txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# บริษัทจีน Xcalibyte เปิดตัวโน้ตบุ๊กซีพียู RISC-V รุ่นแรกของโลก รันลินุกซ์
RISC-V International หน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานซีพียู RISC-V เผยแพร่ข่าวโครงการโน้ตบุ๊ก RISC-V รุ่นแรกของโลก ที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทจากจีน
โน้ตบุ๊กตัวนี้ชื่อว่า ROMA เป็นโครงการร่วมของบริษัทจีนหลายแห่ง นำโดยบริษัทซอฟต์แวร์จีน Xcalibyte ร่วมกับบริษัทวิศวกรรมในเครือชื่อ DeepComputing
สเปกของมันใช้ซีพียู RISC-V แบบควอดคอร์ที่ยังไม่ระบุรุ่น (ชิปยังไม่เปิดตัว) มีหน่วยเก็บข้อมูลความปลอดภัย (secure enclave), จีพียูไม่ระบุรุ่น, แรมสูงสุด 16GB, สตอเรจสูงสุด 256GB, ส่วนระบบปฏิบัติการบอกว่ารองรับลินุกซ์หลายดิสโทร
นอกจากจุดขายเรื่อง RISC-V แล้ว โน้ตบุ๊ก ROMA ยังเกาะกระแสวงการ Web3, NFT โดยรองรับวอลเล็ต MetaMask ด้วย
ตอนนี้ ROMA เปิดลงทะเบียนแสดงความสนใจจองแล้ว แต่ยังไม่ระบุราคาและวันวางขาย
ที่มา - Xcalibyte, RISC-V via Phoronix
|
# ซีอีโอ TikTok ยอมรับ มีพนักงานในจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐได้ แต่ต้องได้รับอนุมัติก่อน
ต่อจากข่าว สมาชิก กสทช. สหรัฐ ขอให้แอปเปิล-กูเกิล แบน TikTok เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคง ส่งข้อมูลกลับจีน ล่าสุดมีจดหมายของ Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok เขียนถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ 9 คนเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ โดย Chew ยอมรับว่ามีพนักงานในจีนเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐได้จริง
TikTok ยอมรับว่ามีพนักงานในจีน สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐได้ แต่ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากทีมความปลอดภัยในสหรัฐก่อนเท่านั้น
เหตหุผลที่พนักงานในจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐได้ เป็นเพราะบริษัทต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้กันทั้งโลก โดยพนักงานในจีนจะเข้าถึงข้อมูลอย่างวิดีโอสาธารณะ และคอมเมนต์ได้
ในจดหมายฉบับนี้ยังพูดถึงรายละเอียดของ Project Texas โค้ดเนมของการย้ายข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ TikTok มาเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของ Oracle ด้วย
ที่มา - จดหมายฉบับเต็ม, The Register
|
# Google จะลบข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าใช้สถานพยาบาลออกจาก Location History ให้อัตโนมัติ
Google ประกาศนโยบายในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องหลังจากที่ศาลสหรัฐฯ กลับคำพิพากษาเรื่องการทำแท้ง
จุดสำคัญของอัพเดตครั้งนี้ คือ Google จะลบข้อมูลการเข้าใช้บริการสถานและบริการเกี่ยวกับการแพทย์ ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลมาก ๆ เช่น สถานที่ทำแท้ง, คลินิคลดน้ำหนัก, คลินิคศัลยกรรม, ศูนย์บำบัดอาการติดยา และอื่น ๆ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกลบออกจาก Location History ทันทีหลังจากเข้าใช้บริการแล้ว โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ประเด็นการปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวครั้งนี้เกี่ยวกับการกลับคำพิพากษาของศาลสหรัฐฯ เนื่องจากผู้ใช้หลายคนอาจเริ่มกังวลว่าข้อมูลผู้ใช้ที่บริษัทเก็บไว้อาจกลับมาเป็นภัยต่อตนเองได้ในอนาคต การเพิ่มฟีเจอร์นี้ขึ้นมาน่าจะช่วยให้ผู้ใช้สบายใจได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ Google ยังปรับระบบ Fitbit อีกเล็กน้อย คือปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าลบ log ได้อยู่แล้ว แต่ลบได้ทีละรายการ ซึ่ง Google จะปรับให้ลบ log หลาย ๆ รายการได้ในครั้งเดียว
ที่มา - Google, TechCrunch
|
# เว็บเทรดคริปโต Voyager หยุดให้ลูกค้าฝากเงินเข้า ถอนเงินออก หยุดรับเทรดชั่วคราว
เว็บเทรดคริปโต Voyager เป็นเว็บเทรดคริปโตรายล่าสุดที่ต้องประกาศหยุดการถอนเงินออกแบบไม่มีกำหนด หลังเพิ่งเบี้ยวการชำระหนี้ของกองทุน Three Arrows Capital ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ประกาศของ Voyager นั้นเป็นการหยุดทั้งการฝากเงิน ถอนเงิน ซื้อขาย และรับรางวัลจากการใช้งาน ตัวแอพยังสามารถทำงานได้แค่ดูราคาตลาด และดูพอร์ตคริปโตของตัวเอง (แก้เหงา) เท่านั้น
ช่วงปลายเดือนมิถุนายน เราเห็นเว็บเทรดคริปโตหลายเว็บประกาศหยุดถอนชั่วคราว รวมถึงกรณีของ CoinFLEX ที่พยายามแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการออกเหรียญใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาเปิดให้ถอนออกได้ตามกำหนด
ส่วนกองทุน Three Arrows Capital ที่ให้ Voyager กู้เงินไป ก็ยื่นเรื่องขอล้มละลายในหมู่เกาะ British Virgin รวมถึงเพิ่งยื่นขอล้มละลายในสหรัฐอเมริกาด้วย
ที่มา - Voyager
|
# Apple Watch Series 7 ออกโฆษณาใหม่ ชูจุดขาย ทนทานในทุกสภาวะกว่าที่เคยมีมา
แอปเปิลออกโฆษณา Apple Watch Series 7 ตัวใหม่ชื่อ Hard Knocks เพื่อนำเสนอจุดขายของ Apple Watch รุ่นนี้ที่บอกว่าทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เนื้อหาโฆษณาพาคนดูไปเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งการออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ Apple Watch ก็ยังทนต่อทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเจอฝุ่น ของเหลว หรือแรงกระแทก เช่น การกระโดดน้ำจากที่สูง ประตูรถเมล์หนีบ ไปจนถึงล้มในลานสเกตน้ำแข็ง ประกอบกับเพลง Power of My Love ของ Jack White
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Apple Watch อาจออกรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายความทนทานโดยเฉพาะ เพื่อจับลูกค้ากลุ่มกีฬา extreme แต่ยังไม่มีออกมาจริง
ที่มา: MacRumors
|
# โจ ไบเดน มอบเหรียญเกียรติยศขั้นสูงสุด Medal of Freedom ให้สตีฟ จ็อบส์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเหรียญ Presidential Medal of Freedom ซึ่งเป็นเหรียญเกียรติยศขั้นสูงสุดสำหรับพลเรือน (ถ้าเป็นทหารคือ Medal of Honor) จำนวน 17 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีสตีฟ จ็อบส์ด้วย (เป็นการมอบหลังเสียชีวิตหรือ posthumous)
ในประกาศของทำเนียบขาว ระบุว่าวิสัยทัศน์ จินตนาการ และความสร้างสรรค์ของจ็อบส์ ช่วยเปลี่ยนโลกในหลายแง่มุม ทั้งการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ เพลง ภาพยนตร์ และอุตสาหกรรมไร้สาย
ตัวอย่างผู้ได้รับรางวัลคนอื่นได้แก่ Simone Biles นักยิมนาสติก, Megan Rapinoe นักฟุตบอลหญิง, Denzel Washington นักแสดง และ John McCain อดีต ส.ส. และ ส.ว. สหรัฐ (เป็นการมอบรางวัลหลังเสียชีวิตเช่นกัน) เป็นต้น
บุคคลในแวดวงไอทีที่เคยได้รับรางวัลนี้มาก่อนคือ Gordon Moore ผู้ร่วมก่อตั้งอินเทล (2002), Vint Cerf บิดาแห่งอินเทอร์เน็ต (2005) และ Bill Gates (2016)
ที่มา - Whitehouse
|
# Razer ซื้อบริษัท Interhaptics เตรียมผลักดันเทคโนโลยี Haptic ให้กว้างขึ้น
Razer ประกาศซื้อกิจการ Interhaptics บริษัทเทคโนโลยีด้าน haptic feedback ที่ก่อตั้งในปี 2017 โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่า
Razer บอกว่าที่ผ่านมาพยายามผลักดันอุปกรณ์ที่เป็น haptic อยู่แล้ว โดยใช้ชื่อแบรนด์ HyperSense ทำตลาดมาตั้งแต่อุปกรณ์ชิ้นแรกคือ Razer Nari Ultimate ที่ขายในปี 2018 ส่วนการซื้อกิจการครั้งนี้จะใช้ทีมของ Interhaptics ช่วยขยายเทคโนโลยี haptic ไปยังอุปกรณ์ให้มากขึ้น รวมถึงพาร์ทเนอร์กับสตูดิโอเกมต่างๆ ให้รองรับ HyperSense มากขึ้นด้วย
Eric Vezzoli ซีอีโอของ Interhaptics จะเข้ามาเป็นผู้บริหารตำแหน่ง Associate Director of Haptics ของ Razer ส่วนตัวบริษัท Interhaptics จะยังอยู่ต่อไปในฐานะธุรกิจแยก แต่ก็จะทำงานร่วมกับฝั่ง Razer มากขึ้น
ที่มา - Razer
|
# Reddit ซื้อกิจการ MeaningCloud บริษัทพัฒนา NLP เพื่อนำไปพัฒนาระบบแนะนำคอนเทนต์
Reddit ประกาศเข้าซื้อกิจการ MeaningCloud บริษัทพัฒนาระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติหรือ NLP โดยไม่เปิดเผยมูลค่า ซึ่ง Reddit จะรวมทีมงานเข้ากับทีมหลักเพื่อพัฒนา machine learning ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Reddit
MeaningCloud ก่อตั้งในปี 2015 พัฒนาระบบสกัดความหมายออกจากเนื้อหาแบบไม่เป็นโครงสร้าง (text analytics, insights extraction, semantic analysis) อย่างเช่นคำพูดในวงสังคมหรือคอนเทนต์บนหน้าเว็บ ซึ่งเทคโนโลยีของ MeaningCloud จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ machine learning ของบริษัท ทำให้เข้าใจข้อมูลที่ไม่เป็นโครงสร้างเพื่อแนะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้ใช้งาน Reddit
Reddit ระบุว่า การซื้อ MeaningCloud ยังคงเป็นเป้าหมายเดียวกับที่ซื้อ Spell คือทีมงาน MeaningCloud จะเข้าร่วมกับทีมงานของ Reddit เพื่อช่วยสนับสนุนโครงการ machine learning ต่าง ๆ ทั้งในมุมผลิตภัณฑ์, ความปลอดภัย และโฆษณา โดยเฉพาะระบบแนะนำคอนเทนต์ที่ Reddit ตั้งใจจะพัฒนาให้แนะนำคอนเทนต์ตามผู้ใช้งาน ไม่ใช่ตาม engagement หรือคอนเทนต์ที่อยู่ในความสนใจเท่านั้น และการเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการขยายออฟฟิศของ Reddit สู่ประเทศสเปนเป็นครั้งแรกด้วย
ที่มา - Reddit, TechCrunch
|
# BlockFi ปิดดีลกับ FTX US รับเงินสินเชื่อ และเปิดโอกาสให้ซื้อกิจการทั้งหมด
BlockFi แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ประสบปัญหาทางการเงิน ประกาศบรรลุข้อตกลงกับ FTX US บริษัทลูกของแพลตฟอร์มคริปโต FTX ส่วนในอเมริกา มีรายละเอียดดังนี้
FTX US จะทำสัญญาเพื่อให้สินเชื่อวงเงิน 400 ล้านดอลลาร์ กับ BlockFi ซึ่งวงเงินนี้จะนำไปใช้จัดการกับบัญชีลูกค้า และ FTX US ยังสามารถซื้อกิจการทั้งหมดของ BlockFi ได้ที่มูลค่าสูงสุด 240 ล้านดอลลาร์ แต่ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานจากนี้ (ซึ่งไม่ใช่ 25 ล้านดอลลาร์ ที่ซีอีโอออกมาปฏิเสธก่อนหน้านี้) ทำให้มูลค่าดีลรวมสูงสุดอยู่ที่ 680 ล้านดอลลาร์ โดย BlockFi จะยังให้บริการต่อตามปกติ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย
Zac Prince ซีอีโอของ BlockFi บอกว่าดีลนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผลพวงตั้งแต่กรณี Celsius ที่ปิดการถอน ทำให้ลูกค้า BlockFi ต่างมาถอนสินทรัพย์ออกแม้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ส่วนอีกกรณีคือกองทุน Three Arrows Capital ล้มละลาย ซึ่ง BlockFi ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันในฐานผู้ปล่อยกู้ โดยขาดทุน 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินไม่มากเทียบกับขนาดความเสียหายรวมของ Three Arrows Capital
ที่มา: Coindesk
|
# [IDC] ตลาดเฮดเซต VR ไตรมาส 1/2022 เติบโตถึง 241% - Meta ครองส่วนแบ่งตลาด 90%
บริษัทวิจัยตลาดไอที IDC รายงานภาพรวมตลาดเฮดเซต VR ของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 จำนวนส่งมอบทั่วโลกเพิ่มขึ้น 241.6% เทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ปัจจัยหนุนหลักมาจากซัพพลายเชนที่ดีขึ้น ทำให้มีสินค้าส่งมอบมากขึ้น
Meta ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 90% ซึ่งมีสินค้าหลักคือ Quest 2 ตามด้วย Pico ที่ตอนนี้เป็นบริษัทของ ByteDance ที่ 4.5% ส่วนอันดับ 3-5 คือ DPVT, HTC และ iQIYI ซึ่งมีตัวเลขส่วนแบ่งไม่มากนัก
IDC ประเมินว่าจำนวนส่งมอบเฮดเซต VR ปีนี้จะอยู่ที่ราว 13.9 ล้านชุด และมองว่าตัวเลขปี 2023 น่าจะเติบโตสูงอีกครั้งเนื่องจากผู้เล่นปัจจุบันต่างมีแผนออกรุ่นอัพเกรด ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหญ่ที่ทำสินค้า VR ขายในปีหน้า คือ Sony กับ Apple
ที่มา: IDC
|
# Meta ประกาศปิดให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล Novi กันยายนนี้
Meta ประกาศเตรียมปิดให้บริการ Novi กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ Facebook ทำเพื่อรองรับเงิน stablecoin ซึ่งตัวโครงการที่เกี่ยวข้อง Libra ได้ขายสินทรัพย์หลักไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่หัวหน้าโครงการ David Marcus ก็ลาออกจาก Meta ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
สำหรับผู้ที่ใช้งาน Novi จะไม่สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าได้อีกตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป และตัวแอป Novi กับ Novi ใน WhatsApp จะไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2022 เป็นต้นไป ซึ่ง Meta ก็แนะนำให้ผู้ใช้งานถอนเงินออกมาทั้งหมดก่อนกำหนด
Novi หรือชื่อเดิมคือ Calibra เป็นโครงการเงินดิจิทัลแบบ stablecoin ของ Facebook สกุลเงิน Diem (ที่ชื่อเดิมคือ Libra) เปิดตัวตั้งแต่ปี 2019 แต่ได้รับการตอบรับแบบกดดันอย่างหนัก จากหน่วยงานกำกับดูแลการเงินทั่วโลก จึงให้บริการได้เฉพาะการรับ-โอนเงิน USDP เท่านั้น และรองรับการใช้งานเฉพาะอเมริกากับกัวเตมาลา
ที่มา: Coindesk
|
# กูเกิลโชว์ปัญญาประดิษฐ์ Minerva ทำโจทย์วิทยาศาสตร์ปริญญาตรีจาก MIT แบบแสดงวิธีทำได้ 30%
กูเกิลโชว์ผลการพัฒนา Minerva ปัญญาประดิษฐ์ด้านภาษาที่สามารถแสดงวิธีทำจากโจทย์ที่ใส่เป็นอินพุต โดยสามารถแสดงวิธีทำในปัญหาคณิตศาสตร์ทั้งการคำนวณและการอธิบายวิธีทำไปได้พร้อมกัน เหมือนนักเรียนแสดงวิธีทำจริงๆ
Minerva เป็นอาศัยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ถามตอบ PaLM ที่กูเกิลพัฒนามาก่อนหน้านี้ แล้วฝึกเพิ่มเติมด้วยชุดข้อมูลรายงานวิจัยจาก arXiv และเว็บต่างๆ ที่มีสมการคณิตศาสตร์ รวมชุดข้อมูล 118GB เมื่อ Minerva ได้รับโจทย์มันจะสร้างคำตอบจำนวนมาก จากนั้นจึงเลือกคำตอบที่พบบ่อยที่สุด
ทีมงาน Minerva ทดสอบประสิทธิภาพด้วยชุดข้อมูล MATH ที่เป็นโจทย์คณิตศาสตร์ระดับมัธยม ได้ความแม่นยำ 50.3% นำห่างจากปัญญาประดิษฐ์ที่ดีที่สุดก่อนนี้ที่ได้ผลเพียง 6.3% ขณะที่ชุดข้อมูล MMLU-STEM ที่เป็นการทดสอบวิทยาศาตร์ทั่วไประดับมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัยก็ได้ผลรวมถึง 75% เทียบผลที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้ที่ได้ 55% และทีมงานยังสร้างชุดทดสอบจากข้อสอบใน MIT OpenCourseWare ให้ Minerva ทำ และก็พบว่าได้คะแนน 30.8%
ทีมงานเปิดตัวอย่างคำตอบที่ Minerva ทำได้ไว้ใน GitHub
ที่มา - Google AI Blog
|
# Amazon ปรับหน้ายกเลิกสมาชิก Prime ในยุโรป หลังโดนร้องเรียนว่าขั้นตอนสับสนและใช้ยาก
Amazon เตรียมปรับวิธีการยกเลิกสมาชิก Prime สำหรับผู้ใช้ในสหภาพยุโรปทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ หลังจากมีข้อร้องเรียนจากกลุ่มและสมาคมผู้บริโภคว่าขั้นตอนแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสร้างความสับสน
การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว Amazon ได้ปรับระบบยกเลิก Prime ใหม่ ซึ่งระบบใหม่นี้ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนมาก ซึ่งคาดกันว่าเป้าหมายของดีไซน์ลักษณะนี้คือ Amazon ต้องการล็อกลูกค้าให้จ่ายเงิน Prime ต่อไปเรื่อย ๆ
หลังจากการปรับเว็บไซต์ครั้งล่าสุด ทางกลุ่มผู้บริโภคได้ยื่นร้องเรียนเหตุการณ์ดังกล่าว และวันนี้คณะกรรมการยุโรปได้แถลงหลังหารือกับ Amazon ว่า ทางบริษัทตกลงเริ่มปรับเว็บใหม่ให้ระบบยกเลิกไม่ยุ่งยาก อย่างเช่นทำให้ปุ่มยกเลิกเห็นได้ชัดกว่าเดิม รวมถึงปรับข้อความอธิบายให้สั้นและกระชับ และเมื่อปรับเว็บไซต์แล้ว ลูกค้า Amazon ในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรปจะสามารถยกเลิกสมาชิก Prime ได้เพียง 2 คลิก
หลังจากเปลี่ยนแปลงแล้ว เจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศจะยังคงติดตามกรณีนี้ต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่า Amazon ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้และจะไม่กลับไปสู่เว็บไซต์รูปแบบที่สร้างความสับสนให้ผู้ใช้อีก
การเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์ของ Amazon จะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ใช้ในฝั่งยุโรปเท่านั้น ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ตอนนี้ก็มีการร้องเรียน Amazon เรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเว็บไซต์แต่อย่างใด
ที่มา - TechCrunch
|
