txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Uber ไตรมาสล่าสุด ขาดทุนจากบริษัทที่ไปลงทุน แต่รายได้รวมโตถึง 105%
Uber รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ตัวเลขการจ่ายเงินผ่านแพลตฟอร์มสุทธิหรือ Gross Booking เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 29,078 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นรายได้ 8,073 เพิ่มขึ้น 105% แต่สุทธิแล้ว Uber กลับมาขาดทุน 2,601 ล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักเป็นการบันทึกขาดทุนของการลงทุนใน Aurora, Grab และ Zomato
Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber กล่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมา เขาได้ท้าทายทีมงานทุกคนให้ร่วมมือกันทำให้บริษัทมีกำไรได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด ซึ่งก็ทำได้จริงจาก EBITDA ที่มีกำไร และการเติบโตของแพลตฟอร์มรวมที่สูงกว่าที่เคยมีมา
ธุรกิจรถโดยสารยังเติบโตสูงตามการเปิดเมือง รายได้ 3,553 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 120% ส่วนเดลิเวอรีเพิ่มขึ้น 37% เป็น 2,688 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจขนส่งมีรายได้ 1,832 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากรวมธุรกิจ Transplace ที่ซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว
ที่มา: Uber
|
# รถ 3 ล้อบินได้ Samson Switchblade ได้รับอนุมัติจาก FAA ให้เริ่มทดสอบการบินแล้ว
FAA (สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา) ได้อนุมัติให้ Samson Switchblade รถ 3 ล้อบินได้ที่พัฒนาโดยบริษัท Samson ให้เริ่มทดสอบการบินได้แล้ว หลังการพัฒนามานาน 14 ปี
Samson Switchblade เป็นรถ 3 ล้อที่สามารถแปลงร่างเป็นเครื่องบินได้ โดยในตอนใช้งานเป็นรถยนต์นั้น ปีกทั้ง 2 ข้างมันจะถูกพับเก็บไว้ในตัวรถบริเวณใต้ที่นั่ง ในขณะที่ส่วนแพนหางจะถูกพับเก็บไว้ด้านหลังของตัวรถ และการพับเก็บได้ของปีกและแพนหางนี้เองที่เป็นที่มาของชื่อ "Switchblade" ของมันซึ่งแปลว่า "มีดพับ" โดยกระบวนการกางออก/พับเก็บส่วนปีกและแพนหางนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีเท่านั้นด้วยการสั่งงานเพียงใช้ปุ่มกดในห้องควบคุม
Samson Switchblade ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบขนาด 1.6 ลิตร ระบายความร้อนด้วยของเหลว ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน 91 ให้กำลัง 190 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ตัวนี้ทำหน้าที่ปั่นไฟเพื่อใช้ขับเคลื่อนล้อในโหมดรถ 3 ล้อ และขับใบพัดขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่องในขณะทำการบิน โดยความเร็วสูงสุดในโหมดรถ 3 ล้อ คือ 125 ไมล์ต่อชั่วโมง (่201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในขณะที่ความเร็วสูงสุดในโหมดเครื่องบินคือ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Samson Sawitchblade ในโหมดเครื่องบินที่กางปีกและแพนหางออกมาแล้ว
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง 125 ลิตร Samson Switchblade จะมีพิสัยการบิน 450 ไมล์ (724 กิโลเมตร) มันต้องการรันเวย์ยาวอย่างน้อย 335 เมตรสำหรับการ takeoff และใช้รันเวย์อย่างน้อย 213 เมตร สำหรับการลงจอด เมื่อพับปีกและแพนหางเป็นโหมดรถ 3 ล้อ มันจะมีขนาดกว้างเพียง 1.8 เมตร ยาว 5.1 เมตร และสูง 1.5 เมตร เรียกว่าเล็กจนสามารถจอดในโรงรถทั่วไปได้สบาย
Samson ได้เริ่มพัฒนารถ 3 ล้อบินได้ของพวกเขามาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งแม้ว่าจะนานกว่า 1 ทศวรรษมาแล้ว แต่ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนารถต้นแบบมาจนเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาภายหลังจากที่ FAA ในตรวจสอบ Smason Switchblade ตัวต้นแบบก็ได้อนุมัติให้ Samson จดทะเบียนผลงานของพวกเขาเป็นอากาศยานเพื่อการทดสอบ ซึ่งแปลว่า Samson ได้รับอนุญาตให้สามารถเอาผลงานขึ้นบินเพื่อทดสอบจริงได้แล้ว โดยล่าสุดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน Samson ก็ได้ทดสอบการวิ่งทำความเร่งเพื่อ takeoff และเตรียมจะทดสอบการบินขึ้นอากาศจริงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
Samson Switchblade ในการทดสอบความเร็ว takeoff และการ taxi ออกจากรันเวย์
หากเปรียบเทียบ Samson Switchblade กับเครื่องบินเล็กนั้น ข้อแตกต่างสำคัญคือเครื่องบินเล็กนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อใช้งานวิ่งออกนอกเขตสนามบิน ในขณะที่ Samson มีเป้าหมายสร้างพาหนะที่ผู้ใช้สามารถจอดมันไว้ที่บ้าน จากนั้นเมื่อต้องการเดินทางไปในเมืองห่างไกลก็เพียงแต่ขับไปสนามบินที่อยู่ใกล้แล้วก็ขึ้นบินไปลงสนามบินเมืองเป้าหมายแล้วก็เปลี่ยนโหมดการขับเป็นรถ 3 ล้ออีกครั้ง
แนวคิดการเดินทางที่ Samson วาดหวังไว้นั้นจะเป็นการเดินทางที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยสับเปลี่ยนพาหนะระหว่างรถยนต์กับเครื่องบิน เนื่องจาก Samson Switchblade ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถวิ่งบนท้องถนนได้จริง ทั้งในแง่เทคนิคเรื่องการขับเคลื่อนของตัวพาหนะเอง และในแง่กฎหมายที่ทีมพัฒนาตั้งใจออกแบบพาหนะที่ผ่านตามเกณฑ์สามารถจดทะเบียนรถได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ด้วยการออกแบบระบบเครื่องยนต์ให้ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน 91 ก็ทำให้การใช้งาน Samson Switchblade สามารถเติมเชื้อเพลิงจากปั๊มน้ำมันทั่วไปในเมืองไหนก็ได้ไม่ต่างกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์
Samson Switchblade มีราคา 150,000 เหรียญสหรัฐฯ และตอนนี้มีผู้สั่งจองแล้วอย่างน้อย 1,670 คัน นอกจากนี้ Samson Switchblade รุ่น Special และรุ่น Limited ให้สั่งจองด้วยในราคาคันละ 245,000 และ 770,000 เหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนนักว่ารุ่น Special และรุ่น Limited จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือฟังก์ชั่นที่เหนือกว่ารุ่นธรรมดาอย่างไร ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดหรือสั่งจอง Samson Switchblade ได้ที่นี่
ที่มา - New Atlas
|
# ไมโครซอฟท์เปิดตัว Outlook Lite แอพอ่านอีเมลขนาดเล็ก ประหยัดแบต
ไมโครซอฟท์ปล่อยแอพ Outlook Lite สำหรับแอนดรอยด์ โดยยังมีฟีเจอร์ใกล้เคียงกับแอพเต็ม ได้แก่ อีเมล, ปฎิทิน, และรายชื่อติดต่อ แต่มีขนาดเล็กเหลือเพียง 5MB และทำงานได้ในโทรศัพท์แอนดรอยด์รุ่นราคาถูกแรม 1GB
ตอนนี้ Outlook Lite ยังจำกัดให้ใช้งานใน อาเจนตินา, บราซิล, ชิลี, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์, อินเดีย, เม็กซิโก, เปรู, ซาอุดิอาระเบีย, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน, ไทย, ตุรกี, และเวเนซุเอลล่า โดยสามารถใช้งานกับบัญชี Outlook.com, Hotmail, Live, MSN, Microsoft 365, และ Microsoft Exchange Online
ดาวน์โหลดได้แล้วใน Google Play
ที่มา - Microsoft
|
# Flightradar24 เว็บล่ม เนื่องจากคนแห่ดูสถานะเที่ยวบิน SPAR19 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
Flightradar24 เว็บไซต์ตรวจสอบตำแหน่งเครื่องบินยอดนิยม พบปัญหาไม่สามารถเข้าใช้งานตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ โดยข้อมูลจาก DownDetector พบการรายงานปัญหาตั้งแต่ประมาณ 18:00น. ตามเวลาในไทย
เที่ยวบินที่ทำให้มีผู้เข้าเว็บไซต์ Flightradar24 จำนวนมากคือ SPAR19 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งมีข่าวว่า Nancy Pelosi ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ มีแผนจะเดินทางไปยังไต้หวัน ซึ่งอาจทำให้จีนตัดสินใจแสดงออกเพื่อตอบโต้ จึงเป็นที่จับตามองอย่างมาก
ทั้งนี้ Flightradar24 รายงานสถานะเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อช่วงเย็น ว่ากำลังออกจากเดินทางจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังจุดหมายที่ไม่ได้ระบุ โดยมีผู้เข้าชม ณ เวลานั้น มากกว่า 3 แสนคน ส่วนเวลานี้ผู้ใช้งานอาจพบปัญหาเข้าดูไม่ได้ ซึ่งกำลังแก้ไขอยู่
อัพเดต: ไฟลต์ SPAR19 เดินทางถึงไต้หวันแล้ว
ที่มา: NDTV
|
# ญี่ปุ่น-สหรัฐ เตรียมตั้งศูนย์วิจัยการผลิตชิป 2nm ที่ญี่ปุ่น ตั้งเป้าผลิตจริงปี 2025
ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ประกาศตั้งศูนย์วิจัย (ร่วม) เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ที่ประเทศญี่ปุ่นภายในสิ้นปี 2022
ศูนย์วิจัยแห่งนี้จะเป็นของหน่วยงานวิจัยด้านชิปแห่งใหม่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะตั้งขึ้น ร่วมกับศูนย์วิจัย National Semiconductor Technology Center ของสหรัฐ ที่จะตั้งตามกฎหมาย CHIPS Act ที่เพิ่งผ่านรัฐสภา และมีงบประมาณกันไว้สำหรับตั้งศูนย์วิจัยเพิ่มเติม
ตัวแทนฝั่งญี่ปุ่นยังมีศูนย์วิจัยแห่งชาติ National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST), ศูนย์วิจัย Riken และมหาวิทยาลัยโตเกียวด้วย
เป้าหมายของศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่ญี่ปุ่น จะเป็นการผลิตชิป 2nm บนแผ่นดินญี่ปุ่น ให้ได้ในปี 2025 เพื่อสร้างอำนาจถ่วงดุลจากอุตสาหกรรมผลิตชิปของไต้หวัน ที่ตั้งเป้าผลิตชิป 2nm ในปี 2025 เช่นกัน
ภาพจาก Renesas บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จากญี่ปุ่น
ที่มา - Nikkei Asia
|
# แฮ็กเกอร์นิยมใช้ระบบไฟล์กระจายศูนย์ IPFS ทำ Phishing มากขึ้น เพราะพรางตัวได้ดีกว่า
บริษัทความปลอดภัย Trustwave ออกรายงานว่าแฮ็กเกอร์เริ่มมีแนวโน้มทำ phishing ผ่านการอ้างอิงที่อยู่แบบ IPFS (InterPlanetary File System) มากขึ้น เพราะซ่อนตัวได้แนบเนียนกว่า ตามจับได้ยากกว่าเดิม
IPFS หรือ InterPlanetary File System เป็นระบบไฟล์แบบกระจายศูนย์ที่เริ่มพัฒนาในปี 2015 แนวคิดคือการฝากไฟล์แบบ P2P กระจายสำเนาไปตามโหนดต่างๆ และเข้าถึงไฟล์นั้นด้วยการระบุตำแหน่งเป็นค่าแฮชของไฟล์แทน (content identifier หรือ CID) เมื่อผู้ใช้เรียกหาไฟล์นั้น ระบบเครือข่าย IPFS จะไล่ถามหาไฟล์ที่กระจายอยู่ในโหนดต่างๆ และส่งไฟล์กลับมาให้ผู้ใช้ (อธิบายแบบรวบรัดคือเป็น BitTorrent ที่มี universal URL)
ตัวอย่างการระบุที่อยู่แบบ IPFS จะใช้โครงสร้าง https://<Gateway>/ipfs/<CID Hash> เช่น
ความนิยมของ IPFS ที่ถูกใช้เก็บไฟล์สำหรับบล็อกเชน (ที่ไม่สามารถเก็บไฟล์ได้ในตัว) ทำให้โฮสติ้งหลายแห่งเริ่มรองรับ IPFS ตามไปด้วย (กดเข้าลิงก์ที่เป็น https:// ที่ส่งทราฟฟิกไปยังโปรโตคอล IPFS ให้อีกที) บรรดาแฮ็กเกอร์จึงนิยมใช้ IPFS สร้างเว็บไซต์สำหรับ phishing กันมากขึ้น (นำไฟล์ HTML ที่ปลอมหน้าตาเป็นเว็บไซต์ยอดนิยม ขึ้นไปเก็บบน IPFS แล้วส่งลิงก์ไปหลอกผู้ใช้ผ่านอีเมล แชท หรือช่องทางอื่น)
Trustwave ระบุว่าพบการทำ phishing ผ่านโฮสติ้ง IPFS ยอดนิยมหลายแห่ง เช่น Infura, Filebase, NFTstorage และมีการส่งต่อ redirect หลายชั้นเพื่อพรางตัว ข้อดีของ IPFS ในมุมของแฮ็กเกอร์คือสามารถเปลี่ยน URL ได้รวดเร็ว (เพราะเปลี่ยนแค่ไฟล์ ก็จะเปลี่ยนค่าแฮชตามไปด้วย)
ที่มา - Trustwave via The Register
|
# แผนการออกทีวี OLED ราคาถูกของซัมซุงชะงัก เพราะเจรจาซื้อพาเนล OLED จาก LG ไม่คืบ
เมื่อเดือนเมษายน เราเห็นข่าวซัมซุงกลับเข้ามายังตลาดทีวี OLED อีกครั้ง ด้วยทีวีรุ่นไฮเอนด์ S95B ที่ใช้พาเนลแบบ QD-OLED อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าซัมซุงจะทำทีวี OLED ในราคาถูกด้วยหรือไม่
พาเนล OLED มีด้วยกัน 2 แบบใหญ่ๆ คือ QD-OLED ที่สว่างกว่า แต่มีราคาแพง และ W-OLED หรือ OLED แบบดั้งเดิมที่ราคาถูกกว่า ซึ่งตอนนี้ LG Display เป็นบริษัทเดียวที่ผลิตพาเนล W-OLED ได้มากพอ (และทำให้ LG เป็นเจ้าแห่งทีวี OLED มายาวนาน) แปลว่าถ้าซัมซุงต้องการทำทีวี OLED ราคาถูก ก็จำเป็นต้องซื้อจอจาก LG
เว็บไซต์ Korea BizWire ของเกาหลีใต้ อ้างคำพูดของ Kim Sung-hyun ซีเอฟโอของ LG Display ว่าเจรจากับซัมซุงอยู่จริง แต่ตอนนี้หยุดคุยไปแล้วชั่วคราว (ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าตกลงราคากันไม่ได้) เท่ากับว่าโอกาสที่ซัมซุงจะเข้าตลาด OLED มีน้อยลง
ประธานของ Hisense USA ซึ่งเป็นแบรนด์ทีวีรายใหญ่เช่นกัน เคยให้สัมภาษณ์กับ Techradar ว่าพาเนลแบบ OLED ในปัจจุบันมีราคาแพงเกินไปสำหรับสินค้าที่ราคาถูก ในขณะที่พาเนลแบบ QLED mini-LED ราคาลดลงเร็วมาก ทำให้เราเห็นจอประเภทนี้แพร่หลายขึ้น
ที่มา - Techradar
|
# ไมโครซอฟท์จ้างพนักงานเพิ่ม 40,000 คนในรอบ 12 เดือนล่าสุด พนักงานรวม 2.2 แสนคน
ไมโครซอฟท์ยื่นเอกสารประจำปีส่ง ก.ล.ต. สหรัฐ (ตามกฎของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์) เผยจำนวนพนักงานเต็มเวลา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 221,000 คน (ไม่นับเอาท์ซอร์ส) เพิ่มขึ้นจากรอบการส่งเอกสารของปีที่แล้ว 40,000 คน หรือมีจำนวนพนักงานเพิ่มราว 22% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
การเพิ่มจำนวนพนักงานถึง 1 ใน 5 ของไมโครซอฟท์แสดงให้เห็นการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ตลาดร้อนแรง แม้ไมโครซอฟท์ส่งสัญญาณชะลอการจ้างพนักงานใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ จำนวนพนักงานส่วนหนึ่งยังมาจากการซื้อกิจการ เช่น การซื้อ Nuance ได้พนักงานมา 6,500 คน, การซื้อ Xandr ธุรกิจโฆษณาจาก AT&T ได้พนักงานมา 1,500 คน
สถิติบุคลากรอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์เปิดเผย
พนักงานในสหรัฐอเมริกา 122,000 คน ประเทศอื่นๆ 99,000 คน
แยกตามฝ่าย ปฏิบัติการ 85,000 คน (เช่น การผลิต จำหน่าย ซัพพอร์ต), ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 73,000 คน, ฝ่ายขายและการตลาด 47,000 คน, ฝ่ายบริหารงานทั่วไป 16,000 คน
ภาพจาก Microsoft
ที่มา - GeekWire, OnMSFT
|
# Spotify เตรียมแยกปุ่ม 'สุ่มเพลง' และ 'เล่นเพลง' ให้เฉพาะผู้ใช้งานพรีเมี่ยม
แอปพลิเคชันสตรีมมิ่งเพลง Spotify เตรียมเปิดตัวปุ่มใหม่ให้กับผู้ใช้งานระดับพรีเมี่ยม โดย จะแยกปุ่ม “เล่นแบบสุ่ม (shuffle)” ด้านบนรายการเพลย์ลิสต์และอัลบั้มที่มีอยู่แล้วเดิมปุ่มเดียว แล้วออกเป็นปุ่ม “เล่นเพลง” และ “สุ่มเพลง”ให้กับบัญชีผู้ใช้พรีเมี่ยมเพื่อให้ใช้งานง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้ฟรีเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกและเพื่อรักษาฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิกของแอปพลิเคชันไว้
ผู้ใช้งานระดับพรีเมี่ยมทั่วโลกทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android จะสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา - Spotify
|
# [IDC] ยอดขาย Chromebook ร่วง 51% จากปีที่แล้ว เพราะความต้องการลดลง, ยอดขายแท็บเล็ตเท่าเดิม
IDC เปิดเผยยอดขายสินค้ากลุ่มแท็บเล็ต และ Chromebook ประจำไตรมาส 2/2022 ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตลาดแท็บเล็ตไตรมาส 2/2022 ขายได้ 40.5 ล้านเครื่อง เติบโต 0.15% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (40.4 ล้านเครื่อง) อันดับหนึ่งยังเป็นแอปเปิล 12.6 ล้านเครื่อง แต่ยอดขายลดลงเล็กน้อยราว 3%, อันดับสองซัมซุง 7.3 ล้านเครื่อง ลดลง 10%, อันดับสาม Amazon 5.5 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นถึง 27%
แบรนด์อีกกลุ่มที่เติบโตคือแบรนด์แท็บเล็ตนอก Top 5 ได้แก่แบรนด์จีน Xiaomi, OPPO, vivo, realme ที่หันมาขายแท็บเล็ตกันมากขึ้น มีอัตราเติบโตรวมกัน 16.7%
ส่วนตลาด Chromebook ที่เคยเติบโตร้อนแรกช่วง work from home แต่กลับมียอดขายลดลงในปีนี้ ก็ยังมียอดขายลดลงต่อเนื่องถึง -51.4% (6 ล้านเครื่องไตรมาส 2/2022 vs 12.3 ล้านเครื่องไตรมาส 2/2021) จากปัจจัยของภาคการศึกษาที่ซื้อน้อยลงแล้ว และสต๊อกสินค้าเก่ายังเหลืออยู่มาก อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาด Chromebook ยังขายได้เยอะกว่าก่อน COVID-19
ผู้นำในตลาด Chromebook ไตรมาสล่าสุดคือ Dell ที่ 1.5 ล้านเครื่อง ส่วนแชมป์เก่า HP ที่เคยขายได้ 4.3 ล้านเครื่องในปีที่แล้ว หล่นมาอยู่อันดับ 4 ขายได้ 9 แสนเครื่องเท่านั้น
ที่มา - IDC
|
# ผู้ใช้ PlayStation 5 ส่งเครื่องซ่อมศูนย์ไทย ศูนย์แจ้งบอร์ดเสีย ค่าซ่อม 19,000 บาท
PlayStation 5 ปัจจุบันแม้จะเริ่มมีของขายมากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องจำนวนไม่มากพอความต้องการ รวมถึงยังไม่มีวางขายหน้าร้าน แต่ทว่าล่าสุดดูเหมือนจะมีปัญหาสำหรับผู้ที่ได้เครื่องไปแล้วคือค่าซ่อมกับศูนย์ Sony
คุณ Pongsakorn Kanyawatchayuwapong โพสต์บนเฟสบุ๊กส่วนตัวเล่าว่า PS5 ของตัวเองที่ซื้อจาก dotlife มีปัญหา เล่นเกม PS5 ไม่ได้ (แต่เล่นเกม PS4 ได้) พอส่งเข้าศูนย์ไทยซึ่งหมดประกันแล้ว ศูนย์แจ้งว่าบอร์ดเสีย พร้อมค่าซ่อม 19,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเครื่องเปล่าที่ 13,900 (ไม่ใส่แผ่น) และ 16,900 บาท (ใส่แผ่น)
เบื้องต้นทาง Blognone ติดต่อสอบถามไปยังตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ PlayStation Asia แล้ว และรอคำตอบจากทางฝั่ง PlayStation อยู่
ที่มา - FB Pongsakorn Kanyawatchayuwapong
|
# สรุปสถิติแอปฯ ธนาคารล่มครึ่งแรกปี 65 TTB ขึ้นอันดับ 1 รวม 38 ชั่วโมง
สรุปสถิติข้อมูลแอปพลิเคชั่นของธนาคารขัดข้องหรือล่มที่รวบรวมจากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 มีธนาคารทีเอ็มบีธนชาตครองอันดับหนึ่ง โดยล่มมากถึง 12 ครั้ง รวมเวลา 38 ชั่วโมง ตามมาด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ
สรุปสถิติแอปฯ ธนาคารล่มครึ่งแรกปี 65
ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (TTB) ล่ม 12 ครั้ง รวม 38 ชั่วโมง (เฉลี่ย 3 ชั่วโมง 10 นาที/ครั้ง)
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ล่ม 8 ครั้ง รวม 7 ชั่วโมง (เฉลี่ย 52.5 นาที/ครั้ง)
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ล่ม 3 ครั้ง รวม 22 ชั่วโมง (เฉลี่ย 7 ชั่วโมง 20 นาที/ครั้ง)
ธนาคารกรุงไทย (KTB) ล่ม 3 ครั้ง รวม 5 ชั่วโมง (เฉลี่ย 1 ชั่วโมง 40 นาที/ครั้ง)
ธนาคารกรุงศรี (BAY) ล่ม 1 ครั้ง รวม 4 ชั่วโมง (เฉลี่ย 4 ชั่วโมง/ครั้ง)
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ล่ม 1 ครั้ง รวม 2 ชั่วโมง (เฉลี่ย 2 ชั่วโมง/ครั้ง)
ธนาคารซิตี้ (CITI) ล่ม 1 ครั้ง รวม 2 ชั่วโมง (เฉลี่ย 2 ชั่วโมง/ครั้ง)
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ล่ม 1 ครั้ง น้อยกว่า 1 ชั่วโมง (เฉลี่ย น้อยกว่า 1 ชั่วโมง/ครั้ง)
เมื่อเทียบกับข้อมูลปี พ.ศ. 2564 จะเห็นว่าเพียงครึ่งปี TTB ล่มไปด้วยระยะเวลาสูงกว่า BAY ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของปีที่แล้วทั้งปี (เกือบ 29 ชั่วโมง) ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วน BAY ก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้นโดยล่มนาน 4 ชั่วโมงเพียงครั้งเดียว ขณะที่ KBANK นั้นยังคงมีอัตราระบบมีปัญหาน้อยมาก อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูในครึ่งปีหลังกันว่าอันดับจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ต่อไป
ที่มา: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
|
# นักวิจัย MIT สร้างแผ่นสติ๊กเกอร์แปะผิวใช้เก็บภาพอัลตร้าซาวด์แบบต่อเนื่องนาน 48 ชั่วโมง
นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาแผ่นสติ๊กเกอร์แปะผิวหนังเพื่อใช้สำหรับบันทึกภาพอัลตร้าซาวด์ของอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์ได้ต่อเนื่องนาน 48 ชั่วโมง
แผ่นสติ๊กเกอร์ดังกล่าวถูกเรียกว่า BAUS (bioadhesive ultrasound) เป็นแผงรับภาพอัลตร้าซาวด์ขนาดเล็กใกล้เคียงกับสแตมป์ (ขนาด 2*3 เซนติเมตร) ในการใช้งานก็เพียงแค่แปะแผ่น BAUS ลงบนผิวหนังในตำแหน่งที่ต้องการบันทึกภาพอัลตร้าซาวด์ของอวัยวะที่อยู่ภายใน และทำการเชื่อมต่อแผ่น BAUS เข้ากับอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อการบันทึกและวิเคราะห์ผล
ตัวแผ่น BAUS สามารถบันทึกภาพอัลตร้าซาวด์ของหัวใจ, ปอด, หลอดเลือด, อวัยวะระบบทางเดินอาหาร รวมถึงกล้ามเนื้อ ทำให้มันสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เป็นต้นว่า การบันทึกภาพเพื่อใช้วิเคราะห์ประเมินการทำงานของหัวใจและปอดในระหว่างการออกกำลัง หรือการทำงานของกล้ามเนื้อในระหว่างการฟื้นฟูร่างกายก็สามารถทำได้เช่นกัน
แผ่น BAUS (bioadhesive ultrasound)
ตัวอย่างภาพอัลตร้าซาวด์จากการใช้แผ่น BAUS เพื่อดูภาพหัวใจ, ปอด, หลอดเลือด และกล้ามเนื้อ
ตัวแผ่น BAUS ประกอบไปด้วยแผงรับสัญญาณภาพอัลตร้าซาวด์ และแผ่นเกาะติดผิวหนังซึ่งทำมาจากพอลิเมอร์ที่มีความอ่อนตัวซึ่งบรรจุไฮโดรเจลไว้ด้านใน ทั้งนี้การคงสภาพไฮโดรเจลไว้ภายในมิให้ระเหยออกไปเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ภาพอัลตร้าซาวด์มีความชัดเจน หากไฮโดรเจลรั่วหรือระเหยออกไปก็จะทำให้ภาพอัลตร้าซาวด์ที่บันทึกได้มีคุณภาพด้อยลง
ตัวแผ่นเกาะติดที่ถูกออกแบบมาพิเศษนี้จะทำหน้าที่ยึดเกาะกับผิวหนังมนุษย์ด้วยความแนบแน่นแม้ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ใช้ โดยในตอนนี้มันมีอายุการใช้งานราว 48 ชั่วโมงก่อนที่ความสามารถในการยึดเกาะผิวหนังจะเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพการยึดติดบนผิวหนังของแผ่น BAUS ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ทีมวิจัยได้ทดลองใช้งานแผ่น BAUS กับอาสาสมัครจำนวนหนึ่ง ซึ่งพบว่ามันสามารถทำงานได้ดีแม้ในขณะที่ผู้ร่วมทดสอบจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนอิริยาบถนั่ง, ยืน, เดิน, วิ่ง หรือขี่จักรยาน
ในตอนนี้แผ่น BAUS ยังต้องทำงานโดยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นอยู่ตลอดเวลา แต่นักวิจัยตั้งเป้าที่จะปรับปรุงให้มันสามารถทำงานและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้แบบไร้สาย ซึ่งจะทำให้สามารถนำไปฝังเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์สวมใส่อื่นได้ด้วย หรืออาจทำให้สามารถจำหน่ายตามร้านยาให้ผู้คนสามารถหาซื้อไปใช้งานได้เองคล้ายพลาสเตอร์ปิดแผล
ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลงานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่นี่
ที่มา - MIT News
|
# ByteDance จดเครื่องหมายการค้า TikTok Music อาจเป็นสัญญาณเข้าสู่วงการเพลงเต็มตัว
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยื่นจดเครื่องหมายการค้า "TikTok Music" ในสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดประเด็นว่า ByteDance สนใจเข้ามาทำตลาดเพลงแบบสตรีมมิ่งแข่งกับ Sportify, Apple Music หรือไม่
ในช่วงที่ผ่านมา TikTok เริ่มมีอิทธิพลกับวงการเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เพลงที่นิยมใน TikTok อาจทำให้เกิดการฟังเพลงนั้นเพิ่มขึ้นจนกลับมาติดชาร์ทเพลงยอดฮิต และจริงๆ แล้ว ByteDance เองก็มีแอพฟังเพลง Resso ที่ทำตลาดในประเทศกำลังพัฒนาบางแห่ง เช่น อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย จึงเป็นไปได้ว่าอาจใช้เอนจิน Resso มารีแบรนด์เป็น TikTok Music ที่น่าจะเจาะตลาดได้ดีกว่า
ที่มา - TechCrunch
|
# เคอร์เนลลินุกซ์เวอร์ชันหน้าจะเรียก 6.0 เพราะขี้เกียจนับเลขรุ่นย่อยแล้ว
Linus Torvalds ประกาศข่าวในการออกเคอร์เนลเวอร์ชัน 5.19 ว่าเคอร์เนลเวอร์ชันหน้า "น่าจะ" เรียกว่าเคอร์เนล 6.0 เพราะเขาขี้เกียจนับเลขรุ่นย่อยเยอะๆ แล้ว (I'll likely call it 6.0 since I'm starting to worry about getting confused by big numbers again.)
ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะในอดีต Torvalds ก็ขึ้นเคอร์เนลเวอร์ชันหลักใหม่ทุกครั้งที่เลขเวอร์ชันย่อยนับถึง .19 หรือ .20 เช่น เวอร์ชัน 3.19 ต่อด้วย 4.0, 4.20 ต่อด้วย 5.0
ในแง่การใช้งานคงไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะเป็นการเปลี่ยนแค่วิธีนับเลขเวอร์ชันอย่างเดียว ไม่ได้มีผลอะไรต่อฟีเจอร์หรือของใหม่ในเคอร์เนลรุ่นนั้นๆ
ที่มา - Phoronix
|
# Twitter ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ แสดงจำนวนข้อความที่ทวีตต่อเดือน
Twitter ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ แสดงข้อความในหน้าโปรไฟล์ผู้ใช้งาน ว่าคน ๆ นั้น ทวีตกี่ข้อความต่อเดือน (Tweets per month) โดยมีผู้ใช้งานบางส่วนพบการแสดงข้อความนี้แล้ว
เหตุผลที่ Twitter ทำฟีเจอร์นี้สามารถมองได้สองมุม ในแง่หนึ่งอาจต้องการบอกผู้ใช้งานคนนั้นให้ลดจำนวนทวีตลง หรืออีกด้านก็บอกคนที่กำลังติดตามว่าจำนวนข้อความที่จะได้รับหากกดติดตาม จะอยู่ที่อัตรานี้
ด้านตัวแทนของ Twitter บอกว่าฟีเจอร์นี้เป็นการทดสอบ โดยมองในแง่ผู้ใช้งานที่ต้องการติดตาม ให้ได้รับข้อมูลพื้นฐานของบัญชีนั้น ๆ มากขึ้น
ที่มา: TechCrunch
|
# Discord ปรับปรุงแอปบน Android ครั้งใหญ่ เปลี่ยนมาใช้ React Native
Discord ประกาศปรับปรุงแอปเวอร์ชันบน Android ครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนมาพัฒนาบน React Native ทำให้การปล่อยฟีเจอร์ใหม่ต่าง ๆ ผู้ใช้บน Android จะได้รับอัพเดตไปพร้อมกับเดสก์ทอปและ iOS จากก่อนหน้านี้ Discord ใช้คำว่า Android จะได้อัพเดตไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น มาตลอด
นอกจากนี้ Discord ยังบอกว่าในแง่ดีไซน์จะไม่เปลี่ยนไปมากสำหรับ Android แต่องค์ประกอบหลักในแอป จะเหมือนกันมากขึ้นระหว่าง เดสก์ทอป, iOS และ Android ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกกำหนดได้ในการตั้งค่า
การเปลี่ยนแปลงของ Discord บน Android จะมีผลกับผู้ใช้งานในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา: Discord
|
# Activision Blizzard ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมลดลง อยู่ที่ 1,644 ล้านดอลลาร์
Activision Blizzard รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้ตามบัญชี GAAP 1,644 ล้านดอลลาร์ ลดลง 28% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 280 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Bobby Kotick กล่าวว่า ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อกิจการ Proletariat และ Peltarion เพื่อเข้ามาเสริมทัพการพัฒนาเกม โดยเฉพาะด้าน AI กับ Machine Learning รวมทั้งบอกว่าไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทรับพนักงานเพิ่มอีก 25% ท่ามกลางสถานการณ์ที่บริษัทหลายแห่งเริ่มชะลอการรับพนักงานใหม่ สุดท้ายบริษัทยังอยู่ในขั้นตอนการขายกิจการให้กับไมโครซอฟท์โดยเร็วที่สุด
Activision Blizzard รายงานจำนวนผู้เล่นแบบ MAUs ทุกแพลตฟอร์มรวมอยู่ที่ 361 ล้านบัญชี
ที่มา: Activision Blizzard
|
# Pinterest ไตรมาสล่าสุด สวนทางแอป Social รายได้ยังโต แม้ผู้ใช้งานลดลง
Pinterest รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวมโต 9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 666 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 43 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานในไตรมาสนี้ลดลง 5% เทียบกับปีก่อนเป็น 433 ล้านบัญชี ซึ่งสะท้อนผลลัพธ์ที่ต่างจากโซเชียลรายอื่นที่รายได้ลดลง ขณะที่ผู้ใช้เพิ่มขึ้น แปลว่ารายได้จากโฆษณาต่อผู้ใช้งาน Pinterest เติบโตสูงนั่นเอง
Pinterest กล่าวในจดหมายถึงผู้ลงทุน บอกว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกในภาพรวม ทำให้การลงโฆษณามีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยตอนนี้เห็นสัญญาณที่ชะลอการใช้จ่ายโฆษณาแล้ว จากร้านค้าปลีกรายใหญ่ในอเมริกา และกลุ่มผู้ลงโฆษณาตลาดกลาง
ที่มา: Pinterest
|
# [ไม่ยืนยัน] สหรัฐฯ เตรียมสั่งห้ามส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิป NAND ความจุสูงให้จีน
สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน 4 รายระบุว่ารัฐบาลโจ ไบเดนกำลังพิจารณาสั่งห้ามส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิป NAND รุ่นใหม่ โดยจำกัดเฉพาะอุปกรณ์ที่ผลิตชั้นวงจรได้ไม่เกิน 128 ชั้นเท่านั้น หากคำสั่งนี้ออกมาจริงโรงงานผลิตชิป NAND ในจีนก็จะไม่สามารถผลิตชิปความจุสูงได้
จำนวนชั้นวงจรของชิป NAND มีผลโดยตรงกับความจุต่อพื้นที่ชิป ทำให้อุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ มีความจุสูงขึ้นโดยมีขนาดเล็กลง เทคโนโลยีของบริษัท Micron นั้นสามารถผลิตชิป NAND ที่ 232 ชั้นวงจรได้สำเร็จแล้ว หากจีนถูกจำกัดที่ 128 ชั้นก็เท่ากับว่าถูกบีบความจุเหลือประมาณครึ่งเดียวของเทคโนโลยีล่าสุดเท่านั้น
แหล่งข่าวระบุกับรอยเตอร์สว่ามาตรการนี้ยังเป็นเพียงการพูดคุยเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่มีแม้แต่ร่างประกาศ แต่แนวทางนี้ก็ดูจะตรงกับแนวทางก่อนหน้านี้ที่มีข่าวสหรัฐฯ พยายามล็อบบี้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ให้ห้ามส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปแบบ DUV ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าไปยังจีน
หากประกาศนี้มีผลจริงบริษัทที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดคงเป็น Yangtze Memory Technologies Corp (YMTC) ผู้ผลิตชิป NAND รายใหญ่ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2016 เท่านั้น โดยรายงานล่าสุดระบุว่า YMTC มีเทคโนโลยีผลิตชิป NAND ที่ 64 และ 128 ชั้นวงจร ที่ผ่านมา YMTC เติบโตอย่างรวดเร็ว
ที่มา - Reuters
|
# กลับไปย้อนวัย Winamp ปล่อยเวอร์ชัน 5.9 RC1 ให้ดาวน์โหลดได้แล้วบน Windows 11
หลังจากห่างหายไปหลายปีและล้มลุกคลุกคลานมามาก (ระงับการให้บริการสิ้นปี 2013 ก่อนที่ AOL เจ้าของเดิมจะขายให้กับ Radionomy บริษัทวิทยุออนไลน์ของเบลเยียม) ล่าสุด Winamp ได้ปล่อย Winamp 5.9 RC1 ที่รองรับ Windows 11 ให้ดาวน์โหลดกันแล้วเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทีม Winamp ระบุว่าเวอร์ชันนี้ใช้ระยะเวลาในการพัฒนากว่า 4 ปี จากเวอร์ชัน 5.8 ในปี 2018 ซึ่งส่วนที่เสียเวลาและยากที่สุด คือการไมเกรตโปรเจ็คจาก Visual Studio 2008 มาบนเวอร์ชัน 2019
การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของเวอร์ชัน 5.9 RC1 คือรองรับ Windows 11 โดยเวอร์ชันต่ำสุดที่รองรับคือ Windows 7 SP1 และ รองรับไฟล์ .mkv โดยที่หน้าตาการแสดงผลยังเหมือนเดิม
แน่นอนว่าด้วยความที่สถานะยังเป็น Release Candidate ทำให้ปัญหาและบั๊กต่างๆ ของ Winamp 5.9 ยังคงมีอยู่ ซึ่งทางทีมระบุว่าจะแก้ไขและออกเวอร์ชันใหม่ตามมา รวมถึงแนะนำด้วยว่าให้ลองติดตั้งบน Windows 7 หรือ 8.1 ก่อน เพราะพบว่ามีไลบรารี่บางตัวไม่ทำงานบน Windows 11
ทั้งนี้ Winamp เคยประกาศว่าจะออก Winamp 6 ในปี 2019 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีอัพเดตใดๆ ส่วนเวอร์ชัน 5.9 RC1 สามารถดาวน์โหลดและดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ Winamp Forum
ที่มา - Winamp Forum
|
# AIS 5G NEXTGen Platform แพลตฟอร์มที่จะพาธุรกิจก้าวเข้าสู่โลกยุค 5G ได้ง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เทคโนโลยี 5G เปิดทางให้การใช้เครือข่ายไร้สายสามารถใช้งานในโลกธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ได้มากมาย ทั้งจากประสิทธิภาพของเครือข่ายที่แบนวิดท์สูงกว่าเทคโนโลยีเดิมๆ และสามารถปรับแต่งการใช้งานคลื่นความถี่ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น การติดตั้งเซ็นเซอร์จำนวนมากที่ไม่ต้องการแบนวิดท์สูง หรือการใช้งานที่ต้องการแบนวิดท์สูงพร้อมกับเวลาหน่วงที่ต่ำมากๆ เช่น แว่นตา VR/AR
แต่ที่ผ่านมาการที่ธุรกิจจะเริ่มใช้งานโซลูชั่น 5G นั้นยังเป็นการปรับแต่งตามการใช้งานแต่ละครั้ง ทำให้การเริ่มใช้งานแต่ละโซลูชั่นต้องใช้เวลานานหลายเดือน และอาจต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะเพื่อการใช้งานแอปพลิเคชั่น โซลูชั่นมักขาดความยืดหยุ่นที่ธุรกิจไม่สามารถทดลองแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ โดยใช้งานไม่มากนักในช่วงแรก แต่ต้องการความมั่นใจว่าจะขยายการใช้งานได้ทันทีที่ต้องการ
ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า การเปิดตัว AIS 5G NEXTGen Platform ในงาน Thailand 5G Summit 2022 นับเป็นแพลตฟอร์ม 5G ให้ผู้ใช้จัดการการใช้งานด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสามารถบริหารจัดการการใช้งาน 5G ได้อย่างเบ็ดเสร็จภายในแพลตฟอร์มโดยตรง และเปิดใช้งาน Multi-access Edge Computing (MEC) ที่จะเป็นหน่วยประมวลผลที่อยู่ใกล้กับอุปกรณ์ 5G ที่สุดได้ด้วยตัวเอง ทำให้สามารถเริ่มทดลองใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยดึงความได้เปรียบของเทคโนโลยี 5G ออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ โดย MEC จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการการประมวลผลที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และสามารถทำงานร่วมกับคลาวด์ต่างๆ เพื่อแยกงานที่ไม่ต้องการการตอบสนองเร็วนักไปประมวลผลบนคลาวด์ได้เช่นเดิม
MEC ทำให้การใช้เซิร์ฟเวอร์ภายนอกไม่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาหน่วง (latency) จากอุปกรณ์ไปยังเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป ผู้ใช้สามารถเลือกพื้นที่ที่เซิร์ฟเวอร์จะอยู่ใกล้ที่สุดกับอุปกรณ์ตามที่ผู้ใช้เลือก
ตัวอย่างการใช้งานเช่น ธุรกิจร้านอาหารที่อาจจะต้องการใช้หุ่นยนต์ การประมวลผลบน MEC จะทำให้หุ่นยนต์สามารถรับรู้ข้อมูลภายในร้านได้ กล้องวงจรปิดสามารถอ่านสัญญาณมือของลูกค้าและสั่งให้หุ่นยนต์ในร้านเข้าไปให้บริการได้ทันทีแม้ตัวหุ่นยนต์จะมองไม่เห็นลูกค้าที่ต้องการเรียก หรือการใช้งานแว่นตา AR เพื่อให้ข้อมูลแก่คนทำงานด่านหน้า (frontline) ที่หน่วยประมวลผล MEC สามารถประมวลภาพจากแว่น AR ได้อย่างรวดเร็ว และตอบกลับไปยังแว่นเพื่อแสดงข้อมูลให้คนทำงานได้ในเสี้ยววินาที การใช้งานสามารถใช้งานได้ทั้งการรักษาความปลอดภัย, การจัดการคงคลังสินค้า, หรือการซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนสูง
นอกจากการเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงทรัพยากรได้โดยง่ายแล้ว AIS 5G NEXTGen Platform ยังเปิดทางให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่น สามารถนำแอปพลิเคชั่นพร้อมใช้งานมาให้บริการบนแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ธุรกิจที่สนใจใช้งานเทคโนโลยี 5G สามารถเริ่มใช้งานได้ทันที มีแอปพลิเคชั่นให้ทดลองตั้งแต่เริ่มใช้งาน ไม่ต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม หรือการคอนฟิกติดตั้งที่อาจจะกินเวลานับเดือนอีกต่อไป ตอนนี้ AIS ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตแอปพลิเคชั่นชั้นนำ นำแอปพลิเคชั่นมาเสนอบนแพลตฟอร์ม เช่น Metaverse, Cloud Gaming, การวิเคราะห์วิดีโอ (video analytics), การวิเคราะห์ภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Computer Vision), ระบบควบคุมคุณภาพการผลิต, Drone, AR/VR, ระบบควบคุมหุ่นยนต์, และแอปพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมาก
AIS 5G NEXTGen Platform ยังมีความได้เปรียบที่มีความร่วมมือกับกลุ่ม Singtel ในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มให้บริการแอปพลิเคชั่นบน MEC เข้าด้วยกัน ทำให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่นในไทยที่สร้างแอปพลิเคชั่นบน AIS 5G NEXTGen Platform ไปยังเครือข่ายอื่นๆ เช่น Singtel ในสิงคโปร์ หรือ OPTUS ในออสเตรเลีย เปิดทางให้เข้าถึงผู้ใช้ที่กว้างว่าประเทศไทย
สรุป AIS 5G NEXTGen Platform จะสร้างประโยชน์ต่อภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมไทยที่จะเร่งสร้าง Use Case การใช้งานที่เสริมขีดความสามารถใหม่ๆ ในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ ถือเป็นจุดสำคัญของการผลักดันให้ธุรกิจไทยก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มรูปแบบ และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
แพลตฟอร์ม AIS 5G NEXTGen Platform เริ่มเปิดให้องค์กรธุรกิจเริ่มทดลองแล้ว และจะเปิดให้ลูกค้าองค์กรใช้งานเต็มรูปแบบภายในปีนี้ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIS 5G NEXTGen Platform หรือการใช้งานเทคโนโลยี 5G ในโลกธุรกิจ
สามารถดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ AIS Business ได้ทันที หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลท่านอยู่
|
# ร้านกาแฟ Tim Hortons แอบเก็บพิกัดลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสนอจ่ายชดเชยด้วยกาแฟ
Tim Hortons เชนร้านกาแฟรายใหญ่จากแคนาดา ถูกตรวจพบว่าแอพมือถือของแบรนด์แอบเก็บข้อมูลพิกัด (geolocation) ของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมก่อน ในช่วงปี 2019-2020 และถูกหน่วยงานด้านข้อมูลส่วนบุคคลของแคนาดาสอบสวน
เรื่องนี้เป็นผลมาจาก Tim Hortons ใช้ระบบเก็บพิกัดของบริษัท Radar อีกต่อหนึ่ง โดยเก็บพิกัดของผู้ใช้แทบตลอดเวลา (แม้แอพรันอยู่ในแบ็คกราวน์) เพื่อใช้ตรวจเช็คว่าผู้ใช้เดินทางไปกลับจากบ้านและที่ทำงานอย่างไร และซื้อโดนัทจากร้านคู่แข่งรายไหนบ้าง
พฤติกรรมของ Tim Hortons มีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของแคนาดา แต่ในอีกด้าน ผู้ใช้ที่ถูกเก็บข้อมูลก็รวมตัวกันฟ้อง (class action) เรียกค่าเสียหาย ซึ่งล่าสุด Tim Hortons ระบุว่าเจรจากับกลุ่มผู้ฟ้องได้แล้ว โดยจะชดเชยค่าเสียหายให้เป็นเครดิตซื้อกาแฟและอาหารในร้านแทน ขั้นถัดไปคือ Tim Hortons ต้องรอศาลอนุมัติแผนการนี้จึงเริ่มดำเนินการได้
เว็บไซต์ The Register ชี้ว่าลูกค้า Tim Hortons ในแคนาดาสามารถไปยื่นเรื่องขอร่วมฟ้อง เพื่อรับเครดิตซื้ออาหารมูลค่า 2.88 ดอลลาร์แคนาดาได้ ถึงแม้ตัวเลขดูน้อยมาก แต่ก็ถือเป็นปกติของคดีรวมกลุ่มฟ้องของผู้บริโภคในลักษณะนี้ ที่ปกติแทบไม่ได้อะไรเลย
ที่มา - CBC, The Register
|
# Helium บริษัทเครือข่าย IoT ขวัญใจชาว Web3 ถูกแฉ สร้างรายชื่อลูกค้าทิพย์-รายได้ทิพย์
Helium Network เป็นบริษัทด้านบล็อกเชน (หรือบ้างก็เรียก web3) ที่ทำระบบเครือข่ายเราเตอร์ LoRaWAN ผ่านมวลชนจำนวนมาก เพื่อให้บริการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT โดยนำแนวคิดบล็อกเชนและ token ($HNT) เข้ามาจัดสรรผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ลงทุนซื้อเราเตอร์มาให้บริการ
Helium เคยถูกยกย่องว่าเป็นกรณีศึกษาว่า web3 สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในโลกจริงได้จริงๆ นะ (บทความในสื่อใหญ่อย่าง The New York Times ที่พาดหัวว่า Maybe There’s a Use for Crypto After All) แนวคิดของมันคือการสร้างเครือข่าย LoRaWAN โดยผู้ใช้ "ลงทุน" ซื้ออุปกรณ์ hotspot ราคาประมาณ 500 ดอลลาร์มาติดตั้งไว้เฉยๆ เปิดให้ Helium เข้ามาจัดการจากระยะไกล ซึ่ง Helium จะนำไปปล่อยเช่ากับ "ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ต้องใช้งาน" และนำรายได้กลับเข้ามา "จ่ายคืน" ผู้ลงทุน โดยกระบวนการคิดค่าตอบแทนใช้ระบบ token เป็นสื่อกลางตามสมัยนิยม
แต่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา Helium กลับถูกแฉว่า แทบไม่มีรายได้จากการเช่า LoRaWAN เข้ามาจริงๆ และลูกค้าที่ Helium แปะโลโก้ไว้บนหน้าเว็บ ซึ่งมีแบรนด์ดังๆ อย่าง Lime และ Salesforce ก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับ Helium แต่อย่างใด
ลูกค้าทิพย์
เว็บไซต์ข่าว Mashable ออกมาแฉว่า Helium กล่าวอ้างว่าบริษัทเช่าสกูตเตอร์ Lime เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Helium ที่เช่าใช้เครือข่าย LoRaWAN ติดตามสกูตเตอร์ของตัวเองว่าอยู่ที่ไหนบ้าง
Lime ให้ข้อมูลกับ Mashable ว่าจริงๆ แล้ว Helium เคยมาขอทดสอบระบบเพียงครั้งเดียวในปี 2019 เป็นเวลา 1-2 เดือน แต่หลังจากนั้น Lime ก็ไม่เคยติดต่อกับ Helium อีกเลย แถมพนักงานของ Helium คนนั้นก็ลาออกจากบริษัทไปแล้ว ในเอกสารสัญญาระหว่าง Lime กับ Helium ก็ระบุชัดว่าห้ามไม่ให้ Helium กล่าวอ้างว่า Lime เป็นลูกค้าใช้งาน แต่สุดท้ายแล้ว Helium ก็ยังนำไปใช้
ฝั่งของ Salesforce ก็ออกมายืนยันกับ The Verge ว่าไม่ได้เป็นลูกค้าของ Helium เช่นกัน (The Verge บอกว่าสอบถามไปยังลูกค้ารายอื่นๆ บนหน้าเว็บ Helium ด้วย แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ)
หลังจากเรื่องนี้เป็นข่าว Lime บอกว่าเตรียมส่งจดหมายเตือนให้ Helium นำโลโก้ตัวเองออกจากสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งหมดแล้ว และหน้าเว็บของ Helium ก็ถอดโลโก้ของสองแบรนด์นี้ออกทันที
รายได้ทิพย์
Liron Shapira นักลงทุนสตาร์ตอัพ และผู้ก่อตั้งบริษัทให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ Relationship Hero เป็นอีกรายที่ออกมาแฉว่าโมเดลการให้ผลตอบแทนของ Helium ไม่ได้เป็นจริงตามที่กล่าวอ้าง
Helium ชักชวนคนมาลงทุนทำ hotspot โดยเริ่มจากการซื้ออุปกรณ์ราคา 400-800 ดอลลาร์ นำมาติดตั้งที่บ้านของตัวเอง และคาดหวังรายได้ passive income กลับมาเดือนละประมาณ 100 ดอลลาร์ (จ่ายเป็นเหรียญ $HNT) จากการให้ Helium ไปหากินต่อ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ นักลงทุน hotspot มีรายได้กลับมาประมาณ 0.01 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น จากการถอดข้อมูลกลับจากเครดิตในระบบ Helium พบว่าในเดือนมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา มีเครดิตการใช้งานในระบบรวมมูลค่า 6,561 ดอลลาร์ ถึงแม้นักขุดบางคนบอกว่าได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 10-20 ดอลลาร์ แต่ Shapira ชี้ว่านั่นคือรายได้ทิพย์ เพราะเป็นเงินอุดหนุนจาก Helium เองให้นักขุดรู้สึกว่าได้ค่าตอบแทนจริง จะได้ขยายเครือข่ายนักขุดให้กว้างขึ้น (ภายหลัง Helium ยืนยันตัวเลข 6,561 ดอลลาร์ว่าเป็นรายได้จากค่าเช่าเครือข่ายจริง แต่บริษัทก็มีรายได้จากการลงทะเบียนเข้าเครือข่าย hotspot ครั้งแรกของนักลงทุนด้วย)
Nova Labs บริษัทแม่ของ Helium ได้รับเงินลงทุน 365 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทลงทุนชื่อดัง Andreesen Horowitz โดยบริษัทระบุว่ามีเครือข่าย hotspot มากกว่า 500,000 จุดทั่วโลก ครอบคลุม 52,000 เมืองใน 168 ประเทศ
ในห้อง Reddit ของชุมชน Helium Network เองก็มีการตั้งคำถามเรื่องรายได้อยู่บ่อยครั้ง
ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าอนาคตของ Helium จะเป็นอย่างไรต่อ แต่ Kevin Roose คอลัมนิสต์ของ The New York Times ที่เขียนบทความแนะนำ Helium ได้ล้างข้อความเก่าในบัญชี Twitter ทั้งหมดออกแล้ว พร้อมขึ้นข้อมูลว่าช่วงนี้ลาพักไปเลี้ยงลูก parental leave และหยุดใช้งาน Twitter ชั่วคราว
|
# ใกล้ตัวกว่า Pegasus, ออสเตรเลียจับกุมคนร้ายขาย Spyware ใช้ขโมยข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เหยื่อ
ตำรวจออสเตรเลียเข้าจับกุม Jacob Wayne John Keen อายุ 24 ปีฐานพัฒนาสปายแวร์ Imminent Monitor เพื่อขโมยข้อมูลออกจากเครื่องของเหยื่อ และขายให้กับลูกค้ากว่า 14,500 รายทั่วโลก รวมเหยื่อกว่า 50,000 ราย
Imminent Monitor เป็นมัลแวร์ในกลุ่ม remote access trojan (RAT) มีความสามารถในการดักคีย์บอร์ด (keylogger), สามารถเปิดไมโครโฟนหรือกล้องเว็บแคมขึ้นมาบันทึกภาพได้ตามคำสั่งของผู้ใช้งาน การติดตั้งซอฟต์แวร์ทำได้หลายทาง เช่น การล่อให้เหยื่อติดตั้งเองด้วยอีเมลปลอม
Keen พัฒนา Imminent Monitor มาตั้งแต่อายุ 15 ปี เขาขายซอฟต์แวร์ในราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทำเงินได้กว่าสิบล้านบาท ผู้ใช้สปายแวร์ตัวนี้จำนวนมากเป็นผู้ติดคดีความรุนแรงในครอบครัว
การจับกุมครั้งนี้เป็นการประสานงานกันหลายชาติ โดยการสอบสวนเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 จากเบาะแสที่ได้จาก Palo Alto Networks และสามารถปิดการทำงานของ Imminent Monitor เมื่อปี 2019 และนำมาสู่การจับกุมผู้พัฒนา
ที่มา - Australian Ferderal Police
ภาพโดย tookapic
|
# Amazon Prime Video เริ่มทำแคมเปญการตลาดในไทย, ประกาศเนื้อหาออริจินัลไทยเรื่องแรก
Amazon Prime Video บริการสตรีมมิ่งในเครือ Amazon ให้บริการกับลูกค้าในประเทศไทยมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่วันนี้ Amazon ประกาศเริ่มทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ โดยดึงเอามาริโอ้ เมาเร่อ มาทำแคมเปญโฆษณาให้ลูกค้าในไทยรู้จัก
Amazon ยังประกาศลงทุนทำเนื้อหาออริจินัล (Local Originals) เรื่องแรกของประเทศไทย Comedy Island: Thailand มีกำหนดออกอากาศในปี 2566 และระบุว่ามีเนื้อหาออริจินัลจากประเทศไทยอีกหลายเรื่องอยู่ระหว่างการพัฒนา
เนื้อหาซีรีส์ออริจินัลของ Prime Video ที่โด่งดังในวงกว้างคือ The Boys ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่, The Terminal List ซีรีส์แนวแอคชั่น และในเดือนหน้าจะมี The Lord of the Rings: The Rings of Power ซีรีส์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เริ่มเข้าฉายวันแรก 2 กันยายน
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ Amazon Prime Videos
|
# Linux ออกเวอร์ชั่น 5.19 ไลนัสกลับมาใช้ลินุกซ์บน MacBook รุ่น Apple Silicon
ไลนัสประกาศออกลินุกซ์เวอร์ชั่น 5.19 ตามรอบโดยระบุว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ จำนวนมาก แต่ไลนัสยังระบุว่าเขากลับมาใช้ลินุกซ์บนซีพียู ARM64 ของแอปเปิลเพื่อใช้ออกเวอร์ชั่นลินุกซ์เป็นครั้งแรก และนับเป็นครั้งที่สามที่เขาใช้เครื่องแอปเปิล หลังจาก PowerPC, MacBook Air ที่เคยใช้งานก่อนหน้านี้
ไลนัสใช้ Asahi Linux บน MacBook แต่เขาไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นรุ่นใด พร้อมกับบอกว่าครั้งหน้าหากเดินทางก็อาจจะนำเครื่องนี้ไปใช้งานนอกสถานที่ด้วย ดังนั้นเราน่าจะได้เห็นภาพไลนัสมาใช้ MacBook กันอีกครั้ง
