศของ NASA ที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติให้เคลื่อนที่ไปอ่าน QR Code และยิงแสงเลเซอร์เข้าเป้าหมายทำคะแนนได้สูงสุดของการแข่งขัน
ภาพจาก Kibo Robot Programming Challenge
ที่มา - สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
|
# ซัมซุงเผย กำลังพัฒนา Cloud Game Platform คลาวด์เกมมิ่งสำหรับทีวี
ในงานประชุมนักพัฒนาซัมซุงหรือ SDC21 บริษัทเผยโปรเจกต์ใหม่ โดยในประกาศคีย์โน้ตระบุว่า ตอนนี้ซัมซุงกำลังพัฒนา Cloud Game Platform สำหรับทีวี ที่ซึ่งผู้เล่นสามารถเล่นเกมบนทีวีได้ โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เครื่องเกมไฮเอนด์
ผู้กล่าวในงานคีย์โน้ตคือ Yongjae Kim รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ Visual Display R&D จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดอะไรมากเกี่ยวกับตัวแพลตฟอร์ม ไม่มีข้อมูลว่าจะออกมาหน้าตาแบบไหน และจะเปิดให้ใช้งานเมื่อไร
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซัมซุงพยายามจะเจาะเข้ามาในโลกคลาวด์เกมมิ่ง เพราะในปี 2012 เคยร่วมกับบริษัท Gaikai เพื่อสร้าง Samsung Cloud Gaming สำหรับสมาร์ททีวีรุ่นก่อนๆ ซึ่งปัจจุบันนี้มีเงทื่อนไขที่แตกต่างจากในอดีตคือ เทคโนโลยีดีขึ้น คนเปิดรับการเล่นเกมบนคลาวด์มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีความท้าทายอย่างคู่แข่งมากหน้าหลายตาด้วย
ที่มา - Engadget, IGN
|
# iFixit แกะ MacBook Pro 2021 แล้ว เบื้องต้นพบแบตถอดง่าย เปลี่ยนได้สะดวก
iFixit โพสต์บล็อกยั่วน้ำลายการแกะ MacBook Pro 2021 แล้ว แม้จะยังไม่เสร็จสิ้นทุกขั้นตอน แต่เขาพบว่าคราวนี้แบตเตอรี่ MacBook Pro ถอดง่ายกว่าเดิมมาก แทนที่จะนำไปไว้ส่วนท้ายของบทความเต็ม เขาจึงนำมาให้ดูก่อน
iFixit พบว่าแบตเตอรี่ไม่ได้อยู่ใต้เมนบอร์ดแล้ว แต่อยู่ด้านนอก แยกเป็น 4 ก้อน 2 ก้อนด้านซ้ายและขวามีแถบช่วยดึงแบตเตอรี่ออก (pull tab) ทำให้ถอดได้ง่ายขึ้น ส่วนสองก้อนตรงกลางที่ไม่มีแถบช่วยดึง เมื่อถอด touch pad ออก ก็มีช่องให้ดันแบตเตอรี่ออกได้ง่าย การเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ MacBook Pro 2021 น่าจะสะดวกกว่าเดิม
ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นภายในเครื่อง และการถอดชิ้นส่วนแบบละเอียด น่าจะต้องรอติดตามบทความแบบเต็มของ iFixit เร็วๆ นี้
ที่มา - iFixit
|
# ซัมซุงเปิดตัว One UI Book 4 เปลี่ยนธีมวินโดวส์เป็น One UI แบบในมือถือ
ซัมซุงเปิดตัว One UI 4 อย่างเป็นทางการ ตัวรอมฝั่ง Android เหมือนกับที่ทดสอบ Beta มาตั้งแต่เดือนกันยายน โดยขยายรุ่นที่ทดสอบจาก Galaxy S21 มาเป็น Z Flip/Fold 3 เพิ่มเติมด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจคือซัมซุงออก One UI Book 4 เป็นระบบธีมสำหรับวินโดวส์ด้วย เปลี่ยนหน้าตาของวินโดวส์ (บางส่วนที่เป็นแอพซัมซุง) ให้ใช้ไอคอน ชุดสี และธีมแบบเดียวกับ One UI บนมือถือ
เบื้องต้นจะมีให้ใช้บนโน้ตบุ๊กของซัมซุงตระกูล Galaxy Book แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา และไม่ได้บอกว่าจะเปิดให้คนที่ใช้โน้ตบุ๊กยี่ห้ออื่นๆ ดาวน์โหลดไปใช้ด้วยหรือไม่