# ยุโรปเสนอกฎหมาย MiCA ควบคุมคริปโตทุกประเภท บังคับเปิดเผยการใช้พลังงาน
สหภาพยุโรปกำลังจะได้ชุดกฎหมายกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโต ที่ครอบคลุมหลายแง่มุมและใช้เหมือนกันทั้งหมดในประเทศสมาชิก EU
กรอบกฎหมายฉบับนี้เรียกว่า Markets in Crypto-assets (MiCA) ซึ่งตอนนี้กรอบการกำกับดูแลกว้างๆ ผ่านการเจรจาระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภายุโรป) และฝ่ายบริหาร (รัฐบาลของประเทศในยุโรป) แล้ว
กรอบกฎหมาย MiCA จะครอบคลุมสินทรัพย์คริปโตเกือบทุกอย่าง (รวมถึง NFT, stablecoin, token) ที่ไม่ถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายการเงินฉบับเดิม ผู้ให้บริการด้านคริปโตจำเป็นต้องมาขอใบอนุญาตที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์ European Securities and Markets Authority (ESMA) เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการฟอกเงิน
นอกจากนี้ MiCA จะกำหนดให้ผู้ให้บริการคริปโตต้องเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานต่อสาธารณะด้วย โดย ESMA จะออกกฎเกณฑ์อย่างละเอียดต่อไปเมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้ว (คาดว่าเป็นช่วงปลายปี 2023)
Stefan Berger สมาชิกสภายุโรป ระบุว่า MiCA จะเป็นต้นแบบของการกำกับดูแลคริปโตให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ส่วน The Guardian มองว่า MiCA จะสร้างแรงกดดันให้สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ต้องออกกฎหมายควบคุมคริปโตตามมาเช่นกัน
ภาพจาก European Parliament
ที่มา - European Council, European Parliament, The Guardian
|
# แอปเปิลเปิดให้นักพัฒนาเกาหลีใต้ใช้ระบบจ่ายเงินค่ายอื่น ลดค่าธรรมเนียมเหลือ 26%
มหากาพย์แอปเปิลกับรัฐบาลเกาหลีใต้ จบลงด้วยการที่แอปเปิลยอมเปิด App Store ให้นักพัฒนาแอพสามารถใช้ระบบจ่ายเงินอื่นๆ นอกเหนือจากของแอปเปิลได้ โดยจะเสียค่าธรรมเนียมถูกลง 4% (เหลือ 26%)
ตอนนี้ระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่แอปเปิลรองรับคือ KCP, Inicis, Toss, NICE โดยนักพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ระบบจ่ายเงินของแอปเปิลต่อไปตามปกติ หรือจะเปลี่ยนมาใช้ระบบจ่ายเงินค่ายอื่น ซึ่งจะเสียฟีเจอร์อย่าง Ask to Buy, Family Sharing และจำเป็นต้องเชื่อมต่อผ่าน StoreKit External Purchase Entitlement ซึ่งเป็น API พิเศษเวอร์ชันเฉพาะของสโตร์เกาหลีใต้ด้วย
แอปเปิลโดนกดดันจากหลายๆ ประเทศให้เปิดระบบจ่ายเงินบน App Store มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเกาหลีใต้ ยังมีกรณีของเนเธอร์แลนด์ ส่วนในสหรัฐอเมริกาก็ยังมีคดีความกับ Epic Games ค้างอยู่ในชั้นศาล
หน้าจอ Xcode ตั้งค่า External Purchase
ที่มา - Apple, 9to5mac
|
# YouTube จะเลิกให้ช่องซ่อนจำนวน Subscriber แก้ปัญหาช่องปลอม บัญชีปลอม
เดิมทีช่อง YouTube สามารถตั้งค่าให้ซ่อนจำนวน subscriber ไม่ให้แสดงต่อสาธารณะได้ (จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม) แต่ล่าสุดกูเกิลจะปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้
เหตุผลของกูเกิลคือต้องการแก้ปัญหาบัญชีสแปมหรือช่องปลอมของ YouTube ที่ใช้ชื่อหรือไอคอนของคนอื่น การไม่มีเลขจำนวน subscriber ทำให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ยากว่าเป็นช่องจริงหรือไม่
นอกจากนี้ YouTube ยังห้ามไม่ให้ใช้อักขระพิเศษบางตัวมาตั้งชื่อช่อง เพื่อป้องกันปัญหาตัวอักษรที่หน้าตาคล้ายๆ กันมาหลอกผู้ใช้ด้วย (เช่น ¥ouⓉube)
ที่มา - TechCrunch
|
# ธนาคารกลางอินเดียระบุเงินคริปโตเป็นภัยต่อเสถียรภาพการเงินอย่างชัดเจน
ธนาคารกลางอินเดียออกรายงานเสถียรภาพทางการเงินประจำเดือนมิถุนายน ระบุถึงสภาวะทางการเงินโดยรวมทั่วโลกที่เป็นความเสี่ยงให้ธนาคารกลางต้องดูแล โดยรายงานระบุถึงเงินคริปโตว่าเป็นภัยอย่างชัดเจน ("Cryptocurrencies are a clear danger.") เนื่องจากเป็นเป็นสิ่งมีมูลค่าจากความเชื่อ และมีไว้เก็งกำไรโดยอาศัยชื่อที่ดูดีเท่านั้น
ภายในรายงานยังระบุถึงความเสี่ยงของเงินคริปโต โดยเฉพาะ stablecoin ว่าได้รับความนิยมสูงขึ้นแม้จะยังมีขนาดตลาดไม่ใหญ่พอจะสร้างความเสี่ยงขนาดใหญ่ เพราะมูลค่าสินทรัพย์ยังอยู่ที่ 0.4% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกเท่านั้น แต่เงินคริปโตก็ถูกใช้เพื่อเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบการฟอกเงิน, การป้องกันการก่อการร้าย, การตรวจสอบผู้ถือครอง, รวมถึงการควบคุมการเข้าออกของทุน
รายงานชี้ว่าเงินคริปโตเริ่มเป็นภัยต่อเศรษฐกิจในกรณีที่ราคาตกต่ำมากๆ ก็อาจจะกระทบต่อระบบชำระเงินอื่นๆ ได้
อินเดียเป็นชาติที่ต่อต้านวงการเงินคริปโตอย่างมาก ทั้งพยายามแบนอย่างเต็มรูปแบบ และเก็บภาษีอย่างหนัก
ที่มา - Reserve Bank of India
|
# Google Password Manager ปรับหน้าตาเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม เว็บ, Chrome, Android
กูเกิลประกาศอัพเดตบริการจัดการรหัสผ่าน Google Password Manager ให้หน้าตาเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้ กูเกิลมีแอพ Password Manager ที่หน้าตาคล้ายๆ กันแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว (ซิงก์ข้อมูลกับบัญชี Google Account ได้เหมือนกันหมด) คือบนเว็บ (โดเมนเท่ๆ คือ passwords.google), บน Chrome และบนแอพ Settings ของ Android
ประกาศครั้งนี้คือแอพทุกเวอร์ชันจะปรับมาใช้หน้าตา Password Manager แบบเดียวกับเวอร์ชันเว็บ และมีฟีเจอร์ทัดเทียมกับเวอร์ชันเว็บ เช่น การแจ้งเตือนว่าใช้รหัสซ้ำ รหัสผ่านไม่แข็งแรง รวมถึงสามารถกดปุ่มเพิ่มรหัสผ่านใหม่โดยตรง แบบไม่ต้องเข้าหน้าเว็บก่อน
ของใหม่อีกอย่างคือ Google Password Manager มีไอคอนของตัวเองเป็นรูปกุญแจแล้ว ถึงแม้ยังไม่มีแอพแยกเฉพาะ (เพราะแทรกอยู่ในเว็บ, Chrome, Android) แต่ผู้ใช้ Android สามารถปักหมุดช็อตคัตไปยังหน้า Password Manager ได้ด้วย
สัปดาห์ที่แล้ว Chrome for iOS เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ช่วยกรอกรหัสผ่านให้แอพอื่น ซึ่งถือเป็นการผลักดันให้ Google Password Manager ใช้งานได้เหมือนกันบนทุกแพลตฟอร์ม
ที่มา - Google
|
# Nothing ยืนยัน มือถือ Phone (1) ใช้ชิป Snapdragon 778G+ รุ่นพิเศษ ไม่ใช้เรือธงเพราะร้อน+แพง
บริษัท Nothing ของ Carl Pei ผู้ร่วมก่อตั้ง OnePlus กำลังจะเปิดตัวมือถือรุ่นแรก Phone (1) ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ซึ่งตอนนี้มีภาพด้านหลังเครื่องออกมาแล้ว
ล่าสุด Nothing ยืนยันกับเว็บข่าว Input ว่า Phone (1) จะใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 778G+ ซึ่งอาจทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะไม่ใช่ชิปเรือธงตระกูล Snapdragon 8 เหมือนมือถือยอดนิยมรุ่นอื่นๆ
Snapdragon 778G+ เป็นรุ่นพิเศษของ Snapdragon 778G ที่เปิดตัวช่วงกลางปี 2021 ใช้สถาปัตยกรรมซีพียู จีพียู โมเด็ม เหมือนกันทั้งหมด แต่เพิ่มฟีเจอร์ wireless charging และ reverse wireless charging เข้ามา ซึ่งเดิมทีสงวนไว้เฉพาะชิป Snapdragon รุ่นบนๆ เท่านั้น (Nothing ขอมาได้เป็นกรณีพิเศษ)
Carl Pei ซีอีโอของ Nothing อธิบายเหตุผลที่เลือก Snapdragon 778G+ ว่าต้องการหาจุดสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ พลังงาน และราคา เขาบอกว่าใช้ชิปแรงไปกว่านี้ก็ไม่คุ้มกับราคาและความร้อนที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในขณะที่ 778G+ ให้ประสิทธิภาพที่ดีพอในอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 1+, 8 Gen 1, 7 Gen 1 ที่ออกมาทีหลัง
ตัวของ Carl Pei มีมุมมองว่าตอนนี้สเปกของมือถือไม่มีผลแล้ว และก่อนเขาลาออกจาก OnePlus ก็ดูแลมือถือซีรีส์ Nord ที่ใช้ชิประดับกลาง แต่พยายามเน้นประสบการณ์ใช้งานที่ไหลลื่น
ตอนนี้เรายังไม่รู้ราคาเปิดตัวของ Phone (1) แต่มีข่าวหลุดออกมาว่ารุ่นล่างสุดคือ 469.99 ยูโร โดยเป็นราคาแถมหูฟัง Ear (1) ด้วย
ที่มา - Input, XDA
|
# ผู้บริหาร Meta แจ้งพนักงาน บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ต้องผลักดันโครงการใหม่ให้สำเร็จ
มีข้อมูลเอกสารภายในของ Meta ที่ Chris Cox หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์แจ้งพนักงาน ว่าตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่ร้ายแรง และได้รับผลกระทบหนัก ในครึ่งหลังของปี 2022 ผลงานทุกอย่างต้องทำออกได้ตามแผน ท่ามกลางสภาพตลาดที่การเติบโตลดลง และยังบอกว่าทีมงานทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยอาจไม่ได้งบประมาณสูง หรือการรับคนเพิ่มแบบในอดีต
เขายังพูดถึงการลงทุนใน 6 หัวข้อ ซึ่ง Meta ให้ความสำคัญสูงสุดตอนนี้ ที่ช่วยปิดช่องว่างของบริษัท และสนับสนุนแผนงานในระยะยาวตามกลยุทธ์ที่วางไว้
รายละเอียดของ 6 หัวข้อสำคัญอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ได้แก่ Metaverse, การผลักดัน Reels และ Discovery Engine, Community Messaging, AI, ความเป็นส่วนตัว และการต่อยอดสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น โฆษณาบน Reels, การพัฒนา AI ในด้านต่าง ๆ หรือการพัฒนา Messenger สำหรับภาคธุรกิจ
ที่มา: The Verge
|
# CoinFLEX เลื่อนถอนเงินออกไปไม่มีกำหนด บอกเหรียญ rvUSD มีผู้สนใจเพิ่มขึ้น
CoinFLEX ผู้ให้บริการตลาดซื้อขายคริปโต ที่ประกาศหยุดถอนเงินชั่วคราวถึงวันที่ 30 มิถุนายน และประกาศออกเหรียญ rvUSD ระดมทุนเพื่อจ่ายหนี้ ล่าสุดถึงกำหนดที่ต้องเปิดให้ถอนเงินแล้ว แต่ก็คงเดากันได้
Mark Lamb ซีอีโอ CoinFLEX ประกาศว่าตอนนี้บริษัทอยู่ในการพูดคุยกับนักลงทุนที่สนใจใน rvUSD ซึ่งได้รับการตอบรับที่มากขึ้น เมื่อการซื้อขายยืนยันเรียบร้อย บริษัทจะเปิดให้ลูกค้าถอนเงินได้ในลำดับถัดไป แต่ตอนนี้ยังคงระงับการถอนเงินอยู่
ก่อนหน้านี้ CoinFLEX บอกว่าปัญหาสภาพคล่องบริษัทเกิดจากลูกหนี้รายหนึ่งผิดนัดชำระเป็นเงิน 47 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Coinflex
|
# Instagram เริ่มทดสอบ ให้โพสต์แบบวิดีโอถูกนำไปลง Reels แทน
Instagram ทดสอบโดยเปลี่ยนให้การโพสต์แบบวิดีโอทั้งหมด ไปเป็นโพสต์ของ Reels แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ทำมาแข่งกับ TikTok มีผลกับผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งทั่วโลก
ตัวแทนของ Meta อธิบายการทดสอบนี้ว่า เป็นไปตามแผนที่จะปรับปรุงการใช้งานคอนเทนต์วิดีโอบน Instagram โดยผู้ใช้งานที่ถูกเลือกทดสอบ จะได้ข้อความแจ้งเมื่อโพสต์วิดีโอว่าจะถูกแชร์ไปที่ Reels
ความแตกต่างที่สำคัญของโพสต์วิดีโอปกติกับ Reels คือการนำเสียงในคอนเทนต์ไปใช้งานต่อ กรณีเป็นการโพสต์แบบสาธารณะ ซึ่งเนื้อหาสามารถถูกค้นพบได้แม้ไม่ติดตามบัญชี กรณีที่บัญชีที่โพสต์เป็นแบบส่วนตัว ก็จะมีเฉพาะผู้ติดตามที่เห็น อย่างไรก็ตามการนำเสียงไปใช้งานต่อนั้นสามารถกำหนดในการตั้งค่าได้
หาก Instagram ต้องการผลักดัน Reels มาแทนที่วิดีโอแบบเดิมจริง ๆ ความท้าทายจะอยู่ที่คอนเทนต์วิดีโอแนวนอน และคอนเทนต์วิดีโอเดิมที่เคยโพสต์ลงแพลตฟอร์มว่าจะแสดงผลออกมาอย่างไร
ที่มา: TechCrunch
|
# [ลือ] BlockFi ขายกิจการให้ FTX ด้วยมูลค่าที่ลดลงไปมาก - ซีอีโอ BlockFi ปฏิเสธข่าว
CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า FTX ผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตรายใหญ่ ได้ปิดดีลซื้อกิจการ BlockFi กระดานซื้อขายคริปโตอีกแห่งแล้ว คาดว่าดีลจะประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ โดยมูลค่าในการซื้อกิจการระบุว่าอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์ ลดลง 99% จากมูลค่ากิจการครั้งสุดท้ายที่ BlockFi เพิ่มทุนที่ 4,800 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ BlockFi ประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุน และ FTX ก็ได้เข้ามาให้วงเงินกู้ฉุกเฉินไปแล้ว 250 ล้านดอลลาร์
ตัวแทนของ FTX ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว เช่นเดียวกับ BlockFi ซึ่งไม่ให้ความเห็นต่อข่าวนี้เช่นกัน นอกจากนี้ Zac Prince ซีอีโอของ BlockFi ก็ทวีตต่อข่าวนี้ "ยืนยันว่าเราไม่ได้ขายกิจการที่ 25 ล้านดอลลาร์"
ที่มา: CNBC
|
# ซัมซุงประกาศเดินหน้าสายการผลิตชิป 3nm
ซัมซุงประกาศเดินสายการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 3nm เป็นครั้งแรก โดยคาดว่าชิปที่ผลิตด้วยกระบวนการผลิตนี้จะลดการใช้พลังงานได้ถึง 45%, ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 23% และใช้พื้นที่เวเฟอร์น้อยลง 16% เมื่อเทียบกับชิปที่ใช้เทคโนโลยี 5nm
ในการผลิตชิปชื่อเทคโนโลยีไม่ได้แปลว่าทุกส่วนจะลดขนาดลงจาก 5nm เหลือ 3nm ไปเสียทั้งหมด ทำให้พื้นที่เวเฟอร์ไม่ได้ลดลงตามสัดส่วนขนาดเทคโนโลยีโดยตรง ตัวสายการผลิต 3nm ของซัมซุงเตรียมการอัพเกรดอีกรอบ ทำให้ชิปใช้พลังงานลดลง 50% ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30% และใช้พื้นที่ลดลง 35%
ซัมซุงระบุว่าทำงานกับกลุ่มผู้พัฒนาเครื่องมือออกแบบชิป หลักๆ ได้แก่ Ansys, Cadence, Siemens, และ Synopsys เพื่อให้บริษัทผู้ออกแบบชิปสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีนี้ได้เร็วขึ้น
ที่มา - Samsung Electronics
ภาพกลุ่มผู้บริหาร Samsung Foundry Business และ Semiconductor R&D Center ชูสามนิ้วฉลองความสำเร็จในการเดินสายการผลิต
|
# OpenSea แจ้งเตือนผู้ใช้ให้ระวังฟิชชิ่งเมล หลังพบข้อมูลอีเมลแอดเดรสหลุดจำนวนมาก
OpenSea แพลตฟอร์ม NFT ได้แจ้งเตือนผู้ใช้กรณีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับอีเมลซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเรื่องฟิชชิ่งได้
OpenSea ระบุว่า พนักงานที่ Customer.io ผู้ให้บริการอีเมลที่ทำสัญญากับ OpenSea ใช้สิทธิ์การเข้าถึงของพนักงานเพื่อดาวน์โหลดและแชร์อีเมลแอดเดรสของผู้ใช้งาน OpenSea รวมถึงผู้สมัครสมาชิกรับข่าวสาร และนำข้อมูลนี้ไปส่งให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับสเกลการหลุดครั้งนี้ OpenSea ไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขที่ชัดเจน แต่ทางบริษัทระบุไว้ว่า “ถ้าคุณเคยแชร์อีเมลให้ OpenSea ในอดีต ให้สันนิษฐานได้เลยว่าได้รับผลกระทบไปด้วย” ซึ่งอนุมานได้ว่าข้อมูลหลุดครั้งนี้น่าจะใหญ่มาก และทางบริษัทกำลังร่วมมือกับ Customer.io เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และจะรายงานไปยังเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
การหลุดครั้งนี้อาจเป็นสาเหตุของอีเมลฟิชชิ่งได้ในอนาคต ดังนั้น OpenSea จึงแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าอย่าดาวน์โหลดอะไรจากอีเมล, หมั่นเช็คโดเมนเสมอ, ตรวจสอบ URL ในทุกเพจที่อยู่ในอีเมล, อย่าแชร์หรือยืนยันรหัสผ่านหรือ secret ที่ใช้งานกับ wallet ใด ๆ และอย่า sign ธุรกรรมใด ๆ ผ่านทางอีเมล
ที่มา - TechCrunch, OpenSea
|
# ก.ล.ต. สั่ง Bitkub แก้ไขการเลือกเหรียญ KUB มาขายบน Bitkub Exchange แบบผิดเกณฑ์
คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ Bitkub แก้ไขและอนุมัติการนำเหรียญ KUB ของตัวเองเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง (Bitkub Exchange) ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2565
ประเด็นนี้เริ่มมาจากวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 Bitkub อนุมัติเหรียญ KUB เข้ามาให้บริการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายของ Bitkub เอง โดยที่เหรียญ KUB มีคุณสมบัติไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้รับอนุมัติเข้ามาซื้อขายตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (Listing Rule) ของ Bitkub ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า Bitkub ให้คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่เคยได้รับการอนุมัติไว้ โดยเฉพาะการให้คะแนนในเรื่องมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจคในระดับที่ “สูงกว่ามาตรฐานและไม่เคยมีมาก่อน” แต่ไม่ปรากฏหลักฐานและเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า เหรียญ KUB มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่จริง นอกจากนี้ Bitkub ยังให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย
คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งที่สองของ ก.ล.ต. ต่อ Bitkub ที่ออกมาในวันนี้ (30 มิ.ย.) โดยเมื่อช่วงเย็น มีคำสั่งลงโทษปรับทางแพ่งต่อ Bitkub และ Satang Pro ในประเด็นเรื่องการปั๊มปริมาณซื้อขายเหรียญ
ที่มา - ก.ล.ต.