Asahi Linux เป็นโครงการที่พยายามซัพพอร์ตลินุกซ์ของ Apple Silicon เต็มรูปแบบ โดยต้องพัฒนาทั้งตัวลินุกซ์และ bootloader (m1n1) ขึ้นมาใหม่ ช่วงนี้โครงการยังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างหนัก และสถานะยังอยู่ระดับ Alpha เท่านั้น การใช้งานจริงยังจำกัดมาก เช่น บนชิป M2 ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดระหว่างบูตได้เลย
นอกจากประเด็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของไลนัสเอง ลินุกซ์ 5.19 ยังมีแพตช์สำหรับ LoongArch ซีพียูตระกูล MIPS จากจีนส่งเข้ามาจำนวนมาก
ที่มา - Phoronix
|
# สัมภาษณ์คุณวิศรุจน์ อัศวรักษ์ IBM Distinguished Engineer คนแรกของไทย
บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายแห่งมีตำแหน่ง Distinguished Engineer ที่ถือเป็นตำแหน่ง Executive ของสายงานวิศวกรรม (เทียบเท่ากับ Vice President หรือ Managing Director ในตำแหน่งสายงานบริหาร) บริษัทใหญ่ที่มีประวัติยาวนานอย่าง IBM ก็มีตำแหน่งนี้ และเราเพิ่งได้เห็น "คนไทยคนแรก" ที่ได้รับตำแหน่ง Distinguished Engineer ซึ่งมีอยู่ประมาณ 40 คนทั่วโลก ที่ได้รับการแต่งตั้งในปีนี้
Blognone มีโอกาสพูดคุยกับ คุณวิศรุจน์ อัศวรักษ์ ที่มีตำแหน่งเป็น Chief Technology Officer ของไอบีเอ็มประเทศไทยอีกตำแหน่ง และเป็นสมาชิกของ IBM Academy of Technology ชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ IBM ด้วย
อยากให้อธิบายเรื่องตำแหน่ง Distinguished Engineer ให้คนนอกฟัง
IBM เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับงานในสายงานเทคนิคค่อนข้างมาก พนักงานที่เติบโตมาจากตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ หรือ สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์สามารถเติบโตได้ตามสายงานเทคนิค โดยมีเส้นทางอาชีพ (career path) ที่สามารถไปต่อได้เทียบเท่ากับ Vice President ขององค์กรฝั่งบริหาร
พนักงาน IBM ทั้งโลกมีคนที่ได้รับแต่งตั้งตำแหน่ง Distinguished Engineer ในปีนี้ประมาณ 40 คน โดยในกลุ่มประเทศอาเซียนมี 2 คนที่ได้รับการแต่งตั้ง
นอกจากนี้ยังมี Academy of Technology ของ IBM ระดับโลก เป็นศูนย์รวมคนสายเทคนิคจากทุกสายงานย่อย เช่น IBM Research, IBM Consulting, IBM Technology Group มีจุดประสงค์เพื่อสร้างชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้กันภายในบริษัท มีระบบสมาชิกที่ชัดเจน มีการตั้งทีมทำงาน (working team) ไปทำโครงการต่างๆ เช่น เซสชันการแชร์ความรู้ หรือทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย ออกรายงานการศึกษาแนวทางด้านเทคโนโลยีในเซกเตอร์ต่างๆ
งานที่ทำอยู่ในตอนนี้คืออะไร
ผมเข้าทำงานกับ IBM มาตั้งแต่ปี 1990 และทำงานกับหน่วยงานด้านการเงินการธนาคารของไทยมาตลอด ก่อนหน้าที่ทำงานฝั่ง IBM Consulting ซึ่งเน้นการทำงานที่ใกล้ชิดกับองค์กรฝั่งลูกค้า ช่วยแก้ปัญหาทั้งระบบงาน กระบวนการทางธุรกิจ วางแผนยุทธศาสตร์
พอได้รับตำแหน่งเป็น CTO ของ IBM Thailand ก็มีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการทำ digital transformation ขององค์กร ซึ่งช่วงหลังเราจะได้ยินคำว่า digial journey ในฝั่งหน้าบ้านที่ต้องปรับตัวตามความต้องการของลูกค้า และการทำ modernization ของระบบ back office หลังบ้านให้คล่องตัวมากขึ้น
อยู่ในแวดวงไอทีฟากธนาคารมานาน เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
กลุ่มธนาคารเป็นอุตสาหกรรมแรกๆ ที่นำระบบไอทีมาใช้งาน ในยุคแรกๆ นำระบบประมวลผลธุรกรรม (online transaction processing) มาใช้ แต่สมัยก่อนธนาคารยังมองลูกค้าแยกตามบัญชีธนาคาร (account-based) และแยกตามผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น กลุ่มเงินฝาก กลุ่มเงินกู้ กลุ่มการลงทุน
ภายหลังเราเริ่มเห็นว่าธนาคารเปลี่ยนมุมมองทางไอที จาก transactional และ account-based มาเป็นการมองที่ตัวลูกค้า (customer-based) เราเห็นการทำ CRM รอบตัวลูกค้าธนาคาร การเปิดช่องทางใหม่ๆ และการทำช่องทางที่ลูกค้าใช้บริการได้เอง (self-service channel) เช่น ตู้เอทีเอ็ม
ยุคถัดมาเราเห็นการปรับกระบวนการของสาขาให้ดีขึ้น ให้บริการลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ลูกค้าไปธนาคารไม่ต้องรอคิวนาน ไม่ต้องรอกระบวนการเอกสารหลายวัน มีการทำระบบสมาร์ทคิว ไล่มาถึงยุคของ mobile banking และล่าสุดผมมองว่าเป็นยุคของ Open Banking และ Open API
ยุคของ Open Banking เป็นอย่างไร
เราจะเห็นการให้บริการของธนาคาร (Banking as a Service) ที่ออกไปอยู่นอกธนาคารมากขึ้น ช่วงหลังเราเห็นธนาคารหลายแห่งเปิด API ให้เชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์จากอุตสาหกรรมอื่น เช่น ค้าปลีก เราจึงเห็นบริการธนาคารไปฝังอยู่ในพื้นที่ของร้านค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้าบ้างแล้ว ตรงนี้เรียกว่า embedded product คือเตรียมบริการการเงินให้พร้อมให้ไปอยู่ตรงไหนก็ได้
บางธนาคารเริ่มเปิด Open API ให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชี ขอสินเชื่อ จากบริษัทในเครือหรือคู่ค้าโดยตรง เรียกได้ว่าตัวบริการด้านการเงินเหมือนเดิม แต่ตัวช่องทางการบริการ (distribution channel) เปลี่ยนไปจากเดิม
อยากให้มองอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของไทยยุคหน้า
โครงการอย่าง National Corporate Digital Identity (NCID) หรือ ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน ซึ่งเป็นการวางพื้นฐานการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการในโลกดิจิทัล
ที่ IBM ทำร่วมกับ ARV บริษัทในเครือ ปตท. คือหนึ่งในตัวอย่างของการวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีเพื่อรองรับยุคต่อไป แพลตฟอร์มดังกล่าว จะช่วยให้องค์กรและธนาคารไทยดำเนินกระบวนการ KYC โดยเฉพาะในเรื่องการรับรองหนังสือมอบอำนาจ (power of attorney) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น จากรูปแบบการดำเนินการในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับเอกสารจำนวนมาก ส่งผลให้ใช้เวลาในการดำเนินการอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ หรือในบางกรณีมากกว่าหนึ่งเดือน เมื่อนำระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบเข้ามาช่วย ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
นอกจากนี้ สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจยังมีเรื่องเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (central bank digital currency หรือ CBDC) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโครงการทดลองนำร่องอยู่แล้ว สิ่งนี้จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจยุคหน้าเช่นกัน
|
# อดีตทีมงาน CD Projekt ตั้งบริษัทใหม่ Dark Passenger เปิดตัวเกมออนไลน์แนวซามูไรญี่ปุ่น
อดีตทีมงาน CD Projekt ลาออกไปตั้งบริษัทเกมใหม่อีกราย (ก่อนหน้านี้คือ ผู้กำกับ The Witcher 3 ออกไปตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Rebel Wolves)
Jakub Ben และ Marcin Michalski อดีตพนักงานของ CD Projekt ที่อยู่เคยในทีม The Witcher 3 และ Cyberpunk 2077 เปิดตัวสตูดิโอใหม่ Dark Passenger ในโปแลนด์ พร้อมเปิดตัวเกมแรกของตัวเอง เป็นเกมแนวซามูไรญี่ปุ่นออนไลน์ ใช้ธีมเป็นญี่ปุ่นโบราณยุคฟิวดัล
เกมของ Dark Passenger ยังไม่มีชื่อเกมและวันวางขาย แต่เผยรายละเอียดของเกมแล้วว่าจะเป็นเกมออนไลน์มัลติเพลเยอร์ มีทั้งโหมด Co-op และ PVP/PVE ใช้เอนจิน Unreal Engine 5 ลงทั้งพีซี (Steam, Epic), PS5 และ Xbox Series X|S
ปัญหาของเกม Cyberpunk 2077 ส่งผลให้เกิดการเร่งงาน (crunch) อย่างหนักเพื่อให้ทันเส้นตายวันขาย และในระยะยาวก็ส่งผลให้อดีตทีมงานของ CD Projekt ลาออกมาเปิดบริษัทเองเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ที่มา - Eurogamer
|
# ผู้สร้าง NFT บน Minecraft ประกาศสร้างเกมใหม่เอง หลัง Minecraft แบนการใช้ NFT
สัปดาห์ก่อน Minecraft ประกาศแบน NFT และการใช้งานบล็อกเชนทั้งในเกมและนอกเกม โดยให้เหตุผลว่าการสร้างโมเดลหรือโลกในเกมแล้วนำมาขายเป็น NFT ปั่นราคา สวนทางกับหลักการของ Minecraft ที่เน้นการแบ่งปัน การเล่นร่วมกันของผู้เล่น
ในวงการ NFT มีการสร้างโมเดล อวตาร ไอเทม และระบบ seed ที่ใช้สุ่มสร้างโลกในเกม Minecraft แล้วนำมาขายเป็น NFT เพื่อใช้เล่นในเกม Minecraft อีกทีหนึ่ง ซึ่งจะไม่สามารถทำได้แล้วตามนโยบายใหม่ของ Minecraft ที่ห้ามเชื่อม API ภายนอกด้วย (อธิบายง่ายๆ คือใช้ Minecraft เป็นเหมือนเอนจินฟรี) ตัวอย่างของแนวทางนี้คือ NFT Worlds ที่มีโมเดลหารายได้จากการขายเหรียญ $WRLD แลกกับสิทธิในการใช้งานโลกที่รันบนเอนจิน Minecraft
ตัวอย่างโลกของ Minecraft ที่นำไปใช้เล่นได้จริงๆ บนเอนจิน Minecraft แต่นำไปขายเป็น NFT ใน OpenSea
หลังประกาศของ Minecraft ทำให้ NFT Worlds ไม่สามารถใช้งาน Minecraft ได้อีกต่อไป ซึ่งทีมงานก็ประกาศว่าจะสร้างเกมใหม่ของตัวเองขึ้นมา โดยอิงกับรูปแบบเกมของ Minecraft แต่จะเปิดกว้างกว่ามาก เกมใหม่นี้จะสร้างขึ้นมาใหม่จากศูนย์ ไม่ได้เป็นการนำเอนจินเกมโคลน Minecraft มาพัฒนาต่อ
NFT Worlds ยังประกาศว่าการควบคุมของ Minecraft เป็นตัวอย่างของโลก web2 ที่เน้นผลกำไร ในขณะที่ตัวเองเป็นแนวทาง web3 ที่เน้น "จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมผ่านผู้สร้างเนื้อหาอิสระ" และบอกว่าตัวเองจะสู้เพื่ออนาคตที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม ไม่ใช่บริษัท
ภายใต้นโยบายใหม่ของ Minecraft ผู้เล่นที่ซื้อโลกจาก NFT Worlds ไปแล้วยังสามารถเล่นบนเอนจินของ Minecraft ได้เช่นเดิม แต่ทำได้เฉพาะการเล่นเกมอย่างเดียว ไม่สามารถนำส่วนของคริปโต บล็อกเชน token ใดๆ มาเชื่อมต่อกับเกม Minecraft ได้อีก
ที่มา - Ars Technica
|
# หลัง Microsoft Office ปิดการทำงาน Macro แฮ็กเกอร์เปลี่ยนไปใช้ไฟล์ประเภทอื่นโจมตีแทน
จากนโยบายของไมโครซอฟท์ที่ต้องการปิด Macro ของ Office เป็นค่าดีฟอลต์ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย (แม้ปิดๆ เปิดๆ อยู่ช่วงหนึ่ง) ส่งผลให้บรรดาแฮ็กเกอร์ต้องปรับตัว เปลี่ยนวิธีโจมตีจาก Macro ไปเป็นวิธีอื่นด้วยเช่นกัน
บริษัทความปลอดภัย Proofpoint เก็บสถิติการโจมตีของแฮ็กเกอร์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 พบว่าปริมาณการโจมตีผ่าน Macro โดยตรง (ทั้งแบบ VBA ที่ใช้กับ Office ได้หมด และ XL4 ที่ใช้เฉพาะกับ Excel) ลดลงถึง 66%
ก่อนหน้านี้ แฮ็กเกอร์นิยมใช้วิธี social engineering หลอกให้เป้าหมายคลิกไฟล์เอกสาร Office ที่มี Macro ประสงค์ร้ายฝังอยู่ แต่เมื่อไมโครซอฟท์ปรับเปลี่ยนนโยบาย ก็พบว่าแฮ็กเกอร์เริ่มเปลี่ยนไปใช้ไฟล์แนบนามสกุลอื่น เช่น ISO, RAR, LNK (ไฟล์ Windows Shortcut) เพื่อหุ้มไฟล์เอกสารที่มี Macro ไว้อีกชั้น
เหตุผลเป็นเพราะนโยบายของไมโครซอฟท์คือปิดการรัน Macro ของไฟล์เอกสารที่ดาวน์โหลดจากเว็บ (Mark of the Web - MOTW) ทำให้แฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่ที่ว่า หากเป็นไฟล์ประเภทบีบอัด (เช่น ZIP, RAR, ISO, IMG) เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้มาที่เครื่อง จะมีสถานะ MOTW เสมอ แต่ไฟล์ที่อยู่ข้างใน (เช่น Excel ที่มี Macro ประสงค์ร้าย หรืออาจเป็นไฟล์ DLL โดยตรง) แตกไฟล์ออกมาแล้วไม่มีสถานะ MOTW ด้วย ทำให้ยังสามารถรันใน Excel ได้อยู่
หน้าจอของ Microsoft Office ที่บล็อคการทำงานของ Macro
ที่มา - Proofpoint via Threatpost
|
# Radiant สตาร์ทอัพด้านพลังงานเปิดตัวเครื่องปั่นไฟพลังนิวเคลียร์ขนาดเท่าตู้คอนเทนเนอร์
บริษัท Radiant ซึ่งบริหารงานโดยอดีตพนักงาน SpaceX ได้เปิดตัวโครงการ Kaleidos เตาปฏิกรณ์ปรมาณูขนาดเล็กแบบเคลื่อนย้ายได้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานผลิตไฟฟ้า
Kaleidos เป็นชุดปั่นไฟที่ประกอบไปด้วยเตาปฏิกรณ์ปรมาณูแบบฟิสชั่นสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าด้วยกำลัง 1.2 เมกะวัตต์ นานต่อเนื่อง 8 ปี มันถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนการใช้งานเครื่องปั่นไฟแบบเครื่องยนต์ดีเซล ผู้ใช้สามารถเดินเครื่องเพื่อเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังการติดตั้ง โดยทาง Radiant ระบุว่า Kaleidos สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเพื่อการทหาร, ใช้เพื่อการบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งใช้งานในพื้นที่ทุรกันดารต่างๆ
Doug Bernauer ซีอีโอของ Radiant ซึ่งเคยทำงานให้ SpaceX นาน 12 ปี ได้อธิบายถึงที่มาของ Kaleidos ว่าเป็นการหยิบเอางานที่เคยพัฒนาให้กับ SpaceX ในแผนการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยงานของเขาในตอนนั้นคือการพัฒนาแหล่งพลังงานเพื่อการดำรงชีวิตบนดาวเคราะห์สีแดง ตัว Bernauer เองคิดว่าผลงานการคิดค้นเหล่านั้นสามารถนำมาใช้งานบนโลกได้ด้วยเช่นกัน
ภาพจำลองของ Kaleidos แสดงให้เห็นเตาปฏิกรณ์และส่วนประกอบอื่นๆ ติดตั้งอยู่ในโครงสร้างตู้คอนเทนเนอร์
กระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์โดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น จะใช้เตาปฏิกรณ์สร้างพลังงานความร้อน ภายในเตาจะมี "แกนเชื้อเพลิง" ที่บรรจุเม็ดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เอาไว้ ซึ่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่นิยมใช้ส่วนใหญ๋คือไอโซโทปของยูเรเนียม เมื่อปฏิกิริยานิวเคลียร์ถูกเริ่มด้วยการยิงนิวตรอนไปยังแกนเชื้อเพลิงเหล่านี้ นิวตรอนของสารเชื้อเพลิงที่อยู่ในแกนจะแตกตัวและพุ่งไปกระทบอะตอมอื่นๆ ของสารเชื้อเพลิงต่อกันไปอีกเป็นทอดๆ เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่และมีการปลดปล่อยพลังงานความร้อนออกมา
การควบคุมระดับพลังงานของเตาปฏิกรณ์สามารถทำได้ด้วยการสอดหรือดึงสิ่งที่เรียกว่า "แกนควบคุม" เข้าหรือออกจากเตา โดยแกนควบคุมนี้ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวดูดซับนิวตรอนที่พุ่งไปมาภายในเตา การสอดแกนควบคุมลงลึกไปในเตาจะเป็นการหน่วงปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดขึ้น ในทางกลับกันหากทำการดึงแกนควบคุมออกมาจากเตามากเท่าไหร่ก็จะเป็นการเร่งให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่มากขึ้นนั่นเอง
พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาฟิสซั่นดังที่อธิบายข้างต้นจะถูกถ่ายเทผ่านแผงระบายความร้อนต่อไปยังสารหล่อเย็นซึ่งโดยทั่วไปก็คือน้ำ โดยน้ำหล่อเย็นเหล่านี้จะมีการปนเปื้อนกัมมันตรังสีเนื่องจากสัมผัสกับแกนเชื้อเพลิงภายในเตาโดยตรง ดังนั้นมันจะถูกหมุนเวียนอยู่ในระบบปิดเท่านั้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของกัมมันตรังสีออกสู่ภายนอก จากนั้นน้ำหล่อเย็นที่ร้อนจัดจนเปลี่ยนสถานะเป็นไอน้ำจะถูกหมุนเวียนไปแลกเปลี่ยนความร้อนให้กับน้ำอีกส่วนหนึ่ง และน้ำส่วนที่สองนี้เมื่อได้รับความร้อนจนอยู่ในสถานะไอน้ำเช่นกันจะหมุนเวียนไปขับใบพัดของเครื่องปั่นไฟได้เป็นพลังงานไฟฟ้าออกมาในท้ายที่สุด (อย่างไรก็ตาม มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บางแห่งจะใช้ไอน้ำของสารหล่อเย็นที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีไปขับใบพัดของเครื่องปั่นไฟโดยตรงเช่นกัน)
สำหรับ Kaleidos เองก็มีกลไกการทำงานคล้ายคลึงกับระบบการผลิตไฟของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทั่วไปดังที่อธิบายข้างต้น หากแต่มีการออกแบบที่มุ่งเน้นเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในกระบวนการขนาดเล็กและมีความปลอดภัยในระหว่างการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เตาปฏิกรณ์ของ Kaleidos มีแกนควบคุมทั้งหมด 16 แกน โดย Radiant ออกแบบแท่งควบคุมให้สามารถเคลื่อนที่ขึ้น-ลง ในตำแหน่งที่ล้อมแกนเชื้อเพลิงเอาไว้โดยรอบ
เตาปฏิกรณ์ของ Kaleidos มีแกนเชื้อเพลิงอยู่ในใจกลางของเตาและแท่งควบคุมเรียงตัวล้อมรอบด้านนอก
โดยเชื้อเพลิงที่บรรจุภายในแกนคืออนุภาค TRISO (TRi-structural ISOtropic) อันเป็นอนุภาคที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบธาตุยูเรเนียม, คาร์บอน และออกซิเจนอยู่ตรงใจกลาง และมีเปลือกหุ้มภายนอก 3 ชั้นซึ่งประกอบไปด้วยชั้นของไพโรไลติกคาร์บอนและซิลิกอนคาร์ไบด์ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติทนความร้อนสูง ผลพวงจากโครงสร้างที่พิเศษของอนุภาค TRISO ที่มีเปลือกหุ้ม 3 ชั้นนี้ ทำให้มันมีคุณสมบัติพิเศษคือไม่มีทางหลอมละลาย (การหลอมละลายของแกนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ถือเป็นอุบัติภัยที่ร้ายแรง อาจกล่าวได้ว่ามหันตภัยของอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหลายเกิดขึ้นทันทีที่แกนปฏิกรณ์หลอมละลาย) จึงมีความปลอดภัยในการใช้งานสูงมาก
โครงสร้างอนุภาค TRISO ซึ่งมีเปลือกหุ้มภายนอก 3 ชั้น โดยมีไพโรไลติกคาร์บอนชั้นใน, ซิลิกอนคาร์ไบด์ และไพโรไลติกคาร์บอนชั้นนอก
พลังงานความร้อนจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิสชั่นที่ได้จากเตาจะถูกถ่ายเทไปขับเคลื่อนระบบปั่นไฟผ่านการพาความร้อนของสารหล่อเย็น โดย Kaleidos ใช้ฮีเลียมเป็นสารหล่อเย็นแกนเชื้อเพลิงแทนการใช้น้ำ ทั้งนี้ฮีเลียมเป็นก๊าซที่ไม่สามารถแตกตัวเป็นไอโซโทปที่ปลดปล่อยกัมมันตรังสีได้ จึงถือได้ว่าเป็นการออกแบบที่เน้นเรื่องความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกจุดหนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่ Kaleidos แตกต่างจากกระบวนการผลิตไฟของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทั่วไปคือการออกแบบระบบปั่นไฟโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์แบบยิ่งยวด (sCO2 Power Cycle) แทนการใช้ไอน้ำมาปั่นเครื่องผลิตไฟ ทั้งนี้การใช้คาร์บอนไดออกไซต์แบบยิ่งยวดมีข้อดีเหนือกว่าไอน้ำในแง่ของค่าสัมประสิทธิ์ความร้อน กล่าวคือจะมีการสูญเสียพลังงานความร้อนไปแบบสูญเปล่าน้อยกว่าไอน้ำนั่นเอง
นอกจากนี้ Radiant ได้ใช้ชุดโปรแกรม NEAMS มาช่วยในการพัฒนา Kaleidos และจะใช้มันช่วยในการควบคุมระบบการทำงานของ Kaleidos ด้วยในอนาคต โดย NEAMS คือโปรแกรมจำลองการทำงานเตาปฏิกรณ์ที่พัฒนาโดยสำนักพลังงานนิวเคลียร์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Energy-Office of Nuclear Energy)
การใช้งาน NEAMS จะทำให้สามารถคำนวณได้ว่าระดับอุณหภูมิของแกนเชื้อเพลิง, แท่งควบคุม, สารหล่อเย็น และชิ้นส่วนอื่นๆ รวมทั้งฉนวนหุ้มเตาควรมีอุณหภูมิเท่าไหร่ในระหว่างที่เตาปฏิรกรณ์กำลังทำงาน ซึ่งค่าที่คำนวณได้จะถูกเปรียบเทียบกับค่าอุณหภูมิที่ได้จากการวัดค่าจริงเพื่อนำไปสั่งการกลไกการเคลื่อนแกนควบคุมของเตาเพื่อปรับระดับการทำงานให้เหมาะสม
การใช้งาน NEAMS คำนวณค่าอุณหภูมิของชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบเตาปฏิกรณ์ เปรียบเทียบกับค่าที่วัดจริงเพื่อใช้สำหรับควบคุมการทำงาน Kaleidos
ในตอนนี้ Kaleidos ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดย Bernauer ให้สัมภาษณ์แก่ Interesting Engineering ว่าตั้งเป้าจะพัฒนาอุปกรณ์ให้สมบูรณ์และทดสอบระบบต่างๆ ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นในอีกราว 4 ปีข้างหน้า โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะมีการทดสอบชุดระบายความร้อนขนาด 20 ตัน (ชุดระบายความร้อนนี้ คือตัวนำความร้อนจากภายในเตาออกมาสู่ฮีเลียมอันเป็นสารหล่อเย็นที่จะพาความร้อนไปปั่นไฟ) และคาดว่าระบบปั๊มฮีเลียมจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ ทั้งนี้หากการพัฒนา Kaleidos สำเร็จและผ่านการทดสอบตามแผน ก็คาดว่าจะสามารถผลิตออกจำหน่ายจริงภายใน 1-2 ปีหลังทดสอบเสร็จสิ้น โดยตอนนี้ Radiant ได้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกหลายตำแหน่งเพื่อเดินหน้าพัฒนา Kaleidos
ที่มา - Interesting Engineering - 1, 2
|
# สหรัฐฯ อนุมัติเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กเป็นครั้งแรก แต่ละชุดผลิตไฟฟ้าเพียง 50 เมกกะวัตต์
กรรมการกำกับนิวเคลียร์สหรัฐฯ (U.S. Nuclear Regulatory Commission - NRC) ประกาศอนุมัติให้ใช้งานเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กของบริษัท NuScale ได้ หลังจากบริษัทพยายามขออนุญาตมาหลายปี โดยเตาปฎิกรณ์เหล่านี้ผลิตไฟฟ้าเพียงเตาละ 50 เมกกะวัตต์ (ตามสเปคได้ถึง 77 เมกกะวัตต์) ฟีเจอร์สำคัญคือมันสามารถหยุดทำงานได้โดยไม่ต้องการระบบหล่อเย็นทำงานขณะปิดการทำงาน
ในการติดตั้งจริง NuScale จะติดตั้งเตาปฎิกรณ์ทีละ 12 ชุด ทำให้โรงงานไฟฟ้าแต่ละแห่งผลิตไฟฟ้าได้ 600 เมกกะวัตต์ บริษัทพยายามชูประเด็นว่าเนื่องจากแต่ละโมดูลมีขนาดเล็กและเรียบง่าย ทำให้การก่อสร้างจริงจะมีต้นทุนต่ำกว่าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แบบเดิมๆ
ตัวเตาปฎิกรณ์ของ NuScale จะแช่อยู่ในสระน้ำชั้นใต้ดิน โดยการออกแบบทำให้เตาปฎิกรณ์สามารถปิดการทำงานได้เองแม้ไม่มีพลังงานจากภายนอก นับเป็นการปิดความเสี่ยงจากที่ผ่านมาอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ๆ มักเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องจากเงื่อนไขที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องการให้ระบบหล่อเย็นทำงานตลอดเวลาแม้จะปิดการทำงานไปแล้วแต่ก็ตาม เช่น เชอร์โนบิลที่เป็นเกิดอุบัติเหตุขณะจำลองเหตุไฟดับและต้องการทดสอบระบบหล่อเย็น, หรือฟุกุชิม่าที่เกิดน้ำท่วมปั๊มจนระบบหล่อเย็นไม่ทำงาน
แม้ว่า NRC จะอนุมัติการใช้งานตัวเตาปฎิกรณ์ แต่ทาง NuScale ก็ต้องหาลูกค้าที่จะนำไปติดตั้งจริงอีกครั้ง ตอนนี้กลุ่มลูกค้า 18 รายเซ็นเพียง MOU กับ NuScale โดยยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าจะเริ่มสร่างโรงงานไฟฟ้าจริง
ที่มา - ArsTechnica
|
# อินโดนีเซียบล็อค Yahoo, PayPal, Steam, Epic, Dota เพราะไม่ยอมมาจดทะเบียนผู้ให้บริการออนไลน์
รัฐบาลอินโดนีเซีย นำโดยกระทรวงสื่อสารและสารสนเทศ (Communications and Information Ministry หรือ Kominfo) บล็อกบริการออนไลน์ยอดนิยม 8 รายการ ได้แก่ Yahoo, PayPal, Xandr และบริการเกมออนไลน์ยอดนิยมคือ Steam, Epic Games, Origin, Dota, Counter-Strike เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ electronic services providers (ESPs) ตามกฎกระทรวงปี 2020 ของอินโดนีเซีย