คลิปช่วงนาที 4:10
ที่มา - SamMobile
|
# Eric Roth ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Dune เขียนด้วย MS-DOS ในเครื่องที่ไม่ต่อเน็ต
Eric Roth ผู้เขียนบทภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Dune เปิดเผยว่าเขาเขียนบทด้วยโปรแกรม Movie Master บน MS-DOS ซึ่งเป็นโปรแกรมที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
Eric Roth เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น Forrest Gump (1994), The Insider (1999), Munich (2005) โดยชนะรางวัลออสการ์จากบทภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump ด้วย
วิธีการทำงานของ Roth คือใช้คอมพิวเตอร์ที่ยังเป็น Windows XP แล้วเปิด Movie Master 3.09 ขึ้นมาในคอนโซล DOS แล้วนั่งเขียนบทไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้วจึงพิมพ์ลงกระดาษเพื่อส่งให้กองถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งต้องนำไปสแกนใส่ในคอมพิวเตอร์อีกรอบ
เหตุผลที่ Roth เขียนในเครื่อง DOS เพื่อไม่ให้เสียสมาธิกับเรื่องอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต และเพื่อความปลอดภัยของตัวบทด้วยเพราะมีอยู่เฉพาะในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้เท่านั้น เขายังบอกว่าด้วยข้อจำกัดด้านหน่วยความจำของโปรแกรมทำให้บทยาวได้สูงสุด 40 หน้า ทำให้เป็นข้อจำกัดของเขาด้วยที่ต้องเขียนบทให้จบภายใน 40 หน้าเช่นกัน
George R.R. Martin ผู้เขียนนิยาย Game of Thrones ก็เป็นอีกคนที่ใช้ DOS แต่ใช้อีกโปรแกรมคือ WordStar 4.0
ที่มา - VICE
|
# กูเกิลเปิดช่องทางร้องขอให้ลบรูปเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีออกจากผลการค้นหาแล้ว
จากนโยบายใหม่ของกูเกิลที่ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะเปิดช่องทางให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ขอลบรูปภาพตัวเองออกจากผลการค้นหาบน Google Image ล่าสุดนโยบายใหม่มีผลแล้วและเปิดช่องทางให้เข้าไปเขียนคำร้องได้แล้ว
โดยสามารถเข้าไปที่ลิงค์นี้ > หน้าสนับสนุน จากนั้นกรอกแบบฟอร์มเพื่อรายงานภาพที่ปรากฏในผลลัพธ์การค้นหา เช่น URL รูปภาพของรูปภาพที่ต้องการลบออก ทำการค้นหาได้ ที่นี่, URL ของหน้าผลการค้นหาที่มีรูปภาพ ทำการค้นหาได้ ที่นี่, คำค้นหาที่แสดงรูปภาพ
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ทางกูเกิลจะพิจารณาอีกครั้ง และกูเกิลย้ำด้วยว่านี่เป็นการลบออกจากผลการค้นหาเท่านั้น ไม่ได้ลบออกจากอินเทอร์เน็ต หากต้องการให้รูปหายไปทั้งหมด ผู้ร้องขอทั้งเด็กและผู้ปกครองต้องเรียกร้องไปที่เว็บไซต์ที่มีข้อมูลรูปของเราอยู่
ที่มา - กูเกิล
|
# กูเกิลปรับ Jetpack Compose รองรับธีม Material You, ออกเวอร์ชันสำหรับ Wear OS
Jetpack Compose คือเครื่องมือสร้าง UI สำหรับ Android ยุคใหม่ที่กูเกิลแนะนำให้ใช้งาน ในงานสัมมนา Android Dev Summit เมื่อคืนนี้ กูเกิลประกาศของใหม่ให้ Jetpack Compose หลายอย่างดังนี้