|
# แบงค์ชาติพบยอดผลิตฮาร์ดดิสก์ไทยตกต่ำ หลังประสบปัญหาชิปขาดแคลน
วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีงานแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินประจำเดือนพฤษภาคม โดยภาพรวมเป็นการติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากเหตุ COVID-19 ที่การส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ในแถลงมีประเด็นชิปขาดแคลน ทำให้ดัชนีการผลิตสำหรับฮาร์ดิสก์ในประเทศไทยตกต่ำลงอย่างหนัก
นอกจากประเด็นการผลิตฮาร์ดดิสก์ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังติดตามสถิติจาก Google Mobility ที่แสดงความพื้นตัวของเศรษฐกิจ มีการเดินทางมากขึ้น
ประเด็นชิ้นส่วนขาดแคลนเป็นประเด็นที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าต้องติดตามสถาณการณ์ ไปพร้อมๆ กับปัญหาเงินเฟ้อ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการ
ที่มา - Facebook: Bank of Thailand
|
# อะไรก็แพง JetBrains ขึ้นราคา IDE ยกแผง ยังซื้อราคาเก่าเก็บไว้ได้นาน 3 ปี
ยุคสมัยที่ของแพงทุกหย่อมหญ้า ล่าสุด JetBrains ประกาศขึ้นราคาค่าสมาชิก IDE และเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทยกแผง
JetBrains บอกว่าไม่ขึ้นราคามานาน 7 ปี ตอนนี้จำเป็นต้องขึ้นราคาแล้ว ราคาใหม่จะมีผลวันที่ 1 ตุลาคม 2022 ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อแพ็กเกจราคาเก่าสะสมไว้ได้นานถึง 3 ปี (เท่ากับซื้อก่อน 1 ตุลาคม ได้ราคาเดิมไปอีก 3 ปี แต่ต้องจ่ายก้อนใหญ่ตั้งแต่แรกทั้งหมด)
จากการสำรวจราคาบนหน้าเว็บ JetBrains ซอฟต์แวร์ยอดนิยมคือ IntelliJ IDEA รุ่น Ultimate ราคาเก่าคือ 149 ดอลลาร์ต่อปี ราคาใหม่ขึ้นเป็น 169 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนแพ็กเกจใหญ่ครบเซ็ตคือ All Products Pack (ได้ IDE ครบทุกตัวของบริษัท) ขึ้นราคาจาก 249 ดอลลาร์ต่อปีเป็น 289 ดอลลาร์ต่อปี
ส่วน IDE ตัวอื่นที่นิยมรองลงมา ก็มีราคาต่างกันไป เช่น PyCharm, GoLand, PhpStorm, RubyMine ขึ้นจาก 89 ดอลลาร์ต่อปีเป็น 99 ดอลลาร์ต่อปี ส่วน Rider (.NET IDE) ขึ้นจาก 139 ดอลลาร์ต่อปีเป็น 149 ดอลลาร์ต่อปี
ที่มา - JetBrains
|
# เปิดตัว Raspberry Pi Pico W บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์พร้อมไวไฟ ราคา 6 ดอลลาร์
Raspberry Pi เปิดตัวบอร์ดในตระกูล Pico จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วยบอร์ด Pico H, Pico W และ Pico WH ไฮไลท์อยู่ที่รุ่น Pico W บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดเล็กพร้อมไวไฟ 802.11n สำหรับรองรับงานด้าน IoT ต่อยอดความสำเร็จจากบอร์ด Raspberry Pi Pico รุ่นแรกที่สามารถทำยอดขายได้เกือบ 2 ล้านบอร์ดในเวลาเพียง 1 ปีครึ่งนับจากการเปิดตัวในเดือนมกราคม 2021
ตัวบอร์ดยังคงความเข้ากันกับรุ่นเดิมในแง่ของขนาด พอร์ตเชื่อมต่อ และซอฟต์แวร์ บอร์ด Pico W รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งในภาษา C ผ่าน Pico SDK (ต่อยอดจาก lwIP) และ MicroPython ในด้านของฮาร์ดแวร์ยังคงใช้ชิป RP2040 เหมือนรุ่นเดิม แต่เพิ่มชิป Wireless รุ่น CYW43439 จาก Infineon ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อทั้ง WiFi และ Bluetooth Classic และ Low-Energy แต่สำหรับ Bluetooth ยังไม่สามารถใช้งานได้ในวันเปิดตัว แต่อาจเปิดให้ใช้เพิ่มเติมด้วยซอฟต์แวร์ในอนาคต
Raspberry Pi Pico H และ Pico W วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ในราคา $5 และ $6 ตามลำดับ (ราคาไทยอ้างอิงจาก Cytron อยู่ที่ 216 และ 260 บาทตามลำดับ) ส่วน Pico WH จะตามมาในเดือนสิงหาคมในราคา $7
ที่มา: Raspberry Pi
|
# ก.ล.ต. เอาผิด Bitkub และ Satang Pro ข้อหาสร้างออเดอร์ทิพย์ ปั๊มปริมาณซื้อขายเหรียญ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศลงโทษผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ของบริษัท Bitkub และ Satang Pro (สองกรณีแยกกัน แต่ประกาศลงโทษพร้อมกัน)
กรณีของ Bitkub หรือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด เป็นการสร้างปริมาณเทียมของสินทรัพย์ดิจิทัล มีผู้กระทำความผิด 3 รายคือ (1) บริษัทบิทคับ (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย ผู้รับจ้างดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) (3) นายสกลกรย์ สระกวี ผู้บริหารของ Bitkub
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นายอนุรักษ์ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC) Bitcoin Cash (BCH) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองในศูนย์ซื้อขาย Bitkub โดยที่บริษัท Bitkub และนายสกลกรย์ รับทราบเรื่องนี้แต่ไม่ได้ทักท้วง
กรณีนี้ ก.ล.ต. สั่งโทษปรับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย เป็นเงินรายละ 8,053,764 บาท และห้ามนายอนุรักษ์ นายสกลกรย์ เป็นกรรมการหรือเป็นผู้บริหารนาน 12 เดือน รายละเอียดอ่านได้จาก ประกาศ ก.ล.ต.
ส่วนกรณีของ Satang Pro มีลักษณะคล้ายๆ กัน มีผู้กระทำผิด 4 รายคือ (1) บริษัทสตางค์ (2) บริษัท LLC Fair Expo ที่รับจ้างดูแลสภาพคล่อง (3) นายปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Satang Pro (4) Mr. Mikalai Zahorski เจ้าของและกรรมการผู้จัดการ (Managing Director) ของบริษัท LLC Fair Expo
เหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดย LLC Fair Expo ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 3 เหรียญได้แก่ Bitcoin (BTC) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของ Market Maker ในศูนย์ซื้อขาย Satang Pro และทางบริษัทสตางค์รับทราบ
ก.ล.ต. สั่งปรับทางแพ่งผู้กระทำความผิดรายละ 6,040,323 บาท โดยห้ามนายปรมินทร์ และ Mr. Mikalai เป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน รายละเอียดอ่านได้จาก ประกาศ ก.ล.ต.
|
# ถึงเวลาขาลง? คนดัง-เซเลบ เลิกใช้รูปโปรไฟล์ NFT กลับมาใช้รูปตัวเองเหมือนเดิม
เว็บไซต์งานศิลปะ ArtNet ชี้ประเด็นว่า หลังจากคนดัง เซเลบ ดารา นักร้อง นักกีฬา หันมาตื่นเต้นกับกระแส NFT โดยซื้อคอลเลคชัน NFT ยอดนิยม (เช่น Bored Ape Yacht Club) และนำภาพขึ้นเป็นภาพโปรไฟล์ในบัญชีโซเชียล ยิ่งทำให้กระแส NFT มาแรงในหมู่แฟนๆ ที่ติดตามคนดังเหล่านี้
แต่ตอนนี้เมื่อกระแสเริ่มตก ตลาดเริ่มซบเซา สิ่งที่พบคือคนดังหลายราย เช่น Serena Williams, Reese Witherspoon, Shonda Rhimes, Lil Durk, Travis Barker, Meek Mill เริ่มเปลี่ยนภาพโปรไฟล์กลับเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่คอลเลคชัน NFT แล้ว
สองคนดังที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการ NFT คือ Jimmy Fallon พิธีกรทีวีชื่อดัง และ Paris Hilton ไฮโซชื่อดัง ซึ่งเคยออกรายการและพูดเรื่อง NFT ด้วยกัน (ดูคลิปท้ายข่าว) ต่างก็ถอดรูปภาพ NFT ออก แม้ยังคงชื่อ .eth ต่อท้ายโปรไฟล์ก็ตามที
ที่มา - ArtNet
|
# Thunderbird ออกเวอร์ชัน 102 เพิ่มสมุดที่อยู่ตัวใหม่ หัวอีเมลปรับแต่งได้มากขึ้น
Mozilla Thunderbird ออกเวอร์ชันใหม่ 102 ตามรอบการออกปีละครั้ง (นับเวอร์ชันตาม Firefox แต่เวอร์ชันที่ออกก่อนหน้านี้คือ Thunderbird 91 แล้วข้ามมา 102 เลย) มีของใหม่หลายอย่าง
ปรับไอคอนและสีของโฟลเดอร์ใหม่
Address Book ตัวใหม่ หน้าตาสวยกว่าเดิม ไม่ดูล้าสมัยแล้ว
เพิ่มทูลบาร์ขนาดเล็กที่ด้านซ้ายมือสุด (Spaces Toolbar) ใช้สลับระหว่างอีเมล ปฏิทิน สมุดที่อยู่ แชท ฯลฯ (ปิดได้ถ้าไม่ต้องการ)
Message Header แถบแสดงหัวอีเมล ปรับแต่งได้มากขึ้น เช่น แสดงภาพของคนส่ง แสดงปุ่มเฉพาะไอคอน
Import/Export Wizard ตัวใหม่
ที่มา - Thunderbird
|
# Vim ออกเวอร์ชั่น 9.0 สคริปต์รุ่นใหม่ประสิทธิภาพดีขึ้นสิบเท่า, เพิ่มชุดสีแสดงเอกสาร
Vim ออกเวอร์ชั่น 9.0 นับเป็นเวอร์ชั่นใหญ่ตัวแรกในรอบ 6 ปี โดยความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Vim script ที่เป็นภาษาสคริปต์ที่ใช้คอนฟิก Vim เช่นในไฟล์ .vimrc แต่ที่จริงแล้วมันเป็นภาษาโปรแกรมมิ่งเต็มรูปแบบ
ใน Vim 9.0 มีการปรับแต่งหลายอย่างให้เหมือนภาษายุคใหม่ขึ้น เนื่องจากของเดิมนั้นเป็นการออกแบบไว้นานแล้ว และหลายอย่างก็ไม่มีเหตุผลที่ดีนัก ความแตกต่างสำคัญคือสคริปต์ตัวใหม่จะประสิทธิภาพดีขึ้นมากถึงสิบเท่าตัว การรันสคริปต์ตอนนี้ยังสามารถเลือกได้ว่าจะรันด้วย vim9 หรือ ใช้สคริปต์ตัวเก่า
ฟีเจอร์อีกส่วนคือชุดสี (color scheme) ที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก เปิดให้ผู้ใช้เลือกได้มากขึ้น และระบบช่วยเติมคำสั่ง (command line completion) ปรับปรุงให้แสดงคำสั่งต่อไปได้ดีขึ้น
ทีมงานอุทิศ Vim 9.0 ให้แก่ Sven Guckes ผู้สนับสนุน Vim มายาวนานและยังเป็นผู้จดโดเมน vim.org และสร้างเว็บให้ Vim ตั้งแต่แรก เขาเสียชีวิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ที่มา - Vim
|
# นี่หรือคืออนาคต นักพัฒนาสาย VR โวย Meta เก็บค่าธรรมเนียมสโตร์ 30% แพงเท่าแอปเปิล
Financial Times สัมภาษณ์นักพัฒนาแอพ-เกมสาย VR หลายราย ที่บ่นว่าบริษัท Meta เก็บค่าธรรมเนียมสโตร์ (Oculus Store เดิม หรือ Quest Store ในปัจจุบัน) ในอัตรา 30% ซึ่งถือว่าแพงเทียบเท่ากับสโตร์แอพมือถือของแอปเปิล-กูเกิล ทั้งที่ Mark Zuckerberg เองก็ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
โฆษกของ Meta ระบุว่านโยบายของบริษัทคือ ผู้ใช้สามารถ sideload แอพนอกสโตร์ได้เสมอ (สโตร์ทางเลือก เช่น SideQuest) นักพัฒนาจึงมีทางเลือกว่าจะเผยแพร่แอพของตัวเองผ่านช่องทางไหน
อย่างไรก็ตาม Financial Times อ้างข้อมูลจาก Sensor Tower ว่าตัวแอพของ Oculus มีคนดาวน์โหลด 19 ล้านครั้ง ส่วน SideQuest มีเพียง 4 แสนครั้งเท่านั้น ในทางปฏิบัตินักพัฒนาก็ไม่มีทางเลือกมากนักอยู่ดี
นอกจากเรื่องส่วนแบ่งค่าแอพแล้ว นักพัฒนาสาย VR ยังวิจารณ์กระบวนการส่งแอพขึ้น Quest Store ว่ายุ่งยาก และถ้าเทียบกับสโตร์ของแอปเปิลหรือกูเกิลนั้น Quest Store ยิ่งแย่กว่ากันมาก นักพัฒนารายหนึ่งบอกว่าใช้เวลานานถึง 9 เดือนกว่าจะส่งขึ้นสโตร์ได้ ในขณะที่ใช้เวลากับแอปเปิลแค่ 2 สัปดาห์
ที่มา - Ars Technica
|
# JR West เปิดตัวประตูชานชาลารถไฟแบบปรับตำแหน่งตามรถไฟได้ เตรียมใช้ที่ Osaka แห่งแรก
JR West บริษัทให้บริการรถไฟในภูมิภาคคันไซ ชูโงกุ และโฮกูริกุ ของญี่ปุ่น เปิดตัวประตูชานชาลารถไฟแบบใหม่ ซึ่งบอกว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่มีประตูชานชาลาที่ปรับเลื่อนตำแหน่งตามลักษณะของรถไฟได้
ประตูชานชาลารถไฟนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนลงไปบริเวณรางรถไฟ และจะเปิดเมื่อรถไฟมาถึง อย่างไรก็ตามประตูจะติดตั้งตามตำแหน่งและระยะ ทำให้รถไฟที่จอดในชานชาลาได้ก็ต้องมีระยะแต่ละประตูที่ตรงกันด้วย ประตูชานชาลาแบบใหม่นี้มีจุดเด่นคือใช้พื้นที่เต็มจากเพดานถึงพื้น มีส่วนบานย่อยที่สามารถเลื่อนไปมาได้ รองรับกับตำแหน่งประตูรถไฟที่หลากหลายขึ้น ทำงานอัตโนมัติโดยอ่านข้อมูลจากแท็กของรถไฟที่กำลังเคลื่อนเข้ามา
สถานีรถไฟแห่งแรกที่จะใช้ประตูชานชาลาแบบใหม่คือ Umekita ใกล้กับสถานี Osaka ในเมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นสถานีในพื้นที่เมืองใหม่ กำหนดให้บริการต้นปี 2023
ที่มา: NHK และ Government of Japan
|
# แอปฯ ธนาคารกรุงเทพล่ม รับวันเงินเดือนออก
ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 30 มิ.ย. 2022 ผู้ใช้ทวิตเตอร์มีการดันแฮชแทค #ธนาคารกรุงเทพ และ #กรุงเทพล่ม จนขึ้นเทรนด์อันดับที่ 2 และ 3 ของประเทศไทย เนื่องจาก BualuangM หรือแอปพลิเคชันโมบายแบงกิ้งของธนาคารดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ และถึงตอนนี้ทางธนาคารยังไม่แจ้งข้อมูลว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด รวมถึงจะกลับมาใช้งานได้เมื่อไร
อ้างอิง // แอปพลิเคชัน BualuangM ของธนาคารกรุงเทพ
|
# กอบกู้ไม่ไหว กองทุนคริปโต Three Arrows Capital ยื่นขอล้มละลายแล้ว
สำนักข่าว Sky News ของอังกฤษ รายงานว่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตชื่อดัง Three Arrows Capital ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ แต่จดทะเบียนที่หมู่เกาะ British Virgin ได้รับคำอนุมัติจากศาลของ British Virgins ให้ล้มละลายแล้ว
กองทุน Three Arrows Capital เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญของวิกฤตคริปโตขาลงช่วงกลางปี 2022 หลังจากเข้าลงทุนในเหรียญ Terra/Luna จนมีปัญหารอบแรก และต้องมาเจอกับภาวะราคาเหรียญคริปโตร่วงหนักในเดือนถัดมา ทำให้ลูกหนี้ของบริษัทบางราย เช่น Voyager ต้องผิดนัดชำระหนี้ของ Three Arrows จนทำให้ Three Arrows ก็ไม่มีเงินไปจ่ายเงินคืนให้ลูกค้า
การล้มละลายของ Three Arrows จึงเป็นที่น่าจับตาว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้างแค่ไหน ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Three Arrows คุยกับพาร์ทเนอร์หลายราย ถึงการขายกิจการหรือกู้เงินมาจ่ายหนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ข้อมูลจากหน้าเว็บของ Three Arrows ระบุว่าเข้าไปลงทุนในโครงการคริปโตเป็นจำนวนมาก ทั้งเหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin, Ethereum, Solana, Terra, Pokadot, Avalanche รวมถึงโครงการ DeFi, NFT, หุ้น และกองทุนคริปโตอื่นๆ ด้วย
ที่มา - Sky News
|
# [ลือ] Unity ปลดพนักงานออก 300-400 คน
บริษัท Unity เจ้าของเอนจินเกมยอดนิยม อาจเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายล่าสุดที่ต้องปลดคน โดย Kotaku อ้างแหล่งข่าวในแวดวงหลายราย ระบุว่า Unity ปลดพนักงานออก "หลายร้อยคน" (hundreds) (ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการคือ 300-400 คน แต่ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการปลดคน แปลว่าอาจมีเพิ่มอีก)
สถิติจำนวนพนักงานของ Unity ที่เคยรายงานเมื่อกลางปี 2020 ตอนที่เข้าขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์คือ 3,300 คน แต่ถ้าประเมินจากจำนวนพนักงานบน LinkedIn/Glassdoor ตอนนี้น่าจะอยู่ราว 5,000 คน
ปีที่แล้ว 2021 ช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังร้อนแรง เราเห็นข่าว Unity ซื้อกิจการมากมาย เช่น SpeedTree, Parsec, OTO, Weta Digital, Ziva Dynamics เมื่อสภาพเศรษฐกิจเริ่มอยู่ในช่วงขาลง และผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า ก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Unity ต้องปลดคน