Semuel Abrijani Pangerapan ผู้อำนวยการฝ่ายจดทะเบียนผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ ออกมายืนยันข่าวการแบนนี้ โดยให้ข้อมูลว่ามีผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์จากอินโดนีเซีย 8,000 ราย และต่างประเทศ 200 รายมาจดทะเบียนเรียบร้อยตามกำหนด
กฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ
ที่มา - The Jakarta Post
|
# นักวิจัยพัฒนาวัสดุเคลือบผิวชนิดใหม่ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เองโดยไม่ต้องใช้น้ำยาใดๆ
ทีมวิจัยจาก University of British Columbia (UBC) พัฒนาวัสดุเคลือบผิวชนิดใหม่ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ได้ 99.7% ภายในเวลา 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเข้าช่วย
วัสดุเคลือบผิวนี้มีส่วนประกอบของทองแดงและสังกะสี โดยคุณสมบัติพิเศษของมันคือผิวสัมผัสที่มีความขรุขระเล็กในระดับนาโนเมตร ซึ่งความขรุขระของพื้นผิวนี้เองที่จะไปเจาะทำลายผนังเซลล์ของเชื้อแบคทีเรียที่เกาะติดอยู่กับมัน ทำให้เชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นตายไปเอง
การพัฒนาสารเคลือบผิววัตถุที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อด้วยตัวของมันเองนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว ในปัจจุบันสารเคลือบผิวที่ฆ่าเชื้อเองนั้นจะทำจากทองแดงล้วน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ได้เกือบหมดในเวลาราว 2 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อเทียบกับผลงานวิจัยใหม่จาก UBC แล้ว สารเคลือบผิวแบบใหม่สามารถฆ่าเชื้อได้เร็วกว่า ซ้ำยังมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่าการใช้ทองแดงล้วน
ในทางวิทยาแบคทีเรียแล้ว บรรดาแบคทีเรียนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ โดยจำแนกจากผลการทดสอบย้อมสีกรัม ซึ่งเป็นการย้อมสีเซลล์แบคทีเรีย กลุ่มของแบคทีเรียที่มีผนังเซลล์หนาจะย้อมสีติดเห็นได้เด่นชัดเรียกว่า Gram-positive ในขณะที่แบคทีเรียชนิดที่มีผนังเซลล์บางนั้นจะย้อมสีไม่ค่อยติดซึ่งจะถูกเรียกว่า Gram-negative โดยกลุ่มแรกนั้นจะตายช้ากว่าเมื่อมีการฆ่าเชื้อเนื่องจากมีผนังเซลล์ที่หนากว่านั่นเอง ดังนั้นการประเมินประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อของวัสดุหรือสารต่างๆ จึงมักพิจารณาจากผลในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Gram-positive เป็นสำคัญ
สำหรับเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus นั้นก็เป็นหนึ่งในแบคทีเรียกลุ่ม Gram-positive เป็นเชื้อที่พบได้ทั่วไปตามผิวหนังของมนุษย์ แต่หากมีการปนเปื้อนกับอาหารก็อาจก่อให้เกิดปัญหาอาหารเป็นพิษได้ ที่สำคัญเชื้อแบคทีเรียตัวนี้คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อในสถานพยาบาล
ทีมวิจัยมองเรื่องการประยุกต์ใช้สารเคลือบผิวชนิดใหม่นี้โดยเน้นไปที่การใช้งานกับวัตถุสิ่งของต่างๆ ในสถานพยาบาลเป็นสำคัญ โดย ดอกเตอร์ Amanda Clifford หัวหน้าทีมวิจัยของ UBC มองว่าการที่พื้นผิววัตถุสามารถฆ่าเชื้อได้เองจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อของผู้ป่วยลงได้มาก และผลดีสืบเนื่องที่ตามมาก็คือจะช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาผู้ป่วยตามไปด้วย
ในตอนนี้ทีมวิจัยได้ยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรชั่วคราวแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยให้สารเคลือบผิวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อประเภทอื่นอย่างเช่น ไวรัส ให้ได้ด้วย และหวังว่าจะสามารถนำผลงานวิจัยเหล่านี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงในที่สุด
ที่มา - EurekAlert ผ่าน Interesting Engineering
|
# หมดเวลาตื่นทอง? ตำแหน่งงาน Metaverse ลดจำนวนลง 81% ในช่วงไตรมาส 2/2022
Revelio Labs บริษัทที่เก็บสถิติตำแหน่งงานของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก ออกรายงานว่าตำแหน่งงานที่มีคำว่า "metaverse" ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว 81% ภายในเวลาแค่ 3 เดือนล่าสุด (เมษายน-มิถุนายน 2022)
Revelio Labs เก็บสถิติย้อนหลังดูตำแหน่งงานที่มีคำว่า metaverse พบว่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลัง Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta และเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 และขึ้นไปพีคที่เดือนเมษายน แต่หลังจากนั้นก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา
เหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้คือ ตลาดแรงงานสายไอทีก็ชะลอตัวลง โดยบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งเริ่มชะลอการจ้างงานใหม่ หรือบางรายถึงขั้นต้องปลดคนออก ภาพรวมของตำแหน่งงานไอทีในเมืองใหญ่ของสหรัฐลดลง 8.4% ในรอบ 4 สัปดาห์ล่าสุด ทำให้หลายบริษัทต้องมาพิจารณาตำแหน่งงานที่จำเป็นต้องเปิดรับจริงๆ กันใหม่ ซึ่งตำแหน่งงานสุดไฮป์อย่าง metaverse ย่อมโดนตัดออกนั่นเอง
ที่มา - Bloomberg
|
# Stadia โต้ข่าวลือโดนกูเกิลสั่งปิด รอบที่เท่าไรก็ไม่รู้
บริการคลาวด์เกมมิ่ง Stadia เป็นบริการของกูเกิลที่มีข่าวลือว่าจะโดนปิดทิ้งมาโดยตลอด (ข่าวลือรอบก่อนหน้านี้) ล่าสุดบัญชี @KilledbyGoogle ที่ตามเก็บสถิติการปิดบริการของกูเกิล อ้างแหล่งข่าว "อดีตเพื่อนร่วมงาน" (old coworker) ของสมาชิกในเครือรายหนึ่งว่ากูเกิลจะปิด Stadia (อีกแล้ว) โดยรอบนี้จะปิดในช่วงสิ้นสุดฤดูร้อนนี้ หรือช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
ถึงแม้แหล่งข่าวดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก แต่การที่ Stadia มีข่าวว่าจะถูกปิดมาตลอด ก็ทำให้กลุ่มลูกค้าหลายคนเชื่อว่าจะโดนปิดจริงๆ ทำให้คราวนี้ บัญชี @GoogleStadia ออกมาตอบโต้ข่าวลือโดยตรง โดยเล่นมุขล้อว่า "อดีตเพื่อนร่วมงาน" คนเดียวกันนี้ไปฟังงานสัมมนาของกูเกิลอันเดียวกัน และพบว่าสามารถเล่นเกม Wavetale ได้ฟรีบน Stadia Pro ถือโอกาสโฆษณาซะเลย
ที่มา - Engadget
|
# ยุคนี้ต้องใช้ HP ออกโน้ตบุ๊ก Pavilion Plus 14 คีย์บอร์ดมีปุ่ม Emoji ให้ตรงปุ่ม F1
HP วางขายโน้ตบุ๊กรุ่น Pavilion Plus 14 นอกจากสเปกภายในใช้ซีพียูรุ่นใหม่ Intel 12th Gen ตามรอบปกติ และใช้จอ OLED 1800p 90Hz แล้ว ยังมีจุดที่น่าสนใจคือบนคีย์บอร์เพิ่มปุ่ม Emoji เข้ามาให้เป็นพิเศษด้วย
ปุ่ม Emoji รูปหน้ายิ้ม 😀 แชร์ตำแหน่งกับปุ่ม F1 ของเดิม (สลับใช้งานด้วยปุ่ม Fn) กดแล้วจะเป็นการเรียกหน้าต่าง Emoji ของ Windows ขึ้นมา (เท่ากับการกดปุ่ม Win+; ที่ได้ผลเหมือนกัน)
การเพิ่มปุ่มช็อตคัตพิเศษสำหรับงานบางอย่างที่ใช้บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการพีซี ในอดีตเราเห็นการเพิ่มปุ่มรับสาย-วางสายกันมาเยอะแล้ว แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกๆ ที่มีปุ่ม Emoji เฉพาะเพิ่มเข้ามา สะท้อนความนิยมของการพิมพ์ Emoji ในการสื่อสารยุคปัจจุบัน
HP Pavilion Plus 14 วางขายในไทยแล้วในราคา 33,900 บาท บนหน้าเว็บของ HP Thailand
ภาพจากคลิปรีวิวช่อง Tech True Power
หน้าตาปุ่ม Emoji ของ HP Pavilion Plus 14 จากเว็บไซต์ HP
ที่มา - Notebookcheck
|
# Mark Zuckerberg: Meta และ Apple มีปรัชญาการสร้าง Metaverse ที่อยู่ตรงข้ามกัน
ก่อนหน้านี้ Meta และอีกหลายบริษัท Tech ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง Metaverse Standards Forum เพื่อกำหนดมาตรฐานการพัฒนา metaverse ซึ่งไม่ปรากฏหลายบริษัทใหญ่ เช่น Apple, Alphabet หรือ Adobe
ในประเด็นนี้มีมุมมองที่ชัดเจนขึ้น โดย Meta จัดประชุมพนักงานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่ง The Verge ได้บันทึกการประชุมมา ซึ่งในช่วงถามตอบมีพนักงานถามว่าการที่แอปเปิลไม่เข้าร่วม Forum จะส่งผลอย่างไรบ้าง?
ซีอีโอ Mark Zuckerberg บอกเห็นได้ชัดว่าแอปเปิลกำลังจะแข่งขันโดยตรงกับเรา ไม่ใช่แค่การทำสินค้าแข่งกัน แต่รวมไปถึงปรัชญาแนวคิด ที่ Meta กำลังทำคือแนวทางสร้างระบบนิเวศแบบเปิด อุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้แบบ Android ส่วนท่าทีของแอปเปิลที่ไม่เข้าร่วมการทำมาตรฐานเปิดนั้น เขาไม่รู้แปลกใจแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาแอปเปิลก็นิยมทำระบบปิดอยู่แล้ว
เขายังยกตัวอย่างการแข่งขันของระบบเปิดและปิดสองสถานการณ์คือ Mac กับ PC และ Android กับ iPhone ซึ่งกรณีแรกเห็นชัดว่า Windows ครองส่วนแบ่งมหาศาล เป็นชัยชนะของระบบเปิด ส่วนกรณีสมาร์ทโฟนนั้น iPhone ที่ทำระบบปิด ก็ประสบความสำเร็จจนทำให้แอปเปิลเป็นบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลก มองในกรณีของ Metaverse เขาบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้คนเข้ามาปฏิสัมพัทธ์กันมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งการสร้างระบบเปิดตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีกว่า
ที่มา: The Verge
|
# RStudio เปลี่ยนชื่อเวอร์ชั่นขายเป็น Posit แสดงตัวตนว่ารองรับภาษาอื่นนอกจาก R
RStudio หนึ่งใน IDE แบบโอเพนซอร์สยอดนิยมที่มักใช้งานกับภาษา R ประกาศเปลี่ยนชื่อเวอร์ชั่นเพื่อการค้าเป็น Posit หลังจากที่บริษัทพยายามพัฒนาฟีเจอร์รองรับภาษาอื่นๆ เพิ่มเติม ทำให้แบรนด์ระหว่างเวอร์ชั่นโอเพนซอร์สและเวอร์ชั่นขายแยกออกจากกัน
แนวทางที่บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแต่ขายเวอร์ชั่นการค้าคนละชื่อเป็นแนวทางที่พบได้ค่อนข้างบ่อย เช่น RedHat เองก็มีคู่โครงการแบบนี้จำนวนมาก เช่น RHEL/Fedora, OpenShift/OKD ขณะที่บางบริษัทอาจจะใช่ชื่อเดียวกันแต่ระบุว่าเป็นเวอร์ชั่นโอเพนซอร์ส
ภาษา R ยังคงได้รับความนิยมสูงในหมู่นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ดัชนีความนิยม TIOBE แสดงว่าภาษา R อยู่ในกลุ่ม 20 ภาษา ยอดนิยมมาอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2015 แม้ว่าช่วงหลังงานในกลุ่มเดียวกันจะมีคู่แข่งหลักคือภาษา Python ที่นักพัฒนานิยมพัฒนาแบบ notebook กันมากขึ้นก็ตาม
ที่มา - RStudio
|
# ซีเอฟโออินเทลยืนยันแล้ว ขึ้นราคาชิปแน่นอน เจอกันไตรมาส 4/2022
David Zinsner ซีเอฟโอของอินเทล ตอบคำถามในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 2/2022 ยืนยันข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่าอินเทลจะขึ้นราคาชิป
Zinsner ใช้คำว่า "we are increasing pricing" อย่างชัดเจน เขาบอกว่าจะเริ่มมีผลในไตรมาส 4 เป็นต้นไป เหตุผลมาจากปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อที่ยาวนาน ทำให้อินเทลจำเป็นต้องส่งต่อต้นทุนไปยังลูกค้า เขายังบอกว่าหากเป็นภาวะเงินเฟ้อช่วงสั้นๆ อินเทลสามารถแบกรับภาระตรงนี้ได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นติดต่อกันนานๆ ก็รับไม่ไหวเช่นกัน
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่า การขึ้นราคาของอินเทลจะมีผลกับผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง และขึ้นราคาเท่าไร
ที่มา - PCWorld
|
# รัสเซียเจอปัญหา คีย์บอร์ดภาษารัสเซียขาดแคลน นำเข้าจากประเทศอื่นก็ไม่มีภาษารัสเซีย
รัสเซียกำลังเจอปัญหาใหม่ที่ไม่เคยมีใครคาดมาก่อนคือ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ภาษารัสเซียขาดแคลน ซึ่งรวมถึงโน้ตบุ๊กที่มีคีย์บอร์ดติดมากับเครื่องด้วย
หลังจากรัสเซียถูกแซงก์ชันทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก ทำให้รัสเซียต้องหันไปนำเข้าสินค้าจากชาติอื่นๆ เช่น จีน ตุรกี หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แทน ปัญหาอยู่ที่คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์จากประเทศเหล่านี้ไม่มีแป้นตัวอักษรซีริลลิก (Cyrillic) ที่ใช้สำหรับภาษารัสเซีย จึงไม่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย บอกว่าสามารถใช้วิธียิงเลเซอร์สลักตัวอักษรซีริลลิกลงไปบนแป้นได้ แต่ปัญหาในทางปฏิบัติคือต้องแกะตัวสินค้าออกมาจากกล่องก่อนสลัก ลูกค้าจะกังวลเรื่องการรับประกัน และมีความรู้สึกว่าสินค้าถูกแกะแล้ว มีโอกาสซื้อน้อยลง
สำนักข่าว The Moscow Times ของรัสเซีย อ้างความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญว่าสัดส่วนการใช้คีย์บอร์ดภาษาอื่นๆ ในประเทศรัสเซียจะเพิ่มเป็น 10% ในช่วงสิ้นปี 2022
ภาพ Apple Magic Keyboard แป้นภาษารัสเซีย
ที่มา - The Moscow Times via ExtremeTech
|
# Amazon Drive ประกาศปิดบริการสิ้นปี 2023, เหลือไว้เฉพาะ Amazon Photos เก็บรูป
Amazon ประกาศปิดบริการคลาวด์สตอเรจ Amazon Drive (ชื่อเดิม Amazon Cloud Drive) ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2011 โดยระบุว่าจะหันไปโฟกัสกับบริการ Amazon Photos ที่ใช้เก็บเฉพาะรูปภาพและวิดีโอแทน
Amazon Drive จะปิดบริการอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 ระหว่างนั้นจะค่อยๆ ปิดบริการหน้าบ้านไปทีละส่วน เริ่มจากถอดแอพมือถือจากสโตร์ในวันที่ 31 ตุลาคม 2022 และปิดการอัพโหลดไฟล์ผ่านหน้าเว็บในวันที่ 31 มกราคม 2023
ไฟล์ภาพและวิดีโอใน Amazon Drive จะถูกถ่ายไปยัง Amazon Photos ให้อัตโนมัติ แต่ไฟล์อื่นๆ ผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดมาเก็บไว้เอง
ที่มา - Amazon via 9to5google
|
# ซัมซุงเพิ่ม Repair Mode ส่งเครื่องซ่อมแบบไม่ต้องกลัวข้อมูลส่วนตัวหลุด ช่างเข้าถึงไม่ได้
การนำสมาร์ทโฟนไปส่งซ่อมที่ร้านหรือศูนย์บริการ อาจสร้างความกังวลให้เจ้าของเครื่องว่าอาจถูกเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในเครื่อง ("ขอ PIN ปลดล็อคเครื่องให้ช่างด้วยค่ะ")
ซัมซุงเริ่มแก้ปัญหานี้แล้วด้วยการเพิ่ม Repair Mode ให้เจ้าของเครื่องสามารถสั่งปิดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ วิธีการใช้งานคือเข้าไปที่หน้าจอตั้งค่า Settings > Battery and Device Care สั่งเปิดโหมด Repair เครื่องจะรีบูตหนึ่งครั้งเพื่อเข้าโหมดที่ไม่มีข้อมูลส่วนตัวใดๆ มีเฉพาะแอพมาตรฐานที่ติดมากับรอมของเครื่องเท่านั้น
เมื่อซ่อมเสร็จแล้ว การออกจากโหมด Repair ต้องรีบูตเครื่องใหม่ และล็อกอินด้วยการสแกนลายนิ้วมือหรือ pattern เพื่อยืนยันตัวตนก่อน
ฟีเจอร์นี้เริ่มใช้แล้วกับ Galaxy S21 ยังมีเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น
ที่มา - Samsung Korea via SamMobile
|
# ก.ล.ต. ชี้แจงกรณี Zipmex บอกไม่รู้เรื่อง ZipUp+ มาก่อนเกิดปัญหา, ไม่ได้รับแจ้งเรื่องพักชำระหนี้ที่สิงคโปร์
เมื่อวานนี้ 29 ก.ค. 2565 สำนักงาน ก.ล.ต. ออกมาชี้แจงรายละเอียดเรื่อง Zipmex ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยมีคณะผู้บริหาร 3 รายมาชี้แจง ได้แก่ รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต., ณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. และ เอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. ร่วมตอบคำถามผ่านการไลฟ์
ประเด็นสำคัญของการชี้แจงคือ สำนักงาน ก.ล.ต. เพิ่งรับทราบข้อมูลเรื่อง Zipmex ที่สิงคโปร์ยื่นขอพักชำระหนี้จากสื่ออื่นๆ โดยไม่ได้รับการชี้แจงจาก Zipmex ประเทศไทย ส่วนประเด็นว่า ก.ล.ต. เคยรับทราบเรื่องบริการ ZipUp+ หรือไม่ คำตอบก็คือเพิ่งมาทราบเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว
ประเด็นเรื่องการยื่นพักชำระหนี้ที่สิงคโปร์
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. อ่านเจอจากข่าวว่าบริษัทแม่ของ Zipmex ยื่นขอพักชำระหนี้ (moratorium relief) ในประเทศสิงคโปร์ โดยไม่ได้แจ้งให้ ก.ล.ต. รับทราบก่อน และมีเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนสิ้นสุด deadline ของลูกค้าในการแจ้งข้อมูลกับบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย
สั่งการให้บริษัท Zipmex ชี้แจงทันที แต่ ณ เวลาที่ให้สัมภาษณ์ ยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับจาก Zipmex
เป็นหน้าที่ของบริษัท Zipmex ในการชี้แจงลูกค้าเข้าใจถึงกลไก moratorium relief แต่พบว่าบริษัทยื่นศาลสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. แต่ไม่เคยชี้แจงลูกค้ามาก่อนหน้านี้เลย การไม่พูดเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า Zipmex ไม่ได้มีความจริงใจในการแก้ปัญหาตามที่กล่าวอ้าง
ธุรกิจคริปโตเป็นเรื่องข้ามพรมแดน แต่กฎหมายไทยยังมีอำนาจเฉพาะในประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่มีความร่วมมือข้ามพรมแดน
ในอีกทาง กฎหมายสิงคโปร์ก็จะมีผลเฉพาะในสิงคโปร์เท่านั้น ไม่มีผลกับธุรกิจของ Zipmex ในไทย
แต่ถ้าทรัพย์สินของลูกค้าไปอยู่ที่สาขาสิงคโปร์ ลูกค้าก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายในฐานะเจ้าหนี้
ก.ล.ต. ทราบเรื่อง ZipUp มาก่อนหรือไม่
Zipmex ในประเทศไทย ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. 2 ใบคือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (exchange) และใบอนุญาตนายหน้า
แต่ Zipmex Group มีธุรกิจในหลายประเทศ เช่น ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย
ก.ล.ต. มีกฎบังคับชัดเจนว่าห้ามนำทรัพย์สินของลูกค้าไปหาดอกผล และต้องเก็บไว้อย่างปลอดภัย ซึ่ง Zipmex ในส่วนบริการซื้อขาย ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้
ส่วนบริการ ZipUp+ เป็นโปรแกรมที่ชักชวนลูกค้าที่ Zipmex มีในช่วงแรกๆ ซึ่ง ก.ล.ต. ไม่ทราบมาก่อน มาทราบเรื่องเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ในวันที่ 20 กรกฎาคม
กลไกการทำงานของ ก.ล.ต. ในการกำกับดูแลเครื่องคริปโต
การพิจารณาให้ใบอนุญาต ดูความพร้อม 3 ด้าน ได้แก่ เงินทุน, บุคลากร, ระบบงาน เรื่องระบบงานขึ้นกับว่ามาขอทำธุรกิจด้านไหน
หลังได้ใบอนุญาตแล้ว จะมีการติดตามธุรกิจ 2 วิธี คือ on-site ตรวจเยี่ยมบริษัท และ off-site ตรวจจากเอกสารที่ต้องส่งให้ ก.ล.ต. อยู่แล้ว
น.ส. รื่นวดี ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารของ Zipmex ไม่ได้เป็นญาติกันตามที่มีข่าว
Timeline การทำงานของ ก.ล.ต. ในกรณี Zipmex
ก.ล.ต. ออกหนังสือถามไปครั้งแรก ผ่านไป 2 วัน ได้รับหนังสือตอบแต่ไม่ได้รายละเอียด จึงส่งหนังสือไปรอบที่สอง ก็ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมกลับมาอีกมากนัก
วันที่ 25 ก.ค. ถึงใช้อำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต. ร่วมการสืบสวนกับ DSI และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
สถานการณ์ตอนนี้ต้องถือว่า Zipmex ประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. แล้ว และอาจมีความผิดอาญาในกฎหมายฉบับอื่นๆ ด้วย
พยายามกระชับการกำกับดูแลให้เข้มงวดขึ้น เพราะเคยเจอกรณี BX ปิดไป และคนถือ privat key เพียงคนเดียวเดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว จึงมีประสบการณ์ในการกำกับดูแลกรณีฉ้อโกง
แนวทางการช่วยเหลือผู้เสียหายของ ก.ล.ต. ต่อกรณี Zipmex
เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ที่เกิดเรื่อง เพื่อไปตรวจเช็คกับข้อมูลที่บริษัท Zipmex แจ้งมา แต่มาถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับข้อมูลเชิงลึกจากบริษัท
ปัจจุบัน Zipmex ยังไม่เคยแจ้งข้อมูลความเสียหายเป็นรายบุคคลกับ ก.ล.ต. แจ้งมาเฉพาะยอดรวมเท่านั้น ทำให้ ก.ล.ต. เองก็ไม่ทราบรายละเอียดของลูกค้ารายบุคคล
ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่คาบเกี่ยวกับกฎหมายอื่น
พอเจอ moratorium relief ก็ถือเป็นกรณีใหม่ซ้ำมาอีก ก็ต้องตามดูอีก
ถ้าลูกค้าของ Zipmex จะมาหา ก.ล.ต. ในวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. ก็ยินดีต้อนรับ
การห้ามถอนทรัพย์สิน ได้สั่งให้ Zipmex ต้องรีบเร่งเปิดระบบกลับมาให้ลูกค้าถอนทรัพย์สินได้
หลังการไลฟ์ของคณะผู้บริการ ก.ล.ต. จบลง นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ซีอีโอของ Zipmex Thailand ได้ประกาศผ่าน Facebook ว่ามีรายละเอียดบันทึกธุรกรรมทางบัญชี (audit trail) และยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล แต่ปัจจุบันกำลังโฟกัสกับการระดมทุนเพิ่มเพื่อให้กลับมาเปิดบริการ Z Wallet ในส่วนของการฝากสินทรัพย์ ZipUp+ ได้โดยเร็ว
|
# BGMI เกม PUBG เวอร์ชันอินเดีย โดนแบนอีกแล้ว แม้ทำโดยบริษัทเกาหลี ไม่ใช่บริษัทจีน
เกม PUBG Mobile ถูกรัฐบาลอินเดียแบนในฐานะ "เกมจีน" (ทำโดย Tencent) ไปเมื่อปี 2020 ภายหลังในปี 2021 ต้นสังกัด Krafton ที่เป็นบริษัทเกาหลีใต้ แก้เกมด้วยการลงมาทำตลาดเองโดยตรง กลับเข้าไปยังอินเดียด้วยชื่อใหม่ Battlegrounds Mobile India (BGMI) ได้สำเร็จ
แต่ความสำเร็จของ Krafton มีอายุเพียงปีกว่าๆ เท่านั้น เพราะล่าสุดเกม BGMI ถูกถอดออกจาก App Store และ Play Store ในอินเดียแล้ว
โฆษกของกูเกิลบอกกับ TechCrunch ว่าการถอดเกม BGMI เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอินเดีย และได้แจ้งไปยัง Krafton แล้ว ส่วนโฆษกของ Krafton ระบุว่าทราบเรื่องแต่ยังรอคำชี้แจงจากรัฐบาลอินเดียว่าเหตุผลคืออะไร
ที่มา - TechCrunch
|
# Elon Musk ฟ้องกลับ Twitter แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดคำฟ้อง
Elon Musk ยื่นฟ้องกลับ Twitter ในเรื่องการเจรจาซื้อกิจการที่ล่มไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดของคำฟ้องฝั่ง Elon Musk ว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง
ทีมทนายของ Musk ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลรัฐเดลาแวร์เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) โดยไม่เปิดเผยคำฟ้องต่อสาธารณะ ส่วนคดีที่ Twitter ฟ้อง Musk ได้กำหนดวันไต่สวนแล้ว 17 ตุลาคม เป็นระยะเวลานาน 5 วัน
ภาพโพสต์โดย @elonmusk
ที่มา - CNBC
|
# [Strategy Analytics] เศรษฐกิจแย่ ยอดขายสมาร์ทโฟน Q2/2022 หดตัว 7.3% แบรนด์จีนร่วงกันหมด
Strategy Analytics ออกรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนไตรมาส 2/2022 ภาพรวมขายได้ 291.2 ล้านเครื่อง หดตัว 7.3% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2021 (YoY) และหดตัว 7.2% จากไตรมาส 1/2022 (QoQ)