Jetpack Compose 1.1 รองรับฟีเจอร์ด้าน UI ของ Android 12 และการสร้างแอนิเมชันแบบใหม่ๆ สถานะยังเป็น Beta
Compose Material 3 ชุดคอมโพเนนต์ของ UI ที่รองรับระบบธีม Material You ของ Android 12 สถานะยังเป็น Alpha
Compose for Wear OS ครั้งแรกของชุด Jetpack Compose สำหรับการเขียน UI บนระบบปฏิบัติการ Wear OS สถานะเป็น Developer Preview
นอกจากนี้ ตัวไลบรารี Jetpack หลักก็ยังได้ฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น Navigation รองรับการถอยกลับในแอพหลายแบบ (multiple backstacks), ปรับปรุงการทำงานของ worker ให้รองรับ Android 12 ที่จำกัดสิทธิแอพรันเบื้องหลัง เป็นต้น
กูเกิลยังจับมือกับซัมซุงออก Watch Face Studio ตัวช่วยดีไซน์หน้าปัดนาฬิกาของ Wear OS โดยไม่ต้องเขียนโค้ดด้วย
ที่มา - Android Developers, Android Developers (Wear OS)
|
# ทีมวิจัยจีนสาธิตการคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 56 คิวบิตสำเร็จ ผ่านด่าน Quantum Supremacy ตามกูเกิลแล้ว
ทีมวิจัยนำโดยศาสตราจารย์ Jian-Wei Pan จาก University of Science and Technology of China รายงานถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัม Zuchongzhi ขนาด 66 คิวบิต โดยทีมงานวิจัยสามารถสาธิตการแก้ปัญหา Boson Sampling ด้วยคิวบิตจำนวน 56 คิวบิตในชิปและรัน 20 วงรอบประมวลผล เป็นการสาธิตว่า Zuchongzhi สามารถประมวลผลงานบางชนิดได้โดยที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ เข้าสู่พลังประมวลผลระดับ Quantum Supremacy
การแก้ปัญหา Boson Sampling เป็นปัญหาหนึ่งที่เชื่อกันว่าใช้สาธิตพลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ควอนตัมว่าเหนือกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ เพราะการจำลองเหตุการณ์นี้อย่างแม่นยำทำได้ยาก (อย่างไรก็ตามการจำลองแบบประมาณค่ายังทำได้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไปอยู่) การสาธิตเครื่อง Zuchongzhi ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถแก้ปัญหา Boson Sampling เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ระดับ 1024 เท่าตัว พ้นจากระดับคอมพิวเตอร์ที่สามารถสร้างได้จริงไปแล้ว
กูเกิลประกาศความสำเร็จในการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพื่อแก้ปัญหาระดับ Quantum Supremacy ตั้งแต่ปี 2019 ด้วยการแก้ปัญหา Schrödinger-Feynman algorithm แม้ว่าการผ่านด่าน Quantum Supremacy จะเป็นหลักชัยสำคัญแต่การใช้งานเพื่อแก้ปัญหาในโลกความเป็นจริงก็ยังจำกัด ระหว่างนี้อาจจะมีการใช้งานจริงกับปัญหาเฉพาะทางบางประเภท แต่ปัญหาหลายอย่างต้องการเทคโนโลยี Quantum Error Correction ที่จะทำให้สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมระดับพันคิวบิต (มีคิวบิตจริงระดับล้านคิวบิต แต่ใช้เพื่อการแก้ความผิดพลาด)
ที่มา - American Physical Society, USTC
|