ทาง Unity เองยังไม่ประกาศข่าวใดๆ ในเรื่องนี้
ที่มา - Kotaku
|
# สมาชิก กสทช. สหรัฐ ขอให้แอปเปิล-กูเกิล แบน TikTok เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคง ส่งข้อมูลกลับจีน
Brendan Carr หนึ่งในกรรมการ กสทช. ของสหรัฐ (Federal Communications Commission หรือ FCC มีคณะกรรมการทั้งหมด 5 คน แต่ปัจจุบันมี 4 คน อีกคนยังไม่ได้แต่งตั้ง) เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงแอปเปิลและกูเกิล ให้ถอด TikTok ออกจากร้านขายแอพของทั้งสองบริษัท ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง (เป็นการเขียนจดหมายในนามส่วนตัว ไม่ใช่มติของ FCC)
Carr อ้างรายงานข่าวของ BuzzFeed เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่าได้คลิปเสียงสนทนาภายในบริษัท ByteDance ที่คุยกันว่าพนักงานในจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ TikTok ในสหรัฐได้เป็นเวลานานหลายเดือน
Carr ส่งจดหมายถึง Tim Cook และ Sundar Pichai ว่าพฤติกรรมของ TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพราะส่งข้อมูลของประชาชนอเมริกันให้ประเทศจีน จึงร้องขอ (request) ให้ทั้งสองบริษัทถอด TikTok ออกจากสโตร์ และหากตัดสินใจไม่ถอดแอพออก ก็ขอให้ชี้แจงเหตุผลต่อเขาภายในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ด้วย
ทั้งแอปเปิลและกูเกิลยังไม่แสดงความเห็นต่อข่าวนี้
|
# Niantic ปลดพนักงาน 8% พร้อมยกเลิก 4 Projects ใหม่ รวมทั้ง Transformers: Heavy Metal
มีรายงานจาก Bloomberg ว่า Niantic ได้ปลดพนักงาน 8% คิดเป็นจำนวน 85-90 คน
นอกจากนี้ Niantic ยังตัดสินใจยกเลิกโครงการในแผนงานรวม 4 โครงการ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ต้องปลดพนักงาน และระบุว่าเพื่อให้บริษัทโฟกัสกับโครงการที่สำคัญมากขึ้น เช่น การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน Pokémon Go หรือการพัฒนาแพลตฟอร์ม Lightship
รายชื่อโครงการที่ถูกยกเลิกไปนั้น Bloomberg บอกว่า ได้แก่ Transformers: Heavy Metal นอกจากนี้ยังมีเกมที่พัฒนาร่วมกับ Punchdrunk และอีกสองเกมที่ใช้ชื่อภายในว่า Blue Sky กับ Snowball
ความท้าทายของ Niantic คือยังไม่มีเกม AR ที่ประสบความสำเร็จสูงเกมถัดไปจาก Pokémon Go ซึ่งเกมนี้ยังทำเงินได้ดีถึงปัจจุบัน โดยเกมล่าสุดที่เพิ่งประกาศไปคือ NBA All-World
ที่มา: The Verge
|
# MicroStrategy ประกาศซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 480 BTC ต้นทุนเฉลี่ยที่ 20,817 ดอลลาร์
MicroStrategy บริษัทที่ปรึกษาและพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ที่ช่วงไม่กี่ปีมานี้เป็นที่พูดถึงมาก จากการเปลี่ยนมาเน้นการลงทุนในบิตคอยน์จนเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท และเป็นองค์กรที่ถือครองบิตคอยน์รายใหญ่ของโลก รวมทั้งซีอีโอ Michael Saylor ก็มักออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับบิตคอยน์หลายครั้ง
ล่าสุด MicroStrategy ได้ส่งเอกสารแจ้ง กลต. สหรัฐ ว่าบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 480 BTC ในช่วงวันที่ 3 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน 2022 มูลค่าที่ซื้อรวมประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 20,817 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์
บริษัทบอกว่าหลังการซื้อบิตคอยน์เพิ่มนี้ ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยในเครือถือบิตคอยน์รวมที่ 129,699 BTC ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 30,664 ดอลลาร์ต่อบิตคอยน์
ที่มา: Coindesk
|
# Google บอกแอป Switch to Android รองรับ Android 12 แล้ว พร้อมบอก 10 เหตุผลที่ควรย้ายจาก iOS มา
กูเกิลประกาศว่าแอป Switch to Android แอปอำนวยความสะดวกในการย้ายข้อมูลจาก iOS ไปยัง Android ที่ออกมาเมื่อเดือนเมษายน ตอนนี้เริ่มรองรับสมาร์ทโฟน Android 12 ทั้งหมดแล้ว จากก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะ Pixel เท่านั้น
ในการย้ายข้อมูลจาก iPhone ไปยัง Android สามารถทำได้ในแอปนี้ผ่านการส่งข้อมูลจาก Wi-Fi หรือใช้สาย Lightning to USB-C ก็ได้ รองรับการย้ายข้อมูลแอป รูปภาพ รายชื่อติดต่อ และข้อความ
กูเกิลยังเขียนข้อมูลเพิ่มเติมถึง 10 เหตุผล ที่ควรย้ายมาใช้ Android รายละเอียดดังนี้
ฟีเจอร์ที่มากกว่าของ Messages
วิดีโอแชตที่รองรับทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้ง FaceTime ผ่าน Chrome
ย้ายเพลงได้สะดวก และรองรับ Apple Music
มีแอปให้เลือกใช้มากกว่า
ปกป้องความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน
ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มากกว่า และใช้ AirPods ต่อได้ด้วย
ทำงานทุกอย่างผ่านแอปในตระกูลกูเกิล
แชร์เพลงและรูปภาพผ่านทุกอุปกรณ์ ทั้ง Android, Chromebook และ Google Photos
Widgets ปรับแต่งหน้าแรก
รองรับเทคโนโลยีช่วยการเข้าถึงสำหรับทุกคนอย่าง TalkBack และ Live Transcribe
ที่มา: กูเกิล ผ่าน MacRumors
|
# เปิดตัว Snapchat+ บริการ subscription ได้ฟีเจอร์เสริมมากกว่า พร้อมลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร
Snap เปิดตัวบริการเสริมใหม่สำหรับผู้ใช้ Snapchat ในชื่อ Snapchat+ ตามที่มีข่าวทดสอบก่อนหน้านี้
โดยผู้สมัครใช้ Snapchat+ จะได้สิทธิเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ทั้งแบบที่มีให้เฉพาะสมาชิก Snapchat+ เท่านั้น เช่น ปรับแต่งไอคอนแอป, พินเพื่อนขึ้นมาเป็น BFF (best friend forever) รวมทั้งได้ร่วมทดลอง-ทดสอบ ฟีเจอร์อื่นก่อนใคร
บริการ Snapchat+ คิดค่าบริการที่ 3.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยในช่วงแรกจะเปิดให้สมัครใช้งานได้ในผู้ใช้งาน 9 ประเทศ ยังไม่มีประเทศไทย
ที่มา: Snap ผ่าน CNBC
|
# ประกาศผล MLPerf 2.0 วัดความแรงชิป AI: Google TPU โชว์เครื่องแรงสุด, NVIDIA ระบุนับต่อชิปยังชนะ, Intel เริ่มชนะบางหมวด
การวัดประสิทธิภาพการฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ MLPerf ประกาศผลรอบใหม่ ทำให้ผู้ผลิตรายหลักๆ ก็ออกมาเคลมชัยชนะในมุมของตัวเองกัน
Google Cloud นั้นส่งผลทดสอบของ TPU v4 เข้าร่วม และโชว์ว่าแรงกว่าเซิร์ฟเวอร์ "ที่หาซื้อได้" (available on-prem) อย่างชัดเจน โดยเครื่องที่ Google Cloud ส่งผลทดสอบนั้นสามารถเปิดใช้งานได้จริงผ่านบริการ ML hub
ทางฝั่ง NVIDIA นั้นพยายามโชว์ว่าเครื่อง Selene ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อสาธิต DGX A100 นั้นยังแรงสุดใน 4 ชุดทดสอบ จากทั้งหมด 8 ชุด และเมื่อวัดประสิทธิภาพต่อชิปเร่งความเร็วแล้ว ก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่ใน 6 ชุดทดสอบจากทั้งหมด 8 ชุด
สำหรับอินเทลที่มีชิป Habana Gaudi และเดิมเคยชูจุดขายในแง่ต้นทุนการฝึกโมเดล รอบนี้ใช้ชิป Habana Gaudi2 กลับมาโชว์ประสิทธิภาพว่าในเซิร์ฟเวอร์ติดตั้งชิปเร่งความเร็ว 8 ชุดเท่ากัน สามารถชนะ NVIDIA ได้ใน 2 ชุดทดสอบสำคัญ คือการฝึก ResNet-50 และ BERT โดยตัว Gaudi2 นี้มีประสิทธิภาพดีกว่า Gaudi รุ่นแรกหลายเท่า และตอนเปิดตัวอินเทลก็ระบุแต่แรกว่าประสิทธิภาพแรงกว่า NVIDIA A100 ในบางงานแล้ว
ที่มา - Google Cloud, NVIDIA, Intel
|
# Firefox ตัดคิวรีติดตามตัวออกจาก URL ในโหมดรักษาความเป็นส่วนตัว
Firefox 102 เพิ่งออกมาเมื่อวานนี้ มีการปรับปรุงฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม คือการตัดคิวรีที่ใช้ติดตามตัวออกจาก URL โดยอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานโหมดรักษาความเป็นส่วนตัว (Enhanced Tracking Protection - ETP) ทำให้เว็บไซต์จำนวนมากที่ติดตามการกดลิงก์ด้วยคิวรีเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
เว็บไซต์ที่ใช้คิวรีติดตามตัวชัดเจนที่สุดคงเป็นเฟซบุ๊ก ที่เพิ่มคิวรี fbclid= ต่อท้าย URL ที่กดออกจากเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กรู้ได้ว่าผู้ใช้เว็บภายนอกนั้นได้ลิงก์มาจากโพสใด แม้เราจะเปิดลิงก์ในโหมด incognito หรือแม้แต่การแชร์ลิงก์ให้เพื่อนผ่านแชตก็ตาม
นอกจากเฟซบุ๊กแล้ว พารามิเตอร์อื่นๆ ที่เป็นที่อยู่ในรายการว่าใช้ติดตามตัวจากบริการต่างๆ ก็จะถูกตัดออกไปด้วยเช่นกัน โดยเบราว์เซอร์ที่ใช้แนวทางนี้มาก่อนแล้วคือ Brave ที่มี Query String Filter มาเป็นเวลานานแล้ว
ที่มา - Bleeping Computer, Firefox
|
# ธนาคารกลางสิงคโปร์ บอกจะเข้มงวดกับคริปโตมากขึ้น ใครทำตัวไม่ดีจะใช้มาตรการรุนแรง
Sopnendu Mohanty หัวหน้าฝ่าย Fintech ของ Monetary Authority of Singapore (MAS) ธนาคารกลางสิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times บอกว่าจะกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม และบอกว่าจะใช้มาตรการขั้นรุนแรง (คำพูดต้นฉบับคือ "brutal and unrelentingly hard") กับคนที่ทำพฤติกรรมแย่ๆ ในวงการคริปโต
Mohanty ระบุว่าสิงคโปร์ถูกวิจารณ์จากวงการคริปโตมาตลอดว่า "ไม่เป็นมิตรกับคริปโต" คำถามของเขาคือเป็นมิตรกับใครกันแน่ เราควรเป็นมิตรกับภาคเศรษฐกิจจริง (real economy) หรือเป็นมิตรกับภาคเศรษฐกิจที่ไม่มีพื้นฐานจากความเป็นจริง ดังนั้น MAS จะไม่ทนกับพฤติกรรมแย่ๆ ในตลาด ถ้ามีใครทำตัวไม่ดีขึ้นมา MAS ก็พร้อมใช้มาตรการรุ่นแรงในการเอาผิด
สิงคโปร์ถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีบริษัทคริปโตไปตั้งเป็นจำนวนมาก ที่โด่งดังคือกองทุน Three Arrows Capital ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Mohanty บอกว่าสิงคโปร์ค่อนข้างระวังในการออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับคริปโต และที่ผ่านมาก็ให้ใบอนุญาตไม่เยอะนัก
Mohanty ยังแสดงความเห็นว่าโลกกำลังหลงทางกับสกุลเงินภาคเอกชน และเขาคาดว่าเราจะได้เห็นสกุลเงินดิจิทัลที่สนับสนุนโดยรัฐ (central bank digital currency หรือ CBDC) แพร่หลายแทนคริปโตภาคเอกชนในอีก 3 ปีข้างหน้า
ที่มา - Financial Times
|
# Blizzard ซื้อสตูดิโอเกม Proletariat ดึงกำลังคนเสริมทีมพัฒนา World of Warcraft
เราไม่ค่อยเห็น Blizzard Entertainment ซื้อกิจการสตูดิโอเกมมากนัก (ส่วนใหญ่คือฝั่ง Activision) แต่ล่าสุด Blizzard ประกาศซื้อ Proletariat สตูดิโอเกมสัญชาติอเมริกันจากบอสตัน ผู้พัฒนาเกม Spellbreak เกมมัลติเพลเยอร์แนวการต่อสู้ของพ่อมดแม่มด
Blizzard ระบุชัดว่าการซื้อกิจการรอบนี้คือการซื้อทีม โดย Proletariat จะปิดบริการเกม Spellbreak และทีมงานทั้งหมดของบริษัทประมาณ 100 คน จะย้ายมาทำโปรเจค Dragonflight ภาคเสริมตัวใหม่ของ World of Warcraft
เว็บไซต์ VentureBeat ระบุว่านี่เป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของ Blizzard แม้ไม่เปิดเผยมูลค่าดีลต่อสาธารณะ เหตุผลในการซื้อของ Blizzard คือต้องเร่งพัฒนา Dragonflight ให้มีคุณภาพถึงระดับที่ต้องการ ตามกำหนดเวลาที่วางแผนไว้ (คาดว่าจะออกภายในปีนี้)
เมื่อต้นปี 2021 เราเคยเห็นการโยกสตูดิโอ Vicarious Visions จากฝั่ง Activision ข้ามมาฝั่ง Blizzard เพื่อช่วยงานโปรเจค Diablo มาก่อนแล้ว การซื้อ Proletariat แสดงให้เห็นว่า Blizzard กำลังขาดคน และต้องแก้ปัญหาด้วยการซื้อกิจการ
ที่มา - VentureBeat
|
# Xiaomi นัดเปิดตัว 12S วันที่ 4 ก.ค. ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX989 ขนาด 1 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในตลาด
Xiaomi ประกาศงานแถลงข่าวเปิดตัว Xiaomi 12S Series มือถือเรือธงรุ่นครึ่งหลังของปีนี้ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2022 เวลา 18.00 ตามเวลาประเทศไทย
ตอนนี้เรารู้คร่าวๆ แค่ว่า Xiaomi 12S จะใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX989 ตัวใหม่ ที่มีขนาดของเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1 นิ้ว ถือว่าใหญ่ที่สุดในตลาด (คู่แข่งคือ Samsung ISOCELL GN2 ยังทำได้ที่ 1/1.22 นิ้ว) รวมถึงเป็นมือถือรุ่นแรกที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Leica ตามข่าวที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ (เสียบแทน Huawei ที่หมดสัญญากับ Leica)
ตามข่าวที่หลุดมาในโซเชียลจีน บอกว่า Xiaomi 12S จะมีด้วยกัน 3 รุ่นย่อยคือ 12S, 12S Pro, 12S Ultra โดยคาดว่ารุ่น Ultra เท่านั้นที่ได้เซ็นเซอร์ IMX989 ส่วนรุ่น Pro จะได้เซ็นเซอร์รุ่นรองลงมาคือ IMX707
ที่มา - GSM Arena
|
# Tesla ปลดพนักงานทีม Autopilot ออกเกือบ 200 คน ปิดสำนักงานใน San Mateo
Tesla ปลดพนักงานทีมพัฒนาข้อมูล (data annotation) สำหรับระบบช่วยขับขี่ Autopilot จำนวน 195 คน และปิดสำนักงานที่เมือง San Mateo ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เดิมทีทีมนี้มีพนักงาน 276 คน ทำให้เหลือ 81 คนซึ่งจะย้ายไปนั่งทำงานที่อื่นแทน
การปลดพนักงานรอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการลดพนักงานทั่วโลกลง 10% รับมือปัญหาเศรษฐกิจ ตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นเดือนนี้
เว็บไซต์ TechCrunch ระบุว่าพนักงานส่วนนี้เป็นงานทำป้ายกำกับข้อมูล (data labeling) ซึ่งเป็นงานทักษะต่ำ ค่าจ้างไม่แพง และคาดว่า Tesla จะย้ายงานส่วนนี้ไปยังสำนักงานในเมือง Buffalo ที่ค่าจ้างถูกกว่า
ที่มา - TechCrunch
|
# ผู้บริหาร Apple: "Samsung ลอกเราไปแบบห่วยๆ แล้วเอาไปใส่จอที่ใหญ่กว่า มันน่ารำคาญมาก"
เรียกได้ว่าเป็นคู่กัดและคู่แข่งกันมาตลอดสำหรับ Apple และ Samsung ทั้งในแง่ตัวผลิตภัณฑ์และการโฆษณา ซึ่งภายในบริษัทไม่ว่าจะ Apple หรือ Samsung เอง เรื่องนี้น่าจะเข้มข้นและจริงจังกว่าแค่การแซะกันผ่านโฆษณามาก
เมื่อ Greg (Joz) Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Apple ที่มาแทนที่ Phil Schiller ในปี 2020 คอมเมนต์ในสารคดี 15 ปี iPhone ของ Wall Street Journal เมื่อถูกถามถึง Samsung และ Android ที่ทำจอใหญ่ๆ ออกมาในช่วงแรก ซึ่ง Joz ก็คอมเมนท์ว่า "มันน่ารำคาญมากๆ เพราะว่าพวกเขาขโมยเทคโนโลยีเราไป เขาขโมยนวัตกรรมที่เราคิด ลอกเราไปแบบห่วยๆ แล้วเอาไปใส่ในจอที่ใหญ่กว่า และใช่ เราไม่ค่อยพอใจกันมาก"
สิ่งที่ Joz พูด น่าจะอ้างอิงถึงคดีความการฟ้องร้องระหว่าง Apple และ Samsung ที่กินระยะเวลาตั้งแต่ปี 2011-2018 ไปจบที่ศาลฎีกา ที่ Apple ฟ้องว่า Samsung ละเมิดสิทธิบัตรหลายรายการ เช่นการแตะเพื่อซูม, การวางกริดบนหน้าโฮม ไปจนถึงเรื่องดีไซน์ ทั้งฝั่งของมือถือและแท็บเล็ต