การหดตัวของยอดขายสมาร์ทโฟนไตรมาส 2/2022 เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจโลก สงครามและความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 โดยรวมแล้ว Strategy Analytics ประเมินว่ายอดขายสมาร์ทโฟนตลอดทั้งปี 2022 จะหดตัว 7-8% จากปี 2021 แล้วสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้นช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ซัมซุงยังครองแชมป์ยอดขายสมาร์ทโฟนโลกได้เช่นเดิม ยอดขาย 62.5 ล้านเครื่อง เติบโต 9.5% ดีที่สุดในผู้ขายทุกราย ส่วนแบ่งตลาด 21.5%
แอปเปิล ตามมาอันดับสองที่ 47.5 ล้านเครื่อง เติบโต 3.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 16.3%
Xiaomi อันดับสาม ยอดขาย 39.5 ล้านเครื่อง หดตัว 25.2% ครองส่วนแบ่งตลาด 13.6%
Oppo อันดับสี่ ยอดขาย 27.7 ล้านเครื่อง หดตัว 26.1% แย่ที่สุดใน Top 5 ครองส่วนแบ่งตลาด 9.5%
Vivo อันดับ 5 ยอดขาย 24.9 ล้านเครื่อง หดตัว 21% ครองส่วนแบ่งตลาด 8.6%
Strategy Analytics บอกว่าซัมซุงทำผลงานได้ดีจาก Galaxy S22 โดยเฉพาะรุ่น Ultra ส่วนแอปเปิลก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ถือเป็นยอดขายไตรมาส 2 ที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีของแอปเปิล ในขณะที่กลุ่มสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนต่างประสบปัญหากันถ้วนหน้า
ที่มา - Strategy Analytics
|
# Sony ไตรมาสล่าสุด ยอดขายรวมโตเล็กน้อย PS5 ขายได้อีก 2.4 ล้านเครื่อง
โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2022 ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 2.31 ล้านล้านเยน และมีกำไรสุทธิ 2.18 แสนล้านเยน
ธุรกิจเกมและบริการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ใหญ่ที่สุดของโซนี่ตอนนี้ รายได้ลดลง 11.7% เป็น 6.04 แสนล้านเยน โดยให้เหตุผลจากการไม่มีเกมใหม่ออกมามากเท่ากับปี 2021 ส่วนยอดขาย PS5 เพิ่มขึ้นอีก 2.4 ล้านเครื่องในไตรมาส ทำให้ยอดขายสะสมตั้งแต่วางจำหน่ายเป็น 21.7 ล้านเครื่อง
ดนตรีและภาพยนตร์ เป็นสองกลุ่มธุรกิจที่รายได้เพิ่มขึ้นสูง โดยดนตรีเพิ่มขึ้น 21% เป็น 5.3 หมื่นล้านเยน และภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 67% เป็น 1.37 แสนล้านเยน
ที่มา: โซนี่ และ The Verge
|
# Twitter Blue บริการ subscription ของ Twitter ประกาศขึ้นค่าบริการ เพิ่มเกือบเท่าตัว
Twitter Blue บริการ subscription ที่ให้ผู้ใช้งานได้ฟีเจอร์พิเศษ เช่น Bookmark, Reader Mode, Undo Tweet ประกาศขึ้นราคาค่าบริการเป็นครั้งแรก โดยเป็นการขึ้นราคาจาก 99 บาทต่อเดือน เป็น 189 บาทต่อเดือน ส่วนราคาในอเมริกาเพิ่มจาก 2.99 ดอลลาร์ เป็น 4.99 ดอลลาร์ มีผลทันทีกับผู้สมัครใช้งานใหม่
สำหรับผู้ที่เคยสมัครใช้งานอยู่ก่อนหน้านี้ Twitter บอกว่าจะยังคงจ่ายค่าบริการในราคาเก่า ไปจนถึงตุลาคม 2022 และจะปรับเป็นราคาใหม่หลังจากนั้น โดย Twitter จะแจ้งเตือนล่วงหน้าอีกครั้งก่อนเป็นเวลา 30 วัน
Twitter ไม่ได้บอกเหตุผลตรง ๆ ว่าทำไมถึงขึ้นราคาสูง โดยบอกเพียงเพื่อช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการได้
ที่มา: 9to5Mac
|
# การไฟฟ้าจีนใช้ AI ช่วยลดเวลาแก้ปัญหาไฟฟ้าดับจากหลายชั่วโมงเหลือ 3 วินาที
State Grid Xinjiang Electric Power Company หน่วยงานการไฟฟ้าที่รับผิดชอบระบบจ่ายไฟในเขต Xinjiang ได้นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการจ่ายไฟคืนให้แก่ระบบเมื่อเกิดปัญหาไฟฟ้าดับ ช่วยลดเวลาการทำงานจากหลายชั่วโมงลงเหลือเพียงแค่ 3 วินาที
ทางบริษัทการไฟฟ้าของ Xinjiang ได้นำเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานในระบบการจ่ายไฟให้แก่ย่าน Qitailu ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของผู้คนราว 200 หลังคาเรือน ตั้งอยู่ในเมือง Urumqi ของมณฑล Xinjiang โดยก่อนหน้านี้ได้มีการทดลองใช้งานมาแล้ว 1 เดือน
โดยปกติแล้วปัญหาไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นในระบบจ่ายไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าการเกิด fault นั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ การดำเนินการของผู้ดูแลระบบจำเป็นจะต้องค้นหาจุดที่เกิด fault และตัดแยกจุดดังกล่าวออกจากเครือข่ายระบบจ่ายไฟ ก่อนทำการกำหนดทิศทางการจ่ายไฟจากแหล่งผลิตไฟเข้าสู่พื้นที่ที่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ แล้วจึงทำการเชื่อมต่อวงจรจ่ายไฟคืนให้แก่ระบบได้ โดยกระบวนการทั้งหมดนี้อาจกินเวลานานหลายชั่วโมง
สาเหตุที่กระบวนการแก้ปัญหาไฟฟ้าดับทั้งหมดกินเวลาหลายชั่วโมงนั้น เนื่องจากเมื่อเกิด fault ขึ้นในระบบไฟฟ้าแล้ว คอมพิวเตอร์ซึ่งใช้สำหรับระบบควบคุมสั่งการเครือข่ายระบบจ่ายไฟจะอาศัยข้อมูลจากอุปกรณ์และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งกระจายอยู่ในระบบจ่ายไฟมาประมวลผลและสร้างโค้ดจำนวนมากเพื่อแสดงข้อมูลของ error ในระบบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องคิดประมวลข้อมูลโค้ดเหล่านั้นด้วยตนเองเพื่อวิเคราะห์หาจุดที่เกิดปัญหา แล้วจะต้องสั่งการตัดแยก fault ออกจากระบบ รวมทั้งคิดหาเส้นทางการจ่ายไฟคืนให้แก่พื้นที่ประสบปัญหาไฟดับด้วยตนเองทั้งหมด
ทั้งนี้กระบวนการแก้ปัญหาไฟฟ้าดับของระบบจ่ายไฟนั้น หากแบ่งออกเป็นระบบจ่ายไฟแรงดันสูง, แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำแล้ว ระบบจ่ายไฟแรงดันต่ำถือเป็นระบบที่มีความซับซ้อนในการวิเคราะห์และแก้ปัญหายากที่สุด เนื่องจากสายไฟแรงดันต่ำนั้นมีการติดตั้งกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง และมีอุปกรณ์ปลีกย่อยที่เชื่อมต่อกับภาคผู้ใช้มากกว่า ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิด fault หลากหลายประเภทและหลายตำแหน่งมากกว่าระบบจ่ายไฟแรงดันสูงและแรงดันปานกลาง
การนำเอาปัญญาประดิษฐ์มาช่วยงานแก้ปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้มันสามารถใช้การวิเคราะห์ด้วยภาษาธรรมชาติจนเข้าใจข้อมูลโค้ดที่ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ของระบบควบคุมการจ่ายไฟได้แทบจะในทันที จากนั้นมันจะสั่งการตัดแยกจุดทีเ่กิด fault และค้นหาเส้นทางการจ่ายไฟคืนระบบได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยการวิเคราะห์ที่อิงจากชุดข้อมูลที่มันเคยเรียนรู้เอาไว้ โดยทำทุกขั้นตอนทั้งหมดนี้ในเวลาแค่ 3 วินาที
อันที่จริงแล้วการใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยในการควบคุมระบบการจ่ายไฟนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว ในประเทศจีนมีการนำเอาเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้มากขึ้นนับตั้งแต่การก่อสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน เนื่องจากการจ่ายกระแสไฟของฟาร์มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าวนั้นมีสถานะการจ่ายไฟที่เปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างต่อเนื่อง หากแต่ว่าการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะเน้นหนักไปที่ระบบจ่ายไฟแรงดันสูงและแรงดันปานกลางเท่านั้น การนำเอามันมาใช้ควบคุมและแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าในระดับแรงดันต่ำอย่างที่ทำอยู่ในย่าน Qitailu นี้ถือเป็นครั้งแรก
ที่มา - South China Morning Post
|
# COO Zilingo เป็นผู้บริหารระดับสูงคนล่าสุด ที่ลาออกจากสตาร์ทอัพนี้
Zilingo สตาร์ทอัพแพลตฟอร์มแฟชั่น B2B จากสิงคโปร์ เสียผู้บริหารระดับสูงไปอีกหนึ่งคน โดยซีโอโอ Aadi Vaidya ได้ยืนยันการลาออกจากตำแหน่ง เขาร่วมงานกับ Zilingo ตั้งแต่ปี 2015 และรับตำแหน่งซีโอโอใน 2 ปีต่อมา
Vaidya ให้เหตุผลของการลาออกจากตำแหน่ง โดยเขามองว่าถึงเวลาที่เขาจะไปต่อข้างหน้า พักสมอง และจัดลำดับเรื่องสำคัญของชีวิตใหม่
Zilingo เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่เผชิญปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งถูกสั่งปลดจากตำแหน่ง หลังพบความผิดปกติในบัญชีบริษัท เมื่อเดือนพฤษภาคม ซีเอฟโอ Ramesh Bafna ก็ลาออกจากตำแหน่ง หลังร่วมงานกับบริษัทได้เพียง 2 เดือน ปัจจุบัน Zilingo มี Dhruv Kapoor ผู้ร่วมก่อตั้งและซีทีโอ เป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งเขาถือหุ้นอยู่ 8%
ที่มา: The Economic Times
|
# VMware Fusion รองรับการรัน Windows 11 บน Apple Silicon
VMware เปิดตัว VMware Fusion Tech Preview รุ่นใหม่สาธิตการรัน Windows 11 บน Apple Silicon และ x86 โดยการรองรับนี้ต้องเพิ่มฟีเจอร์การจำลอง TPM เพิ่มเติมเนื่องจาก Windows 11 บังคับใช้งาน TPM เท่านั้น อย่างไรก็ดี Fusion ไม่รองรับการรันระบบปฎิบัติการข้ามสถาปัตยกรรมชิป ดังนั้นการรัน Windows บน Apple Silicon ก็ต้องใช้ Windows 11 ARM64 เท่านั้น
VM ที่จะใช้งาน vTPM เพื่อรัน Windows 11 ต้องเข้ารหัสดิสก์ โดยรองรับสองโหมด คือโหมดเข้ารหัสเต็ม (full encryption) หรือเข้ารหัสเฉพาะส่วนที่จำเป็น (fast encryption) ที่จะเข้ารหัสเฉพาะข้อมูลส่วนสำคัญเช่นข้อมูลใน TPM เท่านั้น ส่วนกุญแจเจ้ารหัสจะถูกเก็บใน keychain อีกทีหนึ่ง
เวอร์ชั่นนี้ยังปรับปรุงการรองรับลินุกซ์โดยเฉพาะการแสดงผลกราฟิกบนลินุกซ์ให้เร่งความเร็วสามมิติได้, ปรับหน้าจอได้หลายความละเอียด, และการปรับไบนารีของ Fusion ให้ใช้งานได้ทั้ง x86 และ Apple Silicon
ที่มา - VMware
|
# DeepMind เปิดฐานข้อมูลโครงสร้างสามมิติโปรตีน 200 ล้านแบบ เกือบครบทุกชนิดที่รู้จัก
DeepMind ใช้ปัญญาประดิษฐ์ AlphaFold ทำนายโครงสร้างสามมิติของโปรตีนรวมกว่า 200 ล้านชนิด แล้วเปิดเป็นฐานข้อมูลให้ใช้งานได้ฟรี นับเป็นฐานข้อมูลโครงสร้างโปรตีนที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ครอบคลุมโปรตีนแทบทุกชนิดที่รู้จักกัน
ฐานข้อมูลโครงสร้างโปรตีนที่ได้จากการทดลองทุกวันนี้มีขนาดเพียง 190,000 รายการ แม้ว่าเราจะรู้จักโปรตีนจำนวนมากก็ตาม โครงสร้างที่ได้จากการทำนายดัวย AlphaFold นี้จะนำไปแสดงในเว็บ UniProt (ตัวอย่างโครงสร้างอินซูลิน) ทำให้ผลการค้นหาต่อจากนี้สามารถแสดงภาพโครงสร้างได้ทั้งหมด และกูเกิลจะเปิดให้ดาวน์โหลดโครงสร้างที่ทำนายไว้ขนาดไฟล์รวม 23TiB
ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่ใช้ข้อมูลจาก AlphaFold เป็นข้อมูลประกอบงานวิจัยจำนวนมาก โดยสามารถใช้ออกแบบยาเพื่อให้จับกับโปรตีนที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรตอนนี้ AlphaFold ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เช่น ยังไม่สามารถทำนายโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก, โปรตีนที่ทำงานกับโปรตีนอื่นๆ เช่น DNA/RNA, และยังไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหว
ที่มา - DeepMind
|
# รัฐสภาสหรัฐโหวตผ่านกฎหมาย CHIPS Act สนับสนุนการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกา
รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ลงมติผ่านกฎหมาย CHIPS Act ที่ช่วยสนับสนุนด้านการเงินจูงใจให้เกิดการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกา
กฎหมายผ่านโหวตของสภาผู้แทนราษฎร (สภาคองเกรส) ด้วยคะแนน 243-187 หลังจากผ่านการโหวตของวุฒิสภามาก่อนแล้วด้วยคะแนน 64-33 ขั้นถัดไปคือรอประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป (ซึ่งเจ้าตัวก็ประกาศว่าลงนาม)
กฎหมายฉบับนี้เป็นการอนุมัติแพ็กเกจทางเศรษฐกิจมูลค่ารวม 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ สนับสนุนให้บริษัทอเมริกันผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกัน รวมถึงสนับสนุนงบวิจัยให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกหลายด้าน รายละเอียดสามารถอ่านได้จากบทความ รู้จักร่างกฎหมาย CHIPS ความหวังของสหรัฐอเมริกาที่จะแย่งส่วนแบ่งการผลิตชิปคืนจากจีน
ที่มา - CNBC, ภาพจาก Intel
|
# กูเกิลออก Jetpack Compose 1.2 รองรับการสร้างแอพบน Wear OS แล้ว
กูเกิลออก Jetpack Compose ชุดเครื่องมือสร้าง UI ของ Android เวอร์ชัน 1.2 ถัดจากเวอร์ชัน 1.0 ที่ออกเมื่อกลางปีที่แล้ว และเวอร์ชัน 1.1 ที่ออกต้นปีนี้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Jetpack Compose 1.2 คือการรองรับ Wear OS อย่างเป็นทางการ ทำให้นักพัฒนาสามารถนำ Compose ไปสร้างแอพบน Wear OS ได้เพิ่มเติมนอกเหนือจาก Android เวอร์ชันหลัก
Jetpack Compose เป็นแนวทางการสร้าง UI ของ Android ยุคใหม่ที่ใช้ภาษา Kotlin และไลบรารี Jetpack (มีชื่อเรียกว่า Modern Android Development) โดยกูเกิลเองก็เริ่มปรับแอพของตัวเองมาเขียนด้วย Compose แทนแล้ว เช่น Google Play Store ส่วนบริษัทอื่นๆ ก็มีเริ่มใช้ Compose บ้างแล้วเช่นกัน ตัวอย่างคือ Airbnb
ที่มา - Android Developers
|
# อินเทลปรับสถานะจีพียูรุ่นเก่า Gen 6-10 เป็น Legacy, ไดรเวอร์อัพเดตเฉพาะความปลอดภัย
อินเทลประกาศบนหน้าเว็บ ว่าปรับสถานะของจีพียูออนบอร์ดรุ่นเก่าๆ (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Intel Graphic "Gen9" แต่ใช้กับซีพียู Core รุ่นเก่านับตั้งแต่ Gen 6-10 รวมถึง Celeron, Pentium, Atom ยุคเดียวกัน) เป็น legacy software support
ความหมายคือ ไดรเวอร์ของจีพียูเหล่านี้ได้ยังได้อัพเดตต่อ แต่มีเฉพาะการแก้บั๊กสำคัญและช่องโหว่ความปลอดภัยเท่านั้น ไม่มีการออกไดรเวอร์ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือรองรับเกมที่ออกใหม่ตั้งแต่วันแรก (Day0 Game Support) อีกแล้ว โดยไดรเวอร์จะเปลี่ยนรอบการอัพเดตมาเป็นรายไตรมาสแทน
ไดรเวอร์ของจีพียูรุ่นเก่าจะยังอยู่ในชุดแพ็กเกจไดรเวอร์จีพียูมาตรฐานของอินเทล (Intel Graphics Driver ที่อยู่บนหน้าเว็บ) แต่ในไฟล์แพ็กเกจจะแยกไดรเวอร์เป็น 2 กลุ่มคือ จีพียูเก่า (ตามซีพียู Gen 6-10) และจีพียูใหม่ (ตามซีพียู Gen 11 ขึ้นไป)
การปรับสถานะของฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าให้ซัพพอร์ตน้อยลงคงเป็นเรื่องปกติของวงการ เพียงแต่รอบนี้อินเทลปรับสถานะรวดเดียว 5 Gen ซีพียู จึงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เป็นจำนวนมาก รายชื่อซีพียูที่ได้รับผลกระทบได้แก่
10th Generation Intel® Core® processors with Intel® Iris® Plus graphics (Codename Ice Lake)
10th Generation Intel® Core® processors with Intel® UHD Graphics (Codename Comet Lake)
9th Generation Intel® Core® processors, related Pentium®/Celeron® processors, and Intel® Xeon® processors, with Intel® UHD Graphics 630 (Codename Coffee Lake-R)
8th Generation Intel® Core® processors, related Pentium®/ Celeron® processors, and Intel® Xeon® processors, with Intel® Iris® Plus Graphics 655 and Intel® UHD Graphics 610, 620, 630, P630 (Codename Kaby Lake-R, Coffee Lake)
Intel Pentium® and Celeron® processor family (Codename Gemini Lake)
7th Generation Intel® Core® processors, related Pentium®/Celeron® processors, and Intel® Xeon® processors, with Intel® Iris® Plus Graphics 640, 650 and Intel® HD Graphics 610, 615, 620, 630, P630 (Codename Kaby Lake)
6th Generation Intel® Core®, Intel® Core® M, and related Pentium® processors with Intel Iris® Graphics 540, Intel® Iris® Graphics 550, Intel® Iris® Pro Graphics 580, and Intel® HD Graphics 510, 515, 520, 530 (Codename Skylake)
Intel® Pentium® Processor family and Intel® Celeron® Processor family (Codename Jasper Lake),
Intel® Core® Processor with Intel® Hybrid Technology (Codename Lakefield)
Intel® Atom®, Pentium® and Celeron® processor family (Codename Elkhart Lake)
ที่มา - Intel via Phoronix, ภาพจาก Intel
|
# จริงจังแค่ไหน Acer วางขายเครื่องดื่มวิตามิน PredatorShot ทั่วไทยแล้ว
Acer เดินหน้าตามแผนการแตกไลน์สินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่ไอทีมากขึ้น โดยวางขายเครื่องดื่มวิตามิน PredatorShot วางขายในวงกว้างผ่าน 7-Eleven หลังประกาศทดลองวางขายตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021
Acer PredatorShot มีด้วยกัน 2 รสชาติคือ สีชมพู กลิ่นเบอร์รี และสีเขียว กลิ่นองุ่นมัสแคท ราคาขวดละ 20 บาท
ช่วงหลังเราเห็น Acer หันมาทำตลาดสินค้าอื่นๆ มากขึ้น เช่น พัดลม-เครื่องฟอกอากาศ, กล้องวงจรปิด, ลำโพงอัจฉริยะ, เก้าอี้เกมมิ่ง เป็นต้น
ตัวอย่างสินค้าพัดลม-เครื่องฟอกอากาศ ในแบรนด์ย่อย acerpure
|
# จัดการทุกความท้าทายกับ HUAWEI MateBook 16s และ HUAWEI MateBook D 16 สองแล็ปท็อปประสิทธิภาพ 16 นิ้วรุ่นล่าสุด ที่พร้อมลุยทุกที่ทุกเวลา
การจะหาแล็ปท็อปมาไว้ใช้งานทั่วไปสักเครื่องหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะดียิ่งกว่าถ้าสามารถหาดีไวซ์ที่โดนใจทั้งประสิทธิภาพและรูปลักษณ์มาไว้ข้างกาย เวลานี้จะมีอะไรร้อนแรงไปกว่า HUAWEI MateBook 16s และ HUAWEI MateBook D 16 ที่หัวเว่ยรังสรรค์ความทรงพลังผสานไว้ในดีไซน์เรียบหรูมาพร้อมเสิร์ฟแล้ว พกติดตัวไว้รับรองได้ว่าเจองานแบบไหนก็ไม่มีหวั่น เอาอยู่ทุกความท้าทายได้อย่างมืออาชีพ ใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อปตัวใหม่ มาติดตามความปังของสองน้องใหม่ล่าสุดจากตระกูล HUAWEI MateBook Series ในบทความนี้กันได้เลย
หน้าจอใหญ่จุใจ 16 นิ้ว กับดีไซน์เรียบหรูสะดุดตา
เริ่มกันที่ HUAWEI MateBook 16s ขุมพลังที่อัดแน่นในบอดี้ที่ทำจากโลหะอลูมิเนียมอัลลอยซึ่งบางเพียง 17.8 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.99 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว จะตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานอวดคนในออฟฟิศให้ตาลุกวาวหรือจะพกออกไปทำงานข้างนอกก็เสริมลุคให้ดูดีขึ้นอีกหลายระดับ โดดเด่นกว่าใครด้วยหน้าจอ HUAWEI FullView Display แบบทัชสกรีนขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 2.5K โดยมีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90%1 สะท้อนภาพที่สมจริงมากยิ่งขึ้นขอบเขตสี sRGB ที่ 100%2 และเฉดสีที่มากถึง 1.07 พันล้านสีที่เนรมิตการไล่เรียงของสีได้สมจริง3 ตอบโจทย์งานสายดีไซน์เนอร์ที่ต้องให้ความสำคัญกับสีสันเป็นพิเศษ ไม่ว่าชิ้นงานจะละเอียดแค่ไหนก็ออกมาเป๊ะ
สำหรับ HUAWEI MateBook D 16 ก็ไม่น้อยหน้าเพราะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 16 นิ้วที่ขอบจอบางเฉียบเพียง 4.6 มม. และให้อัตราส่วนภาพ 16:10 มอบประสบการณ์ทำงานออฟฟิศที่คล่องตัว แถมยังเก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัดและสมจริง ด้วยความละเอียด 1920x1200 พิกเซล ส่วนบอดี้ใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยมีน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัมและบางเพียง 18.4 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงให้ความรู้สึกเสมือนใช้งานแล็ปท็อปขนาด 15.6 นิ้ว จึงพกพาติดตัวไปด้วยได้สะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ซึ่งสามารถทำงานแบบ on-the-go ได้ทุกที่และทุกเวลา
ประสิทธิภาพชนะเลิศ แจ้งเกิดได้ทุกงาน
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะดีงาม ประสิทธิภาพของแล็ปท็อปทั้ง 2 รุ่นก็แรงดีแบบไม่มีแผ่ว แม้งานจะท้าทายขนาดไหนก็ปิดจบได้ไม่ยากด้วยขุมพลังของชิปเซ็ต 12th Gen Intel® Core™ i7-12700H รองรับกราฟฟิกระดับสูงและการประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่แม้แต่การใช้งานระดับ Gaming ได้แบบไม่มีสะดุด โดยในส่วนของ HUAWEI MateBook 16s มีความถี่ของพลังเทอร์โบ 4.70 GHz และดีไซน์ระบบระบายความร้อนที่สูงถึง 54 W ได้อย่างลงตัว แถมยังล้ำสุดๆ กับโหมด Performance4 ที่ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multi-tasking ให้ดียิ่งขึ้นได้ถึงกว่า 100% ยิ่งถ้าใครที่เป็นสายพิมพ์งานหรือทำเอกสารบ่อยๆ บอกเลยว่าสบายมากกับคีย์บอร์ดสูง 1.5 มิลลิเมตรที่สามารถตอบสนองต่อการพิมพ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีแสงแบ็คไลท์ถึง 3 ระดับที่ส่องสว่างขึ้นอัตโนมัติเมื่อต้องทำงานในที่แสงน้อย ส่วนใครที่กลัวว่าใช้งานหนักๆ แล้วเครื่องจะร้อนก็ไม่ต้องกังวล เพราะ HUAWEI MateBook 16s มาพร้อมกับฐานด้านล่างดีไซน์ช่องระบายอากาศแบบคู่ขนาดใหญ่โดยมีใบพัดแบบ Shark Fin รูปตัว S ช่วยระบายความร้อนแบบไร้เสียงรบกวน
เช่นเดียวกันกับ HUAWEI MateBook D 16 ที่บอกเลยว่าเอาอยู่ทุกงานเพราะมีชิปเซ็ต 12th Gen Intel® Core™ H-Series เปิดไฟล์ขนาดใหญ่ก็รวดเร็วหรือประมวลผลกราฟฟิกหนักๆ ก็สบาย ที่สำคัญยังเป็นแล็ปท็อปตัวแรกของหัวเว่ยที่มาพร้อมแป้นพิมพ์ตัวเลขและคีย์ลัด 4 ปุ่ม ได้แก่ เครื่องคิดเลข, AI Search, Return to Home Screen และ Camera Switch อัปเกรดประสิทธิภาพการทำงานขึ้นอีก แถมยังโดดเด่นด้วยแป้นตัวเลขหรือ Numpad ที่ช่วยให้การทำงานกับตัวเลขกลายเป็นเรื่องง่าย รับรองว่าทำงานอย่างสบายมือจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็พร้อมเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านก่อนใครได้เลย
พร้อมรับมือทุกการประชุมด้วยฟีเจอร์สุดล้ำแบบ Smart Conference
ในยุคที่เราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้แบบนี้ การประชุมแบบออนไลน์ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากมีดีไวซ์คู่ใจเป็น HUAWEI MateBook 16s หรือ HUAWEI MateBook D 16 ก็เตรียมสัมผัสประสบการณ์การประชุมแบบอัจฉริยะหรือ Smart Conference ได้เลย ประเดิมด้วยกล้อง AI 1080P5 ที่คมชัดกว่ากล้องหน้า 720P บนแล็ปท็อปทั่วไป ยิ่งถ้าเปิดฟังก์ชัน FollowCam ช่วยจัดตำแหน่งให้อยู่กึ่งกลางของหน้าจอขณะเคลื่อนไหวก็ยิ่งเป๊ะ เสริมด้วยฟังก์ชัน Eye Contact ที่จะช่วยปรับการมองกล้องให้ดูเป็นธรรมชาติ รวมทั้งสามารถตั้งค่าพื้นหลังได้ตามต้องการผ่านฟังก์ชัน Virtual Background ที่มีให้เลือกสรรมากมายเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรอบข้าง AI อัจฉริยะและฟีเจอร์ Personal Voice Enhancement6 ซึ่งช่วยให้คู่สนทนาอีกฝ่ายได้ยินเสียงพูดอย่างชัดเจน และพิเศษสุดๆ สำหรับ HUAWEI MateBook D 16 เพราะมีเสาอากาศแบบ Metaline Antenna ช่วยรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ดียิ่งขึ้น ครบเครื่องขนาดนี้การันตีเลยว่าประชุมออนไลน์จากที่ไหนก็ราบรื่นและดูดีมีความเป็นมืออาชีพสุดๆ