# LinkedIn เปิดฟีเจอร์หาฟรีแลนซ์ Service Marketplace หาคนตามหมวดงานที่ต้องการ
LinkedIn เปิดบริการใหม่ ในรูปแบบฟีเจอร์ Service Marketplace เป็นบริการช่วยคนหางานฟรีแลนซ์ แข่งกับแพลตฟอร์มที่ดังเรื่องนี้อยู่แล้วอย่าง Fiverr และ Upwork โดย LinkedIn ทดสอบ Service Marketplace เป็นเวอร์ชันเบต้า ผู้ใช้แล้ว 2 ล้านคนจากผู้ใช้เกือบ 800 ล้านคนตามรายงานผลประกอบการ ซึ่งล่าสุดเตรียมเปิดใช้งานทั่วโลกแล้ว
ในการเปิดใช้งาน สามารถเปิดใช้งานได้ที่ปุ่มใต้รูปโปรไฟล์ เพิ่มหมวดหมู่งานที่ตัวเองถนัดเพื่อให้คนหางานฟรีแลนซ์หาคนตามทักษะได้ ตอนนี้มีหมวดหมู่งานครอบคลุม 250 หมวดหมู่ และมีแผนจะขยายเป็น 500 หมวดหมู่
จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีนโยบายเก็บค่าบริการ หรือค่าส่วนกลางระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ที่มา - TechCrunch
|
# เปิดตัว Android 12L เวอร์ชันสำหรับจอใหญ่-จอพับได้ มี Taskbar แล้ว
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือของ Android 12.1 ที่เน้นฟีเจอร์สำหรับมือถือจอคู่ วันนี้กูเกิลเปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ Android 12L (L = large)
การเปลี่ยนแปลงของ Android 12L คือการออกแบบ UI/UX ให้รองรับหน้าจอคู่ที่กว้างกว่าจอมือถือปกติมาก ตัวอย่างเช่น แถบ notification ที่แบ่งเป็น 2 คอลัมน์แล้ว (ปุ่มควบคุมอยู่ซ้าย แจ้งเตือนอยู่ขวา) และมี Taskbar เข้ามาด้านล่างถ้าใช้ในจอใหญ่ ช่วยให้การลากแอพเข้าด้านข้างแต่ละจอ (split-screen) ทำได้ง่ายขึ้น
Android 12L ยังปรับปรุงเรื่องการจัดวางข้อความ (letterboxing) ให้ผู้ผลิต OEM สามารถปรับแต่งสไตล์ สี ขอบโค้ง ฯลฯ ได้มากขึ้นด้วย
Android 12L จะมีสถานะเป็น feature-drop อัพเดตเข้ามาให้ Android 12 อัตโนมัติ (ไม่ได้แยกเป็นเวอร์ชันใหม่) ตอนนี้เปิดทดสอบแบบ developer preview ให้นักพัฒนาทดสอบกับแอพของตัวเองในอีมูเลเตอร์ก่อน และมีกำหนดออกตัวจริงในช่วงต้นปี 2022
อุปกรณ์ตัวแรกที่จะเปิดทดสอบ Android 12L คือ Lenovo P12 Pro แท็บเล็ตพรีเมียมของ Lenovo ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้
กูเกิลยังออกคำแนะนำให้นักพัฒนาปรับแอพตัวเองสำหรับอุปกรณ์จอใหญ่ขึ้น (ความละเอียดมากกว่า 600 dp) รายละเอียดอ่านได้จากที่มา
ที่มา - Android Developers
|
# IBM ซื้อบริษัทเทคโนโลยีของ McDonald’s ทำระบบ AI ฟังเสียงสั่งอาหาร
IBM ประกาศซื้อกิจการ McD Tech Labs บริษัทเทคโนโลยีของ McDonald’s ที่พัฒนาระบบรับออเดอร์อัตโนมัติ (Automated Order Taking - AOT) ที่ใช้ AI รับฟังคำสั่งเสียงจากลูกค้าในระบบไดรฟ์ทรู แทนการใช้คนแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
McD Tech Labs เกิดจากการที่ McDonald's ซื้อกิจการบริษัท Apprente ในปี 2019 เพื่อพัฒนา AI ฟังคำสั่งซื้อของลูกค้า โดย McDonald's ระบุว่าการขายกิจการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเลิกทำ AOT แต่เป็นการโอนทีมด้าน AI ไปให้กับ IBM ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มากกว่า มีสเกลในการขยายร้านอาหารที่รองรับสูงกว่า (McD Tech Labs จะเข้าไปอยู่ใต้ IBM Watson) และทั้งสองบริษัทจะยังพัฒนา AOT ร่วมกันต่อไป
ที่มา - IBM, ภาพจาก McDonald's
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.