ที่มา - Wall Street Journal (นาทีที่ 13.59 เป็นต้นไป)
Greg Joswiak ให้สัมภาษณ์ในสารคดี 15 ปี iPhone ของ WSJ
|
# Deno เปิดตัว Fresh 1.0 เว็บเฟรมเวิร์คเน้นประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ ทำงานเร็ว ไม่ต้อง build
Deno ประกาศเฟรมเวิร์ค Fresh เวอร์ชั่น 1.0 พร้อมใช้งานเต็มรูปแบบ หลังจากเปิดตัวมาไม่นานนัก โดย Fresh แตกต่างจากเฟรมเวิร์คอื่นๆ ที่มันพยายามหลีกเลี่ยงการส่งจาวาสคริปต์ไปรันบนเบราว์เซอร์ หากไม่ได้คอนฟิก component ใดเป็นการเฉพาะ เว็บทั้งหมดที่เบราว์เซอร์ได้รับก็จะไม่มีต้องรันจาวาสคริปต์เลย
ทีมงาน Deno ระบุว่าเฟรมเวิร์คทุกวันนี้อาศัยการรันจาวาสคริปต์บนไคลเอนต์จำนวนมาก ผลที่ได้คือผู้ใช้มักต้องดาวน์โหลดโค้ดจาวาสคริปต์ขนาดใหญ่ การทำงานช้าลงโดยเฉพาะในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตัว Fresh จะส่งจาวาสคริปต์ไปเป็นส่วนๆ เฉพาะที่จำเป็น สำหรับนักพัฒนา Fresh ไม่มีขั้นตอนการ build กระบวนการพัฒนาและการ deploy จึงทำได้เร็วกว่าเฟรมเวิร์คอื่นๆ มาก
ก่อนหน้านี้ทีมงานระบุว่ายังไม่ควรใช้งาน Fresh บนโปรดักชั่น แต่การประกาศครั้งนี้ก็แสดงความพร้อมใช้งานแล้ว และเว็บ Deno เองก็รันบน Fresh จำนวนมากแล้ว
ที่มา - Deno
|
# PayPal ไทยประกาศเตรียมเปิดบริการ (อีกครั้ง) ให้ผู้ใช้โอนย้ายบัญชีมาไทย พร้อมยืนยันตัวตนด้วย NDID
PayPal ประเทศไทยประกาศเตรียมเปิดบริการ (อีกครั้ง) โดยให้ผู้ใช้งานเดิมของ PayPal ในไทย โอนย้ายบัญชีมาไทย พร้อมยืนยันตัวตนด้วยแพลตฟอร์ม National Digital ID (NDID) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม และจะทำการโอนย้ายบัญชี ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีนี้ เป็นต้นไป
อีเมลประชาสัมพันธ์ฉบับเต็ม
|
# แบบนี้ก็ได้เหรอ CoinFLEX แก้ปัญหาสภาพคล่อง เอาหนี้เก่ามาค้ำเหรียญใหม่มาขายอีกที
เว็บเทรดคริปโต CoinFLEX ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจนต้องหยุดให้ลูกค้าถอนเงินชั่วคราว เมื่อประมาณ 4 วันก่อน ประกาศแก้ปัญหาสภาพคล่องด้วยการออกเหรียญใหม่ rvUSD มาระดมทุนเพื่อไปจ่ายหนี้ของเดิม
CoinFLEX บอกว่าได้ให้กู้เงินกับลูกค้ารายหนึ่งของบริษัท เป็นมูลค่าราว 47 ล้านดอลลาร์ โดยไม่มีอะไรค้ำประกัน และลูกค้ารายหนี้เบี้ยวหนี้ไป บริษัทจึงมีปัญหาสภาพคล่อง
ทางออกของ CoinFLEX คือเอาหนี้ของลูกค้ารายนี้ มาเป็นหลักค้ำประกันการออกเหรียญใหม่ที่ชื่อว่า Recovery Value USD (“rvUSD”) เพื่อขายเหรียญใหม่แล้วเอาเงินไปจ่ายหนี้เก่าของลูกค้ารายอื่นๆ อีกที (หวังว่าจะไม่งงนะครับ) CoinFLEX บอกว่าจะเปิดขายเหรียญ rvUSD ระหว่างวันนี้ถึง 1 กรกฎาคม และคาดว่าจะเปิดให้ลูกค้าทั่วไปกลับมาถอนเงินได้ในวันที่ 30 มิถุนายน
การซื้อจำเป็นต้องซื้อด้วยเหรียญ USDC ในอัตรา 1:1 และ CoinFLEX การันตีสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทน 20% ที่ไม่ธรรมดาอีกขั้นคือ จ่ายดอกเบี้ยกลับเป็นเหรียญใหม่ rvUSD ซะด้วย
การขายเหรียญ rvUSD จะขายเฉพาะนักลงทุนที่อยู่นอกสหรัฐเท่านั้น (ด้วยเหตุผลด้านกฎระเบียบ) ต้องซื้อขั้นต่ำ 100,000 USDC และจำกัดเพดานการขายเหรียญสูงสุดที่ 47 ล้าน rvUSD
ในประเด็นเรื่อง "ลูกหนี้" ของ CoinFLEX ที่บอกว่าเบี้ยวนั้น ซีอีโอของ CoinFLEX มาเปิดเผยในภายหลังว่าคือ Roger Ver นักลงทุนคริปโตชื่อดังและเป็นผู้ก่อตั้ง Bitcoin.com ซึ่งทาง Roger Ver ก็ปฏิเสธว่าไม่มีหนี้กับ CoinFLEX แต่อย่างใด และจริงๆ แล้ว CoinFLEX เป็นหนี้เขาด้วยซ้ำ
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าตัวย่อเหรียญ rvUSD อาจหมายถึงชื่อ Roger Ver ก็เป็นได้
ที่มา - CoinFLEX, rvUSD whitepaper
|
# ครบทุกแพลตฟอร์มแล้ว Atlus ประกาศนำ Persona 3-4-5 ลง Nintendo Switch
ถัดจากซีรีส์ Persona พอร์ตไปลง Xbox และพีซี ทาง Sega/Atlus ก็ประกาศ Persona เวอร์ชัน Nintendo Switch ต่อทันที
เกมที่ลง Switch เป็นซีรีส์เดียวกันกับที่ลง Xbox ได้แก่ Persona 5 Royal, Persona 4 Golden, And Persona 3 Portable โดยเริ่มวางขายจาก Persona 5 Royal วันที่ 21 ตุลาคมนี้ วันเดียวกับที่ขายเวอร์ชัน Xbox และพีซี ส่วนอีกสองภาคก็บอกกว้างๆ แค่ว่าจะตามมาในระยะถัดไป
ที่มา - Kotaku
|
# Elon Musk มีผู้ติดตามใน Twitter มากกว่า 100 ล้านบัญชีแล้ว
Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX มีจำนวนผู้ติดตามใน Twitter มากกว่า 100 ล้านบัญชีแล้ว โดยข้อมูลจาก SocialBlade บันทึกว่าเขามีผู้ใช้งานผ่านเส้น 100 ล้าน ช่วงวันที่ 26-27 มิถุนายนที่ผ่านมา
Musk เป็นคนที่ 6 ซึ่งมีผู้ติดตามใน Twitter มากกว่า 100 ล้านบัญชี โดยอีก 5 คนคือ Barack Obama (มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก), Justin Bieber, Katy Perry, Rihanna และ Cristiano Ronaldo
ที่ผ่านมา Elon Musk เป็นผู้ใช้ Twitter ที่สร้างกระแสและความเคลื่อนไหวได้สูง จนนำไปสู่การเสนอซื้อกิจการ Twitter ที่สถานะตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการขอตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม
ที่มา: The Verge
|
# Pinterest เปลี่ยนซีอีโอ ได้คนใหม่มาจากฝ่าย E-Commerce ของ Google
Pinterest ประกาศว่า Ben Silbermann ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท จะลงจากตำแหน่ง โดยได้ซีอีโอคนใหม่คือ Bill Ready มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป
Silbermann จะรับตำแหน่งที่แต่งตั้งขึ้นใหม่คือ Executive Chairman และยังคงตำแหน่งในบอร์ดบริหารต่อไป
Bill Ready เคยทำงานที่กูเกิล โดยรับผิดชอบทั้งหัวหน้าฝ่าย Commerce, Payment และเคยดูแลฝ่าย Next Billion Users ก่อนทำงานที่กูเกิล เขาเคยทำงานที่ PayPal โดยมีตำแหน่งสูงสุดคือซีโอโอ
การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งซีอีโอนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน Silbermann บอกว่า Pinterest ในยุคถัดไปจะโฟกัสให้ผู้ใช้งาน สามารถซื้อ ทดลอง กับสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาค้นพบ ซึ่ง Bill เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับภารกิจนี้ เนื่องจากเข้าใจทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซและระบบการจ่ายเงิน
ที่มา: Pinterest
|
# Overwatch 2 เปิดทดสอบ Beta, แบบฟรียังจำกัดผู้เล่น แต่จ่ายเพื่อเล่นทันทีได้
Blizzard เปิดทดสอบ Overwatch 2 แบบ Beta แล้ว โดยเป็นการทดสอบแบบจำกัดเวลาระหว่าง 28 มิถุนายน ถึง 18 กรกฎาคม เพื่อนำความเห็นจากผู้เล่นกลับไปปรับปรุงตัวเกม ก่อนเริ่มให้บริการจริง 4 ตุลาคม
ผู้เล่น Overwatch 2 Beta จะเล่นเป็นตัวละครใหม่ของภาคนี้คือ Junker Queen, แผนที่ใหม่ Rio และเกมเวอร์ชัน Beta รองรับการเล่น cross-play ร่วมกับคอนโซล PlayStation, Xbox ด้วย
การสมัครเล่น Overwatch 2 Beta ต้องลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บ และ Blizzard จะทยอยเลือกผู้เล่นบางกลุ่มเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าอยากเล่นทันที ก็สามารถจ่ายเงินซื้อ Overwatch 2: Watchpoint Pack ในราคา 39.99 ดอลลาร์
ที่มา - Overwatch, Patch Notes
|
# HTC เปิดตัว Desire 22 Pro มือถือระดับกลางสำหรับ Metaverse (ตรงไหนนะ)
HTC กลับมาทำสมาร์ทโฟนตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี สินค้าที่ออกคือ HTC Desire 22 Pro มือถือระดับกลางสำหรับ Metaverse
หลายคนอาจงงว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร คำโฆษณาของ HTC บอกว่าใช้จอภาพ 6.6" คมชัด 1080x2412 120Hz ทำให้เสพคอนเทนต์ 3D ได้สมจริงโดยไม่จำเป็นต้องใส่แว่น แต่ถ้าอยากใส่แว่นก็สามารถใช้คู่กับแว่น Vive Flow ตัวใหม่ของบริษัท (ที่ก็ใช้กับสมาร์ทโฟนอื่นได้) ซึ่งอ่านจบแล้วก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพิเศษอย่างไร
สเปกอื่นๆ คือ หน่วยประมวลผล Snapdragon 695, แรม 8GB, สตอเรจ 128GB, แบตเตอรี่ 4250 mAh รองรับชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย, กล้องหลัง 3 ตัว 64MP + 13MP + 5MP, กล้องหน้า 32MP, กันน้ำกันฝุ่น IP67, รัน Android 12
ราคาขายในสหราชอาณาจักร 399 ปอนด์ (ประมาณ 14,000 บาท) วางขาย 1 สิงหาคมนี้
ที่มา - HTC, Android Police
|
# ทำไมคุ้น ๆ - Facebook Groups ทดสอบหน้าตาใหม่ สร้างห้องย่อยได้ มีห้องคุยเสียง
Facebook Groups ประกาศปรับปรุงการใช้งาน และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ โดยสถานะตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทดสอบ
การเปลี่ยนแปลงแรกคือรายชื่อกลุ่มทั้งหมด จะย้ายไปอยู่ทางซ้ายมือ ทำให้สามารถ pin กลุ่มที่ชอบไว้ด้านบน พร้อมสัญลักษณ์แจ้งเตือน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละกลุ่ม
ฟีเจอร์ต่อมาคือการแยกห้องย่อยคุยเฉพาะหัวข้อเรียกว่า Channel ซึ่งสร้างได้ทั้งห้องคุยแบบข้อความแชต ห้องโพสต์เนื้อหาแบบฟีด หรือห้องคุยเสียง ขณะที่แอดมินกลุ่มสามารถกำหนดหัวข้อสำคัญเช่น อีเวนต์ ไว้ด้านบนสุดของรายชื่อ Channel ได้
Facebook อธิบายว่ารูปแบบดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสนทนาแบบเชิงลึกเฉพาะเรื่องได้ตามความสนใจ และสามารถบริหารจัดการชุมชนได้ในหลายรูปแบบมากกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับผู้ใช้งานทุกคนภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ที่มา: Meta ผ่าน The Verge
|
# Sony เปิดตัว INZONE ไลน์สินค้า จอและหูฟัง สำหรับสายเกมมิ่ง
โซนี่เปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ในชื่อ INZONE ซึ่งเป็นสินค้าที่ออกแบบมาสำหรับสายพีซีเกมมิ่ง โดยตอนนี้มีสองอย่างคือ จอ และหูฟังแบบเฮดเซต
เริ่มที่จอ มีออกมาสองรุ่นคือ INZONE M9 จอ 27 นิ้ว, ความละเอียด 4K, อัตรารีเฟรช 144Hz, รองรับ HDR สูงสุดที่ 600-nit, DCI-P3 > 95%, อัตราตอบสนอง 1ms GtG ราคาขายในอเมริกา 899 ดอลลาร์
จออีกรุ่นคือ INZONE M3 มีสเป็กที่ลดลงมา หน้าจอขนาด 27 นิ้ว, ความละเอียด 1080p, รองรับ HDR สูงสุดที่ 400-nit, sRGB 99%, อัตราตอบสนอง 1ms GtG ราคา 529 ดอลลาร์
จอทั้งสองรุ่นยังมีโหมดปรับรูปแบบการแสดงผลอัตโนมัติ เช่น แยกระหว่างเกมจาก PS5 หรือเป็นการชมภาพยนตร์จากแผ่น Blu-ray ทำให้ได้ภาพที่เหมาะสมกับรูปการใช้งาน รวมถึงโหมดภาพเกม FPS ที่ช่วยให้ภาพในความมืดชัดเจนขึ้น รองรับทั้งการใช้งาน PS5 และเกมพีซี
ส่วนหูฟังเฮดเซตมีออกมา 3 รุ่น โดยรุ่นที่ราคาถูกที่สุดคือ INZONE H3 เป็นแบบมีสาย ราคา 99 ดอลลาร์, H7 เป็นแบบไร้สาย แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 40 ชั่วโมง ราคา 229 ดอลลาร์ และรุ่นบนสุด H9 รองรับการตัดเสียงรบกวน ราคา 299 ดอลลาร์ หูฟังรองรับเทคโนโลยี 360 Spatial Sound ของโซนี่ และในรุ่น H7 กับ H9 รองรับ Tempest 3D AudioTech ซึ่งเป็นฟีเจอร์รองรับเสียงรอบตัว 1,000 จุด ของ PS5
ที่มา: ZDNet
|
# Arm เปิดตัวซีพียูสถาปัตยกรรม Armv9 รุ่นที่ 2 รองรับ 12 คอร์, วงจรกราฟิกรองรับ Ray Tracing
Arm เปิดตัวชุดวงจรสำหรับผลิตอุปกรณ์เต็มรูปแบบ หรือ Total Compute Solution รุ่นที่สอง (TCS22) ประกอบด้วยซีพียู, ส่วนกราฟิก, และคอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น โมเด็มในซีพียู
ซีพียูออกใหม่สองตัว และอัพเดตเพิ่มเติมอีกหนึ่งตัว ได้แก่
Arm Cortex-X3 ซีพียูกลุ่มประสิทธิภาพสูงสุด ประสิทธิภาพเธรดเดี่ยวสูงขึ้น 34% เทียบกับรุ่นก่อน
Arm Cortex-A715 คอร์ประหยัดพลังงานใช้คู่กับ Cortex-X3 ประสิทธิภาพเทียบกับ Cortex-X1 ที่ออกมาสองปีก่อน
Arm Cortex-A510 คอร์เล็กเพื่อความประหยัดพลังงานสูงสุด อัพเดตการออกแบบเพื่อให้ใช้พลังงานลดลงกว่ารุ่นก่อน 5%
วงจรเชื่อมต่อระหว่างซีพียู DSU-110 รุ่นใหม่ รองรับการคอนฟิกคอร์ได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะแบบประสิทธิภาพสูงสุด คอนฟิกใส่ Cortex-X3 ได้ 8 คอร์ กับ Cortex-A715 อีก 4 คอร์ ให้ประสิทธิภาพระดับโน้ตบุ๊ก
ส่วนกราฟิกมีสินค้าใหม่ คือ Immortalis-G715 วงจรกราฟิกระดับเรือธง รองรับการเรนเดอร์แบบ ray tracing ที่ระดับฮาร์ดแวร์เร๋งความเร็วการเรนเดอร์ 3 เท่าตัว และการยังอัพเดตส่วนกราฟิก Mali-G715 และ Mali-G615 เปลี่ยนเอนจินภายในใหม่ รองรับ variable rate shading ให้เรนเดอร์ส่วนสำคัญ เช่นตัวละครละเอียดกว่าส่วนอื่นๆ เพื่อรักษาเฟรมเรต
คาดว่า Immortalis-G715 จะเริ่มอยู่ในสินค้าจริงปี 2023 ส่วนสินค้าอื่นๆ ทาง Arm ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลา แต่หลังจากนี้เราน่าจะเห็นผู้ผลิตซีพียูนำพิมพ์เขียวเหล่านี้ไปพัฒนาต่อเป็นชิปรุ่นใหม่อีกทีหนึ่ง
ที่มา - Arm
|
# Harvestella เกม RPG ผสมกิจกรรมปลูกผัก เกมใหม่จาก Square Enix
Square Enix เปิดตัวเกมใหม่ Harvestella เกม RPG จำลองการใช้ชีวิต ที่ผู้เล่นสามารถปลูกผัก ปรุงอาหาร เก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อขายแลกเงินไปซื้อไอเท็ม ตัวเกมดำเนินไปแบบ 4 ฤดูกาล โดยเมื่อครบรอบจะเข้าฤดูที่ 5 เรียกว่าฤดู Quietus ที่เป็นฤดูกาลแห่งความตาย
เมื่อเข้าสู่ฤดู Quietus ผู้เล่นจะเข้าสู่โหมดการปกป้องเมือง เพื่อไม่ให้ถูกทำลายไปจากฤดูกาลดังกล่าว
Harvestella กำหนดลง Nintendo Switch และ Steam ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ดูตัวอย่างเกมได้ท้ายข่าว
ที่มา: Polygon
|
# ปลูกผักกันต่อ Doraemon Story of Seasons ภาคใหม่ Friends of the Great Kingdom กำหนดขายปีนี้
Bandai Namco เปิดตัว Doraemon Story of Seasons: Friends of the Great Kingdom ภาคต่อของเกมโดราเอมอน ผสมกับปลูกผัก ในงานแถลงข่าว Nintendo Direct Mini ที่รวมเกมใหม่จากพาร์ทเนอร์
ตัวอย่างที่เปิดตัวไม่ได้ให้รายละเอียดของเกมมากนัก โดยเนื้อเรื่องคือโดราเอมอนและผองเพื่อน เดินทางไปยังดาวลึกลับแห่งหนึ่ง จึงเริ่มกิจกรรมเพื่อทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ผ่านการทำฟาร์มและปลูกผัก ตัวเกมยังคงรูปแบบจากภาคแรก Doraemon Story of Seasons มีทั้งของวิเศษ และกิจกรรมต่าง ๆ ในเกม
เกมยังไม่กำหนดวันวางขาย แต่บอกว่าภายในปีนี้ 2022 โดยลงทั้ง Switch, PS5 และ Steam
ที่มา: Nintendo Everything
|
# Niantic เปิดตัว NBA All-World เกม AR ธีมบาสเก็ตบอล ดวล 1-1 ตามแป้นบาสในแผนที่
บริษัท Niantic เจ้าพ่อเกม AR เปิดตัวเกมใหม่ NBA All-World เป็นเกมบาสเก็ตบอลที่ได้ไลเซนส์จากลีก NBA