รวมทุกดีไวซ์เป็นหนึ่งเดียวเพื่อการทำงานแบบอัจฉริยะ แค่มี Super Device7
นอกจากคุณสมบัติเด่นทั้งหมดที่กล่าวมา HUAWEI MateBook 16s และ HUAWEI MateBook D 16 ยังรองรับการใช้งาน Super Device ทลายข้อจำกัดของการทำงานเพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการรวมทุกอุปกรณ์ให้ทำงานไปพร้อมกันได้เป็นหนึ่งเดียว ผ่าน Control Panel ของแล็ปท็อป พร้อมอินเทอร์เฟซ “ลากเพื่อเชื่อมต่อ” จะช่วยให้การส่งผ่านรูปภาพและไฟล์ระหว่างแล็ปท็อปกับสมาร์ทดีไวซ์ในอีโคซิสเต็มของหัวเว่ยเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต จอมอนิเตอร์ สมาร์ทวิชั่น รวมไปถึงหูฟังอัจฉริยะอย่าง HUAWEI FreeBuds Pro 2 นอกจากนั้นยังรองรับการใช้งาน HUAWEI Mobile App Engine ให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนที่ชื่นชอบผ่าน AppGallery ที่ติดตั้งไว้โดยตรงบนแล็ปท็อปได้เลย
พร้อมเป็นเจ้าของในราคาโดนใจและข้อเสนอที่คุ้มค่า
HUAWEI MateBook 16s รุ่น12th Gen Intel® Core™ i7-12700H processor วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 56,990 บาท พิเศษโปรโมชันพรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ถึง 5 สิงหาคม 2565 รับฟรี! ของสมนาคุณมูลค่ารวม 18,560 บาท ได้แก่ HUAWEI MateView GT (ขนาด 27 นิ้ว) มูลค่า 12,990 บาท Microsoft Office Home & Student 2021 (เวอร์ชันใช้งานตลอดชีพ) มูลค่า 3,390 บาท HUAWEI Wireless Mouse สีน้ำเงิน มูลค่า 1,090 บาท และ HUAWEI Backpack Swift มูลค่า 1,090 บาท โดยสามารถสั่งจองได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน JD Central, Shopee, Lazada
สำหรับ HUAWEI MateBook D 16 รุ่น 12th Gen Intel® Core™ i5 ราคา 33,990 บาท และรุ่น i7 ราคา 39,990 บาท พิเศษโปรโมชันพรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ถึง 5 สิงหาคม 2565 รับฟรี! ของสมนาคุณมูลค่ารวม 10,560 บาท HUAWEI MateView SE มูลค่า 4,990 บาท Microsoft Office Home & Student 2021 (เวอร์ชันใช้งานตลอดชีพ) มูลค่า 3,390 บาท HUAWEI Wireless Mouse สีน้ำเงิน มูลค่า 1,090 บาท และ HUAWEI Backpack Swift มูลค่า 1,090 บาท โดยสามารถสั่งจอง HUAWEI MateBook D 16 รุ่น 12th Gen Intel® Core™ i5 ได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน JD Central, Shopee, Lazada และ Thisshop และสั่งจองรุ่น HUAWEI MateBook D 16 รุ่น 12th Gen Intel® Core™ i7 ได้เฉพาะบนร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน JD Central เท่านั้น
1 ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการของ HUAWEI การวัดตามขนาดของพื้นที่ที่มองเห็นได้ของหน้าจอตามสัดส่วนของขนาดหน้าจอทั้งหมด โปรดดูที่ผลิตภัณฑ์จริงอีกครั้ง
2 ช่วงสีของหน้าจอ ความสว่าง อัตราส่วนคอนทราสต์ และความแม่นยำของสีเป็นค่าทั่วไป
3 เพื่อให้ได้ 1.07 พันล้านสี ฯลฯ (8+2 บิต FRC) จำเป็นต้องมีเนื้อหาที่รองรับการแสดงผล 10 บิต
4 Fn + P สำหรับเปิดใช้งานโหมด Performance ปิดใช้งานด้วยค่าเริ่มต้น โหมด Performance ต้องการการเชื่อมต่อพลังงานเมื่อเปิดใช้งานซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ได้ทันที ในขณะที่เสียงของพัดลมและอุณหภูมิพื้นผิวอาจเพิ่มขึ้น โปรดเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานโหมด Performance ตามความต้องการการใช้งานของคุณ
5 เฉพาะแล็ปท็อป HUAWEI บางรุ่นที่ใช้ PC Manager 13.0.1 หรือใหม่กว่าเท่านั้นที่รองรับฟังก์ชันนี้ ฟังก์ชันนี้จะเปลี่ยนเป็น 0 ตามค่าเริ่มต้น เข้าถึงศูนย์ควบคุมได้บนแถบบาร์เพื่อเปิดหรือปิดฟังก์ชันนี้ตามความต้องการของคุณ
6 เฉพาะแล็ปท็อป HUAWEI บางรุ่นที่ใช้ PC Manager 12.0.2 หรือใหม่กว่าเท่านั้นที่รองรับฟังก์ชันนี้ ฟังก์ชันนี้ต้องใช้กับชุดหูฟังไมโครโฟนแบบมีสายขนาด 3.5 มม. การใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของหูฟัง ลักษณะการใช้งาน วิดีโอและเสียง ซอฟต์แวร์ และปัจจัยแวดล้อม โปรดดูการใช้งานจริง
7 รองรับการใช้งานกับ HUAWEI P50 Pro หรือสมาร์ทโฟนที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ขึ้นไป HUAWEI MateBook D หรือ แล็ปท็อปรองรับ PC Manager 12.0.2 ขึ้นไป HUAWEI MatePad 11 หรือแท็บเล็ตที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Harmony OS เวอร์ชั่นล่าสุด HUAWEI MateView ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS พร้อมเฟิร์มแวร์อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด HUAWEI Vision ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS เวอร์ชั่นล่าสุด
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery
#SuperDeviceSuperCreativity #HUAWEISmartOffice #HUAWEIMateBook16s #หน้าจอใหญ่ใช้งานแบบมืออาชีพ #HUAWEIMateBookD16 #บางเบาเต็มประสิทธิภาพ #WorkSmartWithHUAWEI
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้ที่:
Website: http://consumer.huawei.com/th
Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH
LINE: HuaweiMobileThailand, IG: Huawei.TH
|
# ไปไม่รอด อินเทลยุติธุรกิจหน่วยความจำ Optane อย่างเป็นทางการ
หลังจากมีสัญญาณว่าไปไม่รอดมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว อินเทลก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่ายุติธุรกิจหน่วยความจำ Optane ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
Optane เป็นโครงการที่อินเทลร่วมกับ Micron ตั้งแต่ปี 2015 พัฒนาหน่วยความจำประเภท 3D XPoint ที่เร็วกว่าหน่วยความจำ NAND และใช้เป็นสตอเรจคั่นกลางระหว่างแรมกับ SSD แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด อินเทลหยุดขายสินค้าในปี 2021 ในขณะที่ Micron ขายโรงงานทิ้ง
อินเทลระบุสั้นๆ แค่ว่าจะยุติธุรกิจนี้ และลงบัญชีด้อยค่าสินทรัพย์สินค้ากลุ่ม Optane ที่เหลือเป็นมูลค่า 559 ล้านดอลลาร์
ที่มา - AnandTech
|
# GitHub ขยายฟีเจอร์ Sponsors บริจาคเงินให้โครงการโอเพนซอร์ส รองรับประเทศไทยแล้ว
GitHub มีฟีเจอร์ Sponsors ให้โครงการโอเพนซอร์ส สามารถขอรับเงินบริจาคบนหน้า repository ของโครงการ ลักษณะคล้าย Kickstarter, Patreon หรือ GoFundMe มาตั้งแต่ปี 2019 (ตัวอย่างหน้าสปอนเซอร์) แต่ยังจำกัดประเทศที่รองรับ
ล่าสุด GitHub Sponsors ขยายบริการเพิ่มอีก 30 ประเทศ (รวมเป็น 68 ประเทศ) ความสำคัญคือรอบนี้มีประเทศไทยแล้วด้วย
วิธีการใช้งานฝั่งนักพัฒนา ต้องผูกบัญชีธนาคารท้องถิ่น และกรอกเอกสารภาษีกับทาง GitHub ก่อนถึงใช้งานได้ (รายละเอียด)
ที่มา - GitHub
ตัวอย่างหน้าจอบริจาคเงินของโครงการ สามารถแยกระดับ tier ได้
|
# ผลสำรวจราคา Internet มือถือทั่วโลก ไทย ราคาถูกเป็นอันดับ 17 และถูกที่สุดใน Southeast Asia
ผลการสำรวจราคาอินเทอร์เน็ตมือถือทั่วโลกประจำปี The Worldwide Mobile Pricing 2022 โดย Cable.co.uk ผู้ให้บริการเครื่องมือเทียบราคาค่าบริการอินเทอร์เน็ตในอังกฤษ พบว่าประเทศไทย มีค่าบริการอินเทอร์เน็ตมือถือเฉลี่ย ราคาถูกเป็นอันดับ 17 ของโลก และถูกที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การสำรวจข้อมูลของไทยระบุว่าจัดทำขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2022 จาก 14 แพ็คเกจ มีค่าบริการเฉลี่ยต่อ 1GB อยู่ที่ 13.64 บาท (0.38 ดอลลาร์) สำหรับช่วงราคานั้น แพ็คเกจราคาถูกที่สุดคือ 6.65 บาท และแพงที่สุด 199 บาท สำหรับ 1GB
อิสราเอลเป็นประเทศที่ค่าบริการอินเทอร์เน็ตมือถือถูกที่สุดในโลก เฉลี่ย 1GB ที่ 0.15 นิวเชเกล หรือราว 1.60 บาท ส่วนเซนต์เฮเลนา ซึ่งเป็นเกาะในเครือจักรภพอังกฤษ ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา มีค่าบริการอินเทอร์เน็ตแพงที่สุด เฉลี่ย 1GB ประมาณ 1,500 บาท (31.94 ปอนด์เซนต์เฮเลนา)
Dan Howdle นักวิเคราะห์ของ Cable.co.uk ให้ข้อสังเกตว่าประเทศที่ราคาอินเทอร์เน็ตแพง ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา ที่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยังไม่ดีมาก คนที่นั่นมักซื้ออินเทอร์เน็ตใช้งานคราวละไม่กี่ MB จึงทำให้เมื่อมาเปรียบเทียบเป็น 1GB ราคาก็จะสูงมากตามไปด้วยนั่นเอง ส่วนประเทศที่อินเทอร์เน็ตราคาถูกส่วนใหญ่ มี 2 สาเหตุคือโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทำให้รองรับการใช้งานมหาศาลได้ หรือไม่เป็นเพราะประชากรใช้อินเทอร์เน็ตมือถือกันเป็นหลัก จึงทำให้ผู้บริการแข่งขันและลดราคาลง
รายละเอียดข้อมูลแยกรายประเทศสามารถดูได้จากที่มา
ที่มา: Cable.co.uk ผ่าน TechCrunch
|
# Apple รายงานผลประกอบการ ยอดขายทำสถิติใหม่สูงสุดไตรมาสเดือนมิถุนายน
แอปเปิลรายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนมิถุนายน 2022 ยอดขายสุทธิ 82,959 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 19,442 ล้านดอลลาร์ ลดลง 11%
รายได้จาก iPhone ทำสถิติสูงสุดของไตรมาสมิถุนายน เพิ่มขึ้น 3% เป็น 40,665 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับกลุ่ม Services เพิ่มขึ้น 12% เป็น 19,604 ล้านดอลลาร์ ส่วน Mac, iPad รายได้ลดลงเป็น 7,382 และ 7,224 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่นเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการมีดังนี้
ยอดขายหลายประเทศในเอเชียเติบโตสูง อินโดนีเซีย เวียดนาม โตระดับ 2 หลัก อินเดีย เพิ่มขึ้นเท่าตัว
ปัญหาซัพพลายเชนยังมีอยู่ แต่น้อยกว่าที่บริษัทประเมินไว้เมื่อไตรมาสที่แล้ว
iPad และ Mac ยอดขายลดลงเนื่องจากปัญหาซัพพลายเชน แต่ความต้องการสินค้ายังแข็งแกร่ง
อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 43.3% เฉพาะธุรกิจ Services อยู่ที่ 71.5% ผลกระทบหลักคือค่าเงิน
จำนวนบัญชีที่มีการจ่าย Subscription เพิ่มเป็น 860 ล้านบัญชี
มีเงินสดและสินทรัพย์ลงทุนรวม 179 พันล้านดอลลาร์ มีหนี้สินใกล้ครบกำหนดชำระ 3 พันล้านดอลลาร์ หนี้สินระยะยาว 120 พันล้านดอลลาร์ จึงยังเหลือเงินสดสุทธิอีกมาก
Tim Cook ให้ความเห็นปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบรายได้ บอกว่าที่เห็นชัดคือรายได้ลดลง 3% จากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะธุรกิจ Services และโฆษณา ขณะที่ความต้องการสินค้ายังไม่เห็นชัดเจน
ยังไม่ชะลอการรับพนักงานใหม่ แต่จะลงรายละเอียดความจำเป็นให้มากขึ้น
ที่มา: แอปเปิล และ MacRumors
|
# Instagram ยอมถอยหนึ่งก้าว ลดการแสดงผลโพสต์แนะนำชั่วคราว จนกว่า AI คัดคอนเทนต์จะทำได้ดีขึ้น
Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram ให้สัมภาษณ์กับ Platformer ในประเด็นที่ Instagram จะเปลี่ยนรูปแบบมาแสดงผลแบบเต็มหน้าจอเหมือน TikTok และเพิ่มการแสดงเนื้อหาแนะนำจากคนที่เราไม่ได้ติดตาม (Recommendations) มากขึ้น ซึ่งทันทีที่ประกาศนี้ออกไป ผู้ใช้งานจำนวนมากไม่เห็นด้วย ทำให้แคมเปญใน Change.org ที่ออกมาก่อนหน้านี้ร้อนแรงขึ้นอีก ซึ่งล่าสุดดูเหมือน Instagram จะยอมถอยหนึ่งก้าวแล้ว
Mosseri อธิบายแต่ละประเด็นของการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากฟีดแบบเต็มหน้าจอเหมือน TikTok ซึ่งทดสอบกับผู้ใช้จำนวนน้อยอยู่ เขาบอกว่าพฤติกรรมผู้ใช้งานตอนนี้ ดูคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นจริง ๆ แต่ข้อมูลรวบรวมในช่วงทดสอบ พบว่าผู้ใช้งานไม่ชอบ สับสน และกังวลกับการแสดงผลรูปเก่า ๆ ที่เคยโพสต์ไปในอดีต รวมทั้งการโพสต์ภาพถ่ายในอนาคต ฉะนั้น Instagram จะชะลอการอัพเดตนี้ก่อน เพื่อปรับรูปแบบว่าจะแสดงผลอย่างไรให้ดีขึ้น
ส่วนประเด็นใหญ่กว่าอย่าง Recommendations เขายอมรับว่าเวลาเลือกคอนเทนต์แนะนำให้กับผู้ใช้งาน คอนเทนต์นั้นต้องดีกว่าที่ผู้ใช้งานคนนั้นเคยเห็น ซึ่งวันนี้เรายังทำได้ไม่ดีพอ Instagram ก็จะถอยด้วยการลดปริมาณการแสดงผลประเภทนี้ลง จนกว่าจะได้วิธีคัดเลือกคอนเทนต์ที่ดีกว่านี้ ซึ่งเขามั่นใจว่าทำได้แน่
ที่มา: Platformer
|
# Amazon ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมโต 7% ขาดทุนหนักจากการลงทุนใน Rivian
Amazon รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 35,574 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นรายได้ 121,234 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จะเพิ่มขึ้น 10%
ในไตรมาสนี้ Amazon บันทึกผลขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทอื่นโดยเฉพาะ Rivian ที่ราคาหุ้นตกลงมาก จึงทำให้สุทธิแล้วขาดทุน 2,028 ล้านดอลลาร์ หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะมีกำไรราว 1.9 พันล้านดอลลาร์
Andy Jassy ซีอีโอ Amazon กล่าวว่าท่ามกลางแรงกดดันหลายอย่างที่เป็นผลจากเงินเฟ้อ ทั้ง น้ำมัน พลังงาน ค่าขนส่ง บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเร่งสร้างรายได้นั้น บริษัทได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า Prime ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้ง ค่าส่งฟรีในแอปสั่งอาหาร Grubhub, ถ่ายทอดสด NFL Thursday Night Football เริ่มต้นกันยายนนี้ และซีรี่ส์ The Lord of the Rings: The Rings of Power เริ่มต้น 2 กันยายนนี้
ส่วนรายได้จากสองธุรกิจที่เป็นไฮไลท์ของ Amazon ในช่วงที่ผ่านมานั้น AWS เพิ่มขึ้น 33% เป็น 19,739 ล้านดอลลาร์ กำไรจากกดำเนินงานเฉพาะธุรกิจส่วนนี้ 5,715 ล้านดอลลาร์ และธุรกิจโฆษณาเพิ่มขึ้น 18% เป็น 8,757 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Amazon
|
# Intel ไตรมาส 2/2022 รายได้ลดลงมากจากธุรกิจพีซี
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวมตามบัญชี GAAP อยู่ที่ 15,321 ล้านดอลลาร์ ลดลง 22% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 454 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Pat Gelsinger ยอมรับว่าผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเราจะต้องทำให้ดีขึ้น ผลกระทบหลักนั้นมาจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็มีปัจจัยจากการดำเนินงานของอินเทลเองด้วย
รายได้จากกลุ่ม Client Computing (พีซี) ลดลง 25% เป็น 7,665 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอินเทลบอกว่าเป็นผลจากความต้องการลดลงในลูกค้าทั่วไป และภาคการศึกษา ขณะที่กลุ่ม Datacenter and AI (เซิร์ฟเวอร์) ลดลง 16% เป็น 4,649 ล้านดอลลาร์ ให้เหตุผลจากการแข่งขันในตลาด ซึ่งสองธุรกิจนี้เป็นรายได้ส่วนใหญ่ของอินเทล ขณะที่ธุรกิจ Network and Edge และ Mobileye รายได้โตทำสถิติใหม่ในไตรมาส
Gelsinger บอกว่าอินเทลมีแผนนำ Mobileye ธุรกิจพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเข้าตลาดหุ้นภายในปีนี้ หลังจากยื่นไฟลิ่งไปเมื่อต้นปี
ที่มา: อินเทล และ CNBC
|
# Pony.ai จับมือบริษัทรถบรรทุกจีน พัฒนารถบรรทุกไร้คนขับ Level 4 ในประเทศจีน
Pony.ai สตาร์ทอัพเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับจากประเทศจีนประกาศความร่วมมือกับ Sany Heavy Truck บริษัทรถบรรทุกซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Sany Heavy Industry ผู้ผลิตเครื่องจักรจากประเทศจีน โดยภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ
Pony.ai จะพัฒนาระบบผู้ขับรถเสมือน ส่วน Sany จะพัฒนางานด้านเทคนิคของรถบรรทุก เพื่อสร้างรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ Level 4 (รถยนต์สามารถขับได้เองโดยไม่ต้องมีมนุษย์คุมภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง) โดยในรายงานระบุว่ารถบรรทุที่จะพัฒนามีทั้งรถบรรทุกดีเซลแบบเดิม ไปจนถึงรถบรรทุกไฟฟ้า
Pony.ai ระบุว่าจะเริ่มดีพลอยรถบรรทุกไร้คนขับในสเกลขนาดเล็กภายในปีนี้และปีหน้า ส่วน mass production คาดว่าจะเริ่มในปี 2024 และคาดว่าจะสามารถผลิตรถบรรทุกได้ถึง 1 หมื่นคันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ที่มา - TechCrunch
|
# มุ่งสู่ Metaverse ธุรกิจ VR ของ Meta ขาดทุนไตรมาสละ 1 แสนล้านบาท, รวม 2 ปีขาดทุน 6.6 แสนล้านบาท
ประเด็นการขึ้นราคาแว่น Meta Quest 2 ครั้งเดียวถึง 100 ดอลลาร์ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความประหลาดใจให้ใครหลายคน ในประกาศของ Meta อ้างเรื่องต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น แต่แพงอย่างไรก็ไม่น่าเพิ่มทีเดียวถึง 100 ดอลลาร์
คำตอบของเรื่องนี้อาจอยู่ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Meta ที่แยกตัวเลขฝั่ง Reality Labs ออกมาให้เห็นชัดๆ (นับรวมแว่น Oculus, หน้าจออัจฉริยะ Portal) ว่ามีรายได้ 452 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ในอีกด้านก็ขาดทุนถึง 2,806 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.02 แสนล้านบาท
ตัวเลข 2,806 ล้านดอลลาร์ไม่ใช่การขาดทุนหนักที่สุดของ Reality Labs เพราะสถิติเดิมทำไว้ 3,304 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2021 และในไตรมาสก่อนหน้านี้คือไตรมาส 1/2022 ก็ขาดทุนในระดับเดียวกัน 2,906 ล้านดอลลาร์
หากนับรวมตัวเลขขาดทุนของ Reality Labs ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนสะสม 18,059 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยด้วยเรตดอลลาร์ปัจจุบันคือราว 6.6 แสนล้านบาท
ตัวเลขการขาดทุนอย่างหนักของ Reality Labs ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการขายแว่น Quest ในราคาขาดทุน เพื่อขยายฐานผู้ใช้ VR ให้กว้างมากพอ ซึ่งในระยะยาวแล้วก็ไม่สามารถทนขาดทุนได้ตลอดไป เมื่อตัวบริษัท Meta เองมีรายได้รวมลดลงเป็นครั้งแรก จึงเป็นสัญญาณว่าต้องลดการขาดทุนค่าแว่นลง ด้วยการขึ้นราคา 100 ดอลลาร์นั่นเอง
ที่มา - Meta (PDF), TechCrunch
|
# Huawei เปิดตัว HarmonyOS 3 เวอร์ชันนี้มีแอปเรียกรถแท็กซี่ที่พัฒนาเองรวมมาด้วย
Huawei เปิดตัว HarmonyOS 3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัพเดตล่าสุด ที่รองรับอุปกรณ์ทุกชนิดตั้งแต่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รถยนต์ อุปกรณ์ในบ้าน และอื่น ๆ โดยจะเปิดให้อัพเดตทั่วไปตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
ฟีเจอร์อัพเดตต่าง ๆ เป็นการเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ที่รัน HarmonyOS 3 ด้วยกัน แต่มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คือการเพิ่มแอปสำหรับเรียกรถโดยสาร ที่ Huawei เป็นผู้พัฒนาเองในชื่อ Petal Chuxing ที่เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรายต่าง ๆ อีกที ซึ่งในช่วงแรกจะให้บริการเฉพาะในเมืองใหญ่ของจีน
Richard Yu Chengdong ซีอีโอฝ่ายธุรกิจลูกค้าทั่วไปของ Huawei ให้ข้อมูลว่าตอนนี้มีอุปกรณ์เฉพาะแบรนด์ Huawei ที่รัน HarmonyOS แล้ว มากกว่า 300 ล้านชิ้น รวมทุกเวอร์ชันตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019
ที่มา: South China Morning Post
|
# FTC ขวางดีล Meta ซื้อ Supernatural แอพฟิตเนส VR บอกเป็นการซื้อตัดคู่แข่ง
ถึงแม้เราเห็นข่าว Meta หรือ Facebook โดนเพ่งเล็งในข้อหาผูกขาดการแข่งขัน จากการซื้อทั้ง Instagram และ WhatsApp รวมถึงกรณีการซื้อ Giphy ที่โดนหน่วยงานฝั่งอังกฤษฟันธงว่าผูกขาด
แต่ Federal Trade Commission (FTC) หน่วยงานกำกับดูแลด้านการค้าของสหรัฐ กลับยังไม่เคยมีคำสั่งลักษณะเดียวกันมาก่อน จนกระทั่งล่าสุดมีเซอร์ไพร์สคือ FTC ประกาศว่าจะขวางดีล Meta ซื้อบริษัท Within ผู้พัฒนาแอพออกกำลังกาย VR ชื่อ Supernatural เมื่อปี 2021
FTC ให้เหตุผลว่า Meta เป็นผู้เล่นหลักในตลาด VR ทำทั้งฮาร์ดแวร์ ร้านขายซอฟต์แวร์ และแอพ VR ยอดนิยมหลายตัว (เช่น Beat Saber) ที่สำคัญคือบริษัทมีแอพฟิตเนสของตัวเองที่มีอยู่แล้ว แต่แทนที่บริษัทจะพัฒนาแอพฟิตเนสของตัวเองให้เป็นที่นิยมขึ้น (แถมมีศักยภาพมากพอที่จะทำได้) กลับใช้วิธีซื้อคู่แข่งแทน ซึ่ง FTC มองว่าเป็นพฤติกรรมกีดขวางการแข่งขัน
ขั้นถัดไป FTC จะยื่นเรื่องนี้ต่อศาลสหรัฐเพื่อสั่งให้ไม่อนุมัติดีลซื้อกิจการครั้งนี้ต่อไป
ที่มา - FTC
|
# Chrome เลื่อนแผนการใช้ Privacy Sandbox เป็นปี 2023, เลิกใช้คุกกี้ปี 2024
กูเกิลประกาศเลื่อนการใช้งาน Privacy Sandbox เทคนิคการตามรอยผู้ใช้ที่เตรียมนำมาใช้แทนระบบคุกกี้แบบดั้งเดิม โดยให้เหตุผลว่าต้องการระยะเวลาทดสอบตัว API มากขึ้น
เดิม: เริ่มใช้ Privacy Sandbox ปลายปี 2022, เลิกใช้คุกกี้ปลายปี 2023
ใหม่: เริ่มใช้ Privacy Sandbox ไตรมาส 3 ปี 2023, เลิกใช้คุกกี้ ไตรมาส 3 ปี 2024
โครงการ Privacy Sandbox ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลายตัว เช่น Topics API, FLEDGE API สำหรับยิงโฆษณาจากเว็บไซต์ที่เคยเข้ามาก่อนแล้ว (remarketing) และ Attribution Reporting API ใช้วัดว่าโฆษณาที่ถูกคลิกหรือชมนั้นเปลี่ยนเป็นการซื้อจริง (conversion) แค่ไหน
กูเกิลระบุว่าจะเริ่มทดสอบในวงกว้างกับ Chrome 104 Stable ที่จะออกช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2022 และจะเริ่มทดสอบกับส่วนขยายใน Chrome 107 ช่วงปลายเดือนตุลาคม (รายละเอียด) บริษัทที่จะร่วมทดสอบด้วยได้แก่ Yahoo Japan, Adobe, Criteo และ IAB Europe
ที่มา - Google, 9to5google
|
# Mark Zuckerberg บอกเอง จากนี้จะเห็นโพสต์จากแอคที่ไม่ตามมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง Facebook และ Instagram
ในการแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Meta ซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบ Recommendations ที่จะแสดงโพสต์ของคนที่ผู้ใช้งานไม่ได้ติดตาม ซึ่งตอนนี้เริ่มมีแล้วทั้งใน Facebook และ Instagram ซึ่งหากไม่ชอบ นี่ก็คงเป็นข่าวร้าย
Zuckerberg บอกว่าปัจจุบันอัตราการแสดงผลโพสต์ประเภท Recommendations สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน อยู่ที่ประมาณ 15% บน Facebook และมากกว่านี้เล็กน้อยใน Instagram โดยตัวเลขจะเพิ่มเป็นเท่าตัว (คือประมาณ 30%) ภายในสิ้นปีหน้า