NBA All-World เป็นเกมบาสเก็ตบอลแบบ 1 ต่อ 1 ที่ผสมผสานการเก็บไอเทมบนแผนที่ตามสไตล์ Niantic เข้ามา ตอนนี้ยังไม่มีคลิปเกมเพลย์ออกมาให้เห็น แต่จากภาพตัวอย่างของเกมเราจะเห็น "แป้นบาส" อยู่ตามจุดต่างๆ ของแผนที่ ลักษณะคล้าย PokeStop ในเกม Pokemon Go แล้วดูเหมือนว่าเราจะต้องดวลบาสเก็ตบอลกับคนที่เป็นเจ้าของแป้นบาสอันนั้น ซึ่งจะมีนักกีฬา NBA จริงๆ มาให้ต่อสู้ด้วย นอกจากนี้เกมยังมีการเก็บไอเทมต่างๆ เช่น อุปกรณ์กีฬา รองเท้า เพื่อนำมาปรับแต่งตัวละครของเราด้วย
Niantic ยังไม่บอกว่าจะเปิดบริการเกมเมื่อไร บอกว่าจะเปิดแบบ beta ในเร็วๆ นี้
ที่มา - Niantic, The Verge
|
# ชาวยูเครนระดมทุน Crowdfunding ซื้อโดรน Baykar ได้ 3 ลำ บริษัทให้ฟรี เอาเงินไปช่วยประชาชนเถอะ
ต่อจากข่าวชาวลิทัวเนียช่วยระดมทุน Crowdfunding 5.4 ล้านยูโร ซื้อโดรนจู่โจม Bayraktar ให้ยูเครน
หลังแคมเปญของลิทัวเนียประสบความสำเร็จ ทำให้ชาวยูเครนหันมาทำแคมเปญระดมทุน Crowdfunding แบบเดียวกันบ้าง และสามารถหาเงินได้มากถึง 20 ล้านยูโร ซื้อโดรน Baykar Bayraktar TB-2 ได้ถึง 3 ลำ
แต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น เพราะบริษัท Baykar จากตุรกีที่สร้างโดรนนี้ ประกาศว่าจะยกโดรน 3 ลำให้กองทัพยูเครนใช้ฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้ Baykar ก็เคยยกโดรนฟรี 1 ลำตอนแคมเปญของชาวลิทัวเนียไปแล้ว (เท่ากับว่ายูเครนได้โดรนฟรี 4 ลำ)
บริษัท Baykar บอกว่าไม่ได้ต้องการเงินค่าโดรน และขอให้นำเงินที่ระดมทุนได้นี้ไปช่วยเหลือชาวยูเครนที่ยากลำบากแทนดีกว่า
ที่มา - Baykar
|
# ชาติยุโรป 5 ประเทศขอเลื่อนกำหนดแบนการขายรถใช้น้ำมันไปอีก 5 ปี จากเป้าเดิมปี 2035
เมื่อต้นเดือนมิถุนายน รัฐสภายุโรปได้ผ่านโหวตให้แบนการจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป
ล่าสุดมีประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 5 ชาติ คืออิตาลี, โปรตุเกส, สโลวาเกีย, บัลแกเรีย และโรมาเนีย ได้แสดงความจำนงให้เลื่อนการแบนออกไปอีก 5 ปี คือปี 2040 โดยระบุว่าปี 2035 ขอให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ 90% ก่อน แล้วค่อยลด 100% ภายในปี 2040
เจ้าหน้าที่จากบัลแกเรียคนหนึ่งระบุว่าการออกนโยบายแบบนี้ต้องคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจและสังคมด้วย เพราะแต่ละชาติในสหภาพยุโรปก็มีกำลังซื้อที่ต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรปก็ระบุว่าเป้าหมายปี 2035 นั้นสำคัญมาก เพราะอายุของรถยนต์หนึ่งคันคือ 15 ปี หากเลื่อนกำหนดออกไปอีกก็จะทำให้พลาดเป้าใหญ่ปี 2050 ที่ต้องการทำให้สหภาพยุโรปปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ที่มา - Reuters
ภาพโดย Gustavo Fring
|
# PRQL ภาษาคิวรีทดแทน SQL ออกรุ่น 0.2 ระบุพร้อมใช้งานจริงแล้ว
PRQL (อ่านว่า prequel ล้อกับ SQL ที่อ่านว่า sequel) ประกาศออกเวอร์ชั่น 0.2 ที่ระบุว่าพร้อมใช้งานได้จริงแล้ว
ตัวภาษา PRQL ออกแบบให้เป็นการแปลงข้อมูลต่อเนื่อง (pipeline of transformations) โดยแต่ละคำสั่งเป็นการแปลงข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ ตัวภาษาเมื่อใช้งานจริงจะต้องแปลงเป็น SQL ก่อนรันจริง โดยมีฟีเจอร์ภาษาที่ช่วยให้การเขียนคิวรีง่ายขึ้น เช่น ตัวแปร, ฟังก์ชั่น, และ format string
การใช้งานหลักๆ ของ PRQL จะเป็นงานด้านวิเคราะห์ข้อมูล (analytics) ที่การคิวรีแบบกรองข้อมูลเป็นชั้นๆ เป็นธรรมชาติมากกว่า และแม้ว่าทางโครงการจะระบุว่าเริ่มใช้งานได้จริง แต่ฟีเจอร์ต่างๆ ก็ยังจำกัดอยู่มาก เช่น การทำงานร่วมกับ IDE, หรือการซัพพอร์ตฐานข้อมูลที่แม้จะซัพพอร์ตหลายแบรนด์แต่ก็อาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก
ที่มา - GitHub: PRQL
|
# บริษัทคริปโต Voyager ประกาศผิดนัดชำระหนี้คริปโตมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท เพราะมีเงินไม่พอ
Voyager แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโตที่โฆษณาว่าให้ผลตอบแทนสูงสุด 12% ประกาศว่าจะผิดนัดชำระหนี้ (default) ของเจ้าหนี้รายใหญ่คือกองทุน Three Arrows Capital (3AC) ของสิงคโปร์ เนื่องจากมีเงินในมือไม่พอ
โมเดลธุรกิจของ Voyager คือรับเงินคริปโตจากบุคคลหรือบริษัทอื่นไปลงทุนต่อ โดยให้ผลตอบแทน (ไม่ใช่ดอกเบี้ยแต่ใช้คำว่า reward!) กลับคืนมา 12% ส่วนกองทุน Three Arrows Capital เป็น hedge fund ที่หากำไรจากการลงทุนในคริปโตรูปแบบต่างๆ โดยนำเงินลงทุนจากคนอื่นมาอีกทีเช่นกัน
ตลาดคริปโตที่ราคาร่วงแรงทำให้ Three Arrows Capital ถูกลูกค้าบังคับให้ทำ margin call หรือขายเหรียญในราคาต่ำตามที่กำหนดเพื่อมาชดใช้หนี้ ซึ่งกองทุนเพิ่งประสบปัญหาลงทุนในเหรียญ Terra/Luna และขาดทุนมารอบหนึ่งในเดือนที่แล้ว ทำให้ต้องเรียกเงินลงทุนจากแหล่งต่างๆ กลับมาอีกที
หนี้ของ Three Arrows ที่อยู่ใน Voyager แบ่งเป็น Bitcoin 15,250 BTC และเหรียญ Stablecoin อีก 350 ล้าน USDC (มูลค่ารวมกันประมาณ 670 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.4 หมื่นล้านบาท) แต่ Voyager ระบุว่ามีเงินสดในมือ 137 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
Voyager บอกว่าขอกู้เงินจากกองทุนอีกแห่งคือ Alameda Ventures ของ Sam Bankman-Fried ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX เว็บเทรดคริปโตรายใหญ่ เพื่อมาเติมสภาพคล่อง (เคยขอมาแล้ว 200 ล้านดอลลาร์ + 15,000 BTC และขอเพิ่มอีก 75 ล้านดอลลาร์) บริษัทกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้จ่ายเงินให้ลูกค้าคืนได้
การที่ Three Arrows ไม่สามารถเรียกเงินคืนจาก Voyager ได้ และติดหนี้ต่อกันเป็นทอดๆ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของโครงสร้างการเงินโลกคริปโต และต้องจับตาว่าจะส่งผลกระทบต่อวงการคริปโตในภาพรวมขนาดไหน
ก่อนหน้านี้เราเห็นข่าวบริษัทคริปโตหลายรายที่หยุดให้ลูกค้าถอนเงินออกชั่วคราว เพราะเจอปัญหาสภาพคล่อง แต่กรณีของ Voyager คือถึงขั้นออกมาประกาศว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้วจริงๆ
ที่มา - Voyager, The Block
|
# ไมโครซอฟท์ออก Edge WebView2 Runtime กลับมาให้ Windows 10 ใช้งาน
หลังไมโครซอฟท์ย้ายเอนจินของ Edge มาเป็น Chromium เสร็จ ก็ผลักดันการใช้งาน Edge WebView2 สำหรับแอพพลิเคชันบนวินโดวส์ที่ต้องการเรนเดอร์เว็บเพจ ตอนนี้แอพของไมโครซอฟท์หลายๆ ตัว เช่น Office หรือ Outlook ก็ย้ายมาใช้ WebView2 กันบ้างแล้ว
ข้อจำกัดของ WebView2 คือมันมาพร้อมกับ Windows 11 เท่านั้น หากใช้ Windows 10 ที่ยังใช้ WebView ตัวเก่าที่เป็นเอนจิน EdgeHTML ของเดิม ก็จะเจอข้อจำกัดเรื่องความแตกต่างของเอนจิน ที่อาจแสดงผลต่างกัน
ล่าสุดไมโครซอฟท์จึงออก WebView2 Runtime สำหรับ Windows 10 มาให้ นักพัฒนาแอพสามารถผนวกรันไทม์นี้ไว้กับไฟล์ติดตั้งแอพ เพื่อการันตีว่าแอพจะเรียก WebView2 เสมอบน Windows 10 ได้ด้วย (รองรับ Windows 10 April 2018 Update ขึ้นไป)
ไมโครซอฟท์บอกว่าตัวรันไทม์ WebView2 มีขนาดเล็ก เพราะตัวเอนจินจริงๆ ผูกกับเบราว์เซอร์ Edge Chromium (ที่ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตให้ Windows 10 มาก่อนแล้ว) นักพัฒนาสามารถเลือกได้ว่าจะบังคับเวอร์ชันของรันไทม์ หรือจะให้อิงตามเวอร์ชันของ Edge ในเครื่อง ดังนั้นถ้าเวอร์ชันย่อยตรงกันก็แทบไม่เปลืองพื้นที่ดิสก์เลยด้วยซ้ำ
ที่มา - Microsoft
|
# Valve เตือนนักม็อด การเปลี่ยนรุ่น SSD ของ Steam Deck อาจทำให้อายุเครื่องน้อยลง
ถึงแม้ Valve ออกแบบเครื่องเกม Steam Deck ให้ปรับแต่งฮาร์ดแวร์ได้ง่าย ถึงขั้นแจกไฟล์ CAD และขายอะไหล่ผ่าน iFixit แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันถูกออกแบบมาสำหรับชิ้นส่วนทุกประเภท
ล่าสุด Lawrence Yang ทีมออกแบบฮาร์ดแวร์ของ Valve ออกมาเตือนชุมชนนักม็อด ว่าการเปลี่ยน SSD ของเครื่องจากเดิมที่ใช้ M.2 2230 มาเป็น M.2 2242 ที่มีขนาดยาวขึ้น อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องในระยะยาว เพราะระบบระบายความร้อนของ Steam Deck ออกแบบมาสำหรับ SSD แบบ 2230 เท่านั้น การเปลี่ยนมาใช้ 2242 ที่กินไฟกว่าเดิม ร้อนกว่าเดิม จะส่งปัญหาได้
ตัวเครื่อง Steam Deck มีสตอเรจสูงสุด 512GB และข้อจำกัดเรื่องความเร็วของ microSD ที่คงไม่สามารถแทนกันได้โดยตรง ทำให้ชุมชนนักม็อดเครื่องหาวิธีใส่สตอเรจที่ใหญ่ขึ้น และมาค้นพบว่าสามารถใส่ M.2 2242 ที่หาซื้อได้ง่ายในตลาด
ที่มา - Engadget
|
# Google Hangouts เตรียมปิดให้บริการทั้งหมด พฤศจิกายน 2022 นี้
กูเกิลประกาศแผนปิดตัวบริการแชต Hangouts หลังประกาศย้ายผู้ใช้งานที่ยังมีอยู่ใน Google Workspace เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้งานแอป Hangouts ในมือถือจะได้รับข้อความให้ย้ายไปใช้แชตใน Gmail หรือแอป Chat แทน เช่นเดียวกับผู้ใช้ Chrome extension จะได้ข้อความเตือนให้ย้ายเหมือนกัน
ส่วนผู้ใช้ Hangouts ใน Gmail เวอร์ชันบนเว็บ กูเกิลบอกว่าจะเริ่มแสดงข้อความในการย้ายแชตอย่างเร็วที่สุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้กูเกิลแนะนำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการเก็บข้อมูลแชตเดิมไว้ ให้ดาวน์โหลดข้อมูลออกมาก่อนผ่าน Google Takeout โดยบริการ Hangouts ทั้งหมด จะปิดและไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อีก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป
ที่มา: The Verge
|
# ซีอีโอ FTX ปฏิเสธข่าวสนใจซื้อกิจการแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้น Robinhood
Sam Bankman-Fried หรือ SBF ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ ให้สัมภาษณ์กับ NPR บอกถึงสถานการณ์ราคาสินทรัพย์คริปโตที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ว่าปัจจัยหลักมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐ ที่ทำเพื่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ
Sam Bankman-Fried หรือ SBF ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX ออกมาปฏิเสธ หลังมีรายงานข่าวว่า FTX กำลังเจรจาซื้อกิจการ Robinhood Markets แพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นชื่อดัง โดยบอกว่าไม่มีแผนควบรวมกิจการ แต่บอกว่าได้ศึกษาหาวิธีเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันอยู่
ด้าน Robinhood ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว SBF เปิดเผยว่าเขาได้ซื้อหุ้น Robinhood คิดเป็น 7.6% ของหุ้นทั้งหมด แต่ตอนนั้นเขายืนยันว่าไม่ได้ต้องการซื้อกิจการแต่อย่างใด นอกจากนี้ Robinhood ยังมีโครงสร้างหุ้นสองคลาส ที่ทำให้ผู้ก่อตั้งถือสิทธิโหวตถึง 64% ในปัจจุบัน การซื้อกิจการจึงทำได้ยากหากผู้ก่อตั้งไม่ยินยอม
Robinhood มีผลประกอบการเติบโตสูงในปี 2021 ส่วนหนึ่งจากปรากฎการณ์ Meme Stock ที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก ขณะเดียวกัน FTX ก็เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมให้บริการซื้อขายหุ้นสหรัฐเร็ว ๆ นี้
ที่มา: Reuters
|
# LG ซื้อบริษัทพัฒนาระบบชาร์จรถอีวี AppleMango เตรียมเข้าสู่ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์เต็มรูปแบบ
LG Electronics ประกาศเข้าซื้อบริษัท AppleMango ผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับชาร์จรถยนต์อีวี เพื่อเข้าสู่ธุรกิจระบบชาร์จรถยนต์เต็มรูปแบบ โดย LG มีแผนจะพัฒนาสถานีชาร์จไฟพร้อมอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่ายพร้อมระบบควบคุมและบริหารจัดการแบบเรียลไทม์
AppleMango ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 เป็นบริษัทพัฒนาระบบและเทคโนโลยีสำหรับชาร์จรถยนต์อีวีระดับแถวหน้า ซึ่ง LG จะใช้เทคโนโลยีของ AppleMango และร่วมมือกับ GS Energy กับ GS Neotek ให้เป็นผู้บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบชาร์จไฟ
LG ระบุว่า การเข้าซื้อ AppleMango จะช่วยนำมาพัฒนาโซลูชั่นสถานีชาร์จไฟของ LG ซึ่งทางบริษัทจะใช้เทคโนโลยีโดยเฉพาะจอดิจิทัลที่กันน้ำ, ฝุ่น และทนทานต่อสภาพอากาศภายนอก และจะเป็นการเสริมธุรกิจอีวีของ LG ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่รถอีวีรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างระบบจัดเก็บพลังงาน (ESS) และโซลูชั่นบริหารจัดการพลังงาน
ที่มา - LG Newsroom, Engadget
|
# Mark Gurman พยากรณ์ ปีนี้มี Mac Pro ชิป M2 Extreme เหนือกว่า Ultra, ปีหน้าขึ้นยุค M3
Mark Gurman นักข่าวสายแอปเปิลคนดังแห่ง Bloomberg ให้ข้อมูลแผนการออกสินค้าแอปเปิลชุดใหญ่ดังนี้
กลุ่มเครื่องแมค ที่จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2022
Mac Mini ที่ใช้ M2 และ M2 Pro
MacBook Pro 14" และ 16" ที่ใช้ M2 Pro และ M2 Max
Mac Pro ที่ใช้ M2 Ultra และ M2 Extreme ที่เหนือชั้นกว่า Ultra
นอกจากนี้ Gurman ยังพูดถึงชิป M3 แล้ว บอกว่าจะมี MacBook Air 13", MacBook Air 15", iMac และโน้ตบุ๊ก 12" รุ่นใหม่ที่ยังไม่ระบุชื่อด้วย คาดว่าสินค้ากลุ่ม M3 จะเปิดตัวช่วงครึ่งแรกของปี 2023
กลุ่ม iPad
iPad Pro ใช้ชิป M2 chip
iPad ใช้ชิป A14 และมีพอร์ต USB-C
สินค้าอื่นๆ
Apple TV รุ่นใหม่ ใช้ชิป A14 เพิ่มแรมเป็น 4GB
HomePod รุ่นใหม่ ใช้ชิป S8 ตัวเดียวกับใน Apple Watch แต่ขนาดจะใกล้เคียง HomePod รุ่นแรกสุด (รุ่นเดิมเป็นชิป S6) น่าจะออกปี 2023
Apple Watch Series 8 ใช้ชิป S8 สเปกใกล้เคียงกับ Series 6/7
แว่น AR/VR อาจใช้ชิป M2
ที่มา - 9to5mac, 9to5mac, 9to5mac, MacRumors
|
# พบ MacBook Pro 13" M2 รุ่นล่าง ใช้ SSD ความเร็วช้ากว่า MBP 13" รุ่นเก่า M1 เท่าตัว
ช่อง YouTube สายเทคโนโลยีคือ Max Tech กับ Created Tech ทดสอบ SSD ของ MacBook Pro 13" M2 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว พบว่าในเครื่องรุ่นล่างสุด สตอเรจ 256GB ใช้ SSD ที่มีอัตราเร็วในการอ่าน-เขียน ลดลงจาก MacBook Pro 13" M1 รุ่นเดิม (ที่เป็นบอดี้เดียวกัน ต่างกันแค่ชิป)
อัตราเร็วในการอ่าน M2 1,446 MB/s เทียบกับ M1 2,900 MB/s
อัตราเร็วในการเขียน M2 1,463 MB/s เทียบกับ M1 2,215 MB/s
จากการลองแกะเครื่องพบว่า รุ่น M2 ใช้ SSD รุ่นที่มีชิปหน่วยความจำ NAND ตัวเดียว ส่วนรุ่นเก่า M1 ใช้ SSD ที่เป็น NAND 128GB สองตัว จึงน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไม SSD ของรุ่น M1 เร็วกว่าประมาณเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เกิดเฉพาะคอนฟิกรุ่น 256GB เท่านั้น เพราะผลทดสอบรุ่น M2 512GB พบว่ามีอัตราเร็วในการอ่าน-เขียนใกล้เคียงกับรุ่น M1