เครื่องมือสำคัญที่อยู่เบื้องหลังระบบนี้เรียกว่า Discovery Engine ที่ Meta จะใช้ข้อมูลความสนใจโพสต์ และความสัมพันธ์ต่าง ๆ (social graph) มาประมวลผลว่าควรแสดงโพสต์แนะนำอันไหนบ้าง ระบบการคัดเลือกเนื้อหาที่ไม่ได้ติดตามมาแสดงผลนั้น ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ TikTok พัฒนาอย่างมาก จนทำให้เป็นแอปที่คนใช้งานเติบโตมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Zuckerberg บอกว่าระบบแนะนำโพสต์ของเขา จะมีทั้งรูปภาพ ลิงก์เนื้อหา ซึ่งมีความแตกต่างเฉพาะตัวไม่เหมือนคู่แข่ง (อาจบอกเป็นนัยว่า TikTok ก็แนะนำได้เฉพาะวิดีโอ) ซึ่งหากผู้ใช้งานไม่ต้องการก็สามารถสลับไปใช้หน้าฟีดที่แสดงเฉพาะโพสต์ของเพื่อน (+โฆษณา) ได้
ถึงแม้ระบบแนะนำเนื้อหาจะทำให้เราเห็นโพสต์ที่ไม่ใช่ของเพื่อนมากขึ้น จนอาจนำไปสู่คำถามว่านี่ยังเป็น Social Network หรือไม่ Zuckerberg ยืนยันว่าเรายังเป็นบริษัทให้บริการโซเชียล ที่โฟกัสการทำให้ผู้คนเชื่อมต่อหากัน
ที่มา: TechCrunch และ The Verge
ภาพจาก Mark Zuckerberg ถ่ายในปี 2017
|
# Firefox 103 ปรับปรุงประสิทธิภาพบนหน้าจอรีเฟรชเรตตั้งแต่ 120Hz ขึ้นไป
Firefox ออกอัพเดตเวอร์ชัน 103 มีรายการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายรายการ โดยเน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สำคัญดังนี้
ปรับปรุงการตอบสนองบน macOS ขณะที่มีการใช้ซีพียูสูง
ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับหน้าจออัตรารีเฟรช 120Hz+
โหมด PiP รองรับการแสดงซับไตเติ้ล โดยระบุชื่อ Dailymotion และ Hotstar (Disney+ ไทย) ด้วย
ส่วนการปรับปรุงอื่น ได้แก่ เพิ่มไฮไลท์ในช่องที่ Required ของแบบฟอร์มที่เป็น PDF, เปิดเร็วขึ้นบน Windows
ที่มา: Mozilla
|
# Samsung ไตรมาสล่าสุด ธุรกิจ Memory รายได้ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง - ทีวียอดขายลดลงมาก
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 77.20 ล้านล้านวอน สูงที่สุดสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี มีกำไรจากการดำเนินงาน 14.10 ล้านล้านวอน และมีกำไรสุทธิ 11.10 ล้านล้านวอน
รายได้ที่เติบโตสูงของซัมซุง มาจากธุรกิจ Device Solutions ซึ่งรายได้ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง จากความต้องการหน่วยความจำของลูกค้ากลุ่มเซิร์ฟเวอร์ เช่นเดียวกับธุรกิจชิ้นส่วนหน้าจอที่เติบโตสูง จากลูกค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน
ธุรกิจสมาร์ทโฟนที่เรียกรวมว่ากลุ่ม Mobile eXperience รายได้เติบโตจากยอดขายรุ่นบน แต่มีต้นทุนที่สูงขึ้นมากจากชิ้นส่วนวัตถุดิบ และค่าขนส่ง
สุดท้ายคือธุรกิจทีวี ซึ่งยอดขายลดลง โดยซัมซุงบอกว่าเนื่องจากฐานตัวเลขปีก่อนที่สูงจากโควิด 19 ขณะที่ปีนี้มาตรการเริ่มผ่อนคลายทำให้ความต้องการลดลง รวมกับปัญหาเงินเฟ้อจึงกระทบกับยอดขาย
ที่มา: ซัมซุง
|
# ChromeOS เพิ่มตัวแก้ไขวิดีโอ, ตัวแก้ไข PDF, แอพ Screencast บันทึกคลิปหน้าจอ
กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ให้ระบบปฏิบัติการ ChromeOS (ชื่อใหม่ไม่เว้นวรรคตรงกลางแล้ว)
Movie Editor ฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโอแบบง่ายๆ ใช้งานผ่านแอพ Google Photos มีตัวช่วยอัตโนมัติ เช่น เลือกชื่อคนที่ต้องการทำคลิป ระบบจะเลือกคลิปของบุคคลนั้นมานำเสนอ และแนะนำธีมวิดีโอสำเร็จรูปให้ด้วย
แอพ Gallery เพิ่มฟีเจอร์แก้ไข PDF รองรับการไฮไลท์ข้อความ กรอกฟอร์ม เซ็นเอกสาร แปะโน้ต
แอพ Screencast สำหรับบันทึกคลิปการทำงานของหน้าจอ
แอพ Cursive สำหรับจดโน้ตด้วยลายมือ แปลงโน้ตเป็นไฟล์ PDF ได้
หน้าตาของตัวแก้ไขวิดีโอใน Photos
หน้าตาของตัวแก้ไข PDF ใน Gallery
กูเกิลยังโชว์ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ระดับ OS ได้แก่
เพิ่มปฏิทินที่มุมจอ เวลากดที่นาฬิกา
รองรับธีม Light/Dark
เซฟเดสก์ท็อปเสมือน (virtual desktop) ที่เปิดแอพต่างๆ ไว้ ปิดทิ้งทั้งจอ แล้วเปิดกลับคืนที่หลังได้ในปุ่มเดียว
ตั้งค่า wallpaper จากภาพใน Google Photos ของเราเอง ตั้งค่าให้เปลี่ยนทุกวันได้
ที่มา - Google
|
# กูเกิลเตรียมเปิดใช้ Gmail โฉมใหม่ เพิ่มแถบซ้ายมือเพื่อใช้ Chat, Spaces, Meet
กูเกิลประกาศเปลี่ยนมาใช้ Gmail เวอร์ชันเว็บหน้าตาดีไซน์ใหม่ ที่เคยเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 และเปิดให้ผู้ใช้ลองใช้งานแบบ opt-in มาสักระยะแล้ว คราวนี้กูเกิลจะเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ใหม่เป็นค่าดีฟอลต์ (ถ้าต้องการแต่ Gmail อย่างเดียว ยังสามารถเปลี่ยนกลับไปแบบเดิมได้)
การเปลี่ยนแปลงสำคัญมีด้วยกัน 2 อย่างคือ
เพิ่มแถบไอคอนด้านซ้ายมือสุด สำหรับกดสลับไปมาระหว่าง Gmail, Google Chat, Google Spaces, Google Meet
แยกแถบ Labels ของอีเมลออกมาไว้ด้านล่าง ของเดิมแถบ Labels ปะปนอยู่ในกลุ่มเดียวกับกล่องอีเมล Inbox, Sent, Drafts แต่ของใหม่แยกออกมาเป็นหมวด Labels ด้านล่าง
การเปลี่ยนแปลงอื่นคือปรับหน้าตาเล็กน้อย ให้เข้าธีม Material You เวอร์ชัน 3 มากขึ้น หน้าตา Gmail แบบใหม่จะเริ่มใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ (ใครอยากใช้ก่อน เข้าไปเปลี่ยนได้จากหน้า Quick Settings ปุ่มเฟืองที่มุมขวาบน)
ที่มา - Google
|
# [ลือ] Apple ได้หัวหน้าฝ่ายออกแบบจาก Lamborghini มาร่วมทีม Apple Car
Mark Gurman นักข่าว Bloomberg ขาประจำที่รายงานข่าวลือของแอปเปิล รายงานข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าว ว่าแอปเปิลได้ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายพัฒนารถยนต์ จาก Lamborghini มาร่วมทีมออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับของแอปเปิล
ผู้บริหารคนดังกล่าวคือ Luigi Taraborrelli ซึ่งทำงานกับ Lamborghini มา 20 ปี ตำแหน่งล่าสุดคือหัวหน้าทีมออกแบบแชสซี เคยร่วมออกแบบพัฒนารถยนต์มาหลายรุ่นทั้ง Urus, Huracán และ Aventador
ปัจจุบันโครงการพัฒนารถยนต์ของแอปเปิลมี Kevin Lynch หัวหน้าทีม Apple Watch และ John Giannandrea หัวหน้าทีม Machine Learning เป็นผู้รับผิดชอบ โครงการรถยนต์ของแอปเปิลนั้นมีรายงานมาตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็มีข่าวผู้บริหารลาออกมาตลอด และมีการปรับทิศทางของโครงการ ซึ่งการได้หัวหน้าทีมออกแบบจาก Lamborghini มาร่วมทีม ก็คือความเคลื่อนไหวล่าสุดนั่นเอง
ที่มา: Bloomberg
|
# Qualcomm ไตรมาสล่าสุด รายได้เติบโต 36% ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
Qualcomm รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2022 มีรายได้รวมตามบัญชี GAAP 10,936 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3,730 ล้านดอลลาร์
Cristiano Amon ซีอีโอ Qualcomm กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมายังแข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน นอกจากนี้บริษัทยังบรรลุข้อตกลง ขยายเวลาข้อตกลงการใช้ไลเซนส์สิทธิบัตรกับซัมซุงต่อออกไปด้วยจนถึงปี 2030
ธุรกิจชิป QCT มีรายได้เพิ่มขึ้น 45% เป็น 9,378 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเติบโตสูงจากโทรศัพท์มือถือและ IoT ส่วนธุรกิจขายไลเซนส์ QTL รายได้เพิ่มขึ้น 2% เป็น 1,519 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Qualcomm (pdf)
|
# Meta ไตรมาส 2/2022 รายได้ลดลงแบบ YoY เป็นครั้งแรกของบริษัท
Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 มีรายได้รวม 28,822 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2021 และเป็นรายได้ที่ลดลงแบบเทียบปีก่อนหน้า (YoY) ครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทรายงานผลประกอบการมา ส่วนกำไรสุทธิลดลงเป็น 6,687 ล้านดอลลาร์
รายได้จากธุรกิจแอปในเครือทั้งหมดที่เรียกรวมว่า Family of Apps ลดลงเล็กน้อยเป็น 28,370 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจใหม่ Reality Labs เพิ่มขึ้นเป็น 452 ล้านดอลลาร์ แต่เฉพาะส่วน Reality Labs ขาดทุนจากการดำเนินงาน 2,806 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา
ส่วนจำนวนผู้ใช้งานยังมีทิศทางที่ดี โดย Facebook มีผู้ใช้งานทุกวัน (DAUs) เพิ่มเป็น 1,968 ล้านบัญชี และเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 2,934 ล้านบัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้นแบบเทียบปีก่อนหน้า แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2022 อยู่ 2 ล้านบัญชี และมีจำนวนผู้ใช้งานทุกแอปในเครือเป็นประจำทุกเดือน 3.65 พันล้านคน
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ให้ข้อมูลช่วงแถลงผลประกอบการว่า Reels มีระดับการเติบโตที่สูงมาก เมื่อเทียบกับ Stories แต่เขายอมรับว่า Reels ยังไม่ทำเงินในระดับที่คาดหวัง อย่างไรก็ตามเขามองว่า Reels ก็จะเติบโตมากขึ้นและเป็นรายได้สำคัญต่อไป
ส่วนประเด็นการแสดงโพสต์จากคนที่ไม่ได้ติดตามหรือ Recommends เขาบอกว่าตอนนี้ผู้ใช้งานจะเห็นโพสต์ประเภทดังกล่าวประมาณ 15% และจะเพิ่มอีกเท่าตัวในปีหน้า ทั้งนี้ Zuckerberg บอกว่าการสร้าง AI สำหรับระบบดังกล่าวเป็นการลงทุนที่สูง นอกจากนี้เขายืนยันเรื่องการชะลอการรับพนักงานใหม่ และบอกว่าจากนี้บริษัทจะพยายามผลักดันสิ่งใหม่ ๆ บนทรัพยากรที่จำกัดขึ้น
Sheryl Sandberg ซีโอโอ Meta ซึ่งประกาศออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ และจะร่วมการแถลงผลประกอบการเป็นครั้งสุดท้าย บอกว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกยังมีความยุ่งยากอีกมาก ทั้งจากปัญหาสงครามในยูเครน และสถานการณ์โควิดที่เริ่มกลับมาปกติ ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกลับสู่จุดสมดุลอีกครั้ง ไปจนถึงปัญหาเงินเฟ้อ และโอกาสเกิดขึ้นของปัญหาใหม่ ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก แต่กระทบกับรายได้ของ Meta โดยตรง
Meta ยังประกาศปรับตำแหน่งผู้บริหาร โดยให้ซีเอฟโอ David Wehner รับตำแหน่งใหม่ดูแลด้านกลยุทธ์บริษัทเรียกว่า Chief Strategy Officer และโปรโมต Susan Li รองประธานฝ่ายการเงิน ขึ้นเป็นซีเอฟโอคนใหม่ มีผลตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2022
ที่มา: Meta, CNBC และ The Verge
|
# Spotify ไตรมาส 2/2022 จำนวนสมาชิกยังเติบโต ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
Spotify รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวม 2,864 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 23% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 166 ล้านยูโร จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 433 ล้านบัญชี แบ่งเป็นแบบพรีเมียมเสียเงิน 188 ล้านบัญชี และแบบมีโฆษณา 256 ล้านบัญชี
ก่อนหน้านี้มีการวิเคราะห์ว่าจำนวนสมาชิกของ Spotify อาจลดลงในกลุ่มเสียเงิน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจรวมทำให้คนลดค่าใช้จ่ายสื่อบันเทิง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับ Netflix แต่ผลที่ออกมา จำนวนสมาชิก Spotify เพิ่มขึ้นทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรี ทั้งนี้บริษัทบอกว่ายังคงจับตาสถานการณ์ภาพรวมอย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณกับบริษัท
Daniel Ek ซีอีโอ Spotify กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการ ว่าบริษัทเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในบางภูมิภาคอย่าง ลาตินอเมริกา และบางประเทศในยุโรป เป็นผลจากแคมเปญการตลาด อย่างไรก็ตามบริษัทก็จะเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเริ่มชะลอการจ้างพนักงานใหม่ลง 25%
ที่มา: CNBC และ Spotify (pdf)
|
# มาช้าแต่ไปไว Spotify ประกาศหยุดผลิต Car Thing อุปกรณ์เสริมสำหรับฟังเพลงในรถ
Spotify ประกาศในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ว่าจะหยุดผลิต Car Thing ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เสริมในรถยนต์เพื่อการฟังเพลง แม้จะใช้เวลาในการพัฒนาสินค้านานนับปีและเพิ่งจะเริ่มวางจำหน่ายจริงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง
Car Thing เป็นอุปกรณ์เพื่อการฟังเพลงที่มีลักษณะเป็นหน้าจอสัมผัสมาพร้อมปุ่มหมุนและระบบรับคำสั่งเสียง เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผู้ใช้เพื่อสตรีมเพลงหรือพอดแคสต์มาเล่นผ่านระบบเครื่องเสียงของรถยนต์ อย่างไรก็ดีบางคนกลับรู้สึกว่าประโยชน์ของมันนั้นไม่เด่นชัดนักเนื่องจากการใช้งานทุกอย่างที่ Car Thing สามารถทำได้นั้น ผู้ใช้ก็สามารถทำได้ผ่านสมาร์ทโฟนโดยตรงเช่นกัน
ตัว Car Thing นี้มีการพัฒนามาอย่างน้อยก็ตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งมีข่าวลือออกมาเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับอุปกรณ์เพื่อการฟังเพลงที่สามารถสั่งงานด้วยเสียง ก่อนที่จะเริ่มออกสินค้าทดลองในปี 2019 ให้หลังจากนั้นร่วม 2 ปี จึงเริ่มมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จริงโดยจำกัดเฉพาะในประเทศอเมริกาเมื่อปี 2021 จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปี 2022 นี้เองที่เพิ่งจะเริ่มจำหน่ายสินค้าแบบไม่จำกัดประเทศของผู้ใช้ แต่ผ่านมายังไม่ทันจะถึงครึ่งปี Spoltify ก็ตัดสินใจยกธงขาวเตรียมหยุดผลิตสินค้าเสียแล้ว
ที่มา - Gizmodo
|
# Manchester City จับมือ Cisco เปิดตัวผ้าพันคออัจฉริยะเก็บข้อมูลแฟนบอลขณะเชียร์ทีมรัก
สโมสรฟุตบอล Manchecter City ร่วมมือกับ Cisco เปิดตัวผ้าพันคอ Connected Scarf ผ้าพันคอสำหรับแฟนบอลที่มีความพิเศษตรงเซ็นเซอร์ในตัวที่สามารถวัดค่าสัญญาณต่างๆ จากร่างกายแฟนบอล ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิร่างกาย และสภาพอารมณ์ของผู้สวมใส่
Cisco ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนสโมสร Manchester City มาตั้งแต่ปี 2019 เผยว่า ทางสโมสรได้เชิญแฟนบอลพันธุ์แท้ของสโมสรจำนวน 6 รายมาทดลองใช้ผ้าพันคอ Connected Scarf โดยสวมใส่มันในระหว่างรับชมเกมการแข่งขันของทีมเรือใบสีฟ้าแล้ว ซึ่งตัวผ้าพันคอสามารถบันทึก "ช่วงเวลาที่น่าสนใจ" ได้ 120 จุดตลอดเกมการแข่งขัน
ข้อมูลที่ได้จากผ้าพันคอนี้ทำให้สโมสรและ Cisco สามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของแฟนบอลในระหว่างการรับชมเกมได้ดียิ่งขึ้นว่าผู้รับชมเกมกีฬารู้สึกอย่างไรต่อเกมการเล่นในแต่ละขณะ
เซ็นเซอร์ที่ Cisco เลือกนำมาใช้ในผ้าพันคอนี้คือ EmotiBit ซึ่งเป็นมอดูลเซ็นเซอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์สวมใส่โดยเฉพาะ ภายในตัวมันมีเซ็นเซอร์ที่ใช้เพื่อการวัดสัญญาณต่างๆ ของร่างกายผู้สวมใส่อุปกรณ์ ได้แก่
เซ็นเซอร์ GSR/EDA ที่ใช้วัดประเมินสภาพอารมณ์และระดับความมีสติของผู้สวมใส่อุปกรณ์
เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายได้ด้วยความละเอียดระดับ 0.001 องศาเซลเซียส
เซ็นเซอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิ
เซ็นเซอร์ PPG ที่สามารถวัดได้ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ, ความอิ่มตัวของออกซิเจนในกระแสเลือด, การหายใจ และปริมาณน้ำในร่างกาย
เซ็นเซอร์วัดอัตราเร่งและไจโรสโคป ทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้สวมใส่อุปกรณ์
นอกจากนี้ EmotiBit ยังมีช่องใส่การ์ด SD เพื่อบันทึกข้อมูลในตัว และสามารถต่อใช้งานกับบอร์ด Adafruit Feather ได้
ถึงแม้ทางสโมสร Manchester City และ Cisco จะยังไม่ระบุชัดเจนว่าข้อมูลที่ได้จาก Connected Scarf จะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร แต่อาจคาดได้ว่าข้อมูลเรื่องระดับอารมณ์ของผู้สวมใส่อุปกรณ์ รวมทั้งค่าอื่นๆ ที่เซ็นเซอร์บันทึกไว้ได้ อาจถูกนำไปใช้เพื่อวิเคราะห์การปรับปรุงสภาพสนามในบริเวณที่นั่งชมเกม รวมถึงบริการต่างๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์รับชมเกมของแฟนบอล รวมทั้งอาจนำไปใช้เพื่อการพัฒนาสื่อของสโมสร เช่น วิดีโอบันทึกรวมจังหวะน่าสนใจที่เกิดขึ้นระหว่างเกมการแข่งขัน
ที่มา - Engadget
|
# Google Street View กลับมาเปิดให้บริการในอินเดียอีกครั้งหลังหายไปนานกว่า 6 ปี
Google Street View กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในอินเดียแล้ว หลังจากที่ฟีเจอร์นี้เปิดตัวในอินเดียตั้งแต่ปี 2011 แต่โดนแบนไปเมื่อ 6 ปีก่อนหน้าเนื่องจากข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย
Google เผยว่าการกลับมาอีกครั้งของ Street View ในอินเดียเกิดจากความร่วมมือกับ Tech Mahindra และ Genesys ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Google ร่วมกับบริษัทอื่นเพื่อให้บริการ Street View
ตอนนี้ Google Street View มีให้บริการแล้วใน 10 เมืองของประเทศอินเดีย ครอบคลุมถนนกว่า 150,000 กิโลเมตร และคาดว่าจะเปิดให้บริการครบ 50 เมืองได้ภายในปีนี้
ที่มา - TechCrunch
ภาพจาก Google Street View
|
# [ลือ] GTA 6 เลือกเล่นตัวเอกหญิงได้, ฉากเป็นเมืองไมอามีจำลอง, ใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี
Jason Schreier นักข่าวสายเกมของ Bloomberg รายงานความเคลื่อนไหวของเกม GTA 6 จากการสัมภาษณ์พนักงานและอดีตพนักงานของ Rockstar หลายคน
เกมเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2014 และเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดออกที่ชัดเจน ถ้าดูจากความคืบหน้าในปัจจุบัน พนักงานคนในคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก "อย่างน้อย 2 ปี" ถึงจะเสร็จ (at least two years away)
เมืองในเกม GTA 6 อิงจากเมืองไมอามีในรัฐฟลอริดา และมีแผนจะเพิ่มภารกิจกับเมืองใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาหลังเกมวางขายแล้ว เพื่อลดสภาวะเร่งงาน (crunch) ในช่วงเกมใกล้ออก ไม่ให้กระทบกับสุขภาพของพนักงาน
เกมภาคนี้จะมีตัวละครผู้หญิงให้เลือกเล่นด้วย คู่กับตัวละครเพศชาย ตัวละครหญิงคนนี้มีเชื้อสายละติน
แนวทางของ GTA 6 ต่างไปจาก GTA 5 พอสมควร ทั้งจากปัจจัยเรื่อง Dan Houser ผู้ร่วมก่อตั้ง Rockstar ลาออกไปเมื่อปี 2020 และสถานการณ์การเมืองในสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนไป ประเด็นเรื่องเหยียดผิว เหยียดเพศ กลายเป็นเรื่องอ่อนไหวกว่าเดิมมาก มุขตลกเหยียดๆ ในเกมภาคก่อนๆ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้แล้ว
บรรยากาศใน Rockstar เองก็เปลี่ยนไป จากสตูดิโอที่เพศชายเป็นใหญ่ มีธรรมเนียมดื่มแอลกอฮอล์ โหวกเหวก หรือนิยมไปคลับเปลื้องผ้า หลังจากพนักงานประท้วงในปี 2018 บริษัทก็ปรับสภาพการทำงานใหม่ เปิดกว้างมากขึ้น มีความเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น มีวิธีคิดก้าวหน้าขึ้น ซึ่งสะท้อนออกมาในเกมยุคหลังของบริษัท
ไอเดียแรกสุดของ GTA 6 คือการแบ่งดินแดนเหนือ-ใต้ สะท้อนอเมริกาเหนือ-ใต้ แต่สเกลใหญ่เกินไปจนต้องลดลงมาเหลือเมืองไมอามีแทน
ภาพจากเกม GTA Online (ไม่ใช่ GTA 6)
ที่มา - Bloomberg
|
# "ถึงบ้านแล้วโทรบอกนะ" Google Maps เพิ่มการแจ้งเตือน หากคนแชร์พิกัดมาถึงจุดที่ต้องการ
Google Maps มีฟีเจอร์ Location Sharing แสดงพิกัดของคนในครอบครัวหรือเพื่อนแบบเรียลไทม์ มาตั้งแต่ปี 2017 แต่ข้อจำกัดคือเราต้องดูพิกัดบนแผนที่อยู่ตลอดเวลา
ล่าสุดกูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ให้ Location Sharing โดยฝ่ายที่เฝ้าดูสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนผ่าน notification ได้ เมื่อผู้ที่แชร์พิกัดเข้ามาอยู่ในบริเวณที่กำหนด ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ตั้งให้แจ้งเตือนเมื่อลูกกลับบ้าน, ไปเดินเขาคนเดียว แชร์พิกัดให้เพื่อนสนิท เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน เพื่อนจะได้รับเตือนอัตโนมัติว่าเราเดินกลับมาถึงจุดจอดรถแล้ว, กลุ่มเพื่อนไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน แชร์พิกัดให้กันและเห็นได้ทันทีว่าแต่ละคนอยู่ตรงไหน
ผู้ที่แชร์พิกัดจะเห็นว่ามีใครขอการแจ้งเตือนตำแหน่งของเราบ้าง และสามารถปิดได้ถ้าไม่ต้องการให้เตือน
หน้าจอแจ้งเตือนว่าฝ่ายที่แชร์พิกัด เดินทางมาถึงสถานที่ที่กำหนดแล้ว
หน้าจอตั้งค่าการแจ้งเตือน ของฝ่ายที่เฝ้าดูพิกัด
หน้าจอบอกผู้แชร์พิกัด ว่าอีกฝ่ายตั้งการแจ้งเตือนเพื่อติดตามตำแหน่งของเรา
ที่มา - Google
|
# Wizards of the Coast ตั้งสตูดิโอเกมใหม่ Skeleton Key ดึงอดีตผู้บริหาร BioWare เป็นหัวหน้า
Wizards of the Coast บริษัทแม่ของเกมกระดานยอดนิยม Dungeons & Dragons และเกมการ์ด Magic: The Gathering (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Hasbro ธุรกิจของเล่นรายใหญ่ของโลก) ประกาศตั้งสตูดิโอวิดีโอเกมแห่งใหม่ชื่อ Skeleton Key
Skeleton Key ตั้งอยู่ที่เมืองออสตินในสหรัฐอเมริกา หัวหน้าของสตูดิโอแห่งนี้คือ Christian Dailey อดีตโปรดิวเซอร์ของเกมซีรีส์ Dragon Age ที่ย้ายมาจาก BioWare (เขาเป็นหัวหน้าของ BioWare Austin) และก่อนหน้านั้นเขาเคยทำงานกับบริษัทเกมยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น THQ, Disney, EA และ Blizzard
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Wizards of the Coast ก็ตั้งสตูดิโอเกมของตัวเองหลายแห่ง เช่น Archetype Entertainment ที่อยู่ในออสตินเหมือนกัน และมีอดีตพนักงาน BioWare เข้าร่วมด้วย แม้ยังไม่มีผลงานเกมออกมา
ผลงานเกมช่วงหลังของบริษัทคือ Dungeons & Dragons: Dark Alliance ออกเมื่อปี 2021 พัฒนาโดยสตูดิโอในเครือ Tuque Games จากแคนาดา (ซื้อกิจการปี 2019) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Skeleton Key จะพัฒนาเกมใดบ้าง เพราะสตูดิโอเพิ่งก่อตั้ง แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าจะทำเกมจากแฟรนไชส์ยอดนิยม D&D หรือ Magic
ที่มา - IGN
|
# ไหนว่าไม่มีใครซื้อ ไมโครซอฟท์โชว์รายได้ Surface โตขึ้น 10%, ฝั่ง Xbox ยอดลด 7%
ประเด็นที่น่าสนใจในผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของไมโครซอฟท์ คือรายได้จากการขาย Surface เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 10% (ถ้าไม่เจอปัญหาเรื่องค่าเงินจะโต 15% ด้วยซ้ำ) ซึ่งไมโครซอฟท์อธิบายว่าเกิดจากยอดขายฝั่งองค์กรที่เพิ่มขึ้น แม้ไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผยยอดขายเป็นจำนวนเครื่องเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไลเซนส์ Windows แบบ OEM ลดลง 2% เพราะโรงงานพีซีในจีนต้องปิดชั่วคราวจาก COVID รวมถึงตลาดพีซีเริ่มชะลอตัว ส่วนไลเซนส์ Windows ฝั่งองค์กรและคลาวด์เพิ่มขึ้น 6% จากการขาย Microsoft 365
รายได้ฝั่งเกมมิ่งโดยรวมลดลง 7% โดยยอดขายฮาร์ดแวร์ Xbox ลดลง 11% และรายได้จากซอฟต์แวร์-บริการลดลง 4% ส่วนรายได้จากบริการค้นหาและโฆษณาออนไลน์เพิ่ม 18% แม้ตลาดโฆษณาเริ่มชะลอตัวจากสภาพเศรษฐกิจ
Satya Nadella ระบุว่าการให้บริการ Xbox Cloud Gaming หรือ xCloud บนสมาร์ททีวีของซัมซุงที่เริ่มในเดือนมิถุนายน 2022 ได้ผลตอบรับที่ดี มีคนเล่นเกมสตรีมมิ่งถึง 4 ล้านคน และในจำนวนนี้ 1 ล้านคนถือเป็นลูกค้าใหม่ของไมโครซอฟท์ด้วย
ธุรกิจอีกรายที่เติบโตดีคือ LinkedIn ที่มีรายได้เติบโต 26% (ถ้าไม่คิดเรื่องค่าเงินจะโต 29%) และเซสชันการใช้งานเพิ่มขึ้น 22%
ที่มา - Microsoft
|
# เจ้าของบ้านในซีแอตเทิลอึ้ง ซื้อบ้านแล้วพบว่าเน็ตเข้าไม่ถึง ต้องจ่ายค่าเดินสายเกือบล้าน
คู่สามีภรรยา Zachary Cohn และ Lauryl Zenobi ได้ตัดสินใจซื้อบ้านในย่าน Northgate ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตันเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2019 โดยหลังจากเซ็นสัญญาซื้อขายและย้ายเข้ามาอยู่แล้ว พวกเขาก็พบว่าบ้านหลังที่ซื้อไม่เคยมีการเดินสายเคเบิลสำหรับอินเทอร์เน็ตมาก่อนเลย แต่เพื่อนบ้านอีก 6 หลังที่อยู่ใกล้ๆ กันมีสายเคเบิลจาก Comcast เชื่อมต่ออยู่ทั้งหมด โดย Comcast เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายเดียวในพื้นที่ดังกล่าว
Cohn จึงเริ่มติดต่อ Comcast ไปหลายครั้งแต่ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับ และหลายครั้งก็โทรไปแล้วถูกโอนสายไปๆ มาๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ว่าเขาต้องทำอย่างไรจึงจะมีอินเทอร์เน็ตใช้ โดยเขาอดทนติดต่ออยู่ถึง 8 เดือนจึงตัดสินใจติดต่อไปหาสภาเทศบาลเมืองซีแอตเทิลแทนเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากติดต่อหาภาครัฐไปไม่กี่วัน ก็มีวิศวกรจาก Comcast โทรกลับมาว่าบริษัทจะมาสำรวจหน้างานว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะเดินสายเคเบิลเข้าบ้าน
เวลาผ่านไปสองสามเดือน Comcast ก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งพร้อมแจ้งว่าการเดินสายเคเบิลเข้าบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายถึง 27,119 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.95 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่ Comcast ระบุเพิ่มว่าจริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายงานนี้สูงถึง 80,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.9 ล้านบาท แต่ให้ลูกค้าจ่ายเพียงบางส่วน ซึ่งในรายละเอียดระบุว่าต้องเดินสายเคเบิลใต้ดินจากตู้ชุมสายเข้าบ้านเป็นระยะ 181 ฟุต (ราว 55 เมตร) รวมถึงงานวิศวกรรม, การขออนุญาต, ค่าเดินทาง และค่าปรับสภาพพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม
ภาพโดย F. Muhammad
Cohn ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เขาระบุว่าไม่คิดมาก่อนว่ายุคนี้ในเมืองซีแอตเทิล จะไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เลยไม่ได้เช็คเรื่องนี้ก่อนเซ็นสัญญาซื้อบ้าน แต่เขายังไม่ลดความพยายาม โดยติดต่อกลับไปหาเทศบาลเมืองซีแอตเทิลอีกครั้งว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวมันบ้าเกินไปแล้ว โดยเทศบาลก็ได้หารือกับ Comcast เพิ่มเติม และได้ข้อสรุปว่าบ้านของ Cohn ตั้งอยู่ในพื้นที่รูปร่างแปลกทำให้ไม่เคยมีการเดินสายเคเบิลมาก่อน และเทศบาลก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ Comcast หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใดเข้ามาเดินสายเคเบิลได้ด้วย แถมงานนี้บ้านของ Cohn เป็นหลังเดียวที่มีปัญหา ทำให้ Comcast ไม่สามารถลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเดินสายไปบ้านหลายๆ หลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้
ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ Cohn และภรรยาใช้งานเราเตอร์แบบเสียบซิม 4G มาตลอด ผ่านซิมของผู้ให้บริการชื่อ UnlimitedToGo ซึ่งเป็น MVNO เช่าเครือข่ายจาก AT&T อีกที โดยผู้ให้บริการรายนี้โฆษณาว่าใช้เน็ตได้ไม่จำกัด แต่เอาเข้าจริงแล้วเมื่อใช้ดาต้าถึงจุดหนึ่งก็ถูก AT&T ซึ่งเป็นเครือข่ายแม่ลดความเร็วเน็ตอยู่ดีในช่วงเวลาที่เครือข่ายหนาแน่น เขาระบุว่าตอนที่โดนลดสปีดหนักๆ แค่เข้าเว็บยังแทบจะใช้งานไม่ได้เลย โดยพวกเขาทำงานที่บ้าน ต้องประชุมออนไลน์วันละราว 6 ชั่วโมง ใช้เน็ตเดือนละราว 300GB ได้ความเร็วดาวน์โหลดราว 10-15 Mbps และอัพโหลด 5-10 Mbps เท่านั้น และหากเน็ตโดนลดสปีดก็ต้องเปลี่ยนมาแชร์เน็ตจากมือถือแทนเพื่อให้ทำงานต่อได้
Cohn ยังได้ลงทะเบียนขอใช้งาน Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมจาก SpaceX ไปด้วย และได้รับการติดต่อกลับเมื่อเร็วๆ นี้ แต่หลังจากใช้แอพของ Starlink เพื่อตรวจสอบตำแหน่งและพื้นที่ของบ้านเขา แอพก็แจ้งว่าน่าจะใช้งานได้ไม่ดีนัก เพราะเพื่อนบ้านปลูกต้นไม้สูงกันหนาแน่น และเขาได้ไปโพสต์เรื่องนี้ใน Reddit ก็ได้รับคำตอบจากผู้ใช้อื่นว่าแบบนี้ใช้งานได้แย่แน่ๆ
ความหวังสุดท้ายคือการอัพเกรดจาก 4G ไปเป็น 5G แต่ก็โชคร้ายอีกที่ตอนนี้ T-Mobile และ Verizon ยังไม่เปิดบริการเน็ต 5G สำหรับบ้านในพื้นที่ที่ Cohn อาศัยอยู่ ส่วนเครือข่าย AT&T นั้นยังไม่มีบริการ 5G สำหรับบ้านเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงจะใช้ได้ Cohn ก็เกรงว่าจะโดนบีบความเร็วเหมือนเดิมอีกอยู่ดี
Cohn ระบุว่าการที่ไม่มีการแข่งขันนั้นทำให้ผู้ใช้งานไม่มีทางเลือกอื่น และต้องโดนมัดมือชกให้จ่ายราคาใดก็ตามที่ผู้ให้บริการต้องการ ถ้าเทียบกับพื้นที่อื่นที่มีผู้ให้บริการ 2 รายขึ้นไป ลูกค้าสามารถบอกยกเลิกแล้วย้ายไปค่ายอื่นได้หากไม่พอใจกับค่าบริการ และผู้ให้บริการก็ต้องเสนอโปรโมชันเพื่อพยายามรั้งลูกค้าไว้
ทั้งนี้ ค่าเดินสายเกือบล้านบาทนี้เป็นเพียงแค่อินเทอร์เน็ตแบบเคเบิลเท่านั้น ไม่ใช่ไฟเบอร์แบบที่ใช้กันในยุคใหม่แต่อย่างใด
ที่มา - Ars Technica
|
# KBTG เผย K+ มีผู้ใช้งาน 18.6 ล้านคน ระยะเวลาล่มลดลงกว่า 60%
KBTG เปิดเผยความสำเร็จในรอบปีที่ผ่านมาของ K Plus ที่มีผู้ใช้งานเกิน 18.6 ล้านรายแล้ว (สิ้นปีคาดว่าจะแตะ 20 ล้านราย) มีจำนวนธุรกรรมทั้งหมด 2.9 หมื่นล้านครั้ง เป็นเงินรวมกัน 23 ล้านล้านบาท สัดส่วนเป็น 1/3 ของจำนวนธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ทั้งหมดในประเทศ
นอกจากนี้ในแง่ระบบหลังบ้านของ K Plus ก็สามารลดเหตุการณ์ที่มีความร้ายแรงระดับ 1 และ 2 ได้ลดลงถึง 60% ระยะเวลาในการล่ม (down time) ก็ลดลง 66% เช่นเดียวกับระยะเวลาที่ใช้แกัปญหาเวลาระบบล่มก็ลดลงถึง 33% โดยปัจจุบันเวลาที่ใช้แก้โดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 นาที
หลังจากนี้ทาง KBTG ก็จะยังคงขยายระบบให้รองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามวิสัยทัศน์บริษัทที่ขยายบริการและธุรกิจไปในระดับภูมิภาค โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้งานถึง 40 ล้านรายภายในปี 2027
|
# KBTG เผยวิสัยทัศน์ 2025 เป็นบริษัทเทคระดับท็อปในภูมิภาค
วันนี้ KBTG บริษัทย่อยของธนาคารกสิกรไทยได้เปิดเผยวิสัยทัศน์บริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าจะเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับท็อปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในเชิงเทคโนโลยี นวัตกรรม บุคลากรและบริษัทที่น่าทำงาน
คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูลผล ประธาน KBTG อธิบายว่าปัจจุบันแม้ทั่วโลกจะเผชิญกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ แต่ในแวดวงเทคโนโลยีและฟินเทค ยังคงแข็งแกร่ง จากเม็ดเงินลงทุนในภูมิภาคนี้
หากนับเฉพาะครึ่งปีแรกนี้เม็ดเงินลงทุนด้านเทคและฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือล่าสุดที่ Sequoia Capital หนึ่งใน VC ระดับท็อปของโลกกำหนดเม็ดเงินลงทุนเทคสตาร์ทอัพ เฉพาะภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรกที่ 850 ล้านดอลลาร์
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ KBTG ตั้งเป้าที่จะขยายขีดความสามารถให้มากยิ่งขึ้นไปในระดับภูมิภาค ที่ตอนนี้มีสำนักงานแล้วทั้งในจีน (KTech) เวียดนาม (KBTG Vietnam) และกำลังจะไปอินโดนีเซีย
หลังจากนี้สิ่งที่ KBTG ต้องการจะมุ่งไปในการเป็นองค์กรเทคที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบ่งเป็น 3 ด้าน
บุคลากร เปิดรับพนักงานและอัพสกิลพนักงานเก่า ไม่ว่าจะสาย Dev, Data, Design, DeFi, Blocklchain และบุกเบิกบริการใหม่ๆ ปลายปี 2022 คาดว่าจะสามารถรับพนักงานใหม่ ทั้งไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กว่า 700 คน
เทคโนโลยี KBTG เตรียมงบในการลงทุนด้านนี้มากกว่า 10,000 ล้านบาท
นวัตกรรม จากการจัดตั้ง KBTG Labs ที่เป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ
|
# ก้าวไกลเปิดเอกสารงบประมาณซื้อมัลแวร์ Pegasus งบประมาณ 350 ล้านบาท อาศัยอำนาจตามกฎหมายยาเสพติด
พรรคก้าวไกลเปิดเอกสารพิจารณางบประมาณปี 2566 ในโครงการระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองชั้นสูง ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) งบประมาณประมาณ 350 ล้านบาท ภาพรวมโครงการแสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการยิงมัลแวร์เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือเป้าหมายโดยใช้เพียงหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น
ความสามารถที่ป.ป.ส. ต้องการในระบบนี้ ต้องเข้าถึงข้อมูลได้หลายอย่าง ได้แก่ ข้อความในอีเมล, ข้อความ SMS, ตำแหน่งปัจจุบัน, รายชื่อในสมุดติดต่อ, ข้อความแชต, ดักฟังโทรศัพท์, ภาพในโทรศัพท์, ภาพหน้าจอ, ภาพจากกล้อง, ดังเสียงผ่านไมโครโฟน, ดึงข้อมูลแอปโซเชียลต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก, WhatsApp, Pinterest แนวทางการทำงานจะเป็นการติดตั้ง agent หรือมัลแวร์ และดึงข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการและนำไปวิเคราะห์ข้อมูล เมื่อวิเคราะห์เรียบร้อยแล้วก็ถอนมัลแวร์ออกไป
ข้อมูลผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในโครงการนี้มีการเสนอราคาเข้ามา 3 ราย โดยรายเดียวที่อยู่ในงบประมาณ 350 ล้านบาทพอดี คือ Q Cyber รุ่น Minotaur ซึ่ง Q Cyber เป็นบริษัทแม่ของ NSO Group เมื่อปี 2019 ทาง WhatsApp ฟ้องร้องทั้ง NSO Group และ Q Cyber พร้อมกัน จากการแฮกโทรศัพท์ผ่าน WhatsApp
การที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดมีเครื่องมือเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ที่ผ่านมารายงานมัลแวร์และเครื่องมือของ NSO Group หลายตัวที่มีข้อมูลออกมามักจะมีชื่อตำรวจปราบปรามยาเสพติดอยู่ด้วยเสมอๆ โดยเอกสารงบประมาณระบุว่าการใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นการใช้งานตามกฎหมาย พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2564 มาตรา 11/5 ซึ่งเปิดให้พนักงานป.ป.ส. สามารถเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เมื่อได้รับอนุมัติจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลอาญา โดยต้องเป็นการใช้งานเกี่ยวกับคดียาเสพติด ที่ผ่านมามีรายชื่อหน่วยงานอื่นๆ ในไทยที่ใช้เครื่องมือรูปแบบเดียวกัน แต่เป็นหน่วยงานอื่นๆ เช่นกองทัพบก ก็อาจจะเป็นกฎหมายอื่นๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นการใช้งานตามอำนาจกฎหมายใด
ที่มา - พรรคก้าวไกล
|
# [ลือ] Star Wars: Knights of the Old Republic Remake มีปัญหา ต้องหยุดพัฒนาชั่วคราว
Bloomberg รายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า Star Wars: Knights of the Old Republic ภาครีเมค ที่ประกาศข่าวเมื่อเดือนกันยายน 2021 มีปัญหาอย่างหนักในการพัฒนา จนต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
Star Wars: Knights of the Old Republic ภาครีเมค พัฒนาโดยสตูดิโอ Aspyr ที่เชี่ยวชาญเรื่องการพอร์ตเกม โดยได้รับสิทธิจาก Lucasfilm Games โดยตรง ในขณะที่ทีมผู้สร้างเกมภาคต้นฉบับปี 2003 ที่ลาออกจาก BioWare ไปเปิดบริษัทใหม่แล้ว ก็เสนอตัวด้วยแต่ไม่ได้รับเลือก
ข้อมูลจาก Bloomberg บอกว่า Aspyr เพิ่งไล่หัวหน้าฝ่ายศิลปะและหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ออกในเดือนนี้ และหัวหน้าสตูดิโอแจ้งกับพนักงานว่าตอนนี้หยุดพัฒนาเกมไปก่อนชั่วคราว
นับจากปี 2021 เป็นต้นมา Lucasfilm Games เปลี่ยนนโยบายมาทำเกม Star Wars ร่วมกับสตูดิโออื่นๆ จากเดิมที่ให้สิทธิเอ็กซ์คลูซีฟกับ EA เพียงรายเดียว เกมที่เปิดตัวแล้วได้แก่
Star Wars Eclipse โดย Quantic Dream
Star Wars Hunter โดย Zynga
เกมยังไม่ระบุชื่อ โดย Ubisoft
ส่วน EA ระบุว่ากำลังทำเกมอยู่ 3 เกม ที่เปิดตัวแล้วคือ Star Wars Jedi: Survivor ที่เป็นภาคต่อของ Star Wars Jedi: Fallen Order
เทรลเลอร์เกมตอนเปิดตัวในปี 2021
ที่มา - Bloomberg
|
# Windows 11 จะปิดการทำงาน RDP ชั่วคราว หากเจอล็อกอินผิดซ้ำๆ ป้องกัน Brute Force
David Weston หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ โชว์ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ของ Windows 11 ที่จะปิดการทำงานของ Remote Desktop Protocol (RDP) ชั่วคราว (ค่าดีฟอลต์คือ 10 นาที) หากเจอความพยายามล็อกอินซ้ำๆ กัน (ค่าดีฟอลต์คือ 10 ครั้ง) เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ brute force
Weston บอกว่าปัญหาการโจมตี ransomware เรียกค่าไถ่ที่ปฏิบัติการเจาะระบบโดยมนุษย์ (Human Operated Ransomware) มักใช้ช่องโหว่เรื่องการเปิด RDP ทิ้งไว้ แล้วลองล็อกอินแบบสุ่มรหัสผ่าน brute force เข้ามาเรื่อยๆ จนสำเร็จ การปรับค่าตรงนี้จะช่วยให้การทำ brute force ยากขึ้นมาก ระดับความปลอดภัยโดยรวมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
ฟีเจอร์นี้เพิ่งเริ่มนำเข้ามาใน Windows 11 Insider และต้องรออีกพักใหญ่ๆ กว่าจะเริ่มใช้งานทั่วไป
|
# Micron เปิดตัวชิป NAND ซ้อนกันสูงถึง 232 ชั้น ความจุ 1.8 กิกะไบต์ต่อตารางมิลลิเมตร, Crucial นำไปผลิต SSD แล้ว
Micron เปิดเทคโนโลยีการผลิตชิป NAND ที่ซ้อนหน่วยความจำขึ้นไปสูงถึง 232 ชั้น นับเป็นการซ้อนสูงกว่า 200 ชั้นเป็นครั้งแรก ทำให้สามารถใส่ความจุต่อพื้นที่ได้สูงถึง 14.6 กิกะบิต (1.825 กิกะไบต์) ต่อตารางมิลลิเมตร สูงกว่าเทคโนโลยีคู่แข่งอย่างน้อย 35%
ด้วยเทคโนโลยีนี้ ตัวชิปจริงจะมีความจุสูงสุด 1 เทราบิต และแต่ละแพ็กเกจ (ชิปที่เราเห็นบนบอร์ดวงจร) จะมีความจุสูงสุด 2 เทราไบต์ ภายในตัวชิปมีชุดควบคุมการอ่านเขียน (plane) ทั้งหมด 6 ชุด สามารถส่งข้อมูลได้ที่ระดับ 2.4 กิกะไบต์ต่อวินาทึ
ตอนนี้ชิปรุ่นใหม่เดินสายการผลิตแบบจำนวนมากแล้วที่โรงงานในสิงคโปร์ และลูกค้ารายแรกคือ Crucial ที่เตรียมนำไปผลิต SSD สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน
ที่มา - Micron
|
# แว่น PS VR2 มีโหมด See-Through เห็นภาพในห้องจากกล้อง, เตือนได้ถ้าตัวออกนอกเขตการเล่น
Sony ยังทยอยเปิดเผยฟีเจอร์ของแว่น PS VR2 อยู่เรื่อยๆ (ข่าวเปิดตัวแว่น, ข่าวเปิดตัวคอนโทรลเลอร์)
จุดเด่นอย่างหนึ่งของแว่น PS VR2 ที่เพิ่มจากเวอร์ชันแรกคือมีกล้องหน้าด้วย ทำให้ Sony เพิ่มโหมด See-Through View ช่วยให้เรามองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ แก้ปัญหาใส่แว่นแล้วหยิบคอนโทรลเลอร์ไม่ได้เพราะมองไม่เห็น รวมถึงหากต้องหยุดเกมชั่วคราวเพื่อเดินไปเดินมาในห้องก็ได้เช่นกัน โหมด See-Through สามารถดูผ่านจอได้อย่างเดียว ไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้
ฟีเจอร์ที่สองคือ การแสดงภาพตัวผู้เล่นขณะใส่แว่นเล่นเกมไว้ที่มุมจอตอนไลฟ์ ตามกระแสนิยมของการไลฟ์สตรีมยุคนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับผู้ชม ฟีเจอร์นี้ต้องใช้ร่วมกับกล้อง PS5 HD Camera แต่ฝั่งซอฟต์แวร์ก็ใช้งานได้อัตโนมัติ
ฟีเจอร์สุดท้ายคือการกำหนดพื้นที่การเล่นเกม VR ในห้อง โดยผู้เล่นใช้แว่นตาสแกนห้อง แล้ววาดขอบเขตที่เราไม่ต้องการล้ำออกไป หากระหว่างเล่นเกมแล้วมือหรือตัวของเราใกล้หลุดออกจากเขตนั้นไป บนจอจะแสดงการเตือนล่วงหน้า
Sony ยังประกาศว่าแว่น PS VR5 รองรับการเล่นเกม PS5 แบบปกติที่ไม่ใช่ VR ด้วย โดยจะเล่นเกมในโหมด Cinematic Mode ที่ความละเอียด 1920×1080 HDR (24/60/120Hz) ส่วนโหมด VR แสดงที่ความละเอียด 4000x2040 HDR 90Hz/120Hz
ที่มา - PlayStation Blog
|
# ภาพหลุด Galaxy Z Flip 4 หน้าตาคล้ายรุ่นเดิม มีให้เลือก 4 สี
@OnLeaks นักปล่อยข่าวหลุดมือถือชื่อดัง โพสต์ภาพของมือถือจอพับ Galaxy Z Flip 4 ที่ซัมซุงจะเปิดตัวในวันที่ 10 สิงหาคม
หน้าตาของ Galaxy Z Flip 4 ไม่ต่างอะไรจาก Z Flip 3 รุ่นเดิมมากนัก จากภาพเราเห็นการใช้กล้องหลัง 2 ตัวเหมือนเดิม สีของเครื่องมีให้เลือก 4 สีคือดำ Graphite, ชมพูทอง Pink Gold, ม่วง Bora Purple, และฟ้าอ่อน Blue
นอกจากการอัพเกรดสเปกตามปกติแล้ว ก่อนหน้านี้ยังมีข่าวลือว่า Galaxy Z Flip 4 จะมีราคาแพงขึ้นในบางประเทศ เนื่องจากปัจจัยเรื่องค่าเงิน
ที่มา - Giznext
|
# Microsoft ไตรมาสล่าสุด รายได้รวมเพิ่ม 12% - Azure เติบโตสูง 40%
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2022 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน มีรายได้รวมตามบัญชี GAAP 51,865 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 16,740 ล้านดอลลาร์
ในรายงานไมโครซอฟท์บอกว่าช่วงไตรมาสที่ผ่านมา มีผลกระทบหลายอย่าง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและเหตุการณ์พิเศษ ทำให้รายได้-กำไร ออกมาน้อยกว่าที่บริษัทเคยประเมินไว้ ทั้งความผันผวนของค่าเงิน การล็อคดาวน์ในจีน การลดค่าใช้จ่ายโฆษณาของภาคธุรกิจ การปิดส่วนธุรกิจในรัสเซีย
รายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้ กลุ่ม Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 13% เป็น 16,600 ล้านดอลลาร์ Office 365 Commercial รายได้เพิ่ม 15% ส่วน Microsoft 365 Consumer มีผู้สมัครใช้งาน 59.7 ล้านบัญชีแล้ว
กลุ่ม Intelligent Cloud มีรายได้ 20,909 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% โดย Azure และบริการคลาวด์อื่น ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น 40% ส่วนกลุ่มธุรกิจ More Personal Computing รายได้เพิ่มขึ้น 2% เป็น 14,356 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จาก Windows Commercial ส่วน Windows OEM ลดลง 2% และ Surface เพิ่มขึ้น 10%
ซีอีโอ Satya Nadella ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการ ว่า Azure ยังเติบโตได้อีกมาก โดยในไตรมาสปัจจุบันมีดีลที่รอปิดระดับ 100-1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป อีกหลายดีล
ที่มา: ไมโครซอฟท์ และ CNBC
|
# [ลือ] Mac Pro M1 พร้อมขายแล้ว แต่ Apple เลือกเปิดตัวพร้อมชิป M2 Extreme แทน
ปัจจุบันไลน์สินค้า Mac ของแอปเปิล เหลือเฉพาะ Mac Pro เท่านั้น ที่ไม่มีเวอร์ชันชิปตระกูล Apple Silicon โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลบอกว่ากรอบเวลาเปลี่ยนผ่านสินค้าทั้งหมดคือ 2 ปี ซึ่งจะครบในสิ้นปีนี้ จึงคาดเดาได้ว่า Mac Pro รุ่นใหม่ที่เป็นชิป Apple Silicon จะออกมาปีนี้แน่
มีข้อมูลล่าสุดจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg เช่นเคย โดยเขาไปให้สัมภาษณ์ในรายการ Max Tech บอกว่าจริง ๆ แอปเปิลพร้อมขาย Mac Pro M1 มาหลายเดือนแล้ว แต่เลือกรอเปิดตัวไปพร้อมกับชิปรุ่นใหม่ M2 เวอร์ชันแรงกว่าเดิม ซึ่งเขาเรียกชื่อว่า M2 Extreme แทน กำหนดเปิดตัว Mac Pro รุ่นใหม่นี้คือปลายปี และส่งมอบสินค้าตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นต้นไป
แอปเปิลยังมีสินค้าจำหน่ายอยู่ ที่ใช้ซีพียูอินเทลอีกตัวคือ Mac mini (ซึ่งมีรุ่น M1 ขายคู่กัน) จึงคาดว่าแอปเปิลจะเคลียร์รุ่นอินเทลไปพร้อมกับการเปิดตัว Mac mini ดีไซน์ใหม่ไปเลย แต่ Gurman มองว่า ดีไซน์ใหม่ที่ว่าเกิดขึ้นแล้วกับ Mac Studio ฉะนั้นแอปเปิลน่าจะแค่อัพเดตสเป็กเป็น M2 มากกว่า
ที่มา: MacRumors
|
# Alphabet รายได้รวมโต 13% - บริการคลาวด์ขาดทุนมากขึ้น - โฆษณา YouTube โตน้อยลง
Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2022 รายได้รวม 69,685 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 16,002 ล้านดอลลาร์
รายได้รวมจากธุรกิจโฆษณาเพิ่มขึ้น 12% เป็น 56,288 ล้านดอลลาร์ แต่ที่น่าสนใจคือเฉพาะโฆษณาจาก YouTube เติบโตที่ 5% เทียบกับปีก่อนที่โตถึง 84% ซึ่งอาจสะท้อนภาพรวม ของการลดค่าใช้จ่ายโฆษณาภาคธุรกิจ หรือ YouTube อาจเสียส่วนแบ่งให้คู่แข่งอื่น
Google Cloud รายได้ยังเติบโตสูง เพิ่มขึ้น 36% เป็น 6,276 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนธุรกิจมากขึ้นเป็น 858 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจใหม่ Other Bets มีรายได้ 193 ล้านดอลลาร์ และขาดทุน 1,686 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Alphabet
|
# พี่รับมาแพง Meta ประกาศขึ้นราคาแว่น Quest 2 ทีเดียว 100 ดอลลาร์ แถมเกมให้ปลอบใจ
Meta ประกาศขึ้นราคาแว่น Meta Quest 2 อีก 100 ดอลลาร์ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยให้เหตุผลเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
แว่นรุ่นความจุ 128GB ขึ้นราคาจาก 299.99 ดอลลาร์ เป็น 399.99 ดอลลาร์
แว่นรุ่นความจุ 256GB ขึ้นราคาจาก 399.99 ดอลลาร์ เป็น 499.99 ดอลลาร์
เพื่อเป็นการปลอบใจ Meta จะแถมยอดฮิต Beat Saber (ที่ตอนนี้เป็นของ Meta แล้ว) ให้ฟรีจนถึงสิ้นปี 2022 ด้วย
ไม่ใช่มีแต่ตัวแว่นที่ขึ้นราคา อุปกรณ์เสริมของ Quest หรือแม้กระทั่งแว่นรุ่น refurbished ก็ขึ้นราคาตามด้วยเช่นกัน
Meta บอกว่าที่ผ่านมาได้ลงทุนไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อผลักดันวงการ VR ให้เติบโต และต่อให้ขึ้นราคาแล้ว แว่น Quest 2 ยังถือเป็นแว่น VR ที่ราคาถูกที่สุดในวงการเหมือนเดิม
ที่มา - Meta
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.