ที่มา - MacRumors
|
# [ลือ] ถึงยุคมือถือกล้องหน้า 60MP ซูม 5x ใน Huawei Nova 10 Pro ที่จะเปิดตัวต้น ก.ค.
Huawei จะเปิดตัวมือถือรุ่นกลาง Nova 10 ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ช่วงนี้ก็เริ่มมีข่าวหลุดออกมาบ้างแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจคือเว็บไซต์ Huawei Central รายงานข่าวว่า Nova 10 จะมีกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 60MP ถือว่าสูงที่สุดของสมาร์ทโฟนยุคนี้เลยทีเดียว
กรณีของ Nova 10 รุ่นธรรมดาจะมีกล้องหน้า 60MP (ultrawide) เพียงตัวเดียว แต่ถ้าเป็น Nova 10 Pro จะเป็นกล้องหน้าคู่คือ 60MP + 8MP depth มาช่วยให้การถ่ายภาพพอร์เทรทด้วย
ถ้าเทียบกับ Huawei Nova 9 Pro รุ่นก่อนหน้ามีกล้องหน้าคู่ 32MP ก็ถือว่ากล้องหน้า 60MP ตัวใหม่พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ข้อมูลอีกอย่างคือระบบกล้องหน้าของ 10 Pro จะสามารถทำการซูม 5x ได้ด้วย แต่ยังไม่มีรายละเอียดตามมาว่าใช้เทคนิคใด คงต้องรอดูกันในวันงานแถลงข่าว
ที่มา - Huawei Central, Huawei Central (2)
|
# ซัมซุงเปิดตัวเซ็นเซอร์ Isocell HP3 ความละเอียด 200MP แต่ขนาดพิกเซลเล็กลง 12%
ซัมซุงเปิดตัวเซ็นเซอร์ภาพ ISOCELL HP3 ความละเอียด 200MP เป็นรุ่นอัพเกรดของเซ็นเซอร์ ISOCELL HP1 ที่มีความละเอียด 200MP รุ่นแรก ออกเมื่อกลางปีที่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงของเซ็นเซอร์รุ่น HP3 คือใช้เม็ดพิกเซลขนาดเล็กที่สุดในอุตสาหกรรมคือ 0.56-micrometer (μm) เล็กลงจากเดิม 12% (รุ่น HP1 ขนาด 0.64μm) เมื่อตัวเซ็นเซอร์โดยรวมมีขนาดเล็กลง ก็ช่วยให้ขนาดของโมดูลกล้องเล็กลงได้ 20% นำไปใส่ในสมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น
ฟีเจอร์อื่นของ ISOCELL HP3 ได้แก่ Super QPD เม็ดพิกเซลทุกเม็ดช่วยทำออโต้โฟกัสได้, รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K@30fps หรือ 4K@120fps, รองรับเทคนิค Tetra2pixel การนำพิกเซล 4 เม็ดมารวมแสงกัน เทียบเท่าเซ็นเซอร์ 1.12μm 50MP (4 รวมเป็น 1) หรือ 2.24μm 12.5MP (16 รวมเป็น 1) ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น
หลังจากซัมซุงเปิดตัว ISOCELL HP1 ก็ยังไม่นำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใด (มีแต่เอาไปต่อเลนส์ DSLR โชว์ความสามารถของเซ็นเซอร์) ซึ่งอาจเกิดจากข้อจำกัดเรื่องขนาดของเซ็นเซอร์ด้วย การที่เซ็นเซอร์ HP3 มีขนาดเล็กลง จึงน่าจับตาว่ามันอาจนำไปใช้ในเรือธงรุ่นหน้าอย่าง Galaxy S23 Ultra
ที่มา - Samsung
|
# Nutanix Files 4.1 เพิ่มฟีเจอร์ป้องกัน Ransomware
Nutanix ออกโปรแกรม Nutanix Files เวอร์ชั่น 4.1 โดยตัวโปรแกรมนี้ใช้สำหรับให้บริการแชร์ไฟล์ผ่าน SMB หรือ NFS สำหรับองค์กรที่มีเซิร์ฟเวอร์สตอเรจของตัวเองอยู่แล้ว ความพิเศษของเวอร์ชั่นนี้คือมันรองรับการป้องกันมัลแวร์เข้ารหัสไฟล์ในตัว
Files อาศัยการจับพฤติกรรมการใช้งานสตอเรจ ตรวจสอบ metadata ว่าเป็นการเข้ารหัสไฟล์เดิมในสตอเรจหรือไม่ หากตรวจพบก็สามารถแจ้งผู้ดูแลระบบ หรือสามารถคอนฟิกให้บล็อคไคลเอนต์ที่น่าจะติดมัลแวร์ออกไปจากสตอเรจเลยก็ได้
นอกจากระบบป้องกันมัลแวร์เข้ารหัสไฟล์แล้ว Files ยังเพิ่มฟีเจอร์เขียนครั้งเดียว (Write-Once-Read-Many - WORM) สำหรับข้อมูลที่ต้องการเก็บตามเงื่อนไขทางกฎหมาย ผู้ใช้สามารถคอนฟิกได้ว่าสามารถแก้ไขไฟล์ได้ในช่วงแรกๆ ระหว่างการทำงาน เมื่อพ้นช่วงเวลาที่กำหนดไว้แล้วไฟล์จะอ่านได้อย่างเดียวจนกระทั่งพ้นช่วงเวลาบังคับเก็บไฟล์ที่กำหนดไว้ หลังจากนั้นจะเปิดให้ลบไฟล์ได้ การเก็บไฟล์แบบ WORM นี้นอกจากเป็นการป้องกันการแก้ไขข้อมูลตามกฎหมายแล้ว ยังใช้เก็บข้อมูลป้องกันการถูกมัลแวร์เข้ารหัสโจมตีได้อีกทางด้วย
ที่มา - Nutanix
|
# GitHub แจกเงินนักพัฒนาโอเพนซอร์ส 900 คน รวม 500,000 ดอลลาร์
GitHub ใช้โครงการ GitHub Sponsor ของตัวเอง สนับสนุนนักพัฒนาที่เปิดรับการสนับสนุนมากกว่า 900 คน รวมมูลค่าทั้งหมด 500,000 ดอลลาร์
นักพัฒนาที่ได้รับการสนับสนุนเป็นนักพัฒนาที่ดูแลโครงการที่เกี่ยวข้องกับ GitHub เอง ไม่ว่าจะเป็นตัวบริการ GitHub, npm, GitHub Desktop, GitHub Mobile, หรือ GitHub CLI เป็นการแสดงตัวอย่างให้ดูว่าองค์กรที่พึ่งพิงโอเพนซอร์สควรช่วยเหลือชุมชนกลับคืน
แนวทางเรียกร้องให้ผู้ใช้โอเพนซอร์สช่วยกันสนับสนุนนักพัฒนาเพิ่มมากขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการโอเพนซอร์สถูกใช้งานในโครงสร้างสำคัญๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ช่องโหว่เช่น Heartbleed สร้างผลกระทบให้กับองค์กรจำนวนมากจนมีการตั้งกองทุนเพื่อจ้างนักพัฒนามาดูแลโครงการเต็มเวลาและตรวจสอบความปลอดภัย แต่โครงการเล็กๆ ที่อาจจะมีผู้ใช้ไม่มากนัก การเปิดให้คนทั่วไปสนับสนุนจำนวนเงินไม่มากนักก็น่าจะช่วยนักพัฒนาให้มีกำลังใจดูแลโครงการได้
ที่มา - GitHub
|
# Sonatype เตือนแฮกเกอร์ยังพยายามขโมยข้อมูลผ่านแพ็กเกจ PyPI ต่อเนื่อง
Sonatype พบแพ็กเกจภาษาไพธอน 4 ตัวบน PyPI มีโค้ดขโมยข้อมูลบนเครื่อง ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลล็อกอินหรือกุญแจล็อกอินเซิร์ฟเวอร์ โดยตอนนี้พบ 5 โมดูลผ่านระบบอัตโนมัติของ Sonatype ได้แก่ loglib-modules (ชื่อเลียนแบบ loglib), pyg-modules (เลียนแบบ pyg), pygrata, pygrata-utils, hkg-sol-utils
จากการตรวจสอบพบว่าในโค้ด setup.py จะพยายามกวาดเอาไฟล์ข้อมูลสำคัญ เช่น ตัวแปร environment, กุญแจ AWS, หรือกุญแจ secure shell เพื่ออัพโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์คนร้าย
ทีมงานเข้าตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์บางตัว พบว่ามันแสดงข้อมูลที่ขโมยมาบนหน้าเว็บโดยไม่ได้ปกปิดอะไร ทำให้คนร้ายอื่นๆ สามารถเข้ามาโหลดข้อมูลเหล่านี้ออกไปได้ด้วย ทำให้ไม่แน่ใจว่าแฮกเกอร์นั้นเลินเล่อเองไม่ปกป้องข้อมูลที่ขโมยมาได้ หรือมีใครพยายามทดสอบความปลอดภัยของระบบตัวเองอยู่แล้วอัพโหลดแพ็กเกจขึ้น PyPI จริงๆ
ที่มา - Sonatype
|
# NASA ส่งจรวดเชิงพาณิชย์นอกอเมริกาเป็นครั้งแรก ที่ท่าอวกาศยานในออสเตรเลีย
สำนักงานอวกาศออสเตรเลีย (Australian Space Agency) ประกาศความสำเร็จในการส่งจรวดเชิงพาณิชย์ร่วมกับ NASA เป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ เวลา 20:44น. ตามเวลาในไทย จากท่าอวกาศยานใน Arnhem และเป็นการส่งจรวดเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ NASA ที่ทำนอกสหรัฐอเมริกา
โครงการส่งจรวดครั้งนี้มี 3 ลำ ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เพื่อศึกษาผลกระทบของแสงจากดวงดาวต่อพฤติกรรมของโลก โดยจรวดลำแรกจะส่งตัวตรวจสอบรังสีเอกซ์ ว่าผลต่อวิวัฒนาการกาแลกซีอย่างไร ส่วนจรวดอีกสองลำจะเป็นการสำรวจระบบดาวฤกษ์ Alpha Centauri
ท่าอวกาศยานใน Arnhem บริหารงานโดย Equatorial Launch Australia (ELA) มีจุดเด่นกว่าท่าอวกาศยานอื่นที่ทำให้ NASA เลือกใช้สำหรับภารกิจนี้ เพราะมีสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งคงที่ และห่างจากเส้นศูนย์สูตรเพียง 12 องศา
ที่มา: CNA
|
# Valorant จะเริ่มเก็บตัวอย่างเสียงสนทนาในเกม เพื่อพัฒนาระบบตรวจสอบการด่า-เหยียด
Riot Games ประกาศเริ่มเก็บตัวอย่าง "เสียงสนทนา" ในห้องแชทเสียงของเกมในเครือ เพื่อพัฒนาระบบตรวจสอบพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในเกม ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่แล้ว โดย Riot ระบุว่าจะเริ่มจากเกม Volorant ก่อนขยายไปยังเกมอื่นๆ ในเครือต่อไป
ปัญหาเรื่องการเหยียดหรือด่ากันผ่านห้องแชทเสียง เป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานในวงการเกม โดยเฉพาะเกมแนวมัลติเพลเยอร์ที่ Riot Games ถนัด
ตอนนี้ Riot Games ปรับแก้นโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อขอบันทึกเสียงของผู้เล่นแล้ว ขั้นถัดไปวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ จะเริ่มเก็บตัวอย่างเสียงในตลาดสหรัฐอเมริกาและเก็บเฉพาะเสียงภาษาอังกฤษ เพื่อใช้เทรนโมเดล machine learning ก่อน จากนั้นจะเริ่มทดสอบระบบบันทึกเสียงแบบ Beta ภายในปีนี้
จากนั้น ระบบของ Riot จะเก็บเสียงไว้ใช้ตรวจสอบเมื่อผู้ใช้กดรายการปัญหาเข้ามาเท่านั้น (ไม่ได้มอนิเตอร์ตลอดเวลา) ซึ่งยังไม่ระบุว่าจะเริ่มเมื่อไร
ที่มา - Riot Games, Eurogamer
|
# Linus Torvalds บอกใกล้ได้เวลาเคอร์เนลลินุกซ์รองรับภาษา Rust อย่างเป็นทางการ
Linus Torvalds ไปพูดที่งานสัมมนา Open Source Summit โดยบอกว่าเคอร์เนลลินุกซ์จะรองรับโค้ดที่เขียนด้วยภาษา Rust ในเร็วๆ นี้ และอาจเป็นเคอร์เนลเวอร์ชันหน้า 5.20
ไอเดียเรื่องการนำภาษา Rust ที่เป็น memory-safety มาใช้กับเคอร์เนลลินุกซ์ เป็นสิ่งที่พูดกันมาสักระยะแล้ว ตัวของ Linus เองนั้นไม่ปิดกั้นแต่ก็ไม่รีบร้อน ช่วงปลายปี 2021 ทีมพัฒนาเคอร์เนลกลุ่มหนึ่งก็เสนอแพตช์ชุดแรกที่ทำให้เคอร์เนลรองรับภาษา Rust (ตัวโครงการคือ Rust for Linux)
ตัวของ Torvalds บอกว่าหลังจากพูดคุยเรื่องนี้กันมานาน ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่มันจะเกิดขึ้นแล้ว เขายังบอกว่าทุกคนอยากได้ฟีเจอร์ memory safety จึงมีเหตุผลทางเทคนิคที่ควรรองรับ Rust ในเคอร์เนล แต่เขาก็บอกว่าวงการเคอร์เนลเคยลองภาษาใหม่ๆ กันมาก่อนแล้ว เช่น เมื่อ 25 ปีก่อนเคยลอง C++ อยู่สองสัปดาห์แล้วก็เลิกไป เขาจึงหวังว่าการลอง Rust รอบนี้จะสำเร็จ
ที่มา - The Register
|
# เพิ่มความโซเชียล - Spotify ทดสอบฟีเจอร์ ดูว่าเพื่อนฟังเพลงอะไรอยู่แบบเรียลไทม์
มีรายงานว่า Spotify กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Community เพื่อให้ผู้ใช้งานผ่านแอปมือถือ เห็นกิจกรรมที่เพื่อนทำ เช่น กำลังฟังเพลงใดอยู่ตอนนั้น หรือได้อัพเดตเพลงอะไรไปในเพลย์ลิสต์
ที่ผ่านมาฟีเจอร์แชร์ว่ากำลังฟังเพลงอะไรอยู่ มีอยู่แล้วในบริการโซเชียลเช่นใน Facebook แต่กรณีของ Spotify น่าจะทำให้เกิดการสนทนาระหว่างผู้ใช้งานแบบเจาะจงกันมากขึ้น และช่วยสร้างฐานผู้ใช้งานให้เติบโตได้มากขึ้น
ในการใช้งาน จะมีหัวข้อใหม่เรียกว่า Community ในนั้นจะแสดงข้อมูลเพลย์ลิสต์ที่เราติดตามหากมีการอัพเดตเพลง ส่วนด้านล่างเป็นรายชื่อเพื่อนและเพลงที่พวกเขากำลังฟังอยู่ตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Spotify บอกว่าฟีเจอร์อยู่ในขั้นตอนทดสอบจำกัดผู้ใช้งาน และไม่ได้บอกว่าจะมีให้ใช้ทั่วไปเมื่อใด
ที่มา: TechCrunch
|
# มาอีกราย เว็บเทรดคริปโต CoinFLEX หยุดให้ถอนเงินออกชั่วคราว จากปัญหาสภาพคล่อง
CoinFLEX เป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตรายล่าสุดที่ประกาศหยุดถอนเงินชั่วคราว โดยคาดว่าจะกลับมาให้ลูกค้าถอนเงินได้ในวันที่ 30 มิถุนายน แต่ก็ต้องรอการยืนยันอีกครั้ง
ปัญหาของ CoinFLEX และแพลตฟอร์มรายคริปโตอื่นๆ ที่ประกาศหยุดถอนเงินชั่วคราวในช่วงนี้ เกิดจากสภาพคล่องของบริษัทในภาวะที่ลูกค้าแห่กันมาถอนเงินออก กรณีของ CoinFLEX ระบุคร่าวๆ ว่าเกิดจากสถานการณ์คู่ค้ารายหนึ่ง ที่ไม่บอกว่าเป็นใคร แต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่กองทุน 3 Arrows Capital ที่เป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้
ที่มา - CoinFLEX
|
# Bitpanda เว็บเทรดคริปโตฝั่งยุโรป ปลดพนักงานออกราว 1/3 รับฤดูหนาวคริปโต
Bitpanda แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตสายยุโรป (บริษัทแม่อยู่ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย) ประกาศปลดพนักงาน จากสภาวะ crypto winter ตลาดคริปโตที่มูลค่าลดลงไปมาก จึงต้องปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วยการเอาคนออก
Bitpanda บอกว่าพนักงานที่เหลืออยู่มีจำนวน 730 คน แม้ไม่บอกว่าปลดออกเท่าไร แต่ตัวเลขที่ประเมินจากสถิติใน LinkedIn บอกว่าเดิมบริษัทมีพนักงานมากกว่า 1,000 คน เท่ากับว่าปลดออกเกือบ 1/3
ก่อนหน้านี้ Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ เพิ่งประกาศปลดพนักงานไป 1,100 คน หรือคิดเป็น 18% ของพนักงานทั้งหมด
ที่มา - Bitpanda, Coindesk
|
# Chrome OS รองรับการซิงก์ภาพจากมือถือ Android ผ่านแอพ Phone Hub
Chrome OS มีฟีเจอร์ Phone Hub สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android มาตั้งแต่ปี 2021 ลักษณะเดียวกับ Phone Link (Your Phone เดิม) ของ Windows
ล่าสุดกูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ซิงก์รูปภาพให้ Phone Hub แล้ว ดังนั้นหากใช้ Chromebook ร่วมกับ Android ก็สามารถดึงภาพจากสมาร์ทโฟนมาได้โดยตรงเลย (ไม่ได้มีอะไรใหม่กว่าคู่แข่ง แต่ฝั่งกูเกิลเพิ่งทำได้)
กูเกิลยังบอกว่าจะเพิ่มฟีเจอร์การแพร์หูฟัง Bluetooth แบบแตะทีเดียวให้ Chrome OS (Fast Pair) โดยจะจำคู่หูฟังไว้ในบัญชีกูเกิล และซิงก์ไปให้พร้อมใช้งานหากมีอุปกรณ์ Chrome OS เครื่องอื่นด้วย
ที่มา - Google
|
# ยาน Mars Express อัพเกรดซอฟต์แวร์อุปกรณ์สำรวจ บนความท้าทายเพราะทำงานอยู่บน Windows 98
องค์การอวกาศยุโรป หรือ European Space Agency (ESA) รายงานข้อมูลของโครงการ Mars Express ยานสำรวจดาวอังคาร ที่ส่งออกจากโลกไปตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งมีอุปกรณ์ MARSIS ที่ใช้สัญญาณเรดาร์ตรวจสอบหาสิ่งที่อยู่ใต้ผิวดินของดาวอังคาร แต่ปัญหาคือซอฟต์แวร์ของ MARSIS ถูกผลิตขึ้นเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่บน Windows 98
โดยทีมวิศวกรซอฟต์แวร์ของ Enginium ได้เข้ามาช่วย ESA ในการอัพเกรดซอฟต์แวร์ของ MARSIS เพื่อให้การเก็บข้อมูลภาพและรายละเอียดต่าง ๆ ทำได้ละเอียดมากขึ้น บนความท้าทายสำคัญคือโปรแกรมนี้ต้องทำงานอยู่บน Windows 98 ต่อไป ซึ่งผลลัพธ์นั้น ESA บอกว่าเหมือนได้ MARSIS ตัวใหม่ อย่างไรก็ตาม ESA ไม่ได้ให้รายละเอียดวิธีการอัพเกรดนี้
ผลงานเด่นของ Mars Express คือการค้นพบแหล่งน้ำชั้นใต้ดินบนดาวอังคารเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ที่มา: The Verge
|
# Cisco ถอนตัวออกจากรัสเซียและเบลารุสอย่างถาวร ปลดพนักงาน คืนเงินให้ลูกค้า
Cisco เป็นบริษัทไอทีรายล่าสุดที่ถอนตัวออกจากรัสเซียและเบลารุสทั้งหมด เหมือนกับที่ IBM และ Microsoft ถอนตัวออกไปแล้ว
Cisco ประกาศหยุดทำธุรกิจในรัสเซียมาตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากเฝ้าดูสถานการณ์มาอีก 3 เดือนก็ตัดสินใจปิดกิจการ โดยระบุว่าจะดูแลพนักงานอย่างดี และจะชำระหนี้หรือคืนเงินค่าบริการต่างๆ ให้กับลูกค้าที่ค้างอยู่ด้วย
การถอนตัวของ Cisco ที่เป็นบริษัทอุปกรณ์โครงข่ายรายสำคัญ ย่อมมีผลต่อโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีของรัสเซียไม่น้อย อย่างก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า หลัง Microsoft ถอนตัว ผู้ใช้ก็ไม่สามารถดาวน์โหลด Windows 10/11 ในรัสเซียได้แล้ว หรือฝั่งของ Google/Apple ที่หยุดขายแอพในรัสเซีย ก็หยุดอัพเดตแอพ Android/iOS ที่เป็นแบบจ่ายเงินเช่นกัน
ที่มา - Cisco, Networkworld
ภาพจาก Cisco
|
# Microsoft เตรียมแสดงคำเตือนผู้ใช้ Windows 8.1 ว่าใกล้หมดระยะขยายเวลาซัพพอร์ตแล้ว
เชื่อว่าผู้อ่าน Blognone ที่ยังใช้ Windows 8.1 น่าจะมีไม่มาก แต่หากมีอุปกรณ์ใดที่ใช้อยู่ ก็ต้องเตือนว่า Windows 8.1 จะหมดระยะเวลาขยายการซัพพอร์ต (extended support) ที่ไมโครซอฟท์จะออกเฉพาะแพตช์ความปลอดภัยเป็นเวลา 5 ปี โดยกำหนดคือ 10 มกราคม 2023 ต้นปีหน้า
เนื่องจากเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งปี ไมโครซอฟท์จึงเตรียมส่งการแจ้งเตือนตั้งแต่กรกฎาคมเป็นต้นไป ว่า Windows 8.1 ใกล้หมดการสนับสนุนทุกอย่างแล้ว
คำแนะนำของไมโครซอฟท์คือให้ผู้ใช้อัพเกรดไปเป็น Windows 11 เลย หากฮาร์ดแวร์รองรับ ส่วน Windows 10 นั้นเป็นทางเลือก ทั้งนี้ Windows 10 จะหมดระยะเวลาขยายการซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
ที่มา: ZDNet
|
# ไทยมีทีวีดิจิทัลช่องใหม่ ช่องการศึกษา ALTV ของ Thai PBS ได้ใบอนุญาตช่อง 4 จาก กสทช.
ประเทศไทยมีสถานีทีวีดิจิทัลช่องใหม่แล้ว หลัง กสทช. เห็นชอบให้ใบอนุญาตกับ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท) หรือ Thai PBS เปิดช่องการศึกษา ALTV ทีวีเรียนสนุก โดยให้เลขช่องเป็นช่อง 4 (ช่องหลักของ Thai PBS คือช่อง 3)
ตัวองค์กร ส.ส.ท. เริ่มโครงการช่องเพื่อการศึกษา Active Learning TV มาได้สักระยะแล้ว (เริ่มทำปี 2563) โดยเผยแพร่ภาพผ่านทางช่องดาวเทียม KU-Band และออนไลน์ (เว็บไซต์สำหรับดูสด-ย้อนหลัง) และเพิ่งมาได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก กสทช. เป็นใบอนุญาตทีวีดิจิทัลสาธารณะ ประเภทช่องเด็กเยาวชนและครอบครัว โดยใบอนุญาตมีอายุสิ้นสุดในปี 2573 เช่นเดียวกับกลุ่มช่องทีวีสาธารณะอื่น ๆ ได้แก่ NBT, Thai PBS, ททบ.5, T-Sports และทีวีรัฐสภา
แนวทางของ ALTV ระบุว่าแยกรายการเป็นสาระความรู้ เสริมการศึกษา 40% สาธิตการสอนของครู 36% รายการเนื้อหาสำหรับครอบครัว สถานการณ์ปัจจุบัน และอื่น ๆ 24% (ผังรายการ)
ตอนนี้ ALTV เพิ่งได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจาก กสทช. ส่วนกำหนดการแพร่สัญญาณผ่านทีวีดิจิทัลช่อง 4 อาจต้องรอประกาศอีกสักระยะหนึ่ง แต่สามารถดูผ่านกล่องรับสัญญาณดาวเทียมไปพลางๆ ก่อนได้
ที่มา - ALTV, Thai PBS
|
# ซีอีโอ Ubisoft หั่นค่าตอบแทนตัวเองลง 1/3 เงินลด 11.6 ล้านบาท หลังผลประกอบการไม่ดี
Ubisoft ให้ข้อมูลในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสว่าซีอีโอ Yves Guillemot ยอมลดค่าตอบแทนของตัวเองลงจากเดิม 310,607 ยูโรต่อปี (ประมาณ 11.6 ล้านบาท) หลังผลประกอบการของบริษัทไม่เข้าเป้า คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1/3 ของค่าตอบแทนที่เขาเคยได้รับ
Guillemot จะยังได้ค่าตอบแทน 624,824 ยูโร (ประมาณ 23.4 ล้านบาท) ในปีหน้า และยังไม่รวมหุ้นที่จะได้ในระยะถัดไป (หลังปี 2023)
โฆษกของ Ubisoft ระบุว่าการลดเงินครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของ Guillemot เอง ปกติแล้วค่าตอบแทนของซีอีโอมีหลายส่วน ทั้งเงินเดือน โบนัส หุ้น ซึ่งมักผูกกับเป้าผลประกอบการของบริษัทว่าทำได้ตามแผนหรือไม่ ก่อนหน้านี้มีซีอีโอของบริษัทเกมหลายคน เช่น Satoru Iwata อดีตประธานนินเทนโด ที่เคยลดเงินเดือนตัวเองในช่วงยุคมืด Wii U
ผลประกอบการปีล่าสุดของ Ubisoft ออกมาไม่ดีนัก รายได้รวมลด 5% และกำไรลดลง 14% จากปัญหาเกมดังหลายเกมที่ล้มเหลว เช่น Ghost Recon Breakpoint รวมถึงราคาหุ้นของบริษัทที่ตกลงมาก จนมีข่าวว่าอาจถูกซื้อกิจการ
ภาพจาก Ubisoft
ที่มา - Axios via Kotaku
|
# Zendesk รับคำเสนอซื้อกิจการจากกลุ่มนักลงทุน มูลค่าดีลที่ 10,200 ล้านดอลลาร์
Zendesk แพลตฟอร์มบริหารประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ประกาศรับข้อเสนอซื้อกิจการจากกลุ่มนักลงทุน เป็นมูลค่าราว 10,200 ล้านดอลลาร์ โดยดีลนี้จะจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด และนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นหลังดีลเสร็จสิ้น
ผู้ซื้อเป็นบริษัทการลงทุน นำโดย Hellman & Friedman ร่วมด้วย Permira นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานการลงทุนของอาบูดาบี และกองทุน GIC ด้วย โดยจะซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่ราคา 77.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาล่าสุด 34%
เมื่อต้นปี Zendesk เคยได้รับข้อเสนอซื้อกิจการที่มูลค่าสูงกว่านี้ แต่ได้ปฏิเสธไป ซึ่งผลกระทบจากราคาหุ้นที่ลดลง ทำให้มูลค่าที่ตกลงขายกิจการวันนี้ก็ลดลงด้วยนั่นเอง
ที่มา: CNBC
|
# ซีอีโอร่วม Netflix ยืนยัน แพ็คเกจที่ราคาถูกลงแต่มีโฆษณา จะออกมาเร็ว ๆ นี้
Ted Sarandos ซีอีโอร่วม Netflix กล่าวในงานเทศกาลโฆษณา Cannes Lions ยืนยันว่า Netflix เตรียมออกแพ็คเกจที่มีโฆษณาแน่นอนในอนาคต ซึ่งเคยมีรายงานข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากจำนวนสมาชิกลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา และราคาหุ้นก็ปรับลดลงไปมาก
โดย Sarandos บอกว่า ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมาก ที่มองว่าค่าสมาชิก Netflix แพงเกินไป แต่ถ้าจะมีราคาถูกกว่านี้แล้วมีโฆษณา พวกเขาก็ยอมรับได้ ซึ่งแพ็คเกจนี้จะเป็นทางเลือกเท่านั้น ไม่ใช่การแทรกโฆษณาเข้าไปให้กับสมาชิกทั้งหมด
Netflix เข้าร่วมงานเทศกาลโฆษณา Cannes Lions เป็นครั้งแรก ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าบริษัทต้องการหาพาร์ตเนอร์ด้านโฆษณา โดยเฉพาะส่วนของการขายนั่นเอง
ที่มา: The Hollywood Reporter
|
# Brave Search ฉลองครบ 1 ปี เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ฟิลเตอร์ผลการค้นหาให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
Brave ผู้ให้บริการเบราว์เซอร์ที่เน้นจุดขายความเป็นส่วนตัว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาขยายไปสู่บริการ Search ที่เน้นความเป็นส่วนตัวเช่นกัน ประกาศสถิติจำนวนการค้นหาใน Brave Search ครบ 2,500 ล้านครั้ง หลังเปิดตัวเมื่อ 1 ปีที่แล้ว มีสถิติสูงสุดในหนึ่งวันที่ 14.1 ล้านการค้นหา
เพื่อให้เห็นภาพว่าการเติบโตนี้สูงแค่นี้ Brave เทียบกับว่า Google ใช้เวลามากกว่า 1 ปี จึงถูกค้นหาครบ 2,500 ล้านครั้ง (แต่นั่นก็นานมาแล้ว) ขณะที่ DuckDuckGo ใช้เวลามากกว่า 4 ปี
Brave Search ยังเปิดตัวบริการใหม่ Goggles ซึ่งยังมีสถานะเบต้า ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งผลการค้นหา ให้จำกัดหมวดหมู่เว็บ จำกัดหัวข้อ หรือยกเว้นผลค้นหาจากบางเว็บไซต์ได้ ระบบดังกล่าวเป็นโอเพนซอร์สสามารถดูรายละเอียดที่ Github ได้
ที่มา: Brave
|
# Amazon เปิดตัว CodeWhisperer เพื่อน AI ช่วยเขียนโค้ด เทรนจากโค้ดหลายพันล้านบรรทัด
AWS เปิดตัวบริการ Amazon CodeWhisperer เพื่อน AI ช่วยเขียนโค้ด ลักษณะเดียวกับ GitHub Copilot ที่เพิ่งเปิดบริการเต็มรูปแบบ
AWS บอกว่าเทรน machine learning ด้วยข้อมูลโค้ดหลายพันล้านบรรทัด (ทั้งจากโค้ดภายในบริษัทเอง และโค้ดที่เป็นโอเพนซอร์ส) เพื่อให้ CodeWhisperer สามารถอ่านโค้ดและคอมเมนต์ในโค้ดของเรา แล้วให้คำแนะนำการเขียนโค้ดที่ดีขึ้นในแง่มุมต่างๆ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกทำตาม CodeWhisperer ทันที หรือจะแก้ไขแล้วคัสตอมคำแนะนำแบบที่เราต้องการก็ได้
ในเดโมที่ AWS นำมาโชว์ เป็นไฟล์เปล่าที่มีคอมเมนต์ว่า "See if a number is prime" เมื่อกดเลือกคำแนะนำ เราก็จะได้โค้ดมาตามภาพทันที
CodeWhisperer ยังเข้าใจ syntax และ API ที่เกี่ยวข้องกับบริการในเครือ AWS ดังนั้นในโค้ดที่มีแค่คอมเมนต์ว่า create S3 bucket ก็จะเติมโค้ดให้พร้อมสรรพ
ตอนนี้ CodeWhisperer เปิดบริการแบบพรีวิว ใช้งานได้ 3 ภาษาคือ Python, Java, JavaScript ใช้งานร่วมกับ IDE ยอดนิยมคือ VS Code, IntelliJ IDEA, PyCharm, WebStorm, AWS Cloud9 ส่วนราคายังไม่ประกาศในตอนนี้
ที่มา - AWS Blog
|
# Espressif เปิดตัวชิป ESP32-C5 รองรับ Wi-Fi 6 คลื่น 5GHz ตัวแรก
Espressif ผู้ผลิตชิปไมโครคอนโทรลเลอร์พร้อม Wi-Fi ราคาประหยัดชื่อดังเปิดตัวชิปรุ่นล่าสุด ESP32-C5 จุดเด่นสำคัญคือการรองรับ Wi-Fi ที่คลื่นย่าน 5GHz จากเดิมที่รองรับย่าน 2.4GHz เท่านั้น
ESP32-C5 ใช้ซีพียูภายในเป็น RISC-V 32 บิต คอร์เดี่ยว แรม 400KB รอม 384KB รองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax) ที่แถบคลื่นกว้าง 20MHz และรองรับ Wi-Fi 802.11b/g/n ที่แถบคลื่นกว้าง 20/40MHz พร้อมกับ Bluetooth 5 LE
802.11ax รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT ได้ดีกว่า Wi-Fi ตัวอื่นๆ เนื่องจากมีฟีเจอร์ Target Wake Time (TWT) รองรับการเชื่อมต่อโดยที่ตัวอุปกรณ์ IoT ปิดการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์ไปได้นานๆ ก่อนจะกลับมาส่งข้อมูล ทำให้อุปกรณ์อาจจะใช้แบตเตอรี่ได้นานนับปี
ที่มา - Espressif
|
# รัฐบาลอิสราเอลพบปัญหาบอตแย่งจองคิวบริการรัฐบาล ขายคิวเกิน 3,500 บาท
Akamai รายงานถึงกลุ่มพ่อค้าคนกลางในอิสราเอลที่กวาดจองบริการภาครัฐต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์ม MyVisit ของรัฐ และนำคิวไปขายต่อในราคาแพง โดยอาศัยช่วงเวลาเริ่มเปิดเมืองหลัง COVID-19 ที่ชาวอิสราเอลเริ่มออกเดินทาง ทำให้ต้องกลับมาทำหนังสือเดินทางกันใหม่
ตอนนี้กระทรวงมหาดไทอิสราเอลมีคำขอหนังสือเดินทางต้องผลิตเล่มกว่า 700,000 รายการ กระบวนการจองคิวที่ยุ่งยากทำให้นักพัฒนาสร้าง GamkenBot ขึ้นมาจองคิวอัตโนมัติทันทีที่มีสล็อตว่าง แต่หลังจากบ็อตปล่อยออกสู่สาธารณะ เหล่าพ่อค้าหัวใสก็พากันใช้บ็อตนี้ไล่จองคิวบริการต่างๆ ของรัฐจนหมด แล้วเอาคิวไปขายให้กับคนที่ต้องการติดต่อรัฐบาลจริงๆ ข้อมูลที่พบตอนนี้กลุ่มพ่อค้าขายคิวบริการถึง 100 ดอลลาร์ หรือ 3,500 บาท
ทาง MyVisit พยายามใส่ CAPTCHA เพื่อป้องกันการใช้บ็อตไล่กวาดคิวเช่นนี้แต่เพียงวันเดียวกลุ่มพ่อค้าก็กลับมากวาดคิวได้อีก ทาง Akamai ระบุว่า CAPTCHA อาจจะลัดได้ด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเขียนตัวแก้โจทย์อัตโนมัติ, ใช้แรงงานคนแก้ปัญหา, หรือการกวาดโทเค็น CAPTCHA ไปใช้งาน และการป้องกันบ็อตให้สำเร็จต้องอาศัยเทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นเนื่องจากบ็อตเหล่านี้ก็พยายามปลอมตัวให้เหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา - Akamai
|
# คุยกับดร. Feifei Li หัวหน้าธุรกิจฐานข้อมูล Alibaba Cloud กับสถาปัตยกรรมฐานข้อมูลในยุคคลาวด์
Alibaba Cloud เปิดศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้น่าจะเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ระดับโลกที่เป็นตัวเลือกของคนที่ต้องการใช้บริการที่ศูนย์ข้อมูลอยู่ในประเทศไทยเอง โดยตัวคลาวด์นั้นโดยทั่วไปแล้วเราก็มักจะนึกถึงบริการเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจเป็นพื้นฐาน แต่หลังจากนั้นบริการต่อมาที่มีโอกาสใช้กันบ่อยๆ ก็คงเป็นบริการฐานข้อมูลที่ช่วงหลังๆ การใช้ระบบฐานข้อมูลแบบผู้ให้บริการคลาวด์จัดการให้ (managed database)
ทาง Alibaba Cloud ได้เปิดโอกาสให้ผมได้คุยกับดร. Feifei Li ที่ดำรงตำแหน่งรองประธาน Alibaba Group, ผู้อำนวยการของธุรกิจฐานข้อมูลใน Alibaba Cloud, และเป็น Chief Database Scientist ของ DAMO Academy หน่วยวิจัยของ Alibaba ในแง่วิชาการเขาเป็นนักวิชาการที่มีผลงานวิจัยด้านฐานข้อมูลจำนวนมาก และเป็นนักวิจัยระดับ ACM Fellow และ IEEE Fellow
Alibaba Cloud มีฐานข้อมูลแบบ managed database ให้บริการเช่นเดียวกับคลาวด์ชั้นนำทั่วไป และยังมีเอนจินฐานข้อมูลของตัวเอง คือ PolarDB ที่เป็นระบบฐานข้อมูลโอเพนซอร์ส
ทำไมผู้ให้บริการคลาวด์ต้องมีระบบฐานข้อมูลของตัวเอง และ PolarDB ต่างจากฐานข้อมูลของคลาวด์รายอื่นอย่างไร
ฐานข้อมูลเป็นบริการที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งของผู้ให้บริการคลาวด์ทุกราย จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ให้บริการคลาวด์จะลงทุนวิจัยระบบฐานข้อมูลอย่างหนัก ทาง Alibaba เองก็เริ่มพัฒนามาประมาณ 5 ปีแล้ว
เหตุผลหนึ่งที่เอนจินฐานข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์ต้องพัฒนาเพิ่มเติมคือ คลาวด์มักแยกระบบสตอเรจออกจากระบบประมวลผล ขณะที่เซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลที่ใช้งานกันตัวสตอเรจจะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลเป็นเนื้อเดียวกัน
โดยทั่วไปคิวรีที่เข้าไปยังบริการฐานข้อมูลจะถูกดักไว้ด้วย proxy คั่น แล้วดูว่าเป็นคิวรีสำหรับการอ่านอย่างเดียว หรืออ่านและเขียนด้วย หากมีการเขียนด้วยก็จะส่งไปให้เครื่องหลัก (primary)
สำหรับเอนจินอื่นๆ เช่น Aurora นั้นอาศัยการส่ง binlog จากเครื่อง primary ไปยัง secondary เพื่อแก้ไขข้อมูลให้เหมือนกับเครื่อง primary แนวทางนี้กระจายโหลดได้ แต่หากคิวรีมีการเขียนจำนวนมากๆ (write intensive) ก็จะเกิดปัญหาเพราะเครื่อง secondary จะโหลดหนักเนื่องจากต้องรัน binlog ใหม่
ใน PolarDB ทาง Alibaba อาศัยการซิงก์สตอเรจด้านล่าง หลังจากที่เขียนข้อมูลสำเร็จแล้ว พร้อมๆ กับการส่ง binlog ไปด้วย การซิงก์สตอเรจโดยตรงทำให้มีการส่งข้อมูลผ่านเน็ตเวิร์คปริมาณสูงขึ้น แต่ก็ลดโหลดซีพียูในเครื่อง secondary ลง ในกรณีที่มีการเขียนหนักๆ ระยะเวลาที่ใช้ซิงก์ไปยังเครื่อง secondary นั้นดีกว่าการส่ง binlog เสียอีก
แนวทางของ PolarDB ยังมีข้อดีคือการทำ multi-master ให้สามารถเขียนพร้อมกันได้หลายเครื่องนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก ช่วยรองรับโหลดงานที่ต้องเขียนหนักๆ โดยยังรองรับ ACID ได้ครบถ้วน
ฟีเจอร์สำคัญของ PolarDB คือการรองรับ Hybrid transactional/analytical processing (HTAP) ในตัว ซึ่งโดยทั่วไประบบฐานข้อมูลมักเพิ่มโหนดอีกส่วนหนึ่งสำหรับการเก็บฐานข้อมูลแบบ analytics เรียกว่า learner แปลงฐานข้อมูลจาก row-store เป็น column-store แต่แนวทางนี้มีข้อเสียสำคัญคือข้อมูลในระบบ analytics จะมีดีเลย์ไปพอสมควร
PolarDB พยายามรองรับ HTAP ด้วยการแชร์หน่วยความจำระหว่างโหนดเข้าด้วยกัน ทำให้หน่วยความจำระหว่างเครื่องกลายเป็น memory pool แล้วสร้าง in-memory column-index เพื่อรองรับโหลด HTAP โดยเฉพาะ เมื่อพบคิวรีที่เป็นงาน analytics ก็จะคิวรีจาก column-index ทำให้ประสิทธิภาพการคิวรีแบบ analytics สูงขึ้นมาก ตอนนี้ฟีเจอร์ HTAP เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วในจีน และกำลังจะขยายออกมาภูมิภาคอื่นต่อไป
การออกแบบของ Alibaba Cloud ดูจะไม่กลัวที่จะส่งข้อมูลผ่านเน็ตเวิร์คปริมาณมากๆ นัก ทำไมจึงเลือกออกแบบเช่นนั้น
การออกแบบระบบกระจายตัวแบบนี้ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกัน (trade off) จุดที่เรากังวลที่สุดของการส่งข้อมูลผ่านเน็ตเวิร์คที่สุดคือความหน่วง (latency) แต่เน็ตเวิร์คในยุคคลาวด์ทุกวันนี้ก็เป็นของที่หาได้ไม่ยากแล้ว เน็ตเวิร์คประสิทธิภาพสูงอย่าง RDMA นั้นมีให้ใช้งานในระบบคลาวด์โดยทั่วไป การเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คระดับ 100Gbps หรืออย่างต่ำก็ 25Gbps ก็ไม่ใช่ของแพงเกินไปสำหรับผู้ให้บริการ public cloud
PolarDB มีเวอร์ชั่นออราเคิลด้วย ทาง Alibaba สร้างฐานข้อมูลที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นที่ออกแบบมาเพื่อออราเคิลได้อย่างไร
ออราเคิลเป็นฐานข้อมูลที่ดีที่สุดตัวหนึ่งสำหรับการใช้งานบนโครงสร้าง on-premise แต่ลูกค้าจำนวนหนึ่งก็ต้องการหันมาใช้ระบบฐานข้อมูลบนคลาวด์เช่น PolarDB เราพัฒนา PolarDB for Oracle ขึ้นมาจาก PostgreSQL ที่เข้ากันได้กับออราเคิลอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แล้วพัฒนาเลเยอร์เสริมเพื่อให้รองรับฟีเจอร์บางอย่างของออราเคิลเพิ่มเติม เช่น stored-procedure, operator, PL/SQL เพื่อให้ลูกค้าสามารถย้ายแอปพลิเคชั่นขึ้นมารันบน PolarDB ได้สะดวกขึ้น
แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้ PolarDB for Oracle เข้ากันได้กับออราเคิลเต็มร้อย ลูกค้ายังต้องปรับแก้แอปพลิเคชั่นอยู่บ้าง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ระดับองค์กรที่ลูกค้าใช้งานอยู่ เช่น query result cache, materialized view ที่ระบบฐานข้อมูลบนคลาวด์ยังไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ แต่เราก็กำลังพัฒนาเพื่อไล่ตามอย่างต่อเนื่อง
|
# เปิดตัว Solana Saga มือถือพลัง web3 จาก Solana, ฮาร์ดแวร์ออกแบบโดยบริษัท OSOM
OSOM บริษัทมือถือที่ก่อตั้งโดยทีมงานของบริษัท Essential เดิม เคยโชว์มือถือรุ่นแรกของบริษัทที่ชื่อ OSOM OV1 มาตั้งแต่ปลายปี 2021
ล่าสุด OSOM ประกาศยกเลิกการขาย OV1 แล้ว และจะเปลี่ยนเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Solana Saga ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทคริปโต Solana โดยโฆษณาว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน web3 รุ่นแรกของโลกด้วย
คุณสมบัติของมือถือ Solana Saga ที่ต่างจากสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั่วไป คือเพิ่มซอฟต์แวร์ Solana Mobile Stack ที่เชื่อมต่อกับวอลเล็ตและแอพในแพลตฟอร์ม Solana โดยตรง รองรับฟีเจอร์จำพวก token, NFT, web3
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะใช้ชื่อแบรนด์ Solana Mobile แทน (ยังไม่ชัดว่าแบรนด์ OSOM จะยังอยู่ต่อหรือไม่) สเปกจากข่าวบอกว่าใช้หน้าจอ 6.55" 120Hz, Snapdragon 8 Gen 1+, แรม 12GB, แบตเตอรี่ 4,100 mAh, กล้องหลัก 50MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP
ราคาขายเครื่องละ 1,000 ดอลลาร์ เปิดจองล่วงหน้าโดยวางเงิน 100 ดอลลาร์แล้ววันนี้ มีกำหนดวางขายไตรมาส 1 ปี 2023 โน่นเลย
ที่มา - 9to5google, Solana Mobile
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.